เทพปีศาจหวนคืน 1154-1157
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1154 ผู้อมตะฮวาตึ้ (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
เมื่อฟางหยวนไม่สามารถไล่ล่า เขาจึงเลือกยอมแพ้อย่างชาญฉลาด
ตั้งแต่ได้รับร่างทารกอมตะ นี่เป็นครั้งที่สองที่ฟางหยวนต่อสู้กับนิกายเงา ครั้งแรกอิงอู๋เซี่ยไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำธุรกรรมกับฟางหยวนและทำให้ฟางหยวนได้รับผลประโยชน์มหาศาล
แต่ในการต่อสู้ครั้งที่สอง ฟางหยวนได้รับประโยชน์เพียงเล็กน้อย แม้ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มสูงขึ้น แต่เขาก็ไม่สามารถสังหารสมาชิกนิกายเงา
ฟางหยวนเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่อิงอู๋เซี่ยก็เช่นกัน
การเติบโตของฟางหยวนเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน การรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของไห่ฟานไม่ใช่เรื่องง่าย
ในทางกลับกันการเติบโตของอิงอู๋เซี่ยมั่นคงมาก
เนื่องจากเขาสามารถรับสืบทอดมรดกของนิกายเงาที่ทิ้งไว้ในทั้งห้าภูมิภาค สิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติที่เชื่อถือได้และสามารถคาดเดา
เมื่อพิจารณาจากประเด็นนี้ ฟางหยวนจึงต้องสังหารพวกเขาอย่างรวดเร็วที่สุด
หากพลาดโอกาสนี้ ความแตกต่างระหว่างพวกเขาจะชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกรณีที่เทพปีศาจจิตวิญญาณได้รับการช่วยเหลือ เมื่อเวลานั้นมาถึง มันจะกลายเป็นวันโลกาวินาศของฟางหยวน
การล่าถอยของอิงอู๋เซี่ยเป็นเรื่องไร้ยางอายแต่มันก็เป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดและเด็ดเดี่ยวที่สุด
สำหรับอิงอู๋เซี่ย ตราบเท่าที่เขาสามารถรวบรวมกองกำลังที่เหลืออยู่ของนิกายเงา พวกเขาจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในทะเลไหลเชี่ยว แม้ทั้งสองฝ่ายจะไม่ได้ต่อสู้ แต่พวกเขายังต้องแข่งขันกันในระยะยาว
ฟางหยวนได้รับข้อมูลมากมายเกี่ยวกับอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆ เขายังได้เห็นค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศด้วยตาของตนเอง
ขณะเดียวกันอิงอู๋เซี่ยก็ค้นพบวิธีการตรวจสอบของฟางหยวนแม้เขาจะไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุก็ตาม
ฟางหยวนและอิงอู๋เซี่ยไม่สามารถหลบหนีจากการต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย
แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา อิงอู๋เซี่ยจึงเลือกที่จะล่าถอย
ฟางหยวนกลับไปที่ทะเลไหลเชี่ยว
อย่างไรก็ตามเขากลับพบผู้อมตะหญิงผู้หนึ่งอย่างกะทันหัน นางตะโกนเรียกเขามาจากทิศตะวันตก “โปรดรอก่อน”
ฟางหยวนหันกลับไปและพบกับหญิงในชุดคลุมสีชมพูอ่อน
ฟางหยวนหยุดเคลื่อนไหวและรอให้ผู้อมตะหญิงผู้นี้เดินทางมาถึง “เป็นผู้อมตะฮวาตี้ ข้าสงสัยว่าเหตุใดท่านถึงเรียกข้า?”
ผู้อมตะฮวาตี้เผยรอยยิ้มที่งดงาม “ข้าละลายใจนัก ท่านรู้จักชื่อของข้าแต่ข้ากลับไม่รู้จักชื่อของท่าน”
“ข้าคือชูอิง” ฟางหยวนบอกชื่ออย่างไม่เป็นทางการ
รูปลักษณ์ในปัจจุบันของเขาก็ปลอมเช่นกัน
ฟางหยวนไม่มีความคิดที่จะฆ่านาง เป็นเรื่องดีที่จะผูกมิตรกับเมี่ยวหมิงเฉิน
ทะเลตะวันออกเต็มไปด้วยทรัพยากร ผู้อมตะของทะเลตะวันออกมักพบปะเพื่อแลกเปลี่ยนซื้อขายทรัพยากรระหว่างกัน ทรัพยากรเหล่านี้ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าที่จะใช้วิญญาณอายุยืนเป็นเงินสกุลหลักในการแลกเปลี่ยนเท่านั้น
เมี่ยวหมิงเฉินเป็นแขกคนหนึ่งของการประมูลส่วนตัวนี้ หากได้รับความเห็นชอบจากเขา ฟางหยวนจะสามารถเข้าร่วมในกิจกรรมนี้
ฮวาตี้ไม่รู้ว่านางพึ่งรอดพ้นจากความตายอย่างฉิวเฉียดเพราะความสัมพันธ์ของนางกับเมี่ยวหมิงเฉิน
นางเผยรอยยิ้มและกล่าว “ชูอิง เนื่องจากท่านรู้จักข้า ท่านย่อมต้องรู้จักว่าท่านเมี่ยวหมิงเฉินเป็นอย่างดี ท่านเมี่ยวหมิงเฉินตรวจสอบทะเลไหลเชี่ยวมานานหลายปีและกำลังค้นหาสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาที่ซ่อนอยู่ หากท่านพบมัน ข้าหวังว่าท่านจะแจ้งข่าวให้เราทราบ แน่นอนว่าเราจะตอบแทนท่านอย่างเหมาะสม”
เหตุใดผู้อมตะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติเช่นเมี่ยวหมิงเฉินถึงตามหาสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา? เรื่องนี้ฮวาตี้ไม่ได้อธิบาย
