องครักษ์เสื้อแพร 1135-1136
ตอนที่ 1135 ฮ่องเต้ว่านลี่ไม่ใช่หงอู่
“…ฮ่องเต้ประเมินระบบการข่าวหวังทงต่ำเกินไป เครือข่ายการค้าอาณาจักรสามธาราไม่ได้นำเพียงทรัพย์สินเงินทองยิ่งใหญ่มาสู่หวังทงเท่านั้น…”
ตอนข่าวหลี่หู่โถวตายในสนามรบของทางการมายังเมืองหลวง เพียงแค่สามชั่วยาม เมืองหลวงก็เริ่มอลหม่าน
ฮ่องเต้ว่านลี่วางแผนไว้เดิมทีไม่ใช่เช่นนี้ หลี่หู่โถวตายในสนามรบ จากนั้นก็นำศพกลับมาอย่างสมเกียรติ เรื่องนี้คนส่วนใหญ่ย่อมรับได้ แต่ลูกน้องหลี่หู่โถวรายงานมาจากสนามรบว่าถูกลอบสังหาร ทุกคนล้วนไม่ใช่คนโง่ เข้าใจดีว่าเรื่องนี้หมายถึงอันใด
ชนชั้นสูงตระกูลใหญ่พากันหลบภัยนี้ หากเป็นเมื่อก่อน พวกเขาย่อมยังคงอยู่เมืองหลวงต่อไป ไม่ก็หากช่องทางยืนให้ถูกข้าง อย่างไรก็ต้องได้ประโยชน์จากความวุ่นวายนี้ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิม หวังทงหากยังอยู่เมืองหลวง เช่นนั้นก็แล้วไป แต่หาหวังทงไปเทียนจินแล้ว เช่นนั้นผลอย่างไรย่อมไม่อาจรู้ได้แล้ว
หากเป็นเมื่อก่อน นอกจากจวนกับโรงบ้านในและนอกเมืองหลวง ชนชั้นสูงตระกูลใหญ่เหล่านี้ก็ไม่มีทีไป แต่ตอนนี้ ทุกคนล้วนขึ้นเหนือออกนอกด่านไม่ก็ไปเหลียวหนิง นอกด่านล้วนมีโรงบ้านฐานที่มั่น ที่นั่นพวกเขาเองก็มีผู้คุ้มกัน ไปหลบที่นั่นรอดูผล ก็เป็นวิธีที่ดี
โอรสสวรรค์ต้องการจัดการขุนนาง มีวิธีมากมาย นี่ก็เป็นเพียงสถานการณ์หนึ่ง แต่การจัดการหวังทงนี้ กำลังแท้จริงหวังทงแข็งแกร่งเกินไป
“…ข่าวจากแหล่งต่างๆ แพร่ไปทั่วเมืองหลวง หลายคนล้วนคิดโยงไปถึงตอนที่ตั้งแผ่นดินนี้ใหม่ๆ เรื่องที่ปฐมฮ่องเต้จูหยวนจางกวาดล้างขุนนางภักดีมีความชอบหมดสิ้น เรื่องจริงก็คือ ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาฮ่องเต้ล้วนมีพฤติกรรมไม่ต่างกัน ขุนนางบุ๋นที่เคยออกห่างก็รวมกำลังไปอยู่ข้างฮ่องเต้ ข้อสรุปทุกคนก็ยังคงไปอยู่ที่หัวหน้ากองกำลังหลวง…”
ให้กุมกำลังหน่วยหนึ่งกองกำลังหลวงได้ก่อน จากนั้นเกลี้ยกล่อมหน่วยอื่นๆ ขจัดอำนาจหวังทงทิ้ง แผนการเช่นนี้เหมาะสมดี แต่สถานการณ์พัฒนามาถึงขั้นนี้ ทุกอย่างล้วนไม่ต้องเอ่ยถึงอีกแล้ว
ฮ่องเต้ว่านลี่ส่งคนไปยังที่ต่างๆ ที่ไม่เรียกว่าผู้แทนพระองค์ก็เพราะเพราะสถานการณ์ตอนนี้ ไม่อาจใช้การเคลื่อนไหวที่กระทบใจขุนนางบู๊มากไป แม้ขุนนางบุ๋นจะเร่งเร้าให้มีราชโองการกำจัดพวกกุมอำนาจทหารที่คิดคดทรยศพวกนี้ทิ้ง ให้กลับคืนสู่การปกครองคุณธรรมทุกอย่างเช่นดังเดิมที่เคยเป็นมา
