ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1164-1177

 ตอนที่ 1164 ปากไม่ตรงกับใจ


เหมยเหมยอึ้งไปสักพัก คุณปู่เพิ่งจะพูดเรื่องนี้กับเธอยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมตาแก่โรคจิตถึงรู้เร็วขนาดนี้ หรือว่าเขาติดเครื่องดักฟังไว้ในบ้านตระกูลจ้าว


เฮ่อเหลียนชิงคาดเดาปฏิกิริยาของเหมยเหมยได้อย่างเหมาะเจาะแต่กลับรู้สึกรังเกียจ สมองโง่อย่างกับหมูอย่างนี้จะคู่ควรกับลูกชายของเขาได้อย่างไร


ที่น่ารำคาญที่สุดคือหน้าตาที่คล้ายกับปีศาจจิ้งจอก ตอนเด็ก ๆดูเหมือนจิ้งจอกน้อยแสนน่ารัก แต่พอโตขึ้นมา กลายเป็นนางพญาจิ้งจองเก้าหางไปเสียได้ ผู้หญิงแบบนี้จะมาเป็นภรรยาออกหน้าออกตาได้อย่างไรกัน


อีกหน่อยธรณีประตูของบ้านตระกูลเฮ่อเหลียนคงจะต้องกลายเป็นสีเขียวแน่


เฮ่อเหลียนชิงรู้สึกเสียใจที่ตอนนั้นรีบร้อนตัดสินใจตกปากรับคำเรื่องที่ถ้าเหมยเหมยผ่านการทดสอบขึ้นมาก็จะยอมรับยัยนี้ แต่ไม่รู้ว่ายัยเด็กนี่จะโชคดีอะไรนักหนารอดจากการถูกเล่นงานได้ตลอด


คำพูดเมื่อพูดออกมาแล้วไม่สามารถผิดคำพูดได้


คำพูดที่รับปากของลูกชายไปแล้ว ไม่รักษาคำพูดได้ไหมนะ


เฮ่อเหลียนชิงตาสว่างขึ้นมาในทันที ก่นด่าความเลอะเลือนของตัวเองในใจ สุภาพบุรุษจะต้องรักษาคำพูด แต่เขาไม่ใช่สุภาพบุรุษเลยสักนิด พูดแล้วไม่รักษาคำพูดต่างหากล่ะถึงจะเป็นเขา


ยึดถือความเชื่อแบบผิด ๆไปละกัน


พอคิดได้แล้วเฮ่อเหลียนชิงก็มีความสุขเป็นอย่างมาก สีหน้าแสดงออกให้เห็นถึงความพึงพอใจ เหมยเหมยเริ่มหวาดระแวง ไม่รู้ว่าตาแก่โรคจิตนี่จะคิดเรื่องชั่วอะไรอีก


“คุณรู้ได้ไงว่าคุณปู่จะให้ฉันช่วยคุณย่า” เหมยเหมยถามขึ้นด้วยความสงสัย


เฮ่อเหลียนชิงส่งเสียงอย่างได้ใจ “บนโลกนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่ฉันไม่รู้ แกตอบตกลงตาแก่จ้าวไปแล้วเหรอ”


“เปล่านี่คะ ฉันไม่ใช่เทวดามาจากไหนสักหน่อย จะไปช่วยคุณย่าได้อย่างไรกัน”


เหมยเหมยส่ายหัว เรื่องที่หล่อนมียาวิเศษในครอบครองมีเพียงเหยียนหมิงซุ่นเท่านั้นที่รู้เรื่อง แม้แต่จ้าวอิงหัวกับเหยียนซินหย่าหล่อนก็ไม่ได้บอก และไม่ได้เล่าให้เฮ่อเหลียนชิงฟังอย่างแน่นอน


เฮ่อเหลียนชิงมองไปที่เหมยเหมยอย่างมีเล่ห์นัย มุมปากมีรอยยิ้มที่ไม่อาจคาดเดาได้ เหมยเหมยถูกเขามองจนเริ่มขนลุก หรือว่าตาแก่โรคจิตนี่จะรู้อะไรมา


“ครั้งนี้ยังดีที่ไม่โง่ คุณย่าของเธอหมดอายุขัยแล้ว ชะตาฟ้าลิขิตไม่อาจฝืนได้ เธอไม่ต้องสนใจอะไรก็พอแล้ว”


เหมยเหมยฟังแล้วรู้สึกแปลก ๆแต่ก็ยังพอฟังรู้เรื่อง ความหมายของเฮ่อเหลียนชิงก็คือคุณย่าถึงเวลาต้องไปแล้ว ไม่ต้องไปสนใจความเป็นความตายของหล่อน


“ต่อให้ฉันอยากสนใจก็ช่วยอะไรไม่ได้ ฉันไม่ใช่พญายมทูตเสียหน่อย อยากให้ใครตายก็ต้องตาย จะให้ใครอยู่ก็อยู่ สมองคุณเลอะเลือนไปกันใหญ่แล้ว” เหมยเหมยแย่งพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ


เฮ่อเหลียนชิงหัวเราะอย่างมีเลศนัย ยัยเด็กนี่คงนึกว่าตัวเองฉลาดมาก


อย่าคิดว่าจะมีเรื่องไหนปิดบังเขาได้


สามปีมานี้สุขภาพของเขาดีขึ้นมาก อีกทั้งร่างกายที่แข็งแรงราวกับซาตานของเหยียนหมิงซุ่น แล้วก็สุขภาพที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของลูกชายคนรองบ้านตระกูลจ้าว แค่เขาลองคิดดูสักนิดก็พอจะเดาออกมาได้บ้างแล้วล่ะ


เขาเชื่อในชะตาฟ้าลิขิต ความโชคดีไม่ใช่เรื่องที่บังคับกันได้ ฟ้าให้ใครมันก็เป็นของคนนั้น แย่งมาก็เท่านั้น


แค่เอาความโชคดีมาไว้ใกล้ ๆตัวยังดีกว่า อาจจะได้ความโชคดีติดมาบ้าง


เหมยเหมยกินข้าวกับเฮ่อเหลียนชิงแล้วก็กลับ  ฉิวฉิวไม่ได้กลับไปด้วยอย่างเคย อีกทั้งยังได้อีกประโยคกลับมาว่า “เลิกยุ่งเรื่องคนอื่น ชีวิตจะยืนยาว”


นี่เป็นครั้งที่สามที่เฮ่อเหลียนชิงเตือนหล่อน ถึงเหมยเหมยจะโง่เพียงใดแต่ก็สามารถเดาออกว่าเฮ่อเหลียนชิงต้องมองอะไรออกแน่ ๆ


แต่ว่าเธอไม่กลัวหรอก ถึงแม้เธอจะกัดกับตาแก่ที่ทุกครั้งที่เจอ แต่หล่อนเชื่อใจตาแก่โรคจิตมากกว่าคนในบ้านตระกูลจ้าวเสียอีก


“คุณเองก็ไม่ควรยุ่งเรื่องคนอื่นเหมือนกัน เลิกยุ่งเรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับพี่หมิงซุ่น วัน ๆคิดแต่จะเอาผู้หญิงหน้าตาอัปลักษณ์มายั่วยวนพี่หมิงซุ่นอยู่ได้” เหมยเหมยพูดจาเสียดสีกลับไป


เฮ่อเหลียนชิงส่งเสียงไม่พอใจ หยิบรูปภาพกองใหญ่ออกจากกระเป๋า ชี้ไปที่รูปผู้หญิงที่อยู่บนสุด แล้วพูดว่า “ผู้หญิงพวกนี้ดูสวยสง่ากว่าเธอทั้งนั้น ฉันแนะนำของฉัน เธอจะกระวนกระวายอะไรนักหนา  หรือว่ากลัวว่าหมิงซุ่นจะโดนผู้หญิงอื่นแย่งไป”


“พูดจาไร้สาระของคุณไปเถอะ ในใจของพี่หมิงซุ่นมีแค่ฉันคนเดียว ใครก็แย่งไปไม่ได้”


เหมยเหมยเดินจากไปด้วยความโมโห เสี่ยวเมิ่งจัดคนส่งเธอกลับบ้าน  พอเห็นเจ้านายดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก็รู้สึกขบขัน เจ้านายปากก็บอกว่ารังเกียจคุณหนูจ้าว แต่จริง ๆเป็นห่วงหล่อนเสียยิ่งกว่าใคร ไม่เช่นนั้นเมื่อสักครู่คงไม่หลุดเตือนคุณหนูจ้าวไปครั้งแล้วครั้งเล่าหรอก


…………………………………….


 ตอนที่ 1165 รสนิยมแย่


“นายท่านครับ นายท่านคิดว่าจ้าวหวายซานจะเดาอะไรออกหรือเปล่าครับ” เสี่ยวเมิ่งถาม


เฮ่อเหลียนชิงแสยะยิ้มพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ไอ้โง่นั่นเพิ่งมาเริ่มสงสัยตอนนี้จะไปมีประโยชน์อะไร ใจของจ้าวเหมยตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่บ้านตระกูลจ้าวอีกต่อไปแล้ว”


จากที่เขาได้สืบดูมาเมื่อห้าปีที่แล้ว จ้าวเหมยรักษาสุขภาพให้กับจ้าวหวายซานสองสามีภรรยาแต่สามปีที่แล้วขาดการรักษาไป ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดขนาดนี้ตาโง่นั่นกลับยังไม่สงสัยอะไร ไม่น่าบ้านตระกูลจ้าวถึงพังพินาศขนาดนั้น


ช่างเป็นคนที่ไม่เอาไหนจริง ๆ


อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน เป็นประโยชน์ต่อเขาแท้ ๆ


เฮ่อเหลียนชิงมองไปที่มือที่ไม่ได้หยาบกร้านซีดเซียวเหมือนเดิมของตัวเอง นอกจากขาทั้งสองที่ไม่สามารถเดินได้ ร่างกายของเขาตอนนี้ยังแข็งแรงกว่าเมื่อยี่สิบปีก่อนเสียอีก แน่นอนว่าสามารถอยู่สู้กับตาเฒ่าจิ้งจอกหนิงเฉินเซวียนไปได้อีก เป็นห้าสิบปี


“นายท่านไม่ชอบคุณหนูจ้าวไม่ใช่เหรอครับ ทำไมยังต้องเตือนเธออีก” เสี่ยวเมิ่งพูดขัดขึ้นมาอย่างจงใจ


เฮ่อเหลียนชิงทำหน้านิ่งพูดด้วยความกระอักกระอ่วนใจว่า “ฉันเป็นห่วงฉิวฉิว ถ้ายัยเด็กนั่นเป็นอะไรขึ้นมาฉิวฉิวต้องรู้สึกเสียใจมากแน่ ๆ”


ฉิวฉิวที่กำลังกินชอคโกแลตอยู่บนตักเขากลอกตามองบนใส่ มนุษย์มักจะปากไม่ตรงกับใจ ในใจรู้สึกเอ็นดูเจ้านายของเขาแต่ก็ยังจะปากแข็ง


ก็เหมือนเจ้านายของเขา ทั้ง ๆที่ชอบให้นายผู้ชายจูบ แต่ก็มักจะพูดว่า ‘ไม่เอา ไม่เอา’ ไม่เหมือนอย่างเขาบอกหอมก็หอม บอกทำก็ทำ ไม่ต้องอ้อมค้อมเลยสักนิด


เสี่ยวเมิ่งก็กลอกตามองบนอยู่ในใจเช่นกัน ช่างเป็นนิสัยที่น่ารำคาญใจเสียจริง


“นายท่านน่าจะคิดมากเกินไปนะครับ จ้าวหวายซานกับยายแก่จ้าวไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน น่าจะไม่ลงมือกับคุณหนูจ้าว” เสี่ยวเมิ่งรู้สึกว่าเฮ่อเหลียนชิงมีความกังวลมากเกินไป


เฮ่อเหลียนชิงหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “นั่นเป็นจ้าวหวายซานคนก่อน เมื่อคนเราตกลงมาจากที่สูง แค่เห็นความเป็นไปได้เพียงเล็กน้อย จ้าวหวายซานก็จะกัดไม่ปล่อยหรอก เดี๋ยวคอยดูเถอะ ตาแก่นี่ไม่ปล่อยยัยเด็กโง่นี่ไปง่าย ๆแน่”


“แต่จ้าวหวายซานบอกว่าจะกลับบ้านนอกแล้วไม่ใช่เหรอ หรือว่าเขาถอยมาตั้งหลักก่อน” เสี่ยวเมิ่งตาสว่างขึ้นมาในทันที ก่นด่าความเลอะเลือนของตัวเองอยู่ในใจ มันเห็นได้ชัดขนาดนี้แล้วเขาก็ยังดูไม่ออกอีก


เฮ่อเหลียนชิงมองไปที่เขาด้วยสายตาดูถูกสบถด่าว่า “สมองโดนไขมันกินไปหรืออย่างไร ยัยเด็กโง่นั่นยังฉลาดกว่าแกอีก”


เสี่ยวเมิ่งสงบปากสงบคำ ไม่กล้าเถียงอะไรอีก ที่นายท่านว่ามาไม่ผิดเลย ไอคิวของเขาค่อนข้างต่ำไปหน่อย


เฮ่อเหลียนชิงด่าว่าเสี่ยงเมิ่งไปหนึ่งยก เหลือบมองไปเห็นรูปภาพที่เอามายั่วโมโหเหมยเหมยก่อนหน้านี้  ทุกคนหัวโตหูใหญ่อ้วนอวบอิ่มยิ้มมาทางเขา เขายังรู้สึกขนลุกรีบบอกให้เสี่ยวเมิ่งรีบเก็บรูปพวกนี้ไปเสีย


ถ้าพูดถึงเรื่องความดูดีก็คงต้องนับยัยเด็กโง่นั่นเข้าไปด้วย


หน้าตาแบบนั้นถึงจะเรียกว่าดูดี


เสี่ยวเมิ่งเก็บรูปภาพก็อดไม่ได้ที่จะพูดขัดขึ้นว่า “นายท่านมักจะจงใจแกล้งคุณหนูจ้าวอยู่เสมอ ทั้ง ๆที่ไม่เคยคิดจะขัดขวางความสัมพันธ์ของหล่อนกับหมิงซุ่นเลยสักนิด”