“เป็นเช่นนั้น” ฟางหวนพยักหน้า “ข้าได้ยินเรื่องของท่านเมี่ยวหมิงเฉินมานานแล้ว ข้าจะไม่ขอรางวัลที่ยิ่งใหญ่ ข้าต้องการเพียงสิ่งที่เหมาะสมจากท่านทั้งสองเท่านั้น”
คำกล่าวของฟางหยวนทำให้ฮวาตี้เผยรอยยิ้มกว้าง
ฟางหยวนไม่ใช่คนแรกที่นางพูดคุยด้วย ในความเป็นจริงผู้อมตะฮวาตี้ กุ้ยฉีเย่ และเฟิงเจียงจะออกมาตรวจสอบทะเลไหลเชี่ยวเป็นระยะ เมื่อพวกเขาพบเห็นผู้อมตะคนใด พวกเขาก็จะเข้ามาพูดคุยและขอความช่วยเหลือ
บางคนปฏิเสธแต่ส่วนใหญ่ตกลง
เหตุผลก็คือเมี่ยวหมิงเฉินมีวิธีขยายมิติช่องว่างอมตะ
ดังนั้นเทพธิดาฮวาตี้จึงไม่แปลกใจที่ฟางหยวนตกลง
“เช่นนั้นขอให้ท่านโชคดี” ฮวาตี้หันเตรียมตัวจากไป นางไม่สนใจชูหมิงผู้นี้
ฮวาตี้ไม่เคยได้ยินชื่อชูอิงมาก่อน แต่ทะเลตะวันออกเต็มไปด้วยผู้บ่มเพาะสันโดษขณะที่ชูอิงเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก
‘ท่านเมี่ยวหมิงเฉินกำลังค้นหาสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา เรื่องนี้ไม่ต้องพึ่งพาระดับการบ่มเพาะ หากโชคดีชูอิงผู้นี้อาจพบมัน โอ้ ข้าคิดเช่นนี้มาตลอดแต่มันก็ผ่านมานานกว่าสิบปีแล้วที่เราไม่เคยพบร่องรอยของสายธารแห่งกาลเวลา’
ฮวาตี้ถอนหายใจและกำลังจะบอกลาฟางหยวน
แต่ในจังหวะนี้ฮวาตี้พลันนึกถึงบางสิ่งและส่งมอบวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับฟางหยวน
“ข้าเกือบลืมบอกท่านไปแล้ว ปีศาจอมตะติงฉีพึ่งมาถึงทะเลไหลเชี่ยว น้องชายของเขา ติงเยี่ยน เคยได้รับเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูล แต่เขาถูกโจมตีโดยหลิวชิงหยู เจาลี่ และถังซ่ง ติงเยี่ยนตาย ติงฉีจึงต้องการแก้แค้น เขารีบมาที่นี่เพราะเขาได้ยินว่าหลิวชิงหยูกลับมาที่ทะเลไหลเชี่ยว ปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดโหดเหี้ยมและบ้าคลั่งมาก พวกเขาไม่เหมือนพวกเรา จิตใจของพวกเขาวิกลจริตไปแล้ว หากเขาพบผู้อมตะบางคน เขาจะสังหารคนผู้นั้นเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง หากท่านพบเขา ท่านต้องระวังให้มาก”
ฟางหยวนเก็บวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งข้อมูลและถูจมูก
ฮวาตี้ให้คำแนะนำอย่างเป็นมิตรกับเขา นางเป็นคนใจดีมีเมตตา แต่นางไม่รู้ว่าคนที่นางพูดคุยด้วยคือปีศาจเจ้าเหนือหัวบนเส้นทางแห่งเลือดที่สังหารผู้คนมานับไม่ถ้วน!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1155 หอยนางรมยักษ์
แปลโดย iPAT
การสนทนากับฮวาตี้เกิดขึ้นในระยะเวลาเพียงสั้นๆ
ในที่สุดฟางหยวนก็เข้าไปในทะเลไหลเชี่ยว
กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน!
เมื่อไม่เห็นผู้ใดอยู่รอบๆ ฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขาทันที
กำปั้นยักษ์ทุบกระแสน้ำมากกว่าสิบจุดทำให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่
ฟางหยวนทะยานร่างไปยังทิศทางหนึ่ง
สถานที่แห่งนี้ยังเป็นเพียงขอบนอกของทะเลไหลเชี่ยว ดังนั้นฟางหยวนจึงสามารถเดินทางได้อย่างง่ายดาย
แต่หลังจากชั่วครู่เขาก็พบกระแสน้ำสีเหลืองอ่อนปิดกั้นเส้นทางของเขาเอาไว้
‘นี่คือกระแสน้ำแร่เหลือง’
กระแสน้ำแร่เหลืองมาจากทะเลเหลือง
ที่นั่นเคยเป็นอาณาเขตของกองกำลังพันธมิตรผีดิบสำนักงานใหญ่
ทะเลเหลืองเต็มไปด้วยซากศพผีดิบ
น้ำทะเลสีเหลืองเกิดจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า มันเป็นวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณชนิดหนึ่ง
ฟางหยวนรีบป้องกันตัว
กระแสน้ำแร่เหลืองพุ่งไปยังทิศทางหนึ่ง แต่มันไม่ใช่ทิศทางที่ฟางหยวนต้องการไป ดังนั้นเขาจึงกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะและพุ่งผ่านกระแสน้ำสายนี้
หลังจากไม่นานเขาสามารถออกจากกระแสน้ำแร่เหลืองและพบกับกระแสน้ำอีกสายหนึ่ง
มันเป็นน้ำทะเลสีขาวที่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกราวกับกำลังเคลื่อนไหวอยู่ท่ามกลางก้อนเมฆ
เกิดภาพลวงตาขึ้นด้านหน้าเขา
มันคือกระแสน้ำลวงตาที่มาจากทะเลลวงตา
ฟางหยวนใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อปิดกั้นภาพลวงตาเหล่านี้
หลังจากใช้ความพยายาม เขาก็ไปถึงกระแสน้ำสายที่สาม
มันเป็นลาวา
กระแสน้ำสายนี้ไม่ได้มาจากทะเลตะวันออกแต่มาจากหลุมลึกของทะเลทรายตะวันตก
ถ้ำใต้พิภพเชื่อมต่อมาถึงที่นี่
กระแสลาวาทั้งหนืดและร้อนจัด
เมื่อฟางหยวนเข้ามา เขาต้องกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกัน เพราะเพียงวิญญาณอมตะระดับหกทั่วไปไม่สามารถต่อต้านสิ่งนี้
