เทพปีศาจหวนคืน 1133-1135

 เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1133 รื้อค้นถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน


แปลโดย iPAT 


 


ภายในเวลาไม่กี่วันฟางหยวนสามารถสำรวจถ้ำสวรรค์ไห่ฟานเกือบทั้งหมด


 


บางครั้งเขารู้สึกว่าไห่ฟานกำลังสั่งสอนเขาเป็นการส่วนตัว


 


มีคำอธิบายอย่างละเอียดทิ้งไว้ขณะที่ตรงหน้าคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง หากพบความแตกต่าง ฟางหยวนจะค้นวิญญาณเชลยศึกอมตะและทำความเข้าใจสิ่งเหล่านั้น


 


ความสามารถของไห่ฟานทำให้ฟางหยวนรู้สึกชื่นชมและได้รับประโยชน์อย่างมากเกี่ยวกับการพัฒนามิติช่องว่าง


 


หลังจากทำความเข้าใจถ้ำสวรรค์ไห่ฟานทั้งหมด ฟางหยวนเริ่มเคลื่อนย้ายทรัพยากร


 


อันดับแรกคือคริสตัลสวรรค์


 


เขตต้องข้ามแห่งแรกของถ้ำสวรรค์ไห่ฟานคือสถานที่เก็บคริสตัลสวรรค์


 


มันเป็นสระน้ำลอยฟ้าที่ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ภายใต้ค่ายกลวิญญาณ คริสตัลสวรรค์ถูกเก็บไว้ในพื้นที่เล็กๆตรงกลางเท่านั้น


 


คริสตัลสวรรค์เหล่านี้มีสีฟ้าอ่อน


 


คริสตัลสวรรค์จะมีสีที่แตกต่างกันไปตามสถานที่ที่มันถือกำเนิดขึ้น


 


ฟางหยวนวางสระน้ำลอยฟ้าไว้ในสวรรค์สีฟ้าน้อย


 


‘น่าเสียดายที่สระน้ำแห่งนี้สามารถผลิตคริสตัลสวรรค์ได้เมื่อมันอยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานเท่านั้น มันไม่สามารถเกิดขึ้นในมิติช่องว่างของข้า อย่างไรก็ตามคริสตัลสวรรค์ทั้งหมดที่ข้าได้รับควรจะอยู่ได้ประมาณห้าหรือหกปี’ ฟางหยวนประเมิน


 


ในช่วงเวลานี้เขาจะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับอาหารของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด


 


คริสตัลสวรรค์ยังสามารถหาซื้อได้ในสวรรค์สีเหลือง


 


เขตต้องห้ามที่สองอยู่ใต้ดิน


 


มันเป็นถ้ำขนาดใหญ่


 


มีหินงอกหินย้อยเติบโตขึ้นในถ้ำ สิ่งนี้คือหินบุปผา มันเป็นสมบัติที่หาได้ยากในโลกภายนอก


 


ฟางหยวนใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อนำพวกมันเก็บไว้ที่ภาคใต้น้อย


 


โชคดีที่เขามีวิญญาณอมตะยกภูเขา มิฉะนั้นมันจะกลายเป็นเรื่องยาก


 


‘แต่หลังจากที่ข้าทำเช่นนี้ หินบุปผาจะหยุดเติบโต พวกมันจะดูดซับปราณพิภพจากมิติช่องว่างของข้า นี่ทำให้ข้าต้องวางมิติช่องว่างลงเป็นครั้งคราว’


 


นอกจากทรัพยากรเหล่านี้ยังมีสัตว์อสูรบรรพกาลและพืชอสูรบรรพกาล


 


ในส่วนของพืชอสูรบรรพกาล มีต้นไม้กินเนื้ออยู่หนึ่งต้น


 


นี่เป็นพืชอสูรบนเส้นทางความแข็งแกร่ง โดยปกติพวกมันจะเติบโตขึ้นในสวรรค์สีดำ


 


ไห่ฟานสร้างสภาพแวดล้อมพิเศษไว้สำหรับมันโดยเฉพาะ


 


กิ่งก้านสาขาของมันราวกับหนวดปลาหมึกและสามารถจับสัตว์อสูรที่บินได้


 


ฟางหยวนเคยเห็นมันมาแล้วครั้งหนึ่งที่ถ้ำสวรรค์นภาแห่งดาว


 


ก่อนหน้านี้เขาต้องการต้นไม้กินเนื้อเพราะเขาสามารถใช้วิญญาณอมตะกินความแข็งแกร่งดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งจากมัน แต่ตอนนี้วิญญาณอมตะกินความแข็งแกร่งถูกทำลายไปแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นโชคลาภที่มาได้ในเวลาที่ไม่เหมาะสม


 


ฟางหยวนวางต้นไม้กินเนื้อไว้ในสวรรค์สีดำน้อย


 


ความได้เปรียบของมิติช่องว่างจักรพรรดิเริ่มปรากฎให้เห็น ไห่ฟานจัดเตรียมทรัพยากรอย่างยากลำบาก แต่ฟาหงยวนไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเนื่องจากสภาพแวดล้อมของสวรรค์สีดำน้อยใกล้เคียงกับสวรรค์สีดำที่แท้จริง ต้นไม้กินเนื้อกระทั่งมีความสุขมากขึ้นหลังจากย้ายถิ่นฐาน


 


ไห่ฟานเตรียมทุกอย่างเอาไว้แล้ว ฟางหยวนจึงมีช่วงเวลาที่ง่ายดายในการย้ายต้นไม้กินเนื้อ


 


เช่นเดียวกับสัตว์อสูรบรรพกาลหรือพืชอสูรบรรพกาลอื่นๆที่อยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ฟางหยวนสามารถเคลื่อนย้ายพวกมันได้อย่างไม่มีปัญหา


 


สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงก็คือท่ามกลางสัตว์อสูรบรรพกาลเหล่านี้มีสุนัขสวรรค์อยู่สามตัว


 


