องครักษ์เสื้อแพร 1125-1127
ตอนที่ 1125 ถ่วงเวลา เข้าโจมตี
“พลปืนใหญ่ ต้องใช้เวลาเท่าไรกว่าจะบรรจุกระสุนเสร็จ!?”
หลี่หู่โถวบนหลังม้าตะโกนดัง ตอนนี้สามารถมองเห็นลายธงสัญลักษณ์ทัพใหญ่โจรวัวโค่ว พอเขาถามจบ ก็มีทหารติดตามขี่ม้าออกไป ไม่นานก็กลับมารายงานว่า
“ใต้เท้า กองปืนใหญ่ทางนั้นตอบว่า ตอนข้าน้อยมารายงานใต้เท้า ปืนใหญ่สิบกระบอกพร้อมยิงแล้ว!”
หลี่หู่โถวยิ้มพยักหน้า ยกมือขึ้นโบกสั่งการ
“ยิง ระลอกสองยิง ปืนใหญ่ทั้งหมดหยุดหลังยิงระลอกสาม แต่ละหน่วยเตรียมบุก!”
ทหารติดตามข้างกายกับทหารถ่ายทอดคำสั่งพากันแยกตัวออกไปถ่ายทอดคำสั่ง คำสั่งตะโกนดังแล้วก็เริ่มโจมตี ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน น่าจะเป็นปืนใหญ่กระสุนหกชั่งขึ้นไป พื้นดินสั่นสะเทือน กระสุนปืนใหญ่ลอยละลิ่วข้ามไปกลางท้องฟ้า
เสียงแหวกอากาศไม่นานก็ไม่ได้ยินอีก เพราะเสียงตูมดังกลบไปทั่ว หลี่หู่โถวยกมือป้องตามองไป เหยียบบังโกรนม้ายกตัวยืนขึ้นมอง พึมพำว่า
“ทำไมรู้สึกว่าชมฉากแบบนี้ไม่เคยพอเสียที!”
ธงทหารโจรวัวโค่วหนาแน่นราวป่าไม้ ไม่เพียงแต่ใช้ธงคำสั่งเคลื่อนทหาร ทหารกับซามูไรยังมีธงอื่นๆ ที่แตกต่างสี่เหลี่ยมหลายแบบเพื่อแยกสังกัดพวกเขาเสียบไว้ด้านหลัง ธงโบกสะบัดหนาแน่นทั่วบริเวณ
ปืนใหญ่กองกำลังหมิงดัง ทหารโจรวัวโค่วกองรบหนึ่งโคนิชิ ยูกินากะได้ยินเสียงปืนใหญ่ยิงก็หวาดกลัว อดหยุดเดินหน้าไม่ได้
แต่คนมากกมายไม่ได้คิดเช่นนี้ กองกำลังหมิงด้านหน้าไม่มาก แม้แถวเรียงตัวกันแน่น แต่มองไกลๆ จำนวนน้อยกว่าฝ่ายตนมาก และยังจัดแถวไม่เสร็จ เป็นโอกาสดีในการเข้าโจมตี ข่าวเส้นทางทะเลถูกตัดขาดแม้ถูกปิดข่าวไว้แน่นหนา แต่บรรยากาศร้อนใจก็เริ่มปกคลุมอย่างไม่รู้ตัว สถานการณ์เช่นนี้ บรรดาซามูไรล้วนมุ่งมั่นในชัยชนะมากกว่าผู้ใด
หากมีคิดลังเลไม่เดินหน้า คนด้านหลังก็จะฟันทิ้ง ยิ่งไม่ต้องพูด ยามเคลื่อนกำลังทัพใหญ่ การที่คนสองคนหรือถึงกับร้อยสองร้อยคนเคลื่อนกำลังไม่เหมือนกัน ล้วนไม่อาจทำให้ทัพใหญ่สั่นคลอน
ทุกอย่างล้วนเป็นเช่นนี้ก่อนกระสุนปืนใหญ่ยิงตก เสียงลูกเหล็กแหวกอากาศมาตกพื้น ซามูไรวัวโค่วกับทหารราบล้วนเห็นเส้นทางพุ่งมาของกระสุนปืนใหญ่ เห็นกระสุนปืนใหญ่มุ่งมายังกองกำลังตน หลบก็หลบไม่พ้นแล้ว
เริ่มมีเสียง ‘ฟุบ’ เช่นนี้ พาดผ่านร่างมนุษย์ กวาดเอาอวัยวะไปด้วย ไม่ใช่เสียงที่ดังบาดหูสักเท่าไรนัก จากนั้นก็เป็นเสียงร้องโหยหวน เสียงร้องโหยหวนฟังน่าอนาถ สภาพที่กองกำลังหมิงทางนี้เห็นก็คือ ธงหนาแน่นเป็นทิวแถว อยู่ ๆ ล้มพรึ่บลง ทีละแถว
กระสุนปืนใหญ่ผ่านร่างคนไม่รู้เท่าไรแล้วก็ตกลงบนพื้น พื้นที่ไห่ซีกับแคซองติดทะเล อากาศในตอนนี้ชื้นมาก พื้นดินไม่ได้แข็งมาก กระสุนปืนใหญ่ตกแล้วก็กระเด็นกระดอนไปได้ไม่ไกลนัก หากยังเปลี่ยนทิศทางได้อีก
อานุภาพปืนใหญ่แรงเพียงพอ แม้ดินจะดูดซับแรงกระแทกไปบางส่วน แต่ก็ยังฉีกร่างคนได้อยู่ดี ยังคงสังหารต่อเนื่อง
ปืนใหญ่ระลอกแรกยิงไป โจรวัวโค่วทัพหน้าที่กรูกันออกมาเริ่มช้าลง แต่การยิงก็มิได้หยุด กระสุนปืนใหญ่ขนาดใหญ่บรรจุได้ช้าสักหน่อย
รอจนตอนที่เสียงดังตูมสนั่นกว่าเดิม กองกำลังโจรวัวโค่วก็ไม่อาจระงับความแตกตื่นได้อีกต่อไป กองกำลังทั้งกองเริ่มวุ่นวาย โดยเฉพาะบริเวณที่ถูกกระสุนปืนใหญ่พาดผ่าน ซามูไรกับทหารราบเห็นฝ่ายตนถูกกระสุนปืนใหญ่ถล่มยิงอนาถ พวกเขาเองก็รู้ เกราะไม้ไผ่กับเกราะหนังบนตัว ทวนยาวกับดาบยาวในมือ หรือแม้แต่ความกล้าหาญที่เคยมีมา ล้วนไม่อาจทานเสียงปืนใหญ่ก้องกัมปนาทนี้ได้
แต่หากหนีหรือกระจัดกระจายก็ไม่ได้หมายความว่าจะพ้น กระสุนปืนใหญ่ที่ยิงมานี้ไม่ได้เป็นทิศทางเดิมเมื่อครู่ ปืนใหญ่กระสุนเก้าชั่งตกลงพื้น กระแทกลึกมาก ไกลมาก
ปืนใหญ่ยิงมาทั้งหมดสามระลอก รอบที่สอง ได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังติดกันไม่หยุด ทัพใหญ่โจรวัวโค่วบุกหน้ามารู้สึกแต่ว่าปืนใหญ่ไม่ได้หยุดยิง ล้วนไร้จุดสิ้นสุด
เสียงลูกเหล็กแหวกอากาศมาเช่นนี้ คนไม่อาจหนีรอด ได้แต่วิ่งหนี พื้นที่โจมตีปืนใหญ่ว่างเปล่าแล้ว แต่ละคนล้วนวิ่งหนีสี่ทิศ แต่ไม่มีพวกที่ถูกปืนใหญ่ยิงแล้วยังนิ่งอยู่ได้ สองฝ่ายเบียดเสียด ทั้งกองกำลังวุ่นวายอลหม่านไปหมด
ไม่เพียงแต่กองกำลังโจรวัวโค่วเป็นเช่นนี้ แม้แต่ทหารม้าต้าถงปีกขวาก็เริ่มวุ่นวาย เพราะม้าไม่อาจนิ่งได้ท่ามกลางเสียงดังทรงอานุภาพเช่นนี้ จะต้องบังคับให้อยู่
“ทั้งหมดบุก!”