“ฉันทำเพื่อทดสอบความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนอยู่รู้ไหม มีแต่ความสัมพันธ์ที่อดทนกับการทดสอบที่หนักหนาได้เท่านั้นจึงจะสามารถอยู่ด้วยกันได้นาน คนอย่างแกจะไปรู้อะไร” เฮ่อเหลียนชิงพูดอย่างมีเหตุผล


เสี่ยวเมิ่งขี้เกียจจะเถียงกลับ อย่างไรเสียเขาก็เถียงชนะสู้นายท่านที่พูดอย่างไรก็อ้างเหตุผลมาประกอบอยู่ดี


“แกไปหารูปภาพมาอีกสักหน่อย เอาคนที่ดูใจกว้างสง่างามหน่อย ครั้งหน้าหมิงซุ่นกลับมาให้เขาหาเวลาว่างไปดูตัวด้วย” เฮ่อเหลียนชิงสั่งการด้วยรสนิยมที่แย่ ๆของเขา ปีศาจในใจของเขากำลังยิ้มโชว์ฟันอย่างได้ใจ


เสี่ยวเมิ่งพยักหน้าอย่างขบขัน แอบสงสารเหยียนหมิงซุ่นประมาณสามวินาที แต่ก็ไปจัดการตามหน้าที่อย่างสุดความสามารถ


เหมยเหมยกลับมาบ้านอาการของคุณย่าไม่ดีนัก อุณหภูมิในร่างกายสูงไม่ลด ถึงขนาดเริ่มหายใจลำบาก ดูท่าแล้วครั้งนี้หล่อนไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ


“เหมยเหมย พรุ่งนี้พ่อแม่ของหนูจะกลับมานะ” คุณปู่เอ่ยขึ้น สายตาที่มองเหมยเหมยเต็มไปด้วยความซับซ้อน


หวังว่าลูกชายของเขาจะสามารถพูดจาหว่านล้อมหลานสาวได้สำเร็จ อย่างนี้เขาก็จะสามารถยืนยันความคิดของเขาได้แล้ว


ตอนที่ 1166 หยั่งเชิงอีกครั้ง


ตอนบ่ายเหมยเหมยก็ยังไม่ได้กลับเมืองจิน พวกจ้าวอิงหัวมา ถ้าเธอกลับไปคงไม่เหมาะสมนัก ถึงแม้ว่าหล่อนไม่ยินดีที่จะอยู่ในเมืองหลวงต่อเลยก็ตาม


อาการของคุณย่าไม่ดีมากจริง ๆ ทั้งที่วันก่อนอาการดูไม่ได้หนักขนาดนี้ ผ่านไปแค่คืนเดียวเท่านั้นอาการก็สาหัสถึงเพียงนี้ เหลือเชื่อเลยจริง ๆ


คุณหมอบอกว่าแผลบนตัวคุณยายอักเสบ ทำให้ตัวร้อน ทำให้อวัยวะภายในทำงานได้ไม่ค่อยดีนัก คุณหมอพูดศัพท์ทางการแพทย์มาเยอะมาก เหมยเหมยฟังรู้เรื่องแค่ว่าที่คุณย่าเป็นอย่างนี้ เหตุผลส่วนใหญ่มาจากเพราะกระดูกเชิงกรานหัก แน่นอนว่าส่วนหนึ่งก็มาจากแส้ที่เธอฟาดไปด้วย


พูดอีกอย่างก็คือถ้าคุณย่าเสียชีวิต เธอก็จะกลายเป็นฆาตกรทางอ้อม


นี่คือสิ่งที่คุณหมอพูดมาน่าจะเป็นความต้องการของคุณปู่ด้วยแหละ ตอนนี้คนในตระกูลจ้าวมองเธอด้วยสายตาประหลาด มีแต่สยงมู่มู่เท่านั้นที่ยังเหมือนเดิม


แน่นอนว่าเหมยเหมยไม่สนใจ ตอนนั้นเธอทำเพื่อรักษาชีวิตตัวเอง ถึงแม้จะรู้ว่าฟาดแส้ลงไปแล้วจะทำให้คุณย่ามีอันตรายถึงชีวิต เธอก็ยังคงไม่ลังเลใจ


ตอนนั้นคุณย่ากับจ้าวอิงสยงต่างก็เป็นศัตรูของเธอ ถ้าใจอ่อนกับศัตรูก็ถือว่าโหดร้ายกับตัวเอง เธอไม่ใช่พระแม่มารี และยิ่งไม่ใช่พระพุทธเจ้าด้วย


เหมยเหมยมองความวุ่นวายของบ้านตระกูลจ้าวด้วยสายตาที่เฉยชาราวกับมองคนแปลกหน้า ไม่เข้าใกล้คุณย่าเลยแม้แต่น้อย อาการของคุณย่าไม่ดีขึ้นเลย ดูท่าแล้วครั้งนี้คงจะไม่รอด


คุณหมอได้บอกให้เตรียมเรื่องงานหลังจากนี้ไว้ คุณปู่เหมือนแก่ลงนับสิบปี ผมขาวโพลน หลังโก่งโค้งมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ได้ดูน่าเกรงขามเหมือนอย่างแต่ก่อน มองดูแล้วน่าสงสารมาก


แต่เหมยเหมยก็จะไม่มีทางใจอ่อน ต่อให้เฮ้อเหลียนชิงไม่เตือนเธอเธอก็ไม่ใจอ่อนอยู่ดี เธอไม่อยากให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตรายอีก


จ้าวอิงหัวสองสามีภรรยามาถึงเมืองหลวงในเวลากลางวันของวันถัดไป คนที่มาด้วยคือจ้าวอิงหนานสองสามีภรรยา พอเห็นคุณยายที่กำลังป่วยหนัก พวกเขาก็ดูมีท่าทีกังวลใจ


อย่างไรเสียก็เป็นแม่แท้ ๆ ถึงแม้จะมีความโกรธแค้นมากมาย แต่มาจนถึงตอนนี้แล้วก็เหลือแค่เพียงความเจ็บปวดเท่านั้น


พวกพี่น้องจ้าวเสวียหลินก็ทยอยกันกลับมา ขาดเพียงแต่จ้าวอิงสยงสองสามีภรรยาเท่านั้น ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่บ้านตระกูลจ้าวมาพร้อมหน้ากันได้ถึงเพียงนี้


พี่ใหญ่จ้าวเสวียเฟิงกับพี่รองจ้าวเสวียเฉิง เหมยเหมยเคยเจอพวกเขาเพียงครั้งสองครั้งเท่านั้นเคยคุยด้วยไม่กี่คำ แต่กับจ้าวเสวียไห่ยังมีความสนิทสนมกันอยู่บ้าง แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาดูน่ากระอักกระอ่วนนัก


จ้าวเสวียเฟิง จ้าวเสวียเฉิง และจ้าวเสวียไห่เป็นสามพี่น้องลูกชายของหานซู่ฉินกับจ้าวอิงสยง เรื่องของจ้าวอิงสยงยังไม่เท่าไรเขาทำตัวเอง แต่รูปฉาวของหานซู่ฉินที่แพร่กระจายไปทั่วเกี่ยวข้องกับเหมยเหมยเต็ม ๆ


พอเห็นสีหน้าของพวกจ้าวเสวียไห่แล้ว เหมยเหมยก็รู้เลยว่าทั้งสามพี่น้องต้องเห็นภาพพวกนั้นแล้วแน่


พอนึกถึงว่าจ้าวเสวียไห่ดีต่อหล่อนในวัยเด็ก เหมยเหมยก็ลอบถอนหายใจยาว หล่อนไม่เสียใจที่ทำอย่างนั้นกับหานซู่ฉิน หล่อนเพียงรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ต้องสูญเสียพี่ชายไปหนึ่งคน


ตกดึกจ้าวอิงหัวตั้งใจมาหาเหมยเหมยมองลูกสาวตัวเองด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน เมื่อสักครู่คุณปู่เรียกเขาไปพบ ได้พูดถึงเรื่องที่จะให้เหมยเหมยช่วยคุณย่าอีกครั้งหนึ่ง เขาเถียงกลับไปอย่างไม่ลังเลใจ


ลูกสาวของเขาไม่ใช่เจ้าแม่กวนอิมเสียหน่อย คุณหมอก็บอกแล้วว่าไม่รอด เธอจะช่วยแม่เขากลับมามีชีวิตได้อย่างไร


แต่คุณปู่กลับพูดเป็นตุเป็นตะ พอคิดถึงเรื่องที่ในช่วงหลายปีมานี้เขากับภรรยาสุขภาพดีขึ้นมากจนน่าตกใจ จ้าวอิงหัวก็เริ่มสงสัย หรือว่าลูกสาวของเขาจะเป็นนางฟ้าที่มาจากสวรรค์จริง ๆ


“เหมยเหมย คุณปู่บอกว่าลูกสามารถช่วยคุณย่าให้หายได้” จ้าวอิงหัวถาม


เหมยเหมยหัวเราะกับตัวเอง คุณปู่ยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ คิดจะให้จ้าวอิงหัวมาถามหยั่งเชิงเธออีก หากว่าหล่อนไม่ได้มาเกิดใหม่ก็อาจจะหลุดปากพูดไปแล้ว เพราะชาติที่แล้วเธอโง่สิ้นดี


“ทำไมคุณปู่พูดแบบนั้นล่ะคะ หนูไม่ใช่หมอเสียหน่อยจะช่วยคุณย่าได้อย่างไรกัน คุณพ่อก็เลอะเลือนเหมือนคุณปู่แล้วหรือไงคะ” เหมยเหมยพูดด้วยท่าทีเกินจริง


………………………………………………


 ตอนที่ 1167 ต่างก็เริ่มสงสัย


อาการของคุณย่าแย่ลงทุกวัน ตอนนี้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแล้ว ถึงแม้จะเป็นนายแพทย์ฮว่าถัวกลับชาติมาเกิดก็คงไร้หนทางจะช่วยชีวิตได้


บ้านตระกูลจ้าวกำลังอยู่ในความโศกเศร้า บรรยากาศอึมครึมราวกับติดอยู่ในโคลนตมทำให้คนต่างรู้สึกไม่ดีนัก เหมยเหมยไม่อยากอยู่บ้านเพราะต้องเผชิญหน้ากับพวกจ้าวเสวียไห่จนรู้สึกอึดอัด กลางวันจึงไปนั่งเล่นกับเซียวเซ่อที่บ้านตระกูลเซียว น่าเสียดายที่ฮ่องเต้กับไทเฮาไม่อยู่ทำให้ขาดสีสันไปหน่อย


“ดูท่าแล้วคงต้องรอให้คุณย่าขึ้นสวรรค์ก่อน เธอถึงจะสามารถกลับเมืองจินได้” เซียวเซ่อพูดขึ้น


เหมยเหมยพยักหน้าด้วยความเบื่อหน่าย กระซิบข้างหูหล่อนเบา ๆว่า “ยืดเยื้อแบบนี้มันน่ารำคาญจริง ๆจะว่าก็ว่าเถอะควรจะถอดเครื่องช่วยหายใจให้เขาได้ไปสบายเสียที”


เมื่อชาติที่แล้วหล่อนเคยได้ยินรายงานข่าวว่าการใส่เครื่องช่วยหายใจนั้นทรมานมาก คนไข้ไม่สามารถพูดอะไรได้ แต่ยังมีสติดีอยู่ เป็นอารมณ์ที่อยากตายแต่ตายไม่ได้ ญาติไม่สามารถเข้าใจได้เลย ในต่างประเทศจึงเสนอให้มีการุณยฆาตขึ้นมาอย่างถูกต้อง แต่แค่ภายในประเทศนี้ยังเป็นเรื่องที่ผิดกฏหมายอยู่เท่านั้นเอง


ตอนนี้คุณย่าพึ่งพาแค่เครื่องช่วยหายใจให้มีชีวิตอยู่ต่อไป ถ้าถอดเครื่องช่วยหายใจออกก็จะสิ้นลมหายใจในทันที แต่แค่คำนี้ไม่มีใครกล้าพูดออกมา


คุณหมอก็ไม่กล้า เหมยเหมยยิ่งไม่กล้า


มีเพียงแค่คุณปู่เท่านั้นที่มีสิทธิ์พูดคำนี้ แต่ว่าเขาต้องการใช้คุณย่าเพื่อมาหยั่งเชิงเหมยเหมย คงอยากจะให้คุณย่ามีชีวิตอยู่ต่อ แล้วเขาจะพูดคำนี้ออกมาได้อย่างไรกัน


“บ้านตระกูลจ้าวเป็นแหล่งที่เต็มไปด้วยอันตรายจริง ๆ เท่าที่ฉันดูมาไม่มีใครดีสักคน” เซียวเซ่อพูดอย่างไม่แยแส


เหมยเหมยก็คิดเช่นนั้นเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าพวกจ้าวอิงหย่งจะไม่ได้มีส่วนร่วมด้วย แต่ตั้งแต่ต้นจนจบมีแต่อันหย่าฟางที่เตือนด้วยคำพูดคลุมเครือเพียงประโยคเดียวเท่านั้นและไม่ได้มีท่าทีอะไรอีก มองดูดายไม่คิดจะช่วยอะไรสักนิด


“ตอนนี้ก็รอคุณย่าขึ้นสวรรค์แล้วฉันก็จะกลับเมืองจิน เข้ามาเมืองหลวงให้น้อยหน่อยจะดีกว่า จะไปมาหาสู่กับพวกเขามากไม่ได้” เหมยเหมยเล่าถึงแผนการของตัวเอง


เซียวเซ่อขมวดคิ้ว รู้สึกว่าเพื่อนตัวเองไม่ได้เรื่องเสียเลยจริง ๆ แต่พอนึกถึงโรคจิตเฮ่อเหลียนเช่อ หล่อนก็รู้สึกว่าไม่มาแหละดีแล้ว ใครจะไปรู้ว่าตาบ้านั่นจะบ้าขึ้นมาอีกเมื่อไร


