ลำนำบุปผาพิษ 1167-1170

 บทที่ 1167 ข้ากับเจ้าสนิทชิดเชื้อกันมากหรือ (3)


กู้ซีจิ่วนิ่งเงียบ ทว่าไม่รู้ด้วยเหตุอันใด ถึงแม้เขาจะทำตัวกะล่อนใส่เธอ แต่เธอกลับไม่รู้สึกรังเกียจแม้แต่น้อย


ทั้งที่ตอนนี้เธอรังเกียจผู้ชายทุกคน…


เธอสงบจิตใจลง “ตี้ฝูอี เจ้าเป็นผู้ควบคุมความฝันของข้าใช่หรือไม่?” เหมือนเธอจะนึกถึงอะไรบางอย่าง “ไม่ใช่ว่าความฝันทั้งหมดคือความไม่รู้สึกตัวเช่นนั้นหรือ? เหตุใดช่วงนี้ข้ากลับฝันต่อเนื่องและได้พบเจ้าทุกครั้ง…เจ้าว่าเพราะเจ้าถูกตรึงไว้ ปรารถนาให้มีผู้ใดมาปลดปล่อย เจ้าจึงมาควบคุมความฝันของข้าใช่หรือไม่? ทำให้ข้าฝันถึงอะไรที่เรียกว่า ‘ความทรงจำ’ ทำให้ข้าสงสารเจ้ามากยิ่งขึ้น…”


เธอยิ่งอนุมานก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นเช่นนี้ เมื่อพูดมาถึงตรงนี้สุ้มเสียงค่อนข้างสั่นเครือ


เธอรู้สึกว่าความฝันเหล่านี้มีบางอย่างผิดปกติ ไม่เหมือนความฝันจริงๆ กลับเหมือนถูกใครบางคนควบคุมอยู่…


ตี้ฝูอีคาดไม่ถึงว่านางจะตั้งข้อสงสัยได้มากถึงเพียงนี้ อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ ต่อให้แม่นางน้อยสูญเสียความทรงจำ แต่ความสามารถในการคิดอย่างมีเหตุผลของนางกลับดีเยี่ยมยิ่งนัก หลอกลวงได้ไม่ง่ายเลย


“ข้าไม่ได้ควบคุมความฝันเจ้า ซีจิ่ว ความฝันนี้เจ้าเป็นคนควบคุมมันเอง เจ้าเป็นเจ้าของความฝันนี้…”


“แต่เหตุใดข้าจึงฝันถึงแต่เจ้า?”


“นั่นเป็นเพราะเจ้าชอบข้าอย่างไรเล่า ก่อนที่เจ้าจะสูญเสียความทรงจำ เจ้ากับข้ารักกัน”


หัวใจกู้ซีจิ่วพลันสั่นไหว “พูดจาเหลวไหล คนที่ข้าชอบคือพี่โม่ต่างหาก…”


ตี้ฝูอีเหลือบมองนาง “เจ้าชอบเขาแบบไหน?”


ใบหน้างดงามของกู้ซีจิ่วแดงระเรื่อ เธอในตอนนี้พูดอย่างตรงไปตรงมา “เมื่อเจอเขา หัวใจข้าสั่นไหว รู้สึกตื่นเต้น ชอบอยู่ข้างกายเขา ชอบฟังคำพูดของเขา ชอบทำตามที่เขาบอก…”


“ปฏิกิริยาของลูกกลอนสุรภี! ซีจิ่ว ความรู้สึกที่เจ้ามีต่อเขาเป็นเพราะปฏิกิริยาของลูกกลอนสุรภี”


กู้ซีจิ่วไม่เข้าใจ ตี้ฝูอีจึงอธิบายสรรพคุณของลูกกลอนสุรภีให้นางฟังอย่างละเอียด


กู้ซีจิ่วตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ความจริงเธอยังประหลาดใจเรื่องที่เธอได้กลิ่นเหม็นของผู้ชายคนอื่น ตอนนั้นโม่เจ้าอธิบายว่าเป็นเพราะร่างโคลนนิ่ง เธอจึงมีประสาทสัมผัสรับกลิ่นที่ไม่เหมือนใคร ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว….