แต่คนที่พอมีความคิดล้วนเข้าใจ การที่ราชวงศ์มีอำนาจก็เป็นเพราะการสนับสนุนจากกองกำลังหลวง สถานะขุนพลทหารมีผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพระบบกองกำลังแผ่นดินหมิงมาทุกสมัย ด้วยกองกำลังสองหน่วยในตอนนั้นก่อร่างสร้างตัวเป็นกองกำลังหลวงทัพใหญ่ ขุนพลในระบบการทหารนี้ใกล้ชิดกับหวังทงที่สุด หากมีราชโองการขอคืนอำนาจทหารจริง ความเป็นไปได้ที่มากที่สุดก็คือทุกหน่วยกองกำลังร่วมกันก่อการกบฎ
กองกำลังหู่เวยแท้จริงแล้วเป็นกองกำลังที่เข้มแข็งเพียงใดกัน ชัยชนะที่รุ่งโรจน์ที่ผ่านมาก็ทำให้พอจะรู้ได้แล้ว เบื้องหลังหน่วยทหารนี้เกี่ยวพันกับอิทธิพลอำนาจเช่นไร ในวังยิ่งเข้าใจ ตอนนี้ใต้หล้าขุนพลที่เกรียงไกรที่สุด คหบดีใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดล้วนมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับพวกเขา หากขยับก็ขับหมด ใต้หล้าล้วนโกลาหลวุ่นวายหนัก
แต่ทว่าฮ่องเต้ว่านลี่ครั้งนี้ก็สายไปก้าวหนึ่ง คนของหวังทงไปเร็วกว่าคนในวังก้าวหนึ่ง ไปถึงที่ต่างๆ ก่อนหน้าแล้ว
ตระกูลจูนั่นมีปัญหาก่อนหน้านี้แล้ว ก็คือตั้งแต่ปฐมฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หมิงจูหยวนจางสังหารขุนนางมีความชอบเป็นที่เลื่องลือมาก ส่งผลกระทบวงกว้าง ฮ่องเต้หมิงอิงจงสังหารอวี๋เชี่ยน หลังฮ่องเต้หมิงอู่จงสิ้นพระชนม์ เจียงปินและเฉียนหนิง ถูกกวาดล้าง นี่ไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีอันใด สถานการณ์ตอนนี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน สังคมพัฒนารุ่งเรือง บุกเบิกพื้นที่อาณาเขตเพิ่ม ทำลายปราบปรามประเทศศัตรู ขุนพลแต่ละคนล้วนมีความชอบ มองอย่างไรก็เหมือนกับตอนก่อตั้งแผ่นดินหมิง จากนั้นในวังก็มีข่าวมากมายเล็ดรอดออกมา เช่นว่า ‘หนาม’ คำเปรียบนี้ ฮ่องเต้หมิงไท่จู่ตรัสกับพระนัดดาเช่นนี้ ตอนนี้ฮ่องเต้ว่านลี่เองก็ทรงตรัสกับโอรสเช่นนี้ ‘หนาม’ เหล่านี้ แน่นอนหมายถึงความหวาดกลัวในใจ
หวังทงทำอะไรมามากมาย สร้างความชอบมาไม่น้อย เรื่องนี้ทุกคนล้วนเห็นกันด้วยตา หลายครั้งก็ยังออกตัวยอมหลีกทางให้เอง ทุกคนเองล้วนรู้ คนผู้นี้เป็นขุนนางภักดี ทำเพื่อแผ่นดินหมิงมากมาย สร้างความดีความชอบมามากมาย มาถึงตอนนี้กลับมีจุดจบเช่นนี้ ทุกคนล้วนหนาวใจ
กองกำลังหลวงกับผลประโยชน์เบื้องหลังรวมตัวกันมาถึงตอนนี้รุ่งเรืองได้ยิ่งใหญ่เพียงนี้ การจะแย่งชิงอาหารจากปากพยัคฆ์ แย่งชิงทุกอย่างไม่ง่าย หากหวังทงล้ม ขุนนางบุ๋นย่อมรวมตัวกันกลับมาอีก หรือว่าที่นาเงินทองมากมายในตอนนี้ อีกทั้งอำนาจเกรียงไกรทั่วแปดทิศนี้ล้วนต้องสูญสลายไปราวสายหมอกหรือ?