ปืนใหญ่หยุดยิง หลี่หู่โถวบนหลังม้ามองเห็นภาพอลหม่านด้านหน้าอย่างพึงพอใจ สะบัดแขนลงอย่างแรง พลตีกลองของหน่วยหนึ่งเริ่มตีกลองเป็นจังหวะเดินหน้า พลถือธงก็เริ่มสะบัดธงไปด้านหน้า ราวกับว่าเป็นสัญญาณ มือกลองทุกหน่วยตีจังหวะเดินทัพเดียวกัน
รองหัวหน้าหน่วยหนึ่งถานต้าหู่ก้าวไปด้านหน้าก้าวหนึ่ง สามหน่วยกำลังที่ตั้งหลักมั่นคงดังเขาไท่ซานเมื่อครู่ ยามนี้ราวกับสะเทือนครู่หนึ่งแล้วก็ค่อยๆ ก้าวกดดันขึ้นหน้า
“พลปืนไฟขึ้นหน้า ตั้งสามแถว พร้อมยิงทุกเมื่อ!”
พลปืนไฟตะโกนดัง พลปืนไฟยืนประจำอยู่สี่มุมพลทวนยาวทยอยกันวิ่งออกมาด้านหน้า ไปหยุดที่ระยะห่างทวนยาวห้าสิบก้าว เริ่มแรกก็รักษาเดินทัพไปพร้อมกับพลทวนยาว เดินหน้าไปพร้อมกัน พยายามรักษาสมดุลให้มากที่สุด
ตอนนี้หลายหน่วยล้วนเป็นทหารเก่ากับทหารใหม่ผสมกัน ทหารเก่าส่วนใหญ่เป็นนายกองธงเล็ก ไม่เช่นนั้นอย่างน้อยก็ต้องระดับหัวหน้าส่วน พวกเขาเห็นอะไรมามาก แต่ละคนนิ่ง แต่ทหารใหม่พวกนั้นแม้ฝึกซ้อมกันมายากลำบากตรากตรำ แต่เห็นคนตรงหน้าราวกับคลื่นมนุษย์กองภูเขาบี้มา ก็ยังรู้สึกเครียดอยู่มาก
“ดูซิว่ารังเพลิงมีดินปืนไหม ดูสิว่าเชือกไฟยังติดอยู่ไหม ที่เหลือจะมีอันใดต้องกลัว เราเดินฝ่าออกไปมั่นคงแน่วแน่ แน่นอนมีพี่น้องด้านหลังเราคอยเสริมเราอยู่ แต่ก็อย่ายิงมั่ว ๆ ล่ะ ไม่งั้นกลับไปลงโทษทางวินัย!”
สามารถกล่าวสัพยอกเช่นนี้เตือนทุกคนเรียกได้ว่าจิตใจไม่เคร่งเครียดเท่าไร คนส่วนใหญ่ล้วนเงียบเดินหน้าไปกับทัพใหญ่ ฝึกมาเพียงพอทำให้แต่ละคนล้วนทำไปตามสัญชาตญาณ ตอนฝึกไม้พลองและแส้ทำให้พวกเขารู้ว่าควรทำเช่นไร
***************
“ท่านแม่ทัพ…”
กองบัญชาการกองหลังทหารโจรวัวโค่ว โคนิชิ ยูกินากะกับคุโรดะ นากามาสะทั้งสองคนสีหน้าล้วนไม่ดีนัก ซามูไรระดับสูงใบหน้ามีบาดแผลกำลังคุกเข่าเรียกขึ้นอย่างร้อนใจ สูญเสียมากไป ไม่อาจต้านทานได้ วาจายังไม่ทันกล่าว โคนิชิ ยูกินากะก็สะบัดพัดศึกตวาดว่า
“กองกำลังดาบซามูไรขึ้นหน้าโจมตี กองซามูไรฮาตาโมโตะจับตา ผู้ใดถอยตัดหัวได้ทันที!”
“ข้ารู้เจ้าต้องการกล่าวอันใด พวกเราตอนนี้ไร้ทางถอยแล้ว กลับไปเมืองโซอุล ก็ต้องคว้านท้องเป็นจุดจบอยู่ดี เพื่อให้ได้กลับไป สู้ตายเถอะ!”
พูดถึงตรงนี้ โคนิชิ ยูกินากะหลั่งน้ำตาแล้ว คุโรดะ นากามาสะเห็นแล้ว ก็ออกคำสั่งจัดการไม่ต่างกัน
ซามูไรที่คุกเข่าที่พื้นผู้นั้นเห็นดังนี้ก็อึ้งไปครู่หนึ่ง กลับไม่ได้กล่าวต่อ ลุกขึ้นหันหลังกลับ กำลังจะออกสู่สนามรบอีกรอบ แต่พอเดินไปได้สองสามก้าวก็ได้ยินโคนิชิ ยูกินากะด้านหลังตะโกนมาว่า
“โอโนะ บุกเข้ากลางกองกำลังโจรหมิงทำให้เกิดความชุลมุน จึงจะทำให้ปืนโจรหมิงไม่อาจสำแดงอานุภาพได้อีก!”
ซามูไรผู้นั้นพยักหน้าหนักแน่น รีบวิ่งออกไปขึ้นมากลับไปยังสนามรบที่ดุเดือด สีหน้าโคนิชิ ยูกินากะแม้ว่าไม่ดีนัก แต่ก็ยังมองไปไกลยังสนามรบกล่าวว่า
“แม้ว่าเริ่มแรกพวกเราเสียเปรียบ แต่ตอนนี้ใช่ว่าพวกเราไร้โอกาส โจรหมิงทิ้งโอกาสให้เราแล้ว ตอนนี้ไม่ใช้ทหารม้า ไม่ใช้ปืน ขอเพียงพวกเราบุกเข้าไปได้ ซามูไรนักรบเราได้มีโอกาสแสดงฝีมือได้”
คุโรดะ นากามาสะพยักหน้าเบา ๆ เห็นด้วย กล่าวเด็ดเดี่ยวว่า
“วันนี้เป็นโอกาสพลิกสถานการณ์เกาหลีครั้งใหญ่!”