ทว่าพูดได้ยากว่าตี้ฝูอีที่อยู่ต่อหน้านี้จะไม่หลอกลวงเธอ โม่เจ้าบอกว่าตี้ฝูอีเป็นมารร้าย เป็นคนที่ชั่วช้าที่สุด ทำการสิ่งใดไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล…


เธอบ่นพึมพำกับตัวเองอยู่สักครู่หนึ่ง สายตาร่อนลงบนใบหน้าของเขา “เจ้าว่าข้าคือเจ้าของความฝันนี้ที่แท้จริง? ปรารถนาสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้นใช่ไหม?”


ตี้ฝูอีพยักหน้า “โดยหลักการแล้วเป็นเช่นนั้น”


กู้ซีจิ่วพยักหน้า “อืม!” เธอหลุบตาลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ากำลังรวบรวมสมาธิคิดสิ่งใดอยู่ จากนั้นใต้เท้าของตี้ฝูอีพลันว่างเปล่า พื้นดินแยกออกกลายเป็นหลุมหลุมหนึ่ง เขาตกลงไปในทันที


กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง ‘โอ้โห อัศจรรย์นัก!’


เธอกำลังยุ่งกับการคิดบางสิ่งอยู่ ทันใดนั้น ฝ่าเท้าของตี้ฝูอีที่ตกลงไปเหยียบถูกอะไรเข้า สิ่งนั้นนำเขากลับขึ้นมาในทันที


ตี้ฝูอีก้มหน้ามองดู พบว่าสิ่งที่ตัวเองเหยียบโดนเข้าคือดอกเห็ดขนาดมหึมา…


เขานิ่งเงียบ ‘พลังแห่งจินตนาการนี้! ยอดเยี่ยม!’


เขาจัดระเบียบเสื้อคลุมเล็กน้อย อมยิ้มมองดูนาง “คราวนี้เชื่อแล้วหรือยัง?”


ภาพฉากที่เกิดขึ้นทั้งหมดเหมือนกับความคิดของกู้ซีจิ่ว ในที่สุดเธอก็เชื่อแล้ว


เธอพิจารณาตี้ฝูอี “เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทางเหมือนไม่เกรงกลัวเลย? เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะใช้ความคิดทำให้เจ้าตกไปอยู่ใต้พื้นดินเลยหรือ?”


ตี้ฝูอีถอนใจเบาๆ “เจ้าทำไม่ลงหรอก”


กู้ซีจิ่วใจสั่นไหว


ใช่แล้ว เธอทำไม่ลง เธอมีความรู้สึกที่ดีต่อเขา และอยากอยู่ใกล้เขาอย่างมิอาจบรรยายได้…


“เจ้าบอกว่าพวกเราเคยรักกันมาก?”


“ใช่ รักกันมาก”


—————————————————


บทที่ 1168 ข้ากับเจ้าสนิทชิดเชื้อกันมากหรือ (4)


“ถึง…ถึงขั้นไหนแล้ว?”


ตี้ฝูอีกล่าวตอบ “แนบแน่น”


กู้ซีจิ่วขวยเขินใบหน้าแดงระเรื่อ คำพูดนี้ของเขาทำให้คนคิดไปไกลยิ่งนัก…


“ความหมายของเจ้าคือ? ข้ากับเจ้าเคย…เคยขึ้นเตียงกันแล้ว?” บางทีเรื่องราวในชาติก่อนอาจทิ้งร่องรอยไว้อย่างลึกซึ้ง กู้ซีจิ่วถึงแม้ไม่มีความทรงจำ กลับหลุดพูดคำพูดยุคปัจจุบันออกมาบ้างเป็นครั้งคราว


ทว่าตี้ฝูอีกลับไม่เข้าใจความหมายแฝงของคำว่า ‘เคยขึ้นเตียง’ ดังนั้นจึงหยุดชะงัก ตอบกลับเธออย่างเป็นธรรมชาติว่า “แน่นอน” เขากับเธอเคยนอนเตียงเดียวกันหลายครั้งหลายครา ถึงแม้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เห็นได้ชัดว่าเคยขึ้นเตียงกันแล้ว…


