ลำนำบุปผาพิษ 1159-1162

 บทที่ 1159 เอาใจออกห่าง 6


ตี้ฝูอีตอบอย่างเบิกบานใจ “กระหาย หิว”


กู้ซีจิ่วจึงยกโจ๊กสองชามนั้นเดินเข้าไปใกล้เขาสองสามก้าว กลั้นลมหายใจพลางขบเม้มริมฝีปากเบาๆ


ตี้ฝูอีรู้ นางคงจะได้กลิ่นที่เรียกว่า ‘กลิ่นปลาเค็มเหม็นๆ’ จากตัวเขา คาดว่าอีกเพียงก้าวก็คงต้องถอยห่างไปหลายจั้งในทันที…


ทว่ากู้ซีจิ่วกลับหยุดชะงักเพียงเล็กน้อย จากนั้นสาวเท้าเดินนำโจ๊กสองชามมาวางไว้ตรงหน้าเขา “กินสิ!”


หากตี้ฝูอีไม่รู้ว่านางกลัวกลิ่นบนตัวเขา ยามนี้คงทำตัวน่าสงสารให้นางป้อน…


ตอนนี้ช่างมันเถิด อย่าทำให้นางสะอิดสะเอียนเลย


เขาใช้มือคู่ที่ได้รับอิสระคืนนั้นยกชามกินโจ๊ก รสชาติไม่เลวทีเดียว ที่สำคัญที่สุดคือโจ๊กนี้เป็นโจ๊กที่นางยกมาให้


คนที่ฝึกฝนมาถึงขั้นนี้อย่างเขา ความจริงแล้วโดยปกติแทบไม่ต้องกินข้าวบนโลกมนุษย์เช่นนี้อีก ดังนั้นถึงแม้เขาถูกล่ามไว้ที่นี่มาหกเจ็ดวัน ก็ไม่ได้หิวสักเท่าใด


ท่าทางเขาในตอนนี้กึ่งหนึ่งคือการเสแสร้ง อีกกึ่งหนึ่งคือความจริง อย่างไรเสียตรวนสลายวิญญาณที่ตรึงเขาไว้ก็ยังคงเจ็บปวดยิ่งนัก!


กู้ซีจิ่วเห็นเขากินอย่างเอร็ดอร่อย ไม่รู้ด้วยเหตุใด ตัวเองถึงรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก


“เจ้าคงไม่ได้กินอะไรเลยกระมัง?” เธออดถามไม่ได้


ตี้ฝูอีพยักหน้า ไม่ได้ปริปากพูดอันใด


หกเจ็ดวันที่ผ่านมานี้ เขากินแค่โจ๊กเม็ดบัวชามนั้นที่ขู่เอามาได้จากโม่เจ้า แทบจะไม่พอยาไส้ เรียกว่าไม่ได้กินได้เช่นกัน


กู้ซีจิ่วยังอยากพูดคุยกับเขาอีกหน่อย อดไม่ได้ที่จะขัดจังหวะ “ข้าเห็นเจ้ามักจะนอนหลับอยู่ตลอด”


“อืม น่าเบื่อ” ตี้ฝูอีตอบกลับเธอมาหนึ่งคำในที่สุด


“เช่นนั้น เจ้าเคย…” เธอกำลังจะถามเลียบเคียงเขาว่าเคยฝันถึงเธอบ้างไหม ทว่ากลับถูกตี้ฝูอีตัดบท “ซีจิ่ว ชามนี้หมดแล้ว ส่งชามนั้นมาให้ข้าที ข้าเอื้อมไม่ถึง…”


พูดเป็นเล่นไป ภายในห้องนี้มีกล้องวงจรปิด หลงฟั่นกับโม่เจ้ามีความเป็นไปได้เกือบสิบส่วนว่ากำลังแอบมองเขาอยู่ เขาไม่อาจให้กู้ซีจิ่วถามคำถามนั้นออกมาได้


ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว เคราะห์ดีที่กู้ซีจิ่วค่อนข้างเชื่อฟัง นางปิดปากเงียบพลางส่งโจ๊กอีกชามให้เขา