*****************
ทัพใหญ่สองฝ่ายกำลังปะทะพัวกัน พลปืนใหญ่วัวโค่วยิงปืนใหญ่มาเมื่อครู่เสียหายไม่น้อย ช่วงชุลมุนก็ได้รวมกำลังกันเสร็จ
ทหารม้าโจรวัวโค่วเดิมทีจัดกำลังเตรียมเข้าปะทะกองกำลังหมิงระลอกแรก แต่พอเห็นปืนไฟอีกฝ่ายเรียงแถวเป็นระเบียบเช่นนี้ ก็ระงับความเร็ว ให้พลปืนใหญ่วัวโค่วขึ้นไปก่อน
สถานการณ์เช่นนี้ พลปืนใหญ่วัวโค่วสามารถมองเห็นปืนไฟตรงข้ามไกลจากตนเองมาก ได้แต่กัดฟันเดินหน้า พวกซามูไรตะโกนเร่ง ไม่อาจไม่เคลื่อน
“หยุด~~~”
สองฝ่ายเข้ามาในรัศมีพอแล้ว หัวหน้าหน่วยปืนไฟกองกำลังหู่เวยสั่งดัง พลปืนไฟแถวแรกคุกเข่าลง แถวสองประทับปืนไฟไว้บนไม้ง่ามรอยิง
“เตรียมพร้อม~~~~”
ในตอนนั้นเอง พลปืนใหญ่วัวโค่วยิงก่อน ล้วนในระยะยิง พลปืนใหญ่วัวโค่วเริ่มแตกตื่นแล้ว ปืนในมือเริ่มไม่อาจควบคุม ทุกคนรู้อานุภาพปืนตรงหน้าเป็นอย่างไร พวกเขายิ่งรู้ว่าตอนยิงมาจะมีสภาพเช่นไร ดังนั้นพวกเขาแต่ละคนล้วนคิดจะยิงก่อน
รีบร้อนยิง มือไม้เปะปะ แต่กระสุนยิงไป พลปืนไฟแผ่นดินหมิงก็มีบาดเจ็บล้มตาย แต่การเคลื่อนไหวของพลปืนไฟก็ยังคงอยู่ ถึงกับล้วนไม่ได้มองไปยังเพื่อนทหารข้างกายแม้แวบเดียว สนใจแต่เตรียมยิงของตนไปให้ดี มีทหารใหม่สีหน้าล้วนซีดหลังเห็นเลือด รู้สึกว่าตนเองกลัว แต่ร่างกายกับมือก็ยังคงปฏิบัติการต่อไปอย่างไม่สั่นไหว เตรียมยิง
การเคลื่อนที่ไร้ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้ซามูไรวัวโค่วกับทหารราบล้วนหวาดกลัวจับใจ พลปืนใหญ่วัวโค่วโยนปืนทิ้ง ส่งเสียงร้องดังอย่างไม่อาจระงับความกลัวได้ ไม่สนใจจะวิ่งขึ้นหน้า แม้แต่ซามูไรก็ลืมฟันทิ้ง ล้วนพากันอึ้งไป
“ยิง!!”
ขุนพลทหารตะโกนคำสั่งดัง อาวุธในมือตวัดลง ‘เปรี้ยง’ ยิงดัง จากนั้นก็เสียงปะทุระเบิดดังไปทั่ว ทหารโจรวัวโค่วเริ่มพากันล้มลงทีละแถว ปืนไฟสามแถวยิงจบ พลทวนยาวด้านหลังก็บุก พลปืนไฟเริ่มถอย พวกบาดเจ็บล้มตายล้วนถูกประคองไม่ก็แบกกลับรอดมาตามช่องว่างระหว่างแถว
“ทวนราบ!!”
มีคำสั่งดัง พลทวนยาวจากหน้าไปหลังยกทวนแนวราบ เริ่มเคลื่อนที่ไปด้านหน้า ตามหลักโจรวัวโค่วยามนี้ควรจะบุกสู้ตาย แต่ไม่รู้ทำไมพอเห็นเมื่อครู่บาดเจ็บล้มตายระเนราดด้วยปืนหมด แต่ละคนล้วนลังเลชั่วครู่ จากนั้นค่อยส่งเสียงร้องบ้าคลั่งบุกเข้ามา!
“กองกำลังหู่เวย บุก!!!!”
นายทหารตะโกนดัง นายทหารแผ่นดินหมิงที่เหลือคำรามพร้อมกัน
“บุก!!”
ตอนที่ 1126 หักมุมกะทันหัน
โจรหมิงขี่บนหลังม้า จากที่สูงสู้กับที่ต่ำ อาศัยกำลังม้าปะทะ ย่อมไร้แรงต้านทาน ปืนโจรหมิงอานุภาพรุนแรง ยิงได้ไกล ยิ่งไม่อาจต้านทาน แต่บรรดาซามูไรกรำศึกมาสองร้อยปี ย่อมไม่ด้อยเรื่องการรบด้วยดาบปะทะกันระยะประชิด ย่อมต้องการใช้เลือดโจรหมิงมาล้างความอับอายตนและการพ่ายศึกก่อนหน้าของพวกตน
บรรดาซามูไรสวมเกราะประจำตระกูล กวัดแกว่งดาบยาวกับทวนยาวที่ตีอย่างประณีต ตะโกนดังบุกเข้าด้านหน้าสุด กองกำลังหมิงตรงข้ามราวกับไม่ตื่นกลัวแต่อย่างใด ยังคงรักษาความเร็วบุกหน้าเหมือนเดิม
ซามูไรวัวโค่วกับทหารราบที่รุกขึ้นหน้าล้วนอยู่ ๆ รู้สึกว่าที่ตนเองเผชิญหน้าอยู่นั้นไม่ใช่ทหารชาวฮั่นถืออาวุธคนเดียว แต่เป็นหนึ่งเดียว กองรบสัตว์ประหลาดที่ประกอบด้วยทหารหลายร้อยพัน สัตว์ร้ายที่สามารถกลืนกินกระดูกคนเข้าไปอย่างไม่เหลือ
แต่ละคนยืนชิดติดกันมาก ทวนยาวหนาแน่นแทงออกมาด้านหน้า ใต้แสงอาทิตย์ คมทวนยาวสะท้อนแสงวิบวับ บุกเข้าไปแล้วทำอย่างไร เหมือนว่าไม่ว่ามุมใด ล้วนต้องปะทะกับทวนยาวหลายสิบของศัตรู ไม่อาจหลบได้พ้น แต่ตอนนี้ไม่บุก ก็คงถูกเพื่อนทหารด้านหลังสังหารหรือเหยียบตายแทน
กองกำลังหมิงร่วมเดินลุยหน้าไปด้วยความเร็วพร้อมกัน เสียงกลองเป็นจังหวะและตีได้นิ่งก็เริ่มเปลี่ยนไป ทำให้คนจิตใจเริ่มวุ่นวาย
บุกหน้ามาได้กลางทาง คิดจะหยุดก็ยากยิ่ง ถูกคนด้านหลังผลักให้เดินหน้าไม่หยุด ได้แต่ปะทะเข้ากับแถวทวนยาวกองกำลังหมิง ถูกทวนยาวแทงตาย
อย่างไรทหารโจรวัวโค่วก็คนมาก ถูกสามกองกำลังล้อมไว้อย่างรวดเร็ว ด้านหน้าอาจโจมตีไม่เข้า แต่ปีกข้างเล่า แต่ด้านหลังเล่า?
