เทพปีศาจหวนคืน 1147-1151

 เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1147 ทำให้ชูตู่เปลี่ยนข้าง


แปลโดย iPAT 


ไข่มุกน้ำแข็งไม่เพียงเป็นทรัพยากรอมตะแต่ยังเป็นสมบัติล้ำค่าที่เป็นตัวแทนแห่งความรักระหว่างผู้ใช้วิญญาณหรือผู้อมตะ


ไข่มุกน้ำแข็งคือน้ำตาของมนุษย์หิมะ


โดยปกติมนุษย์หิมะจะไม่หัวเราะหรือร้องไห้ ดังนั้นน้ำตาของพวกเขาจึงหาได้ยาก แต่เมื่อพวกเขาหลั่งน้ำตา มันจะควบรวมเป็นไข่มุกน้ำแข็ง


มนุษย์หิมะสามารถหลั่งน้ำตาได้มากที่สุดสามครั้งตลอดชีวิตและจะมีจำนวนไข่มุกน้ำแข็งไม่เกินหกสิบเม็ด ทุกครั้งที่พวกเขาหลั่งน้ำตา อายุขัยของพวกเขาจะลดลงอย่างมาก หากมนุษย์หิมะหลั่งน้ำตาออกมามากเกินไป อายุขัยของพวกเขาจะลดลงอย่างรวดเร็วและตายไปในที่สุด


ดังนั้นไข่มุกน้ำแข็งจึงเป็นสมบัติหายาก


การทำธุรกรรมไข่มุกน้ำแข็งได้รับความนิยมเสมอในสวรรค์สีเหลือง เมื่อนานมาแล้วเซี่ยซ่งซื่อเป็นผู้ขายรายใหญ่ในธุรกิจนี้ด้วยการเลี้ยงมนุษย์หิมะเอาไว้และทรมานพวกเขาเพื่อเก็บไข่มุกน้ำแข็ง


สำหรับผู้อมตะมนุษย์ ไข่มุกน้ำแข็งเป็นทรัพยากรอมตะชั้นยอดที่ใช้ในการหลอมรวมวิญญาณ


แต่สำหรับมนุษย์หิมะ มันยังมีความสำคัญอีกประการหนึ่ง


นั่นคือสัญลักษณ์แห่งความรัก!


ถูกต้อง!


เผ่าพันธุ์มนุษย์หิมะมีเพศชายและเพศหญิงซึ่งแตกต่างจากเผ่าพันธุ์มนุษย์หินที่มีเพียงเพศชายเท่านั้น


ในการแต่งงานระหว่างมนุษย์หิมะ พวกเขามักจะแลกเปลี่ยนไข่มุกน้ำแข็ง การกระทำนี้มีความหมายต่อมนุษย์หิมะเป็นอย่างยิ่ง


‘นี่คือไข่มุกน้ำแข็ง’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นและจับมันขึ้นมาดู


“อย่า…อย่ามองเช่นนั้น รีบวางมันลง…” เสียงของเสวี่ยเอ๋อทั้งนุ่มนวลและวิตกกังวล มีคนจำนวนมากอยู่ที่นี่ พวกเขาต้องสังเกตเห็นอย่างแน่นอน


ในช่วงเวลาต่อมาเสวี่ยเอ๋อจึงได้ยินเสียงอุทานด้วยความประหลาดใจจากกลุ่มผู้อมตะ


เสวี่ยเอ๋อลดศีรษะลงอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของนางกลายเป็นสีแดงด้วยความเขินอาย


นางมอบไข่มุกน้ำแข็งให้ฟางหยวน นี่แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกของนางได้เป็นอย่างดี แม้นางจะเตรียมใจและรวบรวมความกล้ามาก่อน แต่ตอนนี้นางยังรู้สึกเขินอายมาก


“ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับทรัพยากรอมตะชนิดนี้มานานแล้ว ไม่คิดว่าวันนี้ข้าจะมีโอกาสได้เห็นมันกับตา ขอบคุณเสวี่ยเอ๋อสำหรับของขวัญที่ดีชิ้นนี้ บางทีข้าอาจใช้มันในการหลอมรวมวิญญาณ” ฟางหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงสรรเสริญ


ร่างกายของเสวี่ยเอ๋อสั่นสะท้านขึ้น


ฟางหยวนกล่าวต่อโดยไม่แยแส “แต่มันน้อยเกินไป คงจะดีหากมีมากกว่านี้ เหตุใดจึงไม่มีการค้าขายไข่มุกน้ำแข็ง? น่าเสียดายมาก”


เมื่อเสวี่ยเอ๋อได้ยิน ใบหน้าสีแดงของนางกลับถูกแทนที่ด้วยสีขาวซีด ศีรษะของนางลดต่ำลงไปอักขณะที่น้ำตาเริ่มก่อตัวขึ้นในดวงตาของนาง


‘คนโง่ผู้นี้!’ ปิงเจาลอบสาปแช่งอยู่ในใจและเดินเข้าไปหาฟางหยวน


ผู้อมตะคนอื่นๆรู้สึกพูดไม่ออก


เสวี่ยเอ๋อรีบเงยหน้าขึ้นและส่งเสียงเรียกปิงเจา “ท่านพี่ปิงเจา!”


ปิงเจากัดฟันแน่นและรู้สึกสงสารเสวี่ยเอ๋อมาก เขารู้ว่าเสวี่ยเอ๋อเป็นคนขี้อาย นางต้องรวบรวมความกล้าเพื่อส่งมอบไข่มุกน้ำแข็งให้กับฟางหยวนแทนความรู้สึกที่อยู่ในใจ แต่ฟางหยวนไม่เพียงไม่รู้ความหมาย เขายังวิพากษ์วิจารณ์มันต่อหน้าทุกคนและทำให้เสวี่ยเอ๋อตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ


แต่ปิงเจาก็ทำได้เพียงสะกดข่มความโกรธและเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ผู้อาวุโสฟางหยวน ข้าได้รับประโยชน์เป็นอย่างมากจากการต่อสู้กับท่าน ครั้งต่อไปเราควรประลองฝีมือกันอีกครั้ง!”


เมื่อกล่าวถึงการประลอง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความหนักแน่นจริงจัง


เสวี่ยเอ๋อยังเด็กและงดงาม พรสวรรค์ของนางก็โดดเด่น นางเป็นที่รักของทุกคนในเผ่า มันเป็นเพียงว่าไม่มีผู้ชายรุ่นเดียวกันที่คู่ควรกับนาง


ครั้งนี้นางรู้สึกชื่นชอบฟางหยวน แม้เขาจะเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์ แต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะสามารถยอมรับเขา


หลังจากทั้งหมดพระแม่ธรณีก็เป็นมนุษย์เช่นกัน


หากเสวี่ยเอ๋อแต่งงานกับฟางหยวน เผ่ามนุษย์หิมะจะได้รับการสนับสนุนจากสัตว์อสูรแรกกำเนิด


แต่ผู้ใดจะคิดว่าฟางหยวนจะไม่ตระหนักถึงประเพณีของเผ่ามนุษย์หิมะเหล่านี้และปฏิบัติกับไข่มุกน้ำแข็งเช่นทรัพยากรอมตะทั่วไป


ฟางหยวนยิ้มและตบไหล่ปิงเจา “ตกลง ข้าสัญญา หากมีโอกาสเราจะประลองกันอีกครั้ง เอาล่ะ ทุกคน ข้าขอลาก่อน ไม่จำเป็นต้องส่ง แล้วพบกันใหม่ในอนาคต ฮ่าฮ่าฮ่า”


ฟางหยวนหัวเราะเสียงดังและเดินจากไปอย่างไร้กังวล


นี่ทำให้เสวี่ยเอ๋อค่อนข้างงุนงง


อย่างไรก็ตามปิงเจายังกัดฟันแน่น ตอนนี้เขาไม่ต้องการสิ่งใดมากไปกว่าการสับเด็กผู้นี้ให้เป็นชิ้นๆ


“ให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้! เมื่อเขาเดินทางไปได้ระยะหนึ่ง ข้าจะส่งจดหมายไปหาเขาและบอกความหมายของไข่มุกน้ำแข็ง!”


…..


การเดินทางกลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเป็นไปอย่างราบรื่น


เมื่อพบจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอีกครั้ง การแสดงออกของสหายผู้นี้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่


“เจ้าได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟานจริงๆงั้นหรือ? เจ้ามีวิธีชะลอเวลาในมิติช่องว่างหรือไม่? นอกจากนี้เจ้ายังมีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด นำมันออกมาดูเร็วเข้า!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตื่นเต้นมาก


ฟางหยวนส่ายศีรษะด้วยความขมขื่นและนำศพของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดออกมา


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกตะลึง


ฟางหยวนอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมด


“อา…สัตว์อสูรแรกกำเนิดอดอาหารตายงั้นหรือ? เจ้า…แต่โชคดีที่เจ้ายังมีไข่ของมัน ดี นั่นเป็นข้อดีของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด”


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสงบจิตใจและมองฟางหยวนด้วยดวงตาส่องประกาย “ขายไข่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดให้ข้า เราสามารถดูแลมัน!”


