เทพปีศาจหวนคืน 1122-1123
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1122 การทดสอบที่ยากลำบาก
แปลโดย iPAT
ข้อความบนแผ่นหินระบุไว้ ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกจากเผ่าหลักหรืออาชญากรที่อยู่ในถ้ำสวรรค์ เมื่อพวกเขาขึ้นไปบนภูเขามรดกอมตะ ทุกคนจะต้องผ่านการทดสอบสุดท้าย
แต่เนื้อหาของการทดสอบสุดท้ายไม่ได้ระบุไว้บนแผ่นหิน พวกเขาต้องถามจิตวิญญาณสวรรค์
จิตวิญญาณสวรรค์ไร้สติแต่มันยังจำคำสั่งของไห่ฟานได้
ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องถามมัน
ในไม่ช้าพวกเขาก็ได้ยินเสียงระฆังดังขึ้น
จากนั้นศาลาหินก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ข้อความใหม่ปรากฏขึ้น
กลุ่มผู้อมตะอ้าปากค้าง
“มันบอกว่าถ้ำสวรรค์ไห่ฟานคือหนึ่งในมรดกที่แท้จริง ผู้ใดก็ตามที่สามารถรับสืบทอดมรดก เขาจะกลายเป็นเจ้าของถ้ำสวรรค์คนใหม่!”
“แต่การรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงต้องผ่านการทดสอบสุดท้าย มันมีอยู่จริงงั้นหรือ?”
“ไม่แปลกใจเลยที่บรรพชนไห่ฟานตั้งกฎว่าหากผู้สืบทอดปรากฏตัว ทุกคนต้องออกมาต้อนรับเขา!”
“บรรพชนช่างคิดการณ์ไกลและวางแผนได้อย่างพิถีพิถัน แม้พวกเราจะเป็นอาชญากร ท่านก็ไม่เคยลืมพวกเรา ท่านยังเป็นห่วงพวกเราที่เป็นบุตรหลาน!”
กลุ่มผู้อมตะพูดคุยและรู้สึกปลื้มปิติต่อไห่ฟานมากขึ้น บางคนแทบไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้
ฟางหยวนมองข้อมูลใหม่และขมวดคิ้วลึก
‘ตราบเท่าที่ข้าผ่านการทดสอบสุดท้าย ข้าจะได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน แต่มันต้องการให้ข้าได้รับคะแนนเสียงครึ่งหนึ่งของผู้อมตะที่อยู่ในถ้ำสวรรค์! และข้าต้องทำให้สำเร็จภายในเวลาสามปีของที่นี่’
ฟางหยวนลอบส่ายศีรษะอยู่ในใจ
การทดสอบสุดท้ายของไห่ฟานไม่เป็นไปตามความคาดหมายของเขา
เห็นได้ชัดว่าไห่ฟานให้ความสำคัญกับผู้อมตะที่อยู่ที่นี่
ในฐานะคนนอก มันเป็นเรื่องยากมากที่จะได้รับการสนับสนุนจากพวกเขา
แต่ฟางหยวนเข้าใจเจตนาของไห่ฟาน
ไห่ฟานตั้งกฎเหล่านี้เพราะต้องการให้ผู้สืบทอดรับผู้อมตะเหล่านี้กลับสู่เผ่าไห่ ท้ายที่สุดพวกเขาก็มีประโยชน์กับเผ่าไห่
ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่เพียงการทดสอบความสามารถของผู้สืบทอดแต่ยังเป็นการทดสอบทักษะทางสังคมและความเป็นผู้นำอีกด้วย
ไห่ฟานใช้มรดกที่แท้จริงเพื่อคัดเลือกผู้นำเผ่าไห่คนต่อไป เขาไม่ได้มองหาเพียงผู้เชี่ยวชาญที่เก่งกาจเท่านั้น
‘ตาแก่ เจ้าตายไปแล้ว เหตุใดต้องวางแผนหลายสิ่งหลายอย่าง ช่างน่ารำคาญนัก!’ ฟางหยวนคิดแต่ภายนอกเขาถอนหายใจกล่าว “บรรพชนไห่ฟานคิดถึงเผ่าไห่ตลอดเวลา ท่านทุ่มเทความพยายามเพื่อเผ่าไห่ ในฐานะบุตรหลาน ข้ารู้สึกซาบซึ้งนัก!”
“ถูกต้อง!” ผู้อมตะที่ได้ยินคำกล่าวของเขาตอบสนอง
เดิมทีผู้อมตะกลุ่มนี้รู้สึกังวลมาก หากฟางหยวนได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน ในฐานะอาชญากรของเผ่าไห่ พวกเขาไม่รู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นกับตนเอง แต่ตอนนี้ด้วยการจัดเตรียมของไห่ฟาน พวกเขาจึงรู้สึกมั่นใจในสวัสดิภาพของตนเอง
ฟางหยวนถามต่อ “เช่นนั้น…ข้าจะได้รับการสนับสนุนจากพวกท่านได้อย่างไร?”
