ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 113-116

 บทที่ 113 รัวปืน

โดย

Ink Stone_Fantasy

สายตาของเจ้าหมูป่าดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก หลังจากที่มันเดินออกมาจากป่าก็ไม่ได้หันไปมองพวกคนที่ถือปืนยาวพวกนั้นอีก มันร้อง ‘ฮึมฮัมฮึมฮัม’ ไปที่ริมแม่น้ำ จากนั้นก็ก้มหัวลงดื่มน้ำอึกใหญ่ ปรากฏให้เห็นเป็นขนแผงคอที่ทั้งหนาและยาวแถบหนึ่ง


นี่ถือเป็นโอกาสที่ดี การล่าสัตว์ป่าไม่ใช่การต่อสู้ของคาวบอย จึงไม่จำเป็นจะต้องทักทายกันก่อน หากแต่ต้องใช้ความว่องไวในการจัดการ มือขวาของพอลอยู่ในท่าที่กำลังกระชับปืนแน่น ทุกคนต่างก็เงียบเสียงลง เพื่อดูเขาที่กำลังยกปืนยาวโมซิน-นากองท์ในมือขึ้นมา


น้ำแร่และหิมะที่เพิ่งละลายบนเทือกเขาเคอร์บัลไหลลงมาสู่ด้านล่าง แม่น้ำลำธารค่อยๆแคบลง น้ำในลำธารก็ค่อยๆไหลเชี่ยวขึ้น จากนั้นจึงไหลไปรวมกันในมหาสมุทร


พอดีกับที่นีลเซ็นพาทุกคนมาถึงบริเวณแม่น้ำที่กว้างที่สุด ฌ กึ่งกลางของภูเขาลูกนี้ อยู่ใกล้กันกับบริเวณผิวน้ำอยู่หกเจ็ดเมตร อีกทั้งทุกคนยังสวมเสื้อผ้าลายพราง และไม่ได้ส่งเสียงใดๆออกมา เจ้าหมูป่าจึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายมทูตทั้งหลายอยู่แค่ข้างๆตัวมัน


ฉินสือโอวฉินสือโอวยกปืน AK-47 ขึ้น นีลเซ็นใช้มือกดลงไปที่ปลายกระบอกปืนช้าๆ แล้วกระซิบข้างๆหูของเขา “ใช้ปืนยาวโมซิน-นากองท์ ปลายกระบอกปืนAK สั่นสะเทือนรุนแรงเกินไป ถึงจะฆ่าหมูป่าได้ แต่สุดท้ายมันก็จะกลายเป็นแค่เนื้อเละๆ


พอลคุกเข่าด้วยการวางขาข้างหนึ่งบนพื้น มือขวาของเขาแตะที่จุดลั่นไกร มือซ้ายดึงปลายกระบอกปืนไว้อย่างมั่นคง ดวงตาของเขา เพ่งเล็งไปยังหมูป่า ดูท่าทางเป็นงานนัก


ฉินสือโอวนึกว่าเขาจะยิงเข้าไปที่ดวงตาของหมูป่าเหมือนในละคร แต่ปรากฏว่า เมื่อพอลลั่นไกร เสียง‘ปัง’ ดังก้องกังวานขึ้น กระสุนปืนก็แฉลบจากหัวไปที่คอของหมูป่า!


แต่กระสุนนัดนี้กลับไม่สามารถปลิดชีวิตมันได้ เจ้าหมูป่าถูกปืนยิงได้รับบาดเจ็บจนร้องตะโกนออกมา คราวนี้มันจึงรู้แล้วว่ามีกลุ่มคนอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามกับมัน


ปรากฏให้เห็นเป็นประกายตาดุร้ายของเจ้าหมูป่าที่จ้องมองมา ขาสี่ข้างที่มีพละกำลังมุดลงไปในน้ำเพื่อข้ามมายังฝั่งนี้ เขี้ยวสีน้ำตาลทองที่แหลมคนของมันถูกยกขึ้นสูง ราวกับดาบปลายปืนอย่างไรอย่างนั้น!


“บ้าเอ๊ย!”ทุกคนต่างสบถออกมา หมูป่าที่กำลังโมโหไม่ใช่เรื่องที่น่าสนุกเลย ช่วยไม่ได้ที่พวกเขายังอยากจะกินเนื้อหมูป่าย่างอยู่ พวกเขาต่างก็พากันก้าวขาถอยหลังและยกปืนขึ้นมา


คราวนี้ ประกายแสงสีขาวเส้นหนึ่งก็ข้ามผ่านแม่น้ำไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหมูป่าเพิ่งจะวิ่งมาได้แค่สองก้าวเท่านั้น ก้าวย่างที่เต็มไปด้วยพละกำลังก็ซวนเซขึ้นมาทันที มันวิ่งโซซัดโซเซไปบนแม่น้ำได้เจ็ดแปดก้าว ก่อนที่หัวของมันก็ทิ่มลงไปที่กลางแม่น้ำ


ข้างบนหัวของหมูป่าตัวนั้น มีลูกธนูหัวแหลมมีขนที่ส่วนปลายสะบัดอย่างรุนแรงอยู่หนึ่งดอก ลูกธนูที่มีความยาวถึงหนึ่งเมตร หลงเหลือความยาวที่ด้านนอกไว้เพียงครึ่งเมตรเท่านั้น ส่วนที่เหลือปักเข้าไปในหัวของหมูป่า!


ฉินสือโอวลดคันธนูลงแล้วถอนหายใจออกมา ทุกคนมองมาที่เขาอย่างตกตะลึง ทันใดนั้นลุงหนวดก็โห่ร้องเสียงดังขึ้นมา “โว้ว พระเจ้า ที่รักของฉัน”


ปืน AK-47 ถูกฉินสือโอวโยนทิ้งไว้ที่ริมแม่น้ำ ในระหว่างช่วงที่ตกอยู่ในวิกฤติอันตรายเมื่อครู่นี้ ฉินสือโอววางปืนลงแล้วหยิบเอาธนูคอมพาวด์ที่สะพายไว้ข้างหลังลงมา เขาหยิบลูกธนูขึ้นมาหนึ่งดอกแล้วยิงออกไปแม่นเหมือนจับวาง


จากตอนที่ทิ้งปืนมาจับคันธนูจนยิงลูกธนูออกไปในตอนท้าย เข้าใช้เวลาไปแค่ไม่ถึงสองวินาทีเท่านั้น ทุกคนต่างก็ยังไม่ทันได้เห็นชัดเจน คราวนี้เมื่อลองคิดดูแล้ว ก็ต้องตกตะลึงกับพลังของเขาที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน


“โอลิเวอร์ ควีนส์? ฮอว์คอาย?” พอลถามออกมาอย่างประหลาดใจ


ควีนคือฮีโร่ลูกธนูเขียว ส่วนภูมิหลังของฮอว์คอายนั้นจะมีความยิ่งใหญ่มากกว่า เขาคือพันธมิตรของทีมอเวนเจอร์ที่มีฝีมือในการใช้ลูกธนูเป็นอย่างสูง อาศัยเพียงธนูคอมพาวด์ 1 คันก็สามารถต่อสู้ร่วมกับเหล่าฮีโร่ได้


คนจำนวนห้าหกคนลงไปที่แม่น้ำ ร้องตะโกนเพลงปลุกใจไปพร้อมกับออกแรงลากดึง ลากร่างของหมูป่าอ้วนขึ้นมาบนฝั่งได้อย่างยากเย็น


มีคนหนึ่งที่พยายามยามดึงธนูออกจากหน้าผากของเจ้าหมูป่า เขาใช้แรงทั้งหมดเพื่อดึงลูกธนูแต่กลับดึงไม่ออก เมื่อเป็นเช่นนี้ทุกคนต่างก็ยิ่งประหลาดใจ ลูกธนูที่ฉินสือโอวเพิ่งยิงออกไปนั้นต้องใช้แรงมากมายขนาดไหนกัน?


ลูกธนูแหลมเจาะเข้าไปในมันสมองส่วนล่างและก้านสมองของมัน ดังนั้นมันจึงไม่สามารถรักษาสมดุลและตายลงอย่างรวดเร็ว


วัยรุ่นคนหนึ่งหัวเราะจนหัวคิ้วยกขึ้นแล้วพูดกับพอลว่า “หัวหน้า ปืนโมซิน-นากองท์ของคุณทำไมถึงได้อ่อนขนาดนี้? ดีนะที่ลูกธนูของฉินเร็วพอ ไม่อย่างนั้นวันนี้พวกเราคงไม่ได้กินเนื้อหมูป่าแน่


พอลหัวเราะออกมาอย่างเก้อเขิน  “เห็นๆกันอยู่ว่าฉันเล็งแม่นแล้ว ไม่คิดเลยว่ามันจะแฉลบออก”


นีลเซ็นถึงกับหมดคำจะกล่าว ความไกลระยะยี่สิบเมตร กับหนึ่งในสี่ปืนซุ่มยิงอย่างดีในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ก็ยังจะยิงแฉลบได้อยู่อีกหรือ?


