เทพปีศาจหวนคืน 1163-1170
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1163 ชูตู๋ปะทะจักรพรรดิสวรรค์
แปลโดย iPAT
ภาคเหนือ ถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
ชูตู๋ยืนอยู่กลางอากาศ กลิ่นอายของวิญญาณอมตะปะทุขึ้น
“เปิด!” เขาตะโกน
พื้นดินด้านหน้าเริ่มแยกออกด้วยพลังอำนาจของท่าไม้ตายอมตะ
รอยแยกขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากหลายสิบลมหายใจ ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานก็หยุดสั่นสะเทือน รอยแยกหลายหมื่นเมตรปรากฏอยู่บนพื้น
ชูตู๋สร้างรอยแยกใต้พิภพเทียมขึ้นด้วยความแข็งแกร่งของตนเอง
เขาหอบหายใจอย่างหนักหน่วงก่อนจะขมวดคิ้ว
“มันยังไม่สมบูรณ์ แม้มันจะยาวพอแล้วแต่มันยังลึกไม่พอ หลังจากทั้งหมดข้าไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี”
ผู้อมตะบนเส้นทางแต่ละสายมีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน
ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีเชี่ยวชาญในการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศ
แต่ชูตู๋เป็นผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง
“มีอีกวิธีหนึ่ง ข้าต้องซื้อทาสมนุษย์หินจำนวนมากและให้พวกมันปรับเปลี่ยนภูมิประเทศ แต่…ลืมมันไปเถอะ รอยแยกนี้เพียงพอแล้ว”
หลังจากนั้นชูตู๋จึงนำบางสิ่งออกมาจากมิติช่องว่างของตน
มันดูเหมือนภูเขาขนาดเล็กสีแดง
ชูตู๋โยนมังลงไปในรอยแยก เมื่อมันสัมผัสกับพื้นดิน มันแผ่กระจายออกไปหลายเมตร
ต่อมาสีของมันก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
เดิมทีมันเป็นแดง แต่หลังจากดูดซับปราณพิภพ มันกลายเป็นสีฟ้าก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว
นี่คือดินหลากสี!
ชูตู๋ดำเนินการต่อโดยการโยนดินหลากสีลงไปในรอยแยกอย่างต่อเนื่อง
หลังจากตรวจสอบอย่างรอบคอบ ชูตู๋จึงกวาดตามองไปรอบๆถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
เมื่อเขาได้รับถ้ำสวรรค์ไห่ฟานมาจากฟางหยวน มันถูกรื้อค้นและกลายเป็นสถานที่รกร้าง แต่ตอนนี้มันมีภูเขา แม่น้ำ และทรัพยากรกระจายอยู่รอบๆ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทรัพยากรเหล่านี้ถูกย้ายมาจากมิติช่องว่างของชูตู๋ แม้เขาจะเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่รากฐานของเขากลับไม่ธรรมดา
“การพัฒนาขั้นแรกเสร็จสมบูรณ์แล้ว ในอนาคตผลผลิตของถ้ำสวรรค์ไห่ฟานจะเหนือกว่ามิติช่องว่างของข้า”
“ดูเวลาแล้ว ภัยพิบัติของหลิวกวนซื่อกำลังจะมาถึง หือ?”
ทันใดนั้นการแสดงออกของชูตู๋พลันเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เขาเห็นร่างที่บิดเบี้ยวกำลังทะลวงเข้ามาในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
“ผู้ใดกล้าบุกถ้ำสวรรค์ของข้า!” ชูตู๋คำราม
หลังจากชั่วครู่ร่างหนึ่งจึงปรากฏขึ้น เขาเผยรอยยิ้มให้ชูตู๋ “จักรพรรดิอมตะ ในฐานะผู้เยาว์ ความสามารถของเจ้าค่อนข้างดี ในช่วงเวลาสั้นๆ เจ้ากลับสามารถยึดครองสถานที่แห่งนี้”
ผู้บุกรุกกล่าวด้วยถ้อยคำใหญ่โตและยังถือตนเป็นผู้อาวุโส
แต่ชูตู๋ไม่ได้ตำหนิเขา “จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู”
ปรากฏว่าผู้บุกรุกถ้ำสวรรค์ไห่ฟานก็คือหนึ่งในผู้อมตะระดับแปดของภาคเหนือ จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู!
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเคยเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่หลังจากฟางหยวนทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง เขาฉวยโอกาสสร้างกองกำลังของตนขึ้นมา
เขาวางแผนเรื่องนี้มานานแล้ว ในถ้ำสวรรค์ไป่ซูมีบุตรหลานของเขาอาศัยอยู่นับไม่ถ้วน ท่ามกลางพวกเขามีผู้อมตะหลายคน
แรกเริ่มจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูร่วมมือกับเหยากวงต่อต้านปีศาจอมตะเซี่ยหู แม้พวกเขาจะพ่ายแพ้ แต่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูก็ได้รับการยอมรับจากเหยากวง
หลังจากนั้นเผ่าไป่ซูนำโดยจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูก็เข้ายึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กของเผ่าไห่
ตอนนี้เผ่าไป่ซูกลายเป็นกองกำลังฝ่ายธรรมะอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตามภาคเหนือแตกต่างจากอีกสี่ภูมิภาค กองกำลังใหญ่ทั้งหมดเป็นสมาชิกตระกูลฮวงจิน ในฐานะคนนอก สถานะของเผ่าไป่ซูถือว่าค่อนข้างพิเศษ จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูตระหนักถึงปัญหานี้และพยายามผูกมิตรกับกองกำลังอื่นๆ เขากระทั่งยอมแบ่งปันผลประโยชน์ของเผ่าไห่เพื่อสนองความอยากอาหารของพวกเขา
แต่กองกำลังรอบๆยังพยายามสร้างปัญหาเล็กๆน้อยๆให้กับเผ่าไป่ซู
เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเผ่าไป่ซู จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจึงต้องอยู่ดูแลผลประโยชน์ของเผ่าด้วยตัวเขาเอง นี่ทำให้เขาเสียเวลาไปมาก
กระทั่งกองกำลังของตระกูลฮวงจินตระหนักว่าพวกเขาไม่สามารถฉกฉวยสิ่งใดได้อีก พวกเขาจึงหยุดสร้างปัญหา เมื่อสถานการณ์ของเผ่าไป่ซูดีขึ้น จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจึงรีบเดินทางมายังถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่ไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของถ้ำสวรรค์ไห่ฟานแต่พวกเขารู้ว่ามันอยู่บริเวณใด
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูลอบมาที่นี่และใช้ความพยายามอย่างมากในการค้นหาถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
หลังจากพบเบาะแส เขาลงมือบุกถ้ำสวรรค์ไห่ฟานทันที
“ชูตู๋ เจ้าเป็นคนฉลาด หากเจ้าถอยออกไป ข้าจะไม่สร้างความยากลำบากให้เจ้า ข้าเคยเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษเช่นกัน ข้าเข้าใจเจ้าดี” จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกล่าวอย่างสงบ
ริมฝีปากของชูตู๋โค้งขึ้น เขาโจมตีโดยตรง!
“บึม!”
ด้วยการปะทะที่รุนแรง ฝุ่นควันลอยคละคลุ้งขึ้นสู่อากาศ
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูถูกบดขยี้ขณะที่พื้นดินกลายเป็นหลุมลึกไปในครั้งเดียว
“ส่งเพียงภาพลวงตาเข้ามา เจ้าต้องการถ้ำสวรรค์ไห่ฟานจริงหรือไม่?” ชูตู๋เย้ยหยัน
ทันใดนั้นห้วงมิติพลันเกิดการบิดเบี้ยวขณะที่ตะขาบตัวหนึ่งเจาะทะลวงเข้ามาในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
ในไม่ช้าตะขาบตัวนั้นก็กลายร่างเป็นจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู
“ยอดเยี่ยม” จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูมองชูตู๋และชื่นชม “เจ้าโจมตีโดยปราศจากการแจ้งเตือนและไม่มีกลิ่นอายของวิญญาณอมตะรั่วไหลออกมา นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะของเจ้างั้นหรือ?”
ชูตู๋ไม่ตอบแต่ถาม “จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู แม้เจ้าจะเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่หากต้องการแย่งถ้ำสวรรค์ไห่ฟานไปจากข้า มันจะไม่ใช่เรื่องง่าย ข้าได้พัฒนาสถานที่แห่งนี้ไปมากแล้ว ข้าย่อมไม่ปล่อยมันไปโดยง่าย”
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยิ้ม “ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่มานานเท่าใดหรือพัฒนามันมากเพียงใด ข้าก็สามารถทำลายพวกมันทั้งหมดด้วยกำลังของข้า”
เขากล่าวอย่างสงบนิ่งแต่กลับปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
สิ่งที่ทำให้เขามั่นใจก็คือเขาเป็นผู้อมตะระดับแปดขณะที่ชูตู๋เป็นผู้อมตะระดับเจ็ด
ชูตู๋ไม่ได้ตำหนิเขาแต่พยักหน้ายอมรับ “เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง ข้าไม่สามารถต่อต้านพลังอำนาจของผู้อมตะระดับแปด แต่ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานเป็นของข้า แล้วข้ายอมแพ้ง่ายๆได้อย่างไร?”
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูส่ายศีรษะ “ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานเป็นสิ่งที่ดี แต่มันไม่มีคุณค่าพอให้ผู้อมตะที่ยิ่งใหญ่ต้องตายอยู่ในกำมือของข้า”
ดวงตาของชูตู๋ส่องประกายเย็นเยียบ “ฮืม! หยุดพล่าม หากต้องการยึดถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน กลยุทธ์เล็กๆเหล่านี้ไร้ประโยชน์ แสดงความสามารถที่แท้จริงของเจ้าออกมา ข้าอยากเห็นความสามารถของผู้อมตะระดับแปด!”
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเงียบไปชั่วขณะก่อนจะเปิดปากกล่าว “สบายมาก”
ห้วงมิติโดยรอบเกิดการบิดเบี้ยวก่อนที่ตะขาบจำนวนมากจะบุกเข้ามาในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานและกลายร่างเป็นจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู
ชูตู๋ถูกปิดล้อมเอาไว้ด้วยร่างของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูนับหมื่นร่าง!
ชูตู๋ไม่ประหม่าและยังเย้ยหยัน
“ภาพลวงตา แม้จะมากมายเพียงใดก็ไร้ประโยชน์!” ชูตู๋ยกมือขวาขึ้นและส่งหมัดออกไป
“บึม!”
พลังมหาศาลพุ่งออกไปทุกทิศทางและระเบิดทำลายร่างทั้งหมดของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูในครั้งเดียว
“เจ้าเตรียมตัวมาดีจริงๆ” จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูอีกร่างหนึ่งกล่าวมาจากระยะไกล
รูม่านตาของชูตู๋หดเล็กลง จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่ร่างหลักเช่นกัน อย่างไรก็ตามมันแตกต่างจากภาพลวงหน้าก่อนหน้านี้
ชูตู๋สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของวิญญาณอมตะจากร่างของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูร่างนี้
“ไปสู้กันบนท้องฟ้า” จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูบินขึ้นไป
ชูตู๋ตามไปด้วยความเต็มใจ
มีทรัพยากรมากมายอยู่บนพื้นดิน พวกมันคือความพยายามของชูตู ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการให้พวกมันถูกทำลาย
นี่เป็นความกังวลของจักรพรรดิสวรค์ไป่ซูเช่นกัน
การยึดครองเผ่าไห่และสร้างเผ่าไป่ซูทำให้เขาพบความสูญเสียครั้งใหญ่ เขาต้องจ่ายด้วยราคามหาศาลเพื่อต่อรองกับผู้อมตะระดับแปดอีกสี่คน แม้เขาจะสามารถยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กแต่ทรัพยากรส่วนใหญ่ก็ถูกแจกจ่ายออกไป
ดังนั้นจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจึงต้องการถ้ำสวรรค์ไห่ฟานเป็นอย่างมาก
แต่เมื่อเขามาถึงที่นี่ เขากลับพบว่าถ้ำสวรรค์ไห่ฟานมีทรัพยากรน้อยกว่าที่เขาคิดไว้มาก
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าทรัพยากรส่วนใหญ่ถูกเพิ่มเข้ามาภายหลัง เขาคิดต่อ ‘ชูตู๋เก็บทรัพยากรเหล่านั้นไว้งั้นหรือ?’
ดังนั้นชูตู๋จึงกลายเป็นเป้าหมายหลักของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู
การต่อสู้ที่รุนแรงปะทุขึ้นบนท้องฟ้าของถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
ร่างหนึ่งเป็นร่างเทียมของผู้อมตะระดับแปดที่ยิ่งใหญ่ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือ ทั้งสองต่อสู้กันราวกับวันโลกาวินาศ
หลังจากต่อสู้หลายสิบรอบ ร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูก็ไม่สามารถรับมือฝ่ายตรงข้ามได้อีก มันหายไปในที่สุด
แต่ในไม่ช้าร่างเทียมร่างที่สองของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งและเข้าสู่การต่อสู้ทันที
พวกเขาต่อสู้กันอีกหลายสิบรอบ ชูตู๋เป็นฝ่ายได้เปรียบแต่ในจังหวะที่เขากำลังจะทำลายร่างเทียมร่างที่สองของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู่ ร่างเทียมร่างที่สามกลับปรากฏตัวขึ้น
การแสดงออกของชูตู๋เปลี่ยนแปลงไป เขาตระหนักถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1164 ภัยพิบัติพิภพครั้งที่ห้า
แปลโดย iPAT
‘จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูมีวิธีบุกถ้ำสวรรค์แต่ร่างหลักของเขาไม่สามารถเข้ามา เขาทำได้เพียงส่งร่างเทียมเข้ามาเท่านั้น’
‘ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานมีพื้นที่ขนาดใหญ่ จิตวิญญาณสวรรค์ระฆังทองเหลืองถูกทำลายไปแล้วโดยหลิวกวนซื่อ ข้าไม่สามารถมองเห็นสถานที่ทั้งหมด ข้าไม่รู้ว่ามีร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูอยู่มากเพียงใด!’
‘ทุกครั้งที่ข้ากำลังจะทำลายร่างเทียมของเขา ร่างเทียมใหม่จะปรากฏตัวขึ้น สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเขามีร่างเทียมมากกว่าสามร่างอย่างแน่นอน ดูเหมือนมันจะเป็นการถ่วงเวลา!’
ชูตู๋รู้สึกสังหรณ์ร้าย
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกำลังถ่วงเวลา เขาต้องมีแรงจูงใจบางอย่าง
แม้ชูตู๋จะไม่รู้แรงจูงใจของฝ่ายตรงข้ามแต่ก็มีจุดหนึ่งที่ไม่ต้องสงสัย นั่นคือเขาไม่สามารถตามจังหวะการต่อสู้ของศัตรู!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ชูตู๋ระเบิดพลังออกมาทำให้ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้นนับสิบเท่า
ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนความแข็งแกร่ง!