ผลประโยชน์เป็นเรื่องใหญ่ จุดยืนทุกคนก็ย่อมร่วมกัน กองกำลังหลวงแต่ละกองอยู่ใต้ชื่อผู้บัญชาการหลี่หู่โถวเป็นหลัก แต่ความจริงนั้นแบ่งประจำพื้นที่แล้ว เท่ากับว่าผู้บัญชาการทุกหน่วยเป็นแม่ทัพ ล้วนมีสิทธิ์ยื่นฎีกา
หานกังแรกสุด ซุนซิงอันดับสอง ขุนพลทหารพากันยื่นฎีกา สุดท้ายที่ยื่นก็คือลี่เทา ตระกูลลี่เมืองจี้โจวเร่งส่งข่าวนี้มาให้ลี่เทาทำให้ม้าตายไปหลายร้อยตัว
ฎีกาทุกคนล้วนท่าทีเดียวกัน เหตุใดขุนพลใหญ่เช่นหลี่หู่โถวเช่นนี้ถูกลอบสังหารได้ ขอราชสำนักตรวจสอบ…วาจาล้วนขอร้องอย่างจริงใจ แต่ความหมายในฎีกาล้วนกระจ่างยิ่ง ราชสำนักหากไม่ให้ความกระจ่าง เช่นนั้นทุกคนเกรงว่าคงไม่อาจไว้วางใจได้ หากไม่ไว้วางใจ คุมกองทัพตนไม่อยู่ ก็อาจเกิดเรื่องอันใด ก็ย่อมไม่อาจกล่าวได้
“…สำหรับราชวงศ์แล้ว สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว ขันทีระดับสูงในวังล้วนปลิดชีพตนเอง ใช้ความตายแสดงความรับผิดชอบ ฮ่องเต้ส่งทหารคนสนิทที่สุดไปอธิบายกับหวังทง แต่ทว่ารอยร้าวสองฝ่ายเกิดขึ้นแล้ว หวังทงใช้เหตุสุขภาพพักต่อที่เทียนจิน ไม่กลับเมืองหลวงอีก ตามข่าวที่น่าเชื่อถือได้ หวังทงป่วยจริง…”
**************
“ติดตามท่านพี่มานานหลายปี ไม่เคยเห็นท่านพี่เป็นเช่นนี้”
หานเสียแอบกล่าวกับจางหงอิงว่า
ข่าวหลี่หู่โถวโดนแทงมาถึงหวังทง ก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว หวังทงตอนนั้นนิ่งมาก ให้ทหารติดตามไปเตรียมรถม้า ส่งคนไปติดต่อทหารคนสนิทในเมืองที่ไว้ใจได้
มาถึงสถานะนี้ หากจะบอกว่าหวังทงไม่มีการเตรียมตัวก็คงไม่มีทาง สื่อชีตอนได้รับอนุญาตจากหวังทงแล้ว ก็นำทหารที่เลี้ยงดูไว้ส่วนตัวออกไปจับพวกที่จับตาดูหน้าจวนทั้งหมดที่ไม่ใช่คนของหวังทงสังหารสิ้น ข่าวทั้งหมดถูกปิด
ทหารประจำเมืองหลวงประตูตะวันออกก็เปิดประตูเมืองเร็วกว่าปกติครึ่งชั่วยามได้ ทหารม้าชุดเกราะคุ้มกันขบวนรถครอบครัวหวังทงออกจากประตูเมือง
หวังทงจัดการที่เมืองหลวงและเทียนจินได้รอบด้าน ในเมืองหลวงมีทหารม้าชุดเกราะห้าร้อยกว่ามาคุ้มครองส่ง มาถึงทงโจว จำนวนทหารม้าก็เกินพันนาย กองกำลังเช่นนี้พอที่จะรับมือพวกไล่ตามล่าจากเมืองหลวงได้ระยะหนึ่ง รับประกันได้ว่าหวังทงสามารถเข้าสู่อำเภอเซียงเหอ ถึงที่นั่น ก็เป็นหน่วยกำลังหานกังแล้ว
ตอนหวังทงถึงเทียนจิน เทียนจินก็มีคนระดับสูงมารอรับพร้อมหน้า ที่ควรค่าแก่การสังเกตก็คือ ไช่หนานเองก็ออกมารอรับ ขุนพลเมืองจี้โจวและเทียนจินก็มารอรับ ผู้ว่าเทียนจินก็มารอรับ แต่นายกองตรวจการมณฑลทหารเทียนจินไม่ได้มารอรับ ขุนนางผู้มากอำนาจวาสนาที่เหลือล้วนมารอรับ
เทียนจินเป็นเมืองของหวังทง ที่นี่มีเรือยักษ์ใหญ่สิบลำเป็นระดับเรือปืนใหญ่ และกองเรือติดอาวุธอีกยี่สิบกว่าลำ ยิ่งไม่ต้องพูดผู้คุ้มกันเครือข่ายสามธาราอีกนับหมื่น กองกำลังเหล่านี้ล้วนมีทหารเก่าเก่งกล้ากองกำลังหู่เวยเป็นหลัก อาวุธยอดเยี่ยมครบ
ยังไม่ต้องพูดถึง หวังทงสามารถรวมกำลังจากทางทะเลมาช่วยได้อีก…