ฉินสือโอวกลับไม่ได้รู้สึกอะไร เขาตบไหล่ของนีลเซ็นแล้วพูดกับเขาว่า “ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นมือสไนเปอร์หน่วยรบพิเศษแบบนายเสียหน่อย”


เมื่อต่อมาได้ลองพิจารณาดู ถึงได้พบว่าไม่ใช่ว่าเพราะฝีมือการยิงปืนของพอลไม่ได้เรื่อง แผงคอของหมูป่าตัวนี้เมื่อมองไกลๆจะเห็นเป็นตอๆ แต่เมื่อมองใกล้ๆถึงได้พบว่า ยามปกติเจ้าหมูป่ามักจะถูตัวกับต้นเมเปิล ลำตัวของมันจึงเต็มไปด้วยน้ำเชื่อม เช่นนี้แล้วเมื่อยามปกติที่มันกลิ้งไปตามภูเขามุดไปตามลำธาร จึงทำให้มีหินทรายติดสะสมอยู่ตามลำตัวของมัน จึงเหมือนกับว่ามันสวมชุดเกาะอยู่หนึ่งชั้น


สิ่งเหล่านี้ที่อยู่บนหัวของหมูป่าก็ยิ่งหนา ปืนนัดที่ยิงแฉลบของพอล ถูกคาดหวังไว้ว่าคงจะสามารถสร้างบาดแผลรุนแรงในหัวของมันได้อย่างเต็มแรง  แต่ปรากฏว่ากระสุนไม่สามารถเจาะเข้าไปได้ จึงเหมือนกับว่ามันแฉลบไปข้างๆหมวกกันกระสุน จนทำให้มันเอียงออกไป โดนเข้ากับคอของหมูป่าแทน


ทว่านี่กลับยิ่งสะท้อนให้เห็นว่า ลูกธนูดอกนั้นของฉินสือโอวมีพลังมากขนาดไหน!


หลังจากฆ่าหมูป่าได้แล้ว ก็ทำให้ได้มาซึ่งอาหารเที่ยง แต่ปัญหาอื่นก็ตามมาเช่นกัน นั่นก็คือการถลกหนังของหมูป่านั้นไม่สามารถทำได้โดยง่าย


หมูป่าและสัตว์ป่าชนิดอื่นล้วนแต่แตกต่างกัน หนังหมูและเนื้อของมันเชื่อมต่อกันอยู่ ไม่เหมือนกับสัตว์อื่น ที่เพียงแต่กรีดออกก็สามารถถลกหนังได้แล้ว


ฉินสือโอวไม่ได้ยุ่งกับเรื่องพวกนี้ เขาไปจัดการกับปลากะพงปากใหญ่ตัวนั้น เขาฆ่ามันแล้วเอาเลือดออก แล้วล้างทำความสะอาดเครื่องใน จากนั้นจึงทาน้ำมันที่มี หอม กระเทียม และขิงที่ถูกตำจนข้นเหนียวลงไปบนตัวปลา แล้วจึงนำไปวางไว้บนตะแกรงแล้วเริ่มเผาพลิกสลับฝั่ง


นีลเซ็นเป็นผู้ลงมือจัดการผ่าเนื้อหมู โดยมีคนอื่นคอยช่วย พวกเขาตัดเอาขาหลังของหมูออกมาข้างหนึ่ง จากนั้นก็ออกแรงผ่าเอาเนื้อส่วนสะโพกออกมาอีกส่วน “ขาหมูเผาหั่นทานจิ้มกับเกลือ ส่วนสะโพกหมูนำไปทำเป็นสตูทาน”


ปีนเขามาแล้วทั้งเช้า ผู้คนกลุ่มนี้จึงเจริญอาหารเป็นอย่างมาก กลิ่นปลาเผาก็ฟุ้งออกมา พอลและคนอื่นๆกลืนน้ำลายไม่หยุด พวกเขาเข้ามาใกล้ๆฉินสือโอวแล้วยื่นหน้าถามว่า “เพื่อน ปลาตัวนี้ย่างยังไงทำไมถึงได้หอมขนาดนี้?”


“เพราะว่าฉันใช้เครื่องปรุงสูตรลับของจีนน่ะ”ฉินสือโอวพูดอย่างสบายๆ เขาจดจ่อกับการย่างปลา ไม่หยุดที่จะทาน้ำมันและเครื่องปรุงลงไปบนตัวปลา ปลากะพงถูกย่างจนเหลืองกรอบทั้งตัว แต่เมื่อแงะดูเนื้อด้านในกลับมีเนื้อนุ่มและมีสีขาวเหมือนหิมะ


นีลเซ็นหัวเราะออกมา “บอส ตอนนี้ทักษะการย่างปลาของคุณยอดเยี่ยมกว่าของชาร์คซะอีก”


ฉินสือโอวพยักหน้ารับคำชมอย่างภาคภูมิใจ  “ชาร์คเจ้าหมอนั่นน่ะย่างเนื้อก็พอได้ล่ะ แต่ถ้าย่างปลาเขายังห่างชั้นกับฉันอยู่ ใช่แล้ว แล้วหมูของฉันล่ะ


“เนื้อหมูป่าพันธุ์แท้ รสชาติคงไม่แย่มากนัก แต่คิดว่าก็คงไม่ได้อร่อยสักเท่าไร” นีลเซ็นส่ายหัว “เจ้าตัวนี้มีขนาดใหญ่มาก ผมคิดว่าน่าจะหนักถึงห้าร้อยกว่าปอนด์”


หนึ่งปอนด์ใกล้เคียงกับห้าร้อยกรัม ก็เท่ากับสองร้อยยี่สิบกว่ากิโลกรัม ลองคิดๆดูแล้วหมูป่าจีนโตเต็มไวพร้อมที่จะเข้าโรงฆ่าสัตว์ก็หนักราวๆร้อยสามสิบกิโลกรัม เจ้าหมูป่าตัวนี้นับว่ามีขนาดไม่น้อยเลยจริงๆ


ชาวแคนาดาก็เหมือนกันกับชาวอเมริกัน พวกเขาไม่ชอบเนื้อเหนียวๆของหมูป่า พวกเขาชอบเนื้อวัวที่เมื่อกัดเข้าไปแล้วรู้สึกราวกับละลายในปากได้เหมือนกับไอศกรีมแบบนั้นมากกว่า อีกทั้งหากจัดการได้ไม่ดีเนื้อหมูป่าก็จะมีกลิ่นคาว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ชอบทานมัน


ข้อนี้ตรงข้ามกันกับชาวจีน ที่ไม่ว่าเนื้อหมูป่าจะถูกนำมาต้มเพื่อทำหมูผัดซอสหรือนำไปตากแดดเพื่อทำเนื้อตากแห้ง ก็ล้วนแต่เป็นอาหารรสเลิศชั้นหนึ่ง กินแล้วก็มีพลังกำลังเหมือนกันกับหมูป่า


ต้มเนื้อแล้วหนึ่งหม้อ คนกลุ่มนี้เมื่อทานซุปไปได้นิดหน่อยก็ไม่ทานอีกแล้ว แต่กับปลาย่างของฉินสือโอวคนพวกนี้กลับรีบตัดแบ่งกันกินทันที จากนั้นเมื่อไม่มีปลาย่างให้ทานแล้วพวกเขาจึงจัดการกินเนื้อที่ย่างไว้


พวกเขากินอย่างไม่นึกเสียดายของ กัดคำหนึ่งทิ้งคำหนึ่ง ทำเอาฉินสือโอวปวดใจนัก


ฉินสือโอวหาหินก้อนใหญ่เพื่อนั่งแทนเก้าอี้ ในกล่องใส่อาหารล้วนแต่เป็นเนื้อหมูย่างกับเนื้อหมูต้มสุก เนื้อย่างเอามาจิ้มกับเกลือทาน ส่วนเนื้อหมูป่านำมาผัดกับซอสพริกและน้ำส้มสายชู เขารู้สึกว่ารสชาติมันช่างยอดเยี่ยม!


เมื่อทานอาหารเสร็จพวกเขาก็เริ่มพากันพักผ่อน พอลและคนอื่นๆต่างก็เริ่มพากันรัวปืน ริมแม่น้ำกว้างใหญ่ไร้ผู้คน คงไม่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุที่ทำให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นพวกเขาจึงบรรจุกระสุนและเริ่มยิงปืนไปอย่างไร้เป้าหมาย เมื่อเสียง ‘ปัง ปัง ปัง ปัง’ ดังขึ้นมา ก็ทำให้สัตว์ป่าที่กำลังจะมากินน้ำที่แม่น้ำวิ่งแตกกระเจิงไปทั่วสารทิศ


มีชายอ้วนใหญ่คนหนึ่งพกปืน M60A1 มาด้วย เขายกสายบรรจุกระสุนขึ้นแขวน เล็งไปที่ต้นโอ๊คสีขาวที่มีลำต้นขนาดหนึ่งคนโอบแล้วจึงเริ่มลั่นไกรยิงอย่างดุเดือดเลือดพล่าน


ฉินสือโอวได้เห็นคนยิงปืนกลเล่นครั้งนี้เป็นครั้งแรก เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วไม่สามารถหาซื้อสิ่งนี้ได้ ที่แคนาดาการควบคุมปืนพกนั้นค่อนข้างหละหลวม แต่การจัดการปืนกลจะเป็นไปอย่างเข้มงวด


นีลเซ็นกอดอกมองอยู่สักพักแล้วจึงพูดขึ้นว่า  “ท่าทางของเขาตรงตามมาตรฐานมาก อาจจะเคยเป็นทหาร หรือไม่ก็เป็นเจ้าของร้านขายปืน”


ต่อมาฉินสือโอวถามจนได้ความว่า ที่แท้แล้วเขาเป็นเจ้าของร้านขายปืน เหมือนกันกับอาชีพก่อนของนีลเซ็น


พอลและคนอื่นๆไม่ได้ปีนเขาต่อ แต่เดิมแล้วพวกเขาไม่ได้มาเพื่อปีนเขา เพียงแค่อยากหาที่ยิงปืนเล่นเท่านั้น แล้วถึงขนาดกับต้องฆ่าหมูป่าเลยหรือ? นั่นเป็นผลพลอยได้ต่างหาก ถ้าได้พบก็ล่าสักตัว หากไม่พบพวกเขาก็ไม่คิดที่จะไปตามล่า


……………………………………………………….


