องครักษ์เสื้อแพร 1120-1122

 ตอนที่ 1120 บนบก บนท้องทะเล

Ink Stone_Fantasy

ทหารม้าโจรวัวโค่วกับคลื่นทัพเหล็กที่ลงจากเขามาปะทะกัน ทำให้ทหารม้าเหล็กกองกำลังหมิงหยุดชะงักเพียงนิดเดียวเท่านั้น จากนั้นก็ดันถอยกลับไป


หอกทวนทหารม้าเสริมน้ำหนักแทงทะลุไปอย่างไร้การต้านทาน ร่างทหารม้าโจรวัวโค่วปะทะม้า ม้าทหารม้าโจรวัวโค่วล้วนถูกชนล้ม โจรวัวโค่วบนหลังม้าเริ่มถูกแทงสังหารไปทีละคน ไม่ก็ร่วงจากม้า ทหารม้าติดตามหวังทงไม่ได้หยุดชะงักแม้แต่น้อย สองฝ่ายปะทะกัน ดาบในมือทหารม้าโจรวัวโค่วฟันโดนแต่เกราะที่หุ้มร่างทหารกองกำลังหมิง แต่ดาบและขวานกองกำลังหมิงตวัดไป ทุกครั้งล้วนติดชีวิตและเลือดเนื้อกลับมา


ที่ยิ่งยุ่งยากก็คือ ทหารม้าถูกชนกระจาย ม้าวิ่งไปทั่ว ด้านหน้าพวกเขาเป็นศัตรู ได้แต่หันหลังกลับ ทหารม้าโจรวัวโค่วองอาจกล้าหาญกลายเป็นความยุ่งยากของตน ถูกไล่ให้หันกลับไป


กองปืนใหญ่กับปืนกระบอกของกองรบคาโต คิโยมาสะล้วนมองตาค้าง เบื้องหน้าล้วนมีแต่ม้าวิ่งแตกตื่น  ยังมีทหารม้าที่ตกใจเสียขวัญ ล้วนไม่ใช่ศัตรู ทำอย่างไรดี!


“ยิง ยิง!!”


คนเหล่านี้ลังเลครู่หนึ่ง ทำให้ซามูไรบัญชาการตะโกนดังอย่างบ้าคลั่ง บนสนามรบนี้  ไหนเลยจะมีเวลาให้ลังเลหวาดกลัว ทุกคนล้วนยิง


แต่ปืนส่วนใหญ่ถูกม้ากับทหารม้ารับไปหมด  บางทีอาจมีกระสุนประปราบมาโดนร่างทหารม้ากองกำลังหมิงด้านหลัง แต่กระสุนเช่นนี้ไม่มีผลต่อเกราะหู่เวย


หลังปืนใหญ่วัวโค่วยิง  เห็นขบวนทัพม้ายังคงบุกเข้ามา พวกเขาไม่กล้าบรรจุกระสุนยิงรอบสองอีกแล้ว หากหนีช้าไปก้าว ล้วนอาจถูกม้าเหยียบตายชนตายเอาก็ได้ ซามูไรพยายามสังหารสุดชีวิต แต่ไม่อาจยับยั้งได้


“ภักดีต่อท่านแม้ตัวตาย!!”


มีซามูไรตะโกนดัง  หลังพลปืนใหญ่วัวโค่วกับพลธนูมีซามูไรถือทวนยาวก้าวออกมา เมื่อครู่ปืนที่ยิงไปได้เพียงแต่กำจัดม้ากับทหารม้าตนเองที่วิ่งกันอลหม่านเท่านั้น ตอนนี้จึงเป็นทหารม้าในชุดเกราะกองกำลังหมิงบุกมาแล้ว


ใกล้มาถึงตรงหน้าแล้ว ทวนยาวทหารม้ากองกำลังหมิงล้วนตั้งแนวเอียงชี้ลง ไม่ลังเลที่จะบุกเข้ามา ซามูไรของคาโต คิโยมาสะแต่ละคนสติแตกส่งเสียงตะโกนดังโหวกเหวก คิดจะใช้ความบ้าคลั่งตะโกนสะกดความกลัวและความสั่นไหวในใจตนเอง จากนั้นเสียงตะโกนเหล่านี้ก็โหวกเหวกดังไปทั่ว


มีทวนยาวสามารถแทงใส่ม้า สามารถสอยทหารม้ากองกำลังหมิงร่วง แต่กองกำลังตนส่วนใหญ่ยังคงถูกทหารม้ากองกำลังหมิงบุกปะทะเข้ามาไม่หยุด


ถูกม้าชนล้ม เกราะป้องกันตนไม่อาจมีประโยชน์อันใด กระดูกล้วนถูกชนแตกละเอียด  ล้มลงแล้ว ม้ายังเหยียบข้ามไปกลายเป็นกองเลือดทันที จากนั้นก็ถูกเหยียบเละเป็นกองโคลน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกที่ถูกทวนทหารม้าแทง ถึงกับมีทหารราบถูกแทงทะลุแล้ว ยังถอยไปด้านหลัง คนด้านหลังถอยจนไม่อาจถอย ถูกทวนทหารม้าแทงรวมต่อๆ กันไปอีก ถึงกับมีทวนเดียวแทงทะลุโจรวัวโค่วได้หลายคน ไปจนสุดท้ายทหารม้าดึงทวนไม่ออกอีก


โยนทวนทิ้ง ทหารม้ามาถึงกองกำลังกลางของคาโต คิโยมาสะแล้ว พวกเขาถือดาบยาวกับขวานใหญ่  ตวัดฟันซ้ายขวา  ทหารม้าที่ม้าตายไปพวกนั้น  หยิบอาวุธออกมาสู้บนสนามรบอย่างไร้ความกลัว ทหารติดตามหวังทงเป็นพวกที่คัดเลือกพวกที่เก่งกล้ามาแล้ว ฝีมือและร่างกายพวกเขานับว่าฝึกมามากกว่าซามูไรโจรวัวโค่วมากนัก บวกกับอาวุธชั้นดี สองฝ่ายปะทะกัน ก็ย่อมได้เปรียบอย่างที่สุด


บุกเข้ามากองกลางทัพ ทำให้ ซามูไรโจรวัวโค่วที่ต้องเผชิญกับดาบสังหารอย่างไร้ปราณี ก็ยิ่งแตกกระเจิงอย่างรวดเร็ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยังมีธนูยิงมาจากทิศทางอื่นอีก ยังเริ่มสังเกตเห็นพวกชาวเผ่าหนี่ว์เจินอีก


 แม่ทัพกองรบสองโจรวัวโค่วคาโต คิโยมาสะชักดาบซามูไรประจำกายตนออกมาสู่สนามรบแล้ว  หมวกแสดงสถานะแม่ทัพด้านหลังเขาไม่รู้ล้มลงกับพื้นไปตอนไหน


