เทพปีศาจหวนคืน 1144-1146
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1144 ความปั่นป่วนเมื่อหลอมรวมวิญญาณ
แปลโดย iPAT
หิมะโปรยปรายลงมาอย่างช้าๆ
บนยอดเขาคู่สามีภรรยากอดกันอยู่ที่หน้าต่างและมองหิมะที่ปกคลุมอยู่ด้านนอก
บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความอบอุ่น
ภรรยาเป็นหญิงงามที่มีเส้นผมที่ขาวแทรกตัวอยู่บนศีรษะ นางยืนอยู่ในอ้อมแขนของสามีและกล่าวด้วยความคิดถึง “นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้ชมหิมะตกอย่างสงบสุขกับท่าน”
สามีของนางค่อนข้างมีอายุแต่ยังดูแข็งแรงดี เขาปลอบภรรยาอย่างช้าๆ “ข้าอยากอยู่กับเจ้าและเฝ้ามองหิมะตกลงมาอย่างเงียบๆตลอดไป เจ้ายังจำครั้งแรกที่เราพบกันได้หรือไม่?”
ภรรยาหัวเราะเบาๆ “นั่นเป็นวันที่หิมะตกเช่นกัน ท่านยังคงหัวร้อนและอยากแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ”
“ข้าต้องการแข็งแกร่งขึ้นเพื่อให้คู่ควรกับเจ้า ย้อนกลับไปเจ้าบอกว่าเจ้าจะแต่งงานกับข้าเมื่อข้ากลายเป็นผู้อมตะระดับแปด ฮ่าฮ่า” สามีหัวเราะด้วยความภาคภูมิใจ
อย่างไรก็ตามรอยยิ้มของภรรยากลับจางหาย คิ้วของนางขมวดเข้าหากัน “กล่าวตามตรงข้าเสียใจเล็กน้อย ข้าอยากให้การบ่มเพาะของท่านต่ำกว่านี้”
“สามีของเจ้าจะมีระดับการบ่มเพาะต่ำกว่านี้ได้อย่างไร? จงมั่นใจตราบเท่าที่เราหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์สำเร็จ ข้าจะสามารถก้าวข้ามหมื่นภัยพิบัติ อนาคตของเราจะไร้ขอบเขตราวกับมหาสมุทรหรือท้องฟ้า ข้าจะอยู่กับเจ้าตลอดไป” เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ดวงตาของสามีจึงส่องประกายขึ้น
กลิ่นอายของเขาค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไปมันก็ไหลออกไปด้านนอกทำให้หิมะหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ
ภรรยาถอยออกมาอย่างเงียบๆ
“เรามาเริ่มกันเถอะ” หลังจากนั้นสามีก็ส่งเสียงทำลายความเงียบ
ภรรยาตอบเพียงสั้นๆ “ตกลง”
ปีศาจอมตะเซี่ยหูและท่านหญิงหว่านซูเริ่มหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์!
ในวันนี้เสาแสงที่งดงามพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจากแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะและไม่สามารถเก็บซ่อนจากสายตาของผู้คน
โลกของผู้อมตะภาคเหนือที่ยังไม่ฟื้นตัวจากความวุ่นวายหลังการทำลายล้างเผ่าไห่ตกลงสู่ความโกลาหลอีกครั้ง
ปีศาจอมตะเซี่ยหูเริ่มหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดโชคชะตาท้าทายสวรรค์!
ข่าวนี้เหมือนพายุกรรโชกแรงที่กลืนกินโลกของผู้อมตะภาคเหนือเข้าไปทั้งหมด
ถ้ำสวรรค์ฟงเซี่ยน
“การแสดงที่ยิ่งใหญ่ราวกับเขากลัวว่าจะไม่มีผู้ใดไปทำลายแผนการของเขา แต่นี่ก็คือบุคลิกของปีศาจอมตะเซี่ยหู”
“นายท่าน หากเราปล่อยให้ปีศาจอมตะเซี่ยหูหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดสำเร็จ ข้าเกรงว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นอีกมาก” ผู้อมตะหญิงหยูหลานกล่าวจากด้านข้างองค์ชายฟงเซี่ยน
“แม้จะไม่มีวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ เขาก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของภาคเหนืออยู่แล้ว งานปัจจุบันของเราคือจับฟางหยวน วังสวรรค์สรุปและยืนยันแล้วว่าฟางหยวนอยู่ในภาคเหนือ” องค์ชายฟงเซี่ยนหัวเราะ
ความเกลียดชังของเขาที่มีต่อฟางหยวนนั้นล้ำลึก
เหตุผล?
เนื่องจากงานเดิมขององค์ชายฟงเซี่ยคือการแทรกซึมเข้าสู่วังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง แต่แผนการอันยิ่งใหญ่ของเขากลับถูกทำลายโดยฟางหยวน นี่ทำให้ความพยายามตลอดหลายปีของเขากลายเป็นไร้ความหมาย
…..
ถ้ำสวรรค์ไป่ซู
“ในที่สุดปีศาจอมตะเซี่ยหูก็ลงมือ?” จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูส่ายศีรษะ
หลังการต่อสู้กับปีศาจอมตะเซี่ยหู จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยิ่งตระหนักถึงความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม
“ข้าเพียงผู้เดียวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา นอกจากนั้นการทำลายแผนการหลอมรวมของเขาก็คือการประกาศตัวเป็นศัตรูกับเขาอย่างเป็นทางการ แต่ตอนนี้ข้าพึ่งก่อตั้งเผ่าไป่ซู นี่เป็นแผนการที่ข้าเพียรพยายามมานานหลายปี ตอนนี้ข้าไม่สามารถเคลื่อนไหวโดยง่าย”
“เว้นเพียงเหยากวงและคนอื่นๆต้องการเคลื่อนไหว ก่อนที่พวกเขาจะส่งสัญญาณ ข้าควรให้ความสำคัญกับการบุกถ้ำสวรรค์ไห่ฟานเป็นอันดับแรก”
…..
