พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1167-1170

 บทที่ 1167 อาตมาดวงไม่ดี

โดย

Ink Stone_Fantasy

ทั้งสี่หันตัวมาแทบจะพร้อมกันในชั่วพริบตาเดียว


ซือถูเซี่ยวสะบัดสะบัดมือโยนเหยี่ยวมารวานรยักษ์ออกมาตัวหนึ่ง แล้วถือทวนยาวผลึกม่วงด้ามหนึ่งไว้ในมือ ขี่เหยี่ยวมารพร้อมส่งเสียงตะโกนเย็นเยือกพิศวงที่ดังราวกับฟ้าผ่า “ฆ่า!”


จีฮวนพลิกตัวขึ้นขี่บนตัวเดรัจฉานสับปลับ แล้วโบกทวนยาวผลึกม่วงพุ่งเข้ามาพร้อมตะโกนว่า “ฆ่า!”


ฉางเหลยก็ขี่เดรัจฉานสับปลับเช่นกัน ในมือถือไม้ขักขระพลางตะโกนเสียงสูง “ฆ่า!”


นอกจากจีฮวนที่มีสัตว์พาหนะเดิมอยู่แล้ว สัตว์พาหนะของอีกสองคนก็ปล้นมาภายหลังเมื่อมาที่พิภพใหญ่แล้ว


ส่วนอวิ๋นอ้าวเทียนก็รีบพุ่งตัวไปที่มู่ฝานจวิน ใช้แขนใหญ่ช้อนเอวบางของมู่ฝานจวินเอาไว้ แล้วเขย่าเบาๆ พร้อมถามว่า “ยายแก่นแก้ว เจ้าไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”


มู่ฝานจวินที่ผมเผ้ายุ่งสยายใบหน้าซีดเผือด ที่มุมปากยังมีเลือดไหลพรั่งพรูออกมา เมื่อเห็นตัวเองอยู่ในอ้อมแขนใหญ่กำยำทรงพลังที่คุ้นเคย นางกลับส่ายหน้า ออกแรงผลักเขาทีหนึ่ง “ไม่เป็นไร! ปล่อยข้า!”


นี่ยังไม่เป็นไรอีกเหรอ! อวิ๋นอ้าวเทียนไม่สนใจที่นางผลักไส หยิบสมุนไพรเซียนซิงหัวทั้งตนออกมายัดปากนางโดยตรง


“รีบฟื้นตัวไวๆ!” เมื่อกล่าวเร่งแล้ว อวิ๋นอ้าวเทียนถึงได้ปล่อยนาง ถือดาบจ้องจูเชียนซือด้วยสายตาเย็นเยียบดุร้าย


มู่ฝานจวินเหล่ตามองผู้ชายที่อยู่ข้างกายแวบหนึ่ง ในดวงตาฉายแววซับซ้อนหลากความรู้สึก จากนั้นก็หลับตาพักผ่อนทันที รีบร่ายอิทธิฤทธิ์กระตุ้นสมุนไพรเซียนซิงหัว


ทว่าอวิ๋นอ้าวเทียนพลันเหล่ตามอง แล้วจู่ๆ ก็แฉลบไปยังดวงดาวที่ถูกโจมตีจนเกิดเป็นหลุมถ้ำ


ภายใต้การร่วมมือกันเข่นฆ่าของฉางเหลย จีฮวนและซือถูเซี่ยว ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอีกคนที่ยังตายไม่สนิท ใช้มือข้างหนึ่งจับคอที่มีเลือดไหล ส่วนมืออีกข้างถือระฆังดาราเขย่า


คนที่กำลังรายงานข่าวเห็นอวิ๋นอ้าวเทียนพุ่งเข้ามา เจ้าตัวตกใจมาก โซเซลุกขึ้นหมายจะหลบหนี


ฉึก! อวิ๋นอ้าวเทียนที่พุ่งเข้ามาใช้ดาบฟันทั้งคนทั้งเกราะรบขาดเป็นสองท่อน ท้องแตกไส้ไหล เลือดสดพุ่งกระจาย


จูเชียนซือที่ในมือกำลังถือโซ่มองไปยังศพของผู้บัญชาการใหญ่สามคนที่ห้อยอยู่ด้านบน ก็เรียกได้ว่าโมโหจนดวงตาแทบจะถลนออกมา


ผู้บัญชาการใหญ่ทั้งสามตายในระหว่างทางที่มาบ้านของพวกเขา ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงสวรรค์จริงๆ ตระกูลของพวกเขาก็หลุดไม่พ้นความเกี่ยวข้องนี้แน่นอน ถ้าไม่สามารถจับโจรพวกนี้ส่งให้ตำหนักสวรรค์เพื่อทำลายความน่าสงสัยของตระกูลตัวเองได้ พอนึกถึงผลลัพธ์อันน่ากลัวที่จะตามมา เขาก็เริ่มตัวสั่นหวาดกลัวแล้ว


เมื่อเห็นสามคนพุ่งเข้ามา จูเชียนซือก็รีบเก็บร่างสามร่างที่อยู่บนโซ่เอาไว้ พร้อมตะโกนเสียงดุดัน “อย่าคิดว่าจะรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”


พรึ่บ! เงาร่างถลันวูบ พุ่งเข้าไปหาซือถูเซี่ยวที่เข้ามาเป็นคนแรก ชกหมัดลมเข้าไปหนึ่งที!


ซือถูเซี่ยวใช้แขนข้างหนึ่งผลัก ปราณหยินกลุ่มหนึ่งซัดสาดออกมา รีบการโจมตีตรงหน้าด้วยแววตาดุดัน ไม่หวาดกลัวเลยแมแต่น้อย


บึ้มๆ! ปราณหยินหลายชั้นที่คอยกำบังถูกทำให้ระเบิดออกชั้นแล้วชั้นเล่าราวกับปุยฝ้าย


เดิมทีจูเชียนซือนึกว่าตัวเองใช้หมัดทำลายปราณหยินที่ขวางกั้นออกไปได้แล้ว สามารถจัดการซือถูเซี่ยวได้ภายในรวดเดียว แต่ใครจะคิดว่าภายใต้การขัดขวางของปราณหยินที่หนาแน่น พลังหมัดลมที่ตัวเองชกไปจะถูกลดพลังชั้นแล้วชั้นเล่า ยังไม่ทันทำลายปราณหยินที่ขัดขวางจนหมดก็สลายตัวไปเองแล้ว


จูเชียนซือจึงพลิกมือนำดาบใหญ่ด้ามหนึ่งออกมา แล้วแขนฟันอย่างบ้าคลั่ง


บึ้ม! ปราณหยินสกัดขวางที่เหลืออยู่ถูกดาบของเขาฟันจนระเบิด ซือถูเซี่ยวที่หลบอยู่ข้างหลังเผยโฉมหน้าเดิมออกมาหมดทันที


จูเชียนซือพุ่งฝ่าปราณหยินที่หนาแน่นแล้วควงดาบเตรียมจะฟัน ซือถูเซี่ยวตกใจทันที อีกฝ่ายลงมือได้รวดเร็วเกินไปจริงๆ เขาแทบจะหลบไม่ทันแล้ว


พอคมดาบใกล้จะฟันถึงหน้า วึง! ซือถูเซี่ยวพลันระเบิดตัวเองกลายเป็นปราณหยินสลายไป


เจ้าของหลบหายนะครั้งนี้ได้ “วี้ด!” แต่เหยี่ยวมารวานรยักษ์กลับร้องอย่างเศร้าโศก โดนจูเชียนซือใช้ดาบฟันล้มคาที่


จูเชียนซือถลันตัวออกไป พุ่งไปยังซือถูเซี่ยวที่ปรากฏตัวจากปราณหยินที่ก่อตัวกันใหม่


พอซือถูเซี่ยวรีบใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งผลัก ก็ผลัก ‘ซือถูเซี่ยว’ ที่หน้าตาเหมือนกันออกมาอีกคนหนึ่ง แล้วพุ่งสังหารไปยังศัตรู


ปั้ง! ดาบฟันคนที่พุ่งสังหารเข้ามาจนกลายเป็นหมอกหยิน พอเงยหน้าก็เห็น ‘ซือถูเซี่ยว’ หลายสิบคนกำลังจ้องเขาอย่างดุร้ายแล้ว จูเชียนซือใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์กวาดมองทันที ปรากฏว่าเห็นแล้วตกตะลึง ทั้งหมดล้วนเป็นร่างจากปราณหยิน ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะแยกตัวจริงตัวปลอมไม่ออก


จีฮวนที่พุ่งเข้ามาเห็นสัตว์พาหนะของซือถูเซี่ยวถูกทำลาย จึงรีบเก็บสัตว์พาหนะของตัวเองทันที คนจนทนการขาดทุนไม่ไหว


ร่างพุ่งไปข้างหน้าต่อ ขณะเดียวกันก็แกว่งแขนสองข้าง ปราณปีศาจบนตัวพุ่งออกมาครอบร่างเขาไว้


จูเชียนซือพลันหันไปมอง เห็นเพียงปีศาจหัววัวที่มีเขาแต่ร่างกายเป็นคนกำลังขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว ปราณปีศาจที่หนาแน่นก่อตัวกลายเป็นปีศาจแล้ว


ชั่วพริบตาเดียวปีศาจที่ร่างสูงเกือบสิบจั้งก็พุ่งเข้ามา มันควงหมัดขนาดใหญ่ ชกไปยังจูเชียนซือที่ตัวเล็กจ้อยเหมือนกับช้างเหยียบมด


จูเชียนซือใช้หลังมือชกออกไป บึ้ม! หมัดใหญ่ที่ชกเข้ามาสะเทือนพังกลายเป็นปราณปีศาจทันที


ปรากฏว่าหมัดใหญ่อีกข้างควงเข้ามาอีก จูเชียนซือฟันลมดาบออกไปชุดหนึ่ง ฟันหัตถ์ปีศาจขาดแล้ว แล้วก็ฟันอย่างบ้าคลั่งต่อเนื่องกันอีก ฟันจนร่างของปีศาจหัววัวที่ก่อตัวจากปราณปีศาจแยกออกจากกัน ทว่ากลับมองไม่เห็นร่างที่แท้จริงของจีฮวน กลับเห็นปราณปีศาจที่โดนฟันสลายกลับมารวมตัวกันอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ปีศาจหัววัวก่อตัวอีกครั้ง ควงหมัดชกรัวๆ


เมื่อหาร่างจริงของจีฮวนไม่เจอ ปล่อยให้เขาฟันเป็นพันดาบหมื่นดาบแต่ก็ฆ่าจีฮวนไม่ได้อยุ่ดี ทว่าอานุภาพการโจมตีเล็กน้อยของจีฮวนก็ทำอะไรจูเชียนซือไม่ได้เหมือนกัน


ซือถูเซี่ยวหลายสิบคนเข้ามาล้อมโจมตีเช่นกัน


จูเชียนซือแสยะหัวเราะ ไม่น่าเชื่อว่าจะพลิกมือเก็บดาบไปแล้ว เงาสีขาวกลุ่มหนึ่งก่อตัวอยู่ในฝ่ามือและดีดยิงออกมา พลันกลายเป็นใยแมงมุมขนาดใหญ่กลางอากาศ ครอบปีศาจหัววัวเอาไว้ในนั้นทั้งตัว ใยแมงมุมมัดเข้าไปในปราณปีศาจอย่างรวดเร็ว


แล้วก็เห็นมืออีกข้างของเขาดีดเงาสีขาวออกมาอีกหลายกลุ่ม ใยแมงมุมหลายรังระเบิดออก ทอดใส่ซือถูเซี่ยวหลายสิบคนที่ล้อมโจมตีเข้ามา แค่ทำอย่างนี้ ร่างจริงของซือถูเซี่ยวก็ถูกเขาควบคุมไว้ได้ทันที