ปืนไฟดังขึ้นอีกรอบ รอบนอกแถวทวนยาวมีพลปืนไฟวิ่งยิงอยู่ พวกเขามีกองกำลังทวนยาวเป็นกำบัง ยิงไปเรื่อยๆ
ซามูไรกับทหารราบไม่สามารถหาทางทะลายแนวป้องกันทวนยาวได้ ปืนไฟที่ยิงมาจากแต่ละที่ก็ยิ่งป้องกันไม่ได้ บุกมาหน้าสุด สังหารไปรอบสองรอบ มีซามูไรคิดสู้ตายกับทวนยาว ใช้ชีวิตตนเองเปิดทางให้เพื่อนทหารด้านหลังได้โจมตี มีคนตายภายใต้คมทวนยาว มีคนคิดจะฟันพลทวนยาว แต่ปืนไฟก็ยิงมาทันที
เพราะอย่างไรก็ถูกล้อมไว้ พื้นที่เคลื่อนไหวของพลปืนไฟจึงแคบมาก ไม่อาจทำได้เต็มที่ มีซามูไรบางคนเปิดช่องแถวทวนยาวได้สำเร็จ ดูเหมือนว่าจะทะลุเข้ามาได้
หัวหน้าแถวกองกำลังหู่เวยถือทวนขวานยักษ์พุ่งออกมาในช่องว่างนั้นทันที พวกเขาสวมเกราะทั้งตัว มือถือทวนขวานใช้ฟันทุบทำลาย โจรวัวโค่วทวนยาวกับดาบยาวตรงหน้า ไม่อาจมีวิธีรับมือได้ ได้แต่แทงไปไม่ก็ฟันไป พวกเขามีเครื่องป้องกัน ดาบทวนโจรวัวโค่วหากไม่แทงเข้าตามร่องก็ยากจะทำร้ายให้บาดเจ็บได้ ทวนขวานในมือพวกเขา เกราะโจรวัวโค่วกลับยากจะต้านทานอยู่
บนสนามรบเคร่งเครียดเช่นนี้ แต่ละคนล้วนตื่นตระหนก จะมีโอกาสเสแสร้งเล่นลูกไม้หลอกได้อย่างไร ได้แต่ใช้แรงกำลังทั้งหมดทุ่มเข้าสังหารอีกฝ่ายอย่างเต็มกำลังเท่านั้น สามารถสังหารคนตายกับโอกาสตัดสินแพ้ชนะเป็นเรื่องเดียวกัน หากการเคลื่อนไหวนี้ โจรวัวโค่วไม่มีผู้ชนะ
แถวทวนยาวก้าวไปไม่หยุด ในพวกเขาก็มีบาดเจ็บล้มตาย โจรวัวโค่วไม่อาจสนใจอันใด โยนทวนยาวในมือทิ้ง ทหารราบถูกคนผลักใส่ทวนยาว คนด้านหลังยังคงทะลักขึ้นมาก พลทวนยาวกองกำลังหู่เวยเองมีเกราะป้องกัน แต่เริ่มปรากฏมีทหารบาดเจ็บล้มตายแล้ว
แต่วินัยก็คือวินัย บุก บุก เข้าที่มั่นกลางศัตรู คนหนึ่งล้มลง อีกคนก็ย่อมเข้าแทนตำแหน่ง ปืนไฟของพลปืนไฟหมดไฟ ไม่ก็กระสุนตกไปตอนวิ่งไปมา รีบใช้ปืนไฟเป็นดังท่อนเหล็กแทน ไม่ก็ควักดาบสั้นของตนออกมาขึ้นหน้าสังหารตัวต่อตัว
ทัพใหญ่โจรวัวโค่วทุ่มกำลังเข้าสู่สนามรบ ดำทะมึนไปทั้งแถบ แต่ละกองแบกธงสีต่างกัน กรูกันออกมาสังหารราวกับระลอกคลื่นทะเล แต่ทวนยาวกองกำลังหู่เวยก็เหมือนกับหินโสโครกใต้ทะเล ไม่ว่าคลื่นใหญ่เพียงใด ปะทะหินโสโครกก็ต้องแตกกระจาย
สามหน่วยยังคงเดินหน้าช้าๆ ยังคงเดินหน้าอย่างมั่นคงยิ่ง โจรวัวโค่วที่ออกมารับศึกล้มลงทีละแถบ
พวกที่กล้าหาญที่สุดมักอยู่หน้าสุด พอพวกเขาตายไป พวกด้านหลังย่อมไม่มีใจหยัดยืนต่อ คนยิ่งอยู่หลังก็ยิ่งย่ำแย่
ทหารใหม่กองกำลังหู่เวยเดิมยังหวาดกลัว เบื้องหน้ากางเขี้ยวเล็บข่มขู่ โจรวัวโค่วหน้าตาบิดเบี้ยว พวกเขากวัดแกว่งทวนและดาบท่าทางดุร้ายมาก มีเสียงเพื่อนทหารร้องโหยหวนล้มลงตลอดเวลา เลือดเนื้อของเพื่อนทหารราดรดบนกายตน นักรบศัตรูยังคงกวัดแกว่งอาวุธเข้าปะทะกันอย่างไม่หวั่นเกรง พลปืนไฟด้านหน้าวิ่งไปมาไม่หยุด พวกเขาเข้าใกล้ศัตรูมากกว่า พลตีกลองยังคงตีกลองจังหวะไม่ช้าไม่เร็ว พลยกธงข้างหัวหน้ากองตีกลองก็ยังมีหน้าเด็ดเดี่ยว ธงยังคงโบกสะลัด พวกเขาค่อยๆ ตั้งสติมั่น ตามการฝึกปกติ เข้าสังหารไปทีละก้าว ไม่ก็ก้าวขึ้นหน้ารอศัตรูเข้าปะทะ
ตอนเริ่มพลทวนยาวตะโกนดังติดๆ กัน แต่ละคนล้วนคำรามโมโหเพื่อให้ตนมีกำลังใจฮึกเหิม ราวกับเสียงตะโกนยิ่งดัง ก็ยิ่งทำให้ตนเองคลายความอ่อนแอหวาดกลัวในใจลงได้
เดินหน้าต่อไม่หยุด ทหารกองกำลังหู่เวยเงียบลง ก็แค่สังหารศัตรูเท่านั้น มีคนรู้สึกไม่เห็นมีอันใด มีคนรู้สึกสะใจยิ่ง ไม่ว่าฝึกซ้อมตรากตรำเพียงใด ล้วนไม่อาจเทียบได้กับกลิ่นคาวเลือดและความตายตรงหน้า ทหารที่ผ่านเรื่องพวกนี้ไปแล้ว ก็จะได้เป็นนักรบที่แท้จริง
อย่างไม่รู้ตัว สามหน่วยกองกำลังหู่เวยยิ่งเร่งความเร็วเดินหน้า เพราะหลังจากเริ่มฮึกเหิมแล้ว โจรวัวโค่วก็ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้กองกำลังที่ราวกับเม่นเหล็กนี้อีก กองกำลังนี้ยังมีลูกไฟยิงออกมาตลอด หากเข้าใกล้ก็คงมีจุดจบแค่ความตาย
พื้นที่รอบๆ ยิ่งเปิดกว้าง ยิ่งไร้ผู้คน โจรวัวโค่วไม่ว่าเป็นซามูไรหรือเป็นทหารราบล้วนไม่กล้าขึ้นหน้า มีซามูไรฮาตาโมโตะกับนักรบขี่ม้ามากวดขันสนามรบเป็นระยะ มีแต่ฟันสังหารและแส้โบยจึงจะทำให้พวกเขาเดินหน้าได้ แต่พอเดินหน้าไปแล้ว จุดจบก็ยังคงเป็นความตาย
การต่อสู้เช่นนี้ สำหรับทุกคนในกองกำลังหู่เวยแล้วเป็นเรื่องที่ไม่แปลก แต่สำหรับทหารม้าต้าถงกับทหารราบจากเมืองชายแดนที่อยู่ในภาวะเตรียมพร้อมมาตลอด แต่ยังไม่ได้ออกรบสักครั้งแล้ว ตอนนี้ถึงกับเริ่มตื่นเต้นอย่างมาก ถึงกับเรียกได้ว่าจิตใจเริ่มสั่นไหวตื่นเต้นอย่างมาก
ในสายตาพวกเขา ทหารราบกองกำลังหู่เวยห้าพัน ก้าวไปทีละก้าวตีศัตรูที่ได้เปรียบกระจุย และยังก้าวต่อไปเข้าสู่วงล้อม เห็นอยู่ว่าทะลุเข้าไปกลางหมู่ศัตรูแล้ว ใช้น้อยสู้มาก และในการเคลื่อนไหว ข้อได้เปรียบเรื่องปืนน้อยลงไปมาก ยังมีกำลังใจต่อสู้มากเช่นนี้ ช่างไม่น่าเชื่อ
สถานการณ์เช่นนี้ได้แต่ใช้เหตุผลมาอธิบาย ก็คือกองกำลังหู่เวยเป็นกองกำลังแข็งแกร่งแห่งใต้หล้า!