ตี้ฝูอีเอ่ยโดยไม่รอให้นางถามอีก “ความเป็นจริงเช่นนี้ช่างน่าเบื่อเหลือเกิน ตอนนอนข้ายังได้หลับฝันดี หลายวันมานี้ข้าฝันดีไปตั้งหลายครา ฝันถึงการท่องเที่ยวไปในทุ่งกว้าง มวลผกาบานสะพรั่งท่ามกลางหุบเขา ฝันว่าดวลสุรากับสหาย ฝันว่าต่อสู้กับศัตรู…”


เขาพูดมาหลายอย่าง แต่ไม่มีสิ่งนั้นที่เธออยากฟัง


เมื่อรอให้เขาพูดจบ เธออดไม่ได้ถามออกมาหนึ่งคำ “ฝันดีของเจ้ามีเพียงเท่านี้หรือ? มีอย่างอื่นอีกหรือไม่?”


ตี้ฝูอีส่ายหน้า “ไม่มีแล้ว ข้าจำความฝันของข้าได้หมด ไม่มีทางผิดพลาดไป อ้อ จริงสิ เมื่อสักครู่เจ้าจะถามอะไรข้า? เคยไม่เคยอะไร?”


ดวงตาวาบไหวคู่นั้นของกู้ซีจิ่วหมองมัวลงเล็กน้อย เธอส่ายหน้า “ไม่มีอะไร”


นั่นคือความลับของเธอ ความลับของเธอกับตี้ฝูอีในฝัน เธอไม่อยากพูดกับผู้อื่น ต่อให้เป็นตี้ฝูอีในโลกแห่งความเป็นจริงก็ไม่ได้…


ช่วงเวลาที่ตี้ฝูอีกินโจ๊ก กู้ซีจิ่ววิเคราะห์ตรวนสลายวิญญาณบนตัวเขาเล็กน้อย อีกทั้งยังใช้มือสัมผัส


เธอรู้สึกขัดตาเมื่อเห็นตรวนสลายวิญญาณเหล่านี้ ปรารถนาจะปลดโซ่ตรวนให้เขายิ่งนัก แค่มองด้วยตาก็รู้ว่าตรวนนี้ซับซ้อนเหลือคณนา แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองน่าจะปลดพวกมันได้ ทว่าคงต้องใช้พละกำลังมากเสียหน่อย


ทั่วตัวเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ข้อมือเผยส่วนของเนื้อหนังที่มองเห็นบาดแผลลึกยิ่ง ช่างทิ่มแทงสายตาของเธอเหลือเกิน


น่าแปลก หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมา เห็นโม่เจ้าสังหารผู้คนกลับไม่รู้สึกอันใด ตอนนี้เมื่อเห็นบาดแผลบนตัวของตี้ฝูอี หัวใจเธอกลับเจ็บปวดสุดจะพรรณนา…


—————————————–


บทที่ 1160 เก็บตี้ฝูอีผู้นี้ไว้ไม่ได้แล้ว!


“ให้ข้าช่วยเจ้าปลดพวกมันไหม?” เธอถาม “ข้ารู้สึกว่าสิ่งนี้แค่เส้นเดียวก็สามารถตรึงเจ้าไว้ได้แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องใช้มากมายขนาดนี้ ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมาน…”


ตี้ฝูอีส่ายหน้า “ไม่จำเป็น เอาล่ะ เจ้าไปเสียเถิด ข้าจะนอนแล้ว” จากนั้นพูดส่งแขก


เขาไม่อาจทำให้นางตกอยู่ในอันตรายได้ บางทีพวกหลงฟั่นอาจแอบมองอยู่ที่ใดสักแห่ง!


