ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1147-1152

บทที่ 1147 แมงกะพรุนเวเลลลาแสงราตรี

 

“วิจัยแมลงเปลือกดำชนิดนั้นได้สำเร็จแล้วเหรอครับ?” ฉินสือโอวถามอย่างรีบร้อน


แซนเดอร์สส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่ใช่ เป็นของอย่างอื่นครับ บอส ทำไมคุณจะต้องให้ผมวิจัยเปลือกพวกนั้นให้ได้เลยล่ะ?”


ฉินสือโอวจึงอธิบายว่า “ช่วงหนึ่งก่อนหน้านี้ผมไปเข้าร่วมกิจกรรมหนึ่งที่อัมสเตอร์ดัม ในตอนนั้นมีบริษัทที่แสดงผลงานการวิจัยด้านนี้ นี่อาจจะเป็นการเปิดยุคสมัยใหม่เลยก็ได้ ดังนั้นผมเลยหวังว่าคุณจะวิจัยมันอย่างดีเหมือนกัน”


แซนเดอร์สเริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมา เขาจึงถามว่า “เปิดยุคสมัยใหม่เหรอ? แต่ผมลองค้นหาจากในหนังสือกับอินเทอร์เน็ตแล้ว ไม่เห็นจะมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเปลือกชนิดนี้เลย ข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องอย่างเดียวก็คือสัตว์เลื้อยคลานในทะเล ปรากฏตัวขึ้นในสมัยไมโอซีน สูญพันธุ์ไปเมื่อในสมัยไพลโอซีน”


สมัยไมโอซีนกับสมัยไพลโอซีนเป็นสองยุคในมหายุคซีโนโซอิก ยุคแรกอยู่ห่างจากปัจจุบันห้าล้านถึงแปดล้านปี ส่วนยุคหลังก็เกิดก่อนยุคปัจจุบันประมาณสองล้านปี


ฉินสือโอวไม่สามารถแบ่งยุคทางธรณีวิทยาได้อย่างชัดเจนนัก เขาลูบจมูกไปมาแล้วไม่ได้พูดเรื่องนี้อีก เขาจะรอให้ศาสตราจารย์อาวุโสได้ผลการวิเคราะห์มาก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที


ตอนนี้เขากับศาสตราจารย์ยังไม่รู้แน่ชัดว่าสัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้ที่ถูกคิดว่าสูญพันธุ์ไปแล้วหลายล้านปี มีเบื้องหลังที่แสดงถึงอะไร


ฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอทสร้างอาคารหลังคามุงกระเบื้องขึ้นมาอีกหนึ่งหลังแล้ว นี่คือห้องทดลองที่เตรียมไว้ให้แซนเดอร์ส อุปกรณ์ด้านในเป็นของที่เขานำมาเอง ตั้งแต่จานเพาะเชื้อไปจนถึงเครื่องหมุนเหวี่ยง มีพร้อมสรรพตามที่ควร


ในห้องทดลองมีห้องหนึ่งที่เป็นห้องดำ ไม่มีหน้าต่าง ใช้พัดลมระบายอากาศในการถ่ายเทอากาศ เนื่องจากมีการทดลองบางส่วนที่ต้องดำเนินการภายใต้สภาพแวดล้อมที่ปราศจากแสงถึงจะสามารถทำได้


ห้องที่ศาสตราจารย์พาเขาเข้าไปก็คือห้องดำ หลังจากปิดไฟแล้ว ห้องทั้งห้องก็กลายเป็นความมืดมิด ในความมืดมิดก็มีลำแสงที่ส่องกระจายแสงสีต่างๆ ออกมา แดงส้มเหลืองเขียวครามน้ำเงินม่วง มีครบทุกสี บางส่วนเป็นแสงที่ปล่อยออกมาจากอุปกรณ์เครื่องมือ สัญลักษณ์เรืองแสง และยังมีบางส่วนที่ถูกปล่อยออกมาจากสิ่งมีชีวิต


ทันใดนั้นที่ข้างๆ ตัวเขาก็มีแสงสว่างขึ้นมา ในตอนนั้นฉินสือโอวก็รู้สึกค่อนข้างประหลาดใจ “เฮ้ ศาสตราจารย์ ห้องทดลองของคุณงดงามจริงๆ!”


แซนเดอร์สพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าคุณชอบ จะเข้ามาที่นี่บ่อยๆ ก็ได้นะครับ แต่การอยู่ในนี้นานๆ ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร แสงสว่างพวกนี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นสารเคมีเรืองแสง มีรังสีอยู่อย่างเบาบาง ส่งผลเสียต่อร่างกายมนุษย์”


บนพื้นมีสัญลักษณ์เรืองแสงอยู่ด้านบน ดังนั้นถึงแม้ว่าจะไม่มีแสงไฟ แต่การเดินไปเดินมาก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบาก


พูดเล่นกันเสร็จแล้ว ศาสตราจารย์สูงวัยก็พาเขาเดินมาที่ด้านหน้าโต๊ะทดลอง หลังจากนั้นก็กางผ้าสีดำผืนหนึ่งออก ผ้าสีดำคลุมตู้ปลาขนาดใหญ่เอาไว้ เมื่อผ้าสีดำถูกเปิดออก สปีชี่ส์ที่สวยงามเป็นอย่างยิ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าฉินสือโอว


แมงกะพรุนไม่กี่ตัวพวกนี้ เปล่งลำแสงสีฟ้าอ่อนออกมาทั่วทั้งร่างกาย สาเหตุที่บอกว่าพวกมันเป็นสปีชี่ส์ที่สวยงามเป็นอย่างยิ่ง ก็เป็นเพราะว่าแสงบนตัวแมงกะพรุนไม่ได้เป็นเส้น แต่เป็นจุดๆ เป็นประกาย ลำแสงที่เป็นจุดๆ พวกนี้มีระดับความสว่างที่แตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้เมื่อแมงกะพรุนสะบัดตัว จุดพวกนี้ก็จะเคลื่อนไหววิบๆ วับๆ ตามไปด้วย เหมือนดาวสีฟ้าดวงน้อยๆ ที่กะพริบวิบๆ วับๆ


ฉินสือโอวไม่เคยเห็นแมงกะพรุนชนิดนี้มาก่อน เขาฟุบตัวเข้าไปอยู่ตรงหน้าตู้ปลาพินิจพิเคราะห์ดูสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กพวกนี้ด้วยความประหลาดใจ แล้วถามว่า “ศาสตราจารย์ครับ นี่คือสปีชี่ส์ที่คุณเพิ่งค้นพบใหม่…โอ้ ไม่ใช่สิ นี่คือแมงกะพรุนเวเลลลา?!”


หลังจากเห็นลักษณะของแมงกะพรุนอย่างชัดเจนแล้วเขาก็จำตัวตนที่แท้จริงของมันได้ ถึงอย่างไรหลายวันมานี้เขาก็สัมผัสกับสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กพวกนี้อยู่ตลอด ตอนนี้สายการผลิตก็ยังอบแมงกะพรุนแต่ละล็อตออกมาอยู่เสมอๆ


แซนเดอร์สพยักหน้าแล้วพูดกับเขาว่า “ใช่แล้ว นี่คือแมงกะพรุนเวเลลลา”


“แล้วคุณตัดแต่งยีนเรืองแสงให้กับพวกมันเหรอครับ?” ฉินสือโอวลุกขึ้นถามเขา “ฮ่า เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่สวยงามมาก เหมาะกับการนำมาทำเป็นแมงกะพรุนสวยงามมากๆ ใช่ไหมล่ะครับ?”


แซนเดอร์สส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่ใช่ ผมไม่ได้ตัดแต่งยีนเรืองแสงให้กับพวกมัน ตอนที่ผมพบพวกมัน พวกมันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ชัดเจนว่า นี่เป็นการแปรผันทางพันธุกรรม!”


ฉินสือโอวรู้สึกตื่นตะลึงขึ้นมา “คุณเจอพวกมันที่ไหนครับ? การแปรผันทางพันธุกรรมแบบนี้งดงามมากจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะสามารถสร้างสปีชี่ส์ที่สวยงามขนาดนี้ออกมาได้! พวกเราควรไปค้นหาจากในทะเลให้ดีๆ ถ้าพวกมันก่อตัวจนกลายเป็นสายพันธุ์ใหม่ แบบนั้นจะต้องเกิดเรื่องวุ่นวายบานปลายไปทั่วโลกอย่างแน่นอน!”


แมงกะพรุนเรืองแสงไม่ได้พบเห็นได้น้อยเลย ในน่านน้ำต่างๆ อย่างเช่นญี่ปุ่น จีน ฟิลิปปินส์ก็มีสิ่งมีชีวิตสปีชี่ส์นี้อาศัยอยู่ มันมีชื่อเรียกทางวิชาการว่าแมงกะพรุนไฟ เนื่องจากต่อมสืบพันธุ์มีโปรตีเอสเรืองแสง จึงทำให้พวกมันมีความสามารถให้การส่องแสงสว่างที่ยอดเยี่ยมมาก


แต่แมงกะพรุนเวเลลลาแสงราตรีชนิดนี้แตกต่างกับพวกมัน แมงกะพรุนไฟมีความถี่ในการเรืองแสงที่เท่าๆ กัน ซึ่งจะส่องแสงสว่างอยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่ง แต่แมงกะพรุนเวเลลลาแสงราตรี กลับมีเซลล์เรืองแสงกระจายไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย โปรตีเอสเรืองแสงกระจายตัวกันออกไป เป็นจุดเล็กๆ วิบๆ วับๆ มีสีสันปนกันอย่างพิลึกพิลั่น งดงามยิ่งกว่า!


แซนเดอร์สใช้ผ้าสีดำคลุมตู้ปลาไว้ หลังจากเปิดไฟแล้วก็ค่อยพูดขึ้นมาว่า “เมื่อวานนี้ผมเจอพวกมันในบริเวณพื้นที่น้ำทะเลบริสุทธิ์ ตอนนั้นผมตกใจมาก นึกว่าฟาร์มปลาเจอแมงกะพรุนไฟบุก แต่หลังจากการศึกษาวิจัย ผลลัพธ์ที่ได้เห็นก็ทำให้ผมตกใจยิ่งกว่าเดิม!”


ฉินสือโอวส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนทั้งสี่สายลงไปในน้ำ หลายวันมานี้เขาทำการควบคุมตรวจวัดสภาวะการเปลี่ยนแปลงของแมงกะพรุนอยู่โดยตลอด แต่กลับไม่พบการดำรงอยู่ของแมงกะพรุนเวเลลลาแสงราตรีเลย


แซนเดอร์สพูดต่ออีกว่า “ตอนนี้ผมไม่คิดว่าแมงกะพรุนชนิดนี้จะกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ แต่คิดว่าพวกมันคงเป็นการกลายพันธุ์ในกลุ่มเล็กๆ สาเหตุยังไม่แน่ชัด ยังต้องทำการศึกษาวิจัยต่อ”


“การกลายพันธุ์กลุ่มใหม่พวกนี้ มีระดับความไวต่อแสงเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะเป็นหลอดไฟอินแคนเดสเซนต์ ก็สามารถเผาพวกมันจนทำให้บาดเจ็บได้ ดังนั้นนี่จึงสามารถกำหนดได้แล้วว่าพวกมันมีชีวิตอยู่ในทะเลลึกและตอนกลางเท่านั้น”


จิตสำนึกแห่งโพไซดอนโฉบแฉลบลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว ยังพบแมงกะพรุนบางส่วนอยู่อย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้มีจำนวนไม่มากแล้ว ผ่านการจับอย่างมุ่งเป้าในช่วงหลายวันนี้ ในที่สุดฟาร์มปลาก็สามารถหลบเลี่ยงภัยพิบัติจากแมงกะพรุนได้แล้ว


จิตสำนึกแห่งโพไซดอนรอดผ่านน่านน้ำทะเลผืนใหญ่ แต่ก็ไม่พบแมงกะพรุนเวเลลลาแสงราตรีชนิดนี้ ตามที่แซนเดอร์สได้กล่าวไว้ หลังจากที่เขาเข้าไปใกล้กับฟาร์มปูดันเจเนสส์ ก็ได้เห็นแสงสว่างที่เปล่งประกายระยิบระยับอยู่ใต้ท้องทะเล แมงกะพรุนเวเลลลาฝูงหนึ่งอาศัยอยู่ที่นี่


เนื่องจากปัจจัยเรื่องเวลากลางวัน บริเวณน่านน้ำใกล้กันกับฟาร์มคือแถบชายฝั่งทะเล น้ำทะเลใสสะอาดเป็นพิเศษ แสงแดดสามารถส่องทะลุผ่านน้ำทะเลได้โดยตรง แมงกะพรุนเวเลลลาแสงราตรีพวกนี้จึงไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสถานที่แบบนี้ได้


แมงกะพรุนเวเลลลาไม่มีสมองใหญ่ แต่พวกมันมีสัญชาตญาณที่แข็งแกร่งมาก สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กพวกนี้บางคราวก็ซ่อนตัวอยู่ในเงาของแนวปะการัง บางครั้งก็เคลื่อนย้ายไปยังบริเวณทะเลลึก และยังมีบางส่วนที่ติดตามปลาใหญ่อยู่ข้างๆ อาศัยคลื่นที่เกิดจากการว่ายน้ำของปลาใหญ่ในการเคลื่อนที่ มีชีวิตอยู่ในเงาของพวกมัน


ฉินสือโอวเพิ่มพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้กับแมงกะพรุนเวเลลลาแสงราตรีพวกนี้ เจ้าตัวเล็กพวกนี้สวยงามเกินไปแล้ว เขาอยากทดลองดูว่าจะสามารถเพาะเลี้ยงพวกมันให้มีชีวิตรอดอยู่ในน่านน้ำบริเวณใกล้ฝั่งทะเลได้ไหม แบบนั้นเมื่อถึงตอนกลางคืน ฟาร์มปลาบริเวณริมชายฝั่งก็จะทอประกายแสงดาวระยิบระยับ ต้องงดงามจนดูไม่หวาดไม่ไหวแน่ๆ!