เขาสูญเสียพลังงานอมตะมากกว่าสองกระแสน้ำแรกรวมกันหลายเท่า
โชคดีที่กระแสลาวาไม่ใหญ่นัก ฟางหยวนสามารถเคลื่อนที่ผ่านได้ในภายไม่กี่สิบลมหายใจ
ครั้งนี้เขาไม่พบกระแสน้ำอีกแต่เขาเข้าไปในพื้นที่ว่างเปล่า
กระแสลาวายังไหลอยู่ด้านหลัง
ด้านซ้ายเป็นกระแสน้ำภูตผีสีดำที่พยายามผลักดันเข้ามาราวกับภูตพยาบาท มันเป็นทะเลสีดำที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งภูตผีและความมืด
ด้านขวาเป็นกระแสน้ำสีทองที่ส่องประกายงดงาม
ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ‘หากข้าเดาไม่ผิด นี่คือกระแสน้ำทองคำ ตามข่ามลือ หลังจากสวรรค์สีเหลืองแตกสลาย ละอองทองคำร่วงหล่นลงมา ดูเหมือนกระแสน้ำทองคำจะเกิดจากเศษทองคำเหล่านั้น’
กระแสลาวา กระแสน้ำภูตผี และกระแสน้ำทองคำ
กระแสน้ำทั้งสามต่อต้านกันจนถึงจุดที่เกิดความสมดุล นั่นทำให้เกิดช่องว่างขึ้นในสถานที่แห่งนี้
มันไม่ต่างจากการเข้ามาในตาพายุ ฟางหยวนไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานนักแต่มันก็ทำให้เขามีเวลาพักผ่อนเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่จำเป็นต้องพักผ่อน ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มสูงขึ้นมาก ขณะเดียวกันเขาก็มีพลังงานอมตะสำรองไว้มากมาย
หลังจากตรวจสอบทิศทาง ฟางหยวนพุ่งเข้าสู่กระแสน้ำทองคำด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
เขาพบสิ่งกีดขวางมากกว่ากระแสลาวาแต่ค่าใช้จ่ายกลับน้อยกว่า
ระหว่างทางฟางหยวนพบชิ้นส่วนทองคำมากถึงห้าร้อยกิโลกรัม
นอกจากทองคำยังมีวิญญาณมากมาย ส่วนใหญ่เป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งโลหะไม่ว่าจะเป็นวิญญาณมังกรทอง วิญญาณแสงทอง และวิญญาณอื่นๆ
แต่สำหรับฟางหยวน พวกมันมีประโยชน์เพียงเล็กน้อย
เขาเก็บบางส่วนเอาไว้โดยไม่คิดมาก
เขานำกระแสน้ำทองคำบางส่วนเข้าไปในมิตช่องว่างจักรพรรดิและวางมันไว้ที่สวรรค์สีเหลืองน้อย
หากเป็นผู้ใช้วิญญาณ พวกเขาอาจมองมันเป็นสมบัติล้ำค่า แต่กับฟางหยวนและผู้อมตะคนอื่นๆ มันแทบไร้ประโยชน์
ฟางหยวนเดินทางผ่านกระแสน้ำมากมายและค่อยๆเข้าสู่ใจกลางของทะเลไหลเชี่ยว
ครู่ต่อมาฟางหยวนก็พบกระแสน้ำขนาดใหญ่ปิดกั้นอยู่ด้านหน้า
มันเป็นกระแสน้ำสีน้ำเงิน ทุกการสั่นไหวของกระแสน้ำมีกระแสไฟฟ้าแลบลั่นขึ้นทุกครั้ง
ฟางหยวนรู้ว่านี่คือกระแสน้ำสายฟ้า
มันเป็นกระแสน้ำที่มีพลังทำลายล้างสูงมาก
หากเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งสายฟ้า พวกเขาจะเก็บกระแสน้ำสายฟ้าเหล่านี้เอาไว้
กระแสน้ำสายฟ้าสามารถให้กำเนิดวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งสายฟ้า
หากเปรียบเทียบ มันไม่ต่างจากภูเขาแสงห้าสีจากแดนศักดิ์สิทธิ์ของหลิวชิงหยู
ฟางหยวนมาถึงใจกลางของทะเลไหลเชี่ยวในที่สุด
ด้วยความแข็งแกร่งของฟางหยวนในปัจจุบัน เขาไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้อีก หากเขาเข้าไป เขาจะถูกพัดพาไป สำหรับจุดหมายปลายทาง มันขึ้นอยู่กับโชคของเขาเท่านั้น
หากโชคดี ฟางหยวนจะสามารถเดินทางได้อย่างราบรื่น หากโชคร้าย เขาจะวนเวียนอยู่ที่เดิม
นี่เป็นลักษณะพิเศษของทะเลไหลเชี่ยว
ฟางหยวนตัดสินใจก้าวเข้าสู่กระแสน้ำสายฟ้า
โชคดีที่วันนี้กระแสน้ำสายฟ้าค่อนข้างสงบ ฟางหยวนลอยไปตามกระแสน้ำสายฟ้าอย่างราบรื่นโดยไม่พบอุปสรรคใด
หลังจากไม่นานฟางหยวนก็ไปถึงจุดสิ้นสุดของกระน้ำสายฟ้า
เขาพบกระแสน้ำใหม่ที่มีขนาดเท่ากับกระแสน้ำสายฟ้า
ฟางหยวนเข้าไปและปล่อยให้กระแสน้ำพัดพาไป
เขาค่อนข้างโชคดี
แม้จะมีอุปสรรคอยู่บ้างแต่สุดท้ายเขาก็สามารถไปถึงจุดหมาย
หนึ่งวันหนึ่งคืนต่อมาฟางหยวนไปถึงพื้นที่ว่างเปล่าอีกครั้ง
นี่เป็นครั้งที่สิบสองที่เขาพบกับพื้นที่ลักษณะนี้
‘สถานที่แห่งนี้เกิดจากกระแสน้ำรอบข้าง มันจะไม่เปลี่ยนแปลงไปโดยง่าย ตอนนี้ข้าควรพักผ่อนสักเล็กน้อย’ ฟางหยวนหยุดพักที่นี่
อย่างไรก็ตามขณะที่เขากำลังพักผ่อน กระแสน้ำเหนือศีรษะของเขากลับเกิดความปั่นป่วนขึ้นอย่างกะทันหัน
จากนั้นหอยนางรมยักษ์ก็หลุดลงมาจากกระแสน้ำด้านบน
มันมีขนาดเท่ากับช้างสี่ตัว เปลือกของมันเป็นสีทองคำขาว สิ่งสำคัญก็คือมันปลดปล่อยกลิ่นอายของสัตว์อสูรบรรพกาลออกมา
ฟางหยวนตะลึงเมื่อเห็นหอยนางรมตัวนี้
หลังจากนั้นมีเสียงดังออกมาจากหอยนางรมยักษ์ “หือ…ผู้ใดอยู่ที่นี่? เจ้าเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก เหตุใดเจ้าจึงสามารถมาถึงที่นี่?”