ซือถูเซี่ยวที่โดนขังอยู่ในใยแมงมุมต้องการจะกลายร่างหนีออกไป ผลก็คือพบว่าบนใยแมงมุมมีพลังอิทธิฤทธิ์ควบคุมอยู่ ขังเขาไว้อย่างแน่นหนาในใยแมงมุม


ซือถูเซี่ยวตกใจมาก หมายจะร่ายอิทธิฤทธิ์ช่วยหนุนทำลาย แต่จนใจที่สิ่งที่กำลังต่อต้านกลับเป็นวรยุทธ์ของจูเชียนซือ ไม่สามารถทำลายออกไปได้เลย


ซือถูเซี่ยวรีบใช้ดาบฟันอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ปรากฏว่าพอฟันออกไปดาบหนึ่ง เส้นใยที่ถูกฟันออกก็ดีดยื่นออกมาอีกครั้งภายใต้การควบคุมโดยพลังอิทธิฤทธิ์ของจูเชียนซือ เส้นใยที่ขาดรวมประสานเข้าด้วยกันอีกครั้ง ทำให้เข้าไม่สามารถหลีกหนีออกไปได้เลย


ปั้งๆๆ…


เสียงระเบิดดังต่อเนื่องหลายครั้ง ซือถูเซี่ยวที่โดนขังอยู่ในใยแมงมุมรีบมองไปรอบๆ พบว่าร่างแยกที่อยู่รอบกายตนโดนจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว


ตอนนี้เขาถึงได้พบว่าฝ่ามือของจูเชียนซือเชื่อมต่อกับใยแมงมุมทางนี้ เส้นใยหลายเส้นที่กำจัดร่างแยกของเขาทิ้งพลันหดกลับเข้าไปในฝ่ามืออีกฝ่าย


จูเชียนซือมองเหยียดเขาแวบหนึ่งแล้วขยับแขนอีกข้าง พอหันกลับไปมอง ก็เห็นจีฮวนที่หลบอยู่ในปราณปีศาจก็ถูกเขาขังไว้แล้วเช่นกัน ถูกดึงออกมาจากปราณปีศาจโดยตรง


พอจูเชียนซือสะบัดแขน ใยแมงมุมเส้นเล็กสองเส้นก็ดึงซือถูเซี่ยวกับจีฮวนเข้ามาเก็บอย่างรวดเร็ว


จีฮวนที่กำลังดิ้นรนพลันได้ยินคนถ่ายทอดเสียงมา เขาเหลือบมองซือถูเซี่ยวที่โดนขังอยู่ในใยแมงมุมเช่นเดียวกัน ทั้งสองดิ้นรนอย่างรุนแรงกว่าเดิมทันที


“นี่มันปีศาจอะไรกัน? น่าเสียดายที่เฟิงเป่ยเฉินตายแล้ว…คอยดูเถอะ อาตมาจะทำให้เจ้าแพ้!” ฉางเหลยเก็บสัตว์พาหนะแล้วดูการต่อสู้อยู่ครู่หนึ่ง ตอนนี้อุทานอย่างตกตะลึง ถือไม้ขักขระพุ่งเข้าสังหารเข้ามาแล้ว ขณะเดียวกันก็ตะโกนเสียงดังว่า “จอมมาร เจ้าไม่จำเป็นต้องปกป้องดอกไม้หรอก ยังไม่รีบลงมืออีก!”


อวิ๋นอ้าวเทียนเอียงหน้ามองมู่ฝานจวินที่ฟื้นตัวและสีหน้ามีเลือดฝาดบ้างแล้ว จากนั้นกางแขนสองข้าง มีเสียงดังแคว่กสองสามครั้ง ผ้าโพกหน้าและเสื้อผ้าบนร่างกายระเบิดออก เผยเกราะรบผลึกแดงที่อยู่ข้างใน และเผยโฉมหน้าที่แท้จริงเช่นกัน ถือดาบเฉียงลง แต่กลับยังไม่มีท่าทีว่าจะลงมือ


เกราะรบผลึกแดงชุดนั้น อวิ๋นจือชิวเป็นคนให้เขามา ไม่ได้ให้เขาไว้คนเดียว อวิ๋นจือชิวใจกว้าง ไม่ว่าวรยุทธ์จะถึงระดับบงกทองหรือไม่ นางล้วนมอบให้คนตระกูลอวิ๋นที่มาพิภพใหญ่คนละชุด แม้แต่อาวุธก็ให้มาด้วยกันจนครบ


ถ้าจะให้ตระกูลอวิ๋นใช้หนี้ก้อนนี้ให้หมดภายในเวลาอันสั้น ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้แล้ว


ได้ยินเพียงอวิ๋นอ้าวเทียนตะโกนบอกเสียงดังว่า “พัวพันเขาไว้ อย่าปล่อยให้เขาหนีไป!”


“อย่ามาพูดแดกดันนักเลย ดูให้ชัดว่าใครกันแน่ที่ไม่ปล่อยให้ใครหนี!” ฉางเหลยตอบ


เมื่อเห็นซือถูเซี่ยวกับจีฮวนถูกจูเชียนซือดึงมาตรงหน้า จู่ๆ ซือถูเซี่ยวก็โบกมือชี้ออกไป เปลวเพลิงสีเขียวสลัวกลุ่มหนึ่งพ่นออกมา แผ่คลุมไปที่ใบหน้าของจูเชียนซือ ขณะเดียวกันก็โบกมือยิงไปทางจีฮวนกลุ่มหนึ่ง


เมื่อใยแมงมุมเจอไฟนี้ ก็พังทลายลงอย่างรวดเร็ว!


“ไฟผี!” จูเชียนซือตกใจมาก ไฟชนิดนี้สามารถทำลายเกราะพลังอิทธิฤทธิ์ได้ ถ้าไปโดนมันก็จะเหมือนชอนไชเข้าในกระดูก สามารถเผาผลาญสรรพสิ่ง รวมทั้งเปลี่ยนอากาศให้อึมครึม


เขารียถลันตัวหลบหลีก แต่กลับรับมือไม่ทันเพราะโดนลอบจู่โจมในระยะใกล้ แต่วรยุทธ์ของเขาสูงมากจริงๆ เคลื่อนไหวได้เร็วมาก ยังคงหลบพ้นไปได้อยู่ดี มีแค่ส่วนแขนที่โดนไฟนิดหน่อย


จูเชียนซือที่โดนเผาจนแยกเขี้ยวยิงฟันเด็ดขาดสุดๆ ยกมือฉีกแขนของตัวเองลงมาแล้ว ที่ประหลาดกว่านั้นก็คือ ตรงจุดที่แขนขาดไปที่แขนใหม่งอกออกมาในชั่วพริบตาเดียว


จูเชียนซือที่เดือดดาลสุดขีดรีบเงยหน้าขึ้น แต่กลับเห็นซือถูเซี่ยวกับจีฮวนฉวยโอกาสตอนเขาไม่ระวังหนีออกจากใยแมงมุมขาดไปแล้ว


ทั้งสองใจกล้ามากจริงๆ เพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จในการลอบจู่โจม ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าเล่นอุบายนี้ในระยะใกล้กัยยอดฝีมือบงกชรุ้ง


ซือถูเซี่ยวที่หันกลับมามองแวบหนึ่งรู้สึกเสียดายมาก อีกฝ่ายวรยุทธ์สูงเกินไปจริงๆ ทำถึงขนาดนี้แล้วอีกฝ่ายก็ยังหนีไปได้อีก


จูเชียนซือโมโหแล้วจริงๆ นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เจอพวกที่วรยุทธ์ม่สูงเท่าไร แต่กลับใจกล้าคับฟ้าทั้งยังมีประสบการณ์เข่นฆ่าโชกโชน พอเขาสะบัดมือ หมอกสีแดงก็คลุมตัว ชั่วพริบตาเดียวก็กลายเป็นเกราะรบผลึกแดงชุดหนึ่ง แล้วถือดาบพุ่งเข้าไปสังหาร


นักพรตบงกชรุ้งผู้องอาขผ่าเผย ไม่น่าเชื่อว่าจะจัดการนักพรตบงกชทองเพียงไม่กี่คนไม่ได้เสียที เขาเดือดดาลมาก ไม่ใช้อุบายต่อสู้อีก แต่เตรียมจะลงมือฆ่าแบบเอาจริง จับเป็นไม่ได้ก็ต้องจับตาย!


เมื่อเห็นฉางเหลยพุ่งเข้ามา ซือถูเซี่ยวกับจีฮวนที่กำลังหลบหนีก็หยุดทันที พุ่งกลับมาเช่นกัน พุ่งกลับมาอีกครั้ง


พอจีฮวนกางแขนสองข้าง ปราณปีศาจที่ตลบอบอวลก็ขยายเป็นวงกว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็นปีศาจหัววัวอีกครั้ง ควงแขนชกไปยังจูเชียนซือที่พุ่งเข้ามา


ซือถูเซี่ยวกลายร่างเป็น ‘ซือถูเซี่ยว’ หลายสิบคนอีกครั้ง พุ่งเข้าไปล้อมโจมตี


จูเชียนซือโบกดาบฟันอย่างบ้าคลั่ง หมัดใหญ่ที่ชกเข้ามาโดนเขาฟันจนแตกกระจาย ‘ซือถูเซี่ยว’ ที่พุ่งเข้ามากก็โดนดาบของเขาฟันจนจนแตกละเอียดเช่นกัน เรียกได้ว่าเทพขวางฆ่าเทพ พระขวางฆ่าพระจริงๆ


ทั้งสองไม่ใช่กำลังปะทะกับเขาตรงๆ เช่นกัน หลังจากคุ้มกันฉางเหลยไปข้างหน้าแล้ว ทั้งสองก็ถอยหลังทันที หลบหลีกคมดาบของจูเชียนซือ


ร่างของปีศาจหัววัวกับ ‘ซือถูเซี่ยว’ สิบกว่าคนถลันออก เผยคนโพกหน้าที่ถือไม้ขักขระยืนเงียบอยู่กลางอากาศ กำลังประนมมือข้างเดียวพร้อมกล่าวว่า “อาตมาดวงไม่ดี!”


