ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1138-1146
บทที่ 1138 มรสุมแมงกะพรุน
ขณะที่กำลังจ้องมองเข้าไปในแววตาของฉินสือโอว วินนี่ก็พูดขึ้นมาว่า “คุณเข้าใจความหมายที่ฉันพูดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาไหมคะ?”
ไม่ต้องรอให้เขาตอบ วินนี่พูดต่ออีกว่า “ฉันอยากบอกคุณ ว่าฉันตกหลุมรักคุณก่อนที่คุณจะรักฉันตั้งนาน ที่รักคะ ตอนนั้นฉันรู้ว่าคุณมีข้อเสียอยู่หลายอย่าง แต่ฉันก็ยังรักคุณ คนที่ฉันอยากแต่งงานด้วยไม่ใช่ผู้ชายที่ดีเลิศเลอ เป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันคิดว่าคู่ควรให้ฉันฝากฝังชีวิตทั้งชีวิตให้เขาดูแล”
ฉินสือโอวออกแรงกอดเธอไว้แน่นๆ เหมือนตอนที่ได้ใกล้ชิดกันครั้งแรกที่คอร์เนอร์ บรูค เขากอดเธอไว้แน่น ราวกับว่าจะรัดให้เธอเข้าไปในร่างกายของตัวเอง
คำพูดพวกนี้ของวินนี่ สามารถคลายปมในใจเขาได้สำเร็จ
ใช่แล้ว วินนี่อยากแต่งงานกับคนที่คู่ควรกับการฝากฝังชีวิตทั้งชีวิตให้ดูแลได้ แล้วเขาไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอกเหรอ? ฉินสือโอวคิดว่า เขาคือคนคนนั้น ถ้าวินนี่จะต้องแต่งงานกับใครสักคน เขาก็คิดว่าคนคนนั้นต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน
อีกอย่างคือ ที่เขาคิดว่าตัวเองสู้อาร์ม็องไม่ได้ ที่จริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย ถ้าเขาเอาตัวเองตอนยังอยู่ที่จีนมาเทียบ ก็นับว่าเขาด้อยกว่าอาร์ม็องอยู่มากจริงๆ แต่เขาในตอนนี้ ต่อให้ไม่มีดัชนีทองคำอย่างหัวใจโพไซดอน ไม่ว่าจะด้านไหนเขาก็ยังมีดีกว่าอาร์ม็องทั้งนั้น
โดยเฉพาะเรื่องที่เขามีคอนเนคชั่นอยู่อย่างแน่นหนา เรื่องนี้พวกผู้ชายธรรมดาๆ ยิ่งเทียบกับเขาไม่ได้
วินนี่สัมผัสดูจังหวะการหายใจของเขา รอจนเขาสงบอารมณ์ลงแล้ว เธอก็พูดกับเขาว่า “ฉันจะบอกเรื่องที่คุณยังไม่รู้อีกสักหน่อย ทำไมพอมาถึงฟาร์มปลาแล้วอาร์ม็องถึงได้แสดงออกอย่างนั้น? ที่จริงนั่นเป็นเพราะคุณทำให้เขารู้สึกกดดัน เขารู้ว่าคุณยอดเยี่ยมแค่ไหน เลยต้องพยายามแสดงด้านที่ดีที่สุดของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ ถ้ามองจากมุมนี้คุณต่างหากที่เป็นฝ่ายชนะ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกเหรอคะ?”
ได้ฟังภรรยาพูดอย่างนี้ ท่านชายฉินก็รู้สึกอิ่มใจแล้ว แต่ยังพยายามแสดงท่าทางไม่มั่นใจออกมา พูดว่า “คุณแค่ปลอบใจผมหรือเปล่าครับ? จะเป็นไปได้อย่างไร ผมมีอะไรโดดเด่นตรงไหนกัน?”
วินนี่มองทะลุผ่านความคิดเขาได้อย่างปรุโปร่ง แต่ไม่ได้เปิดโปงสิ่งที่เขาคิด พร้อมกับช่วยพูดชมเขาว่า “คุณรวย รวยสุดๆ! คุณมีเพื่อนเก่งๆ เยอะมาก คุณกตัญญูกับพ่อแม่แถมยังรู้ความ แล้วก็ยังมีความสามารถมากๆ อีกต่างหาก เท่านี้ยังไม่พออีกเหรอคะ?”
ฉินสือโอวถอนหายใจออกมา แล้วพูดว่า “เฮ้อ นี่มันไม่ได้มีความหมายอะไรเลยนะครับ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณปู่ทิ้งฟาร์มปลาไว้ให้ผม ผมอาจจะไม่มีอะไรสักอย่างเลยก็ได้”
กุญแจสำคัญที่แท้จริงคือหัวใจโพไซดอนต่างหาก ถ้าไม่มีหัวใจโพไซดอน ถึงจะมอบฟาร์มปลาให้เขา แต่คาดว่าตอนนี้เขาก็คงจะเลิกกิจการไปแล้ว
วินนี่พูดว่า “ต่อให้ไม่พูดถึงเรื่องเงิน แต่คุณก็ยังมีความสามารถมากๆ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกันกับปู่ของคุณเลย ใช่ไหมล่ะคะ?”
ฉินสือโอวก็ถามเธออย่างไม่ค่อยมั่นใจว่า “มีความสามารถในด้านไหนเหรอครับ?” เขาคิดว่าเรื่องที่เขามีความสามารถ ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับหัวใจโพไซดอนทั้งนั้น
ใบหน้างดงามของวินนี่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอใช้นิ้วเรียวยาวเหมือนต้นหอมวาดวนอยู่บนหน้าอกของเขา พร้อมกับพูดเบาๆ ว่า “ลูกไงคะ คุณดูสิ แค่แป๊บเดียวพวกเราก็มีเสี่ยวเถียนกวาแล้ว อาร์ม็องกับฟอกส์ยังไม่มีลูกเลยนะ”
เรื่องนี้ไม่ค่อยเกี่ยวกันกับหัวใจโพไซดอนเท่าไรเลยจริงๆ ในตอนนี้เส้นเลือดของฉินสือโอวกำลังสูบฉีดอย่างรวดเร็ว “คุณมันเป็นปีศาจน้อยจอมล่อลวง แต่เรื่องนี้คุณก็พูดถูกแล้วล่ะครับ”
ครอบครัวของวินนี่ยังอยู่ที่ห้องรับแขก แน่นอนว่าพวกเขาต้องไม่ทำอะไรที่มันล้ำเส้นจนเกินไปอยู่แล้ว ฉินสือโอวขอต่อรองกับเธอ เขาให้วินนี่ลงไปข้างล่างก่อน เขาบอกว่าอยากพักอยู่ข้างบนสักเดี๋ยว แต่จริงๆ กลับพาจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปที่ฟาร์มปลาแล้ว
ฟาร์มปลาเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์แล้ว ปลาคาพีลินที่รวมตัวกันเป็นฝูงเล็กๆ ว่ายวนอยู่ในน่านน้ำบริเวณใกล้ฝั่งทะเล พวกมันเป็นกองหน้าของเผ่าพันธุ์ ที่รอคอยการมาถึงของเพื่อนๆ ฝูงใหญ่ เมื่อปลาคาพีลินฝูงใหญ่มาถึงฟาร์มปลา รอจนถึงตอนที่น้ำขึ้น พวกมันก็จะขึ้นฝั่งไปวางไข่
ฟาร์มปลาต้าฉินเป็นแหล่งทรัพยากรปลาค็อดที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก จากบนผิวน้ำคงมองไม่เห็นอะไร จิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปสู่ท่ามกลางผืนน้ำ สิ่งที่มองเห็นมีแต่ปลาคาพีลิน ปลาค็อดแอตแลนติกกับปลาค็อดดำและปลาหิมะ
ปลาค็อดจำนวนนับไม่ถ้วนที่กำลังว่ายน้ำอย่างสบายอกสบายใจ…
ปลาพวกนี้มีขนาดแตกต่างกันหลายไซส์ตั้งแต่ความยาวเท่านิ้วโป้งไปจนถึงปลาใหญ่ที่มีขนาดความยาวถึงหนึ่งเมตรกว่าๆ ปลาใหญ่ไล่ตามปลาซาบะ ปลาแฮร์ริ่ง ปลาคาพีลิน พวกมันเป็นสัตว์ที่มีแหล่งอาหารหลากหลาย เจอปลาเล็กก็กินปลาเล็ก หากเจอลูกหมึกก็กลืนลงไปอย่างไม่ลังเลเช่นกัน
แมงกะพรุนบางส่วนที่กำลังส่งลำแสงสีฟ้ากำลังล่องลอยอยู่ในน้ำ งดงามมาก แต่พวกกุ้งกับปลาจะหลีกเลี่ยงจากพวกมัน เพราะพวกมันมีพิษ
ชั้นทรายเม็ดละเอียดสีขาวใต้ท้องทะเล กุ้งมังกรตัวใหญ่ที่อยู่รวมกันเป็นฝูงเดินไปๆ มาๆ อยู่บนพื้นทราย พวกมันมักจะใช้ก้ามอันใหญ่เสียบเข้าไปในทราย แล้วหลังจากดึงกลับมาก็จะจับสิ่งมีชีวิตชั้นเซฟาโลพอดอย่างหมึกได้เป็นประจำ ฉับๆ ฉับๆ ตัดให้ขาดแล้วกินเข้าไป
ที่ก้นทะเลก็มีแมงกะพรุนเช่นกัน ราวกับว่าแมงกะพรุนพวกนี้ไม่ได้รับแรงกดทับของน้ำทะเล พวกมันลอยละล่องอยู่ในน้ำไปทั่วทุกทิศทาง เหมือนกับโคมไฟสีฟ้าหลายๆ ดวง
ลงน้ำไปลึกกว่านั้นอีกสักหน่อย ปลาใหญ่ก็เริ่มเยอะขึ้นแล้วฉินสือโอวได้พบกับปลาอีโต้มอญที่กำลังออกเดินทางอยู่หลายตัว บนหัวของปลาพวกนี้เป็นสีเขียวสด มองเห็นพวกมันได้ตั้งแต่ยังอยู่ห่างออกไปไกลๆ ปลาเล็กก็จะพากันหลบหลีกทันที
ปลาอีโต้มอญว่ายวนอวดศักดาอาวุธอยู่ในท้องทะเล แต่ในระหว่างนั้นอยู่ๆ พวกมันก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา แล้วว่ายตะบึงหนีอย่างไม่คิดชีวิต หลังจากนั้นแค่ไม่กี่วินาทีในน่านน้ำบริเวณที่พวกมันเคยอยู่ก็มีฝูงปลาใหญ่รูปร่างทรงหยดน้ำยาวสามสี่เมตรพุ่งถลันเข้ามา ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือ!
ในเขตน้ำลึก ยังคงมีแมงกะพรุนสีฟ้าลอยอยู่เหมือนเดิม และเนื่องจากที่นี่ไม่มีแสงส่องถึงตลอดทั้งวัน สีสันและประกายแสงของมันจึงดูสวยงามยิ่งขึ้น เผยสัมผัสของความลึกลับอย่างบางเบา ราวกับปล่อยตะเกียงขงเบ้งจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นสู่ท้องฟ้าในยามค่ำคืน
ฉินสือโอวชื่นชมมันอยู่สักพัก ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติ แม่งเอ๊ย แมงกะพรุนสีฟ้าพวกนี้มาจากที่ไหน เหมือนว่าจะมีจำนวนมากเกินไปหน่อยหรือเปล่า?
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนดำดิ่งลึกลงไปจากน่านน้ำบริเวณแนวปะการัง ปรากฏว่าในหลายๆ ที่ก็ได้เห็นสิ่งมีชีวิตพวกนี้อยู่ อีกทั้งยิ่งลงลึกก็ยิ่งพบเห็นพวกมันได้มากยิ่งขึ้น ตอนนี้ ในหนึ่งฝูงมีแมงกะพรุนอยู่หลายพันหลายหมื่นตัว ขนาดเท่านั้นมันก็ใหญ่เกินไปแล้ว!
ฉินสือโอวคิดว่าตัวเองอาจจะมองผิดหรือเปล่า นี่น่าจะเป็นฝูงปลาคาพีลินหรือเปล่า? ดังนั้นเขาจึงขยี้ตาไปมา แน่ล่ะว่านี่เป็นแค่การหลอกตัวเองเท่านั้น สิ่งที่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนมองเห็นอยู่ตอนนี้ ก็คือแมงกะพรุน แมงกะพรุนจำนวนมหาศาล!
เมื่อเป็นอย่างนี้ท่านชายฉินก็เริ่มเป็นกังวลแล้ว นี่มันไม่ถูกต้อง ที่ฟาร์มปลามีแมงกะพรุนอยู่ตลอด แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่มีจำนวนมากขนาดนี้ ถึงขั้นที่ว่าบางครั้งถ้าเต่ามะเฟืองล่าอาหารอย่างดุเดือด ก็จะทำให้เกิดเหตุการณ์แมงกะพรุนในฟาร์มปลาขาดแคลน จนเต่ามะเฟืองต้องกินสาหร่ายทะเลเป็นอาหารแทน
แต่ในขณะนี้ แมงกะพรุนพวกนี้มีจำนวนมากจนนับไม่หวาดไม่ไหว ต่อให้ขยายฝูงเต่ามะเฟืองให้ใหญ่ขึ้นอีกร้อยเท่าพันเท่า พวกมันก็ไม่มีทางอดตาย
ในความทรงจำของฉินสือโอว ตอนที่เขาประสบกับพายุในอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ เขาก็ได้เห็นแมงกะพรุนที่มีมากขนาดนี้เหมือนกัน
หรือว่าจะมีพายุจู่โจมอีก? ฉินสือโอวเริ่มตื่นตัวขึ้นมา แต่เขาจำได้ว่า ตอนที่แมงกะพรุนรวมตัวกันเพื่ออพยพ แมงกะพรุนทั้งหมด ทุกชนิดทุกสายพันธุ์ ทุกๆ รูปแบบลักษณะ ต่างก็กำลังหนีภัยอยู่ด้วยกันทั้งหมด แต่ตอนนี้ แมงกะพรุนฝูงใหญ่ที่ปรากฏตัวในฟาร์มปลา แทบจะมีลักษณะเหมือนกันทั้งหมด
เป็นแมงกะพรุนสีฟ้าที่สวยงามมากๆ ชนิดหนึ่ง
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนแฉลบผ่านฟาร์มปลาด้วยความรวดเร็ว หลังจากนั้นฉินสือโอวก็ปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนอีกสามอันออกไปแล้วเช่นกัน นำสถานการณ์รอบด้านมาร้อยเรียงเข้าด้วยกัน หลังจากนั้นก็พบว่า ที่ฟาร์มปลาเกิดปัญหาแมงกะพรุนระบาดอย่างกะทันหัน หลายๆ แห่งในฟาร์มปลาล้วนแต่มีแมงกะพรุนสีฟ้าชนิดนี้อยู่ด้วยกันทั้งนั้น
รู้สึกว่าสถานการณ์ท่าจะไม่ดีแล้ว ฉินสือโอวพลิกตัวแล้วลุกขึ้นมา เขาเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อไปค้นหาแมงกะพรุนชนิดนี้ หลังจากนั้นเพียงไม่นานเขาก็ได้รับคำตอบ แมงกะพรุนเวเลลลา!
ต่อจากนั้นเขาก็ทำการค้นหาข้อมูลโดยใช้คีย์เวิร์ดสำคัญว่าแมงกะพรุนเวเลลลา ข่าวที่มีความเชื่อมโยงกันก็ปรากฏขึ้น สิ่งที่พบได้มากที่สุดในข่าวพวกนั้นก็คือ ภัยพิบัติสีฟ้า มรสุมแมงกะพรุนเวเลลลา!
บทที่ 1139 ทำสงครามต่อต้านแมงกะพรุน
แมงกะพรุนเวเลลลาคือแพลงก์ตอนทะเลไฮโดรซัวในวงศ์ Porpitidae มีหนวดยาว ขณะที่มีชีวิตอยู่ลำตัวและถุงอากาศของพวกมันจะปรากฏให้เห็นเป็นสีฟ้าคราม แมงกะพรุนเวเลลลาโปร่งใสไม่มีสี แมงกะพรุนเวเลลลาในน่านน้ำมหาสมุทรแอตแลนติก จะมีสีฟ้าที่ชัดเจนกว่า
ถ้าแค่ชื่นชมอย่างเดียว แมงกะพรุนเวเลลลาถือเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่สุดยอดมาก ทว่าพวกมันไม่ยอมเป็นแจกันประดับดอกไม้เพียงอย่างเดียว แต่พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะเป็นผู้สร้างความหายนะ…
แมงกะพรุนเวเลลลาเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม พวกมันอาศัยลมทะเลในการเคลื่อนไหว เนื่องจากสิ่งมีชีวิตชนิดนี้นอกจากตอนที่ยังเล็ก ในช่วงเวลาอื่นส่วนใหญ่แล้วมันจะขับแก๊สออกมาเพื่อให้ร่างกายลอยขึ้นมาสู่ผิวทะเล ด้วยเหตุนี้เมื่อมีพายุ พวกมันก็จะถูกเข้าไปในฟาร์มปลาที่อยู่ใกล้ชายฝั่งทั้งฝูง จนสร้างความเสียหายให้กับฟาร์มปลา
และถึงจะไม่มีพายุ ที่ที่แมงกะพรุนเวเลลลาปรากฏตัวขึ้นก็ถือเป็นฝันร้ายสำหรับธุรกิจประมง เนื่องจากมีจำนวนมากเกินไป ตามสถิติของสำนักงานสถิติด้านชีววิทยาทางทะเลภายใต้กรมประมงของสหรัฐอเมริกา แมงกะพรุนเวเลลลากลุ่มใหญ่สามารถรวมตัวกันลอยน้ำอยู่บนผิวทะเลได้กว้างถึง 100 กิโลเมตร
สิ่งมีชีวิตฝูงใหญ่กว้าง 100 กิโลเมตร ข้างในมีแต่แมงกะพรุน แค่ลองคิดๆ ดูท่านชายฉินก็มึนแล้ว!