ดังคาด คำตอบคือความเงียบ
ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
แรกเริ่มพวกเขาต้องระวังฟางหยวน แต่ตอนนี้ฟางหยวนต้องขอความช่วยเหลือจากพวกเขา นี่ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
กลุ่มผู้อมตะมองหน้ากันแต่ไม่มีผู้ใดเปิดปากกล่าว
มีเพียงสายตาที่มองฟางหยวนเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงไป
ก่อนหน้านี้พวกเขาแสดงออกอย่างอบอุ่นโดยปกปิดเจตนาร้ายเอาไว้ แต่ตอนนี้สายตาของพวกเขากลายเป็นห่างเหินและเย็นชา
ฟางหยวนไม่ได้เร่งรีบ เขายังยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมและรอการตอบสนองจากกลุ่มผู้อมตะ
หลังจากชั่วครู่เฉินไคผู้อมตะที่มีประสบการณ์และอายุมากที่สุดจึงเปิดปากกล่าว “เรื่องในวันนี้ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว พวกเรายังไม่ได้เตรียมตัว เห้อ…บางทีข้าอาจแก่เกินไป การคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ทำให้ข้าปวดหัวและไม่สามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว นายท่านเดินทางไกลมาที่นี่ เหตุใดไม่ไปพักผ่อนสักเล็กน้อยแล้วค่อยพูดคุยเรื่องนี้ในภายหลัง”
‘จิ้งจอกเฒ่า!’ ฟางหยวนลอบก่นด่าอยู่ในใจ
คำกล่าวของเฉินไคได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มผู้อมตะ
ก่อนหน้าพวกเขาไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกันแต่ตอนนี้พวกเขากลับร่วมมือกันเพื่อจัดการคนนอกเช่นฟางหยวน
ฟางหยวนคาดเดาการตอบสนองนี้ไว้แล้ว เขาพยักหน้าและกล่าวอย่างไม่เต็มใจนัก “ผู้อาวุโสเฉินไคกล่าวมีเหตุผล”
เฉินไคเชิญอย่างอบอุ่นแต่ฟางหยวนไม่ได้ตอบรับอย่างชัดเจน
เขายิ้ม “ในกรณีนี้ข้าคงต้องรบกวนแล้ว”
ที่พักของเฉินไคเหมือนวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหรา
มันตั้งอยู่บนยอดเขาลูกหนึ่ง
เฉินไคและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาอาศัยอยู่ที่นี่
ไม่เพียงพวกเขาแต่ยังมีผู้ใช้วิญญาณและมนุษย์ธรรมดาอีกจำนวนมาก
“คนเหล่านี้เป็นบุตรหลานของข้าทั้งหมด ฮ่าฮ่า นายท่านโปรดอย่าถือสาพวกเขา คนวัยเช่นข้ามีความสุขกับการดูแลบุตรหลาน” เฉินไคอธิบาย
ฟางหยวนพยักหน้า “นี่แสดงให้เห็นว่าท่านให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์”
เฉินไคมองฟางหยวนด้วยสายตาลึกซึ้ง “ผู้ใดจะไม่ชอบคนที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์และความภักดี ฮ่าฮ่า”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางหยวนหัวเราะเช่นกัน
เมื่อเห็นเฉินไคกับฟางหยวนเข้ากันได้ดี ผู้อมตะอีกสามคนจึงรู้สึกผ่อนคลายลง
ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจึงพักผ่อนอยู่ที่นี่
อย่างไรก็ตามตั้งแต่วันแรก เฉินไคไม่ได้แสดงตัวอีกเลย แต่ฟางหยวนไม่กังวลและรอคอยอยู่อย่างอดทน
สี่วันต่อมา
ในวัง
ฟางหยวนและเฉินเล่อเดินเล่นไปตามเส้นทางที่ทอดยาว
เฉินเล่อเป็นหนึ่งในผู้อมตะหญิงที่งดงาม ในแง่ของสายเลือด นางเป็นหลานสาวสายตรงของเฉินไค
“นายน้อยไห่เจิ้ง ดูดอกบัวดอกนั้น ข้าชอบสีของมัน” เฉินเล่อชี้ไปที่สระบัวและเผยรอยยิ้ม