บทที่ 114 งานยุ่งๆก่อนช่วงมรสุม

โดย

Ink Stone_Fantasy

พอลและคนอื่นๆยิงปืนเล่นไปพร้อมกับแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้ปืน เวลาบ่ายสองครึ่งเมื่อยิงปืนเล่นจนพอใจแล้วพวกเขาจึงถอดเสื้อผ้าลงไปอาบน้ำในลำธาร กลุ่มชายวัยฉกรรจ์สวมกางเกงชั้นในเล่นกันเสียงดังอยู่ในลำธาร ทำเอาฉินสือโอวถึงกับหัวเราะออกมา


เมื่ออาบน้ำเสร็จ พวกเขาก็ต้องเดินทางกลับแล้ว ฉินสือโอวไม่เห็นว่ามีใครพูดถึงหมูป่าเลยสักคน เขาจึงถามขึ้นมาว่า “พวกนายไม่เอากลับไปด้วยเหรอ?”


พอลหยักไหล่แล้วตอบว่า “เอากลับไปทำไมกันเล่า วางไว้ที่นี่แหละ เดี๋ยววันนี้ก็มีพวกสัตว์ตัวอื่นมาช่วยเราจัดการเอง”


ฉินสือโอวตอบกลับไปว่า “ไม่เอาน่า ทิ้งไว้ก็เสียของเปล่าๆ งั้นฉันเอากลับไปด้วยแล้วกัน”


คนอื่นๆ ก็พากันโบกมือปัดๆ แล้วพูดกับเขาว่า “เอากลับไปเถอะ เอากลับไป แต่นายอย่าให้พวกฉันต้องช่วยลากเจ้านี่…”


ไม่รอให้พวกเขาพูดจบ ฉินสือโอวยื่นเอากระเป๋าที่ใส่อาวุธปืนส่งให้กับนีลเซ็น มือสองข้างของเขาจับหมูป่าไว้แล้วตะโกนออกมาหนึ่งครั้ง เขายกมันขึ้นมาแบกเอาไว้ที่บนไหล่ แล้วก้าวเร็วๆไปตามถนนบนภูเขา


ฉันมองหน้าแก แกมองหน้าฉัน คนทั้งกลุ่มหันมามองหน้ากันแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ลุงหนวดที่กำลังอดปืนAK พูดขึ้นว่า “ต่อไปถ้ามีใครพูดกับฉันว่าคนผิวเหลืองร่างกายอ่อนแอ ฉันคงจะต้องเอาปืนAK ยิงปากมันซะ”


วัยรุ่นคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “อาจจะเป็นเพราะฉินเล่นกังฟูเป็นหรือเปล่า? กังฟูจีน!”


คนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วยอย่างนั้น พวกเขาพูดคุยหัวเราะเดินตามมาข้างหลัง


พอดีกับที่คราวนี้เขาเลือกขับรถกระบะมา ฉินสือโอวโยนหมูป่าขึ้นไปวางไว้บนด้านหลังของรถกระบะ แล้วนั่งพิงเพื่อพักผ่อนสักครู่หนึ่ง พอลและคนอื่นๆเดินหายใจหอบแฮกลงมา เขามองฉินสือโอวที่กำลังนั่งพักอยู่ด้วยใบหน้าตกตะลึง แล้วพูดขึ้นว่า “นายก็เหนื่อยเป็นเหรอ?”


ฉินสือโอวหัวเราะพร้อมตอบกลับไปว่า “แน่นอนสิ เพื่อน ฉันก็เป็นคนนะ”


“อ้อ งั้นเหรอ ฉันนึกว่านายเป็นยอดมนุษย์เสียอีก” พอลหัวเราะแซว


ทั้งสองคนแลกช่องทางการติดต่อกัน พอลให้ที่อยู่อีเมลและโทรสารแก่เขา เมื่อถึงเวลาก็ให้เขาเอาใบวีซ่าถาวรของแคนาดาและเอกสารอื่นๆถ่ายส่งไปให้เขาจัดการเรื่องใบคุณสมบัติของสมาชิก จากนั้นพวกเขาก็จับมือกัน แล้วทั้งสองคนจึงแยกย้ายกันไปคนละทาง


ฉินสือโอวกลับไปที่ฟาร์มปลา ส่วนพอลและคนอื่นๆขับรถเข้าเมืองเพื่อไปที่ท่าเรือ จากนั้นค่อยโดยสารเรือเฟอร์รี่กลับนครเซนต์จอห์น


เมื่อกลับถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวเรียกชาร์คและซีมอนสเตอร์ให้มาช่วยจัดการกับหมูป่า แต่กลับหาชาร์คไม่เจอ ซีมอนสเตอร์ที่กำลังซ่อมแซมหลังคาบ้านอยู่ บอกกับเขาว่า “เขาพาเด็กๆไปที่ทะเลสาบเฉินเป่าแล้ว ไปเก็บพวกเห็ดหอมภูเขากันน่ะ”


ฉินสือโอวพยักหน้าตอบว่า “นายโทรหาที่บ้านของชาร์คกับของนายที บอกว่าเย็นวันนี้ให้มากินเลี้ยงหมูทั้งตัวกัน”


ชาร์คหัวเราะออกมา “นอกจากงานเลี้ยงปลาทั้งตัว แล้วยังมีงานเลี้ยงหมูทั้งตัวอีกเหรอครับ?”


ฉินสือโอวลากหมูป่าลงมา หู่จือและเป้าจือวิ่งเข้ามาหา ทั้งวิ่งทั้งกระโดดทั้งส่งเสียงวนอยู่รอบตัวหมูป่า เจ้าฉงต้ามองมาที่หมูป่าอย่างตะลึงงัน มันอาจจะเคยมีความทรงจำเกี่ยวกับเจ้าสิ่งนี้ มันเพียงแต่มองมาจากที่ไกลอย่างกลัวๆ ไม่กล้าเดินเข้ามาใกล้


เมื่อเห็นว่าหมูป่าไม่ขยับตัว มันถึงได้ขยับเข้ามาอย่างช้าๆ ใช้อุ้งเท้าจิ้มๆลงไปก่อน เมื่อรู้ว่าหมูป่าตัวนี้ตายแล้ว มันก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที มันยืนท่าเดียวกับคนพร้อมคำรามออกมา ต่อมา มันก็ใช้ปากของมันงับเข้าที่จมูกของหมูป่าแล้วลากไปทางด้านหลัง ทั้งดึงทั้งฉีกราวกับว่ามีความอาฆาตแค้นกันมาก่อน


“คิดว่าเจ้าหมีตัวนี้อาจจะเคยโดนหมูป่าเอาเปรียบมาก่อนล่ะมั้ง” ฉินสือโอวพูดล้อมัน


ฉินสือโอวใช้มีดหั่นเนื้อหมูออกมาเป็นชิ้นๆ เขาจัดการแยกเครื่องในออกมาไว้ต่างหาก เนื่องจากชาวแคนาดาไม่ทานเครื่องในของสัตว์ ชาวคริสเตียนส่วนใหญ่ล้วนแต่ไม่ทานกัน


เจ้านี่ไม่เหมือนกันกับปลา มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อทางศาสนา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ไปอธิบายให้ชาร์คและคนอื่นๆฟังว่าเจ้าสิ่งนี้มันรสชาติดียังไง


เลือดของหมูป่าคาวมาก ทำทานไม่ได้ หัวและขาของหมูเมื่อสับออกมาแล้วก็เอาไปถลกหนังและกำจัดขน เมื่อจัดการจนสะอาดแล้วก็นำมาหมักไว้กับเครื่องพะโล้ หลังจากนี้จะทำเป็นขาหมูและหัวหมูต้ม


เหลือขาหลังอยู่หนึ่งข้างและขาหน้าอีกสองข้าง ล้วนแต่ถูกจัดการถลกหนังเรียบร้อยแล้ว กระดูกซี่โครงและกระดูกสันหลังนำมาทำเป็นสเต๊ก เนื้อส่วนที่ไม่มีไขมันก็ถูกจัดการแยกออกมา จากนั้นนำมาทาเกลือและตากแดดไว้ข้างนอก แล้วก็เอาไปเก็บไว้ในตู้เย็น อยากทานอีกเมื่อไรก็ค่อยหยิบมาทำอาหารทานอีกที


หลังจากจัดการกับท่อนขาหมูเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวก็ล้างให้สะอาดแล้วนำไปต้มในหม้อแรงดันสูง ถึงจะบอกว่ากินหมูทั้งตัว แต่ที่จริงแล้วเขาคิดไว้ว่าจะทำหมูย่างและหม้อไฟเนื้อหมู ที่เกาะแฟร์เวลแห่งนี้น่าจะไม่มีให้ทาน


ตุ๋นขาหมูไว้ในหม้อแรงดันสูงได้ประมาณหนึ่งชั่วโมง ฉินสือโอวเติมน้ำเพิ่มไปแล้วสองครั้ง ตอนนี้ซุปที่อยู่ข้างในถูกทำให้เป็นสีขาวหมดแล้วทุกครั้งที่เปิดหม้อก็จะมีกลิ่นหอมเข้มข้นของเนื้อพรั่งพรูออกมา หอมจนทำให้หู่จือ เป้าจือ และฉงต้าอยากจะกินบ้าง


กระรอกน้อยเสี่ยวหมิงไม่ชอบกลิ่นนี้ มันวิ่งมาเอาราสเบอร์รี แล้วจึงวิ่งกลับไปขึ้นต้นไม้


ตอนที่ต้มน้ำเป็นครั้งที่สาม ฉินสือโอวเตรียมหอม กระเทียม ขิงและเครื่องเทศชนิดต่างๆอย่าง โป้ยกัก หุยเซียง โกวชี พุทราแดง และพริกไทยใส่ลงไปในหม้อ


ชาร์คเดินเข้ามาในครัว เข้าสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วถามขึ้นมาว่า “กลิ่นหอมจริงๆ นี่คืออะไรเหรอ?”