น่าเสียดายที่ฟางหยวนต้องการสุนัขเดียวดายไม่ใช่สุนัขบรรพกาล เขาต้องใช้สุนัขระดับหกเป็นอาหารให้กับวิญญาณอมตะโชคอึสุนัข


 


แต่สุนัขสวรรค์ทั้งสามไม่ได้ไร้ประโยชน์


 


ในอนาคต หากฟางหยวนสามารถยกระดับวิญญาณอมตะโชคอึสุนัขสู่ระดับเจ็ด พวกมันจะกลายเป็นอาหารชั้นยอด


 


ระหว่างการเคลื่อนย้ายทรัพยากร ระฆังทองเหลืองติดตามอยู่ข้างๆฟางหยวนตลอดเวลา


 


ฟางหยวนเป็นเจ้าของถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ดังนั้นจิตวิญญาณสวรรค์จึงให้ความร่วมมือและไม่มีการต่อต้าน


 


หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน ฟางหยวนก็เก็บกวาดทรัพยากรทั้งหมดของถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน


 


แม้ภูเขามรดกอมตะจะกลายเป็นว่างเปล่า แต่ฟางหยวนก็ยังนำมันเก็บไว้ในภาคใต้น้อย


 


มีผู้ใช้วิญญาณและมนุษย์จำนวนมากอาศัยอยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน


 


พวกเขาล้วนเป็นบุตรหลานของอาชญากรเผ่าไห่


 


ฟางหยวนสังหารพวกเขาทั้งหมดและรวบรวมดวงวิญญาณทุกดวงเอาไว้เพื่อหล่อเลี้ยงภูเขาตงฮัน


 


สิ่งที่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกเสียใจเล็กน้อยก็คือถ้ำสวรรค์ไห่ฟานไม่มีมนุษย์กลายพันธุ์


 


เมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์พัฒนาไปถึงระดับหนึ่ง ผู้อมตะจะเริ่มเลี้ยงมนุษย์กลายพันธุ์เอาไว้ภายใน แม้ไห่ฟานจะสามารถทำสิ่งนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ทำ


 


แต่กระทั่งจะไม่มีมนุษย์กลายพันธุ์ เพียงทรัพยากรในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานก็ยังทำให้ฟางหยวนได้รับกำไรมาหาศาล


 


‘นี่เป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่!’


 


‘หากข้าต้องรวบรวมพวกมันด้วยตนเอง ข้าต้องใช้เวลาหกร้อยปี! และนั่นยังเป็นกรณีที่ดีที่สุด แต่หลังจากได้รับทรัพยากรของถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ข้าสามารถบรรลุถึงระดับนี้โดยตรง’


 


ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานคงอยู่มาอย่างยาวนานและสะสมทรัพยากรเอาไว้มากมาย ท้ายที่สุดมันก็คือความมั่งคั่งของผู้อมตะระดับแปด


 


แม้พวกมันจะถูกใช้ไปบางส่วนแต่พวกมันก็ยังอยู่ในระดับที่ดี ฟางหยวนพอใจมาก


 


ก่อนหน้านี้มิติช่องว่างจักรพรรดิเหมือนคนอนาถา แต่ตอนนี้เขากลายเป็นเศรษฐีอย่างกะทันหัน


 


‘ตอนนี้ทรัพยากรในมิติช่องว่างจักรพรรดิเหนือกว่าผู้อมตะระดับเจ็ดทั่วไปแล้ว กระทั่งผู้อมตะระดับแปดบางคนก็ยังไม่บรรลุระดับเดียวกับข้า!’


 


‘แน่นอนว่าทรัพยากรจำนวนมากพึ่งถูกย้ายเข้าไปขณะที่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาลดน้อยลง นี่จะทำให้ผลผลิตของพวกมันลดลงอย่างมาก’


 


‘สัตว์และพืชจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ มิติช่องว่างของข้าก็ต้องหลอมรวมกับพวกมันอย่างช้าๆ’


 


‘ทรัพยากรบางอย่างที่ข้าไม่สามารถใช้งาน ข้าควรขายหรือแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่ข้าต้องการ’


 


การย้ายทรัพยากรเป็นเพียงจุดเริ่มต้น


 


ต่อไปฟางหยวนต้องพัฒนาและจัดการกับพวกมันอย่างเหมาะสม


 


ไม่กี่วันต่อมาฟางหยวนนำชูตู๋มายังถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน


 


“หลังจากได้รับข้อความ ข้าก็รีบมาที่นี่ทันที นี่คือถ้ำสวรรค์ไห่ฟานงั้นหรือ? เหตุใดมันจึงแห้งแล้งนัก?” ชูตู๋มองไปรอบๆด้วยความผิดหวัง


 


แทบไม่เหลือสิ่งใดเลยในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน


 


กระทั่งทุ่งหญ้าก็ถูกขุดออกไปโดยฟางหยวน แน่นอนว่าไม่มีต้นไม้เช่นกัน


 


แม่น้ำและสระน้ำต่างๆถูกย้ายไปไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิโดยวิญญาณอมตะดึงแม่น้ำ


 


ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานกลายเป็นดินแดนรกร้าง มีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้นที่เหลืออยู่


 


ชูตู๋มองฟางหยวนด้วยสายตาสั่นไหว


 


การแสดงออกของเขาราวกับต้องการกล่าวว่า “น้องชาย ความอยากอาหารของเจ้ามากมายเกินไปหรือไม่? ข้ารีบมาที่นี่เพื่อดูสิ่งนี้งั้นหรือ?”


 


ฟางหยวนยิ้มและชี้ไปที่ท้องฟ้า “พี่ชู ตามข้อตกลงพันธมิตร ข้าจะมอบส่วนแบ่งสามสิบส่วนให้ท่าน ตอนนี้ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานเป็นของท่านแล้ว”


 


สายตาของชูตู๋ที่มองฟางหยวนเปลี่ยนเป็นตกใจ “เจ้าแน่ใจงั้นหรือ?”


 


“แน่นอน” ฟางหยวนพยักหน้า


 


ชูตู๋ถูกล่อลวง!