“ครั้งนี้บ้านตระกูลจ้าวของพวกเธอเจอเคราะห์ใหญ่ ฉันว่าคนที่น่าจะดีใจที่สุดน่าจะเป็นโอหยางซานซานแล้วล่ะ กลับไปเมืองจินครั้งนี้เธอต้องระวังตัวหน่อยนะ” เซียวเซ่อเตือน


“ไม่กลัวหรอก เธอลืมไปแล้วเหรอในมือของฉันยังมีภาพถ่ายของเธออยู่” เหมยเหมยยักคิ้วให้กับเพื่อน เซียวเซ่อเพิ่งนึกถึงรูปถ่ายเมื่อสามปีก่อนได้จึงหัวเราะออกมา


ทางฝั่งเฮ่อเหลียนเช่อก็เฝ้าสังเกตการณ์บ้านตระกูลจ้าวตลอดเวลา การกระทำคำพูดทุกอย่างของตาแก่จ้าวไม่สามารถรอดพ้นไปจากสายตาเขาได้


“ตาแก่จ้าวให้จ้าวเหมยช่วยคุณย่าเหรอ เขาไม่ได้บ้าไปแล้วใช่ไหม” เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกขบขัน แต่ไม่นานนักเขากลับหัวเราะไม่ออก แล้วมีท่าทีที่สงบนิ่งขึ้นมาในทันที


เขานึกถึงฉิวฉิว กระรอกขนสีขาวที่แลดูฉลาดมากต่างจากสัตว์ทั่วไป แล้วเขายังคิดถึงเรื่องที่โอหยางสยงเคยพูดไว้ว่า จ้าวเหมยสามารถใช้พิษได้ หานป๋อหย่วนโดนยัยนั่นเล่นงานเสียกลายเป็นท่อนไม้ไปเลย เมื่อสามปีที่แล้วที่สโมสรเขาก็ได้เห็นฝีมือของยัยผู้หญิงคนนี้แล้วเหมือนกันไม่ใช่เหรอ


ดูท่าแล้วในตัวจ้าวเหมยต้องมีความลับอะไรบางอย่างจริง ๆ


ไม่แน่อาจจะมียาวิเศษที่ทำให้คนอายุยืนยาว พอคิดถึงความเป็นไปได้นี้ขึ้นเฮ่อเหลียนเช่อก็พลันรู้สึกมีความสุขขึ้นมา ความหวังของหนิงเฉินเซวียนก็คือมีอายุยืนยาวกว่าตาแก่นั่น แต่ว่าคุณลุงของเขาสุขภาพไม่ค่อยดีจะตายเมื่อไรก็ไม่รู้


ถ้าหากว่าเขาสามารถหาความลับในตัวจ้าวเหมยเจอจนทำให้คุณลุงมีอายุยืนยาว อย่างนี้พอคุณลุงมีความสุข คุณลุงก็คงจะไม่ขัดขวางเรื่องของเขากับเหมยซูหาน


เฮ่อเหลียนเช่อวางแผนอยู่ในใจแล้วกวักมือเรียกลูกน้องมาสั่งการลงไป บนใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์


ตาแก่จ้าวโง่จะตายไป ย่าแก่ ๆแบบนั้นจ้าวเหมยจะสนใจได้ไง ถ้าจะจัดการก็ต้องจัดการคนที่จ้าวเหมยให้ความสนใจสิ


ขอเพียงแค่จ้าวเหมยมียาวิเศษจริง ๆ เธอต้องหลุดอะไรมาบ้างแน่


ตอนที่ 1168 โชคสองชั้น


หวงอวี้เหลียนรู้ข่าวในเมืองหลวง เธอดีใจเสียยิ่งกว่าใคร บ้านตระกูลจ้าวได้รับเคราะห์กรรมเสียที


ช่วงนี้มีเรื่องดี ๆเกิดขึ้นไม่ขาดเลยจริง ๆ


แต่ว่าน่าเสียดายเหอปี้อวิ๋นใช้การไม่ได้แล้ว คนที่ควรฆ่าดันไม่ตายกลับไปฆ่าคนอื่นตายเสียอย่างนั้น น่าเสียดายเสียหมากดี ๆตัวหนึ่งอย่างสูญเปล่าแท้ ๆ


แต่ก็ไม่เป็นไรตอนนี้หล่อนไม่ต้องกลัวบ้านตระกูลจ้าวอีกต่อไปแล้ว ตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ของจ้าวอิงหัวก็น่าจะต้องเปลี่ยนคน อีกหน่อยหล่อนก็จะมีโอกาสจัดการยัยจ้าวเหมยแล้ว


โอหยางซานซานดีใจยิ่งกว่าหวงอวี้เหลียน ในที่สุดก็สามารถเหยียบจ้าวเหมยผู้หยิ่งผยองได้เสียที น่าเสียดายที่ยัยนั่นตอนนี้ยังอยู่ที่เมืองหลวง ไม่เช่นนั้นเธอจะไปเยาะเย้ยจ้าวเหมยให้สมกับความอัดอั้นที่อยู่ในใจ


“ซานซาน รีบเก็บของเร็ว เราจะไปเมืองหลวงกัน”


โชคดีมักจะมาพร้อมกันสองชั้นเสมอ โอหยางซานซานเพิ่งจะรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถไปเยาะเย้ยจ้าวเหมยได้อย่างทันท่วงที หวงอวี้เหลียนมาแจ้งข่าวเรื่องจะไปเมืองหลวง บอกว่าสำนักพิมพ์วันพลัสโทรมาเมื่อครู่บอกว่างานขายหนังสือที่ฮ่องกงจะเลื่อนเวลาออกไปจะจัดงานที่เมืองหลวงก่อน


โอหยางซานซานดีใจสุด ๆ ขอแค่งานขายหนังสือประสบความสำเร็จเธอก็จะมีชื่อเสียงโด่งดังกลายเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียง ยัยโง่จ้าวเหมยจะเอาอะไรมาเทียบกับเธอได้


ครั้งนี้ไปเมืองหลวงหล่อนจะเหยียบจ้าวเหมยให้จมดิน ให้หล่อนได้รู้เสียบ้างว่าคนที่หัวเราะคนสุดท้ายต่างหากจึงจะเป็นผู้ชนะ


สำหรับเรื่องงานขายหนังสือจะมีคนมาร่วมงานไหมนั้น โอหยางซานซานไม่กังวลใจเลยแม้แต่น้อย เพราะหวงอวี้เหลียนจัดการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งเธอมีพร้อมทั้งหน้าตาและความสามารถ ชาติตระกูลก็ดี คนอื่นจะไม่นับหน้าถือตาเหรอ


จะไม่มีคนมาซื้อหนังสือได้อย่างไร


กลัวก็แต่พอถึงตอนนั้นจะมีคนแน่นเบียดเสียดจนไม่หวาดไม่ไหวมากกว่า


ครั้งนี้จ้าวอิงหัวตอบกลับคุณปู่แค่ว่าเหมยเหมยไม่มีวิธีรักษาคุณย่าได้


“พ่อครับ พ่อคิดได้อย่างไรกันว่าเหมยเหมยจะรักษาแม่ให้หายได้ ให้ผมไปหาหมอกู้ไหม แต่ก่อนหมอกู้ก็เป็นคนรักษาซินหย่าให้หายดี”


ถึงแม้ว่าในใจจ้าวอิงหัวจะเริ่มสงสัยแต่เขาไม่มีทางขายลูกสาวแน่  ตอนนี้คุณปู่ทำให้เขาคาดเดาอะไรไม่ได้ มองเจตนาของคุณปู่ไม่ออกยิ่งทำให้เขาต้องยิ่งระมัดระวัง


เรื่องราวที่ลูกสาวเขาต้องพบเจอในช่วงนี้เขารับรู้ทุกเรื่อง ความเห็นแก่ตัวและความโหดร้ายของจ้าวอิงสยงสองสามีภรรยาและคุณย่าทำให้เขาโกรธแค้น ถ้าพูดแบบเนรคุณหน่อย ที่แม่เป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่เพราะกรรมที่ทำมาหรอกเหรอ


และโกรธคุณปู่ที่ไม่สนใจอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะความฉลาดของลูกสาวเขาและเหยียนหมิงซุ่นที่คอยปกป้องอยู่ ลูกสาวของเขาอาจจะแย่กว่าหานซู่ฉินก็เป็นได้


ถึงแม้ว่าลูกสาวของเขาจะสามารถช่วยชีวิตของคุณย่าได้จริง จ้าวอิงหัวก็ไม่มีทางให้เหมยเหมยช่วยหรอก อายุขัยของคุณย่ามาถึงแล้วให้ท่านจากไปอย่างสงบเถอะ อย่าสร้างความเดือดร้อนให้เหมยเหมยอีกเลย


เรื่องของหมอกู้ เป็นหมอฝีมือดีที่เหยียนหมิงซุ่นแนะนำมา ฝีมือการรักษาดีมากแต่แค่ไม่อยู่กับที่ หลายปีมานี้ก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน


อีกทั้งเหมือนว่าหมอผู้นี้มีความเป็นมาเหมือนพ่อตาแม่ยายของตัวเอง ประวัติความเป็นมาลึกลับ เขาก็ไม่สามารถตรวจเช็คอะไรได้ รู้แค่ว่าไม่ใช่ศัตรู


เขาก็แค่ตั้งใจพูดถึงหมอกู้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของคุณปู่  อาการของคุณย่าตอนนี้จะรอให้คุณปู่หาคุณหมอกู้เจอไหวที่ไหนกัน


คุณปู่มองไปที่จ้าวอิงหัวพลางถอนหายใจแล้วพูดว่า  “ฉันรู้ว่าพวกแกโกรธแค้นแม่ของแก แต่อิงหัวแกต้องจำไว้ว่า อย่างไรเสียแม่ก็ยังเป็นแม่ที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูแกมา”


จ้าวอิงหัวเจ็บปวดใจเล็กน้อย แต่สิ่งที่มากกว่านั้นคือความโกรธ อดไม่ได้ที่จะพูดเสียดสีออกไปว่า “ผมเห็นว่าเขาเป็นแม่ แต่แม่เคยเห็นว่าผมเป็นลูกบ้างไหม ถ้าในใจเขามีผมเป็นลูกจริง ๆเขาคงไม่วางยาลูกสาวของผม แล้วยังจะส่งลูกสาวของผมให้ไปอยู่ในมือไอ้โรคจิตเฮ่อเหลียนเช่ออีก เขาทำอย่างนี้เป็นการบังคับให้ลูกผมไปตายชัด ๆ”


คุณปู่มองแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นของลูกชายแล้วถอนหายใจ แต่เขายังไม่ถอดใจเพียงเท่านี้หรอก แต่เพียงแค่ต้องไปคิดวิธีที่ดีมาใหม่ หลานสาวของเขาถึงจะยอมแสดงความสามารถที่แท้จริงออกมา


…………………………………


 ตอนที่ 1169 พายุพัดโหมกระหน่ำ


ทางฝั่งเหยียนหมิงซุ่นได้รับข่าวแล้ว เฮ่อเหลียนชิงเป็นคนโทรบอกข่าวด้วยตัวเอง


“ยัยเด็กโง่ของแกดูท่าสถานการณ์จะไม่ค่อยดีนัก…” น้ำเสียงของเฮ่อเหลียนชิงดูไม่ได้ทุกข์ร้อนใจนัก และเล่าความคิดของเฮ่อเหลียนเช่อกับคุณปู่จ้าวให้ฟัง


เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วแน่น เขารู้ว่าสักวันหนึ่งเรื่องยาวิเศษจะต้องถูกเปิดเผย แต่ว่าเขาแค่คาดไม่ถึงว่าคนที่สงสัยเร็วที่สุดจะเป็นคุณปู่จ้าว  อีกทั้งยังล่อเฮ่อเหลียนเช่อคนชั่วมาพัวพันด้วย


ยังดีที่พวกเขายังแค่สงสัย ถ้ายังไม่สามารถหาหลักฐานอะไรที่แน่ชัดได้ เหมยเหมยก็จะยังไม่มีอันตรายใด ๆ


“แกรีบจัดการธุระให้เสร็จแล้วเก็บของกลับเมืองหลวง ถ้ายังไม่มาอีกละก็ยัยเด็กโง่นั่นถูกจับขายแน่ ฉันไม่ช่วยออกหน้าหรอกนะ” เฮ่อเหลียนชิงจีบปากจีบคอพูดด้วยสีหน้ารังเกียจ เสี่ยวเมิ่งที่อยู่ด้านหลังอดยกมุมปากขึ้นไม่ได้


อาการปากไม่ตรงกับใจของนายท่านสาหัสขึ้นทุกวัน


เหยียนหมิงซุ่นสงบนิ่ง ถามหยั่งเชิงว่า “ครั้งนี้ผมกลัวว่าจะต้องเผชิญหน้ากับเฮ่อเหลียนเช่อตรง ๆเสียแล้ว…”


“เผชิญหน้าก็เผชิญหน้าสิ หรือว่าแกกลัวเจ้ามารหัวขนนั่น ถ้ากลัวก็รีบบอกฉันมาฉันจะได้รีบเปลี่ยนคน…”


เฮ่อเหลียนชิงโมโหขึ้นมาอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุกราดด่าชุดใหญ่ ความหมายโดยรวมก็คือถ้าเหยียนหมิงซุ่นไม่กล้าเผชิญหน้ากับเฮ่อเหลียนเช่อ เขาก็จะเปลี่ยนลูกชายนั่นเอง


เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจอย่างจนใจ พูดเตือนขึ้นว่า “พ่อบุญธรรม ก่อนหน้านี้พ่อบอกว่าปีกของผมยังไม่แข็งแรงดี ไม่ควรเผชิญหน้ากับเฮ่อเหลียนเช่อโดยตรง”