ฟางหยวนไม่ตอบ
เปลือกหอยนางรมเปิดออกและเผยให้เห็นเนื้อสีชมพูที่อยู่ภายใน
เนื้อสีชมพูเหมือนเตียงที่อ่อนนุ่ม มีมนุษย์สามคนนอนอยู่
มนุษย์เพศหญิงที่งดงามสองคนนอนเปลือยกายอยู่กับผู้อมตะชายผู้หนึ่ง
ผู้อมตะชายมองฟางหยวนด้วยสายตาที่เอาแต่ใจ เขาวิเคราะห์และกล่าวด้วยความอยากรู้อยากเห็น “แปลก เจ้าเป็นผู้อมตะระดับหกจริงๆ เร็ว บอกชื่อเจ้ามา”
ฟางหยวนนิ่งเงียบ สายตาของเขากวาดมองไปที่หอยนางรมยักษ์
ผู้อมตะชายโกรธ “เจ้า! ข้ากำลังพูดกับเจ้า หูหนวกหรือเป็นใบ้!?”
ฟางหยวนถาม “นี่คือสัตวอสูรในข่าวลือ หอยนางรมห้องลับงั้นหรือ?”
ผู้อมตะชายรู้สึกราวกับได้รับการยกย่อง เขาหัวเราะ “ดูเหมือนเจ้าจะพอมีความรู้อยู่บ้าง ข้าขอสิ่งนี้มาจากท่านปู่ของข้า ท่านปู่ของข้าคือผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งทาสที่มีชื่อเสียงของทะเลตะวันออก เหรินซิ่วปิง!”
ฟางหยวนพยักหน้า“ข้ารู้จักเหรินซิ่วปิง เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุด ไม่นานมานี้เขาพบหลานชายที่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด เขาใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อทำให้หลานชายของเขากลายเป็นผู้อมตะ นั่นคือเจ้างั้นหรือ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ผู้อมตะชายหัวเราะ “ถูกต้อง ถูกต้อง สายตาของเจ้าไม่เลวจริงๆ”
“อืม ส่งหอยนางรมห้องลับมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” ฟางหยวนกล่าวเสียงเรียบ
“อันใด!?” ผู้อมตะชายไม่แน่ใจว่าได้ยินสิ่งใดผิดไปหรือไม่
เขาหัวเราะเสียงเย็นก่อนจะชี้นิ้วไปที่ฟางหยวนด้วยความโกรธ “ดี ดี ข้ายกย่องคนผิด เจ้ามีตาแต่หามีแววไม่! เจ้ากำลังรนหาที่ตาย เช่นนั้นข้าจะ…อา…”
ผู้อมตะชายอ้าปากค้าง
ฟางหยวนโจมตีอย่างกะทันหัน
กำปั้นยักษ์บนเส้นทางความแข็งแกร่งพุ่งเข้าจับกุมหอยนางรมห้องลับ
ผู้อมตะชายหวาดกลัวมากเพราะเขาตระหนักว่าหอยนางรมห้องลับกำลังถูกมือยักษ์บีบขณะที่เปลือกของมันเริ่มส่งเสียงแตกร้าว
“เข้าใจผิด มันเป็นความเข้าใจผิด!” เขากรีดร้อง “ข้าคือหลานชายของเหรินซิ่วปิง ท่านคือผู้ใด? เราอาจเป็นสหายกัน!”
“ผู้ใดเป็นสหายกับเจ้า ข้าสามารถปล่อยเจ้า เพียงมอบวิญญาณที่ใช้ควบคุมหอยนางรมห้องลับให้ข้า” ฟางหยวนเย้ยหยัย “มิเช่นนั้น เจ้าต้องตายอยู่ที่นี่!”
“เจ้าเป็นปีศาจอมตะ! หากเจ้าทำร้ายข้า ท่านปู่ของข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป คิดให้ดี!”
“เขาก็แค่เหรินซิ่วปิง” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มและปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุดออกมา
ใบหน้าของผู้อมตะชายกลายเป็นซีดเผือด หญิงสองคนตกใจมากและขดตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1156 สัมผัสแห่งเต๋า
แปลโดย iPAT
หลังจากชั่วครู่ฟางหยวนกลายเป็นเจ้าของคนใหม่ของหอยนางรมห้องลับ
“เพียะ! เพียะ! เพียะ!”
เขาตบหน้าผู้อมตะหนุ่ม “เลือกได้ดี เด็กเลว”
ผู้อมตะหนุ่มไม่กล้าขยับเขยื้อนแต่ดวงตาลุกไหม้ไปด้วยความโกรธและความอับอาย
ฟางหยวนไม่สนใจ
เขากระโดดเข้าไปในหอยนางรมห้องลับ ก่อนจากไปเขายังกล่าวว่า “ข้าชื่อชูอิง ข้านำหอยนางรมห้องลับของเจ้าไป อย่าลืมบอกปู่ของเจ้าด้วย”
เปลือกหอยนางรมปิดตัวลงก่อนที่มันจะเคลื่อนที่เข้าไปในกระแสน้ำ
ผู้อมตะหนุ่มตะโกนเสียงดัง “ดี ชูอิง อย่าห่วง ข้าจะบอกท่านปู่ของข้าอย่างแน่นอน!”
“นายน้อย เราจะทำอย่างไรต่อไป?” สองหญิงงามร้องไห้และดึงแขนเสื้อของผู้อมตะหนุ่ม
ใบหน้าของผู้อมตะหนุ่มกลายเป็นแข็งค้าง ช่องว่างแห่งนี้ค่อยๆหดตัวเล็กลง นี่ทำให้หัวใจของผู้อมตะหนุ่มจมดิ่งลง
ด้วยพละกำลังของเขา เขาไม่สามารถเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ เขามาที่นี่ได้เพราะหอยนางรมห้องลับ
“อย่ากังวล แม้หอยนางรมห้องลับจะถูกชิงไป แต่ข้ามีวิญญาณอมตะการท่องเที่ยวของบุตรชาย ข้าสามารถกลับไปหาวิญญาณอมตะอ้อมกอดของมารดาและพบท่านปู่ของข้าโดยตรง!” ผู้อมตะหนุ่มกัดฟันแน่น
“นั่นยอดเยี่ยมาก พวกเราปลอดภัยแล้ว” หญิงทั้งสองมีความสุขมาก
“ปุ ปุ”
ด้วยเสียงระเบิดเบาๆ หญิงทั้งสองก้มหน้ามองหน้าอกที่กลายเป็นรูของพวกนางด้วยความตกใจ “นายน้อย…”
ผู้อมตะหนุ่มแสดงออกด้วยความเคร่งขรึม “พวกเจ้าเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ ฮืม!”
เขายื่นมือออกไปสัมผัสใบหน้าของหญิงทั้งสอง “น่าเสียดาย พวกเจ้างดงามมาก ทั้งหมดเป็นความผิดของชูอิง!”