ใครจะไปสนว่าเจ้าจะดวงดีหรือไม่ดี! จูเชียนซือที่อยู่ตรงข้ามควงดาบฟันลงไปอย่างบ้าคลั่ง ฟันฉางเหลยให้ขาดเป็นสองท่อนด้วยความเร็วสูงสุด


เมื่อพุ่งผ่านศพที่โดนฟันแยกเป็นสองท่อนไป จูเชียนซือที่กำลังจะไล่สังหารซือถูเซี่ยวกับจีฮวนต่อก็ขนลุกทันที ต่อให้จะรู้ตัวแต่ก็สายไปแล้ว


ปั้ง! หลังหัวราวกับโดนฟ้าผ่า


ศพครึ่งท่อนของฉางเฉยที่กลายเป็นคนเป็นๆ โดยสมบูรณ์ฟาดไม้ขักขระไปที่หลังศีรษะของจูเชียนซืออย่างแรง ยอดฝีมือบงกชรุ้งแล้วยังไงล่ะ ก็โดนเขาฟาดจนโซเซอยู่กลางอากาศอยู่ดี


เคราะห์ดีที่ตอนนี้จูเชียนซือสวมเกราะรบแล้ว ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนฉางเหลยกำจัดได้ภายในการโจมตีครั้งเดียว


ฉางเหลยเองก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน น่าเสียดายที่ไม่ได้ลงมือตอนที่อีกฝ่ายยังไม่สวมเกราะรบ ภายใต้ความอับจนหนทาง เขาเองก็ไม่รู้ชัดเจนว่าฝีมือของจูเชียนซือเป็นอย่างไร ให้ซือถูเซี่ยวกับจีฮวนไปทดสอบฝีมือก่อน รอจนกว่าเขาจะลงมืออีกครั้งอีกฝ่ายก็สวมเกราะรบเสียแล้ว นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมเมื่อครู่นี้เขาถึงบอกจูเชียนซือว่า ‘อาตมาดวงไม่ดี’


……………………


บทที่ 1168 เหมือนเสือติดปีก

โดย

Ink Stone_Fantasy

จูเชียนซือไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ แทบจะโดนตีจนมึนแล้ว ใช้ดาบป้องกันตัวอย่างฉุกละหุก เห็นคนโพกหน้าถือไม้ขักขระพุ่งโจมตีเข้ามาอีก ยังมีชีวิตอยู่อย่างดี ศพที่ขาดครึ่งท่อนก่อนหน้านี้หายไปจนไม่เห็นแม้แต่เงา


หรือว่าตัวเองจะตาลาย? จูเชียนซือยังไม่ทันได้คิดอะไรมาก เพราะคนโพกหน้าโจมตีเข้ามาแล้ว


ฉางเหลยโบกไม้ขักขระทุบแสกกลางหน้าอย่างแรง จูเชียนซือถลันตัวหลบ แล้วกวาดดาบเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ไม่ว่าจะเป็นการขยับร่างกายหรือการใช้ดาบ ความเร็วเขาก็เหนือกว่าฉางเหลยทั้งคู่ เสียงดังฉึก ดาบฟันเอาฉางเหลยจนร่างขาดเป็นสองท่อนแล้ว


เมื่อฟันแล้วไม่เห็นรอยเลือด จูเชียนซือก็พบความไม่ชอบพากลทันที ไม้ขักขระที่ทุบแสกหน้าเข้ามาไม่ได้รับผลกระทบจริงๆ ด้วย มันยังทุบมาถึงหน้าผากของเขาอย่างบ้าคลั่ง เขารีบใช้มือข้างหนึ่งคว้าไม้ขักขระที่ทุ่มเข้ามา ขณะเดียวกันก็ใช้ดาบฟันตอบโต้


เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แล้วอาวุธนี้จะเปลี่ยนแปลงตามได้  ตอนนี้ไม้ขักขระถูกควบคุมอยู่ในมือของเขา


พอฟันดาบหนึ่งครั้ง ก็ทำให้แขนของฉางเหลยกระเด็นออกไปแล้ว เขาแย่งไม้ขักขระมาไว้ในมือ แล้วกวาดดาบฟันในแนวขวางอีก


เกิดเสียงดังฉึก ฟันฉางเหลยจนขาดกลายเป็นสองท่อนอีกครั้ง


ท่อนล่างของฉางเหลยที่ถูกฟันกระเด็นพลันหายไปในอากาศ ส่วนร่างกายท่อนบนก็มีอวัยวะท่อนล่างงอกออกมาอีก


อาวุธไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตามได้ ถูกแย่งมาไว้ในมือจูเชียนซือแล้วเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าในมือฉางเหลยมีอาวุธเพียงชิ้นเดียว เจ้าตอบโต้โดยใช้ดาบฟันไปที่คอของจูเชียนซือ


ปั้ง! จูเชียนซือที่ไหวตัวเร็วใช้ดาบฟันดาบในมือฉางเหลยจนกระเด็นออกไป แล้วชักดาบกลับมาโจมตีฉางเหลยอีกครั้ง


แต่ฉางเหลยก็เหมือนขนมหนิวผีถัง ตีไม่พัง ฟันไม่แตก อาวุธในมือก็มีเยอะมาก ไม้ขักขระไม่มีแล้วก็เปลี่ยนเป็นดาบ พอดาบไม่มีก็เปลี่ยนเป็นกระบี่ พอกระบี่ไม่มีก็เปลี่ยนเป็นค้อน…ต้องการจะสู้กับจูเชียนซือให้รู้แลวรู้รอด ดันทุรังอาศัยวรยุทธ์บงกชทองสู้กับจูเชียนซือที่วรยุทธ์บงกชรุ้งอย่างสูสี แต่พลังของเขาก็ทำอะไรจูเชียนซือไม่ได้เหมือนกัน


ฆ่าไม่ตายจริงๆ ด้วย! เป็นครั้งแรกที่จูเชียนซือเจอกับเรื่องประหลาดแบบนี้ รู้สึกประสาทเสียนิดหน่อย แล้วจู่ๆ ก็ถลันตัวหนีไปภายใต้ความวิตกกังวล เป็นฝ่ายถอยไปอยู่ไกลๆ ก่อน เป็นเพราะทนไม่ไหวกับการถูกพัวพันแบบนี้ ถอยออกไปไกลแล้วชกหมัดลมออกมาชุดหนึ่ง


ฉางเหลยถลันตัวหลบอย่างรวดเร็ว หนีไปทางสหายโจรทั้งสองคน


เมื่อเห็นสถานการณ์ดังนั้น ซือถูเซี่ยวกับจีฮวนก็พุ่งเข้ามาช่วยฉางเหลยสกัดจูเชียนซือทันที เพราะทั้งสองรู้ว่าอุบายผีๆ ของฉางเหลยเหมาะจะกวนใจศัตรูในระยะใกล้เท่านั้น หมัดลมขนาดเท่าภูเขาที่จูเชียนซือชกออกมาในระยะไกลครอบคลุมพื้นที่กว้างเกินไป กลอุบายของฉางเหลยไม่มีประโยชน์แล้ว ถ้าใช้กำลังปะทะกันตรงๆ จะต้องตายแน่นอน


ฉางเหลยลอดผ่านใต้หว่างขาของปีศาจหัววัวออกไป ปีศาจหัววัวใช้แขนขนาดใหญ่สองข้างดันหมัดออกไป เพื่อปะทะกับหมัดลมลูกนั้น


บึ้ม! เริ่มจากหมัดทั้งคู่ของปีศาจหัววัวพังทลาย จนกระทั่งหน้าอกโดนระเบิดจนเป็นแอ่ง ถึงได้ลดอานุภาพหมัดหนึ่งข้างของจูเชียนซือได้ แต่ปราณปีศาจของเขาก็ฆ่าไม่ตายเช่นกัน ชั่วพริบตาเดียวปราณปีศาจก็ก่อตัวขึ้นใหม่


เมื่อเห็นฉางเหลยที่ห้าวหาญใช้กำลังปะทะกับตนหนีไปแล้ว จูเชียนซือก็งงไปชั่วขณะ จากนั้นก็เข้าใจทันที รู้ว่าตัวเองแอบเสียเปรียบแล้ว ความอับอายพลันกลายเป็นความโมโห ถือดาบสังหารเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง


“ข้าไม่ไหวแล้ว!” พอเห็นว่าถูกอีกฝ่ายมองออก ฉางเหลยก็พูดทิ้งท้ายเอาไว้ แล้วรีบหนีทันที หนีไปทางอวิ๋นอ้าวเทียนกับมู่ฝานจวิน


ซือถูเซี่ยวควบคุมไฟผีสีเขียวสลัวทันที อาศัยร่างขนาดใหญ่ของปีศาจหัววัวกำบัง ร่วมมือกับจีฮวนต้านทานเอาไว้ สู้ไปพลางถอยไปพลาง


จูเชียนซือบ้าคลั่งแล้ว ทั้งสองก็เหลือแค่กำลังที่เอาไว้ดันทุรังต่อต้านเช่นกัน


“พวกเขาต้านทานไม่ไหวแล้ว เจ้าจะทำยังไง?” อวิ๋นอ้าวเทียนที่ถือดาบลอยอยู่บนฟ้าหันกลับมาถาม


มู่ฝานจวินที่ฟื้นตัวและสีหน้าเริ่มมีเลือดฝาดลืมตาขึ้น พยักหน้าถามกลับขณะที่ผมปล่อยสยาย “เจ้าคิดจะทำยังไงล่ะ?”


อวิ๋นอ้าวเทียนที่ถือดาบอยู่ในมือพลันกางแขนสองข้าง ดวงตาแดงก่ำขณะที่กล่าวเสียงทุ้มว่า “วิถีมารครองใต้หล้า!”


ชั่วพริบตานั้นร่างกายก็มีปราณมารที่หนาแน่นดำทึบลอยวนเวียน ก่อนจะก่อตัวกลายเป็นลูกกลมสีดำขลับสองลูกที่มีขนาดเท่ากำปั้นอย่างรวดเร็ว ลูกกลมสองลูกอยู่ด้านหลังทางซ้ายและขวาของเขา พอเขาขยับบ่าสองข้าง ลูกกลมสีดำสองลูกก็เหมือนกับผีเสื้อออกจากดักแด้ เด้งออกเป็นปีกสองข้างที่ยาวเกือบหนึ่งจั้ง หน้าตาเหมือนปีกค้างคาว บางเหมือนปีกจั๊กจั่น สีดำขลับเหมือนผ้าไหม


มู่ฝานจวินมองดูด้วยสีหน้าตกตะลึง


ฉางเหลยที่พุ่งเข้ามาก็ถามอย่างตกตะลึงเช่นกัน “จอมมาร นี่มันสถานการณ์อะไรกัน? ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นเจ้าใช้พลังแบบนี้เลย?”


อวิ๋นอ้าวเทียนไม่สนใจ หมุนตัวกลับมาพร้อมกับปีกสองข้าง แล้วยื่นมือไปที่มู่ฝานจวิน


มู่ฝานจวินอึ้งนิดหน่อย แต่ก็คว้ามือของเขาเอาไว้


วูบๆ! ปีกใหญ่คู่นั้นขยับสองที แล้วจู่ๆ ก็พุ่งออกมาราวกับธนูยิงออกจากสาย อวิ๋นอ้าวเทียนจูงมู่ฝานจวินบินล่วงไปอย่างรวดเร็ว ความเร็วนี้ทำให้ฉางเหลยตกตะลึงอ้าปากค้าง


จูเชียนซือกำลังควงดาบฟันอย่างบ้าคลั่ง ตอนที่ใช้ลมดาบฟันเอวปีศาจหัววัวขาดครึ่ง ทันใดนั้น ส่วนเอวของปีศาจหัววัวพลันมีเงาคนที่มีปีกบินอ้อมออกมาเสียงดังวูบ


จูเชียนซือตกใจมาก รีบฟันลมดาบออกมาอย่างบ้าคลั่งอีกหนึ่งชุด เสียงปีกที่ดังวูบๆ นั่นแวบผ่านไปทางด้านข้าง


ในขณะเดียวกันนี้เอง ปีกคู่นั้นก็ราวกับเป็นไข่ที่ฟักตัวเป็นคนหนึ่งคน มู่ฝานจวินพลันปรากฏตัว ชกหมัดข้างหนึ่งออกมา อัสนีบาตเจ็ดสายเลื้อยขยุกขยิกขึ้นมาจากบนแขน ฟาดไปยังดาบใหญ่บนมือของจูเชียนซือพร้อมกัน


จูเชียนซือกำลังควงดาบเล็งไปยังอวิ๋นอ้าวเทียนที่กระพือปีกบินวน คาดไม่ถึงว่าจะโดนจู่โจมแบบนี้ สายฟ้านั่นทำให้เขาสั่นไปทั้งร่างทันที


อุบ! มู่ฝานจวินที่กระอักเลือดออกมาคำหนึ่งชกหมัดออกไปอีกข้าง อัสนีบาตเจ็ดสายโจมตีไปบนตัวของจูเชียนซือพร้อมกัน


“ย๊า!” จูเชียนซือที่โดนสายฟ้าฟาดจนสั่นไปทั้งร่างคำรามออกมาอย่างเดือดดาล ควงดาบฟันที่ไปมู่ฝานจวินแล้ว


พรึ่บ! ในช่วงเวลาที่อันตรายหล่อแหลม เงาปีข้างหนึ่งแฉลบผ่านไป เร็วปานสายฟ้า แวบไปพร้อมกับเงาดาบสีแดง


เลือดสายหนึ่งพุ่งออกมา ศีรษะที่กำลังถลึงตาของจูเชียนซือปลิวขึ้นมาแล้ว


เงาปีกที่บินแฉลบหยุดอยู่บนท้องฟ้า อวิ๋นอ้าวเทียนที่มีปีกใหญ่สองข้างหันตัวมามองอย่างช้าๆ ดาบบนมือยังไม่ทันเปื้อนเลือด แต่กลับเด็ดหัวบนคอของจูเชียนซือได้แล้ว


เพียงดาบเดียวเท่านั้น!