จากนั้นเขายกมือทั้งสองข้างขึ้น มือขวาหงาย ฝ่ามือซ้ายหันไปด้านหน้า และสวดมนต์ “ลองรับท่านี้ ความแข็งแกร่งของสวรรค์พิภพ!”
ร่างเทียมทั้งสามของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูไม่สามารถเคลื่อนไหว พวกเขารู้สึกราวกับถูกพลังงานลึกลับบดขยี้จากทุกทิศทาง
ชูตู๋รู้สึกไม่สบายตัวเช่นกัน
มัดกล้ามเนื้อของเขารัดตัวแน่นและมีไอน้ำสีแดงลอยขึ้นมาจากร่างกายของเขา
พลังงานอมตะของชูตู๋ถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว
ร่างเทียมทั้งสามของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกำลังจะระเบิดแต่ในช่วงเวลาสำคัญร่างเทียมที่สี่และห้าก็เข้ามาช่วย
“บึม บึม!”
ด้วยเสียงระเบิดสองครั้ง ร่างเทียมที่หนึ่งและสองของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูถูกทำลาย
“ช่างเป็นท่าไม้ตายที่ทรงพลังนัก มันสามารถโจมตีและตรึงเป้าหมาย อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นท่าไม้ตายอมตะเขตแดนที่ไม่สมบูรณ์!” ร่างเทียมที่สามของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกล่าวหลังจากได้รับการช่วยเหลือ
“ไม่ว่าจะมีร่างเทียมมากเท่าใดก็ไร้ประโยชน์! หากร่างจริงของเจ้าไม่ปรากฏตัว เจ้าจะไม่สามารถช่วยร่างเทียมเหล่านี้!” ชูตู๋ตะโกนและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะความแข็งแกร่งของสวรรค์พิภพอย่างต่อเนื่อง
ร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูล่าถอยออกไปและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกัน
“บึม บึม บึม!”
เพียงไม่นานร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูก็ถูกระเบิดทำลายทั้งหมด
“นี่คือท่าไม้ตายชนิดใด?” นอกถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ร่างจริงของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูขมวดคิ้วลึก
แม้ร่างเทียมของเขาจะถูกทำลายแต่เขายังสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการโจมตีลึกลับของชูตู๋
“ท่าไม้ตายนี้ไร้รูปลักษณ์และครอบคลุมพื้นที่ระยะหนึ่ง พลังงานลึกลับก่อตัวขึ้นในร่างของเป้าหมายและทำให้ร่างกายระเบิดจากภายใน หือ? พื้นที่ที่มันครอบคลุมใหญ่มาก!”
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูขมวดคิ้วลึก
ภายในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน พลังงานลึกลับของชูตู๋ขยายออกไปปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดของถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
มันทำให้ร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูที่ซ่อนตัวอยู่ระเบิดตัวเองทั้งหมด
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยิ้ม “น่าสนใจ ดูเหมือนข้าจะไม่สามารถจัดการชูตู๋หากข้าไม่เข้าสู่การต่อสู้ด้วยตนเอง”
หลังกล่าวจบคำเขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะทันที
ตะขาบสีขาวบินออกจากปากของเขาและเจาะทะลวงห้วงมิติของถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
จากนั้นจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูก็ก้าวเข้าไปในห้วงมิติที่บิดเบี้ยว
“ต้องการเข้ามางั้นหรือ?” ชูตู๋หัวเราะ
เขายกเท้าขึ้นและเตะห้วงมิติที่บิดเบี้ยวส่งจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูบินถอยหลังกลับออกไป
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูตะลึงก่อนที่ใบหน้าของเขาจะกลายเป็นโกรธเกรี้ยว เขาคิด ‘ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบุกโจมตี ข้าต้องใช้เวลายี่สิบลมหายใจเพื่อเข้าไป ระหว่างกระบวนการนี้ชูตู๋สามารถหยุดข้า! หากข้าส่งร่างเทียมเข้าไป พวกมันจะระเบิดตัวเองทันที…’
ชูตู๋ได้รับการปกป้องจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูรู้สึกถึงความยากลำบากเมื่อคิดถึงปราการป้องกันที่แข็งแกร่งนี้
…..
‘จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกำลังโจมตีถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน?’ ฟางหยวนถือจดหมายขอกำลังเสริมจากชูตู๋
ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานทำให้ชูตู๋มีความได้เปรียบและสามารถรับมือจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู นี่เป็นเรื่องดีสำหรับฟางหยวน
หากฟางหยวนประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือชูตู๋และทำให้ชูตู๋เข้าร่วมนิกายหลางหยา มันจะส่งผลกระทบต่อสถานะของฟางหยวน ในทางตรงข้ามหากล้มเหลว ความสัมพันธ์ระหว่างฟางหยวนกับกองกำลังเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์จะถูกเปิดเผย ในกรณีนี้สถานการณ์จะยิ่งเลวร้าย
ข้อตกลงพันธมิตรทำให้ฟางหยวนไม่สามารถโกหกชูตู๋โดยเฉพาะในแง่ของภัยพิบัติ ฟางหยวนไม่สามารถเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่แดนน้ำแข็งได้อีกต่อไป ด้วยวิธีนี้ชูตู๋อาจตัดสินใจโจมตีเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ใต้แดนน้ำแข็งและทำให้ฟางหยวนติดอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจและอันตราย
แผนเดิมของฟางหยวนคือใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อชะลอเวลาในมิติช่องว่างของเขาและแจ้งให้ชูตู๋ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้
นี่ไม่ใช่เรื่องโกหกแต่เป็นความจริง
จากนั้นฟางหยวนจะเร่งเวลาอีกครั้งและแจ้งให้ชูตู๋ทราบว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ด้วยวิธีนี้ชูตู๋จะไม่มีเวลาเคลื่อนไหว แม้มันจะทำลายความสัมพันธ์และความไว้วางใจของชูตู๋ แต่นี่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วในเวลานี้
ชูตู๋เป็นคนฉลาดและไม่เปิดช่องโหว่ใดในข้อตกลงพันธมิตร
แผนการของฟางหยวนถือว่ายากลำบากและต้องจ่ายด้วยพลังงานอมตะ แต่ฟางหยวนไม่สามารถทำสิ่งใด
อย่างไรก็ตามตอนนี้ชูตู๋ถูกบังคับให้ปกป้องถ้ำสวรรค์ไห่ฟานและเข้าสู่การต่อสู้กับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู เขาไม่สามารถออกมา
ฟางหยวนคิด ‘จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูมาได้ถูกเวลาจริงๆ เขาช่วยแก้ปัญาใหญ่ให้ข้า!’
‘โชคของข้ายังค่อนข้างดี’
ฟางหยวนตอบกลับชูตู๋โดยใช้วิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งข้อมูล
ในจดหมายฟางหยวนแสดงความกังวลและความเห็นใจต่อการเผชิญหน้าของชูตู๋ เขายังแสดงความโกรธเกรี้ยวและเกลียดชังอย่างรุนแรงต่อการรุกรานของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู เขาบอกว่าเขาจะช่วยชูตู๋อย่างแน่นอนและจะไม่ทำลายข้อตกลง แต่!
ภัยพิบัติของเขากำลังจะมาถึง เขาต้องก้าวข้ามเรื่องนี้ก่อนที่จะไปช่วยชูตู๋
เขาหวังว่าชูตู๋จะเข้าใจ
ชูตู๋รีบตอบกลับ เขาแสดงความเข้าใจและบอกฟางหยวนว่ามันไม่ใช่เรื่องยากที่จะจัดการผู้บุกรุก เขาได้ขอกำลังเสริมจากหลายทางไปแล้ว เขาหวังว่าฟางหยวนจะสามารถจัดการปัญหาของตนเองและไปช่วยเขาได้อย่างรวดเร็ว
ฟางหยวนตอบกลับว่าเขาจะทำให้ดีที่สุด เขาหวังว่าชูตู๋จะสามารถยืนหยัดอยู่ได้
ไม่กี่วันต่อมา
ฟางหยวนออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาโดยใช้ค่ายกลวิญญาณขนส่ง
จากนั้นเขารีบไปที่โลกใต้บาดาลของภาคเหนือ
โลกใต้บาดาลเคยอยู่ภายใต้การปกครองของกองกำลังพันธมิตรผีดิบ แต่หลังจากการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน กองกำลังพันธมิตรผีดิบทั้งหมดหายไปในชั่วข้ามคืน
อย่างไรก็ตามนิกายเงาได้เตรียมการบางอย่างเอาไว้เช่นกัน
เมืองคลื่นทมิฬของกองกำลังพันธมิตรผีดิบแห่งภาคเหนือจมลงสู่โลกใต้บาดาล นอกจากสมาชิกของนิกายเงา กองกำลังอื่นจะไม่พบมัน
โลกใต้บาดาลถูกยึดครองโดยหลากหลายกองกำลัง แต่พื้นที่ส่วนที่ฟางหยวนเลือกถูกรื้อค้นอย่างสมบูรณ์ มันกลายเป็นเศษซากของสนามรบและไม่มีผู้ใดต้องการมันอีกต่อไป
ฟางหยวนเลือกสถานที่แห่งนี้เพราะมันเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีและความมืด
มิติช่องว่างจักรพรรดิถูกวางลง
ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ
ปราณสวรรค์พิภพถูกดึงเข้าสู่มิติช่องว่างของเขา
ในไม่ช้าภัยพิบัติพิภพครั้งที่ห้าก็ก่อตัวขึ้น
ท้องฟ้ามืดลง โครงกระดูกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าและคายกระแสน้ำสีดำออกมาจากปากราวกับอสรพิษร้าย
กระแสน้ำสีดำบินไปอย่างรวดเร็วทำให้พื้นดินถูกกัดกร่อนและหลอมละลายกลายเป็นแอ่งน้ำเน่าเสีย
ภัยพิบัติพิภพ กระแสน้ำทมิฬ!
ฟางหยวนเร่งจัดการมัน
กระแสน้ำทมิฬมีฤทธิ์ในการกัดกร่อน นี่เป็นเรื่องยากในการรับมือ ฟางหยวนไม่มีวิธีใดที่สามารถต่อต้านมันและทำได้เพียงใช้ความแข็งแกร่งของตนเองเท่านั้น
โครงกระดูกยังคายกระแสน้ำทมิฬออกมาอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้มันพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนโดยตรง
เห็นได้ชัดว่าเจตจำนงสวรรค์ยกระดับพลังอำนาจของภัยพิบัติครั้งนี้และทำให้ฟางหยวนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ภัยพิบัติพิภพครั้งนี้ไม่มีความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง มันถูกควบคุมโดยเจตจำนงสวรรค์อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นมันจึงทรงพลังมากขึ้นอีกหลายเท่า
อย่างไรก็ตามฟางหยวนเติบโตขึ้นมาก นอกจากมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลของทะเลตะวันออก เขายังได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน เขามีท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลามากมาย แม้เขาจะวิ่งไปรอบๆอย่างน่าสมเพช แต่เขาก็ยังสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ทั้งหมด
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1165 เย่ฟานปะทะไป่หนิงปิง
แปลโดย iPAT
ฟางหยวนมองพื้นที่เน่าเปื่อยและถอนหายใจ
“ในที่สุดข้าก็สามารถก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพครั้งที่ห้า!”
ฟางหยวนใช้ความพยายามอย่างมากในการจัดการกระแสน้ำทมิฬ แต่ด้วยมรดกของไห่ฟาน เขาจึงสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติได้โดยไม่ยากลำบากมากนัก
ภูมิประเทศเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ฟางหยวนต้องกู้คืนสภาพแวดล้อม โชคดีที่ภาคตะวันตกน้อยเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งอยู่แล้ว ดังนั้นความสูญเสียของฟางหยวนจึงไม่มากนัก
ในความเป็นจริงฟางหยวนสามารถทิ้งสถานที่แห่งนี้ไว้โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไข
โชคลาภและภัยพิบัติมีความสัมพันธ์ไม่ต่างจากเหรียญสองด้าน
สถานที่แห่งนี้ไม่สามารถเพาะปลูก แต่ด้วยสภาพแวดล้อมพิเศษ พืชและสัตว์ที่ดุร้ายหลายชนิดยังสามารถอาศัยและเติบโตขึ้น
แน่นอนว่าฟางหยวนต้องกำจัดเจตจำนงสวรรค์ที่ตกค้างออกไป
แต่นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
สิ่งสำคัญคือภัยพิบัติพิภพครั้งที่ห้าสิ้นสุดลงแล้ว
หลังจากกลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟางหยวนสรุปว่าภัยพิบัติพิภพครั้งนี้รุนแรงกว่าสี่ครั้งแรกแต่ไม่เกินความคาดหมายของเขามากนัก
มีเหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้เขาสามารถก้าวข้าม นั่นคือความแข็งแกร่งของฟางหยวนที่เพิ่มสูงขึ้น
‘ดูเหมือนภัยพิบัติพิภพจะไม่เป็นปัญหาสำหรับข้าอีกต่อไป พวกมันไม่สามารถหยุดข้า ตอนนี้มีเพียงภัยพิบัติมนุษย์ที่ข้าต้องระวัง’
ฟางหยวนคิดถึงภัยพิบัติมนุษย์ที่เกิดขึ้นในภัยพิบัติพิภพครั้งที่สี่และรู้สึกถึงอันตราย
ภัยพิบัติมนุษย์น่าสะพรึงกลัวมาก กระทั่งมังกรหินแรกกำเนิดยังปรากฏตัวขึ้น สิ่งนี้เกินขีดจำกัดของฟางหยวน โชคดีที่แผนการต้มตุ๋นทำให้เขารอดชีวิตมาได้อย่างฉิวเฉียด
‘เนื่องจากภัยพิบัติพิภพไม่สามารถสังหารข้า นั่นหมายความว่าตอนนี้เจตจำนงสวรรค์กำลังปลุกระดมภัยพิบัติมนุษย์’
‘เจตจำนงสวรรค์กำลังวางแผนใช้ภัยพิบัติมนุษย์เพื่อทำลายข้า’
‘ข้าไม่พบภัยพิบัติมนุษย์ในภัยพิบัติพิภพครั้งนี้เพราะข้าเป็นปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์แบบ เจตจำจงสวรรค์ไม่สามารถตรวจสอบแผนการของข้าล่วงหน้าและเนื่องจากข้าเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มันจึงไม่มีเวลาเพียงพอที่จะสร้างภัยพิบัติมนุษย์!’