 


แม้ทรัพยากรทั้งหมดจะถูกฟางหยวนยึดครอง แต่นี่ก็ยังเป็นถ้ำสวรรค์!


 


ถ้ำสวรรค์และทรัพยากรไม่ต่างจากไก่กับไข่


 


ฟางหยวนนำไข่ไปและทิ้งไก่ไว้ให้กับชูตู๋


 


เป็นธรรชาติที่ชูตู๋จะไม่สามารถปฏิเสธ


 


เหตุผล?


 


เพราะถ้ำสวรรค์จะเป็นตัวช่วยที่ยิ่งใหญ่ในการบ่มเพาะของชูตู๋


 


แม้ชูตู๋จะมีมิติช่องว่างเช่นกัน แต่มันก็ยังเป็นเพียงระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาหรือห้วงมิติ มันก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน


 


แดนศักดิ์สิทธิ์ของชูตู๋มีแหล่งเพาะปลูกมากมาย แต่มันก็ไม่ปลอดภัยที่จะวางทรัพยากรทั้งหมดไว้ที่นั่น


 


เหตุผลสำคัญคือภัยพิบัติ


 


ภัยพิบัติจะทำลายทรัพยากรในมิติช่องว่างของผู้อมตะ


 


ชูตู๋เป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เขาต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติใหญ่ เขาตระหนักและเจ็บปวดมามากจากการสูญเสียทรัพยากรเหล่านั้น


 


เขาไม่มีหนึ่งในสิบสุดยอดกายา พื้นที่แดนศักดิ์สิทธิ์ของเขามีจำกัด มันแตกต่างจากมิติช่องว่างจักรพรรดิของฟางหยวน แม้ฟางหยวนจะไม่ทิ้งทรัพยากรไว้ให้ชูตู๋ แต่ชูตู๋ก็ไม่สามารถตำหนิ


 


‘ถ้ำสวรรคไห่ฟานไม่มีภัยพิบัติเพราะมันดูดซับเศษชิ้นส่วนของสวรรค์สีฟ้าเข้าไป ข้าสามารถวางทรัพยากรไว้ที่นี่ แน่นอนว่าที่นี่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งไม่มาก แต่ข้าสามารถพัฒนามันในอนาคต’ ชูตู๋ประเมิน


 


‘หลิวกวนซื่อมอบถ้ำสวรรค์ไห่ฟานให้ข้า นอกเหนือจากทำตามข้อตกลง มันยังเป็นเพราะถ้ำสวรรค์แห่งนี้มีปัญหา’


 


ชูตู๋ไม่ได้โง่ เขาตระหนักถึงปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ชูตู๋ยึดรังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์ ทุกคนรู้ว่ามรดกที่แท้จริงของไห่ฟานอยู่ในมือเขา


 


ผู้ที่ได้รับมรดกของไห่ฟานคือฟางหยวน แต่ในอนาคตคนที่จะพบปัญหาคือชูตู๋


 


‘แม้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจะบุกโจมตี แล้วอย่างไร? ข้าก็ยังจะยึดครองถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน จักรพรรดิอมตะจะกลัวเรื่องเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ได้อย่างไร?’


 


เมื่อคิดได้ดังนี้ชูตู๋จึงพยักหน้าตกลง


 


“ดี สมกับเป็นจักรพรรดิอมตะ!” ฟางหยวนปรบมือชื่นชม


 


แต่หลังจากส่งมอบถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน มีปัญหาเล็กน้อย


 


จิตวิญญาณสวรรค์ระฆังทองเหลืองไม่เต็มใจ


 


นั่นเป็นเพราะชูตู๋ไม่มีสายเลือดของเผ่าไห่


 


“เรื่องมาก” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มน่ากลัวและทำลายระฆังทองเหลืองด้วยการโจมตีเดียว


 


ปัญหาถูกแก้ไขทันที!


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1134 จัดการสุนัขดาวตกเพลิง


แปลโดย iPAT 


 


หลังจากส่งมอบถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ชูตู๋ขอให้ฟางหยวนอยู่ต่อแต่เขาปฏิเสธ


 


เขาอยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานมานานเกินไปแล้ว ฟางหยวนต้องเตรียมตัวรับมือภัยพิบัติครั้งที่สี่


 


แน่นอนว่าก่อนออกเดินทางเขาใช้ท่าไม้ตายอมตะความร่วมมือหนึ่งร้อยปีสร้างข้อตกลงพันธมิตรใหม่กับชูตู๋


 


ฟางหยวนจากไปอย่างรวดเร็ว ชูตู๋ที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังรู้สึกปวดหัวมากเมื่อมองไปยังถ้ำสวรรค์ที่รกร้าง


 


เขาเดินทางกลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาทันที


 


“โอ้ ฟางหยวนกลับมาแล้ว” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนบางคนเห็นฟางหยวนบินอยู่บนท้องฟ้า


 


“เขากลับมาแล้วอย่างไร?”


 


“ถูกต้อง มีเขาหรือไม่ก็ไม่แตกต่าง”


 


“เขาเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์ เขาไม่ใช่พวกเรา”


 


“อย่าสนใจ เรามาวางแผนกันต่อว่าจะกำจัดสุนัขดาวตกเพลิงตัวนี้อย่างไร!”