ใบหน้ากู้ซีจิ่วแดงก่ำขึ้นไปอีก ปฏิเสธเขาอย่างมั่นใจ “โกหก! ข้ายังบริสุทธิ์อยู่! ข้าเคยขึ้นเตียงกับเจ้าที่ไหนกัน? เจ้าโกหกเป็นแน่!” ร่างกายนี้ของเธอบริสุทธิ์หรือไม่เธอย่อมรู้ดีที่สุด


ตี้ฝูอีนิ่งอึ้ง ในที่สุดเขาก็เข้าใจคำว่า ‘ขึ้นเตียง’ ที่นางพูดว่าหมายความว่าอะไรแล้ว!


ที่แท้เด็กคนนี้ไม่ได้ใสซื่อบริสุทธิ์ขนาดนั้น!


กู้ซีจิ่วก่อนสูญเสียความทรงจำมีความคิดหนักแน่น เยือกเย็น นางไม่มีทางพูดคำพูดเช่นนี้อย่างแน่นอน


แต่หลังจากที่สูญเสียความทรงจำนางไม่มีการยับยั้งชั่งใจ คิดอยากพูดสิ่งใดก็พูดออกมาเลย ตรงไปตรงมา ไม่พูดอ้อมค้อม…


ตี้ฝูอีมองลึกเข้าไปในดวงตานางพลางพูดช้าๆ “ที่เราไม่เคยขึ้นเตียงกัน นั่นก็เป็นเพราะเจ้าคิดว่าร่างกายของเจ้าอายุยังน้อย อยากให้เป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ ข้าให้เกียรติเจ้ามาตลอด ย่อมโอนอ่อนตามใจเจ้า”


กู้ซีจิ่วมองร่างกายตัวเองอย่างไม่รู้ตัว ร่างกายเธอในตอนนี้คือกายจิต และมีลักษณะเช่นเดียวกับตอนที่เธอตายไปชาติที่แล้ว ดูเหมือนอายุประมาณยี่สิบปี


เธอคิดถึงร่างกายตอนที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง รูปโฉมน่าจะอายุมากกว่าสิบแปด


ไม่เด็กแล้วนะ!


“อายุร่างกายของข้าน่าจะไม่เด็กแล้วกระมัง?” กู้ซีจิ่วบ่นพึมพำ “ข้ารู้สึกว่าตอนนั้นที่ข้าไม่ยอมรับเจ้า สาเหตุคงไม่ใช่เพราะร่างกายเด็ก นั่นเป็นข้ออ้าง ข้าน่าจะไม่ได้รักเจ้า…”


ตี้ฝูอีเหลือบมองนาง “ข้าก็รู้สึกว่าไม่เด็กแล้ว รองรับ.ของข้าได้..ที่แท้นั่นก็เป็นข้ออ้างเช่นนั้นหรือ…”


เสียงของเขาเยือกเย็นไม่รีบร้อน กู้ซีจิ่วตัวสั่นสะท้าน เชิดคางขึ้นโดยไม่รู้ตัว “ข้าไม่ได้รักเจ้าย่อมต้องหาข้ออ้าง”


“เช่นนั้น หากเจ้ารักข้าล่ะ? เจ้าจะยินยอม…”


“ก็คงเป็นเช่นนั้น ในเมื่อทั้งสองฝ่ายรักกัน คงไม่มีมาคิดเล็กคิดน้อยกับบางสิ่งที่ไม่จำเป็น…” จิตใต้สำนึกของกู้ซีจิ่วยังมีแนวคิดของยุคปัจจุบันอยู่ ในความคิดเธอ ตราบใดที่ชายหญิงรักกันจริง ภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสม ต่อให้ร่วมหลับนอนกันก็ไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องรอจนถึงคืนวันส่งตัวเข้าหอ


ตี้ฝูอีพยักหน้า “ดีมาก ข้อจะจดจำคำเจ้าเอาไว้” เมื่อถึงเวลาเขาจะลงมือด้วยตัวเอง ไม่ต้องยับยั้งชั่งใจอีก!