เจตจำนงสวรรค์ไม่ใช่เจตจำนงปลอม มันส่งอิทธิพลต่อผู้คนได้ไม่มากนัก หลังจากทั้งหมดมนุษย์มีสติปัญญาสูงที่สุดท่ามกลางสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ฟางหยวนตระหนักว่าไม่ควรเผชิญหน้ากับภัยพิบัติในสถานที่เดิมๆ
‘อย่างไรก็ตามครั้งนี้ข้าต้องการร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีแต่สุดท้ายข้ากลับได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความมืด’
ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติ
แต่เจตจำนงสวรรค์ไม่ต้องการให้ฟางหยวนได้รับสิ่งที่เขาต้องการ ดังนั้นเจตจำนงสวรรค์จึงส่งภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งความมืดมาแทนภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งปฐพี
หลังจากใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าตรวจสอบ ฟางหยวนพบว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความมืดของเขาเพิ่มขึ้นและเข้าใกล้หนึ่งหมื่นร่องรอย
‘ก่อนหน้านี้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความมืดของข้ามีน้อยมากแต่หลังจากก้าวข้ามภัยพิบัติครั้งนี้ มันเพิ่มขึ้นอย่างน้อยเก้าพันร่องรอย! ข้าทำกำไรได้มากทีเดียว!’
แม้ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งความมืดของฟางหยวนจะต่ำแต่เขามีวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด
วิญญาณอมตะดวงนี้มีประโยชน์มาก มันสามารถซ่อนการคงอยู่ของเขาจากการรับรู้ของเจตจำนงสวรรค์ได้ในระดับหนึ่ง เทพธิดาเจียงหยูเคยใช้สิ่งนี้เพื่อซ่อนร่างสุดยอดกายาของไห่ลั่วหลันมาแล้ว
สำหรับภัยพิบัติครั้งนี้ฟางหยวนใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน
สถานการณ์ที่ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานยังไร้ทางออก
ชูตู๋มีพลังการต่อสู้ระดับเจ็ดขณะเดียวกันเขาก็ได้รับการปกป้องจากถ้ำสวรรค์ มันถือเป็นปราการที่แข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตามฟางหยวนสามารถบอกได้ว่าจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยังเป็นฝ่ายเหนือกว่า แม้เขาจะไม่สามารถทะลวงเข้าไปและถูกผลักดันออกมาซ้ำๆ
แต่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูสามารถโจมตีหรือล่าถอยได้ดังใจปรารถนา หากเปรียบเทียบ ชูตู๋ทำได้เพียงป้องกันและไม่รู้ว่าจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจะโจมตีหรือใช้วิธีใดต่อไป
‘ชูตู๋จะพ่ายแพ้ในที่สุดแต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงขีดจำกัดของเขา’ ฟางหยวนประเมิน
เขาคิดว่าหากชูตู๋ตายในการต่อสู้ครั้งนี้ เขาจะได้รับประโยชน์หรือเสียประโยชน์
หลังจากพิจารณาฟางหยวนสรุปว่าชูตู๋มีชีวิตอยู่ดีกว่า
มีเหตุผลหลายประการ
ประการแรก ฟางหยวนลงทุนกับชูตู๋ไปมากแล้ว นั่นคือวิญญาณอมตะเรียกภัยพิบัติระดับเจ็ด หากชูตู๋เสียชีวิต วิญญาณอมตะดวงนี้จะถูกทำลายไปพร้อมกับเขา
ประการที่สอง ชูตู๋เป็นพันธมิตรของฟางหยวน ฟางหยวนไม่สามารถละทิ้งชูตู๋หากชูตู๋ขอความช่วยเหลือ
ประการที่สาม ภัยพิบัติของฟางหยวนจะรุนแรงขึ้นทุกครั้ง วิญญาณอมตะเรียกภัยพิบัติที่อยู่กับชูตู๋สามารถช่วยฟางหยวนได้มาก การดำรงอยู่ของชูตู๋มีประโยชน์ต่อการบ่มเพาะของฟางหยวนอย่างไม่ต้องสงสัย
ประการที่สี่ หากฟางหยวนประสบความสำเร็จในการช่วยปกป้องถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ในอนาคตฟางหยวนจะสามารถเก็บเกี่ยวคริสตัลสวรรค์ที่ถือกำเนิดขึ้นในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานได้อีกครั้ง
‘ดูเหมือนข้าต้องช่วยชูตู๋ต่อต้านจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู’ ฟางหยวนตัดสินใจ
อย่างไรก็ตามเขาไม่รีบร้อนลงมือ
เขาพึ่งก้าวข้ามภัยพิบัติ เขาต้องการเวลาพักผ่อนและเติมเต็มองุ่นเขียวอมตะ
นี่เป็นข้ออ้างที่สมเหตุสมผล มันไม่ถือเป็นการทำผิดข้อตกลงพันธมิตร แม้ชูตู๋จะรู้ เขาก็ไม่สามารถตำหนิฟางหยวน
…..
ภาคใต้ ภูเขามงกุฎสุริยัน
ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนที่ดวงจันทร์ส่องสว่าง
“ผู้ใดอีก?” เย่ฟานยืนอยู่บนหินก้อนใหญ่ด้วยความเย่อหยิ่ง
กลุ่มผู้ใช้วิญญาณฝ่ายตรงข้ามรู้สึกลังเลและหวาดกลัว
“เย่ฟาน เจ้าถูขับกไล่ออกจากตระกูลของเจ้า เจ้าเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ พวกเราก็เป็นผู้บ่มเพาะสันโดษเช่นกัน เหตุใดเจ้าต้องสร้างความยากลำบากให้กับพวกเรา?” ผู้ใช้วิญญาณผู้หนึ่งกล่าว
เย่ฟานหัวเราะ “ก่อนที่เราจะต่อสู้กัน พวกเจ้าพยายามใช้จำนวนคนที่มากกว่าจัดการข้า เหตุใดตอนนี้พวกเจ้าไม่กล่าวถึงเรื่องนั้น? พวกเจ้าเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษเช่นเดียวกันงั้นหรือ? ยึดครองภูเขาและปล้นชิงผู้คน ในฐานะผู้ใช้วิญญาณ พวกเจ้ากลั่งแกล้งผู้อ่อนแอกว่าและสังหารมนุษย์ธรรมดาอย่างไร้ยางอาย พวกเจ้าเป็นผู้ใช้วิญญาณปีศาจ ไม่ใช่ผู้บ่มเพาะสันโดษ!”
“พวกเราบริสุทธิ์ โจรชั่วที่แท้จริงตายไปแล้วโดยน้ำมือของเจ้า พวกเราเพียงถูกบังคับให้ทำเท่านั้น”
“นอกจากนี้ตั้งแต่นายท่านปีศาจขาวมาที่นี่ พวกเราก็หยุดอาชญากรรมทั้งหมด!”
กลุ่มผู้ใช้วิญญาณกรีดร้อง
การแสดงออกของเย่ฟานผ่อนคลายลง
ตามข้อมูลที่เขาได้รับ สถานการณ์เป็นเช่นนี้จริงๆ
ตั้งแต่ไป่หนิงปิงเข้ายึดครองภูเขามงกุฎสุริยันและภูเขาแห่งความเงียบ นางเข้าควบคุมกลุ่มผู้ใช้วิญญาณปีศาจและไม่ได้สั่งให้พวกเขาทำเรื่องชั่วร้ายใดๆ
“ฮืม หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้พวกเจ้าตายไปแล้ว ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้ามีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?” เย่ฟานตะคอก “ข้าเป็นตัวแทนของตระกูลเฉิง ข้าต้องผ่านภูเขามงกุฎสุริยันและภูเขาแห่งความเงียบ ข้าจะรออยู่ที่นี่ บอกให้ปีศาจขาวออกมาพบข้า มิฉะนั้นข้าจะฆ่าทุกคนที่นี่!”
เย่ฟานเข้าใจสถานกาณณ์เป็นอย่างดี
เขารู้ว่าการป้องกันของภูเขาแห่งความเงียบแข็งแกร่งกว่าภูเขามงกุฎสุริยัน เขาเพียงผู้เดียวไม่สามารถผ่านมันไปได้
การแจ้งเตือนศัตรูเพื่อล่อให้ปีศาจขาวออกมาเป็นวิธีที่ดีที่สุด
แต่ในขณะที่เย่ฟานกล่าว เสียงที่เย็นชาสายหนึ่งกลับดังขึ้น “ไม่จำเป็น ข้าอยู่ที่นี่แล้ว”
หลังจากนั้นเงาร่างมากกว่าสิบร่างจึงปรากฏขึ้นบนภูเขา
กลุ่มผู้ใช้วิญญาณปีศาจส่งเสียงโห่ร้อง “นายท่านปีศาจขาว! นายท่านปีศาจขาวมาช่วยพวกเราแล้ว!”
เย่ฟานเฝ้ามองอย่างระมัดระวัง ผู้ใช้วิญญาณทั้งหมดที่พึ่งปรากฏตัวแข็งแกร่งกว่าผู้คนบนภูเขามงกุฎสุริยัน พวกเขาล้วนเป็นผู้ใช้วิญญาณปีศาจหรือผู้บ่มเพาะสันโดษที่มีชื่อเสียง
แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเย่ฟานมากที่สุดคือหญิงที่อยู่ตรงกลาง
หญิงผู้นี้อยู่ในชุดคลุมขาว เส้นผมของนางเป็นสีเงินที่เงางามและส่องประกาย ดวงตาของนางเป็นสีฟ้าราวกับน้ำทะเลที่เงียบสงบ ใบหน้าของนางซีดขาว การแสดงออกเย็นชา แต่ความงามอันเป็นที่สุดของนางไม่สามารถปกปิด
นางนั่งเอนกายอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่อย่างผ่อนคลายและกระทั่งปิดเปลือกตาลง มีมนุษย์หิมะสี่ตนแบกเก้าอี้ของนางเอาไว้
หัวใจของเย่ฟานสั่นสะท้าน
เขาท่องเที่ยวไปทั่วและเห็นสิ่งต่างๆมามากมาย แต่ในแง่ของรูปลักษณ์ ไป่หนิงปิงมีความงามระดับเทพ! ผู้เดียวที่สามารถแข่งขันกับนางมีเพียงเฉิงซินซื่อ
“นายท่านปีศาจขาว พวกเราพยายามปกป้องที่นี่อย่างเต็มที่แล้ว” ในจังหวะนี้ผู้ใช้วิญญาณปีศาจผู้หนึ่งเร่งคุกเข่าลงและคลานเข้าไปหาไป่หนิงปิง
“ผู้ที่พยายามหลบหนีและไม่ยอมต่อสู้เช่นเจ้าสมควรตาย” ไป่หนิงปิงเปิดเปลือกตาขึ้น ร่างกายของผู้ใช้วิญญาณปีศาจที่คุกเข่าอยู่บนพื้นแข็งค้างและตายในเวลาต่อมา
ผู้ใช้วิญญาณปีศาจตกตะลึง ร่างกายของทุกคนสั่นสะท้านขึ้นด้วยความหวาดกลัว
เย่ฟานตกใจเช่นกัน ความประทับใจแรกที่ดีต่อไป่หนิงปิงหายไปอย่างสิ้นเชิง
“ดังคาด! เจ้ากระทั่งสังหารคนของตนเอง!” เย่ฟานตะโกนด้วยความโกรธ
ไป่หนิงปิงเผยรอยยิ้มบางและชี้นิ้วไปที่เย่ฟาน
เย่ฟานรู้สึกถึงมวลอากาศเย็นที่พุ่งเข้าปกคลุมขาซ้ายของเขาเอาไว้
เขามองลงไปเพื่อเห็นขาซ้ายของเขามีชั้นน้ำแข็งก่อตัวขึ้น
‘นี่เป็นท่าไม้ตายชนิดใด ข้าใช้ท่าไม้ตายสายป้องกันไปแล้วแต่กลับไม่สามารถป้องกันมัน!’ เย่ฟานตกใจมาก
ตลอดมาวิธีการป้องกันของเขาไม่เคยล้มเหลว แต่ตอนนี้มันกลับไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงต่อหน้าไป่หนิงปิง
‘การบ่มเพาะของปีศาจขาวอยู่ในระดับใดกันแน่? วิธีการของข้าได้รับมาจากท่านหญิงเฉิงชิงชิงที่เป็นผู้อมตะ! แต่มันกลับไร้ประโยชน์! ดูจากการแสดงออกของนาง นางยังไม่ได้ใช้ความสามารถทั้งหมด ข้าจะตายอยู่ที่นี่งั้นหรือ?’ หัวใจของเย่ฟานจมดิ่งลง
เขาประเมินไป่หนิงปิงต่ำเกินไปมาก เขาไม่เคยคิดว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาจะแตกต่างกันมากถึงเพียงนี้ แต่หลังจากตกตะลึง เย่ฟานยังสามารถสงบจิตใจลงอย่างรวดเร็ว เจตจำนงแห่งการต่อสู้ของเขาพุ่งสูงขึ้นเมื่อเผชิญหน้ากับความสิ้นหวัง
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1166 อสรพิษขาว
แปลโดย iPAT
“เข้ามา แม้ต้องตายข้าก็จะตายในสนามรบ!” เย่ฟานตะโกนด้วยดวงตาส่องประกาย
กลุ่มผู้ใช้วิญญาณปีศาจเลียริมฝีปากของตน พวกเขาต้องการพุ่งเข้าสังหารและหั่นร่างของเย่ฟานออกเป็นชิ้นๆ
แต่ไป่หนิงปิงกลับกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่ามันน่าเบื่องั้นหรือหากสังหารเขาโดยตรง? เข้าไปทีละคน”
คำกล่าวเหล่านี้ช่วยชีวิตเย่ฟานเอาไว้ มันทำให้เวลาตายของเขาล่าช้าออกไป
หลังจากใช้เวลากับไป่หนิงปิงมาพอสมควร กลุ่มผู้ใช้วิญญาณปีศาจเริ่มเข้าใจบุคลิกของนาง บางคนประกาศ “เนื่องจากนายท่านปีศาจขาวต้องการชมการแสดงและอนุญาตให้พวกเราสังหารคนผู้นี้ ตราบเท่าที่นายท่านมีความสุข มันก็ถือเป็นเกียรติและวาสนาของข้าแล้ว”
ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ผู้ใช้วิญญาณปีศาจคนอื่นๆรู้สึกอิจฉามาก พวกเขาเสียโอกาสที่ดีที่สุดที่จะกล่าวประโยคประจบประแจงเหล่านี้ไปแล้ว
แต่ในไม่ช้าความคิดของพวกเขากลับเปลี่ยนแปลงไป
เย่ฟานที่ตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังสามารถปลดปล่อยพลังอันยิ่งใหญ่ออกมาสังหารผู้ใช้วิญญาณปีศาจทีละคน
“น่าสนใจ” ไป่หนิงปิงเฝ้ามองการต่อสู้ทั้งหมดขณะพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ราวกับผู้คนเหล่านั้นไม่ใช่ลูกน้องของนางแต่เป็นคนแปลกหน้า
เย่ฟานรู้สึกรังเกียจ ‘ปีศาจขาวอาจดูงดงามแต่จิตใจของนางชั่วร้ายมาก นางไม่สามารถเปรียบเทียบกับท่านหญิงซินซื่อ ปีศาจดำที่อยู่กับนางก็คงไม่ใช่คนดีเช่นกัน!’