 


ในไม่ช้ากลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนก็ก้นหน้าลงอีกครั้ง


 


ฟางหยวนมองผ่านผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้ขณะใช้วิธีการบางอย่างเพื่อลอบฟังบทสนทนาของพวกเขา


 


ดวงตาของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นน่ากลัว


 


ตอนนี้เขาได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟานมาแล้ว ขณะเดียวกันภัยพิบัติพิภพครั้งที่สี่ก็กำลังจะมาถึง


 


ฟางหยวนวางแผนรับมือภัยพิบัติพิภพครั้งนี้ด้วยตนเอง


 


แม้การได้รับความช่วยเหลือจากชูตู๋จะปลอดภัยกว่า แต่ความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งก็จะถูกแบ่งออกไป


 


ฟางหยวนต้องการรับผลประโยชน์ทั้งหมด เว้นเพียงสถานการณ์ที่เขาไม่มีทางเลือกเท่านั้น


 


หลังจากได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน ความแข็งแกร่งของฟางหยวนเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก นี่ทำให้เขามีความมั่นใจในการรับมือกับภัยพิบัติพิภพครั้งที่สี่ด้วยตัวเอง


 


‘แต่ในการเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพ ข้าต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติและต้องยืมวิญญาณมากมายจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา’


 


‘ด้วยความสัมพันธ์ในปัจจุบัน มีความเป็นไปได้ที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะไม่ให้ข้ายืมพวกมัน เว้นเพียงข้าจะทำประโยชน์ครั้งใหญ่ให้กับนิกาย’


 


‘ดูเหมือนข้าต้องรับภารกิจกำจัดสุนัขดาวตกเพลิงเป็นอันดับแรก เรื่องนี้สามารถปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรา จากนั้นข้าจะได้รับแต้มผลงานและใช้มันเป็นค่าใช้จ่ายในการยืมวิญญาณ’


 


ฟางหยวนไม่ได้กลับไปที่เมืองเมฆาของเขาแต่บินตรงไปยังเมืองเมฆาที่หนึ่ง


 


ที่นั่นเขาได้พบกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


“โอ้ เจ้ายังจำที่นี่ได้งั้นหรือ?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ


 


ฟางหยวนถอนหายใจและแสดงออกด้วยใบหน้าขมขื่น “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง โปรดเข้าใจข้าด้วย ข้ามีเหตุผล ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าข้าไม่สนใจปัญหาของนิกาย ข้าเพียงไม่มีเวลา แต่หลังจากออกไปและสามารถแก้ไขวิกฤตของตน ตอนนี้ข้าตั้งใจมาหาผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งเพื่อรับภารกิจกำจัดสุนัขดาวตกเพลิง”


 


“โอ้” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาขมวดคิ้ว “เจ้าจะรับภารกิจนี้จริงๆงั้นหรือ?”


 


ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่นอีกครั้ง “ข้าต้องการรับภารกิจ ข้าเป็นสมาชิกของนิกายหลางหยา ก่อนหน้านี้สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย ข้าไม่มีทางเลือก แต่ตอนนี้ข้าสามารถวางเรื่องของตนเองและทุ่มเทความพยายามเพื่อนิกาย”


 


ด้วยทักษะการแสดงและวิญญาณทัศนคติทำให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกว่าฟางหยวนกล่าวความจริงและต้องการขอโทษอย่างจริงใจ


 


การแสดงออกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผ่อนคลายลง เขารีบเปลี่ยนคำกล่าว “มันค่อนข้างลำบากหากเจ้าต้องการรับภารกิจนี้ ก่อนหน้านี้ผมที่สิบสองและคนอื่นๆร่วมมือกัน ตอนนี้พวกเขากำลังวางแผนโจมตี คราวก่อนพวกเขาล้มเหลว แต่พวกเขาก็ได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ครั้งนี้มีแนวโน้มที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จ หากเจ้ารับภารกิจนี้ ไม่ว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ มันก็อาจเกิดความขัดแย้งภายใน”


 


ฟางหยวนเป็นคนนอกขณะที่คนอื่นๆเป็นมนุษย์ขนที่แท้จริง


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาต้องเข้าข้างพวกเขาโดยธรรมชาติ


 


ฟางหยวนพยักหน้า “ให้พวกเขาทำภารกิจนี้ก่อน หากพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จ ข้าค่อยให้ความช่วยเหลือ เช่นนี้เป็นอย่างไร?”


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคิดก่อนพยักหน้า “ตกลง”


 


ฟางหยวนกล่าวอีกครั้ง “ข้าหวังว่าผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งจะสามารถประกาศเรื่องนี้ออกไป”


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทำตาที่ฟางหยวนขอ


 


เมื่อเรื่องนี้ถูกประกาศออไป ความปั่นป่วนเกิดขึ้นทันที


 


“ฟางหยวนจะต่อสู้ในที่สุด!?”


 


“ฮืม เขาเห็นว่าพวกเรากำลังจะประสบความสำเร็จ ดังนั้นเขาจึงต้องการเข้าร่วม!”


 


“คนขี้โกง น่ารังเกียจ!”


 


“หากไม่คำนึงถึงความจริงที่ว่าเขาเป็นคนน่ารังเกียจ เขาก็ทำให้รางวัลของการกำจัดสุนัขดาวตกเพลิงเพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งพัน! หากผู้ใดประสบความสำเร็จจะได้รับผลประโยชน์มหาศาล!”


 


“ผมที่สิบสอง เจ้าต้องประสบความสำเร็จ อย่าปล่อยให้ฟางหยวนฉกฉวยผลประโยชน์!”


 


กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อฟางหยวน


 


ผมที่สิบสองพยักหน้าและกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว “ข้าจะต้องประสบความสำเร็จ พวกเราเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง!”


 


การต่อสู้ครั้งก่อนทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจมาก


 


ผมที่สิบสองเตรียมพร้อมที่จะโจมตีภายในสองวัน แต่เพราะเรื่องนี้เขาจึงตัดสินใจใช้เวลาเตรียมความพร้อมให้มากขึ้น


 


เจ็ดวันต่อมาฟางหยวนได้รับการแจ้งเตือนจากผมที่สิบสองและคนอื่นๆว่าพวกเขากำลังจะออกไปปฏิบัติภารกิจ


 


ฟางหยวนตามไปโดยไม่ได้รับเชิญ


 


“ผู้อาวุโสฟางหยวน” ผมที่หกเดินออกมาข้างหน้าและกล่าวกับฟางหยวนด้วยน้ำเสียงที่แปลกประหลาด


 


ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือสายลับของนิกายเงาา อย่างไรก็ตามกระทั่งฟางหยวนจะเปิดเผยเรื่องนี้ แต่ผู้ใดจะเชื่อเขา นอกจากนั้นฟางหยวนยังทำข้อตกลงกับนิกายเงาไว้แล้ว พวกเขาอยู่บนเรือลำเดียวกัน ดังนั้นผมที่หกจึงไม่รู้สึกหวาดกลัว


