องครักษ์เสื้อแพร 1123-1124
ตอนที่ 1123 กะทันหันมาก
Ink Stone_Fantasy
สำหรับคนที่อุทิศทั้งชีวิตให้กับกองทัพเรือกับการรบทางทะเลแล้ว อยู่ๆ ได้เห็นความก้าวหน้าที่สุดแห่งยุคสมัย การรบของกองทัพเรือที่เหนือกว่าตนมาก ปืนใหญ่กับกำลังการรบที่เหนือกว่าตนมาก
ในใจขุนพลทัพเรือลีซุนได้แต่สิ้นหวังและพังทลาย ในใจมีความกลัวอยู่ลึก ๆ กองกำลังที่เคยเป็นความภาคภูมิใจของตนยามนี้อยู่ ๆ ต่อหน้าผู้อื่นกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีค่าควรกล่าวถึง
“กองโจรวัวโค่วไหม้แล้ว แม่ทัพคงต้องทิ้งชีวิตไว้กลางทะเลแล้ว!”
ข่าวรายงานมายังขุนพลทัพเรือลีซุน ทุกคนล้วนยินดี บนเรือนั้นถึงกับล้วนได้ยินแต่เสียงดีใจจากเรืออื่นดังแว่วมา
เรือปืนใหญ่เข้มแข็งสุดของกองเรือเสิ่นหวั่งถูกทำลายราบคาบไปแล้ว เรือรบที่เหลือก็กำลังเอาแต่หลบการไล่ล่าของกองเรือรบแผ่นดินหมิง สถานการณ์สนามรบสิ้นสุดแล้ว ชัยชนะอยู่เบื้องหน้าแล้ว
ขุนพลทัพเรือลีซุนอยู่ๆ เห็น ‘กองเรือผู้กล้า’ กองกำลังหมิงกำลังส่งสัญญาณให้กองเรือรบแผ่นดินหมิง ความหมายนั้นเหมือนว่าให้กองเรือรบแผ่นดินหมิงลงใต้ไล่ล่าโจรวัวโค่วที่หนีไป ให้กองเรือผู้กล้าอารักขากองเรือรบเกาหลี ปิดเส้นทางทะเลอินชอนและค้นหาศัตรูที่เหลือ
เหตุใดกองเรือรบแผ่นดินหมิง ยังต้องฟังคำสั่งกองเรือสามัญชน ขุนพลทัพเรือลีซุนรู้สึกแปลกใจมาก แต่ ณ ที่นั้น ตนเองเป็นทหารเกาหลีที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงที่สุด หากไม่ได้การช่วยเหลือจากกองกำลังหมิง วันนี้เกรงว่ากองเรือเกาหลีคงถูกทำลายล้างไปแล้ว
กองเรือรบแผ่นดินหมิงค่อยๆ หายลับตาไป กองเรือผู้กล้าส่งสัญญาณให้กองเรือเกาหลีว่า การต่อสู้เมื่อครู่มีเรือเสียหาย ต้องการซ่อมเรือก่อน ต้องทำการซ่อมง่าย ๆ กันก่อน ค่อยออกเดินทางต่อ ขอกองเกาหลีดูแลกองเรือตนเองให้พักก่อน
คำขอนี้สมเหตุสมผล กองเรือรบเกาหลีเริ่มพัก บนท้องทะเลหยุดรบชั่วคราว สองฝ่ายล้วนยังอยู่ในอาการดีใจ หากก็ยังเร่งทำงานกันแข็งขัน
ระหว่างนั้นก็เห็นกองเรือผู้กล้ายิงปืนไปยังที่ว่างเปล่า เสียงดังสนั่นไปทั่ว ตอนเริ่มต้น กองเรือรบเกาหลียังแปลกใจ จากนั้นก็ล้วนคิดว่าเรือรบผู้กล้าทำพิธีอะไรสักอย่าง จึงไม่สนใจ อย่างไรก็วันนี้การต่อสู้ที่ได้เห็นมา พวกเขาแต่ไรไม่เคยได้เห็นมาก่อน บางทีอาจมีเรื่องใหม่อันใดที่ตนยังไม่รู้ก็ได้ ก็คิดว่าปกติ
เวลาการต่อสู้ยาวนานอยู่ สู้กันใกล้ชายฝั่ง กองเรือเช่นนี้กลางคืนทอดสมอพักก็เป็นเรื่องที่กระทำได้สมเหตุผลที่สุด
แม้กองเรือรบเกาหลีคิดจะไปยังปูซาน แต่ในเมื่ออีกฝ่ายตัดสินใจ เช่นนั้นก็ได้แต่ทำตาม
ทุกหนึ่งชั่วยาม ก็จะยิงปืนใหญ่เปล่า ๆ แต่จำนวนยิงปืนใหญ่ไม่เท่ากัน ทุกคนในกองเรือเกาหลีเริ่มจับจังหวะได้ แต่ยังไม่รู้อีกฝ่ายทำอะไร
ทหารเรือเกาหลีกำลังหลับท่ามกลางเสียงดังเหล่านี้ ไม่ค่อยมีผู้ใดสนใจ ช่วงก่อนฟ้าสาง ทิศทางหนึ่งมีเสียงดังตูมแว่วมา
ฟ้าสว่างแล้ว ทิศทางลมยังคงเป็นเช่นเมื่อวาน ทหารเกาหลีหลายคนล้วนยังตะโกนดังว่า ‘เทพคุ้มครอง’ มีลมเช่นนี้มีพันธมิตรเช่นนี้ ต้องมีชัยชนะใหญ่เป็นแน่
“ดูเรือเหล่านี้ จำวิธีการรบพวกเขาให้มาก เรียนรู้ได้เท่าไรก็เรียนให้มากเท่านั้น!”