ในฐานะแม่ทัพกองรบสอง ตระกูลนักรบอย่างคาโตแล้วย่อมมีความเหนือคนทั่วไป  เกราะที่เขาสวมจะสะดุดตา  ทหารม้า ‘ผู้กล้า’กับทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินล้วนรู้นี่คือแม่ทัพใหญ่  คิดจะเข้ามาตัดหัวสังหารทิ้ง กลับถูกเขาสังหารทิ้งไปหลายคน ซามูไรฮาตาโมโตะข้างกายก็คุ้มกันพลีชีพ


แต่คาโต คิโยมาสะยิ่งสู้ไป คนรอบๆ ก็ยิ่งลดลง ในใจคาโต คิโยมาสะเริ่มไม่อาจรับได้ เขามาถึงเกาหลีก็เพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตนเอง ต้องได้ครอบครองพื้นที่แผ่นดินหมิงสักผืน แต่อยู่ ๆ เหตุใดจึงมาพ่ายแพ้เช่นนี้ได้ ในการนำทัพอยู่ดีๆ ก็ถูกทหารม้าเหล่านี้โจมตี พ่ายแพ้ยับเยินเช่นนี้ได้


“ข้าคือคาโต คิโยมาสะ แม่ทัพกองรบสอง แม่ทัพกองกำลังหมิงกล้าออกมาตัวต่อตัวกับข้าไหม!!”


เขาตวัดดาบกวัดแกว่ง ตะโกนไปพลาง แต่ไม่มีผู้ใดสนใจ บุกเข้าสังหารได้สองสามก้าว ทหารม้าเกราะเหล็กผู้หนึ่งก็ทะยานมาตรงหน้า


ม้าแม้วิ่งไม่เร็ว แต่แรงปะทะเพียงพอ คาโต คิโยมาสะคิดจะตวัดดาบต้านไว้ แต่กลับไม่ทันแล้ว ทวนทหารม้าผู้นั้นแทงเข้าใส่หน้าอกไปแล้ว ทำเอาถอยหลังไปสิบกว่าก้าว  ศพไหลร่วงออกจากคมทวนยาว ทหารม้า ‘ผู้กล้า’ โดดลงจากหลังม้าเข้ามาตัดหัวไป


หวังทงหยุดเข้าสังหารแล้ว ทหารติดตามคุ้มกันดูสนามรบต่อ คาโต คิโยมาสะตะโกนดัง เขาพอได้ยินแว่วๆ หันไปถามทหารติดตามว่า


“เมื่อครู่ ใช่ว่ามีคนตะโกนดังหรือ พูดว่าอะไรนะ?”


“ข้าน้อยไม่ทราบ ล่ามมีอยู่กองหลัง หรือว่าตามตัวมาตรงนี้”


“เรื่องเล็ก สนามรบเป็นหลัก!”


หวังทงไม่สนใจเท่าไร เอาแต่มองดูสนามรบ ด้านหน้าเป็นทหารราบ แม้คาโต คิโยมาสะสั่งพวกเขาไว้ว่าให้รบเร็วบุกเร็ว แต่ก็ถูกหม่าซานเปียวนำกำลังกองกำลังหู่เวยทัพม้าไล่ตามมาสังหารไปไม่ได้ช้าไปกว่ายามรบเสร็จ


 สนามรบตอนนี้ราวกับสนามอสุรา เป็นนรกคาวโลหิต แน่นอนสำหรับโจรวัวโค่วแล้ว ทหารม้ากองกำลังหมิง ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจิน ทหารม้า ‘ผู้กล้า’ล้วนกำลังเก็บหัวพวกเขาอย่างยินดีปรีดา หวังทงก่อนออกศึกมีคำสั่ง ไม่รับเป็นเชลย ล้วนสังหารให้สิ้น


หลังปะทะกันคราแรก หลายกองรบถูกตีกระจาย ซามูไรกับทหารราบหนีกันกระจัดกระจายเต็มพื้นที่ มาถึงตอนนี้ มองไม่เห็นทหารราบวิ่งหนีแล้ว การสังหารของทหารม้าก็จบลงอย่างรวดเร็ว นอกจากขบวนทัพม้ากองกำลังหู่เวย ทหารม้าที่เหลือก็เริ่มลงจากหลังม้าออกค้นหาเงินทองจากศพ


โจรวัวโค่วไม่มีเงินทองอันใดติดตัว เกาหลีเองก็ยากจนไร้เงินทอง ของที่ค้นออกมาได้ก็ไม่มากจริงๆ  แต่ทว่าก็ดีกว่าไม่มีเลย  หากเป็นขบวนทัพม้ากองกำลังหู่เวยที่เรียงแถวนิ่งอยู่ข้างๆ ตั้งแต่ขุนพลทหารถึงพลทหารล้วนมองด้วยสายตาดูแคลน เพื่อทหารเหล่านี้


“คิดความชอบเป็นเงินให้เหมือนกับพวกทางไห่ซี ธงและหมวกแม่ทัพของหัวหน้ากองทัพโจรวัวโค่วแต่ละหน่วยล้วนถือเอาไว้ แต่อาวุธมอบให้กองหลังเก็บ หัวก็เอามากองกันเป็นกำแพงไว้ ที่เหลือเผาให้หมดซาก!”


หวังทงออกคำสั่งบนหลังม้า เงียบไปครู่หนึ่ง หวังทงกล่าวอีกว่า


“รีบม้าเร็วไปแจ้งข่าวหลี่หู่โถว กองกำลังหลวงเตรียมลงใต้ อย่าได้รอช้า”


******************


เดือนสี่พื้นที่เกาหลีใกล้แผ่นดินหมิงเริ่มดอกไม้บานในฤดูใบไม้ผลิแล้ว  พื้นที่ทางใต้เรียกว่าอบอุ่นแล้ว  บนท้องทะเล ยิ่งไม่ต้องพูดถึง หากเป็นยามปกติ พวกการค้าหาปลาก็เริ่มมากันแล้ว


ตอนนี้ไม่เหมือนก่อนแล้ว ท้องทะเลรอบคาบสมุทรเกาหลีไม่มีเรือการค้ากับเรือประมงปรากฏ เพราะบนท้องทะเลก็รบดุเดือดไม่แพ้กัน


เทียบกับทหารบกที่อ่อนแอหมดสภาพแล้ว กองทัพเรือเกาหลีรบได้ดุเดือดมาก ขุนพลทัพเรือลีซุนที่จังหวัดซอลลา ตามตำแหน่งแผ่นดินหมิงแล้ว ก็เป็นกองทัพเรือสำรอง  ขุนพลชรามีความสามารถ ตอนนั้นโจรวัวโค่วข้ามทะเลมา เรื่องมากะทันหัน กองเรือรบเกาหลีไม่ได้ข่าว ได้แต่แอบหลบชั่วคราว