ถ้ำสวรรค์เหยากวง
หม้อขนาดใหญ่ลอยอยู่ด้านหน้าเหยากวง
มันถูกสร้างขึ้นจากวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของหม้อหลอมรวม
ภายในหม้อมีทรัพยากรอมตะมากมายที่หลอมละลายกลายเป็นของเหลว
เมื่อทราบข่าวการหลอมรวมวิญญาณอมตะของปีศาจอมตะเซี่ยหู ไฟที่กำลังลุกไหม้พลันสั่นสะท้านขึ้นเล็กน้อย
เหยากวงถอนหายใจและพึมพำกับตนเอง “การต่อสู้กับตาแก่เซี่ยหูไม่ใช่เรื่องฉลาด ข้าเพียงต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะฟื้นคืนจากความตาย หากข้ามีวิญญาณอมตะระดับแปด ข้าจะสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องอายุขัยของข้า”
…..
ถ้ำสวรรค์นิรันดร
“ดูแสงที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า! ปีศาจอมตะเซี่ยหูเริ่มหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์แล้ว!”
“เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดแต่กล้าขโมยวิญญาณอมตะของเทพอมตะตะวันเดือด!”
ถ้ำสวรรค์นิรันดรคือถ้ำสวรรค์ของเทพอมตะตะวันเดือด! ภายในยังมีบุตรหลานที่มีสายเลือดใกล้ชิดที่สุดของเทพอมตะตะวันเดือดอาศัยอยู่
โดยธรรมชาติแล้วพวกเขาไม่ต้องการเห็นวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ตกอยู่ในมือของคนนอก
อย่างไรก็ตาม…
พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหว
เพราะคนผู้หนึ่ง นั่นคือปรมาจารย์ห้าธาตุ!
…..
“ผู้อาวุโสฟางหยวนเชิญทางนี้ นี่คือแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา แท่นบูชาพระแม่ธรณี” ซื่อเจิ้งแนะนำ
ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับหกแต่เขาเป็นผู้ควบคุมท่าไม้ตายเขตแดนอมตะสนามรบสีเทา เขาเป็นมนุษย์หินรุ่นหลังที่โดดเด่น
ตามมาด้วยผู้อมตะหญิงระดับหกเผ่ามนุษย์หิมะเสวี่ยเอ๋อ
ตอนนี้ผ่านมาแล้วหลายวันหลังจากงานเลี้ยง
เผ่ามนุษย์หิมะและมนุษย์หินที่อาศัยอยู่ที่นี่ปฏิบัติต่อฟางหยวนและผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนด้วยความจริงใจ
ตามคำสั่งของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ผมที่หกและคนอื่นๆมีหน้าที่เจรจาเกี่ยวกับความร่วมมือและสร้างพันธมิตรระหว่างสองฝ่าย สำหรับฟางหยวน เขาเดินไปรอบๆเพื่อทำความคุ้นเคยกับวิถีชีวิตของมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ฟางหยวนได้รับความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
มนุษย์หิมะและมนุษย์หินเหล่านี้ซ่อนตัวอยู่ใต้แดนน้ำแข็งของภาคเหนือมาอย่างยาวนานแต่พวกเขาตระหนักถึงวิกฤตเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของบุตรหลานรุ่นหลัง
นี่ทำให้พวกเขาพยายามส่งต่อความแข็งแกร่งให้กับทายาทและสร้างผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ให้ได้มากที่สุด
เปรียบเทียบกับผู้อมตะในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“ผู้อาวุโสฟางหยวน ท่านอยากรู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดพวกเราจึงรู้ว่าท่านเข้ามาในแดนน้ำแข็ง” เสวี่ยเอ๋อหัวเราะคิกคัก
“แน่นอน” ฟางหยวนพยักหน้าด้วยความสงสัย
เมื่อเข้าไปในแท่นบูชาพระแม่ธรณีและเห็นรูปปั้นบางอย่างอยู่ตรงกลาง เขาจ้องมองมันด้วยความประหลาดใจ
“นี่คือ…”
เขาตะลึง
เพราะสิ่งที่เขาเห็นก็คือผู้อมตะหญิงเผ่ามนุษย์ผู้หนึ่งที่อยู่ในอ้อมกอดของผู้อมตะบุรุษเผ่ามนุษย์หิน ทั้งสองมองไปในระยะไกลด้วยการแสดงออกที่มีความสุข
“นี่คือผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่ยี่สิบเจ็ดของเผ่าข้า ซื่อมู่ คนที่อยู่ด้านข้างคือภรรยาของเขา พระแม่ธรณีที่ข้านับถือมากที่สุด ดังที่ท่านเห็น พระแม่ธรณีเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์” ซื่อเจิ้งอธิบาย
นี่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง
ผู้อมตเผ่ามนุษย์ตกหลุมรักผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินและยังได้รับการยกย่องจากมนุษย์หินรุ่นหลังถึงระดับที่สร้างรูปปั้นเพื่อกราบไหว้บูชา
เสวี่ยเอ๋อกล่าวต่อ “พระมารดาเป็นคนใจดีและมีเมตตา ความรักของนางอยู่เหนือเผ่าพันธุ์ นางเสียใจมากที่ชนเผ่ามนุษย์หินไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่นานหลังจากท่านเทพซื่อมู่เสียชีวิต นางก็จบชีวิตของนางเพื่อไปอยู่กับคนที่นางรัก นางทำทุกสิ่งเพื่อผลประโยชน์ของชนรุ่นหลัง ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าและมิติช่องว่างของนางกลายเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้”
ฟางหยวนมองรูปปั้นคู่รักคู่นี้และรู้สึกพลุ่งพล่าน
เพราะพระแม่ธรณีที่ชนเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะให้ความเคารพนับถือเป็นคนที่เขารู้จัก!
ตามธรรมชาติแล้วฟางหยวนกับพระแม่ธรณีไม่ใช่คนในยุคสมัยเดียวกัน โดยปกติพวกเขาย่อมไม่มีสิ่งใดเชื่อมโยงกัน เหตุผลที่ฟางหยวนสามารถจดจำตัวตนของพระแม่ธรณีเพราะเขาเคยค้นวิญญาณของไห่เจิ้ง
พระแม่ธรณีผู้นี้ก็คือไห่เฟิงอวี๋ หลานสาวสุดที่รักของไห่ฟานที่หายตัวไป!