ตอนออกเรือ ขุนพลทัพเรือลีซุนส่งคนไปยังเรือทุกลำสั่งการคำสั่งนี้ เรือท้องทะเลแล่นไปน่าเบื่อมาก พวกเขาก็ไม่หวังว่าจะปะทะกับศัตรูระหว่างทาง กองเรือโจรวัวโค่วแม้มีกำลังต้านทาน แต่เกรงว่าคงถูกกองเรือรบแผ่นดินหมิงกวาดล้างสิ้นซากไปแล้ว
“ใต้เท้า มีกองเรือ!!”
ทางตะวันตกมีกองเรือหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องทะเลในตอนนี้ กำลังแล่นใกล้มาทางนี้ กองทัพเรือเกาหลีเริ่มแตกตื่น แต่ทว่า กองเรือผู้กล้าที่แล่นมาพร้อมกับพวกเขาส่งสัญญาณให้ว่าเป็นพันธมิตรร่วมเดินทางไปยังปูซานรบกองเรือโจรวัวโค่ว ทุกคนจึงได้เงียบลง
พอถึงตอนบ่าย กองเรือเกาหลีจึงได้เห็นกองเรือทั้งหมด แต่ละคนถึงกับสูดลมหายใจ ลืมหายใจ ล้วนพากันตะลึงตาค้างอ้าปากกว้าง เดิมคิดว่าแผ่นดินหมิงมีเรือสี่ลำเช่นนี้ใหญ่สุดยอดแล้ว คิดไม่ถึงครั้งนี้ถึงกับมีอีกหกลำ ทั้งหมดรวมสิบลำ เป็นเรือปืนใหญ่ขนาดใหญ่
ที่เรียกว่า ‘เรือยักษ์ใหญ่ทะเลสิบลำ’ ก็คงเป็นเรือเหล่านี้ เรือใหญ่สิบลำล้วนมีอาวุธพร้อมสรรพ ไม่เป็นรองเรือปืนใหญ่พันธมิตรโจรวัวโค่ว
ตามหลักกองเรือพันธมิตรมาเช่นนี้ กองเรือรบเกาหลีควรจะยินดีถึงจะถูก แต่พอได้เห็นเรือรบเช่นนี้ เรืออีกฝ่ายยังมีจำนวนมากกว่าตน เกาหลีทุกคนพากันรู้สึกกดดัน ทุกคนเงียบกริบ
ภาษาเรือของแผ่นดินหมิงกับกองเรือเกาหลีเหมือนกัน ขุนพลทัพเรือลีซุนกำชับคนของเขามาตลอดว่าให้ดูสัญญาณเรือของอีกฝ่ายให้ดี สถานการณ์ใดล้วนต้องมารายงาน
พอเรือรบสองฝ่ายสมทบกัน สัญญาณเรือหลายลำก็หยุดลง ข่าวสองฝ่ายส่งถึงกันง่าย ๆ ก็แค่เปลี่ยนรูปขบวนเรือ
ภายใต้ทิศทางลมเช่นนี้ กองเรือผู้กล้าที่ล้วนเป็นเรือใหญ่แบบตะวันตกล้วนยกใบเรือ ทิ้งกองเรือรบเกาหลีไว้ด้านหลังไกล ๆ ความหมายเช่นนี้ก็คือการอารักขาไม่มีอีกแล้ว พวกเรือรบที่ตามมาสมทบเห็นชัดว่าไม่คุ้นชิน ปรับตำแหน่งไม่หยุด
ค่อยๆ อย่างช้าๆ เรือรบผู้กล้าล้วนรวมกันด้านตะวันตกของกองทัพใหญ่ และเรือใหญ่สิบลำยังค่อย ๆ เรียงแถวหน้ากระดาน
“หมายความว่าอย่างไร?”
