ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1150-1163
ตอนที่ 1150 ฉีกหน้ากาก
เหมยเหมยรับรู้ได้ถึงแรงปองร้ายอย่างสุดซึ้งของจ้าวอิงสยง จึงตื่นตัวแล้วรีบเบี่ยงตัวหลบไปมุมกำแพง ดึงแส้ออกจากกระเป๋าเป้
เธอคาดไม่ถึงว่าเปลือกนอกที่ใช้มาเพื่อปิดบังความอัปยศของตัวเองชั้นสุดท้ายก็ไม่ต้องการแล้ว คิดทุบเธอให้สลบแล้วก็ลากตัวไป เลวยิ่งกว่าสัตว์อีก!
“จ้าวอิงสยง ลุงไม่สนใจว่าภรรยาของลุงไปไหนเหรอ?” เหมยเหมยตั้งใจพูดกระตุ้น คิดอยากจะถ่วงเวลา
จ้าวอิงสยงชะงักลง ถามโดนไม่รู้ตัวว่า “เขาไปไหน?”
แต่ในไม่ช้าเขาก็รู้ว่าการหายตัวไปของหานซู่ฉินจะต้องเกี่ยวข้องกับจ้าวเหมยแน่นอน ใบหน้าของเขาบูดเบี้ยวมากขึ้น เค้นถามความจริงว่า “แกทำอะไรเขา?”
เหมยเหมยยิ้มอย่างลำพองใจอย่างไม่ปิดบังเขาอีก พูดสวนไปว่า “อันที่จริงลุงมาจับหนูก็ไม่มีประโยชน์ ผู้คนในเมืองหลวงต่างก็รู้ดีว่าเฮ่อเหลียนเช่อชอบสาวแก่ โดยเฉพาะกลุ่มอายุอย่างลุงรอง ยังมีเสน่ห์แพรวพราวมีอยู่ ผู้หญิงวัยกลางคน คุณชายเช่อชอบมากนักแหละ เมื่อวานนี้หนูแค่พูดเหตุผลกับป้าสะใภ้รองปรับความเข้าใจกัน ภรรยาลุงรองเลยตัดสินใจอุทิศชีวิตด้วยความเต็มใจ ช่วยลุงรองให้พ้นจากความยากลำบากนี้!”
จ้าวอิงสยงเชื่อคำพูดบ้านี้สิถึงจะแปลก แน่นอนว่าหานซู่ฉินพลาดแล้วโดนนังเด็กสมควรตายนี่จัดการแน่
มองไม่ออกเลยจริงๆ ว่าหลานสาวของเขาจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้!
ถึงแม้ว่าจะโกรธเฮ่อเหลียนเช่อที่จงใจกักตัวหานซู่ฉินไว้ แต่เวลานี้ตำแหน่งสำคัญที่สุด จ้าวอิงสยงไม่สามารถทนดูหนังหน้าแก่ๆเหี่ยวๆของหานซู่ฉินได้อีก ตราบใดที่เขามีอำนาจอยู่ในมือ สาวสวยมีมากได้เท่าที่ต้องการ
“อย่ามาเล่นลิ้นต่อหน้าฉัน ตามฉันไปอย่างว่าง่าย ไม่อย่างงั้นอย่าโทษว่าลุงรองอย่างฉันแล้งน้ำใจแล้วกัน” จ้าวอิงสยงก้าวเข้าไปทีละก้าว
เหมยเหมยพูดเหน็บแนมว่า “เมื่อไรกันที่ลุงเคยมีน้ำใจ? คุณย่า คุณย่าจะดูลูกชายขายหลานสาวโดยไม่ทำอะไรแบบนี้เหรอ?”
คุณย่ายังคงโกรธอยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าวิธีของจ้าวอิงสยงไม่ค่อยดีนัก เหมือนกับแม่เล้าที่บังคับเด็กหญิงให้ค้าประเวณีก็ไม่ปาน แต่ใครให้นังเด็กสมควรตายคนนี้ไม่เชื่อฟังกันล่ะ ให้ลูกรองของเธอสั่งสอนเธอน่ะถูกแล้ว!
“แกนังเด็กสมควรตายพูดอะไร ลุงรองของเแกหาคู่ครองดี ๆ ให้ ถือว่าทำดีกับแกแค่ไหนแล้ว รีบตามลุงรองไปเลยนะ อย่าทำตัววุ่นวาย” คุณย่าทำหน้าทะมึนตำหนิ
ตั้งแต่นี้ไปเหมยเหมยเลิกคิดให้ใจคุณย่าแล้ว ดูท่าแล้วหากวันนี้สองแม่ลูกคู่นี้ทำไม่สำเร็จก็จะไม่เลิกราสินะ!
เธอสะบัดมือทีหนึ่งแส้ก็ฟาดลงบนตัวของจ้าวอิงสยง เจ้าหมอนี่อยู่ในตำแหน่งสูงมานาน ไม่ได้ฝึกร่างกายในระดับเบื้องต้นมานานแล้ว จึงหลบไม่พ้นรับแส้เข้าไปเต็ม ๆ หนึ่งที ความเจ็บปวดทิ่มเข้าไปถึงกลางใจ
“การแต่งงานของฉันเป็นเรื่องที่พ่อแม่ฉันจะจัดการเอง เกี่ยวอะไรกับพวกแกด้วย จ้าวอิงสยงแกยักยอกเงินเดือนและเสบียงทหารเอง ยังคิดจะขายฉันเพื่อรักษาชีวิต ถุย แกกำลังฝันกลางวันอยู่งั้นเหรอ!”
เหมยเหมยฟาดแส้ไปอีกครั้ง คิดจะถอยออกไปนอกห้อง แต่จ้าวอิงสยงกลับเร็วกว่าเธอ บังประตูทางออกไว้ สายตายิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่
“ในเมื่อพูดด้วยดี ๆ ด้วยแล้วไม่ยอมทำตาม ก็คงต้องใช้กำลังบังคับ ในเมื่อแกรู้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ทำตัวดีๆกับฉันหน่อย ฉันซวยครอบครัวพวกแกทั้งบ้านก็อย่าคิดว่าจะมีชีวิตที่ดีได้เลย” จ้าวอิงสยงพุ่งเข้ามาคิดอยากจะจับตัวเหมยเหมยไว้ แต่เธอกลับเบี่ยงตัวหลบได้
เหมยเหมยไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วก็ไม่ได้ปล่อยฉิวฉิวออกมา ฉิวฉิวและฉาฉาเป็นไพ่ใบสุดท้ายของเธอ ต้องรอให้เป็นช่วงร้ายแรงที่สุดแล้วถึงจะปล่อยออกมา
อีกอย่างด้านนอกยังมีเซียวเซ่อ เหมยเหมยก็ไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่นัก เซียวเซ่อเป็นคนเฉลียวฉลาดจะต้องคิดหาวิธีได้แน่นอน
เซียวเซ่อกำลังคิดหาทางอยู่จริงๆ เธอหยิบเงินให้คนชนประตู แต่กลับโดนคนหยุดเอาไว้ แม้ว่าจะจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร แต่เซียวเซ่อก็รู้สึกถึงรังสีเข่นฆ่าจากคนเหล่านี้ ใจรู้แล้วว่าต้องเป็นคนของเฮ่อเหลียนเช่อแน่นอน แอบร้องในใจว่าแย่แล้ว
สยงมู่มู่ที่ชั้นล่างยังคงชักชวนลูกค้าอยู่ ทางเข้าของภัตตาคารแออัดมากจนแมลงวันก็ยังบินเข้ามาไม่ได้ คุณปู่จ้าวลงจากรถ จากระยะไกลก็สามารถเห็นหลานชายเหมือนผู้ชายโปรยเงินก็ไม่ปานทำตัวบ้า ๆ อยู่ตรงหน้าประตู
………………………………………….
ตอนที่ 1151 เชื้อไม่ทิ้งแถว
เซียวเซ่อไม่กล้าเผชิญหน้ากับคนของเฮ่อเหลียนเช่อแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน จึงทำได้เพียงโปรยเงินต่อไป ให้คนมาอัดกันประตูเอาไว้ไม่ให้ใครเข้ามาได้แม้แต่คนเดียว หล่อนไม่เชื่อว่า คนของเฮ่อเหลียนเช่อจะกล้าเข้ามาทำอะไรตอนกลางวันแสกๆ
สยงมู่มู่พยายามพาคุณปู่จ้าวเบียดแทรกขึ้นมา แต่คนเยอะมากเกินไป ทำอย่างไรก็ไม่ถึงชั้นสองเสียที เขาพยายามใช้ความคิด จากนั้นก็นำเงินที่เหลืออยู่ในมือโปรยลงไปด้านล่าง เพียงครู่เดียวคนตรงบันไดก็รีบวิ่งไปที่โถงกลางและพลันว่างเปล่าในชั่วพริบตา
“คุณตา พวกเราต้องรีบแล้ว ขืนเราชักช้าเหมยเหมยอาจจะถูกคุณยายขายไปแล้วก็ได้”
สยงมู่มู่ดึงคุณปู่จ้าววิ่งขึ้นบันได คุณปู่จ้าวได้ยินเรื่องพวกนี้ก็ขมวดคิ้ว หรือว่าเรื่องที่คนลึกลับพูดทางโทรศัพท์นั้นจะเป็นเรื่องจริง
คุณยายแก่ร่วมมือกับจ้าวอิงสยงเพื่อขายหลานสาว
แต่ว่าเขาก็ไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี
“พูดอะไรไร้สาระ ยายแกจะเป็นคนอย่างนั้นได้อย่างไร” คุณปู่จ้าวบ่นอย่างไม่พอใจ
สยงมู่มู่ไม่พอใจยิ่งกว่า เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นแล้วพูดว่า ”เป็นคนแบบไหน คุณตาไปดูก็จะรู้เอง ผมว่าคุณตานั่นแหละที่เป็นคนไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา”
มิน่าล่ะเหมยเหมยถึงจะต้องใช้วิธีเสี่ยงอันตรายแบบนี้เพื่อเปิดโปงคุณยายกับจ้าวอิงสยง ใครให้คุณปู่จ้าวเลอะเลือนได้ถึงเพียงนี้นะ
เซียวเซ่อและคนของเฮ่อเหลียนเช่อยังคงนิ่งอยู่ บริเวณทางเดินยังมีคนหนาแน่น คนของเฮ่อเหลียนเช่อไม่กล้าลงมือ ยังคงทำได้เพียงแค่เฝ้าประตูไว้
ภายในห้องจ้าวอิงสยงกับเหมยเหมยกำลังสู้กันอยู่ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหลานสาวของเขาจะว่องไวได้ถึงเพียงนี้ เขาเสียแรงไปมากแต่ก็ยังไม่สามารถจับหล่อนได้ เขาเองกลับรู้สึกเหนื่อยแล้วด้วยซ้ำ
“แม่ครับ รีบ ๆมาช่วยเร็ว คุณชายเช่อให้เวลาผมไม่มาก ถ้ายังไม่ส่งตัวไป พรุ่งนี้แม่ก็อาจจะไม่เจอผมแล้วนะ”
จ้าวอิงสยงรู้สึกไม่พอใจคุณย่าที่นั่งนิ่งไม่ขยับอยู่ข้าง ๆ เห็นแล้วแต่ไม่คิดช่วยอะไรเลย โง่เสียจริง
คุณย่าลังเลอยู่สักพัก แต่สุดท้ายก็ลุกขึ้นดูท่าน่าจะมาร่วมมือกับลูกชายแล้ว
“ถุย นี่ก็ไม่ต่างอะไรจากสัตว์เดรัจฉาน สมแล้วที่เป็นแม่ลูกกัน เชื้อไม่ทิ้งแถวจริง ๆ ใจดำ ไร้คุณธรรมเหมือนกัน”
เหมยเหมยโมโหจนเอาแส้ฟาดไปหนึ่งที่ แส้เรียวยาว เดิมทีหล่อนจะฟาดจ้าวอิงสยงแต่หมอนั่นหลบได้เร็ว แส้เลยฟาดถูกตัวของคุณยายที่อยู่ด้านหลัง
“โอ้ย”
คุณยายเจ็บจนต้องร้องออกมา เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก ร่างกายโงนเงนไปมา ขนาดยืนยังยืนได้ไม่มั่นคงเลย
“คนอกตัญญู แม้แต่ย่าแกก็กล้าตี” คุณย่าตวาดเสียงดัง
“หนูฟาดลูกชายของย่า ถ้าลูกชายของย่าไม่หลบย่าก็คงจะไม่โดนหรอก พูดไปพูดมาน่าจะเป็นเพราะย่าเลี้ยงลูกชายให้เนรคุณแบบนี้ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหนูด้วย”
เหมยเหมยพูดยอกย้อนกลับแล้วก็เอาแส้ฟาดไปอีกหนึ่งที แต่ก็ยังฟาดไม่โดนจ้าวอิงสยง อีกทั้งยังถูกเขาดึงแส้ไว้ แรงของหล่อนจะสู้แรงของผู้ชายได้อย่างไร ครู่เดียวเธอก็ถูกจ้าวอิงสยงดึงตัวไป
