เทพปีศาจหวนคืน 1158-1162
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1158 เมืองจิ๋ว
แปลโดย iPAT
เมืองจิ๋วถูกกล่าวถึงในตำนานมนุษย์คนแรก
ตำนานกล่าวว่า
วันหนึ่งบุตรสาวคนที่สี่ของมนุษย์คนแรกเสิ้นไห่หลุนฮุ้ยที่ติดอยู่ในเหวธรรมดาบังเอิญพบมนุษย์จิ๋วผู้หนึ่ง
มนุษย์จิ๋วกำลังร้องไห้ เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยถามมนุษย์จิ๋วว่าเขาร้องไห้เพราะเหตุใด
มนุษย์จิ่วกล่าวขณะร้องไห้ “ข้าสูงที่สุดในเผ่า ข้าภูมิใจกับเรื่องนี้ วันนี้ข้าออกมาปีนเขาแต่ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะพบบางคนอยู่ที่ภูเขาแห่งนี้ มีคนยักษ์เช่นเจ้าอยู่บนโลกใบนี้จริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเคยพบเห็นมนุษย์เช่นเจ้า ดังนั้นข้าจึงร้องไห้”
หลังจากนั้นเสิ้นไห่หลุนฮุ้ยกับมนุษย์จิ๋วผู้นี้จึงกลายเป็นสหายที่ดีและไม่เคยแยกจากกัน
“มนุษย์จิ๋ว เจ้าอยู่ที่ใด เจ้าไม่มีพี่น้องงั้นหรือ? เหตุใดข้าไม่เคยเห็นครอบครัวของเจ้าเลย?” เส้นไห่หลุนฮุ้ยถามมนุษย์จิ๋ว
มนุษย์จิ๋วนำเสิ้นไห่หลุนฮุ่ยไปที่บ่อน้ำและกล่าว “ดูบ่อนี้นี้สิ บ้านเดิมของข้าอยู่ด้านใน”
เส้นไห่หลุนฮุ้ยยื่นศีรษะออกไปเพื่อมองสิ่งที่อยู่ในบ่อน้ำ
จากนั้นนางจึงตะโกนว่า “อา…มีมนุษย์จิ๋วมากมาย”
นางเห็นมนุษย์จิ๋วจำนวนนับไม่ถ้วนอาศัยอยู่ในบ่อน้ำ
มันเป็นเมืองที่สงบสุข
แต่ในจังหวะนี้มนุษย์จิ๋วในเมืองกลับส่งเสียงกรีดร้อง
“เหตุใดท้องฟ้าถึงมืดเช่นนี้ มันเป็นเวลากลางคืนแล้วงั้นหรือ?”
“มีเสียงฟ้าร้องแต่ไม่มีฝนไม่มีฟ้าผ่า!”
มนุษย์จิ๋วในเมืองตกลงสู่ความสับสนวุ่นวาย
“ครอบครัวของเจ้าอยู่ที่นี่ เหตุใดเจ้าถึงออกมานอกบ่อ? เจ้าไม่อยากอยู่กับพวกเขางั้นหรือ?” เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยถาม
มนุษย์จิ๋วส่ายศีรษะ “พวกเขาเนรเทศข้า พวกเขาคิดว่าข้าเป็นสัตว์ประหลาด”
“โอ้ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?” เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยอยากรู้อยากเห็น
มนุษย์จิ๋ซตอบด้วยความโศกเศร้า “ข้าบอกพวกเขาว่าโลกที่พวกเราอาศัยอยู่ในบ่อน้ำเล็กๆและมีโลกใบใหญ่อยู่ด้านนอก แต่พวกเขาไม่เชื่อข้า พวกเขาบอกให้ข้าหยุดกล่าวเรื่องไร้สาระ”
“ข้ายังบอกพวกเขาด้วยว่าภูเขาที่อยู่นอกเมืองของพวกเราเป็นเพียงเนินดินเล็กๆ แต่พวกเขาไม่เชื่อข้าและคิดว่ามันเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในโลก พวกเขาบอกให้ข้าหยุดพูดโกหก”
“ภูเขาลูกใด?” เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยถาม
“ภูเขาน้อยลูกนั้น” มนุษย์จิ๋วชี้นิ้วออกไป
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยหัวเราะคิกคัก “มันสามารถเรียกว่าภูเขางั้นหรือ? มันยังเล็กกว่าฝ่ามือข้า!”
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยปรบมือ “เช่นนั้นให้ข้าบอกความจริงกับพวกเขา”
มนุษย์จิ๋วส่ายศีรษะ “ไร้ประโยชน์”
เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยไม่เชื่อ นางตะโกนออกไปและทำให้มนุษย์จิ๋วในบ่อน้ำตกใจมาก
พวกเขารู้สึกว่าวันนี้แปลกประหลาดเกินไป
ท้องฟ้าไม่เพียงมืดลงแต่ยังมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นและดังขึ้นเรื่อยๆ
“สวรรค์กำลังโกรธเกรี้ยว ข้ากลับใจแล้ว ข้าขอสารภาพผิด!”
“ไม่ มันเป็นสัตว์ประหลาด สัตว์ประหลาดกินสวรรค์ ตอนนี้มันกำลังเรอ!”
“ช่วยด้วย! โลกใบนี้กำลังจะพังทลาย!”
มนุษย์จิ๋วบางคนคุกเข่าลงบนพื้นและอ้อนวอน บางคนสิ้นหวัง ขณะที่บางคนวิ่งไปรอบๆอย่างบ้าคลั่ง
ลมหายใจของเสิ้นไห่หลุนฮุ้ยทำให้เกิดพายุกรรโชกแรงขึ้นในบ่อน้ำ
น้ำลายของนางทำให้เกิดพายุฝนขนาดใหญ่
คำกล่าวของนางเหมือนเสียงฟ้าร้องและทำให้มนุษย์จิ๋วรู้สึกปวดแก้วหู
ในที่สุดเสิ้นไห่หลุนฮุ้ยก็ยอมแพ้ นางนอนแผ่หราอยู่ข้างบ่อน้ำและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “เหตุใดมนุษย์จิ๋วเหล่านี้ช่างโง่เขลานัก? เหตุใดพวกเขาไม่ออกมาจากบ่อน้ำและมองดูโลกกว้างเหมือนเจ้า?”
มนุษย์จิ๋วสายศีรษะและถอนหายใจ “พวกเขาคิดว่าตนเองใหญ่โตมาก พวกเขาคิดว่าโลกของพวกเขามีเพียงเท่านั้น”
“แล้วเหตุใดเจ้าถึงปีนออกมา?” เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
มนุษย์จิ๋วเผยรอยยิ้มขมขื่น “เพราะข้าตระหนักว่าตนเองเล็กและไร้นัยสำคัญเพียงใด ดังนั้นข้าจึงออกมาและต้องการเห็นว่าโลกใบนี้กว้างใหญ่เพียงใด”
…..
ฟางหยวนเดินเป็นวงกลมรอบบ่อน้ำ
นี่เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพเช่นเดียวกับภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโป
เพื่อจัดการฟางหยวน อิงอู๋เซี่ยวางกับดักโดยใช้เมืองจิ๋ว แต่ฟางหยวนได้รับข้อมูลนี้มาจากหลิวชิงหยูและสามารถใช้ประโยชน์จากมันในการกำจัดผู้อมตะของทะเลตะวันออก
เป็นเช่นที่ตำนานกล่าวไว้ ลมหายใจของเสิ้นไห่หลุนฮุ้ยกลายเป็นพายุกรรโชกแรงขณะที่น้ำลายกลายเป็นพายุฝน
ฟางหยวนอยู่นอกบ่อน้ำและใช้ท่าไม้ตายอมตะทำให้พลังอำนาจของมันเพิ่มขึ้นหลายร้อยหรือหลายพันเท่าเมื่อมันปรากฏขึ้นในบ่อน้ำ
แต่ฟางหยวนยังต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล
เขาต้องใช้พลังงานอมตะมากขึ้นหลายสิบหรือหลายร้อยเท่า!
แม้ฟางหยวนจะใช้กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนเพียงสามครั้งแต่ค่าใช้จ่ายของมันใกล้เคียงกับการใช้งานหนึ่งร้อยครั้ง
หากบางคนเข้าไปในเมืองจิ๋วโดยปราศจากความเข้าใจ พวกเขาจะติดอยู่ในกับดัก หากพวกเขาตระหนักถึงสถานการณ์ของตนเองและรู้ว่านี่คือเมืองจิ๋ว พวกเขาจะสามารถหลบหนี
ตำนานกล่าวว่าเมื่อมนุษย์จิ๋วตระหนักถึงความเล็กและไร้นัยสำคัญของตนเอง เขาจึงต้องการเห็นโลกภายนอกและสามารถปีนออกมาได้สำเร็จ
อาจกล่าวได้ว่าการออกจากเมืองจิ๋วทั้งยากและง่าย
แน่นอนว่าอิงอู๋เซี่ยไม่ได้คิดว่าเมืองจิ๋วจะสามารถกำจัดฟางหยวน
ประการแรก เขาไม่ต้องการสังหารฟางหยวน
ประการที่สอง ฟางหยวนจะตระหนักถึงความจริงอย่างรวดเร็วและสามารถใช้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดหลบหนีออกมา
อิงอู๋เซี่ยใช้เมืองจิ๋วเพื่อขัดขวางฟางหยวนเท่านั้นแต่ไม่ได้ใช้มันเพื่อสังหารฟางหยวน
ด้านฟางหยวน เขาต้องการยึดครองเมืองนี้
แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพจะช่วยพัฒนามิติช่องว่างของเขาได้เป็นอย่างดี
วิญญาณอมตะยกภูเขา!
