ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1153-1158
บทที่ 1153 ไม่ทันได้คิดให้รอบคอบ
จุดประสงค์ในการขึ้นมาบนภูเขาในครั้งนี้ไม่ใช่การเที่ยวชมธรรมชาติในฤดูใบไม้ผลิ ดังนั้นจึงปีนขึ้นไปข้างบนได้ค่อนข้างช้า ฉินสือโอวพาพ่อกับแม่เริ่มเดินตรงทางขึ้นเขา แบบนี้สภาพเส้นทางจะดีกว่า ส่วนผักป่าก็มีอยู่ไม่น้อย เนื่องจากบนเกาะแฟร์เวลไม่มีคนทานผักป่า ดังนั้นผักป่าที่อยู่ริมทางเดินบนเขาจึงไม่มีคนเก็บไปทาน
พ่อของฉินสือโอวทำหน้าบึ้ง อีกนิดก็จะสลักคำว่าไม่มีความสุขไว้บนหน้าผากอยู่แล้ว
แม่ของฉินสือโอวสังเกตเห็น จึงรอจนถึงตอนที่ไม่มีคนอยู่ใกล้ๆ แล้วพูดกับพ่อฉินว่า “พ่อดูสิว่าตอนนี้พ่อกำลังทำหน้าแบบไหน? ไม่ใช่ว่าพ่ออยากขึ้นมาเก็บผักบนภูเขาเองหรอกเหรอ? แล้วนี่เป็นอะไรไปล่ะ?”
พ่อฉินหัวเราะกลบเกลื่อน อธิบายว่า “ท้องไส้ไม่ค่อยดี ไม่สบายท้องน่ะ คิดว่าน่าจะเป็นเพราะยังปรับตัวไม่ได้”
พอได้ยินว่าสามีไม่สบายท้อง แม่ฉินก็รีบถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง แม่ฉินหันกลับไปมอง พอเห็นว่าที่นี่อยู่ห่างจากฟาร์มปลาไม่ไกล จึงพูดขึ้นมาว่า “ถ้าอย่างนั้นพ่ออย่าขึ้นเขาเลย กลับไปก่อนดีกว่าไหม?”
พ่อฉินโบกมือปัดแล้วพูดว่า “จะทำอย่างนั้นได้อย่างไร? นี่เป็นกิจกรรมของครอบครัวนะ พ่อก็เป็นหัวหน้าครอบครัวคนหนึ่ง อย่างไรก็ต้องเข้าร่วมอยู่แล้ว”
ฉินสือโอวเห็นว่าคนชราทั้งสองคนรั้งท้ายอยู่ข้างหลัง จึงเดินกลับไปถามด้วยความประหลาดใจว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังจากแม่ฉินอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังแล้ว พอฉินสือโอวหันไปมองพ่อที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ท่าทีโต้ตอบที่มีกลับไม่ได้เป็นเพราะไม่สบายท้อง แต่เป็นเพราะพ่ออยากขึ้นไปล่าสัตว์บนภูเขา แต่ปรากฏว่าต้องเดินไปตามเส้นทางที่ถูกผู้คนหักร้างถางพงไว้เรียบร้อยแล้ว แล้วแบบนั้นจะไปเจอเหยื่อได้อย่างไรกัน
ฉินสือโอวจึงเปลี่ยนเส้นทาง ตัดผ่านเข้าสู่ริมลำธาร แล้วเดินเลาะไปตามลำธารเพื่อขึ้นไปบนภูเขาแทน
แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันถึงจะเดินได้ยาก ทว่าผักป่าที่ขึ้นอยู่ตามริมลำธารก็มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ยิ่งกว่า อ่อนนุ่มกว่า และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือมีสัตว์ป่าตัวเล็กๆ วิ่งมากินน้ำที่ริมลำธารอยู่เรื่อยๆ แบบนี้จึงสามารถเติมเต็มความปรารถนาของพ่อฉินได้แล้ว
เพิ่งจะเปลี่ยนตำแหน่งมาอยู่ที่ริมลำธาร ก็ได้เห็นกวางหางขาวฝูงเล็กฝูงหนึ่งที่กำลังดื่มน้ำอยู่ นี่คือกวางฝูงใหม่ มีกวางตัวโตแค่สี่ตัวเท่านั้นตัวอื่นๆ ที่เหลือมีแต่ลูกกวาง น่าจะเป็นกวางใหญ่สองคู่ที่มากับลูกๆ ของพวกมัน ดูจากขนาดของลูกกวางแล้ว พวกมันน่าจะเกิดตอนช่วงฤดูหนาว
พ่อฉินยกปืนขึ้นด้วยความตื่นเต้น แต่กลับลังเลไม่รู้ว่าจะต้องยิงอย่างไร แบล็คไนฟ์จึงช่วยเขาจัดท่าทางเล็กน้อย แสดงสีหน้าไปที่เป้าหมายที่อยู่ในแนวระนาบเดียวกัน ให้เขาเล็งแล้วยิงออกไปก็เป็นอันเรียบร้อยแล้ว
เสียง ‘ปัง’ ดังกึกก้องขึ้นมา ปากกระบอกปืนสะบัดขึ้นไปบนฟ้า พ่อฉินมองไปที่ฝูงกวางด้วยความตื่นเต้น เพื่อจะดูว่ามีกวางล้มลงบ้างไหม
ปรากฏว่าอย่าว่าแต่ล้มลงเลย กวางพวกนี้ไม่แม้แต่จะได้รับบาดเจ็บเลยด้วยซ้ำ หลังจากถูกทำให้ตื่นตระหนกตกใจพวกมันก็หมุนตัวแล้ววิ่งหนีเข้าไปในป่าทึบทันที
หู่จือเป้าจือพุ่งตัวออกไปข้างหน้าเหมือนลูกธนูแหลมคม ฉินสือโอวจึงตะโกนออกไปเรียกให้พวกมันกลับมา ไม่เช่นนั้นแล้วก็ไม่รู้แน่ว่าเจ้าสองตัวนี้จะวิ่งตามฝูงกวางหางขาวไปจนถึงที่ตรงไหน
พ่อฉินส่ายหัวอย่างเซ็งๆ แล้วกล่าวว่า “การล่าสัตว์นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ”
แม่ฉินก็จ้องหน้าเขาแล้วพูดว่า “ตาเฒ่า พ่อไม่ได้ปวดท้องอยู่หรอกเหรอ? แม่ว่าตอนนี้พ่อดูมีแรงเหลือเฟือเลยนะ”
พ่อฉินยิ้มแห้งๆ หัวเราะกลบเกลื่อนพร้อมกับพูดว่า “ปวดท้องเป็นพักๆ น่ะ ตอนนี้ไม่ปวดแล้วล่ะ แม่ไปเก็บผักของแม่เถอะ พ่อจะเดินไปสำรวจด้านหน้าสักหน่อย”
เดินเลียบริมลำธารไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ทุ่งคะน้าป่าหนึ่งผืนก็ปรากฏขึ้นที่ริมลำธาร มีใบผักบางส่วนยังมีรอยฟันของลูกกวางอยู่ ยิ่งช่วยพิสูจน์ได้ว่าผักป่าผืนนี้สามารถนำไปทานเป็นอาหารได้
ที่จีนก็มีคะน้าป่าเช่นกัน เพียงแต่ว่าที่บ้านเกิดของฉินสือโอวจะพบได้น้อยแม่ฉินจึงไม่รู้จัก ฉินสือโอวเคยค้นเจอในอินเทอร์เน็ต ผักป่าชนิดนี้มีคุณประโยชน์ที่มากมายหลายอย่าง สามารถนำมาใช้ทำเหมยไช่โค่วโร่ว (หมูสามชั้นตุ๋นวางบนผักกาดดอง) แทนผักกาดดองได้ สามารถนำมาดองกับพริกเพื่อทำเป็นผักดองเค็มได้ และยังสามารถนำไปลวกน้ำให้สุกแล้วเอามาคลุกกับกระเทียมบดได้อีกด้วย
พอฉินสือโอวพูดให้ฟังคร่าวๆ แม่ฉินก็เปลี่ยนจุดมุ่งหมาย ไม่สนใจพ่อฉิน แล้วหันมาเก็บผักพวกนี้อย่างจดจ่อตั้งใจ จนเต็มถุงตาข่ายใบเล็กอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นก็เจอต้นหอมป่ากับใบกระเทียมป่า สามารถเด็ดผักพวกนี้ไปได้เยอะหน่อย แม่ฉินพูดให้วินนี่ฟังว่า “ผักพวกนี้เอาไปตุ๋นกับเนื้อแล้วอร่อยมาก รสชาติดีกว่าหอม กระเทียม ขิง ที่ปลูกตามบ้านแท้ๆ เสียอีก แล้วยังช่วยขจัดน้ำมันและกลิ่นคาวของซี่โครงได้ด้วย”
เดี๋ยวขุดเดี๋ยวพักตลอดทาง แม่ฉินมีความสุขมากๆ ทางฝั่งของเธอได้ของติดไม้ติดมือมาค่อนข้างมาก ถุงตาข่ายที่อีวิลสันแบกอยู่บนหลัง ก็มีแต่ผลงานชิ้นเอกของแม่กับพี่สาวของฉินสือโอว
ทางฝั่งพ่อฉินก็ยังรู้สึกหดหู่ต่อไปอีก พ่อกับพี่เขยของฉินสือโอวยิงปืนไปตลอดทาง แต่กลับยิงเหยื่อไม่โดนเลยสักตัว สู้หู่จือกับเป้าจือก็ไม่ได้ หู่จือโถมเข้าโจมตีกระต่ายป่าสโนว์ชูตัวอวบอ้วนได้หนึ่งตัว ส่วนเป้าจือก็กัดไก่ฟ้าอเมริกาเหนือมาได้หนึ่งตัว
ถึงช่วงเที่ยง ฉินสือโอวหาพื้นที่ราบบริเวณริมลำธารแล้วทำการเก็บกวาดเพื่อที่จะทำอาหาร พื้นที่ตรงนี้มีเตาที่ก่อขึ้นจากก้อนหินกับโคลนจากลำธาร เป็นสถานที่ที่ไกด์นำเที่ยวพาบรรดานักท่องเที่ยวมาทำอาหารทานในป่า
ในลำธารมีปลาคาพีลินตลอดทั้งปี โดยเฉพาะตอนนี้ก็ยิ่งมีเยอะเป็นพิเศษ เนื่องจากปลาคาพีลินฝูงใหญ่ที่เป็นกำลังหลักมาถึงฟาร์มปลาแล้ว มีปลาบางส่วนที่ว่ายทวนกระแสน้ำมาตามลำธาร กระจายตัวไปทั่วลำธารสายนี้
ฉินสือโอวพกตาข่ายจับปลาอันเล็กติดตัวไปด้วยหนึ่งผืน หลังจากทอดลงไปในลำธารแล้วก็ลากขึ้นมาตามสะดวก ข้างในมีปลาคาพีลินตัวอวบอ้วนอยู่หลายสิบตัว