กู้ซีจิ่วไร้เดียงสา ไม่รู้ตัวว่าบทสนทนาในครั้งนี้ เธอได้เผยไต๋ตัวเองออกมาไม่เหลือชิ้นดีแล้ว เธอรู้สึกว่าการพูดคุยหัวข้อสนทนานี้ต่อไปไม่เหมาะสำหรับเด็ก อีกทั้งไม่เข้ากับสถานการณ์ตอนนี้ ดังนั้นจึงเริ่มเปลี่ยนหัวข้อ “เจ้าหิวหรือไม่?”


เห็นได้ชัดว่าตี้ฝูอีคิดเลยเถิดไปไกลแล้ว ดวงตาทั้งคู่ของเขาจ้องมองเธอ “หิว! ข้าหิวมาก!” ความจริงแล้วกายจิตกับกายจิตร่วมอภิรมย์กันได้ เพียงแต่ความไวของประสาทสัมผัสจะไม่สูงมากนัก


เขาปรารถนาจะร่วมอภิรมย์กับนางยิ่งนัก แต่เขาเป็นผู้พึงใจในความสมบูรณ์แบบ เขารู้สึกว่าครั้งแรกของเขากับนางจะต้องไร้ที่ติและทำด้วยความเต็มใจ ต่างฝ่ายต่างมีความประทับใจที่ลึกซึ้งซึ่งกันและกัน


หากต้องการความสมบูรณ์แบบ กายจิตกับกายจิตไม่เหมาะสมอย่างเห็นได้ชัด แต่หากว่านางต้องการเชื้อเชิญเขา…


กู้ซีจิ่วกะพริบตา เบื้องหน้าปรากฏทะเลสาบผืนใหญ่ขึ้นทันใด ระลอกคลื่นกระเพื่อมไหว ภายในทะเลสาบมีปลาที่อุดมสมบูรณ์กำลังกระโดดโลดเต้น กู้ซีจิ่วไม่รู้ไปเอาเบ็ดตกปลามาจากไหน “ข้าจะตกปลาให้เจ้ากิน”


ตี้ฝูอีกล่าวอันใดไม่ออก


————————————————–


บทที่ 1169 คราวนี้เขาคิดเลยเถิดไปไกลแล้ว!


ตี้ฝูอีนิ่งอึ้ง เอาเถิด คราวนี้เขาคิดเลยเถิดไปไกลแล้ว!


กู้ซีจิ่วฉลาดเฉลียวยิ่งนัก หากนางควบคุมความฝันได้ นั่นคือปรารถนาสิ่งใด สิ่งนั้นก็จะปรากฏออกมาจริงๆ นางตกปลากะพงในทะเลสาบแห่งนี้ได้ ตระเตรียมอยู่ตรงนั้นอย่างดีอกดีใจ “ชอบรสปลากะพงที่สุดเลย เจ้าอยากกินแบบตุ๋นหรือแบบย่าง?”


ตี้ฝูอีเข้าใจดี เนื่องจากครั้งที่แล้วกู้ซีจิ่วไม่ได้ให้เขากินปลา ในใจยังคงรู้สึกผิด ดังนั้นครั้งนี้จึงอยากชดเชยให้เขา


เขาอบอุ่นในหัวใจ นั่งลงข้างกายนาง ดวงตาวาบไหวจ้องมองคันเบ็ดของนาง “ตกมาหลายตัวหน่อย ทั้งตุ๋น ทั้งย่าง ทั้งทอด…”


คนผู้นี้ช่างละโมบเสียจริง! ทว่ากลับไม่น่ารังเกียจ


กู้ซีจิ่วเป็นมือหนึ่งเรื่องการตกปลา เพียงครู่เดียวก็ตกปลาได้อีกตัว จากนั้นจึงโยนให้ตี้ฝูอี “เจ้ารับผิดชอบจัดการ”


ตี้ฝูอีไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด ย่อตัวลงนั่งเริ่มต้นชำแหละปลา


กู้ซีจิ่วยังตกปลาต่อไป ทั้งสองคนแบ่งงานช่วยเหลือกัน ข้าขาอย่างหาที่เปรียบมิได้


เมื่อกู้ซีจิ่วตกปลาขึ้นมาสามตัว ปลาของตี้ฝูอีก็ถูกชำแหละเรียบร้อยแล้ว รอดูว่านางจะย่างหรือทอด