‘ผู้ใดจะคิดว่าไห่เฟิงอวี๋จะหายตัวไปเพราะนางตกหลุมรักผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิน แน่นอนว่าเรื่องนี้จะไม่ได้รับการยอมรับจากเผ่าไห่รวมถึงผู้อมตะเผ่ามนุษย์ทั้งหมด!’
‘เหตุใดนางถึงตกหลุมรักและอยู่กับผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิน? นี่ต้องมีเรื่องราวที่ซ่อนอยู่’
ฟางหยวนไม่แสดงออกแต่ลอบถอนหายใจอยู่ภายใน
ไม่ว่าความจริงในอดีตจะเป็นเช่นไร เขาก็ไม่มีความตั้งใจจะขุดค้นมันขึ้นมา
ทุกคนมีชีวิตเป็นของตนเองไม่ว่าจะเป็นความรักหรือความเกลียดชัง
เสวี่ยเอ๋อลอบสังเกตฟางหยวนอย่างลับๆ เมื่อเห็นฟางหยวนไม่มีสีหน้ารังเกียจหรือโกรธ หัวใจของนางรู้สึกเบิกบานมาก
นางหันหน้ากลับไปที่รูปปั้นและกล่าวด้วยเจตนาบางอย่าง “ข้าจะไม่ซ่อนมันจากผู้อาวุโสฟางหยวน จากมุมมองของข้า ความรักไม่มีขอบเขต! ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หินหรือมนุษย์ ทั้งสองมีสิทธิที่จะรักกัน!”
ฟางหยวนมองร่างสีขาวด้วยดวงตาพล่าเลือนอยู่ชั่วขณะก่อนจะสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว
‘ห้าร้อยปีในชีวิตแรกของข้า…’ สายตาของเขาราวกับบ่อน้ำลึกและเงียบสงบ
เหตุใดมนุษย์หิมะและมนุษย์หินกลุ่มนี้ถึงยอมรับฟางหยวนอย่างง่ายดายหลังจากที่เขาอยู่ฝ่ายเดียวกัน?
จากแง่มุมหนึ่งฟางหยวนอาจถือว่าได้รับความช่วยเหลือจากพระแม่ธรณี
“แท้จริงแล้วเราถูกสถานการณ์บีบบังคับให้ต่อสู้กับผู้อาวุโสฟางหยวน ผู้อาวุโสฟางหยวนย่อมเห็นได้ว่าแดนน้ำแข็งของภาคเหนือเป็นอย่างไร? มันรกร้างและไร้ทรัพยากร แต่ด้วยวิธีการที่น่าอัศจรรย์ของพระแม่ธรณี พื้นที่บริเวณนี้จึงเริ่มดึงดูดปราณพิภพและค่อยๆควบรวมเป็นพื้นดิน”
ซื่อเจิ้งกล่าวอย่างจริงจัง “อย่างไรก็ตามเมื่อผู้อมตะบางคนเผชิญหน้ากับภัยพิบัติของพวกเขาที่แดนน้ำแข็ง ปราณสวรรค์พิภพจะถูกดึงออกไป แดนน้ำแข็งจะสูญเสียเสถียรภาพ พื้นดินที่พวกเราอยู่อาศัยก็จะลดขนาดลงเรื่อยๆ”
ฟางหยวนพยักหน้า เขาได้เรียนรู้เหตุผลนี้แล้วระหว่างงานเลี้ยง
“นี่เป็นความผิดของข้า หากข้ารู้เรื่องนี้มาก่อน ข้าจะไม่สร้างความยากลำบากให้กับพวกเจ้า” ฟางหยวนกล่าวอย่างจริงจัง
ใบหน้าของซื่อเจิ้งและเสวี่ยเอ๋อแสดงให้เห็นถึงความสุข
“หากความเข้าใจผิดสามารถแก้ไข นั่นย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุด” ซื่อเจิ้งกล่าว
ทันใดนั้นการแสดงออกของซื่อเจิ้งพลันเปลี่ยนแปลงไป หลังจากไม่นานการแสดงออกของเสวี่ยเอ๋อก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ฟางหยวนถาม
“เสาแสงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจากแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ จากการรวบรวมข้อมูลของพวกเรา ปีศาจอมตะเซี่ยหูเริ่มหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์แล้ว” ซื่อเจิ้งกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
มนุษย์แข็งแกร่งขึ้นเป็นข่าวที่น่าเศร้าสำหรับมนุษย์กลายพันธุ์
เสวี่ยเอ๋อมองไปที่ฟางหยวน “ผู้อาวุโสฟางหยวน ท่านใช้วิญญาณกาลเวลาเพื่อกำเนิดใหม่และเป็นปีศาจต่างโลกที่ทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง ข้าอยากถามว่าปีศาจอมตะเซี่ยหูจะประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ในอนาคตหรือไม่?”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1145 ระดับแปดคือกฎ
แปลโดย iPAT
หลายวันผ่านไปตั้งแต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนจากนิกายหลางหยาเริ่มเจรจากับผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะและมนุษย์หินกลุ่มนี้
ยิ่งพวกเขาพูดคุยกันมากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งพบหัวข้อสนทนาที่น่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น
สิ่งนี้เกิดจากปัจจัยภายนอก
กองกำลังเผ่ามนุษย์มีขนาดใหญ่มากขณะที่เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์แทบไม่สามารถอยู่รอด
แม้ผมที่หกจะเป็นสายลับของนิกายเงาแต่เขาก็ไม่ได้ต่อต้านพันธมิตรของทั้งสองฝ่าย ตรงข้าม เขาทำงานอย่างหนักเพื่อมัน
ในแง่มุมหนึ่งผมที่หกรู้ดีว่าตัวเขาเพียงลำพังไม่สามารถทำให้ทั้งสองฝ่ายกลายเป็นศัตรู
อีกแง่มุมหนึ่งผมที่หกใช้โอกาสนี้แสดงทักษะของตนเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนและความไว้วางใจจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามากขึ้น