ฟางหยวนหัวเราะ “ข้าสามารถขายไข่ใบนี้”


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีความสุขมาก


ฟางหยวนกล่าวต่อ แต่ข้าเกรงว่าท่านจะไม่มีคริสตัลสวรรค์ กระทั่งสวรรค์สีเหลืองก็ยังมีคริสตัลสวรรค์ขายน้อยมาก”


“โดยปกติคริสตัลสวรรค์จะถือกำเนิดขึ้นในถ้ำสวรรค์หรือสวรรค์ทั้งเก้าเท่านั้น นี่เป็นทรัพยากรอมตะระดับแปดที่ล้ำค่าและหายาก ตอนนี้มีเพียงสวรรค์สีดำและสวรรค์สีขาวที่เหลืออยู่ขณะที่ผู้อมตะระดับแปดมีน้อยมาก ยิ่งไปกว่านั้นท่ามกลางผู้อมตะระดับแปดเหล่านี้ บางคนยังไม่สามารถผลิตคริสตัลสวรรค์”


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก่นเสียงเย้ยหยัน “เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเคยเป็นถ้ำสวรรค์มาก่อน ครั้งหนึ่งมันเคยผลิตคริสตัลสวรรค์ นอกจากนี้ร่างหลักของข้ายังกักตุนคริสตัลสวรรค์เอาไว้เป็นจำนวนมาก”


“โอ้ หากเป็นเช่นนั้นข้าก็สบายใจ ข้าจะขายให้ท่าน” ฟางหยวนพยักหน้า


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหัวเราะอย่างเต็มที่ “ฟางหยวน เนื่องจากเจ้าเป็นหนึ่งในพวกเรา ข้าย่อมไม่ปล่อยให้เจ้าพบกับความสูญเสีย มรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งโชค มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ หรือมรดกที่แท้จริงของบรรพชนผมยาว เจ้าสามารถเลือกหนึ่งในนั้น”


ฟางหยวนกล่าวเสียงต่ำ “ข้าไม่ค่อยสนใจสิ่งเหล่านี้มากนัก ยิ่งไปกว่านั้นราคานี้ไม่ใช่ว่าค่อนข้างต่ำหากใช้มันแลกกับความแข็งแกร่งระดับแปดงั้นหรือ?”


รอยยิ้มของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากลายเป็นแข็งค้าง เขาครุ่นคิดและพยักหน้า “แลกกับหุบเขาเหล่าโปของข้าเป็นอย่างไร?”


ภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับความแข็งแกร่งระดับแปด จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ลังเลที่จะละทิ้งมัน


“ราคาต่ำเกินไป ไม่ขาย ไม่ขาย” ฟางหยวนปฏิเสธ


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเสนอต่อ “แลกกับวิญญาณบัวสวรรค์อมตะรวมกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะหม้อหลอมรวมที่ไม่สมบูรณ์!”


หัวใจของฟางหยวนแทบกระโดดออกมาจากหน้าอกแต่เขาไม่ตกใจ “มันยังไม่เพียงพอ ไม่ขาย”


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาโกรธมาก “เช่นนั้นบอกราคามา! เจ้าต้องการสิ่งใด?”


ฟางหยวนเผยรอยยิ้มและเน้นย้ำ “นี่คือความแข็งแกร่งระดับแปด!”


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ใช่คนโง่ เขาเร่งโต้ตอบ “มันมีพลังการต่อสู้ระดับแปดจริงๆ แต่มันต้องการอาหาร เจ้ามีคริสตัลสวรรค์งั้นหรือ? นอกจากนี้แม้เจ้าจะเลี้ยงอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเอาไว้ มันจะเชื่อฟังเจ้าหรือไม่? กล่าวตามตรงครั้งนี้เจ้าโชคดีมากที่มันอดอาหารตาย มิฉะนั้นอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะบดขยี้เจ้าที่พยายามกดขี่มัน!”


ฟางหยวนยิ้ม “หากเป็นเช่นนั้นข้ายินดีใช้แต้มผลงานของนิกายเพื่อแลกกับคริสตัลสวรรค์ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายหลางหยาและยังเป็นหนึ่งในสมาชิกพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ ในอนาคตหากนิกายต้องการข้า ข้าต้องมาอย่างแน่นอน”


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาครุ่นคิดก่นอที่เขาจะชี้นิ้วไปที่ฟางหยวน “เด็กเลว! เจ้าไม่มีความตั้งใจที่จะขายมันตั้งแต่แรก เจ้าเพียงปั่นหัวข้าเท่านั้น!”


ฟางหยวนแสดงออกอย่างจริงจัง “ข้าจะละทิ้งความแข็งแกร่งระดับแปดง่ายๆได้อย่างไร? ปั่นหัวผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งงั้นหรือ? ข้าจะมีความคิดเช่นนั้นได้อย่างไร? มันเป็นเพียงเพราะราคาที่ต่ำเกินไปเท่านั้น”


ขณะที่ฟางหยวนกล่าว เขาก็นึกถึงความตั้งใจอื่นของไห่ฟาน


แม้มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานจะถูกครอบครองโดยหนึ่งในผู้อมตะในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน แต่ไห่ฟานยังทิ้งอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก


แม้สมาชิกเผ่าไห่จะไม่ได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็จะได้รับสัตว์อสูรแรกกำเนิด แน่นอนว่ามันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเผ่าไห่


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถอนหายใจ เขารู้ว่าฟางหยวนไม่ผิด ดังนั้นเขาจึงหยุดการเจรจาซื้อขาย


ด้านหนึ่งอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกลายเป็นไข่ไปแล้ว นี่ทำให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกผิดหวัง อีกด้านหนึ่งเขารู้จักธรรมชาติของฟางหยวนเป็นอย่างดี


“ชายที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและกล้าหนาญเช่นเจ้าย่อมไม่ละทิ้งความแข็งแกร่งระดับแปดโดยง่าย แต่หากเจ้าต้องการใช้แต้มผลงานแลกเปลี่ยนกับคริสตัลสวรรค์ มันจะไม่ง่าย! คริสตัลสวรรค์เป็นทรัพยากรอมตะระดับแปด แม้แต้มผลงานของเจ้าจะมีมากมาย แต่เจ้ายังไม่สามารถแลกเปลี่ยนมัน” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวอย่างจริงจัง


คริสตัลสวรรค์ที่อยู่ในมือของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสามารถล่อลวงให้ฟางหยวนทำงานเพื่อนิกาย


ตอนนี้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับว่าฟางหยวนแข็งแกร่งและมีไหวพริบ เขามีประโยชน์มากกว่าผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆ


“เช่นนั้นข้าจะแลกเปลี่ยนเพียงบางส่วน เราค่อยๆพูดคุยเกี่ยวกับมัน” ฟางหยวนแสดงออกด้วยความขมขื่น


ฟางหยวนมีแต้มผลงานค่อนข้างมาก ปัจจุบันมันมีมากกว่าสองพันแต้ม


อย่างไรก็ตามมันยังไม่เพียงพอที่จะแลกเปลี่ยนกับคริสตัลสวรรค์


เป็นเพียงเวลานี้ที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาแนะนำภารกิจอื่นให้กับฟางหยวน “ไม่ใช่ว่าเจ้าคุ้นเคยกับจักรพรรดิอมตะชูตู๋งั้นหรือ? ดึงเขาเข้าสู่นิกายหลางหยาและทำให้เขากบฎต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์! หากภารกิจสำเร็จ เจ้าจะได้รับแต้มผลงานหนึ่งพันแต้ม!”


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1148 เวลาพักสั้นๆ


แปลโดย iPAT 


ฟางหยวนส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่สวรรค์สีเหลือง


“โอ้?” เขาหยุดเคลื่อนไหวเมื่อเห็นกองสินค้าที่อยู่ด้านหน้า


“นี่คือดินไหลงั้นหรือ?” ฟางหยวนถาม


เจตจำนงของผู้อมตะหานอวี๋ตื่นขึ้น เมื่อเห็นลูกค้า เขาเร่งกล่าว “พวกมันคือดินไหล!”


หลังจากพูดคุยเรื่องราคา เขาถามต่อ “ท่านต้องการเท่าใด?”


ดินไหลเป็นทรัพยากรระดับห้า มันเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์มาก


ฟางหยวนพยักหน้าอยู่ในใจและกล่าว “ข้าต้องการทั้งหมด”


ผู้อมตะหานอวี๋กล่าวเสียงสั่น “ทั้งหมด? ข้ามีมันอยู่ในคลังจำนวนมาก!”


ฟางหยวนยืนยัน “ถูกต้อง ทั้งหมด หินวิญญาณอมตะสองร้อยก้อน ราคานี้ใช่หรือไม่?”