ขุนพลทัพเรือลีซุนเหมือนว่าเป็นคนนำทัพเรือจังหวัดซอลลาออกมาทั้งหมด โจรวัวโค่วโจมตีเกาหลีได้แค่ยึดเมือง กวาดล้างไปหลายพื้นที่ สำหรับเมืองท่า โดยเฉพาะเมืองท่านอกปูซานไม่สนใจนัก กองเรือรบเกาหลียังมีเมืองท่าตนเอง เสริมกำลังเคลื่อนไหวได้


เทียบกับกองทหารบกเกาหลีที่หักเบี้ยหวัดทหาร อาวุธเก่าคร่ำครึ ทหารไร้ความกล้าหาญเหลือจะเอ่ยแล้ว กองเรือรบเกาหลีเรียกได้ว่าไม่เลว จากอาวุธไปจนความกล้าหาญล้วนไม่เลว เป็นเพราะเกาหลีประสบภัยโจรวัวโค่วมาก่อนแผ่นดินหมิงหลายปี บางครั้งไม่ใช่โจรสลัดวัวโค่วอะไรมารุกราน แต่เป็นไดเมียวจากคิวชูนำกำลังมาปล้นชิง ถูกกวาดปล้นไปหลายครั้งมาก แต่ทางใต้เกาหลีเป็นแหล่งสะสมเสบียงหลัก ไม่อาจเสียไปได้


ดังนั้นราชสำนักเกาหลีเล็กๆ ทุ่มเงินทองและลงแรงสร้างกองทัพเรือ ยุทโปกรณ์รบของกองทัพเรือก็ใช้เรือพานโอกซอนเป็นส่วนใหญ่ และมีเรือคอบุกซอนเป็นกำลังรบหลัก


เรือพานโอกซอนกับเรือคอบุกซอนไม่เหมาะกับการออกทะเลไปรบ  แต่ใกล้ชายฝั่งก็มีความร้ายกาจไม่น้อย เรือพานโอกซอนก็เหมือนกับเรือหลายชั้น แบ่งเป็นสามชั้น ชั้นบนถูกหุ้มไว้หมด ตัวเรือมีรูเปิดออกไว้ยิงธนูและปืนออกไป  เรือคอบุกซอนก็เช่นกัน เพียงแต่เรือคอบุกซอนป้องกันได้แน่นหนากว่า  บนเรือยังมีปืนใหญ่  เกาหลีมีผลิตปืนใหญ่ใช้เอง


เรือพานโอกซอนกับเรือคอบุกซอนดึงเสากระโดงเรือลงได้ ตอนใช้ค่อยยกขึ้น การสร้างเช่นนี้ทำให้เรือเหล่านี้ตอนรีบไม่ต้องห่วงว่าจะถูกศัตรูเผาใบเรือทิ้งเสียการกำลังขับเคลื่อน เพราะระหว่างการต่อสู้ไม่ต้องการชักใบเรือให้ปะทะแรงลม ไม่ได้หมายความว่าเรือพานโอกซอนกับเรือคอบุกซอนไม่อาจขยับได้


ชั้นล่างสุดของเรือ ทุกด้านล้วนมีไม้พายเรือสิบกว่าท่อน ตอนต่อสู้ เรือสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยแรงคนในบริเวณจำกัด แต่กำหนดทิศทางได้ ไม่ต้องคำนึงแรงลม


เพราะมีไม้พาย ดังนั้นเรือจึงไม่ต้องคิดถึงรูปลักษณ์ภายนอกมาคำนวณความเร็ว สามารถสร้างให้ยิ่งใหญ่ได้  และรูปโครงก็เสริมให้แน่นได้  โครงสร้างเช่นนี้การติดใบเรือดูเทอะทะ  มีผลเสีย แต่ประโยชน์ก็คือปืนใหญ่ยิงแม่นมากยิ่งขึ้น  ทหารบนเรือสามารถรบได้เหมือนอยู่บนบก ตอนเรือปะทะกันก็ยังได้เปรียบมาก


ยิ่งไม่ต้องพูดภายนอกเรือพานโอกซอนกับเรือคอบุกซอนล้วนปกคลุมไปด้วยคมหอกและดาบ ทำให้คนไม่อาจปีนขึ้นมาได้ เรือรบเช่นนี้บนท้องทะเลก็เหมือนกับป้อมเคลื่อนที่ได้ เทียบกันแล้ว เรือโจรวัวโค่วแม้ว่าเป็นเรือที่เรียกว่าเรือรบอาทาเกะก็สู้ไม่ได้ ไม่ใช่คู่ต่อสู้


ตามหลักแล้ว กองเรือรบเกาหลีควรจะมารายงานข่าวเป็นระยะ กองทัพเรือโจรวัวโค่ว ยังมีกองเรือเสิ่นหวั่ง…


ตอนที่ 1121 รบทะเล

Ink Stone_Fantasy

 


สำหรับโจรวัวโค่ว สิ่งที่เน้นย้ำในการศึกนี้ก็คือรุกรานครองเกาหลีทั้งหมดให้รวดเร็ว ยึดครองให้สมบูรณ์แล้ว จากนั้นค่อยใช้เป็นฐานโจมตีแผ่นดินหมิง


เป้าหมายการรบก่อนหน้าอยู่บนบก ไม่อาจสนใจบนท้องทะเล ถึงกับปล่อยให้ขุนพลทัพเรือลีซุนจังหวัดซอลลานำเรือห้าสิบกว่าลำ ตลอดทางยังรวมกองเรือจากจังหวัดคยองซังกับจังหวัดชุงชองมารวมกัน พอมาถึงอินชอน ก็มีเรือถึง 135 ลำแล้ว


กองเรือรบเกาหลีที่เก่งกล้าอยู่ที่จังหวัดซอลลากับจังหวัดคยองซัง แต่จังหวัดซอลลาตำแหน่งสูงสุด หากครั้งนี้แต่ละกองเรือที่มารวมตัวกัน ไม่มีผู้ใดใหญ่กว่าขุนพลทัพเรือลีซุน แน่นอน หัวหน้ากองเรือรบนี้ก็คือขุนพลทัพเรือลีซุน


เรือพานโอกซอนกับเรือคอบุกซอนแล่นไม่เร็ว  และเป็นเพราะพระราชาเกาหลีเสด็จหนีเร็ว กองเรือรบเกาหลีเร่งตามมาอินชอนตอนนั้นก็รู้ว่าพระราชาเกาหลีกับขุนนางใหญ่ไปถึงแผ่นดินหมิงแล้ว พวกขุนพลทัพเรือลีซุนทำอันใดไม่ได้ ก็ได้แต่ส่งคนไปติดต่อพระราชาตน จากนั้นก็รอเปิดศึกท้องทะเล


พวกเขาเคลื่อนไหวที่อื่นยังดี แต่ที่การมาเคลื่อนไหวที่อินชอนนี่ โจรวัวโค่วไม่อาจปล่อยให้เกิดขึ้นได้ เมืองโซอุลเป็นพื้นที่โจมตีเกาหลีหลักของโจรวัวโค่ว ไม่อาจปล่อยไว้ได้เด็ดขาด