กู้ซีจิ่วย่อมไม่เข้าใจความกังวลของเขา ชะงักไปเล็กน้อย ยังคงไม่ยอมลดละ “บางที ข้าอาจจะปลดได้จริงๆ…”


ตี้ฝูอีเหลือบมองนาง “เจ้าไม่กลัวจะทำให้โม่เจ้าไม่พอใจรึ? เจ้าช่วยข้าปลดตรวนเหล่านี้ เขาอาจโกรธและลงโทษเจ้าได้…”


กู้ซีจิ่วตะลึงงัน “เขาไม่มีทาง…” เธอไม่มีความมั่นใจมากพอ ถึงแม้เธอสูญเสียความทรงจำแต่ยังมีลักษณะนิสัยของตัวเองอยู่ “ข้ารู้ว่าเจ้าคือเชลยของเขา ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปหรอก ข้าเพียงรู้สึกว่าตรวนเหล่านี้มากมายเกินไป แค่เส้นเดียวก็เพียงพอแล้ว…”


ตี้ฝูอีกล่าว “เจ้าทำแบบนี้เพราะสงสารข้าหรือว่าชอบข้า?”


กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง


เธอส่งเสียงฮึ “ก็ต้องสงสารเจ้าอยู่แล้ว! ผู้ใดชอบเจ้ากัน? วันมะรืนข้าจะแต่งงานกับพี่โม่แล้ว ข้าจะได้เป็นเจ้าสาวของเขา!”


ตี้ฝูอีหลุบตาลงเล็กน้อย พูดอย่างเรียบนิ่งว่า “หากชอบข้า ข้าจะให้เจ้าลองดู แต่หากเพียงแค่สงสาร…เจ้าก็ออกไปเสียเถิด!”


กู้ซีจิ่วจ้องเขาด้วยความโกรธ ไม่พูดไม่จาก็พลันหันกายวิ่งออกไป


ตี้ฝูอีไม่ได้ลืมตาขึ้นมาแม้แต่น้อย เขารู้ดีว่าพูดเช่นนี้เป็นการทำร้ายจิตใจคน ทว่าตอนนี้เขามีแต่ต้องทำแบบนี้ ถึงจะไม่ทำให้นางได้รับบาดเจ็บอีก ถึงจะทำให้แผนการของเขาดำเนินต่อไปได้


…..


โม่เจ้านั่งอยู่ในห้องสังเกตการณ์ ตอนเห็นการโต้ตอบระหว่างตี้ฝูอีกับกู้ซีจิ่วก็เมื่อผ่านไปแล้วสองชั่วยาม


เขาเตรียมการป้องกันตี้ฝูอีรอบคอบยิ่งนัก ถึงแม้วันนี้ตี้ฝูอีจะยังไม่ลงมือทำการอันใด โม่เจ้าก็ต้องเอาภาพทั้งหมดภายในห้องคุมขังมาเล่นซ้ำอีกครั้ง เผื่อว่าตี้ฝูอีเล่นตุกติกอะไรระหว่างนี้


หากแต่ตี้ฝูอีนอนหลับแทบทั้งวัน การสังเกตการณ์เช่นนี้น่าเบื่อยิ่งนัก ดังนั้นช่วงหลังเขาจึงหัดเร่งภาพไปข้างหน้า…


เขาจัดการเรื่องคนของหลงฟั่นที่ ‘ไม่เคารพท่านเจ้า’ ทำลายห้องสังเกตการณ์ของหลงฟั่นเรียบร้อย ยามนั่งดูจอสังเกตการณ์อยู่ตรงนี้ เดิมทีครึ่งหลับครึ่งตื่น จนกระทั่งเห็นว่าจู่ๆ กู้ซีจิ่วเดินเข้าไปพูดคุยกับตี้ฝูอี เขาจึงตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง


เขาดูตั้งแต่ต้นจนจบอย่างเงียบๆ ความอึมครึมฉายผ่านดวงตา


กู้ซีจิ่วสูญเสียความทรงจำ ทว่านางไม่รังเกียจตี้ฝูอีแม้แต่น้อย อีกทั้งยังส่งข้าวและยังอยากจะปลดตรวนสลายวิญญาณนั่นให้…


หลังจากที่นางสูญเสียความทรงจำทั้งหมด นางรังเกียจผู้ชายทุกคนเว้นแต่ตัวเขาโม่เจ้า! ไม่พูดไม่จากับชายอื่น แต่กลับทำดีกับตี้ฝูอีอย่างหาได้ยาก…


ความจริง จิตใต้สำนึกของนางยังคงลืมตี้ฝูอีไม่ลงกระมัง?!