ฟางหยวนพยายาม
แต่เมืองจิ๋วสั่นสะเทือนขึ้นเพียงเล็กน้อย
วิญญาณอมตะยกภูเขาสามารถยกภูเขาแต่เมืองจิ๋วไม่ใช่ภูเขา แม้มันจะอยู่บนพื้นและต้องการปราณพิภพเช่นเดียวกันก็ตาม
กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน!
ฟางหยวนพยายามเป็นครั้งที่สอง
อย่างไรก็ตามเมื่อกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนเข้าใกล้เมืองจิ๋ว มันกลับหดตัวลงอย่างรวดเร็วก่อนหายไปในเวลาไม่กี่ลมหายใจ
“ดูเหมือนนิกายเงาจะสามารถควบคุมเมืองจิ๋วแต่พวกเขาก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายเช่นกัน”
ฟางหยวนทดลองอีกสองสามครั้งแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ความพยายามที่ดีที่สุดคือครั้งแรก วิญญาณอมตะยกภูเขาทำให้เมืองจิ๋วสั่นสะเทือนเล็กน้อย
“ในกรณีนี้วิญญาณอมตะยกภูเขามีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่วิญญาณอมตะยกภูเขาเพียงดวงเดียวยังไม่เพียงพอ ข้าต้องคิดค้นท่าไม้ตายอมตะหากต้องการย้ายเมืองจิ๋ว”
เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนตัดสินใจทิ้งมันไว้ก่อน
เขาเข้าไปในบ่อน้ำ ร่างกายของเขาหดเล็กลงเมื่อเข้าไปในเมืองจิ๋ว
ปล้นสะดมสนามรบ!
มีเพียงเจาลี่และถังซ่งที่เหลือซากศพที่สมบูรณ์เอาไว้ ฟางหยวนนำพวกมันเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
สำหรับผู้อมตะคนอื่นๆ พวกเขากลายเป็นเศษเนื้อไปแล้ว
ปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดติงฉีระเบิดตัวเองแต่มิติช่องว่างของเขาถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
นอกจากเขา ผู้อมตะคนอื่นๆก็ทิ้งมิติช่องว่างเอาไว้เช่นกัน
ในไม่ช้าปราณสวรรค์พิภพในบ่อน้ำก็เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ก่อนที่แดนศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากจะก่อตัวขึ้น
ฟางหยวนใช้เวลาส่วนใหญ่เข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้และสำรวจพวกมัน
ลืมเรื่องวิญญาณอมตะไปได้เลย
แต่ผู้อมตะของทะเลตะวันออกล้วนมั่งคั่งด้วยทรัพยากรเว้นเพียงปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดติงฉี
แม้ทรัพยากรส่วนใหญ่ของติงฉีจะถูกทำลายไปแล้ว แต่ความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือดของฟางหยวนอนุญาตให้เขากลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของติงฉี
ท่ามกลางแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ บางแห่งมีจิตวิญญาณแผ่นดินแต่บางแห่งไม่มี
แดนศักดิ์สิทธิ์ที่ปราศจากจิตวิญญาณแผ่นดิน ฟางหยวนนำทรัพยากรออกไปทั้งหมด
แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องยากที่จะปล้นสะดมทรัพยากรของแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีจิตวิญญาณแผ่นดิน แต่นั่นเป็นเพียงผลประโยชน์ระยะสั้น ไม่ใช่ผลประโยชน์ระยะยาว
ฟางหยวนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และตัดสินใจไม่ใช้กำลัง
หลังจากอยู่ในบ่อน้ำชั่วระยะเวลาหนึ่ง เขาออกมาและเริ่มดัดแปลงฟองอากาศใบนี้
ฟองอากาศใบนี้มีทะเลและเกาะอยู่ภายใน ด้วยการจัดเตรียมของอิงอู๋เซี่ย คนนอกจะตกลงสู่บ่อน้ำทันทีเมื่อพวกเขาเข้าไป
แต่ฟางหยวนได้รับข้อมูลมาจากหลิวชิงหยู เขาไม่ได้ตกลงสู่กับดักและยังสามารถใช้ประโยชน์จากมัน
หากอิงอู๋เซี่ยรู้ว่าแผนการของเขาไม่เพียงล้มเหลวแต่มันยังช่วยเหลือฟางหยวน เขาอาจกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ
ฟางหยวนเพิ่มวิธีการบางอย่างเข้าไปเพื่อซ่อนฟองอากาศใบนี้เอาไว้
จากนั้นเขายังย้ายตำแหน่งของฟองอากาศใบนี้
ในความเป็นจริงอิงอู๋เซี่ยเคยทำสิ่งเดียวกันนี้มาก่อนหน้า
ฟองอากาศใบนี้กับเมืองจิ๋วไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกเริ่ม อิงอู๋เซี่ยต้องการวางกับดับฟางหยวน ดังนั้เขาจึงทุ่มเทความพยายามเพื่อย้ายฟองอากาศใบนี้มาที่นี่
ท่ามกลางกระแสน้ำไหลเชี่ยว ฟางหยวนไม่สามารถควบคุมทิศทางและถูกพัดไปตามกระแส
โชคดีที่เขามีหอยนางรมห้องลับ เขาสามารถพักผ่อนอยู่ภายใน
ฟางหยวนนำฟองอากาศย้ายไปยังกระแสน้ำสายอื่น
กล่าวได้ว่าเขาทุ่มเททั้งเวลาและความพยายามมากกว่าอิงอู๋เซี่ยนับสิบเท่า
หลังจากเสร็จสิ้น ฟางหยวนเดินทางต่อไปยังฐานทัพของอิงอู๋เซี่ย
ที่นั่นเป็นเกาะที่อยู่ในฟองอากาศใบหนึ่ง
ฟางหยวนเข้าไปใต้ดินแต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะของนิกายเงาและค่ายกลวิญญาณต่างๆหายไปแล้ว
สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาที่เคยอยู่ที่นี่ก็หายไปเช่นกัน
นี่เป็นลักษณะพิเศษของทะเลไหลเชี่ยว กระแสน้ำทุกสายจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
“แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะตีสนิทเมี่ยวหมิงเฉิน” หลังกล่าวจบคำฟางหยวนส่งวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งข้อมูลไปยังสวรรค์สีเหลืองทันที
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1159 การพัฒนามิติช่องว่างจักรพรรดิ
แปลโดย iPAT
หลายวันต่อมา ฟางหยวนรอให้ผู้อมตะฮวาตี้มาถึง
“พบร่องรอยของสายธารแห่งกาลเวลาในที่สุด!” ผู้อมตะฮวาตี้ตรวจสอบและรู้สึกดีใจมาก ด้วยเบาะแสนี้นางจะสามารถค้นหาเบาะแสต่อไป
“ชูอิง พวกเราทำให้ท่านลำบากจริงๆ ผู้ใดจะคิดว่าท่านจะพบสายธารแห่งกาลเวลาที่นี่ เราค้นหามานานหลายสิบปีแต่ไม่เคยพบเบาะแสใดๆที่เป็นประโยชน์” ผู้อมตะฮวาตี้รู้สึกตื่นเต้นมากและต้องการติดต่อเมี่ยวหมิงเฉินทันที
“เชิญค้นหาเบาะแสต่อไป ข้าไม่ต้องการค่าตอบแทนใดๆ ข้าหวังเพียงว่าข้าจะสามารถขอความช่วยเหลือจากท่านเมี่ยวหมิงเฉินในอนาคต ขอตัวก่อน”
ฟางหยวนแสดงออกด้วยความเข้าใจและใจกว้าง นี่ทำให้ผู้อมตะฮวาตี้รู้สึกประทับใจในตัวเขา
ก่อนออกเดินทาง นางเตือนอีกครั้ง “ระวังปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดติงฉีด้วย เขาปรากฏตัวขึ้นไม่นานมานี้และต่อสู้กับกลุ่มของเจาลี่ หากท่านพบพวกเขา ท่านควรหลีกเลี่ยงและไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
“ขอบคุณเทพธิดา ข้าจะจดจำคำแนะนำของท่านเอาไว้” ฟางหยวนแสดงออกด้วยความสำนึกขอบคุณ
แน่นอนว่าผู้อมตะฮวาตี้ย่อมไม่คิดว่าคนที่นางเอ่ยปากเตือนจะเป็นฆาตกรที่สังหารติงฉี เจาลี่ ถังซ่ง และผู้อมตะคนอื่นๆ แต่ในทะเลไหลเชี่ยว หากกลุ่มคนเหล่านี้จะสูญหายไป มันก็ถือเป็นเรื่องปกติ
ครึ่งเดือนต่อมา
ฟางหยวนกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
ในการเดินทางสู่ทะเลตะวันออกครั้งนี้แม้เขาจะไม่บรรลุเป้าหมายแต่เขาก็ได้รับผลประโยชน์มากมาย