พ่อฉินช่วยเขาเอาปลาออกมาจากตาข่าย แล้วพูดอย่างทอดถอนใจว่า “แกว่าคนแคนาดาเขารักษาสิ่งแวดล้อมกันอย่างไร? แม่น้ำลำธารทั่วๆ ไปยังมีปลาอยู่เยอะขนาดนี้ ตอนที่พวกเราเป็นหนุ่ม ก็เคยได้ยินมาว่าที่เป่ยต้าฮวงใช้ท่อนไม้ตีกวางโรใช้กระบวยตักปลา กระทั่งไก่ป่าก็บินมาลงหม้อเองอะไรทำนองนั้นมาเหมือนกัน ที่เป่ยต้าฮวงไม่เคยได้เห็น แต่กลับเป็นภูเขาลูกเล็กๆ ที่นี่ต่างหากที่ทำให้พ่อได้เปิดหูเปิดตา”
ได้ฟังข้อสงสัยของพ่อฉิน วินนี่ก็อธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “พ่อคะ มันไม่เหมือนกันนะคะ แคนาดามีพื้นที่กว้างขวางแต่มีประชากรบางตา พื้นที่ของที่นี่ใหญ่กว่าประเทศจีน แต่จำนวนประชากรกลับมีไม่ถึงครึ่งหนึ่งในมณฑลของที่นู่นเลยค่ะ ทรัพยากรธรรมชาติที่ได้รับย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว”
“อีกอย่างก็เพราะปลาพวกนี้คือปลาคาพีลิน ตอนนี้เป็นฤดูกาลแพร่พันธุ์ของพวกมัน มีปลาจำนวนมากที่ว่ายน้ำมาจากฟาร์มปลาของพวกเราแล้วเลียบตามลำธารขึ้นไปทางเหนือ ดังนั้นมันถึงได้มีปลาอยู่เยอะขนาดนี้ ปกติแล้วลำธารสายนี้มีปลาอยู่ไม่มาก ยังห่างไกลจากฟาร์มปลาของพวกเราอยู่เยอะ”
ฉินสือโอวจัดการปลาคาพีลินเสร็จแล้ว จึงใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนค้นหาปลาใต้น้ำสักหน่อย เขาเจอปลานิลตัวอ้วนๆ สองตัวเขาจึงหยิบเบ็ดตกปลาอันเล็กแบบยืดหดได้ออกมาแบ่งให้พี่เขย พลิกก้อนหินหาไส้เดือนมาสักสองสามตัว หลังจากนั้นก็ใส่ลงไปในน้ำแล้วเพิ่มพลังโพไซดอนเข้าไปเล็กน้อย แบ่งไปให้พี่เขยแขวนไว้กับตะขอของเบ็ดตกปลาแล้วแยกกันโยนลงไปในน้ำ
ปลานิลถูกเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าปลาทิลาเพีย มีขนาดตัวที่อ้วนท้วนมากๆ ชาวอเมริกาไม่นิยมทานปลาน้ำจืด แต่ปลานิลเป็นข้อยกเว้น เนื้อปลาทอดในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดหลายแห่ง ส่วนมากจะทำมาจากปลาค็อดกับปลานิล
ด้วยความยอดเยี่ยมของปลาชนิดนี้ในทุกๆ ด้าน ทำให้หลังการค้นพบ ปลาสายพันธุ์นี้ก็ถูกนำเข้าสู่ทุกประเทศทั่วโลก ในแหล่งน้ำจืดของอเมริกาและแคนาดาก็มีปลาชนิดนี้อยู่
ทว่ามันไม่ได้แพร่พันธุ์อย่างบ้าคลั่งเหมือนปลาคาร์ฟเอเชีย เรื่องนี้ทำให้ทางด้านกรมประมงแคนาดาปวดประสาทเป็นอย่างมาก ปลาที่อยากให้แพร่พันธุ์กลับทำให้แพร่พันธุ์ไม่ได้ แต่ปลาที่ไม่อยากให้แพร่พันธุ์กลับสามารถแพร่พันธุ์ได้เสียอย่างนั้น
เบ็ดของพี่เขยตกปลาได้ก่อน เข้าดึงเอ็นตกปลาเก็บไปด้านหลัง หลังจากดึงขึ้นมาแล้วก็ได้ปลานิลขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของฝาหม้อหุงข้าวไฟฟ้า
ปลาชนิดนี้มีนิสัยค่อนข้างอ่อนโยน มีความสามารถในการเอาชีวิตรอดที่แข็งแกร่ง ความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมก็ยอดเยี่ยม เพียงแต่ว่าพละกำลังที่มีไม่ค่อยแข็งแกร่งนัก หลังจากโดนตกขึ้นมามันก็ไม่ได้ดิ้นรนให้สิ้นเปลืองกำลัง
ตกได้ปลาที่ตัวใหญ่ขนาดนี้หนึ่งตัว พี่เขยก็รู้สึกมีความสุขอย่างถึงที่สุด ความรู้สึกซึมเซาไม่มีชีวิตชีวาเพราะล่าเหยื่อไม่ได้ในช่วงเช้าถูกปัดเป่าออกไปจนหมดสิ้น เขาใช้มือจับมันไว้อย่างอิ่มอกอิ่มใจแล้วบอกให้พี่สาวของฉินสือโอวถ่ายรูปให้
หลังจากนั้นทางฝั่งของฉินสือโอวก็ตกปลาขึ้นมาได้ทันที ปลานิลอีกตัวกินเบ็ดแล้ว เป็นปลาที่มีขนาดเท่าๆ กัน ปลาทั้งสองตัวน่าจะมีน้ำหนักราวๆ ห้ากิโลกรัม เพียงพอสำหรับการนำมาตุ๋นเป็นซุปแล้ว
กองทัพที่แข็งแกร่งเกรียงไกร ครั้งนี้ฉินสือโอวต้องการที่จะสร้างความลำบากให้กับฝูงหมูป่า แต่ปรากฏว่าไม่รู้ว่าเป็นเพราะหมูป่าพวกนั้นมีความสามารถในการรับรู้ที่แข็งแกร่งหรือเป็นเพราะช่วงเช้าพ่อฉินยิงปืนมาตลอดทางจนทำให้พวกมันตกใจเลยวิ่งหนีไปแล้ว ขนาดหู่เป้าฉงหลัวออกโจมตีด้วยกัน แต่ก็ยังหาหมูป่าไม่เจอ
กลับกลายเป็นว่าหลังจากที่ฉงต้ามุดป่าเข้าๆ ออกๆ อยู่สักพัก ทันใดนั้นมันก็สูดจมูกแล้ววิ่งไปที่ใต้ต้นโอ๊กสีดำต้นหนึ่ง แล้วส่ายสะบัดหางเล็กๆ หมุนไปหมุนมาด้วยความรู้สึกสนอกสนใจ
บทที่ 1154 ตกหมูป่า
ต้นโอ๊กดำเป็นต้นไม้ที่ค่อนข้างน่าสนใจชนิดหนึ่ง ตอนนี้ยังไม่สามารถแยกประเภทของมันได้อย่างชัดเจน บางคนเชื่อว่ามันคือพันธุ์ไม้ในตระกูลต้นบีช แต่บางคนก็เชื่อว่ามันคือต้นโอ๊กสายพันธุ์หนึ่ง
แต่สามารถแน่ใจได้ว่า โอ๊กดำไม่ใช่ต้นโอ๊กตามที่ชาวอเมริกาเรียกอย่างแน่นอน เนื่องจากที่อเมริกาต้นโอ๊กถูกกำหนดให้เป็นต้นไม้ประจำชาติในปี 2001 โดยนิสัยของพวกลุงแซมแล้ว สิ่งที่พวกเขานำมาเชื่อมโยงกับประเทศจะต้องเป็นสิ่งที่รู้จักกันโดยทั่วไป อย่างเช่นนกอินทรีหัวขาวที่เป็นนกประจำชาติ หรือดอกไม้ประจำชาติอย่างดอกกุหลาบ
โอ๊กดำเป็นต้นไม้ที่เติบโตได้ไม่สูงมาก ทางฝั่งตะวันออกของอเมริกาก็โตได้สูงถึงแค่สองสามเมตรเท่านั้น พันธุ์ไม้ชนิดนี้ที่เทือกเขาเคอร์บัลก็ยิ่งมีขนาดความสูงที่เตี้ยยิ่งกว่า แค่เกือบๆ หนึ่งเมตรครึ่ง พอลุกขึ้นยืนฉงต้าก็สูงกว่ามันแล้ว
แมกไม้ของต้นโอ๊กดำแผ่ออกอย่างเต็มกำลัง ฤดูใบไม้ผลิมาเยือน ใบไม้สีเขียวสดก็งอกขึ้นมาใหม่ ประดับด้วยแสงมันวาวสีเขียวเข้มดูเอิบอิ่ม เปลือกไม้เป็นสีดำ อีกทั้งยังแตกออกเป็นลวดลายที่ไม่มีรูปแบบตายตัว ดูแล้วค่อนข้างอัปลักษณ์
ตอนแรกที่ฉินสือโอวเห็นฉงต้าวนอยู่รอบๆ ต้นไม้ เขาก็นึกว่ามันอยากจะฉี่ แต่ปรากฏว่าเดินวนไปหลายรอบแล้ว แต่ฉงต้าก็ไม่ได้แยกขาแล้วฉี่ออกมา แต่กลับชูอุ้งเท้าขึ้นมาไว้บนรากของต้นไม้แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มขุดมันขึ้นมา
เมื่อเห็นแบบนี้ท่านชายฉินก็เบิกบานใจ เขากวักมือเรียกวินนี่และคนอื่นๆ ด้วยความตื่นเต้นดีใจ รอจนพวกเขาเข้ามาหาแล้ว หลังจากนั้นจึงพูดกับพวกเขาว่า “ดูสิ เดี๋ยวนี้ฉงต้าให้ความสำคัญกับความสะอาดมากๆ เลยนะ ขนาดว่าอึอยู่ในป่ายังขุดหลุมเองเลย”
วินนี่อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เธอพูดกับเขาว่า “คุณเรียกพวกเราให้มาดูนี่น่ะเหรอคะ? ไม่น่าสะอิดสะเอียนหรอกเหรอ? อีกเดี๋ยวเดียวก็ต้องกินข้าวแล้วนะคะ”
ฉินสือโอวหัวเราะแหะๆ ปรากฏว่าพอฉงต้าขุดหลุมเสร็จแล้วกลับไม่ได้อึออกมา แต่ร้องคำรามเรียกพวกเขาอย่างฮึกเหิมแทน
แบบนี้ทุกๆ คนจึงเริ่มรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา ดูจากท่าทางของฉงต้า นี่น่าจะแปลว่ามันทำอะไรสักอย่างได้สำเร็จ
ฉินสือโอวลองเดินเข้าไปดู หลุมดินที่ฉงต้าขุดออกมามีขนาดใหญ่พอสมควร ดินที่แข็งเพราะอากาศหนาวกับหินกรวดถูกมันสะบัดกระจายไปทั่วทุกที่ อีกทั้งท่ามกลางก้อนหินและดินสีเทาพวกนี้ ก็ยังมีกลุ่มก้อนขนาดเล็กใหญ่สีเทาดำบางส่วนอยู่ด้วย
อาร์ม็องลองมองดูเผินๆ ต่อจากนั้นเขาก็ถึงกับช็อก แล้วพูดว่า “พระเจ้า นี่มันเห็ดทรัฟเฟิลดำนี่! ที่นี่มีเห็ดทรัฟเฟิลสีดำด้วยเหรอ?”