ขุนพลทัพเรือลีซุนรู้สัญญาณธง แต่ไม่เชี่ยวชาญนัก เขามองไปยังหัวท้ายเรือใหญ่ที่โบกธงแดงให้กันและกัน สัญญาณนั้นไม่ใช่สัญญาณปกติ ดังนั้นจึงถามทหารตนขึ้น
ทหารมองดูแล้วดูอีก ก็ลังเลกล่าวว่า
“ใต้เท้า เหมือนว่าสองฝ่ายกำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่สัญญาณปกติ!!”
“ใต้เท้า!!! กองเรือกองกำลังหมิงเปิดช่องหน้าต่างยิงปืนใหญ่…”
มีคนตะโกนเสียงแหบพร่า เพราะกลัว จึงร้องเสียงหลง ทุกคนในกองเรือรบเกาหลีล้วนมองตามไป
เรือสิบกว่าลำหันข้างให้กองเรือรบเกาหลี ช่องหน้าต่างปืนใหญ่เปิดออก ปืนใหญ่โผล่ลำออกมา ช่องกลางลำเรือมีปืนใหญ่
ปืนใหญ่ชั้นบนปรากฏต่อหน้าคนเบื้องหน้า ปากกระบอกใหญ่มาก ปืนใหญ่เบื้องหน้ากระบอกใหญ่สุด เป็นสิ่งที่กองทัพเรือเกาหลีไม่เคยคิด
“พวกเจ้าคิดทำอันใด!? ทัพใหญ่หมิงคิดทำอันใดกัน!?”
“ตะโกนไปมีประโยชน์ใด ส่งสัญญาณ ๆ โบกธง!!”
กองเรือรบเกาหลีพากันร้องเสียงหลง ตะโกนดัง มีคนยืนอยู่ในที่เตะตาที่สุดโบกธง แต่อีกฝ่ายเหมือนไม่ตอบรับ
ขุนพลทัพเรือลีซุนที่เงียบมาตลอดทางยามนี้ไม่ได้ตื่นตระหนกอันใด เพียงแต่ทอดถอนใจ ยืนอยู่ที่เดิม กล่าวเบาๆ ว่า
“แผ่นดินสองร้อยปี จบสิ้นตอนนี้แล้ว ทุกคน…”
เขาเสียงดังขึ้น คิดจะออกคำสั่ง ไม่ก็กล่าววาจาซาบซึ้งกินใจ แต่ทว่าวินาทีนั้นเอง เรือยักษ์ใหญ่สิบลำยิงปืนใหญ่ เสียงปืนใหญ่ดังกลบทุกเสียงทั่วผืนน้ำ
เรือคอบุกซอนเน้นการป้องกันเป็นหลัก เกราะเรือนั้นแข็งมาก ปืนใหญ่กระสุนไม่ถึงสามชั่งล้วนไม่อาจยิงทะลุ แต่ปืนใหญ่กระสุนเก้าชั่งไม่มีอันใดต้านทานได้ ยิ่งไม่ต้องพูดเรือยักษ์ใหญ่สิบลำยิงปืนใหญ่มามีกระสุน 12 ชั่ง 16 ชั่ง ยังมี18 ชั่ง
รอบ ๆ แรงดังก้องกัมปนาท เรือเกาหลีสิบกว่าลำเริ่มเงียบ เรือที่เข้าใกล้ทางนี้เริ่มพัง
หากเข้าใกล้มาก ก็สามารถได้ยินกองเรือสามธาราส่งเสียงคำสั่งดัง ระลอกสองปืนใหญ่ยิงออกมา ปืนใหญ่เรือยักษ์ใหญ่สิบลำบรรจุกระสุนโซ่ ใช้โซ่เหล็กร้อยลูกเหล็กยิงไป กวาดดาดฟ้าเรือเกาหลีให้ราบ
พวกเกาหลีลนลานหาที่หลบไม่ทัน ถูกกระสุนโซ่แยกร่าง บนดาดฟ้าเรือมีแต่กองเลือด ราวกับภาพในนรก
สถานการณ์ถึงตอนนี้ คนโง่ก็รู้ว่ากองเรือสามธาราต้องการโจมตีกองเรือเกาหลีให้ราบ กองเรือเกาหลีคิดตีโต้ คิดหลบหนี
แต่ปืนใหญ่เรือพวกเขาระยะยิงแค่สามร้อยถึงห้าร้อยก้าว และมีแค่สิบกระบอก จะไปตีโต้ได้อย่างไร ระลอกแรกที่ยิงมา ปืนใหญ่ส่วนใหญ่ล้วนถูกทำลายไปแล้ว ระยะยิงยังสู้ไม่ได้อีก กำลังปืนยิ่งไม่ต้องพูดถึง ที่ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงก็คือ กองเรือสามธาราเมื่อครู่ล้วนลดใบเรือลงเพื่อรักษาสมดุลแถว
“สู้ตายกับพวกมัน!”