สุดท้ายเป้าหมายของนิกายเงาก็คือเป้าหมายของเทพปีศาจจิตวิญญาณ แม้เขาจะเสียชีวิตไปแล้วแต่ความปรารถนาของเขาก็อยู่เหนือกว่าขีดจำกัดของเผ่าพันธุ์
ทั้งสองฝ่ายเจรจากันได้อย่างราบรื่น ผมที่หกขายข้อมูลเกือบทั้งหมดของฟางหยวนเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากฝ่ายตรงข้าม
ดังนั้นผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะและมนุษย์หินจึงเข้าใจสถานการณ์ของฟางหยวนเป็นอย่างดี
ฟางหยวนเคยครอบครองวิญญาณกาลเวลาและเป็นผู้กลับชาติมาเกิด
เขายังเป็นปีศาจต่างโลกและเป็นผู้ทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงรวมถึงแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือ
เรื่องนี้ทำให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์รู้สึกใกล้ชิดกับฟางหยวนมากขึ้น
ฟางหยวนทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงทำให้กองกำลังเผ่ามนุษย์ของภาคเหนืออ่อนแอลงอย่างมากซึ่งเป็นเรื่องดีต่อกองกำลังเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ พวกเขามีความสุขมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้
ภายในแท่นบูชาพระแม่ธรณีเมื่อได้ยินเสวี่ยเอ๋อถามเกี่ยวกับอนาคต ฟางหยวนตอบด้วยรอยยิ้มขมขื่น “แม้ข้าจะมีวิญญาณกาลเวลาแต่ข้าได้สูญเสียวิญญาณดวงนี้ไปแล้ว หลังจากกำเนิดใหม่ หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป เจ้ายังรู้ว่าข้าทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงถูกต้องหรือไม่?”
“ถูกต้อง ผู้อาวุโสฟางหยวน ท่านเป็นบุคคลที่น่ายกย่องอย่างแท้จริง” เสวี่ยเอ๋อกล่าวด้วยดวงตาส่องประกาย
“ข้ารู้สึกชื่นชมท่านอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้” ซื่อเจิ้งกล่าวเสริม
ฟางหยวนถูจมูกและถอนหายใจ “ข้าเป็นผู้กลับชาติมาเกิดและรู้ความลับบางอย่าง แม้ข้าจะไม่มีสายเลือดตระกูลฮวงจิน แต่ข้าก็เข้าร่วมในการต่อสู้ชิงตำแหน่งเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือเพื่อให้รับผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆจากวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง แผนเดิมของข้าคือการไปเยี่ยมมันและรับผลประโยชน์ซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ข้ากลับต้องเปลี่ยนแผนการเพราะอุบัติเหตุบางอย่าง ข้าทำได้เพียงปรับตัวไปตามสถานการณ์กระทั่งทำให้วังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงพังทลายลงในที่สุด”
เสวี่ยเอ๋อและซื่อเจิ้งเผยรอยยิ้มมีความสุข
ซื่อเจิ้งกล่าว “คำกล่าวของผู้อาวุโสฟางหยวนมีความหมายลึกซึ้ง”
ฟางหยวนส่ายศีรษะ “ผู้ใดอยากถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะทั้งหมดบนโลกใบนี้ นั่นเป็นอุบัติเหตุจริงๆ”
เสวี่ยเอ๋อยิ้ม “จากสิ่งที่ข้าเห็น ผู้อาวุโสฟางหยวนเป็นวีรบุรุษโดยธรรมชาติ แม้ท่านจะทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงโดยบังเอิญ แต่หากเป็นผู้อื่น พวกเขาจะทำได้หรือไม่?”
“เป็นเพราะเหตุนี้ข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องซ่อนตัวอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา หลังจากนั้นสิ่งต่างๆก็เกิดขึ้น ข้าเข้าร่วมนิกายหลางหยาและค้นพบว่ามนุษย์กลายพันธุ์แท้จริงแล้วไม่ได้อ่อนแอไปกว่ามนุษย์ พวกเขามีความจริงใจและความภักดีที่เหนือกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ แม้ห้าภูมิภาคจะมีพื้นที่ขนาดใหญ่แต่พื้นที่สำหรับมนุษย์กลายพันธุ์กลับลดน้อยลงทุกวัน นี่เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง สวรรค์ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ดังนั้นมนุษย์กลายพันธุ์ควรอยู่ร่วมกับมนุษย์”
ฟางหยวนกล่าวอย่างจริงใจ
ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ดวงตาของเสวี่ยเอ๋อกลายเป็นสีแดง
ซื่อเจิ้งรู้สึกสะเทือนใจเช่นกัน “หากผู้อมตะเผ่ามนุษย์เข้าใจและมีความคิดเช่นเดียวกับนายท่านฟางหยวน โลกจะดีขึ้นมาก!”
คำกล่าวของฟางหยวนทำให้มนุษย์กลายพันธุ์ที่ได้ยินรู้สึกยอมรับ ฟางหยวนกระทั่งถูกยกระดับจากผู้อาวุโสเป็นนายท่าน
“แต่ผู้อาวุโสฟางหยวน ท่านยังไม่ได้ตอบคำถามของข้า” เสวี่ยเอ๋อมีความฉลาดเฉลี่ยวและไม่ใช่ตัวละครที่จะสามารถหลอกลวงได้โดยง่าย
“ข้ากำลังจะกล่าวถึง” ฟางหยวนกระแอมไอ “การทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงไม่ใช่ความตั้งใจของข้า อันที่จริงก่อนที่ข้าจะเกิดใหม่ มันไม่เคยพังทลายลง!”