มองดูสถานการณ์รบในตอนนี้ ทหารราบชายแดนกับทหารม้าต้าถงล้วนดูกันจนเลือดในกายเดือดพล่าน ความองอาจกล้าหาญเพิ่มทวี รองแม่ทัพต้าถงหมากุ้ยอดไม่ได้ขี่ม้ามาด้านหน้าหลี่หู่โถว เอ่ยขึ้นขอออกศึกว่า
“ใต้เท้า พี่น้องกองกำลังหลวงเข้าปะทะตัวตัวกับโจรวัวโค่วแล้ว พวกข้าน้อยก็ไม่อาจยืนรอดูเฉยได้ ขอใต้เท้าออกคำสั่ง ให้พวกข้าน้อยได้ออกไปล้างเลือดบ้าง ได้ความชอบบ้าง”
หลี่หู่โถวมองเขาแวบหนึ่ง ยิ้มส่ายหน้ากล่าวว่า
“พี่น้องจากชายแดนเราวันนี้ยังคงต้องอยู่ที่นี่ เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ตอนนี้ภาพรวมราบรื่น ไม่จำเป็นต้องให้ทุกคนออกไปสังหารให้เหนื่อย!”
จากนั้นวาจากล่าวออกมาอย่างไร้เหตุไร้ผลดื้อๆ หลี่หู่โถวอยู่ๆ ตะโกนดัง
“ถ่ายทอดคำสั่ง! กองหนึ่ง กองห้า กองหก หยุดรบ พลปืนไฟตั้งแถวยิง แล้วรีบถอย ใต้เท้าหมากุ้ย ขอท่านนำทหารม้าช่วยตัดตอนกองกำลังหลวงกลับ!”
“ใต้เท้า สถานการณ์ดีมาก ไยต้องถอย เรื่องนี้…”
หมากุ้ยขอออกศึกอย่างมุ่งมั่น กลับได้ยินเช่นนี้ ไม่สนใจตำแหน่งใหญ่หรือเล็กกว่า หลุดปากถามขึ้น พอเห็นสีหน้ายิ้มของหลี่หู่โถว ก็รู้ว่าเรื่องไม่ง่ายเช่นนั้น จึงพยักหน้า ตะโกนดัง เตรียมนำกำลังออกไปตัดตอนกลับ
ทางกองกำลังหมิงดูกันอย่างออกรสตื่นเต้น แต่ทางโจรวัวโค่วกลับลนลานสิ้นหวัง คนของตนมากกว่ากองกำลังหมิงมาก แต่กลับถูกกองกำลังหมิงรุกให้ถอยมาเรื่อยๆ โคนิชิ ยูกินากะกับคุโรดะ นากามาสะตอนเริ่มยังให้ซามูไรฮาตาโมโตะเตรียมม้าให้ดี แต่สุดท้ายล้วนจับอาวุธ สถานการณ์ตอนนี้ หนีจะหนีไปไหน ไม่สู้สู้ตายดีกว่า นับว่าสมกับชื่อซามูไร
แต่ในตอนนี้เอง กองกำลังหมิงดูเหมือนว่าอยู่ ๆ จะหยุดเดินหน้ากะทันหัน สนามรบวุ่นวายถึงกับเงียบไปช่วงสั้น ๆ มีหลายครั้งไม่ได้รุกหน้ากันมาหนาแน่นเช่นเดิม กองกำลังหมิงหลายพันอยู่ ๆ วิ่งกลับไป ไม่ว่าฝึกมาดีแค่ไหน แต่การสวมเกราะถือทวนยาววิ่ง ยังมีพื้นดินที่ไม่ได้เรียบทั้งหมด คิดจะรักษาแถวขณะวิ่งให้เรียบร้อยนับว่าไม่ง่าย เห็นชัดว่าเริ่มไม่เป็นระเบียบ
ทหารโจรวัวโค่วที่ใกล้แตกกระเจิงล้วนอึ้งมาก กองกำลังหมิงตรงหน้านี้เหมือนว่าเริ่มวุ่นวาย หากไล่ตี เหมือนว่าสามารถได้เปรียบ
แต่ทว่าทหารม้ากองกำลังหมิงที่เอาแต่นิ่งเงียบตอนนี้ออกมาแล้ว การป้องกันทัพใหญ่ทำให้พวกเขาไม่ได้มีโอกาสออกรบ สภาพตอนนี้ทำให้พวกวัวโค่วรู้สึกงงมาก
โจรวัวโค่วแต่ละกองรบที่เมื่อครู่ถูกตีกระเจิงถอยไป ระหว่างไล่โจมตีแตกกระจัดกระจาย ตอนนี้ได้แต่เร่งจัดการระเบียบกองกำลัง คิดพักหายใจ ไม่เช่นนั้นคงได้แตกสลายพ่ายแพ้เป็นแน่แล้ว
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
โคนิชิ ยูกินากะกับคุโรดะ นากามาสะเป็นนับรบออกรบมานาน แม้ว่าไม่เคยได้เก่งกล้านำรบราวเทพ แต่ก็ไม่ได้ระงับตัวเพราะการเปลี่ยนแปลงกะทันหันบนสนามรบเช่นนี้
“มัทซูอูระ เจ้านำกำลังสองพัน ทหารม้าห้าร้อย มุ่งหน้าไปโจมตีกองกำลังหมิงทัพกลาง!”