ถ้าแมงกะพรุนรวมกลุ่มแล้วปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน ไม่เพียงแต่จะแย่งชิงออกซิเจนในน้ำ แต่ทำให้ปลาทะเลขาดอากาศหายใจจนตาย และพวกมันยังกินปลากับกุ้งเป็นอาหารอีกด้วย! สำหรับฟาร์มเพาะเลี้ยงแล้ว นี่เป็นปัญหาที่ร้ายแรงมาก
ฉินสือโอวอ่านข่าว เมื่อปลายเดือนเมษายนของปีที่แล้ว แมงกะพรุนไฟราวๆ หนึ่งพันล้านตัวถูกพัดขึ้นสู่ชายฝั่งตะวันตกของอเมริกา พวกมันกระจายตัวปกคลุมแถบชายฝั่งในรัฐออริกอนและรัฐวอชิงตันราวกับปูพรมทับ ทอดยาวติดต่อกันหลายสิบกิโลเมตรจนชายหาดกลายเป็นสีฟ้า
ประชาชนในพื้นที่ที่น่าสงสารผู้ซึ่งผ่านการทำลายล้างเหมือนในหนังฮอลลีวูดมาอย่างโชกโชน ยังนึกว่ามนุษย์ต่างดาวบุกเข้ามา จึงพากันโทรไปแจ้งสถานีตำรวจ ให้คนชุดดำในแอเรีย 51 อะไรสักอย่างรีบส่งทหารเข้ามา
หลังจากนั้นบรรดาผู้เชี่ยวชาญก็ได้ไขข้อข้องใจในเรื่องนี้ว่า สัตว์ประหลาดตัวสีฟ้าพวกนี้ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว แต่เป็นแมงกะพรุนชนิดหนึ่ง และการที่พวกมันเกยตื้นพร้อมกันจนกินพื้นที่ขนาดใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องที่พบเห็นได้ยาก ทุก 3-6 ปีจะเกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้นหนึ่งครั้ง
ทว่า เมื่อก่อนจะปรากฏขึ้นในพื้นที่เขตร้อนเป็นส่วนใหญ่ เหล่าผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าแมงกะพรุนเวเลลลาเป็นตัวบ่งชี้ถึงกระแสน้ำอุ่น การปรากฏตัวในเขตอบอุ่นเป็นเหตุการณ์ที่ในร้อยปีถึงจะเกิดขึ้นสักครั้ง ดังนั้นทุกคนจึงไม่เคยพบเห็นมาก่อน และแน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องกังวลกับเรื่องนี้
ตัวบ่งชี้กระแสอากาศอุ่น แค่เห็นชื่อก็ทราบได้ถึงความหมายของมัน นั่นแสดงให้เห็นว่าสถานที่ที่สิ่งมีชีวิตพวกนี้ปรากฏตัวขึ้นจะมีกระแสน้ำอุ่นไหลผ่าน พวกมันเป็นสายพันธุ์ที่เคลื่อนไหวไปตามกระแสน้ำอุ่น สิ่งมีชีวิตชนิดอื่นอย่างปลาโบนิโตก็นับว่าเป็นสัตว์ประเภทนี้เช่นกัน
พอเป็นแบบนี้ฉินสือโอวก็ปวดกระบาลแล้ว ใครมันบอกว่าอเมริกามีความน่าเชื่อถือกัน พวกเขาบอกว่าในหนึ่งร้อยปีภัยพิบัติจากฝูงแมงกะพรุนเวเลลลาจะปรากฏขึ้นในเขตอบอุ่นแค่หนึ่งครั้งไม่ใช่หรอกเหรอ? แต่ปีที่แล้วเพิ่งจะเกิดวิกฤตการณ์นี้ ปีนี้ก็ปรากฏขึ้นอีกแล้ว แถมยังเกิดขึ้นในเขตอบอุ่นอีกต่างหาก นี่มันไม่น่าเชื่อถือเลย
ต่อให้ฉินสือโอวโง่ เขาก็รู้ว่าฟาร์มปลาของเขาประสบกับภัยพิบัติครั้งใหญ่จากการระบาดของแมงกะพรุนเข้าให้แล้ว!
แมงกะพรุนภายใต้สถานการณ์ปกติ ดูอ่อนโยนและงดงาม โดยเฉพาะแมงกะพรุนเวเลลลา ซึ่งเป็นหนึ่งในแมงกะพรุนสวยงามที่มีชื่อเสียง บ่อแมงกะพรุนในพิพิธภัณฑ์โลกใต้สัตว์น้ำก็เพาะเลี้ยงพวกมันเอาไว้แทบจะทุกแห่ง แต่ในเวลาล่าอาหาร พวกมันก็คือปีศาจร้ายที่น่าหวาดกลัวนั่นเอง
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกสำรวจไปทั่วทุกหนแห่ง ฉินสือโอวไม่รู้เลยว่าเขาได้เห็นแมงกะพรุนที่กำลังล่าอาหารไปมากแค่ไหนแล้ว
พอเจอลูกกุ้งลูกปลา แมงกะพรุนเวเลลลาก็ยืดหนวดออกมาจับพวกมันไว้ หนวดของแมงกะพรุนเป็นอาวุธที่ร้ายกาจมาก หนวดทุกเส้นมีเหล็กในนับร้อยนับพันอยู่ข้างใน หลังจากจับเหยื่อได้แล้ว เหล็กในจะสามารถแทงเข้าไปในเนื้อหนังของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างรวดเร็ว แล้วจะปล่อยพิษเข้าไป ทำให้เหยื่อเกิดอาการชา
ในความคิดของฉินสือโอว แมงกะพรุนยังเหมาะกับคำว่าอสรพิษแสนสวยยิ่งกว่าพวกงูเขียวไผ่เสียอีก พวกมันดูเหมือนจะอ่อนโยน แต่ในความเป็นจริงพวกมันเป็นหนึ่งในสัตว์กินเนื้อที่โหดร้ายทารุณที่สุดในโลก เป็นนักล่าอันดับต้นๆ ของท้องทะเลโดยสมบูรณ์!
โดยทั่วไปแล้วแมงกะพรุนเวเลลลาจะมีขนาดค่อนข้างเล็ก หลังจากที่พวกมันจับกุ้งจับปลาไว้ได้แล้ว จะไม่สามารถกินเหยื่อเข้าไปได้ทั้งตัว กินได้แค่ส่วนเดียวเท่านั้น แล้วส่วนที่เหลือก็จะจมลงไปตายใต้ก้นทะเล
และหลังจากปลากับกุ้งที่ตายแล้วจมลงสู่ก้นทะเลก็ยังไม่ถือว่าเรื่องจบลงแค่นั้น พวกมันจะเน่า แล้วปล่อยเชื้อแบคทีเรียและไวรัสออกมา จนทำให้น้ำทะเลเกิดการปนเปื้อน…
หลังจากได้รู้เรื่องพวกนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา เขากลับไปคิดถึงเรื่องที่ว่าเขากับอาร์ม็องใครเป็นลูกเขยที่ดีกว่ากันอะไรเทือกนั้นไม่ได้แล้ว เขาลงจากเตียงแล้วออกไปข้างนอกทันที
หู่จือเป้าจือร้องหงิงๆ กอดขาเขาเอาไว้ เพื่อออดอ้อนขอความรัก ฉินสือโอวอุ้มพวกมันขึ้นมาแล้วโยนพวกมันลงไปบนเตียง ให้พวกมันได้สัมผัสกับความเจ็บแสบของเครื่องบินบกดูสักหน่อย
ตอนที่ลงมาข้างล่าง ฉินสือโอวพยายามเก็บสีหน้าไม่ให้ดูตื่นตระหนกอย่างเต็มที่ เขาทักทายทุกๆ คน แล้วบอกว่าจะออกไปเดินเล่นริมทะเลสักหน่อย
อาร์ม็องก็ถามเขาด้วยความตกใจว่า “ดึกขนาดนี้น่ะเหรอ?”
ฉินสือโอวแย้มรอยยิ้มแล้วพูดกับเขาว่า “เดินเล่นบนหาดทรายขาวตอนกลางคืน ด้านบนมีแสงจันทร์สีเงินสาดส่อง แบบนั้นยิ่งงดงามไม่ใช่เหรอครับ?”
อาร์ม็องยกนิ้วโป้งให้เขา น้องชายนายช่างเจ้าบทเจ้ากลอนจริงๆ
วินนี่วิ่งกระโดดโลดเต้นตามเขามา แล้วพูดว่า “ฉันจะไปกับคุณเองค่ะ”
ฉินสือโอวจึงพูดกับเธออย่างประหลาดใจว่า “คุณจะไปกับผมทำไมกันครับ? อยู่กับคุณพ่อคุณแม่กับคุณปู่คุณย่าที่บ้านดีกว่าไหม?”
วินนี่ย่นจมูกใส่ แล้วพูดว่า “ฉันกลัวว่าคุณจะคิดสั้น กระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทิ้งให้ฉันกับเสี่ยวเถียนกวาเป็นแม่หม้ายกับเด็กกำพร้า น่ากลัวจะตายไปค่ะ”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมา “จะเป็นไปได้อย่างไรกันล่ะ ผมจะคอยอยู่ข้างๆ คุณไปตลอดกาลเลย”
“จะอยู่ด้วยกันไปตลอดกาลได้อย่างไรคะ? เวลาผ่านไปเร็วขนาดนั้น ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนแล้ว ฉันรู้สึกว่าเวลาผ่านไปแค่พริบตาเดียว แต่ต้าป๋ายถึงแก่ขนาดนี้แล้วได้อย่างไรกัน?”
ขณะที่กำลังทอดถอนใจไปพร้อมกันกับวินนี่ ฉินสือโอวก็ใช้พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนควบคุมแมงกะพรุนเวเลลลาใกล้ฝั่งทะเลให้ลอยขึ้นมา หลังจากนั้นก็ให้คลื่นทะเลซัดขึ้นมาบนชายหาด
สาเหตุที่แมงกะพรุนเวเลลลาง่ายต่อการกลายเป็นภัยพิบัติขนาดนี้ ยังมีปัญหาอยู่อีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือพวกมันสามารถซ่อนตัวได้ดีมาก ถ้าไม่แพร่ระบาดจนปะทุออกมาก็จะไม่มีทางลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ
ซุนวูกล่าวไว้ว่า ผู้ที่ซ่อนตัวได้ดีที่สุดจะซ่อนตัวราวกับอยู่ใต้พิภพ แมงกะพรุนเวเลลลามีความสามารถในการหลบซ่อนเป็นอย่างดีเลยล่ะ
แค่แป๊บเดียว แมงกะพรุนเวเลลลาฝูงใหญ่ก็ขึ้นมาปรากฏตัวอยู่บนชายหาด แสงยามราตรีสว่างมาก ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีพระจันทร์เพียงครึ่งซีกไม่ใช่พระจันทร์เต็มดวง ทว่าแสงจันทร์ก็ยังคงส่องสว่างเป็นอย่างมาก เมื่อเดินมาถึงริมทะเล ก็สามารถมองเห็นแมงกะพรุนพวกนี้ได้แล้ว
เมื่อพบว่ามีแมงกะพรุนถูกพัดขึ้นมาบนชายฝั่งมากมายขนาดนี้ วินนี่ก็เผลอร้องออกมาด้วยความตกใจ “พระเจ้า ทำไมที่ฟาร์มปลาถึงได้มีแมงกะพรุนเยอะขนาดนี้?”
ฉินสือโอวก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมาเหมือนกัน ต่อจากนั้นเขาก็ทยอยโทรศัพท์หาชาร์ค ซีมอนสเตอร์กับแซนเดอร์สและคนอื่นๆ บอกให้พวกเขารีบมาที่นี่
เขาประเมินว่าน่าจะไม่ใช่แค่ฟาร์มปลาของเขาที่ประสบกับภัยพิบัติ ตามลักษณะนิสัยของแมงกะพรุนเวเลลลา ทุกครั้งที่พวกมันปะทุตัวออกมาก็จะทำลายน่านน้ำไปทั้งผืน เช่นนั้นแล้วอย่างน้อยที่สุดในตอนนี้น่านน้ำทั่วทั้งนครเซนต์จอห์น ก็คงจะเกิดวิกฤตการณ์นี้ขึ้นแล้ว
สิ่งที่น่าชังก็คือ สำนักงานประมง สำนักตรวจสอบเฝ้าระวังทะเลและชายฝั่ง รวมไปถึงหน่วยงานอื่นๆ ต่างก็ไม่ได้ทำการแจ้งเตือนล่วงหน้า หรือพูดอีกอย่างคือหน่วยงานเหล่านี้ทำงานเพื่อหวังความสุขความสบายเท่านั้น พวกเขาไม่ได้ตรวจพบวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดในครั้งนี้เลยด้วยซ้ำ
เมื่อได้รับสายโทรศัพท์จากฉินสือโอว พวกเขาทุกคนก็รีบมาที่นี่ทันที พวกเขามองเห็นแมงกะพรุนที่ถูกซัดขึ้นมาบนชายฝั่งตลอดทางที่เดินมาที่นี่ จิตใจก็เริ่มร้อนรนขึ้นมา หลังจากได้เจอกันฉินสือโอวจึงถามเขาด้วยประหลาดใจว่า “ทำไมถึงได้มีแมงกะพรุนเยอะขนาดนี้กันล่ะ?”
ถึงอย่างไรผู้เชี่ยวชาญก็คือผู้เชี่ยวชาญ แซนเดอร์สเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง ไม่เหมือนกับพวกที่รัฐบาลหามาไว้เพื่อแก้ข่าวลือพวกนั้น หลังจากที่ได้เห็นลักษณะของแมงกะพรุนเขาก็พูดว่า “นี่คือแมงกะพรุนเวเลลลา ให้ตายสิ จะต้องติดมากับกระแสน้ำอุ่นเม็กซิโกแน่ๆ แย่ล่ะ นิวฟันด์แลนด์มีปัญหาแล้ว!”
ฉินสือโอวควักโทรศัพท์ออกมาโทรหาหม่าจิน ซิว อธิบดีอาวุโสยังไม่นอน อีกทั้งตอนรับสายยังมีอารมณ์พูดหยอกเขาเล่น “นายทะเลาะกับแฟนมาใช่ไหม ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้มีเวลาโทรมาหาเพื่อนเก่าอย่างฉันคนนี้?”
ท่านชายฉินหัวเราะเจื่อนๆ “ท่านอธิบดีครับ ผมจำเป็นต้องโทรมาหาท่าน ตอนนี้พวกเราพบแมงกะพรุนเวเลลลาจำนวนมหาศาลในฟาร์มปลาของพวกเรา ผมคิดว่าน่าจะดีที่สุดถ้าท่านส่งคนมาตรวจสอบอย่างละเอียด ผมสังหรณ์ใจว่า พวกเราคงจะต้องทำสงครามต่อต้านแมงกะพรุนแล้วล่ะครับ!”
บทที่ 1140 ระดมกำลังทั้งหมด
หลอดในฟาร์มปลาส่องสว่างขึ้นทุกดวงแล้ว หยิบหลอดไฟทังสเตนไอโอดีนขนาดใหญ่ที่เก็บไว้ในห้องเก็บของออกมาให้หมด แบ่งไปติดตั้งไว้ที่เรือปริ้นเซสเมล่อน ที่ท่าเรือและพื้นที่บางจุดตามริมชายหาด เมื่อพลังงานไฟฟ้าผ่านเข้าไป ก็คล้ายกับว่าที่ฟาร์มปลามีพระอาทิตย์ลอยขึ้นมาหลายดวง ส่องสว่างจนทั่วทั้งฟาร์มปลากลายเป็นสีขาว!
พวกหู่จือเป้าจือคิดว่ามีกิจกรรมอะไรสักอย่าง จึงวิ่งหนีวิ่งตามกันอยู่บนชายหาดด้วยความคึกคักดีใจ อีกทั้งฉงต้ายังไปดึงฉินสือโอวให้มาเล่นกับพวกมันอีกด้วย ทำให้ท่านชายฉินรู้สึกโมโหขึ้นมา พวกแกมีตาบ้างไหมเนี่ย?
วินนี่จับก้นพวกมันไว้แล้วฟาดพวกมันไปตัวละสองที เหล่าสัตว์เลี้ยงยอมอยู่นิ่งๆ แล้วนั่งดูพวกชาวประมงทำงานอยู่บนชายหาด
เรือฮาวิซทเพิ่งจะถูกปรับแต่งให้เป็นเรืออวนลากจับสัตว์ทะเลหน้าดิน ดังนั้นจึงไร้ซึ่งกำลังที่จะนำมาใช้รับมือกับแมงกะพรุน เรือปริ้นเซสเมล่อนจึงได้ออกรบครั้งนี้เป็นครั้งแรก อวนลากขนาดมหึมาถูกสะบัดลงไปในน้ำ เสียงเครื่องยนต์ร้องคำราม ลำเรือขนาดใหญ่ยักษ์เริ่มเดินเครื่องแล้ว
ฉินสือโอวยืนมองทะเลลึกที่กว้างใหญ่อยู่บนหัวเรือ เขาพูดออกมาอย่างอดที่จะทอดถอนใจไม่ได้ว่า “ไม่คิดว่าครั้งแรกที่เรือปริ้นเซสเมล่อนได้ออกปฏิบัติการ จะถูกใช้เพื่อทำงานนี้! ขี่ช้างจับตั๊กแตน นี่มันขี่ช้างจับตั๊กแตนชัดๆ!”
ถึงจะเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตน แต่ก็จำเป็นจะต้องนำมาใช้งาน ภัยพิบัติจากแมงกะพรุนจำเป็นต้องจัดการให้สิ้นซากตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่อย่างนั้นจะส่งผลร้ายให้กับฟาร์มปลา
ถ้าเป็นทะเลหลวง ที่จริงแล้วต่อให้ไม่ดูแลก็ไม่ต้องเป็นกังวล
การแพร่พันธุ์ของแมงกะพรุนมีช่วงเวลาที่ถูกกำหนดไว้โดยเฉพาะ ดังนั้นพวกมันไม่มีทางแพร่พันธุ์ตามใจได้อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นฟาร์มปลาต้าฉินคงล่มสลายจนกลายเป็นอาณาจักรของแมงกะพรุนไปแล้ว
แมงกะพรุนมีช่วงชีวิตที่สั้นมาก ต่อให้ไม่จัดการดูแลมัน ใช้เวลามากที่สุดครึ่งเดือน พวกมันก็ตายหรือไม่ก็ตามคลื่นลมเคลื่อนย้ายออกจากน่านน้ำแห่งนี้แล้ว พวกมันไม่มีสมอง ไม่สามารถตัดสินใจในการเคลื่อนไหวด้วยตัวเองได้ ต้องพึ่งคลื่นลมคลื่นทะเลในการเคลื่อนที่
แต่ปัญหาก็คือ ฟาร์มปลาเอกชนใช้วิธีรอเวลาไม่ได้ อย่างแรกการระบาดของแมงกะพรุนจะทำลายฟาร์มปลาให้เกิดความเสียหาย ด้วยการแย่งชิงอาหาร ออกซิเจนในน้ำของปลาและกุ้ง อีกทั้งยังกินปลากับกุ้งเป็นอาหารอีกด้วย ข้อต่อมาถ้ามีฝูงแมงกะพรุนอยู่ ก็จะไม่สามารถใช้อวนลากจับปลาได้ ที่ลากมาได้ก็จะมีแต่แมงกะพรุน!