“อา…” เสวี่ยเอ๋อและซื่อเจิ้งมองหน้ากัน
“สถานการณ์ของภาคเหนือเปลี่ยนไปมาก วังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงพังทลายลง หม่าหงหยุนถูกลักพาตัว ปีศาจอมตะเซี่ยหูหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ ก่อนที่ข้าจะเกิดใหม่ เหตุการณ์เหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” ฟางหยวนกล่าวเสริม
เสวี่ยเอ๋อและซื่อเจิ้งเลือกที่จะเชื่อเขา
รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าของนาง “แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสรุปผลลัพธ์ใช่หรือไม่? หากเราปล่อยให้ปีศาจอมตะเซี่ยหูประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ ความแข็งแกร่งของผู้อมตะภาคเหนือจะเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง”
ฟางหยวนหันหน้าไปถาม “เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าต้องการหยุดมัน?”
เขาไม่สามารถปฏิเสธว่าผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะและมนุษย์หินกลุ่มนี้มีพลังอำนาจเพียงพอที่จะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้
เนื่องจากมังกรหินแรกกำเนิดมีความแข็งแกร่งระดับแปด
ความสามารถของมังกรหินแรกกำเนิดไม่เคยถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามันทรงพลังถึงระดับใด
“ไม่อย่างแน่นอน” ซื่อเจิ้งส่ายศีรษะ “เราไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“ถูกต้อง พวกเราอยู่อย่างสงบที่นี่ เหตุใดเราต้องเปิดเผยตัวตนและไปรุกรานผู้อมตะระดับแปดที่ยิ่งใหญ่ นอกจากนั้นเขายังเป็นผู้นำกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะที่มีผู้ใต้บังคับบัญชามากมาย” เสวี่ยเอ๋อส่ายศีรษะเช่นกัน
พวกเขาเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี
แม้พวกเขาจะสามารถยึดครองวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์แต่พวกเขาก็ต้องเปิดเผยตัวตนและดึงดูดความเกลียดชังจากผู้อมตะทั้งหมดของภาคเหนือ
กองกำลังเผ่ามนุษย์จะวิ่งเข้ามาในเวลานั้น ลืมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ไปก่อน แม้จะมีมังกรหินแรกกำเนิดอีกหลายตัว แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหยุดยั้งการรุกรานของกองกำลังเผ่ามนุษย์
ฟางหยวนพยักหน้าและไม่กล่าวสิ่งใดอีก
‘มนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ไม่ธรรมดาจริงๆ พวกเขาล้วนเป็นตัวตนชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของความแข็งแกร่งหรือสติปัญญา พวกเขาก็มีความโดดเด่นทั้งสองแง่มุม ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มีจำนวนมากเกินไปหากเปรียบเทียบกับพวกเขา ผู้อมตะในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างสมบูรณ์ โชคดีที่ข้ามีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปด!’
ตราบเท่าที่เขาครอบครองพลังการต่อสู้ระดับแปด มนุษย์กลายพันธุ์กลุ่มนี้จะกลายเป็นรากฐานของเขาและไม่ใช่แหล่งที่มาของปัญหา
เมื่อคนมีกำลังมาก ผู้ใดจะกล้าหาเรื่อง
พลังการต่อสู้ระดับแปด เพียงตวัดนิ้วก็สามารถบดขยี้ผู้อื่นได้ราวมดตัวเล็กตัวน้อย
นี่เป็นเหตุผลที่กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะและมนุษย์หินไม่กล้าสร้างปัญหาให้กับฟางหยวน นอกจากนั้นพวกเขายังต้องแสดงความจริงใจและพยายามผูกมิตรกับเขาอีกด้วย
ทุกคนที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปดมีค่าเพียงพอที่คนอื่นๆจะเข้าหา
ในกรณีที่ไม่มีผู้อมตะระดับเก้า ผู้อมตะระดับแปดก็คือเจ้าเหนือหัว
‘ในความเป็นจริงสถานการณ์และโครงสร้างของภาคเหนือเกิดจากความขัดแย้งของผู้อมตะระดับแปด ความแข็งแกร่งคือกฎของโลกใบนี้’
ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน
‘แต่หากพวกเขารู้ว่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของข้าตายไปแล้ว พวกเขาจะแสดงออกอย่างไร?’ ฟางหยวนรู้สึกว่ามันค่อนข้างตลกเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา แต่เนื่องจากอาหารมีไม่เพียงพอ มันจึงใกล้ตายเพราะความหิวโหย
ฟางหยวนใช้วิธีบนเส้นทางแห่งเลือดทำให้มันดูมีชีวิตชีวาเพื่อหลอกศัตรู
อย่างไรก็ตามหลังจากเก็บอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกลับเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันก็ตายไปอย่างรวดเร็ว
สัตว์อสูรแรกกำเนิดตายเพราะความหิวโหย นี่เป็นเรื่องที่น่าหดหู่อย่างแท้จริง
แต่!
นั่นอาจไม่เกิดขึ้นอีกในชีวิตต่อไปของมัน
ความสามารถที่น่าทึ่งอีกประการหนึ่งของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็คือมันจะออกไข่ก่อนตายและถือกำเนิดใหม่อีกครั้ง!
เป็นความจริงที่ฟางหยวนสูญเสียสัตว์อสูรแรกกำเนิดอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดไปแล้ว แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ได้รับไข่ของสัตว์อสูรแรกกำเนิดมาไว้ในการครอบครองรวมถึงศพของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดที่โตเต็มวันอีกหนึ่งซาก
เขาสามารถยอมรับผลลัพธ์นี้!