จ้าวอิงสยงยิ้มเยาะ มองไปที่เหมยเหมยที่ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆอย่างได้ใจ แค่ครู่เดียวเขาก็จะไม่มีเรื่องให้ต้องกังวลอะไรแล้ว แล้วก็สามารถไปสถานบำเรอได้เหมือนเคย
“ฉิวฉิว จับคนชั่วนี่ไว้”
เหมยเหมยกระซิบบอก ฉิวฉิวที่ทนไม่ได้มานานแล้วกระโจนเข้าใส่ตัวจ้าวอิงสยง ไม่นานนักจ้าวอิงสยงก็ต้องปล่อยแส้ จับคอแล้วร้องเสียงหลง เลือดแดงสดไหลซึมผ่านออกมาทางนิ้วมือ
“เจ้ารอง…”
คุณย่าตกใจสีหน้าซีดเผือด ความไม่พอใจที่จ้าวอิงสยงทำให้หล่อนโดนแส้ฟาดเมื่อครู่มลายหายไปในทันที เหลือเพียงแต่ความเป็นห่วงลูกชายเท่านั้น
เหมยเหมยรับฉิวฉิวกลับมา คิดว่าจะใช้แส้ฟาดจ้าวอิงสยงอีกหนึ่งทีแต่ประตูถูกผลักเข้ามาจากด้านนอกเสียก่อน คุณปู่จ้าวทำหน้านิ่งยืนอยู่ที่ประตู เหมยเหมยถอนหายใจยาว คุณปู่จ้าวมาถึงแล้วค่อยยังชั่ว หล่อนปลอดภัยแล้ว
ตอนที่ 1152 โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
จ้าวอิงสยงกับคุณย่าคล้ายวัวสันหลังหวะ พอเห็นคุณปู่จ้าวก็รีบหยุดแล้วมองไปที่ประตูตามสัญชาตญาณ เหมยเหมยทั้งโกรธและเกลียดสองคนนี้อย่างถึงที่สุด ก็เลยใช้แส้ฟาดไปอีกหนึ่งที จ้าวอิงสยงเจ็บจนร้องเสียงหลง
“ยัยเด็กบ้า ทำไมถึงได้ใจโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้”
คุณย่ารู้สึกสงสารลูกชายจึงตวาดใส่เสียงดัง
เหมยเหมยเลิกคิ้วเบา ๆ หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “เทียบกับสองแม่ลูกอย่างย่ากับลุงแล้ว หนูจิตใจดียิ่งกว่าเจ้าหญิงสโนว์ไวท์เสียอีก”
คุณปู่จ้าวสีหน้าเคร่งเครียด เขาเป็นกังวลว่าเหมยเหมยจะพูดเรื่องที่น่าอับอายของครอบครัวต่อหน้าทุกคน จึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆว่า “มีอะไรค่อยกลับไปคุยกันที่บ้าน”
เหมยเหมยรู้ว่าคุณปู่จ้าวกำลังจะสื่อถึงอะไร เธอยิ้มมุมปากเยาะเย้ย แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก
คุณย่าอยากจะด่าต่อ แต่คุณปู่จ้าวส่งสายตาปรามไว้ คุณย่าก็ได้แต่สงบปากสงบคำลงในทันที หล่อนไม่ได้โง่ถึงเพียงนั้น รู้ว่าเรื่องวันนี้ที่วางแผนจับหลานสาว หากคุณปู่จ้าวรู้เข้าเขาคงไม่ยอมปล่อยเธอไปแน่
“มื้อเที่ยงอาจารย์หยวนทำอาหารได้รสชาติไม่อร่อยเท่าไร ฉันเลยพาเหมยเหมยออกมากิน เจ้ารองก็ยังไม่ได้กินพอดี ก็เลย”
เรื่องราวหลังจากนั้นคุณย่าไม่สามารถพูดต่อได้อีก ยิ่งพูดยิ่งเสียงเบาจนสุดท้ายก็พูดอะไรไม่ออก บวกกับเจ็บแผลที่ถูกแส้ฟาด เธอก็คร้านจะพูดอะไรมากเลยนั่งลงดีกว่า
อย่างไรเสียคุณปู่จ้าวก็ทำอะไรเธอไม่ได้ อีกทั้งเธอยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยก็แค่หาคู่ครองให้หลานสาว ผู้ชายพอถึงเวลาก็ต้องแต่งงาน ผู้หญิงพอถึงเวลาก็ต้องหาสามีเหมือนกัน เธอทำอะไรผิดงั้นเหรอ
คนของเฮ่อเหลียนเช่อพอเห็นคุณปู่จ้าวก็รู้ทันทีว่าเรื่องวันนี้น่าจะไม่สำเร็จแล้วจึงถอยกลับไปอย่างเงียบ ๆ เตรียมกลับไปรายงาน แอบไว้อาลัยให้จ้าวอิงสยง 3 วินาที
เจ้าโง่นี้ทำให้คุณชายเช่อไม่พอใจครั้งแล้วครั้งเล่า แค่เกรงว่าคงมีจุดจบอย่างอนาถแน่นอน
แน่นอนว่ามันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขา
คนของเหยียนหมิงซุ่นยังไม่ไปไหน ยังคงแฝงตัวอยู่รอบ ๆติดตามสถานการณ์ของจ้าวเหมยตลอดเวลา ไม่กล้าอู้เลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นดวงใจของคุณชายหมิงของพวกเขา ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นพวกเขาจะมีอีกกี่ชีวิตมาชดใช้
เซียวเซ่อกลับบ้านไปคนเดียว สยงมู่มู่กลับบ้านใหญ่พร้อมกับเหมยเหมย ตลอดทางคุณปู่จ้าวไม่ได้พูดอะไรเลย สีหน้าดูแย่มาก จ้าวอิงสยงสภาพแย่ที่สุด สีหน้าพ่ายแพ้ ไม่ได้รู้สึกเจ็บแผลบนใบหน้าอีกต่อไป ทำแค่นั่งโง่ ๆเท่านั้น
เขาทำภารกิจที่เฮ่อเหลียนเช่อมอบหมายไม่สำเร็จ คุณชายเช่อไม่ปล่อยเขาไว้แน่ ตำแหน่งของเขาไม่มีอะไรเหลือแล้ว
แม้แต่ชีวิตของเขาก็อาจจะไม่สามารถรักษาไว้ได้ด้วยซ้ำ
จ้าวอิงสยงมองไปที่เหมยเหมยที่อยู่ด้านหน้าด้วยสายตาโกรธแค้น เป็นเพราะยัยเด็กบ้านี่แท้ ๆ ถ้าหล่อนเชื่อฟังดี ๆ กลางคืนเขาก็จะสามารถไปสถานบำเรอได้อย่างสบายใจแล้ว
ได้ยินมาว่าช่วงนี้สถานบำเรอมีผู้หญิงรัสเซียเข้ามา มีความสามารถในการกระตุ้นอารมรณ์ได้สูง แต่ตอนนี้เขากลับไม่ได้สัมผัสแม้แต่ปลายนิ้วมือของสาวงาม
แล้วอาจจะต้องไปใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในคุก
บรรยากาศเงียบตลอดทางไม่มีใครพูดอะไรสักคำ พอมาถึงบ้านตระกูลเจ้า คุณปู่จ้าวก็ปิดประตูบ้านลง แล้วถีบไปที่หัวเข่าของจ้าวอิงสยงตอนที่เขาไม่ทันตั้งตัว จ้าวอิงสยงล้มคุกเข่าลงไปกับพื้น
“ไอ้สัตว์เดรัจฉาน เมื่อคืนแกสัญญากับฉันไว้ว่าอย่างไร สอนเท่าไรไม่จำ ทำไมแกถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้”
คุณปู่จ้าวใช้ขาถีบอีกครั้งหนึ่งด้วยความรู้สึกเจ็บปวดจับใจ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าลูกชายคนรองของเขาจะเป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอกลงมือทำร้ายหลานสาวหลายครั้งแต่ยังดีที่ไม่สำเร็จ ไม่เช่นนั้นหากใครรู้ว่าตระกูลจ้าวขายหลานสาวกินเพื่อตำแหน่งลาบยศ ยังไม่รู้เลยว่าจะต้องโดนเขาหัวเราะเยาะกันขนาดไหน
“ตาแก่ไม่ต้องตีแล้ว เจ้ารองก็ถูกบังคับมา คุณคงไม่นั่งดูดายให้ลูกชายไปตายหรอกใช่ไหม”
คุณย่ารู้สึกสงสารลูกชาย เดินตัวสั่นจะไปจับคุณปู่จ้าวไว้ แต่คุณปู่จ้าวกำลังโมโหมากจะฟังหล่อนเสียที่ไหนกัน เขาจึงสะบัดมือทิ้ง คุณย่าถูกสะบัดล้มลงพื้นลุกอย่างไรก็ลุกไม่ขึ้น
…………………………………………
ตอนที่ 1153 คุณปู่จ้าวเสียใจภายหลัง
ร่ายกายของคุณย่าเจ็บปวดรวดร้าว เธอเรียกสยงมู่มู่มาช่วยพยุงตัวลุกขึ้น ถึงแม้ว่าสยงมู่มู่จะเกลียดที่เธอทำไม่ดีกับเหมยเหมย แต่อย่างไรเสียก็นับว่าเป็นผู้ใหญ่ ทำได้แค่เพียงเดินไปพยุงเธอขึ้นมาด้วยความไม่เต็มใจ เขาแสดงสีหน้าไม่พอใจ ทำให้คุณย่าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ยิ่งทำให้หล่อนเกลียดเหมยเหมยมากขึ้นไปอีก
ทั้งหมดนี่ก็เป็นเพราะยัยเด็กบ้านั่น
เหมยเหมยฟังคำพูดของคุณย่าพลันรู้สึกขบขัน พูดจาเสียดสีอย่างอดไม่ได้ว่า “คำพูดของคุณย่าน่าสนใจดีนะคะ คุณย่าทนเห็นลูกชายไปตายไม่ได้ แต่คุณย่าทนเห็นหนูไปตายได้งั้นสิ”
“ไร้สาระ ฉันเพียงแค่หาคู่ครองให้แกได้แต่งงาน มีผู้หญิงคนไหนที่โตแล้วไม่ต้องแต่งงานบ้าง แกแล้งน้ำใจจะให้ลุงรองของแกไปตายให้ได้เลยใช่ไหม”
คุณย่านึกถึงสิ่งที่จ้าวอิงสยงพูดกับหล่อน ถ้าหากไม่ส่งตัวจ้าวเหมยให้กับเฮ่อเหลียนเช่อ เขาก็จะต้องติดคุกหรืออาจจะถึงขั้นต้องกินลูกกระสุน คำพูดเหล่านี้ทำให้คุณย่ารู้สึกตกใจอยู่มาก
“ตาแก่ พวกเราต้องช่วยเจ้ารองนะ เจ้าใหญ่ไม่อยู่แล้ว ถ้าเจ้ารองเป็นอะไรขึ้นมาอีก ฉันอยู่ต่อไปไม่ได้แน่”
คุณย่าร้องห่มร้องไห้หวังว่าคุณปู่จะใจอ่อน จ้าวอิงสยงก็หวังเช่นนั้นจึงมองไปที่ตาแก่หัวใจพลันเต้นระรัว ความเป็นความตายของเขาขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณปู่ในตอนนี้แล้ว
สยงมู่มู่กลั้นความโกรธไว้ไม่ไหว พูดจาแดกดันว่า “เหมยเหมยเพิ่งจะอายุ 17 กฎหมายยังไม่อนุญาตให้แต่งงานได้เลยด้วยซ้ำ อีกอย่างถ้าเฮ่อเหลียนเช่อตั้งใจจะมาขอแต่งงานจริง ๆ จะใช้วิธีสกปรกชั่วช้าอย่างนี้ได้อย่างไร เฮ่อเหลียนเช่อเป็นคนอย่างไร นี่กำลังจะบังคับให้เหมยเหมยไปตายใช่ไหม”
คุณย่ากลับไม่คิดเช่นนั้น “ก็แค่แต่งงานเท่านั้นเองจะตายได้อย่างไร มู่มู่โดนยัยเด็กบ้านี่ปั่นหัวแล้ว ถ้าน้ารองเกิดซวยขึ้นมาจริง ๆ บ้านเราก็ต้องพังลงไปด้วย ในฐานะที่เป็นหลานสาวบ้านตระกูลจ้าว ในเมื่อใช้ชื่อเสียงของตระกูลจ้าวก็ควรเสียสละให้ตระกูลจ้าวบ้างสิ”
เหมือนสมัยก่อนเวลาออกรบเรียกให้ใครไปอยู่หน่วยกล้าตาย คนนั้นก็ต้องไปจะมาเลือกอะไรได้ที่ไหนกัน
เหมยเหมยฟังแล้วก็รู้สึกขบขัน อยากจะผ่าสมองของย่าแก่นี่ออกมาดู อยากจะรู้จริง ๆว่ามันหน้าตาเป็นอย่างไร สมองนี่มันช่าง…เสียจริง