หานอวี๋เร่งพยักหน้า “ใช่ ใช่”


สวรรค์สีเหลืองมีสินค้าทุกประเภทและมีวิญญาณแสงสมบัติช่วยตรวจสอบคุณภาพ


ฟางหยวนสามารถประเมินราคาได้โดยพิจารณาแสงสมบัติที่เกิดขึ้น


“มาแลกเปลี่ยนกันเถอะ” ฟางหยวนกล่าว


“ได้เลยๆ” หานอวี๋เร่งตอบสนอง


สถานการณ์ไม่เป็นไปตามความคาดหมายของเขา


เขาเป็นผู้อมตะระดับหกที่ผ่านภัยพิบัติพิภพมาเพียงครั้งเดียว เขาพยายามอย่างหนักเพื่อพัฒนามิติช่องว่างของตน ในอดีตเขาต้องลดราคาลงอย่างมากเพื่อขายมันออกไป แต่ผู้ใดจะคิดว่ามันจะขายหมดอย่างรวดเร็วเช่นนี้


นี่เป็นข่าวดีสำหรับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย


หานอวี๋ถือหินวิญญาณอมตะสองร้อยก้อนเอาไว้ในมือขณะที่ร่างเจตจำนงของเขาสั่นไหวด้วยความตื่นเต้น


‘ในชีวิตแรก ข้าก็เป็นเช่นนี้’ ฟางหยวนถอนหายใจ


หานอวี๋เป็นบรรทัดฐานของผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่ ฟางหยวนในชีวิตแรกยังยากลำบากกว่านี้เพราะเขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเลือด


แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป


เพียงธุรกรรมวิญญาณความเด็ดเดี่ยวก็ทำให้เขาได้รับกำไรมหาศาล


หลังจากขายทรัพยากรของถ้ำสวรรค์ไห่ฟานออกไป ความมั่งคั่งของฟางหยวนถึงบรรลุถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน มันไม่ใช่เพียงสองร้อยหินวิญญาณอมตะแต่เขาสามารถนำสองพันหินวิญญาณอมตะออกมาได้โดยไม่กระพริบตา


โดยรวมแล้วสถานการณ์ทางการเงินของฟางหยวนค่อนข้างดี


หลังจากซื้อดินไหลฟางหยวนยังเดินไปรอบๆและซื้อดินอีกหลายประเภท


เมื่อบรรลุเป้าหมาย ฟางหยวนจึงถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกจากสวรรค์สีเหลือง


เขาเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิและควบคุมผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเพื่อจัดการพื้นที่ต่างๆของภาคใต้น้อย


ทิวทัศน์ของภาคใต้น้อยเปลี่ยนไปอย่างมาก


มันเต็มไปด้วยป่าไม้และพืชพันธุ์นานาชนิด


นอกจากพืชพันธุ์ทั่วไปยังมีทรัพยากรคุณภาพสูงปะปนอยู่มากมาย


ต้นไม้ดนตรีมีอยู่มากที่สุด


เดิมทีภาคใต้น้อยว่างเปล่าแต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยชีวิตชีวา


นอกจากนกยังมีกวาง กระรอก วานร อสรพิษ พยัคฆ์ และสัตว์อื่นๆ พวกมันทำให้เกิดระบบนิเวศที่เหมาะสม


มีภูเขานับร้อยลูกที่ถูกเคลื่อนย้ายมากจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน


หากเป็นผู้อมตะทั่วไป พวกเขาย่อมไม่สามารถเคลื่อนภูเขา แต่วิญญาณอมตะยกภูเขาทำให้ฟางหยวนได้รับสิ่งนี้


ท่ามกลางภูเขาเหล่านั้น ภูเขาที่สูงที่สุดคือภูเขามรดกอมตะ


ศาลาหินยังอยู่บนภูเขา ฟางหยวนไม่ได้ลบมันออกไป แต่มรดกที่อยู่ภายในถูกยึดครองไปแล้ว


หลังจากไม่นานฟางหยวนก็ควบคุมผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งทั้งหมดและบังคับให้พวกมันจัดการทรัพยากรในตำแหน่งที่แตกต่างกัน


ฟางหยวนสังเกตอยู่ชั่วครู่และรู้สึกพึงพอใจ


“ด้วยดินเหล่านี้พืชเหล่านั้นจะเติบโตขึ้นได้ดี”


มิติช่องว่างของฟางหยวนมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีอยู่ไม่มาก นั่นเป็นเหตุผลที่ภาคใต้น้อยไม่เคยมีภูเขามาก่อน


ความอุดมสมบูรณ์ส่วนใหญ่ได้รับมาจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟานแทบทั้งสิ้น


ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานมีภูเขาและพืชพันธุ์รวมถึงสิ่งมีชีวิต มันเต็มไปด้วยชีวิตชีวา


แต่หลังจากย้านมาอยู่ในมิติช่องว่างของฟางหยวน พวกมันเริ่มขาดสารอาหารเนื่องจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีของฟางหยวนมีอยู่น้อยมาก


ฟางหยวนต้องซื้อดินที่อุดมสมบูรณ์เช่นดินไหลมาเพื่อแก้ปัญหานี้


“แต่นี่ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ”


“ดินเหล่านี้เป็นทรัพยากรระดับมนุษย์ หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง มันจะสูญสลายไป”


ดินเหล่านี้เป็นทรัพยากรระดับมนุษย์ที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีอยู่ภายใน แน่นอนว่าพวกมันไม่สามารถเปรียบเทียบกับทรัพยากรอมตะ หลังจากต้นไม้และพืชพันธุ์ดูดซับสารอาหารจากดินเหล่านี้ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีจะสูญสลายไป


“ด้วยการก้าวข้ามภัยพิบัติหรือดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีจากผู้อมตะคนอื่นๆ มันจะช่วยแก้ปัญหาของข้า” ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน


ฟางหยวนไม่สามารถก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพครั้งที่ห้าที่แดนน้ำแข็งและต้องเลือกสถานที่ใหม่ที่อุดมสมบูรณ์


เมื่อฟางหยวนก้าวข้ามภัยพิบัติครั้งต่อไป ปัญหาของเขาจะบรรเทาลง


สำหรับการสังหารผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีและดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากพวกเขา นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย


ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีระดับต่ำมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าไม่มากขณะที่ผู้อมตะระดับสูงแข็งแกร่งเกินไป ฟางหยวนไม่ต้องการเสี่ยงชีวิตเพื่อจัดการพวกเขา


จนถึงตอนนี้ฟางหยวนก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพมาแล้วสี่ครั้ง


เนื่องจากเจตจำนงสวรรค์ต้องการกำจัดเขา ภัยพิบัติเหล่านั้นจึงรุนแรงกว่าภัยพิบัติทั่วไปมาก แต่นี่ก็ทำให้ฟางหยวนได้รับผลประโยชน์มหาศาล


นอกจากนั้นมิติช่องว่างจักรพรรดิยังยกระดับขึ้นอย่างมากเพราะทรัพยากรจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน


แต่มิติช่องว่างจักรพรรดิมีขนาดใหญ่เกินไป มันจึงมีเพียงภาคใต้น้อยเท่านั้นที่มีชีวิตชีวา สำหรับภูมิภาคอื่นๆ พวกมันมีทรัพยากรอยู่บ้างแต่ยังไม่อุดมสมบูรณ์เหมือนภาคใต้น้อย


โดยรวมแล้วทรัพยากรที่ฟางหยวนสะสมไว้สามารถเปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุดเช่นชูตู๋ สำหรับฟงจิวเก้อ เนื่องจากเขาได้รับการดูแลอย่างดีจากกองกำลังใหญ่ ฟางหยวนจึงไม่สามารถเปรียบเทียบกับคนผู้นี้


หลังจากจัดการกับทรัพยากรดินทั้งหมด ฟางหยวนเริ่มค้นวิญญาณผู้อมตะที่ถูกจองจำไว้


ในมิติช่องว่างจักรพรรดิมีเชลยศึกอมตะอยู่มากมาก


ครั้งนี้เขาให้ความสนใจกับเชลยอมตะจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน


จากการค้นวิญญาณครั้งก่อน ฟางหยวนได้รับท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งโชคจากเฟิงจุนและท่าไม้ตายอมตะซ่อนตัวของเฉินเล่อ


“เจ้าไม่ใช่ไห่เจิ้ง! เจ้าคือผู้ใด?”


“คนชั่วไร้ยางอาย หากมีความกล้าก็ฆ่าข้าซะ!”


“ช่วยข้า โปรดช่วยข้า ตราบเท่าที่ท่านคืนชีพให้ข้า ข้าจะเป็นคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่สุดของท่าน!”


ท่ามกลางดวงวิญญาณทั้งหมด บางคนถาม บางคนสาปแช่ง บางคนต้องการตาย และบางคนต้องการมีชีวิตอีกครั้ง


ฟางหยวนไม่ได้อยู่ในรูปลักษณ์ของไห่เจิ้งอีกต่อไป หลังจากทั้งหมดท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยก็ต้องใช้พลังงานอมตะขณะที่วิญญาณทัศนคติยังต้องพึ่งพาพลังจิต


ฟางหยวนไม่สนใจเสียงกรีดร้องของดวงวิญญาณเหล่านี้


ทุกวันเขาจะค้นวิญญาณเชลยศึกชั่วระยะเวลาหนึ่ง


“ข้าจะดึงความทรงจำทั้งหมดของพวกเขาออกมาภายในสามวัน”


หลังจากค้นวิญญาณ ฟางหยวนดึงสติกลับมา


เขาออกจากเมืองเมฆาและไปยังหุบเขาเหล่าโป


ฟางหยวนขัดเกลาจิตวิญญาณอย่างยากลำบากอยู่ที่นั่น ด้วยการพึ่งพาภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโป จิตวิญญาณของเขาพัฒนาไปได้ไกลมาก


อย่างไรก็ตามเขายังไม่มั่นใจที่จะนำดวงวิญญาณกลับเข้าร่างเดิมของเขา


“นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุด”


“แม้รากฐานด้านจิตวิญญาณของข้าจะพัฒนาขึ้น แต่มันยังยากที่จะหลบเลี่ยงกับดักที่นิกายเงาวางไว้”


“ผู้ใดจะรู้ว่าอิงอู๋เซี่ยจะวางกับดักชนิดใดไว้บ้าง บางทียิ่งจิตวิญญาณของข้าแข็งแกร่งมากเท่าใด กับดักของนิกายเงาก็ยิ่งร้ายแรงมากเท่านั้น”


“อิงอู๋เซี่ยรู้ว่าข้ามีภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโป เมื่อเขาวางกับดัก ไม่มีทางที่เขาจะไม่พิจารณารายละเอียดเหล่านี้”