“กองเรือหมิงไยจึงโจมตีเรา!!”
แม้กระทั่งตอนนี้ กองเรือรบเกาหลียังคงกำลังทำอะไรไม่ถูก มีเรือหันหัวคิดแล่นหนีเข้าฝั่ง มีเรือแล่นปะทะใส่กองเรือแผ่นดินหมิง มีเรือบนท้องทะเลถึงกับไม่รู้จะทำเช่นไรดี ถึงกับไม่ทำอันใด ไม่ใช่แต่ละคนล้วนรู้ตัวแบบขุนพลทัพเรือลีซุน ยังมีหลายคนมองแผ่นดินหมิงว่าเป็นประเทศแห่งสวรรค์มาโปรด ประเทศเช่นนี้โจมตีตน หลายคนยังคงไม่รู้ว่าควรรับมืออย่างไรดี ในใจล้วนแตกกระเจิงหมดสิ้น
“ไม่รู้จักตาย!”
เรือยักษ์ใหญ่สิบลำ ไม่รู้ผู้ใดสบถออกมา เพราะมีเรือพานโอกซอนหลายลำยกเสากระโดงเรือลง ใช้ไม้พายพายเข้ามา
นี่เรียกว่าไร้ประโยชน์ ระยะใกล้แล้ว ปืนใหญ่ที่ไม่แม่นนักกลับยิ่งแม่นมากขึ้น ตอนปืนใหญ่ยิงไป เรือพานโอกซอนก็ถูกยิงเป็นรูนับร้อยพัน
เรือแล่นหนีไม่อาจหนีได้ไกลนัก พวกเขาถูกกองเรือสามธาราและเรือปืนใหญ่ลำอื่นไล่ตามมาทัน เห็นอันตรายตรงหน้า เรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอนคิดจะเข้าชน แต่ไหนเลยจะแล่นได้ไวเหมือนอีกฝ่าย ปืนใหญ่บนเรือปืนใหญ่พวกนั้นยังคงไม่หยุดยิง
เรือรบชายฝั่งเทอะทะของกองเรือรบเกาหลี หากปลายเรือถูกทำลายน้ำเข้าไปได้ ความเร็วในการจมก็ยิ่งเร็วกว่าเรือทั่วไป
“ไม่อาจไว้ชีวิตไปแม้แต่คนเดียว โดดทะเลไปก็ต้องเห็นศพ เรือที่ยังไม่จมก็ต้องจุดไฟเผาให้ราบ!”
ขุนพลทหารเรือยักษ์ใหญ่สิบลำตะโกนออกคำสั่งดัง กองเรือเกาหลีถูกกองเรือสามธาราแยกและล้อมไว้ แต่ละลำเริ่มถูกโจมตีจมลง มีเรือเกาหลีพยายามโบกธงขาวสุดชีวิต ตะโกนเสียงแหบต้องการยอมจำนน แต่ไม่มีผู้ใดสนใจพวกเขา ยังคงรบต่อ
เรือคอบุกซอนลำสุดท้ายถูกปืนใหญ่ยิงเป็นหลายรูแล้ว กองเรือสามธารากลับใช้วิธีเสิ่นหวั่งโยนพรมและผ้าชุบน้ำมันเข้าใส่ จากนั้นจุดไฟ เห็นเรือคอบุกซอนลุกไหม้ค่อย ๆ จมลง หูอันมองดูอยู่บนเรือ บ่นพึมพำว่า
“เรือเฮงซวย จมหมดแล้ว รีบส่งข่าวให้นายท่านได้!”