กู้ซีจิ่วจิตใจเหม่อลอย พลันรู้สึกว่าคนสองคนความสัมพันธ์เรียบง่ายเช่นนี้ช่างอบอุ่นหัวใจนัก ประหนึ่งคู่สามีภรรยาธรรมดาดำรงชีวิตอย่างเรียบง่ายทำนองนั้น น่าพึงพอใจและสบายใจยิ่ง จนถึงขั้นยังตื้นตันใจด้วย


ความรู้สึกเจ็บแปลบอย่างประหลาดก่อตัวขึ้น เธอรู้สึกหวาดกลัวพิธีวิวาห์ในวันพรุ่งนี้ขึ้นมาในบัดดล…


ในส่วนของพิธีวิวาห์วันพรุ่งนี้ ความจริงแล้วส่วนลึกในใจเธอคัดค้านมาโดยตลอด ทั้งๆ ที่เธอรู้สึกชอบโม่เจ้ามาก แต่กลับหวาดกลัวอย่างมิอาจบรรยายได้


เหตุที่เธอตกลงก็เพราะโม่เจ้าไม่เว้นที่ว่างให้เธอปฏิเสธได้เลย และเธอก็เคยชินกับการเชื่อฟังคำพูดของเขา


เธอเหม่อลอยไปชั่วขณะ ไม่ทันระวังโดนก้างปลาทิ่มเข้าไปค่อนข้างลึก หยดโลหิตพลันไหลออกมา


“เหตุใดถึงไม่ระวังขนาดนี้?” ตี้ฝูอีคว้ามือนางมาทันที เมื่อเห็นหยาดโลหิตไหล เขาดูดนิ้วมือนางซับเลือดให้ด้วยปาก


หัวใจของกู้ซีจิ่วเต้นระรัว!


นิ้วมือที่ถูกสัมผัสนั้นมีความรู้สึกไวผิดปกติ เปียกชื้น อบอุ่น ความรู้สึกซาบซ่านอย่างบอกไม่ถูกส่งผ่านมาที่ปลายนิ้วเป็นระลอก ทำให้หัวใจของเธอเต้นตึกตัก


เธอรีบดึงมือตัวเองกลับมา “เจ้า…”


ตี้ฝูอีกลับไม่ได้สนใจ อธิบายให้นางฟัง “ในห้วงแห่งความฝัน หากบาดเจ็บจะไม่สามารถใช้ยารักษาได้ หากใช้ก็ไม่มีประโยชน์ ข้าดูดสักประเดี๋ยว บาดแผลเจ้าก็หายแล้ว ไม่เชื่อเจ้าดูเอาเอง”


เมื่อกู้ซีจิ่วก้มหน้าลงมอง บาดแผลที่นิ้วมือของเธอหายไปแล้ว ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนตอนแรก


คาดไม่ถึงว่าการดูดซับด้วยปากของเขามีสรรพคุณเช่นนี้…


กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าตัวเองรู้บางอย่างเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ดวงตาเธอวาบไหวมองตี้ฝูอี “เจ้า…เจ้าไม่ได้เป็นคนรักสะอาดมาตลอดหรือ? เช่นนี้เจ้าไม่รังเกียจว่ามันสกปรกรึ? ข้าเพิ่งหยิบฟืนมาด้วย…”


ตี้ฝูอีนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “เหตุใดเจ้าถึงรู้ว่าข้ารักสะอาด?”


กู้ซีจิ่วกล่าวอันใดไม่ออก ทว่าจิตใต้สำนึกของเธอบอกว่ารู้…


สายตาตี้ฝูอีพลันวูบไหว “เจ้านึกอะไรบางอย่างออกใช่หรือไม่?”


กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ไม่ใช่”


เธอไม่ค่อยสบายใจเมื่อเห็นดวงตาที่หมองหม่นลงในทันใดของเขา “คนที่เจ้าชอบคือข้าคนที่มีสิ่งที่เรียกว่าความทรงจำนั่นใช่ไหม? ข้าในตอนนั้นมีลักษณะเช่นไร?”