ทางเดินเส้นนี้ค่อนข้างพิเศษ มันเหมือนสะพานข้ามสระบัวขนาดใหญ่
มีดอกบัวทุกสีลอยอยู่ในสระและสร้างเป็นฉากที่งดงาม
หลายวันมานี้เฉินไคไม่ได้ออกมา มีเพียงเฉินเล่อที่คอยดูแลฟางหยวน
“ข้ารู้สึกมีความสุขนักที่ได้พบคนเช่นเจ้า เล่อเอ๋อ” ฟางหยวนยิ้มขณะยื่นมือออกไปจับมือของเฉินเล่อ
ร่างกายของเฉินเล่อสั่นสะท้านขึ้น นางพยายามดึงมือกลับโดยไม่รู้ตัวแต่มือของฟางหยวนจับมือของนางเอาไว้อย่างแน่นหนา
ใบหน้าของเฉินเล่อกลายเป็นสีแดง แม้นางจะเป็นผู้อมตะแต่ยังค่อนข้างไร้เดียงสา นางพยายามดิ้นรนและพึมพำเบาๆ “นายน้อย ท่าน…”
ฟางหยวนก้าวไปข้างหน้า ร่างกายของเขาแทบสัมผัสกับร่างกายของเฉินเล่อ
เฉินเล่อพยายามก้าวถอยหลังแต่ร่างกายที่ไม่มั่นคงของนางกลับล้มลง
ฟางหยวนคว้าร่างของนางเอาไว้ในอ้อมแขน
“ระวังลื่น” เสียงอันอ่อนโยนดังเข้าหูของเฉินเล่อ เมื่อเฉินเล่อรู้ตัวอีกครั้ง นางก็อยู่ในอ้อมแขนของฟางหยวนเรียบร้อยแล้ว
เฉินเล่อเงยหน้าขึ้นและเห็นรอยยิ้มซุกซนของฟางหยวน
เฉินเล่อรู้สึกอายมาก นางชกหน้าอกของฟางหยวนเบาๆ “นายน้อย ช่างซุกซนนัก ท่านรังแกข้า”
หลังกล่าวจบคำ นางพยายามดิ้นรนออกจากอ้อมกอดของฟางหยวน
ฟางหยวนอ้าปากค้าง เขาก้าวถอยหลังกลับไปและแสดงออกด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง
เฉินเล่อเร่งก้าวไปข้างหน้าและถามด้วยความกังวล “นายน้อย ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
ฟางหยวนสูดหายใจลึก “กล่าวตามตรง ไม่นานมานี้ข้าเข้าร่วมในการต่อสู้ที่รุนแรง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ข้าจะกลายเป็นผู้รับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของบรรพชนไห่ฟาน ผู้อมตะหลายคนในเผ่าไม่เต็มใจที่จะเห็นมันเกิดขึ้น”
“นายน้อย ท่านได้รับบาดเจ็บงั้นหรือ? เหตุใดไม่บอกข้า?” เฉินเล่อกระทืบเท้า ความอับอายของนางหายไปแล้ว นางมองไปที่หน้าอกของฟางหยวนและถาม “ท่านยังเจ็บอยู่หรือไม่?”
“มันเป็นอาการบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ ไม่ใช่ปัญหา แต่ด้วยพลังงานแห่งเต๋าที่ค่อนข้างมากของข้า มันทำให้อาการบาดเจ็บฝังลึก” ฟาหงยวนเผยรอยยิ้มก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “อย่างไรก็ตามท่านปู่ของเจ้าหลอมรวมวิญญาณและได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับข้าถูกต้องหรือไม่? มิฉะนั้นเหตุใดเขาไม่ออกมาพบข้าในช่วงสองสามวันนี้?”
ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นในดวงตาของเฉินเล่อ นางกลายเป็นพูดตะกุกตะกักขณะพยายามตอบคำถามของฟางหยวนอย่างยากลำบาก
เฉินไคปฏิเสธที่จะออกมาพบฟางหยวนโดยใช้ข้ออ้างว่าได้รับบาดเจ็บจากความล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณ
แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง
ทั้งสองฝ่ายต่างรู้เหตุผลแต่พวกเขาไม่ได้กล่าวออกมาโดยตรง
ในคืนนั้นผู้อมตะทั้งสี่รวมถึงเฉินไคมารวมตัวกันอย่างลับๆ
เฉินเล่อรายงาน “ท่านปู่ นายน้อยไห่เจิ้งถามข้าเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของท่านในวันนี้”
“โอ้ เขาหมดความอดทนในที่สุด…” เฉินไคยิ้ม
