เทพปีศาจหวนคืน 1126-1130
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1126 หุบเหวแห่งความตาย
แปลโดย iPAT
“เขาโจมตีจริงๆ!” รูม่านตาของเฟิงจุนหดเล็กลง เขาตะลึงกับความกล้าหาญของฟางหยวน
แม้ฟางหยวนจะอยู่เพียงลำพังแต่การแสดงออกของเขาราวกับพายุสายฟ้า
ผู้อมตะในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานอาจเป็นอริกัน แต่พวกเขาไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แห่งชีวิตและความตาย
‘ถอย!’ เฟิงจุนมีความคิดเดียวอยู่ภายในใจ
ตรงข้ามกับโจวหมิงที่ตะโกนด้วยความโกรธ “คนชั่ว เข้ามารับความตาย!”
นางโกรธมาก นางต้องการแก้แค้นให้กับพี่ชายและฉีกร่างของฟางหยวนออกเป็นชิ้นๆ
เฟิงจุนลากโจวหมิงหลบหนีแต่โจวหมิงยังพยายามกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อโจมตีศัตรู
ดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นขณะที่แสงสีขาวพุ่งออกมาด้วยความเร็วสูง
โจวหมิงกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่แข็งแกร่งที่สุดของนาง หอกแสง!
‘มันคือท่าไม้ตายนี้’ ฟางหยวนจดจำท่าไม้ตายของโจวหมิงได้ทันที
ในใจของเขานึกถึงฉากเหตุการณ์เมื่อสองสามวันก่อน
“นายน้อยไห่เจิ้ง เหตุใดท่านจึงถอนหายใจ?” เฉินเล่อถาม “ท่านไม่ชอบทิวทัศน์ของที่นี่เช่นนั้นหรือ?”
“เล่อเอ๋อ ขอบคุณสำหรับความห่วงใย ทิวทัศน์ที่นี่งดงามมาก ข้าประทับใจจริงๆ แต่ข้ามีภารกิจรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของบรรพชนไห่ฟาน ข้ากังวลมาก…เฉิงเทาและคนอื่นๆไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพูดคุย…” ฟางหยวนแสร้งทำเป็นหนักใจ
เฉินเล่อขมวดคิ้ว “แท้จริงแล้วท่านปู่เคยพูดเรื่องนี้มาก่อน ผู้อมตะทั้งสามมีความทะเยอทะยานของตนเอง พวกเขาแตกต่างจากพวกเรา”
“ข้ารู้ว่าคนเหล่านั้นมีความทะเยอทะยาน แม้ข้าจะได้รับการสนับสนุนจากพวกเจ้า ข้าก็ยังไม่สามารถรับสืบมรดกที่แท้จริง เจ้าคิดว่าพวกเขาจะสร้างปัญหาให้ข้าและขัดขวางพวกเราหรือไม่?” ฟางหยวนถาม
เฉินเล่อยิ้ม “อย่าได้กังวล พวกเขาไม่ได้น่ากลัวถึงเพียงนั้น ตัวอย่างเช่น ผู้อมตะโจวหมิงมีท่าไม้ตายอมตะหอกแสง เมื่อนางใช้มัน ดวงตาของนางจะยิงแสงสีขาวออกมา มันสามารถเจาะทะลวงทุกสิ่ง แต่ท่าไม้ตายนี้ค่อนข้างแปลก ยิ่งไกลมันก็ยิ่งแข็งแกร่ง หากท่านอยู่ใกล้นาง ท่าไม้ตายนี้จะอ่อนแอลงมาก หากท่านอยู่ตรงหน้านาง กระทั่งท่าไม้ตายระดับมนุษย์ก็สามารถป้องกันหอกแสงของนาง”
รอยยิ้มที่อบอุ่นปรากฎขึ้นบนใบหน้าของฟางหยวน “โอ้ มีท่าไม้ตายที่น่าสนใจเช่นนี้อยู่ด้วย ข้าเข้าใจแล้ว เล่อเอ๋อมีเรื่องราวที่น่าสนใจอื่นๆอีกหรือไม่?”
เฉินเล่อมองใบหน้าที่หล่อเหลาของฟางหยวนและตกหลุมรักเขาอย่างรุนแรง ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขณะที่นางกลายเป็นพูดตะกุกตะกัก “นายน้อย…หากท่านอยากรู้…ข้าจะบอกท่าน…”
ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน มรดกอมตะบางส่วนมาจากไห่ฟานเช่นมรดกบนเส้นทางแห่งเลือด ขณะที่บางส่วนเป็นมรดกจากอาชญากรของเผ่าไห่เช่นมรดกบนเส้นทางแห่งแสงของโจวหมิงและมรดกบนเส้นทางแห่งกฎของเฉินไค
มรดกเหล่านี้มีเนื้อหาค่อนข้างคลุมเครือ รายละเอียดหลายอย่างเช่นการคงอยู่ของสวรรค์สีเหลืองถูกลบออกไปโดยไห่ฟาน
อย่างไรก็ตามข้อมูลหลายอย่างยังถูกทิ้งไว้
เมื่อเวลาผ่านไปมนุษย์บางคนขึ้นไปบนภูเขามรดกอมตะและได้รับมรดกอมตะเหล่านี้โดยบังเอิญ
ฟางหยวนไม่เพียงวางแผนการลอบสังหารแต่เขายังรวบรวมข้อมูลอื่นๆอีกมากมาย
ท่าไม้ตายอมตะหอกแสงค่อยข้างเป็นปัญหา
ภายใต้สถานการณ์ปกติเมื่อเผชิญหน้ากับท่าไม้ตายของศัตรูที่ไม่รู้จัก พวกเขาจะเลือกล่าถอยเพื่อสังเกตการณ์ ไม่มีผู้ใดพุ่งเข้าเผชิญหน้าโดยไม่รู้เรื่องราวเพราะมันจะทำให้ตนเองพบปัญหา
ตามธรรมชาติที่ระวังตัวของฟางหยวน มีความเป็นไปได้ที่เขาจะทำเช่นนั้นและนั่นคือสิ่งที่โจวหมิงต้องการ
เมื่อฟางหยวนอยู่ในระยะไกล เขาจะพบกับผลกระทบที่รุนแรงและอาจได้รับบาดเจ็บสาหัส
จากเรื่องนี้สามารถมองเห็นความสำคัญของข้อมูลได้อย่างชัดเจน
ด้วยเหตุนี้ภายใต้สถานการณ์ปกติ ผู้อมตะมักจะเก็บวิญญาณอมตะของตนไว้เป็นความลับและไม่เปิดเผยท่าไม้ตายอมตะออกมาโดยง่าย นี่หมายรวมถึงมิติช่องว่างและทรัพยากรทั้งหมดที่พวกเขามี
ฟางหยวนพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุด
แน่นอนว่าเขาไม่ได้ผลีผลาม
เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือดอย่างลับๆ
ท่าไม้ตายอมตะ อาภรณ์โลหิต!
ก่อนหน้านี้ในช่วงเวลาที่สวรรค์สีเหลืองยังไม่เปิด ฟางหยวนไม่สามารถพัฒนามิติช่องว่างจักรพรรดิ แต่เขาไม่ยินดีทิ้งเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เขาใช้เวลาเหล่านั้นอนุมานท่าไม้ตายนี้ขึ้นมาเพื่อเติมเต็มจุดอ่อนของตนเอง
ฟางหยวนมีจุดอ่อนมากมาย
แต่หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบ จุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาก็คือการป้องกัน
ในภัยพิบัติพิภพครั้งที่สอง จุดอ่อนนี้แสดงออกมาอย่างชัดเจน หากปราศจากภูเขาตงฮัน เขาอาจเสียชีวิตไปแล้ว
เปรียบเทียบกับวิธีการตรวจสอบหรือทักษะบนเส้นทางแห่งข้อมูล พวกมันยังไม่ใช่ปัญหาใหญ่ สิ่งสำคัญที่สุดคือการป้องกัน
ด้วยความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาและเส้นทางแห่งเลือด มันไม่ใช่ปัญหาที่ฟางหยวนจะคิดค้นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือดนี้
แน่นอนว่ามันใช้วิญญาณอมตะสมบัติเลือดเป็นแกนกลาง
ประสิทธิภาพของมันยอดเยี่ยมมาก
เผชิญหน้ากับหอกแสง ฟางหยวนกลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
‘เป็นไปตามคำกล่าวของเฉินเล่อ ยิ่งเข้าใกล้ พลังอำนาจของหอกแสงยิ่งลดน้อยลง’
ฟางหยวนตัดสินใจอย่างชาญฉลาด ในพริบตาเขาก็สามารถเข้าประชิดตัวโจวหมิง
พวกเขาอยู่ห่างกันไม่ถึงร้อยก้าว
“ตายไปซะ!” โจวหมิงกรีดร้องและยิงหอกแสงออกมาจากดวงตาอย่างต่อเนื่อง
นางถูกครอบงำด้วยความโกรธและไม่ใช่ภัยคุกคามอีกต่อไป
เฟิงจุนรู้สึกหวาดกลัวมากเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้
การเคลื่อนไหวของฟางหยวนทำให้เฟิงจุนรู้สึกถึงอันตราย
ความตกใจทำให้เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายสายป้องกันโดยไม่รู้ตัว
ท่าไม้ตายอมตะ กงล้อสายลมแห่งโชค!
สายลมกรรโชกแรงพัดเข้ามาหาฟางหยวนพร้อมกับพลังงานลึกลับ
คำกล่าวของเฉินเล่อดังขึ้นในใจของฟางหยวนอีกครั้ง ‘กล่าวถึงเฟิงจุน เขาค่อนข้างแข็งแกร่ง เขาขึ้นไปบนภูเขามรดกอมตะและกลายเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งโชคที่น่ากลัว’
เส้นทางแห่งโชค!
มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งโชคอยู่บนโลกใบนี้เพียงไม่กี่คน
เส้นทางแห่งโชคถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะตะวันเดือด อย่างไรก็ตามผู้อมตะบนเส้นทางแห่งโชคกลับมีน้อยมาก
ในฐานะต้นกำเนิดของเส้นทางแห่งโชค เทพอมตะตะวันเดือดได้ทิ้งมรดกที่แท้จริงไว้สามอย่าง โชคของตนเอง โชคของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด และโชคแห่งสวรรค์พิภพ
โชคของตนเองอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา มันถูกมอบให้กับบรรพชนผมยาวเพื่อเป็นค่าตอบแทน หนึ่งในนั้นคือวิญญาณอมตะโชคอึสุนัขที่อยู่กับฟางหยวน
โชคของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดถูกเก็บไว้ในวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงและจะมอบให้กับผู้ชนะการแข่งขันชิงตำแหน่งเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือ ฟางหยวนเคยครอบครองวิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชค นี่เป็นหนึ่งในมรดกโชคของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
มรดกของเฟิงจุนมาจากวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงเช่นกัน
ย้อนกลับไปผู้อมตะเผ่าไห่เคยเข้าไปในวังแปดสิบแปดเปลวเพลงที่แท้จริงและโชคดีได้รับวิญญาณอมตะสายลมแห่งโชค
สุดท้ายมันถูกทิ้งไว้บนภูเขามรดกอมตะโดยอาชญากรของเผ่าไห่
เฟิงจุนได้รับวิญญาณอมตะสายลมแห่งโชคและสามารถคิดค้นท่าไม้ตายกงล้อสายลมแห่งโชค
นี่เป็นท่าไม้ตายที่พิเศษมาก
มันสามารถขับไล่การโจมตีของศัตรูหรือดึงศัตรูที่ล่าถอยให้ย้อนกลับมา
ฟางหยวนมองไม่เห็นพลังงานที่ไร้รูปลักษณ์แต่มันทำให้เขาถูกส่งลอยกลับหลัง
ระยะห่างระหว่างพวกเขาขยายใหญ่ขึ้นทันที
แต่ฟางหยวนยังเผยรอยยิ้มและคิดกับตนเอง ‘กงล้อสายลมแห่งโชค…ครั้งที่สอง’
ดังคำกล่าวของเฉินเล่อ ท่าไม้ตายนี้สามารถใช้ได้เพียงหนึ่งร้อยครั้งต่อหนึ่งวัน
ตัวเลขหนึ่งร้อยอาจฟังดูเยอะ แต่มันไม่ใช่!
การใช้งานท่าไม้ตายกงล้อสายลมแห่งโชคไม่ง่ายอย่างที่คิด
ประการแรก เฟิงจุนเป็นผู้อมตะระดับหก เขามีพลังงานอมตะที่จำกัด แล้วเขาจะใช้ได้มากเพียงใด?
ประการต่อมา ท่าไม้ตายอมตะไม่ใช่สิ่งที่จะประสบความสำเร็จทุกครั้งที่กระตุ้นใช้งาน หากเฟิงจุนล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะ เขาจะได้รับผลกระทบย้อนกลับ หากไม่สามารถขับไล่ฟางหยวน เขาอาจถูกสังหารได้โดยง่าย
ดังนั้นภายนอกอาจดูเหมือนฟางหยวนไม่สามารถจัดการโจวหมิงกับเฟิงจุน แต่แท้จริงแล้วในสถานการณ์นี้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ
เฟิงจุนและโจวหมิงกำลังเดินอยู่ริมหน้าผาที่สูงชัน หากประมาท พวกเขาอาจตกตายโดยปราศจากซากศพ
“ตายไปซะ!” โจวหมิงยังโจมตีฟางหยวนอย่างบ้าคลั่งด้วยความโกรธ
“ถอย! เราต้องถอย!” เฟิงจุนผู้ที่สงบนิ่งกว่ารู้สึกปากแห้ง หัวใจของเขาเต้นเร็วขณะที่ร่างกายปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่ออันเย็นเยียบ
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1127 แก้ไขสถานการณ์ด้วยการฆ่า
แปลโดย iPAT
การต่อสู้พึ่งเริ่มขึ้นแต่เฟิงจุนกลับต้องการหลบหนี
ฟางหยวนลอบสังหารผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มของเฟิงจุนไปแล้ว นี่ทำให้พวกเขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
เฟิงจุนไม่ใช่คนโง่ แม้เขาจะขาดประสบการณ์ในการต่อสู้ แต่เขาก็รู้ว่าตนเองตกอยู่ในอันตราย
ตอนนี้เขาต้องการล่าถอยอย่างชาญฉลาด
ในการต่อสู้ระหว่างผู้อมตะ นอกจากความแข็งแกร่ง พวกเขายังต้องใช้สติปัญญาอีกด้วย
‘โจวหมิงเสียสติเพราะความโกรธ ไห่เจิ้งเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แม้พวกเราจะร่วมมือกันก็ยังไม่สามารถเอาชนะเขา เราควรไปรวมกลุ่มกับผู้อมตะคนอื่นๆและให้เฉินไคเป็นผู้นำการต่อสู้!’
เฟิงจุนคิดและพยายามล่าถอย
เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหวสร้างเมฆขึ้นใต้เท้าและดึงโจวหมิงบินออกไปด้านซ้าย
“ท่านกำลังทำสิ่งใด? ข้าจะข้าเขา! ให้ข้าฆ่าเขา!” โจวหมิงกรีดร้องขณะที่นางพยายามดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของเฟิงจุน
เฟิงจุนเผยรอยยิ้มขมขื่นและพยายามปลอมใจโจวหมิง “อย่าขยับ ข้าสร้างระยะห่างเพื่อสนับสนุนท่าไม้ตายหอกแสงของเจ้า!”
ได้ยินเรื่องนี้ โจวหมิงเร่งกล่าวด้วยความตื่นเต้น “เป็นความคิดที่ดี!”
นางมองไปที่ฟางหยวน
ด้วยระยะทางที่เพิ่มขึ้น หอกแสงของนางจะแข็งแกร่งขึ้น
ฟางหยวนมองเมฆที่อยู่ใต้เท้าของพวกเขาและเผยรอยยิ้มอย่างไร้กังวล
เขาไม่ได้ไล่ตามแต่บินลงไปบนพื้นและนำศพของเฉิงเทาที่แยกออกเป็นสองส่วนเก็บไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
“โจรชั่ว ปล่อยศพที่ใหญ่ของข้า!” โจวหมิงตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ
การกระทำของฟางหยวนต่ำช้าเกินไป เขาไม่เพียงสังหารเฉิงเทาแต่เขายังไม่ยอมทิ้งแม้แต่ซากศพของเหยื่อ
ฟางหยวนจะทิ้งมันได้อย่างไร?
พลังงานแห่งเต๋าของผู้อมตะระดับเจ็ดจะกลายเป็นรากฐานของเขา
เป็นเรื่องยากที่จะผสานมิติช่องว่างของผู้อื่นเข้ากับมิติช่องว่างของตนเอง แต่การได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากเป้าหมายเป็นเรื่องใหญ่
‘ผู้อมตะทั่วไปจะดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากศัตรูหากพวกเขามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ไม่ขัดแย้งกัน แต่ร่างกายของข้าแตกต่างออกไป มันสามารถดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าได้ทุกชนิดโดยปราศจากความขัดแย้ง นี่เป็นเรื่องที่วิเศษมาก! ข้าสามารถดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากศัตรูที่ข้าสังหารเพื่อเสริมสร้างรากฐานให้กับตนเอง นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวข้าเอง!’
ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน
นี่เป็นร่างกายที่เทพปีศาจจิตวิญญาณต้องการใช้
หากเขาประสบความสำเร็จและฟื้นคืนสู่ชีวิต ผลที่ตามมาจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจินตนาการถึง
ประการแรก เทพปีศาจจิตวิญญาณได้กลืนกินดวงวิญญาณของผู้อมตะมากมาย เขามีประสบการณ์ในการบ่มเพาะที่หลากหลาย
ประการที่สอง เขามีความสำเร็จอย่างน้อยระดับปรมาจารย์ในทุกเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ
สุดท้ายเขายังได้รับความช่วยเหลือจากนิกายเงา
ด้วยสิ่งเหล่านี้เขาจะสามารถสร้างยุคสมัยแห่งการเข่นฆ่าขึ้นอีกครั้ง
เขาจะผสานมิติช่องว่างของผู้อมตะทั้งหมดที่เขาฆ่าและดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทั้งหมด การเติบโตของเขาจะรวดเร็วและเกินกว่าผู้ใดจะสามารถคาดคิดถึง
แตกต่างจากฟางหยวนที่เป็นปรมาจารย์บนเส้นทางเพียงสี่สาย มันยากสำหรับเขาที่จะผนวกมิติช่องว่างของผู้อมตะคนอื่นๆ สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงการดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากศัตรูเท่านั้น
ฟางหยวนเก็บศพของเฉิงเทาไว้ในมิติช่องว่างของตนเอง นี่ทำให้โจวหมิงรู้สึกโกรธและเกลียดชังเขามากขึ้น
เฟิงจุนรู้สึกเสียใจเช่นกันแต่เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาและยังถอนหายใจด้วยความโล่งอก
‘ดูเหมือนไห่เจิ้งจะไม่มีท่าไม้ตายสายเคลื่อนไหว อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของเขายังไม่โตเต็มวัย พลังของมันอาจยังอยู่ในระดับหก ดังนั้นเขาจึงไม่นำมันออกมาเผชิญหน้ากับท่าไม้ตายหอกแสง?’
ความกังวลของเฟิงจุนลดลงเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
แต่ในเวลาต่อมาปากของเขากลับอ้ากว้างด้วยความตกใจ
ปรากฏว่าฟางหยวนกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติและเคลื่อนที่เข้าใกล้พวกเขาด้วยความเร็วสูง
“รวดเร็วนัก!?” โจวหมิงอุทาน
“นี่คือความเร็วที่แท้จริงของเขา!” หัวใจของเฟิงจุนแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก ท่าไม้ตายสายเคลื่อนไหวของเขาไม่ใช่คู่แข่งของวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ
ในเวลาไม่กี่ลมหายใจฟางหยวนก็เข้าประชิดตัวพวกเขาอีกครั้ง
เจตนาสังหารพุ่งเข้าโจมตีหัวใจของเฟิงจุนอย่างรุนแรง
ท่าไม้ตายอมตะ กงล้อสายลมแห่งโชค!
ในช่วงเวลาวิกฤตเขาต้องใช้ท่าไม้ตายนี้อีกครั้ง
เช่นเดียวกับก่อนหน้าฟางหยวนถูกส่งกลับหลัง
‘ครั้งที่สาม ฮ่าฮ่า’ ฟางหยวนคิดและไม่รู้สึกหดหู่ใจ
ในที่สุดโจวหมิงก็เริ่มมีสติ
นางตกใจมากกับความเร็วของฟางหยวน นี่ทำให้ความโกรธของนางลดลง
“ไปเร็ว! คนผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป ไปรวมตัวกับคนอื่นๆ!” โจวหมิงตะโกน
เฟิงจุนรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้
ด้วยความร่วมมือจากโจวหมิง ทั้งสองจึงสามารถเร่งความเร็ว
ฟางหยวนไล่ล่าต่อไปแต่ทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้ เฟิงจุนจะใช้ท่าไม้ตายอมตะขับไล่เขาออกมา
หลังจากชั่วครู่พวกเขาก็พบผู้บ่มเพาะสันโดษอีกสองคน หนึ่งชื่อเจียงจื่อ อีกหนึ่งชื่อเกาหมี่
“เรามาแล้ว!”