ถ้ามีแมงกะพรุนเวเลลลาอยู่เพียงเท่านี้ เขาก็ไม่กลัวว่าจะเกิดภัยพิบัติขึ้นกับฟาร์มปลา ที่นี่มีเต่ามะเฟืองตั้งเป็นพันๆ ตัวเลยนะ นั่นสามารถควบคุมการดำรงชีวิตของแมงกะพรุนได้โดยเฉพาะเลย


หลังจากฉินสือโอวสังเกตดูสถานที่ที่มีแมงกะพรุนเวเลลลาแสงราตรีกระจายตัวอยู่ เขาก็คาดการณ์ว่า “ศาสตราจารย์ แมงกะพรุนเวเลลลากับปูดันเจเนสส์อาจจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกันสักอย่างหรือเปล่าครับ? คุณบอกว่าแมงกะพรุนเวเลลลาแสงราตรีที่พบ ต่างก็อาศัยอยู่ในบริเวณรอบๆ พื้นที่น้ำบริสุทธิ์ทั้งนั้นไม่ใช่เหรอครับ? แล้วที่ตรงนั้นก็เป็นอาณาเขตของปูดันเจเนสส์อีกด้วย”


แมงกะพรุนเวเลลลาเป็นสิ่งบ่งชี้ถึงเขตร้อน แต่ปูดันเจเนสส์เป็นสิ่งมีชีวิตในเขตหนาว ตามธรรมชาติแล้วทั้งสองฝ่ายไม่สามารถพบกันได้เลย ตอนนี้ได้พบกันแล้ว บางทีอาจจะทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีบางอย่างที่น่าแปลกประหลาดขึ้นมาจริงๆ แล้วก็ได้


แซนเดอร์สกล่าวว่า “ผมก็คาดคะเนไว้อย่างนี้เหมือนกัน หลังจากนี้จะศึกษาวิจัยในแนวทางนี้ต่อ ตอนนี้ผมอยากเก็บรักษาสายพันธุ์นี้ไว้ ไม่ทราบว่าคุณจะอนุญาตไหม”

 

 

 


บทที่ 1148 ออกทีวีอีกแล้ว

 

สาเหตุที่แซนเดอร์สต้องยื่นคำร้องต่อฉินสือโอว ก็เพราะกังวลว่าในระหว่างขั้นตอนการเพาะเลี้ยงแมงกะพรุนเวเลลลาแสงราตรี อาจจะเกิดปัญหาการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ขึ้นอีกครั้ง


แมงกะพรุนมีความสามารถให้การแพร่พันธุ์ที่น่าตกใจ ถ้าจะเพาะพันธุ์สิ่งมีชีวิตชนิดนี้ ก็จะต้องเตรียมตัวป้องกันวิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของกลุ่มสัตว์ในถิ่นที่อยู่อาศัยเอาไว้ด้วย


แมงกะพรุนต่างชนิด มีวิธีการสืบพันธุ์ที่แตกต่างกัน แต่สามารถแพร่พันธุ์ได้อย่างดีเยี่ยมทั้งสิ้น ไม่อย่างนั้นพวกมันคงไม่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกมานานขนาดนี้ เมื่อก่อนในยุคไดโนเสาร์ แมงกะพรุนก็ปรากฏตัวอยู่ในท้องทะเลแล้ว ยาวนานต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ สิ่งมีชีวิตในยุคเดียวกันกับมันต่างก็สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าพวกมันได้พบเห็นโลกที่วิบัติเปลี่ยนแปลงมามากเท่าไรแล้ว แต่พวกมันก็ยังมีชีวิตอยู่ได้เป็นอย่างดี…


หลายวันมานี้ฉินสือโอวศึกษาแมงกะพรุนอยู่โดยตลอด ดังนั้นเขาจึงเข้าใจความหมายของแซนเดอร์ส จึงพูดว่า “สามารถเพาะพันธุ์พวกมันได้ครับ พวกเรามีเต่ามะเฟืองอยู่ที่นี่ด้วย ไม่ต้องกลัวการแพร่ระบาดขนาดเล็กของพวกมัน”


ที่จริงเขาก็มีความคิดที่จะเพาะพันธุ์แมงกะพรุนเหมือนกัน เพราะอย่างแรกสามารถใช้เป็นอาหารให้เต่ามะเฟืองได้ อย่างที่สองจะได้ลองดูว่าสามารถบุกเบิกชนิดพันธุ์แบบใหม่ได้ไหม ถ้าเขาเป็นคนเพาะพันธุ์ เขาจะสามารถควบคุมขนาดได้อย่างแน่นอน การแพร่ระบาดของแมงกะพรุนไม่ใช่เรื่องที่น่าสนุกเลยจริงๆ


อนุมัติหัวข้อวิจัยให้แซนเดอร์สเสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็ใช้ตู้ปลาอันเล็กมาใส่แมงกะพรุนเวเลลลาแสงราตรีสองตัว เพื่อที่จะเอาไปเซอร์ไพรซ์วินนี่


แต่ปรากฏว่าพอลองคิดๆ ดูเขาก็วางตู้ปลาอันเล็กลงอีกครั้ง ตอนกลางคืนน่าจะดีกว่า จะได้สร้างโลกแห่งความฝันในยามค่ำคืนให้วินนี่ดู


หลังจากกลับมาที่วิลล่า วินนี่กำลังดูแลต้อนรับผู้คนจำนวนหนึ่งอยู่ คนเหล่านี้สวมเสื้อผ้าแบบทางการ มีบางคนกำลังถือไมโครโฟนไว้ในมือ บางคนก็มีกล้องวางไว้ที่ข้างเท้า


ฉินสือโอวนึกว่าคนของบันทึกสถิติโลกกินเนสส์มาที่นี่อีกครั้ง แต่เมื่อสังเกตดูดีๆ ก็เห็นว่าบนเสื้อผ้าของพวกเขามีโลโก้สถานีโทรทัศน์ช่องไอทีวีของนิวฟันด์แลนด์ ที่แท้ก็เป็นนักข่าวของช่องทีวีนั่นเอง


พอมองเห็นฉินสือโอว วินนี่ก็พูดขึ้นมาว่า “โอ้ ดีจัง ฉันกำลังจะโทรศัพท์ไปเรียกให้คุณกลับมาอยู่พอดีเลยค่ะ มีช่องทีวีมาขอสัมภาษณ์ฟาร์มปลาของพวกเรา คุณไปต้อนรับพวกเขาหน่อยนะคะ”


ฉินสือโอวจับมือทักทายกับบรรดานักข่าว นักข่าวที่ทำหน้าที่ในการสัมภาษณ์บอกวัตถุประสงค์ในการมาครั้งนี้ให้เขาฟังคร่าวๆ หัวข้อในการสัมภาษณ์ก็คือภัยพิบัติจากแมงกะพรุนในครั้งนี้ เนื่องจากฉินสือโอวเป็นคนค้นพบวิกฤตการณ์ก่อนแล้วหลังจากนั้นก็โทรไปแจ้งกรมประมง และฟาร์มปลาของเขายังประสบกับภัยพิบัติเบาที่สุด ดังนั้นจึงทำให้ได้รับความสนใจจากทางสถานีโทรทัศน์


ชาวแคนาดาให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ของตัวเองมากๆ ดังนั้นการสัมภาษณ์ของสถานีโทรทัศน์จึงได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี เวลาดูทีวีที่เป็นการถ่ายทอดสดไม่ใช่การถ่ายทอดหลังการตัดต่อ จะเห็นได้ว่าอยู่ๆ ก็มีวัยรุ่นมาปรากฏตัวในฉากอยู่เป็นประจำ


ทั้งสองฝ่ายปรึกษาหารือปัญหาร่วมกันก่อน หลังจากนั้นฉินสือโอวก็พาพวกเขาไปที่ริมทะเล


นักข่าวทอดสายตามองออกไปไกลๆ สิ่งที่ปรากฏอยู่ในสายตาทั้งหมดก็คือน้ำทะเลสีฟ้าสด มีซากแมงกะพรุนเกยตื้นอยู่ตรงไหนกัน? เขาจึงเผลอถามออกมาว่า “ฟาร์มปลาของคุณไม่ได้ประสบภัยพิบัติจากแมงกะพรุนเหรอครับ?”


ฉินสือโอวหัวเราแหะๆ แล้วตอบเขาว่า “ไม่ใช่ครับ เพียงแต่ว่าหลังจากพบปัญหาพวกเราก็ดำเนินการจัดการในคืนนั้นเลย แมงกะพรุนพวกนั้นถูกส่งไปไว้ในห้องแช่เย็นเรียบร้อยแล้ว ผมวางแผนไว้ว่าหลังจากนี้จะจัดการทำเป็นหัวอาหารให้ปลาและกุ้งแล้วโปรยลงไปในทะเล”


หลังจากการสัมภาษณ์ นักข่าวก็บอกว่าพวกเขาจะรายงานข่าวในรายการพิเศษภาคค่ำ จะมีการสัมภาษณ์ของเขาอยู่ด้วย ขอให้เขารอติดตามดู


ขณะที่กำลังทานอาหารเย็น วินนี่เปิดทีวีช่องไอทีวีนิวฟันด์แลนด์ นี่เป็นช่องทีวีท้องถิ่นที่มีความสำคัญมาก มีฐานะใกล้เคียงกับสถานีโทรทัศน์ภูมิภาคในประเทศจีน ได้ออกรายการพิเศษในช่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ


รายการเริ่มแล้ว อันดับแรกคือการให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับภัยพิบัติจากแมงกะพรุนในครั้งนี้


พื้นที่ที่ประสบกับภัยพิบัติในครั้งนี้ไม่ใช่แค่น่านน้ำนิวฟันด์แลนด์ที่เดียว แต่ยังมีน่านน้ำของรัฐโนวาสโกเชียอีกด้วย แต่นิวฟันด์แลนด์ยังเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด ฤดูใบไม้ผลิลมตะวันออกเฉียงใต้พัดกระหน่ำแรง ลมทะเลพัดแมงกะพรุนเข้ามาสู่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ ตอนนี้เมื่อดูจากในทีวี จะเห็นว่าบริเวณรอบๆ อ่าวเต็มไปด้วยซากแมงกะพรุนที่ขึ้นมาเกยตื้น


แมงกะพรุนเวเลลลาที่เดิมทีเป็นสีฟ้า เมื่อตายเพราะถูกแสงอาทิตย์ส่องจนสูญเสียน้ำ หลังจากนั้นสีของร่างกายก็เกิดปฏิกิริยาเคมีจนกลายเป็นสีดำอ่อน หาดทรายสีขาวราวกับหิมะก็เลยกลายเป็นสีดำอ่อนๆ ดูแล้วทำให้รู้สึกตกตะลึงต่อภาพที่พบเห็นเป็นอย่างมาก


ฉินสือโอวทอดถอนใจ “โชคดีที่พวกเราลงมือเร็ว ถ้าชายหาดในฟาร์มปลาของเราก็กลายเป็นแบบนั้นเหมือนกันละก็…”


พอพูดจบเขาก็ส่ายหัวไปมา ทำได้แค่ถอนหายใจจริงๆ


หลังจากเล่าถึงสถานการณ์ของภัยพิบัติในครั้งนี้ไปแล้ว ทางรายการก็ได้ดำเนินการบอกเล่าข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่แพร่หลาย อันดับแรกเล่าถึงชนิดของแมงกะพรุนและสถานการณ์การแพร่พันธุ์ของพวกมัน และได้ชี้แจงถึงปัญหาการแพร่พันธุ์เป็นอย่างแรก


แมงกะพรุนสืบพันธุ์ผ่านตุ่มหนวด หลังจากร่างกายของตัวเมียจมลงสู่ใต้ท้องทะเล จะสามารถเคลื่อนย้ายไปกับพืชใต้ท้องทะเลได้ ขณะที่กำลังเคลื่อนย้าย พวกมันก็จะแตกหน่อออกมาแล้วเก็บตุ่มหนวดเอาไว้ด้านบน


ถ้าเวลาและปัจจัยอื่นๆ เอื้ออำนวยตุ่มหนวดเหล่านั้นก็จะสามารถแพร่พันธุ์โพลิปออกมาได้มากยิ่งขึ้น และตัวมันเองก็จะกระจายตัวซ้ำๆ ถึงแม้ว่าเริ่มแรกตัวเมียจะปล่อยไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิแค่ไม่กี่หมื่นฟอง แต่สุดท้ายก็จะกลายเป็นโพลิปหลายพันล้านตัว!