“เนื้อหมูป่า”ฉินสือโอวยิ้มแล้วตอบกลับไป


ชาร์คเบิ่งตาโตแล้วพูดกับเขาว่า “บอส คุณมีฝีมือจริงๆ เนื้อหมูป่าก็ตุ๋นให้หอมได้ขนาดนี้เลยเหรอ”


พาวลิส เชอร์ลี่ย์คนสี่คนเดินเข้ามาทักทายเขา “ฮาย ฉิน ดูสิ พวกเราเก็บเห็ดมาได้เยอะเลย”


ฉินสือโอวลองมองดู ในมือของทุกคนต่างก็ถือตะกร้าอยู่ ในนั้นเต็มไปด้วยเห็ดหอมภูเขาจำนวนมาก อีกอย่างที่มีเยอะเหมือนกันก็คือเห็ดน้ำหมากและเห็ดถั่ว นอกจากนี้ก็ยังมีเห็ดโคนต้นลี่อีกนิดหน่อย อันหลังรสชาติสดอร่อยมาก แต่หน้าตาออกจะประหลาดไปหน่อย…


เชอร์ลี่ย์ยกถุงขึ้นมาราวกับเป็นของมีค่า แล้วพูดขึ้นว่า “ดูสิ ว่าพวกเรายังเจออะไรอีก”


“ว้าว เห็ดหัวลิง ทำไมเยอะขนาดนี้ล่ะ?” ฉินสือโอวแสร้งถามด้วยท่าทางราวกับว่าเขาแปลกใจมาก


ที่แคนาดาจะเรียกเห็ดหัวลิงว่าเห็ดแผงคอสิงโต ลักษณะเปลี่ยนไปนิดหน่อย ดูคล้ายกับขนสิงโตนิดๆ แต่ก็ยังนับว่าเป็นเห็ดหัวลิงอยู่


เมื่อเห็นท่าทางแปลกใจของฉินสือโอว เชอร์ลี่ย์ก็หัวเราะออกมา แล้วพูดอีกว่า “บนเกาะเล็กๆมีต้นบีชกับต้นโอ๊คมองโกเลียที่ใบร่วงหมดต้น พวกเลยเราเจอเจ้าพวกนี้ รสชาติมันอร่อย ใช่ไหมคะ?”


ฉินสือโอวพยักหน้า เขาตอบว่า “ใช่แล้ว พวกหนูหามาได้พอเหมาะดีเลย เจ้าพวกนี้ถ้าใส่ลงไปตุ๋นในหม้อสักหน่อย ก็จะได้รสชาติที่อร่อยสุดๆไปเลย”


เห็ดหัวลิงต้มทานเดี่ยวๆไม่ค่อยอร่อยเท่าไรนัก ต้องนำมาอบกับน้ำมันพืชสักนิดหน่อย อีกทั้งน้ำซุปของขาหมูป่าต้มยังมีน้ำมันค่อนข้างมาก ถ้าเอามาต้มรวมกันกับเห็ดหัวลิง ก็จะเข้ากันได้อย่างดี


และแล้วก็มาถึงช่วงเวลาค่ำคืน งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นภายในห้องรับแขกของบ้าน อากาศข้างนอกเริ่มจะไม่ดีสักเท่าไรแล้ว ลมแรงพัดเอาคลื่นทะเลขึ้นมากระทบฝั่งอย่างต่อเนื่อง ท้องฟ้ามืดครึ้มอึมครึม ถึงแม้จะไม่มีฝนตก แต่คาดว่าอีกไม่นานก็คงมีปรอยฝนรินลงมา


ฉินสือโอวเตรียมยกเอาหม้อหุงข้าวไฟฟ้าหม้อใหญ่ขึ้นมาไว้บนโต๊ะ เทซุปขาหมูตุ๋นลงที่ต้มเสร็จแล้วลงไป ซุปหม้อนี้เติมแป้งข้าวโพดลงไปด้วยนิดหน่อย ทั้งข้นทั้งหอม ดูคล้ายกันกับครีม คาดว่าแม้กระทั่งไขกระดูกก็คงถูกตุ๋นออกมาด้วย


เนื้อหมูของก่อนหน้านั้นก็ถูกหั่นออกเป็นแผ่น ฉินสือโอวเอาเห็ดหอมภูเขาที่เพิ่งเก็บมา รวมทั้งผักทุกชนิดที่ซื้อมาออกมาด้วย เขาแนะนำทุกๆคนว่าต้องปรุงน้ำจิ้มสำหรับหม้อไฟอย่างไร จากนั้นจึงเริ่มใส่เนื้อลงไปต้ม


ชาร์คย่างเนื้ออยู่ข้างนอก ซี่โครงหมูที่ถูกตัดเป็นชิ้นๆถูกย่างจนเหลืองกรอบ ไขมันกระเด็นออกมาข้างนอกไม่หยุด เนื้อย่างจิ้มทานกับยี่หร่าและเกลือก็ได้รสชาติกำลังพอดี


ระหว่างที่กำลังทานหม้อไฟกันอยู่ ทุกคนต่างก็ทยอยกันพยักหน้า โดยเฉพาะลูกๆของชาร์คที่กินได้เต็มปากเต็มคำจนน้ำมันหยดออกมา ตอนนี้ฉินสือโอวเริ่มมีอิทธิพลต่อการใช้ตะเกียบของชาร์คและซีมอนสเตอร์แล้ว อีกทั้งยังเป็นขนาดใหญ่อีก แถมยังใช้ได้คล่องแคล่วอีกด้วย แบบนี้เป็นประโยชน์กับการกินหม้อไฟ ถ้าใช้มีดและส้อมกินสิ่งนี้จะทำให้เปลืองแรงมากกว่า


พวกเขากินไปด้วย คุยกันเรื่องงานในฟาร์มปลาไปด้วย ชาร์คเคี้ยวเนื้อไปพร้อมๆกับพูดขึ้นว่า “บอส ถ้าอีกสองวันมีฝนตก งั้นเราก็รอให้ลมเบาลงหน่อยแล้วกัน พวกเรายังต้องไปพวกซื้อปูก้ามดาบกับปูเสฉวนสักหนึ่งล็อต”


“คราวนี้เป็นปูเสฉวนที่เกิดจากบนบก สิ่งสำคัญคือต้องจัดการชำระสิ่งสกปรกในน้ำบริเวณริมชายฝั่งทะเล ส่วนปูก้ามดาบเป็นปูที่เกิดในทะเล ไม่ค่อยชอบขึ้นมาใกล้น้ำตรงริมชายฝั่ง ต้องดูแลแยกกัน”


“นอกจากนี้ ตอนนี้ก็เดือนหกแล้ว อีกไม่เกินครึ่งเดือนพวกเราก็สามารถจับปลาในอวนขึ้นมาลองดูสภาพการณ์เจริญเติบโตของลูกพันธุ์ปลาได้แล้ว เหมือนว่าลูกพันธุ์ปลาล็อตนี้จะดีมากเลยทีเดียว โตเร็วมากๆ ก่อนหน้านี้ผมจับตกปลาค็อดขนาดสี่สิบเซนติเมตรได้ตัวหนึ่ง นี่ถือเป็นเรื่องดีเลยล่ะ”


ฉินสือโอวฉีกเอาเนื้อเป็นเส้นๆที่ย่างเกือบจะสุกออกเพื่อป้อนเป็นอาหารให้แก่หู่จือ เป้าจือ และฉงต้า เขาส่ายหัวแล้วตอบชาร์คไปว่า “นั่นไม่จำเป็นหรอก ปีนี้ได้ปลามามากแล้ว ฉันนับจำนวนดูแล้ว ปล่อยให้พวกมันโตของมันเองเถอะ พอถึงเดือนเก้าค่อยจับขึ้นมาอีกทีก็ยังทัน”


………………………………………….


บทที่ 115 ซากเรือลำที่สอง

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมื่อทานอาหารเสร็จ ฉินสือโอวตามไปส่งชาร์คและคนอื่นๆกลับบ้าน แล้วจึงขึ้นไปพักข้างบน วินนี่กลับมาถึงโตรอนโตแล้ว เธอส่งข้อความมาทางคอมพิวเตอร์


ฉินสือโอวกดเชื่อมต่อวิดีโอคอล ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก เป็นพาวลิสที่เข้ามาถามว่า “ฉิน คุณช่วยสอนพวกเราใช้คอมพิวเตอร์หน่อยได้ไหม?”