 


ครั้งสุดท้ายที่เขาได้รับคำสั่งจากอิงอู๋เซี่ยคือการทำธุรกรรมกับฟางหยวน


 


ครั้งนั้นฟางหยวนเป็นฝ่ายเหนือกว่าและขูดรีดนิกายเงาอย่างโหดร้าย


 


ต่อมาฟางหยวนปฏิเสธที่จะรับภารกิจกำจัดสุนัขดาวตกเพลิง ผมที่หกจึงฉวยโอกาสปลุกปั่นกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเพื่อทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา


 


“ผู้อาวุโสฟางหยวน ข้ารู้ว่าเพราะเหตุใดท่านถึงมาที่นี่ แต่ครั้งนี้ท่านคงต้องผิดหวัง” ผมที่สิบสองเดินออกมาและกล่าวด้วยความมั่นใจ


 


เขากล่าวด้วยน้ำเสียงตรงไปตรงมาไม่เหมือนผมที่หก


 


ฟางหยวนมองผมที่สิบสองและเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนผู้นี้ เขามีความมั่นใจและระวังตัวมากกว่าก่อนหน้า


 


ฟางหยวนประเมิน ‘ผมที่สิบสองบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมและเส้นทางแห่งทาส คราวก่อนเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับสุนัขดาวตกเพลิง ตอนนี้เขาดีขึ้นมาก สภาพจิตใจของเขาก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน’


 


เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฟางหยวนจึงเผยรอยยิ้ม “เช่นนั้นข้าจะรอคอยชัยชนะของน้องสิบสอง”


 


“ฮืม คนเจ้าเล่ห์”


 


“ภายนอกดูเหมือนเขาจะยอมแพ้แต่เขาต้องกังวลอยู่ภายในอย่างแน่นอน ฮ่าฮ่า’


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนซุบซิบ


 


ฟางหยวนได้ยินทั้งหมดแต่เขาไม่สนใจ


 


ทุกคนยืนอยู่กลางค่ายกลวิญญาณขนส่ง


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนยืนรวมกลุ่มกันขณะที่ฟางหยวนถูกแยกออกไป


 


“ข้ากำลังจะกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณ” ผมที่สิบสองกล่าวก่อนจะมองไปที่ฟางหยวนราวกับต้องการบอกว่า คนเพิ่มขึ้นก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น


 


กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนใช้ค่ายกลวิญญาณขนส่งมาหลายครั้งแล้วและคุ้นเคยกับมันดี


 


ค่ายกลวิญญาณค่อยๆส่องประกายขึ้น


 


ฟางหยวนเฝ้ามองอยู่อย่างเงียบๆ


 


ค่ายกลวิญญาณขนส่งในไท่ชิวถูกจัดตั้งโดยฟางหยวน เขาสามารถใช้มันได้อย่างง่ายดาย แต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้กลับมีปัญหาในการกระตุ้นใช้งานมัน


 


ผมที่สิบสองจ่ายพลังงานอมตะอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายค่ายกลวิญญาณก็ถูกกระตุ้นการทำงานในที่สุด


 


วิสัยทัศน์ของทุกคนถูกปกคลุมด้วยพลังงานลึกลับ


 


ในพริบตากลุ่มผู้อมตะก็ตระหนักว่าพวกเขามาถึงไท่ชิวเรียบร้อยแล้ว


 


ฟางหยวนหันหลังกลับและพบกับซากศพของช้างตัวใหญ่


 


‘ค่าใช้จ่ายไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก ดูเหมือนฟางหยวนจะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าไม่มากนัก เขามีเพียงประสบการณ์ในการต่อสู้ที่เหนือกว่าพวกเราเท่านั้น’ ผมที่สิบสองมองฟางหยวนด้วยสายตารังเกียจ


 


“ครั้งนี้เราต้องชนะ เราจะแพ้ไม่ได้ ไปกันเถอะ!” ผมที่สิบสองโบกมือตะโกน


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเร่งตอบสนอง พวกเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ


 


พวกเขาเริ่มออกเดินทางโดยมีฟางหยวนติดตามอยู่ด้านหลัง เขาจงใจอยู่ด้านหลังโดยไม่เข้าใกล้กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความเกลียดชัง


 


ก่อนที่พวกเขาจะก้าวเท้าออกมา ฟางหยวนก็พบเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว


 


‘สุนัขดาวตกเพลิงยังไม่โตเต็มวัยงั้นหรือ?’ ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย


 


กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนพุ่งเข้าไปหามันทันที


 


“เจ้าหมาน้อย ครั้งนี้พวกเราจะเอาชนะเจ้า!” ผมที่สิบสองตะโกนเสียงดัง


 


สุนัขดาวตกเพลิงเห่าหอนก่อนจะทะยานร่างออกมาด้วยความเร็วสูง


 


กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนกระจายตัวกันออกไป


 


ผมที่สิบสองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เขาตะโกนด้วยความโกรธ “สัตว์ร้าย เจ้ากล้าลอบโจมตีพวกเรา เข้ามา เราจะสู้กันสามร้อยรอบ!”


 


หลังกล่าวจบคำผมที่สิบสองปรบมือและส่งแสงสีฟ้าออกไปข้างหน้า


 


แสงสีฟ้ากลายเป็นทะเลสาบก่อนที่สัตว์อสูรเดียวดายสามตัวจะปรากฏตัวขึ้น


 


หนึ่งกระทิง หนึ่งพยัคฆ์ และหนึ่งหมี


 


มันคือกระทิงเกาลัด พยัคฆ์ขาวลายทอง และหมีเพชร


 


สัตว์อสูรเดียวดายทั้งสามเข้าสู่การต่อสู้กับสุนัขดาวตกเพลิง


 


ผมที่สิบสองควบคุมสัตว์อสูรเดียวดายทั้งสามต่อสู้กับสุนัขดาวตกเพลิงขณะที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนอีกหลายคนซ่อนตัวอยู่และพยายามโจมตีจากระยะไกล


 


ฟางหยวนเฝ้ามองจากนอกสนามรบ


 


สุนัขดาวตกเพลิงยังไม่โตเต็มวัยแต่สามารถต่อสู้กับกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้ได้อย่างเท่าเทียม


 


ฟางหยวนยิ้มและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า


 


เขาคิดกับตนเอง ‘ข้าอยู่ที่นี่แล้ว เจตจำนงสวรรค์ ครั้งนี้เจ้าจะจัดการข้าอย่างไร?’