เฮ่อเหลียนชิงอึ้งไปสักพักคิดขึ้นได้ว่าเหมือนเมื่อก่อนตัวเองจะเคยพูดประโยคนี้ไป ไม่รู้ผีที่ไหนเจาะปากมาพูด เขาด่าด้วยความโกรธปนเขินอายว่า “ฉันบอกแค่ว่าปีกแกยังไม่แข็งแรงพอ หรือว่าตอนนี้ขนแกยังขึ้นไม่ครบหรือไง”


“แน่นอนว่าขึ้นครบแล้วครับ พ่อบุญธรรมโปรดวางใจครับ สามวันหลังจากนี้ผมจะกลับเมืองหลวง”


เหยียนหมิงซุ่นตอบกลับด้วยความเคารพ แต่เขากลับรู้สึกว่าคำพูดที่เขาพูดมันทะแม่ง ๆแปลก ๆ


เฮ่อเหลียนชิงพึงพอใจเป็นอย่างมาก ได้มอบหมายคำสั่งใหม่ว่า “รวบรวมสติไว้ให้ดี ลูกชายของฉันจะต้องแข็งแกร่งกว่าเจ้ามารหัวขนนั่นเป็นร้อยเท่า จะแพ้ไม่ได้”


เหยียนหมิงซุ่นวางสายลงพลันครุ่นคิด เดิมทีคิดว่าจัดการจ้าวอิงสยงไปได้เรื่องหนึ่งน่าจะจบลง ใครจะไปคิดว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น คลื่นพายุเพิ่งจะเริ่มเหมยเหมยของเขาอยู่ใจกลางของวังวนนั้น ถ้าไม่ระวังแม้แต่นิดเดียวก็จะถูกพายุซัดเข้าไป ไม่มีทางที่จะฟื้นคืนกลับมาได้อีกตลอดไป


แต่ว่ามีเขาอยู่ เขาจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเหมยเหมยได้แม้แต่ปลายเล็บ


“รีบ ๆจัดการให้เรียบร้อย สามวันหลังจากนี้กลับเมืองหลวง” เหยียนหมิงซุ่นออกคำสั่งด้วยท่าทีเคร่งขรึม คาดหวังจะได้เผชิญหน้ากับเฮ่อเหลียนเช่อ แอบรู้สึกดีใจเบา ๆ


สามวันต่อมาที่สนามบินเมืองหลวง


หวงอวี้เหลี่ยนกับโอหยางซานซานเดินออกมาด้วยสีหน้าพออกพอใจ  ผ่านมาสามปีแล้วครั้งนี้เหมือนเป็นการหอบชื่อเสียงเกียรติยศกลับบ้านเกิด


“แม่คะ คุณย่ายังไม่ให้เราเข้าบ้านอีกใช่ไหมคะ” โอหยางซานซานรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย คำสาปแช่งของคุณย่าโอหยางเมื่อสามปีก่อนหล่อนยังจำได้ขึ้นใจ


หวงอวี้เหลียนหัวเราะร่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้ลูกเป็นคนที่มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ เอาชื่อเสียงเกียรติยศกลับมาให้บ้านตระกูลโอหยางไม่น้อย คุณย่าคงจะกุลีกุจอรีบมาเอาใจลูกเสียมากกว่า”


โอหยางซานซานค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง  รอยยิ้มได้ใจจะหุบอย่างไรอยู่เล่า  ใช่แล้วเด็กสาวที่เพียบพร้อมอย่างเธอจะมีตระกูลไหนบ้างไม่อ้าแขนต้อนรับ


สองแม่ลูกมองตากันแล้วก็หัวเราะกวักมือโบกรถแท๊กซี่อย่างมีความสุข มุ่งหน้ากลับไปที่บ้านใหญ่


ได้ยินมาว่าคุณย่าจ้าวอาการไม่ค่อยดีเต็มทีแล้ว แน่นอนว่าพวกเธอจะต้องไปแสดงความเสียใจสักหน่อย อีกทั้งการกลับบ้านในครั้งนี้ต้องได้กลับไปอยู่ที่บ้านใหญ่ โผล่หน้าไปเยาะเย้ยยัยจ้าวเหมยทุกวันสิถึงจะดี


หวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกเพิ่งจะก้าวออกไป เหมยซูหานก็ก้าวออกจากสนามบินตามมาติด ๆ เขาแอบกลับมา เรื่องของบ้านตระกูลจ้าวเขาก็ได้ยินมาเช่นกัน เขาอยากจะกลับมาดูเหมยเหมยว่ามีอะไรที่เขาพอจะช่วยเหลือได้บ้าง


 ตอนที่ 1170 การมาเยือนของหวงอวี้เหลียน


อาการของคุณย่าในช่วงนี้แย่ลงเรื่อย ๆ  คุณหมอได้แจ้งอาการของคุณย่าว่าน่าจะเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันแล้ว คนในตระกูลจ้าวกลับรู้สึกโล่งใจ ในที่สุดก็มีผลออกมาเสียที


เหมยเหมยก็รู้สึกโล่งใจเช่นกัน หล่อนขอลาหยุดมาเพียงหนึ่งอาทิตย์ แต่ตอนนี้ก็ปาเข้าไปสิบกว่าวันแล้ว ถ้ายังไม่มีข้อสรุปอะไรอีกเธอยังต้องเรียนหนังสืออยู่อีกไหมเนี่ย


ที่สำคัญที่สุดก็คือด้วยไอคิวของเธอ  ถ้าไม่ได้ไปเรียนเป็นสิบกว่าวัน เธอจะตามคนอื่นทันได้อย่างไร


หรือว่าจะต้องกลับไปสู่ยุคเด็กที่โหล่ของห้องเหมือนเคย


เมื่อเช้าคุณย่าหายใจไม่ได้เกือบลาจากโลกนี้ไปแล้ว แต่เธอยังคงเข้มแข็ง ดูดเสมหะออกมาก็ไม่เป็นไรแล้ว แต่อาการยังคงหนักอยู่เอาการ


นายใหญ่ก็ส่งคนมาเยี่ยมคุณย่า แล้วยังบอกให้คุณปู่อาศัยอยู่ที่บ้านใหญ่ไปเลย อย่าไปทรมานคุณย่า จริง ๆแล้วนายใหญ่ไม่เคยคิดที่จะให้คุณปู่จ้าวย้ายออกจากบ้านใหญ่ อีกทั้งยังพูดจาหว่านล้อมตั้งนาน แต่คุณปู่จ้าวกลับยืนกรานเอง นายใหญ่จึงต้องตอบตกลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ในใจกลับไม่ได้รู้สึกยินดีนัก


เขาไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าเขาเป็นหัวหน้าที่ใจแคบไม่ยอมปล่อยวาง  แต่ตาแก่โง่จ้าวหวายซานช่างไม่รู้ความอะไรเสียเลย


เป็นเพราะอาการของคุณย่าจึงเพิ่งได้กินข้าวเช้าตอนสิบโมง เหมยเหมยหิวจนท้องไส้กิ่ว แต่คุณปู่จับจ้องเธออยู่ตลอดเวลา ทำให้หล่อนเหมือนมีอะไรจะพูดแต่พูดไม่ได้ รู้สึกอึดอัดจนไม่อยากอาหาร กินโจ๊กไปได้ครึ่งชามก็อิ่มแล้วเตรียมตัวจะออกไปเดินเล่นข้างนอก อยู่ในบ้านอึดอัดจะตายอยู่แล้ว


แต่เธอเพิ่งจะก้าวออกจากประตูใหญ่ เธอดันชนเข้ากับนกยูงสองตัวนั่นก็คือหวงอวี้เหลียนสองแม่ลูก


สองแม่ลูกแต่งตัวด้วยสีสันฉูดฉาด แถมยังเดินหน้าเชิดหยิ่งผยองราวกับนกยูงที่กำลังรำแพนหาง เหมยเหมยเห็นพวกเขาสองคนก็รู้ว่าสองคนนี้ต้องได้ยินข่าวของบ้านตระกูลจ้าวแล้วจงใจมาเยาะเย้ยอย่างแน่นอน


“เฮ้อ ทำไมอยู่ดี ๆป้าจ้าวถึงล้มป่วยลงได้ล่ะ ฉันกับซานซานเพิ่งลงเครื่องมา ได้ยินว่าคุณป้าจ้าวเกิดเรื่อง พอวางสัมภาระเสร็จก็รีบมาเลย พวกเราสองแม่ลูกไม่เคยลืมป้าจ้าวเลยนะคะ”


หวงอวี้เหลียนเห็นคุณย่าที่ซูบผอมเหลือแต่กระดูกก็ตกใจ คิดไม่ถึงว่าคุณย่าจะไม่ไหวแล้วจริง ๆ


พอได้เริ่มทำการแสดงไปสักพัก หวงอวี้เหลียนก็หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาทำเป็นซับน้ำตามองคุณย่าด้วยสีหน้าที่โศกเศร้า โอหยางซานซานก็อยู่ในอารมณ์เดียวกัน เพียงแต่ความสามารถในการแสดงน้อย บนใบหน้าจึงไม่มีร่องรอยน้ำตา พยายามยู่คางทำหน้าเหมือนหล่อนกำลังเสียใจ น่าตลกสิ้นดี


ถึงแม้ว่าบ้านตระกูลจ้าวจะไม่ชอบสองแม่ลูกนี้ แต่พวกเขามาเยี่ยมคุณย่าจะไล่พวกเขาออกไปก็คงใช่เรื่อง


อีกทั้งสถานการณ์ของตระกูลจ้าวในตอนนี้จะมีหน้าที่ไหนไล่พวกเขาออกไปได้ล่ะ


“ลุงจ้าว ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าที่บ้านจะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ได้ยินมาว่าพวกคุณจะย้ายออกจากบ้านใหญ่แล้ว อีกหน่อยฉันอยากจะมาเยี่ยมลุงจ้าวก็คงจะไม่มีโอกาสแล้วสินะ…”


หวงอวี้เหลียนถอนหายใจมองหน้าคุณปู่ที่มีสีหน้าบึ้งตึงเหมือนคนท้องผูก เธอพยายามอย่างมากที่จะไม่แสดงสีหน้าสะใจออกมา


“ดูสิทำไมพี่รองถึงได้เลอะเลือนขนาดนี้ ทำให้คุณป้าโมโหจนต้องล้มป่วย หานซู่ฉินอีกคน ทำไมแต่ก่อนฉันถึงดูไม่ออกว่าหล่อนเป็นคนแบบนั้น ไม่น่าคุณป้าถึงได้โมโหจนเป็นแบบนี้ ลุงจ้าว…ลุงต้องเข้มแข็งไว้นะคะ อย่าเป็นอะไรไปอีกคนนะคะ”


หวงอวี้เหลียนมองคุณปู่ด้วยสายตาห่วงใย แต่สิ่งที่พูดออกมาทุกคำราวกับมีดที่กรีดแทงหัวใจ คุณปู่โกรธจนหน้าซีด แต่ก็ไม่อยากจะลดตัวลงไปทะเลาะกับผู้หญิง


พวกจ้าวอิงหย่งพ่อลูกก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลย ผู้ชายที่ดีจะต้องไม่ทะเลาะกับผู้หญิง


นิสัยของอันหย่าฟางเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็งยิ่งคาดหวังอะไรไม่ได้ เหยียนซินหย่าอยากจะออกหน้า ถึงแม้หล่อนจะไม่พอใจคุณปู่ แต่อย่างไรเสียก็เป็นคนในตระกูลเดียวกัน เธอไม่สามารถทนยืนดูเฉย ๆได้


เหมยเหมยจับเธอไว้ เดินก้าวไปข้างหน้าโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงเอาแส้ฟาดไปสองที หวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกเจ็บจนร้องเสียงหลง แล้วรีบหันไปมองผู้กระทำด้วยความเดือดดาล


…………………………………………………


ตอนที่ 1171 ลงมือทันที


“เหมยเหมยเธอนี่ช่างกล้านักนะ นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าตบฉัน?”


โอหยางซานซานมองเหมยเหมยราวกับศัตรูคู่แค้นด้วยดวงตาแดงก่ำ ที่โกรธยิ่งกว่านั้นก็เพราะตระกูลจ้าวพังพินาศไปแล้ว แต่นางสารเลวนี่ไปได้ความมั่นใจมาจากไหนถึงได้ความกำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้?


เหมยเหมยเองก็ไม่ได้เสียเวลาพูดกับเธออีก แสยะยิ้มก่อนที่จะออกแรงใช้แส้ฟาด โอหยางซานซานสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว ด้านนอกสวมเสื้อถักสีชมพูทับ เนื้อผ้าบางเบา เมื่อถูกแส้ฟาดไปสองทีก็เกิดรอยจ้ำเลือดขึ้นบนผิวหนัง


“…อ๊าก…จ้าวเหมยแกรนหาที่ตายใช่ไหม…ตระกูลจ้าวของแกถูกโค่นล้มไปแล้ว แกยังกล้าทำร้ายฉันอีกเหรอ? ฉันจะบอกให้พ่อฆ่าแกให้ตาย!”


โอหยางซานซานตะโกนขึ้นอย่างเดือดดาล หลุดเอ่ยสิ่งที่อัดอั้นภายในใจออกมาเสียหมด ทุกคนในตระกูลจ้าวต่างมีท่าทีทีเปลี่ยนไป แลดูเป็นกังวลเอามาก


เหมยเหมยต่อปากต่อคำอย่างมีสติ “พ่อของเธอคนไหนหรือ? โอหยางปินหรือโอหยางเซี่ยงหมิง?”