ก้อนใหญ่มีขนาดเท่าๆ กันกับมันฝรั่ง ส่วนก้อนเล็กมีขนาดใกล้เคียงกับวอลนัท ไม่ได้มีรูปร่างลักษณะที่แน่นอนตายตัว ผิวภายนอกมีลักษณะเป็นตุ่มหูดหลายมุมที่ยืดขยายออก หลังจากผ่าออกแล้วด้านในจะมีลวดลายและรอยย่นแบบลายหินอ่อนที่รวมตัวกันอย่างแน่นหนา ถ้าไม่ใช่เห็ดทรัฟเฟิลแล้วจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ?
เมื่อฤดูหนาวของปีที่แล้ว สองผัวเมียหมาป่าขาวมักจะลงมาจากภูเขาเพื่อมาเยี่ยมลูกสาวหมาป่าขาวอยู่เป็นประจำ มีครั้งหนึ่งที่พวกมันนำลูกหมูป่าตัวเมียมาด้วยหนึ่งตัว ฉินสือโอวก็เจอเห็ดทรัฟเฟิลที่ยังไม่ถูกย่อยในกระเพาะของหมูป่าตัวนั้นอยู่หลายก้อน
เห็ดทรัฟเฟิลเป็นส่วนผสมในการทำอาหารที่ล้ำค่ามาก เบิร์ดกับแบล็คไนฟ์ตั้งใจฝึกให้ฉงต้าค้นหาเห็ดทรัฟเฟิลโดยเฉพาะ แต่ปรากฏว่าหลังจากขึ้นมาบนภูเขาหลายครั้งก็ยังหาไม่เจออยู่ดี ดังนั้นความตั้งใจพวกเขาจึงเลือนหายไป หลังจากเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีก เนื่องจากเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิแล้ว ทรัฟเฟิลที่ไม่ถูกขุดออกมาจะเกิดการเน่าเปื่อย
ตอนนี้โดยที่ยังไม่ทันได้คิดให้รอบคอบ คาดไม่ถึงว่าฉงต้าจะได้กลิ่นของทรัฟเฟิล แล้วขุดพวกมันขึ้นมา
น่าเสียดาย วันที่ขุดขึ้นมาเลยเวลาของมันมาแล้ว ด้านในของทรัฟเฟิลพวกนี้เริ่มเน่าแล้ว จนส่งกลิ่นหอมเข้มข้นของผลไม้ระคนกลิ่นเหม็นคาวออกมา เป็นกลิ่นที่แปลกประหลาดมาก ฉินสือโอวคาดว่านี่น่าจะเป็นกลิ่นประเภทที่หกที่ชาวญี่ปุ่นว่าไว้
เมื่อได้เห็นเห็ดทรัฟเฟิลที่ฉงต้าขุดออกมา วินนี่ก็แย้มรอยยิ้มด้วยจิตใจที่เบิกบาน เธอบีบคลึงแก้มอ้วนๆ ที่มีขนปุกปุยนุ่มฟูของฉงต้า พร้อมกับเอ่ยชมมันว่า “ฉงต้าเก่งมาก ฉงต้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนี่นา คิดไม่ถึงว่าจะช่วยคุณแม่หาอาหารได้แล้ว ดีมากๆ เลย ตอนเที่ยงแม่จะทำสลัดให้กินดีไหมคะ?”
ไม่ง่ายเลยกว่าฉงต้าจะทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ มันจึงรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองอย่างถึงที่สุด ราวกับแม่ไก่ที่เพิ่งจะออกไข่ได้สำเร็จก็ไม่ปาน มันส่งเสียงจากในลำคอ ร้องฮือๆ อยู่ในอ้อมอกของวินนี่ ทำเอาสัตว์ป่าและนกตัวน้อยที่อยู่ในพุ่มไม้โดยรอบพากันตกใจจนหนีกระเจิดกระเจิง
ทว่านำเห็ดทรัฟเฟิลที่เน่าแล้วไปทานไม่ได้ อาร์ม็องจึงนำพวกมันกลับไปฝังอีกครั้ง แต่ฉินสือโอวโบกมือปัด แล้วเก็บเห็ดทรัฟเฟิลพวกนี้กลับมา
อาร์ม็องพูดกับเขาเสียงเบาว่า “เพื่อน มันไม่มีประโยชน์แล้วนะ เอาไปฝังไว้ดีกว่า บางทีถ้าสปอร์ของมันโตขึ้น ปีหน้ามันอาจจะงอกออกมาอีกครั้งก็ได้”
เขานึกว่าฉินสือโอวจะคาดหวังอะไรที่มันเกินความเป็นจริง เลยอยากเอาเห็ดกลับไปลองชิมดู
วินนี่จึงช่วยอธิบายแทนสามี “ไม่ใช่ค่ะ อาร์ม็อง นี่เป็นผลสำเร็จของลูกเรา ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเอากลับไปด้วย ไม่อย่างนั้นอาจจะทำร้ายความเคารพในตัวเองของพวกเขาได้ ใช่ไหมฉงต้า?” พอพูดจบเธอก็กลับไปบีบคลึงแก้มอ้วนๆ ของฉงต้าอีกครั้ง
ฉงต้ายื่นคอออกมาข้างนอกแล้วส่งเสียงร้องครวญครางอีกสองครั้ง ไม่รู้ว่าเห็นด้วยกับที่วินนี่พูดหรือเป็นเพราะถูกวินนี่ย่ำยีจนรู้สึกไม่สบายตัวถึงได้ส่งเสียงร้องประท้วงออกมา
ความจริงแล้วสิ่งที่วินนี่พูดมาเป็นเพียงหนึ่งในจุดประสงค์ของเขาเท่านั้น เห็ดทรัฟเฟิลเน่าพวกนี้ไม่ได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียว แต่พวกมันยังมีประโยชน์อย่างมหาศาล อย่างเช่น สามารถนำมาทำเป็นเหยื่อตกหมูป่าได้!
เห็ดทรัฟเฟิลที่โตเต็มที่สามารถส่งกลิ่นแปลกประหลาดชนิดหนึ่งออกมาได้ กลิ่นนี้คล้ายคลึงกับฟีโรโมนแอนโดรสโตนที่ล่อให้หมูป่าตัวเมียเกิดความใคร่ ซึ่งจะทำให้พวกมันหลงคิดว่าได้เจอกับหมูป่าตัวผู้รูปหล่อสูงใหญ่กำยำ ด้วยเหตุนี้จึงมีนายพรานที่แคว้นปีเยมอนเตของประเทศอิตาลีที่ใช้เห็ดทรัฟเฟิลในการค้นหาหมูป่าตัวเมีย
ตอนนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ และเป็นช่วงเวลาที่หมูป่าตัวเมียจะแสดงอาการกำหนัดออกมามากที่สุด อีกทั้งเห็ดทรัฟเฟิลพวกนี้ก็เพิ่งจะเริ่มเน่าพอดี เหมาะที่จะใช้ล่อหมูป่าตัวเมียที่สุดแล้ว
ฉินสือโอวใช้ถุงตาข่ายมัดเห็ดทรัฟเฟิลพวกนี้เอาไว้ แล้วห้อยไว้บนคอของลูกแมวป่า จากนั้นก็ให้มันไปวนอยู่รอบๆ ส่วนลึกของป่าทึบ ส่วนพวกเขาก็จะซ่อนตัวเพื่อดักโจมตีอยู่ที่ริมป่า ให้พ่อฉินกับพี่เขยเป็นมือปืน รออีกเดี๋ยวถ้าได้เจอหมูป่าก็ไม่ต้องเกรงใจ จัดการให้ได้สักตัวก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน
ราชาเจ้าป่าซิมบ้าไม่มีความสุขเลยจริงๆ มันไม่ชอบกลิ่นแบบนี้ เมื่อเช้านี้หม่าม๊าวินนี่เพิ่งจะอาบน้ำเป่าขนให้มันจนมีขนที่นุ่มฟู ถ้ามีกลิ่นพวกนี้ติดไปด้วยจะทำอย่างไร? หลังจากนี้หู่จือเป้าจือจะมองมันอย่างไร? แล้วฉงต้ากับต้าป๋ายจะมองมันอย่างไร? ไหนจะพวกต้นไม้ใบหญ้าในฟาร์มปลาอีกล่ะ?
แต่เป็นผู้น้อยก็จำต้องยอมทำ มันยังคงเดินเข้าไปในป่าอย่างหมดอาลัยตายอยาก ก้าวเท้าสั้นๆ เร็วๆ วิ่งไปทั่วป่า
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ฉินสือโอวและคนอื่นๆ รอจนเริ่มรู้สึกเบื่อแล้ว จึงพากันนั่งยองๆ อยู่บนพื้นแล้วคุยเล่นกัน ในขณะนี้เสียงร้องครวญครางด้วยความวิตกกังวลก็ดังขึ้นมาจากบริเวณที่ห่างออกไปไม่ไกล “อู้วๆ!”
ผ่านไปอีกไม่กี่สิบวินาที เสียงจ้อกแจ้กจอแจก็ดังขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีเสียงหอบหายใจ ‘ฮึดฮัดๆ’ ที่ดังขึ้นมาอีกด้วย เมื่อได้ยินเสียงนี้คณะของฉินสือโอวก็เตรียมตัวให้พร้อมด้วยความเร่งรีบทันที นี่คือเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของหมูป่า
เพียงครู่เดียว เงาร่างสีเทาสว่างก็ถลันเข้ามาอย่างรีบร้อนกระสับกระส่าย ขนบนตัวกระเจิงขึ้นเป็นเส้นตรง ขนหูสีดำพลิ้วไหวไปตามลม เป็นราชาเจ้าป่าซิมบ้าที่ถูกส่งออกไปล่อหมูป่าตัวเมียนั่นเอง
ณ ช่วงเวลานี้ราชาเจ้าป่าซิมบ้าเร่งฝีเท้าวิ่งสุดชีวิต ไม่ทุ่มสุดชีวิตไม่ได้ ก็ด้านหลังมีหมูป่าตัวเมียอยู่ตั้งหลายตัว พวกมันน่ากลัวมากๆ คิดแต่จะจัดการมัน มันไม่ได้อยากมีอะไรกันกับหมูป่านะ แบบนั้นปัญหาจะไม่ได้อยู่ที่ว่าคนอื่นจะมองมันอย่างไรแล้ว แต่อยู่ที่ว่ามันจะเอาความกล้าจากไหนมาใช้ชีวิตอยู่ต่อไปต่างหาก!
เป็นดังที่คิดไว้ เห็ดทรัฟเฟิลเน่ามีแรงดึงดูดต่อหมูป่าตัวเมียที่รุนแรงมาก…
ด้านหลังของราชาเจ้าป่าซิมบ้าด้านหน้าสุดคือหมูป่าตัวเมียโตเต็มวัยที่มีขนาดของลำตัวกว่าสองเมตร ดวงตาโตๆ ทั้งสองข้างที่กำลังถลึงมองราวกับระฆังทองแดง ด้านในมีเส้นเลือดรวมกันอยู่อย่างแน่นหนา ฉินสือโอวลองหันไปมองก็ตกใจจนเกือบจะฉี่ราด ลูกแมวป่าลำบากมากแล้วจริงๆ
ลูกแมวป่าทั้งร้องทั้งวิ่ง อ๋าวๆๆๆ พ่อฮะ รีบยิงปืนเถอะ ถ้ายังไม่รีบยิงหมูป่าพวกนี้มันจะจัดการผมแล้ว!