รอจนโพลิปโตขึ้นอีกขั้น ลูกแมงกะพรุนก็จะแตกกระจายกันออกมาทีละตัวๆ ท้ายที่สุดจะมีปริมาณมากถึงหลายหมื่นล้าน


ที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือแมงกะพรุนอมตะ แมงกะพรุนชนิดนี้มีขนาดเล็กมาก แค่ห้ามิลลิเมตรเท่านั้น ตั้งแต่พวกมันเติบโตจากเล็กจนโต จนถึงช่วงโตเต็มวัยหลังจากการผสมพันธุ์ จะไม่มีทางตาย แต่จะกลับไปเป็นเด็กโดยฉับพลัน จะกลายไปเป็นตัวอ่อนแล้วหลังจากนั้นก็จะเจริญเติบโตขึ้นอีกครั้ง น่าเหลือเชื่อมากจริงๆ…


ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลจำนวนมากในแต่ละประเทศต่างก็กำลังวิจัยแมงกะพรุนชนิดนี้อยู่ ในสภาพแวดล้อมที่มีทรัพยากรอยู่อย่างเหมาะสม แมงกะพรุนชนิดนี้จะเป็นอมตะไม่มีวันตาย ผ่านวัฏจักรชีวิตครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้ามองจากมุมนี้ก็เหมือนกับฟีนิกซ์ไฟในตำนานที่เป็นสัตว์แห่งสรวงสวรรค์เลย


ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่น่ากลัวมากๆ นั่นก็คือโพลิปของแมงกะพรุนไม่ได้แค่มีปริมาณมหาศาลเท่านั้น แต่พวกมันยังสามารถหลับและหยุดการเจริญเติบโตได้อีกด้วย


หรือพูดอีกอย่างว่า ในตอนที่โลกภายนอกมีปัจจัยที่ไม่เหมาะสมกับการแพร่พันธุ์และเจริญเติบโต พวกมันสามารถเข้าสู่การนอนหลับและหยุดการเจริญเติบโตไว้ได้ สามารถหยุดการเจริญเติบโตไว้ได้นานกว่าร้อยปี ถ้ามีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมตอนไหน พวกมันก็จะกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง


แต่นี่ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เกิดการระบาดของแมงกะพรุน ถึงแม้ว่าความสามารถในการสืบพันธุ์ของพวกมันจะสุดยอดขนาดนี้ แต่เมื่อก่อนพวกมันก็ทำได้แค่ประคับประคองชีวิตให้อยู่รอดไปวันๆ เท่านั้น ไม่ได้แพร่ระบาดอย่างกำเริบเสิบสานเหมือนอย่างตอนนี้


จากการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญด้านทะเลที่สถานีโทรทัศน์ได้เชิญมา การแพร่ระบาดของแมงกะพรุนขึ้นอยู่กับสองสาเหตุ หนึ่งคือศัตรูทางธรรมชาติลดน้อยลง ส่วนอย่างที่สองคือปรากฏการณ์เรือนกระจกทำให้เกิดสภาพแวดล้อมในการอยู่อาศัยแบบอุดมคติ ปรากฏการณ์ยูโทรฟิเคชั่นทำให้มีอาหารอยู่อย่างเต็มอิ่ม


ในระหว่าง 60 ปีที่ผ่านมา มนุษย์หาปลาได้จากทะเลเป็นจำนวนสามพันล้านตัน นี่ล้วนแต่เป็นสัตว์ที่เกิดตามธรรมชาติ ไม่ได้เกิดจากการเพาะพันธุ์ของมนุษย์ ในขณะเดียวกันมนุษย์ก็ปล่อยขยะมากกว่าสามพันล้านตันลงสู่ทะเล ดังนั้นทั่วทั้งมหาสมุทรจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นครั้งใหญ่


นอกจากนี้ สังคมของมนุษย์ก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว สร้างขยะจากอุตสาหกรรมและขยะจากการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมหาศาล มลพิษก็ยิ่งทำให้สารอาหารที่เหลืออยู่ในทะเลลดน้อยลงไปเรื่อยๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้พืชจำพวกสาหร่ายเอ่อล้นขึ้นมา ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ สาหร่ายไส้ไก่แพร่ระบาดอย่างรุนแรง ดังนั้นเมื่อพืชจำพวกสาหร่ายให้อาหารกับแพลงก์ตอนอย่างเต็มอิ่ม แพลงก์ตอนจึงสามารถสืบพันธุ์ได้เป็นปริมาณมาก แมงกะพรุนที่กินแพลงก์ตอนเป็นอาหาร ก็เริ่มใช้อำนาจบาตรใหญ่เที่ยวออกระราน


การแพร่ระบาดของแมงกะพรุน มีเบื้องหลังคือแหล่งทรัพยากรปลาทะเลที่เหี่ยวแห้ง ห่วงโซ่อาหารใต้ท้องทะเลปรากฏเป็นโครงสร้างแบบพีระมิดมาโดยตลอด ตั้งแต่สาหร่ายไดอะตอมที่อยู่ชั้นล่างสุด สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวไปจนถึงปลาใหญ่และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมทางทะเลที่อยู่บนยอดสูงสุด โครงสร้างนี้มีความมั่นคงมาเป็นเวลาหลายร้อยล้านปี


แต่การแพร่ระบาดของแมงกะพรุน ทำให้พวกมันแย่งแพลงก์ตอนไปเป็นจำนวนมาก จนทำให้แหล่งอาหารของปลาทะเลเกิดการขาดแคลน ห่วงโซ่อาหารใต้ทะเลจึงถูกทำลายลง ดังนั้น บรรดาเจ้าของฟาร์มปลาถึงได้ให้ความสำคัญกับปัญหาแมงกะพรุนระบาดมากขนาดนี้


สำหรับทั่วทั้งมหาสมุทร การแพร่ระบาดของแมงกะพรุนจำนวนมากอาจจะส่งกระทบต่อโดยรวมไม่มาก แต่สำหรับพื้นที่แห่งหนึ่งในฟาร์มเพราะพันธุ์ นี่ถือว่าเป็นภัยพิบัติ


ในข่าว ภาพถูกตัดไปที่ฟาร์มปลาแต่ละแห่งอย่างต่อเนื่อง บนชายฝั่งมีแต่ซากแมงกะพรุนที่เกยตื้นขึ้นมา ส่วนในน้ำทะเลก็มีซากปลาตายที่ลอยหงายท้องขึ้นมา มีฟาร์มปลาบางแห่งที่เพิ่งจะปล่อยลูกพันธุ์ปลาลงไปเลี้ยงในช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่ลูกพันธุ์ปลาพวกนั้นก็วอดวายไปหมดแล้ว!

 

 

 


บทที่ 1149 แผนความคิดที่ได้รับการยอมรับ

 

ผู้ดำเนินรายการใช้น้ำเสียงที่สื่อถึงความเสียใจในการบรรยายถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์จากแมงกะพรุนที่แพร่ระบาดในครั้งนี้ โดยเฉพาะที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ ที่มีสภาพเหมือนกับกรุงเบอร์ลินของประเทศเยอรมนีตอนที่เพิ่งจะผ่านพ้นสงครามโลกครั้งที่สองมา เรียกได้ว่าน่ารันทดพอๆ กัน ฉินสือโอวคาดการณ์ว่าเมื่อรวมกับเรื่องเชื้อแบคทีเรียแก๊ฟคี่ในกุ้งมังกรแล้ว อ่าวแห่งนี้ต้องใช้เวลาประมาณสี่ถึงห้าปีถึงจะสามารถฟื้นคืนสู่สภาพเดิมได้


ในระหว่างนั้นทางรายการได้สัมภาษณ์เจ้าของฟาร์มปลาไปแล้วหลายคน ทุกคนต่างก็ทำหน้าเศร้าเหมือนอยากจะร้องไห้ ให้สัมภาษณ์ว่าฟาร์มปลาของตัวเองเสียหายไปเท่าไร หลังจากนั้นก็พูดถึงคำร้องขอ บอกว่าอยากให้กรมประมงออกนโยบายเพื่อช่วยเหลือการพัฒนาฟาร์มปลา


ที่จริงแล้วธุรกิจประกันภัยในแคนาดามีความรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก บรรดาเจ้าของฟาร์มปลาล้วนซื้อประกันภัยประเภทต่างๆ ไว้ให้ฟาร์มปลาของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น แต่ความเฮงซวยก็คือ ประกันภัยของแคนาดาไม่ได้รวมภัยพิบัติจากแมงกะพรุนไว้ในข้อตกลงที่ได้รับการคุ้มครอง ดังนั้นภัยพิบัติในครั้งนี้ บริษัทประกันจะไม่ดำเนินการชดเชยค่าเสียหายให้


ท้ายที่สุดแล้ว เพราะในประวัติศาสตร์ของแคนาดาไม่เคยประสบกับภัยพิบัติจากการแพร่ระบาดของแมงกะพรุนมาก่อน ปรากฏว่าพอเกิดการระบาดขึ้นมา เจ้าของฟาร์มปลาระดับล่างจึงตกอยู่ในความมืดบอด


หลังจากรายงานสถานการณ์ภัยพิบัติไปแล้ว ภาพบรรยากาศก็หมุนเปลี่ยนไปจากเดิม ฟ้าครามเมฆขาวท้องทะเลใสสะอาดกับหาดทรายบริสุทธิ์ปรากฏขึ้นบนจอทีวี เมื่อมองเห็นภาพบรรยากาศแบบนี้ กอร์ดอนก็ส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ “นั่นมันฟาร์มปลาของพวกเรานี่!”


คาดว่าผู้รับชมทุกคนคงกำลังรู้สึกประหลาดใจ ช่วงแรกรายการนี้กำลังรายงานถึงความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติอย่างหนักหน่วง ทำไมตอนท้ายถึงได้มีวิวทิวทัศน์ริมชายฝั่งที่สวยงามปรากฏขึ้นมาได้ล่ะ? หรือว่านี่จะเป็นโฆษณาการท่องเที่ยวคั่นรายการ?


สถานีโทรทัศน์ขนาดใหญ่มีมาตรฐานที่เหนือชั้น ไม่เสียแรงที่ฉินสือโอวให้พวกเขายืมเฮลิคอปเตอร์เพื่อดำเนินการถ่ายภาพจากมุมสูง ภาพที่ถ่ายออกมาสามารถฟื้นคืนทัศนียภาพของฟาร์มปลาในดินแดนอุดมคติได้ดีมาก


ต่อจากนั้นฉินสือโอวที่กำลังใช้มือเท้าเอวก็ปรากฏตัวขึ้นบนหน้าจอ นักข่าวสัมภาษณ์เข้าว่า “จากการตรวจสอบทำให้พวกเราทราบว่า คุณคือคนที่ค้นพบภัยพิบัติในครั้งนี้ ไม่ทราบว่าคุณสังเกตเห็นมันได้อย่างไรครับ?”