การบ่มเพาะประจำวันของฟางหยวนสิ้นสุดลงแต่การแสดงออกของเขายังเคร่งขรึม


ตราบเท่าที่เขาสามารถใช้วิญญาณสติปัญญา ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นราวกับจุดระเบิด


ปัญหามากมายที่เขาเผชิญอยู่จะถูกแก้ไขอย่างง่ายดาย


“ข้ามีวิญญาณสติปัญญาและร่างเดิม ตอนนี้เหลือเพียงกุญแจดอกสุท้ายเท่านั้น” ฟางหยวนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้


ฟางหยวนอาศัยอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอย่างมีความสุขเป็นเวลาเจ็ดวัน


เขาใช้ช่วงเวลานี้ในการบ่มเพาะโดยไม่หยุดพักแม้แต่วินาทีเดียว


รากฐานด้านจิตวิญญาณของเขาเติบโตขึ้นอีกครั้ง เขาสามารถค้นวิญญาณของเชลยศึกอมตะทั้งเก้าได้อย่างสมบูรณ์ ฟางหยวนยังใช้แต้มผลงานของนิกายหลางหยาแลกเปลี่ยนคริสตัลสวรรค์บางส่วน เขายังกระจายภารกิจหลอมรวมวิญญาณออกไป


ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณวัน วิญญาณเดือน วิญญาณปี เขาต้องการพวกมันเป็นจำนวนมาก


เขาใช้แต้มผลงานเพื่อขอให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนช่วยหลอมรวมวิญญาณเหล่านี้ให้กับเขา นี่ทำให้เขาสามารถประหยัดเวลาและพลังงานไปได้มาก


เจ็ดวันต่อมาเขาออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและมุ่งหน้าสู่ทะเลตะวันออก!


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1149 ค้นหามรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูล


แปลโดย iPAT 


ลมทะเลพัดไอน้ำขึ้นสู่อากาศ


ฟางหยวนนั่งอยู่บนก้อนเมฆและเคลื่อนที่ไปข้างหน้าพร้อมกับตรวจสอบวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ


วิญญาณระดับมนุษย์ดวงนี้มาจากปิงเจา


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะที่ใช้หอกน้ำแข็งในการต่อสู้ระยะประชิดปิงเจาส่งจดหมายมาบอกฟางหยวนเกี่ยวกับความหมายของไข่มุกน้ำแข็งว่ามันไม่ใช่เพียงวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณแต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก


ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชาและบดขยี้วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ


เมฆสีขาวพาเขาเดินทางข้ามผ่านท้องฟ้า สายลมพัดเส้นผมของเขาปลิวไปด้านหลังและเผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลา


ฟางหยวนจะไม่รู้ความหมายของไข่มุกน้ำแข็งได้อย่างไร


อย่าลืมว่าเขามีชีวิตมาแล้วห้าร้อยปี แม้ระดับการบ่มเพาะของเขาจะไม่สูงนัก แต่ความรู้รอบตัวของเขาถือว่าไม่น้อย


ไม่เพียงไข่มุกน้ำแข็ง ฟางหยวนยังมีความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับวัฒนธรรมการดื่มสุราของมนุษย์กลายพัฯธุ์


ระหว่างงานเลี้ยงครั้งก่อน ผมที่หกกล่าวหาว่าฟางหยวนไม่รู้จักวัฒนธรรมการดื่มของมนุษย์กลายพันธุ์ แต่ในความเป็นจริงฟางหยวนแสร้งไม่รู้เพื่อตรวจสอบทัศนคติของผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะเท่านั้น


บางครั้งการทำตัวไร้เดียงสาก็ทำให้พวกเขาเข้าใจหลายสิ่ง


เกี่ยวกับความหมายของไข่มุกน้ำแข็ง ฟางหยวนรู้ดี


การยอมรับไข่มุกน้ำแข็งคือการยอมรับความรักจากเสวี่ยเอ๋อ แต่หากเขาไม่ยอมรับมัน นั่นจะกลายเป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมนุษย์กลายพันธุ์กลุ่มนั้น


แต่งงานกับเสวี่ยเอ๋อ?


เรื่องนี้มีข้อเสียมากกว่าข้อดี


เผ่ามนุษย์หิมะยอมจำนนต่อฟางหยวนเพราะการคงอยู่ของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด


แต่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกลายเป็นไข่ไปแล้ว


แม้ฟางหยวนจะได้รับคริสตัลสวรรค์บางส่วนมาจากการแลกเปลี่ยนแต้มผลงานของนิกายหลางหยา แต่มันยังไม่เพียงพอ เขายังไม่สามารถฟักไข่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด


‘การแต่งงานกับเสวี่ยเอ๋อจะผูกมัดข้ากับเผ่ามนุษย์หิมะด้วยข้อตกลงบางอย่าง ตอนนี้ข้ามีข้อตกลงกับนิกายหลางหยา ข้อตกลงกับชูตู๋ และข้อตกลงพันธมิตรสี่ฝ่าย อิสรภาพของข้าถูกจำกัดเป็นอย่างมาก หากข้าเพิ่มข้อตกลงเกี่ยวกับการแต่งงานเข้าไป มันจะเป็นเพียงการเพิ่มปัญหาให้กับตนเองเท่านั้น’


แม้ฟางหยวนจะได้รับประโยชน์จากข้อตกลงพันธมิตร แต่เขาก็ต้องรับภารกิจเพื่อตอบแทนฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน


ตัวอย่างเช่นหากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกโจมตี ฟางหยวนต้องเป็นกำลังเสริมให้กับพวกเขา


ดังนั้นหากฟางหยวนแต่งงานกับมนุษย์หิมะ เผ่ามนุษย์หิมะจะทำทุกอย่างเพื่อลดคุณค่าของเขา!


เมื่อเวลานั้นมาถึงฟางหยวนจะไม่สามารถดูแลตัวเอง


‘มนุษย์หิมะและมนุษย์หินอาศัยอยู่ใต้แดนน้ำแข็ง มนุษย์หินมีมังกรหินแรกกำเนิดระดับแปด ดังนั้นมนุษย์หิมะจึงต้องการให้เสวี่ยเอ๋อแต่งงานกับข้าที่มีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดระดับแปดเพื่อคานอำนาจกับเผ่ามนุษย์หิน’


เผ่ามนุษย์หินและเผ่ามนุษย์หิมะอาศัยอยู่รวมกันในพื้นที่เล็กๆ แล้วพวกเขาจะไม่มีความขัดแย้งได้อย่างไร? หลังจากทั้งหมดพวกเขาเป็นสองเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกัน


เนื่องจากสถานการณ์บังคับ พวกเขาจึงต้องอดทนและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสันติ


เผ่ามนุษย์หินมีมังกรหินแรกกำเนิด ทุกครั้งที่เกิดความขัดแย้ง เผ่ามนุษย์หิมะจะเป็นฝ่ายสูญเสีย แต่พวกเขาก็ต้องอดทนและยอมรับมัน


เผ่ามนุษย์หินมีสถานะสูงกว่า


สิ่งนี้เห็นได้ชัดจากรายละเอียดเล็กๆน้อยๆระหว่างการสร้างสัญญาพันธมิตร


ตัวอย่างเช่นผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินซื่อจงสามารถเป็นตัวแทนของผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะ


‘หากข้าแต่งงานกับเสวี่ยเอ๋อ นั่นหมายความว่าข้ากำลังเข้าข้างเผ่ามนุษย์หิมะและไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเข้าสู่ความขัดแย้งระหว่างสองเผ่าพันธุ์’


เมื่อเกิดความขัดแย้งภายใน เสวี่ยเอ๋อจะขอให้ฟางหยวนช่วยไกล่เกลี่ยขณะที่ฟางหยวนในฐานะพันธมิตรจะไม่สามารถปฏิเสธ


แต่เผ่ามนุษย์หินมีประโยชน์กับฟางหยวนมากกว่า


ท้ายที่สุดพวกเขาก็เป็นลูกค้ารายใหญ่ในธุรกรรมวิญญาณความเด็ดเดี่ยว


ฟางหยวนจะทำลายความสัมพันธ์ของเขากับเผ่ามนุษย์หินเพียงเพราะหญิงผู้หนึ่งได้อย่างไร? นี่ไม่ใช่การลดกำไรของเขาลงงั้นหรือ?