พ่อฉินกับพี่เขยถูกสถานการณ์การบุกโจมตีของหมูป่าทำให้ตกใจจนนิ่งค้างไปแล้ว การรับมือกับหมูป่าที่บุกเข้ามาตรงหน้า เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความกล้าหาญจริงๆ
หู่จือกับเป้าจือกล้าหาญมาก เดิมทีพวกมันกำลังนอนหมอบอยู่บนพื้นด้วยความเบื่อหน่าย เมื่อเห็นว่าหมูป่าปรากฏตัวขึ้น พวกมันก็พุ่งเข้าไปหาจากทั้งทางซ้ายและขวา ใบหูใหญ่ชี้มาทางด้านหลัง ขนบนร่างกายสะบัดกระเซิงขึ้นมา กล้าหาญเป็นอย่างยิ่ง!
บทที่ 1155 ร่วมมือกันล่าสัตว์
จะให้หมูป่าพุ่งมาถึงข้างหน้าไม่ได้ เจ้านั่นน้ำหนักอย่างน้อยก็มีสองสามร้อยกิโล แรงปะทะเหมือนกับรถยนต์เล็ก ตายได้เลยนะ!
ฉินสือโอวจับแขนทั้งสองของพ่อเอาไว้จากด้านหลัง ให้เขายกปืนขึ้น มือซ้ายพยุงปากปืนไว้อย่างมั่นคง ด้ามปืนพาดอยู่บนไหล่ของพ่อ ตาด้านหนึ่งหาศูนย์หน้าและหมูเพศเมียที่ตาแดงก่ำด้านหลังเจอ นิ้วมือเหนี่ยวไกเบาๆ “ปัง ปัง ปัง!”
เสียงดังขึ้นสามเสียง ปากปืนไรเฟิลมีจังหวะขยับ หมูป่าเพศเมียที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเหมือนถูกค้อนทุบบนหัว ฝีเท้าที่เย่อหยิ่งก็สะดุดขึ้นมาในทันที
แต่ว่าพลังชีวิตของเจ้าตัวใหญ่ดื้อรั้นมาก หน้าผากของหมูป่าเพศเมียตัวนี้ถูกเปิดออกบางส่วน แต่ยังทนไล่ตามไปข้างหน้าอีกสิบยี่สิบเมตร
ราชาเจ้าป่าซิมบ้าหันกลับมามองทีหนึ่ง มันตกใจแทบบ้า หนีบหางร้องคร่ำครวญ แล้ววิ่งต่อไป!
ด้านหลังยังมีหมู่ป่าเพศเมียอีกสี่ห้าตัว ใหญ่บ้างเล็กบ้าง เล็กสุดก็มีความยาวลำตัวหนึ่งเมตรครึ่ง มิน่าแมวป่าถึงกลัวขนาดนี้ ถ้าหากถูกหมู่ป่าพวกนี้ตามทันแล้วล้อมเอาไว้ งั้นราชาเจ้าป่าซิมบ้าคงกลายเป็นซิมบ้าตายแน่นอน
ได้ยินเสียงปืนและเสียงเห่า เห็นพี่ใหญ่ด้านหน้าใกล้ตาย บวกกับมีสุนัขล่าเนื้อกับหมีสีน้ำตาลปรากฏตัวอยู่ข้างหน้า หมูป่าเพศเมียพวกนี้ตกใจกลัว ฝีเท้าที่วิ่งอยู่ของพวกมันหยุดลง มองไปทางกลุ่มฉินสือโอวอย่างลังเล ไม่กล้าไล่ตามแมวป่าต่อแล้ว
ตอนนี้ถึงคราวพวกเสือหมีหมาป่าแสดงฤทธิ์แล้ว หู่จือเป้าจือเข้าขนาบสองข้าง ฉงต้าวิ่งคำรามจากทางตรง ข้างๆ ยังมีหมาป่าขาวที่อ้าปากแยกเขี้ยวยิงฟันตัวหนึ่ง
เหล่าหมูป่าเพศเมียที่ถูกกลิ่นของทรัฟเฟิลดึงดูดความสนใจ พวกมันวนหมุนอยู่กับที่อย่างตกใจ สุ่มหาทิศทางหนึ่งแล้ววิ่งหนี มีตัวหนึ่งแตกตื่น ไม่ได้หันหลังวิ่งแต่วิ่งไปด้านข้างจึงชนเข้ากับเขี้ยวของหู่จือ
สุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ธรรมดา เผชิญกับหมูป่าได้ไม่นาน พวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ในระดับเดียวกัน
หู่จือและเป้าจือไม่ใช่สุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ธรรมดา แต่พวกมันเป็นราชาสุนัขก็ไม่เกินไป ถ้าหากอยู่ในสนามสู้สุนัข หู่จือและเป้าจือสามารถจะกัดพวกสุนัขพันธุ์ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ สุนัขพันธุ์ฟิล่า บราซิเลียโร สุนัขพันธุ์อเมริกันพิทบูล เทอร์เรีย จนวิญญาณล่องลอยได้!
ตามหมูป่าตัวนั้นทัน หู่จือเหมือนกับเสือชีตาห์ที่ล่าเหยื่อ มันกระโดดขึ้นมา แล้วชนเข้าไปที่คอของหมู่ป่าอย่างดุร้าย สี่เท้าเกาะอยู่อย่างแน่นหนา อ้าปากแล้วกัดลงไปที่เส้นเลือดบนคออย่างแรง
จุดสำคัญถูกยึดไว้ ความเร็วของหมู่ป่าตัวนี้ก็ช้าลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป้าจือก็ตามมา แล้วกัดไปที่คออีกฝั่งของหมูป่า หมาป่าขาวน้อยยิ่งดุดัน หลังจากพุ่งไปข้างหน้าก็กัดเข้าที่ขาหลังข้างหนึ่งของหมูป่าเอาไว้
หมูป่าเพศเมียเจ็บจนร้องครวญคราง ตอนนี้ความดุร้ายของมันก็ถูกกระตุ้นออกมา เบิกดวงตาแดงก่ำหันหัวไปหาคู่ต่อสู้ อ้าปากให้เห็นเขี้ยวฟันสั้นๆ แม้ว่าหมูป่าเพศเมียจะมีเขี้ยวเหมือนกับหมู่ป่าเพศผู้ แต่ว่าสั้นกว่ามาก
มันหันหัวไป สิ่งที่เห็นคือราชาแห่งป่าที่ขนาดตัวใหญ่กว่ามันมาก หมีสีน้ำตาลโคดิแอค!
ฉงต้าอ้าปากส่งเสียงร้องที่น่ากลัวออกมา เผยให้เห็นเขี้ยวฟันที่แหลมคม ต่อด้วยฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งยกขึ้นมาแล้วตบไปที่หัวของหมูป่าเพศเมีย
หมูป่าไม่ยอมด้อยกว่า พาเจ้าสามตัวพุ่งไปทางฉงต้า!
ฝ่ามือใหญ่ของฉงต้าตบเข้าที่หลังหัวของมัน แต่มันเองก็ชนเข้ากับหน้าท้องของฉงต้าจนล้มลง จากนั้นก็ส่ายร่างกายอย่างรุนแรงเพื่อจะสลัดหนอนสามตัวที่ติดอยู่ออก ในเวลาเดียวกันก็เงยหน้าร้องคำราม ความดุร้ายนั้น แสดงให้เห็นความอหังการ์ของหมูป่าในป่า
เรี่ยวแรงของหู่จือเป้าจือเยอะมาก หมูป่าสลัดพวกมันออกไม่ได้ จึงคิดที่จะล้มลงกับพื้นเพื่อทับพวกมันให้ตาย ถ้าหากเป็นหนึ่งต่อหนึ่ง ยุทธวิธีนี้ถูกต้อง แต่ตอนนี้มันมีคู่ต่อสู้มากเกินไป โดยเฉพาะยังมีหมีสีน้ำตาลที่ร่างใหญ่แรงเยอะกำลังจ้องพร้อมตะครุบอยู่
พอหมูป่าล้มลง หู่จือและเป้าจือกระโดดหลบลงมาอย่างคล่องแคล่ว เสียงดัง ‘โครม’ ของหมูป่าที่ล้มลงบนพื้น ทีนี้มันลุกไม่ขึ้นแล้ว ฉงต้าเหมือนกับเสือ มันกระโดดไปบนหน้าท้องของหมูป่า ยกฝ่ามือใหญ่ทั้งสองแล้วเริ่มตบอย่างแรง!
แค่ฉงต้ากระโดดขึ้นไปเท่านั้น พลังชีวิตของหมูป่าเพศเมียนี้ก็ถูกลดลงกว่าครึ่งแล้ว ทวารเปิด แม้แต่ขี้ยังถูกทับจนออกมา!
กลุ่มฉินสือโอวมองจนปากคอแห้ง เวร หมูป่าเพศเมียนี้น่าอนาถมาก
มองดูฉงต้าตบหมูป่าเพศเมีย อาร์ม็องรู้สึกทึ่งมาก “หมีสีน้ำตาลยังมีการโจมตีแบบนี้ด้วย? พวกมันน่าจะกดคู่ต่อสู้ไว้แล้วใช้เขี้ยวฟันฉีกกัดถึงจะถูก ฉงต้าก็เหมือนกับยอดฝีมือสานต่า ช่างน่าตกใจจริงๆ”
“ผมรู้สึกว่ามันฝึกมวยหย่งชุน” พี่เขยพูดพึมพำ
หมูป่าเพศเมียนี้ถูกฉงต้าสะกดไว้จันพลิกตัวไม่ได้ หู่จือเป้าจือหมาป่าขาวน้อยก็เข้าไปฉีกกัดอีก หลังจากเลือดออกสักพัก แรงขัดขืนของหมูป่าเพศเมียก็ไม่มีแล้ว มันร้องงึมงำไม่กี่คำ สี่เท้ายืดออก แล้วมันก็ตาย!
ฉินสือโอวเดินเข้าไปดู หมูป่าเพศเมียตายได้น่าอนาถมาก สมองถูกฉงต้าตบจนแบะ พ่อของฉินสือโอวก็เข้าไปดู ส่ายหัวพูดอย่างเสียดาย “เก็บกวาดเนื้อหัวหมูยากแล้ว”
อาร์ม็อง “…”
ถ้าหมูป่าตัวนี้ไม่ทำตัวเองล้มนอนลง ตอนนี้ก็คงจะยังสู้กับฉงต้าอย่างดุเดือดแน่ พลังชีวิตและพลังต่อสู้ของสัตว์ป่าดุร้ายน่ากลัวมาก
แน่นอนว่ามนุษย์น่ากลัวกว่า หมูป่าเพศเมียตัวก่อนหน้านี้มีรูปร่างใหญ่และดุร้ายกว่า แต่กลับถูกกระสุนสามนัดทำให้ล้มลง ยกเดียวก็ทนไม่ได้แล้ว!
หมูป่าสองตัว ฉินสือโอวถอนหายใจ เจ้าพวกนี้กระตือรือร้นเกินไปแล้ว ความจริงแล้วหมูตัวเดียวก็เพียงพอที่จะให้พวกเขากินแล้ว วินนี่ไม่ค่อยชอบกินเนื้อหมูป่า แบบนี้สองตัวคงกินไม่หมดแน่ ยังต้องเอาพวกมันลงเขาอีก
พ่อของฉินสือโอวทอดถอนใจอยู่ข้างๆ “แก่แล้ว แก่แล้ว ตอนสมัยเป็นหนุ่ม เมื่อครู่ฉันคนเดียวก็ยิงหมู่ป่าตัวนั้นได้แล้ว”
อาร์ม็องเอามือถือยื่นให้ฉินสือโอว บอกว่า “รูปภาพนี้คู่กับหัวข้ออะไรถึงจะดี? การสืบทอดพลัง?”