“ครั้งนี้ข้าสามารถกลบเกลื่อนมัน เขาไม่มีข้อสงสัย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ข้าเกรงว่า…” เฉินเล่อรู้สึกกังวล
ผู้อมตะอีกสามคนมองหน้ากัน
เฉินเล่อได้รับการปกป้องอย่างดีจากครอบครัวของนาง นางไม่ใช่คนแข็งกระด้างไร้ความรู้สึกและยังไร้เดียงสา นางไม่รู้ว่าฟางหยวนรู้เรื่องนี้อย่างชัดเจน ความจริงที่ว่าเขาถามเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเฉินไคเป็นการแจ้งเตือนอย่างอ่อนโยนที่สุด
ผู้อมตะเฒ่าเฉินไคครุ่นคิดก่อนจะเปิดปากกล่าว “ดูเหมือนถึงเวลาที่เราต้องคุยกับไห่เจิ้งผู้นี้อย่างจริงจังแล้ว”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1123 วิญญาณลึกลับ
แปลโดย iPAT
ผู้อมตะเฒ่าเฉินไคส่ายศีรษะและกล่าวเสียงเรียบ “เราจะรออีกสองสามวัน ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”
เฉินหลี่จื่อกล่าวด้วยความกังวล “เขาเข้าใจสถานการณ์ หากพวกเรายื้อเวลาออกไป เขาอาจไม่พอใจ หากเขาถูกบังคับและหันไปอยู่ฝ่ายเฉิงเทา มันจะกลายเป็นปัญหา”
“เสี่ยวจื่อ อย่ากังวล” เฉินไคเผยรอยยิ้ม “ในการทดสอบสุดท้าย เขาต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้อมตะที่อยู่ในถ้ำสวรรค์แห่งนี้ครึ่งหนึ่ง ไม่นับรวมไห่เจิ้ง มีผู้อมตะอยู่ที่นี่เก้าคน เราสี่คนเป็นจำนวนเกือบครึ่ง ตราบเท่าที่เขาได้รับการสนับสนุนจากพวกเรา เขาจะเข้าใกล้ชัยชนะ ไม่มีทางที่เขาจะไม่พิจารณาถึงจุดนี้”
“แม้เขาจะยอมแพ้ฝ่ายเราและไปหาผู้อมตะคนอื่น เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เดียวกันนี้ เขาต้องเสียสละผลประโยชน์บางอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมาย หากเขาเลือกฝ่ายของเฉิงเทาที่มีความทะเยอทะยานสูงกว่าพวกเรา เขายิ่งจะสูญเสียมากขึ้น”
เฉินหลี่จื่อเงียบขณะที่เฉินหว่านหยุนเปิดปากกล่าว “ผู้อาวุโส ข้ามีคำถาม หากไห่เจิ้งไม่ได้รับคะแนนเสียงจากผู้อมตะครึ่งหนึ่ง เขาจะล้มเหลวงั้นหรือ? ตราบเท่าที่มรดกที่แท้จริงของบรรพชนไห่ฟานยังอยู่บนภูเขา วันหนึ่งบุตรหลานของพวกเราจะสามารถขึ้นไปและรับสืบทอดมันใช่หรือไม่? เราได้รับการปกป้องจากบรรพชนไห่ฟานมาหลายชั่วอายุคน นอกจากนั้นพวกเรายังมีสิทธิ์รับสืบทอดมรดกนี้แทนคนนอกถูกต้องหรือไม่?”
“ไห่เจิ้งไม่ใช่คนนอก เขามาจากเผ่าหลัก!” เฉินเล่อตำหนิ
“เล่อเอ๋อ อย่าลืมว่าขณะที่เผ่าหลักเพลิดเพลินกับความรุ่งโรจน์ที่โลกภายนอก พวกเรากลับถูกขังอยู่ที่นี่มาหลายชั่วอายุคนอย่างทุกข์ทรมาน!” เฉินหว่านหยุนกล่าวด้วยน้ำเสียงดุร้าย
ใบหน้าของเฉินเล่อกลายเป็นขมขื่น
เฉินไคส่ายศีรษะ “เสี่ยวจื่อ ข้าพิจารณาเรื่องนี้มานานแล้ว สิ่งที่เจ้ากล่าวมันไร้ประโยชน์”
“ประการแรก เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่มนุษย์จะขึ้นไปบนภูเขามรดกอมตะ แม้พวกเราจะเลี้ยงดูพวกเขาและมีบางคนโชคดี แต่มันจะเกิดขึ้นเมื่อใด อีกกี่สิบหรือกี่ร้อยปี”
“ประการที่สอง แม้ไห่เจิ้งจะมาคนเดียว แต่อย่าลืมเผ่าไห่ที่อยู่เบื้องหลังเขา เผ่าไห่มีผู้อมตะมากมาย หากไห่เจิ้งล้มเหลว ผู้อมตะคนอื่นก็จะเข้ามา แล้วพวกเราจะสามารถหยุดพวกเขาทั้งหมดได้อย่างไร? นอกจากนี้พวกเราจะไว้ใจกลุ่มของเฉิงเทาได้งั้นหรือ?”