“ก๊าก”


สยงมู่มู่กลั้นขำไม่อยู่ จ้าวเสวียหลินและพี่น้องคนอื่น ๆต่างกลั้นยิ้มเอาไว้ บรรยากาศตึงเครียดโดยรอบแลดูผ่อนคลายลงไปมาก


หวงอวี้เหลียนมีสีหน้าเปลี่ยนไปมาก ทั้งยังรู้สึกสงสารลูกสาว เธอโกรธแค้นจ้าวเหมยมากขึ้น เพียงแต่เธอนั้นมีความคิดความอ่านที่ลึกซึ้ง ต่อให้ในใจจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแค่ไหนแต่ก็ไม่แสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้าเลย แต่กลับวางแผนที่จะบอกกับโอหยางปินให้เขาหาวิธีจัดการกับคนชั่วช้าอย่างจ้าวเหมยให้ถึงที่สุด


ตอนนี้โอหยางปินเป็นถึงลูกน้องคนสนิทของเฮ่อเหลียนเช่อ หวงอวี้เหลียจึงมีความมั่นใจอย่างเหลือล้น


“คุณลุงจ้าว คุณลุงควรจะอบรมสั่งสอนหลานสาวคุณไว้หน่อย หล่อนจะไปเข้าใจสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปและเข้าใจสถานะของตนเองอย่างชัดเจนได้เช่นไร ฉันเห็นแก่หน้าของคุณป้าจ้าวหรอกถึงไม่คิดเล็กคิดน้อยด้วย แต่คนอื่นคงจะไม่ใจกว้างมากเท่าฉันหรอกนะคะ โดยเฉพาะจ้าวเหมยที่มีรูปลักษณ์หน้าตาอรชรอ้อนแอ้น พวกผู้ชายบางคนก็มักจะชื่นชอบเธอในลักษณะเช่นนี้…”


“เพี้ยะ”


จ้าวอิงหัวโกรธจนหน้าเขียว นางผู้หญิงคนนี้กล้าหยามลูกสาวต่อหน้าเขา ไม่เห็นหัวเขาเลยหรืออย่างไร!


“หวงอวี้เหลียน คุณไปเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงได้กล้ากำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้? ชายชู้อย่างโอหยางปินหรือ? ถ้าคุณเก่งมากก็เรียกโอหยางปินมาเลย อยากเห็นเหมือนกันว่าต่อหน้าฉันเขาจะกล้าเหิมเกริมขนาดไหน!”


จ้าวอิงหัวยังไม่ทันหายโมโห เมื่อได้เห็นใบหน้าของหวงอวี้เหลียนที่แต่งแต้มอย่างจัดจ้านยิ่งรู้สึกสะอิดสะเอียน จึงทนไม่ไหวพลั้งมือตบหน้าไปหนึ่งฉาด และตวาดขึ้นว่า “ไสหัวไปซะ ลูกสาวของผมยังมีผมที่คอยปกป้องอยู่ ผมยังมีชีวิตอย่างปกติสุขดี!”


โอหยางซานซานมองจ้าวอิงหัวอย่างหวาดกลัว เมื่อก่อนเธอเคยเห็นจ้าวอิงหัวในโทรทัศน์แลดูนอบน้อมมีมารยาท แต่ในตอนนี้กลับมีท่าทีราวกับจะต่อยได้แม้กระทั่งผู้หญิง?


หวงอวี้เหลียนก็นึกไม่ถึงว่าคนที่จะออกหน้ารับคือจ้าวอิงหัว เธอเลียบริเวณมุมปาก กลิ่นคาวเลือดค่อย ๆฟุ้งกระจายทั่วปาก พลันนึกโกรธแค้นต่อจ้าวอิงหัวไปด้วย


เธอเหลือบมองหญิงสาววัยเยาว์อย่างเหยียนซินหย่า และยังมีจ้าวเหมยที่หน้าตางดงามไม่ต่างกัน ทั้งอิจฉาและเคียดแค้น เล่ากันมาว่าเฮ่อเหลียนเช่อชอบทั้งเด็กทั้งคนแก่ ต้องยุยงให้โอหยางปินมาเอาตัวนางสองแม่ลูกนี่ไปขึ้นเตียงกับเฮ่อเหลียนเช่อให้ได้ สองแม่ลูกปรนนิบัติด้วยกันไปเลย เหอะ จะคอยดูสิว่าจ้าวอิงหัวจะยังมีหน้าอยู่ในวงการนี้ต่อไปไหม!


“จ้าวอิงหัว คุณมันก็กล้าแต่วางอำนาจบาตรใหญ่ต่อหน้าผู้หญิง คอยดูเถอะ ต่อไปถึงคิวคุณที่ต้องมาขอร้อง…”


หวงอวี้เหลียนจดจ่ออยากให้ตำแหน่งของจ้าวอิงหัวถูกโค่นล้มลงในเวลาไม่เกินหนึ่งเดือน ถึงตอนนั้นเธอจะจัดการกับตระกูลน่ารังเกียจนี่อย่างไร้ซึ่งความปรานี จะต้องทำให้จ้าวอิงหัวเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส เพื่อเป็นการเอาคืนต่อการที่เธอถูกตบในวันนี้ถึงสองครั้ง


เหมยเหมยหัวเราะเยาะไปทีพร้อมกับฟาดแส้ตามไปอีกครั้ง หวงอวี้เหลียนจึงรีบเบี่ยงหลบแต่ก็ถูกปลายแส้ฟาดโดนต้นคอจนปรากฏรอยเลือดซิบ เจ็บจนเธอเหงื่อไหลท่วมตัว


“พ่อฉันเนี่ยนะต้องไปขอร้องคุณ? เหอะ สมองถูกบ่มด้วยโปรตีนจนเลอะเทอะหรือไง? ไสหัวออกไป ถ้ายังทำตัวเหลวไหลที่บ้านของฉันอีก ฉันจะฟาดให้ตายทั้งสองแม่ลูกเลย!”


เหมยเหมยพูดขึ้นพร้อมกับฟาดแส้อีกครั้ง หวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกตกใจจนร่างสั่นเทิ้ม แส้เส้นนี้ก็ไม่รู้ว่าทำมาจากอะไรโดนฟาดทีหนึ่งนี่เจ็บเป็นบ้าเลย!


“ซานซานของฉันจะเซ็นสัญญาที่หอศิลป์ในอีกไม่กี่วันนี้ ตอนนี้เขาเป็นถึงนักเขียนที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ พวกแกใครก็เทียบไม่ได้…”


หวงอวี้เหลียนหยิบเอาหนังสือเพียงไม่กี่เล่มออกมาจากกระเป๋า พร้อมกับวางลงบนโต๊ะอย่างโอหัง และนี่คือจุดประสงค์หลักที่เธอมาในวันนี้


“รอให้ลูกสาวของคุณมีชื่อเสียงไปทั่วประเทศก่อนแล้วค่อยมาอวด ไสหัวไป!”


เหมยเหมยฟาดแส้ไปอีกครั้ง หวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกจึงจากไปอย่างรวดเร็ว เหตุที่ยังคงนิ่งงันอยู่เพราะคิดไม่ถึงว่าเหตุใดพวกจ้าวเหมยถึงได้มีความมั่นใจถึงเพียงนี้เล่า?


ไปเอามาจากที่ไหนนะ?


ตอนที่ 1172 กำแพงล้มเนื่องด้วยคนผลัก


สีหน้าของคุณปู่จ้าวนั้นดูไม่ได้เลย ช่วงก่อนที่จะส่งจ้าวอิงสยงเข้าไป เขารับรู้ได้ในทันทีถึงผลลัพธ์ในวันนี้ที่จะขึ้น ทั้งยังทำใจยอมรับไว้แล้ว แต่หวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกเอาแต่หัวเราะเยาะจึงยากที่จะทำให้เขาสงบลงได้


คุณปู่จ้าวผู้สูงส่งที่คุ้นชินต่อการที่ถูกผู้อื่นเทิดทูนประจบสอพลอ ไม่ใช่คนที่จะยอมใครง่าย ๆเหมือนยี่สิบปีก่อน ตอนนี้เขายังคงอาลัยอาวรณ์ต่อตำแหน่งสูงส่งที่นำเอาความภาคภูมิใจมาให้แก่เขา ทำใจยอมรับไม่ได้ที่จะห่างจากสภาพสังคมแบบนั้น


แต่เขาเข้าใจดีว่าในตอนนี้ตระกูลจ้าวตกอยู่ในสภาวะคับขัน เขาจึงทำได้เพียงหลีกเลี่ยงความเสี่ยง รอให้วันเวลาผันผ่านค่อยหวนกลับมาเป็นใหญ่อีกครั้ง เพียงแค่รอให้หลานสาวยินยอมพร้อมใจที่จะมอบยาวิเศษให้ ตระกูลจ้าวก็จะคืนสู่สภาพเดิมได้เพียงแค่เอื้อม


“เฮ้อ”


คุณปู่จ้าวถอนหายใจอย่างหนักพร้อมเดินหลังค่อมขึ้นบ้านไป


จ้าวอิงหัวอัดอั้นตันใจเป็นอย่างมาก พ่อผู้องอาจและยิ่งใหญ่ในวันวาน บัดนี้กลับกลายเป็นดั่งผู้เฒ่าเหล่าตอผู้น่าสงสาร แม้แต่ผู้หญิงอย่างหวงอวี้เหลียนยังกล้าเข้ามาเยาะเย้ยพ่อของตนถึงในบ้าน


ในใจของเขาช่างอึดอัดนัก!


จ้าวอิงหัวหันมองลูกสาวอีกครั้ง ใจที่สั่นคลอนไปเมื่อครู่ได้ผันเปลี่ยนเป็นแน่วแน่


งั้นก็คิดเสียเถอะว่าเขานั้นเป็นลูกเนรคุณ เขาเป็นพ่อคนหนึ่งที่เห็นแก่ตัวใจแคบ มีพื้นที่ให้แค่ภรรยาและลูกสาวในใจเท่านั้น


จ้าวเสวียกงหยิบหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิดอ่าน ขมวดคิ้วแน่นแล้วเอ่ย “ยัยแม่หมีสีน้ำตาลได้กลายเป็นคนดังระดับประเทศแล้วเหรอ? บรรณาธิการตาบอดหรือไง?”


สยงมู่มู่บ่นพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์ พร้อมกับโยนหนังสือพวกนั้นลงถังขยะ และเอ่ยว่า “คนอย่างโอหยางซานซานจะเขียนบทความอะไรดี ๆออกมาได้? แค่ดูก็รู้แล้วว่าเล่นสกปรก”


จ้าวเสวียกงหัวเราะร่า และไม่คิดจะดูหนังสือพวกนั้นอีก พวกเขาไม่กี่คนพี่น้องต่างก็รู้สึกอึดอัดใจ โกรธแค้นที่พวกตนนั้นไร้ซึ่งความสามารถจนเกินไป นึกไม่ถึงว่าจะปล่อยให้ผู้หญิงพวกนั้นมารังแกได้ถึงในบ้าน


สยงมู่มู่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พลันกระซิบถามข้างหูเหมยเหมย “เธอมีรูปหลักฐานที่โอหยางซานซานว่าจ้างมือปืนอยู่ไม่ใช่หรือ? ทำไมไม่เอาออกมาตั้งแต่แรกล่ะ?”


เหมยเหมยกลอกตามองบน  “รีบอะไรเล่า? ยังไม่ถึงเวลา!”


“แล้วต้องรอไปถึงเมื่อไหร่? หรือเธอไม่โกรธเลย? ฉันเห็นผู้หญิงคนนี้มีท่าทีได้ใจเอาแต่คุยโวโอ้อวด ฉันแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆอยู่แล้ว!” สยงมู่มู่ทึ้งหนังศีรษะอย่างหงุดหงิด


เหมยเหมยพูดอย่างเย็นชา “ใกล้แล้ว อีกไม่กี่วันหล่อนจะเซ็นสัญญาซื้อขายไม่ใช่หรือ? พวกเราไปหาสำนักพิมพ์ แล้วก็เชิญนักข่าวของสถานีโทรทัศน์มาร่วมก่อกวน ทำให้หล่อนเป็นข่าวฉาวโฉ่เสื่อมเสียชื่อเสียง!”


จากเดิมเธอรอจังหวะที่จะให้โอหยางซานซานไปเซ็นสัญญาซื้อขายที่ฮ่องกงก่อนแล้วค่อยเปิดเผยหลักฐาน แต่ใครใช่ให้สองแม่ลูกนี่น่าชิงชังนักเล่า เธอรอไม่ไหวแล้ว!


สยงมู่มู่ดีใจอย่างที่สุด ดวงตาเป็นประกายระยับเอ่ยพึมพำเสียงเบา “อีกสักพักเราไปหาเซียวเซ่อกัน เรื่องแบบนี้เขามีหนทางอยู่มาก”


เหมยเหมยเองก็คิดเช่นนั้น เดิมทีเธอไม่อยากอยู่ในบ้านนี้ต่อไปให้อึดอัดใจ จึงบอกจ้าวอิงหัวก่อนจะลากสยงมู่มู่ไปยังบ้านตระกูลเซียวพร้อมกัน จ้าวเสวียหลินไม่วางใจต่อน้องสาวจึงแอบย่องตามอยู่ด้านหลังเสมือนครั้งวัยเยาว์ไม่เปลี่ยนเลย


หลังจากที่รอให้เหมยเหมยและคนอื่น ๆจากไป จ้าวอิงหย่งจึงหันมาเอ่ยกับจ้าวอิงหัวอย่างไม่เห็นด้วย “เมื่อครู่นายวู่วามเกินไป ตอนนี้ตระกูลเราตกต่ำถึงขีดสุดแล้ว ไม่จำเป็นต้องเอาความโกรธชั่ววูบมาหาเรื่องตระกูลโอหยางเลย ต่อไปนี้นายก็ควรจะบอกเหมยเหมยบ้าง หลานสาวมีอารมณ์รุนแรงไปหน่อย นึกอยากจะใช้แส้ฟาดก็ฟาด สถานการณ์ตระกูลเราตอนนี้หากว่าเธอก่อเรื่องคงไม่มีใครปกป้องเธอได้แล้ว!”


จ้าวอิงหัวมองเขาอย่างผิดหวัง ผู้กล้าที่สุดในวันวานอย่างพี่สาม บัดนี้กลับกลายเป็นดั่งเต่าที่เอาแต่หดหัวหลบอยู่ในกระดอง


“ครอบครัวนี้ปกป้องลูกสาวของผมตั้งแต่เมื่อไรกัน? แต่ละคนต่างก็เอาแต่คิดร้ายต่อเหมยเหมย!”