โจรวัวโค่วล้วนดูแคลนกำลังทหารเกาหลีมาก เพราะกำลังทางบกของเกาหลีเหลวแหลกอย่างที่สุดจริงๆ  คิดว่ากองทัพเรือก็คงไม่ได้ต่างกันเท่าไร น่าจะล้วนเละเทะพอๆ กัน


คิดไม่ถึงพอปะทะกันกลับพบว่ารบยากเพียงนี้ กองเรือโจรวัวโค่วยี่สิบกว่าลำ เป็นครั้งแรกที่ต่อสู้กันถูกล่มไปสิบห้าลำ ที่เหลือถูกเผาทำลายไปหมด


จากปูซานขนเสบียงทางบกมายังเมืองโซอุลเห็นชัดว่าไม่สู้เส้นทางทะเลมาถึงอินชอนแล้วค่อยใช้เส้นทางน้ำไปเมืองโซอุล โจรวัวโค่วรวมกำลังกองเรือเก้าสิบกว่าลำมุ่งมา


ครั้งนี้การต่อสู้กับครั้งก่อนไม่ได้ต่างกันมาก เรือคอบุกซอนห้าลำบุกเข้าชนกองเรือโจรวัวโค่ว  ตรงกลางแตกออก เรือพานโอกซอนพายไปรอบๆ เข้าชนให้จมและวางเพลิงต่อเนื่อง หลังศึกนี้ โจรวัวโค่วสูญทหารไปสี่พันกว่า นับว่าเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ บนท้องทะเล หัวหน้ากองรบแต่ละคนล้วนตกใจ ข่าวถึงกับส่งกลับไปยังเกาะของโจรวัวโค่ว บรรดาไดเมียวล้วนโมโหอย่างมาก ประเทศวัวคิดจะสู้ต่อที่เกาหลี แต่ตอนนี้ดูแล้ว เส้นทางทะเลไม่อาจถูกตัดขาด เกาหลียากจนแร้นแค้นถึงขั้นนี้ เป็นสิ่งที่ทุกคนคิดไม่ถึง  ทัพใหญ่แผ่นดินหมิงททางเหนือก็ไล่บี้ลงมาแล้ว การขนเสบียงและถึงกับถอนกำลังทหารกลับล้วนต้องใช้เส้นทางทะเล ตัดขาดเส้นทางทะเล ก็เท่ากับเรื่องใหญ่ราวพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินแล้ว


ท่ามกลางสถานการณ์ตอนนี้ มีคนคิดถอนกำลังออกจากเกาหลีแล้ว แต่ทว่าโทโยโตมิ ฮิเดโยชิที่แต่ไรก็วิเคราะห์กระจ่างตอนนี้กลับดึงดัน  ตอนลองไปเลียบเคียงถูกด่ากลับมา ทุกคนล้วนกลัวหัวหด  มีข่าวแพลมออกมาว่า  ตระกูลโทกูงาวะ อิเอยะสึรวมกำลังส่งบุกเกาหลีต่อเนื่อง บรรดาไดเมียวไซโกกุกับคิวชูแอบก่นด่า ไม่สนใจจัดการภูมิภาคคันโต  มาตีเกาหลี ช่างไม่รู้จักเรื่องแท้จริงแล้วกล้าทำจริง


 กองทัพเรือปะทะกันเสียหายสองครั้ง ล้วนเป็นทหารเก่งกล้าที่สุดของโจรวัวโค่ว ล้วนโจรสลัดมีชื่อเก่งกล้า ผู้ใดจะคิดว่าสู้ได้เละเทะเช่นนี้


novel-lucky


หากเป็นสถานการณ์ปกติ คนเหล่านี้ไม่ได้ คนอื่นก็ยิ่งไม่ได้ กองเรือเสิ่นหวั่งก็เป็นกองทัพเรือโจรวัวโค่ว


การรบครั้งที่สามที่อ่าวใกล้กับระหว่างจังหวัดคยองกีกับจังหวัดชุงชอง ในอ่าวนั้นมีโจรวัวโค่วห้าพันกว่า ถูกกองเรือรบเกาหลีอุดไว้ในนั้น


เริ่มแรกโจรวัวโค่วยังคิดต่อสู้  แต่ไม่อาจมีกำลังโต้กลับได้ วิธีการรบพวกเขาก็แค่เข้าใกล้แล้ววางเพลิงกับโดดข้ามเรือ ซามูไรวัวโค่วคิดตายเพื่อชาติ บุกเข้าไปอย่างกล้าหาญ  แต่ตรงหน้าไม่อาจปีนขึ้นไปไม่ว่า ยังคงตกสภาพเดิมๆ ก็คือถูกชนล่มเรือแล้วยิงสังหาร


เรือล่มไปได้เกือบสิบลำแล้ว เรือรบที่เหลือได้แต่หดหัวกลับไป  คิดจะอาศัยการป้องกันจากฝั่ง แต่บนฝั่งมีอันใด หรือว่าธนู ปืนใหญ่วัวโค่วกับปืนกระบอกสามารถทำให้เรือเช่นนี้เสียหายได้ กองเรือรบเกาหลีสังหารอย่างดุเดือด บุกเข้ามาในอ่าวแล้ว


เรือในอ่าวไม่อาจต้านทานกำลังได้ แต่ทว่าทหารอย่างไรก็มีโอกาสโดดขึ้นฝั่ง ทุกคนได้แต่หน้าดำคอตกขึ้นฝั่งไปดูเรือตนเองถูกเผาไปทีละลำ


 ขณะกองเรือรบเกาหลีได้รับชัยชนะและกำลังจะจากไปอย่างลอยนวลนั่นเอง กองเรือเสิ่นหวั่งก็มาถึง เปิดศึกในบริเวณอ่าวนั่นเอง


กองเรือเสิ่นหวั่งรวมเจ็ดสิบกว่าลำ เรือกวางตุ้งเป็นหลัก เรือกวางตุ้งแผ่นดินหมิงขนาดไม่ได้ใหญ่ไปกว่าเรือรบโจรวัวโค่ว แล่นได้เร็วกว่า ยิ่งไม่ต้องพูดคนเสิ่นหวั่งล้วนชำนาญการบนท้องทะเลมานานปี การรบบนท้องทะเลเก่งกล้ากว่ากองเรือโจรวัวโค่วมาก


การต่อสู้พอเริ่มต้น เรือคอบุกซอนกองเรือรบเกาหลีก็บุกเข้าชนกองเรือเสิ่นหวั่ง คิดจะทำให้กองเรือฝ่ายตรงข้ามวุ่นวาย  จากนั้นค่อยเข้าชนเข้าสังหาร