ตอนที่ 1124 ติดเกาะโดดเดี่ยว
เดือนห้า ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 21 จังหวัดพยองอันกับจังหวัดฮัมกยองเกาหลีล้วนถูกกองกำลังหมิงปิดตาย กองรบสองของคาโต คิโยมาสะไม่รู้เป็นตายร้ายดี โจรวัวโค่วกองรบสี่ของโมริ โยชินาริกับกองรบห้าของฟูกิชิมะ มาซาโนริ หลายครั้งพยายามฝ่าการปิดตายของกองกำลังหมิง ล้วนปะทะกันเลือดตกยางออก หากไม่อาจได้อันใด ต้องถอยกลับไป
อุคิตะ ฮิเดะอิเอะเดิมอยู่เมืองโซอุล แต่มีข้ออ้างว่าต้องการคุมกำลังแนวหลัง จึงนำกำลังมายังตอนใต้สุดของจังหวัดซอลลา ที่นี่เป็นเส้นทางคมนาคมทางทะเลไปมาระหว่างประเทศวัวกับเกาหลี
การรบในเกาหลีแปดจังหวัดไม่ได้ทำให้คนตกใจมากนัก บนท้องทะเลกลับรบกันดุเดือด นอกทะเลอินชอนโจรวัวโค่วกับกองกำลังร่วมของเสิ่นหวั่งเพิ่งจะได้เปรียบ แผ่นดินหมิงก็ประสานกำลังกับกองเรือเกาหลีทำลายราบ จากนี้ไปจากจังหวัดฮวังแฮไปถึงจังหวัดคยองกีและจังหวัดชุงชอง โจรวัวโค่วไม่มีเรือสามารถออกทะเลได้แล้ว ทุกอย่างต้องอาศัยแค่การคมนาคมทางบกแล้ว
กองกำลังโจรวัวโค่วจังหวัดคยองกียังคงกังวล มีข่าวจากปูซานทำให้พวกเขาสิ้นหวังว่า ‘เรือนับหมื่นรวมตัว ราวฝูงหมาป่าพยัคฆ์’ ‘ทุกคนภักดีกล้าหาญ…เรือจมคนสิ้น ผู้กล้าสิ้นชาติ…’ นี่เป็นข่าวจากปูซาน โจรวัวโค่วกองทัพเรือกับกองเรือเสิ่นหวั่งถูกทำลายราบคาบระหว่างทะเลปูซานกับเกาะสึชิมะ
ไม่เพียงแต่กองเรือสามธารา ความจริงนั้นตอนเรือปืนใหญ่กองเรือสามธาราไปถึง การต่อสู้ก็ใกล้ยุติแล้ว มีแต่พวกที่คิดทำการค้าวันหน้าระหว่างเกาหลีกับประเทศวัวแย่งกันเข้ามาแย่งน้ำซุปถ้วยหนึ่ง บ้างก็ถึงกับคิดแต่เพียงแค่การค้าน้ำตาลทางทะเลใต้ อยากได้สิทธิพิเศษในการเข้าร่วมค้า บรรดาเจ้าทะเลกรูกันมายังท้องทะเลแถบนี้ ร่วมโจมตีเสิ่นหวั่งกับกองเรือพันธมิตรเสิ่นหวั่ง พวกเขากำลังจะได้ยึดครองทรัพย์สินเงินทองกับอำนาจก้อนโตในท้องทะเล
เรือปืนใหญ่เสิ่นหวั่งรับมือกองเรือเกาหลียังคงได้เปรียบ แต่ยามเผชิญกองเรือรบแผ่นดินหมิงและเจ้าทะเลอื่น เขาไม่อาจได้เปรียบอันใด คุณภาพและปริมาณปืนใหญ่ของกองเรือซาต้าเฉิงล้วนเหนือกว่าเขา
เทียบกับกองทัพเรือโจรวัวโค่วที่คิดสู้ตายแล้ว กองเรือเสิ่นหวั่งหลังประสบเหตุเสียหายหนักก็คิดหนีออกจากสนามรบในทันที แต่ระหว่างการรบเป็นตายเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าคิดหนีก็หนีได้ กองเรือที่เหนือกว่าเขาย่อมกัดไม่ปล่อย การต่อสู้จบลง ทุกคนจึงพบว่า เรือทุกลำบนท้องทะเลล้วนไม่ปรากฏร่องรอยเสิ่นหวั่ง เรือเดิมที่เสิ่นหวั่งอยู่นั้น มีคนสารภาพว่า เสิ่นหวั่งเปลี่ยนเรือระหว่างทางหนีไปแล้ว
กองทัพเรือโจรวัวโค่วถูกจมหมดแล้ว ตั้งแต่เดือนหกปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 21 เส้นทางทะเลประเทศวัวกับเกาหลีถูกปิดหมด เมืองริมทะเลที่คิวชูกับไซโกกุล้วนเตรียมพร้อมรับศึกใหญ่ เพราะตอนนี้มีเรือพ่อค้าทะเลแผ่นดินหมิงเข้ามาก่อกวนเรื่อยๆ
กล่าวเสริมสักหน่อย ไดเมียวคิวชูยังคงไปมาหาสู่กับกับบรรดาเจ้าทะเล เพราะการปิดทะเลตอนนี้ กลับทำให้ยิ่งได้กำไรมากมหาศาล…
สองทัพเรือปะทะกันไม่ถึงเดือน หัวหน้ากองรบโจรวัวโค่วประจำเกาหลีอยู่ ๆ ก็พบว่า ตนเองไร้ทางถอยแล้ว แม้พวกเขาตอนนี้จำนวนคนได้เปรียบ แต่ในมุมมองหนึ่งนั้น สองฝ่ายผู้ใดจะพ่ายยังไม่รู้แน่ เปรียบดังกวางตายด้วยน้ำมือผู้ใดยังไม่อาจแน่ชัด
แต่ก็ยังมีข่าวที่ทำให้คนไม่พอใจนัก ขุนพลทัพเรือลีซุนกองเรือรบเกาหลีระหว่างทางมายังปูซาน ถูกโจรวัวโค่วโจมตีกองทัพทั้งกองหมดสิ้น เพราะกองเรือรบแผ่นดินหมิงแล่นเร็วเกินไป ยังคงเป็นหมิงที่ประมาทเลินเล่อไม่เปลี่ยน ทิศทางลมก็เปลี่ยนทิศผิดทาง คิดจะกลับไปช่วยก็ไม่ทันแล้ว
“ล้วนเป็นความผิดข้าน้อย ข้าน้อยขอรับโทษ!”