ในห้องลับของเมืองเมฆา ฟางหยวนนั่งปิดเปลือกตาและส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
มิติช่องว่างจักรพรรดิเปลี่ยนแปลงไปมาก ในอดีตมันทั้งแห้งแล้งและว่างเปล่า แต่ตอนนี้มันมีทรัพยากรอยู่มากมาย โดยรวมแล้วมันไม่ว่างเปล่าและดูรกร้างอีกต่อไป
ในความเป็นจริงทรัพยากรทั้งหมดที่ฟางหยวนรวบรวมมาได้ไม่สามารถเก็บไว้ในมิติช่องว่างของผู้อมตะทั่วไป
แต่มิติช่องว่างจักรพรรดิมีขนาดใหญ่โตเกินไป หลังจากวางทรัพยากรเหล่านี้ มันยังเหลือที่ว่างอีกมาก
พื้นที่ครึ่งหนึ่งของภาคเหนือน้อยปกคลุมไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง อีกครึ่งหนึ่งเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวที่อุดมสมบูรณ์ ฟางหยวนวางสัตว์อสูรเดียวดายไว้ที่นี่สองสามตัวเช่นแกะเขาเดี่ยวและหมาป่าครีบฉลาม
ภาคตะวันตกน้อยมีอสรพิษเพลิงเดียวดายอยู่สิบเอ็ดตัว เนื่องจากเวลาของมิติช่องว่างจักรพรรดิเดินเร็วมาก ฝูงอสรพิษเพลิงจึงเติบโตและขยายเผ่าพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
ภาคตะวันออกน้อยมีทะเลสาบหลายแห่ง มีฝูงปลามังกร ปลาฟองอากาศ ปลาคาร์พศิลปิน และอื่นๆอยู่ที่นี่ ทรัพยากรส่วนใหญ่ที่ฟางหยวนได้รับมาจากการสังหารผู้อมตะของทะเลตะวันออกถูกวางไว้ที่นี่เช่นกัน แม้พวกมันจะไม่ใช่สมบัติล้ำค่า แต่ด้วยปริมาณ มันจึงทำให้พื้นที่บริเวณนี้พัฒนาไปมาก
ภาคกลางน้อยมีป่าต้นหลิวกระจกที่ฟางหยวนนำมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู นอกจากนี้ยังมีป่าเห็ดหลินจือโลหิตขนาดใหญ่อยู่ใต้ดิน
ภาคใต้น้อยถือเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุด มันเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
ทรัพยากส่วนใหญ่มาจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
อย่างไรก็ตามภาคใต้น้อยยังไม่เต็ม
ที่นี่มีป่าต้นไม้ดนตรี แม่น้ำชา วิหคปราณมรณะ
มีภูเขานับร้อยลูก ท่ามกลางภูเขาเหล่านี้ภูเขาที่สูงที่สุดคือภูเขาแสงห้าสี ตามมาด้วยภูเขามรดกอมตะ
ทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของภาคใต้น้อยคือฝูงแมงมุมหน้าคนที่เติบโตขึ้นหลายเท่าจากก่อนหน้า
นอกจากห้าภูมิภาคยังมีเก้าสวรรค์
บนสวรรค์สีส้มน้อยมีแสงแรกกำเนิด พวกมันเป็นผลผลิตจากผลไม้ธารแสง
บนสวรรค์สีเหลืองน้อยมีแม่น้ำทองคำ มันไม่ใหญ่โตแต่ยังดีกว่าไม่มีสิ่งใด
บนสวรรค์สีฟ้าน้อยมีหมอกสีฟ้าที่เกิดจากเม็ดยาสีฟ้า มันยังมีสระน้ำที่ใช้เก็บคริสตัลสวรรค์
บนสวรรค์สีน้ำเงินน้อย มีกลุ่มเมฆหมอกลอยอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าสะเก็ดดาวและป่าไผ่ลูกศร มันเป็นสถานที่ผลิตวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งดวงดาวให้กับฟางหยวน นอกจากนี้ยังมีสัตว์อสูรบรรพกาลสุนัขดาวตกเพลิงวัยเยาว์จากไท่ชิวอาศัยอยู่ที่นี่
บนสวรรค์สีม่วงน้อย รังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์ถูกอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกินไปหมดแล้วและเหลือเพียงไข่อินทรีย์ทิ้งไว้เบื้องหลัง มีคริสตัลสวรรค์ที่ฟางหยวนใช้แต้มผลงานแลกเปลี่ยนมาจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเก็บไว้เล็กน้อย
บนสวรรค์สีดำน้อยมีต้นไม้กินเนื้ออาศัยอยู่
บนสวรรค์สีขาวน้อยมีสุนัขสวรรค์สามตัวและฝูงสุนัขอินทรีย์อีกจำนวนหนึ่ง มันยังมีทุ่งจักรพรรดิบุปผาหลากสีที่ช่วยพัฒนาระบบนิเวศ เนื่องจากก่อนหน้านี้ฟางหยวนเคยสังหารผู้อมตะบนเส้นทางแห่งแสงมาบ้าง ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งแสงในมิติช่องว่างจักรพรรดิจึงเพิ่มสูงขึ้นและทำให้ที่นี่สว่างไสวมากขึ้น
“โชคไม่ดีที่ข้าไม่สามารถนำเมืองจิ๋วเข้ามาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ”
ฟางหยวนรู้สึกเสียดายมาก
แม้เมืองจิ๋วจะเสียหายอย่างหนัก แต่ฟางหยวนสามารถใช้วิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้าเพื่อฟื้นฟูมัน
อาคารบ้านเรือนอาจไม่สามารถซ่อมแซมแต่ภูเขาน้อยสามารถกู้คืนได้อย่างแน่นอน
ภูเขาน้อยในตำนานถูกทำลายไปพร้อมกับเทพธิดาหลี่ซานที่ภูเขาอี้เทียน อย่างไรก็ตามฟางหยวนมีวิธีกู้คืนมัน
หลังจากทั้งหมดภูเขาน้อยเป็นส่วนหนึ่งของเมืองจิ๋ว
“หากข้าสามารถครอบครองเมืองจิ๋ว ข้าจะเลี้ยงมนุษย์กลายพันธุ์ไว้ที่นั่น น่าเสียดาย…”
มีสามขั้นตอนในการพัฒนามิติช่องว่างอมตะ
ขั้นตอนแรกคือสร้างแห่งทรัยากรเพื่อเป็นอาหารให้กับวิญญาณอมตะ
ขั้นตอนที่สองคือสร้างแหล่งรายได้เพื่อการค้าขายแลกเปลี่ยน
ขั้นตอนสุดท้ายคือเลี้ยงมนุษย์กลายพันธุ์หรือกระทั่งมนุษย์ สิ่งนี้มีความสำคัญและมีประโยชน์อย่างมากต่อผู้อมตะ
ตัวอย่างเช่นก่อนหน้านี้ฟางหยวนซื้อทาสมนุษย์ขนเลี้ยงไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูและให้ทาสมนุษย์ขนหลอมรวมวิญญาณให้กับเขา สิ่งนี้ช่วยให้เขาประหยัดเวลาและความพยายามไปได้มาก
ท่ามกลางมนุษย์กลายพันธุ์ มนุษย์จิ๋วจะทำให้ดอกไม้ใบหญ้าผลิบาน มนุษย์หินจะช่วยพัฒนาพื้นดิน มนุษย์หิมะสามารถสร้างไข่มุกน้ำแข็งและช่วยรักษาพื้นที่น้ำแข็ง
มนุษย์มีสติปัญญาสูงที่สุด พวกเขาสามารถสร้างทุกสิ่งด้วยสติปัญญา
หากดูแลได้ดี มิติช่องว่างของผู้อมตะยังสามารถให้กำเนิดผู้อมตะ ผู้คนเหล่านี้มีความภักดีสูงเพราะพวกเขาเติบโตขึ้นที่นี่ แน่นอนว่าพวกเขาจะเป็นความช่วยเหลือชั้นยอดสำหรับเจ้าของมิติช่องว่าง
ในปัจจุบันมิติช่องว่างจักรพรรดิของฟางหยวนอยู่ในขั้นตอนแรก
เนื่องจากเขามีวิญญาณอมตะจำนวนมากและต้องให้อาหารพวกมันโดยเฉพาะวิญญาณอมตะระดับแปด วิญญาณทัศนคติ วิญญาณดาบแห่งปัญญา และอื่นๆ ตอนนี้ฟางหยวนสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าบางส่วนเท่านั้นแต่ปัญหาหลักยังไม่ได้รับการแก้ไข
อย่างไรก็ตามในแง่ของขั้นตอนที่สอง เขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
เพราะเขาได้รับทรัพยากรมากมายจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว เผ่าตงฟาน และถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
ภูเขาตงฮันเป็นแหล่งรายได้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟางหยวน มันทำกำไรให้เขาทุกวัน
ม้าต้องการหญ้าชนิดพิเศษเพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่ง มนุษย์ต้องการโชคเพื่อความร่ำรวย
สิ่งที่ทำให้มิติช่องว่างของฟางหยวนมั่งคั่งถึงระดับนี้คือโชคลาภที่เขาได้รับ
ทรัพยากรเหล่านี้เป็นหลักประกันชั้นยอดในการบ่มเพาะของฟางหยวน
หากปราศจากทรัพยากรเหล่านี้ ไม่ว่าพลังการต่อสู้ของฟางหยวนจะสูงเพียงใด มันก็ไม่ทำให้เขารู้สึกมั่นใจ