จ้าวอิงหัวโต้ตอบกลับอย่างไร้ความเกรงใจ พอเผชิญเรื่องเลวร้ายถึงได้รู้ใจคน เขามองเห็นบรรดาพี่ชายได้จนทะลุปรุโปร่งเสียแล้ว!


จ้าวอิงหย่งสีหน้าซีดขาวและมีท่าทีฮึดฮัดไปพร้อมกันก่อนจะกลับไปทำงาน สองพี่น้องจึงเกิดความบาดหมางต่อกัน


ระหว่างทางสยงมู่มู่นึกถึงปัญหาบางอย่างขึ้นมาได้กะทันหัน พลางเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “เหมยเหมย เมื่อครู่ที่เธอพูดถึงโปรตีนมันคืออะไร? ของบำรุงร่างกายหรือ?”


“ใช่ บำรุงอย่างหนักเลยล่ะ”


เหมยเหมยหน้าแดงไปจนถึงใบหู หลุดปากพูดไปได้ไงเนี่ย…


…………………………………………………..


ตอนที่ 1173 โลกนี้มันกลมยิ่งนัก


เซียวเซ่อให้ความสนใจโอหยางซานซานมากเป็นพิเศษ จึงเป็นฝ่ายเสนอแผนการ “ไม่งั้นพวกเราเอาภาพถ่ายพวกนั้นออกมาด้วย จัดการแม่หมีสีน้ำตาลนั่นให้เจ็บแสบ!”


เหมยเหมยส่ายหน้า “ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก ถ้ายังไม่ถึงทางตันก็อย่าเพิ่งเอาภาพถ่ายพวกนั้นออกมาใช้ ถึงอย่างไรโอหยางซานซานกับฉันไม่ได้มีเรื่องอาฆาตต่อกัน ทำเรื่องแบบนี้แลดูจะไร้คุณธรรมไปหน่อย”


เซียวเซ่อคิด ๆดูแล้วก็ว่าใช่ ความจริงก็ดูจะขาดคุณธรรมไปหน่อย


“ถ้างั้นเราไปหาสำนักหนังสือพิมพ์กัน แล้วค่อยไปติดต่อสถานีโทรทัศน์”


เซียวเซ่อดีใจกระโดดโลดเต้น อยู่ที่อังกฤษมาสามปีอึดอัดจะตายไป โดดเดี่ยวราวกับหิมะ!


สยงมู่มู่และจ้าวเสวียหลินได้ฟังต่างรู้สึกประหลาดใจ เอ่ยถามพวกเขาว่าเกิดอะไรกับภาพถ่ายพวกนั้น ซึ่งแน่นอนว่าเหมยเหมยพูดออกไปไม่ได้ เธอจึงพูดให้ฟังไปเรื่อยเปื่อยแต่ก็ไม่ควรทำให้ผู้ใสซื่อบริสุทธิ์ทั้งสองต้องแปดเปื้อน


งานเซ็นสัญญาซื้อขายคือวันถัดไปของวันมะรืน เวลาเหลือเฟือเพียงพอให้พวกเขาได้ตระเตรียมการ เพราะงั้นเธอจึงจัดการทุกเรื่องเรียบร้อยแล้ว เพียงแค่ถึงวันมะเรื่องก็จะมีเรื่องสนุกให้ดูกัน


อาการของคุณย่าแย่ลงไปทุกวัน คุณปู่จึงได้ให้คนไปจัดการเรื่องงานศพไว้แล้ว บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ต่างก็แวะมาเยี่ยมเยียนคุณย่า อย่างไรเสียก็เป็นเหล่าเพื่อนรบกันมาต้องให้เกียรติกันบ้าง


บรรยากาศภายในตระกูลจ้าวอึมครึมมาโดยตลอด เหมยเหมยไม่ยอมอยู่ในบ้านตั้งแต่ช่วงกลางวันแล้ว เธอจะออกไปเดินชอปปิ้งกับเซียวเซ่ออยู่บ่อยครั้ง พาสยงมู่มู่ติดสอยห้อยตามไปด้วยเป็นครั้งคราว


“พรุ่งนี้ก็จะถึงวันงานเซ็นสัญญาของยัยแม่หมีสีตาลแล้วนี่ ช่างน่าตื่นเต้นจริงเลย” สยงมู่มู่ตื่นเต้นดีใจแทบแย่


พวกเขาทั้งสามคนไปเดินเล่นในห้าง พอเหนื่อยจึงนั่งพักในร้านน้ำชาในห้าง พร้อมกับดื่มน้ำชาไปพลาง


“นิ่ง ๆไว้ อย่าประเจิดประเจ้อ” เซียวเซ่อประชดประชันไปหนึ่งประโยค ยกน้ำผลไม้เย็นดื่มจนหมดแก้ว พร้อมกับให้พนักงานเอามาเสิร์ฟอีกหนึ่งแก้ว


สยมู่มู่มองเขาอย่างระอาไปที ก่อนจะรู้สึกดีใจอีกครั้งจึงพูดว่า “จะบอกข่าวดีกับพวกเธออย่างหนึ่ง ชิงชิงจะออกอัลบั้มเร็ว ๆนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเพลงที่ฉันเขียนตั้งสองเพลงเลยนะ!”


เหมยเหมยรู้สึกดีใจไปด้วย “ยินดีกับนายด้วยนะ ครั้งหน้าจะรอนายเป็นคนออกอัลบั้มเอง”


สยงมู่มู่สะบัดผมอย่างภาคภูมิใจ แสดงท่าทีชอบใจ พยายามอยู่หลายปีนับว่าเขาได้มองเห็นแสงสว่างแล้ว


“ตอนนี้พี่ชิงชิงให้คนช่วยหรือทำด้วยตัวเองเหรอ” เหมยเหมยถาม


เธอรู้สึกถูกชะตากับสยงชิงชิงมากเพียงแต่หลายปีมานี้ไม่ค่อยได้เจอกัน แต่กลับเจอบ่อยในรายการโทรทัศน์ หญิงสาวได้ออกจากวงไปเมื่อสี่ปีก่อน ว่ากันว่ามีปัญหาใหญ่โตกับหัวหน้าใหญ่ครั้งหนึ่งและวันถัดมาจึงลาออกอย่างสง่าผ่าเผย


นั่นเพราะสยงชิงชิงต้องการจะออกหน้าเพื่อช่วยน้องสาวที่สนิทสนมกัน ดูเหมือนว่าฝ่ายหัวหน้าต้องการจะตีกรอบให้น้องตนมากไปหน่อยจนทำให้สยงชิงชิงรู้สึกไม่ดี พอเห็นความไม่เป็นธรรมอันนี้เข้าจึงได้ยื่นมือเข้าไปช่วย ซึ่งน้องสาวของตนนั้นกลับไม่ได้ถูกกระทำเช่นนั้น เพียงแต่ชามข้าวเหล็ก[1]ของเธอนั้นถูกทุบจนแหลกไปเสียแล้ว


สี่ปีมานี้สยงชิงชิงมีชีวิตที่ไม่ง่ายเลย ทุก ๆหนแห่งเธอถูกนักร้องนำกีดกัน และก็นับว่าเพิ่งจะหลุดพ้นได้ในช่วงสองปีมานี้ ทั้งยังสามารถมีที่ยืนในแวดวงดนตรี หากพัฒนาไปตามแนวโน้มนี้ขอเพียงแค่เธอไม่ออกนอกลู่ทางก็จะกลายเป็นดั่งดาวจรัสในอีกไม่ช้าก็เร็ว


สยงมู่มู่เอ่ย “ถ้าทำคนเดียวลำบากเกินไป เมื่อปีก่อนพี่ชิงชิงเซ็นสัญญากับค่ายหัวหยู่มีเดีย บริษัทก็ดีต่อเธอไม่น้อย”


หัวหยู่มีเดีย?


เหมยเหมยหัวใจหล่นวูบ  นี่ไม่ใช่บริษัทที่อู่เจิ้งซือทำงานอยู่หรอกหรือ?


บอสที่อยู่เบื้องหลังดูเหมือนจะเป็นเหมยซูหาน โลกใบนี้ช่างเล็กนัก เดินไปตรงไหนก็มีแต่คนคุ้นเคย


“ชานมร้านนี้รสชาติไม่เลวเลยล่ะ ฉันจะเลี้ยงพวกเธอเอง” เสียงของผู้หญิงดังแว่วมาจากนอกประตู เสียงที่ได้ยินคุ้นหูนัก


“ซานซานตอนนี้เธอเป็นถึงนักเขียนชื่อดังแล้วนี่ แค่เลี้ยงชานมจะพอได้ไง ฉันไม่เห็นด้วยหรอก” มีคนเอ่ยพูดกลั้วเสียงหัวเราะ


“นักเขียนชื่อดังอะไรกัน เป็นแค่ชื่อเรียกสนุก ๆเท่านั้นเอง กินชานมเสร็จพวกเราค่อยไปกินเคเอฟซีกันต่อ สูบฉันไปขนาดนี้พรุ่งนี้พวกเธอต้องไปร่วมยินดีกับฉันล่ะ”


“แน่นอนอยู่แล้ว ต่อให้พรุ่งนี้ต้องบุกน้ำลุยไฟพวกเราก็จะไป!”



เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งแว่วดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เหมยเหมยขมวดคิ้วมุ่น  แค่มาดื่มชานมยังต้องมาปะทะกับคนที่เกลียดอีก อย่างกับได้เจอสัมภเวสีเลยจริง ๆ!


………………………………………………..


[1] แต่อดีตมา “ชาม” มีความหมายโดยนัยคืองานดำรงชีพที่มีความมั่นคงมากๆ ซึ่งไม่แตกหักง่ายเหมือนชามกระเบื้อง โดยสมัยก่อนงานที่มั่นคงที่สุดคงหนีไม่พ้นงานข้าราชการ


ตอนที่ 1174 ฉีกทำลายสิ่งปกปิด


โอหยางซานซานที่ตกอยู่ภายใต้การยกยอปอปั้นของสาวน้อยกลุ่มนั้นเดินเข้าไปในร้านอย่างได้ใจ เวลานี้ผู้คนในร้านยังมีไม่มาก ทันทีที่เธอเดินเข้ามาก็เห็นพวกเหมยเหมยทั้งสามคน สีหน้าก็พลันสลดในทันที


แต่ครู่เดียวเธอก็เกิดอาการดีใจ วันนี้จ้าวอิงหัวไม่อยู่ หนำซ้ำเธอยังพาคนมาด้วยตั้งมากต้องสั่งสอนนางชั่วจ้าวเหมยให้อับอายไปเลย!


โอหยางซานซานเป็นฝ่ายมุ่งไปยังโต๊ะที่เหมยเหมยและพวกพ้องนั่งอยู่ เด็กสาวคนอื่น ๆต่างก็อยู่ในแวดวงสังคมนี้ด้วย แม้ว่าฐานะทางบ้านจะไม่ได้เด่นอะไรแต่ก็รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลจ้าว และเข้าใจถึงความเคียดแค้นชิงชังระหว่างโอหยางซานซานกับจ้าวเหมย ในตอนนี้ตระกูลโอหยางมีหน้ามีตากว่า ซึ่งแน่นอนว่าพวกหล่อนจะต้องยืนหยัดที่จะอยู่เคียงข้างโอหยางซานซาน


“จ้าวเหมย คุณย่าของเธออาการแย่มาก ทำไมไม่อยู่ดูแลคุณย่าที่บ้าน แล้วยังออกมาเที่ยวชอปปิ้งอีก เธอนี่ช่างอกตัญญูเสียจริง!” โอหยางซานซานพูดประชดประชัน


เหมยเหมยรั้งห้ามสยงมู่มู่ที่โมโหเดือดปุด ๆไว้พร้อมพูดตอกกลับ “โอหยางซานซานแต่ก่อนเธอผูกพันกับคุณย่าของฉันมากไม่ใช่หรือ? ทำไมฉันถึงไม่เห็นเธอคอยไปช่วยเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้ท่านเลยล่ะ ฉันรู้ว่าเธอกับแม่ไม่ต่างอะไรกันเลย เป็นพวกดีแต่พูดแต่ไม่มีความจริงอยู่แม้แต่ประโยคเดียว”


โอหยางซานซานถอดสีหน้าพลันเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “จ้าวเหมยแกเหลือเพียงแต่ปากอย่างเดียวนั่นแหละที่เก่ง ตอนนี้ตระกูลจ้าวของแกมันพังพินาศไปแล้ว ดูซิว่าแกจะยังอวดเก่งได้ถึงเมื่อไร?”


“ถึงอย่างไรตระกูลของฉันก็เหนือกว่าตระกูลเธอ พ่อลูกใช้เมียร่วมกัน ลูกสาวกลายเป็นหลานสาว คุณพ่อกลายเป็นคุณปู่ พี่ชายกลายเป็นคุณพ่อ โอหยางซานซานทำไมเธอถึงยังมีหน้ากลับมาที่เมืองหลวงอีกล่ะ? นึกว่าคนอื่นเป็นอัลไซเมอร์ไปกันแล้วหรือไง ถึงจะลืมเรื่องราวฉาวโฉ่ในตระกูลเธอได้!”


เหมยเหมยรื้อฟื้นเรื่องราวที่ทุกคนได้ลบเลือนกันไปอย่างไม่เกรงใจ แม้แต่ลูกตาของโอหยางสยงเธอยังกล้าควัก มีหรือที่จะกลัวโอหยางซานซาน?


เด็กสาวไม่กี่คนที่โอหยางซานซานพามาด้วยต่างมีท่าทีผิดแปลกไป ซึ่งแน่นอนว่าพวกหล่อนยังคงจดจำข่าวคราวใหญ่โตที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อนได้ดี ในตอนนั้นพวกเธอไม่แม้แต่จะยินดีที่จะไปมาหาสู่กับโอหยางซานซานด้วยซ้ำ


แต่ทิศทางลมและสายน้ำมักผันเปลี่ยน ใครเล่าจะรู้ว่าโอหยางปินจะกลายเป็นลูกน้องคนโปรดของเฮ่อเหลียนเช่อไปได้?