ฉินสือโอวยกความดีความชอบให้แซนเดอร์ส ฝึกเขาให้พร้อม เวลาจำเป็นจะได้ใช้งานได้ “คืออย่างนี้ครับ ผมกับภรรยาไปเดินเล่นที่ริมทะเลตามความเคยชิน เย็นวันนั้นพวกเราเห็นแมงกะพรุนเวเลลลาถูกคลื่นทะเลพัดขึ้นมากองอยู่บนชายหาด ดังนั้นพวกเราเลยรู้สึกแปลกๆ เพราะเมื่อก่อนไม่เคยมีแมงกะพรุนปรากฏตัวขึ้นเยอะขนาดนี้มาก่อน”


“หลังจากนั้นผมจึงเชิญที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีในฟาร์มปลาของพวกเรา ซึ่งก็คือศาสตราจารย์แซนเดอร์สนักชีววิทยาทางทะเลชื่อดังให้มาช่วยดู เขาเป็นคนวินิจฉัยได้ว่าเกิดวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของแมงกะพรุนขึ้น”


กล้องถูกหมุนไปอีกทาง แซนเดอร์สโบกมืออย่างคนเห่อกล้อง กลายเป็นคนที่สองของฟาร์มปลาที่ได้ปรากฏตัวต่อสายตาของสาธารณชน


หลังจากนั้น นักข่าวก็ถามถึงวิธีและประสบการณ์การควบคุมดูแลวิกฤตการณ์แมงกะพรุนของพวกเขา เรื่องนี้ไม่มีอะไรให้ต้องปกปิด ฉินสือโอวอธิบายวิธีการไล่แมงกะพรุนออกไปอย่างละเอียด ในตอนท้ายยังได้โชว์แมงกะพรุนแห้งที่พวกเขาเก็บไว้ในห้องแช่เย็นให้ดูอีกด้วย “หลังจากนี้นี่จะสามารถนำมาทำเป็นอาหารสำหรับปลาได้ มาจากธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีสารปนเปื้อน”


การสัมภาษณ์สิ้นสุดลง ต่อจากนั้นก็มีผู้เชี่ยวชาญออกมาทำการวิเคราะห์อีก เขาวิเคราะห์ถึงประสบการณ์ของฟาร์มปลาต้าฉินที่สามารถต่อต้านและโต้ตอบภัยพิบัติจากแมงกะพรุนได้สำเร็จ


ที่จริงแล้วมันจะมีประสบการณ์บ้าบออะไรกัน สาเหตุก็มีอยู่อย่างเดียวเท่านั้น ก็คือเงินเยอะคนเยอะ!


ประสบการณ์การควบคุมดูแลของฉินสือโอวไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับฟาร์มปลาทั่วๆ ไปเลย พวกเขาจะไปเตรียมเรือจำนวนมากขนาดนั้นมาจากที่ไหน? จะไปหาชาวประมงที่มีมานะอดทนจำนวนมากขนาดนี้มาได้อย่างไร? แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ พวกเขาจะไปหาสายการผลิตปลาโบนิโตอบแห้งทั้งสองสายมาจากที่ไหน?


ดูรายการจบแล้ว ภาพยนตร์ภัยพิบัติครั้งใหญ่จากแมงกะพรุนในครั้งนี้ก็ฉายมาได้พอสมควรแล้วเช่นกัน แมงกะพรุนระบาดอย่างรวดเร็วแต่ก็จบเห่ลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน หลังจากที่พวกมันเข้ามาสู่แถบชายฝั่งทะเล นั่นก็หมายความว่าชีวิตของพวกมันเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว คลื่นทะเลสาดซัดคลื่นลมพัดกระหน่ำ แมงกะพรุนขึ้นมาอยู่บนชายหาด หลังจากนั้นก็ดับดิ้นสิ้นลม


วิกฤตการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องกันเพียงหนึ่งสัปดาห์ ทว่าความเสียหายที่สร้างให้กับฟาร์มปลา กลับมีมหาศาล!


ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูกาลที่ฟาร์มปลาหลายๆ แห่งจะปล่อยลูกพันธุ์สัตว์น้ำอย่างปลาและกุ้งลงไปเพาะเลี้ยง พวกแมงกะพรุนพากันกินลูกปลาเข้าไป พวกแมงกะพรุนเป็นอันตรายต่อปลาเล็กทุกชนิด แต่อันตรายที่มีต่อลูกปลาลูกกุ้งจะมีมากยิ่งกว่า


ความรุนแรงที่พวกมันมีต่อปลาใหญ่ มีต้นเหตุมาจากการแย่งออกซิเจนในน้ำ แต่ความอันตรายของพวกมันที่มีต่อลูกพันธุ์ปลาคือการใช้พิษในหนวดฆ่าลูกปลาพวกนี้เพื่อกินเป็นอาหาร แมงกะพรุนที่มีจำนวนมากขนาดนี้ มีลูกปลาลูกกุ้งกี่ตัวที่ต้องเป็นอาหารให้กับพวกมัน?


เรื่องนี้ที่ฟาร์มปลาต้าฉินก็เกิดความเสียหายเช่นกัน ถึงแม้ว่าเขาจะจัดการแมงกะพรุนได้ทันการ ทั้งยังจัดการได้อย่างรวดเร็ว แต่หลังจากที่แมงกะพรุนเข้ามาในฟาร์มปลาพวกมันก็เริ่มกลืนกินแพลงก์ตอนในน้ำอย่างต่อเนื่อง ปล้นอาหารไปจากปลากับกุ้งที่เป็นสัตว์ชั้นล่าง


หากมองดูจากบนผิวน้ำจะเห็นผลกระทบที่แมงกะพรุนมีต่อฟาร์มปลาต้าฉินได้ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไร ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนจึงสามารถสัมผัสได้ว่า ที่ก้นทะเลของฟาร์มปลามีซากของกุ้งแดงอยู่เป็นจำนวนมาก พวกมันทั้งหมดตายเพราะไม่มีอาหารให้กิน


ในช่วงเวลานี้ต้องพึ่งความสามารถในการฟื้นฟูของฟาร์มปลา ให้ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ใต้ทะเลเริ่มแสดงความสามารถในการปรับตัวที่เข้มแข็งและยิ่งใหญ่ของพวกมันออกมา


สาหร่ายใต้ทะเลทุกชนิดเป็นรากฐานของฟาร์มปลา พวกมันไม่เพียงแต่เป็นอาหารของลูกกุ้งและลูกปลาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เมื่อสาหร่ายทะเลบางส่วนตายแล้วร่วงหล่นลงไปที่ใต้ทะเล หลังจากเกิดการเน่าเปื่อยก็จะกลายเป็นอาหารและแหล่งที่พักอาศัยของแพลงก์ตอนที่มีชีวิตอยู่ใต้ก้นทะเล


พอฉินสือโอวถึงฟาร์มปลาเขาก็เริ่มปลูกสาหร่ายชนิดต่างๆ เลยทันที โดยเฉพาะการปลูกหญ้าปลาไหล ที่ทำให้ก้นทะเลของฟาร์มปลาเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา


ด้วยการเก็บสะสมภายในระยะเวลาสองปี ทำให้ได้ผืนสาหร่ายหนาๆ ใต้ทะเลมา พวกมันผสมปนกันอยู่ในโคลนทรายใต้ทะเลแล้วค่อยๆ เน่าเปื่อยลงไปอย่างช้าๆ แพลงก์ตอนอาศัยพวกมันในการดำรงชีวิต ด้วยการรับเอาพลังงานและสารอาหารบำรุงร่างกายเข้าไป แร่อนินทรีย์ที่เหลือจะถูกแยกสังเคราะห์ออกมา แล้วผสมกันเข้ากับโคลนทะเล ช่วยเพิ่มสารอนินทรีย์ให้กับฟาร์มปลา


ความช่วยเหลือที่สาหร่ายทะเลนำมาให้ฟาร์มปลาไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ถ้าฉินสือโอวให้ความใส่ใจกับมัน หลังจากนี้อีกหลายปี เขาจะสามารถขุดโคลนสาหร่ายใต้ทะเลขึ้นมาได้ นี่คือแป้งทาสีสำหรับการตกแต่งที่ดีต่อสุขภาพ เป็นหนึ่งในสีทาเคลือบที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดชนิดหนึ่งในปัจจุบัน


ในอุตสาหกรรมการประดับตกแต่งบ้านเรือน เพราะความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของโคลนสาหร่าย กับการตกแต่งและการใช้งานที่ทนทาน จึงเป็นผลให้มันถูกมองว่าเป็นวัสดุสำหรับการตกแต่งภายในชนิดใหม่ที่สามารถมาแทนที่วอลล์เปเปอร์กับสีน้ำผสมกาวยางได้


ถ้านำโคลนสาหร่ายไปสกัดเพิ่มอีกขั้น แร่ธาตุที่สกัดออกมาจะสามารถนำไปผลิตเป็นโคลนมาสก์หน้าได้ และนั่นก็จะกลายเป็นห่วงโซ่สินค้าอันใหม่ ที่ทำให้สามารถยกทัพเข้าสู่อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางได้


แน่นอนว่าถ้าเขาไม่ทำก็ไม่มีปัญหาอะไร โคลนสาหร่ายของฟาร์มปลามีพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนอยู่ด้วย หากนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเครื่องสำอางก็จะมีความเหมาะสมยิ่งกว่า ถ้าทำเคมีวิเคราะห์กับโคลนสาหร่ายของฟาร์มปลา คาดว่าบริษัทเครื่องสำอางใหญ่ๆ หลายแห่งก็คงจะแอบแย่งกันมาขุดโคลนสาหร่ายชั้นล่างของฟาร์มปลา


พวกนี้เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันทีหลัง ในตอนนี้หวังแค่ว่าฟาร์มปลาจะสามารถแสดงประสิทธิภาพในการปรับตัว และช่วยชดเชยแพลงก์ตอนที่ถูกแมงกะพรุนกินเข้าไปได้ก็พอ ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพียงแต่ต้องใช้เวลาในการคลี่คลายเล็กน้อย


ชาร์คถามว่าหรือระยะนี้จะโปรยอาหารลงไปก่อน อาหารสำหรับกุ้งแดง ปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะอะไรพวกนั้นก็พอจะมี เครื่องบินแทรกเตอร์ที่ไม่ได้ถูกใช้งานมานาน อย่างไรก็คงต้องเอาออกมาใช้งานบ้าง


ฉินสือโอวส่ายหน้าปฏิเสธ บอกว่า “ปล่อยให้ฟาร์มปลาฟื้นคืนสภาพเดิมด้วยตัวมันเอง ฉันวางแผนไว้ว่าจะยื่นขอการรับรองเป็นฟาร์มปลาเพาะเลี้ยงบริสุทธิ์ตามธรรมชาติของแคนาดา จะใช้พวกหัวอาหารกับสารเคมีทางการเกษตรไม่ได้”


ชาร์คพูดขึ้นมาอย่างฉับพลันทันที “พวกเราจะขอการรับรองเป็นฟาร์มปลาเพาะเลี้ยงบริสุทธิ์ตามธรรมชาติเหรอครับ? ว้าว ถ้าขอการรับรองผ่าน แบบนั้นก็ดีเลยล่ะ”


สิ่งที่เรียกว่าการรับรองฟาร์มปลาเพาะเลี้ยงตามธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ก็เหมือนกับการรับรองผักออร์แกนิค เนื้อสัตว์ออร์แกนิคของฟาร์มเกษตรกับฟาร์มเลี้ยงสัตว์นั่นเอง อย่างหลังคือผักและธัญพืชที่ผลิตโดยฟาร์มที่ได้รับการรับรองระดับประเทศว่าไม่ผ่านการดัดแปลงทางพันธุกรรม และในระหว่างนั้นก็ไม่มีการใช้ยาและปุ๋ยที่มีส่วนผสมของสารเคมี ส่วนอย่างแรกก็คืออาหารทะเลที่เกิดจากการเพาะพันธุ์และอาหารทะเลที่จับมาจากทะเลน้ำลึกโดยฟาร์มปลาที่ได้รับการรับรองระดับประเทศว่าเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นอาหารทะเลที่ได้รับการเพาะเลี้ยงโดยปราศจากการให้หัวอาหารและไม่ใช้สารเคมีทางการเกษตร แบบนี้จะยิ่งทำให้ขายได้ราคาสูงขึ้น


ฟาร์มปลาต้าฉินมีทรัพยากรการประมงที่อุดมสมบูรณ์เกินไป จะอาศัยการขายอาหารทะเลภายใต้แบรนด์ต้าฉินอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ฉินสือโอวจะเก็บทรัพยากรการประมงเหล่านี้ไว้ในฟาร์มปลาเฉยๆ ไม่ได้ ต้องทำการจำหน่ายผ่านวิธีการอื่นด้วย

 

 

 


บทที่ 1150 ชายฝั่งเคลือบแก้ว

 

การจำหน่ายอาหารทะเลในแคนาดา จะต้องแบ่งเกรด สินค้าชนิดเดียวกันแต่ของที่มาจากธรรมชาติจะมีราคาแพงกว่าของที่มาจากการเพาะเลี้ยง อย่างเช่นปลาจำพวกปลาคาพีลินและปลาค็อดแอตแลนติก ราคาแพงกว่ากันไม่น้อยเลยทีเดียว


ฉินสือโอววางแผนไว้ว่าจะขอการรับรอง หลังจากนั้นก็จับขึ้นมาขาย ส่งสินค้าคุณภาพสูงไปขายที่ร้านอาหารทะเลต้าฉิน ของที่มีคุณภาพธรรมดาและของคุณภาพต่ำ ก็นำไปจัดจำหน่ายในตลาดอาหารทะเล อาศัยตลาดผูกขาดเพียงอย่างเดียว คงจำหน่ายสินค้าได้ไม่เท่าไร


หยิบปลาคาพีลินมาใช้ยกตัวอย่างเหมือนเดิม ตลาดทั้งสองแห่งในไมอามีและนิวยอร์ก สามารถจำหน่ายปลาคาพีลินได้วันละสองถึงห้าตัน เท่านี้ก็ถือว่าเป็นจุดอิ่มตัวแล้ว ในหนึ่งปีขายได้มากที่สุดก็แค่หนึ่งพันถึงสองพันตัน แต่ฟาร์มปลาต้าฉินน่ะเหรอ? ในหนึ่งปีสามารถจับปลาคาพีลินได้มากกว่าหมื่นตัน!