แต่ทว่าทางเสิ่นหวั่งกลับปล่อยเรือเพลิง เรือเพลิงนี้เป็นเรือกวางตุ้งเล็ก หัวเรือมีตะปูเหล็กใหญ่ เรือมีตะปูเหล็กเป็นดังกรงเล็บ ปะทะชนเข้าไป  ตะปูตอกเรือตรงข้าม  เกี่ยวเรืออีกฝ่ายเอาไว้ จากนั้นก็เริ่มจุดไฟ เรือสลัดไม่หลุด ก็ได้แต่ไหม้จมไปด้วยกัน


 คนเสิ่นหวั่งหลบการปะทะชนของเรือคอบุกซอน ปล่อยเรือเพลิงไปแล้ว เรือเพลิงประกบติดเรือพานโอกซอนได้สาม ที่เหลือสลัดหลุด จากนั้นก็จุดไฟเผา


โจรสลัดชาวฮั่นเก่งการเดินเรือมากกว่าโจรวัวโค่วกับเกาหลีมาก เรือคอบุกซอนปะทะชน เดิมยังเป็นกองเรือที่รวมตัวกันแน่น ก็เริ่มกระจายตัวออก


แต่ก็มีปัญหา เรืออาศัยแรงลมหากตั้งการเปลี่ยนทิศทาง ตามลมยังดี แต่หากไม่ตามลม ก็ย่อมต้องวนรอบก่อน ปล่อยใบเรือ เรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอนพายเข้าใส่ ระยะห่างไม่มากแล่นได้ดี มีเรือสองลำหลบไม่ทัน ได้แต่ถูกชน ยังมีอีกสองลำถูกเผา ดีที่หนีออกไปไกลแล้ว จึงได้รีบพากันดับไฟ


ทันใดก็มีเรืออีกสองลำแล่นเข้ามา เรือนี้ดูแล้วเหมือนเรือตะวันตก แต่ขนาดไม่อาจเทียบเรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอน ตอนชนกันย่อมเสียเปรียบ กองเรือรบเกาหลีก็คิดเข้าปะทะชนดุเดือด แต่ทว่า เรือพวกนี้มีปืนใหญ่


เสิ่นหวั่งตอนอยู่เทียนจินสั่งต่อเรือการค้าติดอาวุธก็มีโอกาสได้นำมาใช้ประโยชน์ในการนี้ ตอนเรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอนเข้าใกล้ ปืนใหญ่ยิงพร้อมกัน


ไม้หนาเพียงพอสามารถต้านทานการยิงปืนใหญ่ แต่เรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอนก็มีรูมากมาย รูเหล่านี้กับบริเวณโดยรอบเปราะบางมาก โดยเฉพาะช่วงตัวเรือที่มีไม้พายยื่นออกไปได้ จุดนั้นของเรือเป็นจุดแล่นเรือ เพราะไม้พายต้องใช้ท่อนใหญ่ ทางนี้จึงเป็นจุดเปราะบางที่สุด เรือสองชั้น ชั้นสองมีปืนใหญ่ไว้ยิงได้พอดี ตำแหน่งไม้พาย ระลอกสองปืนใหญ่ยิงไป มีเรือพานโอกซอนสองลำสิ้นกำลังต่อสู้ ยิ่งยุ่งยากก็คือ เรือที่ไร้แรงขับเคลื่อนยังไม่อาจยกใบเรือขึ้นทัน ก็มีเรือโจรสลัดเข้ามาใกล้  โยนผ้าอาบน้ำมันชุ่มม้วนด้วยพรมโยนขึ้นมา เรืออื่นไม่รอช้ารู้ทันที กองพรมนี้ย่อมต้องโยนทิ้งทะเล  แต่สำหรับเรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอน เกราะรอบนอกเรือเพื่อป้องกันการปืนขึ้นมา ล้วนทำเป็นขอเกี่ยวและเหล็กแหลม ผ้าย่อมเกี่ยวติดได้ง่าย จานั้นยิงธนูไฟเข้าใส่ก็เรียบร้อย


novel-lucky


เรือพานโอกซอนหลายลำลุกไหม้  เรือคอบุกซอนล้วนเร่งหนีให้ไกล พวกเขาไม่อาจต้านทานปืนใหญ่ศัตรู ศูนย์กลางบัญชาการกองเรือตอนนี้เป็นเรือคอบุกซอนห้าลำ ไม่อาจสูญเสียได้


เรือพานโอกซอนก็ช่วยไม่ได้แล้ว ใช้ดาบและขวานฟันส่วนที่ติดไฟทิ้งแล้ว เรือใหญ่อีกฝ่ายก็มาใกล้แล้ว วิธีตอนนี้ก็ได้แต่ปะทะกันตัวต่อตัวแล้ว


แม้ว่ามีใจสละชีพเพื่อแผ่นดิน แต่กองเรือรบเกาหลีในเรื่อการต่อสู้ตัวต่อตัวนี้ก็ไม่มีค่าควรกล่าวถึงจริงๆ  พอยกเสากระโดงเรือขึ้น ก็ถูกปืนใหญ่กองเรือเสิ่นหวั่งกวาดยิงไปรอบ จากนั้นซามูไรประเทศวัวก็ถือดาบบุกเข้ามา  ตอนซามูไรประเทศวัวบุกขึ้นมา การต่อสู้คือจบสิ้นแล้ว


ที่ยุ่งยากก็คือ เรือเพลิงพวกนั้น ยังมีเรือปืนใหญ่เสิ่นหวั่ง กองเรือรบเกาหลีเสียหายไปสิบกว่าลำ พอเรือคอบุกซอนลำหนึ่งถูกเผา กองเรือก็ได้รับคำสั่งให้ถอย


ในตอนนั้นจะหนีไหนเลยจะง่ายดาย กองเรือรบเกาหลีแบ่งส่งเรือพานโอกซอนออกมาสิบลำ ขวางบนท้องทะเล เตรียมสู้ตาย เพื่อให้ทัพใหญ่หนี


กองเรือเสิ่นหวั่งเสียเรือใหญ่ไปห้า เรือเล็กไปสาม ก็จัดการทำลายเรือพานโอกซอนสิบลำได้หมด แต่ศัตรูสู้ตายเช่นนี้ พวกเขาไม่คิดจะทำให้ตนเองเสียกำลังมากนัก ก็ไม่ได้ไล่ตามต่อ


แต่หลังศึกนี้   กองเรือรบเกาหลีก็ไม่กล้าออกมาเคลื่อนไหวบนท้องทะเลที่โจรวัวโค่วยึดครองอีก ที่นั่นล้วนอยู่ในการครอบครองของกองเรือเสิ่นหวั่ง


เพราะต้องรับรองความปลอดภัยเส้นทางทะเล ประเทศวัวประกาศแต่งตั้งไดเมียวใหม่ เสิ่นหวั่งรวยใหญ่  ขนเสบียงจากประเทศวัวไปยังเกาหลี ไม่ได้ทำเปล่า หากได้ผลประโยชน์มาก