“คุณย่าระวังคำพูดด้วยนะคะ ถึงแม้ว่าหนูจะแซ่จ้าว แต่ชื่อเสียงเกียรติยศของตระกูลจ้าวหนูไม่เคยเสพสุขใช้มันมาก่อนเลย ถ้าจะพูดขึ้นมาจริง ๆหนูว่าบ้านตระกูลเจ้ายังพึ่งพาชื่อเสียงหนูมากกว่า บุญคุณเพียงเล็กน้อยแล้วต้องให้ชดใช้มหาศาลหนูยังพอช่างมันได้ แต่จะให้หนูเสียสละตัวเองเพื่อช่วยตัวอะไรก็ไม่รู้ ถุย ฝันไปเถอะ”
เหมยเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกโมโห กล้าดีอย่างไรมาให้เธอเสียสละ
หน้าตาของคุณย่ากับจ้าวอิงสยงน่าขยะแขยงเสียยิ่งกว่าเฮ่อเหลียนเช่ออีก
“ตาแก่ คุณดูยัยเด็กบ้านี่มันพูดเข้า คุณดูสิคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าแม่กิวเฟียนเหี่ยงนึ่งลงมาเกิดหรืออย่างไร” คุณย่าชี้หน้าด่าเหมยเหมย
“หุบปาก”
คุณปู่สั่งสอนด้วยความรำคาญ เขาเริ่มรู้สึกรังเกียจย่าแก่นี่ แล้วก็รู้สึกเสียใจที่มาแต่งงานกับผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้
เมื่อก่อนได้ยินมาว่าจะหาภรรยาต้องหาภรรยาที่ดี หาผู้หญิงที่ดี ตระกูลถึงจะเจริญรุ่งเรือง เจริญก้าวหน้า แต่ถ้าแต่งกับตัวกาลกิณี ตระกูลจะดีแค่ไหนก็ต้องพังพินาศ
ตระกูลจ้าวจะพังทลายลงแล้ว
สายตาดุดันของคุณปู่ทำให้คุณย่าไม่กล้าโมโห รู้สึกกระวนกระวายใจ
จ้าวอิงสยงกอดขาของคุณปู่ ร้องขอให้คุณปู่ช่วยเหลือเขา เหมยเหมยฟังแล้วก็รู้สึกรำคาญ ด่าขึ้นว่า “สมองของคุณลุงโดนหมากินไปแล้วเหรอ เฮ่อเหลียนเช่อจะปล่อยคุณลุงไปจริง ๆได้อย่างไร คุณลุงเชื่อไหมพอส่งตัวหนูไป คนโรคจิตนั่นก็จะส่งคุณลุงเข้าคุกทันที แถมยังจะเอาหนูไปเป็นตัวล่อให้ตระกูลจ้าวกลายเป็นตัวตลกของคนทั้งเมือง”
ตอนที่ 1154 ชิงลงมือก่อน
จ้าวอิงสยงมองไปที่เหมยเหมยด้วยสายตาดุดันราวกับว่าจะกลืนกินเธอ แล้วพูดอย่างบ้าคลั่งว่า “เป็นไปไม่ได้ เฮ่อเหลียนเช่อรับปากฉันแล้ว เพียงแค่ฉันส่งตัวแกไป เขาก็จะทำลายหลักฐานทั้งหมดนั่น ยัยเด็กแล้งน้ำใจแกทำให้ฉันต้องลำบาก”
เหมยเหมยก้าวถอยหลังเพื่อหลบการโจมตีของจ้าวอิงสยง พอเห็นว่าเขายังไม่ยอมแพ้ จึงจำเป็นต้องฟาดแส้ลงไป เพื่อให้เขาถอยกลับไป
ขณะนี้คอของจ้าวอิงสยงเต็มไปด้วยเลือด เสื้อเชิ้ตครึ่งหนึ่งกลายเป็นสีแดงดูแล้วน่ากลัวเป็นอย่างมาก สยงมู่มู่ก็พลันตกใจจนเผลอถอยหลังไป
“พอได้แล้ว”
คุณปู่จ้าวตะโกนขึ้นมาเสียงดัง เดินมาตบจ้าวอิงสยงไปหนึ่งที แล้วมองไปที่เขาด้วยสายตาโมโห
เขาไม่เคยคิดที่จะฝากความหวังอะไรเอาไว้ที่ลูกชายคนรองเลย เขาเป็นคนโง่เขลา เบาปัญญา จึงทำให้แค่รักษาหน้าตาไว้ให้ได้ก็เท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าจ้าวอิงสยงแค่รักษาหน้าตาวงศ์ตระกูลยังทำไม่ได้ แล้วยังก่อเรื่องใหญ่โตขึ้นมา
ลูกชายคนรองมีความสามารถในการก่อเรื่องแต่กลับไม่กล้าที่จะรับผิดชอบ ทำได้เพียงขายหลานสาวขอร้องแม่ตนเอง นี่มันเจ้าโง่ชัด ๆ แม้แต่เด็กยังมองเรื่องราวได้ทะลุปรุโปร่งกว่าเขาอีก
คนสารเลวอย่างเฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้หาหลักฐานมาเล่นงานบ้านตระกูลจ้าวได้ง่าย ๆ เขาจะยอมปล่อยมันไปง่าย ๆได้อย่างไรกัน
ที่ให้จ้าวอิงสยงส่งตัวเหมยเหมยไป ก็เพื่อตั้งใจทำให้บ้านตระกูลจ้าวต้องขายหน้ามากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น
คุณปู่จ้าวถอนหายใจยาว ร่องรอยแห่งความแก่ชราปรากฎขึ้นอย่างเด่นชัด เหมยเหมยดูแล้วก็แอบทนไม่ได้ แต่หล่อนก็ต้องทำใจแข็งไว้ อันนี้โทษเธอไม่ได้ โทษได้เพียงคุณปู่จ้าวที่ไม่สามารถดูแลภรรยากับลูกชายได้ดี ทำให้ต้องมาเจออะไรแบบนี้
อีกทั้งยังทำให้เธอพลอยเดือดร้อนไปด้วย
เธอต่างหากที่เป็นผู้เสียหายมากที่สุด
คุณปู่จ้าวเหวี่ยงแขนสุดกำลังฟาดลงไปอย่างแรง จ้าวอิงสยงโดนฟาดจนเวียนหัวไม่สามารถยืนให้ตรงได้อีก
“ลูกโง่ เหมยเหมยยังฉลาดกว่าแกอีก”
คุณปู่จ้าวด่าด้วยความโมโห เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงอาการหมดเรี่ยวแรง ถ้ากับศัตรูแค่ใช้ดาบฟันลงไปทีเดียวก็จบ แต่กับลูกชาย เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรจริง ๆ
สยงมู่มูพูดเตือนขึ้นว่า “คุณตา พวกเราต้องชิงนำหน้าเฮ่อเหลียนเช่อไปก่อน ถ้าเฮ่อเหลียนเช่อชิงลงมือก่อน เราก็จะเป็นฝ่ายถูกกระทำได้”
คุณปู่จ้าวทำสีหน้าเคร่งเครียด ก่นด่าความเลอะเลือนของตัวเองในใจ เขาให้จ้าวอิงสยงอยู่ที่บ้าน แล้วให้คนมาเฝ้าเอาไว้แล้วก็รีบออกไป ดูท่าแล้วน่าจะออกไปหานายใหญ่
เดิมทีเขาวางแผนไว้ว่ารอจ้าวอิงสยงมอบตัวแล้วก็ไปอธิบายกับนายใหญ่ ลูกของเขาต้องมีทางรอดแน่ แต่ว่าตอนนี้ทำผิดมหันต์ขนาดนี้ เรื่องลงโทษหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน คุณปู่จ้าวแบกหน้าตัวเองเพื่อไปขอแลกชีวิตของลูกชาย และอนาคตของลูกชายอีกสองคนกลับมา
ตระกูลจ้าวจะลงจากเวทีก็ได้ แต่เขายังอยากเหลือพื้นที่เล็กน้อยไว้ให้กับตระกูลจ้าว เผื่อจะกลับมาเป็นใหญ่ในวันข้างหน้า
ทุกอย่างถูกวางแผนไว้หมดแล้ว คุณปู่จ้าวมั่นใจถึง 80 เปอร์เซ็นต์ว่าจะทำได้สำเร็จ แต่จ้าวอิงสยงไม่ให้ความร่วมมือ เกือบทำให้ตระกูลจ้าวพังไม่เป็นท่า ดังนั้นเขาจะต้องรีบชิงลงมือก่อนเฮ่อเหลียนเช่อ
เฮ่อเหลียนเช่อพอรู้ว่าไม่สามารถนำตัวเหมยเหมยกลับมาได้ก็โมโหเขวี้ยงข้าวของภายในห้องของตัวเอง ลูกน้องตกใจจนไม่กล้าทำอะไร ไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไร
โอหยางสยงติดตามข่าวของเหมยเหมยอยู่ตลอด เขาผิดหวังยิ่งกว่าเฮ่อเหลียนเช่อเสียอีก ยัยบ้านั่นรอดตัวไปได้อีกแล้ว
“คุณชายเช่อ ในเมื่อจ้าวอิงสยงจัดการอะไรไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ลงมือเลยเถอะ” โอหยางสยงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
อาการโมโหของเฮ่อเหลียนเช่อเบาลง เขาลูบคางพลางยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วพูดว่า “ ไม่รีบ อย่างไรเสียจ้าวอิงสยงก็ต้องติดคุก พวกเราหาเรื่องสนุก ๆให้ตระกูลจ้าวหน่อยดีกว่า”
โอหยางสยงไม่เข้าใจความหมายของเขา เฮ่อเหลียนเช่อให้ลูกน้องไปพาตัวหานซู่ฉินสองน้าหลานมา หานซู่ฉินยังปกติดีอยู่ แต่หานป๋อหย่วนกลับสภาพดูไม่ได้ราวกับร่างไร้วิญญาณ
…………………………………
ตอนที่ 1155 หานซู่ฉินกลับบ้าน
เมื่อวานหานซู่ฉินถูกผู้ชายสิบกว่าคนรุมโทรม ถึงแม้ว่าจะรู้สึกเหมือนได้เติมเต็ม แต่ร่างกายก็ทรมานมามากพอแล้วเช่นกัน ราวกับร่างกายของเธอถูกโจมตีมาอย่างหนัก กระดูกจะพังหมดแล้ว หล่อนถูกจับให้อยู่กับหานป๋อหย่วน เห็นอาการสาหัสของหานป๋อหย่วนแล้ว หล่อนยังรู้สึกว่าหล่อนโชคดีกว่ามาก
หานป๋อหย่วนถูกเจ้าดำกับสายฟ้ามอบความรักให้ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักรัก ผ่านผู้หญิงมาแล้วหลายสิบคน แต่บั้นท้ายของเขายังไม่เคยถูกเปิดซิงมาก่อนจึงมีความบอบบางมาก จะทนต่อความรักของสุนัขพันธุ์ทิเบตันกับบูลล์ด็อกได้อย่างไรกัน
โดยเฉพาะส่วนนั้นของน้องหมาค่อนข้างแหลมคม ขนาดใหญ่กว่าของเขาอีก หานป๋อหย่วนไม่รู้ว่าเมื่อคืนตัวเองทนมาได้อย่างไรกัน อวัยวะส่วนล่างเหมือนจะถูกฉีกขาดเต็มไปด้วยเลือด
หานซู่ฉินเห็นว่าภายในห้องมีเพียงเฮ่อเหลียนเช่อกับโอหยางสยงเท่านั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยสองคนก็ยังดีกว่า10 คน
หานป๋อหย่วนสีหน้าซีดเซียวประคองตัวยืนแทบไม่ไหวราวกับร่างกายไร้กระดูก นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น เฮ่อเหลียนเช่อส่งสายตารังเกียจ แล้วใช้มือลากให้เขาไปไกล ๆ ดูแล้วอัปมงคลชะมัด
อีกอย่างวันนี้ตัวหลักคือหานซู่ฉิน หานป๋อหย่วนไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย
เฮ่อเหลียนเช่อทำปากส่งสัญญาณให้ลูกน้อง ไม่นานนักลูกน้องก็จูงเจ้าดำกับสายฟ้าตัวเมื่อวานมา หานป๋อหย่วนตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า หน้าซีดจนเหมือนไร้เลือดฝาด
หานซู่ฉินก็ตกใจเช่นกัน หล่อนรู้แล้วว่าทำไมหลานของหล่อนถึงมีสภาพแบบนี้ หล่อนยอมโดนผู้ชายรุมโทรม 10 กว่าคนยังดีกว่าสัตว์เดรัจฉานสองตัวนี้…..