ตอนนี้พวกหล่อนประจบประแจงโอหยางซานซานยังแทบไม่ทัน!


“แกมันพูดจาซี้ซั้ว…ฉันจะฆ่าแกให้ตาย…”


โอหยางซานซานไม่ได้เอียงอายเหมือนก่อนแต่อารมณ์ร้ายไม่เบา พุ่งตัวเข้ามาหมายจะตบหน้าเหมยเหมย ในตอนนี้เธอมีฐานะที่สูงกว่าจ้าวเหมย ความมั่นใจของเธอนั้นมีอยู่มากพอ!


“แกคิดว่าคนอื่นโง่นักหรือไง? ที่ไม่รู้ว่าแม่แกกับชายผู้พี่ของแกมีเรื่องราวฉาวโฉ่อะไรกัน…”


สยงมู่มู่อดไม่ได้ที่จะถากถางและผลักโอหยางซานซานด้วยมือเดียว หนำซ้ำยังเช็ดมือบนลำตัวไม่หยุด อนึ่งเป็นของสกปรกโสโครก


โอหยางซานซานจ้องสยงมู่มู่อย่างอาฆาตแค้น เจ้าหมอนี่ที่เหมือนผู้หญิงก็ไม่ใช่ผู้ชายก็ไม่เชิงน่ารังเกียจไม่ต่างไปจากจ้าวเหมยเลย กลับไปต้องบอกกับแม่ว่าให้เอาตัวสยงมู่มู่ไปเป็นของเล่นให้คุณชายเฮ่อ แล้วก็นางชั่วจ้าวเหมยนี่อีก…


“ตระกูลโอหยางมีเรื่องฉาวอะไร? แกพูดมาให้ชัด ๆ…”


ทันใดนั้นก็มีเสียงดุดันน่ากลัวดังขึ้นมาจากทางประตู เหมยเหมยหันหน้าไปมอง เขาก็คือโอหยางสยงผู้สวมแว่นตาขอบทอง นั่นเป็นเพราะตาข้างซ้ายคือตาเทียม หากว่าไม่สวมแว่นตาคงง่ายที่คนอื่นจะสังเกตเห็นได้


ข้างกายโอหยางสยงโอบหญิงสาวอวบอั๋นหน้าสวยหมดจดไว้คนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี นั่นก็คือคุณน้าเล็กที่ไม่ลงรอยกับเซียวเซ่ออย่างเซียวเวย ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนสาวคนสนิทของโอหยางซานซานด้วย


“พี่ใหญ่…”


พอโอหยางซานซานได้เห็นโอหยางสยงก็พลันยืดตัวตรงในทันที ได้ยินมาว่าดวงตาของพี่รองเป็นอย่างนั้นเพราะฝีมือของจ้าวเหมย พี่ใหญ่ของเธอเกลียดจ้าวเหมยเข้าไส้ ครั้งนี้นับว่ามีละครสนุกให้ดูเสียแล้ว


สยงมู่มู่ไม่ได้รู้จักโอหยางสยงแต่อย่างใด ไม่รู้จักประมาณตนพร้อมเอ่ยประชดขึ้นโดยไม่ทันยั้งคิด “โอหยางซานซานเธอเรียกผิดแล้วล่ะ ควรเรียกว่าลุงรองต่างหาก!”


เหมยเหมยรีบรั้งสยงมู่มู่พลางส่ายหน้าห้ามเขาไว้เพื่อยั้งไม่ให้เขาพูดอะไรอีก


โอหยางสยงเป็นแค่คนต่ำทรามที่มีจิตใจชั่วช้า บัดนี้ตระกูลจ้าวมีอำนาจอยู่น้อยนิด สยงมู่มู่ไม่อาจหาเรื่องกับคนชั้นต่ำแบบนั้นได้เพราะไม่คุ้มที่จะต้องทำให้ตัวเองต้องลำบาก


………………………………………………….


ตอนที่ 1175 น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ


โอหยางซานซานขอบตาแดงก่ำหันมองโอหยางสยงอย่างอัดอั้นใจ “พี่รอง พวกมันเอาแต่พูดจาไร้สาระ ทำลายชื่อเสียงตระกูลโอหยางของเรา”


โอหยางสยงหันมองสยงมู่มู่ แวบแรกที่เห็นดวงตาเป็นประกาย แต่ครู่เดียวก็เห็นถึงความชัดเจนของลูกกระเดือกและช่วงอกอันแบนราบของสยงมู่มู่จึงหมดสิ้นความสนใจ เขาสนใจเพียงแค่ผู้หญิงสวยไม่ได้สนใจผู้ชายอย่างเขา


แต่ในแวดวงที่เขาอยู่มีพวกผิดแผกอยู่เกลื่อนกลาด ผู้ชายที่หน้าตาสะสวยเสียยิ่งกว่าผู้หญิงอย่างเขา มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นพวกอ่อนประสบการณ์คงเป็นที่ต้องการไม่น้อย


“กล้าหาญไม่เบาเลยนี่ นายลองบอกมาสิว่าแท้จริงแล้วตระกูลโอหยางมีเรื่องฉาวโฉ่อะไร?”


โอหยางสยงจ้องสยงมู่มู่อย่างเย็นชา แววตาราวกับแผ่รังสีร้ายของงูพิษก็มิปาน สยงมู่มู่รู้สึกสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่ได้ ในใจรู้สึกหนาวเหน็บ


เหมยเหมยพลันรีบเข้ามาขวางอยู่ด้านหน้าสยงมู่มู่ และหันไปพูดตอกกลับใส่โอหยางสยงว่า “เรื่องฉาวโฉ่ในตระกูลพวกคุณยังไม่รู้อีกเหรอ?”


แม้จะรู้ดีว่ามีโอหยางสยงอยู่จะทำให้เสียเปรียบ แต่จะให้เธอแสดงความอ่อนแอต่อหน้าคนในตระกูลโอหยางนั่นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด แต่น่าเสียดายที่ฉิวฉิวไม่อยู่ด้วย มิเช่นนั้นเธอจะควักลูกตาอีกข้างหนึ่งของโอหยางสยงทิ้งเสีย


โอหยางสยงจ้องเหมยเหมยอย่างอาฆาต อยากจะฆ่านางผู้หญิงชั่วคนนี้ให้ตายจริง ๆ หากแม้แต่ผู้หญิงคนเดียวเขายังจัดการไม่ได้ ก็อย่าคิดจะกลับมาอยู่ในเมืองหลวงอีก!


“นั่นเพราะไม่ชัดเจนถึงได้ถามคุณหนูจ้าวไงล่ะ ตกลงเป็นเรื่องฉาวอะไรกันแน่? ถ้าเธอไม่พูดออกมาให้ชัดเจนก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”


โอหยางสยงเหยียดยิ้มมองเหมยเหมย หยิบโทรศัพท์ก้อนอิฐหนัก ๆก้อนหนึ่งออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะดึงเสาอากาศออกมาและกดโทรออก เขากำลังจะเรียกผู้ช่วยมาแล้ว


เหมยเหมยใจหล่นวูบรู้แล้วว่าโอหยางสยงไม่มีทางปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่าย ๆ จึงหันไปกระซิบกระซาบเสียงแผ่ว “อีกสักพักพวกเธอรีบวิ่งหนีไปเลยนะ ไม่ต้องสนใจฉัน!”


เซียวเซ่อขมวดคิ้ว “ไม่ได้เด็ดขาด ฉันจะทิ้งเพื่อนไว้แล้ววิ่งหนีไปได้ไง”


สยงมู่มู่เองก็ยืนกรานเช่นกัน “ฉันก็ไม่ไป!”


เหมยเหมยหมายจะเกลี้ยกล่อมพวกเขา แต่คนของโอหยางสยงมาถึงแล้วสิบคน ดูท่าจะไม่ใช่คนดีสักเท่าไรต่างก็เป็นพวกนักเลงอันธพาล พอเห็นเหมยเหมยต่างก็มีแววตาหื่นกระหายจนรู้สึกสะอิดสะเอียน


“แค่พวกแกจับตัวคนผมยาวสองคนนั้นได้ก็จะยกให้เป็นทานแก่พวกแกไป!”


โอหยางสยงเอ่ยอย่างเย็นชาราวกับไม่เห็นเหมยเหมยและสยงมู่มู่อยู่ในสายตาเลยสักนิด แต่กลับไม่ได้เอ่ยถึงเซียวเซ่อ ในตอนนี้เขายังไม่อยากมีปัญหากับเฝิงไห่ถัง อีกอย่างเซียวเซ่อก็เป็นถึงเชื้อกษัตริย์อังกฤษชั้นสูง หากไม่ระวังเพียงนิดเดียวก็จะทำให้เกิดเรื่องบาดหมางระหว่างประเทศได้ ซึ่งนั่นไม่ควรจะก่อเรื่อง


“ขอบคุณครับคุณชายสยง!”


พวกอันธพาลกลุ่มนั้นต่างดีใจยกใหญ่ คนผมยาวทั้งสองหน้าตาดีจนหาที่ติไม่ได้ แค่เห็นก็รู้ว่ายังไม่มีประสบการณ์เรื่องอย่างว่า พวกเขาเก็บของมีค่าได้แล้ว


โอหยางซานซานชอบใจสุด ๆ ยิ่งโอหยางสยงเหยียดหยามนางชั่วจ้าวเหมยมากเท่าไรเธอก็ยิ่งอารมณ์ดีมากเท่านั้น ถ้าจะให้ดีต้องให้จ้าวเหมยถูกคนพวกนี้รุมโทรมถึงจะสาแก่ใจ!


“คุณหนูเซียว เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับคุณ ถ้าจะให้ดีรีบออกไปจากที่นี่เถอะ” โอหนางสยงเอ่ยเตือน


“ภัตตาคารแห่งนี้ตระกูลโอหยางเป็นคนเปิดกิจการหรือไง? ฉันจะไปหรือไม่ไปคุณมายุ่งอะไรด้วย” เซียวเซ่อพูดขึ้นอย่างเย็นชา


เซียวเวยอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “เซียวเซ่อเธออย่าทำตัวขายหน้านักเลย ทำไมถึงพูดกับคุณชายสยงแบบนี้!”


เซียวเซ่อกวาดสายตามองผู้หญิงที่นึกชื่นชมตัวเองอย่างดูถูก เป็นเพียงของเล่นยังนึกได้ใจ ที่แท้ลูกสาวของเมียน้อย ต่างก็ยินยอมพร้อมใจที่จะทำตัวเป็นคนชั้นต่ำเหมือนกันทั้งนั้น


“ศักดิ์ศรีเป็นเรื่องที่ตัวเองสร้างขึ้นมา ใช่ว่าคนอื่นให้มาสักหน่อย เซียวเวยแม้แต่ก้นเธอยังขาย แล้วยังจะเหลือศักดิ์ศรีอะไรไว้อีกเหรอ!”


เซียวเซ่อปากคอเราะรายยิ่งกว่าเหมยเหมยนัก แค่แวบเดียวก็เอ่ยถึงสถานะของเซียวเวยออกมา คนในภัตตาคารต่างพากันกลั้นขำไว้ไม่อยู่จนหลุดหัวเราะออกมา


เซียวเวยมีท่าทีเปลี่ยนไปพลางหันไปหาที่พึ่งพิง โอหยางสยงโบกมือเป็นนัยก่อนจะเอ่ยเสียงแข็ง “จับพวกมันทั้งหมดมา คนอย่างฉันจะสั่งสอนพวกมันเอง”


เหมยเหมยดึงแส้ออกมา ในจังหวะที่จะลงมือก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูมาจากทางประตู “คนของฉันต้องให้คนอย่างแกมาสั่งสอนหรือไง?”


………………………………………………………


ตอนที่ 1176 วีรบุรุษช่วยหญิงงาม


เหมยเหมยหันไปมองทางประตู พลางตะโกนเรียกอย่างดีใจ “พี่หมิงซุ่น!”


คนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็คือเหยียนหมิงซุ่น สวมใส่เสื้อผ้าพรางตาดูเหมือนเพิ่งจะเสร็จภารกิจมา ซึ่งในความเป็นจริงคือเหยียนหมิงซุ่นรีบกลับมาที่เมืองหลวง กระทั่งเฮ่อเหลียนชิงก็ยังไม่ได้เข้าไปหาด้วยซ้ำ


ในขณะที่ใกล้จะถึงเมืองหลวง ลูกน้องของเขารายงานว่าเหมยเหมยกำลังปะทะกับโอหยางสยง เกรงว่าจะต้องเสียเปรียบแน่ เหยียนหมิงซุ่นจึงตาลีตาเหลือกรีบตามมา เขาต้องการจะเป็นวีรบุรุษช่วยหญิงงามด้วยตัวเอง


เหยียนหมิงซุ่นยังพาลูกน้องมาด้วยอีกสองคน เขาสั่งให้ลูกน้องเฝ้าหน้าประตู ก่อนจะเดินเข้าไปทางเหมยเหมยโดยยืนอยู่ด้านหน้าเจ้าหญิงตัวน้อยของเขาพร้อมกับลูบหัวเธอไปมา เมื่อครู่เหมยเหมยเป็นดั่งวีรสตรีผู้แข็งแกร่ง แต่เพียงชั่วพริบตากลับมลายหายไปจนสิ้น


“พวกมันรังแกฉัน บอกว่าจะยกฉันให้กับไอ้พวกจรจัดนั่นด้วย…”


เมื่อนึกถึงเรื่องราวอัดอั้นตันใจในหลายวันมานี้ เหมยเหมยก็น้ำตาไหลพรากฟ้องพร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลริน แม้แต่เรื่องเก่าก็ยังถูกดึงมาหมด


ก็ไม่ได้ความเป็นธรรมนี่นา!


“ไม่ต้องกลัว พี่จะแก้แค้นแทนเธอเอง!”