******************


ต้นเดือนห้า ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 21  ขุนพลทัพเรือลีซุนกองเรือรบเกาหลีรวมกำลังที่อ่าวไห่ซีกับกองเรือรบแผ่นดินหมิง เริ่มลงใต้ไปยังอินชอน เตรัยมปิดเส้นทางทะเลของจังหวัดคยองกี


กองเรือรบเกาหลีเดิมพอรู้ถึงกองทัพเรือแผ่นดินหมิง ก็ให้ค่าไม่มากนัก ในสายตาพวกเขา  กองทัพเรือหมิงถึงกับอ่อนแอยิ่ง ช่างไม่มีค่าควรเอ่ยถึง ขุนพลทัพเรือลีซุนเคยกล่าวกับหลานชายตนเองว่า บนบกกองกำลังหมิงไร้คู่ต่อสู้ แต่บนท้องทะเล ยังต้องอาศัยชายชาวเกาหลีเรา แม้ว่ากองทัพเรือหมิงมาช่วย กองทัพเรือนั่นก็เกรงว่าสู้กับกองเรือเสิ่นหวั่งไม่ได้


แต่ทว่าพอได้เห็น ขุนพลทัพเรือลีซุนก็พบว่าความคิดตนล้าหลังไปมาก กองเรือกองกำลังหมิงจำนวนถึงสองร้อยกว่า คุณภาพเรือยังเรียกว่าน่าตกใจ ดูเรือแล้วอายุน่าจะไม่เกินสิบปี มีปืนใหญ่พร้อม ที่ทำให้ขุนพลทัพเรือลีซุนต้องหนังตากระตุกก็คือเรือใหญ่หลายลำนั่น


เรือใหญ่เช่นนี้เป็นแบบตะวันตก  แต่ขนาดนั้นช่างน่าตกใจ เพราะเรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอนเป็นเรือรบใกล้ฝั่งทะเล ดังนั้นจึงต่อใหญ่ แต่เรือใหญ่กองกำลังหมิงใหญ่กว่าเรือคอบุกซอนมาก ตัวเรือยิ่งใหญ่กว่า ใบเรือก็ยิ่งใหญ่กว่า ยังมีปืนใหญ่สองข้างลำเรือ ยิ่งทำให้น่าตกใจ


นอกจากเรือปืนใหญ่เช่นนี้ ยังมีเรือเล็กหลายลำ แต่ก็มีรูปแบบการต่อคล้ายกัน เรือ ‘เล็ก’ เช่นนี้นับดูแล้วมีปืนใหญ่ร่วมยี่สิบขึ้นไป


ออกจากเมืองท่าจังหวัดพยองอัน ขุนพลทัพเรือลีซุนก็เงียบไปมาก ถึงกับกล่าวกับหลานตนว่า


“แผ่นดินหมิงมีกองทัพเรือเช่นนี้ เกรงไม่ใช่วาสนาเกาหลี!”


ตอนที่ 1122 สามฝ่ายประสานกำลัง

Ink Stone_Fantasy

“ท่านอา กองทัพเรือหมิงเข้มแข็ง กองทัพเรือโจรวัวโค่วต้องพ่าย จะไม่ใช่วาสนาเกาหลีได้อย่างไร?”


หลานขุนพลทัพเรือลีซุนก็เป็นขุนพลทหารกองทัพเรือคนหนึ่ง ยุคนี้ไม่ว่าที่ใด การศึกล้วนมีเครือญาติ ลีวานผู้นี้เป็นรองแม่ทัพเรือสังกัดทัพเรือของลีซุน


ได้ยินหลานถามขึ้น ขุนพลทัพเรือลีซุนส่ายหน้า ปีนเรือขึ้นดูกองเรือรบแผ่นดินหมิงข้างกองเรือเกาหลี เงียบไปนานก่อนจะเอ่ยขึ้น


“ทันทีที่ประเทศหนึ่งพัฒนากองทัพทะเล ก็ย่อมคิดขยายอาณาเขต เกาหลีอยู่ข้างแผ่นดินหมิงจะมีวาสนาได้อย่างไร?”


“พระราชาใช่ว่าขอเป็นประเทศในปกครองแล้วไม่ใช่หรือ เป็นคนแผ่นดินหมิงก็ไม่ได้มีอันใดไม่ดี เมืองหลวงข้าไม่เคยไป แต่เหลียวหยางดีกว่าเมืองโซอุลไม่รู้เท่าไร”


สำหรับวาจาของขุนพลทัพเรือลีซุน ลีวานกลับไม่เห็นด้วย  ยู่ปากบ่นหลายคำ ขุนพลทัพเรือลีซุนถลึงตาจ้องมา  คิดจะด่าและสุดท้ายก็เงียบลง ลีวานรู้สึกไม่ถูกต้อง รีบวิ่งไปมองดูเรือตาม


ตอนนี้ทิศทางลมสำหรับกองเรือแล้วเรียกว่าตามลม ทิศทางลมย่อมได้เปรียบ เรือกองทัพเรือประสานกำลังกางใบเรือเต็มที่ แต่ทว่าตอนนี้ กองเรือรบแผ่นดินหมิงกลับลดใบเรือลง เพราะความเร็วพวกเขาเหนือกองเรือเกาหลีแล้ว ยังควรแล่นให้พร้อมกันจะดีกว่า


กองเรือแผ่นดินหมิง  เรือกวางตุ้งใหญ่เล็กไม่เท่ากันแล่นรอบเรือใหญ่ตะวันตกสามลำ สามารถมองเห็นเรือใหญ่ตะวันตกลำหนึ่งมีธงแม่ทัพเรือ


แต่ทว่าไม่ใช่ที่ขุนพลทัพเรือลีซุนให้ความสำคัญ เรือ 24 ลำนอกกองเรือแผ่นดินหมิงจึงเป็นสิ่งที่เขาตกใจมาก เรือกองนี้กองเรือรบแผ่นดินหมิงเรียกว่า กองเรือผู้กล้า ในนี้มีสี่ลำใหญ่กว่าเรือกองกำลังหมิงมาก ปืนใหญ่บนเรือยังมาก ตอนอยู่เมืองท่าส่งคนไปดูชื่อเรือเหล่านี้มา เรียกว่า ‘เรือกวางบิน ไห่หู่ ไห่เป้า ไห่หลาง’ เดิมทีคิดว่าไปขอเรือตะวันตกมาช่วย แต่ลูกน้องรายงานว่า คนบนเรือมีชาวตะวันตกอยู่บ้างจริง แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นชาวหมิง


นอกจากเรือสี่ลำนี้แล้ว ที่เหลืออีกยี่สิบลำล้วนเป็นเรือปืนใหญ่ที่มีปืนใหญ่ 30 กระบอก ดูแล้วก็เหมือนเรือพันธมิตรของพวกโจรวัวโค่ว