หลังกล่าวจบคำเขาผลักศพของหญิงทั้งสองเข้าไปในกระแสน้ำ
โดยปราศจากวิธีป้องกันของผู้อมตะ ศพมนุษย์ถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในพริบตา
เมื่อเห็นช่องว่างแห่งนี้กำลังจะพังทลายลง ผู้อมตะหนุ่มเร่งกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะการท่องเที่ยวของบุตรชายทันที
ทะเลไหลเชี่ยวเต็มไปด้วยพลังงานแห่งเต๋าที่วุ่นวาย วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติเป็นเรื่องยากที่จะใช้งาน วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือการเดินทางตามปกติ
แต่วิญญาณอมตะการท่องเที่ยวของบุตรชายไม่ใช่วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ มันเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งอารมณ์ความรู้สึก
เส้นทางแห่งอารมณ์ความรู้สึกเป็นสาขาย่อยของเส้นทางแห่งปัญญา เส้นทางแห่งปัญญาประกอบด้วยสามเส้นทางคือความคิด เจตจำนง และอารมณ์ความรู้สึก
วิญญาณอมตะการท่องเที่ยวของบุตรชายและวิญญาณอมตะอ้อมกอดของมารดาเป็นวิญญาณอมตะคู่บนเส้นทางแห่งอารมณ์ความรู้สึก
ในทะเลไหลเชี่ยวแทบไม่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งอารมณ์ความรู้สึก ดังนั้นวิญญาณอมตะการท่องเที่ยวของบุตรชายและวิญญาณอมตะอ้อมกอดของมารดาจึงสามารถใช้งานโดยปราศจากอันตราย
วิญญาณอมตะการท่องเที่ยวของบุตรชายนำผู้อมตะหนุ่มจากไป
เขารู้สึกมึนงงและกระอักกระอ่วน แต่ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็ได้สติและพบว่าตนเองกลับมายังมิติช่องว่างของเหรินซิ่วปิงเรียบร้อยแล้ว
“ท่านปู่…” ผู้อมตะหนุ่มตะโกนเรียก
“ฮืม ขณะที่ข้าวางมิติช่องว่างลงเพื่อดูดซับปราณสวรรค์พิภพ เจ้ากลับลอบออกไปเล่นสนุกข้างนอก หากข้ารู้เช่นนี้ ข้าจะไม่มอบหอยนางรมห้องลับให้เจ้า!” เหรินซิ่วปิงตำหนิ
“ท่านปู่ หอยนางรมห้องลับถูกชิงไปแล้ว!” ผู้อมตะหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ “ข้าพบปีศาจอมตะ เขาขโมยหอยนางรมห้องลับของข้าไปและสังหารคนรับใช้สองคนของข้า!”
“โอ้” เหรินซิ่วปิงยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “บอกรายละเอียดมา”
ผู้อมตะหนุ่มอธิบายและไม่ลืมที่จะกล่าวเกินจริงไปมาก
“ชูอิง…” เหรินซิ่วปิงพึมพำ
เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน สาวใช้ทั้งสองไม่สำคัญ แต่การนำหอยนางรมห้องลับและวิญญาณอมตะระดับเจ็ดไป นี่เป็นการกระทำที่ชั่วร้าย แต่เหตุใดเขาถึงต้องบอกชื่อของตนเอง?
บางทีเขาอาจไม่ใช่ชูอิงแต่พยายามป้ายความผิดให้ผู้อื่น?
แรงจูงใจของเขาคือสิ่งใด?
แต่ไม่ว่าอย่างไรเหรินซิ่วปิงก็ต้องจดจำชื่อของชูอิงเอาไว้
เขาอบรมหลานชายด้วยใบหน้าเย็นชา “ตอนนี้เจ้ารู้จักความโหดร้ายของโลกผู้อมตะแล้วหรือยัง? จนถึงตอนนี้เพราะเจ้าอยู่ข้างกายข้า เจ้าจึงได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นหรือกระทั่งได้รับการยกย่อง ตอนนี้เจ้าต้องเรียนรู้ ข้าจะลงโทษเจ้า จงฝึกตนอย่างเงียบสงบเป็นเวลาสิบปี ภายในเวลาสิบปีนี้ห้ามเจ้าออกจากมิติช่องว่างของข้า!”
“กระไรนะ!?” ผู้อมตะหนุ่มตกใจ
เหรินซิ่วปิงสะบัดแขนเสื้อส่งผู้อมตะหนุ่มเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่งทันที
“หยกไม่สามารถส่องประกายหากปราศจากการเจียรไน ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าซุกซนอีกต่อไป มิฉะนั้นแม้เจ้าจะได้รับการปกป้องจากข้า แต่ผู้คนก็จะไม่ยอมรับเจ้าอย่างแท้จริง สำหรับชูอิง วันหนึ่งข้าจะจัดการเขาอย่างแน่นอน!” ดวงตาของเหรินซิ่วปิงส่องประกายด้วยความเหี้ยมโหด
…..