หลายวันที่ผ่านมาฟางหยวนไม่เพียงได้รับจดหมายจากปิงเจา เขายังได้รับจดหมายจากผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึก ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะ และผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินคนอื่นๆ


รวมทั้งเสวี่ยเอ๋อ


เจตนาของพวกเขาคือการผูกมัดฟางหยวน


หลังจากทั้งหมดพลังการต่อสู้ระดับแปดน่าดึงดูดใจมากเกินไป


เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ฟางหยวนเดินทางออกจากภาคเหนือและมายังทะเลตะวันออกก็เป็นเพราะเรื่องนี้ เขาต้องการหลีกเลี่ยงปัญหามากมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต


‘ข้าได้รับประโยชน์จากมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้แต่ความสัมพันธ์ของเราลึกซึ้งเกินไป เมื่อเกิดเหตุร้าย ข้าอาจตายไปพร้อมกับพวกเขา ข้าต้องกำจัดข้อตกลงพันธมิตรเพื่อให้ข้าสามารถถอนตัวได้อย่างอิสระ’ ฟางหยวนตระหนักถึงสถานการณ์ของตนเองเป็นอย่างดี


ยิ่งไปกว่านั้นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะรับชูตู๋เข้าร่วมนิกายหลางหยา นี่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกถึงภัยคุกคาม


หากชูตู๋เข้าร่วมนิกายหลางหยาจริง มันจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อสถานะของฟางหยวนในนิกายหลางหยา


เหตุผลที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาต้องการชูตู๋อาจเป็นเพราะเขาพิจารณาถึงจุดนี้เช่นกัน


แม้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะมอบภารกิจนี้ให้กับฟางหยวน แต่ฟางหยวนย่อมไม่โง่พอที่จะชักชวนชูตู๋ให้เข้าร่วมกับนิกายหลางหยา


‘มรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลของทะเลตะวันออก…’ ฟางหยวนคิดถึงสิ่งนี้


นี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เขาเดินทางมาที่นี่


หากฟางหยวนได้รับมรดกนี้ เขาจะสามารถกำจัดข้อตกลงพันธมิตรและนั่นจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด


อย่างไรก็ตามการรับสืบทอดมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลยังเป็นเป้าหมายรอง ฟางหยวนมีเป้าหมายหลักอีกหนึ่งประการ


หลายวันต่อมา


ทะเลไหลเชี่ยว


‘ข้ายอมแพ้ ไว้ชีวิตข้าด้วย!” หลิวชิงหยูคุกเข่าลงด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส


เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและยังมีสหายเป็นผู้อมตะระดับหกอีกสามคน


แต่ผู้ใดจะคิดว่าพวกเขาจะถูกซุ่มโจมตีบริเวณทะเลไหลเชี่ยวแห่งนี้ ตอนนี้ผู้อมตะระดับหกทั้งสามเสียชีวิตไปแล้ว


ศัตรูของเขาเป็นผู้อมตะลึกลับสี่คน


หลิวชิงหยูมีความรู้กว้างขวางแต่เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับการคงอยู่ของผู้อมตะลึกลับทั้งสี่ในทะเลตะวันออก


ทั้งสี่ล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว


คนที่มีระดับการบ่มเพาะสูงสุดปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะระดับเจ็ดออกมา นอกจากนั้นเขายังเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิน


อีกสามคนเป็นผู้อมตะระดับหก หนึ่งเป็นผู้อมตะหญิงที่งดงาม อีกหนึ่งเป็นชายชราที่ดูเป็นมิตร และคนสุดท้ายเป็นผีดิบอมตะที่ดูธรรมดามาก


แต่ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด พวกเขาก็เป็นผู้อมตะที่แข็งแกร่งทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้หลิวชิงหยูประหลาดใจก็คือผู้นำของพวกเขาไม่ใช่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิน ผู้อมตะหญิง หรือผู้อมตะชรา แต่เป็นผีดิบอมตะระดับหกที่ดูธรรมดาผู้นั้น!


“ยอมแพ้งั้นหรือ? ฮ่าฮ่า เจ้ารู้จักว่าสิ่งใดดีต่อตนเองจริงๆ” ผีดิบอมตะระดับหกลูบคางและหัวเราะเบาๆ


หากฟางหยวนอยู่ที่นี่ เขาจะรู้ว่าคนผู้นี้คือผู้ใด


ถูกต้อง เขาก็คืออิงอู๋เซี่ย!


“ฮืม ขี้ขลาด ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า เราควรฆ่าเขาและให้ซื่อหนิวดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีจากเขา” ไห่ลั่วหลันกล่าวโดยมีเปลวเพลิงสีส้มลุกไหม้ขึ้นบนร่างกาย


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินซื่อหนิวมองอิงอู๋เซี่ยและกล่าวอย่างช้าๆ “ข้าจะทำตามคำสั่งของนายท่าน”


“ไม่ ไม่!” หลิวชิงหยูตะโกนด้วยความร้อนรน “แม้ข้าจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดแต่วิญญาณอมตะของข้าเป็นวิญญาณอมตะระดับหกเท่านั้น เทพธิดาผู้นี้มีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดและท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งไฟอีกมากมาย ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ข้าจะไม่สามารถเอาชนะ!”


อิงอู๋เซี่ยหัวเราะและโบกมือ “ตอนนี้นิกายเงากำลังขาดกำลังคน ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า อย่าต่อต้าน ข้าจะใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อทำสัญญาพันธมิตร!”


“ขอบพระคุณนายท่านที่ไว้ชีวิต ขอบพระคุณนายท่านที่ไว้ชีวิต!” หลิวชิงหยูกรีดร้องอย่างมีความสุข


สัญญาพันธมิตรของอิงอู๋เซี่ยเข้มงวดมากแต่หลิวชิงหยูไม่สนเพราะเขาต้องการมีชีวิตอยู่ต่อเท่านั้น


‘มันเป็นทักษะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ…’ ไห่ลั่วหลันสังเกตจากด้านข้าง อิงอู๋เซี่ยใช้วิธีการบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณเพื่อเลียนแบบวิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูล


“จากนี้ไปเจ้าจะเป็นสมาชิกของนิกายเงา ลุกขึ้น” หลังจากทำข้อตกลง อิงอู๋เซี่ยจึงเผยรอยยิ้มพึงพอใจ


“นายท่าน ข้าขอมอบวิญญาณอมตะของข้าให้ท่าน” หลิวชิงหยูนำวิญญาณอมตะสองดวงออกมาและชูขึ้นเหนือศีรษะ


อิงอู๋เซี่ยหัวเราะ “ข้าไม่สนวิญญาณอมตะของเจ้า เจ้าสามารถเก็บพวกมันเอาไว้ ในอนาคตหากเจ้าทำงานได้ดี ข้าจะมอบวิญญาณอมตะระดับเจ็ดให้เจ้าหรือกระทั่งมรดกที่แท้จริงก็ไม่ใช่ปัญหา”


“ขอบพระคุณนายท่าน ขอบพระคุณสำหรับความเมตตา!” หลิวชิงหยูหลั่งน้ำตาด้วยความสุข


“ที่นี่มีเกาะอยู่มากมาย เหตุใดเจ้าถึงมาที่เกาะแห่งนี้?” อิงอู๋เซี่ยถามด้วยความสงสัย


หลิวชิงหยูเผยรอยยิ้มขมขื่น “นายท่าน ทั้งหมดเป็นความเข้าใจผิดของข้า ข้าเพียงพยายามหาที่พัก เห้อ…ข้าต้องอธิบายตั้งแต่ต้น ในทะเลไหลเชี่ยวข้าพบเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งข้อมูล…”


ปรากฏว่าในเวลานั้นหลิวชิงหยูไล่ตามปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดเพราะต้องการเบาะแสเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งข้อมูล สุดท้ายเขาสังหารปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดแต่กลับไม่ได้รับผลประโยชน์ นอกจากนั้นยังถูกผู้อมตะระดับเจ็ดอีกสองคนสงสัย


เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาคิดว่าฟางหยวนเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุดและยังคิดว่าเบาะแสอยู่ในมือของฟางหยวน


หลิวชิงหยูไม่สามารถละทิ้งเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงนำกลุ่มผู้อมตะจำนวนหนึ่งออกเดินทางสืบหาเบาะแสหรือรอให้ฟางหยวนปรากฏตัวอีกครั้ง


หลังจากได้ยินเรื่องราวของหลิวชิงหยู ไห่ลั่วหลัน อิงอู๋เซี่ย และคนอื่นๆจึงเผยรอยยิ้ม


หลิวชิงหยูผู้นี้โชคร้ายเกินไป


เขาต้องการหาที่พักแต่สุดท้ายเขากลับมายังฐานทัพของนิกายเงา


การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “เดี๋ยว! ผู้อมตะที่เจ้าสงสัยก่อนหน้านี้มีรูปร่างหน้าตาอย่างไร?”


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1150 ทะเลไหลเชี่ยว (1)


แปลโดย iPAT 


หลิวชิงหยูอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง


การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยเปลี่ยนแปลงไป


ฟางหยวนเคยใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยเมื่อเดินทางจากภาคใต้ไปยังภาคเหนือ เขาปกปิดรูปลักษณ์ที่แท้จริงเอาไว้ แต่ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยไม่สามารถปกปิดพลังอำนาจของวิญญาณอมตะหรือท่าไม้ตายอมตะอื่นๆ


ในช่วงเวลาที่ฟางหยวนเดินทางผ่านทะเลตะวันออก เขาได้ต่อสู้กับหลิวชิงหยู ถังซ่ง และเจาลี่ เขาเปิดเผยวิธีการบางอย่างโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยง


แม้อิงอู๋เซี่ยจะไม่เคยเห็นรูปลักษณ์ของฟางหยวน แต่จากคำอธิบายของหลิวชิงหยู อิงอู๋เซี่ยรู้สึกคุ้นเคยมาก


ตามสัญชาตญาณ เขาตรวจสอบและได้รับรายละเอียดจากหลิวชิงอวี๋มากขึ้น


‘วิญญาณอมตะดาบบิน วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ…’ อิงอู๋เซี่ยคิดกับตนเอง


‘ช่วงเวลาถูกต้อง’ อิงอู๋เซี่ยรู้สึกว่าคู่ต่อสู้ของหลิวชิงหยูมีแนวโน้มที่จะเป็นฟางหยวน


‘บังเอิญจริงๆ ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะได้รับข้อมูลของฟางหยวนเช่นนี้ ฮ่าฮ่า เจตจำนงสวรรค์!’ อิงอู๋เซี่ยเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า


ท้องฟ้าในทะเลไหลเชี่ยวปกคลุมไปด้วยกลุ่มเมฆหมอกตลอดเวลา


แต่อิงอู๋เซี่ยรู้สึกว่านอกจากกลุ่มเมฆหมอกเหล่านี้ เจตจำนงสวรรค์กำลังจับตามองเขาอยู่อย่างใกล้ชิด


สำหรับเจตจำนงสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นฟางหยวนหรือเทพปีศาจจิตวิญญาณ พวกเขาล้วนเป็นเป้าหมายที่ต้องกำจัด


แน่นอนว่าในอดีตเทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นเป้าหมายหลัก อย่างไรก็ตามตอนนี้ฟางหยวนกลับดึงดูดความสนใจของเจตจำนงสวรรค์มากที่สุด


เจตจำนงสวรรค์กำลังล่อลวงให้ฟางหยวนกับอิงอู๋เซี่ยเผชิญหน้าและต่อสู้กัน นี่คือกลยุทธ์ยิงนกครั้งเดียวนกตายสองครั้ง


อิงอู๋เซี่ยประเมินสิ่งนี้และลอบส่งข้อมูลให้ไห่ลั่วหลันอย่างลับๆ


ไห่ลั่วหลันรู้สึกงุนงงเล็กน้อย


ก่อนหน้านี้นางไม่พบสิ่งผิดปกติเพนาะนางไม่คุ้นเคยกับวิญญาณอมตะดาบบินและวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ


เมื่อสามารถตอบสนอง นางรู้สึกตกใจเล็กน้อย


‘อิงอู๋เซี่ยค้นพบสิ่งสำคัญมาก นอกจากนั้นเขายังปรึกษาข้า?’