ขุนพลทัพเรือลีซุนแต่ไรมาก็มั่นใจในเรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอนของกองเรือรบเกาหลี เขาคิดว่าอาศัยเรือที่แข็งแกร่งนี้ เกาหลีไม่ไปรังแกผู้อื่น ก็ย่อมรักษาตัวเองให้รอดปลอดภัยได้ แต่เห็นตอนนี้แล้ว ที่เคยมั่นใจนั้นมลายหายไปสิ้นเชิง รู้สึกแต่ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ


เกาหลีขุนนางกับแผ่นดินหมิงสมาคมกันก็มีวิธี จังหวัดพยองอันแม้ว่าถูกโจรวัวโค่วรุกรานย่ำยี แต่ยังมีสุราและเนื้อ  เงินทองแม้ว่าไม่มาก แต่อาศัยหาสตรีหน้าตาดีไปตีสนิทก็พอได้ รับใช้พวกนี้ให้สบาย ก็รู้ความในไม่น้อย


 ที่แท้นี่เป็นกองเรือส่วนตัวเหลียวกั๋วกง ปกติล้วนใช้ทำการค้าบนท้องทะเล เรือปืนใหญ่แบบตะวันตกพวกนี้ล้วนเหลียวกั๋วกงต่อจากโรงต่อเรือตนเอง


รู้ข่าวเหล่านี้แล้ว ขุนพลทั้งกองเรือรบเกาหลีต่างรู้สึกเหนือความคาดหมาย เรือใหญ่เช่นนี้ต้องใช้เงินทองเท่าไร เกาหลีสร้างเรือเรือคอบุกซอนไม่กี่ลำก็ล้วนใช้เงินสะสมกันถึงสามรุ่น เรือปืนใหญ่ขนาดนี้ใช้ไม้จำนวนมาก ใช้เงินจำนวนมาก  แท้จริงแล้วใช้เท่าไรกัน


 เหลียวกั๋วกงมีกำลังแท้จริงได้เช่นนี้ แท้จริงแล้วระดับใดกัน  ขุนพลทัพเรือลีซุนเป็นคนในสองตระกูลขุนนางใหญ่ เคยเรียนหนังสือมา เมื่อก่อนจำได้ว่ามีสำนวนว่า ‘รวยล่มเมือง’  ก็คิดว่าเกินจริงไป แต่ได้ยินคำบรรยายขุนพลทหารแผ่นดินหมิงจึงได้รู้ว่าคำนี้เหมาะสมแล้ว


 ล้วนกล่าวว่าที่เหลียวกั๋วกงมีกองเรือยักษ์ใหญ่สิบลำเช่นนี้ได้ ได้ฉายา ‘เรือยักษ์ใหญ่สิบลำ’ ที่เหลืออีกหกลำไปไหน จริง ๆ ขุนพลทัพเรือลีซุนก็พอเข้าใจ เรือ 24 ลำออกมาเช่นนี้ ก็พอจะยืนหนึ่งในชัยชนะแล้ว แต่อีกหกลำไปไหนกัน ความคิดนี้เอาแต่วนเวียนอยู่ในห้วงความคิด


จริง ๆ แล้วคนรอบกายขุนพลทัพเรือลีซุนเองก็รู้สึกแปลก ความจริงนั้น ตอนนี้เกาหลีสถานการณ์ดีกว่าหลายเดือนก่อนไม่รู้เท่าไร จังหวัดพยองอันกับจังหวัดฮัมกยองใกล้ฟื้นคืนภาวะปกติแล้ว ทัพเหลียวหนิงแม้ว่าพ่ายศึก แต่กองกำลังหมิงที่มาใหม่แข็งแกร่งมาก การฟื้นคืนนั้นก็แค่รอวันเท่านั้น แต่ขุนพลทัพเรือลีซุนกลับไม่มีสีหน้ายินดีอันใด มีแต่สีหน้าเป็นกังวล ไม่รู้เป็นห่วง อันใดกัน


****************


“ทัพเรือโจรวัวโค่วมอบให้ใต้เท้าแล้ว ที่เหลือย่อมเป็นกองเรือเราจัดการ!”


มีคนบนเรือแกนนำกองกำลังหมิงได้รับคำสั่ง นอกทะเลที่อินชอนสามารถมองเห็นเรือของโจรวัวโค่วและพันธมิตรจำนวนมาก


หลายวันนี้ทิศทางลมเป็นผลดีต่อกองทัพเรือประสานกำลังสองแผ่นดินที่สุด เพราะอยู่ใต้ทิศทางตามลม เรือกองกำลังหมิงขอเพียงเร็วกว่าเรือโจรวัวโค่ว กำลังเรือรบถึงกับยังเหนือกว่ากองเรือเสิ่นหวั่ง แม้ว่าเป็นโจรวัวโค่วแล่นหนีกลางท้องทะเล  ก็คงถูกไล่ตามได้ทัน สถานการณ์เช่นนี้ ไม่สู้เลือกต่อสู้กันที่ใกล้ฝั่งทะเลดีกว่า ไม่แน่อาจยังพอมีโอกาส


“ท่านอาๆ!”


ลีวานตะโกนเรียกหลายคำ ขุนพลทัพเรือลีซุนจึงได้สติ  ศึกใหญ่ตรงหน้า แม่ทัพถึงกับเหม่อลอยเสียแล้ว ขุนพลทัพเรือลีซุนแต่ไรมายืนอยู่บริเวณที่สูงสุดของเรือคอบุกซอน กำลังมองจ้องไปยัง ‘กองเรือผู้กล้า’ ได้ยินหลานชายตะโกนดังจึงได้สติ รีบสั่งว่า


“หลบเรือปืนใหญ่ศัตรู เข้าใกล้เรือโจรวัวโค่วรบประชิด ชนแล้วจุดไฟเผาเป็นหลัก ปืนกับธนูใช้ระวัง ระวังอย่าถูกศัตรูวางเพลิงใส่ เตรียมพร้อมส่งธงสัญญาณขอให้เรือหมิงออกรับศึกเรือปืนใหญ่ศัตรู รีบไปจัดการ!”