บนหน้าจอ เป็นภาพจังหวะที่ฉินสือโอวช่วยพ่อถือปืนเพื่อยิงจากด้านหลัง อาร์ม็องจับภาพได้เก่งมาก ภายใต้สถานการณ์ที่กดดันขนาดนี้เขายังสามารถจับภาพนี้ได้อีก เก่งมากแล้ว
ที่จริงแล้ว นี่ถือเป็นการสืบทอดของพลัง ตอนที่ฉินสือโอวฝึกเขียนหนังสือตอนเด็ก เริ่มแรกพ่อของฉินสือโอวก็คอยจับมือเขาไว้จากด้านหลัง สอนเขาวาดตารางทีละขีดทีละเส้น ตอนนี้กลับกันแล้ว เขาช่วยพ่อยิงปืน
“ภาพถ่ายดีมาก อีกเดี๋ยวส่งให้ผมด้วยนะ” ฉินสือโอวพูดกับอาร์ม็องอย่างจริงใจ ครั้งนี้พี่เขยใหญ่ทำได้ไม่เลว
พาหมูป่าสองตัวนี้กลับไป วินนี่พูดอย่างไม่ชอบใจว่า “พวกคุณทำอะไรกันเนี่ย? ฟาร์มปลายังเลี้ยงหมูป่าไว้อีกหลายตัวนะ พวกคุณยังจะล่ามาขนาดนี้ ฟุ่มเฟือยชัดๆ”
“พวกเราฆ่าแค่ตัวเดียว อีกตัวหนึ่งพวกฉงต้าเป็นคนฆ่า คุณดูภาพที่น่าอนาถของหัวหมูนั่นสิ” ฉินสือโอวชี้ให้วินนี่ดู
แม่ของฉินสือโอวกลับดีใจ บอกว่า “หมูอ้วนใหญ่ขนาดนี้สองตัว แล้วยังเป็นหมูป่าอีก เอากลับไปทำเนื้อตากแห้ง เนื้อผึ่งลมก็ดีมากไม่ใช่เหรอ? หมูป่านี้แพงมาก ที่บ้านเราครึ่งโลตั้งหนึ่งร้อยหยวนแน่ะ”
พ่อของฉินสือโอวพยักหน้า การรับรู้ของทั้งสองคนกับวินนี่ไม่เหมือนกัน พวกเขามีความคิดของการเกษตรขนาดเล็กดั้งเดิม วินนี่มีความคิดตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมของหญิงแคนาดา
ได้ยินที่ฉินสือโอวและแม่ของฉินสือโอวพูด วินนี่กลับคำทันที
เธอเรียกเสือหมีหมาป่ามา ใช้กระดาษชำระเช็ดรอยเลือดบนกรงเล็บและปาก บอกอย่างดีใจว่า “เด็กๆ ทำได้ดีมาก พวกเธอสามารถล่าหมูป่าได้แล้วเหรอ? เก่งมากเลย พวกเธอโตกันหมดแล้ว แม่ดีใจมาก…”
บทที่ 1156 กลิ่นหอมในป่า
เห็นเหล่าเสือหมีหมาคอยอ้อนวินนี่อยู่ข้างๆ ราชาเจ้าป่าซิมบ้าไม่ค่อยดีใจ เป็นผลงานตัวเองมากที่สุดแท้ๆ ใช่หรือเปล่า? พวกตัวน้อยแย่งผลงานใช่หรือเปล่า? เมื่อครู่ตัวเองเกือบจะถูกหมูกินแล้วใช่หรือเปล่า?
ตอนนี้บนคอของมันยังมีทรัฟเฟิลที่เปื่อยเน่าติดอยู่เลย ก่อนหน้าระหว่างที่วิ่งอยู่ทั้งชนทั้งกระชาก มีทรัฟเฟิลบางส่วนเหนียวเละ เลยติดอยู่บนขนของมัน ทำให้ราชาเจ้าป่าซิมบ้าที่ชอบความสะอาดยิ่งไม่พอใจ
ดังนั้นมันจึงจ้องมองไปที่พวกตัวน้อยที่ไร้ยางอายพวกนี้ด้วยความโกรธ อาศัยความได้เปรียบจากความคล่องแคล่ว มุดเข้าไปจากช่องว่างระหว่างพวกเสือหมีหมา มันมุดเข้าไปเพื่อออดอ้อนในอกวินนี่โดยตรง
แม่ของฉินสือโอวมองวินนี่คอยดูแลเจ้าพวกตัวน้อย แล้วส่ายหัวว่า “นี่เป็นพี่ชายพี่สาวของเสี่ยวเวยหมดแล้ว? ฉันว่าวินนี่ดูแลสัตว์พวกนี้ยังจะใส่ใจกว่าดูแลเสี่ยวเวยอีก”
แม้ว่าฉินสือโอวคิดว่าชื่อเสี่ยวเถียนกวาน่ารักมาก แต่ว่าพ่อแม่ของฉินสือโอวยังคงยืนยันเรียกชื่อภาษาจีนของเธอ ฉินเวย แน่นอนว่า ฝั่งพ่อแม่ของวินนี่เองก็ไม่ยอมเรียกเธอว่าเถียนกวา ต่างก็เรียกชื่อภาษาอังกฤษของเธอว่าแฮทธาเวย์
ตอนนี้เสี่ยวเถียนกวามีเริ่มมีสติปัญญานิดๆ แล้ว เธอเริ่มเรียนรู้การฟัง แต่เธอก็ฟังไม่เข้าใจว่าตัวเองชื่ออะไร เถียนกวา เสี่ยวเวย แฮทธาเวย์ การเรียกพวกนี้ไม่เหมือนกัน เธอไม่สามารถเข้าใจได้
พ่อของฉินสือโอวกล่าวว่า “เรื่องของสองคนบ้านเขา คุณจะไปยุ่งอะไร? ในเมื่อวินนี่เองก็ไม่ขาดเสี่ยวเวยคำหนึ่ง เร็วๆๆ เก็บของของคุณ ทำกับข้าว ผมหิวจะตายแล้ว”
แม่ของฉินสือโอวกลอกตาใส่เขา นำผักป่าที่ทำความสะอาดแล้วใส่ลงหม้อ
ฉินสือโอวและพี่สาวฉินสือโอวช่วยกำนทำผักเบี้ยใหญ่ซึ่งง่ายที่สุด ที่บ้านเกิดของเขาจะใช้สำหรับตุ๋นปลาคาร์ฟ แม้ว่าที่นี่จะไม่มีปลาคาร์ฟ แต่ก็ยังมีปลานิลที่มีรสชาติดีกว่าเนื้อปลาคาร์ฟอีก
ผ่าล้างทำความสะอาดปลานิลสองตัวอย่างรวดเร็วและง่ายดาย ฉินสือโอวจับปลาใส่เข้าไปในหม้อที่ผัด กระเทียม ขิง และต้นหอมไว้แล้ว เพิ่มไฟแล้วเริ่มต้ม
ครั้งนี้ที่พวกเขาใช้ยังคงเป็นเตาแก๊สทั่วไป เวลาขึ้นเขาต้องแบกถังแก๊ส ค่อนข้างอันตรายและยังหนักอีก
เห็นแบล็คไนฟ์เก็บขวดอย่างระมัดระวัง อาร์ม็องพูดอย่างสนใจว่า “ทำไมไม่ใช้เตาฟืนล่ะ?”
ฉินสือโอวยักไหล่ว่า “ก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดจะขึ้นเขาอะไร ดังนั้นเลยรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็น ตอนนี้คิดว่าซื้อสักอันก็คงจะดี”
นี่เป็นเรื่องจริง การขึ้นเขาใช้เตาฟืนจะดีกว่าเตาแก๊สทั่วไป นอกจากเรื่องวัตถุดิบที่หาได้ทั่วป่า ไฟจากเตาฟืนก็แรงกว่าเตาที่ใช้ทั่วไปอีกด้วย
อาร์ม็องยิ้มแล้วบอกว่า “ไม่ต้องซื้อหรอก ผมช่วยคุณทำอันหนึ่งดีกว่า อันนี้ผมถนัด”
ฉินสือโอวพยักหน้าบอกเป็นนัยว่าดี ถึงว่าใครๆ ต่างก็รักพี่เขยใหญ่ เขาเป็นครูแล้วยังจะทำอาหารอร่อยเป็น ตอนนี้ก็ยังทำเครื่องมือที่ใช้กิจกรรมกลางแจ้งได้อีก เก่งรอบด้านจริงๆ
อาร์ม็องเข้าไปช่วยได้ไม่มาก เพราะว่าอาหารมื้อนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศชนบทประเทศจีน วัตถุดิบก็คือผักป่า เขาเป็นหนุ่มหล่อชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง สำหรับผักป่าเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย
แต่ว่าเขาเป็นคนที่อยู่ไม่นิ่ง มองซ้ายมองขวา เห็นว่าเบิร์ดกำลังเตรียมจะย่างเนื้อ เขาเลยตามไป ย่างเนื้อเขาถนัด ไม่ว่าจะเนื้อย่างบราซิล เนื้อย่างเกาหลี เนื้อย่างฝรั่งเศส กระทั่งเนื้อย่างวีวีร์ก็ทำเป็นหมด
อีวิลสันเก็บหมูป่าที่เอากลับมาเรียบร้อยแล้ว เบิร์ดแสดงทักษะการใช้มีดที่ยอดเยี่ยม เนื้อถูกหั่นออกมาทีละชิ้นๆ เนื้อไม่ติดมันแต่ละชิ้นที่หั่นเสร็จวางด้วยกัน หัวใจตับปอดของหมูป่าไม่ได้ทิ้ง พ่อของฉินสือโอวเหลือเอาไว้
วินนี่ดึงฉินสือโอวเบาๆ ว่า “เครื่องในให้พวกเด็กๆ กินเหรอคะ?”