ถ้าหากให้นางใกล้ชิดกับตี้ฝูอีนานกว่านี้อีกสักนิด เกรงว่าถ่านไฟเก่าจะปะทุ…


เคราะห์ดีที่วันมะรืนจะมีพิธีวิวาห์ระหว่างตัวเองกับนางแล้ว เขาจึงไม่เกรงกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง


นิ้วมือของเขากระชับแน่น ดวงตาฉายความโหดเหี้ยม


เก็บตี้ฝูอีผู้นี้ไว้ไม่ได้แล้ว!


รอให้พิธีวิวาห์ของตัวเองผ่านพ้นไปก่อน ค่อยกำจัดเขาให้สิ้นซาก ถอนรากถอนโคน…


สายตาของเขามองไปที่กู้ซีจิ่วอีกครั้ง ก่อนหน้าที่นางจะสูญเสียความทรงจำ เขาทำให้นางไม่พอใจยิ่งนัก บัดนี้นางกลายเป็นคนใหม่ เขาพยายามสร้างความประทับใจที่ดีในใจนาง จึงไม่อยากลงโทษนางให้นางเกลียดชังอีก


รอให้เขากำจัดตี้ฝูอีให้สิ้นซากแล้วเข้าสวมรอย จิตใจของเด็กสาวคนนี้ย่อมหันกลับมามองตัวเขาโม่เจ้าแต่เพียงผู้เดียว ไม่ชายตามองชายใดอีก…


เมื่อเหลือบมองตี้ฝูอีอีกแวบหนึ่ง จิตใจก็พลันเบิกบานเมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามทนทุกข์ทรมาน ผู้หญิงที่รักที่สุดเข้าพิธีวิวาห์กับศัตรู ยังจะมีสิ่งใดรุนแรงไปกว่าการโจมตีจิตใจเช่นนี้อีก?


———————————————


บทที่ 1161 ทำได้เพียงแค่พึ่งพาเขา…


ยิ่งไปกว่านั้น หากกู้ซีจิ่วมีความรู้สึกดีต่อตี้ฝูอีมาตลอด ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องเลวร้ายสำหรับโม่เจ้า เช่นนี้เมื่อเขาสวมรอยเข้าใช้ร่างตี้ฝูอี กู้ซีจิ่วก็น่าจะยอมรับได้ เขาใช้กายเนื้อของตี้ฝูอีร่วมอภิรมย์กับนางอีกครั้งได้…


โม่เจ้าหมายตากายเนื้อของตี้ฝูอีมานานแล้ว แต่การครอบครองนั้นไม่ง่ายเลย ต้องทรมานให้ร่างกายและพลังวิญญาณของตี้ฝูอีอ่อนแอลงจนถึงที่สุด เขาถึงจะใช้การได้…


ทว่าตี้ฝูอีก็เป็นถึงร่างเทพเซียน หากเขาจะครอบครองร่างได้อย่างสมบูรณ์และออกคำสั่งได้ดังใจ อย่างน้อยต้องใช้เวลาปรับตัวสองปีขึ้นไป ดังนั้นต่อให้ตอนนี้เขาใช้ร่างโคลนนิ่งที่มีปัญหาเช่นนี้หรือเช่นนั้น เขาก็ไม่ค่อยขัดใจเสียเท่าใด…


ความคิดที่เขาจะเข้าสวมรอยใช้กายเนื้อของตี้ฝูอีเป็นความลับ ความคิดนี้เกิดขึ้นภายในใจของเขาเท่านั้น แม้แต่หลงฟั่นก็ไม่รู้


เขาก้มลงมองร่างกายของตนเอง มุมปากกระตุกยิ้มเย้ยหยัน


ข้อบกพร่องของร่างโคลนนิ่งนี้เกรงว่าหลงฟั่นจะจงใจทำขึ้นมา เพื่อให้เขาไปจากหลงฟั่นไม่ได้ ทำได้เพียงแค่พึ่งพาตนเท่านั้น…