ปล่อยอวนลากขนาดมหึมาลงไปในน้ำ หลังจากทอดอวนลงไปแล้วก็เตรียมตัวจับแมงกะพรุนอย่างปราศจากการควบคุม
แต่ปรากฏว่าด้วยจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ฉินสือโอวมองเห็นว่าหลังจากอวนจับปลาจมลงไปในน้ำ แมงกะพรุนที่อยู่รอบๆ ก็หนีไปทันที ดังนั้นเมื่อลากอวนจับปลา ประสิทธิภาพในการจับแมงกะพรุนจึงลดต่ำลง การที่จะจับแมงกะพรุนหลายล้านหลายสิบล้านพวกนี้ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
หลังจากลากอวนขึ้นมาครั้งแรก พวกชาวประมงก็ทราบถึงปัญหานี้แล้ว ขณะที่กำลังมองดูแมงกะพรุนเวเลลลาที่วางกองอยู่บนดาดฟ้าเรือ ชาร์คก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ได้แล้วครับ บอส อาศัยการจับอย่างเดียวแก้วิกฤตการณ์ไม่ได้แน่”
แซนเดอร์สที่ติดเรือมาออกปฏิบัติการก็ลองคิดๆ ดูแล้วพูดว่า “แคนาดาอาจจะไม่เคยประสบกับวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของแมงกะพรุนมาก่อน ดังนั้นพวกเราจึงขาดประสบการณ์ในการจัดการกับปัญหา ฉันแนะนำให้ลองติดต่อกับคนในสายอาชีพเดียวกันในแคลิฟอร์เนียกับรัฐวอชิงตันสักหน่อยดีกว่า ลองดูว่าเมื่อก่อนพวกเขาจัดการกันอย่างไร”
“เรื่องนี้ให้กรมประมงเป็นฝ่ายจัดการก็ได้ เพียงแต่ว่า วิธีที่เร็วที่สุดที่พวกเขาจะมีให้ก็ต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้ คุณหวังให้พวกข้าราชการแก่ๆ ของเราทำงานดึกๆ ดื่นๆ เกินเวลาไม่ได้หรอก แต่พวกเราจะรอพวกเขาได้ไหมล่ะ?” บูลพูดอย่างไม่พอใจ
จะจับแมงกะพรุนเวเลลลาไม่ใช่งานที่ง่าย อเมริกาก็อาจจะไม่ได้มีวิธีดีๆ เนื่องจากหนวดของแมงกะพรุนเวเลลลาหนึ่งตัวมีเซลล์ประสาทรับความรู้สึกมากถึงห้าแสนเซลล์ แล้วแมงกะพรุนเวเลลลาหนึ่งตัวมีหนวดอยู่กี่เส้นกันล่ะ? ดังนั้นวิธีการแบบปกติอาจจะใช้กับพวกมันไม่ได้ผล
ฉินสือโอวให้ชาร์คค้นหาวิธีในอินเทอร์เน็ต ให้แซนเดอร์สไปค้นหาวิธีจากในหนังสือ ส่วนตัวเขาก็โทรศัพท์ไปหาเจ้าของฟาร์มปลาบรรดาเพื่อนร่วมสายอาชีพ เตือนพวกเขาให้ระวังวิกฤตการณ์แมงกะพรุนแพร่ระบาด ขณะเดียวกันก็สอบถามพวกเขาว่าพอจะมีวิธีจัดการไหม
ในเวลานี้บรรดาเจ้าของฟาร์มปลายังไม่ได้เข้านอน สามารถโทรศัพท์ไปหาได้ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ใช่เจ้าของฟาร์มปลาทุกคนที่จะใจเย็นไม่รีบไม่ร้อนเหมือนฉินสือโอว เขาจ้างชาวประมงคนเก่าคนแก่มาไว้ในมือมากมายขนาดนี้ อีกทั้งยังมีดัชนีทองคำอย่างหัวใจโพไซดอน แบบนี้ถึงจะสามารถเปิดฟาร์มปลาเล่นๆ แก้เบื่อได้
เจ้าของฟาร์มปลาคนอื่นๆ จนปัญญาและรู้สึกขมขื่นกว่ามาก ไม่ว่าครอบครัวของพวกเขาจะมีเงินเป็นล้านหรือหลายสิบล้าน ก็ต้องทำฟาร์มปลาให้ดีทั้งนั้น ต้องทำงานจนเหนื่อยเยี่ยงสุนัขในทุกๆ วัน สำรวจฟาร์มปลาทั้งเช้าและเย็น เตรียมป้องกันการถูกขโมยปลา ตรวจดูสภาพการเติบโตของปลาและกุ้ง วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของผลผลิตในการจับปลาเป็นต้น งานของฟาร์มปลามีขั้นตอนที่ซับซ้อนมาก
เมื่อได้รับสายของฉินสือโอว เจ้าของฟาร์มปลาเหล่านั้นก็ยังไม่อยากจะเชื่อ ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ตั้งอยู่ในน่านน้ำเขตอบอุ่น ไม่เคยประสบกับวิกฤตการณ์แมงกะพรุนระบาดมาก่อน
คนที่ฉินสือโอวให้อภิสิทธิ์โทรไปหาก่อนก็คือเจ้าของฟาร์มปลาที่รีบมาช่วยเขาตอนวิกฤตบริษัท ดาว เคมิคอลเมื่อครั้งก่อน อย่างโดนัลด์ บราวน์
แต่ปรากกว่าหลังจากรับสายโทรศัพท์ของเขาแล้วเจ้าหมอนั่นก็พูดด้วยความสงสัยว่า “นายพูดเรื่องอะไร? ฟาร์มปลาเกิดวิกฤตการณ์แมงกะพรุนแพร่ระบาด? จะเป็นไปได้อย่างไร ตอนนี้ฉันกำลังอยู่บนทะเลนะ ไม่เห็นมีแมงกะพรุนเลย…เฮ้ โทนี่ เห็นแมงกะพรุนบ้างไหม?”
“ไม่มีนะครับ เจ้านาย ไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง”
“เห็นไหม ลูกน้องของฉันไม่มีใครเจอแมงกะพรุนเลย” โดนัลด์พูดกับเขาในโทรศัพท์
ฉินสือโอวถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “ก่อนจะมีการรวมตัวแพร่ระบาด พวกมันจะไม่ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ นายควรจะลองหาอย่างละเอียด ทางฝั่งฉันแมงกะพรุนถูกคลื่นทะเลซัดขึ้นมาบนชายหาดแล้ว นายอยากดูวิดีโอหน่อยไหมล่ะ?”
วิดีโอน่าจะมีความสามารถในการเกลี้ยกล่อมมากกว่า เมื่อได้เห็นแมงกะพรุนสีฟ้าที่กองอยู่บนดาดฟ้าเรือปริ้นเซสเมล่อนผ่านทางโทรศัพท์ โดนัลด์จึงให้ลูกน้องตรวจหาอย่างละเอียด
การค้นหาแมงกะพรุนในท้องทะเลยามค่ำคืนไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทั่วทั้งตัวของแมงกะพรุนมีน้ำอยู่ 95% มันมีลักษณะโปร่งใสครึ่งตัว จึงใช้แสงในการค้นหาได้ยากมาก
และการที่จะใช้ศาสตร์แห่งเสียงมาตรวจหาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เนื่องจากเส้นกั้นระหว่างแมงกะพรุนกับน้ำทะเลมีไม่มากนัก อย่างเช่นเครื่องโซนาร์ค้นหาปลากับอุปกรณ์ตรวจหาปลาที่ตรวจเจอปลาใหญ่ที่อยู่ต่ำกว่าสี่พันเมตร กลับตรวจหาแมงกะพรุนที่อยู่ในความลึกไม่ถึงสี่สิบเมตรไม่เจอ
โชคดีที่หลังจากทิ้งอวนตรวจหาดูอย่างละเอียดแล้ว ในที่สุดก็สามารถจับขึ้นมาได้บางส่วน
ผ่านไปสักพัก โดนัลด์ก็ร้องตะโกนขึ้นมาว่า “โอ้ ชิท! พระเจ้า ฉินพูดถูก แม่งเอ๊ยที่ฟาร์มปลาของฉันก็มีแมงกะพรุนเหมือนกัน ทำอย่างไรดีล่ะ? จะทำอย่างไรดี?”
ฟังโดนัลด์แผดเสียงร้องด้วยความตื่นตระหนก ฉินสือโอวก็กลอกตาอย่างจนปัญญา “ที่ฉันโทรศัพท์มาหานาย ก็เพราะจะถามว่าจะทำอย่างไรดีนี่แหละ”
เมื่อทางฝั่งนี้ไม่มีประโยชน์ ฉินสือโอวจึงโทรไปหาแอนดรูว์ ทัคเกอร์ การสนทนาก็มีขั้นตอนเหมือนเดิมอีกครั้ง ทีแรกแอนดรูว์ก็ไม่เชื่อเขาเหมือนกัน หลังจากนั้นพอเขาหย่อนอวนตรวจสอบด้วยตัวเอง เขาก็ร้องโวยวายเสียงดังขึ้นมา
ส่วนแผนรับมือน่ะเหรอ? ขอโทษที สำหรับพวกเขามันเป็นเรื่องที่ยากเกินไป
ฉินสือโอวโทรหาเซอร์จิโอที่เป็นชาวอินเดียนแดง ราชานักพนันแห่งนิวฟันด์แลนด์คนนี้เคยเสียเงินให้กับเขาในระหว่างการทัศนศึกษาของเจ้าของฟาร์มปลาเป็นจำนวนไม่น้อย แต่เขาก็ยอมต่อเหตุผลและความสามารถ ตอนนี้ทั้งสองคนไม่ได้มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์กันแล้ว อีกทั้งความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่ได้แย่
หลังจากรับสาย เซอร์จิโอน่าจะกำลังอยู่ในงานปาร์ตี้ ทางด้านนั้นเสียงดังจ้อกแจ้กจอแจวุ่นวายสุดๆ เขาเองก็ดื่มจนเริ่มมึนแล้ว “อะไรนะ? มีแมงกะพรุนในฟาร์มปลา? ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้มันมีไปสิ! ฉิน ฉันจะบอกอะไรให้นะเพื่อน นายอยากมาแฮปปี้ๆ กับฉันที่นี่ไหมล่ะ? เหล้าดี ผู้หญิงสวย กัญชา การพนัน มีครบทุกอย่างเลย…”
“นายรีบสร่างเถอะ นายยังไฮยาอยู่นะ! ถ้ายังจะไฮต่อ ฟาร์มปลาของนายจะไม่มีปลาเหลืออยู่แล้ว!”
เซอร์จิโอหัวเราะเหอะๆ พูดว่า “ล้อเล่นอะไรกัน ฟาร์มปลาเคยไม่มีปลาตอนไหน? ปีนี้ฉันยังไม่ได้ตกปลาในฟาร์มเลย”
ฉินสือโอวจนปัญญา ทำได้แค่ตัดสายไป เขาลืมไปว่าคนพวกนี้มองว่าฟาร์มปลาเป็นเพียงคฤหาสน์บนภูเขาสำหรับตากอากาศก็เท่านั้น แมงกะพรุนเวเลลลาปรากฏตัวขึ้นในฟาร์มปลาอาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเขาก็ได้ ถึงอย่างไรของพวกนี้ก็งดงามมากๆ
แต่เจ้าของฟาร์มปลาส่วนใหญ่หลังจากได้ทราบเรื่องนี้ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมาทั้งนั้น พวกเขาพากันขับเรือออกทะเลไปรับมือกับสัตว์ประหลาดสีฟ้าพวกนั้นทันที ส่วนสถานการณ์การต่อสู้จะเป็นอย่างไรนั้น ฉินสือโอวก็ไม่อาจรู้ได้แล้ว เขาคิดว่าวิกฤตการณ์ครั้งนี้คงไม่ผ่านไปง่ายๆ อย่างน้อยๆ จนถึงตอนนี้เขาก็ตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว
บทที่ 1141 อาหารสัตว์ที่อ้วนท้วนสมบูรณ์
เมื่อไม่ได้วิธีรับมืออะไรกลับมา ฉินสือโอวก็ไม่ได้รู้สึกทดท้อ เขามีวิธี แต่ความคิดนี้ค่อนข้างอันตรายไปหน่อย
เมื่อเทียบกันแล้วแมงกะพรุนเวเลลลากับปลาและกุ้งในทะเลมีความแตกต่างที่มากที่สุดอยู่หนึ่งอย่าง ซึ่งเกี่ยวกับการที่พวกมันไม่มีมันสมองใหญ่นั่นเอง ดังนั้นพวกมันจึงไม่รู้จักความหิวโหย เพราะกินเอาอาหารเข้าไปตลอดชีวิต นี่เป็นหลักประกันได้ว่าพวกมันจะสามารถมีชีวิตรอดยาวนานที่สุด ซึ่งสิ่งนี้ก็นำปัญหาอื่นมาให้เช่นกัน
อย่างเช่นเรื่องที่พวกมันไม่สามารถถ่ายทอดข้อมูลได้ หลังจากที่พวกมันประสบกับภาวะวิกฤต ก็จะไม่สามารถพลิกแพลงสถานการณ์ได้
ฉินสือโอวคิดจะแจกจ่ายจิตสำนึกแห่งโพไซดอนในขอบเขตขนาดใหญ่ เพื่อให้พวกกุ้งปูปลาไปรวมตัวกันอยู่ในน่านน้ำหนึ่ง เพื่อไม่ให้มีจุดอับในน่านน้ำอื่น
ตอนนี้ยังไม่ได้ใช้อวนจับปลา แต่สาเหตุที่ไม่ใช่เพราะว่าแมงกะพรุนเวเลลลาเก่งกาจจนสามารถหนีรอดไปได้ในทันที แต่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อวนจับปลาจับโดนปลากับกุ้งขึ้นมา จึงมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่างมาก ซึ่งข้อจำกัดพวกนี้เปิดโอกาสให้แมงกะพรุนเวเลลลาหนีรอดไปได้
ถ้าไม่มีกุ้งปูปลาที่ทำให้เกิดความไม่สะดวก การจับแมงกะพรุนเวเลลลาจะง่ายขึ้นกว่าเดิมอีกเยอะ
ฉินสือโอวกำลังวางแผนว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรอยู่ในใจ พื้นที่ของฟาร์มปลากว้างใหญ่เกินไป ต่อให้จิตสำนึกทั้งสี่กระจายตัวออกไปพร้อมกัน แต่การที่จะปกคลุมผืนน้ำที่ใหญ่ขนาดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน
ในตอนนี้แซนเดอร์สมาหาเขาและบอกกับเขาว่า “บอส ผมคิดว่าพอจะมีวิธีรับมือกับแมงกะพรุนพวกนี้ได้แล้ว”
ฉินสือโอวมึนงงไปชั่วครู่ หลังจากนั้นก็ถามเขาด้วยความดีใจว่า “วิธีอะไรเหรอครับ?”
ศาสตราจารย์สูงวัยชี้ไปที่คลื่นในทะเลแล้วพูดว่า “คุณก็รู้ แมงกะพรุนเวเลลลามีประสาทสัมผัสที่เยี่ยมยอดมาก พวกมันสามารถสัมผัสได้ถึงการปรากฏตัวของพายุล่วงหน้าห้าถึงหกชั่วโมง แล้วมันสามารถคาดการณ์การเกิดพายุได้อย่างไรน่ะเหรอ?”
เรื่องนี้ฉินสือโอวทราบดี พายุจะไม่ก่อตัวขึ้นอย่างฉับพลัน มันคือผลลัพธ์หลังจากการรวมตัวของกระแสอากาศหลายๆ หย่อม และขณะที่อัตราความเร็วในการไหลของกระแสอากาศพวกนี้เพิ่มเร็วขึ้นพวกมันก็จะเกิดการปะทะเสียดสีกับน้ำทะเลอย่างรุนแรง ทำให้เกิดคลื่นใต้เสียง 8 ถึง 9 เฮิร์ท ซึ่งแมงกะพรุนก็คาดการณ์ทิศทางที่พายุจะมาและความรุนแรงของพายุผ่านการรับคลื่นใต้เสียงนั่นเอง
เห็นฉินสือโอวพยักหน้ารับ ศาสตราจารย์จึงข้ามเรื่องหลักการไป แล้วพูดถึงแผนรับมือโดยตรง “ฟาร์มปลามีเรือมากพอ ไม่ว่าจะเป็นเรือยอชต์หรือเรือประมง ขอแค่พวกเราปรับแต่งโซนาร์กับอุปกรณ์อัลตราโซนิค ให้มีคลื่นเสียงที่คล้ายคลึงกัน แบบนั้นก็จะสามารถหลอกแมงกะพรุนเวเลลลาได้แล้ว”
“พวกมันไม่มีสมองใหญ่ อาศัยสัญชาตญาณในการเคลื่อนที่ ดังนั้นถ้าพวกเราใช้คลื่นใต้เสียงมาไล่พวกมัน ให้พวกมันไปรวมกันอยู่บริเวณตรงกลางของผืนน้ำ แค่นั้นก็เก็บกวาดได้จนหมดไม่มีเหลือแล้วไม่ใช่เหรอ?”