ตอนที่คุณปู่จ้าวกลับมาก็ค่ำมากแล้ว ในช่วงเวลานั้นจ้าวอิงสยงอยากจะหนีออกไปหลายครั้ง แต่ก็ถูกคนของท่านใหญ่จับตัวกลับมา จ้าวอิงสยงสีหน้าไม่สู้ดีนักราวกับว่าวันสิ้นโลกกำลังจะมาถึง
หลังจากที่คุณปู่จ้าวออกจากที่พักของนายใหญ่ได้ไม่นาน เฮ่อเหลียนเช่อก็ให้ลูกน้องเอาหลักฐานการติดสินบนของจ้าวอิงสยงมาส่งให้ เวลาห่างกันไม่ถึง 10 นาที
จ้าวอิงสยงยังไม่ทันกินข้าวเย็นเลยด้วยซ้ำก็ถูกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาควบคุมตัวไป คุณย่าร้องห่มร้องไห้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
เฮ่อเหลียนเช่อไม่รู้ว่าคุณปู่จ้าวได้คุยกับนายใหญ่ไว้เรียบร้อยแล้ว เขายังคงเบิกบานใจอยู่ ความรู้สึกเหมือนเขาสามารถปั่นหัวทุกคนเล่นได้มันช่างดีเสียจริง
เฮ่อเหลียนเช่อที่กำลังชอบใจอารมณ์ดีอยู่นั้นก็ปล่อยตัวหานซู่ฉินสองน้าหลานไป แล้วก็ยังเชิญหมอมารักษาแผลให้กับหานป๋อหย่วน หากว่าดูแลดี ๆบั้นท้ายของเขาก็ยังสามารถกลับมาเป็นปกติได้
หานซู่ฉินสองน้าหลานต่างก็ดีใจที่รอดพ้นจากความตาย แล้วคิดว่าจ้าวอิงสยงกับเฮ่อเหลียนเช่อได้ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการส่งตัวจ้าวเหมยไปให้เฮ่อเหลียนเช่อ ไม่เช่นนั้นเฮ่อเหลียนเช่อจะปล่อยพวกเขาไปได้อย่างไรกัน
หานป๋อหย่วนรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ลิ้มลองรสชาติสาวงามเสียก่อน หานซู่ฉินดีใจที่จ้าวอิงสยงสามารถรักษาตำแหน่งไว้ได้ หล่อนยังคงเป็นคุณหญิงที่ใครก็ต่างพากันอิจฉา
แต่ว่า…
หานซู่ฉินที่เพิ่งจะกลับบ้านแค่ย่างกรายเข้าบ้าน ก็ถูกคุณย่าที่กำลังเสียใจเอาไม้ปัดขนไก่มาไล่ตีอย่างรุนแรง ตีหล่อนแบบไร้สาเหตุ
“แม่คะ แม่เป็นบ้าอะไรคะเนี่ย” หานซู่ฉินทั้งเจ็บทั้งโมโห
“หลายวันมานี้แกไปตายที่ไหนมา เจ้ารองถูกคนควบคุมตัวไปแล้ว แกรู้ไหม เจ้ารองของฉันอีกหน่อยก็ไม่สามารถกลับมาได้แล้ว”
คุณยายตีหานซู่ฉินเพื่อระบายความโกรธ เธอไม่กล้าไปหาเรื่องเหมยเหมย ยิ่งคุณปู่จ้าวยิ่งอย่าไปพูดถึงเลย หานซู่ฉินกลับมาก็ดีแล้ว ผู้ชายของหล่อนเกิดเรื่องแต่เธอกลับไม่ได้กลับบ้านมาสองคืน สะใภ้ที่ไม่รักษาคุณสมบัติขอสตรีเธอก็ต้องสั่งสอนเสียหน่อย
หานซู่ฉินไม่กล้าเชื่อหูตัวเองจึงถามดูอีกรอบ จนแน่ใจว่าจ้าวอิงสยงถูกพาตัวไปแล้วจริง ๆ ตำแหน่งคุณหญิงผู้สูงส่งของเขาเองก็จบลงเช่นกัน
“ทำไมเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่าจบเรื่องแล้วเหรอ”
หานซู่ฉินพึมพำกับตัวเอง บังเอิญหันไปเห็นเหมยเหมยกำลังหลับอยู่ที่โซฟา สีหน้าแดงระเรื่อ ดูร่าเริงแจ่มใสดี ช่างแตกต่างกับเธออย่างสิ้นเชิง
พอย้อนนึกถึงเรื่องราวที่ต้องเจอสองวันมานี้ หานซู่ฉินจึงโมโหเดินเข้าไปหาเหมยเหมย ด่ากราดด้วยความโมโห “เป็นเพราะแก แกไอ้เด็กใจดำแล้งน้ำใจ…”
ตอนที่ 1156 จบลงชั่วคราว
เหมยเหมยได้ป้องกันผู้หญิงคนนี้ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ตอนที่หานซู่ฉินพุ่งตัวเข้ามาเธอเบี่ยงตัวหลบ หานซู่ฉินเหมือนจะวิ่งพุ่งชนแต่ยั้งไว้ไม่ทันจึงล้มลงไปกองที่พื้นลุกขึ้นมาไม่ได้ชั่วขณะ
“ลุงรองโกงกินเบี้ยเลี้ยงของทหารเอง เกี่ยวอะไรกับหนูด้วย”
หานซู่ฉินโมโหพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา แต่สองวันมานี้สาหัสเอาการจึงเหมือนจะไม่มีแรงหลงเหลืออยู่เลย เธอพยายามลุกขึ้นมาหลายครั้งก็ลุกไม่ขึ้นจนเหนื่อยเกือบตาย
เหมยเหมยสังเกตเห็นคอเสื้อของหานซู่ฉินเปิดออก เผยให้เห็นถึงเนื้อด้านในมีรอยจ้ำแดง ๆเต็มไปหมด ใครดูใครก็รู้ว่าเป็นรอยอะไร
“ป้าสะใภ้บอกมาก่อนสิคะว่าสองวันนี้ป้าไปไหนมา”เหมยเหมยพูดขึ้นโดยแฝงเจตนาที่ไม่ดี
เธอรู้อยู่แล้วว่าหานซู่ฉินไปไหน เธอเป็นคนยัดใส่ถุงกระสอบผ้าป่านเองกับมือ แต่คุณย่ายังไม่รู้เนี่ยสิ
แน่นอนหานซู่ฉินตัวแข็งไปเลย อารมณ์โมโหหายไปในพริบตา แต่แรงโกรธแค้นในใจกลับเพิ่มมากขึ้น เป็นเพราะยัยเด็กบ้าจ้าวเหมย หล่อนถึงโดนเฮ่อเหลียนเช่อเหยียดหยามได้ถึงเพียงนี้ เรื่องนี้จะให้ตระกูลจ้าวรู้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นชื่อเสียงของเธอจะทำอย่างไรล่ะ
กลัวก็แต่ตระกูลจ้าวจะไม่สามารถยอมรับหล่อนได้อีกต่อไป
ถึงแม้ว่าจ้าวอิงสยงจะถูกจับตัวไปแล้ว แต่หานซู่ฉินก็ไม่อยากจะไปจากตระกูลจ้าว ผู้ชายไม่มีแล้วไม่เป็นไร หล่อนยังมีลูกชายอีก 3 คนที่อนาคตไกล ขอเพียงแค่ลูกชายของเธอได้ทำงานตำแหน่งสูง ๆ เธอก็สามารถเป็นคุณผู้หญิงหานผู้สูงส่งได้เหมือนเดิม
คุณย่าหันไปสนใจหัวข้อสนทนาที่เหมยเหมยเอ่ยขึ้นมา เธอมองหานซู่ฉินด้วยความสงสัย พูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวดว่า “สองวันนี้แกไปไหนมา ไม่ได้ไปเถลไถลที่ไหนมาใช่ไหม”
“แม่คะ อย่าไปฟังนังนี่พูดจาไร้สาระ อิงสยงเกิดเรื่องขึ้นฉันร้อนใจแทบแย่ ก็เลยไปหาคนมาช่วย แต่สุดท้ายก็ช่วยอะไรไม่ได้ อิงสยงเขา…”
หานซู่ฉินปิดหน้าร้องไห้อย่างโศกเศร้าราวกับใจจะขาด คุณย่าเมื่อนึกขึ้นได้น้ำตาก็เริ่มไหลอาบแก้มเช่นกัน
เหมยเหมยส่ายหัว หล่อนไม่ได้เปิดโปงหานซู่เหมยต่อไป หานซู่ฉินสองวันมานี้ถูกเฮ่อเหลียนเช่อทำอะไรมาบ้าง หล่อนใช้เท้าคิดก็ยังเดาออก ถึงแม้ว่าหานซู่ฉินสมควรได้รับมัน แต่เธอไม่อยากที่จะเปิดโปงเรื่องนี้เช่นเดียวกัน แค่รู้สึกขยะแขยง
จ้าวอิงสยงโกงเงินเบี้ยเลี้ยงเป็นจำนวนค่อนข้างมาก แม้แต่เขาเองยังแทบไม่อยากจะเชื่อว่าทำไมเขาถึงใช้เงินไปได้เยอะขนาดนี้
โดยปกติแล้วโกงกินเยอะขนาดนี้ โดยเฉพะค่าเบี้ยเลี้ยงของทหาร จ้าวอิงสยงอีก 10 คนก็ชดใช้ไม่หมด
แต่ใบหน้าชราของคุณปู่จ้าวถือว่ายังใช้ได้ผลอยู่ นายใหญ่ไม่ได้เอาชีวิตของจ้าวอิงสยง แต่ให้เขาติดคุก 15 ปี ถูกจับเข้าห้องขังพิเศษ การกินอยู่ไม่ได้แตกต่างอะไรจากห้องรับรอง ไม่ได้รับโทษอะไรที่หนักหนาสาหัสนอกจากขาดอิสรภาพ
หานซู่ฉินก็ไม่สามารถอยู่ในกองได้อีกต่อไป ถูกย้ายให้ไปทำงานประชาสัมพันธ์ที่โรงงาน เธอยังนับว่าโชคดี เงินที่โกงกินมาจ้าวอิงสยงเอาไปใช้คนเดียว ไม่ได้ผ่านมือหล่อนก็เลยรอดจากการติดคุก
ในส่วนของจ้าวอิงหย่งสองสามีภรรยาและลูกคนอื่น ๆ ไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก เพียงแต่จ้าวอิงหย่งถูกย้ายไปทำงานในตำแหน่งที่ค่อนข้างว่างงานเท่านั้น
คุณย่ารู้สึกโล่งอก ถึงแม้จะรู้สึกเสียดายลูกชายรอง แต่อย่างน้อยรักษาชีวิตไว้ได้ก็ไม่เลวแล้ว อีกทั้งตระกูลจ้าวก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก ผลลัพธ์แบบนี้หล่อนค่อนข้างพึงพอใจเลยทีเดียว
“รีบ ๆเก็บของได้แล้ว เราจะอาศัยอยู่ที่นี่ได้อีกแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” คุณปู่เปิดปากพูด ทุกคนต่างก็ตกใจกันยกใหญ่ โดยเฉพาะคุณย่าที่ดูเหมือนจะตกใจมากที่สุด
………………………………
ตอนที่ 1157 บ้านตระกูลจ้าวขายหน้า
สักพักคุณย่าถึงดึงสติกลับมาได้ ถามเสียงสั่นว่า “ตาแก่ เราจะย้ายไปอยู่ไหน”
“ย้ายกลับไปอยู่บ้านเก่า ฉันให้คนเก็บกวาดบ้านเราไว้แล้ว เดี๋ยวอีกหน่อยเราจะอยู่ที่นั่นจนแก่ตายเลย”
คุณปู่จ้าวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งราวกับพูดเรื่องปกติทั่วไป แต่เรื่องที่พูดออกมานั้นกลับทำให้คุณย่าหายใจแทบไม่ทัน
กลับบ้านเก่างั้นหรือ
ตาแก่บ้านี่สมองถูกลาถีบมาหรืออย่างไร