ตี้ฝูอีไม่ทันสังเกตท่าทีของนาง จึงเอ่ยปากบอกเล่านิสัยและอารมณ์ของนางในตอนนั้น


กู้ซีจิ่วไม่พูดอันใดแล้ว


ความจริงรูปแบบนิสัยของคนคนหนึ่งกับสิ่งแวดล้อมที่เติบโตขึ้นมามีความสัมพันธ์กันมาก เหมือนวิญญาณดวงหนึ่งกลับชาติมาเกิด ก็มิใช่ว่าลักษณะนิสัยของทุกชาติจะเหมือนกันเสมอไป


เธอที่สูญเสียความทรงจำกับคนก่อนหน้าย่อมแตกต่างกันอย่างยิ่ง กู้ซีจิ่วที่เป็นนักฆ่าเยือกเย็น ขี้สงสัย และโหดเหี้ยม


—————————————————


บทที่ 1170 วายร้ายตัวน้อยผู้ดื้อดึง!


กู้ซีจิ่วที่เป็นนักฆ่าเยือกเย็น ขี้สงสัย โหดเหี้ยม ทว่าเธอที่สูญเสียความทรงจำประหนึ่งผ้าขาวผืนหนึ่ง ถึงแม้จะมีนิสัยตรงไปตรงมา แต่เห็นได้ชัดว่ายังไร้เดียงสา บุ่มบ่ามไปบ้าง ทำสิ่งใดไม่อ้อมค้อม


ดังนั้นเรื่องบางเรื่องตี้ฝูอีจึงบอกเธอไม่ได้ ไม่เช่นนั้นอาจโดนโม่เจ้าใช้วาจาหว่านล้อมได้อย่างง่ายดาย…


ในที่สุดของที่สุด กู้ซีจิ่วก็ย่างปลาตัวหนึ่งให้ตี้ฝูอี ส่วนต้มผัดแกงทอดอะไรนั่นไม่มีอีกแล้ว


ตี้ฝูอีนิ่งอึ้ง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำสิ่งใดให้นางไม่พอใจ เพียงแต่รู้ว่าท่าทีที่นางมีต่อเขาเย็นชากว่าเดิม


ความจริงแล้ว ตี้ฝูอีไม่ได้สนใจการกินปลาเสียเท่าใด สิ่งที่เขาร้อนรนใจมากที่สุดคือช่วยนางตามหาความทรงจำกลับคืน ดังนั้นหลังจากที่กินปลาย่างตัวนั้นเรียบร้อย เขาเร่งเร้าให้นางลุกขึ้น ไปค้นหาความทรงจำด้วยกันต่อ


คาดไม่ถึงว่ากู้ซีจิ่วกลับไม่สนใจแล้ว “ข้าไม่อยากตามหาความทรงจำอะไรนั่นอีก ข้าว่าข้าที่เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว! เจ้าไปเสียเถิด! ไม่ต้องเข้ามาในความฝันของข้าอีกต่อไป!”


เพิ่งกล่าวประโยคนี้ไม่ทันไร ด้านหน้าของตี้ฝูอีพลันดำมืด เขาถูกส่งออกจากห้วงความฝันของนาง…


บนโต๊ะมีโคมไฟสลัว ตี้ฝูอียืนอยู่หน้าเตียงกู้ซีจิ่ว จ้องมองใบหน้ายามหลับใหลของนาง ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะถูกขับไล่ออกมาเช่นนี้!


เขากระชับนิ้วมือแน่น ทั้งที่หากวันนี้เขาเพียรพยายามอีกสักเล็กน้อย ก็จะสามารถปลดพันธนาการที่ปิดกั้นความทรงจำในห้วงความฝันของนาง และนางก็จะกลับคืนสู่ร่างกายเดิมได้อย่างราบรื่น คาดไม่ถึง…


เขาไม่ยอมแพ้ นิ้วมือทำมุทราเล็กน้อย ปรารถนาจะกลับเข้าไปในห้วงความฝันของนางอีกครั้ง คิดไม่ถึงว่าร่างกายของเขาเพิ่งเข้าใกล้นางก็ถูกดีดกลับออกมาอีกครั้ง


เห็นได้ชัดว่าจิตใต้สำนึกของนางปฏิเสธที่จะให้เขาเข้าไปอีกครั้ง…


แท้จริงแล้วจิตใต้สำนึกของนางแข็งแกร่งมาก หากไม่ต้องการให้ผู้ใดเข้าไป ต่อให้เป็นตี้ฝูอีก็ไม่มีทางเข้าไปได้


วายร้ายตัวน้อยผู้ดื้อดึงนี่!