ความสามารถในการผลิตของฟาร์มปลาต้าฉินน่ากลัวเกินไปแล้ว อย่ามองแค่ว่าเมื่อเทียบกับฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์แล้ว เนื้อที่ที่มีไม่นับว่าใหญ่มาก แต่เนื่องจากมีอาหารอยู่อย่างเต็มอิ่มรวมกับการส่งเสริมประสิทธิภาพในการเจริญเติบโตจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ทำให้ความสามารถในการผลิตของฟาร์มปลาสามารถครองอัตราส่วนครึ่งหนึ่งของทั่วทั้งฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ในปัจจุบัน


นี่คือข้อมูลที่ฉินสือโอวคำนวณออกมาหลังจากศึกษาทรัพยากรสัตว์น้ำในฟาร์มปลาและทำการเปรียบเทียบกับสถิติผลผลิตของฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์เมื่อปีที่แล้วที่จัดทำโดยกรมประมง อาจจะมีความคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง แต่คงไม่มากนัก


ใช้เวลาไปหลายวัน ฉินสือโอวทำการวางแผนทั้งหมดโดยรวมให้แมงกะพรุนเวเลลลาแสงราตรีที่อยู่ในบริเวณรอบๆ ฟาร์มปูดันเจเนสส์แล้ว เขาเพิ่มพลังโพไซดอนให้กับพวกมัน เพื่อเพิ่มพลังชีวิตให้กับพวกมัน หลังจากนั้นก็หาเวลาในค่ำคืนหนึ่ง ให้พวกมันพากันลอยพ้นผิวน้ำมาที่ริมทะเล


ทานอาหารค่ำเสร็จแล้ว ฉินสือโอวขับรถเอทีวีพาวินนี่ไปที่ฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอท วินนี่ถามเขาขึ้นมาว่า “คุณจะพาฉันไปดูปูดันเจเนสส์ที่รักของคุณเหรอคะ?”


ฉินสือโอวหัวเราะแหะๆ พูดว่า “ถ้าถึงแล้วเดี๋ยวคุณก็รู้เองครับ เกี่ยวกับปูดันเจเนสส์ แต่ต้องเกินความคาดหมายของคุณแน่ๆ”


ตอนที่เข้าใกล้ตำแหน่งของแมงกะพรุนเวเลลลาแสงราตรี วินนี่ก็เริ่มสังเกตเห็นมันแล้ว หลังจากรับเอาพลังโพไซดอนไปแล้ว โปรตีเอสเรืองแสงบนร่างกายของพวกมันก็ยิ่งมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น ลำแสงสีฟ้าที่ปล่อยออกมาก็ยิ่งระยิบระยับชัดเจน ขณะที่พวกมันลอยพ้นผิวน้ำ ราวกับว่ามีหิ่งห้อยสีฟ้าที่มีจำนวนมากมายจนนับไม่ถ้วนกำลังบินอยู่


“สวรรค์ นี่คืออะไรเหรอคะ? ตัวอะไรกำลังส่องแสงสว่างอยู่บนผิวน้ำ?” วินนี่ถามด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็ไม่กล้าเดา สิ่งที่กำลังส่องแสงอยู่ก็คือแมงกะพรุนเวเลลลาที่สร้างความหายนะไว้เมื่อก่อนหน้านี้


แมงกะพรุนเวเลลลาในคราวนี้กลายพันธุ์ได้อย่างแปลกประหลาดมาก แซนเดอร์สทำการวิจัยอยู่หลายวันแต่ก็ไม่ทราบต้นสายปลายเหตุ ตอนแรกเขานึกว่าการกลายพันธุ์อย่างฉับพลันของยีนของแมงกะพรุนเวเลลลาที่มีความเกี่ยวข้องกับการขับถ่ายของปูดันเจเนสส์


สิ่งปฏิกูลของปูดันเจเนสส์มีเกลืออนินทรีย์อยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้เนื่องจากปอดของสัตว์จำพวกปูสามารถฟอกน้ำทะเลให้บริสุทธิ์ได้ บางทีแร่ธาตุและธาตุโลหะหนักบางส่วนอาจจะเข้าไปในสิ่งปฏิกูลของพวกมันแล้วถูกปูดันเจเนสส์ดูดซึมเข้าไป จึงทำให้เกิดการกลายพันธุ์อย่างฉับพลัน


ทว่าพอเขาใช้แมงกะพรุนเวเลลลาปกติมาทำการเพาะพันธุ์ในพื้นที่เดียวกันกับปูดันเจเนสส์ มันกลับไม่ได้ปรากฏเป็นแมงกะพรุนเวเลลลาแสงราตรี ที่จริงแล้วเมื่อแมงกะพรุนเวเลลลาได้เจอกับปูดันเจเนสส์พวกมันก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ปูดันเจเนสส์จะจัดการฆ่าพวกมันเพื่อกินเป็นอาหารอย่างไร้ซึ่งความปรานี


นี่คือเหตุผลว่าทำไมแมงกะพรุนที่มีความสามารถในการสืบพันธุ์ที่เข้มแข็งกลับไม่ได้ครองจำนวนเป็นมหาอำนาจในมหาสมุทร ในทะเลยังมีสัตว์ชนิดอื่นที่สามารถควบคุมพวกมันได้อยู่เยอะเกินไป


ฉินสือโอวคิดว่าการกลายพันธุ์ของแมงกะพรุนฝูงนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกันกับพลังโพไซดอนแน่ๆ แต่รายละเอียดที่ว่าเกี่ยวข้องกันด้านไหนก็พูดได้ยาก เพราะพวกมันกินแพลงก์ตอนที่ได้รับพลังโพไซดอน กินปลากับกุ้งที่ได้รับพลังโพไซดอน กินมูลของปลาใหญ่ของกุ้งของปูที่ก็ได้รับพลังโพไซดอนเข้าไป…


แน่นอนว่า เขาไม่ใช่ที่เป็นคนที่จะไตร่ตรองปัญหาที่ทำให้รู้สึกปวดหัวพวกนี้ เขาส่งมันให้กับแซนเดอร์สให้เขาไปวิจัยเอาเองก็แล้วกัน


และที่แน่นอนยิ่งกว่านั้น ตอนนี้ยิ่งไม่ใช่เวลาที่จะมาไตร่ตรองปัญหาการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พวกนี้ เขาพาวินนี่มาสัมผัสกับความโรแมนติกต่างหาก


ขับรถเอทีวีวิ่งตรงมาที่ชายหาด หลังจากมาถึงริมทะเลฉินสือโอวก็เหยียบเบรกทันที เขาหมุนพวงมาลัยอย่างฉับพลันในขณะเดียวกันก็ลากหัวรถไปทางด้านหลัง แบบนี้ทำให้ท้ายรถเอทีวีสะบัดไปข้างหน้าภายใต้การควบคุมของแรงเฉื่อย จนเกิดการเคลื่อนไหวของท้ายรถที่ลอยสะบัดอย่างสวยงาม


ล้อรถสาดทรายเม็ดละเอียดให้กระเด็นขึ้นมา เม็ดทรายสีขาวร่วงหล่นลงมาจากทั่วท้องฟ้า ราวกับหิมะตก


วินนี่ที่กอดเอวฉินสือโอวอยู่บนรถส่งเสียงหัวเราะแหลมเล็กออกมาด้วยความสนุกสนาน เห็นได้ชัดว่าท่านชายฉินทำให้เธอคาดไม่ถึงจริงๆ


ฉินสือโอวกระโดดลงมาจากรถ แล้วยื่นมือไปรับวินนี่ลงมาด้วยท่าทางอย่างสุภาพบุรุษ เขาแย้มรอยยิ้มพร้อมกับพูดว่า “คุณสุภาพสตรีแสนสวย ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งแสงราตรี ชายฝั่งเคลือบแก้วของผม นี่คือของขวัญที่สามีมอบให้กับคุณ ไม่ทราบว่าคุณชอบมันไหมครับ?”


วินนี่ยิ้มพร้อมกับกระโดดลงมาจากรถ เธอเตะรองเท้าออก แล้วกระโดดโลดเต้นเหมือนเด็กหญิงตัวน้อยวิ่งไปที่บริเวณด้านหน้าสุดของชายหาดด้วยเท้าที่เปลือยเปล่า คลื่นทะเลสาดซัดขึ้นมาทีละลูกๆ พัดเอาทรายเม็ดละเอียดให้ติดมาจนหน้าเท้าของเธอจมลงไป


ทางด้านหน้า ด้านซ้ายและขวาของเธอ ดาวสีฟ้าดวงน้อยๆ ที่มีอยู่มากมายจนนับไม่ถ้วนกำลังเปล่งประกายแสงระยิบระยับ แมงกะพรุนเวเลลลาแสงราตรีปกคลุมกันอย่างหนาแน่น พวกมันพลิ้วไหวไปตามคลื่นทะเลอย่างต่อเนื่อง รวมกับตัวของมันที่กวัดแกว่งหนวดและบิดหมุนตัวอยู่ตลอดเวลา แบบนี้ประกายระยิบระยับของแสงดาวก็ยิ่งถี่ขึ้น


วินนี่มองดูภาพฉากนี้ด้วยความรู้สึกเซอร์ไพรซ์ มองดูรอบๆ กายแล้วแหงนหน้าขึ้นไปมองดูท้องฟ้า ท้องฟ้ายามค่ำคืนของเกาะแฟร์เวลกระจ่างใสไม่มีรอยด่างพร้อย ค่ำคืนที่มืดมิดก็คือผ้าไหมสีดำที่กว้างยาวหนึ่งสาย ดวงดาวก็คือคริสทัลที่ถูกโรยลงไปด้านบน กำลังเปล่งประกายระยิบระยับเช่นเดียวกัน…


“ที่รักคะ ฉันแยกไม่ออกแล้วว่าตรงไหนคือท้องฟ้าตรงไหนคือท้องทะเล” วินนี่หันหน้ากลับไปมองฉินสือโอวแล้วพูดด้วยเสียงอันดังก้อง


ในช่วงเวลานี้ ผมสีดำสลวยของเธอถูกลมทะเลที่ร้องดังหวีดหวิวพัดปลิว กระโปรงของเธอถูกน้ำทะเลสาดใส่จนเปียกแนบติดกับขาทั้งสองข้าง ฉินสือโอวเดินเข้ามาตระกองกอดเธอเอาไว้ แล้วพูดกับเธอด้วยรอยยิ้มว่า “แล้วคุณแยกทางกลับบ้านได้ไหมครับ? เจ้าหญิงเงือกแสนสวยของผม”


“เจ้าหญิงเงือกแสนสวยกลายเป็นราชินีเงือกแสนสวยแล้วค่ะ เธอมีลูกแล้ว แล้วเธอก็มีปราสาทด้วย เพียงแต่ว่าปราสาทของเธออยู่บนบก” วินนี่แย้มรอยยิ้มพร้อมกับเอื้อมมือกลับไปจับแขนของฉินสือโอว


ฉินสือโอวจึงพูดกับเธอว่า “บนบกนั่นไม่ใช่ปราสาทหรอกครับ ปราสาทอยู่ในท้องทะเลต่างหาก”


ก็เขาคอยขนย้ายผลึกแก้วสมุทรในแอ่งใต้ทะเลอยู่โดยตลอดเลยนี่นา


วินนี่ไม่เข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ แต่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีก เธอเพียงแต่โอบกอดเขาไว้พร้อมกับยกยิ้มด้วยความดีใจ