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1135 อย่ารบกวน


แปลโดย iPAT 


 


“บึม!”


 


เสียงระเบิดดังขึ้นเมื่อสุนัขดาวตกเพลิงพุ่งชนหมีเพชร


 


หมีเพชรเป็นสัตว์อสูรเดียวดาย มันมีร่างกายที่แข็งแกร่งราวกับกำแพงหิน


 


อย่างไรก็ตามด้วยการโจมตีจากสุนัขดาวตกเพลิง หมีเพชรก้าวถอยหลังกลับไปหกก้าวแต่ยังสามารถยืนอยู่อย่างมั่นคง สุนัขดาวตกเพลิงกระโดดกลับหลังและรู้สึกเวียนศีรษะ


 


มันส่ายหัวปัดเป่าอาการมึนงงออกไป


 


ในจังหวะนี้ท่าไม้ตายหกท่าพุ่งออกมาจากหลังต้นไม้และโจมตีสุนัขดาวตกเพลิงอย่างพร้อมเพรียง


 


สุนัขดาวตกเพลิงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดหลังจากถูกลอบโจมตี


 


ฟางหยวนเฝ้ามองอยู่ด้านข้างด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง


 


‘ไม่เพียงผมที่สิบสองแต่คนอื่นๆก็เรียนรู้ท่าไม้ตายอมตะใหม่เช่นกัน’


 


‘แต่ท่าไม้ตายอมตะเหล่านี้ใช้วิญญาณอมตะเพียงดวงเดียวเป็นแกนกลาง พวกมันล้วนเป็นท่าไม้ตายระดับหก’ ฟางหยวนประเมิน


 


สุนัขดาวตกเพลิงถูกโจมตีอย่างหนักแต่มันกลับได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย


 


มันเป็นสัตว์อสูรบรรพกาล แม้มันจะยังเด็ก แต่มันก็มีความสามารถในการป้องกันและฟื้นฟูที่น่าทึ่ง


 


‘ครั้งนี้ข้าจะล้มเหลวไม่ได้ ฟางหยวนจะหัวเราะข้า!’ ผมที่สิบสองเต็มไปด้วยเจตจำนงแห่งการต่อสู้


 


สัตว์อสูรเดียวดายทั้งสามราวกับสัมผัสได้ถึงเจตจำนงของเจ้านาย ดังนั้นพวกมันจึงตั้งใจต่อสู้มากขึ้น


 


ภายใต้การควบคุมของผลที่สิบสอง หมีเพชรใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งของมันในการต่อสู้ขณะที่พยัคฆ์ขาวลายทองคอยสนับสนุน ด้านกระทิงเกาลัด มันอ่อนแอมาก มันทำได้เพียงมองอยู่ด้านข้างและฉวยโอกาสโจมตีเป็นครั้งคราวเท่านั้น


 


‘ผมที่สิบสองดูเหมือนจะมีช่วงเวลาที่ง่ายดายแต่สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง สุนัขดาวตกเพลิงโจมตีอย่างรุนแรง เขายังไม่ส่งสัตว์อสูรเดียวดายตัวที่สี่ออกมา ดูเหมือนเขาจะมีสัตว์อสูรเดียวดายเพียงสามตัว’


 


ฟางหยวนวิเคราะห์อย่างใจเย็น


 


ผมที่สิบสองใช้สัตว์อสูรเดียวดายที่อ่อนแอเช่นกระทิงเกาลัด ดังนั้นการคาดเดาของฟางหยวนมีความเป็นไปได้สูงมาก


 


‘หลังจากสวรรค์สีเหลืองเปิด ผมที่สิบสองซื้อหมีเพชรและพยัคฆ์ขาวลายทอง แต่ตัวเลือกของเขายังมีคำถาม หมีเพชรตัวเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่เขายังซื้อพยัคฆ์ขาวลายทองที่เป็นสัตว์อสูรเดียวดายบนเส้นทางแห่งโลหะที่มีพลังป้องกันสูง หากเขาซื้อสัตว์อสูรเดียวดายที่สามารถบินได้ มันจะมีประโยชน์มากกว่า ด้วยวิธีนี้สุนัขดาวตกเพลิงจะถูกเบียงเบนความสนใจและเผยจุดอ่อนออกมา’


 


ขณะที่ฟางหยวนกำลังคิดถึงเรื่องนี้ ผมที่สิบสองก็ทำเรื่องผิดพลาด หมีเพชรเปิดช่องว่างขณะเคลื่อนที่!


 


“บัดซบ!” ผมที่สิบสองเต็มไปด้วยโกรธและเร่งส่งกระทิงเกาลัดเข้าเติมเต็มช่องว่างทันที


 


‘อดทนไว้!’ ผมที่สิบสองกรีดร้องอยู่ในใจ


 


สุนัขดาวตกเพลิงส่งกระทิงเกาลัดกระเด็นกลับหลัง


 


จากนั้นสุนัขดาวตกเพลิงยังพุ่งออกไปด้านนอก


 


นี่ทำให้กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่ซ่อนตัวอยู่กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว


 


“เร็วใช้ท่านั้น!” เมื่อเห็นสุนัขดาวตกเพลิงกำลังจะโจมตี ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่โชคร้ายเร่งตะโกนด้วยความหวาดกลัว


 


ในเวลาต่อมาเขาหายตัวไปก่อนจะปรากฏขึ้นอีกครั้งด้านข้างผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนอีกคนที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งพันก้าว