วิดีโอคอลเชื่อมต่อแล้ว เสียงใสๆของวินนี่ก็ดังขึ้นมา “ฮาย ฉิน ช่วงสองวันนี้คุณเป็นยังไงบ้าง? ได้ไปหาสาวสวยในนครเซนต์จอห์นบ้างไหม……”


“เฮ้ย!”เมื่อพาวลิสมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ร้องออกมา แล้วรีบวิ่งหนีไปข้างหลัง พอฉินสือโอวหันไปดูก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ที่แท้วินนี่กำลังมาสก์หน้าอยู่ ทั่วใบหน้าสวยงามมีแผ่นมาสก์หน้าสีขาวทาบทับไว้ อยู่ๆต้องมาเห็นแบบนี้ในตอนกลางคืนก็ทำให้คนตกใจได้มากเหมือนกัน


พาวลิสรีบส่งการตอบสนองกลับไปอย่างรวดเร็ว เขายืนเกาศศีรษะอย่างเก้อเขินแล้วพูดออกมาเสียงอ่อยๆว่า “เมื่อครู่นี้ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ผมนึกว่าคุณกำลังดูหนังผี… เอ่อ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมจะพูดว่า เห็นแบบนี้อยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์มันน่ากลัวมากจริงๆ…”


เสียงของเขาก็ยิ่งเบาลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็เข้าใจว่าตัวเองยิ่งพูดความหมายยิ่งแปลก จึงเอามือปิดหน้าแล้ววิ่งหนีไป


วินนี่หัวเราะฮิๆ ออกมา เธอแกะเอาแผ่นมากส์หน้าออก ปรากฏให้เห็นใบหน้าหลังล้างเครื่องสำอางที่ยังคงน่ารักสวยงามไม่ต่างจากเดิม เธอหัวเราะแล้วพูดกับฉินสือโอวว่า “เด็กคนนั้นช่างเชือดเฉือนคนได้เก่งจริงๆ ยิ่งพูดยิ่งโหดร้าย! ใช่แล้ว ฉิน แล้วเด็กๆของฉันละ เรียกให้พวกมันรีบขึ้นมาที”


ฉินสือโอวผิวปากหนึ่งครั้ง หู่จือและเป้าจือที่กำลังเล่นกันอยู่หลังเตียงกับฉงต้าก็วิ่งกระโดดโลดเต้นเข้ามาหา พอมองเห็นวินนี่พวกมันก็กระโดดไปมาอยู่หน้าคอมไม่หยุด


ฉงต้าไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ก็เดินตามเข้ามาอย่างงุนงง เมื่อมองเห็นฉงต้า วินนี่ก็ร้องเสียงแหลมออกมาอย่างประหลาดใจ “ว้าว หมีดำ? เป็นหมีน้อยที่น่ารักจริงๆ!”


“โฮ่งโฮ่ง!”หู่จือกับเป้าจือก็ร้องท้วงขึ้นมา ดูเหมือนจะไม่พอใจที่วินนี่ได้สัตว์เลี้ยงตัวใหม่แล้วลืมตัวเก่าอย่างพวกมัน


วินนี่จึงต้องทั้งปลอบหู่จือกับเป้าจือ อีกฝั่งของกล้องมีทั้งเสียงของคนรักทั้งเสียงเรียกจากสัตว์เลี้ยงที่ร้องเรียกออกมา ฉินสือโอวอุ้มเอาสัตว์เลี้ยงทั้งสามตัวไปไว้บนเก้าอี้กว้างตัวหนึ่ง


ฉงต้าก้มตัวต่ำแกว่งขาท่าทางเหมือนเถ้าแก่ ท่าทางเกียจคร้านแบบนั้น ดูราวกับว่ามันกำลังง่วงนอนอยู่ ไม่ได้ไว้หน้าสาวสวยเลยแม้แต่น้อย เหมือนลูกบอลเลย กินได้ไหมนะ?” นี่แหละคือมาตรฐานการตัดสินของฉงต้า


ไม่นานหลังจากนั้น วินนี่ก็เปิดประตูห้องออก แอร์โฮสเตสสาวสวยคนหนึ่งก็เดินเข้ามา หล่อนมองดูวินนี่วิดีโอคอลแล้วพูดแซวเธอขึ้นมาอยู่หลายประโยค จนกระทั่งหล่อนมองเห็นขนสีทองสว่างของหู่จือกับเป้าจือและฉงต้าที่ดูทึ่มๆ จากนั้นก็ส่งเสียงแหลมที่แหลมยิ่งกว่าวินนี่เมื่อตอนก่อนหน้านี้ออกมา


ฉินสือโอวยิ้มแล้วนั่งลงบนเตียง หญิงสาวคนนี้แต่งตัวค่อนข้างโป๊ เมื่อเธอก้มเข้าไปใกล้กับคอมพิวเตอร์ ก็เริ่มเห็นชื่อสายการบินที่เธอทำงานอยู่ได้ชัดขึ้น


สายการบินแอร์แคนาดา มีสาวสวยเยอะกว่าที่เขาเคยคิดไว้มาก เขาไม่เคยโดยสารเที่ยวบินภายในประเทศแคนาดา มีคนพูดกันว่าส่วนใหญ่จะมีแต่แอร์โฮสเตสรุ่นป้า ทั้งยังมีแต่หุ่นอวบๆอ้วนๆกันทั้งนั้น


ดูเหมือนว่าสิ่งคนหนุ่มสาวพวกนั้นได้บ่นไว้ก็น่าจะเป็นเรื่องจริง แอร์โฮสเตสสวยๆของแอร์แคนาดาคงไปทำงานในเที่ยวบินต่างประเทศกันหมด เหลือไว้แค่พวกแอร์โฮสเตสหน้าขี้ริ้วขี้เหร่ไว้คอยบริการ


ขณะที่วินนี่กำลังวิดีโอคอลอยู่กับเจ้าตัวเล็กทั้งสาม ฉินสือโอวก็สั่งจิตสำนึกโพไซดอนเพื่อไปดูแลโลกใต้ทะเล


ตอนนี้ที่ฟาร์มปลาคึกคักขึ้นมากแล้ว สาหร่ายทะเลก็อุดมสมบูรณ์ มีพวกสัตว์ประเภทตัวนิ่ม ปู และทุกๆที่ก็เต็มไปด้วยปลาชนิดต่างๆ อีกทั้งฉินสือโอวยังเจอฉลามอีกตั้งห้าหกตัว!


ฉลามพวกนี้ยังเล็กอยู่มาก เพิ่งจะยาวได้ประมาณครึ่งเมตรเท่านั้น บนตัวของมันมีลายเส้นน้ำตาลเข้มพาดอยู่ ดูแล้วดุดันมาก น่าเสียดายที่มันยังเล็กอยู่มาก ขนาดปลาค็อดที่ตัวใหญ่หน่อยก็ยังไม่สนใจพวกมันเลย


ฉินสือโอวมองครั้งเดียวก็แยกออก นี่คือฉลามปล้องอ้อย (ฉลามแมว) เป็นฉลามชนิดที่ตอนนี้ค่อนข้างจะพบได้ยากแล้ว


ฉลามพันธุ์นี้ตัวไม่ใหญ่นัก ตัวที่โตที่สุดจะใหญ่ประมาณเจ็ดสิบแปดสิบเซนติเมตร ที่ใต้ทะเลพวกมันไม่ได้มีกำลังเอาตัวรอดอะไรนัก อีกทั้งถึงแม้ว่าเนื้อของพวกมันจะกินได้แต่ก็ไม่ได้อร่อยมาก ดังนั้นจึงไม่นับว่าเป็นพันธุ์ปลาเศรษฐกิจ ทำให้ไม่มีฟาร์มเพาะพันธุ์


ฉลามแมวไม่กี่ตัวพวกนี้น่าจะปนอยู่กับฝูงปลาทูน่าครีบเหลืองที่ล่าอาหารอยู่ในฝูงปลาแซลมอนโคโฮ สุดท้ายจึงถูกจิตสำนึกโพไซดอนพากลับมาที่ฟาร์มปลา


ที่จริงแล้วฉลามแมวมีความเชื่อมโยงทางสายพันธุ์กับฉลามทั่วไปอยู่ ลักษณะนิสัยก็ดุร้ายรุนแรงอยู่มาก พวกมันไล่ตามปลาค็อด และปลาซาบะในฟาร์มจนว่ายหนีแตกกระเจิงไปทั่ว ดูแล้วยโสโอหังอย่างยิ่ง!


สำหรับพวกมันแล้ว ฟาร์มปลาแห่งนี้ก็คือสวรรค์ของพวกมันนั่นเอง ที่นี่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งยังปลอดภัย ดังนั้นเมื่อมันมาถึงที่นี่ก็ไม่คิดจะจากไปแล้ว


ฉลามแมวตัวหนึ่งไล่ตามปลาค็อดไปจนถึงเขตแนวปะการัง ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือก็ว่ายออกมา มันว่ายเอื่อยๆผ่านทางด้านข้างของพวกฉลามแมวไป ดูท่าทางสบายอกสบายใจยิ่งนัก


ฉลามแมวเหมือนถูกยั่วให้โมโห ไอ้เวรเอ้ย ทำไมยังไม่ทำความเคารพพวกข้าอีก นี่แกรู้หรือเปล่าว่าลูกพี่ที่อยู่ตรงหน้าแกพวกนี้เป็นใคร? พวกข้าคือฉลาม ฉลามโหดๆแบบพวกข้านี่แหละ ข้างหลังยังมีอีกหกตัวแน่ะ!


อย่างนั้นก็ได้ แกทำอวดดีไปเถอะ ข้าจะจัดการแกเอง! เจ้าฉลามแมวตัดสินใจแล้ว ต่อให้เจ้าปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือไม่ทำยโสโอหังมันก็จะยังจัดการกับเจ้าปลาทูน่าอยู่ดี เพราะสมองเล็กๆของมันรู้อย่างแน่ชัดว่า ปลาตัวนี้อ้วนพียิ่งกว่า อีกทั้งรสชาติยังอร่อยยิ่งกว่า


แต่ปรากฏว่าเมื่อฉลามแมวกำลังจะลงมือ ก็มีเงาหนึ่งเข้ามาปกคลุมมันไว้ เจ้าเด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองอย่าสับสนงงงวย ก็เห็นเป็นปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือขนาดใหญ่กว่าสองเมตรอยู่บนหัวของมัน จ้องมองมาที่มันด้วยเจตนาไม่ดี


ถึงแม้ว่าปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือจะอยู่ในรายการอาหารสำหรับมนุษย์ แต่มันก็เป็นสัตว์ที่โตมาจากการกินเนื้อสัตว์ด้วยกันเอง ไม่เพียงแต่กินปลา มันยังกินสัตว์จำพวกหอยและปูในกระแสน้ำเป็นอาหารอีกด้วย ในคราวที่เจอเข้ากับฉลามขาวตัวใหญ่ หรือฉลามเสือพวกมันทำได้เพียงแค่หนีเอาชีวิตรอด แต่ถ้าหากพบเข้ากับฉลามแมวน่ะเหรอ?