หวังทงพักอยู่ที่จวนริมทะเลอ่าวเทียนจิน คำสั่งกับการจัดการออกไปจากจวนเรื่อยๆ สั่งทุกอย่างจัดการเสร็จแล้ว หวังทงก็ไปนั่งเหม่อในห้องหนังสือ รายงานสามารถเข้ามารายได้ตลอดเวลา ตอนนี้เกือบทั้งหมดก็ล้วนจัดการไปเรียบร้อยแล้ว จากนี้ก็แค่รอในวังกับการตอบรับจากที่อื่นๆ เป็นเวลาที่ต้องการอยู่คนเดียว ทุกคนล้วนรู้งานไม่เข้าไปรบกวน
คนรอบกายยังดี หานเสียกลับไม่อาจไม่ไป หวังเซี่ยอายุสิบห้าแล้วถูกส่งไปทางเกาหลี ให้ถานเจี้ยนดูแลฝึกเป็นทหารธรรมดาคนหนึ่ง ตอนนี้เด็กน้อยอยู่นอกบ้าน เกิดมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา สถานการณ์เช่นนี้ หานเสียรู้สึกกังวลอย่างที่สุด
ตอนไปยังห้องหนังสือ ทหารติดตามแน่นอนไม่ขัดขวาง หานเสียเดินไปถึงนอกห้องหนังสือ ก็เห็นประตูห้องเปิดแง้มไว้ มองลอดเข้าไปเห็นหวังทงกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะสองมือปิดตา สองไหล่สั่นสะท้าน ได้ยินเสียงสะอื้นไห้ดังมา หวังทงนั่งร้องไห้อยู่หลังโต๊ะหนังสือ
เป็นครั้งแรกที่หานเสียเห็นสามีตนเป็นเช่นนี้ ความรู้สึกประดังเข้ามามากมาย รออยู่ด้านนอกอยู่นานจึงได้เข้ามา เห็นหวังทงขอบตาแดงก่ำ ก็ทำเป็นมองไม่เห็น
หวังเซี่ยได้รับการเตรียมการไว้ก่อนแล้ว เรือเร็วส่งไปยังเกาหลี เป็นการจัดการของหน่วยถานเจี้ยนที่หวังทงไว้ใจได้อย่างที่สุด ความปลอดภัยหวังเซี่ยย่อมไม่เกิดปัญหาใด
*****************
“…ขุนนางบุ๋นที่ถูกกำราบไว้คิดว่าเป็นโอกาสพวกเขา แต่การเคลื่อนไหวพวกเขาต่อหน้าอาวุธและเงินทองไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง หวังทงมีปฏิกิริยาโต้เร็วมาก กิจการของบรรดาขุนนางราชสำนักล้วนกับสัมพันธ์กับกิจการอาณาจักรหวังทง ขอเพียงแสดงท่าทีชัดเจนว่ายืนข้างหวังทง ขุนนางฝ่ายตรงข้ามล้วนถูกจนทำสิ้นเนื้อประดาตัวในเดือนเดียว ขุนนางที่เหลือหากไม่อยู่ข้างหวังทง ก็ล้วนไม่กล้าแสดงท่าที…”
“…การป้องกันในพื้นที่เมืองหลวงเป็นหน้าที่หลี่ว์วั่นไฉซึ่งเป็นคนสนิทหวังทง ตอนหวังทงออกจากเมืองหลวงไปก็ถูกปลดทันที ที่ถูกปลดพร้อมกันยังมีหลี่เหวินหย่วนแห่งองครักษ์เสื้อแพร แต่องครักษ์เสื้อแพรกับเมืองหลวงกับการรักษาความสงบอื่น มีคนอีกมากเป็นคนหวังทง เมืองหลวงสำหรับหวังทงแล้ว ราวกับกระด้งฝัดข้าวที่ไม่อาจกั้นการไหลออกได้…”
ตระกูลลี่กับตระกูลหม่าเลือกอยู่ข้างหวังทงอย่างไม่ลังเล กองกำลังหลวงกับกองกำลังเมืองหลวงของตระกูลเฉินและตระกูลถังเองก็เลือกวางตัวเป็นกลางหลังจากมองสถานการณ์อยู่พักหนึ่ง
ฮ่องเต้ว่านลี่พบว่าทหารไม่ได้ยืนอยู่ข้างพระองค์ ในที่สุดก็ทรงรู้แล้วว่าไม่อาจฝืนต่อไปได้ ทรงไม่ใช่ปฐมฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หมิงจูหยวนจาง หวังทงไม่ใช่สวีต๋าหรือฉางอวี้ชุนที่ป่วยตาย ไม่ใช่ขุนนางบุกเบิกแผ่นดินที่ยอมรอความตายแต่โดยดี พวกนั้น หวังทงแม้ว่าจงรักภักดี แต่ไม่ได้ไร้การป้องกัน เขาวางแผนป้องกันตนเองมาโดยตลอด