“คุณกลัวว่าจะมีปรสิตเหรอ?” ฉินสือโอวพูดแกล้ง เขารู้ว่าคนต่างชาติไม่กินเครื่องในสัตว์ สำหรับเรื่องนี้เขาแสดงความเคารพแต่ไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะว่าพวกตับห่านและลูกปลาต่างๆ พวกเขาสามารถกินได้อย่างยินดีที่สุด
วินนี่ยักไหล่ว่า “ไม่ใช่ คุณดูสิพวกมันเดินทางมาทั้งวัน ยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ”
หู่เป้าฉงหลัว แมวป่าน้อย รวมถึงนกฟรีเกตนิมิตส์ และบุชที่บินบนฟ้า ต่างก็ชอบกินเครื่องในสัตว์ พวกมันเห็นพ่อของฉินสือโอวจัดการกับของพวกนี้ ยังคิดว่าเตรียมไว้ให้ตัวเอง รีบเดินตามมาอยู่ข้างหลังรอกินอย่างซื่อๆ
พ่อของฉินสือโอวเอาตับหมูผัดกับพริกเขาป่าที่เก็บมาได้ พริกเขาผัดตับหมูเองก็เป็นอาหารพื้นบ้านของพวกเขาอย่างหนึ่ง
ฉินสือโอวเดินไปพูดอะไรนิดหน่อยกับพ่อฮิน พ่อฉินจึงหั่นตับหมูชิ้นเล็กๆ บอกว่า “ที่เหลือให้พวกมัน ฉันเหลือนิดหน่อยไว้ชิมดู พวกเธอเองก็คงไม่ชอบกิน ฮ่าๆ”
แม่ของฉินสือโอวเอาผักโขมหั่นเป็นเส้น บุชจับไก่ป่าอเมริกาเหนือมาได้ตัวหนึ่ง เนื้ออกถูกตัดออกและหั่นเป็นเส้น แบบนี้ใช้น้ำร้อนต้มผักโขมให้สุก เอาเนื้อไก่เส้นนึ่งจนสุก ใช้น้ำมัน เกลือ ซีอิ๊ว น้ำส้มสายชู น้ำมันงา พริกไทยป่นผสมให้เข้ากัน อาหารประเภทยำอย่างหนึ่งก็ทำเรียบร้อยแล้ว
วินนี่ลองชิม เธอยิ้มแล้วพูดกับแม่ของฉินสือโอวว่า “รสชาติดีมากค่ะ ถ้าหวานอีกนิดจะยิ่งดีกว่า”
แม่ของฉินสือโอวบอกว่า “เรื่องนี้ง่ายมาก” พวกเขาเอาน้ำเชื่อมขึ้นเขาไปด้วย เทลงไปอีกนิดหน่อยก็ได้แล้ว
พอกระปุกน้ำเชื่อมเปิดออก ฉงต้าสูดจมูกเล็กๆ แล้ววิ่งมาทันที มันเงยหน้ามองแม่ฉินอย่างคาดหวัง แม่ฉินให้มันยื่นกรงเล็บออกมา แล้วเทน้ำเชื่อมลงไปบนฝ่ามือของมัน ฉงต้ากอดมือเลียอย่างเอร็ดอร่อยทันที
เสี่ยวเถียนกวาที่คลานอยู่บนพื้นหญ้าเอียงหัวมอง แล้วยกมือนุ่มนิ่มน้อยๆ ขึ้นอย่างจริงจัง ใจจดใจจ่อตั้งใจเลียขึ้นมา
เห็นว่าระหว่างทางเก็บต้นหอมป่า ใบกระเทียมป่าต่างๆ ฉินสือโอวจับแมวป่าที่กำลังอ้อนอยู่ในอกวินนี่ขึ้นมา พามันไปเอารังนก
นี่เป็นราชาเจ้าป่าซิมบ้า สักพักก็เอาไข่นกเล็กๆ ใหญ่ๆ มาได้ห้าสิบกว่าใบ ในนั้นยังมีไข่นกสีเขียวขนาดเท่าไข่ไก่รังหนึ่ง เปลือกไข่แข็งมาก แบล็คไนฟ์บอกว่า “นี่เป็นไข่ของห่านดำ รสชาติดีมาก”
ฉินสือโอวจึงใช้ไข่นกพวกนี้มาผัดใบกระเทียมเขา หอมติดจมูกจริงๆ!
ฝั่งนั้นหม้อความดันที่ต้มปลานิลอยู่เริ่มส่งเสียงร้องแล้ว ไอพวยพุ่งออกมา มีกลิ่นหอมเข้มข้นของปลาสด
หม้อความดันร้องไปสี่ห้านาที พ่อฉินเปิดฝาออกแล้วใส่ผักเบี้ยใหญ่เพิ่มเข้าไป แล้วพูดกับมาริโอ้ว่า “สักพักตอนที่สุกแล้วค่อยใส่ต้นหอมป่าก็เสร็จแล้ว เมื่อก่อนพวกเราปาลู่จวินปีนภูเขาหิมะผ่านพื้นหญ้า อาหารที่ดีที่สุดก็คือปลาทองตุ๋นผักเบี้ยใหญ่นี่แหละ”
มาริโอ้ยิ้มแล้วบอก “ถ้าอย่างนั้นฉันจะต้องลองชิมดูแล้ว”
คนแคนาดาทั่วไปไม่กินผักป่า พวกเขากังวลว่าจะมีพิษหรือว่าเกิดการแพ้ต่างๆ ดังนั้นวันนี้มาริโอ้และอาร์ม็องเพียงแค่ผ่านมาเฉยๆ
อาหารหลักยังเป็นเนื้อย่างและเนื้อตุ๋น อาร์ม็องใช้เนื้อหมูป่าทำสเต๊กทอดน้ำเชื่อม เวลาที่เขาเลือกสเต๊กจะระวังมาก ส่องดูกลางแดดนานมาก เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีพยาธิแล้วถึงได้นำลงหม้อ
พ่อของฉินสือโอวใช้หม้อความดันเล็กตุ๋นซี่โครงพวกกระดูกสันหลังขึ้นมา ใส่เหล้า ต้นหอมป่า ใช้ผงพริกไทยเสฉวนมาปรับรสชาติก็กินได้แล้ว
ก่อนกินข้าว วินนี่ใช้ขวดนมชงนมผงเสร็จ เธอลองทดสอบอุณหภูมิ จากนั้นก็ยื่นให้เสี่ยวเถียนกวา โลลิต้าน้อยกอดขวดนมไว้ในอกอย่างดีใจ แม่ของฉินสือโอวจะอุ้มเธอเพื่อช่วยป้อนนม แต่วินนี่โบกมือบอกไม่ต้อง บอกว่าเด็กๆ สามารถทำได้เอง
และก็เป็นจริง โลติต้าน้อยกอดขวดนมใหญ่พลิกตัวบนเบาะอย่างคล่องแคล่วปราดเปรียว ปากกัดจุกนมของขวดนมที่กอดอยู่ แล้วดูดอย่างง่ายดาย
ฉินสือโอวลองชิมอาหารพวกนี้แล้ว รสชาติดีมาก ผักป่านุ่มมากสดมาก เนื้อเองก็หอมมาก แต่ก็ไม่เหมือนรสชาติที่เคยกินตอนเด็ก
บทที่ 1157 สุดท้ายก็ยังถูกขี่
กินข้าวกลางวันกันอย่างสนุกสนานแล้ว ไม่รู้ว่าคนอื่นๆ จะรู้สึกอย่างไร ฉินสือโอวรู้สึกว่าตัวเองกินได้ฟินมาก ไม่ได้เกี่ยวกับรสชาติ พ่อแม่ลูกเมียอยู่ข้างกายหมด อาหารที่กินก็ทำเอง ความรู้สึกเลยไม่เหมือนกัน
ตอนบ่ายยังคงขุดผักป่า พ่อแม่ของฉินสือโอวสนใจมาก ผ่านการล่าหมูป่ารอบนั้น พ่อของฉินสือโอวเข้าใจแล้วว่าตัวเขาเองไม่ใช่คนที่เหมาะกับการเล่นปืน จากนั้นจึงตั้งใจขุดผักป่ากับภรรยาขึ้นมา
หลักๆ ที่ทั้งสองตามหาคือผักกระเป๋าเงินของคนเลี้ยงแกะ อันนี้วันหลังเอาไว้ใช้ห่อเกี๊ยวและเกี๊ยวน้ำ ฟาร์มปลาคนเยอะขนาดนี้ ทำครั้งเดียวก็สามารถกินได้เป็นกอง ดังนั้นถ้าเก็บไปน้อยก็จะไม่มีประโยชน์
เดินอยู่บนเขาจนถึงสี่โมง พ่อแม่ของฉินสือโอวถึงได้ลงจากเขาอย่างอาลัยอาวรณ์ สุดท้ายระหว่างทางก็พบเข้ากับไกด์และนักท่องเที่ยว พวกเขาเองก็กำลังเตรียมตัวลงเขา ฉินสือโอวเห็นบางคนยังถือปลาอยู่ในมือ เห็นทีคงได้อะไรจากในแม่น้ำไปไม่น้อย
เห็นกลุ่มฉินสือโอวแบกหญ้าป่าเป็นถุงๆ เอาไว้ ไกด์สองคนเกิดความนับถือขึ้นมา มีคนบอกกับนักท่องเที่ยวว่า “ฉินเป็นคนที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ พวกคุณดูสิ พวกเขากำจัดหญ้าตลอดทางมาจนถึงที่นี่ แล้วยังเอาหญ้าป่าลงเขาไปอีก มันช่าง…”
ไกด์รู้สึกแปลกๆ กำจัดหญ้าสามารถอธิบายได้ แต่จะเอาหญ้าที่กำจัดแล้วลงเขาไปมันคืออะไรกันแน่? รักษาสิ่งแวดล้อมก็คงไม่ทำถึงขนาดนี้ คงต้องใช้โรคย้ำคิดย้ำทำมาอธิบายแล้ว
แต่นักท่องเที่ยวกลับเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น มีบางคนหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้แล้วบอกกับไกด์ว่า “อะไรกัน เพื่อน คนนั้นเขาขึ้นเขามาเก็บผักป่าต่างหาก!”
“อุ๊ย แคนาดาเองก็มีผักป่าด้วยเหรอ? ถ้ารู้แต่แรกก็จะเก็บด้วยสักนิด นี่มันเป็นออร์แกนิคแท้ไม่ปนเปื้อนเลยนะ”
“เพื่อนผักป่าพวกนี้สามารถกินได้เหรอ? คงไม่มีพิษใช่ไหม?”
พ่อของฉินสือโอวทักทายคนกลุ่มนี้อย่างอารมณ์ดี แนะนำผักป่าพวกนี้ให้กับพวกเขา สอนพวกเขาว่าจะหาได้อย่างไร
แต่ไกด์กลับร้อนรนแล้ว “ฉิน พวกคุณสอนพวกเขาเก็บผักป่าไม่ได้นะ ถ้าหากกินแล้วเกิดปัญหาอะไรขึ้นจะยุ่งยากนะ! นอกจากปลา พวกเราไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวหาของในป่ากินกันเองนะ เบอร์รียังไม่ได้เลย”
ฉินสือโอวอธิบายให้พ่อฟัง แล้วพาทุกคนจากไปก่อน
คนทั้งกลุ่มกลับฟาร์มปลาไปอย่างยิ่งใหญ่ มิแรนดายิ้มถามพวกเขาว่าวันนี้ใช้ชีวิตมีความสุขหรือเปล่า วินนี่บอกว่ายอดเยี่ยมเป็นที่สุด เธอได้เรียนรู้อะไรมามากมายที่เมื่อก่อนไม่เคยได้เรียนมาก่อน
ไข่นกที่หาได้ตอนอยู่บนเขาค่อนข้างเยอะ พวกเขาไม่ได้กินจนหมด ฉินสือโอวเองก็ลืมไปแล้วว่าเอามาจากรังนกไหน เลยจะเอาไปไว้ที่ฟาร์มเพาะเลี้ยง ดูว่าจะสามารถเอาของปลอมมาปนกับของจริงได้ไหม ให้พวกไก่เป็ดช่วยฟักให้
ลิงซ์น้อยตามอยู่ข้างหลังอย่างตื่นเต้นคึกคัก หางขนฟูๆ กระดกขึ้นเหมือนกับเสาธง เวลาเดินสวยสง่า มันรู้ว่าไข่นกพวกนี้เป็นผลงานของตัวเอง
ถึงฟาร์มเพาะเลี้ยง พอราชาเจ้าป่าซิมบ้าเข้าใกล้ หมูป่าหลายตัวข้างในก็แตกตื่นขึ้นมาทันที พวกมันวิ่งมาจ้องราชาเจ้าป่าซิมบ้าที่อยู่นอกรั้ว ตัวที่เป็นหัวหน้าชนกระแทกท่อนไม้ทันที
ท่อนไม้ที่ใช้ทำรั้วพวกนี้ บางส่วนก็ถูกหนอนชอนไชหมดแล้ว ดังนั้นจึงถูกหมูป่าชนกระแทกอย่างเอาเป็นเอาตาย จึงทำให้มีสองท่อนที่หักออก
ช่องว่างที่เกิดจากการหักของท่อนไม้สองท่อนมีขนาดใหญ่พอ พวกหมูป่าก็ส่งเสียงร้องแย่งกันออกมา พากันพุ่งเข้ามาใส่แมวป่า
ราชาเจ้าป่าซิมบ้าตกใจมาก ฉินสือโอวเองก็ตกใจมากเหมือนกัน แต่หลังจากนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่า บนตัวของแมวป่ายังมีกลิ่นของเห็ดทรัฟเฟิลเปื่อยเน่าอยู่ คงจะเป็นกลิ่นนี้ที่ไปกระตุ้นหมูป่าเพศเมียเข้าแน่ๆ!