พอได้ยินที่แซนเดอร์สพูด ตาของฉินสือโอวก็เป็นประกายขึ้นมาทันที ปัญหายากเย็นอะไรกัน ง่ายจะตายไป ใช้คลื่นใต้เสียงไล่ให้พวกมันไปอยู่ด้วยกันแล้วจับพวกมันขึ้นมาก็เรียบร้อยแล้ว อาจจะถึงขั้นที่ว่า พอถึงตอนนั้นแค่กางอวนออก ก็รอให้พวกมันมาติดกับเองได้แล้ว
“เป็นวิธีที่ดี ศาสตราจารย์ คุณเก่งมากครับ! ผมจะไปทำงานกับพวกชาวประมง ถึงอย่างไรฟาร์มปลาของพวกเราก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นแล้ว ก็มีแต่เรือนี่แหละครับที่มีเยอะ” พอพูดจบฉินสือโอวก็กำลังจะไปบอกให้พวกชาวประมงรู้
แซนเดอร์สดึงเขาเอาไว้ แล้วบอกว่า “อย่าเพิ่งรีบร้อน บอส ตอนนี้ยังมีปัญหาที่แก้ได้ยากอยู่ ซึ่งก็คือการจับแมงกะพรุนนั่นแหละครับ พวกเราจะจัดการกันอย่างไร? ตอนนี้ลองประมาณการคร่าวๆ อย่างน้อยที่สุดพวกมันน่าจะมีอยู่ถึงห้าล้านตัวเลย!”
แมงกะพรุนเวเลลลามีขนาดค่อนข้างเล็ก ส่วนที่เป็นเหมือนร่มมีเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ 8-10 เซนติเมตร แต่เนื่องจากพวกมันมีส่วนประกอบเป็นน้ำอยู่จำนวนมาก ดังนั้นตอนยังมีชีวิตอยู่พวกมันจึงมีน้ำหนักไม่น้อยเลย อีกอย่างแมงกะพรุนตั้งหลายล้านตัว ถามว่าจะเอามากองรวมกันจะต้องใช้พื้นที่ว่างมากขนาดไหน? จะจัดการกับมันอย่างไร?
ฉินสือโอวเกาศีรษะแกรกๆ แมงกะพรุนส่วนใหญ่สามารถเป็นแหล่งอาหารสำหรับมนุษย์ได้ แมงกะพรุนเวเลลลาก็นำมาทำอาหารได้เช่นกัน แต่น่าเสียดายที่มันไม่ใช่อาหารอร่อย ตอนเขาอยู่ที่จีนก็มีคนนำแมงกะพรุนหนังมาทำยำทานเหมือนกัน แต่พอมาอยู่แคนาดา เขาก็ไม่เคยเห็นวิธีการปรุงอาหารแบบนี้มาก่อนเลย
และนั่นก็หมายความว่า อย่างน้อยที่สุดแมงกะพรุนเวเลลลาก็เข้าไปอยู่ในแรงก์อันดับของอาหารทะเลต้าฉินไม่ได้
หลังจากทำการไตร่ตรองในช่วงเวลาสั้นๆ ฉินสือโอวก็พูดขึ้นมาว่า “บางที พวกเราน่าจะสามารถเอาไปตากแห้งจากนั้นก็บดให้เป็นผงแล้วโปรยกลับลงไปในฟาร์มปลา ให้เป็นอาหารบำรุงของแพลงก์ตอน คุณคิดว่าอย่างไรบ้างครับ?”
แซนเดอร์สพยักหน้าพูดว่า “ถึงแม้ว่านี่อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก แต่ก็เป็นความคิดที่ทำได้จริง ผงแมงกะพรุนกับเศษแมงกะพรุนตากแห้งสามารถนำมาทำเป็นหัวอาหารให้ฟาร์มปลาได้ แต่ว่านะครับบอส คุณได้คิดเอาไว้ไหมว่าหลังจากที่เราจับพวกมันขึ้นมาแล้ว จะเอาพวกมันไปเก็บไว้ที่ไหน?”
ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข ตอนนี้สิ่งที่ยังขาดอยู่ก็คือพื้นที่จัดเก็บที่มีขนาดเหมาะสม
ฉินสือโอวโบกมือปัด “เรื่องนี้กลับไปแล้วค่อยว่ากัน พวกเราคิดหาวิธีที่จะจับแมงกะพรุนพวกนี้ขึ้นมาก่อนดีกว่าครับ ถ้ายังปล่อยพวกมันตามสบายต่อไป ฟาร์มปลาของผมน่าจะล้มละลายแล้ว!”
แมงกะพรุนเวเลลลามีกระเพาะรูปวงแหวนสี่อัน สิ่งมีชีวิตเหล่านี้วันๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่กินอย่างเดียว ที่ตรวจตราดูตอนนี้ อาจจะเห็นว่าพวกมันยังไม่ได้ไปกินลูกกุ้งลูกปลา แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะหุบปากไม่กินอะไร ที่ที่ตาของมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ พวกมันกำลังกินแพลงก์ตอนอยู่ต่างหากล่ะ!
ตามสถิติแล้ว ถ้าปล่อยให้แมงกะพรุนหนึ่งตัวอยู่ในน้ำขนาดหนึ่งลูกบาศก์เมตร ใช้เวลาแค่หนึ่งชั่วโมง แพลงก์ตอนจำนวน 70% ในน่านน้ำผืนนั้นก็จะถูกมันกินเข้าไปจนหมด!
อีกทั้งแพลงก์ตอนพวกนี้ยังเป็นอาหารของปลาชั้นล่างอย่างปลาคาพีลิน ปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะ ถ้าพวกมันไม่มีอาหารให้กิน ก็แปลว่าปลาค็อดจะไม่มีอาหาร ห่วงโซ่อาหารทั้งหมดของฟาร์มปลาก็จะได้รับผลกระทบ
เมื่อหาวิธีได้แล้ว ฉินสือโอวก็ตะโกนแจ้งผ่านช่องวิทยุสื่อสารของเมืองนี้ เพื่อขอยืมใช้อุปกรณ์อัลตราโซนิค ที่เมืองแฟร์เวลมีของสิ่งนี้อยู่ไม่น้อย โดยปกติแล้วทุกคนจะใช้ของสิ่งนี้เพื่อไปกระตุ้นปลาคาร์ฟเอเชียในทะเลสาบเฉินเป่า เพื่อหาปลามาให้นักท่องเที่ยวได้ยิงเล่น
หลังจากได้อุปกรณ์อัลตราโซนิคมาแล้ว ชาร์คกับแบล็คไนฟ์ก็เริ่มทำการติดตั้งใหม่ หลังจากนั้นก็แขวนไว้บนเรือเหมือนติดตั้งเครื่องยนต์ติดท้ายเรือ เรือกำปั่นทะเลทั้งสี่ลำ เรือฮาวิซท เรือเด็คเออร์บักและยังมีเรือหัวกว้างอีกสองลำ กระทั่งเจ็ทสกีเทพเจ้าสายฟ้ามืดก็ถูกส่งออกไปสู่สนามรบ
เสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น การสู้รบที่ดุเดือดในยามค่ำคืนเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ในวิลล่า คุณปู่กับคุณย่าของวินนี่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เห็นด้านนอกยกหลอดไฟทังสเตนไอโอดีนออกไปเริ่มงานที่ฟาร์มปลาเหมือนกับจะสู้รบกัน มีคนร้องตะโกนอยู่ไม่ขาดสาย ทันใดนั้นพวกท่านก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจึงถามว่า “วินนี่ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
วินนี่ตอบกลับไปอย่างสบายๆ ว่า “ไม่มีอะไรค่ะ ฉินแค่พาพวกเขาไปทำงานเฉยๆ”
คุณปู่ของวินนี่ก็ถอนหายใจออกมา แล้วพูดว่า “การทำฟาร์มนี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ ดูสิ ดึกขนาดนี้แล้วแต่ฉินยังต้องทำงานอยู่เลย พวกเราเห็นแค่ฉินในตอนที่ร่ำรวยแล้ว แต่กลับไม่เคยเห็นเขาในตอนที่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับความยากลำบากมาก่อนเลย วินนี่ หนูต้องดีกับฉินให้มากๆ นะ”
แอร์โฮสเตสขายาวพยักหน้ารับปากอย่างอ่อนโยน แต่กลับแอบแขวะฉินสือโอวอยู่ในใจ เธอรู้จักฉินสือโอวมาสองปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นเขาทำงานตอนกลางคืน เมื่อก่อนพอพระอาทิตย์ตกดินเขาก็วิ่งกลับมาทำลูกกับเธอแล้ว
บนท้องทะเล พวกที่มีความสุขที่สุดในตอนนี้ก็คือวงศ์ตระกูลเต่ามะเฟือง เต่าทะเลตัวเล็กตัวใหญ่ล้วนแต่พากันว่ายน้ำออกมาแล้ว เต่าตัวใหญ่นำเต่าตัวเล็ก สอนพวกมันล่าแมงกะพรุนเวเลลลา
จากตำแหน่งตรงบริเวณปากแม่น้ำทางฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ของฟาร์มปลา พวกเต่ามะเฟืองรวมฝูงกันว่ายน้ำเข้ามาเหมือนกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ฉินสือโอวตรวจตราสถานการณ์ของแมงกะพรุนเวเลลลาผ่านจิตสำนึกแห่งโพไซดอนอยู่ตลอดเวลา เมื่อได้เห็นเต่ามะเฟืองที่ไล่กวาดมาทั้งทาง เขาก็ทั้งดีใจและประหลาดใจขึ้นมา
เมื่อสักครู่มัวแต่ทำงานจนหัวหมุน ลืมไปเลยว่าที่ฟาร์มปลายังมีศัตรูตามธรรมชาติของแมงกะพรุนอยู่ แต่จะว่าไปแล้ว เต่ามะเฟืองในฟาร์มปลามีจำนวนมากขนาดนี้เลยเหรอ?
เขาจำได้ว่าที่ฟาร์มปลามีเต่ามะเฟืองอยู่สองร้อยกว่าตัว แต่ดูจากตอนนี้แล้ว แค่เต่าที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางของกระดองมากกว่าหนึ่งเมตรก็ไม่ใช่แค่สองร้อยตัวแล้ว อีกทั้งเต่าที่มีขนาดกลางๆ ยังมีมากถึงห้าร้อยหกร้อยตัว ส่วนเต่าที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ อย่างน้อยๆ ก็ต้องเริ่มต้นที่หนึ่งพัน!
ปลูกแตงได้แตง ปลูกถั่วได้ถั่ว เมื่อปีที่แล้วพวกเต่ามะเฟืองแพร่พันธุ์ในฟาร์มปลาได้สำเร็จ ลูกเต่าพวกนี้ล้วนแต่เป็นไข่ที่ฟักออกมาเมื่อปีที่แล้ว เต่าหนึ่งตัววางไข่ราวๆ สิบยี่สิบใบ ไข่เต่าฟักตัวออกมาได้สำเร็จทั้งหมด ต้องมีจำนวนลูกเต่าอยู่มากเป็นธรรมดา
บทที่ 1142 งานยุ่งจนหัวหมุน
ใช้เรือปริ้นเซสเมล่อนเป็นเรือธง เรือลำอื่นๆ ก็ถูกลากออกมาจอดเรียงกันเป็นแถว ทำการขับไล่แมงกะพรุนตั้งแต่ทิศใต้ไปจนถึงทิศเหนือ
ฉินสือโอวยืนมองฟาร์มปลาที่มีแสงไฟส่องสว่างโชติช่วงอยู่บนหัวเรือ แอบรู้สึกใจคอแห้งเหี่ยวอยู่เงียบๆ ถ้าไม่มีแมงกะพรุนพวกนี้ เขาคงได้กอดจูบกับวินนี่ไปตั้งนานแล้ว แมงกะพรุนพวกนี้มันสมควรตายจริงๆ จะต้องฆ่าพวกมันให้หมด!
ครั้งนี้เป็นการประสบภัยพิบัติที่ไม่มีเค้าลางมาก่อน ท่านชายฉินประเมินการว่าฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์จะได้ออกข่าวอีกครั้งแล้ว ภัยพิบัติจากแมงกะพรุนในครั้งนี้หนักหน่วงไม่น้อยเลย
ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ก็ถือว่าดวงซวย เดิมทีสภาพการณ์การจับปลาก็ทรุดหนักลงไปทุกวันๆ อยู่แล้ว อย่างแรกก็ปลาค็อดที่ถูกน้ำมือมนุษย์ทำลายจนหมดสิ้น ต่อมาแบคทีเรียแก๊ฟคี่ในกุ้งมังกรก็ทำให้กุ้งมังกรในบริเวณใกล้ชายฝั่งทะเลตายเรียบ ตอนนี้ภัยพิบัติจากแมงกะพรุนก็ระบาดอีก ยิ่งสร้างความกระทบกระเทือนให้กับฟาร์มปลามากขึ้นไปอีก
ที่โหดร้ายที่สุดก็คือ เจ้าของฟาร์มปลาส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้น ฉินสือโอวแจ้งให้แค่เจ้าของฟาร์มปลาที่เขารู้จักได้ทราบเรื่องนี้เท่านั้น หวังเพียงแต่ว่าข่าวนี้จะสามารถขยายกว้างออกไปได้ แล้วก็หวังว่าพวกเขาจะสามารถหาวิธีรับมือกับแมงกะพรุนได้
เมื่อคิดได้อย่างนี้ เขาก็เริ่มรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างแล้ว…
ความคิดของแซนเดอร์สมีความน่าเชื่อถือ หลังจากอุปกรณ์อัลตราโซนิครวมคลื่นความถี่เสียงเข้าด้วยกัน ก็สามารถแผ่คลื่นเสียงออกไปสู่น่านน้ำทะเลในรัศมีกว้างมาก ปกติเวลาขู่ปลาคาร์ฟเอเชียที่ทะเลสาบเฉินเป่าให้ตกใจกลัว อุปกรณ์อัลตราโซนิคแค่เครื่องเดียวก็สามารถแผ่รัศมีออกไปได้ถึงพื้นที่ครึ่งหนึ่งของทะเลสาบแล้ว ตอนนี้อุปกรณ์อัลตราโซนิคที่อยู่ในฟาร์มปลามีอยู่ตั้งสี่สิบกว่าอัน!
ด้วยจิตสำนึกแห่งโพไซดอน สิ่งที่ฉินสือโอวมองเห็นภายใต้ผิวน้ำของฟาร์มปลา คือแมงกะพรุนจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังสะบัดหนวดว่ายน้ำหนีไปทางทิศเหนือ
ภาพเหตุการณ์นี้ยิ่งใหญ่และงดงามเป็นอย่างยิ่ง แมงกะพรุนน้อยใหญ่ลอยอยู่ท่ามกลางท้องทะเล ละลานตาอย่างถึงที่สุด เต็มไปด้วยร่มใสแวววาวที่ปกคลุมอยู่ด้านบนและหนวดสีใสๆ…
ถึงแม้ว่าการปรากฏตัวของแมงกะพรุนจะทำให้เกิดความเบื่อหน่าย แต่ฉินสือโอวก็ต้องยอมรับว่า ภาพแมงกะพรุนนับล้านที่ล่องลอยอยู่ในมหาสมุทรเป็นภาพที่น่าตื่นตะลึงมากจริงๆ เขาคิดว่าภาพเหล่านี้มีเพียงท่ามกลางมหาสมุทรเท่านั้นที่จะสามารถมองเห็นได้ หากอยู่บนบกภาพสัตว์ประเภทเดียวกันหลายแสนตัวมารวมตัวกันเป็นสิ่งที่เห็นได้ยากมาก
สภาพการกระจายตัวของทรัพยากรประมงในเกาะแฟร์เวลค่อนข้างมีความพิเศษ ฟาร์มปลารอบๆ เกาะ มีเพียงฟาร์มปลาสาธารณะเท่านั้นที่มีผลผลิตปลาค่อนข้างดี ดังนั้นฉินสือโอวจึงตัดสินใจว่าจะไล่แมงกะพรุนไปที่ฟาร์มปลาสาธารณะ อยู่ที่นั่นจะจับขึ้นมาได้ง่ายกว่า
เรือประมงขับหมุนรอบๆ เพื่อขับไล่แมงกะพรุน ค่อยๆ ไล่จากทะเลน้ำตื้นไปสู่ทะเลน้ำลึก โชคดีที่ไม่จำเป็นต้องดึงแนวรบให้ออกไปไกลถึงหลายร้อยกิโลเมตร พวกแมงกะพรุนได้รับแรงกำลังของคลื่นทะเลจากทะเลน้ำตื้นสู่ทะเลน้ำลึก หลังจากออกห่างชายฝั่งไปประมาณหนึ่งร้อยกิโลเมตร จำนวนแมงกะพรุนก็น้อยลงไปมากแล้ว
อุปกรณ์อัลตราโซนิคขับไล่ เต่ามะเฟืองกินเป็นอาหาร มีพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนคอยควบคุม ภายใต้การควบคุมของทั้งสามอย่าง ฝูงแมงกะพรุนก็ค่อยๆ ถูกต้อนเข้าด้วยกัน ต่อจากนั้นก็แค่รอให้พวกมันลอยมาหา ทิ้งอวนจับพวกมันขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า
แมงกะพรุนมีจำนวนมากเกินไป ทำให้จัดการได้ยากมาก ตอนนี้เบิร์ดคิดไอเดียได้หนึ่งอย่าง ซึ่งก็คือการเปิดใช้สายการผลิตปลาโบนิโตอบแห้งนั่นเอง
สายการผลิตทั้งสองสายมีไว้สำหรับทำปลาโบนิโตอบแห้งโดยเฉพาะ มีเครื่องจักรสำหรับการสะบัดน้ำ และฟังก์ชันการใช้งานสำหรับการอบแห้งที่เชื่อมโยงกัน เบิร์ดบอกว่าให้ใช้วิธีทำปลาโบนิโตอบแห้งมาจัดการแมงกะพรุนเวเลลลาพวกนี้ พวกมันมีปริมาณน้ำในร่างกายสูง จัดการได้ง่ายและเร็วกว่าปลาโบนิโต แค่สลัดน้ำแล้วอบก็เป็นอันเสร็จสิ้นแล้ว
ถ้าสลัดน้ำออกแมงกะพรุนก็จะเหลืออยู่ไม่กี่ส่วนแล้ว เหลือไว้แค่ร่างกายที่เป็นก้อนเล็กๆ ย่นๆ น้ำหนักอาจจะลดลงถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ หลังจากผ่านการอบแห้ง น้ำหนักเหลือถึงห้าเปอร์เซ็นต์ก็ถือว่าเยอะแล้ว
แมงกะพรุนแห้งไม่กินพื้นที่ ดังนั้นจึงสามารถใช้งานห้องแช่เย็นและห้องเก็บของของฟาร์มปลา เก็บแมงกะพรุนแห้งได้อย่างไม่มีปัญหา
ฉินสือโอวลองทดลองดูแล้ว ใช้สายการผลิตปลาโบนิโตอบแห้งในการจัดการแมงกะพรุนเป็นวิธีที่เป็นไปได้ เครื่องจักรเดินเครื่องเต็มกำลัง สามารถจัดการสลัดน้ำออกจากแมงกะพรุนได้อย่างง่ายดาย การทำงานหนึ่งครั้งใช้เวลาเพียงสามสิบวินาทีเท่านั้น เนื่องจากความสามารถในการกักเก็บน้ำในร่างกายของพวกมันย่ำแย่มาก!
จากท่าเรือในเมืองมาถึงฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอทแล้วนำไปไว้ห้องเก็บของห้องแช่เย็นอีกที เส้นทางการขนส่งถูกสร้างขึ้นมาหนึ่งสาย แมงกะพรุนถูกจับขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย แมงกะพรุนแห้งก็ถูกส่งเข้าไปในห้องแช่เย็นอย่างไม่ขาดสายเช่นกัน พวกชาวประมงยุ่งอยู่กับงานจนแทบคลั่งแล้ว
ฉินสือโอวเป็นเจ้านายที่เปิดเผยตรงไปตรงมาที่สุด พอทำงานมาถึงตอนเที่ยงคืน เขาก็ให้ชาร์คประกาศออกไปว่า หลังเที่ยงคืนคิดค่าแรงรายชั่วโมงและให้มากกว่าเดิมสามเท่า ขณะเดียวกันก็จ้างคนจากในเมืองมาด้วย ให้ค่าแรงชั่วโมงละหนึ่งร้อยยี่สิบดอลลาร์แคนาดา
ค่าแรงรายชั่วโมงเท่านี้ย่อมถือว่าค่อนข้างสูงอยู่แล้ว นี่ไม่ใช่ราคาที่ฉินสือโอวตบออกมาจากกะโหลกเฉยๆ แต่คิดตามกฎหมายแรงงานของแคนาดาต่างหาก งานกะดึกแบบนี้ ต้องเพิ่มเงินค่าจ้างให้กับคนงาน อีกทั้งแมงกะพรุนเวเลลลาก็มีพิษ การทำงานในด้านนี้ ยังต้องเพิ่มค่าแรงขึ้นไปอีก!
ตอนนี้ฉินสือโอวไม่สนใจเรื่องเงิน จ้างคนงานก็ใช้เงินไม่เท่าไร ขอแค่จัดการแมงกะพรุนได้เรียบร้อยก็พอแล้ว
เขาวางแผนตัดสินใจได้ถูกต้องแล้ว ภายใต้ค่าจ้างราคาสูง ไม่ว่าจะเป็นชาวประมงหรือคนที่จ้างมาทำงานแค่ชั่วคราวทุกคนต่างก็ทุ่มเทพลังอย่างเต็มที่ เร่งทำงานมาตลอดทั้งคืน แมงกะพรุนเวเลลลาในฟาร์มปลาก็ถูกจัดการไปพอสมควรแล้ว
ในค่ำคืนนี้ค่าใช้จ่ายที่เขาต้องเสียเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลย ค่าแรงของคนงานก็ปาไปสองหมื่นดอลลาร์กว่าๆ ค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่หลักๆ แล้วคือค่านำมันของเรือ เครื่องจักรทั้งหมดส่งเสียงดังครืนๆ ทำงานติดต่อกันมาตลอดทั้งคืน นั่นก็ต้องจ่ายสองหมื่นกว่าดอลลาร์เช่นกัน
หลังจากพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า ฉินสือโอวที่ทำงานตลอดทั้งคืนก็นั่งอยู่บนท่าเรือด้วยความเหนื่อยล้า ไม่สนใจว่าใต้ก้นคือน้ำทะเลกับหาดทราย และก็ไม่สนใจแล้วว่าใต้ก้นตรงที่นั่งอยู่คือซากแมงกะพรุนเวเลลลาที่มีพิษ ท่านชายฉินคิดแต่จะพักผ่อนสักหน่อยเท่านั้น
หู่จือวิ่งเข้ามาหาด้วยความรวดเร็วเหมือนลมหมุน ในปากคาบผ้าเช็ดตัวไว้หนึ่งผืน ฉินสือโอวยิ้มหัวเราะออกมา พอหันกลับไปมอง ก็พบกับวินนี่ที่กำลังยืนส่งรอยยิ้มให้เขาอยู่ที่หน้าประตูวิลล่า
เขากับพวกชาวประมงทำงานมาตลอดทั้งคืนแล้ว วินนี่ก็ยุ่งอยู่ตลอดคืนเช่นกัน เธอคอยเตรียมอาหารมื้อดึกไว้ให้พวกชาวประมง และคอยซักเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนอยู่ตลอด ต่อให้เป็นฤดูใบไม้ผลิ แต่ถ้าเสื้อผ้าเปียกน้ำทะเลแล้ว ถ้าโดนลมในตอนกลางคืนพัดอีกก็คงจะทนไม่ไหวเหมือนกัน
นอกจากนี้ วินนี่ยังพาคนในครอบครัวของชาวประมงจัดเตรียมสบู่เหลวอุ่นๆ อยู่เรื่อยๆ
ต่อให้พวกชาวประมงระวังแค่ไหน แต่อย่างไรพวกเขาก็คงจะโดนพิษแมงกะพรุนเวเลลลาอยู่ดี พิษของแมงกะพรุนชนิดนี้ค่อนข้างเบา จะทำให้รู้สึกชาและแสบร้อนเท่านั้น แต่ถ้าสะสมไว้มากๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี ต้องใช้สบู่เหลวล้างปากแผลให้สะอาด เพื่อเจือจางพิษ
“นายผู้หญิงเป็นคนดีจริงๆ” ชาร์คนั่งลงข้างๆ กันกับฉินสือโอว ยุ่งอยู่กับงานตลอดทั้งคืนอยู่ๆ ก็ได้ผ่อนคลาย ถึงจะเป็นชาวประมงที่มีจิตใจแข็งแกร่ง แต่ก็อดแยกเขี้ยวยิงฟันเพราะความเจ็บปวดไม่ได้เหมือนกัน
ไม่ใช่แค่เหนื่อยอย่างเดียว ไม่รู้ว่าบนร่างกายของพวกเขาถูกหนวดแมงกะพรุนบาดไปมากน้อยแค่ไหน ตอนนี้ทั้งรู้สึกแสบร้อนและรู้สึกชา เจ็บแสบมากจริงๆ
ฉินสือโอวพูดอย่างยิ้มๆ ว่า “วินนี่สุดยอดมาก ภรรยาของพวกนายก็สุดยอดเหมือนกัน ดังนั้นพวกเราเลยต้องพยายามดิ้นรนฝ่าฟันให้มากๆ ใช่ไหมล่ะ? เพื่อภรรยา เพื่อครอบครัว”
ชาร์คยื่นกำปั้นออกไปให้เขา “ใช่แล้วครับ เพื่อภรรยา เพื่อครอบครัว!”
ทางด้านฟาร์มปลาต้าฉินจัดการได้พอสมควรแล้ว แต่ฟาร์มปลายังยุ่งเหยิงวุ่นวายอยู่
กรมประมงของนิวฟันด์แลนด์และรัฐโนวาสโกเชียใจเย็นมากจริงๆ พวกเขาบอกว่าจะเข้างานแล้วจะจัดการเรื่องนี้ ซึ่งก็รอจนถึงเวลาเข้างานจริงๆ ถึงเพิ่งจะจัดการ ตอนที่ฉินสือโอวกำลังจะนอน ถึงเพิ่งได้เห็นข่าวที่รายงานว่าน่านน้ำของนิวฟันด์แลนด์กับโนวาสโกเชียเกิดวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของแมงกะพรุน
โทรศัพท์ของฉินสือโอวส่งเสียงร้องไม่หยุด ล้วนแต่เป็นสายจากบรรดาเจ้าของฟาร์มปลาที่โทรเข้ามา ถามเขาว่าได้เรียนรู้วิธีรับมือกับแมงกะพรุนมาแล้วอย่างไรบ้าง?
ฉินสือโอวบอกวิธีที่เขาให้พวกเจ้าของฟาร์มปลาฟัง แต่เขาไม่มั่นใจว่าวิธีนี้จะมีประโยชน์ไหม เนื่องจากมันสิ้นเปลืองทรัพยากรแรงงานและทรัพยากรทางวัตถุมากเกินไป
ถึงอย่างไรครั้งนี้บรรดาเจ้าของฟาร์มปลาก็จะได้รับความเสียหายอยู่ดี
ขณะที่จับแมงกะพรุนเวเลลลา จะจับกุ้งกับปลาติดมาด้วยได้ง่ายๆ อีกทั้งการคัดแยกพวกมันออกจากกันก็เปลืองแรงมากๆ พวกเจ้าของฟาร์มปลาจะสูญเสียผลการเก็บเกี่ยวไปหนึ่งล็อต ของพวกนี้เป็นเงินเป็นทอง ฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงเวลาที่ผลผลิตกำลังออกดอกออกผล
บทที่ 1143 แม่
ฉินสือโอวไม่ใช่พระเยซู เขาอุทิศพละกำลังและความสามารถของตัวเอง โดยการแจ้งให้ทางการกับเจ้าของฟาร์มปลาทราบล่วงหน้า ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยของกรมประมงแคนาดา ถ้าไม่ถึงตอนที่แมงกะพรุนรวมฝูงจนเกิดการระบาด พวกเขาคงไม่มีทางรู้ว่ากำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์อะไรอยู่
ฉินสือโอวปิดมือถือ แล้วขึ้นไปนอนบนเตียง เขาให้พวกชาวประมงหยุดพักชั่วคราวเป็นเวลาสองวัน วันนี้กับวันพรุ่งนี้ให้หยุด พักผ่อนเอาแรงคืนพรุ่งนี้จะมีงานปาร์ตี้
ฟาร์มปลาจะไม่ได้ทำการจับปลาอย่างน้อยที่สุดเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ หลังจากนั้นไม่กี่วันก็ต้องจัดการกับงานที่ยังค้างอยู่ทั้งหมด เพราะยังมีแมงกะพรุนบางส่วนที่หลุดลอดออกจากอวนจับปลากำลังลอยนวลอยู่ข้างนอก
หลับไปสี่ชั่วโมง ประมาณสิบโมงเช้านิดๆ ฉินสือโอวก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้ว พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเป็นสิ่งที่ดี แค่หลับตาแล้วลืมตา ความเหนื่อยล้าก็ถูกกวาดล้างจนหมดในชั่วพริบตาเดียว แล้วกลับมาคึกคักแจ่มใสอีกครั้ง
ลืมตาขึ้น ข้างๆ กายเขาก็คือวินนี่ที่กำลังนอนหลับฝันหวาน เธอก็เหนื่อยจนแทบไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เหน็ดเหนื่อยทรมานอยู่ตลอดทั้งคืนเหมือนกันกับเขา
ฉินสือโอวแย้มรอยยิ้มมองดูวินนี่ที่กำลังนอนหลับอยู่อย่างเงียบๆ ด้วยท่าทางที่สง่างาม ลงจากเตียงนอนอย่างเงียบเชียบ ปรากฏว่าตอนที่กำลังเดินผ่านเปลของลูกสาว เขาก็พบว่าเด็กหญิงตัวน้อยกำลังเล่นกับนิ้วมือของตัวเองอยู่
“เป็นเด็กดีจริงๆ” ฉินสือโอวยิ้มออกมา เขานึกว่าพ่อกับแม่ของวินนี่กำลังดูเสี่ยวเถียนกวาอยู่ข้างล่างเสียอีก คิดไม่ถึงว่าวินนี่จะอุ้มเธอขึ้นมาด้วย
เพราะกิจวัตรประจำวันของฉินสือโอวกับวินนี่ ทำให้เด็กน้อยตื่นตั้งแต่เช้า หลังจากนั้นก็เล่นอยู่ตลอดทั้งช่วงเช้า ตอนกลางวันจะนอนหลับเป็นเวลานาน พอตื่นมาตอนพลบค่ำก็แฮปปี้อยู่กับพวกหู่เป้าฉงหลัวอีกหลายชั่วโมง
เมื่อลองคำนวณอย่างนี้ ตอนนี้เสี่ยวเถียนกวาเล่นอยู่กับตัวเองมาเป็นเวลาสี่ชั่วโมงแล้ว เธอไม่ได้ส่งเสียงออกมาเลยสักแอะ แต่เล่นถูฝ่ามือกับจับหมวกใบเล็ก ว่านอนสอนง่ายอย่างน่าเหลือเชื่อ
เห็นฉินสือโอวเข้ามาใกล้ๆ เสี่ยวเถียนกวาก็ทิ้งหมวกใบเล็กในมือทันที ‘ฟึบ’ พลิกตัวภายในเวลาสั้นๆ แล้วเตะขาเล็กๆ สั้นๆ เพื่อให้พ่ออุ้ม
ฉินสือโอวอุ้มเธอเดินลงไปชั้นล่าง พอมิแรนดาเห็นพวกเขาสองพ่อลูก เธอก็หยิบขนมปังที่อยู่ในกล่องเก็บอุณหภูมิออกมาให้เขาทาน
มิแรนดารับเอาเสี่ยวเถียนกวาแล้วเตรียมนมให้เธอดื่ม แต่เด็กน้อยกลับไม่อยากให้เธออุ้ม ก้นเล็กๆ ที่กำลังสวมผ้าอ้อมอยู่ส่ายไปส่ายมา เธอยื่นแขนออกไปหาฉินสือโอวไม่หยุด ร้องอ้าๆ อู้ๆ ด้วยท่าทางกระสับกระส่าย
“นี่ยายของหนูไง อยู่นิ่งๆ ให้คุณยายกอดดีๆ โอเคไหม?” ฉินสือโอวกัดขนมปังไปพร้อมๆ กับบีบจมูกของเสี่ยวเถียนกวาเล่น
เสี่ยวเถียนกวาส่ายหัวไปมา ราวกับว่าเธอกำลังปฏิเสธอยู่ แล้วยื่นแขนออกมาจะให้เขาอุ้มอีก
มิแรนดาหลุดหัวเราะออกมา พูดว่า “โอ้ สวรรค์ เด็กคนนี้อายคนแปลกหน้านี่นา”
ที่จริงแล้วเสี่ยวเถียนกวาเลี้ยงง่ายมาก ปล่อยเธอไว้บนพรม แล้วเรียกหู่เป้าฉงหลัวกับลูกแมวป่ามาก็พอ ถ้ามีพวกมันคอยอยู่เป็นเพื่อน เสี่ยวเถียนกวาก็สามารถเล่นอยู่กับตัวเองได้
ดูเหมือนว่าอาร์ม็องกับฟอกส์จะเอ็นดูเสี่ยวเถียนกวามากๆ นั่งอยู่ข้างๆ เธอคอยดูเธอเล่น อาร์ม็องเอาหัวรถจักรของเล่นมาด้วยหนึ่งอัน เขามักจะหยิบมันมาใช้หยอกเธออยู่บ่อยๆ
น่าเสียดายที่เด็กน้อยไม่สนใจของเล่น เธอไม่เหมือนกับเด็กทั่วๆ ไป สิ่งที่เธอชอบที่สุดก็คือเหล่าสัตว์เลี้ยงอย่างหู่เป้าฉงหลัว อีกทั้งเหล่าสัตว์เลี้ยงก็มีน้ำอดน้ำทนกับเธอมากๆ
ฉินสือโอวเดาว่า น่าจะเป็นเพราะพวกเขามีพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนอยู่ในร่างกาย ภายใต้การผลักดันของสัญชาตญาณ ทั้งสองฝ่ายจึงรู้สึกชอบกันและกัน
ระยะการเจริญเติบโตเกือบสี่เดือน เสี่ยวเถียนกวาสลัดใบหน้ามุ่ยๆ ของทารกแรกเกิดออกไป จนตอนนี้กลายเป็นเด็กน่ารักขึ้นมาแล้ว
เด็กหญิงตัวน้อยมีผมสั้นๆ เป็นสีดำขลับเหมือนผมของฉินสือโอวกับวินนี่ เส้นผมเล็กละเอียด วินนี่มักจะพูดอยู่บ่อยๆ ว่าเธอมีผมที่สวยจนสามารถถ่ายโฆษณาให้กับแชมพูดสระผมได้เลย เพราะมีการบำรุงสารอาหารที่เพียงพอ เธอถึงได้โตมาอ้วนตุ๊ต๊ะ มีแก้มกลมๆ เหมือนเด็กทารกทั่วไป ตาดวงโตเปล่งประกายแวววับ ปากนิดจมูกหน่อย อวัยวะบนใบหน้ามีความละเอียดลอองดงามอย่างลูกครึ่ง น่ารักมากๆ
ฉินสือโอวคิดว่าชีวิตช่างน่ามหัศจรรย์ ตอนที่เพิ่งเกิดเสี่ยวเถียนกวาหน้าตาขี้เหร่มาก แต่ปรากฏว่าแค่แป๊บเดียวก็กลายมาเป็นหนูน้อยน่ารักแล้ว เขาคิดว่าถ้าพ่อกับแม่มาถึงที่นี่แล้วก็อาจจะจำเธอไม่ได้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะวิดีโอคอลคุยกันทุกวันก็ตาม
ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูที่กระรอกคึกคักมีชีวิตชีวาเป็นอย่างยิ่ง เสี่ยวหมิงกอบเอาเมล็ดสนลูกใหญ่สองลูกวิ่งมาหาฉินสือโอวตามปกติ
พอเห็นว่าในห้องรับแขกมีคนอยู่เยอะขนาดนี้ มันก็สะบัดหางอันใหญ่ๆ ไปมาด้วยความลังเลอยู่สักพัก แต่เห็นว่าฉินสือโอวก็อยู่ในนั้น มันเลยตัดสินใจวิ่งเข้ามาข้างใน พอมาถึงตรงหน้าเขาแล้วก็ยกอุ้งเท้าเล็กๆ ขึ้นมา มอบเมล็ดสนให้เขาราวกับว่ามันเป็นของล้ำค่า
จนถึงทุกวันนี้เสี่ยวหมิงเป็นสัตว์เลี้ยงเพียงตัวเดียวที่เสี่ยวเถียนกวายังไม่สามารถเอาชนะได้ เนื่องจากเจ้ากระรอกแดงเฉลียวฉลาดเกินไป ในป่าใหญ่ต่อให้เป็นนกอินทรีทองก็จับพวกมันได้ยาก แล้วนับประสาอะไรกับเด็กหญิงตัวน้อยๆ ที่เพิ่งจะคลานเป็น?