……


ยามพลบค่ำ พวกหมอที่โม่เจ้าส่งออกไปเก็บสมุนไพรกลับมาถึงในที่สุด ทำภารกิจได้อย่างสำเร็จราบรื่น เก็บสมุนไพรที่โม่เจ้าสั่งมาได้ทั้งสามชนิด


โม่เจ้าเกิดความรู้สึกคับข้องใจต่อหลงฟั่น ย่อมไม่ประสงค์ให้หลงฟั่นหลอมโอสถที่สำคัญเยี่ยงนี้ เคราะห์ดีที่หมอคนนั้นก็เป็นปรมาจารย์การหลอมโอสถ เป็นลูกมือของหลงฟั่นภายในวังใต้พิภพแห่งนี้อยู่บ่อยครั้ง


อาจเพราะเป็นคู่แข่งร่วมอาชีพ โดยปกติความสัมพันธ์ของหมอคนนี้กับหลงฟั่นก็ไม่นับว่าดีเท่าใดนัก คอยขัดแข้งขัดขากันตลอด


เวลานี้ ไม่ง่ายเลยที่โม่เจ้าจะเห็นความสำคัญเขา เขาย่อมต้องฉกฉวยโอกาสเลียแข้งเลียขาครั้งนี้เอาไว้ ทำดีต่อหน้า อาสาหลอมโอสถให้โม่เจ้า


โม่เจ้าย่อมยินดีเป็นที่สุด ตบบ่าของอีกฝ่ายเพื่อแสดงออกถึงความเชื่อมั่นและให้ความสำคัญ


การกระทำเช่นนี้ของเขาทำให้หมอคนนี้น้ำตาเอ่อคลอ ลืมความเหนื่อยล้าจากการเก็บสมุนไพรมาทั้งวัน เปิดเตาหลอมโอสถในห้องของตัวเองทันที


โม่เจ้ามองดูอยู่ตรงนั้นอย่างใจเย็น


ทักษะการหลอมโอสถของหมอคนนั้นไม่ธรรมดาเลย เตาแรกก็หลอมโอสถระดับสามออกมาได้ถึงสองเม็ด


โอสถระดับสามของยาชนิดนี้ก็มีฤทธิ์ในด้านนั้น


หมอคนนั้นมอบโอสถสองเม็ดให้แก่โม่เจ้าด้วยความเคารพ โม่เจ้าหยิบขึ้นมาหนึ่งเม็ด และยื่นไปที่ริมฝีปากของหมอคนนั้น “หลีส่วง ลำบากเจ้าแล้ว ยาเม็ดนี้คือรางวัลของเจ้า”


หมอคนนั้นตกตะลึงเล็กน้อย เขารู้ว่าท่านเจ้ายังไม่วางใจ หมายมั่นให้เขาทดลองยา ดังนั้นเขาจึงกล่าวคำขอบคุณ แล้วกลืนกินยาเม็ดนั้นอย่างไม่ลังเลใจ ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ยาเริ่มออกฤทธิ์ หมอคนนั้นตั้งชันเป็นเสาค้ำฟ้า ตรงเป้ากางเกงตั้งขึ้นมาเป็นกระโจมอันน้อย


โม่เจ้าเหลือบมอง ‘กระโจม’ ของอีกฝ่าย มองใบหน้าหล่อเหลาที่แดงระเรื่ออย่างมีสุขภาพดี ในที่สุดก็วางใจ กลับไปห้องตัวเอง แล้วกินยาอีกเม็ดลงไป


ผลลัพธ์คือเมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดส่วนนั้นของเขาเริ่มมีอาการร้อนรุ่ม ดูเหมือนจะคึกคักขึ้นมาเล็กน้อย…


เห็นได้ชัดว่ายานี้ออกฤทธิ์เห็นผล


ถึงแม้จะไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ทว่าดีหรือร้ายก็คือใช้การได้แล้ว!


เขากินยาของหลงฟั่นตั้งมากมายขนาดนั้นก็ไม่อาจบรรลุผลสำเร็จถึงขั้นนี้ได้!