แมงกะพรุนบางส่วนถูกคลื่นซัดขึ้นมาถึงริมชายฝั่งแล้ว วินนี่ยังไม่ทันได้รู้แน่ชัดว่าสิ่งที่เรืองแสงออกมาคืออะไร เธอก็จะยื่นมือออกไปจับมันขึ้นมาดูแล้ว


ฉินสือโอวดึงแขนเธอเอาไว้ แล้วพูดอย่างยิ้มๆ ว่า “อย่าเข้าไปดู คุณคิดว่ามันคืออะไร มันก็คือสิ่งนั้นนั่นแหละครับ”


แมงกะพรุนเวเลลลามีพิษ ถึงพิษจะไม่ร้ายแรง แต่ใครจะรู้ว่าแมงกะพรุนที่กลายพันธุ์มีพิษร้ายแรงแค่ไหน? แซนเดอร์สยังไม่ได้ทำการทดลองที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ถึงอย่างไรตอนที่เขาสัมผัสกับแมงกะพรุนเวเลลลาแสงราตรีเขาก็ระวังมากๆ อยู่แล้ว


วินนี่ดึงมือกลับมาอย่างว่าง่ายๆ ฉินสือโอวควบคุมเกลียวคลื่นให้ม้วนเอาแมงกะพรุนกลับลงไปในทะเล พยายามไม่ให้พวกมันขึ้นมาเกยตื้นบนชายหาดอย่างสุดความสามารถ


ขณะที่กำลังโอบกอดฉินสือโอวเอาไว้ วินนี่ก็พูดขึ้นมาว่า “รู้ไหมคะว่าตอนที่เพิ่งได้คบกัน ฉันนึกว่าคุณเป็นคนแข็งๆ ทื่อๆ เหมือนท่อนไม้ ตอนนั้นฉันคิดว่าผู้ชายที่ฉันแต่งงานด้วย คงไม่มีทางทำเรื่องโรแมนติกหรือเซอร์ไพรส์อะไรฉันแน่ๆ คิดไม่ถึงว่าฉันจะเดาผิด”


“แล้วตอนนี้คุณรู้สึกเซอร์ไพรซ์มากๆ เลยใช่ไหมล่ะครับ? สามีของคุณเป็นสามีที่เพอร์เฟคที่สุดเลยใช่ไหมล่ะ? เพอร์เฟคยิ่งกว่าเบคแคมอีกใช่ไหม” ฉินสือโอวถามคำถามรับคำพูดของเธอ


วินนี่เงยหน้าขึ้นมาแล้วพูดว่า “ไม่ค่ะ ฉันอยากให้คุณเป็นคนทึ่มๆ ไม่รู้จักความโรแมนติก ไม่รู้จักแสดงความรักอะไรแบบนั้นมากกว่า ผู้ชายที่รู้เรื่องพวกนี้ดีเกินไป ฉันกลัวว่าเขาจะไปทำตัวเจ้าชู้กับผู้หญิงคนอื่นไม่เลือกหน้า”


ฉินสือโอวจึงรีบให้คำมั่นสัญญากับเธอว่า “ไม่ครับ หวานใจของผม ผม…”


วินนี่โบกมือปัด “อย่ากลัวไปเลยค่ะ ฉันแค่เป็นกังวลเรื่องนี้ตอนที่ได้รู้จักคุณแรกๆ ตอนนี้ฉันรู้จักคุณดีแล้ว ถึงคุณจะพอรู้จักการแสดงความรักอยู่บ้าง แต่ก็ยังทึ่มมาก ฉันไม่กังวลว่าคุณจะออกไปทำตัวเหลวไหลข้างนอกหรอกค่ะ?”


ฉินสือโอว “…”

 

 

 


บทที่ 1151 เด็ดผักป่าทั่วขุนเขา

 

ฉินสือโอวจูงมือวินนี่ไว้ แล้วพาเธอย่ำเท้าไปบนชายหาด ฟองคลื่นสาดกระทบขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง วินนี่เป็นเหมือนเด็กตัวน้อยๆ เธอใช้ปลายเท้าเตะฟองคลื่นไปมา เตะไปเตะมาแล้วก็ยิ้มออกมาอยากพิลึกพิลั่น


ฉินสือโอวรู้ว่าสาเหตุที่ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขไม่ใช่เพราะได้เห็นแมงกะพรุนเวเลลลาแสงราตรีที่งดงาม แต่เป็นเพราะได้อยู่ด้วยกันกับเขา ขณะที่กำลังซึมซับบรรยากาศแบบนี้


ในระหว่างทางกลับ ฉินสือโอวก็บอกความจริงกับเธอว่านั่นคือแมงกะพรุนเวเลลลา วินนี่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาทันที เธอถามเขาด้วยความประหลาดใจว่า “พวกมันเกิดการกลายพันธุ์อย่างฉับพลันที่ฟาร์มปลาเหรอคะ? กลายพันธุ์ได้สวยงามมากๆ ถ้าตอนแรกเป็นพวกมันที่เริ่มระบาด บางทีความเสียหายอาจจะไม่มากขนาดนี้ก็ได้”


แมงกะพรุนเวเลลลาแสงราตรีถูกสังเกตได้ง่ายกว่าแมงกะพรุนเวเลลลาธรรมดา ในน่านน้ำที่น้ำทะเลมีความใสสะอาดอย่างฟาร์มปลาต้าฉิน เพียงแค่พวกมันลอยเข้ามาในน่านน้ำระดับความลึกที่ระยะห่างจากผิวน้ำยี่สิบเมตรในตอนกลางคืน ก็จะมีคนสังเกตเห็นพวกมันแล้ว


กลับมาถึงที่วิลล่า วินนี่พาคนอื่นๆ ไปดูแมงกะพรุนอีกครั้งด้วยความกระตือรือร้น และยังได้ถ่ายรูปจำนวนหนึ่งแล้วโพสต์ลงเว่ยป๋อ เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ฉินสือโอวเห็นแล้วก็รู้สึกเหนื่อยหน่าย คุณบอกว่าแค่มีความสุขกับตัวเองก็พอแล้ว ถ้าลงแรงป่าวประกาศให้คนได้รู้ไปทั่ว ก็เท่ากับการหาเรื่องให้ตัวเองลำบากไม่ใช่เหรอ?


คุณปู่คุณย่าของวินนี่มาที่นี่ครั้งนี้ มีจุดประสงค์หลักอยู่สองอย่าง อย่างแรกเพื่อมาเยี่ยมหลานสาว อย่างที่สองก็เพื่อมาปรึกษาเรื่องงานแต่งงานของวินนี่กับฉินสือโอว


หลังจากนั้น พ่อฉินกับแม่ฉินก็รีบตามมา งานแต่งงานของฉินสือโอวเป็นเรื่องสำคัญของครอบครัว กระทั่งพี่สาว พี่เขยกับหลานชายของเขาก็มาที่นี่


พอไปรับทุกๆ คนกลับมาที่วิลล่าแล้ว เสี่ยวฮุยก็รีบวิ่งแจ้นไปหาเชอร์ลี่ย์ทันที แล้วส่งของขวัญที่ถูกห่อไว้อย่างงดงามประณีตให้กับเธอ พร้อมกับพูดด้วยความเหนียมอายว่า “นี่เป็นของขวัญที่ผมเตรียมมาให้พี่ พี่เชอร์ลี่ย์ ไม่รู้ว่าพี่จะชอบมันไหม”


เชอร์ลี่ย์แย้มรอยยิ้มหวานพูดกับเขาว่า “ต้องสุดยอดมากแน่ๆ ภาษาอังกฤษของนายดีขึ้นเยอะกว่าเดิมเลยนะ”


เสี่ยวฮุยยิ้มด้วยรอยยิ้มซื่อๆ พี่สาวก็บอกกับฉินสือโอวว่า “เชอร์ลี่ย์เสน่ห์แรงมากๆ ตอนอยู่ที่บ้านเสี่ยวฮุยฝึกภาษาอังกฤษทุกวันเลย พยายามอย่างหนักเลย จนพี่เขยแกมองตาค้างเลยแหละ ตอนแรกนึกว่าเขาจะเริ่มโตเริ่มมีความคิดอยากตั้งใจเรียนหนังสือแล้ว ต่อมาถึงได้รู้ว่ามันน่าจะไม่ใช่อย่างนั้น”


ที่เขาตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษ ต้องเป็นเพราะอยากจะสื่อสารกับเด็กสาวโดยไม่มีอุปสรรคมาขวางกั้นอยู่แล้ว


กอร์ดอนดึงเสี่ยวฮุยไว้ เขายื่นมือออกไปพร้อมกับพูดว่า “เพื่อน ฉันดีกับนายขนาดนั้น ความสัมพันธ์ของพวกเราก็แนบแน่นปานนั้น นายไม่มีของขวัญมาให้ฉันบ้างเลยเหรอ?”


เสี่ยวฮุยรีบพยักหน้าให้ “เตรียมมาแล้ว เตรียมมาแล้ว ฉันเตรียมมาให้ทุกคนเลย แล้วก็มีของไวส์ด้วย สวัสดีไวส์”


ไวส์พยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาประสานมือคารวะพร้อมกับพูดว่า “สวัสดี เพื่อน ข้ารอคอยที่จะได้พบท่านมานานแล้ว ชื่อเสียงของท่านโด่งดังกึกก้อง…”


“เขาพูดว่าอะไรนะ?” บนหน้าเสี่ยวฮุยมีแต่ความสับสนงงงวย


กอร์ดอนโอบไหล่เขา “ไม่ต้องไปสนใจ เขาเป็นบ้าน่ะ รู้จักคนบ้าใช่ไหม? ต่อให้เขาทำร้ายคนก็ไม่ถูกคุณครูดุ ไปเถอะ พวกเราไปดูของขวัญที่นายเตรียมมาให้ฉันกันดีกว่า”


ไวส์แยกเขี้ยวยิงฟันจ้องมองกอร์ดอน เชอร์ลี่ย์ก็พูดยุยงเขาว่า “โชคดีนะ ไวส์ รีบใช้พลังดัชนีจิ้มเขาให้ตายเลยสิ!”


พาวลิสเดินยิ้มๆ เข้ามามือซ้ายขวางไวส์เอาไว้ส่วนมือขวาก็กั้นเชอร์ลี่ย์ “เลิกวุ่นวายกันได้แล้ว คุณปู่คุณย่าเพิ่งมา ไปเถอะ พวกเราไปทักทายพวกท่านกันดีกว่า”


พี่สาวฉินที่มองเห็นภาพเหตุการณ์นี้จึงพูดขึ้นมาว่า “พาวลิสมีมารยาทจัง ดีจริงๆ เสี่ยวฮุยลูกต้องเอาอย่างพี่พาวลิสเขานะ เข้าใจไหม?”


เสี่ยวฮุยรีบยื่นหน้าออกมาหัวเราะแหะๆ ทันที ฉินสือโอวเกาหัวแกรกๆ ตอนนี้เขายังมีความคิดหนึ่งที่ยังไม่สามารถลบออกไปจากจิตใจได้ ตอนที่เสี่ยวฮุยยังเป็นเด็ก เขามักจะรู้สึกว่าเจ้าเด็กคนนี้ค่อนข้างซื่อบื้ออยู่หน่อยๆ แต่ว่าตั้งแต่ตอนที่เขาเคยพูดให้พี่สาวฟังแล้วโดนตีกลับมา หลังจากนั้นเขาก็ได้แต่เก็บมันเอาไว้ในใจ ทว่าตอนนี้เขาอดคิดแบบนี้ไม่ได้จริงๆ


ปรากฏว่าพอพาวลิสพูดต่อเขาก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปที่ “อันดับแรกมาฝึกแปรงฟันกับฉันก่อนดีไหม ฮ่าๆ เสี่ยวฮุย ดูที่ฟันของฉันสิ ขาวมากๆ เลยใช่ไหมล่ะ?”