เหอะๆ ดูที่ชื่อเรียกสิ ฉลามเสือก็คือ ‘เสือแห่งมหาสมุทร’ ส่วนฉลามแมวน่ะเหรอ ก็เป็นแค่ ‘แมวแห่งมหาสมุทร’ ไงล่ะ


เจ้าฉลามแมวตัวน้อยก็เข้าใจข้อเท็จจริงได้อย่างชัดเจน มันหันหัวหันท้ายของมันกำลังจะว่ายหนีไปให้ไกลๆ แทบจะอ้อนวอนปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือตัวใหญ่ แล้วจึงเร่งรีบเพิ่มความเร็วเตรียมจะหนี


แต่มันจะง่ายอย่างนั้นเชียวหรือ? อัตราความเร็วของการพุ่งตัวของปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือเร็วกว่าแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยเฉพาะเจ้าสองตัวนี้ที่ถูกจิตสำนึกโพไซดอนปรับแก้มาแล้ว เช่นนั้นแรงโจมตีของมันก็ยิ่งรุนแรงและรวดเร็ว เพียงการพุ่งตัวไปในน้ำแค่ครั้งเดียวก็ปิดเส้นทางของฉลามแมวเอาไว้ได้


ฉลามแมวตกใจจนแทบจะฉี่ราด มันว่ายหนีสะเปะสะปะเหมือนแมลงที่ไม่มีหัว โชคดียังดี บรรดาพี่น้องของมันรีบว่ายตามมาด้วยท่าทางดุดัน


ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือสองพ่อลูกไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย มันอ้าปากออกปรากฏให้เห็นเป็นซี่ฟันแหลมคม ในสายตาของพวกมัน ฉลามแมวพวกนี้ไม่ได้มาเพื่อรุกราน แต่มาเพื่อส่งเสบียงอาหารต่างหาก


เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามชัดๆ ฉลามแมวที่เพิ่งจะว่ายมาถึงนั้นก็หันหัวกลับไปอย่างเงียบๆ มาจากทางไหนก็ไสก้นกลับไปทางนั้น


ฉินสือโอวมองดูอย่างสนุกสนาน ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือสองพ่อลูกนี่ร้ายกาจเกินไปแล้ว พวกมันมักจะแกล้งทำเป็นเสือห่มขนแกะ ให้ลูกปลาตัวเล็กล่อเหยื่ออยู่ด้านนอก ส่วนพ่อมันก็หลบเพื่อรอโจมตี เมื่อเจอเหยื่อก็ออกมาฆ่า ทำเช่นนี้หลายครั้งอย่างไม่เคยพลาด


ครั้งนี้ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือสองพ่อลูกตั้งใจจะจัดการฉลามแมวทั้งเจ็ดตัว ฉินสือโอวกลับรู้สึกว่าเจ้าปลาน้อยพวกนี้ค่อนข้างน่าสนใจ จึงใช้จิตสำนึกโพไซดอนออกคำสั่งให้ปลาทูน่าปล่อยพวกมันไป ยังไงก็ยังมีปลาค็อดอยู่อีกน่า


เขาคิดดูแล้ว เขาจะตั้งชื่อให้กับสมาชิกใหม่ หอยนมสาวทะเลยักษ์ให้ชื่อว่า ‘ภูเขาไฟ’ พ่อลูกปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือชื่อว่า น้ำเงินใหญ่กับน้ำเงินเล็ก ฉลามแมวเจ็ดตัวนี้ก็เรียกว่าน้ำเต้าเด็กทั้งเจ็ด ปลาทูน่าครีบเหลืองก็เรียกว่าเจ้าดำใหญ่แล้วกัน…


ความจริงแล้วชื่อพวกนี้ไม่น่าฟังเลยจริงๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงศิลปะในการตั้งชื่อเลย แต่ถามว่าฉินสือโอวสนใจความคิดเห็นของพวกมันไหม? ถ้ากล้ามีความเห็นก็จับกินซะ!


เมื่อนึกถึงปลาทูน่าครีบเหลืองขึ้นมา ฉินสือโอวก็นึกได้ว่าเจ้าปลาตัวนี้ไม่ได้ไปที่ฟาร์มปลาอีก จึงเร่งรีบใช้จิตสำนึกโพไซดอนตามติดขึ้นไป เพื่อไม่ให้มันว่ายไปลึกจนถูกฉลามกิน


ตอนนี้ปลาทูน่าครีบเหลืองกำลังว่ายน้ำลอยไปลอยมาอยู่ในส่วนลึกของมหาสมุทร แล้วก็ไม่รู้ว่ามันจะไปไหนต่ออีก ระดับความลึกก็มากกว่าสองร้อยเมตรแล้ว น้ำทะเลรอบด้านล้วนแต่มืดทึบ ถ้าใช้ตาเปล่ามองก็คงมองอะไรได้ไม่ชัด


ทว่า จิตสำนึกโพไซดอนไม่ใช่ดวงตาของมนุษย์ ดังนั้นไม่ว่าจะลึกจะมืดสักเท่าไร ฉินสือโอวก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งนั้น


อย่างเช่นในตอนนี้ ปลาทูน่าครีบเหลืองกำลังว่ายวนไปรอบสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่มหึมา ด้านหน้าของมันคือหมึกยักษ์ที่มีหนวดยาวราวๆหกสิบเจ็ดสิบเซนติเมตร เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวนี้เสียขวัญจนหนีเตลิด แต่ดูจากท่าทางแล้วคงจะหนีไม่พ้นปากของปลาทูน่าครีบเหลืองตัวนี้หรอก เพราะพละกำลังการโจมตีของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันมากจริงๆ


จิตสำนึกโพไซดอนขยายกว้างออกไป ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ต้องตะลึงงันไปชั่วขณะ เนื่องจากสิ่งที่พวกมันกำลังวนรอบอยู่ตอนนี้คือซากเรือลำหนึ่ง!


ตัวหนึ่งว่ายหนี ตัวหนึ่งไล่ตาม เจ้าหมึกยักษ์พาปลาทูน่าปลาครีบเหลืองว่ายวนอยู่รอบวงหนึ่ง อีกทั้งในรอบวงนั้นยังมีของสำคัญอย่างซากเรือยนต์ที่ทำจากเหล็กกล้ายาวขนาดห้าสิบเมตรอยู่หนึ่งลำ!


“แม่เจ้า ในที่สุดก็เจอซากเรืออับปางอีกลำ ครั้งนี้คงไม่ใช่เรือเปล่าๆหรอกใช่ไหม?” ฉินสือโอวเห็นซากเรือยนต์ลำนี้ก็เกิดหลายความรู้สึกผสมรวมกัน เขาไม่ได้เคลื่อนย้ายจิตสำนึกโพไซดอนเพื่อเข้าไปดูภายในเรือทันที แต่ขอร้องอ้อนวอนปู่ย่าตายายกราบไหว้เทพยดาบนฟ้าเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยมองเข้าไปที่เรือยนต์…


………………………………………..


บทที่ 116 มหาเศรษฐีร้อยล้าน

โดย

Ink Stone_Fantasy

จิตสำนึกโพไซดอนแผ่ปกคลุมเรือสินค้าขนาดมหึมา มันแตกต่างกับเรือพิฆาตของเซอร์ วิลฟรีด ลอเรลตรงที่บนเรือลำนี้ มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่อย่างมากมาย อย่างเช่นหมึก ตัวเล็กตัวใหญ่ที่น่ากลัวว่าจะมีอยู่หลายร้อยตัว


ปลาทูน่าครีบเหลืองดิ้นหลุดจากจิตสำนึกโพไซดอน มันเร่งความเร็วเพื่อตามปลาหมึกยักษ์ตัวนั้นไป ปากขนาดใหญ่อ้าออกกัดลำตัวของหมึกยักษ์ขาดออกเป็นสองท่อนแล้วกัดกินเข้าไปอย่างเมามัน


ฉินสือโอวไม่ได้ตามไปควบคุมมันแล้ว เขาค้นดูเรือสินค้าลำนี้อย่างละเอียด ด้านข้างของเรือลำนี้มีตัวหนังสือเลือนรางเขียนไว้อยู่ ชัดเจนว่าคงเป็นชื่อของเรือ แต่มันจมอยู่ในทะเลมานานเกินไป ฉินสือโอวมองดูอยู่สักพักก็ยังไม่รู้ว่าชื่อของเรือลำนี้คืออะไร


ตัวเรือนั้นเสื่อมโทรมอย่างมากแล้ว ในห้องเก็บสินค้าบนเรือมีถังไม้อยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งล้วนแต่ผุเปื่อยจนไม่เหลือสภาพเดิมแล้ว ภายในถังไม้ก็มีหมึกอยู่เช่นกัน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าในนี้ไม่มีสิ่งของล้ำค่า


เมื่อค้นดูแล้วหนึ่งรอบ ฉินสือโอวก็ยิ่งผิดหวังมากขึ้นเรื่อยๆ ให้ตายสิ ห้องเก็บสินค้าบนเรือลำนี้ก็ไม่มีสมบัติอยู่อีกแล้วเหรอ นี่ก็เป็นเรือเปล่าๆอีกลำหรือยังไง?


ครั้งนี้แม้กระทั่งกระดูกของลูกเรือก็ไม่เหลือสภาพ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะถูกปลาทะเลกินจนหมดจดแล้วหรือเปล่า


เมื่อเส้นทางสำรวจเรือมาถึงห้องของกัปตัน ดวงตาของฉินสือโอวก็เป็นประกายขึ้น!