ปัจจุบันฟางหยวนยังไม่สามารถเลี้ยงมนุษย์กลายพันธุ์ได้เป็นจำนวนมาก
แน่นอนว่าเขาสามารถซื้อทาสมนุษย์กลายพันธุ์เพื่อใช้แรงงานเช่นเดียวกับที่เคยทำในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู แต่นั่นไม่ใช่วิธีที่ดี
วิธีที่ดีคือปล่อยให้มนุษย์กลายพันธุ์เติบโตและขยายเผ่าพันธุ์ตามธรรมชาติ ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะกลายเป็นสมาชิกที่แท้จริงของมิติช่องว่างแห่งนี้และสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับเจ้าของในอนาคต
หากซื้อทาสมนุษย์กลายพันธุ์มาทำงาน มันจะเป็นเพียงการสูญเสีย ฟางหยวนเรียนรู้เรื่องนี้มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู หอคอยหินที่ฟางหยวนสร้างขึ้นมีทาสมนุษย์ขนเสียชีวิตมากมายในแต่ละวัน ทาสมนุษย์ขนไม่มีเวลาพักผ่อนและขยายเผ่าพันธุ์ นี่ทำให้จำนวนของพวกเขาลดลงอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม…
หากเขามีเมืองจิ๋ว ทุกอย่างจะแตกต่างออกไป
เมืองจิ๋วมีสภาพแวดล้อมพิเศษ มันแยกออกจากโลกภายนอกและเหมาะสมแก่การอยู่อาศัยของมนุษย์หรือมนุษย์กลายพันธุ์ การดำรงอยู่หรือกระทั่งความตายของมนุษย์กลายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในเมืองจิ๋วยังจะช่วยบำรุงและยกระดับเมืองจิ๋วอีกด้วย
หากมีเมืองจิ๋ว ฟางหยวนจะสามารถพัฒนามิติช่องว่างในขั้นตอนสุดท้าย
สิ่งนี้จะช่วยให้เส้นทางการบ่มเพาะของเขาราบรื่นขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ระดับการบ่มเพาะของเขาจะเติบโตเร็วขึ้นหลายเท่า
การตรวจสอบมิติช่องจักรพรรดิเสร็จสิ้นในที่สุด
มีหลายพื้นที่ที่ฟางหยวนพอใจแต่ก็มีหลายพื้นที่ที่เขายังไม่พอใจ
สิ่งที่ทำให้ฟางหยวนพอใจคือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่เพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างเช่นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพี แม้จะยังมีไม่มากเท่าที่ควรแต่มันก็พัฒนาไปมากหากเปรียบเทียบกับก่อนหน้า
เขาไม่พอใจกับข้อเท็จจริงที่ว่านอกเหนือจากภาคใต้น้อย ภูมิภาคอื่นยังค่อนข้างว่างเปล่าและมีทรัพยากรอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
การมีพื้นที่ขนาดใหญ่ไม่ได้มีเพียงข้อดี
มันอาจเกิดความขัดแย้งระหว่างทรัพยากรในอนาคต
ตัวอย่างเช่นป่าหลิวกระจกที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในภาคกลางน้อย หากพืชชนิดอื่นเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน พืชทั้งสองชนิดอาจขัดแย้งและต่อต้านกันอย่างรุนแรง
ความขัดแย้งระหว่างพืชอย่างไม่รุนแรงนักแต่ปัญหาคือฝูงสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่า พวกมันจะต่อสู้กันจนถึงแก่ความตาย
หากมิติช่องว่างมีขนาดเล็ก ผู้อมตะอาจสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว แต่มิติช่องว่างของฟางหยวนใหญ่โตเกินไป เมื่อเขาสังเกตเห็นความขัดแย้ง มันอาจเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ไปแล้ว
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์นี้ ฟางหยวนต้องเริ่มวางแผนด้วยการมองการณ์ไกล
หลังจากทั้งหมดมิติช่องว่างจักรพรรดิไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการ
ฟางหยวนไม่เพียงต้องคำนึงถึงผลกำไรในปัจจุบันแต่เขายังต้องคิดถึงอนาคตอีกด้วย
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1160 สัมผัสแห่งโชคล้มเหลว
แปลโดย IPAT
สรุปได้ว่ามิติช่องว่างของฟางหยวนพัฒนาไปมากแล้วแต่ยังสามารถพัฒนาได้อีก
มิติช่องว่างจักรพรรดิมีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ กระทั่งถ้ำสวรรค์ไห่ฟานก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบ
จนถึงตอนนี้อาจกล่าวได้ว่ามันยังพัฒนาได้ไม่ถึงสองในร้อยส่วน
“หากข้าไม่ได้เป็นพยานในเรื่องนี้ด้วยตนเอง ข้าจะเชื่อว่ามีมิติช่องว่างเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร”
“เทพปีศาจจิตวิญญาณ นิกายเงา และกองกำลังพันธมิตรผีดิบวางแผนมานานนับแสนปีเพื่อให้ได้รับสิ่งนี้ เมื่อข้าฉกชิงมันมา ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นย่อมไม่สามารถตกลงได้โดยง่าย”
“เห้อ…น่าเสียดาย แม้ข้าจะพบอิงอู๋เซี่ยในการเดินทางครั้งนี้แต่ข้าไม่สามารถทำลายรากฐานของพวกเขา”
ฟางหยวนถอนหายใจ
ในห้องลับ ฟางหยวนนั่งอยู่อย่างเงียบๆ หลังจากปรับลมหายใจ เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ
สัมผัสแห่งโชค!
หากฟางหยวนมีวิญญาณอมตะตรวจสอบโชค เขาจะเห็นโชคที่อยู่เหนือศีรษะของเขาเกิดการสั่นสะเทือนขึ้น
ฟางหยวนรู้สึกถึงจุดที่คลุมเครือปรากฏขึ้นในใจทีละจุด
…..
ทะเลทรายตะวันตก
ความร้อนแรงของดวงอาทิตย์ทำให้ไอน้ำลอยขึ้นจากพื้นทราย
การดิ้นรนเพื่อหลบหนีจากความตายเกิดขึ้นที่นี่
“หัวขโมย เจ้ากล้าฉกชิงวิญญาณของพวกเราจริงๆ”
“อย่าให้ข้าจับเจ้าได้ ข้าจะฉีกร่างของเจ้าออกเป็นชิ้นๆ!”
“ยอมจำนนและมอบวิญญาณทองคำขัดเงาของพวกเราคืนมา! บางทีพวกเราอาจไว้ชีวิตเจ้า!”
ผู้ใช้วิญญาณกลุ่มใหญ่กำลังไล่ล่าฮันหลี่
ฮันหลี่โชคดีมาก หลังจากเชื่อมต่อโชคกับฟางหยวน โชคของเขายิ่งดีขึ้นไปอีก
เขาสามารถบ่มเพาะและบรรลุถึงระดับสามในเวลานี้
ผู้อาวุโส!
ในกองกำลังของผู้ใช้วิญญาณ ระดับสามถือเป็นผู้อาวุโสและเป็นตัวตนชั้นสูง
อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ปัจจุบันเขาถูกไล่ล่าโดยผู้ใช้วิญญาณระดับสามจำนวนสามคนและผู้ใช้วิญญาณระดับสองและหนึ่งอีกจำนวนหนึ่ง
ฮันหลี่ทำได้เพียงวิ่งหนี
พลังวิญญาณของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลเลือดไหล
ทุกครั้งที่หายใจ ฮันหลี่จะรู้สึกแสบร้อนราวกับถูกไฟแผดเผา
แต่ความเจ็บปวดดังกล่าวไม่ได้ทำให้เขาหยุดวิ่ง
เขาถือวิญญาณทองคำขัดเงาเอาไว้ในมือ
‘พรสวรรค์ของข้าไม่ดีพอ ที่ผ่านมามันเป็นเพราะโชคและความบังเอิญ แต่ในระยะยาวมันไม่สามารถเชื่อถือ’
‘วิญญาณทองคำขัดเงาสามารถยกระดับพรสวรรค์ มันจะทำให้อนาคตของข้าสดใส!’
‘ข้าต้องเดิมพันด้วยชีวิตเพื่อให้ได้รับโอกาส!’
ฮันหลี่หอบหายใจอย่างหนักหน่วงแต่ขาของเขายังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของเขาลุกไหม้ไปด้วยเปลวไฟ
…..
ภาคใต้
น้ำไหลลงจากภูเขา
เย่ฟานตะโกนเสียงดังขณะที่ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้นสองเท่า
แสงหลากสีส่องประกายออกมาจากมัดกล้ามเนื้อและดวงตาของเขาทำให้เขาดูยิ่งใหญ่และงามสง่า
ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของคู่ต่อสู้ เขาส่งหมัดที่ทรงพลังออกไป
“บึม!”