เหตุผลประการแรก ฟางหยวนไม่พอใจอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดตัวเดิม เนื่องจากเขาต้องปลอมแปลงสายเลือดเผ่าไห่เพื่อสั่งการมัน
ประการที่สอง มีจุดอ่อนมากมายหลังจากอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเติบโตเต็มวัย ด้วยพลังการต่อสู้ระดับแปด มันกลายเป็นเรื่องยากที่ผู้อมตะระดับหกเช่นฟางหยวนจะควบคุมมันได้โดยยังไม่ต้องกล่าวถึงธรรมชาติที่หยิ่งผยองของมัน มีความเป็นไปได้สูงมากที่มันจะหันมาต่อสู้กับฟางหยวน
ดังนั้นความตายของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจึงไม่ใช่ข่าวร้ายสำหรับฟางหยวน
เกี่ยวกับไข่นก ฟางหยวนสามารถพึ่งพามรดกที่แท้จริงของไห่ฟานเพื่อดัดแปลงความทรงจำของมัน เมื่อมันฟักออกมา มันจะฟังคำสั่งของฟางหยวนโดยตรง
ปีศาจอมตะเซี่ยหูเริ่มหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ เรื่องนี้สร้างความปั่นป่วนขึ้นในโลกของผู้อมตะภาคเหนือ
อย่างไรก็ตาม…
หลังจากความตื่นตระหนก โลกของผู้อมตะภาคเหนือกลับเงียบสงบอย่างน่าประหลาด
นี่เป็นเพราะจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู เหยากวง ปรมาจารย์ห้าธาตุ และองค์ชายฟงเซี่ยนไม่ได้เคลื่อนไหว หากผู้อมตะระดับแปดเอ่ยปาก แม้ผู้อมตะระดับหกและระดับเจ็ดจะคัดค้าน มันก็ไร้ประโยชน์
ผู้อมตะระดับเจ็ดที่สามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปดได้อย่างเท่าเทียมในช่วงสองหรือสามพันปีที่ผ่านมาของห้าภูมิภาคมีฟงจิวเก้อเพียงผู้เดียว
แม้ปีศาจอมตะเซี่ยหูทำเรื่องเลวร้ายกว่านี้ คนอื่นๆก็ไม่สามารถหยุดเขา
กลุ่มมนุษย์กลายพันธุ์ใต้แดนน้ำแข็งเลือกที่จะเฝ้ามองสถานการณ์อยู่ด้านข้างเช่นกัน
สำหรับฟางหยวน เขาไม่มีความคิดที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว
หลังจากทั้งหมดปีศาจอมตะเซี่ยหูเป็นผู้อมตะระดับแปด แม้ฟางหยวนจะแข็งแกร่งขึ้น แต่เขาก็จะถูกบดขยี้จนเละเป็นโจ๊กหากเข้าแทรกแซงเรื่องนี้
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1146 พันธมิตรสี่ฝ่าย
แปลโดย iPAT
สามวันผ่านไป
ใต้ดินของแดนน้ำแข็ง แท่นบูชาพระแม่ธรณี
ธูปสี่ดอกถูกจุดและส่งเขม่าควันลอยขึ้นสู่อากาศ
ผู้อมตะสี่ฝ่ายยืนอยู่ที่นี่ด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม
ฟางหยวนยืนรวมอยู่ในกลุ่มนี้
เสียงสังญญาณดังขึ้นก่อนที่กลองจะส่งเสียงคำรามอย่างต่อเนื่อง
ซื่อจงก้าวไปข้างหน้าและกล่าวเสียงดัง “ข้า ผู้อมตะซื่อจงแห่งเผ่ามนุษย์หินยินดีที่จะเข้าร่วมพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเผ่าพันธุ์ทั้งสี่จะรวมเป็นหนึ่ง เราจะแบ่งปันโชคลาภและหายนะ”
จากนั้นเขาก็กระตุ้นใช้พลังงานอมตะและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้นในแท่นบูชาพระแม่ธรณี
เกลียวควันพุ่งขึ้นสู่ด้านบนก่อนจะวกกลับลงมายังร่างของซื่อจงและหายไปในเวลาไม่กี่ลมหายใจ
‘ดูเหมือนนี่จะเป็นวิธีสร้างพันธสัญญาโบราณบนเส้นทางแห่งข้อมูล…’ ฟางหยวนคิด
ก่อนหน้านี้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนพยายามเจรจากับผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะเพื่อสร้างพันธมิตร
แต่เรื่องราวกลับราบรื่นอย่างไม่คาดคิด เนื่องจากทั้งสองฝ่ายเห็นพ้อง ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนจึงเริ่มกล่าวถึงเมืองหมึกของเผ่ามนุษย์หมึก
หลังจากผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะเข้าใจรายละเอียด พวกเขาก็ตกลงอย่างง่ายดาย
บรรพชนผมยาวและผู้อมตะอวี๋เยี่ยนเป็นสหายที่ดีมาตั้งแต่อดีตกาล บรรพชนผมยาวทิ้งแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเอาไว้เบื้องหลังขณะที่ผู้อมตะอวี๋เยี่ยนก่อตั้งเมืองหมึก ดังนั้นทั้งสองเผ่าพันธุ์จึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมาตลอด
เนื่องจากเผ่ามนุษย์ขนเป็นพันธมิตรกับเผ่ามนุษย์หมึก ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะกลุ่มนี้จึงเลือกที่จะเชื่อพวกเขา
สุดท้ายเผ่าพันธุ์ทั้งสี่จึงบรรลุข้อตกลง
เหตุการณ์ในวันนี้สืบเนื่องมาจากการพูดคุยครั้งนั้น
พวกเขาใช้วิธีโบราณเพื่อสร้างสัญญาพันธมิตรอย่างเป็นทางการ
ผู้อมตะทุกคนผลัดกันเดินออกไปข้างหน้าและสร้างข้อตกลงพันธมิตร
เมื่อเวลาผ่านไปฟางหยวนก็เข้าใจกลไกบางอย่าง
‘ดูเหมือนมันไม่ใช่วิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลแต่มันใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปฐพีเพื่อสร้างผลลัพธ์เช่นเดียวกับวิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูล นี่เหมือนกับท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของข้า ข้อตกลงหนึ่งร้อยปี’
หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลงเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
มันเป็นเรื่องยากหากเขาต้องการทำลายข้อตกลงพันธมิตรนี้ในอนาคต เพราะดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถแก้ไขได้โดยวิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลแต่ต้องเป็นวิธีบนเส้นทางแห่งปฐพี
“ผู้อาวุโสฟางหยวน ถึงคราวของท่านแล้ว” เป็นเพียงเวลานี้ที่ผมที่สิบสองกล่าวเตือนมาจากด้านข้างด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ นับตั้งแต่ภารกิจกำจัดสุนัขดาวตกเพลิงประสบความสำเร็จและได้ยินว่าฟางหยวนครอบครองอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด ทัศนคติของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่มีต่อฟางหยวนก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาให้ความเคารพฟางหยวนเป็นอย่างมาก
ฟางหยวนพนักหน้าก่อนจะเดินออกไปและทำเช่นเดียวกับผู้อมตะซื่อจง
ทุกการกระทำของเขาอยู่ภายใต้การเฝ้ามองของทุกคนในที่เกิดเหตุ
เมื่อเห็นว่าฟางหยวนสร้างข้อตกลงพันธมิตรเรียบร้อยแล้ว กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์จึงรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย รอยยิ้มของเสวี่ยเอ๋อกลายเป็นยิ่งน่ารักมากขึ้น
แน่นอนว่าพวกเขานึกไม่ถึงว่าฟางหยวนกำลังคิดหาวิธีทำลายข้อตกลงพันธมิตรนี้อยู่ตลอดเวลา
ฟางหยวนเข้าร่วมกับนิกายหลางหยาเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
ในทำนองเดียวกันการเข้าร่วมพันธมิตรสี่ฝ่ายก็เป็นเพราะฟางหยวนถูกบังคับโดยสถานการณ์และมันจะง่ายขึ้นหากเขาต้องการหยิบยืมพลังอำนาจของพันธมิตรเพื่อการบ่มเพาะของตัวเขาเอง
‘ให้ข้าอยู่ฝ่ายเดียวกับมนุษย์กลายพันธุ์และต่อต้านมนุษย์ มันเป็นไปไม่ได้เลย!’