‘เมื่อข้าสามารถเป็นสหายของเมี่ยวหมิงเฉิน ข้าก็สามารถเป็นศัตรูกับเหรินซิ่วปิง’
‘กล่าวไปแล้วหอยนางรมห้องลับมีประโยชน์มากในการเดินทาง ตราบเท่าที่กระแสน้ำไม่แรงเกินไป ข้าสามารถพักผ่อนอยู่ภายในและฟื้นฟูพละกำลัง’
ฟางหยวนนั่งอยู่ในหอยนางรมห้องลับขณะที่มันนำเขาเดินทางไปตามกระแสน้ำ
ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจึงมีช่วงเวลาที่สะดวกสบายมากขึ้น
หลังจากเก็บหอยนางรมห้องลับ ฟางหยวนตกลงสู่กระแสน้ำที่เชี่ยวกรากหลายครั้งและเริ่มสูญเสียทิศทาง เขาต้องเดินทางอ้อมหลายรอบ
หลังจากการเดินทางที่ยาวไกล วันต่อมาเขาก็บรรลุถึงจุดศูนย์กลางของทะเลไหลเชี่ยว
ที่นี่เต็มไปด้วยฟองอากาศที่เกิดจากการต่อสู้ครั้งใหญ่
ในฟองอากาศมีซากศพและมรดกซ่อนอยู่ ฟองอากาศบางส่วนยังมีกระทั่งเกาะขนาดเล็กและน้ำทะเลอยู่ภายใน
‘พบแล้ว!’ ฟางหยวนเคลื่อนที่เข้าหาเป้าหมายอย่างยากลำบาก
พื้นผิวของฟองอากาศถูกฉีกออก แต่ในไม่ช้ามันก็ฟื้นตัวขึ้น น้ำทะเลทะลักเข้าไปบางส่วนแต่นั่นไม่ใช่ปัญหา
วิสัยทัศน์ของฟางหยวนเปลี่ยนไป
มีทะเลสีเขียวที่สงบเงียบอยู่ที่นี่
มันราวกับเป็นโลกอีกใบ
กลางทะเลมีเกาะแห่งหนึ่ง บนเกาะมีป่าไม้และเสาหินจำนวนมาก
บางคนกล่าวว่าโลกที่อยู่ในฟองอากาศเคยเป็นส่วนหนึ่งของทะเลไหลเชี่ยว แต่หลังจากการต่อสู้ มันถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
ข่าวลือยังกล่าวว่าสิ่งเหล่านี้คือเศษชิ้นส่วนมิติช่องว่างของผู้อมตะที่ยิ่งใหญ่ ด้วยท่าไม้ตายอมตะที่แปลกประหลาด มันทำให้ฟองอากาศเหล่านี้ก่อตัวขึ้น
แต่ฟางหยวนไม่สนใจเหตุผล
เขาไปที่เสาหินและนำวิญญาณอมตะดาบบินออกมา
ดูเหมือนมันจะรับรู้ได้ถึงเบาะแสที่สลักไว้ในวิญญาณอมตะดาบบิน เสาหินเริ่มส่องแสงสีแดงและเคลื่อนที่อย่างช้าๆ
ช่องว่างขนาดเล็กปรากฏขึ้นขณะที่โครงกระดูกหนึ่งหลุดออกมา
ฟางหยวนตรวจสอบอย่างระมัดระวัง
โครงกระดูกนี้เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกระดูก มันถือเป็นทรัพยากรอมตะระดับแปด
มือขวาของโครงกระดูกถือก้อนสีเขียวเข้มเอาไว้
ฟางหยวนหยิบก้อนสีเขียวเข้มนี้ออกมา เขาทำลายมันและพบวิญญาณจำศีลอยู่หลายดวง
ท่ามกลางวิญญาณเหล่านี้ มีวิญญาณอมตะสองดวงและวิญญาณระดับมนุษย์อีกห้าดวง
น่าเสียดายที่ส่วนใหญ่ตายไปแล้ว เมื่อลมพัดมาพวกมันก็กลายเป็นเถ้าถ่านปลิวหายไปในอากาศ
หากวิธีเก็บรักษาวิญญาณไม่ดีพอ เมื่อเวลาผ่านไป พวกมันจะตายในที่สุด นี่เป็นเรื่องปกติ
สุดท้ายมันเหลือวิญญาณอมตะระดับหกเพียงดวงเดียว
ฟางหยวนเร่งช่วยชีวิตมัน
“นี่คือวิญญาณชนิดใด?” ฟางหยวนไม่รู้จักมัน
มองไปที่โครงกระดูก ไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่
“นี่คือสิ่งที่เรียกว่ามรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลงั้นหรือ?” ฟางหยวนถอนหายใจ
ผู้อมตะทั่วไปอาจมีความสุขแต่ฟางหยวนที่พึ่งได้รับมรดกของไห่ฟานรู้สึกไม่พอใจ
หลังจากตรวจสอบซากศพอย่างละเอียด ฟางหยวนพบกลุ่มก้อนความคิดจำนวนมากถูกผนึกไว้ในกะโหลกศีรษะของโครงกระดูกนี้
มันเป็นความคิดที่แตกกระจาย แม้ฟางหยวนจะเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา แต่เขาแทบไม่สามารถขุดหารายละเอียดที่สำคัญใดๆ
ไม่มีชื่อของผู้อมตะที่ทิ้งมรดกนี้เอาไว้ ฟางหยวนรู้เพียงว่าเขาแทบเอาชีวิตไม่รอดจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ ด้วยลมหายใจสุดท้าย เขาสามารถเข้ามาในฟองอากาศและทิ้งมรดกเอาไว้
มันเป็นมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลแต่ข้อมูลส่วนใหญ่สูญหายไป
อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่ได้กลับบ้านมือเปล่า
เขารู้ชื่อของวิญญาณอมตะดวงนี้ในที่สุด มันคือวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋า
วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าเป็นวิญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลสายตรวจสอบ มันช่วยให้ผู้อมตะมองเห็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นพลังงานแห่งเต๋าชนิดใดและมีจำนวนเท่าใด
โครงกระดูกนี้ไม่ใช่ผู้สร้างมรดกแต่เป็นศัตรูที่ถูกสังหารโดยผู้อมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูล
สิ่งนี้ทำให้ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจ
โดยปกติหลังจากผู้อมตะตาย พลังงานแห่งเต๋าของพวกเขาจะกลับไปยังมิติช่องว่างอมตะ เว้นเพียงพวกเขาจะเป็นผีดิบอมตะ โดยปราศจากมิติช่องว่างที่มีชีวิต พลังงานแห่งเต๋าจะยังอยู่บนร่างกายของพวกเขา
“ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลผู้นี้มีวิธีการที่น่าทึ่ง เขาสามารถเก็บพลังงานแห่งเต๋าไว้ในโครงกระดูก แต่น่าเสียดายที่ข้อมูลมีน้อยเกินไปและไม่สามารถกอบกู้”
ฟางหยวนรู้สึกเสียดายมาก
เขาหวังว่ามรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลนี้จะทำให้เขาสามารถกำจัดข้อตกลงพันธมิตร
น่าเสียดายที่สิ่งต่างๆบนโลกใบนี้มักไม่เป็นไปตามความคาดหมาย
สิ่งที่เขาได้รับมีเพียงวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าเท่านั้น
หลังจากเก็บวิญญาณอมตะไว้ในมิติช่องว่าง ฟางหยวนเตรียมตัวที่จะจากไป
“ฆาตกร เจ้าจะไปที่ใด!?” แต่ในจังหวะนี้ร่างสีเลือดกลับพุ่งเข้ามาในฟองอากาศใบนี้อย่างกะทันหัน
ดวงตาสีแดงก่ำมองมาที่ฟางหยวนด้วยเจตนาสังหาร
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1157 กวาดล้าง
แปลโดย iPAT
อีกฝ่ายมองมาที่ฟางหยวน ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล เส้นผมยุ่งเหยิงและแสดงออกด้วยความรู้สึกที่โศกเศร้า
ความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นในใจของฟางหยวน ‘ติงฉี’
หลายวันก่อนผู้อมตะฮวาตี้เตือนฟางหยวนเกี่ยวกับปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดติงฉีที่มายังทะเลไหลเชี่ยว ติงเยี่ยนเป็นน้องชายของเขาที่ตายด้วยน้ำมือของหลิวชิงหยู
เมื่อฟางหยวนเห็นคนผู้นี้ เขาจึงสามารถคาดเดาได้โดยธรรมชาติ
จากนั้นผู้อมตะอีกกลุ่มก็พุ่งตามเข้ามาในฟองอากาศใบนี้
มีสองคนที่ฟางหยวนคุ้นหน้า
หนึ่งคือถังซ่ง อีกหนึ่งคือเจาลี่
ถังซ่งตะโกน “ติงฉี เจ้าพยายามไปที่ใด? หนึ่งปีหลังจากนี้จะเป็นวันครบรอบการตายของเจ้า! น่าเสียดายที่น้องชายของเจ้าตายไปแล้ว ไม่มีผู้ใดส่งเครื่องเซ่นไหว้ให้เจ้า ฮ่าฮ่าฮ่า”
ติงฉีราวกับไม่ได้ยินสิ่งใด เขามองฟางหยวนและกัดฟันแน่น “มันคือเจ้า! เจ้าพึ่งได้รับมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่น้องชายข้าพยายามค้นหา ดังนั้นเจ้าก็เป็นฆาตกรที่ฆ่าน้องชายของข้า!”