อาศัยความเร็วทำให้จูเชียนซือจิตใจสับสนนิดหน่อย เป็นการสร้างช่องช่างในการโจมตีให้มู่ฝานจวิน แล้วการโจมตีของมู่ฝานจวินก็ถ่วงความเร็วของจูเชียนซือได้เล็กน้อย เพราะอาศัยช่องโหว่เล็กน้อยตรงนี้นี่เอง พออวิ๋นอ้าวเทียนแฉลบผ่านมา ก็ฉวยโอกาสใช้ดาบเดียวเด็ดหัวจูเชียนซืออย่างมั่นคงเด็ดเดี่ยวและแม่นยำ!


ทั้งสองให้ความร่วมมือกันอย่างดีราวกับรู้ใจกัน อวิ๋นอ้าวเทียนถึงขั้นไม่ต้องบอกมู่ฝานจวินด้วยซ้ำว่าควรทำอย่างไร แค่เห็นเขาดึงตัวเองขึ้นไปบินด้วยความเร็วแบบนั้น มู่ฝานจวินก็เข้าใจทันที สองคนร่วมมือกัน โจมตีครั้งเดียวร้ายแรงถึงชีวิต!


ตรงหน้าอกของปีศาจหัววัวมีศีรษะของจีฮวนโผล่ออกมามอง ซือถูเซี่ยวที่ฝ่ามือสองข้างกำลังจุดไฟผีก็จ้องจูเชียนซือที่แขนขาสั่นทว่าไร้หัวอย่างตะลึงงันเช่นกัน


“สาธุๆ…”  ฉางเหลยวิ่งกลับมาอีกแล้ว


มู่ฝานจวินที่เลือดไหลตรงมุมปากตัวสั่นโอวเอนเล็กน้อย สีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาวอีกครั้ง


วูบ! เกราะรบผลึกแดงบนตัวจูเชียนซือถูกเก็บอย่างฉับพลัน ร่างไร้ศีรษะระเบิดแสงสีรุ้งออกมา


ชั่วพริบตาเดียว แมงมุมตัวใหญ่สีดำขนาดห้าหกจั้งก็ปรากฏตัวกลางอากาศ ขากระดุกกระดิกอยู่กลางอากาศไม่หยุด พลังอิทธิฤทธิ์โหมซัดสาดไปรอบๆ ขนาดไม่มีหัวแล้วยังไม่ตาย ยังมีอานุภาพหลงเหลือ


ซือถูเซี่ยวรีบถลันตัวเข้าไป คว้าแมงมุมตัวใหญ่ที่กำลังม้วนกลิ้งเอาไว้ พรึ่บ! ไฟผีสีเขียวสลัวถูกยิงออกมาสองสาย จุดไฟบนท้องของแมงมุมไร้หัวพร้อมกัน ไฟผีสีเขียวสลัวไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็ว


อวิ๋นอ้าวเทียนพลันหันกลับมาตะคอก “เมื่อครู่นี้มีคนเพิ่งรายงานข่าว พวกเราจะอยู่ที่นี่นานไม่ได้ พระเถระ รีบเก็บของไวๆ!”


ฉางเหลยได้ยินแล้วแฉลบไปทันที ไปเหยียบบนดวงดาวขรุขระที่โดนโจมตีจนเป็นโพรง แล้วรีบกวาดข้าวชองบนร่างหกร่างมาจนหมด โดยส่วนใหญ่งานประเภทโปรดสัตว์ล้วนเป็นหน้าที่ของคนออกบวช เมื่อเก็บของจนเกลี้ยงแล้วก็กล่าวว่า “อามิตาพุทธ”


ภายใต้การเผาของไฟผี แมงมุมยักษ์ไร้หัวที่ดิ้นรนอย่างรุนแรงพลันหนีไปในจุดลึกของดาราจักร รวดเร็วสุดขีด ยังคงดิ้นรนเอาชีวิตรอดก่อนตาย ถึงแม้จะไม่มีหัวแล้ว แต่นี่ก็ยังเป็นความเร็วระดับบงกชรุ้ง


“แย่แล้ว สมบัติของเป้าหมายทั้งสามอยู่บนตัวมัน” จีฮวนอุทานอย่างร้อนใจ


วูบ! อวิ๋นอ้าวเทียนกระพือปีกโผเข้าไป ชั่วพริบตาเดียวก็ไล่ตามไปแล้ว ระยะห่างเข้าใกล้กันเรื่อยๆ หลังจากตามทันแล้ว ดาบใหญ่ในมือก็ฟันเงามายาสีแดงออกมาสายหนึ่ง ดาบฟันจากหางแมงมุมไปจนถึงส่วนหลัง ในที่สุดแมงมุมใหญ่ตัวนี้ก็เหาะไม่ได้อีกต่อไป ข้อขาที่ขยับดีดยังคงไปข้างหน้าต่อโดยอาศัยแรงเฉื่อย


แต่อวิ๋นอ้าวเทียนกลับไปเหยียบลงบนหลังมัน ใช้ดาบแทงเข้าไปในร่างกาย แล้วลากมันเหาะกลับมา


จีฮวนที่หยุดใช้ปราณปีศาจถามอย่างตะลึงงันว่า “ความเร็วนี้…ปีกของจอมมารนั่นมันยังไงกันแน่? ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นเขาใช้วิชานี้มาก่อนเลย? ถ้าเมื่อก่อนใช้พลังแบบนี้ออก พวกเราจะเป็นคู่ต่อสู้เขาได้เหรอ?”


“ไม่รู้!” ซือถูเซี่ยวพึมพำ “เหมือนเสือติดปีก…”


อวิ๋นอ้าวเทียนที่ลากศพแมงมุมไร้หัวกลับมาตะตอกว่า “ผีเฒ่า เก็บไฟผีของเจ้าเดี๋ยวนี้ เลิกทำลายยาเจี๋ยตันได้แล้ว!”


ไฟลุกลามเยอะมากแล้ว เขาเองก็ไม่กล้าไปมีเรื่องกับไฟผีนี้ รีบออกจากร่างของแมงมุมตัวใหญ่


พอซือถูเซี่ยวกางฝ่ามือสองข้าง ไฟผีที่ลุกโชติช่วงก็กลายเป็นมังกรไฟสีเขียวสลัวสองตัวและถูกดูดเข้าไปในฝ่ามือของเขาแล้ว เขาดูดไฟฝีที่อยู่บนร่างของแมงมุมตัวใหญ่จนหมดเกลี้ยง


เมื่อเห็นแมงมุมตัวใหญ่ไม่มีการเคลื่อนไหวแล้ว จีฮวนก็ถลันตัวไปเหยียบบนร่างของแมงมุมตัวใหญ่ทันที พอควานหาอยู่สักพัก ยาเจี๋ยตันสีทองวิบวับเม็ดหนึ่งก็ตกอยู่ในมือเขา เขาถือมันโบกไปมาพร้อมกล่าวกลั้วหัวเราะ “ฮ่าๆ! ผลึกแดงหนึ่งหมื่นล้านอยู่ในมือแล้ว พอให้ชำระหนี้ไอ้เหมียวจัญไรแล้วล่ะ!”


“นั่นยังเป็นเงินจำนวนน้อยๆ!” ซือถูเซี่ยวที่หัวเราะอย่างพิศวงค้นสมบัติอย่างอื่นบนตัวจูเชียนซือออกมาแล้ว ดึงศพผู้บัญชาการใหญ่ทั้งสามที่อยู่บนโซ่ขึ้นมาโอ้อวด “นี่ต่างหากที่เป็นเงินก้อนใหญ่ ร่ำรวยแล้ว ตอนนี้ร่ำรวยแล้วจริงๆ!”


“อย่าชักช้า! ถ้ารอให้ยอดฝีมือมาถึง เกรงว่าพวกเราจะไม่เหลือแม้แต่ชีวิต เร็วๆ หน่อย!” อวิ๋นอ้าวเทียนตะคอกสั่ง ปีกที่อยู่ข้างหลังพลันสลายกลายเป็นปราณมารที่มโหฬารพันลึก ไหลม้วนกลับเข้าไปในร่างกายเขา


เขาถลันตัวไปอยู่ข้างกายมู่ฝานจวิน ดึงแขนนางไว้พลางถามว่า “เจ้าไม่เป็นไรใช่มั้ย?”


“ไม่เป็นไร!” มู่ฝานจวินส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง ที่จริงเมื่อครู่นางโจมตีอย่างสุดกำลังทั้งๆ ที่อาการบาดเจ็บสาหัสยังไม่บรรเทา จึงทำให้อาการบาดเจ็บรุนแรงยิ่งกว่าเดิม แต่นางมีนิสัยแข็งกร้าว ไม่อยากเกี่ยวพันกับอวิ๋นอ้าวเทียน จึงออกแรงแกะมืออวิ๋นอ้าวเทียนออกพร้อมบอกว่า “ปล่อยข้า!”


แต่แรงของนางในตอนนี้จะสู้อวิ๋นอ้าวเทียนได้อย่างไร อวิ๋นอ้าวเทียนไม่สนใจนาง นำสมุนไพรเซียนซิงหัวออกมาอีกต้น ฝืนบีบปากนางให้อ้าออกแล้วยัดเข้าไป จากนั้นก็ดึงนางมาไว้ในอ้อมกอดตัวเอง อุ้มนางไว้ในอ้อมกอดแล้ว


ดวงตาหงส์ของมู่ฝานจวินพลันถลึงจ้อง นางเดือดดาลทันที มีหรือที่จะยอมให้มารเฒ่าดูหมิ่นต่อหน้าคนอื่น ขณะกำลังจะปรี๊ดแตก นางกลับตาเหลือกสลบไปแล้ว


อวิ๋นอ้าวเทียนที่ร่ายอิทธิฤทธิ์ทำให้นางสลบจ้องมองใบหน้างามของนางครู่หนึ่ง พอเงยหน้าขึ้น ปรากฏว่าเห็นฉางเหลย ซือถูเซี่ยวและจีฮวนที่ล้อมเข้ามากำลังมองเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ


“เก็บของหมดแล้วรึยัง?” อวิ๋นอ้าวเทียนถาม


“เก็บหมดแล้ว ไม่ควรจะอยู่ที่นี่นาน ทำตามแผนการดีกว่า รีบไปกันเถอะ!” จีฮวนกล่าว


อวิ๋นอ้าวเทียนพลิกมือเก็บมู่ฝานจวินไว้ในกระเป๋าสัตว์ แล้วพวกเขาก็นำสัตว์พาหนะออกมา รีบเหาะไปยังจุดลึกในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลอย่างรวดเร็ว…