เหยียนหมิงซุ่นจึงลูบหัวแฟนสาวของตนอยู่หลายครั้ง หลายวันมานี้ท่าทีของเหมยเหมยนับว่าน่าทึ่งมาก แต่มากกว่านั้นคือเขารู้สึกเจ็บปวดใจไม่น้อย


โอหยางสยงจ้องเหยียนหมิงซุ่นอย่างไม่สบอารมณ์ และพูดเหยียดหยามว่า “แกเป็นใคร? แล้วรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ถ้ารู้แล้วก็รีบไสหัวไปซะ!”


เหยียนหมิงซุ่นมองเขาอย่างเย็นชา ก่อนจะหันกลับมาถามเหมยเหมย “ลูกตาของไอ้บ้านี้ฉิวฉิวเป็นคนควักออกมาเหรอ?”


“อืม ฉิวฉิวเป็นเด็กดีมาก!” เหมยเหมยพยักหน้า


โอหยางสยงมีสีหน้าเปลี่ยนไป ดวงตาเป็นสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับเขา แม้ว่าภายนอกจะดูไม่ต่างไปจากแต่ก่อนนัก แต่การมีดวงตาแค่ข้างเดียวนั้นไม่สะดวกสบายเลยสักนิด อีกทั้งตาซ้ายยังเกิดอาการเจ็บปวดอยู่บ่อยครั้ง และทุกครั้งก็จะทำให้เขานึกถึงค่ำคืนที่เขาถูกทำร้าย


“อยากตายหรือไง…จับพวกมันไว้ ใครจับนางชั่วนี่ได้ก่อน ฉันจะยกให้คนนั้นไป!” โอหยางสยงตะโกนด้วยความโมโห


แววตาเหยียนหมิงซุ่นดุดันขึ้นราวกับจ้องคนตายก็มิปาน เขาจับจ้องโอหยางสยงอย่างเยือกเย็น เขาหันไปส่งซิกให้กับลูกน้องทั้งสองที่หน้าประตู ลูกน้องต่างน้อมรับคำสั่งพลันถลาตัวเข้ามาอยู่เบื้องหน้าของพวกนักเลงอันธพาลอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างไม่รู้ว่าพวกเขาเคลื่อนไหวด้วยท่าใดได้ยินเพียงเสียงอึกอักอึกอัก จากนั้นพวกนักเลงต่างก็ล้มลงไปกองอยู่กับพื้นจนเกลี้ยง


หนำซ้ำลูกน้องทั้งสองก็ไร้สีหน้าเหนื่อยหอบแต่อย่างใด พวกเขาดูถูกพวกคนชั้นต่ำที่นอนราบอยู่กับพื้น รวมถึงการกระทำของพวกกากเดนเหล่านี้จึงทำให้มือพวกเขาต้องแปดเปื้อนไปด้วยเลย


โอหยางสยงมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างหวาดผวา บัดนี้เขารับรู้ถึงสิ่งผิดปกติแล้ว


“นายเป็นใครกัน? ฉันเป็นคนตระกูลโอหยาง ทำงานอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของคุณชายเช่อ”


โอหยางสยงเน้นย้ำตรงคำว่าคุณชายเช่อเพื่อตอกย้ำให้เหยียนหมิงซุ่นรู้ว่าเขาเป็นคนของเฮ่อเหลียนเช่อ ถ้าจะให้ดีก็ควรจะรู้ว่าต้องวางตัวอย่างไร


เหยียนหมิงซุ่นเบะปากพร้อมเอ่ยอย่างดูถูก “ฉันรู้ว่าแกเป็นสุนัขรับใช้ของไอ้ชั่วเฮ่อเหลียนเช่อ ฝากแกไปบอกมันด้วย ว่าฉันจะปกป้องจ้าวเหมย มันอยากทำอะไร ต้องถามฉันก่อนว่ายอมไหม!”


เมื่อเห็นชายคนรักทำตัวยกตนข่มท่าน แววตาของเหมยเหมยก็พลันเป็นประกายตาขึ้นมาทันที


สยงมู่มู่กระซิบเสียงเบา “เหยียนหมิงซุ่นนี่จะไหวเหรอ? หรือจะเป็นพวกที่ตบหน้าตัวเองให้บวมเปล่ง[1]?”


“นายสิที่ไม่ไหว พี่หมิงซุ่นเก่งที่สุดแล้ว!” เหมยเหมยแสดงท่าทีภูมิใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้


แต่สิ่งที่เซียวเซ่อสนใจกลับเป็นเรือลำนี้ เธอเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “ที่แท้เธอก็ลงเรือลำเดียวกับเหยียนหมิงซุ่นมาโดยตลอดสินะ!”


และจากนั้นเธอก็ได้รับสายตามองแรงจากเหมยเหมยกลับมา


โอหยางสยงจึงถามขึ้นอีกครั้ง “สรุปว่านายเป็นใครกันแน่?”


“โง่ แม้แต่คุณชายหมิงก็ไม่รู้จัก” ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นคำรามเสียงดัง


โอหยางสยงตัวสั่นสะท้าน คุณชายหมิง?


หรือว่าจะเป็นคุณชายหมิงที่โผล่ออกมาอย่างลึกลับเมื่อสามปีก่อน?


ตามที่เขารู้มาคุณชายหมิงนั่นเป็นคนของเฮ่อเหลียนชิง เป็นดั่งเทพมังกรเห็นหัวมิเห็นหาง[2] แต่ตลอดสามปีมานี้กลับทำให้เฮ่อเหลียนเช่อเสียเปรียบอยู่ไม่น้อย และก็เป็นคนที่เฮ่อเหลียนเช่อหวาดกลัวที่สุดด้วย


………………………………………………………….


[1] ทำอะไรนอกเหนือจากความสามารถที่ตนนั้นมีอยู่


[2] เปรียบเปรยคนที่โผล่มาให้เห็นหน้าคร่าตาแค่แวบเดียว ชั่วพริบตาก็หายตัวไป


ตอนที่ 1177 หูใช้การได้ไม่ดี


โอหยางสยงมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างอาฆาต ไม่กล้าที่จะเชื่อต่อการคาดเดาของตัวเองสักนิด แต่ลึก ๆในใจของเขากลับมีเสียงบางอย่างตะโกนบอกเขาว่าเด็กหนุ่มเย็นชาตรงหน้าเขานั้น คือคุณชายหมิงที่เป็นคู่อริกับเฮ่อเหลียนเช่อมาตลอด


คุณชายหมิงโผล่ออกมากะทันหันเมื่อสามปีก่อน ไม่มีใครเคยพบใบหน้าของเขาและไม่มีใครรู้ประวัติความเป็นมาของเขาสักคน เพียงแต่ลูกน้องข้างกายของคุณชายหมิงต่างก็เป็นคนของเฮ่อเหลียนชิงทั้งนั้น เพราะงั้นพวกเขาจึงคาดเดาไว้ว่าเจ็ดถึงแปดสิบเปอร์เซ็นคือเหยียนหมิงซุ่นได้รับการชุบเลี้ยงมาจากเฮ่อเหลียนชิง


นี่จึงมองเห็นจุดประสงค์ได้อย่างชัดเจน


ในช่วงเวลาสามปีนี้คุณชายหมิงเป็นคู่อริกับเฮ่อเหลียนเช่อในทุก ๆด้าน โดยใช้หลักการตลบหลังโต้กลับและจงใจต่อต้านอย่างถึงที่สุดนั่นคือ


หากคุณชายเช่อชื่นชอบ เขาก็จะคอยคัดค้าน


หรือหากคุณชายเช่อคัดค้าน เขาก็จะคอยสนับสนุน


จากเรื่องเล็กสู่การแกร่งแย่งทางธุรกิจ แย่งชิงอาณาบริเวณ เรื่องใหญ่สู่การลอบสังหารอย่างน่ากลัวแต่ฝีมือเก่งไม่เบาเลย ซึ่งแน่นอนว่าคุณชายเช่อนั้นไม่ได้ใจบุญและมักเอาคืนเสมอ แต่คุณชายหมิงกลับลอบกัดอยู่เบื้องหลัง คุณชายเช่อนั้นลอบกัดซึ่ง ๆหน้า


โบราณว่าไว้ศัตรูที่สู้กันซึ่ง ๆหน้ายังไม่น่ากลัวเท่าศัตรูที่แอบแทงข้างหลัง  ทว่าคุณชายเช่อกลับต้องเสียเปรียบอยู่ร่ำไป แต่ก็ไม่อาจทำอะไรต่อคุณชายหมิงได้เลย


การรับรู้ว่าศัตรูคือใครแต่กลับคาดเดาถึงความคิดและการกระทำของอีกฝ่ายไม่ได้นั่นยิ่งทำให้ตลอดสามปีมานี้เฮ่อเหลียนเช่อยิ่งโมโหรุนแรง และนั่นทำให้ผู้ติดตามอย่างพวกเขาไม่อาจใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขได้


ในทุก ๆครั้งเฮ่อเหลียนเช่ออยากจะจับตัวคุณชายหมิงนั่นมาให้ได้ แต่กลับไร้ซึ่งความสามารถที่จะเอาคืน แต่ในตอนนี้…


คุณชายหมิงกลับมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขา หลังจากที่ความตกใจของโอหยางสยงหมดไป ความหวาดผวาถึงขีดสุดก็ได้ปะทุขึ้นมาพลันก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว


วิธีจัดการของคุณชายหมิงนี่ก็ไม่ได้อ่อนโยนไปกว่าเฮ่อเหลียนเช่อเลย!


“นาย…นายก็คือคุณชายหมิง? คุณชายหมิงที่เป็นอริกับคุณชายเช่อ?” โอหยางสยงเปิดปากถามอย่างไม่ละความพยายาม


“แกคิดว่าไงล่ะ!”


เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเยาะไปที ทั้ง ๆที่น้ำเสียงอ่อนนุ่มน่าฟัง แต่โอหยางสยงกลับรู้สึกถึงความหวาดผวาจนร่างกายสั่นเทิ้มลอบมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างหวาดกลัว


เสียงหัวเราะเช่นนี้เขาเคยได้ยินมาจากละครโทรทัศน์!


เมื่อปีก่อนช่วงที่คุณชายเช่อออกไปทำธุระ ภายในรถกลับถูกบรรจุด้วยระเบิด หากไม่ใช่เพราะคุณชายเช่อมีไหวพริบอันชาญฉลาด ไม่งั้นคงได้ไปเข้าเฝ้ายมบาลนานแล้ว แต่ในครั้งนั้นคุณชายเช่อก็บาดเจ็บไม่น้อยเลย นับว่าในปีนั้นเป็นอีกหนึ่งครั้งที่เขาเสียเปรียบมากที่สุด


หลังจากที่ระเบิดได้ไม่นาน คุณชายเช่อก็ได้รับสายจากคุณชายหมิง เขาได้ยินมันอย่างชัดเจน เสียงหัวเราะของคุณชายหมิงจากในสายเหมือนในตอนนี้ไม่มีผิด


จังหวะเหมือนกัน น่าฟังเหมือนกัน


และน่ากลัวเหมือนกัน…


เขาไม่ได้ต้องการคำตอบจากเหยียนหมิงซุ่นแล้ว โอหยางสยงรู้ดีว่าชายผู้นี้คือคุณชายหมิงตัวอันตราย วันนี้ก่อนออกบ้านเขาไม่ได้ดูปฏิทินโหราศาสตร์หรือไง ทำไมถึงได้โชคร้ายมาเจอกับปีศาจชั่วตนนี้ได้นะ!


“คุณชายหมิง นี่เป็นเรื่องระหว่างผมกับจ้าวเหมย คุณอย่าเข้ามายุ่งจะดีกว่า”


แม้ว่าเขาจะรู้สึกกลัวแต่ยังคงรวบรวมความกล้าเอาไว้ อยากลองทดสอบถึงความสัมพันธ์ระหว่างจ้าวเหมยและเหยียนหมิงซุ่น แบบนั้นเขาถึงจะวิ่งออกมาได้อย่างไม่ค้างคา เขาบอกว่าจ้าวเหมยคือคนที่คุณชายหมิงจะปกป้อง เขากลับคิดว่าคุณชายหมิงต้องการจะหาเรื่องตนจึงได้พูดออกไปแบบนั้น


อีกอย่างหากว่าเฮ่อเหลียนเช่อรู้เข้าว่าเขาไม่สู้กับคุณชายหมิงเลย นั่นคงทำให้เฮ่อเหลียนเช่อขายขี้หน้าได้ เฮ่อเหลียนเช่อคงไม่ปล่อยเขาไว้เป็นแน่


ตอนนี้เขาลงเรือลำเดียวกับเฮ่อเหลียนเช่อแล้ว บนร่างกายสลักชื่อ ‘คุณชายเช่อ’ ไว้แสดงถึงว่าเขาอยู่ใต้อาณัติ ดังนั้นจึงทำได้เพียงเป็นปฏิปักษ์กับเหยียนหมิงซุ่นจนถึงที่สุด


แม้ว่าตัวเขาจะไม่เต็มใจนัก!


เหยียนหมิงซุ่นโอบจ้าวเหมยไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับบอกลูกน้องเป็นนัย “ไอ้บ้านี่หูใช้การได้ไม่ค่อยดี เก็บไว้ก็ไร้ประโยชน์”


โอหยางสยงร่างกายสั่นเทิ้ม หมายความว่าไง?


ลูกน้องเอ่ยถามอย่างนอบน้อม “คุณชายหมิง เก็บไว้อีกข้างหนึ่งไหมครับ?”


เหยียนหมิงซุ่นก้มมองเหมยเหมย ส่งยิ้มให้และเอ่ยถาม “เหมยเหมยคิดว่าไง?”


“ตาข้างซ้ายก็ไม่มีแล้วนี่ ทำให้หูซ้ายหายไปด้วยเลยก็ดีนะคะ”


น้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะช่วยทำให้เลือดไหลเวียนดี แต่กลับทำให้คนฟังขนหัวลุกจนไม่กล้าแม้แต่จะมองเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเลย


………………………………………..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)