ดังนั้นพอเสี่ยวหมิงวิ่งเข้ามา เสี่ยวเถียนกวาก็ตาเป็นประกาย หู่จือกับเป้าจือที่อยู่ข้างๆ ก็ตัวสั่นขึ้นมาทันที พวกมันกลัวสีหน้าแบบนี้ของเสี่ยวเถียนกวา เธอเหมือนวินนี่มากจริงๆ น่ากลัวเกินไปแล้ว
ขยับมือขยับเท้า เสี่ยวเถียนกวาคลานไปหาเสี่ยวหมิงด้วยความรวดเร็ว ความเร็วเท่านั้นทำให้มิแรนดากับสามีถึงกับช็อกไปเลย “ฉิน คุณต้องพาเด็กคนนี้ไปร่วมงานแข่งคลานของเด็กทารกนะ เธอต้องได้รางวัลมาเต็มไม้เต็มมือแน่ๆ!”
แต่ถึงอย่างนั้นกลับไม่มีประโยชน์อะไร ต่อให้เสี่ยวเถียนกวาคลานได้เร็วกว่านี้แต่จะเร็วกว่ากระรอกแดงเหรอ? ต้องรู้ว่า เสี่ยวหมิงมีผลการต่อสู้ที่สามารถล้มหู่จือกับเป้าจือได้! มันคือนักสู้ที่มีทั้งความฉลาดปราดเปรื่อง ความกล้าหาญพละกำลังเคียงคู่กับความเร็วในหมู่กระรอกแดง
มองดูเด็กหญิงตัวน้อยที่คลานเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความฮึกเหิมอย่างใจเย็น รอจนเธอคลานมาถึงตรงหน้า กระรอกน้อยก็ใช้กลยุทธ์แบบเดินหน้าไม่ยอมถอย ปีนเข้าไปในอ้อมอกของเด็กน้อยแล้วหายวับไปกับตา
พอเป็นแบบนี้เถียนกวาก็เริ่มรู้สึกใจคอแห้งเหี่ยวแล้ว เธอกะพริบตาปริบๆ อย่างงงงวย เธอไม่เห็นเสี่ยวหมิงแล้ว ผ่านไปสักพักถึงรู้ว่า มันคลานมาอยู่ใต้ตัวเธอ
ด้วยเหตุนี้เด็กน้อยจึงตัดสินใจอย่างเหี้ยมโหด นอนลงไปเลยทันที…
ฉินสือโอวหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เสี่ยวหมิงอาจจะถูกทับตายได้เลยนะ เขาจึงรีบเข้าไปช่วยชีวิตมันออกมา
หลังจากเดินเข้าไปถึงได้พบว่า เขาไร้เดียงสาเกินไป เสี่ยวหมิงฉลาดขนาดนั้น มันคลานออกไปจากขาทั้งสองข้างของเถียนกวาตั้งแต่แรกแล้ว ไต่ไปตามขาเล็กๆ สั้นๆ ไต่ไปจนถึงบนหลังของเธอ
เสี่ยวเถียนกวาลองแล้วไม่ได้ผล เธอรู้แค่ว่าใต้ตัวเธอไม่มีกระรอกแดงอยู่ เลยต้องคลานขึ้นมาตามหาอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าไม่ว่าเธอจะวนดูยังไงก็ยังหากระรอกแดงไม่เจอ
เด็กๆ มักจะลืมอะไรง่ายๆ หาอยู่สักพักแต่ก็ไม่เจออะไร เธอเลยไปเคี่ยวกรำหู่จือกับเป้าจืออีกครั้ง
หู่จือเป้าจือร้อนใจขึ้นมาทันที นี่มันอะไรกัน? ทำไมถึงมาดึงหูของพวกเราอีกแล้วล่ะ?
พวกมันทั้งสองตัวก็นับว่ามีเล่ห์เหลี่ยมเหมือนกัน หู่จือฟาดเสี่ยวหมิงที่อยู่บนหลังของเสี่ยวเถียนกวาให้หล่นลงมาข้างล่าง
เสี่ยวหมิงโมโหสุดๆ มันอดแสยะปากยิงฟันทำท่าขู่ใส่หู่จือไม่ได้
หู่จือส่งสายตาเหยียดหยามให้มัน มาสิ ถ้ากล้าก็มาชนกับฉัน ฉันจะรอดูว่าแกจะล้มฉันอย่างไร!
ครั้งแรกที่ได้พบกัน พวกมันกลับถูกกระรอกที่ตัวเล็กกว่าพวกมันห้าหกเท่าล้ม ความอัปยศอดสูนี้จะถูกจดจำไปชั่วชีวิต
มองเห็นเสี่ยวหมิง เสี่ยวเถียนกวาก็แสยะปากหัวเราะเอิ๊กอ๊ากออกมา ยื่นมือเล็กๆ ออกไป จับหางที่มีขนปุกปุยของเสี่ยวหมิงเอาไว้ แล้วออกแรงลากเข้ามาหาอ้อมอกของตัวเอง
เสี่ยวหมิงร้อนใจจนร้องจี๊ดๆ ออกมา ตาเล็กๆ จ้องไปที่ฉินสือโอว รีบมาช่วยกันหน่อย!
เพิ่งจะตื่นนอนในตอนบ่าย พอลงมาข้างล่างแล้วเห็นว่าเสี่ยวเถียนกวากำลังหลับ เธอก็เผยรอยยิ้มของคนเป็นแม่ออกมา
“ช่วยด้วย!” เสียงร้องอย่างอ่อนแรงดังขึ้นมา พอเสี่ยวหมิงมองเห็นวินนี่ มันก็โผล่หัวที่มีขนพันกันยุ่งเหยิงออกมาจากระหว่างแขนของเสี่ยวเถียนกวา ช่วยด้วย
วินนี่เข้ามาดึงแขนของเสี่ยวเถียนกวาออกอย่างเบาๆ แล้วช่วยเสี่ยวหมิงออกมา พร้อมกับช่วยสางขนให้มัน
เสี่ยวหมิงรู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาล้นเอ่อ นี่แหละคนเป็นแม่
สางขนเรียบร้อยแล้ว วินนี่จับเสี่ยวหมิงยัดเข้าไปในอ้อมกอดของเถียนกวาอีกครั้งเหมือนจับตุ๊กตา เด็กหญิงตัวน้อยกอดแขนทั้งสองข้างเข้าหากัน รัดเสี่ยวหมิงไว้อีกครั้ง
เสี่ยวหมิงยังคงมีน้ำตาล้นเอ่อ เป็นแม่จริงๆ แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่แม่แท้ๆ ของตัวเอง…
บทที่ 1144 สาวงามในหมู่ไวน์
พักผ่อนไปสองวัน ในที่สุดพวกชาวประมงก็ฟื้นคืนพลังแล้ว บีบีซวงกับทริกเกอร์ที่ขับเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ออกไปข้างนอกก็กลับมาแล้วเช่นกัน อีกทั้งวันถัดมา บริษัทกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดจำกัดก็ส่งประกาศนียบัตรบันทึกสถิติโลกมาแล้ว สมบูรณ์ครบทุกอย่าง!
ใบประกาศนียบัตรอย่างเป็นทางการมีขนาดใหญ่มาก ยาวถึงสี่สิบเซนติเมตร กว้างยี่สิบห้าเซนติเมตร หลังจากเปิดออกแล้วข้างในยังมีรูปถ่ายหนึ่งใบกับจดหมายชี้แจงอีกหนึ่งฉบับ ในภาพคือฉินสือโอวกับแซนเดอร์สและเคลลีกับคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ด้านข้างเรือยอชต์ที่ถูกยกขึ้น ส่วนจดหมายชี้แจงก็มีไว้เพื่อพิสูจน์ยืนยันความถูกต้องของเรื่องนี้
ขณะที่กำลังลูบคลำใบประกาศนียบัตร ฉินสือโอวก็ยิ้มตาหยีจนตาเป็นเส้นขีด “ดีๆๆ ดีจริงๆ จากที่ดีอยู่แล้วก็ยิ่งดีขึ้นไปใหญ่ แม้กระทั่งพระเจ้าก็อยากให้พวกเราจัดงานปาร์ตี้กันคืนนี้ ดีล่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ต้องปฏิบัติตามการชี้นำของพระองค์ เพื่อนๆ เอ๊ย ไปประกาศให้คนในเมืองรู้ แล้วถ้าสนใจก็ให้มาร่วมงาน คืนนี้ต้องมาให้ถึงที่!”
พอคุณลุงฮิคสันได้รับข่าว เขาก็ขับรถกระบะรุ่นเก่าบุโรทั่งคันนั้นเพื่อมาที่นี่ทันที บนที่นั่งด้านหลังของรถคือชั้นวางเหล้าอยู่สองอัน ข้างบนเต็มไปด้วยไอซ์ไวน์เป็นขวดๆ ขวดไวน์เอียงขึ้นไปหาท้องฟ้า เหมือนกันกับปืนจรวด
ฉินสือโอวถึงกับตกใจจนตัวโยน “โอ้ คุณลุงครับ นี่น่าจะมีสักหนึ่งร้อยขวดหรือเปล่าครับนี่?”
ฮิคสันพูดด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองว่า “เมื่อวานนี้ฉันถึงเพิ่งจะแบ่งใส่ขวดเสร็จ ไวน์พวกนี้จะต้องกลายเป็นตัวเอกของค่ำคืนนี้อย่างแน่นอน รสชาติของมันสุดยอดสุดๆ ไปเลยล่ะ เมื่อวานฉันอดใจไม่ไหวดื่มไปตั้งครึ่งค่อนขวด เพราะมันงดงามจนทำคนให้มัวเมาอย่างไรล่ะ!”
ฉินสือโอวยิ้ม องุ่นของฟาร์มปลาถูกพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนปรับปรุงให้ดีขึ้น รสชาติที่ถูกปรับให้ดีขึ้นจึงไม่ได้ทำให้เขารู้สึกตกใจ
ตาเฒ่าเข้าใจความหมายของรอยยิ้มของเขาผิดไป นึกว่าเขาไม่เชื่อที่ตัวเองพูด ดังนั้นจึงหยิบออกมาหนึ่งขวดแล้วเดินเข้ามาในบ้าน พอเห็นว่ามีคนอยู่กันเยอะขนาดนี้เขาจึงทักทายตามมารยาทก่อน หลังจากนั้นก็ขอให้วินนี่ไปหยิบแก้วออกมา แล้วรินให้ทุกๆ คนได้ลิ้มลอง
ไอซ์ไวน์จากองุ่นขาวดีๆ สีสันของมันเป็นสีทองอ่อนๆ มีคุณภาพของรสสัมผัสที่บริสุทธิ์มากๆ ตอนตั้งไว้นิ่งๆ ดูแล้วก็เหมือนกับอำพันชั้นดีหนึ่งก้อน
ไวน์ที่คุณลุงฮิคสันเทออกมาก็เป็นเช่นนั้น ตัวเครื่องดื่มเป็นสีเหลืองอ่อนใสบริสุทธิ์ไม่มีจุดตำหนิ สั่นไหวอยู่ในแก้วไวน์ มีท่วงท่าสง่างามที่ชวนให้น่าหลงใหล
“ลองชิมดูครับ ทุกท่าน พากันลองชิมดู ฮิคสันไม่โกหก นี่คือสาวงามในหมู่ไอซ์ไวน์!” ชายชราโบกมือร้องตะโกน ไม่ได้ดูเหมือนว่ากำลังเชิญชวนให้คนเข้ามาชิมไวน์ แต่ดูเหมือนว่ากำลังไล่คนออกไปมากกว่า
ฉินสือโอวอยากรู้ว่าไวน์ที่หมักมาจากองุ่นที่เขาปลูกเองจะมีรสชาติอย่างไร เขายกแก้วไวน์ขึ้นมาลองดมดูก่อน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของผลไม้ปะปนอยู่ในกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ลอยออกมา และยังมีกลิ่นน้ำผึ้งปนอยู่ด้วยเล็กน้อย หอมหวานมากๆ
ฉินสือโอวหลับตาลงอย่างเผลอตัว เมื่อก่อนเวลาที่เขาเคยเห็นนักชิมไวน์ต่างก็พากันหลับตาลง เขารู้สึกว่านั่นมันดูดัดจริตเกินไป แต่พอมาถึงคราวของตัวเองเขาถึงได้รู้ว่า ตอนที่ได้เจอไวน์ดีๆ สักแก้ว ก็จะเผลอหลับตาลงเพื่อดมกลิ่นและลิ้มรสของมันด้วยความเคยชินจริงๆ
สาเหตุก็เป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้สิ่งอื่นที่อยู่ภายนอกมารบกวนการชิมไวน์ อีกทั้งไม่ว่าจะมองเห็นอะไรก็สามารถส่งผลกระทบกับการตัดสินรสชาติได้ทั้งนั้น ดังนั้นถึงได้หลับตาลง ลิ้มลองรสชาติของไวน์อย่างจดจ่อตั้งใจ
เมื่อดื่มไวน์เข้าไปแล้วหนึ่งคำ กลิ่นหอมของผลไม้ที่คละคลุ้งอยู่ในปากกลับหอมเข้มข้นกว่าตอนที่เขาดม ต่อจากนั้นถึงจะเป็นกลิ่นของแอลกอฮอล์ กลิ่นเหล่านี้ติดอยู่ในปากเป็นเวลายาวนาน ทำให้ปุ่มรับรสชาติคิดถึงรสชาตินั้นอีก
รสชาติหวานฉ่ำ ทั้งยังถูกปากและหอมสดชื่น!
หลังจากที่ฉินสือโอวกลืนไวน์คำนั้นลงไปก็เหลือไว้เพียงคำวิจารณ์ที่ว่า ไวน์พวกนี้ช่างเหมือนกันกับวินนี่ มีทั้งความหยาดเยิ้มสง่างามอย่างหญิงสาว และยังพร้อมไปด้วยความอบอุ่นดีงามอย่างคนเป็นแม่
แต่คนอื่นๆ ไม่ได้เป็นเหมือนกับฉินสือโอว ที่ก่อนเตรียมตัวก่อนจะดื่มไวน์พวกนี้มาดีแล้ว เขารู้ว่ารสชาติของไอซ์ไวน์ที่หมักด้วยองุ่นที่ได้รับการปรับปรุงจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนต้องดีกว่าไวน์ทั่วๆ ไปอย่างแน่นอนอยู่แล้ว
หลังจากที่ไวน์ผ่านลำคอของพวกเขาลงไป ก็มีแต่ความตกตะลึงที่ถูกเผยออกมาแทนคำพูด อาร์ม็องมองดูของเหลวสีทองในมืออย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาพูดขึ้นมาว่า “ผมอยู่กับไวน์มาตั้งแต่แปดขวบ ได้สัมผัสไวน์ชั้นหนึ่งมาก็หลายครั้งแล้ว แต่ไวน์แบบนี้ ผมเพิ่งจะได้เจอเป็นครั้งแรก!”
มาริโอ้ยกแก้วชี้ไปทางฮิคสัน “โอ้ คุณลุงครับ ผมต้องขอบอกว่า คุณเป็นปรมาจารย์แห่งการหมักไวน์ที่น่านับถือคนหนึ่งเลย”
ฮิคสันพึงพอใจกับปฏิกิริยาของทุกๆ คนมาก ยิ่งได้รับคำชมจากมาริโอ้เขาก็ยิ่งหน้าบานด้วยความปีติยินดี “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงหมักไอซ์ไวน์ล็อตนี้ได้ดีขนาดนี้ ถ้าพวกคุณชอบ แบบนั้นผมก็คงต้องมอบให้พวกคุณไปสักหลายๆ ขวด และผมก็ยินดีต้อนรับเสมอ ถ้าพวกคุณต้องการจะมาเป็นแขกให้ร้านเหล้าเล็กๆ ของผม”
ตอนนี้วินนี่ยังอยู่ในช่วงให้น้ำนม ดังนั้นปกติแล้วเธอจะไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ พอเห็นว่าทุกคนชื่นชมไวน์ไว้ว่าอย่างนี้ เธอจึงถามฉินสือโอวด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่า “เฮ้ ที่รักคะ ไวน์อันนี้มันสุดยอดขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
ฉินสือโอวส่งแก้วไวน์ให้เธอ พร้อมกับพูดว่า “ลองชิมดูสักนิดสิครับ เยี่ยมยอดมากจริงๆ”
เขาคิดว่าดื่มไวน์แค่นิดหน่อยคงไม่มีผลกระทบอะไร คนหนุ่มสาวที่มีลูกในทุกวันนี้ ผู้ชายต้องเลิกเหล้าเลิกบุหรี่ ส่วนผู้หญิงก็แต่งหน้าไม่ได้อะไรทำนองนั้น เมื่อก่อนตอนที่พ่อแม่เลี้ยงเขา ก็ไม่เห็นจะต้องพิถีพิถันขนาดนี้ พ่อฉินทั้งดื่มเหล้าทั้งสูบบุหรี่ตลอดทั้งปีไม่มีขาด
แต่ตัววินนี่เองกลับมีความยับยั้งชั่งใจมากๆ เธอยิ้มอย่างขี้เล่น แล้วพูดกับเขาว่า “คุณคงไม่ได้อยากให้เสี่ยวเถียนกวาโตขึ้นมาเป็นเด็กขี้เหล้าหรอก ใช่ไหมละคะ? ดังนั้น ฉันจะยังไม่ดื่มก็แล้วกัน รอให้ผ่านไปอีกสักสามสี่เดือนค่อยว่ากันอีกที”
วินนี่ไม่ดื่ม ฉินสือโอวก็เลยไม่ดื่มด้วย จะปล่อยให้ภรรยามองดูเขาดื่มจนตาละห้อยไม่ได้
พูดจริงๆ ว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาชอบดื่มไอซ์ไวน์สุดๆ แถมรสชาติของไอซ์ไวน์พวกนี้ยังดีขนาดนั้นอีกต่างหาก
วินนี่รู้แต่ก็ไม่ได้เกลี้ยกล่อมเขา เธอเพียงแต่กอดแขนเขาไว้พร้อมกับแย้มรอยยิ้มหวานๆ ขึ้นมาเท่านั้น
คนอื่นๆ ไม่ได้มากเรื่องมากความอย่างนี้ พวกเขาพากันดื่มจนแก้วกองกันเป็นภูเขา ไอซ์ไวน์หนึ่งขวดถูกคนไม่กี่คนดื่มเข้าไปรวดเดียวจนหมดขวด
ท้ายที่สุดคุณปู่ของวินนี่ก็พูดอย่างทอดถอนใจว่า “ไวน์ดีก็เหมือนกับสาวงาม น้องชายฮิคสันพูดได้ถูกต้องแล้ว ไวน์พวกนี้เป็นสาวงามในหมู่ไวน์ด้วยกัน แถมยังเป็นสาวงามที่สวยเด่นที่สุดด้วย ถ้าเอาไปวางขายในตลาด ฉันไม่รู้เลยว่าจะถูกคนแย่งกันซื้อขนาดไหน!”