 


“ขอบคุณ ขอบคุณที่ดำเนินการอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นข้าคงตายไปแล้ว” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่รอดชีวิตเร่งกล่าว


 


คนที่ช่วยเขาคือผมที่หก


 


เขาตบไหล่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่รอดชีวิต “สบายใจได้ อย่าลืมว่ามีคนนอกอยู่ที่นี่ เราจะทำให้นิกายหลางหยาเสียหน้าไม่ได้”


 


กระทั่งเวลานี้ผมที่หกก็ยังพยายามหว่านความไม่ลงรอย


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่ถูกช่วยไว้เร่งปกปิดการแสดงออกแต่ร่างกายของเขายังสั่นเล็กน้อย


 


ฟางหยวนก่นเสียงเย็นขณะมองผมที่หก


 


‘ข้าจะฆ่าสหายผู้นี้ในวันหนึ่ง แต่ตอนนี้พวกเราเป็นสมาชิกนิกายหลางหยาและยังมีข้อตกลงพันธมิตร เราไม่สามารถฆ่ากันเองได้โดยตรง หากผมที่หกต้องการฆ่าข้า เขาต้องกำจัดข้อตกลงพันธมิตรของนิกายหลางหยาอย่างลับๆเป็นอันดับแรก’


 


ฟางหยวนต้องการใช้ประโยชน์จากนิกายหลางหยาแต่ผมที่หกยังเป็นอุปสรรค


 


ผมที่หกมีบทบาทสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างฟางหยวนกับนิกายหลางหยาเปลี่ยนแปลงไป


 


ในนิกายหลางหยา ฟางหยวนและผมที่หกต่างมีแรงจูงใจซ่อนเร้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน


 


ฟางหยวนทำข้อตกลงพันธมิตรกับนิกายหลางหยา เขาไม่สามารถทำร้ายสมาชิกของนิกาย แน่นอนว่าเขาสามารถคิดและพูดถึงพวกเขา ผมที่หกเป็นสมาชิกนิกายหลางหยาเช่นกัน หากเขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ฟางหยวนต้องช่วยเขา แต่มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หากผมที่หกพยายามทำให้ตนเองตกอยู่ในอันตรายและล่อลวงสัตว์อสูรเข้ามาเพื่อวางกับดักโจมตีฟางหยวน เขาไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือผมที่หก


 


เนื่องจากฟางหยวนเข้าร่วมนิกายหลางหยาและอยู่ภายใต้ข้อตกลง เขาจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้โดยง่าย


 


ผมที่หกต้องการร่างกายของฟางหยวน แต่เขามีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ นอกจากนั้นฟางหยวนยังยังรู้ว่าเขาเป็นสายลับของนิกายเงา


 


ทั้งสองฝ่ายต่างมีข้อจำกัดของตนเองและต้องระวังซึ่งกันและกัน


 


ราวกับผมที่หกสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของฟางหยวน เขาหันหน้ามาและเผยรอยยิ้มชั่วร้าย


 


ผมที่หกเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขามีประสบการณ์ในการต่อสู้ นี่คือเหตุผลที่เขาสามารถช่วยผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนได้ในทันที


 


ผมที่หกพยายามผลักฟางหยวนออกจากกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเพื่อชะลอการเติบโตของเขา


 


การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป


 


สุนัขดาวตกเพลิงไม่สามารถสังหารผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเพราะหมีเพชรและพยัคฆ์ขาวลายทองช่วยเบี่ยงเบนความสนใจ


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆยังโจมตีจากระยะไกล


 


อย่างไรก็ตามแม้ผมที่สิบสองจะพัฒนาขึ้นแต่เขายังทำเรื่องผิดพลาดตลอดการต่อสู้


 


หลังจากหลุดจากวงล้อม สุนัขดาวตกเพลิงพยายามสังหารผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆอีกครั้ง


 


แต่พวกเขายังสามารถหลบหนีด้วยท่าไม้ตายอมตะ


 


‘ท่าไม้ตายอมตะนี้น่าสนใจทีเดียว’ ฟางหยวนเฝ้ามองอยู่อย่างเงียบๆ เขาคิดโดยไม่รู้ตัวว่าหากตนเองเป็นสุนัขดาวตกเพลิง เขาจะทำอย่างไรเพื่อทำลายท่าไม้ตายนี้


 


ในไม่ช้าฟางหยวนก็ได้รับคำตอบ


 


มันยากที่จะรับมือท่าไม้ตายนี้เพราะเขามีข้อมูลเพียงเล็กน้อย


 


เขาไม่รู้กระทั่งชื่อของท่าไม้ตาย


 


ในช่วงเวลาสั้นๆท่าไม้ตายนี้ไม่ได้เผยข้อบกพร่องใดๆออกมา


 


‘แม้ข้าจะไม่สามารถทำลายท่าไม้ตายนี้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสังหารผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน  ความเร็วของข้าสูงกว่าพวกเขามาก ข้าสามารถใช้ท่าไม้ตายดาบประหารชีวิตหรือท่าไม้ตายลอบสังหารในความมืด แต่ในความเป็นจริงเพียงวิญญาณอมตะดาบบินก็เพียงพอแล้ว แน่นอนว่าผมที่หกซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้ นั่นเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป’


 


“ข้าต้องประสบความสำเร็จ ข้าต้องเอาชนะสุนัขดาวตกเพลิงในครั้งนี้!” ผมที่สิบสองตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ


 


ครั้งนี้เขาทำได้ดีกว่าครั้งก่อนหน้า ด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสม พวกเขาจะได้รับชัยชนะ


 


‘ฟางหยวน เจ้าเห็นหรือไม่? แม้จะไม่มีเจ้า พวกเราก็สามารถกำจัดสุนัขดาวตกเพลิง!’ ผมที่สิบสองกรีดร้องอยู่ภายใน


 


เขามีความภักดีต่อนิกายหลางหยาอย่างมาก ก่อนหน้านี้เมื่อนิกายหลางหยาพบปัญหาที่ไท่ชิวแต่ฟางหยวนไม่เคลื่อนไหว ผมที่สิบสองรู้สึกโกรธมาก