ผู้อมตะเหล่านี้ไม่รู้จักสวรรค์สีเหลือง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับเผ่าไห่ ฟางหยวนปกปิดความจริงจากพวกเขาและทำให้พวกเขาติดอยู่ในอ่างน้ำวน
เฉินเล่อกล่าวเสริม “ถูกต้อง วันนี้นายน้อยไห่เจิ้งบอกกับข้าว่ามันเป็นกระบวนการที่ยากลำบากในการเอาชนะผู้อมตะคนอื่นๆของเผ่าไห่ แม้เขาจะได้รับชัยชนะ เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส”
เฉินไคพยักหน้าและวิเคราะห์ต่อไป “ไห่เจิ้งได้รับชัยชนะเหนือคนอื่นๆ เขาไม่ใช่คนธรรมดา การบ่มเพาะของเขาอยู่ในระดับเจ็ดและยังมีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด เมื่อเวลาสุกงอม พวกเราจะให้ความช่วยเหลือเขา ด้วยวิธีนี้เมื่อพวกเรากลับสู่เผ่าหลัก พวกเราจะมีรากฐานที่มั่นคง นั่นไม่ใช่เรื่องดีงั้นหรือ?”
“อย่างไรก็ตามพวกเราจะไม่ช่วยเขาโดยปราศจากสิ่งตอบแทน เขาต้องจ่ายด้วยราคาที่เหมาะสม”
“ผู้อาวุโสกล่าวได้ถูกต้องแล้ว” เฉินหลี่จื่อกล่าว
“เราจะปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้อาวุโส” เฉินเล่อเผยรอยยิ้ม
เฉินไคถอนหายใจและมองผู้อมตะทั้งสาม “ข้าแก่แล้ว ชีวิตของข้าเหลือไม่มาก ข้าต้องการเพียงเห็นลูกหลานของข้ามีอนาคตที่ดี ด้วยวิธีนี้ข้าจะเดินเข้าสู่ประตูแห่งชีวิตและความตายได้อย่างสงบสุข”
“ท่านปู่อย่ากล่าวเช่นนี้ ท่านยังต้องอยู่อีกนาน” ดวงตาของเฉินเล่อเปลี่ยนเป็นสีแดง
เฉินหลี่จื่อกล่าวอย่างจริงจัง “ผู้อาวุโสอย่าลืมวิญญาณอายุยืน! เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากพวกเรา วิญญาณอายุยืนจะเป็นเงื่อนไขหนึ่ง”
เฉินไคกล่าวด้วยดวงตาส่องประกาย “วิญญาณอายุยืนไม่สำคัญ อย่างน้อยเราต้องทำให้แน่ใจว่าเล่อเอ๋อจะสามารถทำตามความปรารถนาของนาง”
ใบหน้าของเฉินเล่อกลายเป็นแดงก่ำด้วยความอับอาย นางผุดลุกขึ้นยืนและกระทืบเท้า “ท่านปู่ ท่านกลั่นแกล้งข้าอีกแล้ว!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
เสียงหัวเราะดังสะท้อนอยู่ในห้องลับ
ในเวลาเดียวกันฟางหยวนยืนอยู่กลางสวนและเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
ถ้ำสวรรค์ของไห่ฟานมีเวลากลางวันและกลางคืน กลางวันยาวนานขณะที่กลางคืนสั้น
นี่เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นเฉพาะในถ้ำสวรรค์หรือแดนศักดิ์สิทธิ์บางแห่งเท่านั้น
ท้องฟ้ายามค่ำคืนของถ้ำสวรรค์ไห่ฟานเต็มไปด้วยดวงดาว แต่พื้นหลังของมันไม่ใช่สีดำสนิท หากสังเกตอย่างถี่ถ้วนจะเห็นสีฟ้าเจือปนอยู่
ลมพัดมาจากด้านหลังของฟางหยวนขณะที่เขากำลังคิดวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆที่ได้รับเมื่อเร็วๆนี้
ไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาได้รับข้อมูลมากมายจากเฉินเล่อ หญิงใจง่ายผู้นี้มีเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
ยิ่งไปกว่านั้นฟางหยวนยังได้รับแรงบันดาลใจใหม่ๆเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน
‘อีกเพียงสองวันจะถึงเวลาสุกงอม’ ฟางหยวนคิด
สองวันผ่านไปในพริบตา
มันเป็นเที่ยงวันที่แสงแดดเจิดจ้าและทำให้วังแห่งนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
จากนอกห้องของเฉินไค เสียงของฟางหยวนดังขึ้น “ข้ามาที่นี่โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ข้าหวังว่าท่านจะอภัยให้ข้าด้วย”
“ในที่สุดเขาก็หมดความอดทน แต่เขาก็รอมาระยะหนึ่งแล้ว” เฉินไคไม่แปลกใจ
วังหลังนี้เป็นคฤหาสน์วิญญาณขนาดใหญ่ การกระทำของฟางหยวนอยู่ภายใต้การเฝ้ามองของเขา
ประตูเปิดออกด้วยตัวมันเอง
เฉินไคนั่งอยู่บนเตียงและกล่าวอย่างอ่อนแรง “แขกผู้มีเกียรติ ท่านมาที่นี่ แต่ข้าไม่สามารถลุกขึ้นและต้อนรับท่านได้อย่างเหมาะสม”
ฟางหยวนรีบเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างเตียงและกล่าวด้วยความห่วงใย “ดูเหมือนท่านจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ท่านเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกฎ หลังจากครุ่นคิด ข้ามีวิธีการบางอย่างที่สามารถบรรเทาอาการบาดเจ็บของท่าน”
เฉินไคที่ไม่ได้บาดเจ็บใดๆเร่งกล่าว “นายท่าน ข้ารู้สึกขอบคุณสำหรับความห่วงใย แต่อาการบาดเจ็บของข้าไม่ใช่สิ่งที่จะรักษาได้โดยง่าย”
ฟางหยวนยิ้ม “ท่านอาจไม่รู้จักท่าไม้ตายอมตะของข้า มันเป็นทักษะเฉพาะของเผ่าไห่ แม้วิญญาณอมตะที่เป็นแกนกลางของท่าไม้ตายนี้จะอยู่ที่เผ่า แต่ข้ารู้จักท่าไม้ตายนี้เป็นอย่างดี ข้าสามารถเปลี่ยนแกนกลางของมันและอาจช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของท่าน”
“ข้าจะรับของขวัญล้ำค่าเช่นนี้ไว้ได้อย่างไร?” เฉินไคเร่งปฏิเสธ
ฟางหยวนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น “ข้ารู้สึกเหมือนเราเป็นสหายสนิท ในช่วงเวลาที่ผ่านมาข้าได้รับการดูแลอย่างดีจากพวกท่าน ท่าไม้ตายนี้ถือเป็นของขวัญตอบแทนความเมตตาจากข้า”
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ของขวัญชิ้นนี้มีค่ามากเกินไป” เฉินไคยังปฏิเสธ
การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไป น้ำเสียงของเขาเริ่มแสดงให้เห็นถึงความกังวล “เพียงท่าไม้ตายอมตะจะแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของข้าได้อย่างไร? ข้าขอกล่าวตามตรง การทดสอบสุดท้ายของบรรพชนไห่ฟานทำให้ข้าหนักใจนัก ข้าหวังว่าท่านจะสามารถให้คำแนะนำแก่ข้าบ้าง”
ได้ยินเรื่องนี้ดวงตาของเฉินไคส่องประกายขึ้นทันที เขาเข้าใจว่าฟางหยวนมาที่นี่เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์
เฉินไคลุกขึ้นนั่งโดยไม่รู้ตัว “ในความเห็นอันต่ำต้อยของข้า เรื่องนี้เหมือนกับการหลอมรวมวิญญาณ ไฟเป็นสิ่งสำคัญ มันต้องมีขนาดใหญ่มากพอและมาในเวลาที่เหมาะสม อา…ข้ารู้สึกละอายใจนัก ข้าหมกหมุ่นอยู่กับการหลอมรวมวิญญาณมากเกินไปจึงกล่าวเรื่องไร้สาระออกมา นายท่านโปรดอย่าใส่ใจ”
นี่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระแต่เป็นเรื่องมีสาระ!
ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกฎ เหตุใดเขาถึงสนใจเรื่องการหลอมรวมวิญญาณ?
แต่ฟางหยวนรู้ว่าเฉินไคพยายามกล่าวสิ่งใด เขายิ้ม “เผ่าหลักมีตำราเกี่ยวกับการหลอมรวมวิญญาณมากมาย ตราบเท่าที่ข้าได้รับมรดกที่แท้จริง ข้าสามารถมอบมันให้กับท่านหลังจากพวกเรากลับไปถึงเผ่าหลัก ท่านสามารถเข้าถึงตำราเหล่านี้ได้ทั้งหมด นอกจากนั้นยังมีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอีกมากมาย เมื่อข้าประสบความสำเร็จ เหตุใดข้าจะไม่สามารถมอบทุกสิ่งให้กับพวกท่าน?”
เฉินไคพยักหน้าด้วยความยินดี
เขาเร่งกล่าว “การหลอมรวมวิญญาณเป็นงานอดิเรกของข้า แต่เฉินหลี่จื่อหลานชายของข้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งทาส เขาอิจฉาอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของท่านเป็นอย่างมาก”
การแสดงออกของฟางหยวนจมดิ่งลง “ข้ามีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเพียงตัวเดียว ข้าไม่สามารถมอบมันให้เขา แต่ข้ามีอินทรีย์มงกุฎเหล็กจำนวนมากอยู่ที่เผ่าหลัก พวกมันมีชื่อเสียงอย่างมากในภาคเหนือ ข้ามั่นใจว่าทุกคนจะได้รับมันเมื่อเรากลับไป”
ร่องรอยแห่งความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉินไค เขาถอนหายใจ “ในอดีตบรรพชนไห่ฟานได้กำหราบเผ่าเฉียว นี่ทำให้เผ่าไห่ได้รับความลับเกี่ยวกับการเลี้ยงดูอินทรีย์ หลังจากหลายปีดูเหมือนเผ่าหลักจะพัฒนาไปได้ไกลมาก แต่บรรพชนของเราเป็นอาชญากร เมื่อเรากลับไปยังเผ่าหลัก เราจะพบกับสถานการณ์เช่นไร? ข้าเป็นห่วงเรื่องนี้จริงๆ!”