‘ผู้ใดไม่ทำข้า ข้าย่อมไม่ทำผู้ใด’ นี่เป็นหลักการหวังทง แต่ทว่าหลายเรื่องพอขยับ ก็ยากจะหยุด
สถานการณ์มาถึงตอนนี้ แม้ว่าหวังทงกับฮ่องเต้ว่านลี่คิดหยุด แต่ก็ไม่อาจหยุดได้อีกแล้ว หลายคนหวังให้เป็นเช่นนี้ โดยเฉพาะทางฝั่งหวังทง
ในแวดวงขุนนางมีข่าวแพร่มาว่า ข่าวตอนไปถึงสวีกว่างกั๋ว ปฏิกิริยาแรกสุดของสวีกว่างกั๋วไม่ใช่เศร้าหรือเสียใจ…
ตอนที่ 1136 คนเราอย่างไรย่อมเติบโต
สำหรับฝั่งหวังทงแล้ว สวีกว่างกั๋วเป็นคนพิเศษมาก ความพิเศษของเขาคือขุนนางบุ๋นยอมรับเขา
บัณฑิตข้างกายหวังทงล้วนมาจากบัณฑิตจวี่เหริน พวกมาจากบัณฑิตจวี่เหรินกับขุนนางบุ๋นที่มาจากพวกบัณฑิตจิ้นซื่อนั้น มีการแบ่งระดับสูงต่ำในวงขุนนางชัดเจน
ในสายตาผู้อื่น หลี่ว์วั่นไฉแห่งศาลซุ่นเทียน หยางซือเฉินผู้ว่าเมืองซงเจียง ขุนนางบุ๋นพวกนี้ล้วนเป็นพวกเหิมเกริมไร้คุณธรรมชั่วร้ายอย่างมาก เป็นพวกชั่วร้ายคิดการใหญ่ หลี่ว์วั่นไฉกับหยางซือเฉินแน่นอนรู้ว่าบัณฑิตต่างวิพากษ์พวกเขาเช่นนี้ พวกเขาไม่ขอให้ทุกคนยอมรับ ขอแต่เพียงแค่ได้ตั้งใจทำงานให้กับหวังทงเท่านั้น การมุ่งทำแต่งานมีผลงานแท้จริงทำให้พวกเขาออกห่างจากคนอื่นเรื่อยๆ
สวีกว่างกั๋วไม่เหมือนกัน อาเขาเคยเป็นเจ้ากรมประจำกรมอากร ตัวเขาเองก็อยู่ในวงการขุนนางส่วนกลาง ผ่านการเป็นผู้ว่าที่เหอหนาน พื้นที่ครองของอ๋องลู่มาแล้ว ทำให้สวีกว่างกั๋วได้ยกระดับเป็นคนของฮ่องเต้ว่านลี่ อย่างน้อยเป็นเพราะเขาสร้างความชอบจึงได้เลื่อนตำแหน่ง
สวีกว่างกั๋วหว่านกระจายเงินแทนหวังทงในเมืองหลวง เชื่อมสัมพันธ์ขุนนางบัณฑิตชิงหลิว ในเรื่องนี้ทำให้เขากับขุนนางบัณฑิตชิงหลิวจำนวนมากก็สนิทกัน นับว่าเป็นการสะสมซื้อใจคนเอาไว้
ตอนไปเหลียวหนิง การจัดการหว่านเงินทองในเมืองหลวงแต่ไรก็ยังคงไม่เคยขาด อันที่จริงขุนนางบัณฑิตชิงหลิวสกปรกมาก ขอเพียงให้ผลประโยชน์ก็เป็นสหาย สวีกว่างกั๋วแต่ไรมาก็ยังคงรักษาธรรมเนียมนี้ไว้ได้ไม่เลว ทุกคนจึงไม่ได้มองว่าเขาเป็นคนสำคัญในเครือหวังทง
แต่ทว่าสวีกว่างกั๋วเป็นคนที่เข้าใจได้เร็วสุดในบรรดาคนเหล่านี้ อำนาจวาสนาพวกเขาทั้งหมดล้วนเพราะหวังทง หวังทงปลอดภัย พวกเขาก็ปลอดภัย หวังทงก้าวขึ้นไป พวกเขาก็ตามก้าวขึ้นไป หากหวังทงไม่อยู่แล้ว อาศัยเหตุอันใดที่ปล่อยให้พวกเขาที่มีที่มาจากบัณฑิตจวี่เหรินน้อยนี้ได้นั่งอยู่ต่อไป
หลังเสร็จศึกใหญ่ สวีกว่างกั๋วแม้ทำงานสนับสนุนทัพอยู่เบื้องหลังแต่ยังคงได้รับความดีความชอบ สวีกว่างกั๋วเลือกทางจากนี้น่าสนใจมาก เขามีประวัติความเป็นมาดังนี้ แม้มีความชอบใหญ่แต่มาถึงศูนย์กลางอำนาจในเมืองหลวง ย่อมไม่มีอำนาจอันใด ไม่สู้อยู่ในพื้นที่ที่รู้สึกอิสระกว่า โดยเฉพาะสวีกว่างกั๋วอยู่เหลียวหนิง ขุนนางระดับล่างที่นั่นล้วนเขาจัดการส่งไปรับตำแหน่ง การทหารก็ให้การสนับสนุนเขา ที่นั่นราวฮ่องเต้ มีอาณาเขตตนเอง แต่สวีกว่างกั๋วกลับเลือกมายังเมืองหลวงเป็นนายกองกรมอากรฝ่ายขวา นอกจากสถานะสูงส่งอีกหน่อยแล้ว ผลประโยชน์อันใดล้วนแทบไม่มี