…………………………


บทที่ 1169 จำนวนไม่ถูกต้อง

โดย

Ink Stone_Fantasy

การต่อสู้ครั้งนี้เหมือนจะใช้เวลานาน แต่ที่จริงเวลาประมือกันผ่านไปเร็วมาก


การรายงานข่าวก่อนตายของของหลี่ตงเหมี่ยวได้สะเทือนถึงตลาดสวรรค์ดาวหนานจื่อแล้ว


คนที่ได้รับข้อความขอความช่วยเหลือคือรองผู้บัญชาการของหลี่ตงเหมี่ยว รอจนกระทั่งเขารู้ตัวและหยิบระฆังดาราออกมา คนที่รายงานข่าวก็ถูกอวิ๋นอ้าวเทียนพบแล้ว ข้อความขอความช่วยเหลือที่รองผู้บัญชาการคนนั้นได้รับมีเพียง : ช่วยด้วย ใกล้จะ…


จากนั้นคนที่ส่งข้อความไปก็โดนอวิ๋นอ้าวเทียนฆ่าแล้ว ไม่มีข้อความตอนท้ายแล้ว


รองผู้บัญชาการรู้ว่าคนที่ส่งข่าวมาออกไปพร้อมผู้บัญชาการใหญ่ พอได้ยินข่าวแล้วตกใจมาก จึงรีบติดต่อหลี่ตงเหมี่ยว ปรากฏว่าหลี่ตงเหมี่ยวไม่ตอบอะไร เมื่อเชื่อมโยงกับข้อความขอความช่วยเหลือ ก็เดาได้ไม่ยากว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว


รองผู้บัญชาการรีบขอเข้าพบท่านหัวหน้าภาคเพื่อรายงานสถานการณ์ ท่านแม่ทัพภาครู้จักเฮยกว่าฟู่เช่นกัน ทุกปีที่ถึงเวลาตกปลาสายรุ้งดิน เฮยกว่าฟู่ก็จะนำมาแสดงน้ำใจ ดาวหนานจื่อหัวหน้าภาคย่อมรีบติดต่อกับเฮยกว่าฟู่ เล่าข่าวที่ได้รับรายงานให้ฟัง แล้วถามว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่?


เฮยกว่าฟู่ยังสงสัยนิดหน่อย รอจนนางนำระฆังดารามาติดต่อจูเชียนซือลูกชายตัวเองแล้วไม่มีการตอบกลับ นางถึงได้กลัวขึ้นมา รีบเหาะฝ่าชั้นบรรยากาศ สำรวจหาตลอดทาง


ดวงดาวขรุขระที่ถูกจูเชียนซือโจมตีจนเป็นโพรงนั่นชัดเจนเกินไปแล้ว


เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ เฮยกว่าฟู่ก็เห็นศพของผู้ติดตามหกคน เห็นศพไร้ศีรษะของพวกหลี่ตงเหมี่ยว แล้วก็เห็นลูกชายตัวเองนใสภาพที่ยับเยินจนทนมองไม่ได้ลอยเงียบๆ อยู่กลางอากาศ สิ่งของบนร่างกายถูกปล้นไปหมดอย่างไม่มีข้อยกเว้น


“อ๊า…” เฮยกว่าฟู่ที่ส่ายหัวจนผมยุ่งกระเซิงคำรามกรีดร้องอย่างเศร้าโศก


ทว่าผู้ร้ายหนีไปแล้ว มองไปยังจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลรอบ ใครจะไปรู้ว่าผู้ร้ายที่ไหนยังทิศทางไหน…


หลังจากนั้นหนึ่งวัน จวนจอมพลสายมะเมีย


นอกประตูใหญ่ของตำหนักหลักที่กว้างใหญ่และมีบรรยากาศเป็นมงคล ชายวัยกลางคนไว้หนวดที่ใบหน้างามดุจหยกสวมชุดคลุมยาวสีเงินยินอยู่ เขาเอามือไขว้หลังยืนอยู่บนบันไดหิน กำลังทอดสายตามองไปไกลๆ คนคนนี้ก็คือหวงฮ่าว จอมพลสายมะเมีย หนึ่งในจอมพลสิบสองสายของตำหนักสวรรค์!


ตรงด้านหลังของเขา ชายชราชุดขาวคนหนึ่งกำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ฟ้องร้องเรื่องที่ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์สามคนถูกปล้นฆ่าอยู่ในอาณาเขตอย่างเศร้าโศก พูดจบก็ตบปากตัวเองสองที “บ่าวชราสอนหลานไม่ดี! ล้วนเป็นความผิดของบ่าวชรา!”


เขาก็คือหลี่ตงหลี่จวิน ปู่ของเหมี่ยว เป็นคนเก่าคนแก่ข้างกายหวงฮ่าวเช่นกัน เป็นพ่อบ้านใหญ่ของจวนจอมพล


เขารู้อย่างลึกซึ้ง ว่าการตายของหลานชายตัวเองไม่ได้สำคัญอะไร ถ้าหลานชายตัวเองตายคนเดียวก็จะจัดการง่าย แต่ดันไม่ตายดี ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ที่มาจากจวนจอมพลดันตายพร้อมกันรวดเดียวสามคน ครั้งนี้จะต้องวุ่นวายจนรู้กันทั้งแดนฝึกตนแน่นอน คนทั้งใต้หล้าต่างก็รู้จักตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ ถ้าเป็นคนที่ไม่มีเส้นสายไม่มีคนหนุนหลัง ก็ไม่มีทางขึ้นนั่งในตำแหน่งที่มั่งคั่งนี้ได้เลย ทว่าเรื่องบางเรื่องทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจ แต่กลับประกาศออกมาอย่างเปิดเผยไม่ได้ ไม่น่าเชื่อว่าผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ที่ตายรวดเดียวสามคนจะมาจากจวนจอมพลสายมะเมียทั้งหมด ทั้งยังไม่ได้ตายในหน้าที่ด้วย แต่ตายในระหว่างทางที่ไปจัดการธุระส่วนตัวข้างนอก นี่มันคุณสมบัติแบบไหนกัน?เท่ากับเป็นผลักหวงฮ่าวไปสู่วิพากษ์วิจารณ์อันดุเดือดในรวดเดียว!


เขาอยากจะรู้จริงๆ ว่าใครกันที่ทำแบบนี้ คนที่กล้าแตะต้องขุนนางของตำหนักสวรรค์ เดิมทีก็มีไม่เยอะอยู่แล้ว แต่ใครๆ ก็รู้ว่าผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์เป็นคนที่มีเส้นสายและภูมิหลัง ตำแหน่งระดับนี้ไม่มีอำนาจบัญชาการกองทัพสักเท่าไร กำลังพลเบื้องล่างมีไม่เยอะ ไม่จำเป็นต้องใช้ความสามารถอะไรมากมาย คนที่ครองตำแหน่งส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของชนชั้นสูงผู้มีอำนาจ โดยทั่วไปไม่มีใครกล้าแตะต้อง ไม่มีใครอยากสร้างปัญหาใหญ่ให้ตัวเอง


“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า คนที่ผิดมาแล้ว!” หวงฮ่าวกล่าวเสียงเรียบ สายตาที่ฉายแววเย็นชาเหลือบต่ำลงเล็กน้อย


หลี่จวินที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นเอียงหน้ามองตาม เห็นต้องตีนบันไดหยกที่สูงสิบกว่าจั้ง สตรีวัยกลางคนที่หน้าตางดงาม เรือนร่างอวบอัดกลมกลึงคนหนึ่งเดินขึ้นบันไดมาพร้อมกับสาวใช้หลายคน เป็นเซิ่งอวี้หวน ฮูหยินของจอมพลนั่นเอง


พอเดินมาถึงใต้เท้าหวงฮ่าว เซิ่งอวี้หวนก็ย่อเข่าคำนับด้วยเสียงชัดใส “นายท่าน!”


“ฮูหยินมีธุระอะไร?” หวงฮ่าวเอ่ยถามเสียงราบเรียบ


เซิ่งอวี้หวนยืนตัวตรงแล้วมองหลี่จวินที่กำลังคุกเข่า จากนั้นก็ย้ายสายตากลับมาบนตัวหวงฮ่าว แล้วกล่าวแสดงความกังวล “นายท่าน ได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับหลานชายของพ่อบ้านหลี่หรือคะ?”


“ข่าวสารเจ้าไวเชียวนะ งั้นเจ้ารู้ไหมว่าทำไมถึงเกิดเรื่องกับพวกเขา?” หวงฮ่าวถาม


“…” ภายใต้สายตากดดันที่เกือบจะเย็นเยียบของสามีตัวเอง ซิ่งอวี้หวนค่อนข้างอึดอัดและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางตอบโดยไม่กล้าสบตาตรงๆ “หม่อมฉันไม่แน่ใจค่ะ กำลังจะมาถามพอดี”


“ไม่แน่ใจ?” หวงฮ่าวแสยะยิ้ม แล้วจู่ๆ ฝ่ามือก็ฟาดออกมาหนึ่งฉาดด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ


เพี้ยะ! ท่ามกลางเสียงดังชัดใส เซิ่งอวี้หวนล้มคว่ำอยู่บนบันได้ กลิ้งตกลงไป สาวใช้ที่ติดตามมาด้วยตกใจทันที รีบเข้าไปประคองนางแล้ว


เซิ่งอวี้หวนที่ลุกขึ้นยืนอีกครั้งกัดริมฝีปากพลางเอามือปิดหน้า


หวงฮ่าวเอามือไขว้หลังเดินไปข้างหน้า ก้าวลงบันไดทีละก้าว มีพลังอำนาจน่าเกรงขาม ส่วนเซิ่งอวี้หวนก็ทำสีหน้าหวาดกลัว เดินถอยลงบันไดโดยจิตใต้สำนึก


จนกระทั่งเข้าใกล้ตรงหน้านาง หวงฮ่าวก็โน้มตรงเล็กน้อยพร้อมมองต่ำ “ถ้าเจ้าเว้นกินสักหน่อยแล้วจะตายหรือไง? ชอบกินนั้นไม่ผิดหรอก ข้าเองก็ไม่คัดค้าน เจ้าไม่มีอะไรอย่างอื่นที่อยากกินแล้วเหรอ? แต่ข้าเคยบอกกับเจ้าไปตั้งกี่ครั้งแล้ว ตำแหน่งฐานะของเจ้าก็เห็นๆ กันอยู่ ทุกคนกำลังดูอยู่นะ! ถ้าอยากกินอะไรก็ให้บ่าวรับใช้ในบ้านไปทำสิ ขุนนางของตำหนักสวรรค์ไม่ใช่คนวิ่งเต้นทำงานส่วนตัวของเจ้า หูเจ้าหายไปไหนแล้ว?”


เมื่อเห็นเขาเดือดดาลแล้วจริงๆ เซิ่งอวี้หวนก็คุกเข่าบนบันไดทันที “หม่อมฉันยอมรับผิดแล้ว!”


“ยอมรับผิดก็ดีแล้ว ทหาร!” หวงฮ่าวยืนตัวตรง


“ขอรับ!” ทหารยามเกราะม่วงสองคนที่ยืนอยู่บนบันไดนอกตำหนักทางซ้ายและขวาถลันตัวเข้ามา


หวงฮ่าวเหลือบตาลงมองเซิ่งอวี้หวนที่อยู่ใต้เท้า พร้อมกล่าวเสียงต่ำว่า “นำตัวฮูหยินไปขังในคุกใต้ดินหนึ่งร้อยปี ถ้าไม่มีคำสั่งจากข้า ไม่ว่าใครก็ห้ามปล่อยนางให้ออกมาแม้แต่ก้าวเดียว!”