แต่หลังจากชั่วครู่ ไห่ลั่วหลันก็ตระหนักว่าหากนางเป็นอิงอู๋เซี่ย นางก็จะทำเช่นเดียวกันเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์


จนถึงเวลานี้ไท่เป่ยหยุนเฉิงยังถูกยังไว้ในความมืด ซื่อหนิวมีความภักดีแต่เขาเป็นมนุษย์หินที่มีสติปัญญาไม่สูงนัก


ไห่ลั่วหลันเป็นพันธมิตรกับนิกายเงา นางไม่มีทางเลือกนอกจากร่วมมือกับอิงอู๋เซี่ย


‘จัดการฟางหยวน…’ ไห่ลั่วหลันเกิดความรู้สึกที่ซับซ้อน


นางมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างซับซ้อนกับฟางหยวน


แรกเริ่มทั้งสองเป็นศัตรูกันก่อนจะกลายเป็นพันธมิตร แต่ตอนนี้โชคชะตากลับพลิกผันทำให้พวกเขากลับมาเป็นศัตรูกันอีกครั้ง


ไห่ลั่วหลันต้องยอมรับว่าตนเองได้รับความช่วยเหลือจากฟางหยวน เขามีอิทธิพลต่อนางเป็นอย่างมาก


แต่ในไม่ช้าไห่ลั่วหลันก็สงบจิตใจลงและถ่ายทอดเสียง “การวิเคราะห์ของเจ้าสมเหตุสมผล แต่เจ้าเดาได้เพียงตัวตนของฟางหยวน เจ้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาจะมาที่นี่เพียงเพราะเบาะแสของมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูล กระทั่งเขาจะมาจริงๆ แล้วมันเกี่ยวกับเราอย่างไร? เขาอาจมาไม่ถึงที่นี่และไม่พบพวกเรา”


อิงอู๋เซี่ยเผยรอยยิ้มเย็นชา “นั่นเป็นเพราะเจ้ายังไม่เข้าใจเจตจำนงสวรรค์ ก่อนหน้านี้เพื่อขัดขวางฟางหยวน เจตจำนงสวรรค์ได้วางแผนล่อฟางหยวนด้วยเบาะแสของมรดบนเส้นทางแห่งข้อมูล แต่ฟางหยวนเป็นคนเจ้าเล่ห์และระวังตัว เขาไม่ตกหลุมพรางง่ายๆและเดินทางไปยังภาคเหนือโดยไม่หยุดพัก นี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดและทำให้แผนการของเจตจำนงสวรรค์กลายเป็นไร้ประโยชน์”


อิงอู๋เซี่ยเข้าใจผิดเล็กน้อย


ความจริงก็คือฟางหยวนไม่ได้รับเบาะแสใดๆเกี่ยวกับมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลในเวลานั้นแต่เบาะแสกลับถูกสลักไว้ในวิญญาณอมตะดาบบิน


แน่นอนว่าแม้ฟางหยวนจะได้รับเบาะแสตั้งแต่ครั้งนั้น มันก็ไม่ทำให้เขากลับไปแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาช้าลง


“ตอนนี้ฟางหยวนได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน เขาแข็งแกร่งขึ้นมาก ก่อนหน้าเขาอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาตลอดเวลา เขาพึ่งสร้างข้อตกลงพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์รวมถึงชูตู่ ตอนนี้เขาย่อมต้องการมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลและเดินทางมาที่นี่” อิงอู๋เซี่ยกล่าวต่อ


ด้วยความก้าวข้ามความยากลำบากมากมาย ความคิดของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นแหลมคมมากขึ้น ตอนนี้เขาแสดงออกราวกับผู้เชี่ยวชาญ


ไห่ลั่วหลันค่อนข้างเข้าใจสถานการณ์ของฟางหยวน


นางยังรู้ว่าอิงอู๋เซี่ยบอกข้อมูลเหล่านี้เพราะต้องการกระตุ้นความเกลียดชังของนาง


ดวงตาของไห่ลั่วหลันส่องประกายขึ้น “เจ้าหมายความว่าหลิวชิงหยูคือการแจ้งเตือนจากเจตจำนงสวรรค์งั้นหรือ?”


“ถูกต้อง หลิวชิงหยูอาจเลือกสถานที่แห่งนี้ด้วยความบังเอิญ แต่แท้จริงแล้วเขาได้รับอิทธิพลจากเจตจำนงสวรรค์ให้เลือกเกาะของเรา เจตจำนงสวรรค์อาจคิดว่ากับดักที่เคยวางเอาไว้ไม่สามารถกำจัดฟางหยวนที่แข็งแกร่งขึ้นได้อีกต่อไป ดังนั้นมันจึงต้องการใช้ประโยชน์จากพวกเรา” อิงอู๋เซี่ยมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเผยรอยยิ้มเย็นชา


รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง


นิกายเงาต่อต้านเจตจำนงสวรรค์มานานหลายปี อิงอู๋เซี่ยย่อมตระหนักถึงเป้าหมายและแผนการของมันโดยธรรมชาติ


“หากเป็นเช่นนั้นเราสามารถใช้โอกาสนี้ซุ่มโจมตีฟางหยวน ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการร่างทารกอมตะงั้นหรือ?” ไห่ลั่วหลันตอบ


อิงอู๋เซี่ยมองไห่ลั่วหลัน พวกเขาลอบพูดคุยก่อนที่อิงอู๋เซี่ยจะนำกลุ่มสมาชิกนิกายเงาออกเดินทาง


“อา…” หลิวชิงหยูที่คุกเข่าอยู่บนพื้นรู้สึกมึนงง


“ไห่ลั่วหลัน” อิงอู๋เซี่ยลอบส่งข้อความ “หากเราสามารถจับตัวฟางหยวนได้ในครั้งนี้ ข้าจะคืนอิสรภาพแก่เจ้า”


ทั้งร่างกายและจิตใจของไห่ลั่วหลันสั่นสะท้านขึ้น


แต่ในไม่ช้านางก็สามารถตอบสนอง “มีเพียงเด็กน้อยเท่านั้นที่จะถูกเจ้าหลอก เจ้าจะยอมละทิ้งพลังการต่อสู้ของข้างั้นหรือ?”


“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ารู้จักข้าดีจริงๆ” อิงอู๋เซี่ยหัวเราะเสียงดัง


“เจ้าจะจัดการฟางหยวนอย่างไร? เขามีพลังการต่อสู้ระดับแปด” ไห่ลั่วหลันถาม


รอยยิ้มของอิงอู๋เซี่ยจางหายไป เขาถอนหายใจเมื่อได้ยินคำถามนี้


จากนั้นอิงอู๋เซี่ยจึงตอบกลับ “ข้าจะไม่จัดการเขา อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นเรื่องยากที่จะรับมือ”


“ไม่ เราทำได้ หากเราใช้แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ พวกเราอาจประสบความสำเร็จ” ไห่ลั่วหลันแนะนำ


“เจ้าต้องการให้เขาตายจริงๆงั้นหรือ? ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยร่วมมือกับเขาก้าวข้ามภัยพิบัติมามากมาย”


“ฮืม ทุกคนล้วนทำเพื่อตนเอง หากเขาตายหรือพ่ายแพ้ มันก็ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า” ไห่ลั่วหลันปลดปล่อยเจตนาสังหารออกมา


อิงอู๋เซี่ยปฏิเสธคำแนะนำที่น่าดึงดูดใจนี้ “แม้เราจะใช้สถานที่แห่งนั้น แต่เป้าหมายของข้าคือจับตัวฟางหยวนที่มีชีวิตอยู่ หากเราใช้สถานที่แห่งนั้น เราจะทำได้เพียงหยุดอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นการชั่วคราวเท่านั้น”


“นอกจากนี้แม้เราจะทำได้แต่ข้าจะไม่ทำ” อิงอู๋เซี่ยยิ้ม


ไห่ลั่วหลันถาม “เพราะเหตุใด?”