โคนิชิ ยูกินากะออกคำสั่งอย่างเร็ว กองกำลังที่เตรียมเป็นกองหนุนหลังมาตลอด นับว่าเป็นกำลังเก่งกล้า ได้ยินคำสั่งนี้ก็เริ่มเดินหน้าบุก กองกำลังหมิงอยู่ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงทำให้พวกเขามีความกล้าขึ้นมาไม่น้อย
“ก็ไม่รู้ว่าการทำเช่นนี้ทำให้อีกฝ่ายมองออกหรือไม่ พวกโจรวัวโค่วรบไม่เอาไหน จะแกล้งแสดงอย่างไรก็ล้วนยุ่งยาก!”
หลี่หู่โถวหลังมีคำสั่งให้พาคนเจ็บไปดูแลแล้ว ก็พึมพำกับตนเองบนหลังม้า มองเห็นโจรวัวโค่วหลายพันเริ่มมุ่งมาทางนี้ หลี่หู่โถวออกคำสั่งอีกว่า
“ทหารเมืองชายแดนออกศึก ห้ามใช้ปืน อาวุธระยะไกลอนุญาตแค่ธนู!”
ตอนที่ 1127 ฟางเส้นสุดท้าย
“การรบหู่โถวนี้รบได้งี่เง่าไปสักหน่อย แต่ก็ยากตำหนิ เห็นอยู่ว่าสามารถปราบศัตรูให้ราบคาบได้ แต่กลับต้องทำเรื่องน่าประหลาดเช่นนี้ออกไป”
ในรถม้าไช่หนาน หวังทงมองดูกะบะทรายสนามรบไป ก็ยิ้มไปกล่าวไป ไช่หนานข้าง ๆ มองกะบะทราย ในมือถือพู่กันบันทึกวาดภาพไม่หยุด ได้ยินหวังทงกล่าวเช่นนี้ ไช่หนานเงียบไปครู่ก่อนจะกล่าวว่า
“ใต้เท้า แกล้งแสดงไปเช่นนี้แม้แต่ข้าเองก็มองเข้าใจ โจรวัวโค่วจะหลงกลนี้…”
“เมื่อครู่มีรายงานมาแล้ว โจรวัวโค่วกำลังไปรวมกันที่เมืองโซอุล ดูท่าคิดจะสู้ตายกับพวกเรา คิดว่าได้ผล”
หวังทงยิ้มกล่าวจบ ก็โบกมือกล่าวว่า
“ข้าเองก็เข้าใจว่าตอนนี้คิดแสดงตัวว่าอ่อนแอหลอกล่อนั้นอาจเหลวไหลไปสักหน่อย แต่โจรวัวโค่วยามนี้ไร้ทางถอย ไม่มีที่ไป ให้พวกเขาคิดฝันไปสักหน่อย พวกเขาก็จะคว้าไว้ดังคว้าฟางเส้นสุดท้าย พวกขุนพลโจรวัวโค่วนั่นไม่รู้ว่ารู้พิชัยสงครามหรือไม่ ศึกที่จังหวัดฮวังแฮไม่ว่าอย่างไรก็เป็นโจรวัวโค่วแพ้ไป แต่การต่อสู้ครั้งนี้จะให้พวกเขาได้รู้สึกถึงโอกาส สถานการณ์ตอนนี้ พวกเขาจะต้องเสี่ยงดูสักครั้งเพื่อโอกาสที่เพ้อฝันนี้!”
กล่าวจบ หวังทงก็เคาะโต้ะด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม เสียงดังกล่าวว่า
“ไม่ว่ารบอย่างไร ทัพเราย่อมกำชัยชนะใหญ่ แต่หากโจรวัวโค่วหนีเข้าไปในหุบเขา คิดจะกวาดล้างให้หมดจดก็ไม่รู้ต้องลงแรงอีกเท่าไร ดีไม่ดีอาจต้องอาศัยชาวเกาหลีในพื้นที่ ถึงตอนนั้นก็จะเป็นอีกความยุ่งยากหนึ่ง หากสามารถรบชี้ชะตา ปราบให้ราบคาบได้ ก็ย่อมเป็นวิธีการที่เรียกได้ว่า ลำบากจัดเตรียมก่อนจะสบายภายหลัง”
ต้นเดือนหก หลี่หู่โถวนำกำลังกองกำลังหลวงสามหน่วยและทหารทัพอื่นอีกหมื่นกว่าปะทะศึกกับโจรวัวโค่วกองรบหนึ่งและสาม ณ ไห่ซี จังหวัดฮวังแฮของเกาหลี
ปืนใหญ่ขนาดใหญ่ยิงไป ปืนไฟยิงพร้อม ทวนยาวแทงใส่ สังหารตัดหัวโจรวัวโค่วได้เกือบเจ็ดพัน แต่หลี่หู่โถวนำทัพใหญ่ประสบการณ์น้อยไป ไม่รู้จักให้ทหารราบกับทหารม้าประสานกำลังกัน อาศัยแต่ปืนมากไป ทำให้ไม่ได้ผลความชอบการรบมากนัก และเพราะใช้กระสุนหมด ตอนถอนทหารราบ ก็เกือบถูกศัตรูฉวยโอกาส
โจรวัวโค่วได้รับข่าว ที่อี้โจวพระราชาเกาหลีกับขุนนางก็ได้รับข่าวนี้ แม้ว่าหลี่หู่โถววันนั้นจะรบชนะมาจนได้ แต่บนสนามรบก็เปลี่ยนแปลงไปมาหลายรอบ สถานการณ์ใดล้วนอาจเกิดขึ้นได้ หลี่หู่โถวก็แค่ขุนพลอายุยี่สิบต้นๆ อาจมีความเลอะเลือนอันใดเกิดขึ้นก็ย่อมเป็นได้ ทุกคนล้วนรู้หลี่หู่โถวรบชนะนี้มาได้ ส่วนใหญ่ล้วนเพราะผลการสั่งการของหวังทง ความสามารถของเขาเองยังไม่ได้รับการพิสูจน์
มีคนคิดไปไกลอีกว่า กองกำลังหลวงส่วนใหญ่เป็นทหารราบ ไม่ค่อยได้ใช้ทหารม้า การประสานกำลังทหารราบกับทหารม้าคิดว่าน่าจะยังไม่ได้ฝึกชำนาญ การต่อสู้ต่อมา หากสามารถทุ่มกำลังทหารลงไปได้มาก แยกทหารราบกับทหารม้าออก จัดการให้ปืนไฟหมดกระสุน ใช่ว่าไม่มีโอกาส
ความคิดทั้งหมดทั้งมวลล้วนเข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียว ล้วนคิดว่ามีผลดีต่อฝ่ายตนฝ่ายเดียว จะไปชนะได้อย่างไร ในการรบการสงครามนั้น ความคิดเช่นนี้เป็นความไร้เดียงสาอย่างที่สุด หากกล่าวว่าในสถานการณ์การรบปกติเกิดสถานการณ์เช่นนี้ หลายคนล้วนรู้ว่ามีลูกไม้หลอกอยู่ ดูลวงมากไป
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เส้นทางทะเลกลับประเทศวัวก็ถูกตัดขาดแล้ว หากไม่สู้ตายกับกองกำลังหมิง แต่ละหน่วยกระจัดกระจายทั่วพื้นที่ ก็ได้แต่ถูกกองกำลังหมิงใช้ข้อได้เปรียบด้านกำลังทหารปราบราบคาบ หากกระจายกันทั่วภูเขาทำศึก ก็ย่อมยืดเวลาถูกปราบได้นานขึ้น