ผู้บ่มเพาะสันโดษทั้งสองบินเข้าไปหาโจวหมิงและเฟิงจุน
ฟางหยวนไม่รู้สึกตกใจ เขารู้ว่าเฟิงจุนและโจวหมิงใช้วิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลแจ้งข่าวสารตลอดเวลา
“ไห่เจิ้ง เจ้าช่างกล้าหาญนัก เจ้ากล้าทำร้ายพวกเราที่อยู่ที่นี่!”
“วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า!”
เฟิงจุนและโจวหมิงหยุดหลบหนีและหันกลับมาเผชิญหน้ากับฟางหยวน
“นายน้อยไห่เจิ้ง ท่านสังหารพี่หญิงหว่านหยุนและท่านปู่งั้นหรือ?” ทันใดนั้นเสียงที่โศกเศร้าสายหนึ่งพลันดังขึ้น
มันคือเฉินเล่อ
ก่อนหน้านี้เฉินเล่อไปหาฟางหยวน แต่ในเวลานั้นฟางหยวนออกมาแล้ว
เฉินเล่อไม่พบฟางหยวนทำให้นางรู้สึกหมดสิ้นหนทางและไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
นางไม่กล้ายกเลิกท่าไม้ตายอมตะเร้นกายและซ่อนตัวอยู่ในวังสักพักก่อนที่จะได้รับข้อความจากเฟิงจุน
ข้อความระบุว่าไห่เจิ้งปลอมตัวเป็นเฉินเล่อและใช้ท่าไม้ตายอมตะสังหารเฉิงเทา ไม่ว่าเฉินเล่อจะโง่เง่าเพียงใด นางก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเช่นไร
นางรีบไปวังของเฉินไคแต่กลับไม่พบผู้ใด
สุดท้ายนางจึงปรากฎตัวขึ้นที่นี่ในเวลานี้
“โอ้ เป็นเจ้า” ฟางหยวนมองเฉินเล่อและเผยรอยยิ้มชั่วร้าย “ในที่สุดเจ้าก็ฉลาดขึ้นแล้ว ไม่ว่าเฉินไค เฉินหว่านหยุน หรือเฉินหลี่จื่อ แม้แต่เฉิงเทา พวกเขาล้วนตายเพราะข้า ข้าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด หากพวกเจ้าฉลาดก็ควรยอมจำนน มิฉะนั้นพวกเจ้าจะตายทั้งหมด”
ใบหน้าของเฉินเล่อกลายเป็นซีดเผือด ร่างกายของนางสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง
ฟางหยวนยอมรับทันที นี่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของนางเป็นอย่างมาก
“ท่านทำเช่นนี้เพื่อสิ่งใด?” เฉินเล่อกรีดร้อง น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มของนาง “พวกเราทำสิ่งใดผิดต่อท่าน เหตุใดต้องทำเรื่องโหดร้ายเช่นนี้!?”
“อย่าฟังเขา เฉินเล่อ มารวมกลุ่มกับพวกเรา!” โจวหมิงตะโกนเสียงดัง
ทันใดนั้นบอลแสงสีเขียวหยกขนาดใหญ่พลันปรากฎขึ้นโดยมีฟางหยวนอยู่ตรงกลาง
นี่คือค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณขนาดใหญ่
เฟิงจุน โจวหมิง เฉินเล่อ และผู้อมตะอีกสองคนร่วมมือกันสร้างมันขึ้นมา
“ไห่เจิ้ง แม้เจ้าจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เจ้าก็ต้องตายที่นี่ในวันนี้!”
“ถูกต้อง พวกเราฝึกใช้ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้นี้มาหลายครั้งและสามารถสังหารสัตว์อสูรบรรพกาลไปถึงแปดตัว!”
“เจ้าไม่สามารถหลบหนีไปจากที่นี่ ข้าจะเลาะกระดูกฉีกเส้นเอ็นของเจ้าออกมาเป็นเครื่องเซ่นไหว้สหายของเรา!”
กลุ่มผู้อมตะในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานตะโกน ขวัญกำลังใจของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง การแสดงออกของเขายังสงบนิ่ง
เขากลายอย่างช้าๆ “โอ้ ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้เมืองสีเขียว? ฮ่าฮ่าฮ่า มันเป็นเพียงส่วนเล็กๆของค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้เมืองสีเขียวที่แท้จริง พวกเจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จักมันงั้นหรือ?”
กลุ่มผู้ใช้วิญญาณรู้สึกสังหรณ์ร้าย
การแสดงออกของเฉินเล่อยิ่งจมดิ่งมากขึ้น นางรู้สึกเสียใจและเกลียดชังตนเองอย่างที่สุด
เพราะนางเป็นคนบอกความลับเกี่ยวกับค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้เมืองสีเขียวให้แก่ฟางหยวน
“ข้าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดขณะที่พวกเจ้าเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก แน่นอนว่าข้าคาดเดาไว้แล้วว่าพวกเจ้าจะต้องใช้สิ่งนี้ หลังจากจัดตั้งมัน พวกเจ้าจะไม่สามารถหลบหนีถูกต้องหรือไม่? ฮ่าฮ่าฮ่า หากฝ่าฝืน พวกเจ้าทั้งหมดจะได้รับผลกระทบย้อนกลับและบาดเจ็บสาหัส…”
ฟางหยวนกล่าวเสียงเรียบ
เสียงของเขาไม่ดังแต่กลุ่มผู้อมตะกลับได้ยินอย่างชัดเจน
ขวัญกำลังใจที่เพิ่มขึ้นก่อนหน้าถูกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยคำกล่าวเพียงประโยคเดียวของฟางหยวน ตอนนี้พวกเขารู้สึกลังเลมาก
“ข้าจะแสดงพลังที่แท้จริงของข้าให้พวกเจ้าได้เห็น”
ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณจำนวนมาก
ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน!
ในพริบตาภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งนับหมื่นตนก็ปรากฏขึ้น ร่างที่แท้จริงของฟางหยวนซ่อนอยู่ท่ามกลางพวกมัน
การต่อสู้เริ่มขึ้นในเวลานี้
เฟิงจุน โจวหมิง และผู้อมตะคนอื่นๆใช้ท่าไม้ตายทั้งหมดของพวกเขาและสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ให้กับกองทัพภูตมนุษย์
ภูตมนุษย์ของฟางหยวนมีพลังป้องกันไม่สูงนัก แต่ไม่ว่าพวกมันจะถูกทำลายไปมากเท่าใด ภูตมนุษย์ตัวใหม่ก็จะปรากฏตัวขึ้นและเข้าแทนที่ตลอดเวลา
ฟางหยวนเตรียมพร้อมมาแล้ว
แม้เขาจะไม่กระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนอีกต่อไป เขาก็มีภูตมนุษย์จำนวนมหาศาลเก็บไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิตั้งแต่เริ่มต้น
หลังจากทั้งหมดเขาไม่ขาดแคลนพลังงานอมตะ!
เฟิงจุนและคนอื่นๆตระหนักได้ทันทีว่าพวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
หากไม่ใช่เพราะค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้ พวกเขาจะไม่สามารถต่อต้านกองทัพภูตมนุษย์เหล่านี้ แต่กระทั่งพวกเขาจะใช้ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้ พวกเขาก็ยังสูญเสียพลังงานอมตะไปโดยไร้ประโยชน์
ในการต่อสู้ระหว่างพลังงานอมตะ ฟางหยวนเหนือกว่าอย่างสมบูรณ์ อย่าลืมว่าท่าไม้ตายบนเส้นทางความแข็งแกร่งบริโภคพลังงานอมตะน้อยมาก
ฟางหยวนรอคอยอย่างอดทนและเฝ้าสังเกตอย่างตั้งใจ
เขารวบรวมข้อมูลทุกประเภทเก็บไว้ในความทรงจำ
หลังจากต่อสู้เป็นเวลาหลายชั่วโมง กลุ่มผู้อมตะรู้สึกเหนื่อยล้าขณะที่พลังงานอมตะของพวกเขาก็ลดลงไปมาก
เป็นเพียงเวลานี้ที่ตัวจริงของฟางหยวนปรากฎขึ้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า เฉินเล่อ ข้าต้องขอบคุณที่เจ้าให้ข้อมูลข้า มิฉะนั้นข้าจะสังหารเฉินหว่านหยุนและคนอื่นๆได้อย่างไร” ฟางหยวนหัวเราะเสียงดัง
เฉินเล่อรู้สึกราวกับสายฟ้าฟาดลงมาที่หัวใจของนาง มันเป็นความเจ็บปวดที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูด
ฟางหยวนใช้โอกาสนี้เพื่อสังหาร!
วิญญาณอมตะดาบบิน!
แสงดาบพุ่งทะลุแนวป้องกันและสังหารเฉินเล่อในเสี้ยวพริบตา
เขาเลือกกำจัดศัตรูที่อ่อนแอที่สุดเป็นคนแรก!