เย่ฟานก้าวไปข้างหน้า ทุกที่ที่เขาเคลื่อนผ่าน หินใต้เท้าของเขาจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ศัตรูของเขาถูกบังคับให้ถอยหลังและไม่มีโอกาสตอบโต้
“พรวด! ฮืม…เย่ฟานแห่งตระกูลเฉิง เจ้าแข็งแกร่งสมคำเล่าลือ ครั้งนี้พวกเราสิบแปดพี่น้องแห่งหมู่บ้านสุรายอมรับความพ่ายแพ้!” ผู้นำฝ่ายตรงข้ามกระอักเลือดอยู่บนพื้น แม้เขาจะต้องการลุกขึ้นแต่เขาก็ไม่สามารถทำได้
ผู้ใช้วิญญาณอีกสิบเจ็ดคนนอนอยู่บนพื้นเช่นกัน บางคนหมดสติ บางคนส่งเสียงฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจแต่พวกเขาก็ไม่สามารถต่อสู้ได้อีก
เย่ฟานค่อยๆปรับลมหายใจขณะที่ร่างกายของเขาหดเล็กลง
เขามองคู่ต่อสู้และกล่าวอย่างใจเย็น “ตามกฎ สิบแปดพี่น้องแห่งหมู่บ้านสุราจะไม่สามารถก้าวขึ้นมาบนภูเขาลูกนี้ได้อีก สถานที่แห่งนี้เป็นของตระกูลเฉิงแล้ว”
“ฮืม อย่ากังวล พวกเราอาจเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่พวกเราก็รักษาคำพูด!” ผู้นำกลุ่มตอบกลับอย่างหนักแน่น
เย่ฟานพยักหน้าก่อนจะส่งแสงสีเขียวหยกพุ่งไปยังสิบแปดพี่น้องแห่งหมู่บ้านสุรา
แรกเริ่มพวกเขารู้สึกวิตกกังวลแต่หลังจากไม่นานพวกเขากลับพบว่าอาการบาดเจ็บของตนเองฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้าสิบแปดพี่น้องแห่งหมู่บ้านสุราก็สามารถลุกขึ้นและเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง
สิบแปดพี่น้องแห่งหมู่บ้านสุรามองเย่ฟานด้วยการแสดงออกที่ผ่อนคลายลง
ตั้งแต่เย่ฟานได้รับมรดกจากผู้อมตะตระกูลเฉิง ทั้งระดับการบ่มเพาะและพลังการต่อสู้ของเขาพุ่งสูงขึ้นมาก
หลังจากเฉิงซินซื่อกลายเป็นผู้นำตระกูลเฉิง นางต้องรับมือกับปัญหามากมายทั้งภายในและภายนอก มันเป็นเย่ฟานที่ยืนขึ้นและช่วยแก้ปัญหาต่างๆให้นาง ตอนนี้เย่ฟานออกมาท้าทายสิบแปดพี่น้องแห่งหมู่บ้านสุราเพื่อช่วยเปิดเส้นทางการค้าให้กับตระกูลเฉิงและลดแรงกดกันทางการเมืองภายในให้กับเฉิงซินซื่อ
ผู้นำกลุ่มสิบแปดพี่น้องป้องหมัดขึ้น “เย่ฟาน เจ้าแข็งแกร่งมาก ครั้งนี้เจ้าปล่อยพวกเราไป พวกเราจะไม่ลืมความเมตตานี้ แต่หากเจ้าต้องการเปิดเส้นทางการค้า พวกเรายังเป็นเพียงอุปสรรคแรก ยังมีอีกสองอุปสรรครอเจ้าอยู่ด้านหน้า”
“ข้าเข้าใจ ผู้ใช้วิญญาณหลังจากนี้แข็งแกร่งกว่าพวกเจ้าทุกคนรวมกัน” เย่ฟานพยักหน้า
ตระกูลเฉิงเป็นกองกำลังใหญ่ แน่นอนว่าเย่ฟานย่อมมีข้อมูลเหล่านี้
แต่คำกล่าวต่อไปของผู้นำกลุ่มสิบแปดพี่น้องกลับทำให้การแสดงออกของเย่ฟานเปลี่ยนไป “เย่ฟาน เจ้าต้องระวังตัว อุปสรรคข้างหน้าเปลี่ยนไปไม่นานนี้ ปีศาจขาวปรากฏตัวขึ้นและเอาชนะผู้บ่มเพาะสันโดษเหล่านั้น หากเจ้ามาที่นี่ช้ากว่านี้ พวกเราคงต้องยอมจำนนต่อปีศาจขาวเช่นกัน”
“ปีศาจขาว เจ้าหมายถึงปีศาจดำและปีศาจขาวงั้นหรือ?” ดวงตาของเย่ฟานส่องประกายขึ้น
ผู้นำกลุ่มสิบแปดพี่น้องพยักหน้า “หากไม่ใช่ปีศาจขาวที่มีชื่อเสียง เหตุใดผู้บ่มเพาะสันโดษเหล่านั้นจึงพ่ายแพ้? นางแข็งแกร่งมาก เจ้าต้องคิดให้รอบคอบหากต้องการต่อสู้กับนาง”
ภาพของเฉิงซินซื่อปรากฏขึ้นในความคิดของเย่ฟานก่อนที่ภาพของไห่ถูจะติดตามมา
“ไม่!” ร่างของเย่ฟานสั่นสะท้านขึ้น เขาตะโกนเสียงดัง “ข้าจะไป!”
…..
ภาคกลาง
ในถ้ำไร้นาม
“อย่าเข้ามา…อย่าเข้ามา!” เสื้อผ้าของหงอี้ฉีกขาดและเผยให้เห็นหน้าอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ
ผู้ใช้วิญญาณหญิงร่างอ้วนหัวเราะเบาๆขณะที่นางเดินเข้าไปหาหงอี้ “ที่รัก อย่าหลบหนีอีกเลย ยอมรับชะตากรรมและมาเป็นของข้า ฮ่าฮ่าฮ่า”
หลังกล่าวจบคำเสื้อผ้าของหงอี้ก็ถูกปลดเปลื้องออกทั้งหมด
ผู้ใช้วิญญาณหญิงกระโดดเข้าไปและกดทับร่างกายของเขาเอาไว้
“ไม่!” หงอี้กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
ในช่วงเวลาวิกฤต เขาสามารถปลดปล่อยศักยภาพออกมาได้เป็นสองเท่า เขาทำลายผนึกที่อยู่บนร่างกายของตนและผลักผู้ใช้วิญญาณหญิงออกไป
“เป็นไปไม่ได้! เจ้าทำลายตราประทับทาสของข้าได้อย่างไร?” ผู้ใช้วิญญาณหญิงทั้งโกรธและตกใจ
“นั่นเป็นเพราะข้าอยู่ที่นี่” ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์จิ๋วปรากฏตัวขึ้นบนไหล่ของหงอี้
“ในที่สุดเจ้าก็ออกมา!” หงอี้แทบหลั่งน้ำตา
“เราได้ของแล้ว ไปกันเถอะ!” มนุษย์จิ๋วกระซิบ
การแสดงออกของผู้ใช้วิญญาณหญิงเปลี่ยนไป นางรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ “อา…เป็นเช่นนี้! พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อขโมยน้ำทิพย์แห่งความสุขสมของข้า!”
หงอี้ เย่ฟาน ฮันหลี่…
แม้ฟางหยวนจะมองไม่เห็นสถานการณ์ของพวกเขา แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงสถานที่ที่พวกเขาอยู่
เนื่องจากการเชื่อมต่อของโชค มันทำให้ความสามารถในการตรวจจับของท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถตรวจสอบข้ามภูมิภาค
อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับไม่พบการคงอยู่ของไห่ลั่วหลันและอิงอู๋เซี่ย
จากสิ่งนี้ฟางหยวนสรุปว่าอิงอู๋เซี่ยมีวิธีซ่อนการเชื่อมต่อของโชคระหว่างพวกเขา
‘แม้อิงอู๋เซี่ยจะมีวิธีการบางอย่างแต่เขายังต้องพบปัญหามากมายในอนาคต’
ไม่มีวิญญาณอมตะที่แข็งแกร่งที่สุด มีเพียงผู้อมตะที่แข็งแกร่งที่สุด
ผู้อมตะคือจุดสำคัญที่สุด
ในความคิดเห็นของฟางหยวน อิงอู๋เซี่ยเติบโตขึ้นมาก สติปัญญาของอิงอู๋เซี่ยน่ากลัวกว่าวิญญาณอมตะที่เขาครอบครอง
‘อีกฝ่ายสามารถต่อต้านท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชค ในอนาคตข้าไม่จำเป็นต้องใช้ท่าไม้ตายนี้บ่อยนัก’
ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นท่าไม้ตายอมตะที่ต้องจ่ายด้วยพลังงานอมตะ
หากกระตุ้นใช้งานบ่อยๆ กระทั่งฟางหยวนก็อาจไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่าย
การเดินทางไปยังทะเลตะวันออกของฟางหยวนในครั้งนี้ถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จ แต่องุ่นเขียวอมตะในคลังของเขาก็ลดลงเช่นกัน
จากมุมมองของฟางหยวน สถานการณ์ที่ดีที่สุดคือเขาสามารถตรวจสอบตำแหน่งที่อยู่ของอิงอู๋เซี่ยและกดดันฝ่ายตรงข้ามหรือกระทั้งสังหาร
แต่สถานการณ์ปัจจุบันไม่เป็นไปตามความต้องการของเขา
ฟางหยวนคิดและเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้ นั่นคือให้ความสำคัญกับการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง
แต่ลึกๆเขารู้สึกว่า ‘มรดกของไห่ฟานมีเพียงหนึ่งเดียวขณะที่กองกำลังของนิกายเงายังเหลืออยู่ในห้าภูมิภาค ครั้งต่อไปที่ข้าพบอิงอู๋เซี่ย เขาอาจเหนือกว่าข้าไปแล้ว’
นิกายเงาไม่ขาดแคลนทรัพยากรและกำลังคน
ตอนนี้ฟางหยวนทำได้ดีที่สุดเพียงพัฒนาตนเองและหวังว่าครั้งต่อไปที่พบศัตรู เขาจะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
ฟางหยวนนำวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าออกมา
วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้แข็งแรงขึ้นแล้วหลังจากได้รับความช่วยเหลือจากฟางหยวน
ฟางหยวนสูดหายใจลึกก่อนจะกระตุ้นใช้งานมัน
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1161 ทดสอบวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋า
แปลโดย iPAT
วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋า!