บ้านเก่าอยู่บนภูเขา สถานที่รกร้างเปลี่ยว แม้แต่สัญญาณโทรทัศน์ก็เข้าไม่ถึง ไปอยู่ที่นั่นจะมีความหมายอะไร
“ตาแก่ คุณเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมา ถ้าคุณจะไปก็ไปคนเดียว ฉันจะอยู่ที่นี่จนวันตาย” คุณยายพูดด้วยน้ำเสียงดื้อดึง
คุณปู่จ้าวไม่ได้โมโหอะไรพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดาว่า”คุณจะไม่ไปก็ได้ งั้นคุณก็ออกไปอยู่ข้างนอกแล้วกัน บ้านหลังนี้ผมคืนให้กับทางหลวงไปแล้ว คุณไม่มีสิทธิ์อยู่แล้ว”
“ลำพังแค่เรื่องชั่ว ๆที่คุณทำหลายปีนี้ ขืนให้คุณอยู่ต่อไปตระกูลจ้าวต้องถูกคนอย่างคุณทำให้พังไม่เป็นท่าแน่ คุณไม่กลับบ้านเก่ากับผมไม่เป็นไร พรุ่งนี้เราก็ไปทำเรื่องหย่ากัน”
คุณปู่จ้าวไม่มีท่าทีอ่อนข้อให้คุณย่าอย่างเคยอีกต่อไปและไม่ไว้หน้าอะไรทั้งนั้น คุณย่าอึ้งไปชั่วขณะ มองไปที่คุณปู่ด้วยสายตาที่ตกใจราวกับคนแปลกหน้า แล้วก็เริ่มรู้สึกหวั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย
เหมยเหมยลอบยิ้ม ถ้าคุณปู่จ้าวจัดการด้วยวิธีนี้ตั้งแต่แรก ตระกูลจ้าวก็คงไม่ต้องเป็นเช่นนี้
อย่างไรเสียเรื่องพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธออีกต่อไป เรื่องได้จบลงแล้ว หล่อนก็ควรจะกลับเมืองจินได้แล้ว
เรื่องตระกูลจ้าวรู้กันไปทั่วบ้านทั่วเมือง ตระกูลจ้าวที่เคยอยู่บนยอดเจดีย์สีทองในวันวาน ตอนนี้กลับตกลงมาอยู่ที่กึ่งกลางของเจดีย์ ถึงแม้ว่าไม่ได้ตกลงไปอยู่ในจุดต่ำสุดแต่ก็ถือว่าไม่ใช่ยอดของเจดีย์แล้ว
พูดได้เพียงว่าเวทีการเมืองเปลี่ยนแปลงได้ตลอด ไม่มีใครรู้ว่านาทีต่อไปใครจะเป็นคนลงจากเวที
และไม่มีใครรู้ว่า ใครจะได้ขึ้นเวทีเป็นคนต่อไป
ไม่นานเฮ่อเหลียนเช่อก็ได้ยินข่าวเรื่องจ้าวอิงสยง เขาเขวี้ยงทำลายข้าวของในบ้าน สีหน้าแผ่รังสีความน่ากลัวออกมา
หนิงเฉินเชวียนโมโหยิ่งกว่า เดิมทีเขาอยากจะเก็บอิทธิพลของตระกูลจ้าว แต่ตอนนี้กลับถูกคุณปู่จ้าวมาขัดขวาง อิทธิพลพวกนั้นเลยตกอยู่ในมือของนายใหญ่แทน เขาทุ่มสุดชีวิตในการหาหลักฐานมามัดตัวจ้าวอิงสยงแต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร แล้วจะไม่ให้เขาโมโหได้อย่างไร
“แกกำลังทำอะไรอยู่”
หนิงเฉินเชวียนเรียกตัวเฮ่อเหลียนเช่อไปด่าสั่งสอน แล้วก็ยังพูดถึงเหมยซูหานอีกด้วย
“ถ้าแกยังทำไม่สำเร็จอีกละก็ ฉันจะทำลายผู้ชายคนนั้นของแกทันที” หนิงเฉินเชวียนมองเฮ่อเหลียนเช่อด้วยสายตาอำมหิต หวังว่าจะรับรู้ได้ถึงความไม่ชอบใจของเขา
เขาสอนให้เฮ่อเหลียนเช่อเป็นคนเลือดเย็นมาตั้งแต่เด็ก เดิมทีคิดว่าทำสำเร็จแล้ว แต่เพราะมีเหมยซูหานเข้ามา ทำให้เฮ่อเหลียนเช่อที่เขาอุตส่าเลี้ยงดูมาเปลี่ยนไป ถูกล่อลวงไปทั้งหัวใจอีกทั้งยังส่งผลกระทบต่องานด้วย
นี่คือสิ่งที่เขาไม่สามารถทนได้
เฮ่อเหลียนเช่อโมโหมาก เขายิ่งเกลียดชังตระกูลจ้าวมากขึ้นไปอีก จ้าวหวายซานไอ้แก่นั่นมาขัดขวางเขาเสียจนได้
คิดว่าหนีไปอยู่หลังเขาแล้วจะได้เจอแต่เรื่องดี ๆงั้นเหรอ
วันต่อมาในเมืองได้เกิดเรื่องขึ้นอีกครั้ง เป็นข่าวของตระกูลจ้าวเช่นเคย แต่ครั้งนี้เป็นข่าวฉาวเชิงชู้สาว ตัวเอกคือหานซู่ฉิน สุนัขสองตัว และผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่เห็นหน้าไม่ชัด
ข่าวฉาวเชิงชู้สาวนี้แพร่กระจายเร็วกว่าความเร็วแสง ไม่ถึงครึ่งวันทั่วทั้งเมืองต่างก็รู้เรื่องฉาวโฉ่วของสะใภ้ใหญ่ตระกูลจ้าว แม้แต่บนหนังสือพิมพ์ก็มีรายงานข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่ากำลังพูดถึงใคร
“แก แกนังผู้หญิงสำส่อน ฉันว่าแล้วว่าแกต้องไปเถลไถลข้างนอกมา ฉันจะตีแกให้ตาย นังผู้หญิงสำส่อน”
คุณยายก็ได้เห็นภาพฉาวพวกนั้นของสะใภ้ตัวเอง หล่อนโมโหหลายเรื่องรวมกัน ถอดรองเท้าไล่ตีหานซู่ฉินที่กำลังปิดหน้าปิดตาอยู่
ตอนที่ 1158 ไม่ควรค่าแก่การสงสาร
หานซู่ฉินโดนตีจนระบมไปทั้งตัว ทั้งอายทั้งโมโห ยิ่งไปกว่านั้นคือความโกรธแค้น
แค้นที่เหมยเหมยส่งเธอไปที่ถ้ำเสือ แค้นที่คุณย่าตีเธออย่างเจ็บแสบไม่หยุด แล้วก็แค้นความไม่เอาไหนของจ้าวอิงสยง
“ฉันถูกบังคับ เฮ่อเหลียนเช่อวางยาฉัน เขาตั้งใจทำร้ายฉัน”
หานซู่ฉินร้องไห้โอดครวญหลบการโจมตีของคุณย่าไม่หยุด แต่คุณย่าสวมจิตวิญญาณนักรบ รองเท้าของเธอเปรียบเหมือนกับดาบ หานซู่ฉินโดนตีไปหลายทีเจ็บแทบปางตาย
“หยุดตีได้แล้ว ตีฉันไปแล้วจะช่วยอะไรขึ้นมา ไม่ใช่เพราะลูกชายของแม่ไม่เอาไหนเหรอถึงทำให้ฉันตกอยู่ในสภาพแบบนี้”
หานซู่ฉินไม่มีท่าทีเคารพอย่างเคย เธอยื่นมือไปผลักคุณย่า ทำให้คุณย่าล้มลงไปกองกับพื้น
“เจ็บจัง”
คุณย่าล้มลงไปกระแทกอย่างรุนแรงจนได้ยินเสียงเหมือนกระดูกหัก เธอหน้าซีดไปในทันทีสักพักเหงื่อท่วมตัว ดูท่าจะบาดเจ็บไม่น้อยเลยทีเดียว
เหมยเหมยที่กำลังดูอยู่ก็รีบวิ่งไปพยุงคุณย่าขึ้นมา แต่แค่ขยับเพียงเล็กน้อยคุณย่าก็ร้องโหยหวนเสียงดังราวกับหมูกำลังถูกเชือด เธอทำได้เพียงโทรเรียกหมอมาเท่านั้น ยังดีที่หมอก็พักละแวกนี้ด้วย เพียงไม่กี่นาทีก็มาถึง
คุณหมอบอกว่ากระดูกเชิงกรานของคุณย่าหัก จะต้องใช้เวลารักษาอย่างน้อย 3 เดือน คุณย่าอายุมากแล้วกระดูกเปราะบาง อาจจะต้องอยู่บนเตียงไปเลยถึงครึ่งปี
คุณปู่จ้าวโมโหกับรูปภาพพวกนั้นเช่นกัน เขารู้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้อย่างที่หวังก็เลยอยากจะทำลายบ้านตระกูลจ้าว เขาทำสำเร็จแล้วจริง ๆ รูปภาพฉาวโฉ่พวกนี้ทำให้ตระกูลเจ้าอับอายขายหน้า ชื่อเสียงป่นปี้ย่อยยับ
ยังดีที่นายใหญ่ออกโรงช่วยเหลือให้คนเก็บรูปภาพฉาวโฉ่พวกนั้น แล้วก็ยังให้สำนักพิมพ์ต่าง ๆลบภาพออก ไม่ถึงสองวันข่าวฉาวเชิงชู้สาวภายในเมืองก็มลายหายไป
ไม่มีใครกล้าวิพากวิจารณ์เรื่องของตระกูลจ้าว หรือแม้แต่พูดลับหลังก็ไม่กล้า
พวกเขาไม่มีใครกล้าที่จะเป็นศัตรูกับทางหลวงหรอก ทุกคนต่างก็ยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป
ถึงกระนั้นชื่อเสียงของหานซู่ฉินก็พังย่อยยับไปแล้ว โลกก็เป็นเช่นนี้ผู้หญิงไม่ว่าจะถูกรุมโทรมหรือถูกข่มขืน ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นผู้ถูกกระทำ แต่คนที่โดนดูถูกเยาะเย้ยก็ยังคงต้องเป็นผู้หญิงอยู่วันยันค่ำ
ถึงแม้ว่าหานซู่ฉินไม่ได้ถูกใส่ร้ายแต่นี่ก็ถือว่าเป็นโทษที่ควรได้รับ ทว่าในเมื่อเธอเกิดมาเป็นผู้หญิงก็ย่อมที่จะต้องเสียเปรียบในเรื่องนี้ ชื่อเสียงของเธอในเมืองหลวงตอนนี้พังย่อยยับไปแล้ว
“ให้ยัยสำส่อนนี่หย่ากับเจ้ารอง แล้วให้ไสหัวออกไปเสีย อย่าให้มาทำลายชื่อเสียงตระกูลจ้าวอีก” คุณย่าตะโกนด่ากราด ดูถูกหานซู่ฉินเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่าจะโดนศัตรูจับตัวไป แต่มันก็มีตั้งหลายวิธีฆ่าตัวตายเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่ผู้หญิงคนนี้กลับยังมีหน้ากลับมา
เธอจะมีหน้ามีชีวิตอยู่ต่อไปเช่นไร
คุณปู่จ้าวรู้สึกลังเลใจเล็กน้อย เขารู้สึกว่าการที่หานซู่ฉินโดนทำร้ายเช่นนี้ก็เป็นความผิดของจ้าวอิงสยง พูดถึงตระกูลจ้าวก็ทำไม่ดีต่อเธอเช่นกัน
เหมยเหมยกลับสนับสนุนให้จ้าวอิงสยงหย่ากับหานซู่ฉิน เดิมทีเธออยากเลิกแล้วต่อหานซู่ฉินไปเสีย แต่รูปภาพพวกนี้กลับทำให้เธอใจแข็งขึ้นมาอีกครั้ง
ถ้าหากวันนั้นคนที่ถูกจับตัวไปเป็นเธอ ถ้าอย่างนั้นตัวละครหลักของรูปภาพพวกนี้ก็ต้องเป็นเธอจ้าวเหมยที่ถูกผู้ชายนับสิบรุมโทรม แล้วยังถูกสุนัขสองตัวรูปร่างคล้ายลูกควาย….