“อย่าได้กังวล ข้าสามารถให้คำมั่นว่าทุกท่านจะได้รับการต้อนรับที่อบอุ่น การกลับไปของพวกท่านหมายถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของเผ่า” ฟางหยวนหยุดก่อนกล่าวต่อ “สำหรับเรื่องอาชญากรรม มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานหลายชั่วอายุคนแล้ว เมื่อข้าได้รับมรดกที่แท้จริง ข้าสามารถลบล้างความผิดของทุกคน นอกจากนั้นพวกท่านยังปกป้องถ้ำสวรรค์ไห่ฟานมาอย่างยาวนาน พวกท่านมีคุณงามความดีมากกว่าความผิด สิ่งสำคัญพวกท่านยังช่วยให้ข้าได้รับมรดกที่แท้จริงของบรรพชนไห่ฟาน ฮ่าฮ่า เมื่อข้ากลับไปที่เผ่าหลัก ข้าจะมอบความยุติธรรมให้กับพวกท่าน!”
เฉินไคยิ้ม “นายท่านเป็นมังกรในหมู่มนุษย์อย่างแท้จริง คำกล่าวของท่านเชื่อถือได้อย่างไม่มีข้อสงสัย หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ข้ารู้สึกสบายใจเป็นอย่างยิ่ง”
“ขอบคุณสำหรับความไว้วางใจ ทุกคนคือเผ่าไห่ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน อย่างไรก็ตามสำหรับผู้อมตะคนอื่นๆที่อยู่ภายนอก นั่นขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเขา” ฟางหยวนกล่าวอย่างคลุมเครือ
ความหมายของเขาคือ มาก่อนได้ก่อน ผู้ใดสนับสนุนเขาก่อนจะได้รับผลประโยชน์ที่มากกว่าเมื่อกลับไปถึงเผ่าหลัก
เฉินไคพยักหน้า เขาเป็นจิ้งจอกเฒ่า แน่นอนว่าเขาเข้าใจเรื่องนี้โดยธรรมชาติ
เขายิ้ม “คำกล่าวของนายท่านทำให้ข้ารู้สึกกระจ่างโดยเฉพาะคำว่าครอบครัว มันยอดเยี่ยมมาก”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้เขามองฟางหยวนด้วยรอยยิ้มมั่นใจ “ไม่ทราบว่านายท่านคิดเช่นไรกับเสี่ยวเล่อของข้า?”
รอยยิ้มของฟาหงยวนจางหายไป เขาตอบ “ฉลาดเฉลียว ไร้เดียงสา และมีชีวิตชีวา”
“ข้าจะไม่โกหกท่าน เล่อเอ๋อแอบรักท่านอยู่ เห้อ…น่าเสียดายที่นางไม่เหมาะสมกับท่าน ในฐานะปู่ของนาง ข้าไม่สามารถเติมเต็มความปรารถนาของหลานสาว ข้าหวังเพียงว่าเล่อเอ๋อที่น่าสงสารจะสามารถลืมเลือนท่านและพบความสุขในอนาคต” เฉินไคถอนหายใจ
ฟางหยวนคิดก่อนกล่าวอย่างจริงจัง “ข้าจะไม่โกหกท่านเช่นกัน ข้ารักเฉินเล่อ ข้ายินดีที่จะแต่งงานกับนาง!”
หากเขารักนางจริง เขาควรตะโกนด้วยความตื่นเต้นและมีความสุข แต่การแสดงออกของเขาในเวลานี้กลับเคร่งขรึมมาก
แต่เฉินไคเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ราวกับเขาไม่เข้าใจความหมายของมัน
ฟางหยวนเข้าใจเช่นกัน แท้จริงแล้วเฉินไคต้องการเสียสละเฉินเล่อเพื่อให้ตนเองได้รับผลประโยชน์!