“รับทราบ!” หนึ่งในทหารยามเกราะม่วงสองคนดึงแขนข้างหนึ่งของเซิ่งอวี้หวนทันที ลากเดินออกไปโดยตรง


“นายท่าน!” เซิ่งอวี้หวนที่โดนลากตัวไปร้องวิงวอน แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ได้รับความเห็นอกเห็นใจอะไรทั้งนั้น


พ่อบ้านหลี่ที่นั่งคุกเข่าอยู่บนบันไดอึกอักเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาติดตามรับใช้อยู่ข้างกายจอมพลหวงมาหลายปี รู้อย่างลึกซึ้งว่าลงโทษฮูหยินแบบนี้เพื่อให้ตำหนักสวรรค์ได้เห็น ไม่ทำแบบนี้ก็ไม่ได้ ทำแบบนี้อย่างมากฮูหยินก็สูญเสียอิสระหนึ่งร้อยปี ในคุกไม่มีใครกล้าปฏิบัติกับฮูหยินอย่างโหดร้ายทารุณ คิดเสียว่าไปฝึกตนอยู่ในคุกก็แล้วกัน


“พ่อบ้านหลี่!” หวงฮ่าวเอียงหน้าเรียก


หลี่จวินที่กำลังคุกเข่าถลันตัวเข้ามาเอ่ยรับคำสั่งทันที


หวงฮ่าวกล่าวเสียงต่ำว่า “เรื่องเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน ผู้ร้ายยังหนีไปได้ไม่ไกล ข้าอยากจะเห็นว่าใครกันที่กล้าจงใจพุ่งเป้ามาที่ข้า! ถ่ายทอดคำสั่งไปให้เทพประจำดาวทั้งสามของมะเมียฟ้า มะเมียดิน มะเมียค ให้ปิดทางเข้าออกประตูดวงดาวทั้งหมดภายในอาณาเขตสายมะเมีย แล้วสอบสวนคนที่เข้าออกทุกคนอย่างเข้มงวด สั่งให้ท่านโหวทุกคน หัวหน้าภาคทุกคน แม่ทัพภาคทุกคน ผู้บัญชาการใหญ่ทุกคนรวมทั้งผู้บัญชาการใต้สังกัด นอกจากกำลังพลที่เฝ้ายาม นอกนั้นให้ตรวจสอบดาวเคราะห์ทุกดวงในอาณาเขตสายมะเมีย ไม่ต้องกลัวความยุ่งยาก กระจายกำลังตรวจตราบนท้องฟ้าให้ข้า ต่อให้เป็นนกตัวหนึ่งที่สีหน้าไม่ชอบมาพากลก็ต้องดักไว้ สั่งให้เทพแห่งภูผา เทพแห่งสายน้ำ เทพคงคา เทพแห่งผืนดินทั้งหมดในสายมะเมียตรวจสอบทุกคนในอาณาเขตที่น่าสงสัย สั่งให้เทพเจ้าเฝ้าประตู ผีหลักเมืองตรวจสอบทุกครัวเรือน ขอเพียงเจอนักพรตที่น่าสงสัย ก็ให้ตรวจสอบให้ข้าทันที สั่งทุกสำนักในสายมะเมียรวมทั้งนักพรตอิสระทั้งหมดที่ติดต่อกันให้ร่วมมือปฏิบัติการ แล้วติดต่อพระอาจารย์ของวัดใหญ่ต่างๆ เพื่อขอความร่วมมือด้วย บอกพวกเขาไปว่า ขอเพียงเป็นคนที่ไม่มีหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ตอนที่เกิดเรื่องขึ้น ก็ให้จับตัวมาให้หมด ถ้ากล้าขัดขืนผู้ตรวจสอบ หรือปกป้องไม่ยอมรายงาน จะโดนลงโทษอย่างหนัก!”


“ขอรับ!” พ่อบ้านหลี่เอ่ยรับคำสั่ง ในใจรู้ว่าท่านจอมพลโมโหแล้วจริงๆ ครั้งนี้ระดมกำลังจำนวนมากจริงๆ แล้ว


ขระที่เขากำลังจะไปปฏิบัติตามคำสั่ง จู่ๆ ก็ได้ยินหวงฮ่าวบอกว่า “เตือนเทพประจำดาวมะเมียฟ้า มะเมียดิน มะเมียคนให้ข้าด้วย ถ้าครั้งนี้ใครกล้าหลอกตบตาข้า ข้าก็จะเอาจริงกับคนนั้น! ครั้งนี้ข้าต้องการคำอธิบาย!”


“บ่าวเข้าใจแล้วขอรับ!” พ่อบ้านหลี่พยักหน้าแล้วเดินออกไป


ครั้งนี้เขาต้องปฏิบัติตามอย่างเข้มงวดเช่นกัน หลานชายของตัวเองตายแล้ว เขาเองก็อยากจับผู้ร้ายให้ได้


ที่ริมทะเลสาบสีดำ เงาคนสามคนเหาะลงมาจากท้องฟ้า ผู้ที่นำหน้ามาเป็นชายหนุ่มที่ตรงหว่างคิ้วมีลายงูสีดำ สวมเกราะรบของแม่ทัพใหญ่เกราะแดงหนึ่งแถบ ทางซ้ายและขวาเป็นทหารที่สวมเครื่องแบบแม่ทัพเกราะม่วงห้าแถบ ตรงหว่างคิ้วเผยวรยุทธ์บงกชรุ้งขั้นหก


พอทหารสองคนที่อยู่ทางซ้ายและขวาโบกมือ ทหารเลวเกราะทองหนึ่งพันคน ทหารสวรรค์เกราะดำสองพันคนก็ปรากฏตัว สามารถดูออกได้จากการสวมเกราะรบสีดำ ทหารสวรรค์เหล่านี้เป็นกำลังพลประจำการพร้อมรบของตำหนักสวรรค์ ในนั้นมองไม่เห็นทหารสวรรค์เกราะเงิน มีเพียงพวกทหารที่เฝ้าประตูตามตลาดสวรรค์เท่านั้นถึงจะสวมเกราะรบสีเงิน


เมื่อกำลังพลที่ดุร้ายน่าเกรงขามหลายพันคนปรากฏตัวบนท้องฟ้า เฮยกว่าฟู่ที่ปรากฏตัวอยู่ในป่าด้านล่างก็กลัวทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นนักพรตที่มีพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพโผล่มาด้วย สามารถใช้คนที่มีพลังระดับนี้ให้มาที่นี่ได้ เห็นได้ชัดว่าพุ่งเป้ามาที่นักพรตบงกชรุ้งอย่างนาง


“เจ้าคือเฮยกว่าฟู่เหรอ?” ชายหนุ่มที่สวมเกราะรบสีแดงกล่าวเสียงต่ำ


“ใช่!” เฮยกว่าฟู่ที่อยู่ข้างล่างกุมหมัดคารวะขอคำชี้แนะไปบนฟ้า “เหตุใดทหารสวรรค์จึงมาที่นี่?”


แม่ทัพใหญ่เกราะแดงแสยะยิ้มแล้วบอกว่า “การตายของขุนนางตำหนักสวรรค์เกี่ยวข้องกับเจ้า เรื่องนี้ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน ไปกับพวกเราสักรอบ”


เฮยกว่าฟู่อธิบายอย่างตระหนกว่า “ทหารสวรรค์ ข้าก็เป็นผู้เสียหายเหมือนกัน สำหรับการตายของเหล่าขุนนางสวรรค์ ปีศาจต่ำต้อยผู้นี้ก็ไม่รู้อะไรเลยเหมือนกัน!”


“บังอาจฝ่าฝืนกฎ!” เสียงคำรามของแม่ทัพใหญ่เกราะแดงราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ พอกางนิ้วทั้งห้าตบลงไปด้านล่าง ชั่วพริบตาเดียวก็ทำให้ฟ้าดินเกิดความผันผวน ภูเขาสะท้านแผ่นดินสะเทือน


ในที่สุดเฮยกว่าฟู่ที่ยืนตัวสั่นอยูด้านล่างก็ทนรับแรงกดดันอันหนักหน่วงไม่ได้ มวยผมพังสยาย คุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังราวกับตีกลอง


แม่ทัพเกราะม่วงสองคนถลันตัวเข้าไป โยนเชือกมัดเซียนที่ทำจากผลึกแดงออกมา มัดเฮยกว่าฟู่เอาไว้ทันที หลังจากควบคุมนางได้ก็เก็บนางไปแล้ว


“ตรวจค้น!”


พอเอ่ยสั่ง ทหารสวรรค์สามพันคนก็เหยียบลงพื้นกระจายกันตรวจค้นทันที ปีศาจน้อยใหญ่ถูกจับไปสอบสวนหมด…


“พระเถระ เจ้าแอบซ่อนของไว้ส่วนตัวรึเปล่า?”


ในหลุมแอ่งของดวงดาวที่รกร้างดวงหนึ่ง ซือถูเซี่ยวตะคอกถามฉางเหลย


หลังจากเหาะมาเป็นเวลาสิบกว่าวัน โจรกลุ่มนี้ก็รู้สึกว่าปลอดภัยพอสมควรแล้ว จึงตัดสินใจจะแบ่งของโจรกัน ถึงได้เหาะมาเหยียบลงที่นี่


ระหว่างทางลูกศิษย์ของแต่ละคนก็ถูกรับตัวมาด้วยแล้ว ในเวลานี้ล้วนถูกปล่อยออกมาเดินเล่น อาการบาดเจ็บของมู่ฝานจวินก็ฟื้นตัวแล้วเช่นกัน คนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งล้อมวงกัน


เดิมทีการแบ่งทรัพย์ที่ปล้นมาคือเรื่องที่น่ายินดีสำหรับทุกคน ลำบากลำบานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ในที่สุดผลตอบแทนก็มาถึงแล้ว


แต่นั่นไม่ถูก เพราะของที่ปล้นมาได้ไม่ตรงกับจำนวนที่ทุกคนจินตนาการไว้เลย


พระฉางเหลยที่ขาวอ้วนเถียงกลับทันที “ผีเฒ่า ทุกคนกำลังพูดถึงเจ้า เจ้าจะผลักมาให้ข้าทำไม? อาตมาเก็บของจากทหารยศเล็กไม่กี่คน ได้ของไม่เยอะก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว เจ้าเป็นคนเก็บสมบัติของเป้าหมายหลักสามคน ทุกคนก็มองเห็นอยู่ตำตา หลอกลวงกันไม่ไหวหรอก  ข้าจะบอกเจ้าให้นะ นี่คือสิ่งที่ทุกคนเสี่ยงชีวิตหามา ถ้าเจ้าอยากจะฮุบไว้คนเดียว ก็ต้องถามอีกสี่คนก่อนว่าตกลงรึเปล่า ถึงอย่างไรอาตมาก็เป็นคนแรกที่จะไม่ตอบตกลง”


“อย่ามองข้า! ข้าได้มาแค่ยาเจี๋ยตันขั้นห้าเม็ดเดียว!” จีฮวนโบกยาเจี๋ยตันสีทองวิบวับในมือให้ซือถูเซี่ยวที่กำลังมองมา


สายตาของทุกคนไปรวมอยู่บนตัวซือถูเซี่ยวแล้ว ใบหน้าที่อยู่ข้างหลังหน้ากากปีกำลังทำสีหน้าอย่างไรก็ไม่รู้ สรุปว่าดวงตาฉายแววคับแค้นใจ กล่าวด้วยเสียงเย็นเยือกพิศวงว่า “มารดาเจ้าเถอะ พวกเจ้าถามหาคำอธิบายจากข้า แล้วจะให้ข้าไปขอคำอธิบายจากใครล่ะ?”