ปาร์ตี้ในนครเซนต์จอห์น พระเอกตลอดกาลของงานปาร์ตี้ก็คือเบียร์ บิลชอบกิจกรรมแบบนี้ที่สุด เพราะนั่นหมายความว่าร้านเหล้าดวงดาวเปล่งประกายของเขาจะมีงานใหญ่อีกครั้ง
บิลขับรถมาที่ฟาร์มปลาต้าฉินอย่างสบายใจ ขนถังเบียร์แต่ละถังๆ ลงมา พอมองเห็นชั้นวางไวน์สองอันเขาก็ถึงกับตกใจจนสะดุ้ง แล้วบ่นกับฮิคสันที่อยู่ข้างๆ กันว่า “ลุงครับ ลุงจะทำธุรกิจแข่งกับผมเหรอ?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ เด็กน้อยของฉัน นายขายเหล้า ฉันหมักบ่มศิลปะ พวกเราไม่ได้เดินบนถนนเส้นเดียวกัน” ตาเฒ่าพูดอย่างทะนงตน
บิลหัวเราะเสียงดัง เขากับชาร์คช่วยกันขนเบียร์ถังใหญ่ลงมา ตบถังไม้โอ๊คหมักเบียร์แปะๆ พร้อมกับพูดว่า “ลุงคงไม่ได้จริงจังหรอกนะ ไม่อย่างนั้นเบียร์ของผมคงยอมไม่ได้แน่ๆ รู้ไหมครับว่านี่คืออะไร นี่คือเบียร์ชิงเต่า เบียร์ที่ดีที่สุดจากบ้านเกิดของฉิน กว่าผมจะได้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ผมตั้งใจเตรียมมาให้ฉินโดยเฉพาะเลย”
ฮิคสันเปิดขวดไอซ์ไวน์อย่างสุขุมเยือกเย็น รินไวน์ลงไปหนึ่งในสี่ส่วนแล้วยื่นมันให้กับบิล บอกเป็นนัยว่าให้เขาลองชิมก่อนแล้วค่อยมาพูด
บิลจิบไวน์เข้าไปหนึ่งอึกพร้อมกับรอยยิ้มกริ่ม กำลังจะโต้ตอบกลับด้วยประโยครักษาศักดิ์ศรี แต่ปรากฏว่าหลังจากที่ไวน์ไหลผ่านลำคอเข้าไปแล้วสีหน้าของเขาก็นิ่งค้างทันที หลังจากนั้นเขาก็ดื่มมันเข้าไปอีกหนึ่งอึก แล้วก็อีกหนึ่งอึก จนแก้วทรงสูงเกือบจะสะอาดแล้ว
“นี่คือไวน์ที่ลุงหมักจริงๆ เหรอครับ?” บิลกะพริบตาปริบๆ
ชายชราไหวไหล่ แล้วพูดอย่างแน่นอนว่า “เห็นแก่พระผู้เป็นเจ้า พวกเราพูดโกหกไม่ได้หรอก”
บิลจับแขนเขาเอาไว้ทันที แล้วพูดอย่างเอาใจว่า “ลุงครับ คุณลุงที่เคารพรักของผม ลุงต้องเหลือไว้ให้บาร์ของผมสักสองสามถังอยู่แล้วใช่ไหม ผมรู้ว่าทุกๆ ครั้งลุงจะหมักไว้เยอะเลย แบ่งให้ผมสักสองสามถังได้ไหมครับ?”
เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการชิมไวน์ ถึงจะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่ง ดังนั้น เขาจึงสามารถสัมผัสได้ถึงความยอดเยี่ยมของไอซ์ไวน์พวกนี้ นี่เป็นไอซ์ไวน์ที่มันสามารถเป็นสมบัติของบาร์ประจำเมืองได้เลย แถมยังเป็นเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์กกับไมอามีอีกด้วย!
บทที่ 1145 ลุ่มหลงเมามายใต้ผืนฟ้า
งานปาร์ตี้ยังไม่ทันเริ่ม ไอซ์ไวน์ของคุณลุงฮิคสันก็เริ่มหมุนวนอยู่ในกลุ่มผู้คนที่เพิ่งเดินทางมาถึงราวกับพายุหมุนแล้ว
เกาะแฟร์เวลมีทะเลล้อมรอบด้าน ฤดูหนาวที่ทั้งชื้นเย็นและหนาวเหน็บ ดังนั้นคนในพื้นที่จึงเริ่มดื่มเหล้าตั้งแต่มีอายุได้สิบกว่าปี กฎหมายข้อที่บอกว่าผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะไม่สามารถดื่มเหล้าได้ ที่เกาะแฟร์เวลกฎหมายข้อนี้ไม่มีประโยชน์อะไร แน่นอนว่าคงไม่มีใครมาสืบสาวหาเรื่องหาเรื่องราวที่นี่อย่างโง่ๆ หรอก
ดังนั้น ผู้คนที่นี่จึงเป็นนักดื่มชั้นดีกันทุกคน หลังจากได้ดื่มไวน์แบบนี้พวกเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงความวิเศษที่อยู่ในนั้น
ฮิวจ์ลิ้มลองไวน์ที่อยู่ในแก้ว แล้วพูดประจบประแจงว่า “ลุงครับ ต่อให้เป็นมาสเตอร์ด้านการมักไวน์ระดับโลก ทั้งชีวิตสามารถหมักไวน์ดีๆ อย่างนี้ได้สักล็อตก็เพียงพอที่จะทำให้รู้สึกภาคภูมิใจได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้ไปพวกเราคงต้องพูดว่า บนเกาะแฟร์เวลมีปรมาจารย์ด้านการหมักไวน์อยู่ที่นี่หนึ่งท่าน”
คำพูดของเขาไม่ได้เกินไปจากความเป็นจริงเลย การที่จะหมักไวน์ดีๆ ให้ได้สักล็อตนั้น ยากยิ่งกว่าหมักไวน์ธรรมดาเป็นไหนๆ
ที่ประเทศเยอรมนี คำพูดประโยคหนึ่งที่เกี่ยวกับไวน์แบบนี้ว่าเอาไว้ว่า “ในทุกๆ ปีเจ้าของไร่องุ่นทุกคนต่างก็หวังว่าน้ำค้างแข็งจะมาถึงสวนผลไม้ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงราวกับคนที่ปรารถนาถึงความรัก และคนที่ได้ลิ้มรสไอซ์ไวน์ที่แท้จริงก็เหมือนกับคนที่ได้พบกับรักแท้ที่หาได้ยาก”
จากสิ่งนี้ทำให้ทราบได้ว่า ขั้นตอนการผลิตไอซ์ไวน์มีความยากลำเค็ญเพียงใด ในตลาดก็หาดื่มได้ยาก ทั่วทั้งเกาะแฟร์เวล คนที่สามารถหมักไอซ์ไวน์ได้เองมีเพียงคุณลุงฮิคสันคนเดียวเท่านั้น เขามีเทคนิคของตัวเองโดยเฉพาะอีกทั้งยังผ่านการสืบเสาะเรียนรู้มาหลายสิบปีถึงจะสามารถเดินมาถึงตรงนี้ได้
คุณปู่คุณย่าของวินนี่ เออร์บัก แซนเดอร์ส อันเดร์ และบรรดาผู้อาวุโสทั้งหลายกำลังนั่งอยู่ในมุมหนึ่งของห้องรับแขก บนโต๊ะวางวิทยุแบบโบราณเอาไว้หนึ่งเครื่อง ตรงหน้าของพวกเขาทุกๆ คนมีไอซ์ไวน์อยู่หนึ่งขวด พระอาทิตย์ยามอัสดงส่องแสงเข้ามา หยุดอยู่บนตัวพวกเขาจนเกิดสีสันที่คละกันอย่างแปลกประหลาด ราวกับว่าเวลาได้หยุดเดินอยู่ที่ตรงนี้
สำหรับพวกเขาแล้ว ไวน์ดีๆ สักหนึ่งขวดกับเพลงเก่าๆ หนึ่งเพลงที่มีความหมายสำหรับพวกเขา รวมกับแสงอาทิตย์อุ่นๆ นั่นก็คือยามพลบค่ำที่งดงามสมบูรณ์แบบ
เมื่อเห็นว่าทุกๆ คนกำลังคุยกันเรื่องไวน์อยู่ ฉินสือโอวที่กำลังถือใบประกาศนียบัตรการบันทึกสถิติโลกเอาไว้ก็พูดอะไรไม่ออกอยู่ชั่วขณะ วินนี่จึงบอกเขาว่า “ไปประกาศข่าวให้พวกเขารู้สิคะ”
ฉินสือโอวยิ้มเจื่อนๆ “ตอนนี้ใครจะยังสนใจเรื่องนี้กันล่ะครับ?”
“แต่นี่เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญของพวกเราไม่ใช่เหรอคะ?” วินนี่ปลุกใจเขาด้วยใบหน้าที่กำลังยิ้มกริ่ม “นี่เป็นครั้งแรกที่เมืองนี้ได้รับการบันทึกสถิติโลกเลยนะคะ”
ฉินสือโอวบีบมือเล็กๆ ของวินนี่เอาไว้ เขากระโดดขึ้นมาบนถังเบียร์ กำไมโครโฟนเอาไว้แล้วพูดด้วยเสียงอันดังว่า “ทุกคนครับ เหล่าสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี รบกวนฟื้นคืนสติจากไวน์ดีๆ สักครู่หนึ่งนะครับ ฟังผมทางนี้สักครู่หนึ่งโอเคไหม?”
“อันดับแรก ขอต้อนรับทุกๆ ท่านเข้าสู่งานปาร์ตี้ของผมนะครับ ต่อไปนี้ผมจะแจ้งเรื่องหนึ่งให้ทุกท่านได้ทราบ ถึงจุดประสงค์ที่สำคัญของงานปาร์ตี้ในครั้งนี้”
“อย่างแรกก็เพื่อต้อนรับครอบครัวของวินนี่ แน่นอนว่าทุกๆ ท่านคงจะรู้อยู่แล้ว พวกเขาก็เป็นคนในครอบครัวของผมเหมือนกัน มาริโอ้ มิแรนดา อาร์ม็องและฟอกส์! “
ทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เสียงเชียร์ถูกส่งออกมาจากด้านล่าง “ยินดีต้อนรับสู่เกาะแฟร์เวล! ยินดีต้อนรับสู่เกาะแห่งความสุขในแดนใต้!”
ฉินสือโอวยกใบประกาศนียบัตรบันทึกสถิติโลกที่อยู่ในมือขึ้นมา “เรื่องที่สอง เป็นเรื่องที่เพื่อนๆ บางส่วนก็พอจะทราบแล้ว…”
“สถิติโลก! บันทึกสถิติโลกกินเนสส์!” ฮิวจ์คนน้องตะโกนนำคนอื่นๆ วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งก็พากันลากเสียงร้องวู้วๆ จากในลำคอตามเขาเช่นกัน ทั้งยังมีคนดึงพลุกระดาษที่เตรียมเอาไว้ขึ้นมาอีกด้วย ริบบิ้นหลากสีสันกองใหญ่ที่อยู่ท่ามกลางท้องฟ้าปลิวลงมาสู่ด้านล่าง
“ยังมีเรื่องอื่นอีกไหม?” มีคนถามขึ้นมา
ฉินสือโอวพูดอย่างยิ้มๆ ว่า “ต้องมีอยู่แล้ว อย่างเช่นเรื่องที่ฟาร์มปลาของพวกเรารอดพ้นภัยพิบัติครั้งใหญ่จากแมงกะพรุนแล้ว หรือจะเป็นเรื่องที่คุณลุงฮิคสันได้หมักไอซ์ไวน์ที่ดีที่สุดในโลกออกมา ถึงอย่างไรก็มีเหตุผลเพียงพอให้พวกเราได้ร่วมกันเฉลิมฉลองอยู่แล้ว คืนนี้ให้ทุกๆ คนดื่มอย่างเต็มที่ไม่เมาไม่กลับ”
“ไม่เมาไม่กลับ ที่รัก!” ทุกๆ คนร่วมกันส่งเสียงร้องตะโกนออกมา
กอร์ดอนลากไวส์มุดเข้ามาในกลุ่มฝูงชนอย่างแอบๆ ซ่อนๆ เนื่องจากปัจจัยด้านร่างกาย ไวส์จึงไม่ชอบงานแบบนี้ เขาใช้นิ้วมืออุดหูเอาไว้ แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “กอร์ดอน นายทำอะไรน่ะ พาฉันมาทำไม?”
กอร์ดอนทำเสียงชู่ๆ พูดอย่างเบาๆ ว่า “ฉันได้ยินว่าที่นี่มีไวน์ดีๆ เลยตั้งใจพานายมาลองชิม นายเคยดื่มเหล้าไหม?”
“นายพูดดังๆ หน่อยสิ ฉันไม่ได้ยินว่านายพูดว่าอะไร!”
“ถ้าอย่างนั้นนายก็ดึงนิ้วที่อุดหูอยู่ออกมาสิ แบบที่นายทำอยู่ตอนนี้ ฉันคงต้องเอาแตรเรือมาบีบข้างๆ หูนายเท่านั้นแหละถึงจะทำให้นายได้ยิน!”
“เอาล่ะ นายพูดมาสิ”
“นายเคยดื่มเหล้ามาก่อนไหม?”
ไวส์ส่ายหัว “ไม่ กอร์ดอน ฉันยังไม่บรรลุนิติภาวะ แม่ฉันบอกว่าก่อนอายุสิบแปดฉันจะยังดื่มเหล้าไม่ได้” พอพูดจบเขาก็เริ่มระแวงขึ้นมา “นายจะมาขโมยเหล้าเหรอ? โอ้ ให้ตาย ไม่ได้เด็ดขาด ฉันจะฟ้องฉิน!”
กอร์ดอนยิ้มเยาะเขาทันที “ไปสิ ฟ้องกับผีน่ะสิ เชิญนายเชื่อแม่ของนายไปเถอะ ฉันขอถามนายหน่อยว่าในยุทธภพมีจอมยุทธ์คนไหนบ้างที่ไม่ดื่มเหล้า? ถ้านายไม่ดื่มเหล้า แล้วอย่างนั้นจะกลายเป็นจอมยุทธ์ท่องยุทธภพได้อย่างไร?”
คำพูดนี้บีบโดนจุดอ่อนของไวส์พอดี ใช่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นในนิยายหรือในหนังในทีวี เหล่าจอมยุทธ์ก็มีแต่คนที่ดื่มเหล้าเก่งๆ กันทั้งนั้น
กอร์ดอนเห็นเขาเริ่มลังเล จึงปักหลักสู้อย่างไม่ย่อท้อ “ไวส์ นายก็เห็นนี่ พวกเจสกับคราเคนน้อยก็ดื่มเหล้ากันทั้งนั้น พวกนั้นก็ไม่ได้โตกว่าเราสักเท่าไรไม่ใช่เหรอ? เหล้าสามารถต้านทานความหนาวได้นะ พวกเราไม่ได้จะดื่มจนหัวราน้ำ แต่ดื่มเพื่อรักษาสุขภาพ ใช่ไหมล่ะ?”
ในที่สุดไวส์ก็ถูกเขาเกลี้ยกล่อมได้สำเร็จ “นายพูดถูก”
กอร์ดอนดีใจจนหน้าบานเป็นกระด้ง แอบหยิบไอซ์ไวน์มาครึ่งขวดกับแก้วอีกสองใบ เอาเข้ามารินให้เขาจนเต็มแก้ว “มา ท่านจอมยุทธ์ ดื่มให้หมดแก้ว!”
พอรับมาไว้ในมือไวส์ก็แหงนหน้าขึ้นข้างบนทันที ไอซ์ไวน์เต็มๆ แก้ว ‘เอื้อกๆ’ แค่แป๊บเดียวก็เกลี้ยงหมดทั้งแก้วแล้ว!
วางแก้วที่ไม่เหลือไวน์สักหยดลง ไวส์บ่นพึมๆ พำๆ ขณะที่กำลังสะอึกไวน์ว่า “ไวน์ดีที่ไหนกัน ขมสุดๆ ไปเลย ไม่อร่อยเลยสักนิด เกลือแร่เกเตอเรดยังอร่อยกว่าอีก”
กอร์ดอนตะลึงตาค้าง ไวน์ในแก้วยังไม่ถูกแตะเลยแม้แต่นิดเดียว เขามองดูแก้วไวน์เกลี้ยงๆ สะอาดๆ ที่ถูกวางไว้บนพื้นใบนั้นอย่างเซ่อๆ แล้วพูดด้วยความรู้สึกอยากลำบากว่า “นายดื่มไวน์ทั้งแก้ว จนหมดเลยเหรอ?”
ไวส์ตอบกลับไปด้วยความรู้สึกว่ามันก็ถูกต้องแล้ว “ก็นายบอกว่าหมดแก้วไม่ใช่เหรอ? เฮ้ย ให้ตายเถอะ ทำไมนายยังดื่มไม่หมดล่ะ? เร็ว ดื่มมันให้หมดทีเดียวเลยนะ!”
กอร์ดอนมองดูไวน์ที่ถูกเทไว้เต็มจนเต็มแก้วอย่างสิ้นหวัง พร้อมกับร้องขึ้นมาว่า “เจ้าโง่ ฉันพูดว่าหมดแก้ว หมายถึงให้ดื่มหนึ่งอึก นายดื่มมันจนหมดได้อย่างไร นายอยากตายเหรอ?”