“เราต้องมองภาพใหญ่ ตราบเท่าที่พวกเราสามารถช่วยร่างหลักของข้า พวกเราจะมีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ ความทรงจำของข้ามีขีดจำกัด หากพวกเราต่อสู้กับฟางหยวนตอนนี้ พวกเราจะตกลงสู่กับดักของเจตจำนงสวรรค์ ตอนนี้พวกเราจะออกจากทะเลตะวันออก! อย่างไรก็ตาม…ก่อนจากไป ข้าจะทิ้งบางอย่างเอาไว้เป็นของขวัญให้แก่ฟางหยวน ฮ่าฮ่าฮ่า” อิงอู๋เซี่ยหัวเราะ


วันต่อมา


‘ในที่สุดข้าก็มาถึงทะเลไหลเชี่ยว’ ฟางหยวนยืนอยู่บนก้อนเมฆและถอนหายใจ


ตามข่าวลือ ในอดีตเคยเกิดการต่อสู้ที่รุนแรงระหว่างผู้อมตะที่นี่


ไม่มีผู้อมตะระดับแปดแต่มีผู้อมตะระดับเจ็ดและระดับหกมากมาย


การต่อสู้ที่รุนแรงทำให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์


ด้วยเหตุนี้ยังมีมรดกของผู้อมตะและทรัพย์สมบัติของพวกเขาที่ถูกทิ้งไว้หลังความตาย


ในประวัติศาสตร์มีผู้โชคดีได้รับมรดกของผู้อมตะบางคนในทะเลไหลเชี่ยว แม้จะมีผู้โชคดีไม่มาก แต่ข่าวลือก็ทำให้ผู้คนเดินทางมาที่นี่เพื่อแสวงหาโชคลาภ


ฟางหยวนกวาดตามองไปรอบๆ


ทะเลไหลเชี่ยวมีลักษณะเฉพาะตัว พื้นผิวของมันเงียบสงบแต่ด้านล่างเต็มไปด้วยคลื่นใต้น้ำ


กระแสน้ำเหล่านี้เชื่อมต่อกันและเคลื่อนไหวไปอย่างไร้รูปแบบ


ด้วยเหตุนี้ผู้อมตะจึงเรียกสถานที่แห่งนี้ว่าทะเลไหลเชี่ยว


ฟางหยวนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง


ท้องฟ้าของที่นี่ถูกปกคลุมได้ด้วยชั้นเมฆสีขาวที่หนาทึบ แสงแดดไม่สามารถทะลุผ่านชั้นเมฆเหล่านี้ลงมาแต่มันยังทำให้สถานที่แห่งนี้สว่างขึ้นเล็กน้อย


เมื่อผู้อมตะมาที่นี่ พวกเขามักจะสูญเสียการรับรู้ทิศทาง ชั้นเมฆเหล่านี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่ชัด


มันเป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดเมฆเหล่านี้


ในการทำเช่นนั้นคนผู้หนึ่งจำเป็นต้องต่อสู้กับสวรรค์พิภพ ผู้อมตะที่มีความสามารถเช่นนี้มีอยู่น้อยมากกระทั่งในกลุ่มผู้อมตะระดับแปด การจ่ายด้วยราคามหาศาลเพื่อทำลายเมฆเหล่านี้เป็นเรื่องที่ไม่คุ้มค่า


ฟางหยวนสูดหายใจก่อนที่กลิ่นอายของวิญญาณอมตะจะระเบิดออกมาจากร่างกายของเขา


ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบ สัมผัสแห่งโชค!


ฟางหยวนได้รับท่าไม้ตายนี้มาจากเฟิงจุน มันสามารถค้นหาผู้คนที่เชื่อมต่อกันด้วยโชคของพวกเขา ยิ่งเป้าหมายอยู่ใกล้ มันก็ยิ่งมีประสิทธิภาพ


“โอ้ พวกเขาอยู่แถวนี้! พวกเขาอยู่ในทะเลไหลเชี่ยวงั้นหรือ?”


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1151 ทะเลไหลเชี่ยว (2)


แปลโดย iPAT 


ห้าผู้อมตะเคลื่อนที่ไปตามผิวน้ำ


‘ฮ่าฮ่าฮ่า ตราบเท่าที่ฟางหยวนล้มเหลว เขาจะพบกับความทุกข์ทรมาน แม้พวกเราจะไม่สามารถจับตัวเขา แต่เราสามารถชะลอการเติบโตของเขา’ อิงอู๋เซี่ยรู้สึกมีความสุข


ความก้าวหน้าของฟางหยวนรวดเร็วจนน่ากลัว


ก่อนหน้านี้ฟางหยวนอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา อิงอู๋เซี่ยไม่สามารถทำสิ่งใด แต่ตอนนี้เมื่อฟางหยวนออกมา ทั้งเจตจำนงสวรรค์และอิงอู๋เซี่ยต่างต้องการมอบบทเรียนให้แก่เขา


แน่นอนว่าอิงอู๋เซี่ยไม่สามารถเปิดเผยตัวตน


อิงอู๋เซี่ยมีภารกิจสำคัญ นั่นคือการสร้างนิกายเงาขึ้นมาใหม่


‘นี่เป็นเรื่องดี พวกเราสามารถกำหราบฟางหยวนขณะเดียวกันพวกเราก็ไม่ตกหลุมพรางของเจตจำนงสวรรค์ หือ?’ ทันใดนั้นดวงตาของอิงอู๋เซี่ยพลันกระตุกขึ้นอย่างกะทันหัน


“ระวัง! สัตว์อสูรใต้ทะเลเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว มันแปลกมาก!” อิงอู๋เซี่ยขมวดคิ้ว


“มันเป็นเพียงสัตว์อสูรเดียวดาย” ผู้อมตะระดับเจ็ดซื่อหนิวกล่าว


“ตูม!”


น้ำทะเลระเบิดขึ้นสู่อากาศ ฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นโดยไม่คาดคิด


“ในที่สุดข้าก็พบเจ้า…อิงอู๋เซี่ย!” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มชั่วร้าย


ผู้อมตะทั้งห้าตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบฟางหยวน


“เจ้าคือ?” ร่างของอิงอู๋เซี่ยสั่นสะท้านขึ้น


เขาใช้วิญญาณอมตะตรวจสอบโชคและเห็นโชคของฟางหยวนเชื่อมต่อกับโชคของไห่ลั่วหลัน


อิงอู๋เซี่ยใช้วิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชคกับไห่ลั่วหลันขณะที่ไห่ลั่วหลันเชื่อมโยงโชคกับฟางหยวน


ดังนั้นเมื่อฟางหยวนปรากฏตัว เขาจึงไม่สามารถปกปิดโชคที่เชื่อมต่อกัน


นี่ทำให้อิงอู๋เซี่ยตระหนักว่าคนผู้นี้ก็คือฟางหยวน!


“เร็ว! ใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ!” เขาตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นตระหนก


สมาชิกอีกสามคนกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศทันที


ผู้อมตะสี่คนหายตัวไปอย่างสมบูรณ์


เหลือเพียงสองคนที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง


หลิวชิงหยู “…..”


ฟางหยวน “…..”


ทั้งสองมองหน้ากันภายใต้ความเงียบงัน


ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ!


มันสามารถนำกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยหลบหนีจากผู้อมตะวังสวรรค์ ประสิทธิภาพของมันย่อมไม่ธรรมดา


ฟางหยวนได้เห็นสิ่งนี้เป็นครั้งแรก


ดังนั้นเขาจึงรู้สึกพูดไม่ออก


แม้เขาจะสามารถคาดเดา แต่หลังจากได้เห็นกับตาของตนเอง เขายังรู้สึกตกใจเล็กน้อย


‘นี่เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมแต่ตราบเท่าที่ข้ารู้สึกถึงโชคของพวกเขา ข้าจะพบพวกเขาในที่สุด ตอนนี้ข้าควรกำจัดคนผู้นี้เป็นอันดับแรก!’


ฟางหยวนหันหน้าไปทางหลิวชิงหยู


หลิวชิงหยู “…..”


เมื่อเห็นสายตาที่เย็นชาของฟางหยวน หลิวชิงหยูค่อยๆบินถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว


เขารู้สึกขมขื่นกว่าฟางหยวนมาก


เขาพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้รับมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลแต่มันกลับถูกฉกชิงไป


หลังจากสังหารปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด เบาะแสสำคัญสูญหาย


เขากลับทะเลไหลเชี่ยวแต่บังเอิญพบอิงอู๋เซี่ยขณะที่ผู้ช่วยของเขาเสียชีวิตทั้งหมด สุดท้ายเขาต้องยอมจำนน


เขาทำสัญญาพันธมิตรโดยไม่สนใจความสูญเสียและมุ่งมั่นที่จะเป็นสมาชิกหลักของกลุ่มที่เรียกว่านิกายเงา


อย่างไรก็ตามบางคนกลับปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน


หลังจากนั้นกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยก็วิ่งหนีอย่างรวดเร็วและหายไปอย่างไร้ร่องรอย


‘นี่มันเรื่องบัดซบใด!?’ หลิวชิงหยูต้องการสถบสาปแช่งแต่เขากล่าวออกมาไม่ได้


การสาปแช่งพันธมิตรจะได้รับผลกระทบจากฟันเฟือง


ดังนั้นอารมณ์ของหลิวชิงหยูในเวลานี้จึงเลวร้ายมาก


หลิวชิงหยูไม่รู้จักฟางหยวนแต่เขารู้ว่าฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับหก


ครั้งนี้ฟางหยวนเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนแบบสุ่มโดยไม่คิดมาก ในแง่ของกลิ่นอาย เขาไม่ได้ปกปิด เป้าหมายหลักของเขาคือการสังหารอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆ ทั้งสองฝ่ายรู้จักกันเป็นอย่างดีแต่หลิวชิงหยูไม่


‘เพียงผู้อมตะระดับหก เหตุใดพวกเจ้าต้องวิ่งหนี!?’