ได้แต่ยึดเมืองโซอุลเป็นฐานที่มั่น ยึดครองพื้นที่จากเมืองโซอุลไปจนปูซานลงทางใต้ของเกาหลี อาศัยการนี้อาจยังมีโอกาสหายใจได้บ้าง สามารถมีเวลารอเพียงพอ ก็อาจมีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้
หากไม่สู้ ก็คงมีแค่ตายสถานเดียวแล้ว หากสู้ตายก็อาจยังมีทางรอด ทางเลือกนี้ผู้ใดล้วนต้องทำ หลี่หู่โถวดำเนินการที่สนามรบไห่ซี ก็เพื่อให้อีกฝ่ายมีทางรอด พูดให้ถูกก็คือ ให้อีกฝ่ายคิดว่าตนเองมีทางรอด ไม่ก็ให้ทัพใหญ่โจรวัวโค่วยอมเชื่อความคิดที่คิดเพ้อไปเองนี้ว่าเป็นจริง พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว
**************
คาบสมุทรเกาหลีสามด้านเป็นทะเล เมืองท่าล้วนไม่น้อย แต่ทว่าพอกองเรือรบแผ่นดินหมิงมาถึง เมืองท่าล้วนถูกปิดหมด
เดิมที่ท่าเมืองปูซาน โจรวัวโค่วยังทิ้งทหารไว้สี่พัน ท่าเมืองปูซานเป็นท่าเรือดีหาได้ยาก นำทัพใหญ่เข้าออกไปได้สะดวก รักษาเอาไว้ก็เพื่อให้เป็นเส้นทางถอย เมื่อก่อนรบทะเลก็รบทะเล รบบกก็รบบก สองส่วนไม่เกี่ยวข้องกันนัก กองรบทะเลหากคิดขึ้นบกต่อสู้ ยังต้องใช้ดาบใช้ทวนเข้าสังหารกับทหารราบ กองเรือรบแผ่นดินหมิงกับเรือโจรสลัดพวกนั้น เห็นชัดว่าคนขึ้นฝั่งต่อสู้ไม่มาก
กองทัพเรือมีคนที่สามารถขึ้นฝั่งต่อสู้ไม่มาก แต่คนพันคนก็พอมีอยู่ คนพันคนอาจต่อสู้ประชิดตัวกับโจรสี่พันบนฝั่งไม่ไหว แต่ยังมีอานุภาพปืนใหญ่จากเรือปืนใหญ่ที่น่าตกใจอีก ยิงได้ไกล พอเรือเข้ามาใกล้ฝั่งได้ก็ยิงเอาตูมดังไปทั่วบริเวณ จากนั้นทหารเรือก็เดินขึ้นฝั่งอย่างไม่เกรงกลัวศัตรู
ที่ยิ่งทำให้สี่พันโจรวัวโค่วหมดทางสู้ก็คือ ทหารราบกองพันนี้ถึงกับนำเอาปืนใหญ่มาสิบกว่ากระบอก ทหารราบกองพันนี้ถึงกับยังมีปืนไฟห้าร้อยกว่า และยังมีเรือเข้าเทียบฝั่งตามมาไม่ขาดสาย ทหารเรือเริ่มขึ้นฝั่ง
ยึดครองปูซานไม่อยู่แล้ว ความหวังสุดท้ายก็หมดสิ้นแล้ว คาบสมุทรเกาหลีกลายเป็นดินแดนแห่งความสิ้นหวังสิ้นเชิงแล้ว ขุนพลทหารโจรวัวโค่วที่นำทัพมาได้พิจารณาแล้วว่าจะบุกออกไปสู้ตายหรือไม่ หรือว่าจะคว้านท้องปลิดชีพตนเองดี ในยามคิดไม่ตกนั้น ข่าวที่ทหารรวบรวมมาก็มาถึงปูซาน แม่ทัพใหญ่อุคิตะ ฮิเดะอิเอะมีคำสั่ง ให้ทหารไปรวมกันที่เมืองโซอุล เตรียมสู้ตายกับกองกำลังหมิง
โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ณ โอซาก้า ประเทศวัวล้มป่วยแล้ว การบุกเกาหลีและยึดครองแผ่นดินหมิงเป็นแผนการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเขา ตอนที่ทัพใหญ่สองแสนข้ามทะเลสู่เกาหลี ตลอดทางขึ้นเหนือ มาถึงชายแดนแผ่นดินหมิง เป็นช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ที่สุดในชีวิตเขา
ตั้งแต่ระดับขุนนางใหญ่ประเทศวัว มาจนนักรบไดเมียวเบื้องหน้า ตลอดจนบรรดาซามูไรทั่วไป ไม่มีผู้ใดไม่ดูแคลนโทโยโตมิ ฮิเดโยชิผู้มีชาติกำเนิดแค่คนเลี้ยงม้า โทโยโตมิ ฮิเดโยชิก็รู้ว่าคนอื่นดูแคลนตน อาจเป็นตอนที่เขาได้เป็นขุนพลทหารของโอดะ โนบูนางะที่ตำแหน่งใหญ่สุดที่ไม่มีคนกล้าดูแคลนเขาแล้ว แต่เขาเองกลับรู้สึกไปเองเช่นนี้ตลอด
พอได้เป็นใหญ่ทั่วหล้าในประเทศวัว โทโยโตมิ ฮิเดโยชิได้แต่งกับบุตรสาวขุนนาง ไม่เป็นขุนพลแล้ว แต่ไปดำรงตำแหน่งคัมปะกุที่สูงที่สุดในเหล่าขุนนาง แต่ก็ยังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่ไม่คลาย
การยึดเกาหลีกับแผ่นดินหมิงเป็นแผ่นดินตน ตั้งแต่ตั้งประเทศวัวมาล้วนไม่มีผู้ใดกล้าคิด ไม่หวังสูงเพ้อการใหญ่ ตอนนั้นยุคที่ดีที่สุด ก็แค่ตั้งจังหวัดประเทศวัว ณ ทางใต้สุดของคาบสมุทรเกาหลี ตอนนี้ยึดครองเกาหลีแล้ว ตนเองก็เป็นอันดับหนึ่งในประเทศวัวในรอบพันปีมานี้แล้ว ตั้งแต่ทัพใหญ่ข้ามทะเล ก็ยึดครองเกาหลีได้อย่างรวดเร็ว โทโยโตมิ ฮิเดโยชิรู้สึกว่าไดเมียวใต้หล้าล้วนเคารพตนมากกว่าเมื่อก่อนมาก
แต่ฝันดีไม่อาจยืนยาวนัก แรกสุดก็จังหวัดพยองอัน ถูกกองกำลังหมิงตีพ่าย กว่าจะสู้โต้คืนได้เมืองโซอุลก็ไม่ง่าย สถานการณ์ตกในภาวะคับขัน จากนั้นก็เป็นรอง