พอหลี่หู่โถวถูกแทงตายในปีนั้น นับว่าทำหน้าที่นี้มาหลายปีแล้ว ท่ามกลางการคัดค้านของทุกคน ก็ขอย้ายไปดำรงตำแหน่งนายกองกรมอาญาฝ่ายซ้าย ก้าวไปอีกขั้น แต่เป็นงานที่กระทบหลายฝ่าย ไม่สู้อยู่กรมอากร
สำหรับคนในเครือข่ายหวังทงแล้ว สวีกว่างกั๋วผู้นี้แสวงหาผลประโยชน์เหลียวหนิงพอแล้ว จากนั้นก็อยากไปนั่งดำรงตำแหน่งขุนนางระดับสูงในเมืองหลวงสร้างชื่อบ้างก็เท่านั้น เขาเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ค่อนข้างพิเศษมากในแผ่นดินหมิง ตอนนั้นไห่รุ่ยก็ไปหยุดแค่ตำแหน่งผู้ว่าการมณฑล สวีกว่างกั๋วผู้นี้ไม่ว่าทางใดก็ล้วนได้ไปครบ
แต่ทว่าคนในเครือข่ายหวังทงล้วนรู้ ตอนนั้นซ่งฉานฉานสร้างหน่วยงานในเมืองหลวงชุดนั้น ก็แทบมอบให้สวีกว่างกั๋วรับไปดูแลหมดแล้ว ในเรื่องเส้นทางเครือข่ายกับสายสัมพันธ์ในเมือง เน้นหนักเรื่องใด หากต้องการส่งคนเข้าไปแทรกซึมนั้น สวีกว่างกั๋วย่อมเชี่ยวชาญยิ่ง
สำหรับงานในกรมอาญานี้ มองแล้วเป็นทางเลือกที่เลือกอย่างเสียไม่ได้ แต่ความจริงนั้นกลับเป็นผลที่จงใจ กุมอำนาจงานในกรมอาญา เรื่องนี้ทำให้เกิดความสะดวกหลายอย่าง
ข่าวการตายหลี่หู่โถวมาถึง ฮ่องเต้ว่านลี่เพื่อต้องการให้รัชทายาทจูฉางสวินได้ครองราชย์ราบรื่น เตรียมสังหารกวาดล้างหมู่ขุนนางมีความชอบ ข่าวแพร่ไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว และยังแพร่ไปทั้งเหนือใต้รวดเร็วกว่าข่าวอื่นมาก ข่าวนี้ถึงกับแม้แต่ฝ่ายบรรดาขุนนางบุ๋นที่สนับสนุนฮ่องเต้ว่านลี่ล้วนเชื่อ เพราะตระกูลจูมีประวัติสังหารขุนนางภักดีที่เป็นเสาหลักแผ่นดิน ข่าวนี้แพร่กระจายไป หลายคนวิพากษ์วิจารณ์บีบคั้น ขุนนางบู๊เลือกข้างหวังทงทันที
แต่จากนั้นเรื่องอันยอดเยี่ยมที่สุดไม่ใช่เรื่องนี้ หากเป็นขุนนางออกมาทูลว่า แผ่นดินจลาจลโกลาหล พวกชั่วร้ายออกอาละวาด ก็เป็นเพราะทำลายหลักคุณธรรมที่มีมา หากโอรสสวรรค์ตอนนั้นแต่งตั้งพระโอรสองค์โตจูฉางลั่วเป็นรัชทายาท เช่นนั้นไหนเลยจะมีการขัดขวางมากมายเพียงนี้ จึงขอให้ฝ่าบาทเปลี่ยนรัชทายาท เพื่อผดุงหลักการคุณธรรม
โอรสองค์โตจูฉางลั่วไปเป็นอ๋องฝูที่ลั่วหยางแล้ว นับดูแล้วก็ราวสิบกว่าปีมาแล้ว ทุกคนเดิมคิดว่าไม่มีอันใดแล้ว
มีคนออกโรงมาเช่นนี้ ทุกคนจึงพบว่านี่เป็นโอกาส ตอนนี้หวังทงแม้ว่าหนีไปเทียนจิน แต่ไม่ได้ทำการก่อการอันใด ทุกคนล้วนวิเคราะห์ได้เข้าใจ เรื่องจากนี้ก็คือจะเหลือทางลงให้อีกฝ่ายเช่นไร และจะเก็บกวาดสถานการณ์จากนี้อย่างไร
หากคิดจะแสวงหาความดีความชอบกับอำนาจวาสนาในเรื่องนี้ไม่ง่ายแล้ว แต่ตอนนี้หวังทงหนีไป หลี่หู่โถวตายไป ตอนนั้นสองพวกที่สนับสนุนและคัดค้านฮ่องเต้ว่านลี่ตั้งจูฉางสวินเป็นรัชทายาทล้วนไม่อยู่หมดแล้ว เช่นนี้ ตอนนี้หากออกมาแย่งชิงทางการเมืองย่อมมีแต่ประโยชน์ ไม่มีภัยอันใด
หากโอรสองค์โตได้เป็นรัชทายาท ตนเองเป็นส่วนสำคัญในการลงแรงส่วนหนึ่ง อำนาจวาสนาย่อมมาถึง ฮ่องเต้ว่านลี่พระวรกายนับวันยิ่งอ่อนแอลง ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ก็คงอีกไม่ไกลแล้ว หากเลือกข้างถูก ก็ย่อมเป็นผลประโยชน์ใหญ่