แมวป่าตกใจเพียงสักครู่ มันยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รู้ว่าถ้าตัวเองไม่รีบวิ่ง คงจะต้องถูกหมูป่ากินเป็นแน่ ดังนั้นมันจึงร้องโหยหวนออกมาหนึ่งครั้ง แล้วรับหันหลังวิ่งทันที หางที่ตั้งตรงเหมือนเสาธงก่อนหน้า ตอนนี้ถูกหนีบไว้ที่ก้นอย่างแน่นหนา…
ฉินสือโอวไม่มีทางช่วยแมวป่า เขาต้องรีบซ่อมรั้วที่พังเสียหาย ไม่อย่างนั้นถ้าหากพวกหมูเพศผู้และกวางป่าวิ่งออกมาคงได้ครึกครื้นกันเป็นแน่
ดังนั้น แมวป่าพึ่งได้แค่ตัวเองเท่านั้น ขยับขาอันสั้นอย่างสุดชีวิต วิ่งอยู่บนสนามหญ้าของฟาร์มปลาไม่หยุด!
ตอนที่อยู่ในป่า มันสามารถหยอกล้อหมูป่าเพศเมียตัวเต็มไวจนหัวหมุนได้ นั่นก็เพราะว่าในป่ามีต้นไม้เป็นที่กำบังมาก ตัวของมันก็เล็ก แมวป่ายังมีความสามารถปีนป่ายได้แต่กำเนิด ดังนั้นพวกหมูป่าถึงทำอะไรมันไม่ได้
ตอนนี้ไม่ได้แล้ว ในฟาร์มปลามีแต่ที่ราบ บางทีมีเนินเล็กๆ หลายลูก นั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไร ต้นชูการ์เมเปิลสองต้นที่ใกล้ที่สุดก็อยู่หน้าบ้าน ตำแหน่งจากตรงนี้อยู่ไม่ใกล้เลย
เดิมทีกลุ่มวินนี่ที่กำลังพูดคุยกันอยู่ในบ้าน พวกหู่เป้าฉงหลัวก็หมอบนอนลักไก่อยู่ข้างหลัง ที่ด้านหลังหูของพวกมันสั่นแล้วรีบวิ่งออกไปจากวิลล่า
คนในบ้านต่างก็แปลกใจว่าพวกเจ้าตัวน้อยทำไมถึงไปหมดเลย วินนี่ตามออกไปดู มองเห็นก้อนขนกลิ้งอยู่บนพื้นหญ้าไกลๆ และข้างหลังก้อนขนนั่น ก็มีหมูป่าเพศเมียหลายตัวที่กำลังบ้าคลั่งอยู่…
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ซิมบ้าไปกวนแม่หมูพวกนี้ได้อย่างไร?” มิแรนดาที่ตามออกมาถามวินนี่อย่างสงสัย
ฉินสือโอวไม่ได้บอกเรื่องก่อนหน้านี้ให้กับวินนี่ ไม่อย่างนั้นถ้าให้เธอรู้ว่าตัวเองใช้แมวป่าไปเป็นเหยื่อล่อหมูป่า จะต้องถูกตำหนิอย่างแน่นอน
แบบนี้วินนี่เองก็ไม่รู้เรื่องอะไร ได้ส่ายหัวบอกว่าไม่รู้เรื่อง
มีแค่แบล็คไนฟ์และเบิร์ดสองคนที่รู้เรื่องนี้เท่านั้น พ่อของฉินสือโอวและพี่เขยเคยเห็นหมูป่าไล่ซิมบ้ามาก่อน แต่ฉินสือโอวไม่ได้บอกเหตุผลให้พวกเขา พวกเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
พอเป็นแบบนี้ จึงเป็นคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลมองกลุ่มหมูไล่ตามแมวป่าอย่างสนใจ กอร์ดอนยังคิดว่าซิมบ้าไปแหย่พวกมันเล่นเสียอีก เลยตะโกนสุดเสียงว่า “ซิมบ้า สู้ๆ นายจะถูกไล่ตามทันแล้ว!”
ตอนนี้ซิมบ้าเอาแต่รีบวิ่งหนี แม้แต่เรี่ยวแรงจะร้องยังไม่มีเลย มันยังคาดหวังว่าพวกเพื่อนตัวน้อยจะมาช่วยตัวเอง แต่ปรากฏว่าพวกหู่เป้าฉงหลัวยังหมอบดูอยู่เฉยๆ ไม่มาช่วยที่หน้าประตู หลังจากนั้นมันเห็นแม่วินนี่พาคนเดินออกมา มันคิดว่าคงจะช่วยเหลือตัวเอง แต่สุดท้ายคนกลุ่มนั้นกลับให้กำลังใจมันอยู่…
สู้กับผีสิ! ราชาเจ้าป่าซิมบ้าทำได้แต่ขมิบทวารแน่น พุ่งไปทางต้นชูการ์เมเปิลอย่างไม่คิด
แต่ว่าโชคร้ายที่หมูป่าเพศเมียตัวหนึ่งวิ่งเก่งมาก แต่แมวป่ากลับไม่ได้ถนัดเรื่องการจู่โจมระยะไกล พวกมันครองยุทธภพด้วยความคล่องแคล่วและการเดินบนพื้นหิมะ เรื่องการวิ่งระยะไกลแบบนี้ มันยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหมูป่า
ได้ยินเสียงหายใจแรงดังมาจากด้านหลัง ความสิ้นหวังนั่นของซิมบ้า!
ที่ยิ่งสิ้นหวังก็คือ เห็นต้นชูการ์เมเปิลอยู่ข้างหน้าแล้ว ในที่สุดราชาเจ้าป่าซิมบ้าก็ถูกตามทัน หลังจากนั้นคนที่อยู่หน้าประตูก็ต้องประหลาดใจ หมูป่าตัวหนึ่งปิดทางซิมบ้าไว้ จากนั้นใช้ปากคาบมันขึ้นแล้วมุดไปยังช่วงล่าง…
ในที่สุดซิมบ้าก็มีเรี่ยวแรงและเวลาร้องแล้ว เสียงร้องค่อนข้างน่าสงสารมาก จะถูกขี่อยู่แล้วมันยังจะไม่น่าสงสารอีกเหรอ?
ยังดีที่ปกติมีความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์ดีอยู่ บุชที่บินอยู่บนฟ้ารู้สึกถึงความผิดปกติ บินโฉบลงมาด้วยความเร็ว ขาใหญ่ที่มีแรงฉีกหนังหมูป่าเพื่อไล่มันออกไป จากนั้นก็จับซิมบ้าไว้แล้วเอามันขึ้นมา
ฉินสือโอวซ่อมรั้วไม้ง่ายๆ เสร็จแล้ว ก็ใช้เท้าถีบหมูป่าที่หน้าด้านคิดอยากจะวิ่งออกมาตัวหนึ่ง หลังเช็ดเหงื่อเขาถึงมีโอกาสกลับไปช่วยเหลือราชาเจ้าป่าซิมบ้า
บุชจับราชาเจ้าป่าซิมบ้าบินวนอยู่บนฟ้ารอบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าฉินสือโอววิ่งมา จึงได้บินลงมาปล่อยแมวป่าไว้ในอกของเขา
ราชาเจ้าป่าซิมบ้ามองดูฉินสือโอวอย่างโกรธเคือง มันรู้ว่าตัวเองถูกใครทำให้มีสภาพแย่ขนาดนี้ มันอ้าปากกัดเสื้อของเขาเอาไว้แล้วส่ายหัวฉีกดึงสุดแรง จากนั้นวินนี่วิ่งมา มันรีบกระโดดไปบนพื้นมุดเข้าไปในอกของวินนี่
มุดไปพลางร้องไปด้วยความสงสาร เมื่อครู่ตัวเองถูกหมูขี่นะ ทำไมแม่ไม่มาช่วยตัวเองกันล่ะ?
ถือว่าวินนี่เป็นแพะแทนฉินสือโอว เพราะว่าตอนนี้เธอเองยังไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!
บทที่ 1158 เตาฟืนทำเอง
เรื่องนี้กลายเป็นปริศนาหนึ่งที่แก้ไม่ได้ของฟาร์มปลา ฉินสือโอวไม่กล้ายอมรับว่าตัวเองทำอะไรไว้กับเจ้าแมวป่าหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะได้บุชช่วยเอาไว้ เมื่อครู่นี้ซิมบ้าคงจะกลายเป็นแมวป่าตัวแรกในแคนาดาที่ถูกหมูเพศเมียขี่ตายแน่
วินนี่รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ เธอไล่ต้อนฉินสือโอวเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านชายฉินพูดอย่างมั่นใจว่าเขาเองก็ไม่รู้เรื่อง จากนั้นก็เรียกพี่เขย ในที่สุดก็อาศัยข้ออ้างว่าจะทำเตาแล้วหนีออกมาได้สำเร็จชั่วคราว
ตอนค่ำอาร์ม็องยังจะต้องอยู่กับภรรยา ใครจะมาทำเตาฟืน DIY ด้วยกันกับคุณตอนค่ำล่ะ?