นี่เป็นแค่โอสถระดับสาม หากหลอมระดับห้าระดับหกออกมาได้ บางทีโรคแอบแฝงของเขาอาจรักษาให้หายขาดได้! บางทีห้องหอวันมะรืนอาจไม่ทำให้เขาเสียเวลาเปล่าแล้วกระมัง!


เขาเรียกตัวหมอคนนั้นมาทันที สั่งให้หลอมโอสถต่อไป


หมอคนนั้นย่อมตกปากรับคำ เพียงแต่เตาหลอมโอสถของเขาไม่ค่อยดีนัก สามารถหลอมโอสถได้สูงสุดเพียงระดับห้า  อีกทั้งหากหลอมร้อยเตาอาจจะได้โอสถระดับห้าแค่เพียงเม็ดเดียว…


——————————————————-


บทที่ 1162 แคลงใจ


เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสสำเร็จในการหลอมโอสถ โม่เจ้าจึงไปยืมเตาหลอมโอสถจากหลงฟั่นมา


เขากลับไม่อยากพูดความจริงกับหลงฟั่น เพียงบอกว่าตนเองต้องการดูสิ่งนี้ และลองเรียนรู้ทักษะการหลอมโอสถ


ตอนนี้หลงฟั่นยังคงขุ่นเคืองในใจ ไม่ต้องการสนใจเรื่องของโม่เจ้าในตอนนี้


แน่นอน ยามนี้เขายิ่งไม่อยากมีปัญหาขัดแย้งกับโม่เจ้า ดังนั้นจึงให้โม่เจ้ายืมเตาหลอมโอสถขั้นเก้าของตัวเองไปโดยไม่ได้ถามไถ่อะไรเลย


โม่เจ้าเองก็ใจร้อนดั่งไฟ หากบอกว่าการสร้างร่างกายที่ไร้สมรรถภาพให้เขาเป็นเหตุบังเอิญ เกิดความผิดพลาดเล็กน้อย เช่นนั้นต่อมาแม้แต่หมอลูกสมุนคนนั้นยังหลอมลูกกลอนสามหยางที่หลงฟั่นไม่ทำให้เขาได้…


เขาไม่เชื่อว่าหลงฟั่นจะไม่รู้วิธีการหลอม ‘ลูกกลอนสามหยาง’ นี้!


ทั้งที่ลูกกลอนสามหยางใช้การได้ดียิ่งนัก หลงฟั่นผู้นี้กลับหลอมโอสถที่ไร้ประโยชน์มากมายก่ายกองให้เขา…


โม่เจ้านำเตาหลอมโอสถขั้นเก้าให้กับหมอหลี่ที่ช่วงนี้แสดงความจงรักภักดีต่อเขามากที่สุด หมอหลี่พร่ำรำพันซาบซึ้งในบุญคุณ และเปิดเตาหลอมโอสถทันใด


โม่เจ้ายังคงอยู่ด้านข้างมองเขาหลอมโอสถเพื่อความมั่นใจ ระยะเวลาการหลอมในครั้งนี้ค่อนข้างนาน โม่เจ้าใช้โอกาสที่เขาไม่ยุ่งพูดคุยด้วยสองสามประโยค


หมอหลี่ผู้นี้กลับเป็นคนพูดน้อย โม่เจ้าถามหนึ่งคำ เขาก็ตอบกลับหนึ่งคำด้วยความเคารพ ไม่เคยพูดจาเหลวไหล


โม่เจ้ารู้จากคำบอกเล่าของเขาว่า หมอหลี่ผู้นี้เคยเป็นศิษย์ของสำนักถามสวรรค์ เดิมทีมีอนาคตไกล แต่เนื่องจากครั้งหนึ่งพลั้งมือสังหารศิษย์พี่ด้วยความโมโห จึงถูกขับไล่ออกจากสำนักถามสวรรค์ ระเหเร่ร่อนไปทั่วทั้งทวีปมาตลอด