เฉินไคหัวเราะเสียงดังกับคำตอบของฟางหยวน
เขาดำเนินการต่อโดยการถอนหายใจ “เห้อ…น่าเสียดายที่อายุขัยของข้ากำลังจะจบสิ้น ข้าคงไม่สามารถอยู่ร่วมงานแต่งงานของท่านกับเฉินเล่อ”
ฟางหยวนเข้าใจทันทีว่าสหายเฒ่าผู้นี้ต้องการวิญญาณอายุยืน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแห้งๆ “ในความคิดของข้า ท่านยังแข็งแรงมาก”
ผู้อมตะเฒ่าเฉินไคหัวเราะเบาๆและยังมุ่งมั่น “ข้ารู้สึกละอายใจนัก แท้จริงแล้วข้าเป็นคนโลภมาก ไม่เพียงข้าจะต้องการเข้าร่วมงานแต่งงานของนายท่านกับเล่อเอ๋อ ข้ายังอยากเห็นบุตรหลานของพวกท่านอีกด้วย”
ฟางหยวนเริ่มนิ่งเงียบ เขาขมวดคิ้วและกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “วิญญาณอายุยืนเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยาก ข้าไม่สามารถนำมันออกมาได้”
“มันเป็นสมบัติล้ำค่าจริงๆ” เฉินไคพยักหน้าราวกับคาดหวังคำตอบของฟางหยวนเอาไว้แล้ว “แต่ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าขอแจ้งให้ท่านทราบ ถ้ำสวรรค์แห่งนี้สามารถผลิตวิญญาณอายุยืน พวกมันถูกเก็บรวบรวมไว้โดยจิตวิญญาณสวรรค์ หากข้าคาดเดาไม่ผิด พวกมันควรอยู่ในมรดกที่แท้จริง เห้อ…ข้าต้องการเพียงวิญญาณอายุยืนสามร้อยปีเท่านั้น”
“สามร้อยปี!?” ฟางหยวนมองเฉินไคด้วยความโกรธ
เฉินไคยังเผยรอยยิ้มสบายใจ
ฟางหยวนโกรธมาก “สามร้อยปีมากเกินไป ข้าไม่มีแม้แต่ดวงเดียว ข้าจะหาวิญญาณอายุยืนหนึ่งร้อยปีมาให้!”
“หนึ่งร้อยห้าสิบ” เฉินไคต่อรอง
ฟางหยวนกัดฟันกล่าว “เอาล่ะ ข้าจะให้หนึ่งร้อยห้าสิบปี”
“ตกลง” เฉินไคปรบมือและเผยรอยยิ้มกว้าง
เฉินไคมองฟางหยวนและกล่าวต่อ “นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ข้าได้ยินมาจากเล่อเอ๋อว่าท่านมีวิญญาณอมตะมากมาย ข้าสงสัยนักว่าท่านสามารถให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาบ้างหรือไม่?”
ฟางหยวนตะลึงก่อนจะรู้สึกโกรธมากขึ้น
สหายเฒ่าผู้นี้โลภมากเกินไป เขาบอกต้องการดู แต่ความจริงก็คือเขาต้องการวิญญาณอมตะของฟางหยวนเพื่อแลกกับการสนับสนุนจากพวกเขา!
เฉินไคเห็นฟางหยวนโกรธแต่เขาไม่สนใจเพราะนี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก
ดังนั้นเขาจึงเร่งกล่าว “นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ นี่เป็นคำขอสุดท้ายของข้า ตราบเท่าที่ข้าได้รับมัน พวกเราทั้งสี่จะสนับสนุนท่านอย่างแน่นอน”
ฟางหยวนเริ่มแสดงละครอีกครั้ง
เขาเหยียบพื้นราวกับมันเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลก
เฉินไคสังเกตการแสดงออกของฟางหยวนและรู้สึกมีความสุขอยู่ภายใน ‘สำเร็จ!’
ดังคาด หลังจากชั่วครู่ฟางหยวนก็นำวิญญาณลึกลับบางดวงออกมา
“วิญญาณอมตะระดับเจ็ด!” เฉินไคอุทานด้วยความประหลาดใจและสนุกสนาน
“นี่คือวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบ มันไม่เหมาะสมกับข้า หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้เจ้าจะไม่ได้เห็นมัน!” ฟางหยวนกล่าวด้วยความโกรธ
“วิญญาณดวงนี้มีชื่อว่าอย่างไร?” ดวงตาของเฉินไคส่องประกายขึ้น
“เดี๋ยว ข้าจะเปลี่ยนเป็นวิญญาณดวงนี้” ฟางหยวนเปลี่ยนความคิดอย่างกะทันหัน เขานำวิญญาณอีกดวงออกมาจากมิติช่องว่าง
สายตาของเฉินไคเคลื่อนที่ไปที่มืออีกข้างของฟางหยวน
โดยปราศจากการแจ้งเตือน
ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบ ลอบสังหารในความมืด!
ดวงตาของเฉินไคกลายเป็นว่างเปล่าขณะที่เลือดเริ่มไหลออกมาจากรูกลางหน้าผากของเขา
เฉินไคตายแล้ว!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น