หัวหน้ากองเรือผู้กล้ามีหนังสือขอรับผิด แต่ทว่าโชคดี กองทัพ ‘โจรวัวโค่ว’ นั้นได้ถูกทำลายราบด้วยน้ำมือเขา เรือทั้งหมดจมลงสู่ก้นทะเล
“ทำความชอบชดใช้ความผิด!”
หวังทงได้ตัดสินใจหนังสือตอบกลับ ค่อนข้างเจ็บปวดที่ต้องประกาศต่อทั้งกองทัพ ให้แต่ละกองได้เป็นบทเรียน ไม่อาจทำความผิดใหญ่ด้วยความประมาทเช่นนี้อีก
เกาหลีต่างไม่รู้จะทำอย่างไรในเรื่องนี้ ณ อี้โจว ฝ่ายพระราชาเกาหลีพอได้ยินทัพใหญ่ยึดพื้นที่คืนมาได้เรื่อยๆ ก็ดีพระทัยอย่างมาก กองทัพเรือตนสูญแล้วก็สูญไป ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะรักษาเอาไว้ได้อยู่แล้ว ขุนพลทัพเรือลีซุนแต่ไรมาก็ไม่ใช่บุคคลอันเป็นที่รักของผู้ใด ปล่อยเขาไปก็แล้วกัน ก็แค่มีหนังสือไว้อาลัย จัดงานศพให้เท่านั้นก็จบเรื่อง
เดือนหก ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 21 นอกจากทางใต้เกาหลีที่ยังมีกองกำลังราษฎรก่อการประปราย เกาหลีทั้งแผ่นดินก็ไม่ได้มีการต่อสู้ด้วยกำลังทหารอันใดอีก
วันที่ 10 เดือนหก ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 21 หวังทงมาถึงเมืองฮวังจูในจังหวัดฮวังแฮ เกาหลี เดิมกองรบสามของคุโรดะ นากามาสะที่กลับมาตั้งค่ายใหม่ที่จังหวัดฮวังแฮก็ถอยกลับไปจังหวัดคยองกี
ผู้ใดล้วนรู้เส้นทางทะเลถูกปิดแล้ว แท้จริงจะมีผลเช่นไร ชาวประเทศวัวทุกคนล้วนโมโหอย่างมาก เริ่มรวมกำลังโจรสลัดเข้ามาเป็นกองรบทางน้ำ บรรดาไดเมียวติดทะเลมีหน้าที่ต่อเรือ และยังขอความช่วยเหลือจากพ่อค้าแต่ละชาติที่เดินทางมาทำการค้าที่ประเทศวัว พวกเขาส่งเรือมาร่วมรบ
การต่อเรือนั้นไม่อาจเห็นผลในเวลาอันสั้น โจรสลัดที่รวมกำลังมาได้ก็เพราะเห็นแก่ค่าตอบแทนสูง ปลายเดือนหกเรือก็เริ่มเข้าสู่ช่องแคบสึชิมะ
พวกฮอลันดากับพวกสเปนเดิมมั่นใจอย่างมาก แต่พอได้เห็นเรือปืนใหญ่กองเรือสามธารา ก็ขึ้นธงว่าไร้ความต้องการร่วมรบ พากันออกจากสนามรบไป ที่เหลือเป็นเรือสเปนลำหนึ่ง เพราะเข้ามาใกล้เกินไป ก่อนออกจากสนามรบถูกเรือปืนใหญ่ยิงจมไปทันที
เรือปืนใหญ่พวกฮอลันดากับพวกสเปนออกจากสนามรบ ทำให้โจรสลัดเดิมที่แตกตื่นตกใจอยู่แล้วตอนนี้ก็แตกกระเจิงไปหมดทันที การต่อสู้ลำดับถัดมาก็มีแต่คำว่า สังหารหมู่
บรรดาเจ้าทะเลฝ่ายหวังทงไม่สามารถลอยลำอยู่ในช่องแคบนี้นานนัก พวกเขาต้องการทำการค้า ในเรื่องนี้หวังทงก็ไม่ได้มีข้อบังคับอันใด ความจริงนั้นปิดทะเลได้ครึ่งเดือนขึ้นไปก็บรรลุเป้าหมายแล้ว