ปรากฏให้เห็นเพียงแต่ห้องพักกัปตันที่กว้างขวาง เต็มไปด้วยกองเศษกล่องเหล็กที่สะเปะสะปะไปทั่ว อาจจะเป็นตอนที่เรือจมที่ทำให้กล่องเหล็กพวกนี้กระแทกเข้าด้วยกัน


มีบางกล่องที่เปิดออกแล้ว ก้อนโลหะสีน้ำตาลดำขนาดเท่าสมุดบันทึกสิบสี่นิ้วกระจัดกระจายออกมาข้างนอก


สำหรับก้อนโลหะพวกนี้แล้ว ฉินสือโอวมีความรู้เกี่ยวกับพวกมันอย่างแน่นอน ของพวกนี้เหมือนกันกับแท่งเงินราชวงศ์หมิงในแม่น้ำไป๋หลงเมื่อก่อนหน้านี้ทุกกระเบียดนิ้ว!


ถ้าหากเขาเดาไม่ผิด ของภายในห้องกัปตันนี้ก็น่าจะถูกหล่อด้วยแท่งเงินทั้งสิ้น!


สาเหตุที่ฉินสือโอวไม่ให้ความสนใจกับแท่งเงินในแม่น้ำไป๋หลง ก็เพราะจำนวนของมันมีไม่มากนัก อีกทั้งเมื่อต้องจัดการกับมันก็จะมีปัญหาใหญ่ตามมา นั่นก็เพราะมันเป็นของโบราณนี่เนอะ


แต่เมื่อเป็นแผ่นเงินพวกนี้ก็ไม่มีปัญหาเช่นนั้นแล้ว!


กล่องเหล็กมากมายขนาดนี้ เขาลองนับๆดูแล้ว ทั้งหมดแล้วเป็นจำนวนสิบกล่องเต็มๆ ทุกกล่องมีขนาดด้านละหนึ่งเมตร ยาวหนึ่งเมตร กว้างหนึ่งเมตร ข้างในบรรจุแผ่นเงินไว้ทั้งหมด มูลค่ามหาศาล!


ฉินสือโอวคิดคำนวณในใจอย่างรวดเร็ว ตามความหนาแน่นของแผ่นเงินราวๆหนึ่งลูกบาศก์เซนติเมตรก็เท่ากับสิบกรัม แผ่นเงินทั้งหมดหนึ่งกล่องก็น่าจะเป็นหนึ่งหมื่นกิโลกรัม หรือเท่ากับสิบตัน!


อีกทั้งในนี้มีกล่องเหล็กที่เหมือนกันอยู่สิบกล่อง เช่นนั้นก็เท่ากับว่ามีแร่เงินอยู่หนึ่งร้อยตัน…


นอกจากนี้ ข้างๆห้องกัปตันก็ยังมีกล่องที่เหมือนกันแบบนี้อยู่อีกหลายกล่อง ภายหลังฉินสือโอวเห็นแล้วก็นึกว่าเป็นแท่งเงินเหมือนกัน แต่ปรากฏว่าเมื่อเปิดดูข้างในกล่อง ข้างในนั้นมีแต่ก้อนโลหะ ที่โดนน้ำทะเลกัดกร่อนจนไม่เหลือสภาพเดิมแล้ว และยังมีสนิมเกาะอยู่เต็มไปหมด ไม่เหมือนกันกับแท่งเงินที่อยู่ในห้องกัปตันเลยแม้แต่น้อย


ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ฉินสือโอวก็ไม่ถือสา ขอเพียงแค่ถัดจากห้องนี้ไปมีแท่งเงินหนึ่งร้อยตันอยู่ก็พอแล้ว!


แท่งเงินหนึ่งร้อยตันเลยนะ ฉินสือโอวที่อยู่ทางฝั่งนี้ก็ลุกขึ้นมาทันที จับเอาเจ้าฉงต้าที่กำลังเอนตัวอย่างง่วงงุนอยู่บนเก้าอี้ทำงานลงไปนอนที่เตียงแล้วจึงดันหู่จือกับเป้าจือให้หลบไป ไม่ได้สนใจวินนี่ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ เขารีบค้นอินเทอร์เน็ตหาแนวโน้มของราคาแร่เงินในระยะนี้ทันที


ตอนนี้ทั้งเงินและทองต่างก็กำลังราคาตก ราคาทองทุกๆหนึ่งกรัมตกลงมาอยู่ที่ราคาใกล้เคียงกับหนึ่งร้อยยี่สิบห้าดอลลาร์แคนาดา ส่วนเงินนั้นราคาอยู่ที่ศูนย์จุดแปดสองดอลลาร์แคนาดาต่อกรัม


เมื่อเทียบกับทองคำแล้ว ราคาของเงินแท่งนั้นไม่น่าดูเลย ทว่า ที่อยู่กับฉินสือโอวก็มีตั้งเยอะแยะ!


แท่งเงินหนึ่งร้อยตัน หนึ่งตันก็เท่ากับแปดแสนสองหมื่นดอลลาร์แคนาดา หนึ่งร้อยตันก็จะเป็น แปดสิบสองล้านดอลลาร์แคนาดา เมื่อแปลงเป็นเงินหยวน ก็น่ากลัวว่าจะเท่ากับห้าร้อยล้านหยวน!


หลังจากคำนวณผลลัพธ์ออกมาแล้ว ฉินสือโอวก็ตบมือลงบนโต๊ะอย่างเหี้ยมๆ เขาเงยหน้ามองไปบนฟ้า แล้วหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ ๆ ๆ!”


หู่จือและเป้าจือถึงกับตกใจ ไม่รู้ว่าเจ้านายเป็นบ้าอะไรไปแล้ว เจ้าตัวเล็กทั้งสองจึงรีบหดตัวเข้าหากัน


ฉงต้าก็อยากจะหาที่พึ่งพิงเหมือนกัน แต่เมื่อมันกลอกตามองไปรอบๆทั้งซ้ายทั้งขวา ไม่ว่าจะเป็นของเล่นหรือตุ๊กตาบนเตียงก็ไม่มีเลยสักอย่าง


ไม่เคยเป็นแบบนี้เลย มันรู้สึกเกลียดแม่ของมัน ทำไมไม่คลอดพี่ชายน้องชายพี่สาวน้องสาวให้มันอีกสักตัวบ้างนะ?


ฉินสือโอวไม่สนใจเจ้าพวกสัตว์น้อยพวกนี้ ภายใต้ความดีใจอันล้นพ้น เขากอดหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วเริ่มส่งเสียงจูบ ‘จุ๊บๆ’ ออกมา


วินนี่ที่อยู่ทางนั้นก็ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก เธอลังเลไปชั่วขณะ แล้วจึงถามเขาว่า “เฮ้ ฉิน คุณกินยาผิดหรือเปล่าคะเนี่ย? หรือว่า… คุณโดนผีสิง?”


“ไม่ไม่ไม่ วินนี่ คุณไม่รู้หรอก คุณไม่รู้หรอก ตอนนี้ผมน่ะมีความสุขมากๆเลย!  พระเจ้า ผมขอสรรเสริญท่าน! วินนี่ ที่รัก ผมรักคุณนะคุณรู้ไหม? โอ๊ยๆ!  ผมรักคุณจนจะตายแล้ว!” ฉินสือโอวถูกแร่เงินมูลค่าแปดสิบล้านดอลลาร์แคนาดาทำให้ตื่นเต้นจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว!


ถึงแม้ตอนที่เขาได้มาซึ่งอำนาจการควบคุมจิตสำนึกโพไซดอน เขาก็รู้ว่าไม่ช้าก็เร็วตัวเองต้องกลายเป็นมหาเศรษฐีได้แน่ๆ แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันนั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้


ถึงแม้ว่าตั้งแต่ที่เขามารับช่วงทำฟาร์มปลาต่อจะใช้เงินเหมือนน้ำไหล ทว่าการที่เขาซื้อลูกพันธุ์ปลา เรือยอชต์ หรือรถยนต์พวกนี้ก็ไม่ได้ใช้เงินไปมากเท่าไรนัก


เขาลองคำนวณดูจำนวนเงินนั้นแล้ว เงินที่ได้มาจากการประมูลงานศิลปะทั้งหมดห้าสิบล้าน จำนวนเงินที่ใช้ไปมากที่สุดก็คือการจ่ายภาษี เงินทั้งหมดที่โดนผีดูดเลือดสรรพากรแคนาดาสูบออกไปเป็นจำนวนเงินสิบสองล้านดอลลาร์แคนาดา


แต่ว่าเงินจำนวนนี้ยังอยู่ในมือของเขา กฎหมายของแคนาดาเป็นระบบกฎหมายต่างชาติ แตกต่างกับระบบกฎหมายของจีนแผ่นดินใหญ่ ภาษีหลายอย่างของที่นี่ เป็นภาษีที่จ่ายตามรอบฤดูกาล หนึ่งรอบฤดูกาลจ่ายหนึ่งครั้ง เนื่องจากฉินสือโอวมีฟาร์มปลา อีกทั้งภาษีของฟาร์มปลาก็เป็นภาษีที่จ่ายตามรอบฤดูกาล เมื่อเป็นเช่นนี้ภาษีของการประมูลผลงานศิลปะจึงยังรวมอยู่ด้วยกัน สามารถรอจนถึงรอบฤดูกาลที่สองแล้วค่อยจ่ายก็ได้


นี่ก็เป็นสวัสดิการอีกอย่างหนึ่งของเขตนิวฟันด์แลนด์ ส่วนใหญ่แล้วคนมีเงินที่นี่จะเป็นเจ้าของฟาร์มปลา และหากว่าเจ้าของฟาร์มปลาอยากจะประมูลงานศิลปะ หรือจะเป็นบ้านหรือรถ โดยมีความต้องการใช้เงินลงทุนกับฟาร์มปลาเป็นพื้นฐานสำคัญ


การลงทุนกับฟาร์มปลาสามารถแก้ไขปัญหาการจ้างงานได้ อีกทั้งยังเป็นการคุ้มครองรักษาฟาร์มปลาในนิวฟันด์แลนด์ ดังนั้นรัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์จึงกำหนดว่าภาษีที่ได้จากการประมูลสิ่งของสามารถรวมเข้ากับภาษีตามฤดูกาลของฟาร์มปลาได้


อย่ามองว่าภาษีครั้งนี้ที่ฉินสือโอวต้องจ่ายเป็นจำนวนเงินถึงสิบสองล้านดอลลาร์ อย่าเพิ่งไปพูดถึงว่าถ้าเขาลงทุนทำธุรกิจฤดูกาลหนึ่งเขาจะทำเงินได้เท่าไร แค่ดอกเบี้ยเงินฝากที่อยู่ในธนาคารก็นับว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อยแล้ว


นอกจากเงินภาษีจำนวนสิบสองล้าน ค่าใช้จ่ายอื่นๆอย่างซื้อรถ ซื้อเรือยอชต์ ซื้อพันธุ์ปลาทุกสิ่งทุกอย่างรวมกัน ทั้งหมดก็ไม่ถึงสิบล้าน ดังนั้นในมือเขาก็ยังเหลือเงินอยู่อีกตั้งสามสิบล้าน รวมกับเงินแปดสิบสองล้านก่อนหน้า จำนวนทั้งหมดเงินของเขา ก็ทะลุหนึ่งร้อยล้านพอดี หนึ่งร้อยล้านดอลลาร์แคนาดา!