วินนี่พูดถูก พวกเขาเก่งยิ่งกว่าอาร์ม็องและฟอกส์ เพราะว่าในฐานะน้องสาว วินนี่มีลูกก่อนใคร
ฉินสือโอวไม่เข้าใจว่าเรื่องแบบนี้มีอะไรให้เปรียบเทียบกัน แต่เหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญมากจริงๆ ตั้งแต่มาถึงฟาร์มปลา พอค่ำแล้วฟอกส์ก็พาอาร์ม็องกับห้องก่อน ส่วนจะทำอะไรนั้น ผู้ใหญ่ต่างเข้าใจ
กระทั่งคนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะก็เข้าใจ เพราะกอร์ดอนเห็นอาร์ม็องพาภรรยาเข้าห้อง เขาก็ยิ้มกรุ้มกริ่มขึ้นมาแล้ว
วินนี่ยื่นมือไปดึงหูกอร์ดอน กอร์ดอนตะโกนร้องอย่างลืมตัวว่า “เชอร์ลี่ย์ เธอทำอะไร…”
“ฉันเอง ไม่ใช่เชอร์ลี่ย์! นายกำลังยิ้มอะไรอยู่?” วินนี่จ้องมองกอร์ดอนอย่างจริงจัง
กอร์ดอนหน้ามุ่ย “พี่วินนี่ ห้ามปากของประชาชนยิ่งกว่าห้ามสายน้ำนะครับ”
ฉินสือโอวอุทาน “ให้ตายสิ กอร์ดอนนายไปเรียนสำนวนคำนี้มาเมื่อไหร่กัน? ช่วงนี้เรียนภาษาจีนได้ไม่เลวเลยนะ”
ไวส์ยกมือขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “อาจารย์ ผมสอนเขาเอง ผมชอบเรียนภาษาจีนมาก คุณครูของพวกเรายังมอบหมายการบ้านให้ผมเทอมหนึ่ง ให้สอนหัวข้อเรื่องวัฒนธรรมประเทศจีนให้เพื่อนๆ”
ฉินสือโอวตบไหล่เขาเบาๆ แล้วถามว่า “งั้นนายเตรียมหัวข้อเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”
“เสร็จนานแล้ว จอมยุทธ์จีน!”
“ฉันว่าแล้ว…”
ฉินสือโอวถอนหายใจ ให้ตายสิ จะทำลายภาพลักษณ์ของวัฒนธรรมประเทศจีนในเกาะแฟร์เวลไม่ได้อย่างเด็ดขาด เขาตัดสินใจจะหาเวลาจัดทำหัวข้อเรื่องกับไวส์วันหลังซะหน่อยแล้ว ภาพยนตร์จอมยุทธ์และโลกจอมยุทธ์น่าสนใจมาก แต่ว่านั่นไม่ใช่แก่นแท้ของวัฒนธรรมประเทศจีน ไวส์มีอคติเกินไป
วันที่สอง ฉินสือโอวหาถังสีลาเท็กซ์อันหนึ่งไปหาอาร์ม็องพี่เขย
เห็นได้ชัดว่าหนุ่มหล่อฝรั่งเศสไม่มีพละกำลังเหมือนคุณชายฉิน ถูกฟอกส์คั้นหลายวันจนไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว ที่เห็นชัดเจนก็คือขี้หลงขี้ลืม
คุณชายฉินนำถังดีบุกมาวางไว้ข้างหน้าเขา อาร์ม็องถามอย่างสงสัยว่า “อะไรนะ? จะทาสีเหรอ?”
ฉินสือโอวกลอกตาอย่างหน่ายๆ แล้วกล่าวว่า “คุณจะช่วยผมทำเตาฟืน DIY อันหนึ่งไม่ใช่เหรอ?”
หนุ่มหล่อฝรั่งเศสตกใจ เขาจ้องมองไปที่ถังดีบุกใหญ่ ถามเสียงเบาว่า “คุณคิดจะทำเตาอุตสาหกรรม DIY หนึ่งเหรอ? ผมกล้าท้าเลยว่า คุณจะต้องไม่อยากจะแบกถังใหญ่แบบนี้ไปขึ้นเขาออกทะเลแน่นอน!”
ฉินสือโอวลองสมมติ ก็เป็นแบบนี้จริงๆ เตาปิกนิกต้องมีประสิทธิภาพสูง พกพาสะดวก ถังใหญ่ขนาดนี้คงอุ้มไม่ได้ สะพายไม่ได้ คงต้องแบกไปอย่างเดียว แล้วจะเอาไปใช้ปิกนิกได้อย่างไร?
ความจริงที่เลือกถังอันนี้ ฉินสือโอวได้รับอิทธิพลจากความทรงจำเกี่ยวกับบ้านเกิดบางส่วน เข้าจำได้ว่าตอนเด็ก ที่บ้านไม่อยากเสียเงินซื้อเตาถ่าน พ่อก็เลยใช้ถังดีบุกทำเตาออกมาเอง
เตาฟืนไม่ได้ทำง่ายเหมือนเตาแก๊ส ไม่อย่างนั้นโรงงานพวกนั้นคงไม่กำหนดราคาสูงขนาดนั้น มันมีเทคโนโลยีอยู่ในนั้น
ฟังแค่ชื่อ ชื่อเตาฟืนไม่ได้ดูเท่และทันสมัย แถมยังเชยนิดๆ แต่ในความจริงแล้ว ชื่อเต็มของเตาชนิดนี้เยี่ยมมาก เรียกว่าเตาก๊าซฟืนไม้
อาร์ม็องแนะนำวัตถุดิบที่จะใช้ทำเตาก๊าซฟืนไม้ให้กับฉินสือโอว มันไม่ได้ต่างจากเตาที่เผาไหม้เท่าไร การจุดเตาชนิดนี้จะเริ่มจุดจากเชื้อเพลิงด้านบน หลังเชื้อเพลิงด้านบนสุดสลายตัวด้วยความร้อนแล้วจะกำเนิดถ่านที่อุณหภูมิสูงชั้นหนึ่ง
ถ่านพวกนี้จะจะทำการสลายเชื้อเพลิงด้านล่างด้วยความร้อน หรือก็คือทำการเพิ่มอุณหภูมิ ขั้นตอนนี้เหมือนกับการกลั่นทำลาย โดยหลักๆ หลังเชื้อเพลิงด้านล่างได้รับความร้อนจะย่อยสลายกลายเป็นถ่านใหม่และสสารก๊าซบางอย่าง
และสสารก๊าซแบบนี้ก็คือแก๊สไม้ แก๊สไม้คืออากาศร้อน น้ำหนักเบากว่าอากาศเย็น หลังได้ออกมาก็จะลอยบนด้านบนตามเตา เมื่อถึงตอนนั้นจะทะลุผ่านชั้นถ่านอุณหภูมิสูงและถูกอากาศที่รออยู่ในชั้นผนังเตาผสมรวมเผาไหม้กลายเป็นเปลวไฟ
“ขั้นตอนทั้งหมดในการกลั่นทำลายของเตาไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานใดๆ จากภายนอก อาศัยเพียงแค่ออกซิเจนจากฟืนไม้เผาไหม้และเชื้อเพลิงอุณหภูมิต่ำที่เพิ่มเข้ามาใหม่ เพิ่มความร้อนในการกลั่นทำลายย่อยสลายก๊าซเผาไหม้ออกมา ความร้อนของก๊าซนี้สูงมาก ประสิทธิภาพก็สูง และยังสามารถสู้แก๊สหุงต้ม แก๊สธรรมชาติและอะเซทิลีนได้อีก” อาร์ม็องบอกในตอนท้าย
ฉินสือโอวฟังรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้ว่าใครเป็นคนคิดค้นเจ้าสิ่งนี้ แค่เตาอันเดียวเอง ก็ไปเกี่ยวข้องกับการกลั่นทำลายแล้ว เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกจริงๆ
เมื่อเรียนรู้หลักการแล้ว ต่อมาก็คือการปฏิบัติ
เตาที่ใช้ปิกนิกจำเป็นจะต้องพกพาสะดวก เตาที่อาร์ม็องช่วยเขาเลือกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงยี่สิบเซนติเมตร ฉินสือโอวคิดว่าเล็กเกินไป หนุ่มหล่อฝรั่งเศสบอกว่า “ขอร้องล่ะ ปกติที่ผมใช้ล้วนเป็นเตาขนาดเล็กเส้นผ่านศูนย์กลางสี่นิ้ว ที่จะทำให้คุณเป็นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหกนิ้ว พอใช้อย่างแน่นอน”
คุณชายฉินเป็นคนที่มองภาพรวมใหญ่ เขาไม่ทะเลาะกับพี่เขย เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งภายในครอบครัว ครั้งนี้เขามาเรียนรู้ทักษะ หลักการเรียนได้แล้ว ค่อยเรียนรู้เทคนิค แบบนั้นวันหลังอยากจะทำใหญ่แค่ไหนเขาก็จะทำใหญ่เท่านั้น
อาร์ม็องบอกเรื่องวัตถุดิบที่ต้องการกับเขา ฉินสือโอวก็มอบหมายให้เบิร์ดต่อ เบิร์ดได้ยินว่าเขาจะทำเตาฟืนด้วยตัวเอง จึงถามอย่างสงสัยว่า “ใช่ครับ บอส ตอนนี้เตาฟืนเหมาะกับการขึ้นเขาปิกนิกมากกว่า แต่ว่า ถ้าหากพวกเราออกทะเล มันก็ไม่เท่าเตาแก๊สแล้ว”
ข้อดีของเตาฟืนคือความปลอดภัย ไฟจะแรงแค่ไหน เชื้อเพลิงที่มันใช้ก็คือไม้ สิ่งนี้จะเอาเท่าไหร่ก็ได้หากอยู่บนเขา ฟืนไม้ก็ไม่มีทางระเบิด ปลอดภัยเป็นอย่างมาก
แต่ถ้าจะออกทะเล ถ้าฟืนไม้ที่เอาไปใช้หมดแล้ว เตานี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว อีกอย่าง เตาชนิดนี้ไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่มีลมแรงฝนเยอะ แม้ว่าไฟจะแรง แต่ว่าแพ้ทางลมฝนหิมะ
ฉินสือโอวกล่าวว่า “ฉันไม่ได้คาดหวังว่าจะใช้เตานี้เดินทางไปทั่ว ก็แค่อยู่เบื่อๆ ตัวเองทำเองขึ้นมาเล่นเท่านั้น”
ปรากฏว่าคำนี้ถูกวินนี่ได้ยินเข้า เธอพูดอย่างไม่พอใจว่า “ถ้าเบื่อคุณก็ไปดูลูกสิ คุณจะทำเตาอะไรเองไปทำไมคะ? ไปสั่งซื้อบนเว็บไซต์ง่ายจะตาย?”
ฉินสือโอวพูดอย่างเป็นจริงเป็นจังว่า “นี่ไม่เหมือนกันนะครับ ผมจะเป็นแบบอย่างให้กับพวกลูกๆ ทำให้พวกเขาเข้าใจถึงความสำคัญของการปฏิบัติจริง ได้ลิ้มลองความสนุกในการใช้แรง ไปสั่งซื้อบนเว็บไซต์สามารถทำอย่างนี้ได้ไหม?”
หลังวินนี่ได้ยินก็หมดคำจะพูด เธอพบว่าฉินสือโอวยิ่งอยู่ก็ยิ่งฉลาดหลักแหลมมากขึ้นเรื่อยๆ
เบิร์ดซื้อแก้วน้ำสเตนเลสสามใบ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสิบหกเซนติเมตร สิบแปดเซนติเมตรและยี่สิบเซนติเมตร ตามที่อาร์ม็องบอก
นอกจากนั้น ฉินสือโอวยังเตรียมพวกไขควง มีดตัด ปืนเชื่อมเอาไว้แล้ว เตรียมการใหญ่มาก
อาร์ม็องสาธิตให้ฉินสือโอวดู เขาเอาแก้วน้ำสเตนเลสเล็กสุดมาเจาะรู อธิบายว่า “นี่เอามาทำเป็นชั้นข้างใน รูที่เจาะเอาไว้ใช้ผสมอากาศร้อนและก๊าซที่เผาไหม้ได้จากการกลั่นทำลายเข้าด้วยกัน”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น