เรือมากเกินไป ทำให้โจรวัวโค่วคิดส่งคนไปทำทีเป็นเกาหลีแจ้งข่าวก็ไม่อาจทำได้ บนท้องทะเล เรือปืนใหญ่พวกนั้นทำให้พวกเขาสะเทือนอย่างมาก
ได้รู้ว่าเส้นทางทะเลถูกปิดหมดแล้ว รู้อีกว่าการปิดนี้ไม่อาจตีฝ่าได้โดยง่ายแล้ว โจรวัวโค่วในเกาหลีแต่ละกองกำลังเริ่มนั่งไม่ติด
ไม่ว่าคิดอย่างไร ไม่ว่าทำอย่างไร ตอนนี้ทางออกพวกเขามีทางเดียวก็คือสู้ตายกับกองกำลังหมิง ต้องตีกองกำลังหมิงแตกพ่าย เช่นนี้ที่เกาหลีจึงพอมีทางรอด หาไม่แล้ว ตอนนี้ทางเลือกอื่นอีกแล้ว ได้แต่รบเท่านั้น
โคบายากาว่า ทาคากาเกะกับอุคิตะ ฮิเดะอิเอะ และแม่ทัพหลายกองหารือกันเริ่มเคลื่อนกำลัง ในเมื่อเส้นทางทะเลถูกตัดขาด ก็ย่อมต้องทิ้งจังหวัดซอลลากับจังหวัดคยองซัง ทิ้งเสบียงและกองกำลังเล็กๆ ไว้จำนวนหนึ่ง ที่เหลือรีบขึ้นเหนือไปรวมกันที่จังหวัดคยองกีกับจังหวัดชุงชอง ทหารจังหวัดกังวอนก็ยกไปประชิดทางตะวันตก
เกาหลีภูเขามาก ที่ราบก็จะอยู่ทางตะวันตกของคาบสมุทรเกาหลี ทัพใหญ่ปะทะศึก เส้นทางเมืองโซอุลกับอินชอน บริเวณแม่น้ำฮั่นสุ่ยเหมาะสมที่สุด
ตอนนี้ทัพใหญ่โจรวัวโค่วมีข้อได้เปรียบก็คือไปตั้งหลักรออย่างสบายๆ รอศัตรูเดินทางมาเหนื่อยล้า ทหารหมิงลงใต้ เพื่อไปรวมกับทัพใหญ่ มีเวลาเพียงพอ โคนิชิ ยูกินากะกับคุโรดะ นากามาสะแห่งกองรบหนึ่งและสามมารวมกันที่ตอนเหนือ คิดบุกโจมตีกองกำลังหมิงที่จังหวัดฮวังแฮก่อน
*****************
ตอนกองกำลังแผ่นดินหมิงเพิ่งเข้าสู่เกาหลี บนเส้นทางหมู่บ้านกับที่ต่าง ๆ ก็มีทหารสายสืบแผ่นดินหมิงกับพวกลาดตระเวนตลอดคืนออกเคลื่อนไหวแล้ว ยังมีบรรดานินจากับสายสืบประเทศวัว ถึงกับยังมีสายสืบเกาหลีที่แยกตัวไปเป็นพวก ประเทศวัว…
แต่มาถึงตอนนี้ การเคลื่อนไหวของกองกำลังหมิงส่วนใหญ่โจรวัวโค่วไม่อาจรู้ได้อีกแล้ว สนามรบเริ่มถูกทหารม้ากองกำลังหมิงคุมไปหมดแล้ว ทหารม้ากองกำลังหมิงออกมาลาดตระเวนมีหลักการว่า ขอเพียงทำตัวน่าสงสัย ก็สังหารทิ้งให้หมด ไม่ต้องสนใจว่าแต่งกายแบบชาวประเทศวัว หรือแบบราษฎรเกาหลี
ข่าวสนามรบถูกปิดฝ่ายเดียว สองกองรบโจรวัวโค่วสามารถถูกกองกำลังหมิงคุมการข่าวไว้ได้แล้ว การรู้เขารู้เราทำให้รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง มาถึงตอนนี้ ตาชั่งแพ้ชนะเริ่มเอนไปข้างแล้ว
กองกำลังหู่เวยกองหนึ่ง ห้าและหก ยังมีขบวนทัพม้าต้าถงสองพัน นอกจากพลปืนใหญ่พร้อมปืนใหญ่ยี่สิบกระบอกยังมีทหารราบเมืองชายแดนสี่พันออกรับศึกโจรวัวโค่วก่อน