สุดท้ายยังถูกแฉภาพฉาวโฉ่ไปทั่วเมือง ทำให้ทุกคนรู้กันไปทั่ว
เธอจะยังกล้าไปเผชิญหน้ากับเหยียนหมิงซุ่นได้อย่างไร
เหมยเหมยไม่กล้าคิด แค่รู้สึกโชคดีและหวาดกลัวขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นยังเกลียดชังหานซู่ฉินจับใจ
“คุณปู่จ้าวคะ ปู่รู้ไหมว่าทำไมหานซู่ฉินถึงถูกจับตัวไป” เหมยเหมยมองออกว่าคุณปู่จ้าวลังเลใจก็เลยตั้งใจจะเติมเชื้อเพลิงใส่เข้าไป
หานซู่ฉินสีหน้าเลิ่กลั่กในทันที รีบวิ่งพุ่งเข้าไปหาเหมยเหมย “ยัยเด็กชั่ว ฉันจะฆ่าแก”
……………………………………
ตอนที่ 1159 ไม่มีวันเอาชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ
เหมยเหมยหลบการโจมตีของหานซู่ฉินอย่างง่ายดาย จ้าวอิงหย่งขมวดคิ้วแล้วรีบไปจับตัวหานซู่ฉินไว้ แล้วให้ภรรยาอันหย่าฟางเอาเชือกมามัดตัวหล่อนเพื่อไม่ให้ยัยผู้หญิงคนนี้บ้าขึ้นมาได้อีก
แต่ว่าทุกคนก็เห็นถึงความไม่ชอบมาพากล หรือว่าการที่หานซู่ฉินถูกจับตัวไป เหมยเหมยจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยงั้นเหรอ
เหมยเหมยหัวเราะร่าพลางพูดขึ้นว่า “หานซู่ฉิน ป้าทำชั่วเอง คิดจะทำร้ายคนอื่นแต่ตัวเองโดนเสียเอง ใครใช้ให้ป้าจิตใจสกปรก”
คุณปู่จ้าวเดาถึงสาเหตุได้เล็กน้อย ถามเหมยเหมยว่าเกิดอะไรขึ้น
สยงมู่มู่ชิงพูดขึ้นก่อน เขาเล่าเรื่องที่หานซู่ฉินสองน้าหลานตั้งใจใช้ชื่อจ้าวอิงหนานหลอกเหมยเหมยไปที่สวนฟาร์ม จ้าวอิงหย่งโมโหจนง้างมือขึ้นมาแต่ก็ไม่ได้ลงมือ อันหย่าฟางเป็นคนลงมือแทน
“เธอยังเป็นคนอยู่ไหม ความเก่งกาจต้องเอามาใช้กับคนในครอบครัวหรือไง ที่เธอเป็นอย่างนี้เพราะตัวเธอเอง มันก็สมควรแล้ว”
ตอนนี้อันหย่าฟังกลับรู้สึกโชคดีที่ไม่ได้คลอดลูกสาวของตัวเองออกมา หล่อนไม่แน่ใจว่าลูกสาวของตัวเองจะฉลาดแบบจ้าวเหมยไหม 80-90 เปอร์เซ็นต์น่าจะหนีไม่พ้นแผนการชั่วร้ายของหานซู่ฉินแหง แค่คิดว่าลูกสาวของหล่อนอาจจะถูกเฮ่อเหลียนเช่อ…
หัวใจของอันหย่าฟางก็เจ็บแปล๊บขึ้นมา สิ่งเดียวที่รู้สึกในตอนนี้คือรู้สึกว่าโชคดีแล้ว
หานซู่ฉินกลับไม่รู้สึกถึงความผิดของตัวเองสักนิด พูดขึ้นว่า “จ้าวเหมยใจของแกมันช่างเหี้ยมโหดนัก ในเมื่อแกรู้ว่าฉันจะหลอกแก แกไม่มาก็พอแล้ว ทำไมจะต้องส่งฉันกับป๋อหย่วนไปที่นั่นด้วย ทำไมแกถึงใจอำมหิตได้ขนาดนี้”
เหมยเหมยฟังแล้วก็ขบขัน พูดเสียดสีว่า “แปลกจัง หรือว่าคุณกับหานป๋อหย่วนทำร้ายฉันได้อย่างเดียว หนูตอบโต้กลับไม่ได้เลยใช่ไหม หนูเพียงแค่ใช้วิธีที่คนอื่นทำร้ายฉันทำร้ายเขากลับเท่านั้นเอง หนูคงจะไม่เอาชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธหรอกนะ”
คุณปู่จ้าวคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะเป็นแบบนี้ เขามองหลานสาวด้วยความละอายใจ เขาเป็นคนเรียกหลานสาวให้กลับมาเมืองหลวงเอง แต่กลับทำให้หลานสาวของเขาตกอยู่ในอันตราย ยังดีที่หลานสาวของเขาเป็นคนฉลาด ไม่เช่นกันเขาจะบอกกับลูกชายคนเล็กของเขาว่าอย่างไร
“หย่าเสียเถอะ ผู้หญิงชั่วร้ายขนาดนี้ตระกูลจ้าวของเรารับไม่ได้เด็ดขาด”
คุณปู่จ้าวโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ เดิมทีเขาคิดว่าบ้านตระกูลจ้าวเป็นคนทำให้หานซู่ฉินต้องถูกเหยียดหยาม แต่ตอนนี้เขาคิดเพียงว่าผู้หญิงคนนี้ทำตัวเอง
หานซู่ฉินกระวนกระวายใจ ถ้าออกจากบ้านตระกูลจ้าวหล่อนจะไปไหนได้
บ้านแม่ของเธอไม่ยอมรับหล่อนแน่ หานป๋อหย่วนถูกจ้าวเหมยเล่นงานเสียจนไม่เป็นผู้เป็นคน สะใภ้ใหญ่ทำอะไรบ้านตระกูลจ้าวไม่ได้ คงจะต้องเอาความโมโหมาลงที่หล่อนแน่นอน
“พ่อคะ ฉันผิดไปแล้ว ให้อภัยฉันเถอะนะ เห็นแก่หน้าเสวียไห่พวกเขาสามพี่น้องก็ได้ ให้โอกาสฉันอีกสักครั้งเถอะนะคะ”
คุณปู่จ้าวเริ่มลังเลใจอีกครั้ง หานซู่ฉินคลอดหลานให้บ้านตระกูลจ้าว 3 คน ทุกคนมีความสามารถทั้งนั้น ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนไม่ดีแต่เธอก็ยังเป็นแม่ของหลาน ๆเขา
เหมยเหมยรีบพูดขึ้นว่า “พวกพี่ ๆมีแม่ที่ชื่อเสียงป่นปี้อย่างป้า มีแต่จะทำลายอนาคตของพวกเขา ถ้าป้าคิดแทนพวกพี่ ๆเขาจริงละก็ควรเดินออกไปเอง อย่าทนหน้าด้านเกาะตระกูลจ้าวอีกต่อไปเลยค่ะ”
ผู้หญิงโหดร้ายที่ทำร้ายเธอมานับครั้งไม่ถ้วน เธอจะไม่มีวันใจอ่อนให้เด็ดขาด เธอจะเหยียบให้จมดิน
คุณปู่จ้าวเริ่มแน่วแน่ขึ้นมาอีกครั้ง หลานสาวพูดไม่มีผิดหานซู่ฉินชื่อเสียงป่นปี้พังย่อยยับหมดแล้ว มีแต่จะทำให้พวกเสวียไห่ได้รับความอับอาย อีกทั้งผู้หญิงที่จิตใจโหดเหี้ยมเช่นนี้ ถ้ายังอยู่ก็คงต้องสร้างเรื่องให้กับตระกูลจ้าวเป็นแน่
หานซู่ฉินเห็นสีหน้าท่าทางของคุณปู่จ้าว ก็เริ่มรู้สึกใจหายขึ้นมา
เธอพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า “ถ้าจะพูดถึงความร้ายกาจ ฉันคงสู้คุณย่าของตระกูลเราไม่ได้หรอก ฉันกับจ้าวเหมยไม่มีความเกี่ยวพันทางสายเลือด แน่นอนว่าไม่มีทางใจอ่อนแน่ แต่คุณย่าเป็นย่าแท้ ๆของจ้าวเหมยแต่กลับไม่ใจอ่อนเลย พ่อคะ พ่อยังสามารถให้ผู้หญิงใจอำมหิตคนนี้อยู่ต่อไปได้อีกเหรอคะ”
ตอนที่ 1160 ศึกภายใน
เพื่อรักษาตำแหน่งสะใภ้บ้านตระกูลจ้าวไว้ หานซู่ฉินไม่สนใจอะไรอีกแล้ว หล่อนจะกัดคุณย่าไม่ปล่อย
“พ่อคะ พ่อยังไม่รู้สินะว่าจริง ๆแล้วแม่ไม่ได้ป่วย ก่อนหน้านี้ท่านจงใจไม่ยอมกินข้าวทำให้หิวจนจะเป็นจะตาย ก็เพื่อให้พ่อหลอกจ้าวเหมยให้กลับมาเมืองหลวง”
หานซู่ฉินยังคงแฉต่อ เรื่องที่คุณย่าแกล้งป่วยเป็นความคิดของหล่อนเอง ไม่มีใครรู้เรื่องไปมากกว่าหล่อนแล้ว
เหมยเหมยฟังแล้วก็นึกขัน นี่คือคนชั่วกัดกันเองชัด ๆ
ถือว่าประหยัดแรงหล่อนไปได้มาก ไม่ต้องให้หล่อนคิดวิธีหลอกล่อให้คุณย่าพูดความจริง ตอนนี้สารภาพออกมาเองเสียหมดเปลือก
คุณย่ารู้สึกร้อนรนอย่างมาก แค้นหานซู่ฉินอย่างถึงที่สุดแต่หล่อนก็จะไม่ยอมปริปากพูดอะไรทั้งนั้น แล้วก็จะไม่ยอมรับเด็ดขาด ตาแก่ไม่พอใจหล่อนหลายเรื่องแล้ว ถ้ายอมรับเรื่องพวกนี้อีก ไม่รู้ว่าตาแก่จะโมโหแบบไหนขึ้นมาอีก
“แกพูดซี้ซั้ว ฉันแกล้งป่วยที่ไหน หมอก็บอกว่าตอนนั้นฉันไม่ไหวแล้วจริง ๆ”
หานซู่ฉินหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “หนูจ่ายเงินหมอไว้แล้ว หนูให้พวกเขาพูดอะไรพวกเขาก็พูดอย่างนั้น”
“ไร้สาระ หานซู่ฉินแกอย่าคิดจะมาใส่ความฉันนะ ไม่มีใครเขาเชื่อแกหรอก”
ตอนนี้คุณย่าแข็งนอกอ่อนใน แต่พอพูดตวาดเสียงดังก็เริ่มรู้สึกเจ็บแผลขึ้นมาจนเหงื่อแตกพลั่ก หายใจหอบไม่หยุด
เหมยเหมยพูดแทรกขึ้นมาว่า “เรื่องแกล้งป่วยอย่าเพิ่งพูดละกัน แต่คุณย่าหลอกหนูไปที่ภัตตาคารเหอผิง แล้ววางยาในน้ำส้มให้หนูดื่ม เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องจริงอยู่ใช่ไหม”
คุณปู่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถามขึ้นมาว่า “ยาอะไร”
เหมยเหมยถอนหายใจยกคางส่งสัญญาณให้กับสยงมู่มู่ สยงมู่มู่รีบไปที่ตู้เย็นหยิบน้ำสัมออกมาขวดหนึ่ง ขวดถูกเปิดออกแล้วแต่ยังไม่มีใครดื่ม
“น้ำส้มขวดนี้คือน้ำส้มขวดเมื่อวานที่เอากลับมาจากภัตตาคารเหอผิง เป็นขวดเดียวกับที่คุณย่าขอให้หนูดื่ม หนูรู้สึกทะแม่ง ๆเลยไม่ดื่มแล้วให้สยงมู่มู่เอากลับมา” เหมยเหมยอธิบายความเป็นมาของน้ำส้มขวดนี้
จ้าวอิงสยงสองสามีภรรยาได้รับกรรมที่สมควรจะได้รับแล้วแต่คุณย่ากลับยังไม่ได้รับ เหมยเหมยก็ไม่ได้ใจกว้างถึงขนาดจะให้อภัยหญิงใจอำมหิตที่ทำร้ายหล่อนครั้งแล้วครั้งเล่า
น้ำส้มขวดนี้หล่อนตั้งใจเอากลับมาเพื่อจะรอดูว่าคุณปู่จะลงโทษคุณย่าอย่างไร ถ้าหากไม่สามารถทำให้หล่อนพอใจได้ หล่อนก็จะใช้น้ำส้มขวดนี้แหละเป็นตัวช่วย
คุณย่าใจหล่นไปที่ตาตุ่ม วางมาดกลบเกลื่อนตวาดขึ้นว่า “ใครจะไปรู้ว่าแกเอาน้ำส้มขวดนี้มาจากที่ไหน แกตั้งใจใส่ร้ายฉัน แกนังเด็กบ้าไม่เคยคิดเรื่องดี ๆได้หรอก”