ฟางหยวนโจมตีในช่วงเวลาสำคัญและสามารถสังหารผู้อมตะผู้หนึ่งได้ทันที
เมื่อเฉินเล่อเสียชีวิต ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้เมืองสีเขียวเริ่มสูญเสียเสถียรภาพและสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ผู้อมตะคนอื่นๆพยายามควบคุมมันก่อนจะประสบความสำเร็จในที่สุด
“ต่อไปก็ถึงเวลาตายของพวกเจ้า” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มน่ากลัว เขาไม่ได้โจมตีแต่หลบเข้าไปอยู่ในกองทัพภูตมนุษย์เช่นเดิม
ใบหน้าของผู้อมตะทั้งสี่กลายเป็นซีดขาว
พวกเขาเป็นฝ่ายล้อมกรอบฟางหยวนแต่พวกเขากลับไม่รู้สึกมีความสุขหรือตื่นเต้น
ตั้งแต่เริ่มต้นฟางหยวนใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดเพื่อสร้างความได้เปรียบในปัจจุบัน
ฟางหยวนรู้จักทักษะของผู้อมตะเหล่านี้เป็นอย่างดีขณะที่ฝ่ายตรงข้ามไม่รู้สิ่งใดเลยเกี่ยวกับตัวเขา
เดิมทีท่าไม้ตายอมตะเร้นกายของเฉินเล่อทำให้ฟางหยวนไม่สามารถทำสิ่งใด
แต่น่าเสียดายเมื่อนางเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้ นางต้องทิ้งข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนางไป
หลังจากทั้งหมดถ้ำสวรรค์ไห่ฟานสงบสุขมานานเกินไป พวกเขาไม่ขาดแคลนทรัพยากรแต่พวกเขาขาดประสบการณ์ในการต่อสู้ที่แท้จริง
แม้พวกเขาจะทะเลาะกันแต่พวกเขาไม่เคยเข้าสู่การต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย
เพียงไม่นานฟางหยวนก็สามารถสังหารผู้อมตะอีกสองคนและทำลายค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้เมืองสีเขียว
เฟิงจุนและโจวหมิงพยายามหลบหนีอย่างสุดกำลัง
พวกเขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับฟางหยวนและพยายามหนีไปที่ภูเขามรดกอมตะ
ระหว่างทางฟางหยวนสามารถสังหารโจวหมิงขณะที่เฟิงจุนพุ่งเข้าไปบนภูเขามรดกอมตะด้วยร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
“จิตวิญญาณสวรรค์ช่วยข้าด้วย!” เขากรีดร้อง
สถานการณ์นี้ค่อนข้างน่าขัน ก่อนหน้านี้เขายังวางแผนกำจัดจิตวิญญาณสวรรค์ แต่ตอนนี้เขากลับร้องขอความช่วยเหลือจากมัน
“มันจะไม่ช่วยเจ้า” ในศาลาหิน ร่างของฟางหยวนปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน
เขากล่าวเสียงเรียบ ร่างกายของเขาไม่มีบาดแผลใดๆ เขายังดูหล่อเหลาราวกับการต่อสู้ก่อนหน้าไม่เคยเกิดขึ้น
ร่างกายของเฟิงจุนสั่นสะท้านขึ้นด้วยความหวาดกลัว เขามองไปที่ระฆังทองเหลืองแต่มันกลับไม่ตอบสนองใดๆ
เฟิงจุนรู้สึกสิ้นหวัง
“เพราะเหตุใด?” เขาพึมพำ
“เพราะเหตุใด!?” เขากรีดร้องอีกครั้งราวกับต้องการคำตอบจากจิตวิญญาณสวรรค์
“เพราะพวกเจ้าเป็นบุตรหลานของอาชญากร ก่อนบรรพชนไห่ฟานจะเสียชีวิต เขาคิดถึงจุดนี้ ดังนั้นการทดสอบสุดท้ายในการรับสืบทอดมรดกจึงระบุว่าผู้สืบทอดต้องได้รับคะแนนเสียงครึ่งหนึ่งของผู้อมตะที่อยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ฮ่าฮ่า แต่ในกรณีที่บุตรหลานของอาชญากรมีความเกลียดชังต่อเผ่าไห่และปฏิเสธที่จะช่วยเหลือผู้สืบทอดที่มาจากเผ่าหลัก มันจะเกิดสิ่งใดขึ้น? พวกเจ้าสร้างปัญหาให้กับพวกเราโดยเจตนา แล้วพวกเราควรทำเช่นไร?” ฟางหยวนยื่นมือข้างหนึ่งออกไปสัมผัสแผ่นหิน
“หากเป็นเช่นนั้นพวกเราก็ทำได้เพียงกำจัดพวกเจ้าทั้งหมด หลังจากกวาดล้างพวกเจ้าจะเหลือข้าเพียงผู้เดียว นั่นเพียงพอแล้วที่จะทำให้ข้าผ่านการทดสอบสุดท้ายและรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของบรรพชนไห่ฟาน”
ฟางหยวนกล่าวเบาๆและเผยรอยยิ้มบาง
เฟิงจุนล้มลงบนพื้นด้วยความสิ้นหวังและอ่อนแรง
เขาเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
ท้องฟ้าสีฟ้าที่เขาพยายามหลบหนีมาตลอดชีวิตแต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกรักมันขึ้นมาอย่างกะทันหัน
แต่ในเวลาต่อมา เขากลับได้ยินฟางหยวนกล่าว “ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายกับเจ้า หากเจ้ายอมจำนนต่อข้าด้วยความจริงใจ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
“กระไรนะ!?” เฟิงจุนรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
ฟางหยวนพูดซ้ำอีกครั้ง “เจ้าเป็นคนฉลาด เจ้าสามารถสงบจิตใจในสถานการณ์คับขัน เจ้าไม่เหมือนโจวหมิงและเฉินเล่อ ข้ารู้สึกชื่นชมเจ้าในแง่มุมนี้ หากเจ้ามอบวิญญาณอมตะและมรดกบนเส้นทางแห่งโชคของเจ้าให้ข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
หัวใจของเฟิงจุนสั่นสะท้านขึ้น
“เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่หรือไม่?” เขาเงยหน้ามองไปที่ฟางหยวนด้วยสายตาคาดหวัง
“เหตุใดข้าต้องโกหกเจ้า สำหรับข้า การฆ่าเจ้าเป็นเรื่องง่ายราวกับการหายใจ แต่อย่าคิดที่จะต่อรอง” การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไป “เจ้ามีเวลาพิจารณาเพียงสามลมหายใจ ตายหรือยอมแพ้”
“ข้ายอมแพ้!” เฟิงจุนตัดสินใจกล่าวออกมาโดยไม่ลังเลภายในลมหายใจแรก
“นี่คือวิญญาณทั้งหมดของข้า” ฟางหยวนได้รับการส่งมอบวิญญาณภายในลมหายใจที่สอง
เขาพยักหน้าและยื่นมือออกไปรับพวกมันเอาไว้ ภายใต้ความร่วมมือของเฟิงจุน เขาสามารถปรับแต่งวิญญาณทั้งหมดได้ในครั้งเดียว
“โปรดทำสัญญาพันธมิตร” เฟิงจุนสูดหายใจลึกและเตรียมพร้อมสำหรับการสร้างข้อตกลงพันธมิตร
“ปุ”
หลุมเลือดปรากฎขึ้นกลางหน้าผากของเขา
ใบหน้าของเฟิงจุนเต็มไปด้วยความตกใจ เขามองฟางหยวนขณะที่ค่อยๆล้มลงบนพื้น
ลมหายใจที่สามพึ่งผ่านพ้นไปในเวลานี้
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1128 สมบัติทั้งสี่ (1)
แปลโดย iPAT
ฟางหยวนเก็บศพของเฟิงจุนไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
เมื่อรวมกับศพของผู้อมตะก่อนหน้า มีศพของผู้อมตะจำนวนเก้าศพรวมถึงดวงวิญญาณของพวกเขา
‘กำไรขนาดนี้หายากมากในโลกภายนอก แม้พวกเขาจะตาย พวกเขาก็จะระเบิดทำลายตัวเอง ในถ้ำสวรรค์แห่งนี้มีเพียงเฟิงจุนเท่านั้นที่พอมีสมองอยู่บ้าง เขาสามารถยอมแพ้ในเวลาที่เหมาะสม โชคร้ายที่ศัตรูของเขาคือข้า’
ฟางหยวนถอนหายใจและปัดเป่าความคิดเหล่านี้ออกไป
เขาชนะแล้ว
มันเป็นเวลารับรางวัล!
เขาหันหลังกลับและมองไปยังระฆังทองเหลือง “ตอนนี้ข้าเป็นผู้อมตะเพียงผู้เดียวในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ข้าลงคะแนนเสียงให้กับตัวเองเพื่อรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน”
ระฆังทองเหลืองนิ่งเงียบอยู่ชั่วขณะก่อนที่เสียงระฆังจะดังขึ้น
กำแพงแสงสีขาวปรากฏขึ้นพร้อมกับเงาลึกลับหลายเงาอยู่ที่ภายในและข้อความบางอย่าง
ฟางหยวนอ่านข้อความและตระหนักว่าเงาเหล่านี้คือมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน ผู้สืบทอดเพียงต้องยื่นมือเข้าไปและรับมรดก
ข้อความบรรทัดสุดท้ายคือคำสั่งเสียของไห่ฟาน มันกล่าวว่า บุตรหลานเผ่าไห่ เจ้าได้รับสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ อย่าทำให้เผ่าไห่สูญเสียชื่อเสียง
ฟางหยวนถอนหายใจ
ไห่ฟานทุ่มเทความพยายามอย่างมากและคิดถึงทุกแง่มุมในการสร้างมรดกนี้
แต่คนตายไปแล้วไม่สามารถคาดเดาทุกสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
เผ่าไห่ที่เคยรุ่งโรจน์ถูกลบออกไปขณะที่มรดกของไห่ฟานถูกยึดครองโดยคนนอกเช่นฟางหยวน
โลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กองกำลังใหม่ปรากฏขึ้นขณะที่กองกำลังเก่าสูญหายไปตามยุคสมัย
ฟางหยวนปรับอารมณ์ของตนเองและเริ่มทำตามคำอธิบายที่อยู่บนกำแพงแสง
เขายื่นมือซ้ายไปที่กำแพงแสง
ทันทีที่มือซ้ายของฟางหยวนสัมผัสกับกำแพงแสง มือของเขากลายเป็นโปร่งใสและสามารถมองเห็นเลือดเนื้อที่อยู่ภายในได้อย่างชัดเจน
เขารู้สึกเย็นราวกับกำลังสัมผัสกำแพงน้ำแข็ง
แต่หลังจากนั้นมือซ้ายของเขาก็สามารถทะลุเข้าไปในกำแพงแสงได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตามหัวใจของฟางหยวนยังรู้สึกสั่นสะท้าน เขาคิด ‘เกือบไปแล้ว กำแพงแสงคือการทดสอบสายเลือดของข้า โชคดีที่ข้าเตรียมพร้อมมาแล้ว ด้วยการผสานวิญญาณอมตะสมบัติเลือดเข้ากับท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย มันสามารถอำพรางสายเลือดของข้า หากไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ความพยายามทั้งหมดของข้าจะกลายเป็นไร้ประโยชน์! ไห่ฟานผู้นี้ช่างรับมือได้ยากนัก!’
ฟางหยวนเริ่มประเมินกำแพงแสงที่อยู่ด้านหน้า
จากภายนอก เขามองเห็นเงาสี่เงาอยู่ภายใน
เงาที่ใหญ่ที่สุดเหมือนลูกบอลที่มีขนาดเท่าอ่างล้างหน้า เงานี้อยู่ตรงกลางของกำแพงแสง
ที่มุมด้านขวามีเงาคล้ายกับก้อนหิน
ทางซ้ายมีเงาเหมือนเส้นไหมที่เกี่ยวพันกัน
นอกจากนี้ยังมีจุดหนึ่งที่อยู่ด้านล่างเป็นเงาขนาดเล็กเท่ากับปลายนิ้ว
ฟางหยวนทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟานแต่ดูเหมือนเนื้อแท้ของมันจะมีค่อนข้างน้อย
มือซ้ายของฟางหยวนอยู่ใกล้กับเงาทางด้านซ้าย ดังนั้นเขาจึงคว้าเงานี้เอาไว้
มันเป็นเงาที่คล้ายเส้นไหม
ฟางหยวนรู้สึกราวกับสัมผัสกิ่งไม้เก่าๆ
เขาดึงเงาลึกลับอออกมา
เมื่อมันออกจากกำแพงแสง ตัวตนที่แท้จริงของมันก็ถูกเปิดเผย
เห็นได้ชัดว่ามันคือกลุ่มก้อนของวิญญาณ
วิญญาณเหล่านี้คล้ายรากโสมหรือรากไม้บางชนิด
แต่มันไม่ใช่วิญญาณอมตะ
มันเป็นเพียงวิญญาณระดับมนุษย์
แต่ถึงกระนั้นดวงตาของฟางหยวนก็ยังส่องประกายขึ้นด้วยความตื่นเต้น
วิญญาณอมตะและวิญญาณระดับมนุษย์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
วิญญาณอมตะมีเพียงหนึ่งเดียวขณะที่วิญญาณระดับมนุษย์สามารถทำซ้ำได้นับไม่ถ้วน แต่มีข้อยกเว้นในบางกรณี
นั่นคือวิญญาณอายุยืน!