ฉินสือโอวฉินสือโอวที่กำลังกอดหน้าจอคอมพิวเตอร์คิดคำนวณบัญชีอยู่ทางนี้ ทางฝั่งวินนี่จึงรู้สึกงงงัน  นี่คือ เอ่อ นี่คือการสารภาพรักเหรอ?


ก็น่าจะใช่นะ แต่ฝ่ายชายกลับดูสติไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไรเลยนะ?  ไม่รู้ว่าเพราะตื่นเต้นจนเป็นกังวลหรือปล่าถึงทำให้เป็นเช่นนี้? ไม่ใช่ว่าผู้ชายจีนส่วนใหญ่จะค่อนข้างขี้อายหรอกเหรอ?


 ทำไมฉินถึงได้รุกแรงขนาดนี้ล่ะ? ในฐานะที่เป็นคนถูกสารภาพรัก วินนี่กลับเป็นฝ่ายที่เป็นเดือดเป็นร้อนเองซะงั้น


ระบายอารมณ์ไปแล้วสักพักหนึ่ง ในที่สุดฉินสือโอวก็สงบลงได้ เขาถามขึ้นมาอย่างสนใจใคร่รู้ว่า “เฮ้ วินนี่ คุณจะลาพักตอนไหน? ให้ผมไปรับคุณมาเที่ยวที่ฟาร์มปลาของผมดีไหม?”


วินนี่แอบกลอกตานิดหน่อย เมื่อครู่ยังเรียกเธอว่า ‘ที่รัก’ อยู่เลยนี่ ทำไมอยู่ๆก็เปลี่ยนมาเรียกชื่อเธอตรงๆแทนล่ะ? ทว่าเธอเป็นแอร์โฮสเตสระดับบนสุดของสายการบินนานาชาติแอร์แคนาดา ปฏิกิริยาตอบสนองจึงรวดเร็วเป็นปกติ เธอเม้มปากยิ้มแล้วตอบเขาไปว่า  “มีเวลาให้หยุดพักซะที่ไหนกันล่ะคะ ครั้งที่แล้วเป็นการลาหยุดประจำปี ถ้ายังหยุดพักอีกก็คงต้องโดนหักเงินเดือนแล้วล่ะ!”


“คุณผู้หญิง ต้องดูแลตัวเองให้ดีหน่อย ต่อให้ถูกหักเงินเดือนก็ต้องพักบ้างไม่ใช่เหรอ?” ฉินสือโอวถามหล่อน


วินนี่ยักไหล่ ใบหน้าสวยงามของเธอปรากฏสีหน้าของความจนใจขึ้นมา เธอพูดตอบเขาไปว่า “แต่ถ้าขาดงานบ่อยๆ ก็คงไม่โดนแค่หักเงินเดือนอย่างเดียวแล้ว น่าจะถูกไล่ออกด้วย”


ฉินสือโอวตบโต๊ะ แล้วพูดขึ้นมาอย่างคนมีกำลังทรัพย์ว่า “ไล่ออกก็ไล่ออกสิ เดี๋ยวผมจะซื้อเครื่องบินสักลำ ตอนที่คุณอยากเป็นแอร์โฮสเตสก็เป็นแอร์โฮสเตส อยากเป็นคนขับเครื่องบินก็ค่อยเป็นคนขับเครื่องบิน เป็นไง?!”


วินนี่ถึงกับหลุดยิ้มออกมา ณ ตอนนี้เธอรู้สึกว่าฉินสือโอวน่ารักมากจริงๆ เขาเหมือนกับเด็กชายที่กำลังเอาจริงเอาจังอย่างไรอย่างนั้น เธอจึงตอบกลับคำที่เขาพูดขึ้นมาไปว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็คงจะเจ๋งที่สุดเลย แต่ว่านะ ฉิน ความหมายของคุณคือคุณอยากจะเลี้ยงดูฉันเหรอ?”


ช่วงเวลาที่สำคัญมาถึงแล้ว ฉินสือโอวที่เพิ่งจะงมไปเจอเงินแปดสิบล้าน ก็นั่งหลังตรงขึ้นมา เขาจ้องมองไปที่กล้องอย่างจริงจัง แล้วพูดว่า “ใช่แล้ว วินนี่ ผมจะดูแลคุณเอง ถึงแม้ผมจะไม่ได้มีประวัติการศึกษาที่สูง ความสามารถก็ไม่ได้เหนือกว่าใคร แต่พวกเรามีฟาร์มปลา ผมออกทะเลไปจับปลาได้แล้วก็จะทำให้คุณมีชีวิตที่มีความสุขและความสบายใจด้วย”


การสารภาพรักครั้งนี้ไม่ใช่การบอกต่อหน้า ไม่ได้เด็ดเดี่ยวแน่วแน่มากพอ จนถึงกระทั่งว่าไม่พอจะเป็นขั้นเป็นตอนด้วยซ้ำ


แต่เพียงครู่เดียววินนี่ก็ยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่หวานราวกับน้ำผึ้ง จากนั้นหน้าจอของฉินสือโอวก็กลับกลายเป็นสีดำ


ฉินสือโอวกระพริบตาปริบๆ เขาทุบๆคอมพิวเตอร์ แล้วสบถออกมา “แม่แกสิ ไม่ใช่ว่าจะมาพังตอนช่วงเวลาสำคัญหรอกนะ?”


เขาลองลากๆเมาส์ดู พบว่าคอมพิวเตอร์ของเขาไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เป็นฝั่งวินนี่ที่ปิดกล้องไปแล้ว


คราวนี้ฉินสือโอวจึงรู้สึกกลัดกลุ้มใจ นี่คือวินนี่กำลังปฏิเสธเขาอ้อมๆหรือเปล่านะ? ขนาดบัตรคนดีเขาก็ยังไม่ได้รับเลยหรือนี่?[1]


ไม่นาน รูปโปรไฟล์MSN ก็เด้งขึ้นมา เป็นวินนี่ที่ส่งข้อความมา “ดึกมากแล้ว ฉันไปนอนก่อนนะคะ พรุ่งนี้ฉันจะไปขอลาพักกับบริษัท หวังว่าลาหยุดคราวหน้าจะสามารถไปหาคุณที่นั่นได้ แต่ถ้าลาไม่ได้ งั้นก็คงต้องลาออกอย่างจริงจังแล้วล่ะ ถ้าถึงตอนนั้นคุณต้องเลี้ยงฉันจริงๆนะ”


จิตใจของฉินสือโอวเบิกบานเป็นอย่างยิ่ง เขากำมัดแล้วดึงเข้าข้างลำตัวอย่างแน่วแน่ แล้วตะโกนออกมาว่า “โอ้เย้!”


“อ่าฮู้ว!”ฉงต้าโดนฉินสือโอวทับไว้ข้างๆตัว เขาจับหัวแล้วร้องคำรามขึ้นมา


ฉินสือโอวดีใจจนแทบคลุ้มคลั่ง เขาพลิกตัวขึ้นไปคล่อมฉงต้า สะบัดมือตบลงไปที่ก้นของมัน แล้วพูดกับมันว่า “เจ้าตัวเล็ก ก้นของแกนี่งอนจังเลยนะ มา ให้ป๋า…”


ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดออก เชอร์ลี่ย์และพาวลิสที่มีสีหน้าตื่นตระหนก พูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า “ฉิน เกิดอะไรขึ้น?”


ชัดเจนว่า พวกเขาถูกเสียงร้องคำรามในห้องของฉินสือโอวเรียกให้ขึ้นมาข้างบน


จากนั้น พวกเขาจึงมองภาพเหตุการณ์ที่ได้เห็นตรงหน้าอย่างหวาดผวา ฉงต้าตื่นตระหนกจนอยากจะวิ่งหนี ฉินสือโอวขี่คล่อมอยู่บนตัวของมัน อีกทั้งยังทำท่าทางที่น่าอัปยศอดสูแบบนี้ออกมา เมื่อพูดถึงความอัปยศอดสูแล้ว ถัดไปไม่ไกล ก็มีหมาน้อยสองตัวที่กำลังตัวสั่นแล้วเบียดเข้าหากันอยู่…


……………………………….


[1] บัตรคนดี คือการปฏิเสธความรักอย่างรักษาน้ำใจ ได้รับบัตรคนดีจึงเท่ากับการถูกกล่าวปฏิเสธความรัก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)