 


เมื่อผมที่สิบสองได้รับบาดเจ็บ ฟางหยวนไปเยี่ยมแต่เขาไม่ต้อนรับ


 


ชัยชนะครั้งนี้มีความหมายอย่างมากสำหรับผมที่สิบสอง


 


หากได้รับชัยชนะต่อหน้าฟางหยวน ผมที่สิบสองจะมีความสุขและภูมิใจมาก


 


เมื่อเวลาผ่านไปสถานการณ์เริ่มชัดเจนมากขึ้น


 


สุนัขดาวตกเพลิงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบขณะที่แรงกดดันของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนลดน้อยลง


 


พวกเขารู้สึกตื่นเต้นมาก


 


มันไม่ง่ายเลย


 


สุนัขดาวตกเพลิงทำให้พวกเขาพบกับความพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำอีก


 


เพื่อจัดการกับสุนัขดาวตกเพลิงตัวนี้ พวกเขาต้องหลั่งเลือดและหยาดเหงื่ออย่างมาก พวกเขาฝึกฝนกลยุทธ์โดยไม่ได้พักผ่อน สุดท้ายวันนี้พวกเขาก็กำลังจะประสบความสำเร็จ


 


แม้พวกเขาจะเหนื่อยล้าและสูญเสียพลังงานอมตะไปแทบหมดสิ้น แต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนก็รู้สึกมีชีวิตชีวามาก


 


“ฆ่าเจ้าหมาตัวนี้!”


 


“ถูกต้อง ฉีกผิวหนังของมันออกมาและแขวนไว้เหนือเมืองเมฆาเพื่อให้ทุกคนเห็นชัยชนะของพวกเรา!”


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดมันก็ต้องสยบต่อพวกเรา”


 


“ฟางหยวน เจ้าเห็นสิ่งนี้หรือไม่? ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจ แต่แล้วอย่างไร?”


 


“วันนี้เราจะมอบบทเรียนให้เจ้า ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนของนิกายหลางหยาไม่ได้ไร้พลัง พวกเราไม่ด้อยกว่ามนุษย์เช่นเจ้า!”


 


กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนตะโกนด้วยความตื่นเต้น


 


ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบางราวกับเขาไม่ได้ยินสิ่งใด


 


ทัศนคติของเขาทำให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนบางคนรู้สึกผิดหวัง รังเกียจ และโกรธ


 


“เขาแค่ปกปิดความรู้สึกเอาไว้เท่านั้น!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนบางคนหัวเราะเย้ยหยัน


 


อย่างไรก็ตามสถานการณ์กลับเปลี่ยนแปลงไปในเวลานี้


 


สุนัขอินทรีย์ปรากฏตัวขึ้นกลางสนามรบอย่างกะทันหัน ด้วยการกวาดกรงเล็บเพียงครั้งเดียว หมีเพชรล้มลงทันที! จงอยปากของมันจิกตากระทิงเกาลัดจนบอด! ปีกที่แข็งแกร่งส่งลมพัดพยัคฆ์ขาวลายทองให้บินกลับหลังหลายสิบก้าว! สุนัขดาวตกเพลิงขดตัวและส่งเสียงครวญครางด้วยความหวาดกลัว


 


“อันใด!? สัตว์อสูรบรรพกาลตัวนี้มาจากที่ใด?” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนตกตะลึง


 


“ไม่ใช่เพียงตัวเดียว!” ในไม่ช้าสุนัขอินทรีย์ห้าตัวก็ปรากฏขึ้นจากพุ่มไม้และยังมีอีกสามตัวบินอยู่กลางอากาศ


 


ฝูงสุนัขอินทรีย์ล้อมกรอบผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเอาไว้อย่างสมบูรณ์


 


“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?” รูม่านตาของผมที่สิบสองหดเล็กลง เขาตกใจมาก


 


เขารู้สึกราวกับตกจากสวรรค์สู่นรกในครั้งเดียว


 


ไม่นานมานี้เขายังมีความสุขกับชัยชนะแต่ตอนนี้เขากลับตกลงสู่สถานการณ์ที่สิ้นหวังอย่างกะทันหัน


 


‘เจตจำนงสวรรค์ นี่คือการซุ่มโจมตีของเจ้างั้นหรือ? น่าประทับใจ’ ฟางหยวนหัวเราะอยู่ภายใน


 


สุนัขอินทรีย์ไม่ส่งเสียงใดๆขณะที่กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนตกใจเกินคำบรรยาย ดังนั้นสนามรบจึงกลายเป็นเงียบสงัด


 


“โอ้ ผมที่สิบสอง ดูเหมือนพวกเจ้าจะไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ ตามข้อตกลง มันถึงเวลาของข้าแล้ว” ท่ามกลางความเงียบ เสียงของฟางหยวนดังขึ้น


 


ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมที่สิบสองรู้สึกหัวใจเต้นแรงด้วยความโกรธ เขากรีดร้อง “เจ้า! เจ้ากล่าวสิ่งใด? เปิดตาของเจ้าและดูพวกเราจัดการกับสถานการณ์นี้!”


 


ริมฝีปากของฟางหยวนม้วนตัวขึ้นเล็กน้อย


 


“บึม!”


 


กำปั่นยักษ์หมื่นตัวตนปรากฏขึ้นและทุบสุนัขอินทรีย์ที่อยู่ใกล้ฟางหยวนมากที่สุดลงบนพื้น


 


ฝุ่นควันลอยคละคลุ้งขึ้น


 


สุนัขอินทรีย์ทั้งหมดหันหน้ามาทางฟางหยวน พวกมันต้องระวังศัตรูที่แข็งแกร่งผู้นี้


 


ภายใต้กลุ่มฝุ่นควัน เสียงของฟางหยวนดังขึ้น “เอาล่ะ ข้าจะรับของขวัญชิ้นนี้เอาไว้ ทุกคนโปรดอยู่ห่างๆ อย่ารบกวนข้า”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)