…………………………


บทที่ 1170 ตำหนักสวรรค์ไล่ฆ่า

โดย

Ink Stone_Fantasy

“เจ้าเป็นคนเก็บของไปแล้ว มันอยู่ในมือเจ้า ถ้าไม่ขอคำอธิบายจากเจ้าแล้วจะขอคำอธิบายจากใคร?” มู่ฝานจวินถาม


ซือถูเซี่ยวจึงบอกว่า “ข้าอธิบายได้ชัดเจนเหรอ? ไม่ผิดหรอกที่ข้าเป็นคนเก็บของ แต่ของมันมีนิดเดียวเท่านี้จริงๆ ถ้าเจ้าจะกดดันให้ข้าเอาของออกมาเยอะกว่านี้ แล้วข้าจะไปเอาจากไหนล่ะ? ต่อให้เจ้าเอาข้าไปขาย ข้าก็หาเงินมากขนาดนั้นไม่ได้อยู่ดี! แล้วอีกอย่าง ถ้าข้าละโมบจริงๆ จะอยู่ให้พวกเจ้ารังแกทำไม คงหาทางหนีไปตั้งนานแล้ว”


คำพูดนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล พวกเขาก็กลัดกลุ้มเช่นกัน แต่ก็ไม่มีใครยอมรับความจริงนี้ได้ เพื่อที่จะหาเงินจำนวนน้อยนิด แต่วุ่นวายจนหนีมาไกลสุดขอบฟ้าแบบนี้ จะว่าไปแล้วก็ขาดทุนเกินไป


“ค้นตัว!” อวิ๋นอ้าวเทียนที่เงียบมาตลอดพลันกล่าวสองคำ


คนที่เหลือเลิกคิ้ว เข้ามาล้อมซือถูเซี่ยวไว้ตรงกลางทันที


“พวกเจ้าจะทำอะไร?” ซือถูเซี่ยวตะคอกอย่างดุดัน พลางหันมองรอบๆ


ฉางเหลยจึงประนมมือกล่าวว่า “จอมมารพูดไม่ผิดหรอก ถ้าอยากจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองก็ต้องให้พวกเราค้นตัว ไม่อย่างนั้นจะปล่อยผ่านเพียงเพราะคำพูดประโยคเดียวของเจ้าได้อย่างไร”


ล้อเล่นอะไรกัน ยังไม่ต้องพูดถึงฐานะของตัวเอง โดนค้นตัวต่อหน้าลูกศิษย์ตัวเองมันน่าไม่อายเกินไปหรือเปล่า? ซือถูเซี่ยวแสยะยิ้ม “พวกเจ้าเห็นข้าเป็นอะไรไปแล้ว อย่าแม้แต่จะคิด?”


อวิ๋นอ้าวเทียนจ้องเขาพร้อมบอกว่า “ผีเฒ่า ทุกคนเดินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีใครมีเจตนาจะกลั่นแกล้งเจ้าหรอก เพียงแต่ถ้าวันนี้ไม่ได้คำอธิบายเรื่องนี้ก็ปล่อยผ่านไม่ได้ ในใจเจ้าน่าจะรู้ดี ถ้าในใจเจ้าไม่มีอะไรแอบแฝง ก็อย่าทำให้ทุกคนลำบาก!”


ซือถูเซี่ยวเงียบงันแล้ว…


สุดท้าย เขาก็จำเป็นต้องยอมให้ค้นตัว สาเหตุสำคัญคือจะไม่ยอมก็ไม่ได้ ถ้ามีการลงไม้ลงมือกันจริงๆ เขาจะไปสู้ทั้งสี่ได้อย่างไรกัน ถ้าแตกคอกันแล้วก็คงจะได้ดื่มสุราลงทัณฑ์แทนสุราคำนับจริงๆ


ไม่ใช่แค่เขา แม้แต่ลูกศิษย์ของเขาก็ไม่รอด กลัวว่าระหว่างพวกเขาจะมีการรวมหัวกัน


ผลการตรวจค้นทำให้พวกเจ้ากลัดกลุ้มอย่างถึงที่สุดแล้ว ซือถูเซี่ยวกับฉางเหลยเป็นคนเก็บของไป ระหว่างทางถูกจับตาดูอยู่ตลอด ไม่มีโอกาสทำของหลุดมือเลย แต่ของที่ปล้นมาได้ก็มีจำนวนน้อยกว่าที่พวกเขาคาดไว้จริงๆ


“ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ได้เอาไป ตอนนี้พวกเจ้าเชื่อรึยังล่ะ?” ซือถูเซี่ยวที่ถูกสบประมาทเล็กน้อยเริ่มระบายอารมณ์โกรธแล้ว กำลังชี้หน้าด่าทีละคน


จีฮวนกล่าวอย่างกลัดกลุ้มว่า “ทำไม่ได้น้อยขนาดนี้ล่ะ แต่ให้รวมสมบัติของปีศาจแมงมุมนั่นไปด้วย แต่ก็ยังห่างไกลจากของของเหมียวอี้อยู่ดี เป็นผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์เหมือนกัน ไม่มีเหตุผลที่จะแตกต่างกันขนาดนี้นะ?”


“ตอนเรียกรวมพวกเรามาเจ้าตื่นเต้นมากไม่ใช่เหรอ?” มู่ฝานจวินเหล่ตาจ้องมาอย่างเย็นเยียบ


“อามิตาพุทธ!” ฉางเหลยประนมมือกล่าวชื่อพระพุทธเจ้า แล้วทอดถอนใจอย่างเศร้าสลด “ที่จริงเมื่อลองมาคิดดูให้ดีๆ พวกเราเองก็คาดเดาผลประโยชน์ของผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ได้ตั้งแต่แรกแล้ว ตอนแรกที่พวกเราปฏิเสธคำเชิญของเหมียวอี้ ก็เพราะเคยคำนวณแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้จึงถูกเงินก้อนนั้นของเหมียวอี้ทำให้หน้ามืดตามัวเสียแล้วล่ะ ทุกคนลองคิดดูเถิด สมบัติบนตัวของผู้บัญชาการใหญ่แตกต่างกับที่พวกเราคำนวณไว้ตอนแรกมากขนาดนั้นเชียวเหรอ? เหมือนจะได้ประมาณนี้กระมัง เพียงแต่พวกเราคิดมากไปเอง หน้ามืดตามัวเพราะเงินทองชัดๆ!”


คนอื่นๆ เงียบงัน คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าเป็นอย่างนี้จริงๆ จีฮวนกล่าวว่า “ที่โดนเงินทองทำให้หน้ามืดตามัว ก็เพราะเงินขาดมือไม่ใช่เหรอ ไม่อย่างนั้นใครจะอยากมาเสี่ยงอันตรายอย่างนี้”


“ต่อให้พวกเราจะรู้ว่าพวกเขาไม่มีทรัพย์สินมากขนาดนั้น แต่เกรงว่าทุกคนก็จะทำอย่างเดิมอยู่ดี” อวิ๋นอ้าวเทียนพูดแดกดัน


พวกเขามองหน้ากันไปมองหน้ากันมาอย่างเลิกลั่ก คำพูดนี้ไม่ผิดหรอก ถึงแม้จะไม่ได้มีทรัพย์สมบัติเยอะเท่าเหมียวอี้ แต่ของบนตัวผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ทั้งสามคนก็มากพอที่จะดึงดูดทุกคนได้ ภายใต้สถานการณ์ที่จนตรอก พวกเขาก็จะทำอย่างนี้อยู่ดี


ไม่ได้มีของมากอย่างที่จินตนาการไว้ แต่นั่นเป็นเพราะไปเปรียบเทียบกับเหมียวอี้เท่านั้น ที่จริงนี่ยังถือเป็นทรัพย์สินก้อนใหญ่สำหรับพวกเขา หลังจากเริ่มแบ่งเฉลี่ยตามที่ตกลงกันไว้ แต่ละคนก็เริ่มกระปรี้กระเปร่าแล้ว ที่จริงของไม่ใช่จนวนน้อยๆ เลย


หลังจากแบ่งเฉลี่ยนกันคร่าวๆ ก็พบของที่ได้มาเยอะกว่าเมื่อหลายปีก่อนตอนที่ยังยากจนไม่รู้ตั้งกี่เท่า เพียงพอจะเลี้ยงคนที่อยู่ตรงนั้นได้หลายร้อยปี สิ่งเดียวที่น่าเสียดายก็คือ มีของที่ราคาสูงอยู่ไม่น้อยเลย ทว่าเก็บไว้ก็ยังมีประโยชน์ ไม่สะดวกจะนำไปเปลี่ยนเป็นทรัพยากรฝึกตน สถานการณ์ตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยให้นำไม่ปล่อยขาย แต่ของที่สามารถใช้สำหรับฝึกตนได้ เมื่อนำมาเฉลี่ยให้ทั้งห้าแล้วก็ไม่ถือว่าเยอะ


ก่อนหน้านี้ซือถูเซี่ยวเสียสัตว์พาหนะไป ตอนที่แบ่งของกันจึงให้เขาเอาไปก่อนตัวหนึ่ง นับว่าทำให้ความขุ่นเคืองของซือถูเซี่ยวที่โดนค้นตัวก่อนหน้านี้หายไปแล้ว


หลังจากนั้น ฉางเหลยก็ถอนหายใจแล้วบอกอีกว่า “เหมียวอี้เอาของมาจากไหนมากมายขนาดนั้น? คนเราต่างกันจนน่าโมโห สงสัยเทพพยากรณ์จะพูดไว้ไม่ผิด เจ้าหนุ่มนั่น…” เขาส่ายหน้าเบาๆ ประโยคหลังไม่ต้องพูดถึงแล้ว


มู่ฝานจวินดีดแหวนเก็บสมบัติสองวงแบ่งให้อันหรูอวี้กับจงเจิ้น หลังจากแบ่งพวกยาแก่นเซียนให้ลูกศิษย์แล้ว มู่ฝานจวินก็เหล่ตาจ้องอวิ๋นอ้าวเทียนพร้อมพูดแดกดัน “จอมมาร เกราะรบผลึกแดงช่างเข้ากับเจ้าจริงๆ ทั้งยังมีปีกคู่หนึ่งด้วย เกรงว่าจะเป็นวิชาที่อยู่ในเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานภาคดินน่ะสิ หลานเขยดูแลเจ้าดีใช้ได้เลยนะ”


คนอื่นๆ ได้ยินแล้วมองมาอย่างค่อนข้างอิจฉา อวิ๋นอ้าวเทียนกลับฟังแล้วรู้สึกว่ามู่ฝานจวินค่อนข้างน้อยใจ เรื่องบางเรื่องมีเพียงทั้งสองเท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจ จึงพูดจาสองแง่สองง่ามว่า “คนที่แต่งงานออกไปไม่ใช่หลานสาวข้าคนเดียวเสียหน่อย เจ้าอยากได้ก็ไปเอ่ยปากเองสิ”


มู่ฝานจวินพ่นเสียงทางจมูกแล้วโต้ตอบว่า “ข้าไม่ได้ไร้ยางอายอย่างเจ้า!”


ทำไมฟังดูหยาบคายขนาดนี้? อวิ๋นอ้าวเทียนเลิกคิ้ว แล้วตอบกลับเสียงเรียบว่า “ผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว นึกไม่ถึงว่าร่างกายของผู้หยิงอย่างเจ้าจะอุ้มแล้วรู้สึกสบายมือเหมือนเดิม  ถ้ารู้แต่แรกคงฉวยโอกาสนอนกับเจ้าไปแล้ว!”