แสงสีฟ้าส่องประกายขึ้นบนร่างกายของฟางหยวน
ฟางหยวนให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุใดๆ
มันไม่ปลอดภัยหากผู้ใช้วิญญาณใช้วิญญาณที่ไม่รู้จัก ยิ่งระดับสูงเท่าใด มันก็ยิ่งอันตราย
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋า แม้เขาจะใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาอนุมานมาแล้วแต่เขายังต้องระวังตัว
แสงดาวส่องประกายระยิบระยับขึ้นร่างกายของฟางหยวน
หลังจากชั่วครู่แสงสว่างเหล่านั้นจึงเลือนหายไป
แต่ในความคิดของฟางหยวน มีข้อมูลบางอย่างปรากฏขึ้น เขาสามารถมองเห็นจำนวนร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่อยู่ในร่างกายของเขา
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่มีอยู่มากที่สุดคือเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็ง มันมีถึงหนึ่งหมื่นหกพันร่องรอย
ฟางหยวนได้เรียนรู้สิ่งนี้และทำให้หัวใจของเขาพองโตขึ้น
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าหนึ่งร้อยร่องรอยสามารถขยายพลังอำนาจของวิญญาณอมตะได้สิบส่วน หนึ่งพันร่องรอยสามารถขยายพลังอำนาจของวิญญาณอมตะได้เท่าตัว หนึ่งหมื่นร่องรอยสามารถขยายพลังอำนาจของพลังงานอมตะได้สิบเท่า
นั่นหมายความว่าฟางหยวนสามารถขยายพลังอำนาจของวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็งได้ถึงสิบหกเท่า
สิ่งสำคัญก็คือการปลดปล่อยพลังอำนาจของวิญญาณอมตะสิบหกเท่าไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ฟางหยวนสามารถใช้พลังงานอมตะเท่ากับผู้อมตะคนอื่นๆ
สิ่งนี้แตกต่างจากเมืองจิ๋ว แม้ท่าไม้ตายอมตะจะแข็งแกร่งขึ้นร้อยเท่าแต่ค่าใช้จ่ายของมันก็เพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่ใกล้เคียงกัน กล่าวคือเขาต้องจ่ายพลังงานอมตะมากขึ้นเกือบร้อยเท่า!
นี่คือเหตุผลที่ทำให้ผู้อมตะระดับสูงกว่ามีพลังการต่อสู้สูงกว่า
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่มีมากเป็นอันดับสองของฟางหยวนคือเส้นทางแห่งโชค มันมีอยู่หนึ่งหมื่นห้าพันร่องรอย!”
‘ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งโชคส่วนใหญ่ได้รับมาจากเฟิงจุน คนผู้นี้มีรากฐานที่ยอดเยี่ยม เขาขึ้นไปบนภูเขามรดกอมตะและได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งโชคจำนวนมากจากที่นั่น’
‘โอ้ ถูกต้อง ภัยพิบัติพิภพราชันพฤกษาเพลิงทำให้ข้าได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งโชคเช่นกัน’
ต่อจากเส้นทางแห่งโชคคือเส้นทางแห่งพลังปราณและเส้นทางแห่งเสียง
ทั้งสองเส้นทางมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าหนึ่งหมื่นสามพันร่องรอย
‘ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งพลังปราณส่วนใหญ่มาจากฉีช่าย เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งพลังปราณ’
‘ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเสียงมาจากถังซ่ง เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดเช่นกัน นอกจากนั้นเขายังเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของกองกำลังใหญ่ในทะเลตะวันออก’
ถัดมาเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเลือด มันมีอยู่หนึ่งหมื่นสองพันร่องรอย พวกมันมาจากผู้อมตะที่อยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน เฉิงเทา
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกฎมีหนึ่งหมื่นสองพันร่องรอย พวกมันมาจากผู้อมตะที่อยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน เฉินไค
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งวารีมีประมาณหนึ่งหมื่นหนึ่งพันร่องรอย พวกมันมาจากเจาลี่ ผู้บ่มเพาะสันโดษแห่งทะเลตะวันออก
สำหรับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้นทางความแข็งแกร่ง พวกมันมีอยู่เกือบหนึ่งหมื่นร่องรอย
นอกจากนี้ยังมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสายอื่นปะปนกันไป
ตัวอย่างเช่นเส้นทางแห่งวายุ เส้นทางแห่งไม้ หรือเส้นทางแห่งอาหาร
‘ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้มาจากภัยพิบัตพิภพ บุปผาวายุและวิหคหยกเขียวมอบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไม้และวายุให้ข้า สำหรับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งอาหาร ข้าเดาว่ามันมาจากภัยพิบัติฝนน้ำเกลือ’
มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพี เส้นทางแห่งกาลเวลา และเส้นทางแห่งข้อมูลอยู่เล็กน้อย
‘ก่อนหน้านี้ข้าเข้าร่วมกับพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ พวกเขาใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปฐพีเพื่อสร้างข้อตกลงบนเส้นทางแห่งข้อมูล มันทำให้ข้าได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนหนึ่ง’
‘ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลา พวกมันน่าจะมาจากท่าไม้ตายอมตะข้อตกลงหนึ่งร้อยปีที่ข้าใช้สร้างข้อตกลงกับชูตู๋’
‘สำหรับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูล พวกมันต้องมาจากข้อตกลงพันธมิตรของนิกายหลางหยา’
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่มีน้อยที่สุดคือเส้นทางแห่งภูตผี มันยังมีเพียงหนึ่งร้อยร่องรอยเท่านั้น นี่เป็นจำนวนเริ่มต้นของร่างทารกอมตะ
ฟางหยวนพิจารณาตัวเลขเหล่านี้และสามารถสรุป
เส้นทางแห่งหิมะและน้ำเข็งมีมากที่สุด ตามมาด้วยเส้นทางแห่งโชค เส้นทางแห่งพลังปราณ เส้นทางแห่งเสียง เส้นทางแห่งกฎ เส้นทางแห่งวารี และเส้นทางแห่งเลือด พวกมันมีมากกว่าหนึ่งหมื่นร่องรอย
ต่อมาคือเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้นทางความแข็งแกร่ง
สุดท้ายคือเส้นทางแห่งอาหาร เส้นทางแห่งวายุ เส้นทางแห่งไม้ เส้นทางแห่งปฐพี เส้นทางแห่งกาลเวลา และอื่นๆ
‘ข้าต่อสู้โดยใช้วิธีบนเส้นทางความแข็งแกร่ง เส้นทางแห่งดาบ และเส้นทางแห่งกาลเวลาเป็นหลัก ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยและวิญญาณอมตะสมบัติเลือดเป็นส่วนสนับสนุน’
‘ข้าเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางห้าสายคือเส้นทางแห่งปัญญา เส้นทางความแข็งแกร่ง เส้นทางแห่งดวงดาว เส้นทางแห่งเลือด และเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง’
ฟางหยวนพิจารณาสถานการณ์ของตนเองและรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่เขามีมากกว่าหนึ่งหมื่นร่องรอยแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับวิธีที่เขาใช้ต่อสู้และเส้นทางความสำเร็จระดับปรมาจารย์ทั้งห้าสาย
ตามแผนการบ่มเพาะดั่งเดิมของฟางหยวน เขาต้องการมุ่งหน้าสู่เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง
แต่ตอนนี้เขาเข้าร่วมพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ แผนการของเขาจึงมีอุปสรรคมากมาย เขาไม่สามารถก้าวข้ามภัยพิบัติที่แดนน้ำแข็งของภาคเหนือได้อีกต่อไป นี่ทำให้ฟางหยวนไม่สามารถดึงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งออกมา หากเขาไม่ได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงจากภัยพิบัติ เขาจะก้าวหน้าต่อไปได้อย่างไร
ฟางหยวนครุ่นคิด
‘ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางหลักของตนประมาณหนึ่งหมื่นร่องรอยหรือมากกว่านั้น’
‘ข้าก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพมาเพียงสี่ครั้งแต่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็งถึงหนึ่งหมื่นหกพันร่องรอย ขณะเดียวกันร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้นทางความแข็งแกร่งของข้ากลับมีแทบไม่ถึงหนึ่งหมื่นร่องรอย เส้นทางสายอื่นยิ่งมีน้อยกว่า’
เห็นได้ชัดว่าตัวเลขเหล่านี้ไม่สอดคล้องและสนับสนุนเขา
ผู้อมตะที่บรรลุระดับเจ็ดต้องผ่านภัยพิบัติพิภพมาแล้วประมาณห้าสิบครั้ง ภัยพิบัติสวรรค์ประมาณห้าครั้ง และภัยพิบัติใหญ่หนึ่งครั้งหรือมากกว่านั้น
ด้วยวิธีนี้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางหลักของพวกเขาจะบรรลุถึงระดับหนึ่งหมื่นร่องรอย
ฟางหยวนก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพมาเพียงสี่ครั้งแต่เขากลับได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามากกว่าผู้อมตะระดับเจ็ดถึงสามเท่า
ยิ่งภัยพิบัติรุนแรงมากเท่าใด ผู้อมตะก็จะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามากเท่านั้น
ผู้อมตะทั่วไปจะพบกับภัยพิบัติที่ง่ายกว่าฟางหยวน เมื่อพวกเขาก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ด พวกเขาจะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสายหลักมากกว่าหนึ่งหมื่นร่องรอย
ผู้ที่มีพรสวรรค์สูงกว่าและมีมิติช่องว่างระดับสูงกว่าจะได้รับโชคลาภที่ยิ่งใหญ่กว่าจากภัยพิบัติที่รุนแรงกว่า
สถานการณ์ของฟางหยวนเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนในโลกใบนี้!