“อา…” ทันใดนั้นเย่ฟานกลับส่งเสียงกรีดร้องออกมา
ปรากฏว่าแขนขวาของเขาถูกแทงด้วยหอกน้ำแข็ง เลือดไหลทะลักออกมาแต่มันกลับถูกแช่แข็งอย่างรวดเร็ว
แขนขวาของเขาไร้ประโยชน์ไปแล้ว
“เอาล่ะ ต่อไป” ไป่หนิงปิงกล่าวเสียงเรียบ
ขวัญกำลังใจของกลุ่มผู้ใช้วิญญาณปีศาจพุ่งสูงขึ้น
ผู้ใช้วิญญาณปีศาจอีกสองสามคนเข้าสู่สนามรบและใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของเย่ฟาน
อย่างไรก็ตามแม้เย่ฟานจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ยังต่อสู้โดยไม่สนใจชีวิต ในทางตรงข้ามผู้ใช้วิญญาณปีศาจทุกคนล้วนหวาดกลัวต่อความตาย พวกเขาไม่กล้าต่อสู้โดยตรงและเริ่มตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
บางคนพ่ายแพ้ขณะที่บางคนถูกสังหาร
“ไร้ประโยชน์!” ดวงตาของไป่หนิงปิงส่องประกายขึ้น
ผู้ใช้วิญญาณปีศาจที่พ่ายแพ้แต่ยังมีชีวิตอยู่ถูกแช่แข็งและตายในจุดเกิดเหตุ
ไป่หนิงปิงดุร้ายและโหดเหี้ยมมาก กระทั่งเย่ฟานยังรู้สึกหนาวสั่นอยู่ในหัวใจ
ไป่หนิงปิงกวักมือขวาเบาๆ มนุษย์หิมะทั้งสี่สังเกตเห็นและลดเก้าอี้ไม่ไผ่ลง
ไป่หนิงปิงยืนขึ้นอย่างช้าๆและมองไปที่เย่ฟานด้วยมือไพล่หลัง
กลุ่มผู้ใช้วิญญาณปีศาจดีใจมากเมื่อเห็นไป่หนิงปิงกำลังจะเข้าสู่การต่อสู้
เย่ฟานเผยรอยยิ้มขมขื่น ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวของไป่หนิงปิงทำให้เขารู้สึกสิ้นหวัง “มีคนที่แข็งแกร่งกว่าเสมอ ข้ามั่นใจในตัวเองมากเกินไป ข้าสมควรพบกับชะตากรรมนี้และตายที่นี่ แต่ก่อนที่ข้าจะตาย เจ้าช่วยตอบคำถามของข้าได้หรือไม่?”
“โอ้” ไป่หนิงปิงประเมินเย่ฟานและกล่าวเสียงเรียบ “เจ้าค่อนข้างกล้าหาญ มีไม่กี่คนที่ไม่หวั่นไหวเมื่อเผชิญหน้ากับความตาย ดีมาก พูดมา”
“ข้าอยากรู้ว่าปีศาจดำเป็นคนเช่นไร?” เย่ฟานถามคำถามที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจ
ไป่หนิงปิงขมวดคิ้ว เดิมทีการแสดงออกของนางเย็นชาตลอดเวลา แต่ตอนนี้การแสดงออกของนางกลับเปลี่ยนแปลงไป
“เขา…” ไป่หนิงปิงมองขึ้นไปบนดวงจันทร์
เย่ฟานตั้งใจฟัง
แต่ไป่หนิงปิงกลับเผยสายตาเย้ยหยันและเย็นชาในเวลาต่อมา
เย่ฟานจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้างขณะที่เขาถูกแช่แข็งในพริบตา
ไป่หนิงปิงมองท้องฟ้ายามค่ำคืนและดวงจันทร์ที่สว่างไสว หลังจากไม่กี่ลมหายใจนางก็ถอนสายตากลับมา
เย่ฟานถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์ เขาตายแล้ว!
กลุ่มผู้ใช้วิญญาณปีศาจรู้สึกหวาดกลัวไปถึงขั้วหัวใจ
แต่เมื่อไป่หนิงปิงก้าวเท้าออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าว แสงสีดำกลับปรากฏขึ้นมาจากด้านหลังของนาง
“หือ?” รูม่านตาของนางหดเล็กลง นางเห็นร่างสี่ร่างปรากฏขึ้นด้านหลังเย่ฟาน
ท่ามกลางพวกเขามีผีดิบอมตะที่น่าเกลียดน่ากลัวผู้หนึ่งวางมือไว้บนไหล่ของเย่ฟาน
เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะที่แปลกประหลาดบางอย่าง
เส้นขนทั่วร่างของไป่หนิงปิงตั้งชันขึ้น เจตจำนงแห่งการต่อสู้ของนางปะทุขึ้นถึงจุดสูงสุด!
กลิ่นอายของผู้อมตะพุ่งออกมาจากร่างของนาง จากนั้นนางก็กลายเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาและสง่างาม
“ฮ่าฮ่า ไป่หนิงปิง มิติช่องว่างเทียมของเจ้าถูกมอบให้โดยนิกายเงาของข้า มันสามารถกำหราบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงในร่างของเจ้าและทำให้เจ้าคืนสภาพเป็นผู้ชาย มันยังอนุญาตให้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะเทียมและสามารถผลิตองุ่นเขียวอมตะ เจ้าสามารถหลอมรวมและใช้วิญญาณอมตะได้เช่นกัน แต่ตอนนี้เจ้าต้องการใช้มิติช่องว่างเทียมเพื่อต่อสู้กับข้างั้นหรือ?” อิงอู๋เซี่ยหัวเราะเบาๆ
“สมาชิกนิกายเงา?” ไป่หนิงปิงมองอิงอู๋เซี่ยด้วยสายตาเย็นชา
ขณะที่เขากล่าวถ้อยคำเหล่านี้ เย่ฟานก็ฟื้นขึ้นอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือจากอิงอู๋เซี่ย น้ำแข็งรอบตัวเขาละลายกลายเป็นน้ำขณะที่เขาทรุดตัวลงบนพื้นด้วยความอ่อนแรง
ความรู้สึกฟื้นคืนจากความตายทำให้เย่ฟานรู้สึกสยดสยอง
สภาพจิตใจของเขาได้รับผลกระทบอย่างหนักและทำให้เขาไม่สามารถควบคุมตนเอง
“เจ้าไม่สามารถสังหารคนผู้นี้” อิงอู๋เซี่ยมองเย่ฟาน
เขามีวิญญาณอมตะตรวจสอบโชค เขาสามารถเห็นโชคดีของเย่ฟาน
ตั้งแต่หลบหนีออกจากทะเลตะวันออก อิงอู๋เซี่ยซ่อนตัวอยู่ในมิติช่องว่างของซื่อหนิวและวางแผนรับมือท่าไม้ตายสายตรวจสอบของฟางหยวนมาตลอด
อิงอู๋เซี่ยไม่มีความสำเร็จมากนัก แต่หลังจากอิงอู๋เซี่ยเห็นเย่ฟาน เขาตระหนักว่าโชคของเย่ฟานเชื่อมต่อกับพวกเขา
‘ฟางหยวนเป็นเจ้าของวิญญาณกาลเวลาและเป็นเครื่องมือของเจตจำนงสวรรค์ เขาย้อนเวลากลับมาและรู้ว่าผู้ใดโชคดี การฆ่าเย่ฟานจะเป็นอันตรายต่อโชคดีของข้า’
‘สำหรับไป่หนิงปิง เขาอยู่ภายใต้ข้อตกลงพันธมิตรของนิกายเงา ข้าไม่ต้องกลัวว่าเขาจะหักหลังพวกเรา นอกจากนี้เขายังมีร่างสุดยอดกายา เขาจะเป็นประโยชน์ในการช่วยร่างหลักของข้า’
อิงอู๋เซี่ยคิดเรื่องเหล่านี้ขณะที่เขาโยนวิญญาณระดับห้าออกไป
“อสรพิษขาว!” ไป่หนิงปิงรับมันไว้ด้วยความงุนงง
“นี่เป็นเบาะแสสำคัญในการเดิมพันครั้งเก่าของนักสำรวจห้าเซียง ไป่หนิงปิง เจ้าเป็นทายาทคนสุดท้ายของไป่เซียง เจ้ามีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมในการเดิมพัน” อิงอู๋เซี่ยกล่าวอย่างช้าๆ
ไป่หนิงปิงเงียบก่อนจะเปิดปากถาม “นี่คือเหตุผลที่นิกายเงาวางแผนผูกมัดข้างั้นหรือ?”
อิงอู๋เซี่ยไม่ตอบแต่เดินออกจากสถานที่แห่งนี้
ไห่ลั่วหลัน ซื่อหนิว และไท่เป่ยหยุนเฉิงติดตามไปอย่างใกล้ชิด
ไป่หนิงปิงกัดฟันแน่นแต่ยังเดินตามพวกเขาไป
เย่ฟานถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เขายังคุกเข่าอยู่บนพื้นและอ้าปากหอบหายใจอย่างหนักหน่วง
สำหรับผู้ใช้วิญญาณปีศาจทั้งหมด พวกเขากลายเป็นรูปปั้นก่อนที่สายลมจะพัดมาและทำให้พวกเขากลายเป็นโคลนสีดำที่เน่าเหม็นทิ้งไว้บนพื้น
…..
ภาคเหนือ เนินมังกรผงาด
“นายท่านมาช่วยพวกเราแล้ว นิกายชูของเรารู้สึกขอบคุณอย่างยิ่ง” ผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งทักทายฟางหยวนด้วยความเคารพ
ฟางหยวนพยักหน้าและมองคนผู้นี้
ก่อนที่ชูตู๋จะพบฟางหยวน เขาใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเลี้ยงดูผู้ใช้วิญญาณและช่วยให้พวกเขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะที่แดนน้ำแข็ง ด้วยวิธีนี้ชูตู๋จะสามารถฉกชิงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง
เมื่อเวลาผ่านไปมีผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งถือกำเนิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ชูตู๋ปฏิบัติกับพวกเขาในฐานะสาวกและสร้างนิกายชูขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
‘แม้ชูตู๋จะสั่งสอนผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเหล่านี้ แต่นี่ไม่ใช่เป้าหมายหลักของเขา ผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่ไม่มีวิญญาณอมตะไม่ถือเป็นภัยคุกคาม’ ฟางหยวนประเมินและกวาดตามองเนินมังกรผงาด
เนินดินแห่งนี้ไม่สูงนัก แต่มันเป็นดินแดนแห่งโชคลาภอย่างแท้จริง
เนินมังกรผงาดเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง มันทำให้สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ที่นี่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์อสูรประเภทมังกร มีวิญญาณประเภทมังกรถือกำเนิดขึ้นมากมายเช่นวิญญาณมังกรทอง วิญญาณมังกรวารี วิญญาณมังกรพสุธา วิญญาณกรงเล็บมังกร วิญญาณลมหายใจมังกร วิญญาณไข่มุกมังกร และอื่นๆอีกมากมาย
น่าเสียดายที่หลังจากเผ่าไห่ถูกทำลาย สถานที่แห่งนี้ถูกกลุ่มผู้อมตะรื้อค้น
หลังจากไม่กี่เดือนเผ่าไป่ซูเข้าควบคุมสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง พวกเขาส่งผู้อมตะบางคนมาปกป้องและคืนสภาพมันให้รุ่งโรจน์เช่นในอดีต
นี่เป็นหนึ่งในแหล่งทรัพยากรที่สำคัญของเผ่าไป่ซู
“ข้าตรวจสอบมาอย่างชัดเจนแล้วว่าเดิมทีสถานที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สี่ของเผ่าไห่ แต่ทรัพยากรทั้งหมดถูกยึดครองไปโดยผู้อมตะเผ่าไป่ซูเมื่อเร็วๆนี้”
“ฮ่าฮ่า ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สี่ของเผ่าไห่เป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่ผู้อมตะเผ่าไป่ซูกลับส่งเพียงผู้อมตะระดับหกมาที่นี่ มันถือเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเราที่จะบุกโจมตีสถานที่แห่งนี้!”
“ทุกคนประจำตำแหน่ง เราจะบุกโจมตีและต่อสู้ในสนามรบแรก!”
“ตราบเท่าที่พวกเราสามารถสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ให้กับเผ่าไป่ซู จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจะระวังตัวและยอมแพ้ในการบุกถ้ำสวรรค์ไห่ฟานในที่สุด!”
ผู้อมตะนิกายชูกล่าวด้วยความตื่นเต้น
หากจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษเหมือนก่อนหน้า ชูตู๋อาจยอมแพ้ไปแล้ว
แต่ตอนนี้เขากลายเป็นผู้นำกองกำลังฝ่ายธรรมะ แม้เขาจะสามารถขยายอาณาเขต แต่มันก็เป็นจุดอ่อนของเขาเช่นกัน
เช่นเดียวกับกองกำลังพันธมิตรผีดิบในอดีตที่ต้องการแก้แค้นปีศาจอมตะเซี่ยหู นางมารผลาญสวรรค์ไม่กล้าต่อสู้กับเขาโดยตรงแต่นางใช้วิธีสร้างปัญหาให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา นั่นทำให้ปีศาจอมตะเซี่ยหูไม่สามารถอดทนและต้องยอมแพ้ต่อกองกำลังพันธมิตรผีดิบในที่สุด
ชูตู๋มีทั้งสมองและมัดกล้ามเนื้อ กลยุทธ์ของเขาเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู
อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงจะขึ้นอยู่กับความเสียหายที่ฟางหยวนและผู้อมตะนิกายชูสามารถทำได้
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1167 เนินมังกรผลาด
แปลโดย iPAT
ภาคเหนือ เนินมังกรผงาด
ผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งจากนิกายชูกล่าวต่อ “ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับข้อมูลของผู้อมตะเผ่าไป่ซู พวกเขาทั้งหมดอาศัยอยู่ในถ้ำสวรรค์ของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูมาตลอดและแทบไม่เคยปรากฏตัวที่ภาคเหนือ หือ?”
เขายังกล่าวไม่จบแต่ฟางหยวนบินออกไปแล้ว
“รีบกลับมา!”
“เรายังไม่ได้วางแผน!”
“อย่ารีบร้อน!”