ถูกต้อง ฟางหยวนดึงกลุ่มก้อนของวิญญาณอายุยืนออกมา
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คาดหวังแต่ไม่ใช่สิ่งที่คาดคิด
ก่อนหน้านี้เฉินไคกล่าวถึงวิญญาณอายุยืน ดังนั้นฟางหยวนจึงคาดหวังที่จะพบมันแต่ผู้ใดจะคิดว่ามันจะมีมากมายถึงเพียงนี้
“วิญญาณอายุยืนจำนวนมาก!”
ฟางหยวนเริ่มปรับแต่งวิญญาณอายุยืนทั้งหมดทันที
วิญญาณระดับมนุษย์สามารถปรับแต่งได้โดยใช้พลังวิญญาณ แต่ฟางหยวนมีพลังงานอมตะจำนวนมาก มันยังเหนือกว่าพลังวิญญาณอย่างไม่สามารถเปรียบเทียบ
แม้วิญญาณอายุยืนเหล่านี้จะไม่ใช่ของเขาแต่หลังจากผ่านการทดสอบ ฟางหยวนกลายเป็นผู้สืบทอดที่ได้รับการยอมรับ นี่ทำให้เขาสามารถปรับแต่งวิญญาณอมตะหรือวิญญาณระดับมนุษย์ของไห่ฟานได้อย่างง่ายดาย
หลังจากปรับแต่งวิญญาณอายุยืนทั้งหมดเขาพบว่าวิญญาณอายุยืนเหล่านี้มีอายุขัยรวมกันถึงเจ็ดร้อยยี่สิบปี!
กำไรมหาศาล!
เฉินไคเคยคิดว่าอาจมีวิญญาณอายุยืนสามร้อยปี แต่ฟางหยวนสามารถบอกได้ว่าเฉินไคยังประเมินมันต่ำเกินไป
หลังจากทั้งหมดถ้ำสวรรค์ไห่ฟานมีอายุมากกว่าสองเท่าของวิญญาณอายุยืนเหล่านี้!
“วิญญาณอายุยืนมีค่ามาก”
“ข้าสามารถใช้พวกมันกับตนเอง ผู้ใดบนโลกใบนี้จะกล้าวิจารณ์เกี่ยวกับชีวิตที่ยืนยาวของข้า?”
“แต่ข้ายังมีอายุขัยอีกประมาณแปดสิบปี มันเพียงพอแล้วสำหรับเวลานี้ แม้ข้าจะไม่ใช่พวกมัน ข้าก็ยังสามารถใช้พวกมันในการทำธุรกรรมต่างๆ”
ในการทำธุรกรรมระหว่างผู้อมตะ หินวิญญาณอมตะเป็นเพียงสกุลเงินพื้นฐาน วิญญาณอายุยืนมีค่ามากกว่าหินวิญญาณอมตะ ไม่มีผู้อมตะคนใดไม่ต้องการวิญญาณอายุยืน ในการทำธุรกรรมระดับสูง หินวิญญาณอมตะไม่สามารถใช้งาน ผู้อมตะเหล่านั้นต้องการเพียงวิญญาณอายุยืนเท่านั้น
วิญญาณอายุยืนคือสกุลเงินที่หายากที่สุด!
หลังจากปรับแต่งวิญญาณอายุยืนทั้งหมด ฟางหยวนเก็บพวกมันไว้ในสถานที่ปลอดภัยที่สุดของมิติช่องว่างจักรพรรดิ
เขาไม่ได้วางแผนที่จะใช้วิญญาณอายุยืนในเร็ววันนี้
“ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานดำรงอยู่มาอย่างยาวนาน ไม่แปลกใจเลยที่มีวิญญาณอายุยืนเกิดขึ้นมากมาย”
“เมื่อใดกันที่มิติช่องว่างของข้าจะสามารถผลิตวิญญาณอายุยืนได้ด้วยตัวมันเอง”
ฟางหยวนเต็มไปด้วยความคาดหวัง
แต่เขารู้ดีว่ายังห่างไกลจากเป้าหมายนี้อีกมาก
แม้เขาจะได้รับกำไรจำนวนมากในแต่ละเดือน แต่สิ่งนี้เกิดจากการทำงานหนักก่อนหน้านี้ในฐานะผีดิบอมตะ ตอนนี้มิติช่องว่างจักรพรรดิของเขายังอยู่ในขั้นพื้นฐาน มันสามารถผลิตอาหารให้กับวิญญาณอมตะทั้งหมดของเขาเท่านั้น
ทันใดนั้นฟางหยวนพลันนึกไปถึงแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
‘เปรียบเทียบกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานถือว่าอายุน้อยกว่ามาก บรรพชนผมยาวเป็นตัวตนเมื่อสามแสนปีก่อน เขาคือบุคคลในตำนานของยุคกลาง’
‘ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานมีวิญญาณอายุยืนประมาณเจ็ดร้อยปี แล้วแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจะมีมากเท่าใด?’
คิดถึงเรื่องนี้ช่วยไม่ได้ที่ดวงคาของฟางหยวนจะส่องประกายขึ้น
‘แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาดำรงอยู่มานานมาก ไม่แปลกใจเลยที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสามารถเลี้ยงดูวิญญาณสติปัญญาด้วยวิญญาณอายุยืน!’
จากเรื่องนี้ฟางหยวนเข้าใจความคิดของวังสวรรค์ได้ทันที
ในชีวิตก่อนหน้าวังสวรรค์โจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา แม้พวกเขาจะสูญเสียฟงจิวเก้อ แต่พวกเขาก็ยังเดินหน้าโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาต่อโดยไม่หยุดพัก
วิญญาณอายุยืนเป็นหนึ่งในสาเหตุหลัก
กล่าวถึงเรื่องนี้ผู้อมตะของวังสวรรค์สามารถจำศีลเพื่อยืดชีวิตเท่านั้น แต่มันจะง่ายกว่าหากพวกเขามีวิญญาณอายุยืนจำนวนมาก!
ฟางหยวนมองไปที่กำแพงแสงอีกครั้ง
ตรงกลางของกำแพงแสงมีเงาที่ใหญ่ที่สุด
“มันอยู่ตรงกลาง นี่เป็นการบอกใบ้ว่ามันคือสมบัติล้ำค่าที่สุดของไห่ฟาน” ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้น
เขายื่นมือซ้ายเข้าไปในกำแพงแสงและสัมผัสกับเงานั้น
ฟางหยวนพยายามเคลื่อนย้ายมัน
หนักมาก!
ความแข็งแกร่งของมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถแบกรับสิ่งนี้
ฟางหยวนต้องกระตุ้นใช้วิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่ง หลังจากนั้นเขาจึงสามารถนำมันออกมาด้วยมือเพียงข้างเดียว
หลังจากเห็นสิ่งนี้ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจ
มันไม่ใช่สิ่งของเพียงชิ้นหนึ่ง แต่เป็นการรวมตัวของบางสิ่ง
พวกมันคือมด!
มดสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันอย่างหนาแน่นจนกลายก้อนทรงกลม
มดเหล่านี้ไม่ใช่มดธรรมดาแต่เป็นวิญญาณระดับมนุษย์
วิญญาณอายุยืนเป็นวิญญาณระดับมนุษย์เช่นกันแต่มันเป็นสมบัติล้ำค่าในสายตาของผู้อมตะทั้งหมด
แต่วิญญาณระดับมนุษย์เหล่านี้หมายความว่าอย่างไร?
ฟางหยวนรู้สึกสับสนเล็กน้อย
จากความรู้ของเขา เขาไม่สามารถบอกได้ว่าพวกมันคือสิ่งใด
แต่เนื่องจากมันเป็นมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน ฟางหยวนแน่ใจว่ามันย่อมไม่ใช่วิญญาณระดับมนุษย์ทั่วไป
ดังนั้นเขาจึงเริ่มปรับแต่งพวกมัน
ฝูงมดดำกลายเป็นทรัพย์สินของเขาอย่างรวดเร็ว
ภายใต้การจัดการของฟางหยวน ฝูงมดแยกตัวออกมาและเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน
“โอ้” การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไป เขามองสิ่งนี้และสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของวิญญาณอมตะ
แท้จริงแล้วมีของดีซ่อนอยู่ในฝูงมดดำ มันคือวิญญาณอมตะ!
วิญญาณระดับมนุษย์ทั้งหมดเดินลงไปบนพื้นและเหลือวิญญาณอมตะเพียงดวงเดียวที่อยู่ในมือของฟางหยวน
หากเปรียบเทียบกับวิญญาณระดับมนุษย์มดดำ มันมีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า มันอยู่ในรูปลักษณ์ของมดตัวหนึ่งแต่มันดูเหมือนมีกล้ามขาและมีหน้าท้องขนาดใหญ่
“มันคือราชินีมดงั้นหรือ?” ฟางหยวนคาดเดา
จากกลิ่นอายของวิญญาณอมตะดวงนี้ มันเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด!
เขาไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด
แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องปรับแต่งมันเป็นอันดับแรก!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1129 สมบัติทั้งสี่ (2)
แปลโดย iPAT
การปรับแต่งวิญญาณอมตะไม่สามารถทำได้ด้วยการใช้พลังวิญญาณแต่ต้องใช้พลังงานอมตะ
ฟางหยวนมองระฆังทองเหลืองและคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนจะตัดสินใจใช้พลังงานอมตะปรับแต่งวิญญาณอมตะดวงนี้โดยตรง
ระฆังทองเหลืองไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ฟางหยวนไม่สามารถบอกได้ว่ามันกำลังคิดสิ่งใดอยู่
ขั้นตอนการปรับแต่งราบรื่นมาก วิญญาณอมตะระดับเจ็ดราชินีมดไม่ได้ต่อต้าน มันกระทั่งให้ความร่วมมือกับฟางหยวน
แต่มันยังเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด ฟางหยวนต้องใช้องุ่นเขียวอมตะจำนวนมากเพื่อปรับแต่งมัน
‘ตอนนี้องุ่นเขียวอมตะของข้าเริ่มลดลงแล้ว’ ฟางหยวนเตือนตัวเอง
ในการเดินทางครั้งนี้ เขาต้องใช้องุ่นเขียวอมตะจำนวนมาก ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เกิดจากการกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติและวิญญาณอมตะดาบบิน
แม้การต่อสู้จะไม่รุนแรง แต่เขายังต้องจ่ายด้วยพลังงานอมตะจำนวนมาก
‘หลังจากกลับไปข้าต้องเก็บสะสมพลังงานอมตะอีกครั้งเพื่อความปลอดภัย’
ฟางหยวนเก็บวิญญาณอมตะระดับเจ็ดที่ปรับแต่งเรียบร้อยแล้วไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
ตอนนี้เหลืออีกสองเงาที่อยู่ในกำแพงแสง
เงาด้านล่างมีขนาดเล็กที่สุด ฟางหยวนตัดสินใจทิ้งมันไว้ก่อน
เขายื่นมือเข้าไปจับเงาที่อยู่มุมบนด้านขวา
เงานี้เหมือนหินแต่มันกลับตอบสนองต่อการสัมผัสของฟางหยวนทันที
มันเย็นมาก
ฟางหยวนนำมันออกมาและพบว่ามันเป็นก้อนน้ำแข็ง
น้ำแข็งก้อนนี้ผนึกวิญญาณอมตะเอาไว้ภายใน
ไม่มีกลิ่นอายของวิญญาณอมตะรั่วไหลออกมาแต่ดวงตาของฟางหยวนกลับส่องประกายขึ้น
วิญญาณปีอมตะ!
“โอ้ วิญญาณปี…” ฟางหยวนถอนหายใจ
นี่คือวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่มีชื่อเสียง
ฟางหยวนมีความประทับใจอย่างมากต่อมัน
มันเป็นวิญญาณอมตะที่พิเศษมาก
เมื่อผู้อมตะจ่ายด้วยทรัพยากรอมตะ พวกเขาจะสามารถยกระดับวิญญาณปีขึ้นไปได้อย่างต่อเนื่อง
วิญญาณปีระดับมนุษย์มีวิญญาณหนึ่งปีถึงสิบปี
เมื่อวิญญาณปีระดับมนุษย์พัฒนาเป็นวิญญาณอมตะระดับหก มันจะมีอายุมากกว่าสิบปี
ด้วยการใช้ทรัพยากรอมตะ ผู้อมตะสามารถยกระดับมันให้กลายเป็นวิญญาณอมตะยี่สิบปี สามสิบปี หรือเก้าสิบเก้าปี
เมื่อมันบรรลุถึงหนึ่งร้อยปี มันจะกลายเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ดและสามารถพัฒนาไปถึงเก้าร้อยเก้าสิบเก้าปี
เมื่อมันบรรลุถึงหนึ่งพันปี มันจะกลายเป็นวิญญาณอมตะระดับแปดและสามารถพัฒนาไปถึงเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าปี
ในทำนองเดียวกันเมื่อมันอายุถึงหนึ่งหมื่นปี มันจะกลายเป็นวิญญาณอมตะระดับเก้า แต่ในประวัติศาสตร์ยังไม่เคยมีวิญญาณอมตะหนึ่งหมื่นปีเกิดขึ้น
แต่วิญญาณปีอมตะระดับแปดเคยปรากฏมาก่อน
วิธีการใช้งานวิญญาณปีก็เป็นสิ่งที่มีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก
เมื่อผู้อมตะใช้งานมัน ปีจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น วิญญาณห้าสิบปีอาจกลายเป็นวิญญาณยี่สิบปีในครั้งเดียว
ในกรณีที่วิญญาณหนึ่งพันปีกลายเป็นวิญญาณเก้าร้อยปี มันจะตกจากระดับแปดเป็นระดับเจ็ด การยกระดับมันมีความยุ่งยากและมีความเสี่ยง
กล่าวอีกอย่างวิญญาณปีเป็นวิญญาณที่สิ้นเปลือง
แต่มันไม่ใช่วิญญาณที่ใช้งานได้ครั้งเดียวเช่นวิญญาณทารกอมตะ
มันสามารถเติมและใช้งานได้อีกครั้ง
นี่เป็นเอกลักษณ์พิเศษของวิญญาณชนิดนี้
‘สิ่งที่ดีประการหนึ่งของวิญญาณปีคือไม่มีปัญหาเกี่ยวกับอาหาร เช่นเดียวกับวิญญาณกาลเวลา อาหารของมันก็คือเวลา แต่ข้าจะปรับแต่งมันได้อย่างไร?’ ฟางหยวนไม่แน่ใจ
วิญญาณอมตะดวงนี้ถูกผนึกไว้ในก้อนน้ำแข็งอย่างสมบูรณ์
ฟางหยวนมองก้อนน้ำแข็งและรู้สึกว่ามันค่อนข้างพิเศษ
มันทำให้วิญญาณจำศีลอยู่ภายในและไม่ปล่อยให้กลิ่นอายใดๆรั่วไหลออกมา
‘เหตุใดไห่ฟานจึงผนึกวิญญาณปี? เดี๋ยว! นี่คือ?’ ฟางหยวนค้นพบบางสิ่ง
เขาตระหนักถึงของเหลวที่ถูกผนึกไว้ด้านล่างของก้อนน้ำแข็ง
“น้ำไหล?”
ฟางหยวนตกใจ เห็นได้ชัดว่ามีน้ำไหลอยู่ภายในก้อนน้ำแข็ง
น้ำไหลที่ถูกผนึกไว้ในก้อนน้ำแข็ง นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลก
เปรียบเทียบกับวิญญาณปี น้ำดูไม่สะดุดตา
ฟางหยวนตรวจสอบอีกครั้งและพบว่าก้อนน้ำแข็งมีขนาดใหญ่กว่าขนาดของวิญญาณปีค่อนข้างมาก เขารู้สึกว่าก้อนน้ำแข็งไม่ได้ผนึกวิญญาณปีแต่เป็นการผนึกมวลน้ำเหล่านี้
‘ดูเหมือนมันจะเป็นทรัพยากรอมตะระดับแปดหรืออาจจะระดับเก้า?’ ฟางหยวนคาดเดา
ทรัพยากรอมตะระดับเก้าสามารถใช้หลอมรวมวิญญาณอมตะระดับเก้า!
ในโลกใบนี้พวกมันทั้งหายากและมีคุณค่าอย่างที่สุด
หากทรัพยากรอมตะระดับเก้าถูกผนึกเอาไว้ มันจะกลายเป็นเรื่องที่สามารถทำความเข้าใจ
ฟางหยวนไม่รู้วิธีปลดผนึกน้ำแข็งก้อนนี้ เขาทำได้เพียงถือมันเอาไว้ในมือข้างขวาและยื่นมือข้างซ้ายเข้าไปในกำแพงแสงอีกครั้ง
คราวนี้เป็นเงาสุดท้าย
เมื่อนำมันออกมา เขาพบว่ามันเป็นวิญญาณระดับห้าบนเส้นทางแห่งข้อมูล
รายละเอียดที่บันทึกไว้เกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน นี่คือสมบัติล้ำค่า!
อันดับแรกมันเป็นการแนะนำให้รู้จักกับวิญญาณเหล่านี้
ฟางหยวนเห็นข้อมูลเกี่ยวกับฝูงมดอย่างรวดเร็ว
‘วิญญาณอมตะระดับเจ็ดที่อยู่ตรงกลางก็คือวิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลาราชินีมด!’
ข้อมูลที่บันทึกไว้ระบุคุณสมบัติและการให้อาหารวิญญาณอมตะระดับเจ็ดดวงนี้อย่างละเอียด
อาหารของราชินีมดค่อนข้างพิเศษ
เพราะมันกินได้ทุกสิ่ง!
รูปแบบการกินอาหารของมันก็ไม่ธรรมดา
มันจะให้กำเนิดมดดำและส่งพวกมันออกไปกินอาหารทุกประเภทก่อนที่จะนำสารอาหารเหล่านี้กลับมาใช้กับตัวมันเอง
‘มันสามารถกินทรัพยากรอมตะทุกชนิด ไม่เพียงเท่านั้นแต่มันยังสามารถเก็บสะสมอาหารไว้ในวิญญาณระดับมนุษย์มดดำเหล่านั้น’
มดดำสามารถกินทรัพยากรอมตะ ย่อยสลาย และกักเก็บสารอาหาร
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือพวกมันเป็นเพึยงวิญญาณระดับมนุษย์
หากฝูงมดถูกทำลายมากเกินไป วิญญาณอมตะราชินีมดอาจอดอาหารตาย แม้มันจะสามารถให้กำเนิดมดตัวใหม่ แต่มันก็สามารถผลิตลูกมดได้เดือนละหนึ่งตัวเท่านั้น
กล่าวโดยสรุปราชินีมดไม่สามารถเลี้ยงดูตัวมันเอง
ฟางหยวนยังได้รับข้อมูลเกี่ยวกับก้อนน้ำแข็ง
น้ำแข็งก้อนนี้เป็นทรัพยากรอมตะระดับแปด มันถูกสร้างขึ้นโดยผู้อมตะปิงเหริน
วิญญาณปีเป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหก
น้ำที่ถูกผนึกไว้ในก้อนน้ำแข็งแท้จริงแล้วคือวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง
นี่เป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของไห่ฟาน
มันเป็นวิญญาณอมตะระดับแปดที่มีชื่อว่า ปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ!