แม้มิติช่องว่างจักรพรรดิจะมีทรัพยากรไม่มากแต่ภัยพิบัติพิภพที่รุนแรงถึงขีดสุดทำให้ฟางหยวนได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมหาศาล
เนื่องจากเจตจำนงสวรรค์ต้องการสังหารฟางหยวน ภัยพิบัติที่ฟางหยวนต้องเผชิญจึงถูกยกระดับขึ้นจนถึงขีดจำกัด
‘แม้พัฒนาการและวิธีการต่อสู้ของข้าจะไม่สอดคล้องกันแต่การเพิ่มขึ้นของพลังงานแห่งเต๋าก็เป็นสิ่งที่ดี หลังจากก้าวข้ามภัยพิบัติแต่ละครั้ง รากฐานของข้าจะพุ่งสูงขึ้นถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัว’
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ฟางหยวนรู้สึกว่าความยากลำบากและการทำงานหนักทั้งหมดที่ผ่านมาคุ้มค่ามาก
กระทั่งทัศนคติของเขาต่อภัยพิบัติพิภพก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป
กล่าวได้ว่าภัยพิบัติพิภพแต่ละครั้งคือโอกาสที่ดีที่จะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า
‘หลังจากก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพอีกสองหรือสามครั้ง ข้าจะก้าวหน้าขึ้นอีกเท่าใด? รากฐานของข้าจะเติบโตขึ้นอีกเพียงใด?’ แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่สามารถประเมินสิ่งนี้
มิติช่องว่างจักรพรรดิใหญ่โตเกินมาตรฐาน
ศักยภาพและความเร็วในการเติบโตของเขาไม่สามารถประเมินได้ด้วยวิธีปกติ!
จำนวนร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ฟางหยวนได้รับจากภัยพิบัติพิภพทั้งสี่ครั้งของเขากระทั่งเหนือกว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทั้งหมดบนเส้นทางสายหลักของผู้อมตะระดับเจ็ด!
หลังจากตรวจสอบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของตนเอง ฟางหยวนนำวิญญาณอมตะบางดวงออกมาและใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าตรวจสอบมัน
แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้ผล
เขาตระหนักว่า ‘มนุษย์คือจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด วิญญาณคือแก่นแท้ของสวรรค์พิภพ วิญญาณระดับมนุษย์มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเพียงเล็กน้อยขณะที่วิญญาณอมตะบรรจุพลังงานแห่งเต๋าที่ยิ่งใหญ่ วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าสามารถตรวจสอบเพียงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าแต่ไม่สามารถตรวจสอบพลังงานแห่งเต๋าที่ยิ่งใหญ่’
เมื่อฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าตรวจสอบวิญญาณระดับมนุษย์ มันได้ผล
แต่การทดสอบของฟางหยวนยังไม่จบสิ้น
จากนั้นฟางหยวนยังนำทรัพยากรอมตะออกมาและใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าตรวจสอบพวกมัน
เขาตระหนักว่าแม้เขาจะสามารถตรวจสอบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่อยู่ในทรัพยากรอมตะเหล่านี้แต่เขาต้องจ่ายพลังงานอมตะมากขึ้นเมื่อมันเป็นทรัพยากรอมตะระดับสูงขึ้น
‘วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูล เมื่อใช้มันตรวจสอบทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูล ค่าใช้จ่ายจะต่ำกว่าหากเปรียบเทียบกับทรัพยากรอมตะบนเส้นทางสายอื่น สำหรับการตรวจสอบทรัพยากรอมตะที่ขัดแย้งกับเส้นทางแห่งข้อมูล ค่าใช้จ่ายของมันจะสูงขึ้น’
‘เหตุใดการใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋ากับร่างกายของข้าจึงไม่ทำให้ข้าเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น มันเป็นเพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของข้าไม่ขัดแย้งกับมันงั้นหรือ?’
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด
ความไม่ขัดแย้งกันระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของร่างทารกอมตะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
โดยปกติเมื่อเผชิญหน้ากับท่าไม้ตายบนเส้นทางสายอื่นของศัตรู พลังอำนาจของพวกมันจะลดลงเพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ขัดแย้งกันบนร่างของเป้าหมาย แต่ฟางหยวนต้องเผชิญหน้ากับพลังอำนาจเต็มรูปแบบจากการโจมตีของศัตรู ยิ่งไปกว่านั้นร่างทารกอมตะยิ่งจะส่งเสริมพลังอำนาจของท่าไม้ตายที่ศัตรูโจมตีเข้ามาอีกด้วย
นี่ทำให้ฟางหยวนไม่สามารถต่อสู้ระยะประชิด
ร่างกายของเขาเหมาะสมกับการต่อสู้ระยะไกล เมื่อมีระยะห่าง เขาจะสามารถคิดและหลบเลี่ยงการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม
‘วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าไม่สามารถใช้กับวิญญาณอมตะ เมื่อใช้มันกับทรัพยากรอมตะ ข้ายังต้องคำนึงถึงความขัดแย้งระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า สรุปแล้วมันมีประโยชน์ไม่มาก’ ฟางหยวนสรุปหลังจากทดลองใช้งาน
ในปัจจุบันเขาคิดได้เพียงสามวิธีในการใช้งานวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋า
หนึ่ง ใช้มันตรวจสอบทรัพยากรอมตะเพื่อป้องกันการถูกผู้อื่นหลอกลวง
สอง ใช้มันตรวจสอบรากฐานและความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม แต่มันใช้เวลาค่อนข้างนานและง่ายที่ฝ่ายตรงข้ามจะค้นพบ
สาม ใช้มันในการหลอมรวมวิญญาณอมตะ
สามารถมองเห็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า นี่จะเป็นข้อได้เปรียบระหว่างการหลอมรวมวิญญาณอมตะ
อย่างไรก็ตามวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าไม่สามารถค้นหาตำแหน่งที่แน่ชัดของพลังงานแห่งเต๋าหรือส่งอิทธิพลต่อพวกมัน ดังนั้นการใช้งานมันจึงมีข้อจำกัดค่อนข้างมาก
แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็อนุญาตให้ผู้อมตะเปลี่ยนสถานะจากคนตาบอดเป็นคนที่หลับตาได้
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1162 กับดักจิตวิญญาณ (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
หลังจากทดสอบวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋า ฟางหยวนกลับไปบ่มเพาะจิตวิญญาณอีกครั้ง
เขาบินออกจากเมืองเมฆาและมุ่งหน้าไปยังหุบเขาเหล่าโป
อย่างไรก็ตามเขายังกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
ที่ภาคใต้น้อย ฟางหยวนควบคุมผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งบินไปยังยอดเขาเล็กๆลูกหนึ่ง
ฟางหยวนตั้งชื่อภูเขาลูกนี้ว่าภูเขาผนึกสวรรค์
แม้ชื่อจะฟังดูยิ่งใหญ่แต่ภูเขาลูกนี้กลับดูธรรมดามาก อย่างไรก็ตามมันเป็นสถานที่ผนึกร่างเดิมของเขาเอาไว้
ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งมาถึงจุดศูนย์กลางของค่ายกลวิญญาณปิดผนึก
ร่างเดิมของฟางหยวนเป็นผีดิบอมตะสูงหกเมตร มีปีกค้างคาวขนาดเล็กอยู่บนแผ่นหลัง ใบหน้าของมันเป็นสีเขียว มีเขี้ยวยื่นออกมาจากปาก และมีแขนที่แตกต่างกันแปดข้าง กล่าวได้ว่าภาพลักษณ์ของมันดูน่าสยดสยองมาก
ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋ากับร่างเดิมของฟางหยวน
ครู่ต่อมาฟางหยวนจึงได้รับข้อมูลที่เขาต้องการ ‘มีบางสิ่งเกิดขึ้นกับมัน!’
อิงอูเซี่ยทิ้งร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณเอาไว้ในร่างเดิมของฟางหยวนประมาณหนึ่งหมื่นร่องรอย มันกระทั่งเหนือกว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ร่างเดิมของฟางหยวนมีอยู่
ฟางหยวนนำบางสิ่งออกมาจากร่างของผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง
มันคือดวงวิญญาณของผู้อมตะ
“โปรดไว้ชีวิตข้า!’