“เราอาจมีคนมากกว่าแต่พวกเขามีความได้เปรียบด้านสถานที่ เนินมังกรผงาดมีการป้องกันที่หนาแน่น”
ผู้อมตะนิกายชูเร่งถ่ายทอดเสียงไปหาฟางหยวนอย่างบ้าคลั่ง
ฟางหยวนไม่ตอบแต่ตะโกนเสียงดัง “เผ่าไป่ซูออกมา นิกายชูของข้ากำลังจะยึดครองเนินมังกรผงาด!”
“นิกายชูอันใด? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน! เจ้ากล้าบุกรุกอาณาเขตของเผ่าไป่ซูงั้นหรือ?” ผู้อมตะวัยเยาว์ปรากฏตัวขึ้นบนเนินมังกรผงาดและแสดงออกด้วยความโกรธเกรี้ยว
“พวกเราจบสิ้นแล้ว!” ผู้อมตะนิกายชูแสดงออกราวกับพวกเขาพ่ายแพ้แล้ว “เหตุใดท่านอาจารย์ถึงเชิญคนเช่นนี้มา เขาใจร้อนเกินไป!”
“ก่อนหน้าสถานการณ์ยังดีอยู่…เห้อ…” ผู้อมตะนิกายชูส่ายศีรษะอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องโจมตีโดยตรง
ผู้อมตะนิกายชูเร่งติดตามฟางหยวนไป
“บึม!”
เป็นเพียงเวลานี้ที่กำปั้นยักษ์พุ่งออกมาบดขยี้เนินเขาด้วยพลังทำลายล้างที่ไม่น่าเชื่อ
ผู้อมตะนิกายชูและผู้อมตะเผ่าไป่ซูต่างเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวนี้
ผู้อมตะเผ่าไป่ซูตอบสนองเป็นคนแรกด้วยการกรีดร้องเสียงหลง “พลังการต่อสู้ระดับเจ็ด! เจ้า! เจ้า! เจ้าเป็นผู้อาวุโสแต่แสร้งทำตัวออกแอ ช่างไร้ยางอายนัก!”
หลังกล่าวจบคำเขารีบกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญาณปกป้องเนินมังกรผงาด
ฟางหยวนใช้กำปั้นยักษ์ทุกค่ายกลวิญาณอย่างต่อเนื่อง
“บึม บึม บึม บึม!”
ค่ายกลวิญญาณพังทลายลงโดยไม่สามารถต่อต้าน
มันไม่สามารถคงอยู่ได้ถึงห้าลมหายใจก่อนจะถูกบดขยี้โดยฟางหยวน
ใบหน้าของผู้อมตะเผ่าไป่ซูกลายเป็นซีดเผือด เขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก เขาไม่สามารถต่อต้านฟางหยวน เขาไม่กล้าแม้แต่จะเปิดปากกล่าวสิ่งใดอีกและรีบจากไปทันที
ฟางหยวนไม่ได้ไล่ล่า เขาบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือเนินมังกรผงาด
แม้เนินมังกรผงาดจะถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์แต่ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้า อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถใช้มันต่อหน้าคนนอก ดังนั้นฟางหยวนจึงใช้วิญญาณอมตะอีกดวง
วิญญาณอมตะยกภูเขา!
“ครืน…”
ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้อมตะนิกายชู ฟางหยวนยกเนินมังกรผงาดขึ้นจากพื้นและยัดมันเข้าไปในมิติช่องว่างของตนอย่างรวดเร็ว
“เขา…เขา…เขานำเนินมังกรผงาดไปจริงๆ!” ผู้อมตะนิกายชูกลายเป็นพูดตะกุกตะกัก
เมื่อถึงจุดนี้ในที่สุดเขาก็เขาใจว่าคำกล่าวก่อนหน้าของฟางหยวนไม่ใช่การกล่าวเกินจริงเพื่อยกขวัญกำลังใจ
“ผู้น้อยคารวะผู้อาวุโส” ผู้อมตะนิกายชูลดศีรษะลงคารวะฟางหยวนอีกครั้ง
เขารู้สึกประหม่ามาก
ฟางหยวนปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะระดับหกออกมาแต่ผู้อมตะนิกายชูรู้สึกว่าฟางหยวนเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงที่แสร้งทำตัวอ่อนแอ
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบางและมองไปทางถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
เขาไม่ได้ทำสิ่งใดอีก
การเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มากพอแล้ว เผ่าไป่ซูจะต้องออกมาแก้แค้นอย่างแน่นอน
การถอยถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับตอนนี้
นอกจากนั้นเขาก็ได้รับเนินมังกรผงาดมาแล้ว
สำหรับผู้อมตะเผ่าไป่ซู แม้พวกเขาจะมีไม่กี่คน พวกเขาก็ไม่สามารถถูกสังหาร หากฟางหยวนสังหารผู้อมตะเผ่าไป่ซู เขาจะทำให้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูโกรธจริงๆ
นั่นไม่ใช่การตัดสินใจที่ชาญฉลาด
ในไม้ช้าข่าวนี้ก็ไปถึงหูของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู
“โอ้ ดูเหมือนชูตู๋จะมีกำลังพลไม่น้อย” จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูตกใจ
“ผู้อมตะทั้งแปดล้วนบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง ชูตู๋ เจ้ามีแผนการและแรงจูงใจที่ไม่ธรรมดาจริงๆ” จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกล่าวด้วยน้ำเสียงน่าขนลุก
ผู้อมตะระดับแปดผู้นี้ต้องยอมรับว่าเขาประเมินชูตู๋ต่ำเกินไป
เขาไม่เพียงประเมินชูตู๋ต่ำแต่ยังประเมินกองกำลังของชูตู๋ต่ำเกินไปอีกด้วย
เมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป โลกผู้อมตะของภาคเหนือที่พึ่งสงบลงตกลงสู่ความปั่นป่วนอีกครั้ง
เผ่าไป่ซูถูกโจมตีโดยกองกำลังที่ไม่รู้จัก พวกเขาประสบความสูญเสียครั้งใหญ่โดยเฉพาะเนินมังกรผงาดที่กลายเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่
เผ่าไป่ซูเป็นเหมือนราชสีห์ที่กำลังโกรธและพร้อมขย้ำเหยื่อ
แต่ผู้อมตะนิกายชูมาและจากไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่พบความสูญเสีย
ไม่กี่วันต่อมาฟางหยวนอ่านรายงานการต่อสู้อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
‘นี่หมายความว่าอันตรายองถ้ำสวรรค์ไห่ฟานยังไม่ได้รับการแก้ไข’
‘นิกายชูโจมตีเต็มกำลังแและทำให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ แต่เผ่าไป่ซูยังไม่ได้รับความเสียหายมากนัก เนินมังกรผงาดไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดขณะที่ผู้อมตะนิกายชูมีความแข็งแกร่งไม่มากและสามารถสร้างความเสียหายให้กับแหล่งทรัพยากรของเผ่าไป่ซูได้เพียงเล็กน้อย’
‘โดยรวมแล้วมันส่งผลกระทบไม่มาก ไม่แปลกใจเลยที่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยังโจมตีถ้ำสวรรค์ไห่ฟานโดยไม่ย้อนกลับ’
วิธีนี้ทำให้สถานการณ์กลายเป็นไร้ทางออกอีกครั้ง
การต่อสู้เพื่อยึดครองถ้ำสวรรค์ไห่ฟานถูกแบ่งออกเป็นสองสนามรบ
หนึ่งคือชูตู๋ป้องกันถ้ำสวรรค์ไห่ฟานขณะที่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูพยายามบุกเข้าไป
อีกหนึ่งคือนิกายชูโจมตีแหล่งทรัพยากรของเผ่าไป่ซูขณะที่เผ่าไป่ซูพยายามปกป้อง
‘สรุปแล้วฝ่ายของชูตู๋ยังอ่อนแอกว่า’ ฟางหยวนถอนหายใจ
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นผู้อมตะระดับแปดที่แข็งแกร่งมาก แต่การบุกถ้ำสวรรค์ของผู้อมตะระดับแปดเป็นเรื่องยาก เขาต้องเผชิญหน้ากับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมากที่แตกต่างออกไป หากพยายามบุกเข้าไป ถ้ำสวรรค์อาจระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ด้านเผ่าไป่ซู แม้พวกเขาจะถูกสร้างขึ้นไม่นานมานี้ แต่พื้นฐานของพวกเขาไม่อ่อนแอ โดยรวมแล้วสมาชิกของเผ่าไป่ซูยังแข็งแกร่งกว่าสมาชิกนิกายชู
ข้อได้เปรียบของนิกายชูคือพวกเขาลอบโจมตีอย่างลับๆเพื่อขับไล่เผ่าไป่ซูก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว
หากอีกฝ่ายระวังตัวมากขึ้น มันจะกลายเป็นเรื่องยาก
‘จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูมีโอกาสสูงที่จะประสบความสำเร็จในการยึดครองถ้ำสวรรค์ไห่ฟานแต่ชูตู๋ยังมีไพ่อยู่ในมือ’
ฟางหยวนตัดสินใจรอดูสถานการณ์ต่อไป
ไม่กี่วันต่อมาผู้อมตะนิกายชูต้องการบุกโจมตีฝ่ายตรงข้ามอีกครั้งและส่งข้อความมาเชิญฟางหยวน
แต่ฟางหยวนปฏิเสธและบอกพวกเขาว่าอย่าใจร้อน
ผู้อมตะนิกายชูไม่ฟังฟางหยวน ในไม่ช้าชูตู๋จึงต้องส่งจดหมายมาหาฟางหยวนเพื่อขอให้เขาหยุดผู้อมตะนิกายชู
แม้ชูตู๋จะติดอยู่ในการต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด เขาก็ยังมีสติและสามารถประเมินสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ การเคลื่อนไหวนี้เป็นกลยุทธ์ที่ดี เขาต้องรักษารากฐานของนิกายชูเอาไว้
สถานการณ์กลายเป็นชะงักงัน
‘ต่อไปมันขึ้นกับว่าชูตู๋จะตอบโต้อย่างไร?’
ฟางหยวนไม่เชื่อว่าจักรพรรดิอมตะที่ยิ่งใหญ่จะหยุดอยู่เพียงเท่านี้
ตอนนี้เขาสามารถลืมเรื่องนี้ไปก่อน ภัยพิบัติพิภพครั้งที่ห้าผ่านไปแล้ว เขาต้องพัฒนามิติช่องว่างของตน
ฟางหยวนวางเนินมังกรผงาดไว้ที่ภาคใต้น้อย
แม้เนินมังกรผงาดจะดูไม่ยิ่งใหญ่ แต่ในแง่ของคุณค่า มันกระทั่งเหนือกว่าภูเขามรดกอมตะและเป็นรองเพียงภูเขาแสงห้าสีเท่านั้น
ทะเลทรายตะวันตกน้อยมีหนองน้ำสีดำที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความมืดถูกทิ้งไว้ ฟางหยวนใช้วิญญาณเจตจำนงของตนเองกำจัดเจตจำนงสวรรค์ออกไป
นอกจากนี้ทะเลตะวันออกน้อยยังมีทะเลสาบเลือดแห่งใหม่เพิ่มขึ้น
ทะเลสาบเลือดแห่งนี้มีเลือดของสัตว์อสูรเดียวดายและผู้อมตะผสมอยู่ ฟางหยวนวางวิญญาณอมตะสมบัติเลือดไว้ที่นี่
วิญญาณอมตะดวงนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้มันยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะรักษาอาการบาดเจ็บของมัน
‘ท่ามกลางร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของข้า สิ่งที่เหมาะกับข้ามากที่สุดคือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเลือด แต่ข้ามีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดเพียงดวงเดียวคือวิญญาณอมตะสมบัติเลือด หากข้าสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิต…’
ฟางหยวนรู้สึกต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิตเป็นครั้งคราว
แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ทวีปผมขาว ทวีปผมเหลือง และทวีปผมดำติดอยู่ในสงครามมานานหลายปีแล้ว
“อดทนไว้ กำลังเสริมกำลังมา!” หัวหน้าผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนผมดำพยายามปลุกขวัญกำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชา
ในสนามรบเหลือกองกำลังเผ่ามนุษย์ขนผมดำเพียงเล็กน้อย พวกเขาถูกล้อมกรอบเอาไว้โดยกองกำลังเผ่ามนุษย์ขนผมขาวและผมเหลืองที่เป็นพันธมิตรกัน
ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนผมดำต่อสู้อย่างกล้าหาญแต่พวกเขามีกำลังพลที่จำกัดและยังลดน้อยลงเรื่อยๆ
เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงคางคกดังขึ้นในสนามรบราวกับเสียงฟ้าผ่า
กระแสน้ำเชี่ยวกรากไหลบ่าเข้ามาในสนามรบและกวาดกองกำลังเผ่ามนุษย์ขนผมขาวและผมเหลืองออกไป
ในครั้งเดียวกองกำลังพันธมิตรพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่
“ผู้ใช้วิญญาณระดับห้าเผ่าผมดำ โอ้ ไม่! มันคือวิญญาณคางคกของฟางเจิ้ง!” กองกำลังพันธมิตรผมขาวและผมเหลืองตกลงสู่ความโกลาหล
“พวกเรารอดแล้ว เขาคือฟางเจิ้ง…” ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนผมดำเกิดความรู้สึกซับซ้อน
ภายใต้การจ้องมองของทุกคน ฟางเจิ้งยืนอยู่บนแผ่นหลังของคางคกกลืนกินแม่น้ำและเข้าสู่สนามรบด้วยกระแสน้ำไหลเชี่ยว
หลังจากนั้นเขาก็อาละวาดไปทั่วสนามรบ กองกำลังพันธมิตรผมขาวและผมเหลืองรู้สึกราวกับวันโลกาวินาศ
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1168 หลอมรวมหม่าหงหยุน
แปลโดย iPAT
“ในที่สุดเจ้าก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่ง จากสามทวีปความแข็งแกร่งของเจ้าอยู่ในสิบอันดับแรก” เจตจำนงปลอมของฟางหยวนชมเชยฟางเจิ้ง
ฟางเจิ้งตอบ “ด้วยความพยายามของข้า มันต้องเป็นเช่นนี้โดยธรรมชาติ”
หลายปีที่ผ่านมาเขาสังหารผู้คนอย่างไร้ปรานี ภายใต้แรงกดดันแห่งชีวิตและความตายเขาค่อยๆเข้าใจความรู้สึกของฟางหยวนที่ต้องเข่นฆ่าผู้คนในตระกูล
เขาไม่มีทางเลือก
ถ้าเจ้าไม่ตาย ข้าก็ต้องตาย!
ฟางเจิ้งยังไม่สามารถให้อภัยฟางหยวน แต่เขาเข้าใจเหตุผลที่ฟางหยวนต้องทำสิ่งเหล่านั้นแล้ว นี่ทำให้ความเกลียดชังของเขาค่อยๆจางหายไปโดยเฉพาะหลังจากเจตจำนงปลอมของฟางหยวนช่วยให้เขารอดพ้นอันตรายมานับครั้งไม่ถ้วน
“วิ่ง!”
“พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางเจิ้ง!”
กองทัพผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนผมขาวและผมเหลืองวิ่งกระจัดกระจายกันออกไป
ฟางเจิ้งไม่ได้พูดคุยกับผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนผมดำ หลังจากเก็บกวาดสนามรบ เขาก็จากไปทันที
ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนผมดำมองเขาด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน
“ดังนั้นเขาก็คือผู้ใช้วิญญาณมนุษย์ในข่าวลือ”
“ยอดเยี่ยม! เขาชนะศัตรูในพริบตา!”
“น่าเสียดายที่เขาทำให้คนระดับสูงไม่พอใจ เขาไม่ใช่มนุษย์ขน แม้ผลงานของเขาจะมากมายเพียงใด เขาก็ไม่สามารถเติบโตไปมากกว่านี้…”
“แม้ข้าจะขอบคุณเขาแต่ในอนาคตข้าจะก้าวข้ามเขาไป”
แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ทวีปเมฆา
หลังจากเจตจำนงปลอมกลับมาหาฟางหยวน เขาตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ‘โอ้ ดูเหมือนฟางเจิ้งใกล้จะพร้อมแล้ว แต่เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิตยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ข้าควรทุ่มเทความพยายามกับเรื่องนี้หรือไม่?’
ตามแผนการแรกเริ่มของฟางหยวน เขาจะใช้แสงแห่งปัญญาพัฒนาเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิต นี่เป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุด
แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถใช้แสงแห่งปัญญา หากต้องอนุมานด้วยตนเอง เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
หลังจากไตร่ตรอง ฟางหยวปัดตัวเลือกนี้ทิ้งไป
ประการแรก เขามีมรดกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของไห่ฟาน เขามีวิธีการมากมาย วิญญาณอมตะเทพโลหิตเป็นเพียงกำไรเพิ่มเติมเท่านั้น
ประการต่อมา การใช้ทักษะบนเส้นทางแห่งเลือดไม่เป็นผลดีในปัจจุบัน หากเขาใช้มัน เขาจะถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะจากทุกสารทิศ ในมุมมองของฟางหยวน สงครามห้าภูมิภาคเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะใช้ทักษะบนเส้นทางแห่งเลือด
ตั้งแต่เขาเข้ายึดครองเนินมังกรผงาด หลายวันที่ผ่านมา ฟางหยวนรอการติดต่อกลับจากชูตู๋
ผลประโยชน์ของเขาเริ่มลดน้อยลงเพราะทรัพยากรจำนวนมากที่ได้รับมาจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟานถูกขายออกไปแล้ว
ทรัพยากรจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟานที่ยังอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิที่ไม่สามารถเติบโต เขาจำเป็นต้องขายออกไป นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด
แต่วิธีนี้ไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง ทรัพยากรเหล่านั้นย่อมหมดไปในที่สุด
แม้ฟางหยวนจะได้รับหินวิญญาณอมตะจำนวนมากแต่เขาก็ใช้ไปมากมายเช่นกัน
ภัยพิบัติพิภพทุกสองเดือน มันเกิดขึ้นบ่อยเกินไป การเดินทางไปยังทะเลตะวันออกและเข้ายึดครองเนินมังกรผวาดก็ทำให้องุ่นเขียวอมตะของเขาลดลงอย่างมหาศาล
นอกจากนั้นการพัฒนามิติช่องว่างจักรพรรดิก็ต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก หินวิญญาณอมตะของเขาราวกับละลายไปกับสายน้ำ ตอนนี้เขาเหลือเงินเก็บไม่มากนัก
‘ในปัจจุบันสิ่งเดียวที่จะทำให้ข้าเติบโตอย่างรวดเร็วอีกครั้งคือการใช้แสงแห่งปัญญาหลังจากกำจัดกับดักในร่างเดิมของข้า’
‘สิ่งสำคัญอีกประการก็คือข้าต้องหาวิธีทำลายข้อตกลงพันธมิตร นี่จะทำให้ข้าเป็นอิสระและสามารถใช้ประโยชน์จากพวกเขาได้อย่างเต็มที่’
ฟางหยวนตระหนักถึงตัวเลือกของเขา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะประสบความสำเร็จในการทำสิ่งเหล่านี้อย่างง่ายดาย
หากเขาไม่พบโชคลาภโดยบังเอิญญ ในการก้าวข้ามอุปสรรคเหล่นี้จะเป็นเรื่องยากมาก
แต่ความบังเอิญจะเกิดขึ้นทุกเวลาที่เขาต้องการได้อย่างไร? แม้มันจะเกิดขึ้น ฟางหยวนก็ยังต้องระวังว่ามันเป็นแผนการของเจตจำนงสวรรค์หรือไม่
ฟางหยวนใช้เวลาสองชั่วโมงในการบ่มเพาะจิตวิญญาณ
เวลาที่เหลือเขาจะใช้วิญญาณอมตะคิ้วดาบเพื่อเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบให้กับตนเอง บางครั้งเขาจะออกไปด้านนอกและใช้วิญญาณอมตะเนตรดาราเพื่อปรับแต่งดวงดาวบนท้องฟ้าให้เป็นดวงตาของเขา
นอกเหนือจากนี้เขายังใช้ความพยายามอย่างมากในการฝึกท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อเพิ่มความชำนาญในการใช้งาน
เขาไม่ลืมที่จะพัฒนาและดูแลมิติช่องว่างจักรพรรดิ
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้การพัฒนาในขั้นตอนแรกยังไม่เสร็จสมบูรณ์
เหตุผลก็คือเขามีวิญญาณอมตะมากเกินไป เพื่อให้พวกมันมีชีวิตอยู่ได้และไม่ต้องพึ่งพาโลกภายนอก เขาต้องผลิตอาหารของพวกมันขึ้นมาด้วยตนเอง
น่าเสียดายที่ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะระดับแปดจำนวนมาก เขาเพิ่งเริ่มรวบรวมอาหารของวิญญาณทัศนคติและวิญญาณดาบแห่งปัญญา สำหรับวิญญาณอมตะระดับแปดดวงอื่น เขายังไม่ได้เริ่มต้น
แต่เขาไม่มีทางเลือกเพราะนี่คือขีดจำกัดของเขา
ทุกวันเขาจะใช้เวลาทุกวินาทีให้เกิดประโยชน์สูงสุด เขาเคร่งครัดและมีเป้าหมายที่ชัดเจนมาก อย่างไรก็ตามเวลาและพลังงานของเขามีจำกัด ฟางหยวนต้องคิดอย่างรอบคอบและทำสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนเท่านั้น
การทำงานหนักเช่นนี้ทำให้ฟางหยวนก้าวหน้าขึ้นในทุกๆวัน
ไร้มนุษยธรรม โหดเหี้ยมต่อผู้อื่น แต่เข้มงวดและโหดร้ายต่อตนเองมากกว่า นี่คือธรรมชาติของฟางหยวน
ครึ่งเดือนผ่านไปเช่นนี้กระทั่งฟางหยวนได้รับจดหมายจากชูตู๋ในที่สุด
ในจดหมาย ชูตู๋ขอกำลังเสริมจากฟางหยวน เมื่อพวกเขาประสบความสำเร็จ ชูตู๋จะจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลให้กับฟางหยวน
ชูตู๋ใช้ถ้อยคำที่สุภาพและอ้อนน้อมมากราวกับลืมไปแล้วว่าฟางหยวนเป็นพันธมิตรของเขา
‘ชูตู๋สามารถควบคุมสถานการณ์ได้เป็นเวลานาน มันค่อนข้างพิเศษ ดี ข้าจะไปช่วยเขา’ ฟางหยวนเตรียมตัวมานานแล้ว ดังนั้นเขาจึงออกเดินทางทันที
หนึ่งวันหนึ่งคืนต่อมา เขาไปถึงสถานที่นัดพบ
เมื่อเขาไปถึงมีผู้อมตะจำนวนมากรออยู่แล้ว
“ผู้อาวุโส ท่านมาถึงแล้ว” ผู้ที่ออกมาต้อนรับฟางหยวนคือผู้อมตะนิกายชูที่เคยร่วมมือกับฟางหยวนทำลายเนินมังกรผวาด
“ให้ข้าแนะนำท่าน พวกเขาคือกำลังเสริมที่ท่านอาจารย์เชิญมา นี่คือผู้อาวุโสห่าวเจิ้น”
ห่าวเจิ้งเป็นชายวัยกลางคนที่มีหนวดเคราและมัดกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ เขาพยักหน้าให้กับฟางหยวน
“นี่คือผู้อาวุโสเชาเหลาอู๋” ผู้อมตะนิกายชูดำเนินการต่อ
เชาเหลาอู๋มีใบหน้าที่ดูหดหู่ ร่างกายผอมแห้ง หลังค่อม ฟันสีเหลือง กล่าวได้ว่ารูปร่างหน้าตาของเขาดูน่าเกลียดมาก
“นี่คือผู้อาวุโสหลี่ซื่อจุน” ผู้อมตะนิกายชูแนะนำ
ผู้อมตะผู้นี้ค่อนข้างมีเอกลักษณ์
เขามีใบหน้าสี่เหลี่ยม คิ้วหนา ตาโต จมูกโด่ง มีหนวดเครา แผงหน้าอกของเขาเต็มไปด้วยเส้นขนสีดำ แต่เขากลับสวมกระโปรงลายดอกไม้
เมื่อเห็นฟางหยวน ดวงตาของเขาส่องประกายขึ้นและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ายวน “โอ้ สวรรค์ น้องชายผู้นี้ช่างหล่อเหลานัก”
ร่างกายของผู้อมตะนิกายชูสั่นสะท้านขึ้น เขาเร่งเดินผ่านคนผู้นี้ไปอย่างรวดเร็ว
“นี่คือผู้อาวุโสหวังอู๋หมิง”
หวังอู๋หมิงค่อนข้างเตี้ย จมูกสีแดง และมีดวงตารูปสามเหลี่ยม เขามองฟางหยวนและกล่าว “เราแนะนำตัวเองแล้ว เจ้าเป็นคนสุดท้ายที่มาที่นี่ เหตุใดไม่แนะนำตัวกับพวกเรา?”
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเรียบง่าย “ข้าเป็นเพียงผู้บ่มเพาะสันโดษที่ไม่สำคัญ พวกเจ้าสามารถเรียกข้าว่า หลิวกวนซื่อ”
‘หลิวกวนซื่อ’ ผู้อมตะนิกายชูจดจำชื่อนี้เอาไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยได้ยินชื่อของฟางหยวน เนื่องจากการขับไล่ผู้อมตะเผ่าไป่ซูและยึดครองเนินมังกรผงาดเป็นไปได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว นั่นทำให้เขารู้สึกสนใจและกระทั่งชื่นชมฟางหยวน
ในความเป็นจริงเขาไม่ใช่คนเดียวแต่ผู้อมตะนิกายชูต่างอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับฟางหยวน
หลังจากทั้งหมดพวกเขาต่างบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่งขณะที่ความแข็งแกร่งของฟางหยวนน่าอัศจรรย์มาก ในโลกที่เส้นทางความแข็งแกร่งกำลังตกต่ำ ฟางหยวนเหมือนแสงสว่างแห่งความหวังที่ส่องประกายท่ามกลางความมืด
“หลิวกวนซื่อ” ห่าวเจิ้นพึมพำและพยายามจดจำชื่อนี้
คนอื่นๆก็เช่นกัน
การได้รับเชิญจากชูตู๋และมีความกล้าที่จะต่อต้านจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูถือว่าไม่ธรรมดา
ห่าวเจิ้นและคนอื่นๆเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด
แน่นอนว่าฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยปลอมแปลงกลิ่นอายระดับเจ็ดเช่นกัน
“ที่รัก ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากวาดล้างเนินมังกรผงาด เจ้าช่างยอดเยี่ยมนัก!” หลี่ซื่อจุนหัวเราะและเดินเข้าหาฟางหยวน
ผู้อมตะทุคนรู้สึกขนลุกไปทั้งร่าง
ฟางหยวนยังสงบนิ่ง เขามองหลี่ซื่นจุนด้วยการแสดงออกที่เย็นชา “อยู่ให้ห่างจากข้า”
หัวใจของผู้อมตะคนอื่นสั่นสะท้านขึ้น
ฟางหยวนปลดปล่อยเจตนาสังหารที่น่าสะพรึงกลัวออกมา สิ่งนี้ทำให้ผู้อมตะทุกคนที่ถูกเชิญมาตระหนักว่าคนผู้นี้เป็นคนชั่วที่สังหารผู้คนมานับไม่ถ้วนและโหดเหี้ยมมาก
ผู้อมตะนิกายชูที่อยู่รอบๆมีประสบการณ์เพียงเล็กน้อย พวกเขาไม่สามารถสัมผัสถึงธรรมชาติที่ดุร้ายของฟางหยวน ผู้อมตะนิกายชูที่ต้อนรับฟางหยวนกล่าว “ผู้อมตะนิกายชูของเรามีพลังการต่อสู้ต่ำสุด พวกเราจะไม่เข้าร่วมและต้องพึ่งพาผู้อาวุโสทุกท่านเท่านั้น เมื่อเราประสบความสำเร็จ ท่านอาจารย์จะตอบแทนทุกท่านอย่างเหมาะสม”
“บอกแผนการมา” หวังอู๋หมิงถาม
ผู้อมตะนิกายชูกล่าวถึงสิ่งที่น่าตกใจ “ท่านอาจารย์วางแผนขั้นสุดท้ายไว้แล้ว ท่านหวังว่าผู้อาวุโสทุกท่านจะร่วมมือกันบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก!”
ในเวลาเดียวกัน แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ ยอดเขาที่หนึ่ง
ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมส่องแสงสีทองออกมา
ภายในแสงสีทอง ท่านหญิงหว่านซูและปีศาจอมตะเซี่ยหูยืนอยู่ด้านหน้าหม่าหงหยุน
ท่านหญิงหว่านซูดูเหน็ดเหนื่อยมาก นางนำบอลสายฟ้าออกมาอย่างระมัดระวัง
บอลสายฟ้ามีขนาดเท่ากำปั้นมนุษย์และมีประกายสายฟ้าแลบลั่นตลอดเวลา
“อันใด!? พวเจ้าพยายามทำสิ่งใด? ไม่ ไม่ อา…” หม่าหงหยุนกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งแต่ร่างกายของเขาถูกตรึงไว้และไม่สามารถขยับเขยื้อน
“นี่เป็นขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุด” ท่านหญิงหว่านซูกล่าวพร้อมกับโยนบอลสายฟ้าไปที่หม่าหงหยุน
บอลสายฟ้าผสานเข้ากับหน้าอกของหม่าหงหยุนและหายไปทันที
“อ๊าก…” หม่าหงหยุนกรีดร้องและพยายามดิ้นรนด้วยพลังทั้งหมด
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1169 บุกแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก (1)
แปลโดย iPAT
“เปรี้ยง!”