เด็กชายผิวดำทำท่ายิงฟันให้เขาดู เผยให้เห็นฟันที่มีสีขาวสะอาดอย่างแท้จริง


แม่ของฉินสือโอวก็พูดด้วยความประหลาดใจว่า “จริงๆ ด้วย ฟันของพาวลิสสวยจริงๆ ฉันคอยดูแลให้เสี่ยวฮุยแปรงฟันอยู่ทุกวันแต่ก็ยังขาวไม่เท่าของเขา”


ฉินสือโอวก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน อาจจะเป็นเพราะคนผิวดำมีฟันที่สวยโดยธรรมชาติอยู่แล้ว พอเทียบกับสีผิวเลยยิ่งทำให้ดูขาวขึ้นไปอีก


คนทั้งครอบครัวได้อยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา จึงนั่งพูดคุยกันอย่างมีความสุข


ช่วงบ่ายไม่มีธุระอะไรให้ทำ พ่อกับพี่เขยของฉินสือโอวเลยถามหาปืนจากเขาเพื่อที่จะเอาไปยิงเล่นรอบๆ ตีนเขา


แม่ฉินเห็นพวกเขาสะพายปืนไว้จึงถามพวกเขาด้วยความกังวลใจ “ตาเฒ่านี่จะพากันไปทำอะไรน่ะ? เอาปืนกลับมาเก็บไว้ที่บ้าน พ่อจะเอาปืนไปด้วยทำไม?”


พ่อฉินกำลังอารมณ์ดี จึงหัวเราะฮ่าๆ พร้อมกับตอบแม่ของฉินสือโอวกลับไปว่า “เอาไปยิงเล่นสักนิดสักหน่อย แล้วก็ถ่ายรูปเก็บไว้ด้วย จะได้เอากลับไปอวดเหล่าซุนเหล่าเลี่ยวด้วย”


แม่ของฉินสือโอวพูดอย่างไม่พอใจว่า “พ่อบอกว่าพ่อยิงปืนไม่เป็น แล้วจะเอาปืนไปแกล้งทำวางท่าทำไมกัน? ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจะทำอย่างไร?”


พ่อของฉินสือโอวยังอารมณ์ดีอยู่จึงหัวเราะฮ่าๆ พูดยิ้มๆ ว่า “ใครบอกว่าพ่อยิงปืนไม่เป็นกันล่ะ? ตอนสมัยหนุ่มๆ พ่อเคยฝึกกับทหารอาสาสมัคร แถมยังเคยคิดจะบุกตีพวกฝรั่งตาน้ำข้าวด้วยนะ แล้วพ่อก็เคยออกรบแบบกองโจรกับพวกทหารอาสาสมัครด้วย”


วินนี่เข้าไปช่วยไกล่เกลี่ย เธอพูดกับแม่ฉินว่า “คุณแม่คะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่ต้องกังวลนะคะ เดี๋ยวหนูจะให้แบล็คไนฟ์ตามไปด้วย เขาเป็นทหารปลดประจำการจากกองกำลังทหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดของอเมริกา ยิงปืนเก่งมาก ถ้ามีเขาไปด้วยไม่มีทางเป็นอันตรายแน่นอนค่ะ”


พอฉินสือโอวตะโกนออกไปนอกหน้าต่าง แบล็คไนฟ์ก็วิ่งเข้ามาข้างในอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็ยืนทำความเคารพตัวตรง ทำวันทยหัตถ์แบบทหารอเมริกาได้อย่างแข็งขัน สร้างความสบายตาสบายใจให้แก่ผู้ที่ได้พบเห็น


แม่ของฉินสือโอวพิจารณาดูแบล็คไนฟ์อยู่สักพัก แล้วพูดขึ้นมาว่า “เสี่ยวโอว แกลองถามพ่อหนุ่มคนนี้ดูสิว่าเขาแปรงฟันอย่างไร? ฟันของเขาขาวกว่าลูกเยอะเลย”


วินนี่อดหัวเราะไม่ได้ ฉินสือโอวรู้สึกว่าอยู่รับมือกับแม่ได้ยากเกินไป เลยออกไปกับพ่อแทน


ฤดูใบไม้ผลิทุกสรรพสิ่งกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง สัตว์ป่าตัวเล็กๆ บนเทือกเขาเคอร์บัลกระชุ่มกระชวยคึกคัก แม้กระทั่งที่บริเวณตีนเขาก็สามารถพบเห็นเงาร่างของพวกมันได้


ฝีมือการยิงปืนของพ่อและพี่เขยของฉินสือโอวย่ำแย่จนดูไม่ได้ ยิงปืนออกมาได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว เพราะถึงอย่างไรข้างหน้าภายในระยะหนึ่งร้อยแปดสิบองศาจากบริเวณที่พวกเขายิงปืน ก็ไม่มีคนอยู่แถวนั้น ไม่อย่างนั้นคงจะเป็นอันตราย


วนรอบๆ ตีนเขาอยู่สักพัก พ่อและพี่เขยของฉินสือโอวก็ยังไม่ได้อะไรติดมือมาเลย แต่กลับเป็นแบล็คไนฟ์ที่ใช้ทักษะยิงปืนลูกโม่ด้วยมือเพียงข้างเดียวได้อย่างแพรวพราว จนทำให้เป็ดน้ำตัวหนึ่งวิ่งออกมาด้วยความตกใจ พ่อและพี่เขยของฉินสือโอวยังไม่ทันมองได้ชัด ก็เห็นแบล็คไนฟ์ตบข้างๆ ต้นขาด้านนอกข้างหนึ่ง พอเสียงปืนดังขึ้นมาอีกครั้งเป็ดน้ำตัวนั้นก็ถูกยิงตายแล้ว


เห็นว่าพ่อและพี่เขยยังเล่นได้ไม่เต็มที่ ฉินสือโอวจึงพูดขึ้นมาว่า “หรือกลับไปเก็บของ แล้วพวกเราค่อยขึ้นไปบนภูเขาดีไหม?”


พ่อของฉินสือโอวมองไกลออกไปในบริเวณรอบๆ หลังจากนั้นก็ส่ายหัวไปมา แล้วพูดว่า “ไม่ต้องขึ้นไปบนภูเขาหรอก เอาปืนออกมาเล่นให้พอหายอยากก็พอแล้ว ถ้าเอาปืนขึ้นไปบนภูเขาจริงๆ แล้วแม่แกไม่บ่นก็คงแปลก ใช่แล้ว เสี่ยวโอว ผักป่าบนภูเขาที่กินได้น่าจะมีอยู่ไม่น้อย ของพวกนี้น่าจะมาจากธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์เลยใช่ไหม ไม่มีคนกินเลยเหรอ?”


ฉินสือโอวไม่รู้จัก เลยถามอย่างงุนงงว่า “ผักป่าที่ไหนครับพ่อ?”


“ผักกูด ผักเบี้ยใหญ่ แล้วก็ผักกระเป๋าเงินของคนเลี้ยงแกะไง มีอยู่เยอะแยะ พ่อเห็นว่ามีครบทุกอย่างเลย คิดไม่ถึงว่าภูเขาของต่างประเทศจะมีผักป่าคล้ายๆ กันกับบ้านเกิดของพวกเราด้วย” พ่อฉินพูดพร้อมกับชี้ไปที่หญ้าป่าผืนสีเขียว


พี่เขยเลยพูดยิ้มๆ ว่า “นี่มันปกติมากๆ เลยนะ เป็นเขตอบอุ่นทั้งนั้นเลยนี่ ผักป่าเลยมีทิศทางการพัฒนาการไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด แต่ผมคาดว่าน่าจะมีส่วนแตกต่างอยู่นิดหน่อย ไม่รู้ว่าผักป่าที่นี่จะกินได้ไหม”


พ่อของฉินสือโอวพูดว่า “กินได้ มันเหมือนกัน แตกต่างกันตรงไหนเล่า ฉันเห็นว่าผักป่าที่นี่นุ่มมากๆ ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้เราขึ้นไปเก็บผักป่าบนภูเขากันสักหน่อยไหมล่ะ? แล้วเอาปืนไปด้วย”


เมื่อได้ยินพ่อพูดอย่างนี้ ฉินสือโอวก็หัวเราะออกมา ตาเฒ่ายังอยากขึ้นไปยิงปืนล่าสัตว์บนภูเขาสักนัดสองนัดอยู่ ที่จริงแล้ว ถ้าไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม แม่ฉินคงไม่ปล่อยให้เขาขึ้นไปบนภูเขาแน่ๆ ถ้ามีข้ออ้างเรื่องเก็บผักป่า แบบนั้นก็คุยกันง่ายแล้ว


……………………………………………….

 

 

 


บทที่ 1152 กลิ่นผักป่าพัดโชยไปในอากาศ

 

หลังจากกลับไปแล้ว พ่อฉินก็เดินวนแม่ฉินก่อนหนึ่งรอบ แม่ฉินจึงถามด้วยความประหลาดใจว่า “ทำอะไรน่ะ?”


พ่อฉินจึงตอบกลับไปอย่างสมเหตุสมผลว่า “ให้แม่ลองดูไง ว่าถึงพ่อจะพกปืนไปด้วยแต่ก็ไม่ได้มีส่วนไหนสึกหรอใช่ไหมล่ะ?”


แม่ของฉินสือโอวยิ้มออกมา แล้วพูดว่า “พ่อนี่อวดเก่งจริงๆ เลย”


พ่อฉินหันไปมองฉินสือโอว แล้วส่งสายตาให้เขา


ฉินสือโอวจึงแกล้งทำเป็นพูดอย่างสบายๆ ว่า “แม่ เมื่อกี้ตอนที่พ่อไปเดินเล่นรอบๆ พ่อเห็นว่าบนภูเขามีผักป่าอยู่ด้วย พรุ่งนี้พวกเราไม่มีอะไรทำ แล้วพวกแม่ก็ไม่ชอบออกทะเลด้วย พวกเราไปเก็บผักบนภูเขากันเถอะ…”


“ชอบออกทะเล อาครับ พวกเราชอบออกทะเลครับ” เสี่ยวฮุยพูดขึ้นมาอย่างรีบร้อน


พี่เขยเลยหันไปถลึงตาใส่เขา แล้วพูดว่า “ผู้ใหญ่กำลังคุยกัน เด็กยุ่งอะไรด้วย”


เสี่ยวฮุยทำสีหน้าถอนหายใจแบบคลาสสิคออกมา “เฮ้อ”


ฉินสือโอวก็ไม่เข้าข้างเขาเหมือนกัน ทั้งยังพูดกับเขาว่า “แกจะออกทะเลไปทำไม? พรุ่งนี้ไปกับกอร์ดอน เอ่อไม่สิ ไปเรียนกับพี่ไวส์ ลองไปดูหน่อยว่าเพื่อนๆ เด็กนักเรียนต่างชาติเขาเรียนกันอย่างไร”


เสี่ยวฮุยอยากถอนหายใจยิ่งกว่าเดิมเสียอีก “อา ผมมาต่างประเทศทั้งที ยังต้องเรียนอีกเหรอครับ?”


ที่บ้านไม่มีเด็กคนอื่นๆ อยู่ด้วย เสี่ยวฮุยอยู่คนเดียวเลยยิ่งทำให้ไม่สนุก ฉินสือโอวอยากใช้วิธีนี้เพื่อฝึกเสี่ยวฮุยให้รู้จักปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่มีแต่คนแปลกหน้า


พอแม่ฉินได้ยินว่ามีผักป่าอยู่เยอะ ก็รู้สึกคึกคักมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที พร้อมกับถามว่า “มีผักอะไรบ้าง?”