‘ข้าจะยอมรับท่านเป็นเจ้านาย โปรดไว้ชีวิตข้า!’ ดวงวิญญาณดวงนี้กรีดร้องอย่างหนักราวกับมันรู้สึกถึงวันโลกาวินาศของตนเอง
ฟางหยวนไม่สนใจและใช้กรงเล็บของผีดิบอมตะบังคับไม่ให้ดวงวิญญาณดวงนี้เคลื่อนไหว
แต่ดวงวิญญาณดวงนี้ยังสามารถกรีดร้องด้วยน้ำเสียงที่น่าขนลุก
ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งค่อยๆส่งดวงวิญญาณดวงนี้เข้าไปในร่างเดิมของฟางหยวน
มันไม่เต็มใจแต่ฟางหยวนยังบังคับให้มันเข้าไป
หลังจากดวงวิญญาณเข้าสู่ร่างเดิมของฟางหยวน มันเริ่มสั่นสะเทือนก่อนจะทวีความรุนแรงมากขึ้น
ในไม่ช้าร่างเดิมของฟางหยวนก็เปิดเปลือกตาขึ้น
“โฮก…”
เขาอ้าปากคำรามราวกับเสียงฟ้าร้อง
แต่ด้วยค่ายกลวิญญาณปิดผนึก ร่างเดิมของเขาจึงไม่สามารถขยับเขยื้อน
“เจ้าพยายามทำสิ่งใด!?” ดวงวิญญาณในร่างเดิมของฟางหยวนกรีดร้อง
เขาไม่เข้าใจเจตนาของฟางหยวนและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
แต่ในไม่ช้าเขาก็กรีดร้องออกมาอีกครั้งด้วยเสียงแหลมสูง “เจ้า! เจ้าทำสิ่งใดกับข้า!? ดวงวิญญาณของข้ากำลังหลอมละลาย คนชั่ว แม้ข้าจะเหลือเพียงดวงวิญญาณ เจ้าก็ยังไม่ปล่อยข้าไป!”
ฟางหยวนเฝ้ามองโดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องใดๆ
‘ดวงวิญญาณจะหลอมละลายหากเข้าไป…’ ฟาหงยวนตรวจสอบด้วยทุกวิธี
‘โอ้ นี่เป็นวิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่น่าทึ่ง ดวงวิญญาณของผู้อมตะผู้นี้ไม่สามารถคงอยู่ได้แม้จะเป็นช่วงเวลาเพียงสั้นๆ!’ ฟางหยวนรู้สึกพูดไม่ออกและพยายามดึงดวงวิญญาณออกจากร่างเดิมของเขา
แต่ในจังหวะนี้ใบหน้าภูตผีกลับปรากฏขึ้นจากหน้าอกของร่างนั้นและส่งเสียงกรีดร้องมาที่ร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่ฟางหยวนควบคุมอยู่
ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งถูกบังคับให้ถอยหลังกลับไปสามก้าว
เมื่อมองดูอีกครั้ง ใบหน้าภูตผีก็หายไปแล้ว
ฟางหยวนควบคุมผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งให้เดินเข้าไปอีกครั้งอย่างระมัดระวัง
ฟางหยวนยังตรวจสอบต่อไป
เวลานี้ดวงวิญญาณของผู้อมตะที่ฟางหยวนยัดเข้าไปในร่างเดิมของเขาหลอมละลายไปจนหมดแล้ว
‘หลอมละลายเร็วมาก! กระทั่งข้าจะต้องการดึงมันกลับออกมาก็ไม่สามารถทำได้!’
ฟางหยวนวิเคราะห์
กับดักของอิงอู๋เซี่ยรุนแรงมาก มันเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมจนไม่น่าเชื่อ
ฟางหยวนดีใจที่ตนเองระวังตัวและไม่ผลีผลามส่งดวงวิญญาณของตนเองกลับเข้าร่างเดิมของเขา
หลังจากตรวจสอบด้วยหลากหลายวิธี ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าอีกครั้ง
‘เกิดสิ่งใดขึ้น? ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าไม่ลดลงแต่กลับเพิ่มขึ้นอีกสองพันร่องรอย!’ ฟางหยวนตกใจมาก
ฟางหยวนรู้สึกตกตะลึงกับวิธีการบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่น่าอัศจรรย์ของนิกายเงา
เดิมทีฟางหยวนวางแผนที่จะใส่ดวงวิญญาณของผู้อมตะเข้าไปเรื่อยๆเพื่อทำให้กับดักค่อยๆอ่อนแอลงและพังทลายไปในที่สุด
แต่กับดักของอิงอู๋เซี่ยกลับไม่ธรรมดา
มันไม่เพียงไม่อ่อนแอลงแต่กระทั่งแข็งแกร่งขึ้น!
‘น่าประทับใจ! ในกรณีนี้แผนการของข้าก็ไม่สามารถทำได้ เว้นเพียงข้าจะมีวิธีการบางอย่างที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของนิกายเงา มิฉะนั้นข้าจะทำให้กับดักนี้ทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ!’
ฟางหยวนกัดฟันแน่น
แท้จริงแล้วมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลของทะเลตะวันออกมีวิธีจัดการร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า
สิ่งนี้สามารถเห็นได้จากการสลักข้อมูลไว้ในวิญญาณอมตะดาบบิน
นอกจากนี้ยังมีโครงกระดูกที่เป็นทรัพยากรอมตะระดับแปดก็เป็นหลักฐานที่ชัดเจนสำหรับเรื่องนี้
ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลสามารถสลักร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าไว้บนโครงกระดูก นี่เป็นวิธีที่ค่อนข้างพิเศษ
สุดท้ายวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าก็เป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีว่าผู้อมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลผู้นี้มีวิธีการพิเศษที่สามารถจัดการกับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
‘มรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่สมบูรณ์แบบอาจมีวิธีจัดการร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า น่าเสียดายที่ข้าได้รับมรดกนี้ช้าเกินไป วิญญาณส่วนใหญ่ตายไปแล้วขณะที่ข้อมูลต่างๆก็สูญหายไป’
ไม่มีสิ่งใดสมบูรณ์แบบบนโลกใบนี้
ฟางหยวนสามารถรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน นั่นถือว่าโชคดีมากแล้ว
มรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลของทะเลตะวันออกอยู่ที่นั่นมานานเกินไป ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลสร้างมรดกขึ้นมาในเวลาที่เขาใกล้ตาย ดังนั้นมันจึงเก็บไว้ได้ไม่นานนัก
แม้ฟางหยวนจะได้รับวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋า แต่เขายังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีจัดการกับข้อตกลงพันธมิตร
‘การค้นหาวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่สามารถทำลายข้อตกลงพันธมิตรเป็นวิธีการหนึ่ง แต่ข้าต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ข้าไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากนิกายหลางหยา’
มรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับ ขณะเดียวกันความสำเร็จบนเส้นทางแห่งข้อมูลของฟางหยวนก็อยู่ในระดับทั่วไป เขาไม่สามารถคิดค้นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลได้ด้วยตัวเขาเอง
ฟางหยวนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากมิติช่องว่างจักรพรรดิและเริ่มบ่มเพาะจิตวิญญาณ
หนึ่งชั่วโมงต่อมาเขาออกจากหุบเขาเหล่าโป
เขาบ่มเพาะจิตวิญญาณทุกวันอย่างเข้มงวด เมื่อจิตวิญญาณของเขาเติบโตขึ้น เขาก็สามารถอยู่ในหุบเขาเหล่าโปได้นานขึ้น
อย่างไรก็ตามเมื่อฟางหยวนเห็นกับดักที่อยู่ในร่างเดิม เขารู้สึกลังเลเล็กน้อยเกี่ยวกับแผนการบ่มเพาะจิตวิญญาณ
อิงอู๋เซี่ยรู้ว่าฟางหยวนมีหุบเขาเหล่าโปและภูเขาตงฮัน แล้วเขาจะไม่พิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?
การบ่มเพาะจิตวิญญาณไม่ใช่การตัดสินใจที่ผิด
อย่างไรก็ตามเวลาและพลังงานของฟางหยวนไม่ใช่สิ่งที่ไร้ขอบเขตเพราะเขายังต้องวางแผนการบ่มเพาะและพัฒนามิติช่องว่าง
‘ข้าควรลืมเกี่ยวกับเส้นทางแห่งข้อมูลไปก่อน ตอนนี้ภัยพิบัติพิภพครั้งที่ห้ากำลังจะมาถึง’
ภัยพิบัติพิภพครั้งที่ห้าแตกต่างจากภัยพิบัติสี่ครั้งก่อนหน้า
สี่ครั้งก่อนหน้าฟางหยวนเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่แดนน้ำแข็งของภาคเหนือ แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถใช้ประโยชน์จากที่นั่นและต้องหาสถานที่ใหม่
แล้วเขาควรเลือกที่ใด?
ไม่กี่วันต่อมาชูตู๋ส่งจดหมายมาหาฟางหยวนและบอกว่าจะช่วยเขาก้าวข้ามภัยพิบัติโดยแลกกับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง
นี่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกราวกับถูกมัดมือชก!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น