หม่าหงหยุนหมดสติแต่ร่างกายของเขายังสั่นกระตุกอย่างต่อเนื่อง
สายฟ้าเริ่มอ่อนกำลังลงและหายไปอย่างช้าๆ
การแสดงออกของปีศาจอมตะเซี่ยหูกลายเป็นมืดมน
การหลอมรวมหม่าหงหยุนล้มเหลว!
หากพวกเขาประสบความสำเร็จ หม่าหงหยุนจะยังอยู่ได้อย่างไร? เมื่อเขาถูกหลอมรวม เลือดเนื้อและกระดูกของเขาจะกลายเป็นก้อนแห่งโชคลาภ
ใบหน้าของท่านหญิงหว่านซูกลายเป็นซีดขาว
นางใช้บอลสายฟ้ากับหม่าหงหยุน นี่เป็นขั้นตอนสำคัญในการหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ ตอนนี้เมื่อนางล้มเหลว นางย่อมได้รับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรง
“ที่รัก” ปีศาจอมตะเซี่ยหูเต็มไปด้วยความกังวล
ท่านหญิงหว่านซูเผยรอยยิ้มบาง “อย่ากังวล ข้าสามารถอดทนต่ออาการบาดเจ็บระดับนี้ หลังจากพักครึ่งวัน ข้าก็จะหายดี”
ปีศาจอมตะเซี่ยหูถอนหายใจ “นั่นเป็นสิ่งที่ดี”
เขาหยุดก่อนกล่าวต่อ “แม้ครั้งนี้จะล้มเหลวแต่มันก็เป็นความพยายามครั้งแรกเท่านั้น”
“ถูกต้อง” ท่านหญิงหว่านซูเห็นด้วย “แม้เราจะล้มเหลวแต่เรายังสามารถเริ่มใหม่ ครั้งที่สองมันต้องราบรื่น ข้าขอพักผ่อนสักครึ่งวัน หลังจากนั้นเราจะเริ่มต้นอีกครั้ง”
การหลอมรวมวิญญาณอมตะจะประสบความสำเร็จในครั้งแรกได้อย่างไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิญญาณอมตะระดัแปดที่อัตราความสำเร็จต่ำมาก
ในอดีตไห่ฟานพบกับความล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำหลายครั้ง เขาสูญเสียทั้งความมั่นใจและแทบล้มละลาย
ดังนั้นความล้มเหลวเพียงครั้งเดียวจึงไม่ทำให้ปีศาจอมตะเซี่ยหูและท่านหญิงหว่านซูยอมแพ้
ตรงข้ามพวกเขากระทั่งมั่นใจมากขึ้น
“ที่รัก เหตุใดต้องรีบร้อน เจ้าควรพักผ่อนสักสองสามวัน เจ้าอาจยังไม่รู้ เวลานี้พายุลูกใหม่กำลังก่อตัวขึ้นที่ภาคเหนือ จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงถ้ำสวรรค์ไห่ฟานจากชูตู๋ ตอนนี้พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้ทางออก แต่ข้ามั่นใจว่าชูตู๋มีแผนสำรองที่ยังไม่ได้ใช้” ปีศาจอมตะเซี่ยหูยิ้มและอธิบาย
“โอ้” ท่านหญิงหว่านซูรู้สึกมีความสุขเมื่อได้ยินเรื่องนี้
ปีศาจอมตะเซี่ยหูกำลังหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ แต่ภาคเหนือมีผู้อมตะระดับแปดอีกหลายคนที่ไม่เต็มใจเห็นเขาประสบความสำเร็จและแข็งแกร่งขึ้น
ดังนั้นปีศาจอมตะเซี่ยหูจึงต้องจับตามองผู้อมตะเหล่านี้อย่างใกล้ชิด
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูต่อสู้กับชูตู๋ นี่ถือเป็นเรื่องดีสำหรับปีศาจอมตะเซี่ยหู
อย่างไรก็ตามท่านหญิงหว่านซูกลับส่ายศีรษะปฏิเสธคำแนะนำของปีศาจอมตะเซี่ยหู “ข้าต้องการพักผ่อนเพียงครึ่งวัน ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมนี้สร้างขึ้นโดยซันหมิงลู่ มันเลียนแบบมาจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะสระแห่งความโศกเศร้า มันมีความสามารถหลายอย่างแต่มันอยู่ได้เพียงวันเดียว การพักผ่อนครึ่งวันเพียงพอแล้ว ข้าต้องใช้เวลาที่เหลือในการหลอมรวม”
“เป็นเช่นนั้น” ปีศาจอมตะเซี่ยหูกล่าวต่อด้วยความกังวล “ที่รัก ลำบากเจ้าแล้ว”
“ไม่ นี่เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับข้า” ดวงตาของท่านหญิงหว่านซูส่องประกายสดใส
คืนนั้น
แสงจันทร์สาดส่องลงบนทุ่งหญ้า หลายร่างลอบเดินทางไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กอย่างลับๆ
พวกเขาก็คือฟางหยวน ห่าวเจิ้น เชาเหลาอู๋ หลี่ซื่อจุน และหวังอู๋หมิง
แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กเคยเป็นฐานทัพใหญ่ของเผ่าไห่ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นฐานทัพใหญ่ของเผ่าไป่ซู
แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กตัดขาดจากโลกภายนอกและไม่สามารถมองเห็น
ฟางหยวนเห็นเพียงทุ่งหญ้าที่สะท้อนแสงจันทร์เหมืนอทะเลสาบสีเขียวมรกต สายลมอันแผ่วเบาพัดเข้ามาปะทะใบหน้าของผู้คนเช่นเดียวกับมือของคนรัก
มันเป็นฉากที่งดงามแต่หัวใจของฟางหยวนและคนอื่นๆกลับลุกไหม้ขึ้นด้วยเจตจำนงแห่งการต่อสู้
แผนการของชูตู๋ทำให้ฟางหยวนรู้สึกชื่นชมเขา
ชูตู๋อดทนมานาน เขาลอบวางแผนและรวบรวมกำลังพลอย่างลับๆเพื่อโจมตีฐานทัพใหญ่ของศัตรู
หากแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กถูกยึดครอง มันจะส่งอิทธิพลอย่างมากต่อเผ่าไป่ซู จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูอาจถูกบังคับให้ยอมรับความพ่ายแพ้
“ชูตู๋ฉลาดจริงๆ เขากำลังใช้ประโยชน์จากความขัดแย้งภายในเผ่าไป่ซู” ห่าวเจิ้นยิ้ม
“ฮ่าฮ่า เผ่าไป่ซูกลืนกินเผ่าไห่ แม้ผู้อมตะเผ่าไห่จะเปลี่ยนแซ่เป็นไป่ซู แต่พวกเขามีสายเลือดตระกูลฮวงจิน ตอนนี้พวกเขาถูกส่งออกไปปกป้องทรัพยากรที่สำคัญแต่ผู้อมตะเผ่าไป่ซูยังอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก” เชาเหลาอู๋กล่าวเสริม
แหล่งทรัพยากรภายนอกอาจถูกโจมตีได้ตลอดเวลา ดังนั้นพวกมันจึงต้องได้รับการดูแลปกป้องจากผู้อมตะบางคน ภารกิจปกป้องประเภทนี้อันตรายยิ่งกว่าการปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กของพวกเขา
“ที่รักชูช่างเป็นอัจฉริยะที่กล้าหาญ ข้าเคยคิดว่าพวกเราจะเลือกแหล่งทรัพยากรใดในการโจมตีครั้งนี้ แต่ผู้ใดจะคิดว่าพวกเราจะบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กโดยตรง อา…ทุกครั้งที่ข้าคิดถึงที่รักชู หัวใจของข้ามักเต้นเร็วเสมอ” หลี่ซื่อจุนม้วนนิ้วของเขาและจับหน้าอกของตนเอาไว้
ห่าวเจิ้นและเชาเหล่าอู๋รู้สึกขนลุกและรีบถอยห่างจากเขาให้ไกลที่สุด
“เอาล่ะ เราต้องเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ผู้ใดมีวิธีบุกเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ ทำมัน!” ฟางหยวนกล่าว
ดวงตาของหลี่ซื่อจุนส่องประกายขึ้น “ที่รักหลิวเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญนัก ข้ารู้สึกมีความสุขจริงๆ”
ฟางหยวนกล่าวเสียงเรียบ “หุบปาก”
หลี่ซื่อจุนยกมือขึ้นกุมหน้าอกขณะก้าวถอยหลังและส่ายศีรษะ “ข้าเสียใจ หัวใจของข้าแตกสลายแล้ว”
ราวกับไม่สามารถอดทนต่อถ้อยคำของหลี่ซื่อจุน หวังอู๋หมิงเร่งก้าวออกไป
ดังที่ฟางหยวนคาดการณ์ไว้ ท่ามกลางพวกเขา บางคนมีวิธีบุกแดนศักดิ์สิทธิ์ นี่ไม่ใช่ความมั่นใจของฟางหยวนที่มีต่อคนแปลกหน้าแต่เป็นความเชื่อมั่นของเขาที่มีต่อชูตู๋ ชูตู๋เป็นคนฉลาด เขาจะไม่คิดถึงเรื่องนี้ได้อย่างไร
รัศมีแสงของวิญญาณจำนวนมากเล็ดลอดออกมาจากร่างกายของหวังอู๋หมิง จากนั้นร่างของเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นสุนัขล่าเนื้อขนาดใหญ่
สุนัขล่าเนื้อตัวนี้มีขนสีขาวราวหิมะ ดวงตาของมันซีดขาวและปราศจากรูม่านตา
หลี่ซื่อจุนอ้าปากค้างและกรีดร้องเบาๆ “อา…นี่คือสัตว์อสูรแรกกำเนิด สุนัขกลืนสวรรค์งั้นหรือ?”
ห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋มองหน้ากันและแสดงออกอย่างมีความสุข นี่หมายถึงพลังการต่อสู้ระดับแปดมิใช่หรือ?
ฟางหยวนส่ายศีรษะ “แม้เขาจะกลายเป็นสุนัขกลืนสวรรค์ เขาก็ยังเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด แล้วเขาจะมีพลังการต่อสู้ระดับแปดได้อย่างไร?”
หากเขามีพลังการต่อสู้ระดับแปด ฟางหยวน ห่าวเจิ้น และคนอื่นยังต้องมาที่นี่อีกงั้นหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้นหากเขามีพลังการต่อสู้ระดับแปด เขาย่อมมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วภาคเหนือ แล้วชูตู๋จะเชิญเขามาได้อย่างไร?
เป็นเพียงเวลานี้ที่สุนัขกลืนสวรรค์อ้าปากและกัดที่ว่างตรงหน้า
ห้วงมิติถูกกัดกินโดยสุนัขกลืนสวรรค์ ตามมาด้วยเสียงตะโกนที่ตกใจ
“ผู้ใด!?”
“เจ้ากล้ากลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กของพวกเรางั้นหรือ!?”
“ศัตรูบุก!”
ผู้อมตะเผ่าไป่ซูตอบสนองอย่างรวดเร็ว หลายร่างบินเข้ามาปิดกั้นกลุ่มของฟางหยวนเอาไว้
หวังอู๋หมิงเปลี่ยนร่างกลับเป็นมนุษย์และกล่าวอย่างอ่อนแรง “ข้าต้องพักสักครู่ ตอนนี้ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว”
การเปลี่ยนเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดเกินขีดจำกัดของเขา บางทีท่าไม้ตายอมตะที่เขาใช้อาจส่งผลกระทบย้อนกลับที่ไม่รุนแรง
“บึม!”
ฟางหยวนกระทืบเท้าลงบนพื้น ก่อนที่หวังอู๋หมิงจะกล่าวจบประโยค เขาก็พุ่งเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กเรียบร้อยแล้ว
“เจ้ากล้างั้นหรือ!?”
“ดูวิญญาณอมตะของเรา!”
กลุ่มผู้อมตะระดับหกและระดับเจ็ดของเผ่าไป่ซูพุ่งเข้าสู่การต่อสู้
ฟางหยวนเย้ยหยันและผลักฝ่ามือออกไป
กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนบดขยี้การโจมตีของผู้อมตะเผ่าไป่ซูและทำให้พวกเขากระเด็นกลับหลัง
แต่กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนก็สูญเสียพลังงานทั้งหมดเช่นกัน
ผู้อมตะเผ่าไป่ซูโจมตีอย่างดุเดือดด้วยดาบสีทองจำนวนนับไม่ถ้วน
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น
วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ!