สิ่งที่เธอถนัดที่สุดก็คือเมนูประจำบ้าน แต่เมนูอาหารคาวทั่วๆ ไป วินนี่กับคนอื่นๆ ก็ทำเป็นเหมือนกัน เนื่องจากคุณปู่คุณย่าของวินนี่เคยอาศัยอยู่ที่จีนเป็นระยะเวลานาน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เหนือกว่าคนอื่นๆ ในด้านเมนูอาหารประจำบ้าน แต่บางทีผักป่าอาจจะทำให้เธอได้แสดงฝีมือการทำอาหารก็ได้


พ่อฉินล้วงผักจากในถุงออกมาให้แม่ฉินดูสักสองสามต้น ฉินสือโอวก็แอบแขวะอยู่ในใจ ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาเสนอว่าให้ขึ้นไปบนภูเขา ตาเฒ่ายังบอกว่าไม่ต้องไปอยู่เลย แบบนี้ไม่ใช่ปากว่าตาขยิบหรอกเหรอ? สมแล้วที่ตาเฒ่าเป็นนักเล่นหมากรุกจีนฝีมือขั้นสูงที่มองการณ์ไกล ระหว่างทางพ่อเก็บผักป่ามาด้วยตั้งแต่แรกๆ นี่เห็นได้ชัดว่าพ่อวางแผนปฏิบัติการพกปืนขึ้นเขาไว้เป็นอย่างดี


สีหน้าของแม่ฉินที่ได้เห็นผักที่พ่อเก็บมาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกเบิกบานใจ ฤดูนี้เป็นช่วงที่ผักป่ากำลังอ่อนนุ่มอยู่พอดี พลาดโอกาสครั้งนี้ไปก็หาโอกาสอื่นได้ยากแล้ว


ช่วงเย็นทุกๆ คนทานอาหารเย็นร่วมกัน ฉินสือโอวเลือกที่จะมาทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารของคุณลุงฮิคสัน ที่ร้านอาหารมีพื้นที่กว้างขวาง สามารถจุคนสิบกว่าคนได้อย่างสบายๆ ทว่าพ่อครัวใหญ่กลับจัดเก็บสวนด้านหลังไว้ให้พวกเขา ให้พวกเขาไปทานอาหารในสวนแทน


ตำแหน่งตรงนี้ถึงจะเป็นที่นั่งทองคำ ด้านหลังสวนของคุณลุงอยู่ติดกับทะเล ถ้ายืนอยู่สูงหน่อยจะสามารถมองเห็นออกไปได้ถึงทะเล และเมื่อนั่งลงก็จะได้ยินเสียงคลื่นทะเล เป็นที่นั่งรับประทานอาหารที่สามารถผ่อนคลายไปกับวิวทะเลพร้อมทั้งสดับฟังเสียงคลื่นได้อย่างแท้จริง


เพราะไม่อยากให้คนอื่นมาทำให้สวนสกปรกและกังวลว่าดอกไม้ในสวนจะถูกทำลาย คุณลุงฮิคสันเลยไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาตรงนี้ และก็เป็นเพราะฉินสือโอวเป็นคนมีหน้ามีตา ถึงสามารถเข้ามาในที่แห่งนี้ได้


เข้ามาถึงข้างในสวน วินนี่ลากแขนฉินสือโอวไว้ แล้วพูดกับเขาเบาๆ ว่า “เวลาผ่านไปเร็วมากๆ เลยค่ะ ยังจำครั้งแรกที่ฉันมาเมืองนี้ ตอนที่คุณลุงจัดที่นี่ให้เป็นงานเลี้ยงใต้แสงเทียนได้ไหมคะ? แค่พริบตาเดียว เวลาก็ผ่านไปเกือบจะสองปีแล้ว”


ฉินสือโอวจะลืมได้อย่างไร? เขาจำได้อย่างแน่ชัด ทุกภาพความทรงจำหลังจากทานอาหารค่ำฟังเสียงคลื่นกระทบชายฝั่งอยู่ด้วยกันกับวินนี่ พร้อมกับเดินกลับไปที่ฟาร์มปลาอย่างช้าๆ


“จำได้สิครับ ตอนนั้นผมเป็นคนตกแต่งสถานที่และจัดงานเองนะ ผมไม่มีทางลืมอยู่แล้วล่ะครับ” ฉินสือโอวพูดด้วยรอยยิ้ม


วินนี่กลอกตาใส่เขา เธอย่นจมูกพูดอย่างไม่เชื่อถือคำพูดของเขาว่า “ถ้าคุณตกแต่งเองก็บ้าแล้ว ตอนนั้นพอเดินเข้ามาในสวนแล้วเห็นโต๊ะอาหารในงานเลี้ยงใต้แสงเทียน สีหน้าของคุณน่ะดูตกใจยิ่งกว่าฉันเสียอีก ฉันถึงกับคิดว่าพวกเรามาผิดที่”


ฉินสือโอวหัวเราะฮ่าๆ ออกมา วินนี่สังเกตดูทุกอย่างได้ละเอียดจริงๆ ดูท่าว่าน่าจะเป็นอย่างที่แอร์โฮสเตสทุกคนว่าไว้ ไม่ใช่ว่าเขาจีบเธอติด แต่เป็นเพราะเธอมองเขาออก เลยยอมตามเขามาที่ฟาร์มปลา


ทุกคนทานอาหารค่ำร่วมกันได้อย่างมีความสุข เนื่องจากคุณปู่กับคุณย่าของวินนี่พูดภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว การพูดคุยของทั้งสองฝ่ายจึงเป็นไปด้วยความผ่อนคลาย ฉินสือโอวกับอาร์ม็องหาหัวข้อมาพูดคุยกันได้อย่างไม่ขาดตอน ทำให้ทุกๆ คนได้มีส่วนร่วมในการสนทนา ไม่เมินเฉยจนปล่อยให้มีใครต้องตกอยู่ในความเงียบเหงา


เพราะต้องไปขึ้นเขา วันต่อมาทุกคนเลยตื่นตั้งแต่เช้า ทางฝั่งครอบครัวของวินนี่ ปู่กับย่าของเธออายุมากแล้วเลยขึ้นเขาไม่ไหว มิแรนดาจะอยู่ที่นี่กับพวกท่าน ปล่อยให้มาริโอ้กับอาร์ม็องขึ้นไปเก็บผักป่าบนภูเขาแทน


ฉินสือโอว วินนี่ อีวิลสัน แบล็คไนฟ์ เบิร์ด คนจากฟาร์มปลาไปขึ้นเขากันห้าคน ฉินสือโอวจำบทเรียนจากตอนที่ได้เจอกับหมูป่าเมื่อครั้งที่แล้วได้ขึ้นใจ ครั้งนี้ต้องนำกำลังทหารไปให้มากพอ นอกจากนี้ยังมีหู่เป้าฉงหลัวกับลูกแมวป่าไปสมทบด้วย บนท้องฟ้ายังมีบุชกับนิมิตส์คอยลาดตระเวน ยิ่งใหญ่และมีอำนาจเพียงพอแล้ว ไม่มีทางเกิดอันตรายขึ้นอีกแน่


พบผักกระเป๋าเงินของคนเลี้ยงแกะในระหว่างทางขึ้นเขา ฉินสือโอวก็รู้จักผักป่าชนิดนี้เช่นกัน ตอนเป็นเด็กเขามักจะตามแม่ไปขุดผักในพื้นที่รกร้าง พอกลับบ้านแล้วก็นำไปผสมกับหมูสับนิดหน่อยก็จะสามารถทำเมนูเกี๊ยวซ่าและเกี๊ยวน้ำแสนอร่อยได้แล้ว


แคนาดาก็มีผักชนิดนี้เช่นกัน และอาจจะเป็นเพราะไม่มีคนมาขุดไปทาน ผักป่าชนิดนี้เลยเติบโตได้อย่างอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก ขอเพียงเป็นที่ที่มีทุ่งหญ้าผืนใหญ่โตขึ้น ก็จะหาผักกระเป๋าเงินของคนเลี้ยงแกะเจอแล้ว


ก่อนที่จะมาเก็บผัก ฉินสือโอวลองเสิร์ชหาผักป่าของแคนาดาที่พบได้บ่อย และผักกระเป๋าเงินของคนเลี้ยงแกะก็ถือว่าเป็นผักป่าอันดับหนึ่ง ในปัจจุบันเนื่องจากการไหลทะลักของผู้อพยพชาวจีน ทำให้ในที่สุดผักป่าที่ไม่มีคนรับประทานชนิดนี้ก็ถูกนำเข้าสู่ตลาดขายผักของชาวจีน ที่โทรอนโตขายผักป่าชนิดนี้ในราคาสี่ดอลลาร์แคนาดาต่อหนึ่งปอนด์ ไม่ใช่ถูกๆ เลย


ฉินสือโอวขุดผักกระเป๋าเงินของคนเลี้ยงแกะออกมาแล้วนำไปใส่ไว้ในถุงตาข่ายที่เตรียมมา ลูกตาโตๆ ของฉงต้าหลุกหลิกไปมา มันเห็นแม่ฉินชิมผักแล้วทำหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส นึกว่าเป็นของอร่อย เลยเขาไปใกล้พ่อฉินด้วยความระมัดระวัง แล้วขโมยผักกระเป๋าเงินของคนเลี้ยงแกะออกมาจากถุงของเขาสองกำ


กินเองหนึ่งกำ อีกกำแบ่งให้ต้าป๋ายกิน ฉงต้าก็ทำหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสแล้วเช่นกัน คิดว่าตัวเองก็ได้ผลประโยชน์ด้วย


แต่เคี้ยวไปได้แค่สองครั้ง มันก็ถุยเอาผักออกมา นี่มันอะไรกันเนี่ย ไม่อร่อยเลยจริงๆ หลอกหมีนี่นา


ต้าป๋ายจ้องมองมันด้วยความประหลาดใจ หลังจากนั้นก็ค่อยๆ กินเข้าไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน ดูเอร็ดอร่อยเป็นอย่างยิ่ง


หลังจากนั้นก็มีไกด์นำเที่ยวพานักท่องเที่ยวขึ้นมาบนภูเขา เป็นกลุ่มเล็กๆ มีนักท่องเที่ยวอยู่ประมาณยี่สิบกว่าคน ฉินสือโอวลุกขึ้นยืนทักทายไกด์นำเที่ยว พวกเขาต่างก็เป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตากันดีทั้งนั้น


มีนักท่องเที่ยวบางคนถามว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ ไกด์ก็ไม่รู้แน่ชัดเช่นกัน ทว่าเขามีไหวพริบปฏิภาณที่ว่องไวเลยตอบกลับไปว่า “ฉินเป็นคนที่มีนิสัยเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์มากๆ มีจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความเมตตา เขามักจะเข้าร่วมงานการกุศลอยู่เสมอๆ นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่มีความรับผิดชอบมากๆ ครั้งนี้เขาก็อาสาพาครอบครัวมาช่วยกำจัดหญ้า”


นักท่องเที่ยวชาวจีนล้วนแต่มาจากครอบครัวในเมืองใหญ่ที่มีรายได้สูง ไม่อย่างนั้นคงแบกรับค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวขั้นต่ำหลักแสนไม่ไหว พวกเขาจึงดูไม่ออกว่าครอบครัวของฉินสือโอวกำลังขุดผักกระเป๋าเงินของคนเลี้ยงแกะอยู่ พอฟังที่ไกด์ทัวร์พูดก็นึกขึ้นมาได้จึงพยักหน้ารับทันที หลังจากนั้นก็มองดูฉินสือโอวด้วยสายตาที่โง่เซ่อ


ไกด์ทัวร์พูดเป็นภาษาจีนกลาง พวกเขาเลยฟังออกกันทั้งครอบครัว ดังนั้นจึงใช้สายตาโง่เซ่อมองกลับไปที่เพื่อนร่วมชาติพวกนี้เช่นกัน


ข้างๆ ผักกระเป๋าเงินของคนเลี้ยงแกะยังมีผักป่าอยู่อีกหนึ่งชนิด แต่เป็นชนิดที่พ่อฉินแม่ฉินไม่รู้จัก ฉินสือโอวขุดออกมาให้ดูพร้อมกับพูดว่า “นี่คือผักสลัดน้ำ เป็นผักป่าที่ดีมากๆ คนจีนแบบพวกเราเรียกมันว่าผักซีหยาง ผักกระเป๋าเงินของคนเลี้ยงแกะน้ำอะไรสักอย่าง มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก รสชาติคล้ายๆ กันกับผักกระเป๋าเงินของคนเลี้ยงแกะ”


พ่อของฉินสือโอวก็ถึงบางอ้อทันที “อ้อ ถ้าอย่างนั้นนี่ก็น่าจะเป็นผักกระเป๋าเงินของคนเลี้ยงแกะต้นตำรับของแคนาดาใช่ไหม? ตอนกลับพ่อจะเอากลับไปด้วยสักหน่อย”


ฉินสือโอวยิ้มเจื่อนๆ พูดว่า “พ่อจะเอากลับไปทำไมครับ ผักแบบนี้หลายพื้นที่ในทางตอนใต้ของจีนก็ปลูกขึ้นเหมือนกัน”


ขึ้นไปหาข้างบนต่อ ก็เจอผักเบี้ยใหญ่อีกครั้ง ซึ่งก็คือผักเบี้ยใหญ่ที่พ่อของฉินสือโอวได้บอกไว้เมื่อก่อนหน้านี้ นี่เป็นชื่อที่คนแถวบ้านเกิดของเขาใช้เรียกผักชนิดนี้ อีกทั้งที่บ้านเกิดของฉินสือโอว วิธีการทำผักเบี้ยใหญ่ก็ค่อนข้างจะพิเศษ เอาไว้ทำเมนูปลาทองตุ๋น


เมื่อเก็บรวบรวมผักป่าพวกนี้ได้ ฉินสือโอวก็เริ่มคาดหวังกับเมนูอาหารหลังจากนี้ เขาไม่ได้ทานเกี๊ยวผักกระเป๋าเงินของคนเลี้ยงแกะที่แม่ทำมาตั้งนานแล้ว แล้วก็ไม่ได้ทานซุปปลาทองตุ๋นผักเบี้ยใหญ่ที่พ่อทำมานานมากๆ แล้วเหมือนกัน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)