ตอนมีหวังทงอยู่เมืองหลวงคุม ไม่อาจมีโอกาสได้ออกมากระพือกระแสนี้ได้ ศาลซุ่นเทียนกับองครักษ์เสื้อแพรล้วนรับมือกับข่าวนี้ได้ในทันทีที่ปรากฏ
แต่ตอนนี้หลี่ว์วั่นไฉลาออก ระบบงานนั้นย่อมไม่มีคนดูแลจัดการ คนใหม่ที่แต่งตั้งมาแทนก็ไม่อาจเอาบรรดาเจ้าหน้าที่และคนทำงานเก่าแก่ทั้งหมดอยู่ องครักษ์เสื้อแพรก็ยิ่งไม่สนใจทำงาน หากมีคนคิดตั้งใจทำงาน ก็ย่อมกลายเป็นเป้าศัตรูของเพื่อนร่วมงานทันที ผู้บัญชาการเดิมมีบุญคุณเพียงใด เจ้ายังกล้า คนผู้นี้ช่างไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง
พอไร้ระบบบังคับ ถึงกับยังมีอิทธิพลอำนาจให้การสนับสนุนเบื้องหลัง เริ่มมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงขุนนางเกิดขึ้น ทำให้ฮ่องเต้ว่านลี่ไร้ทางรับมือ ขอโอรสสวรรค์เห็นแก่คุณธรรมหลักการ แผ่นดินจะได้ยืนยาวต่อไป แต่งตั้งโอรสองค์โตจูฉางลั่วเป็นรัชทายาท
ฮ่องเต้ว่านลี่เศร้าเสียใจอย่างมากเมื่อพบว่า พอไม่มีการสนับสนุนจากหวังทง พระองค์ไม่อาจจัดการกำราบขุนนางบุ๋นได้ ฮ่องเต้ว่านลี่ถามทหารคนสนิท ทรงเตรียมใช้กำลังกำราบ แต่ก็ถูกทหารคนสนิทปฏิเสธ สถานการณ์วุ่นวายขึ้นตอนนี้ อาจทำให้มีคนหาช่องทางลงมือก่อการได้ สร้างความวุ่นวายยิ่งมาก
ฮองเฮาเจิ้งและคนตระกูลเจิ้ง และตอนนี้ที่ได้แต่งตั้งเป็นโหวอย่างเจิ้งกั๋วไท ล้วนตกใจกับกระแสที่เกิดขึ้นี้อย่างมาก หากจูฉางสวินไม่ได้เป็นรัชทายาท เช่นนั้นอำนาจวาสนาตระกูลเจิ้งก็หมดสิ้นทันที
ความจริงนั้นการลงมือของโอรสสวรรค์ต่อหวังทงนี้ เจิ้งกั๋วไทเองเห็นขัดแย้งมาก ตระกูลพวกเขาในเมืองซงเจียงกับเทียนจินล้วนมีผลประโยชน์ใหญ่ หวังทงหากจบสิ้น พวกเขาเองก็ย่อมสูญเสียใหญ่ แต่เพื่อ ‘ส่วนรวม’ ยังคงไม่ได้แสดงความเห็นค้านอันใด
แต่เรื่องก็ราวปฏิกิริยาลูกโซ่ คิดไม่ถึงว่าผลของเรื่องนี้ทำให้เหมือนไม่อาจจะรักษาอำนาจวาสนาตระกูลตนไว้ได้แล้ว ราวฟ้าถล่มเสียจริงแล้ว
ที่ยุ่งยากไม่เพียงแค่นี้ เงินทองที่ฮ่องเต้ว่านลี่สุรุ่ยสุร่ายและเที่ยวเล่นสำราญมากเกินไป งบทหารกองกำลังหลวงกับวังหลวงเองใกล้จะไม่มีจ่ายแล้ว
กรมภาษีเคยทูลเตือนฮ่องเต้ว่านลี่แล้ว หากเทียนจินกับเมืองซงเจียงอีกสองสามวันนี้ไม่ได้ส่งเงินเข้ามาดังทุกปี เช่นนั้นกองกำลังวังหลวงและกองกำลังหลวงอย่างน้อยต้องไร้เบี้ยหวัดไปสองเดือน ตอนนี้หวังทงอยู่เทียนจิน เมืองซงเจียงหวังทงเองก็แผ่อิทธิพลไปถึงได้มาก เงินทองจะส่งมาหรือไม่ก็พูดยาก
เบี้ยหวัดสองเดือนไม่จ่ายไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่าไร เสร็จเรื่องชดเชยให้ก็ได้ แต่สถานการณ์ตอนนี้ ทหารในเมืองนอกเมืองไม่อาจปล่อยให้มีความโกลาหลได้ หากยังไม่นิ่งก็คงบ่มเพาะจนได้เกิดเรื่องใหญ่แล้ว
เหตุในผสมเหตุนอก ฮ่องเต้ว่านลี่หลังจากหวังทงจากเมืองหลวงไปได้ครึ่งเดือน ก็ส่งเจ้าจินเลี่ยงไปเจรจา ไปยังเทียนจินพบหวังทง ไม่ได้นำราชโองการไป