ต่อมาหลงฟั่นรับเขาเข้ามาทำงานให้ ทว่าหลงฟั่นกลับไม่ได้ให้ความสำคัญ งานที่หลงฟั่นให้เขาทำล้วนเป็นงานทั่วไปที่ไม่ได้ใช้ความสามารถ ในฐานทดลองก่อนหน้านี้ เขาเคยทุ่มเทพละกำลังของตนเพื่อสร้างกู่ผีดิบให้หลงฟั่น…


หัวใจโม่เจ้าพลันสั่นไหว เอ่ยถามว่า “คราวก่อน ฐานลับนั้นมีเครื่องมือพิฆาตมากมายขนาดนั้น เหตุใดจึงให้ศิษย์น้องหลายคนถูกจับไปได้?”


หมอหลี่ชะงักงัน เหมือนจะพูดแต่หยุดไว้


โม่เจ้าทำให้เขาจิตใจสงบลง “เจ้าว่ามา ไม่เป็นไรหรอก”


“เรียนท่านเจ้า เรื่องครั้งนั้นเป็นปมในใจของข้าน้อย ศิษย์น้องพวกนั้นถูกค่ายกลภายในฐานกักขังไว้ ดูเหมือนจะไม่รอด ต่อมาแม่นางกู้บุกเข้ามา ผู้อาวุโสหลงลงมืออย่างอดไม่ได้ พลาดโอกาสทองไปมากมาย อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้พวกเขาอีก…ยังมีครั้งก่อนหน้า ผู้อาวุโสหลงเคยเข้าใช้ร่างมนุษย์พูดคุยกับอวิ๋นชิงหลัว หลงฟั่นเคยบอกอวิ๋นชิงหลัวด้วยตัวเองว่าเขาชอบสตรีอีกคนหนึ่ง ส่วนอวิ๋นชิงหลัวเป็นเพียงกลอุบายไว้ควบคุม…ข้าน้อยรู้สึกว่า สตรีที่เขาชอบอาจจะเป็น…”


โม่เจ้าตัดบทเขา “อย่าพูดจาเหลวไหล! แม่นางกู้เป็นลูกสาวเขา เขาจะมีความรู้สึกแบบนั้นกับนางได้อย่างไร?!”


หมอหลี่รีบหยุดคำพูด กล่าวขออภัย “ขอรับ ขอรับ ผู้อาวุโสหลงคงมีความรู้สึกฉันท์พ่อลูกกับแม่นางกู้ ผู้หญิงที่เขาชอบอาจยังมีคนอื่นก็เป็นได้ อาจเป็นการกระจายข่าวลือไปแบบผิดๆ เท่านั้นกระมัง…”


หัวข้อสนทนานี้จบลงแต่เพียงเท่านี้ หมอหลี่ไม่ปริปากกล่าวอันใดอีก


โม่เจ้าก็นิ่งเงียบ ทว่าในใจกลับมีข้อสงสัยมากขึ้น


เป็นไปได้หรือไม่ว่าหลงฟั่นจะชอบกู้ซีจิ่วเช่นกัน ถึงได้จงใจทำให้เขาเสื่อมสมรรถภาพ?


หากเป็นเช่นนั้น ความจงรักภักดีที่หลงฟั่นมีต่อตัวเขาท่านเจ้าผู้นี้คงย่อหย่อนไปมิน้อยแล้ว!


ไม่ง่ายเลยกว่าจะหลอมโอสถระดับห้านี้ได้ หมอหลี่ผู้นั้นหลอมโอสถระดับห้าเสียไปถึงสามเตากว่าจะหลอมได้หนึ่งเม็ด อีกทั้งในเตาเดียวกัน ยังมีโอสถระดับสามติดมาด้วยอีกสองเม็ด


โม่เจ้ายังคงแคลงใจไม่น้อย จึงให้หมอหลี่กินโอสถระดับสามเหมือนเดิม หลังจากมั่นใจว่าไม่เป็นอันตรายจึงรับโอสถระดับสามอีกเม็ดกับโอสถระดับห้ามา ก่อนกำชับให้หมอหลี่หลอมโอสถต่อไปห้ามหยุด ส่วนตัวเขาก็จากไป


——————————————————-

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)