ทันใดนั้นความเร็วของเขาก็พุ่งสูงขึ้นและนำเขาบินลึกเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก
ผู้อมตะเผ่าไป่ซูตกใจมากกับความเร็วนี้
ห่าวเจิ้น เชาเหลาอู๋ และหลี่ซื่อจุนที่อยู่ด้านหลังก็ตกใจมากเช่นกัน พวกเขาหวังว่าฟางหยวนจะอยู่ด้านหน้าและเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรู
แต่ฟางหยวนกลับปล่อยให้พวกเขาเผชิญหน้ากับศัตรูโดยไม่แยแส
หลังจากนั้นผู้อมตะเผ่าไป่ซูผู้หนึ่งก็รีบไล่ล่าฟางหยวน ผู้อมตะคนอื่นๆยังอยู่ที่เดิมเพื่อปิดกั้นห่าวเจิ้น เชาเหลาอู๋ และหลี่ซื่อจุน
การโจมตีนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาราวกับสายฝน
การต่อสู้ที่วุ่นวายทำให้ผู้อมตะเหล่านี้ติดอยู่ที่นี่
ฟางหยวนทะยานร่างข้ามผ่านท้องฟ้า
ด้วยวิธีตรวจสอบของเขา เขาเห็นร่องรอยมากมายที่หลงเหลืออยู่จากการต่อสู้ของเผ่าไห่
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1170 บุกแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก (2)
แปลโดย iPAT
แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กพึ่งถูกยึดครองโดยเผ่าไป่ซูไม่นานมานี้ แม้มันจะสามารถใช้งาน แต่มันก็ยังห่างไกลจากจุดสูงสุดของเผ่าไห่
‘หือ?’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาเห็นรังอินทรีย์มากมายลอยอยู่บนท้องฟ้า
‘มีทรัพยากรบนพื้นเพียงเล็กน้อยแต่บนท้องฟ้ามีรังอินทรีย์อย่างน้อยร้อยรัง ดูเหมือนกลยุทธ์ของเผ่าไป่ซูคือการพัฒนาจุดแข็งของแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก พวกเขาพยายามเลี้ยงอินทรีย์มงกุฎเหล็กและอินทรีย์อื่นๆ’ ฟางหยวนเข้าใจทันที
นี่เป็นกลยุทธ์ที่ดี
การเลี้ยงสัตว์อสูรเดียวดายและขายพวกมันในสวรรค์สีเหลืองสามารถทำกำไรมหาศาลให้กับพวกเขา
‘คราวก่อนข้าไม่ได้มาที่นี่ ครั้งนี้ข้าจะคว้ารังอินทรีย์เหล่านี้มาทั้งหมด!’ ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้น
เพียงการกวาดตามอง ฟางหยวนก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่ารังอินทรีย์คือทรัพยากรที่ล้ำค่าที่สุดของแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก
จุดสำคัญคืออินทรีย์เหล่านี้ใช้งานได้ง่ายไม่เหมือนทรัพยากรอื่นๆ
“คนชั่ว หยุด!” ผู้อมตะเผ่าไป่ซูตะโกนมาจากด้านหลัง
‘ดูเหมือนข้าจำเป็นต้องกำจัดปัญหานี้’ ฟางหยวนหัวเราะและหันหลังกลับ
ผู้อมตะเผ่าไป่ซูผู้นี้มีนามว่าไป่ซูเหว่ย เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและเป็นผู้นำของกลุ่มผู้พิทักษ์แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก
เขารู้สึกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กเป็นสถานที่ปลอดภัย แต่กลยุทธ์ของชูตู๋ทำให้เขารู้สึกแย่มาก
การโจมตีนี้รวดเร็วเกินไป
เมื่อฟางหยวนและคนอื่นๆบุกโจมตี มันเหมือนกับสายฟ้าที่ฟาดลงมาที่หัวใจของไป่ซูเหว่ยโดยตรง
หากแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ ในฐานะผู้นำ เขาต้องแบกรับความรับผิดชอบทั้งหมด ดังนั้นตอนนี้เขาจึงรู้สึกกังวลมากและตัดสินใจว่าจะปกป้องมันด้วยชีวิต
ดังนั้นเมื่อเห็นฟางหยวนพุ่งเข้ามา ไป่ซูเหว่ยจึงไม่หลบแแต่พุ่งเข้าปะทะโดยตรง
‘โอ้’ ฟางหยวนเห็นร่างกายของฝ่ายตรงข้ามส่องแสงสีทองออกมา
‘ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งโลหะ ดูเหมือนเขาจะมั่นใจในการป้องกันของตนเองเป็นอย่างมาก’ ฟางหยวนคิดและบินไปด้านซ้าย
ความเร็วของวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เขาไม่ได้สร้างระยะห่างออกจากไป่ซูเหว่ย
เขาเปลี่ยนไปใช้ท่าไม้ตายอมตะที่ไม่ทำให้ความเร็วของเขาลดลงแม้แต่น้อย
‘แม้ผู้อมตะเผ่าไป่ซูจะอาศัยอยู่ในถ้ำสวรรค์ของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูมาตลอด แต่พวกเขาก็ไม่อ่อนแอเพราะได้รับการดูแลอย่างดีจากผู้อมตะระดับแปด ให้ข้าดูวิธีการของเจ้า!’
ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน!
ภูตมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏตัวขึ้น
ไป่ซูเหว่ยตกใจและโกรธมาก เขากระตุ้นใช้วิธีตรวจสอบของตน ดวงตาของเขาส่องแสงสีทองออกมาขณะที่เขากวาดตามองไปรอบๆ
“ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบของข้าถูกสร้างขึ้นโดยนายท่าน ไม่ว่าเจ้าจะซ่อนตัวอยู่ที่ใด เจ้าก็ไม่สามารถหลบหนีไปจากการตรวจสอบของข้า!”
แต่หลังจากนั้นเขากลับตกตะลึง
“นี่เป็นไปได้อย่างไร? ร่างจริงของเขาอยู่ที่ใด ข้ามองไม่เห็นงั้นหรือ?” เขาตกใจมาก
ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบของเขาค่อนข้างดี แต่ใบหน้าที่คุ้นเคยของฟางหยวนดีกว่ามาก!
หลังจากทั้งหมดท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจปล้นสวรรค์ แล้วจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจะสามารถแข่งขันได้อย่างไร
“บึม บึม บึม!”
ฟางหยวนโจมตีรังอินทรีย์อย่างเต็มกำลัง
ในรังอินทรีย์เหล่านี้มีอินทรีย์อายุน้อยหรือไข่ที่ยังไม่ฟักนอนอยู่
เมื่อบ้านของพวกมันพังพินาศ อินทรีย์หนุ่มส่งเสียงกรีดร้องและพุ่งออกมาต่อสู้กับภูตมนุษย์ของฟางหยวน
ภูตมนุษย์ของฟางหยวนมีคุณภาคต่ำ พวกมันไม่สามารถต่อสู้กับสัตว์อสูรเดียวดาย อย่างไรก็ตามด้วยจำนวนที่มากกว่า พวกมันสามารถโจมตีจากทุกทิศทาง นั่นทำให้อินทรีย์หนุ่มไม่สามารถปกป้องรังของมัน
ในไม่ช้ารังอินทรีย์มากมายก็ร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า
“ไม่!” ไป่ซูเหว่ยตะโกน เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหวทะยานร่างออกไปและพยายามคว้ารังอินทรีย์ที่ตกลงมา สุดท้ายจึงวางมันลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง
ฟางหยวนฉวยโอกาสนี้ใช้กำปั้นยักษ์คว้ารังอินทรีย์ยัดเข้าไปในมิติช่องว่างของเขา
ดวงตาของไป่ซูเหว่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อเห็นฉากนี้ เขาตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว “ไม่! หัวขโมยคืนรังอินทรีย์ของพวกเรามา!”
หลังกล่าวจบคำ เขาพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนด้วยความดุร้าย
ริมฝีปากของฟางหยวนโค้งงอขึ้น เขาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายและซ่อนตัวอยู่ในกองทัพภูตมนุษย์จำนวนมหาศาล
ไป่ซูเหว่ยตะลึงอีกครั้ง
วิธีการตรวจสอบของเขาไม่สามารถเปิดเผยใบหน้าที่คุ้นเคย เขาสามารถโจมตีแบบสุ่มเท่านั้น แต่โชคของเขาจะเหนือกว่าฟางหยวนที่ครอบครองวิญญาณอมตะโชคอึสุนัขและยังเชื่อมโยงโชคกับผู้โชคดีทั้งสี่ได้อย่างไร?
ไป่ซูเหว่ยเพียงผู้เดียวไม่สามารถค้นหาร่างจริงของฟางหยวนและทำได้เพียงบินไปทุกหนทุกแห่ง
ฟางหยวนใช้โอกาสนี้โจมตีรังอินทรีย์และเก็บพวกมันไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
ไป่ซูเหว่ยคำรามด้วยความโกรธแต่เขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใด “หัวขโมยไร้ยางอาย! หากเป็นลูกผู้ชายก็ออกมาสู้กับข้าอย่างยุติธรรมและเปิดเผย!”
ฟางหยวนไม่สน
ไป่ซูเหว่ยกรีดร้องอีกครั้ง “เจ้าคนขี้ขลาด เจ้าทำได้เพียงวิ่งหนีไปรอบๆเหมือนหนูสกปรก เจ้ากล้าบุกเผ่าไป่ซูของข้าได้อย่างไร?”
ฟางหยวนเก็บรังอินทรีย์ต่อ
ไป่ซูเหว่ยตะโกนด้วยเสียงที่แหบแห้ง “เจ้าจะไม่มีชีวิตที่สงบสุขอีกหากทำให้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูขุ่นเคือง! แม้เจ้าจะวิ่งไปสุดขอบโลก พวกเราก็จะตามไปและกำจัดเจ้า!”
ฟางหยวนหัวเราะเสียงดังและนับกำไรที่ได้รับ “หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด… รังอินทรีย์อยู่ในมือของข้า ผู้อมตะเผ่าไป่ซูจะทำสิ่งใดได้?”
“พรวด!”
ไป่ซูเหว่ยกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ
ในความเป็นจริงรังอินทรีย์เหล่านี้ได้รับการดูแลอย่างดีจากไป่ซูเหว่ย เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างมากกับรังอินทรีย์แต่ละรัง
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ เขาเชื่อใจและมอบอำนาจให้ไป่ซูเหว่ยจัดการ แต่เผ่าไป่ซูไม่มีทรัพยากรมากนัก ไป่ซูเหว่ยจึงทุ่มเทความพยายามทั้งหมดกับรังอินทรีย์และหวังว่าพวกมันจะช่วยแก้ปัญหาการเงินให้กับเผ่าไป่ซู
แต่ความหวังที่สวยงามของเขากลับถูกทำลายลงโดยฟางหยวน
“ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแม้ข้าจะตาย!” ไป่ซูเหว่ยกรีดร้องด้วยความเกลียดชัง น้ำเสียงของเขาทำให้หวังอู๋หมิงที่พึ่งมาถึงรู้สึกเย็นเยียบไปถึงแกนกระดูก
‘หลิวกวนซื่อผู้นี้นำรังอินทรีย์ไปมากเท่าใด เหตุใดไป่ซูเหว่ยจึงโกรธถึงเพียงนี้’ หวังอู๋หมิงตอบสนองด้วยความรู้สึกอิจฉา เขาต้องการให้คนที่ไป่ซูเหว่ยสาปแช่งเป็นตัวเขาเอง!
ห่าวเจิ้น เชาเหลาอู๋ และหลี่ซื่อจุนยังต่อสู้อยู่กับผู้อมตะเผ่าไป่ซู
“หวังอู๋หมิงอยู่ที่ใด?”
“เขาเข้าไปข้างในแล้ว สุนัขตัวนี้เดินอ้อมไปทางด้านหลัง!”
ผู้บ่มเพาะสันโดษทั้งสามสนทนากัน พวกเขาทั้งกังวลและโกรธเกรี้ยว
พวกเขาต้องการเข้าไปเพื่อฉกชิงทรัพยากรเช่นกันแต่ผู้อมตะเผ่าไป่ซูปิดกั้นเส้นทางของพวกเขาเอาไว้
ขณะที่ผู้อมตะเผ่าไป่ซูไม่สามารถถูกสังหาร
ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี ห่าวเจิ้นและคนอื่นๆเข้าใจเช่นกันแต่พวกเขาถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
เผ่าไป่ซูพึ่งก่อตั้ง พวกเขามีผู้อมตะไม่กี่คนและทั้งหมดอยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู
หากผู้อมตะเผ่าไป่ซูเสียชีวิต กลุ่มของฟางหยวนจะกลายเป็นศัตรูที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูและยากที่จะประนีประนอม หากจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูไม่แก้แค้น เขาก็จะไม่มีใบหน้าอยู่ในภาคเหนืออีกต่อไป!
การโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กและทำให้เผ่าไป่ซูสูญเสียทรัพยากรบางอย่างหรือแม้แต่สังหารผู้อมตะเผ่าไห่เป็นเรื่องปกติ สิ่งสำคัญคือผู้อมตะเผ่าไป่ซูไม่สามารถตาย ชูตู๋เน้นย้ำเรื่องนี้ก่อนที่พวกเขาจะลงมือ
ชูตู๋ไม่ต้องการเป็นศัตรูตัวฉกาจของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู
ในแง่ของความแข็งแกร่ง ผู้อมตะเผ่าไป่ซูด้อยกว่าห่าวเจิ้น เชาเหลาอู๋ และหลี่ซื่อจุนที่เป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่พวกเขาร่วมมือกันต่อสู้ทำให้ผู้อมตะทั้งสามกลายเป็นฝ่ายถูกผลักดัน
หลี่ซื่อจุนตะโกน “ถอยก่อน!”
อีกสองคนตอบสนองทันที
ผู้อมตะเผ่าไป่ซูไล่ตามพวกเขา แต่ผู้อมตะทั้งสามแยกย้ายกันไป
“กลับ! นี่คือโลกภายนอก ที่นี่เราไม่ได้รับการปกป้องจากแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก กลับไปช่วยท่านเหว่ยกันเถอะ!” ผู้อมตะเผ่าไป่ซูตัดสินใจกลับแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก
ผู้อมตะทั้งสามมองเห็นโอกาสและบินกลับทันที
ท่ามกลางพวกเขา หลี่ซื่อจุนบินไปยังทางเข้าที่หวังอู๋หมิงสร้างไว้และประสบความสำเร็จในการเข้าสูแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก
ผู้อมตะเผ่าไป่ซูกำลังตื่นตระหนก พวกเขาจึงไม่สามารถปิดกั้นศัตรูได้อีกต่อไป
สุดท้ายผู้อมตะทั้งสามก็สามารถเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก
“ไปหาท่านเหว่ยก่อน!”
นี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด
“เร็ว พวกเราเป็นกลุ่มสุดท้าย”
“ไปดูว่ามีทรัพยากรใดเหลือบ้าง!”
ห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋รีบร้อนเดินทาง
ผู้อมตะทุกคนล้วนต้องการทรัพยากรเพราะมันคือรากฐานของบ่มเพาะ!
โดยปราศจากทรัพยากร พวกเขาจะไม่สามารถทำสิ่งใด
การบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กครั้งนี้ของพวกเขาก็มีจุดประสงค์อยู่ที่การแสวงหาผลประโยชน์
“เอาล่ะ หยกอ่อนเหล่านี้เป็นของข้าทั้งหมด!” หลี่ซื่อจุนเลียริมผีปาก
หาดหยกอ่อนเป็นแหล่งทรัพยากรที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่โดยเผ่าไป่ซู
น่าเสียดายที่มันยังมีหยกอ่อนอยู่ไม่มาก มันยังไม่สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับหลี่ซื่อจุน
“นี่เป็นทรัพยากรที่สามที่ข้าพบ แต่พวกมันมีน้อยมาก บัดซบ! เผ่าไป่ซูช่างยากจนนัก พวกเขาพยายามเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ด้วยสิ่งเหล่านี้งั้นหรือ?” หลี่ซื่อจุนเย้ยหยัน
“โอ้ เดี๋ยว ไม่! ” เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นประกายแสงแลบลั่นอยู่บนท้องฟ้า
“บัดซบ! เหตุใดข้าถึงลืมเรื่องนี้?” เขาตบหน้าผากของตนและบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
รังอินทรีย์เหลือเพียงสามรังที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
ภูตมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนของฟางหยวนบินอยู่รอบๆเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของไป่ซูเหว่ย
ร่างจริงของฟางหยวนซ่อนอยู่ท่ามกลางพวกมัน ไม่ว่าไป่ซูเหว่ยจะสบถสาปแช่งเพียงใด เขาก็ไม่เผยตัวออกมา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น