“……เจ้าจินเลี่ยงสามารถเป็นหนึ่งในขันทีระดับสูงสุดในวังได้ ในเรื่องนี้หวังทงมีส่วนอยู่มาก แต่ทว่าอยู่ในวังหล่อหลอมมานานหลายสิบปี ทำให้เจ้าจินเลี่ยงจงรักภักดีกับฮ่องเต้และรัชทายาทอยู่มาก ถึงกับไม่เสียดายที่จะเป็นศัตรูกับผู้มีพระคุณของเขา…”
เจ้าจินเลี่ยงอยู่เทียนจินสองวัน ไม่ได้มีเอกสารระบุเป็นทางการอันใด แต่ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นดูแล้ว ฮ่องเต้ว่านลี่กับหวังทงได้บรรลุข้อตกลงแล้ว
ตำแหน่งและบรรดาศักดิ์หวังทงยังคงอยู่ แต่กล่าวกับภายนอกว่าสุขภาพเป็นเหตุให้ต้องรักษาตัวที่เทียนจิน หลี่ว์วั่นไฉได้คืนตำแหน่งเดิม หลี่เหวินหย่วนได้คืนตำแหน่งเดิม กองกำลังหลวงทั้งหมดหากไม่ได้รับอนุญาตจากหวังทงล้วนไม่อาจเคลื่อนไหว พื้นที่อาณานิคมและเมืองท่าการค้าใช้นโยบายเช่นนี้
การรับปากเหล่านี้มีจริงหรือไม่ ไม่ได้มีเอกสารรับรองอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด เจ้าจินเลี่ยงกลับถึงเมืองหลวงได้วันที่สาม เรื่องเปลี่ยนรัชทายาทก็เงียบไปในทันที
ช่วงปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 31-34 เทียนจินค่อยกลายเป็นศูนย์กลางการเมืองการปกครองอันดับสองของแผ่นดินหมิง เรื่องราวกองทหารในพื้นที่อาณานิคม และเรื่องที่เกี่ยวกับการค้าส่วนใหญ่ ล้วนจัดการกันที่นี่ บรรดาขุนนางในราชสำนักต่างมีจุดยืนแต่ละคน แก่งแย่งไม่หยุดหย่อน เรื่องใดที่ไม่เป็นผลดีต่อหวังทงและกองกำลังหลวง ล้วนไม่อาจผ่านออกไปปฏิบัติได้
วางยา จับตัว และลอบสังหารก็เกิดขึ้นในสองเมืองนี้ไม่หยุด ภายนอกฮ่องเต้กับหวังทงยังคงเป็นดังนายบ่าว แต่ลับหลังล้วนราวเข็มทิ่มแทงกัน
สองฝ่ายล้วนซื้อใจคนแต่ละฝ่ายไว้ คนส่วนใหญ่ล้วนพบว่า หวังทงให้พวกเขาได้นั้น หรือของที่พวกเขาจะได้หากยืนข้างหวังทงนั้น มากกว่าได้จากฝั่งฮ่องเต้เยอะมาก
ต้นปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 35 สถานการณ์ยิ่งเป็นประโยชน์แก่หวังทง แต่ทว่าหวังทงยังคงลังเล ตอนนี้บิดาสวีกว่างกั๋วจากไป ตามหลักต่อกลับไปไว้ทุกข์บิดา ตอนผ่านเทียนจิน สวีกว่างกั๋วก็เหมือนขุนนางคนอื่น ไปคารวะจวิ้นอ๋องเล่อลั่ง
ผู้คุ้มกันหวังทงหลายคนยังจำได้ สวีกว่างกั๋วคุยลับส่วนตัวกับหวังทง สุดท้ายคุกเข่านานไม่ยอมลุกขึ้น
เดือนสามปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 35 ฮ่องเต้ว่านลี่ก็เช่นปกติ หลังพระกระยาหารกลางวันแล้วก็เสวยขนมแบบตะวันตก เสวยขนมเค้กไปสองชิ้น อยู่ๆ ก็ปวดท้องมวนหนัก ก่อนหมอหลวงมาถึง ก็ไม่ทรงหายใจแล้ว
ในวังโกลาหลใหญ่ บรรดาองครักษ์ล้อมห้องเครื่องไว้ จับตัวคนที่เกี่ยวข้องไว้ทั้งหมด แต่คนสำนักบูรพากับองครักษ์เสื้อแพรมาถึง ก็ขอให้พวกเขารับคดีไป
ตามมาด้วยข่าวว่า คนวางยาพิษก็คือฮองเฮาเจิ้ง เพราะฮ่องเต้ว่านลี่คิดเปลี่ยนรัชทายาท ให้โอรสองค์โตจูฉางลั่วเป็นรัชทายาท
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น