เมื่อกล่าวมาแบบนี้ มู่ฝานจวินก็เหมือนแมวที่โดนเหยียบหางทันที ตรงนั้นมีลูกศิษย์นางอยู่ด้วย มีหรือที่จะยอมโดนดูหมิ่นแบบนี้ ตะคอกอย่างเดือดดาบทันที “ไอ้โจรสุนัข…”


เรียกได้ว่าอยากจะพุ่งเข้ามาสู้ตายเสียตรงนั้นเลย พวกฉางเหลยที่กลั้นขำรีบเข้ามาเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยระหว่างทั้งสองคน “ตอนอยู่พิภพเล็กพวกเจ้าสองคนทะเลาะกันมาตั้งหลายปีแล้ว ทำไมมาพิภพใหญ่แล้วยังไม่ยอมหยุดอีก ถ้าอยากจะสู้กันตอนหลังยังมีโอกาส ตอนนี้ยังไม่ได้แตกหักกัน อย่าเพิ่งสู้กันเลย เก็บแรงไว้ รักษาพลังไว้…”


“ไม่ควรอยู่ที่นี่นาน อย่าลืมคำทำนายของเทพพยากรณ์…”


หลังจากวุ่นวายกันอยู่พักหนึ่ง พวกเขาที่ปลอมตัวแล้วก็เก็บลูกศิษย์ของตัวเองเข้าไปอยู่ในกระเป๋าสัตว์ มู่ฝานจวินที่โกรธจนกระหืดกระหอบรักษาระยะห่างกับอวิ๋นอ้าวเทียนที่ทำสีหน้าเหยียดหยาม โดยมีพวกฉางเหลยกั้นระหว่างทั้งสองไว้ ทุกคนเดินทางไปยังเป้าหมายอีกครั้ง


“หยุดก่อน!”


หลังจากนั้นหลายวัน บนท้องฟ้าก็มีเสียงตะคอกดังมา


ห้าคนที่เร่งเหาะด้วยความเร็วเอียงหน้ามองไป เห็นเพียงบนดาวเคราะห์ฝั่งขวามือพลันมีทหารสวรรค์เกราะทองถืออาวุธเหาะเข้ามาขวางทาง


“ท่าไม่ดีแล้ว หรือว่าพวกเราจะถูกจับได้เพราะเส้นทางที่มา?” จีฮวนถามอย่างร้อนใจ


“ต้องลงมือกำจัดพวกเขามั้ย?” ซือถูเซี่ยวถาม


“ไม่รู้ว่าแถวนี้ยังมีคนอื่นอีกหรือเปล่า อย่าให้โดนถ่วงเวลาเลย” ฉางเหลยกล่าว


“เช่นนั้นก็ไม่ต้องสนใจพวกเขา พุ่งไปข้างหน้าต่อ!” อวิ๋นอ้าวเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง


ทั้งห้าเร่งความเร็วสุดแรงเกิดทันที พุ่งตัวผ่านไปก่อนที่ทหารสวรรค์สามคนจะขวางทาง หนีไปยังจุดลึกของดาราจักรด้วยความเร็วสูง


“บังอาจ! ยังไม่รีบหยุดให้สอบสวนอีก!” ทหารสวรรค์สามคนตวาดเสียงเข้ม ไล่ตามอยู่ข้างหลังไม่ยอมปล่อย


ทั้งสองฝ่ายวรยุทธ์ต่างกันเกินไป ทั้งห้าหันกลับมามองแวบหนึ่ง จากนั้นสบตาและพยักหน้าให้กัน แล้วโยนสัตยว์พาหนะออกมาช่วยเป็นพลังเท้า ไม่นานก็ดึงระยะห่างจากคนข้างหลังได้


เมื่อเห็นว่ายิ่งไล่ตามยิ่งห่างไกล ทหารสวรรค์คนหนึ่งก็รีบหยิบระฆังดาราออกมาเขย่า ได้แต่มองดูทั้งห้าหายไปยังจุดลึกในดาราจักร เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่มีปัจจัยที่จะขี่สัตว์พาหนะ


หลังจากนั้นครึ่งวัน ทั้งห้าถึงได้พบว่าตัวเองไปแหย่รังแตนเข้าแล้ว ระหว่างทางข้างหน้ามีทหารสวรรค์เหาะมาขวางทางไม่หยุด พร้อมตะโกนให้พวกเขาหยุด


ทั้งห้าจะกล้าหยุดเสียที่ไหนกัน และไม่เสียเวลาพัวพันด้วย บุกฝ่าผ่านไปหลายครั้งต่อต่อกัน จนสุดท้ายโดนทหารสวรรค์สิบกว่าคนขี่สัตว์พาหนะตามไม่ปล่อยแล้ว


สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นยังรออยู่ตอนหลัง บนฟ้าตรงหน้าพลันมีทหารสวรรค์เกราะม่วงหกคนโผล่มาเรียงแถวหน้ากระดาน ข้างหลังก็ยิ่งมีทหารสวรรค์กระจายกำลังอยู่หลายพันคน ฝ่ายตรงข้ามอุดทางพวกเขาไว้แล้ว เห็นได้ชัดว่ารีบมาดักรอล่วงหน้าหลังจากได้รับข่าว


หกคนที่มาขวางอยู่ข้างหน้า แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นนักพรตระดับบงกชรุ้ง


“ทำยังไงดี? สัตว์พาหนะของพวกเราไม่เร็วเท่านักพรตระดับบงกชรุ้งหรอก” ฉางเหลยถามอย่างกังวล ลำพังแค่ปีศาจแมงมุมระดับบงกชรุ้งคนเดียวก็ทำให้พวกเขาทนไม่ไหวแล้ว มิหนำซ้ำตอนนี้ยังมีนักพรตบงกชรุ้งโผล่มารวดเดียวหกคนอีก


“เข้ามาอยู่ในกระเป๋าสัตว์ข้า!” อวิ๋นอ้าวเทียนกล่าวเสียงต่ำ


สี่คนที่เหลือสบตากันแวบหนึ่ง เรื่องมาจนป่านนี้แล้ว พวกเขาไม่มีกะจิตกะใจมากังวลแล้วว่าอวิ๋นอ้าวเทียนจะฉวยโอกาสทำร้ายพวกเขาหรือเปล่า พากันเก็บสัตว์เทพทันที เป็นฝ่ายเข้าไปในกระเป๋าสัตว์ของอวิ๋นอ้าวเทียนแทน


ส่วนอวิ๋นอ้าวเทียนก็หยุดอยู่บนฟ้าเช่นกัน เมื่อเห็นกองกำลังกลุ่มใหญ่พุ่งเข้ามา เขาก็ถือดาบใหญ่สีแดงในแนวขวาง พร้อมพึมพำเบาๆ “วิถีมารครองใต้หล้า!”


ปราณมารลอยวนเวียนรอบกาย ก่อตัวกลายเป็นลูกกลมสองลูกบนแผ่นหลัง แล้วจู่ๆ ก็ระเบิดกลายเป็นปีกสีดำสองข้างราวกับผีเสื้อออกจากรังไหม


ปีกมารสองข้างขยับอย่างรวดเร็ว แล้วจู่ๆ ก็พุ่งขึ้นฟ้า บินวาดเป็นแนวเส้นโค้งเหนือท้องฟ้าผ่านกองกำลังกลุ่มใหญ่ข้างหน้าไป แม่ทัพเกราะม่วงหกคนนั้นหมุนตัวไล่ตามไปทันที โดยมีกำลังพลหลายพันคนเลี้ยวเปลี่ยนเส้นทางและไล่ตามอย่างบ้าคลั่ง


หลังจากนั้นพักหนึ่ง กำลังพลหลายพันก็โดนทิ้งห่างจนมองไม่เห็นเงาแล้ว มีเพียงนักพรตบงกชรุ้งหกคนที่ยังกัดไม่ปล่อยอยู่ข้างหลัง แต่ระยะห่างของทั้งสองฝ่ายก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ


แม่ทัพที่ไล่ตามอยู่ข้างหลังสบตากันแวบหนึ่งด้วยสีหน้าตกตะลึง ตามที่ได้รับรายงานข่าวก่อนหน้านี้ พวกเขาตัดสินว่าผู้ร้ายคือนักพรตระดับบงกชทอง เดิมทียังคิดว่าไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาลงมือเอง จนกระทั่งหลังจากได้ข่าวว่ากำลังพลเบื้องล่างตามคนร้ายไม่ทัน เบื้องบนถึงได้รีบส่งพวกเขามาดักทางไว้ แต่ใครจะคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะมีวิชาลับ ไม่น่าเชื่อว่าทุกคนจะไล่ตามไม่ทัน


แม่ทัพคนหนึ่งที่เป็นหัวหน้าเห็นสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล จึงหยิบระฆังดารารายงานสถานการณ์ ขอให้เบื้องบนส่งแม่ทัพใหญ่ที่เป็นนักพรตระดับพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพมา!


เบื้องบนตอบกลับมาสี่คำ : บอกตำแหน่งมา!


ทั้งหกคนไม่สนว่าจะไล่ตามทันหรือไม่ ต่อให้ระยะห่างจะเพิ่มขึ้นทีละนิด แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดไล่ตาม ทำแบบนี้จะได้ไม่คลาดจากเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็คงการติดต่อกับเบื้องบนไว้เป็นระยะ รายงานทิศทางที่ไล่ตามไป จนกระทั่งมองไม่เห็นเงาของอวิ๋นอ้าวเทียนแล้ว ทั้งหกถึงได้เลิกไล่ตาม


อวิ๋นอ้าวเทียนที่หันกลับไปมองเป็นระยะกลับยังไม่โล่งใจ ในใจกลับกระวนกระวายมากด้วยซ้ำ ร่องรอยเส้นทางถูกเปิดโปงแล้ว มีหรือที่ตำหนักสวรรค์จะหยุดอยู่แค่นี้ ตอนหลังจะยิ่งมีตัวละครที่ร้ายกาจกว่านี้โผล่มาแน่นอน


เดิมทีเขาคิดจะหาที่หลบ แต่การจะหลบตอนนี้ก็สายไปหน่อย อีกประเดี๋ยวกำลังพลของตำหนักสวรรค์จะต้องขยายการค้นหาบริเวณนี้อย่างเข้มงวดแน่นอน จะไปหลบอยู่ที่ดาวไหนก็ไม่ปลอดภัยทั้งนั้น มิหนำซ้ำรอบข้างก็มีกองกำลังกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่โผล่มาตะโกนให้หยุดเป็นระยะ ไม่มีทางหลบแล้วเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าอาณาเขตผืนนี้ถูกตำหนักสวรรค์ปิดล้อมไว้แล้ว กำลังพลกำลังเร่งมารวมตัวกันที่บริเวณนี้


โชคดีที่สถานที่เป้าหมายน่าจะอยู่ไม่ไกลแล้ว อวิ๋นอ้าวเทียนทำได้เพียงคาดหวังในความหยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าของเทพพยากรณ์ เชื่อมั่นว่าการไปยังสถานที่นั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง


หลังจากนั้นครึ่งวัน อวิ๋นอ้าวเทียนที่กวาดสายตามองไปรอบๆ เป็นระยะพลันหยุดจ้อง เรียกได้ว่าดีใจมาก ประตูดวงดาวที่อยู่ตรงหน้าปรากฏให้เห็นรางๆ แล้ว ถึงเป้าหมายแล้ว!


ในขณะที่กำลังจะเข้าใกล้ประตูดวงดาว เรื่องที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่านั้นก็เกิดขึ้นแล้ว อวิ๋นอ้าวเทียนที่ระแวดระวังรอบข้างพลันเบิกตากว้างมองไปข้างหลัง เห็นเพียงคนสามคนที่สวมเกราะรบสีแดงยศแม่ทัพใหญ่ไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว


นักพรตระดับพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพ! อวิ๋นอ้าวเทียนหัวใจกระตุกวูบ สามคนนั้นมีความเร็วที่น่าหวาดกลัว ใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว จากเงาคนที่เลือนรางก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ชัดเจนแล้ว


…………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)