โจรวัวโค่วสองกองรบรวมสามหมื่นคน ออกจากตอนเหนือของจังหวัดคยองกีไปยังจังหวัดฮวังแฮ ต้องไปทางตะวันตกก่อนจะหักขึ้นเหนือ ทัพใหญ่เดินทัพ เดินไม่เร่งร้อนก็ต้องใช้เวลาสองถึงสามวัน
หลี่หู่โถวนำทัพลงใต้ ตั้งแต่ออกเดินทาง ก็เดินทางวันละสองชั่วยาม เช้าออกเดินทางค่ำตั้งค่ายพัก ใช้เวลาเดินทางครึ่งวัน ถึงไห่ซีเวลาใกล้เคียงกับทหารโจรวัวโค่ว ระหว่างไห่ซีกับเมืองแคซองเป็นพื้นที่ราบ แต่ไห่ซีใกล้ภูเขากว่า จังหวัดฮวังแฮทางเหนือภูเขามาก ทางนั้นเป็นที่ราบรูปน้ำเต้า ไห่ซีพอดีกับเป็นกลางน้ำเต้า
ผู้ใดมาก็ต้องติดอยู่กลางน้ำเต้านี้ ทหารเหนือลงใต้ก็ต้องข้ามเขา ไม่ก็ใช้เส้นทางทะเล ไม่เช่นนั้นไม่อาจลงใต้ได้สุด โจรวัวโค่วอย่างไรก็เร่งไปให้ถึงก่อน หลี่หู่โถวเดินทางไม่เคร่งเครียด ทางนั้นจึงไปถึงไห่ซีเร็วกว่าก้าวหนึ่ง
สามหมื่นรบหมื่น ยังมีเมืองมีกำแพงเมืองหนุนหลัง สถานการณ์นี้เป็นเรื่องดีกับโจรวัวโค่วมาก แต่ทว่าเรื่องดีเช่นนี้ก็แค่สิ่งที่กล่าวกับบนกระดาษเท่านั้น
กองกำลังโจรวัวโค่วเพราะได้เปรียบจำนวนคน โคนิชิ ยูกินากะกับคุโรดะ นากามาสะยังเห็นว่ากองกำลังหมิงที่มามีทหารราบเป็นหลัก จึงคิดว่าไม่น่ายึดเมืองไห่ซีได้ แต่กลับเตรียมออกนอกเมืองไปตั้งแถวรบกลางสนาม อย่างไรตั้งแต่กองกำลังหมิงออกศึกมาถึงตอนนี้ ทุกครั้งกองกำลังหมิงล้วนใช้กำลังทหารม้าราวคลื่นทะเลโจมตีโจรวัวโค่วราบคาบ ตอนนี้เป็นแค่ทหารราบ จึงคิดว่าไม่น่าได้เปรียบตนมาก
**************
“หน่วยหนึ่งไปยังตำแหน่ง~~~~”
“หน่วยห้าเปลี่ยนถอย~~~~”
“หน่วยหก~~~~~”
บนสนามรบ เสียงคำสั่งดังเป็นระยะ ม้าลากปืนใหญ่ออกไปตั้ง ปืนใหญ่ติดตั้งทีละกระบอก พลปืนใหญ่เตรียมการยิงเคร่งเครียด
“พลปืนไฟตรวจปืน เตรียมยิง~~~”
“จัดระเบียบแถว~~~”
หลี่หู่โถวบนหลังม้าตรวจดูการจัดแถว ตำแหน่งเขานั้นอยู่ด้านหน้าปีกขวาของกองกำลัง ตอนนี้ดูฝั่งตรงข้ามจากบนหลังม้า แถวทัพโจรวัวโค่วก็เหมือนเรียงธงทัพแบบแผ่ขยาย กองกำลังหู่เวยยังคงเตรียมตัว มองเห็นธงนำทัพอีกฝ่ายโบกสะบัดแล้ว ทัพศัตรูคงไม่ให้เวลาเจ้าได้เตรียมตัวนานนัก ต้องลงมือโจมตีก่อน
“ใต้เท้าหลี่ ข้าขอนำทหารม้าออกรับศึก”
รองแม่ทัพต้าถงหม่ากุ้ยบนหลังม้าขอออกศึก หลี่หู่โถวส่ายหน้ายิ้ม กล่าวว่า
“ทหารม้าไม่นำมาใช้ที่นี่ แม่ทัพใหญ่เคยสอนข้าว่า การรบล้วนยิงปืนใหญ่เป็นคำรบแรกก่อน!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น