ผู้อมตะระดับแปดหาได้ยาก วิญญาณอมตะระดับแปดยิ่งหายากว่าและล้ำค่าอย่างที่สุด ผู้อมตะระดับแปดส่วนใหญ่ไม่เคยครอบครองวิญญาณอมตะระดับแปดแม้แต่ดวงเดียว พวกเขาไม่เคยพบหรือประสบความสำเร็จในการหลอมรวมมัน
ไห่ฟานเป็นตัวตนในตำนานที่นำเผ่าไห่สู่ความรุ่งโรจน์ แต่ตลอดชีวิตของเขา เขาสามารถครอบครองวิญญาณอมตะระดับแปดเพียงดวงเดียว นั่นก็คือปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ
สถานการณ์ของฟางหยวนค่อนข้างพิเศษ
ตอนนี้เขาเป็นผู้อมตะระดับหกแต่เขากลับครอบครองวิญญาณอมตะระดับแปดถึงสามดวง
หนึ่งคือวิญญาณทัศนคติ สองคือวิญญาณดาบแห่งปัญญา และสามคือวิญญาณปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ
ผู้อมตะส่วนใหญ่ไม่มีวิญญาณอมตะในการครอบครอง แต่ฟางหยวนกลับมีวิญญาณอมตะในการครอบครองมากเกินไปและยังไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด ตัวอย่างเช่นวิญญาณดาบแห่งปัญญา เขายังไม่เคยใช้งานมันแม้แต่ครั้งเดียว
วิญญาณอมตะระดับแปดปีไหลผ่านราวกับสายน้ำสามารถผลิตวิญญาณปี
ยิ่งใช้พลังงานอมตะมากเท่าใด ผู้อมตะก็สามารถผลิตวิญญาณปีได้มากเท่านั้นและกระทั่งสามารถสร้างวิญญาณปีระดับอมตะได้อีกด้วย
แน่นอนว่ามันยังอยู่ในกฎเกณฑ์ของวิญญาณอมตะที่มีเพียงหนึ่งเดียวและไม่ซ้ำกัน
ตอนนี้วิญญาณปีระดับหกอยู่กับฟางหยวน เขาไม่สามารถใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำเพื่อสร้างวิญญาณปีระดับหกอีกดวงหนึ่ง
ฟางหยวนอ่านข้อมูลต่อไป
วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำมีข้อดีสองประการ
หนึ่ง มันมีข้อกำหนดในการใช้งานต่ำ ผู้อมตะระดับหกสามารถใช้งานมันได้ ตราบเท่าที่พวกเขาจ่ายด้วยองุ่นเขียวอมตะ พวกเขาจะได้รับวิญญาณปี แม้ปีของมันจะน้อยกว่าการใช้พลังงานอมตะระดับเจ็ดหรือระดับแปดก็ตาม
สอง วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำเลี้ยงง่าย อาหารของมันคือกาลเวลาเช่นเดียวกับวิญญาณกาลเวลาและวิญญาณปี
สิ่งนี้ช่วยแก้ปัญหาในการให้อาหารไปได้มาก
การให้อาหารวิญญาณอมตะระดับแปดถือเป็นภาระใหญ่หลวง
อย่างไรก็ตามวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำยังมีจุดอ่อน
เรื่องนี้ระบุไว้ในวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลอย่างชัดเจน
เมื่อวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำถูกนำออกมาจากผนึก กลิ่นอายของมันจะดึงดูดอสูรปีเข้ามา
อสูรปีคือสัตว์อสูรชนิดพิเศษที่ดุร้ายและหายได้ยากในห้าภูมิภาครวมถึงสวรรค์ทั้งเก้า โดยทั่วไปพวกมันจะอาศัยอยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา ในแง่ของพลังการต่อสู้ อสูรปีมีทั้งระดับสัตว์อสูรเดียวดาย สัตว์อสูรบรรพกาล และสัตว์อสูรแรกกำเนิด
อาหารของอสูรปีคือวิญญาณปี
สายธารแห่งกาลเวลาคือสวรรค์ของวิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลา มีวิญญาณป่าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาอยู่ที่นั่นมากมาย
อสูรปีจะกินวิญญาณปีที่เกิดขึ้นที่นั่น
ยิ่งอสูรปีระดับสูงเท่าใด พวกมันก็ยิ่งต้องการวิญญาณปีมากเท่านั้น
ในความเป็นจริงวิญญาณปีระดับอมตะดึงดูดอสูรปีเช่นกัน กระทั่งวิญญาณปีอมตะจะอยู่ในมิติช่องว่างของผู้อมตะ อสูรปีก็ยังสามารถเข้าไป
เหตุผลเป็นเพราะมิติช่องว่างของผู้อมตะมีเวลา มันเชื่อมต่อกับสายธารแห่งกาลเวลาเช่นกัน เมื่ออสูรปีได้กลิ่นของวิญญาณปี พวกมันจะเดินทางเข้าสู่กิ่งก้านสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาและปรากฏตัวขึ้นในมิติช่องว่างของผู้อมตะโดยตรง
วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำสามารถผลิตวิญญาณปี แน่นอนว่ามันยิ่งดึงดูดอสูรปีมากกว่าวิญญาณปีอมตะหรือวิญญาณปีระดับมนุษย์
เพราะเหตุนี้ไห่ฟานจึงต้องผนึกมันไว้เพื่อป้องกันไม่ให้กลิ่นอายของมันรั่วไหลออกมา
ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้ในที่สุด
ต่อไปเป็นรายละเอียดที่สำคัญเช่นกัน
กล่าวให้ชัดเจนกว่านั้นก็คือท่าไม้ตายอมตะ!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1130 วิธีใช้วิญญาณของไห่ฟาน
แปลโดย iPAT
ท่าไม้ตายอมตะจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏต่อหน้าฟางหยวน
ฟางหยวนควบคุมความตื่นเต้นและตรวจสอบพวกมันอย่างรอบคอบ
มีท่าไม้ตายอมตะในทุกแง่มุมไม่ว่าจะเป็นสายโจมตี ป้องกัน เคลื่อนไหว รักษา และอื่นๆ
ทั้งหมดเป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ส่วนใหญ่ใช้วิญญาณปีอมตะและวิญญาณอมตะราชินีมดเป็นแกนกลาง มีท่าไม้ตายไม่กี่ท่าที่ใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำเป็นแกนกลาง ด้วยการใช้วิญญาณอมตะระดับแปดเป็นแกนกลาง พลังอำนาจของท่าไม้ตายเหล่านั้นจะพุ่งสูงขึ้นถึงจุดที่น่าสะพรึงกลัว
ฟางหยวนมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยตัวของเขาเอง
เขามีท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยซึ่งใช้วิญญาณทัศนคติระดับแปดเป็นแกนกลาง
แน่นอนว่าองุ่นเขียวอมตะระดับหกของฟางหยวนไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ มันแตกต่างจากวิญญาณทัศนคติที่ใช้เพียงพลังจิต
‘วิญญาณทัศนคติเป็นวิญญาณอมตะในตำนาน ในแง่ของการใช้งาน วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำไม่สามารถเปรียบเทียบกับมัน อย่างไรก็ตามคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าวิญญาณทัศนคติก็เคยเป็นของไห่ฟานงั้นหรือ?’
ท่าไม้ตายเหล่านี้ทำให้ฟางหยวนรู้สึกได้เปิดหูเปิดตา
มีหลายทฤษฎีเกี่ยวกับการประสานงานของวิญญาณระบุไว้อย่างชัดเจน เพียงอ่านข้อมูลเหล่านี้ มันก็ทำให้เขาได้รับประโยชน์มากแล้ว
มีท่าไม้ตายอมตะมากกว่าสามสิบท่า พวกมันแบ่งเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับหก ระดับเจ็ด และระดับแปด ไห่ฟานยังทิ้งความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์มากมายของเขาเอาไว้เบื้องหลัง
‘ปีที่อุดมสมบูรณ์?’ ฟางหยวนพบท่าไม้ตายอมตะที่น่าสนใจ
ปีที่อุดมสมบูรณ์
นี่คือชื่อของท่าไม้ตายอมตะที่ใช้วิญญาณปีอมตะเป็นแกนกลาง
จากคำอธิบาย กระทั่งไห่ฟานก็ยังต้องใช้เวลาสองหรือสามวันในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายนี้
ค่าใช้จ่ายของมันมหาศาลแต่ผลลัพธ์ของมันจะปรากฎขึ้นในปีถัดไป มันจะช่วยเพิ่มผลผลิตให้กับแหล่งทรัพยากรที่อยู่ในมิติช่องว่างของผู้อมตะ
นี่เป็นท่าไม้ตายที่ใช้พัฒนามิติช่องว่าง
ท่าไม้ตายประเภทนี้หาได้ยากและมีประโยชน์มาก มันคู่ควรกับเป็นท่าไม้ตายของไห่ฟานอย่างแท้จริง
ตามข้อมูลที่ระบุไว้ ไห่ฟานไม่ได้คิดค้นท่าไม้ตายนี้ขึ้นมาด้วยตนเองแต่เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับผู้อมตะนักปรุงยา
ฟางหยวนจำเป็นต้องใช้วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากเพื่อกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายนี้ หากเขาต้องการใช้มัน เขาต้องซื้อวิญญาณเหล่านั้นจากสวรรค์สีเหลือง
แน่นอนว่าเขาต้องใช้ท่าไม้ตายนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ไม่เพียงเขาต้องจ่ายด้วยพลังงานอมตะจำนวนมาก เขายังต้องจ่ายด้วยวิญญาณปีอีกจำนวนไม่น้อย
‘วิญญาณปีในการครอบครองของข้ามีอายุเพียงไม่กี่ร้อยปี ข้าต้องยกระดับมันก่อนจะใช้ท่าไม้ตายอมตะปีที่อุดมสมบูรณ์ มิฉะนั้นวิญญาณปีอมตะอาจกลายเป็นวิญญาณปีระดับมนุษย์ หากเป็นเช่นนั้นมันจะถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่’
ฟางหยวนยังอ่านต่อไป
ท่ามกลางท่าไม้ตายเหล่านี้ บางท่ามีพลังอำนาจที่น่าอัศจรรย์ แต่สำหรับฟางหยวน พวกมันไม่ได้สำคัญมากนัก
ฟางหยวนไม่เคยลืมเป้าหมายที่แท้จริงของเขา
นั่นคือค้นหาวิธีชะลอเวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
‘หนึ่งวันเคลื่อนผ่านราวกับหนึ่งปี!’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นเมื่อพบเป้าหมาย
ท่าไม้ตายอมตะนี้ใช้วิญญาณปีอมตะเป็นแกนกลางและใช้วิญญาณวันระดับมนุษย์เป็นส่วนสนับสนุน ด้วยการกระตุ้นใช้งานเพียงครั้งเดียว มันสามารถลดความเร็วของวันเวลาในมิติช่องว่าง
ดังชื่อของมัน ผลลัพธ์คือหนึ่งวันในมิติช่องว่างจะขยายไปถึงหนึ่งปี
อย่างไรก็ตามไห่ฟานได้ตั้งข้อสังเกตบางอย่าง การขยายเวลาหนึ่งวันให้เท่ากับหนึ่งปีเป็นเรื่องของทฤษฎีเท่านั้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงจะแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ของแต่ละบุคคล
ตัวอย่างเช่นผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งเป็นหลักจะได้รับผลกระทบที่น้อยกว่าเมื่อใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งกาลเวลา
ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเช่นไห่ฟานมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเป็นหลัก ผลกระทบที่เขาได้รับย่อมดีกว่า
นอกจากนี้การใช้ท่าไม้ตายกับแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำและสูงก็จะได้รับผลกระทบที่แตกต่างเช่นกัน
‘หนึ่งเดือนเคลื่อนผ่านราวกับหนึ่งปี’
ฟางหยวนอ่านต่อไปและพบท่าไม้ตายอมตะที่คล้ายกับท่าไม้ตายอมตะหนึ่งวันเคลื่อนผ่านราวกับหนึ่งปี
มันสามารถขยายเวลาหนึ่งเดือนในมิติช่องว่างให้กลายเป็นหนึ่งปี มันใช้วิญญาณปีอมตะเป็นแกนกลางและใช้วิญญาณเดือนระดับมนุษย์เป็นส่วนสนับสนุน
วิญญาณวัน วิญญาณเดือน วิญญาณปี
พวกมันเป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด
นอกจากท่าไม้ตายหนึ่งวันเคลื่อนผ่านราวกับหนึ่งปีและหนึ่งเดือนเคลื่อนผ่านราวกับหนึ่งปียังมีท่าไม้ตายที่คล้ายกันอีกสองท่า นั่นคือหนึ่งปีเคลื่อนผ่านราวกับหนึ่งเดือนและหนึ่งปีเคลื่อนผ่านราวกับหนึ่งวัน
พวกมันใช้ชะลอเวลาและเร่งเวลาในมิติช่องว่าง
การชะลอเวลาในมิติช่องว่างจะทำให้ผู้อมตะพบกับภัยพิบัติช้าลง ตัวอย่างเช่นกรณีของฟางหยวน เขาต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพทุกสองเดือน หลังจากใช้ท่าไม้ตายอมตะหนึ่งวันเคลื่อนผ่านราวกับหนึ่งปี เขาจะพบภัยพิบัติครั้งต่อไปในอีกหลายสิบปีหรืออาจกระทั่งหลายร้อยปี
เมื่อพบสิ่งนี้ฟางหยวนจึงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขารู้สึกมีความสุขมาก
ในภัยพิบัติพิภพสามครั้งแรก เขาแทบไม่สามารถรักษาชีวิต
แต่ด้วยท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเหล่านี้ สถานการณ์ของเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว!