ใบหน้าเล็กๆ ของไวส์กลายเป็นสีแดงเพราะฤทธิ์เหล้า ดวงตาก็เขายื่นแล้วชี้ไปที่กอร์ดอน “รีบดื่มมันซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะใช้วิชาดัชนีจิ้มนายให้ตาย นาย อึก จิ้ม จิ้ม อึก กอร์ดอน ฉัน ฉัน นายฝึกแยกร่าง วิชา- แยกร่างเหรอ? ฉันเห็น ฉันเห็นนายหลายคนมาก…”
กอร์ดอนรีบวิ่งไปหาฉินสือโอวอย่างรวดเร็ว พูดกับเขาอย่างลนลานว่า “แย่แล้ว ฉิน คุณไปดูหน่อย ไวส์ดื่มไวน์เข้าไปเยอะมากๆ”
“ใครให้เขาดื่มไวน์?” ฉินสือโอวขมวดคิ้ว ตวาดถามเขาเสียงดังลั่น
กอร์ดอนพูดกับเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย “ผมแค่อยากพาเขาชิมว่าสาวงามในหมู่ไอซ์ไวน์ของพวกคุณว่าจะมีรสชาติอย่างไร นอกจากถูกเชอร์ลี่ย์ดึงหู ผมยังไม่เคยได้สัมผัสกับสาวงามที่ไหนมาก่อนเลยนะ ดังนั้นผมก็เลยอยากลองดูหน่อย ใครจะรู้ว่าเขาจะดื่มมันเข้าไปทั้งแก้ว! พระเจ้า เขาดื่มไปทั้งแก้วเลย!”
ฉินสือโอวรีบไปหาไวส์ เขากลัวว่าจะเกิดปัญหาขึ้นกับร่างกายของเขา แต่ปรากฏว่าเด็กน้อยยังแข็งแรงอยู่มาก กำลังดึงมือเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งมากวัดแกว่ง! “ดูสิ ดูหมัดเมาของผม ผม สำนักของพวกเรา หมัดเมา หมัดเมา เป็น เป็นอย่างไรบ้าง”
บทที่ 1146 ของที่น่าสนใจ
เด็กสาวปรากฏตัวเป็นครั้งแรก ฉินสือโอวไม่เคยเห็นเธอมาก่อน เธอมีใบหน้ากลมๆ นุ่มนิ่มน่ารักเหมือนแอปเปิล มีเส้นผมสีลินินที่แวววาวเหมือนน้ำ รูปร่างผอมสูงดูงดงาม เป็นเด็กสาววัยรุ่นผิวขาวที่โดดเด่นคนหนึ่ง
ฉินสือโอวไม่รู้ว่าใครพาเธอมา พอเห็นว่าไวส์ไม่ได้เป็นอะไรเขาก็วางใจได้ครึ่งหนึ่งแล้ว ส่วนกอร์ดอนก็แทบจะตาถลนออกมาอยู่แล้ว “วอทเดอะฟัค หรือว่าในไวน์พวกนี้จะมีสาวงามอยู่จริงๆ?”
โดยที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาหาแก้วไวน์ของตัวเอง แล้วเงยหน้าดื่มมันลงไปจนหมดแก้ว!
เชอร์ลี่ย์ถือไวโอลินวิ่งเข้ามาด้วยความเบิกบานใจ เธอตั้งใจมาหาฉินสือโอวแล้วพูดกับเขาว่า “ฉิน ปาร์ตี้แบบนี้ไม่มีการแสดงสดได้อย่างไรกันคะ? หนูจะทำการแสดงให้เองดีไหม? เล่นให้ฟรีๆ เลยนะ ช่วยยกระดับงานปาร์ตี้ได้ด้วย”
ฉินสือโอวโบกมือปฏิเสธแรงๆ หนูจะมาท้าประลองสำนักบู๊หรืออย่างไร? ทักษะการเล่นไวโอลินของหนูในตอนนี้ พอเริ่มสีไวโอลินขึ้นมา ทุกคนก็คงคิดว่าคงจะมีหมาหรือแมวที่ไหนโดนใครทารุณจนร้องไห้ออกมา แล้วอย่างนั้นจะจัดงานปาร์ตี้ต่อไปได้อย่างไรกันล่ะ?
ไอซ์ไวน์แก้วใหญ่ถูกดื่มเข้าไปจนหมดแก้ว ของสิ่งนี้เหมือนกันกับไวน์องุ่น ปริมาณแอลกอฮอล์ไม่ต่ำเลย อีกทั้งยังไม่เหมือนกับไวน์องุ่นที่จะแล่นขึ้นสู่สมองในภายหลัง ระดับความเร็วในการโจมตีสมองของมันรวดเร็วน่าดูเลยทีเดียว พอกอร์ดอนดื่มไวน์แก้วนี้หมด ภาพตรงหน้าก็เริ่มเบลอแล้ว
หลังจากนั้น เขาก็มองเห็นแผ่นหลังอรชรอ้อนแอ้นของเด็กสาว ทันใดนั้นจิตใจของเขาก็เบิกบานขึ้นมาทันที “วอทเดอะฟัค ฉิน ไวน์พวกนี้สุดยอดจริงๆ ข้างในมีสาวงามอยู่จริงๆ ด้วย”
เมื่อพูดจบ กอร์ดอนก็เข้าไปโอบไหล่เด็กสาวเอาไว้ เด็กสาวก็หันมามองเขาด้วยใบหน้ามืดครึ้ม กอร์ดอนกะพริบตาปริบๆ รับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าเรื่องราวไม่น่าจะดีแล้ว เขารู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาสาวงามคนนี้อยู่หน่อยๆ
ไม่รอให้เขาโต้ตอบอะไรกลับมา เชอร์ลี่ย์ก็ยัดไวโอลินไปให้ฉินสือโอว มือเล็กๆ จับหูของกอร์ดอนไว้ด้วยความชำนาญ บิดขึ้นบิดลง 720 องศาแบบท่าโทมัสแฟลร์!
“โอ๊ยๆๆ! เชอร์ลี่ย์ เธอนี่เอง! ไวน์พวกนี้หลอกลวงกันเกินไปแล้ว!”
“รังแกลวนลามผู้หญิง กอร์ดอน ฉันว่านายนับวันก็ยิ่งร้ายกาจขึ้นไปเรื่อยๆ เจ้าตัวแสบ วันนี้ฉันจะต้องสั่งสอนนายให้ได้!”
ฉินสือโอวมองดูแล้วหัวเราะฮ่าๆ ออกมา กอร์ดอนหันมาขอความช่วยเหลือจากเขา แต่เขากลับโบกมือทำท่าบ๊ายบายให้ แล้วกอดเอาไวโอลินพร้อมกับลากไวส์เข้าไปในวิลล่า กอร์ดอนมาดึงดูดความสนใจของเชอร์ลี่ย์ได้พอดี เขาไม่อยากให้สาวน้อยสีไวโอลินในงานปาร์ตี้เลยจริงๆ
ฟาร์มปลามีที่ให้นั่งพักอย่างพวกม้านั่ง เก้าอี้ เก้าอี้นอนอยู่เยอะมาก ทุกๆ คนพากันหาที่นั่งบนชายหาดตามสะดวก นั่งดื่มเหล้าคุยกันได้ตามสบาย
คุณลุงฮิคสันเริ่มยุ่งแล้ว ในห้องครัวมีวัตถุดิบในการทำอาหารอยู่เต็มไปหมด เขาทำอาหารคาวที่พบได้บ่อยในงานปาร์ตี้ออกมาทีละจานๆ ในเวลาอันสั้น ด้วยระดับความเร็วเหมือนกับสายน้ำ จนฉินสือโอวรู้สึกทอดถอนใจอย่างถึงที่สุด ถ้าตาเฒ่าเกิดเป็นคนแถวบ้านเขา ก็คงจะได้รับตำแหน่งนักรับจัดเลี้ยงในงานแต่งฝีมือดีคนหนึ่งแน่ๆ
มิแรนดา ฟอกส์กับวินนี่สามสาวแม่ลูกกำลังยุ่งอยู่กับการอบขนม บิสกิตเนยชิ้นเล็ก สโคนลูกเกด อัลมอนด์สปอนจ์เค้ก พายฟักทอง พายแอปเปิล พายกล้วย โมจิไส้มะพร้าว ชีสเค้กทุเรียน และอื่นๆ อีกมากมาย พวกเธอเตรียมวัตถุดิบไว้ตั้งแต่เช้าแล้ว ดังนั้นเมื่อนำมาอบจึงเสร็จเร็วมาก
หลังจากนั้นภรรยาของ ชาร์คกับแลนซ์และคนอื่นๆ ก็มาถึง แล้วเข้าร่วมกระบวนการอบขนมด้วยเช่นกัน เมื่อเป็นแบบนี้ความรวดเร็วในการทำก็เพิ่มมากยิ่งขึ้นแล้ว
แอนนี่ภรรยาของบูลก็มาที่นี่แล้วเช่นกัน แน่นอนว่าจะต้องพาลูกชายตัวอ้วนของพวกเขามาด้วยกัน
ทีแรกเด็กอ้วนก็อยู่ในอ้อมกอดของแม่อย่างมีความสุข แต่พอวางเขาลงแล้วมองเห็นเสี่ยวเถียนกวา ดวงตาที่อ้วนจนกลายเป็นขีดก็เบิกกว้างขึ้นจนกลายเป็นวงกลมทันที ต่อจากนั้นก็ร้องแอ๊ๆ ดึงเสื้อผ้าของคนเป็นแม่แล้วเริ่มร้องไห้ออกมา
ฉินสือโอวที่มองดูอยู่ข้างๆ ก็ได้เปิดประสบการณ์ครั้งใหญ่ ปกติแล้วตาของเด็กอ้วนคนนี้จะเป็นเส้นขีดๆ คาดไม่ถึงว่าจะเบิกโตได้ขนาดนี้ มองเห็นเสี่ยวเถียนกวาต้องทำให้เขาตกใจมากแน่ๆ
เมื่อเสี่ยวเถียนกวาเห็นว่าเจ้าเด็กอ้วนก็เบิกตาโตได้เหมือนกัน ก็เหมือนกับว่าเธอได้ค้นพบของเล่นสนุกๆ หนึ่งชิ้น เธอคลานเนิบๆ ช้าๆ พร้อมกับร้องใส่เด็กอ้วน “แอ๊ๆๆๆ…”
เด็กอ้วน “ฮือๆๆๆ อุแว้ๆๆ…”
แอนนี่กับวินนี่และคนอื่นๆ ไปอบเค้กแล้ว เธอวางเด็กอ้วนไว้บนโซฟา เสี่ยวเถียนกวาค่อยๆ คลานเข้ามาใกล้เด็กอ้วนช้าๆ เหมือนแม่หมาป่าล่าอาหาร ท่าทางของเธอเรียกได้ว่าทั้งกำแหงและผ่อนคลาย
เด็กอ้วนพลิกตัวกลับ เขาหันไปมองเสี่ยวเถียนกวาที่เข้ามาใกล้ แขนอ้วนๆ กับขาสั้นๆ เตะถีบอย่างสุดชีวิต สไลด์ตัวไปบนโซฟาที่ทำมาจากหนังแท้ได้นิดๆ อย่างคาดไม่ถึง
แน่นอนว่า ก็แค่นิดเดียวเท่านั้น…
หลังจากคลานขึ้นมาหาแล้วเสี่ยวเถียนกวาก็มองดูเด็กอ้วนด้วยความสนใจใคร่รู้ ระหว่างนั้นก็ไม่ได้ลงมือทำอะไร แต่ฉินสือโอวรู้สึกว่าท่าทางไม่ดีแล้ว เนื่องจากสายตาที่ลูกสาวของเขาใช้มองเจ้าเด็กอ้วน เหมือนกับสายตาของวินนี่ตอนที่มองหู่เป้าฉงหลัวหลังจากก่อความวุ่นวายไม่มีผิด
เรื่องร้ายที่ทำนายไว้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ มองอยู่สักพัก เสี่ยวเถียนกวาก็ยกมือขวาขึ้นมาจับหน้าอ้วนๆ ของเด็กอ้วนเอาไว้– ใช่แล้ว จับไม่ใช่บีบ– เธอดึงทึ้งหน้าเขาด้วยความสนุกสนานอยู่แบบนั้น
“แงๆๆๆ!” ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดใจ แม่ฮะ รีบมาช่วยผมสิ ลูกชายคนนี้จะถูกแกล้งจนตายแล้ว!
ฉินสือโอวรีบเข้าไปดึงเสี่ยวเถียนกวาออก จับลูกแมวป่าติดมือกลับมาแล้วยัดมันให้กับลูกสาวแทน สีหน้าของราชาเจ้าป่าซิมบ้าดูไม่สมัครใจเป็นอย่างยิ่ง แม่งเอ๊ย ถ้าวิ่งหนีไปตั้งแต่เมื่อกี้ก็ดีแล้ว ทำไมต้องนอนขี้เกียจอยู่ที่มุมโซฟาแบบนั้นด้วย?
ย้ายความสนใจของเสี่ยวเถียนกวาไปที่อื่นแล้ว ฉินสือโอวถึงได้ออกไปดูแลจัดการงานปาร์ตี้
ที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องให้เขาเป็นคนดูแลก็ได้ ทุกๆ คนต่างก็ไม่ได้เขินอายที่จะคุยกับคนแปลกหน้า มือซ้ายถือแก้วเบียร์มือขวาถือขวดไวน์ ทั้งร้องตะโกนทั้งกระดกเหล้าเข้าปากกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เหมือนกับว่าตอนนี้นี่ไม่ใช่ปากของตัวเอง กระดกเหล้าลงไปได้ไม่น้อยเลยจริงๆ
ฮิวจ์คนน้องกับโหวจื่อเซวียนกำลังสแครชแผ่นอยู่ สวมหูฟังอันใหญ่ขณะที่กำลังโยกตัวไปพร้อมๆ กับการสแครชแผ่นเสียง เหมือนคนเป็นโรคไข้จับสั่นไม่มีผิด
ฉินสือโอวเขาไปถอดหูฟังของโหวจื่อเซวียนออก แล้วถามเขาด้วยความประหลาดใจว่า “นายทำไอ้นี่เป็นด้วยเหรอ?”
โหวจื่อเซวียนโยกย้ายร่างกายพร้อมกับหัวเราะด้วยความสนุกสนาน “ถ้าไม่เป็นก็หัดทำได้ไม่ใช่เหรอครับ? ผมเพิ่งจะขอให้อาจารย์ฮิวจ์ช่วยสอน เป็นอย่างไรบ้างครับ? พอจะได้มาตรฐานอยู่บ้างใช่ไหมล่ะ?”
ฉินสือโอวบอกกับเขาว่า “ดูจากระดับการโยกย้ายร่างกายของนายแล้ว นี่เป็นไข้จับสั่นหรือเปล่าเนี่ย? ถ้าเป็นจริงๆ ฉันแนะนำให้นายใช้ชิงฮาวซู่รักษาอาการนะ ของสิ่งนี้เป็นของล้ำค่าที่ขุดขึ้นมาจากในประเทศของเรา มีไว้สำหรับรักษาไข้จับสั่นโดยเฉพาะ เห็นผลสุดยอด!”
ขณะที่กำลังคุยกัน ก็เริ่มมีคนร้องเสียงดังเยอะขึ้นอีก ดึงฉินสือโอวไปแข่งงัดข้อ เพื่อชำระความอับอายในงานปาร์ตี้ปีใหม่
ฉินสือโอวไม่ปล่อยให้คนพวกนี้ได้ทำตามอำเภอใจ ไม่ว่าใครเขาก็กดแขนไว้บนโต๊ะได้ในครั้งเดียว ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น!
บางคนโกรธจนตาเขียว แต่พอลองมองอีวิลสันที่ยืนเคี้ยวห่านย่างคำใหญ่อยู่ข้างหลังฉินสือโอว ดวงตาของพวกเขาก็แบ่งขาวแบ่งดำแยกแยะถูกผิดได้ทันที…
ฉินสือโอวเล่นจนเบื่อแล้ว เลยลากฉงต้าออกมา แล้วพูดกับพวกเขาทุกคนว่า “ชนะลูกของฉันให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาหาฉัน”
ฉงต้าแสยะปาก เผยเขี้ยวแหลมคมที่โตเต็มที่แล้วออกมา พวกเขาทุกคนก็ตื่นตระหนกลนลานขึ้นมาทันที “ฉันปวดฉี่…” “ฉันฉี่จะแตก…” “ฉันแค่มาดูเฉยๆ กินฉันไม่ได้นะ…”
งานปาร์ตี้ที่ส่งเสียงอึกทึกวุ่นวาย ฉินสือโอวขจัดความเหนื่อยล้าจากช่วงหลายวันมานี้ออกไปแล้ว ในขณะเดียวกันก็ประกาศการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิอย่างเป็นทางการ เมืองแฟร์เวลต้องต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซันอีกครั้งแล้ว หลังจากนี้งานปาร์ตี้ก็จะไม่น้อยลงไปกว่านี้แล้ว
ถึงงานปาร์ตี้จะสนุก แต่การเก็บกวาดจัดการกับความเละเทะหลังงานจบเป็นสิ่งที่เปลืองแรงมาก และยังไม่สามารถปล่อยค้างคืนไว้ได้ เนื่องจากถ้าปล่อยเศษอาหารที่ตกอยู่บนชายหาดเอาไว้ค้างคืนพวกมันก็จะเน่าเสียจนกลายสภาพ แบบนั้นถ้ามาเก็บทีหลังก็จะเปลืองแรงยิ่งกว่าเดิม นอกจากนี้ยังมีของบางอย่างที่อาจจะถูกลมทะเลพัดกระจายไปทั่ว
โชคดีที่ฟาร์มปลามีคนอยู่เยอะ เหล่าภรรยาของพวกชาวประมงจัดการงานนี้ได้อย่างเชี่ยวชาญ ไม่ต้องให้ฉินสือโอวสั่ง ก็มีคนพากันไปเก็บกวาดแล้ว
หลังจากจัดงานปาร์ตี้เสร็จ ก็ต้องเตรียมตัวทำงานอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าก่อนที่ฉินสือโอวจะเริ่มงาน แซนเดอร์สก็มาหาเขาอย่างรีบด่วน บอกกับเขาว่า “บอส ผมพบของสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ รีบมาดูสิครับ!”
……………………………………………….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น