“อันใด!?” ผู้อมตะที่ติดตามติงฉีมาหันหน้าไปทางฟางหยวนด้วยความประหลาดใจ
ฟางหยวนยิ้ม “น่าสนใจ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าได้รับมรดก”
ติงฉีเผยรอยยิ้มเย็นชา “เพราะข้ามีวิญญาณอมตะร่องรอยโลหิต”
หลังกล่าวจบคำ เขากระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดวงนี้ทันที
แสงสีเลือดส่องประกายขึ้นบนเกาะและแสดงภาพที่ฟางหยวนรับสืบทอดมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูล
เจาลี่และถังซ่งกรีดร้องด้วยความโกรธ “เขาขโมยมรดกของเรา!”
“เจ้าคือผู้ใด?”
“มอบมรดกมา!”
ฟางหยวนยิ้มกว้าง เขาไม่สนใจผู้อมตะทั้งสองแต่มองไปที่ติงฉีด้วยความอยากรู้อยากเห็น “วิญญาณอมตะร่องรอยโลหิต นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินชื่อนี้”
“นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดที่ข้ากับน้องชายสร้างขึ้น นอกจากนี้เรายังสร้างวิญญาณอมตะคำสาบานเลือดอีกด้วย!” ติงฉีกล่าวด้วยความโกรธและโศกเศร้า
เจาลี่ ถังซ่ง และผู้อมตะคนอื่นๆโกรธมากเช่นกัน
หลิวชิงหยูรวบรวมผู้คนและเดินทางมายังทะเลไหลเชี่ยว เรื่องนี้ทำให้ติงฉีปรากฏตัวขึ้น
ข้อมูลนี้หลุดออกไปทำให้เจาลี่และถังซ่งรวบรวมกลุ่มผู้อมตะเดินทางมาที่นี่ แรกเริ่มพวกเขาสงสัยว่าหลิวชิงหยูได้รับเบาะแสเกี่ยวกับมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูล
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเดินทางมาที่นี่แต่สุดท้ายกลับพบติงฉี
ติงฉีมาที่นี่นานแล้วและใช้วิญญาณอมตะร่องรอยโลหิตเพื่อเตรียมการบางอย่าง
สองฝ่ายต่อสู้กันแต่ติงฉีเพียงผู้เดียวไม่สามารถต่อสู้กับศัตรูจำนวนมาก เขาต้องหลบหนีพร้อมกับต่อสู้ ระหว่างนั้นฟางหยวนเข้ามาและรับมรดก ติงฉีรู้สึกถึงบางสิ่งและรีบวิ่งมาที่นี่โดยไม่สนใจสิ่งใด
‘วิญญาณอมตะร่องรอยโลหิต น่าสนใจ’ ฟางหยวนมองติงฉีด้วยคยวามชื่นชนและถอนหายใจ ‘อัจฉริยะมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง พวกเขามีพรสวรรค์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง’
พี่น้องคู่นี้ได้ค้นคว้าและสร้างวิญญาณอมตะร่องรอยโลหิตและวิญญาณอมตะคำสาบานเลือด นี่เป็นความสามารถที่หาได้ยากอย่างแท้จริง
“จะถอนหายใจเพื่อสิ่งใด? มอบมรดกมา!”
“ถูกต้อง มรดกของข้า เจ้ากล้าแยกมันจากเรางั้นหรือ?”
เจาลี่และถังซ่งกรีดร้อง
พวกเขาทำงานอย่างหนักและใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้รับมรดกนี้แต่คนนอกที่ไม่รู้จักกลับฉกชิงมันไป
เจาลี่และถังซ่งถือว่ามรดกนี้เป็นของพวกเขาไปแล้ว เมื่อฟางหยวนฉกชิงมันไป แล้วพวกเขาจะทนได้อย่างไร?
เจาลี่และถังซ่งเลิกสนใจติงฉีและหันไปหาฟางหยวน
แต่ติงฉีเร็วกว่า เขาโจมตีฟางหยวนโดยตรง “ฆาตกร มอบชีวิตของเจ้ามา!”
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง “เจ้าต้องการชีวิตของข้าแต่ข้าจะไม่เล่นกับเจ้า มรดกเป็นของข้าแล้ว”
หลังกล่าวจบคำฟางหยวนพุ่งออกจากฟองอากาศและเข้าไปในกระแสน้ำ
“ตาม!”
“เราต้องจับเขาไม่ว่าจะตายหรือมีชีวิต!”
เจาลี่และถังซ่งตะโกนด้วยความโกรธ พวกเขาปฏิเสธที่จะยอมแพ้โดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำกล่าวสุดท้ายของฟางหยวนที่ทำให้พวกเขายิ่งโกรธมากขึ้น
กลุ่มผู้อมตะออกไปและไล่ล่า
ในสภาพแวดล้อมพิเศษ กลุ่มผู้อมตะสามารถเคลื่อนที่ไปตามกระแสน้ำเท่านั้น ระหว่างกระบวนการนี้การโจมตีนับไม่ถ้วนพุ่งไปที่ฟางหยวน
ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะเพื่อปกป้องตนเองขณะเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว
วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติไม่สามารถมองข้าม ในไม่ช้ากลุ่มผู้อมตะก็ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
“โอ้ การเคลื่อนไหวของคนผู้นี้ช่างคุ้นเคยนัก!” เจาลี่รู้สึกงุนงง
ดวงตาของถังซ่งเบิกกว้าง เขาต้องการรับมรดกและไม่ได้คิดสิ่งอื่นใด
ระหว่างทั้งสองฝ่ายมีปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดติงฉีอยู่ตรงกลาง
ดวงตาของเขาเป็นสีแดงเลือดและเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร “ตาย ตาย น้องชายของข้าตายและเจ้าฉกชิงผลประโยชน์จากเขา เจ้าต้องตาย ข้าจะฉีกร่างเจ้าออกเป็นชิ้นๆ!”