นับจากนี้ไปฟางหยวนสามารถตัดสินใจได้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติเมื่อใด เขาสามารถชะลอเวลาหรือเร่งเวลาได้ตามใจปรารถนา
‘แต่ตอนนี้ข้าไม่จำเป็นต้องทำให้เวลาในมิติช่องว่างของข้าช้าลง ข้าควรเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพเพื่อเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าอีกระยะหนึ่ง ด้วยความช่วยเหลือจากชูตู๋ มีโอกาสสูงที่ข้าจะสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติเหล่านั้น’ ฟางหยวนคิด
การชะลอเวลาในมิติช่องว่างมีข้อเสียเช่นกัน
ทรัพยากรของเขาจะเติบโตได้ช้าเช่นเดียวกับระดับการบ่มเพาะที่จะก้าวหน้าช้าลง
‘ตอนนี้ข้าควรเตรียมวิญญาณระดับมนุษย์เหล่านี้เอาไว้ แต่ข้าต้องการวิญญาณวันและวิญญาณเดือนจำนวนมาก แม้จะสามารถหาซื้อได้ในสวรรค์สีเหลือง ข้าก็ยังต้องใช้เวลานานในการรวบรวมพวกมัน’
มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานไม่ได้ทิ้งวิญญาณวัน วิญญาณเดือน และวิญญาณปีระดับมนุษย์เอาไว้ ฟางหยวนต้องหามันมาด้วยตนเอง
แม้จะยากลำบากแต่ตราบเท่าที่พยายาม ฟางหยวนจะประสบความสำเร็จในที่สุด
‘ท่าไม้ตายอมตะทั้งสี่มาเป็นชุด พวกมันสามารถแก้ไขเวลาของมิติช่องว่างได้อย่างสมบูรณ์ ไห่ฟานผู้นี้ช่างน่าทึ่งนัก’
ในตอนท้ายไห่ฟานยังกล่าวว่า หากผู้สืบทอดได้รับวิญญาณวันอมตะหรือวิญญาณเดือนอมตะ ท่าไม้ตายอมตะทั้งสี่ไม่จำเป็นต้องใช้วิญญาณวันและวิญญาณเดือนระดับมนุษย์เป็นส่วนสนับสนุนอีก นอกจากนั้นผลลัพธ์ของมันจะยิ่งดีขึ้น
‘ข้าโชคดีมากแล้วที่ได้รับวิญญาณปีอมตะ สำหรับวิญญาณวันอมตะและวิญญาณเดือนอมตะ ข้าสามารถลืมพวกมันไปก่อน’ ฟางหยวนเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน
เป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้ของเขาประสบความสำเร็จแล้ว ฟางหยวนพอใจกับมันมาก
เขาอ่านต่อไป
ท่าไม้ตายอมตะ ปีแห่งความแข็งแกร่ง!
ท่าไม้ตายนี้ใช้วิญญาณปีอมตะเป็นแกนกลาง มันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งทางกายภาพให้กับผู้ใช้งาน ความแข็งแกร่งที่ได้รับขึ้นอยู่กับจำนวนปีที่ใช้
นี่เป็นสิ่งที่ไห่ฟานคิดค้นขึ้นมาด้วยตนเอง เขาใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลาทดแทนวิญญาณบนเส้นทางความแข็งแกร่ง
ท่าไม้ตายอมตะ ความร่วมมือหนึ่งร้อยปี!
ด้วยการใช้วิญญาณปีอมตะเป็นแกนกลาง เขาสามารถเลียนแบบทักษะบนเส้นทางแห่งข้อมูลเพื่อสร้างข้อตกลงพันธมิตรที่สามารถคงอยู่ได้ถึงหนึ่งร้อยปี
‘ข้าสามารถใช้สิ่งนี้กับชูตู๋ หลังจากทั้งหมดข้อตกลงก่อนหน้าถูกจัดการโดยเขา ข้อตกลงจากฝ่ายเดียวไม่สามารถเชื่อถือ’ ฟางหยวนคิด
ท่าไม้ตายอมตะ ปีแห่งโชคร้าย!
นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะที่ใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำเป็นแกนกลาง ฟางหยวนไม่สามารถใช้มันได้ในเวลานี้ เขาทำได้เพียงมองมันด้วยความหลงใหลเท่านั้น
ท่าไม้ตายนี้เกี่ยวกับเส้นทางแห่งโชค
มันเป็นท่าไม้ตายสายป้องกัน เมื่อศัตรูโจมตีเข้ามา พวกเขาจะพบกับโชคร้ายเป็นเวลาหนึ่งปี ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาจะสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น
‘ไห่ฟานสมกับเป็นผู้อมตะระดับแปดอย่างแท้จริง!’
‘หากเขาเกิดที่ภาคกลาง เขาจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมกับวังสวรรค์อย่างแน่นอน นอกจากนั้นเขายังสามารถเป็นตัวตนระดับสูงของวังสวรรค์’
การใช้เส้นทางของตนเองเพื่อบรรลุผลลัพธ์บนเส้นทางสายอื่น นี่คือสัญลักษณ์ของผู้อมตะระดับแปด ผู้อมตะทั่วไปไม่สามารถทำสิ่งนี้
ความสามารถของไห่ฟานคล้ายคลึงกับเจ้าวังสวรรค์คนก่อน
เจ้าวังสวรรค์คนก่อนเป็นผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งปัญญา เมื่อโป้ชิงตื่นขึ้นและส่งดาบแสงออกไปทำลายหอคอยดวงตาสวรรค์ เจ้าวังคนก่อนยังสามารถใช้ทักษะของตนเลียนแบบทักษะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเพื่อซ่อมแซมหอคอยดวงตาสวรรค์
‘โอ้ ภัยพิบัติไม่รู้จบสิ้น? นี่คือสิ่งใด?’
ในส่วนท้ายฟางหยวนยังพบท่าไม้ตายอมตะลึกลับ
แกนกลางของมันคือวิญญาณอมตะราชินีมด เมื่อผู้อมตะกระตุ้นใช้งานมัน พวกเขาสามารถเลื่อนภัยพิบัติสวรรค์พิภพออกไปได้หนึ่งครั้ง นั่นหมายความว่าในภัยพิบัติครั้งต่อไป พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับสองภัยพิบัติพร้อมกัน
หัวใจของฟางหยวนแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก
มีคำแนะนำของไห่ฟานเกี่ยวกับท่าไม้ตายนี้บันทึกไว้
ท่าไม้ตายนี้ไม่สามารถใช้งานมากเกินไป แม้พวกเขาจะสามารถเลื่อนเวลาเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ แต่มันจะทำให้สวรรค์โกรธแค้น ภัยพิบัติในอนาคตจะแข็งแกร่งขึ้นไปอีกมาก
นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะที่คิดค้นขึ้นโดยไห่ฟานแต่เขาเคยใช้มันเพียงครั้งเดียวตลอดช่วงชีวิตของเขา
เพื่อเตือนบุตรหลาน ไห่ฟานจึงตั้งชื่อมันว่าภัยพิบัติไม่รู้จบสิ้น
‘ข้าสามารถใช้มันในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น มันไม่ใช่วิธีที่ดีแต่มันก็มีประโยชน์มาก’ ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจและดีใจที่ได้รับสิ่งนี้
ความโกรธของสรรค์
เขาไม่สามารถดูแคลน
หลังจากใช้เวลาพอสมควร ฟางหยวนก็อ่านเนื้อหาทั้งหมดเกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะจนครบถ้วน
มันครอบคลุมในทุกแง่มุมรวมถึงวิธีการพัฒนามิติช่องว่าง
แม้มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานจะมีวิญญาณอมตะเพียงไม่กี่ดวง แต่ด้วยการผสานงานกับวิญญาณระดับมนุษย์ ผู้อมตะสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะเพื่อรับมือกับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
นี่เป็นบรรทัดฐานของโลกแห่งการบ่มเพาะ
แม้ไห่ฟานจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่มีหนึ่งในสิบสุดยอดกายา ดังนั้นเขาจึงต้องใช้วิธียกระดับวิญญาณเพียงไม่กี่ดวงและใช้พวกมันในแง่มุมต่างๆ
จำนวนวิญญาณไม่ใช่สิ่งสำคัญ มีเพียงผู้อมตะที่ใช้งานพวกมันที่สิ่งสำคัญที่สุด
ไห่ฟานเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้
เขามีวิญญาณอมตะเพียงสามดวงแต่เขาสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจในทุกแง่มุมและทุกเส้นทางที่เขาต้องการ
ไม่มีวิญญาณอมตะที่แข็งแกร่งที่สุด มีเพียงผู้อมตะที่แข็งแกร่งที่สุด ประโยคนี้ยังใช้ได้เสมอ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น