ใช้พื้นที่มากมายมหาศาลแลกความภักดีจากเจ้าทะเลใหญ่สุดในแผ่นดินหมิงมาได้ สองในสามประเทศวัวล้วนรวมกำลังมาได้จากการนี้ กองทัพเรือยิ่งใหญ่เช่นนี้ แต่การต่อสู้ครั้งที่สามก็ถูกกองเรือรบแผ่นดินหมิงล้มเรือไปหมดสิ้น นำทัพรบมานานหลายปี ทุกคนแน่นอนเข้าใจว่าหมายถึงสิ่งใด
กองเรือรบแผ่นดินหมิงปิดทางเดินเรือสิ้น ข่าวคาบสมุทรเกาหลีกับประเทศวัวก็ตัดขาดกัน ข่าวลือมากมายเริ่มแพร่ไปทั่วประเทศวัว ไม่มีข่าวที่ทำให้ยินดีสักข่าว กลับเป็นข่าวที่ยิ่งทำให้สิ้นหวัง ข่าวที่แพร่มามากที่สุดก็คือทัพใหญ่ที่เกาหลีถูกกองกำลังหมิงปราบราบคาบแล้ว
ครั้งนี้ยกทัพก็มีความคิดที่จะลดทอนกำลังทหารไซโกกุ ความสูญเสียใหญ่เช่นนี้ไม่เป็นที่กังวล ยิ่งไม่ต้องพูดโทโยโตมิ ฮิเดโยชิเองก็สูญเสียไปมาก ไซโกกุเริ่มวุ่นวายแล้ว ทหารโทโยโตมิ ฮิเดโยชิเองก็เริ่มเก็บตัว อย่างน้อยต้องคุมพื้นที่รอบโอซาก้าให้อยู่ แต่ที่ยิ่งทำให้โทโยโตมิ ฮิเดโยชิรู้สึกไม่สบายใจก็คือ มีรายงานลับว่า ตระกูลโทกูงาวะที่ภูมิภาคคันโตเริ่มมีการเคลื่อนไหว
ความกลัวในใจโทโยโตมิที่สุดไม่ใช่ตระกลูชิมัสสึที่ไม่เคยยอมลงให้จากใจ และไม่ใช่ไดเมียวผู้ครองไซโกกุตอนนั้นอย่างตระกูลโมริ แต่เป็นตระกูลของโทกูงาวะ อิเอยะสึที่เป็นพันธมิตรกับตนยาวนานกว่าเป็นศัตรู ตั้งแต่ตระกูลโอดะ[1]เจริญรุ่งเรืองมาถึงตอนนี้ ยังไม่เคยเห็นตระกูลโทกูงาวะต่อสู้อะไรยิ่งใหญ่ ราวกับว่าเป็นผู้ยอมศิโรราบให้ผู้กำลังแกร่งกว่าไม่ก็เป็นร่วมเป็นพันธมิตรกัน อย่างไม่ทันรู้ตัว ตระกูลโทกูงาวะได้กลายเป็นไดเมียวครองพื้นที่กว้างใหญ่ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิหาโอกาสมาตลอดที่จะทำลายตระกูลโทกูงาวะ แต่ตระกูลของโทกูงาวะ อิเอยะสึก็ยังคงรักษาท่าทีนอบน้อม ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ลงมือ
มีช่วงหนึ่ง โทโยโตมิ ฮิเดโยชิถึงกับคิดไปเองจริงๆ ว่าตระกูลโทกูงาวะ อิเอยะสึยอมภักดีแล้ว มาถึงตอนนี้ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิจึงได้รู้ ตระกูลโทกูงาวะ อิเอยะสึยังคงรอโอกาส แต่ตอนนี้ตนเองคิดได้ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว และไม่อาจทำให้สถานการณ์ที่กำลังวุ่นวายนี้แย่ลงไปกว่านี้
ประเด็นสำคัญก็คือ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิแก่แล้ว ร่างกายคนแก่ก็มักถูกโรคร้ายรุมเร้า หนึ่งเดียวที่คอยช่วยเหลือคุมสถานการณ์เขาอย่างมาเอดะเองก็แก่ชราแล้ว โทโยโตมิ ฮิเดโยชิตอนนี้ได้แต่รักษาอาการป่วยและคุมสถานการณ์ตอนนี้ไว้ เขาเองรู้ว่า ไดเมียวแต่ละแห่งรวมทั้งพวกที่ภักดีเขาล้วนกำลังเตรียมการ ประเทศวัวสงบอีกไม่นานแล้ว กำลังจะวุ่นวายแล้ว
*****************
ประเทศวัวรบกันสองร้อยกว่าปีมานี้ แต่ไรมาไม่เคยเคลื่อนกำลังแสนกว่าเช่นนี้ ไม่อาจสร้างกำแพงเมืองและเครื่องป้องกันได้ จนถึงยุคสมัยโทโยโตมิ ฮิเดโยชินี้จึงสามารถทำได้
ทัพใหญ่โจรวัวโค่วในเกาหลีกำลังใช้ความสามารถนี้ในการสร้างเครื่องป้องกันอย่างเต็มที่ หวังทงนำกำลังทัพใหญ่ใกล้เข้าสู่จังหวัดคยองกี เส้นทางก็ถูกทำลายไปหมด มีทั้งคูน้ำ มีทั้งแอ่งน้ำใหญ่ แหล่งน้ำกับบ่อน้ำล้วนมีแต่ความสกปรก เส้นทางแม่น้ำในพื้นที่ แหล่งน้ำยังไม่เป็นปัญหามาก สำหรับการกีดขวางเหล่านี้ตลอดทางแล้ว หวังทงรับมือได้ง่ายมาก ก็ให้ชาวบ้านเกาหลีมาจัดการ ไม่เปลืองแรงทหารตน
ต่อหน้าทหารม้ากองกำลังหมิงที่ได้เปรียบ ทหารโจรวัวโค่วไม่กล้าส่งกำลังทหารม้าออกมาก่อกวน แต่กลับมีแต่กองกำลังนินจาออกมาวางเพลิงเผาเสบียงในยามค่ำคืน ถึงกับเข้ามาก่อกวนในค่ายจนวุ่นวาย
การต่อสู้เริ่มแรกสุดเป็นกองทหารม้าสืบข่าวของกองกำลังหมิงโต้รุ่งกับนินจาโจรวัวโค่ว……
……………………………………………..
[1] ค.ศ. 1582 โอดะ โนบูนางะ ถูกลอบสังหารที่วัดฮนโน อิเอยะสึกำลังพลเพียงน้อยนิด เกรงว่าตนจะถูกลอบสังหารจึงได้เดินทางไปหลบซ่อน จนได้ทราบว่าโทโยโตมิ ฮิเดโยชิสังหารคนลอบสังหารโอดะ โนบูนางะและยึดอำนาจปกครอง อิเอยะสึฐานะที่เป็นข้ารับใช้คนสำคัญของโอดะ โนบูนางะ เป็นอุปสรรคต่ออำนาจของฮิเดโยชิ ไดเมียวผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองสู้รบกัน แต่ไม่ปรากฏมีผู้แพ้ชนะเสียทีทั้งสองฝ่ายจึงเจรจาสงบศึก ตระกูลโทกูงาวะยอมที่จะเป็นพันธมิตรของฮิเดโยชิ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น