“น้ำส้มขวดนี้ผมเป็นคนเอากลับมาเอง ไม่เคยผ่านมือใคร” สยงมู่มู่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
คุณย่าสบถด่า “แกกับยัยเด็กบ้าเป็นพวกเดียวกัน แกก็ไม่ใช่คนดีอะไรนักหรอก”
“หุบปากได้แล้ว” คุณปู่จ้าวพูดออกไปด้วยความรำคาญใจ แววตามีแต่ความเกลียดชัง
เหมยเหมยส่งขวดน้ำส้มให้กับอันหย่าฟาง “อาสะใภ้ ช่วยดูให้หน่อยได้ไหมคะว่าในน้ำส้มขวดนี้มียาสลบผสมอยู่ไหม”
อันหย่าฟางรับขวดน้ำส้มมาใช้จมูกลองดมกลิ่นดู คิ้วขมวดเข้าหากันแล้วก็ดมอีกครั้ง พูดขึ้นว่า “ในนี้มียาผสมอยู่ แต่ไม่รู้ว่าเป็นยาอะไร จะต้องใช้เครื่องตรวจเท่านั้น ฉันไม่สามารถสรุปเองได้ง่าย ๆหรอก”
คุณปู่จ้าวเอาขวดน้ำส้มเทให้หานซู่ฉินดื่มลงไปด้วยสีหน้าโมโห หานซู่ฉินดิ้นไม่หยุด แต่ก็ถูกกรอกลงไปเกือบครึ่งขวด ผ่านไปเพียงไม่กี่นาที หานซู่ฉินก็สลบลงไปแสดงให้เห็นถึงความแรงของฤทธิ์ยา
“พลั่ก”
คุณปู่เหวี่ยงฝ่ามือลงไปที่หน้าคุณย่าอย่างแรง ทุกคนต่างรู้สึกตกใจ นี่เป็นครั้งที่สองที่คุณปู่ลงไม้ลงมือกับคุณย่า
มุมปากของเหมยเหมยกระตุกขึ้นเล็กน้อย หล่อนรู้สึกสะใจเป็นอย่างมาก น้ำส้มขวดนี้ได้ทำหน้าที่ของมันแล้ว
แต่หล่อนยังพูดไม่จบ หล่อนรู้สึกเอือมระอากับความร้ายกาจของคุณย่าเสียเต็มทน
“ปู่คะ อีกหน่อยมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณย่า หนูขอไม่ข้องเกี่ยวอีกแล้วนะคะ แล้วก็ไม่ต้องพูดจาหว่านล้อมให้หนูเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย” เหมยเหมยพูดสิ่งที่หล่อนอยากจะพูดที่สุดออกมา ถึงแม้ว่าจะทำให้คุณปู่ไม่พอใจแต่เธอก็จำเป็นต้องพูด
เพราะจะมามั่วแต่เอาใจคุณปู่แล้วทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตรายก็คงจะไม่ได้
…………………………………………
ตอนที่ 1161 คุณย่าที่ล้มป่วยลง
เหมยเหมยซื้อตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้วเป็นไฟลท์พรุ่งนี้ตอนบ่าย เช้าตรู่วันถัดมาหานซู่ฉินก็ไปจากตระกูลจ้าว โดนคุณปู่จ้าวไล่ออกจากบ้าน ถึงแม้ว่าหล่อนจะไม่ได้ยินยอมก็ตาม
คุณย่าโดนแส้ของเหมยเหมยฟาด โดนผลักจนกระดูกเชิงกรานหักแล้วยังถูกคุณปู่จ้าวตบไปอีกหนึ่งที ความโมโหและความเจ็บปวดผสมผสานกัน เดิมทีสุขภาพของเธอไม่ค่อยดีอยู่แล้ว พอมาเจอเรื่องแบบนี้ยิ่งทำให้ร่างกายแย่ลงไปอีก
แรกเริ่มทุกคนคิดว่าคุณย่าแกล้งป่วยจึงไม่มีใครสนใจ แต่พอนานวันเข้าจึงรู้ว่าคุณย่าสุขภาพไม่ดีจริง ๆ คุณย่าตัวร้อนราวกับไฟลุก สติฟั่นเฟือนพูดจาเลอะเทอะ ไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่
“สุขภาพของคุณนาย เอ่อ ผมจะพยายามละกันครับ”
คุณหมอรู้สึกลำบากใจมาก ถ้าคนไข้เป็นคนธรรมดาเขาคงจะพูดแล้วว่า ‘ควรกินอะไรกิน ควรดื่มอะไรดื่ม อยากทำอะไรก็ทำ’
แต่ตอนนี้คนไข้เป็นคุณนายใหญ่ ถ้าหากเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นมาหมอตัวเล็ก ๆอย่างเขาจะรับผิดชอบไหวได้หรือ คุณหมอสื่อความหมายตะกุกตะกัก ทุกคนพอจะเข้าใจ เข้าใจว่าอายุขัยของคุณย่าคงถึงคราสิ้นสุดลงแล้ว
คุณปู่จ้าวถอนหายใจ เขาไม่ได้สร้างความลำบากใจให้แก่คุณหมอแล้วก็กลับไปที่ห้องหนังสือ แผ่นหลังดูโดดเดี่ยวอย่างถึงที่สุด
เหมยเหมยมองคุณย่าที่ไม่ได้สติอยู่บนเตียง เธอไม่รู้สึกใจอ่อนเลยแม้แต่น้อย เธอจะกลับเมืองจินตอนบ่ายนี้แล้ว ความเป็นความตายของคุณย่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ
เธอไม่ใช่คุณชายตงกัวเสียหน่อย ที่จะช่วยงูแล้วให้งูมาแว้งกัดตัวเองได้ทุกเมื่อ
สยงมู่มู่รู้สึกเศร้าเสียใจ เขายังคงเป็นห่วงคุณย่า เพราะอย่างน้อยเขาก็เติบโตมากับคุณย่าตั้งแต่เล็ก ถึงแม้ว่าจะโมโหความเลอะเลือนของคุณย่าอยู่บ้าง แต่เมื่อเผชิญกับความตายเรื่องพวกนี้ก็มองข้ามกันไปได้
เหมยเหมยเก็บของอย่างลวก ๆ บรรยากาศภายในบ้านไม่ดีนัก เหมยเหมยคิดว่าจะออกไปเดินเล่นเสียหน่อย แต่คุณปู่จ้าวส่งคนมาเรียกเธอไปที่ห้องหนังสือ
“มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
เหมยเหมยยืนอยู่ตรงหน้าคุณปู่จ้าวด้วยท่าทีนอบน้อม แต่ให้ความรู้สึกที่เหินห่าง
คุณปู่จ้าวถอนหายใจยาว ในใจรู้สึกไม่ดีนัก เรื่องราวเมื่อห้าปีก่อนตอนที่หลานสาวเพิ่งกลับเข้าสู่ตระกูลจ้าวปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน ตอนนั้นมีความสุขมากแค่ไหน เขากับภรรยาไม่เคยมีความสุขมากขนาดนี้มาก่อน
แต่ว่ามันเริ่มเปลี่ยนไปตอนไหนกันนะ
คงเพราะหวงอวี้เหลียนสองแม่ลูก เมื่อสามปีที่แล้วภรรยาที่เลอะเลือนทำร้ายจิตใจของหลานสาวครั้งแล้วครั้งเล่าแต่เขากลับไม่ได้ใส่ใจ แค่รู้สึกว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น กระทั่งคิดว่าหลานสาวเอาแต่ใจ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ยังโต้เถียงกับผู้ใหญ่ ตอนนั้นเขายังรู้สึกไม่พอใจหลานสาวเป็นอย่างมาก
อีกทั้งน่าจะเป็นเพราะคำพูดกรอกหูของภรรยาบ่อยครั้งด้วยล่ะ
คุณปู่จ้าวยอมรับ ความชอบของเขาที่มีต่อหลานสาวค่อย ๆจางลง แต่ไม่ว่าเขาจะไม่ชอบหลานสาวเพียงใด เรื่องขายหลานกินเขาก็ไม่มีวันทำแน่นอน
มองแววตาสุกใสของเหมยเหมยแล้ว คุณปู่จ้าวยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจ เขาผิดไปแล้ว ผิดอย่างมหันต์
ตระกูลจ้าวมาถึงจุดนี้เขาเองก็มีส่วนไม่น้อย ไม่ใช่ภรรยาของเขาเพียงคนเดียว
ดังนั้นเขาจะต้องช่วยภรรยา เขาไม่อาจให้ภรรยาจากไปต่อหน้าต่อตาได้ เขารู้ว่าหลานสาวของเขาต้องมีวิธีแน่
“เหมยเหมย ปู่ขอโทษนะ” คุณปู่จ้าวพูดขึ้นมาด้วยความขมขื่น คำพูดต่อจากนั้นเขากลับพูดไม่ออก สีหน้าลำบากใจมาก
เหมยเหมยยังคงมีท่าทางนิ่งเฉย พูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไรต้องขอโทษค่ะ สำหรับบ้านตระกูลจ้าวแล้ว หนูก็เป็นเพียงแค่แขกเท่านั้น จะร้องขออะไรมากไม่ได้”
คุณปู่จ้าวฟังออกว่าคำพูดของเธอแฝงไปด้วยความไม่พอใจ เขายิ้มฝืนออกมาอย่างอดไม่ได้
เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ เหมยเหมยจะโกรธเกลียดตระกูลจ้าวก็เป็นเรื่องปกติ แต่อย่างไรเขาก็ต้องพูด
“เหมยเหมย คุณย่าทำผิดต่อหนู แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นญาติผู้ใหญ่ของหนู ปู่ขอร้องหนูล่ะ ช่วยเขาหน่อยได้ไหม”
คุณปู่จ้าวพูดคำนั้นออกมาด้วยความลำบากใจเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก แล้วมองไปที่เหมยเหมยด้วยความคาดหวัง
ตอนที่ 1162 ความคิดของคุณปู่
เหมยเหมยมองไปที่คุณปู่ด้วยความตะลึงงัน ทำไม่เขาถึงกล้ามาขอร้องอะไรแบบนี้
หน้าไม่อายเสียจริง
“คุณปู่ล้อเล่นเหรอคะ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็บอกว่าคุณย่าหมดหนทางช่วยแล้ว หนูจะช่วยอะไรได้ หนูไม่ใช่เทพเซียนสักหน่อย” เหมยเหมยปฏิเสธไปในทันที
แน่นอนว่าเธอสามารถช่วยคุณย่าได้ แต่เธอไม่อยากจะช่วย
ไม่ใช่เป็นเพียงเพราะความโกรธแค้นที่มีต่อคุณย่า ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งต้องระมัดระวัง เธอไม่สามารถเอาชีวิตตัวเองมาล้อเล่นได้
คนไข้ที่หมอวินิจฉัยแล้วว่าไม่รอด แต่เธอสามารถรักษาให้หายได้อย่างง่ายดาย อีกหน่อยจะต้องมีปัญหาตามมามากมายแน่ เธอไม่ได้เลอะเลือนถึงเพียงนั้น
คุณปู่อยากจะพูดจาหว่านล้อมต่อ แต่เหมยเหมยตัดบทว่า “คุณปู่คะ หนูต้องออกไปทำธุระอีก เรื่องนี้หนูช่วยไม่ได้จริง ๆค่ะ”
พูดจบเธอก็เดินออกจากห้องไปในทันที สายตาของคุณปู่ที่อยู่ด้านหลังเธอทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก
ถึงแม้คุณปู่จะคาดเดาไว้แล้วว่าเหมยเหมยไม่มีทางตอบตกลงง่าย ๆ แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะปฏิเสธแบบไร้เยื่อใยไม่ไว้หน้าถึงเพียงนี้ ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่าภรรยาจะมีความผิด แต่อย่างไรเธอก็เป็นคุณย่าแท้ ๆ เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ทำไมต้องไร้เยื่อใยถึงเพียงนี้
สำหรับเรื่องที่เหมยเหมยสามารถช่วยคุณย่าได้หรือไม่นั้น คุณปู่เชื่ออย่างไร้ข้อสงสัย เขารู้ว่าหลานสาวของเขาไม่ธรรมดา เหมือนของดีเมื่อห้าปีที่แล้ว แล้วก็เรื่องฉาฉา
อีกทั้งเมื่อห้าปีก่อนจู่ ๆเขากับคุณย่าก็สุขภาพดีขึ้นมาทันตา ไม่มีเรื่องไหนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหมยเหมยเลย
ถ้าเป็นเพียงเรื่องแค่นี้เขาคงยังไม่สงสัยในตัวของเหมยเหมย แต่เมื่อสามปีที่แล้วเขากับคุณย่าสุขภาพก็เริ่มแย่ลงสุดท้ายทำให้คุณปู่สงสัยในตัวของเหมยเหมย
ถ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลานสาว สุขภาพของพวกเขาก็จะแข็งแรง แต่ทันทีที่มีปัญหากัน ร่างกายของพวกเขาก็จะเริ่มอ่อนแอ เรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเหมยเหมยแน่
คุณปู่มั่นใจในการคาดเดาของตัวเอง ความรู้สึกที่เขามีต่อเหมยเหมยนั้นซับซ้อนมากนักไม่รู้จะพูดออกมาอย่างไร แต่เขารู้ว่าไม่ใช่ความชอบ แต่ก็ไม่ใช่ความเกลียด
พูดให้ถูกน่าจะเป็นความเกรงกลัวมากกว่า
คนที่สามารถควบคุมความเป็นความตายของคุณได้จะไม่ให้เขากลัวได้อย่างไรกันล่ะ
จริง ๆแล้ววันนี้ที่คุณปู่ขอให้เหมยเหมยช่วยคุณย่า เขาก็มีจุดประสงค์ของเขาเหมือนกัน แน่นอนไม่ใช่เพราะความรักที่มีต่อคุณย่า คุณย่าเลอะเลือนนี่ทำให้ตระกูลจ้าวต้องเจอกับความพินาศ เขาโกรธจนอยากจะเอาปืนมายิงภรรยาเสียให้รู้แล้วรู้รอด
เขาแค่อยากจะพิสูจน์สมมติฐานของเขาเพียงเท่านั้น ถ้าหากว่าเหมยเหมยสามารถช่วยชีวิตคุณย่าได้ แสดงว่าเป็นไปดั่งที่เขาคิดไว้ ในตัวหลานสาวของเขาต้องมีความลับอยู่แน่ ความลับนี้ถ้าหากนำมาใช้ดี ๆ ดีไม่ดีบ้านตระกูลจ้าวอาจจะกลับมาเป็นใหญ่ได้อีกครั้ง
ใช้ชีวิตเป็นใหญ่เป็นโตอยู่ในเมืองจนชินแล้วให้กลับชนบทไปอยู่ในป่าในเขา คิด ๆมันก็ดี แต่ในใจคุณปู่กลับรู้สึกยอมไม่ได้
เพื่อรักษาชีวิตของลูกชายคนรอง เขายอมเสียสละได้ แต่ตอนนี้
เขามองเห็นโอกาสที่จะกลับขึ้นมาเป็นใหญ่อีกครั้ง อย่างไรเขาก็จะไม่ยอมปล่อยมันไปง่าย ๆแน่
คุณปู่แสดงสีหน้าที่ไม่มีใครเข้าใจราวกับรูปปั้น นั่งอยู่นานไม่ขยับ ผ่านไปสักพักเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาจ้าวอิงหัว
หวังว่าลูกชายคนเล็กจะใจกว้าง ช่วยพูดจาหว่านล้อมหลานสาว เห็นแก่ส่วนรวมเป็นหลักอย่าใจแคบนักเลย
เหมยเหมยออกไปคนเดียว สยงมู่มู่ไม่ได้ออกไปด้วย เขาดูแลคุณย่าอยู่ไม่มีอารมณ์จะออกไปไหน
“คุณหนูจ้าว นายท่านขอเชิญครับ”
เพิ่งจะเดินออกมาถึงหน้าถนนใหญ่ รถคันหนึ่งก็ขับมาจอดตรงหน้าเธอ เสี่ยวเมิ่งลดกระจกโผล่หัวออกมา มองมาที่เธอด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
พอเหมยเหมยเริ่มตั้งสติได้ เธอลืมตาแก่โรคจิตไปเสียสนิท ครั้งนี้เธอผ่านการทดสอบแล้วจะต้องไปโอ้อวดต่อหน้าตาแก่โรคจิตเสียหน่อย ใครให้ตาแก่นี่ชอบดูถูกคนอื่นนักล่ะ
อีกทั้งต่อไปตาแก่โรคจิตก็จะไม่มีข้ออ้างหาคู่ดูตัวให้กับเหยียนหมิงซุ่นแล้วด้วย
…………………………
ตอนที่ 1163 ให้ตายก็ไม่ยอมรับ
สามปีมานี้คนที่มีความเปลี่ยนแปลงมากที่สุดคงจะต้องเป็นเฮ่อเหลียนชิง สามปีก่อนตาแก่นี่แค่โดนลมพัดก็เหมือนจะปลิว ผอมราวกับไม้ขีดไฟ น่ากลัวยิ่งกว่าไม้เสียบผีเสียอีก
แต่เฮ่อเหลียนชิงในตอนนี้เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน หน้าขาวใสราวกับหยก บนใบหน้าไม่มีแม้แต่ริ้วรอยเหี่ยวย่น ผิวพรรณดีกว่าเด็กสาวอายุ 18 และท่าทางที่ดูน่าเกรงขาม ออกไปจีบสาว ๆแน่นอนว่าจะต้องได้ติดมือกลับมา
แต่ถึงแม้ว่าภายนอกจะดูดีขึ้นแล้ว แต่โรคจิตอย่างไรก็คือโรคจิต จิตใจก็ยังคงอำมหิตเช่นเคย
“ฉันแนะนำคู่ดูตัวของฉัน มันเกี่ยวอะไรกับแกด้วย” เฮ่อเหลียนชิงมองไปที่เหมยเหมยด้วยสายตาดูถูก คำพูดที่พูดออกมาทำให้คนโมโหได้ไม่น้อย
“คุณพูดแล้วไม่รักษาคำพูด คุณบอกว่าถ้าฉันผ่านการทดสอบ คุณก็จะยอมให้ฉันกับพี่หมิงซุ่นคบกัน”
เหมยเหมยโมโหตวาดใส่ ทำให้แมวส้มบนตักของเฮ่อเหลียนชิงตกใจจนกระโดดไปอยู่ที่ซุ้มองุ่นแล้วมองลงมาข้างล่างด้วยความหวาดระแวง
“เรียกวิญญาณหรือไง ผู้หญิงอะไรเหมือนไม่ได้รับการสั่งสอน ผู้หญิงที่มารยาทแย่ ๆแบบนี้จะคู่ควรกับการมาเป็นสะใภ้ตระกูลเฮ่อเหลียนได้อย่างไรกัน”
บนตักของเฮ้อเหลียนชิงว่างเปล่า เขามองไปที่เหมยเหมยอย่างดุดันแล้วก็กวักมือเรียกแมวส้มที่อยู่บนซุ้มด้วยความเอ็นดูเรียกให้มันรีบลงมา แต่แมวส้มทำอย่างไรก็ไม่ยอมลงมา ต่อให้เอาปลาแห้งมาล่อก็ไม่ได้ช่วยอะไร
ทุกครั้งที่นายท่านกับนายหญิงของพี่ฉิวฉิวเจอกันก็ไม่วายกัดกันอยู่เรื่อย ดูจากข้างบนน่าจะดีกว่า เขาไม่อยากจะมามีส่วนร่วมด้วยหรอกนะ
เฮ่อเหลียนชิงมองเหมยเหมยที่มีสีหน้าบึ้งตึงอย่างโกรธแค้น พอเห็นว่าเธอกำลังโมโหอยู่มาก เขาก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา ว่าง ๆไม่มีอะไรทำแกล้งยัยเด็กนี่เล่นก็ไม่เลวเหมือนกันนะ
แล้วก็ยังมีฉิวฉิวกับงูฉาฉาด้วย
น่ารักกว่ายัยเด็กนี่ตั้งเยอะ
“ของอร่อยนะ รีบมากินเร็ว”
เฮ่อเหลียนชิงหยิบชอคโกแลตออกมาจากกระเป๋า ฉีกซองออกแล้วก็ส่ายไปมาต่อหน้าเหมยเหมย เหมือนหยอกล้อสุนัขเล่น แน่นอนว่าเขาไม่ได้ทำกับเหมยเหมย
ฉิวฉิวกระโดดออกมาจากกระเป๋า ดวงตาสุกใสเหมือนถั่วดำกลอกตามไปมาไม่หยุด สำหรับคุณฉิวฉิวแล้วความยั่วยวนของชอคโกแลตนี้ช่างมีมากเสียเหลือเกิน
จะไปกินดีไหมนะ
ไปกินเถอะ แต่เหมือนจะรู้สึกผิดกับเจ้านาย แต่ถ้าไม่กินจะยิ่งรู้สึกผิดกับตัวเอง
ฉิวฉิวใช้เวลาคิดแค่เพียงสามวินาทีก็เรียกน้องฉาให้ไปหาเฮ่อเหลียนชิงด้วยกัน พากันทรยศเจ้านายของพวกเขาอย่างไม่ลังเลใจ
“พี่ฉิว พวกเราทำแบบนี้จะไม่ดีหรือเปล่า” ฉาฉารู้สึกกังวลใจ
ฉิวฉิวไม่ใส่ใจ “ยัยโง่ อีกหน่อยก็เป็นบ้านเดียวกันแล้ว กินของนิดหน่อยจะเป็นไรไป”
ฉาฉาพยักหน้าไม่หยุด ฟังพี่ฉิวไว้ไม่ผิดหรอก บ้านเดียวกันไม่ต้องเกรงใจกันหรอก
เหมยเหมยมองไปที่เจ้าสองตัวที่ทรยศด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก แล้งน้ำใจ เธอไม่ได้ให้พวกเขากินหรืออย่างไร
ทำไมถึงไม่คิดจะรักษาหน้าเธอไว้บ้าง
เฮ่อเหลียนชิงลูบฉิวฉิวกับฉาฉาด้วยความพอใจ รู้สึกอารมณ์ดีไม่น้อย ไม่เหลือบมองเหมยเหมยเลยแม้แต่นิดเดียว ใจทั้งใจยกให้กับเจ้าตัวน้อยพวกนี้ไปหมดแล้ว
“ต้าหวงลงมา พี่มีของกินอร่อย ๆจะให้นะ”
เหมยเหมยไม่ยอมแพ้ กวักมือเรียกแมวส้ม ในมือคือปลาแห้งที่แช่ในยาวิเศษ แมวส้มตาเป็นประกายกระโดดเข้าไปในอ้อมกอดของเหมยเหมยโดยไม่ต้องคิด ออดอ้อนอย่างเต็มที่
“เด็กดี พูดจารู้เรื่องกว่าคนบางคนอีกนะ”
เหมยเหมยยิ้มร่าด้วยความร่าเริง ต้าหวงเป็นแมวส้มที่หล่อนเคยเลี้ยงแบบเดียวกับเมื่อชาติที่แล้วเป๊ะเลย ดังนั้นครั้งแรกที่หล่อนเจอต้าหวงก็เลยเรียกมันอย่างนี้ แล้วก็ดีกับมันมาก จะป้อนปลาแห้งที่แช่ยาวิเศษให้กินอยู่บ่อยๆ ไม่เช่นนั้นต้าหวงจะฉลาดขนาดนี้ได้อย่างไร
เฮ่อเหลียนชิงส่งเสียงไม่พอใจ ปัญญาอ่อน
เสี่ยวเมิ่งขยับมุมปากเล็กน้อย ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครปัญญาอ่อนกว่ากัน
ผ่านไปสักพักเฮ่อเหลียนชิงนึกถึงจุดประสงค์ที่เรียกเหมยเหมยมาในวันนี้ขึ้นได้ จึงพูดขึ้นว่า “ถ้าหากว่าจ้าวหวายซานให้แกช่วยภรรยาของเขา แกก็อย่าโง่ไปทำความดีที่เสียเปล่าล่ะ”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น