ตี้ฝูอีอยากจับนางมาตีสั่งสอนเสียให้เข็ดหลาบ


นิ้วมือเขากระชับเบาๆ ขณะกำลังจะทำบางสิ่ง เขาสังเกตเห็นบางอย่าง เงาร่างพลันหายวับไป


กู้ซีจิ่วในห้วงความฝันยืนอยู่ที่เดิมดังกล้องสลับลาย เห็นตี้ฝูอีหายสาบสูญไปในพริบตาแล้วก็หลับตาลง


ความฝันของเธอ เธอเป็นคนตัดสินใจเอง ไม่ต้องมีผู้ใดมาควบคุม!


เธอสูดลมหายใจเบาๆ มุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง


ทิศทางนั้นเป็นสถานที่ที่มีสีสันแพรวพราวที่สุด อีกทั้งยังชัดเจนและอบอุ่นที่สุด ดึงดูดความสนใจทั้งหมดของเธอได้อย่างน่าประหลาด


อีกไม่นานก็จะได้เห็นชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วว่าตรงนั้นมีอะไรกันแน่ ทันใดนั้น กำแพงแนวหนึ่งปรากฏเบื้องหน้า เฉกเช่นครั้งที่แล้ว สูงเสียดฟ้า ต่ำจรดดิน ต่อให้เธอติดปีกคู่หนึ่งก็ไม่อาจบินข้ามไปได้


คราวที่แล้วเธอก็เหมือนจะมาได้ถึงตรงนี้ ขณะกำลังทำลายเขตแดนก็ถูกปลุกให้ตื่น…


คราวนี้เธอจะไม่เป็นเช่นนั้น! เธอจะผ่านมันไปให้ได้! ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องฝ่าเข้าไป! หากข้ามผ่านตรงนี้ไปไม่ได้เธอจะไม่ตื่น เธอไม่อยากทนทุกข์ทรมานอยู่ในที่แบบนี้อีกแล้ว!!


เธอเริ่มโจมตีกำแพงที่ประหลาดนั้น


กำแพงนี้ไม่ได้แข็งแรงทนทานธรรมดา ความหนาราวกับหล่อด้วยเหล็กกล้า เธอพยายามทุกวิถีทางก็ไม่อาจหาช่องทางด้านบนที่ออกไปได้


เหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยล้าผิดปกติ เธอรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยจวนจะกระอักเลือด


กำแพงนั้นสูงตระหง่าน ประหนึ่งระเบิดลูกหนึ่งก็ไม่อาจระเบิดทลายได้…


สิ่งที่เธอไม่อาจรับรู้ได้ก็คือ ถึงแม้เธอเหนื่อยล้าจะเป็นจะตาย แต่พละกำลังที่ปลดปล่อยออกมากลับมากขึ้นเรื่อยๆ แสงสีขาวจางๆ ปรากฏขึ้นรอบกายเธอ ภายใต้แสงสีขาวนั้นมีเจ็ดสีเรืองรองอยู่รางๆ…


เธอก็ไม่รู้ว่าพยายามมานานเท่าไรแล้ว เพิ่งจะรู้สึกว่าร่างกายร้อนรุ่ม แสงหลากสีสายหนึ่งพลันพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องนภา!


และในพริบตานั้น กำแพงที่มั่นคงจนมิอาจทำลายล้างได้เบื้องหน้าก็พังทลายเสียงดังกึกก้อง ตัวเธอโน้มลง พุ่งเข้าไปในกำแพงนั้น ภาพฉากนับไม่ถ้วนซัดถาโถมเข้ามาที่ตัวเธอราวกับเกลียวคลื่น…


———————————————–

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)