‘วิ่งหนีเพื่อสิ่งใด?’


‘พวกเรามีผู้อมตะระดับเจ็ดถึงสองคนและมีผู้อมตะระดับหกอีกสามคน พวกเราต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญ เหตุใดต้องหลบหนี?’


‘อ๊าก…เหตุใดต้องวิ่งหนี!?’


หลิวชิงหยูกรีดร้องอยู่ภายใน


แต่เขาก็ไม่ได้รับคำตอบ


เขาเข้าร่วมนิกายเงาเป็นช่วงเวลาสั้นๆ อิงอู๋เซี่ยไม่ได้คาดหวังว่าฟางหยวนจะมาเร็วเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาไม่ได้บอกรายละเอียดทั้งหมดกับหลิวชิงหยู


หากอิงอู๋เซี่ยบอกหลิวชิงหยูว่าสาเหตุที่พวกเขาต้องวิ่งหนีเป็นเพราะฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปด อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด! หลิวชิงหยูจะไม่กรีดร้องและจะหนีเร็วยิ่งกว่ากลุ่มของอิงอู๋เซี่ย


ไม่


เขาไม่สามารถวิ่งเร็วกว่ากลุ่มของอิงอู๋เซี่ย


แต่ในแง่ของความพยายาม เขาจะเหนือกว่าอย่างแน่นอน


พลังการต่อสู้ระดับแปดไม่ใช่เรื่องตลก การฆ่าพวกเขาง่ายราวกับการฆ่ามด


‘นี่คือพลังอำนาจของความแข็งแกร่งระดับแปด’ ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน


กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยหนีไปด้วยความฉลาดและเด็ดเดี่ยว ในทำนองเดียวกัน หากเป็นฟางหยวน เขาก็จะหนีเช่นกัน


ก่อนหน้านี้ที่แดนน้ำแข็งของภาคเหนือ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการหลบหนีจากมังกรแรกกำเนิด แต่เขาไม่สามารถหลบหนีแม้จะต้องการก็ตาม


ไม่จำเป็นต้องละอายใจหากต้องหลบหนี


สำหรับปีศาจเฒ่าเช่นฟางหยวน การล่าถอยชั่วคราวคือกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมในการต่อสู้


อย่างไรก็ตามอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดตายไปแล้ว


แม้ฟางหยวนจะบอกเรื่องนี้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา แต่เขาก็ขอให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ


ดังนั้นผมที่หกจึงไม่ได้รับข้อมูลนี้และไม่สามารถรายงานอิงอู๋เซี่ย


ตอนนี้เหลือเพียงหลิวชิงหยู สถานการณ์นี้ดีมากสำหรับฟางหยวน


แรกเริ่มฟางหยวนรู้สึกกังวลเล็กน้อยหากต้องไล่ล่ากลุ่มของอิงอู๋เซี่ย หลังจากทั้งหมดพวกเขามีความได้เปรียบด้านจำนวนคนโดยเฉพาะผู้อมตะระดับเจ็ดถึงสองคน


ฟางหยวนจำหลิวชิงหยูได้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบซื่อหนิว


ตอนนี้ฟางหยวนวางแผนที่จะสังหารหลิวชิงหยูเป็นอันดับแรก


การกำจัดหลิวชิงหยูจะทำให้นิกายเงาอ่อนแอลง


‘หลังจากฆ่าเขา ข้าจะสามารถค้นวิญญาณและได้รับข้อมูลเกี่ยวกับอิงอู๋เซี่ย’ เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฟางหยวนก็ลงมือทันที


ดาบประหารชีวิต!


เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบที่ทรงพลังออกมาทันที


แม้หลิวชิงหยูจะเย้ยหยันฟางหยวนอยู่ภายในแต่เขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว


มันเป็นตรรกะที่เรียบง่ายมาก สิ่งที่ทำให้กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยหวาดกลัวและหลบหนีทันที สิ่งนั้นย่อมอันตรายมาก


หลิวชิงหยูต้องให้ความสำคัญกับศัตรูที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้


ขณะที่แสงดาบพุ่งออกมา หลิวชิงหยูก็เคลื่อนที่หลบการโจมตีของฟางหยวนอย่างรวดเร็ว


‘ชายผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับหกแต่มีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบ?’ หลิวชิงหยูรู้สึกขมขื่น เขามีวิญญาณอมตะระดับหกเพียงสองดวงและยังพ่ายแพ้ให้กับไห่ลั่วหลันมาก่อนหน้านี้


หลังจากต่อสู้หลายรอบ หลิวชิงหยูก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ


เขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขาก็มีเพียงวิญญาณอมตะระดับหกขณะที่มีท่าไม้ตายอมตะไม่มาก


เมื่อเวลาผ่านไปฟางหยวนก็เข้าใจวิธีการเกือบทั้งหมดของหลิวชิงหยู


ใบหน้าของหลิวชิงหยูปกคลุมไปด้วยเหงื่อ


แม้ฟางหยวนจะไม่สามารถใช้วิญญาณอมตะสมบัติเลือดได้เป็นการชั่วคราว แต่เขาก็มีวิธีป้องกันบนเส้นทางแห่งกาลเวลา กล่าวได้ว่าเขามีช่วงเวลาที่ง่ายดายในการต่อสู้ครั้งนี้


หลังจากทั้งหมดความแข็งแกร่งของเขาก้าวหน้าเร็วเกินไป!


ในอดีตหลิวชิงหยูไล่ตามฟางหยวนและทำให้เขาต้องวิ่งหนี แต่ตอนนี้ฟางหยวนกลับกำลังจัดการเขา


แม้ฟางหยวนจะเป็นผู้อมตะระดับหกแต่ในแง่ของความแข็งแกร่ง เขาเหนือกว่าหลิวชิงหยูไปไกลมาก


‘ไม่แปลกใจเลยที่อิงอู๋เซี่ยวิ่งหนี นี่คือสัตว์ประหลาด! เขาแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ จากการแสดงออก เขายังไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมด!’ หลิวชิงหยูสูญเสียแรงจูงใจในการต่อสู้


เขาต้องการยอมแพ้


แต่ตอนนี้แตกต่างจากก่อนหน้า เขาทำข้อตกลงพันธมิตรกับนิกายเงาไปแล้ว เขาไม่สามารถยอมจำนนต่อศัตรูได้อีก


เขาเหลือเส้นทางเพียงสายเดียว นั่นคือต่อสู้จนตัวตาย!


“หากมีความกล้าก็ตามข้ามาก!” หลิวชิงหยูหลบการโจมตีของฟางหยวนและกลายเป็นสายรุ้งพุ่งข้ามท้องฟ้า


“ไร้เดียวสา” ฟางหยวนเย้ยหยัน เขาขี้นิ้วไปที่หลิวชิงหยู


ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอสูรปี!


อสูรปีงูฉีกกระชากห้วงมิติและปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าหลิวชิงหยูอย่างกะทันหัน


หลิวชิงหยูถูกปิดกั้นและไม่สามารถหลบหนีได้อีกต่อไป


ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติพุ่งเข้าปิดล้อมอยู่ด้านหลัง


แต่ในจังหวะนี้หลิวชิงหยูที่สูญสิ้นความหวังกลับระเบิดตัวเองพร้อมกับดวงวิญญาณอมตะของเขา


ฟางหยวนพยายามเก็บกู้ดวงวิญญาณของหลิวชิงหยูแต่ก็ประสบความสำเร็จเพียงบางส่วนเท่านั้น


มิติช่องว่างของหลิวชิงหยูตกลงไปใต้ทะเลและกลายเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์


ดวงวิญญาณที่เหลืออยู่ของเขากำลังจะแตกสลาย ดูเหมือนมันจะเป็นวิธีการของนิกายเงา ฟางหยวนพยายามหลายวิธีแต่ยังไม่สามารถหยุดดวงวิญญาณจากการทำลายตัวมันเอง


ฟางหยวนเร่งค้นวิญญาณ


เขาพบความทรงจำหลายสิบชิ้น


โชคดีที่เขาเห็นฉากการพบกันระหว่างหลิวชิงหยูและกับดักที่อิงอู๋เซี่ยวางเอาไว้


“โอ้ หลังจากอิงอู๋เซี่ยรู้ว่าข้าครอบครองพลังการต่อสู้ระดับแปด เขาไม่ต้องการต่อสู้กับข้าแต่ใช้วิธีวางกับดักเพื่อชะลอการเติบโตของข้างั้นหรือ’


ความทรงจำอื่นของหลิวชิงหยูไร้ประโยชน์


สุดท้ายดวงวิญญาณของเขาก็แตกสลายไปอย่างสมบูรณ์


พลังงานแห่งเต๋าของหลิวชิงหยูถูกดึงเข้าสู่มิติช่องว่างของเขาไปแล้ว


ฟางหยวนถอนหายใจ


เขาต้องการดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากหลิวชิงหยู แต่การปล้นชิงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากผู้อมตะคนอื่นไม่ใช่เรื่องง่าย


เมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ ประตูทางเข้าของมันจึงเปิดออก


นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก


หากฟางหยวนพลาดโอกาสนี้ มันจะยิ่งยากลำบากในอนาคต


ฟางหยวนเคยฉวยโอกาสเดียวกันนี้เพื่อเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวและรับผลประโยชน์มหาศาลมาแล้วในอดีต


ดังนั้นครั้งนี้เขาต้องไม่พลาด!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)