ความโกรธทำให้เขาสูญเสียเหตุผลและอยู่ในสภาวะบ้าคลั่ง
ฟางหยวนหันหลังกลับและหลบการโจมตีเป็นครั้งคราว
กลุ่มผู้อมตะไล่ล่าฟางหยวนอยู่เป็นเวลานานแต่ยังไร้ประโยชน์และสูญเสียพลังงานอมตะไปเป็นจำนวนมาก
ที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น มันเป็นสถานที่พิเศษ
ฟองอากาศปรากฏขึ้นด้านหน้าทำให้พวกเขาคิดว่าฟางหยวนเข้าไปภายใน
“ตามเข้าไป!”
“เร็ว ล้อมมันไว้!”
“มีบางสิ่งผิดปกติ เหตุใดเขาถึงเข้าไปในฟองอากาศแทนที่จะหลบหนี?”
กลุ่มผู้อมตะปิดล้อมฟองอากาศใบนี้เอาไว้แต่พวกเขาไม่ได้เข้าไปและยังรู้สึกสงสัย
ร่างสีแดงเลือดพุ่งเข้าไปในฟองอากาศราวกับลูกศร
มันคือปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดติงฉี เขาเด็ดเดี่ยวมากกว่าผู้อมตะเหล่านั้น
กลุ่มผู้อมตะเริ่มกระสับกระส่าย หลังจากชั่วครู่พวกเขาไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป ถังซ่งพุ่งเข้าไปตามด้วยเจาลี่และคนอื่นๆ
“แปลก ที่นี่ที่ใด?”
“เมือง?”
กลุ่มผู้อมตะพบเมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแต่มันพังทลายราวกับเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นที่นี่
นอกจากนั้นมันยังเต็มไปด้วยหยากไย่และฝุ่น ดูเหมือนมันจะถูกทิ้งร้างมานานหลายปี
“แปลก ที่นี่คือทะเลไหลเชี่ยว แต่ดูเหมือนจะมีผู้คนอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อน”
“พวกเขาไม่ควรเป็นผู้อมตะแต่มนุษย์ธรรมดาสามารถอาศัยอยู่ที่นี่งั้นหรือ?”
กลุ่มผู้อมตะวิพากษ์วิจารณ์
“แล้วคนผู้นั้นอยู่ที่ใด?”
“ติงฉีก็หายตัวไปเช่นกัน”
“ไม่ ติงฉีอยู่ที่นั่นและกำลังเผชิญหน้ากับท่านถังซ่ง”
“ผู้อมตะที่รับมรดกหายไปจริงๆ ดูเหมือนเขาจะซ่อนตัวอยู่ด้านใน”
“ค้นหาเขาและบังคับให้เขาส่งมอบมรดก!”
ขณะที่กลุ่มผู้อมตะกำลังจะเคลื่อนไหว พวกเขากลับได้ยินเสียงของฟางหยวนดังลงมาจากท้องฟ้า “พวกเจ้าจงสนุกกับสิ่งนี้เพราะมันจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่พวกเจ้าจะตาย”
หลังสิ้นเสียง ท้องฟ้ากลายเป็นมืดครึ้ม
กลุ่มผู้อมตะเงยหน้าขึ้นและแสดงออกด้วยความตกใจ
เพราะพวกเขาเห็นมือขนาดใหญ่จำนวนมหาศาลปกคลุมท้องฟ้าเอาไว้ทั้งหมด
กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่แผ่กระจายออกไปทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวและไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
“เป็นไปไม่ได้! นี่เป็นภาพลวงตา หากเขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เหตุใดเขาต้องวิ่งหนี!?” เจาลี่ตะโกน
ขวัญกำลังใจของกลุ่มผู้อมตะเพิ่มสูงขึ้น พวกเขารู้สึกว่าเจาลี่กล่าวได้ถูกต้อง
พวกเขาเริ่มโจมตี
“บึม!”
ด้วยเสียงที่ดังสนั่น กำปั้นยักษ์พุ่งลงมาบดขยี้กลุ่มผู้อมตะและทำให้พวกเขากลายเป็นเศษเนื้อในเสี้ยวพริบตา
“นี่เป็นไปได้อย่างไร?” เจาลี่ปีนขึ้นมาจากหลุมและกวาดตามองไปรอบๆด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เมืองทั้งเมืองกลายเป็นซากปรักหักหัง
ผู้อมตะที่รอดชีวิตรู้สึกตกใจและหวาดกลัวมาก
แม้พวกเขาจะมีจำนวนมากกว่าแต่พวกเขากลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์
‘กับดักของนิกายเงามีประโยชน์จริงๆ ฮ่าฮ่า’ ฟางหยวนคิดและกระตุ้นใช้กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนต่อไป
ดวงตาของกลุ่มผู้อมตะเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นกำปั้นยักษ์จำนวนมากปกคลุมท้องฟ้าเอาไว้อีกครั้ง
“มันมาอีกแล้ว!”
“อดทนไว้ พวกเราต้องรอด!”
“ในช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย นำไพ่ตายของทุกคนออกมา พวกเราต้องรอดไปจากที่นี่”
กลุ่มผู้อมตะตะโกนด้วยความกังวล การแสดงออกของพวกเขาแตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง
“บึม!”
กำปั้นยักษ์ทั้งหมดทิ้งตัวลงมา ครั้งนี้มีเพียงสามคนที่รอดชีวิต
เจาลี่ ถังซ่ง และปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดติงฉี
กำปั้นยักษ์ถูกใช้เป็นครั้งที่สาม ผู้อมตะทั้งสามตกอยู่ในความสิ้นหวัง
“ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ามีช่วงเวลาที่ง่ายดายแม้ข้าจะตายก็ตาม!” ติงฉีระเบิดตัวเอง
เจาลี่และถังซ่งพยายามต่อต้านแต่ยังไร้ประโยชน์
ในที่สุดพวกเขาก็ตายภายใต้น้ำมือของฟางหยวน
“แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ เมืองจิ๋ว ชางยอดเยี่ยมสมคำล่ำลือ” ฟางหยวนยกย่องและถอนหายใจ
มีบ่อน้ำอยู่ด้านหน้าเขา
ผิวน้ำด้านในแสดงภาพเมืองที่ถูกทำลายโดยกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนสามครั้ง
มีคราบเลือดและเศษเนื้อของกลุ่มผู้อมตะกระจัดกระจายอยู่รอบๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น