‘มนุษย์เหนือกว่ามนุษย์กลายพันธุ์อย่างสมบูรณ์ แม้พวกเขาจะสร้างพันธมิตรสี่ฝ่าย แต่พวกเขาจะทำสิ่งใดได้?’
‘อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของคนกลุ่มนี้ไม่สามารถมองข้าม ในชีวิตแรกของข้าพวกเขาเป็นพันธมิตรกันหรือไม่?’
ความคิดของฟางหยวนล่องลอยออกไป
เขาไม่รู้คำตอบสำหรับคำถามนี้
ในชีวิตแรกของเขา เขาเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งเลือด เรื่องเกี่ยวกับภาคเหนือ เขาไม่รู้มากนักโดยเฉพาะรายละเอียดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังประเภทนี้
‘ข้าไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับมนุษย์หิมะและมนุษย์หินกลุ่มนี้ในชีวิตแรก บางทีพวกเขาอาจถูกกวาดล้างหรืออาจซ่อนตัวอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและถูกทำลายไปพร้อมกันโดยวังสวรรค์ ตรงข้ามกับเผ่ามนุษย์หมึก พวกเขาทำได้ดีอย่างน่าประทับใจ’
ขณะที่ฟางหยวนคิดถึงเรื่องนี้ เขาลอบมองไปที่โม่ตันซาน
คนผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับหกเผ่ามนุษย์หมึกที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ
โม่ตันซานอยู่ในรูปลักษณ์ของชายวัยกลางคนผิวสีดำผมสีขาว เขาดูสง่างามขณะที่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาดูเป็นมิตรมาก
‘คนผู้นี้เป็นตัวละครที่น่าเกรงขามเช่นกัน’ ฟางหยวนลอบประเมินอยู่ในใจ
เขาจำได้ว่าในสงครามห้าภูมิภาค โม่ตันซานผู้นี้ใช้ประโยชน์จากความขัดแย้งของเผ่ามนุษย์เพื่อพัฒนาและขยายกองกำลังเผ่ามนุษย์หมึกได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อกองกำลังเผ่ามนุษย์ของภาคเหนือต้องการปราบปรามเขา เขาก้มศีรษะให้กับเผ่าหลิวโดยไม่สนใจศักดิ์ศรีและกลายเป็นคนรับใช้คนสนิทของผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าหลิวทันที
เผ่าหลิวเป็นหนึ่งในกองกำลังใหญ่ ดังนั้นกองกำลังเผ่ามนุษย์หมึกจึงได้รับการคุ้มครองและสามารถเติบโตขึ้นได้อย่างมั่นคง
ต่อมาเมื่อเผ่าหลิวอ่อนแอลง ราชามนุษย์หมึกโม่ตันซานรีบละทิ้งเผ่าหลิวและเข้าร่วมกับหม่าหงหยุน
ก่อนที่ฟางหยวนจะระเบิดตัวเอง เผ่ามนุษย์หมึกยังสามารถครอบครองพื้นที่หนึ่งในสามของที่ราบภาคเหนือทั้งหมด หากฟางหยวนกล่าวเรื่องนี้ออกไป ผู้ใดจะเชื่อเขา
ในพันธมิตรทั้งสี่ เผ่ามนุษย์หมึกอ่อนแอที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย
แต่ในชีวิตแรกของฟางหยวน มนุษย์หมึกกลับรุ่งเรืองมาก
โม่ตันซานรู้ว่าเมื่อใดควรเดินหน้าเมื่อใดควรถอย นี่ทำให้เผ่ามนุษย์หมึกมีข้อได้เปรียบมาก
ราวกับสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของฟางหยวน โม่ตันซานหันหน้ามาหาเขาและเผยรอยยิ้มอย่างจริงใจ
มันเป็นรอยยิ้มประจบสอพลอที่ให้ความรู้สึกว่าเขากำลังโค้งคำนับอยู่
ฟางหยวนหัวเราะเบาๆและเผยรอยยิ้มเช่นเดียวกันตอบกลับไป
การแสดงออกของโม่ตันซานเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้รับการยอมรับจากบุคคลสำคัญเช่นฟางหยวน
‘น่าเกรงขามอย่างแท้จริง’ ทักษะการแสดงของฟางหยวนเหนือกว่าคนธรรมดาแต่ทักษะการแสดงของโม่ตันซานผู้นี้กลับไม่ด้อยไปกว่าเขา
‘โลกที่กว้างใหญ่มีผู้เชี่ยวชาญมากมาย ข้าไม่สามารถดูแคลนผู้คนเหล่านี้’ ฟางหยวนเตือนตัวเองแต่การแสดงออกของเขายังไม่เปลี่ยนแปลง
สถานการณ์ของภาคเหนืออธิบายได้ว่าเกิดคลื่นใหญ่ขึ้นทีละระลอก
การล่มสลายของเผ่าไห่และการเข้ายึดครองของเผ่าไป่ซูยังไม่คลี่คลาย ปีศาจอมตะเซี่ยหูก็เริ่มปรับแต่งวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์
ในมุมมืดกองกำลังที่ซ่อนตัวอยู่กำลังสร้างพันธมิตรสี่ฝ่ายกันอย่างลับๆ
แม้มนุษย์กลายพันธุ์จะมีสถานะต่ำต้อย แต่พันธมิตรนี้ไม่สามารถดูแคลน เพราะการคงอยู่ของมังกรหินแรกกำเนิดที่มีความแข็งแกร่งระดับแปด แน่นอนว่าในความคิดของคนอื่นๆยังมีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของฟางหยวนอีกด้วย
ฟางหยวนถูกบังคับให้เข้าร่วมกับกองกำลังพันธมิตรนี้
แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจเล็กน้อยก็คือไม่มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอยู่ในทั้งสี่ฝ่าย
มิฉะนั้นมันอาจส่งผลร้ายต่อเขา
นอกจากนั้นหลังจากนี้เขาจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่แดนน้ำแข็ง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อฟางหยวนอย่างมาก
แต่เขาไม่มีทางเลือก
การเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่แดนน้ำแข็งหมายถึงการฉกชิงปราณพิภพซึ่งจะสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อเผ่ามนุษย์หิน นี่เป็นเหตุผลที่เผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะไม่สนใจค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งเขตแดนสนามรบสีเทาเพื่อกำจัดฟางหยวน
แต่นอกเหนือจากการสูญเสีย ฟางหยวนยังได้กำไร
เขาสามารถทำการค้าขายกับเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะ นี่จะทำให้รายได้ต่อเดือนของเขาบรรลุถึงระดับใหม่
ลืมมนุษย์หิมะไปก่อน ประเด็นหลักคือความต้องการวิญญาณความเด็ดเดี่ยวของเผ่ามนุษย์หินสูงกว่ามนุษย์!
เหตุผล?
เรื่องนี้เห็นได้ชัดเมื่อพิจารณาถึงช่วงเวลาที่ฟางหยวนใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวเพิ่มจำนวนประชากรเผ่ามนุษย์หินในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู
วิญญาณความเด็ดเดี่ยวเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหล่อเลี้ยงมนุษย์หิน
นอกจากนี้ฟางหยวนยังขายทรัพยากรบางอย่างที่เขาได้รับจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟานให้กับเผ่ามนุษย์หิน เผ่ามนุษย์หิมะ และเผ่ามนุษย์หมึก เรื่องนี้ทำให้ผมที่หกรู้สึกกังวลและโกรธมาก
‘ฟางหยวนทำกำไรมหาศาล! ข้าควรทำอย่างไร? ข้าต้องหยุดการเติบโตของเขา!’
ถึงเวลาอำลา
“ผู้อาวุโสฟางหยวน ท่านต้องไปเร็วเช่นนี้เลยงั้นหรือ? เหตุใดท่านไม่อยู่ที่นี่ต่ออีกสักวันหรือสองวัน?” เสวี่ยเอ๋อพยายามเกลี้ยกล่อมให้ฟางหยวนอยู่ต่อ
ฟางหยวนส่ายศีรษะและกล่าวด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “เราจัดตั้งพันธมิตรเรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้สำคัญเกินไป ข้าต้องกลับไปรายงานจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเป็นการส่วนตัว เจ้ามั่นใจได้ว่าข้าจะกลับมาอย่างแน่นอน สหายที่เกิดจากการต่อสู้ ข้ารู้สึกชอบที่นี่นัก”
ฟางหยวนสนใจทักษะบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งและหิมะของผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะเหล่านี้รวมถึงท่าไม้ตายของพวกเขา
ท้ายที่สุดแล้วในแง่ของพลังงานแห่งเต๋า ร่างกายของเขาก็มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งและหิมะอยู่มากที่สุด
ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเผ่ามนุษย์หิมะในปัจจุบัน เขาสามารถแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะ แต่ฟางหยวนไม่ได้วางแผนที่จะสละวิญญาณอมตะดวงใดของเขา เขามีแผนที่ดีกว่า
ตัวอย่างเช่นในอนาคตเมื่อผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์บางคนไม่สามารถก้าวข้ามภัยพิบัติของตนและต้องการท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อชะลอเวลาในมิติช่องว่างของพวกเขา
ในเวลานั้นฟางหยวนจะฉวยโอกาสเรียกร้องวิญญาณอมตะ
ในอดีตไห่ฟานเคยทำสิ่งนี้หลายครั้งและได้รับวิญญาณอมตะจำนวนมาก
โดยธรรมชาติเสวี่ยเอ๋อย่อมไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่หล่อเหลาตรงหน้านางกำลังเก็บงำเจตนาชั่วร้ายเอาไว้ ในใจของเขาเต็มไปด้วยแผนการ นางก้มศีรษะลงและรู้สึกลังเล
แต่ในไม่ช้าดวงตาของนางก็เผยให้เห็นถึงความมุ่งมั่นขณะที่นางเงยหน้าขึ้นและส่งบางสิ่งให้กับฟางหยวน
“ผู้อาวุโสฟางหยวน นี่เป็นของขวัญอำลาจากข้า” เสวี่ยเอ๋อพยายามรักษาความสงบแต่เสียงของนางยังสั่นเทา
ฟางหยวนมองและพบว่ามันเป็นไข่มุกน้ำแข็ง!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น