นี่เป็นคำสั่งของทหารชำนาญการ ลีวานรีบรับคำสั่ง วิ่งออกไปจัดการ


ใบเรือเรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอนยกลง พร้อมเสากระโดงเรือ ชั้นล่างสุดของเรือสองข้าง ไม้พายก็ยื่นออกไปในท้องทะเล จากนั้นคำสั่งดัง ไม้พายก็เริ่มพาย


มีการต่อสู้ก่อนหน้าเป็นข้อเปรียบเทียบ กองเรือเกาหลีล้วนมั่นใจมาก เรือปืนใหญ่ตนย่อมเหนือว่าเรือปืนใหญ่ฝ่ายตรงข้าม กองทัพเรือโจรวัวโค่วย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ ขุนพลทัพเรือลีซุนเป็นขุนพลทัพเรือฝ่ายซ้าย ยามนี้มอบอำนาจบัญชาการให้ขุนพลทัพเรือฝ่ายขวาจังหวัดคยองซัง ตนเองสังเกตการเคลื่อนไหวของกองเรือรบแผ่นดินหมิงอย่างไม่วางตา


เกาหลีสังเกตแผ่นดินหมิง แผ่นดินหมิงเองก็สังเกตทางนี้เช่นกัน เรือกวางบินแม้ว่าเก่ากว่าบรรดาเรือเหล่านี้ แต่ปืนใหญ่ก็แข็งแกร่งที่สุด เป็นเรือปืนใหญ่ลำแรกของกองเรือสามธารา  ผู้บังคับบัญชาเรือหลายคนล้วนชอบใช้เรือนี้เป็นเรือแกนนำ ห้องชั้นบนเรือนี้ปรับแต่งเหมาะแก่การมองไกลบัญชาการ


เรือโจรวัวโค่วไม่มีคนสนใจ  พวกนั้นในสายตากองเรือสามธาราก็แค่หมูแพะที่รอดการเชือดไป เรือเสิ่นหวั่งก็ไม่มีคนสนใจ เพราะกำลังอ่อนกว่ากองเรือรบแผ่นดินหมิงกับกองเรือสามธารามาก กลับเป็นกองเรือรบเกาหลีที่ทุกคนล้วนจับจ้องมอง


เห็นเรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอนลดใบเรือลง หูอันยู่ปากบ่นเป็นภาษาโปรตุเกส จากนั้นยิ้ม กล่าวว่า


“คิดไม่ถึงจริง ตะวันออกยังได้เห็นเรือรบใช้ยุทธวิธีแบบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน”


คนรอบๆ ล้วนรู้จักทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นั่นก็คือทะเลใหญ่ยุโรป เพราะล้อมรอบด้วยผืนแผ่นดิน ดังนั้นผืนทะเลจึงเงียบสงบมาก ไม่ค่อยได้มีคลื่นลม


ที่เรียกว่า ยุทธวิธีแบบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ก็คือเรือแล่นได้นิ่ง เรือใหญ่มาก บรรทุกปืนใหญ่ได้มาก จากนั้นตอนต่อสู้ล้วนอาศัยกำลังคนพายเรือเข้าไป พูดให้ถูกก็คือเคลื่อนป้อมปืนใหญ่ไปกับการทำตัวราวกับป้อม


คำว่าเทอะทะไม่ใช่คำบรรยายที่ดี แต่ทว่าเรือเช่นนี้รบได้แค่พื้นที่ใกล้ฝั่งทะเล เพราะความที่แล่นได้นิ่ง บรรทุกหนักมาก  ปืนใหญ่ระยะยิงไกล และหากยิ่งลำใหญ่ ปะทะกันก็ย่อมได้เปรียบยิ่งมาก  เพราะนิ่งจึงบรรทุกทหารราบได้ยิ่งมาก สามารถให้ทหารราบปรับตัวกับการรบบนท้องทะเล


ในช่วงเวลาหนึ่ง เรือรบเช่นนี้เป็นเจ้าแห่งท้องทะเล จนกระทั่งมีเรือเกลเลียน[1]กับเรือคาร์แรค[2]ปรากฏขึ้น  พวกเขาต่อเรือได้ใหญ่เช่นกัน แล่นได้เร็วกว่า  และสามารถออกทะเลข้ามมหาสมุทรได้ เรือใหญ่ใกล้ชายฝั่งทะเลแบบเดิมจึงถูกลืมเลือนไป หูอันคิดไม่ถึงจะได้เห็นที่นี่


กองเรือรบเกาหลีทำให้ทุกคนทอดถอนใจ  ทุกคนคิดไม่ถึงก็คือ กองเรือเสิ่นหวั่งไม่หนี ถึงกับแล่นเข้ามา


“ช่างเป็นผีบัดซบ มั่นใจเกินไปแล้ว ข้ายังคิดว่าพวกเขาไม่หนีก็คงยอมจำนน!”


มีคนด่าทอขึ้น  กองเรือรบแผ่นดินหมิงเข้ารับศึก เรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอนชนกับเรือโจรวัวโค่ว จากนั้นยิงธนูไฟ  เห็นชัดว่าได้เปรียบเก่งกล้ามาก หลังจากไม่มีเรือกวางตุ้งสองฝ่ายยิงปะทะกันเท่าไรแล้ว ก็เอาแต่หลบการพุ่งชน เข้าใกล้ก็ถูกคนอีกฝ่ายถือดาบโดดขึ้นมาสังหาร


เทียบกับการต่อสู้อันดุเดือดนี้แล้ว เรือปืนใหญ่กลับสู้กันได้น่าเบื่อยิ่ง สองฝ่ายบนท้องทะเลปรับเปลี่ยนรูปทัพเรือ ล้วนคิดจะแย่งตำแหน่งเหนือลม


กองเรือปรับเปลี่ยนรูปทัพย่อมค่อย ๆ ถอยห่างกัน ช่องปืนใหญ่เปิดออกหมด  ขุนพลทหารบนเรือตวาดดังเร่งให้ทหารบรรจุกระสุน ลูกเรือปรับเปลี่ยนใบเรือกันอย่างเคร่งเครียด  บังคับทิศทาง หัวหน้าเรือจับตาดูสัญญาณเรือแกนนำ


ไป ๆ มา ๆ สองฝ่ายเข้าใกล้กัน ในที่สุดก็มีระยะห่างใกล้เพียงพอ บนท้องทะเลเสียงดังตูม……


 ขุนพลทัพเรือลีซุนที่จับตาดูการรบถึงกับสะดุ้งโหยง เห็นระหว่างกองเรือสองฝ่ายมีควันปกคลุมไปทั่วบริเวณท้องน้ำ แถวกองเรืออีกด้าน สามารถมองเห็นน้ำกระเด้งกระดอนหลายแห่ง


ควันขาวไม่ได้จางไปเท่าไร กองเรือเสิ่นหวั่งที่ถูกทำลายก็เริ่มปรากฏให้เห็น เสากระโดงเรือหักโค่น มีบางลำถึงกับกำลังจมลง


เห็นกองเรือรบแผ่นดินหมิงปรับเปลี่ยนตำแหน่งไปมา  ครั้งนี้กองเรือเสิ่นหวั่งไร้แรงต้านทาน ยกธงขาวขึ้นแล้ว


ในการต่อสู้ที่แห้งแล้งเรียบง่ายเช่นนี้ กองเรือรบแผ่นดินหมิงเรียกได้ว่ายอดเยี่ยมกว่ามาก ทหารที่เฉินหลินฝึกมานั้นทำการรบและประสานงานได้ดีกว่ากองเรือเสิ่นหวั่งกับโจรวัวโค่วมาก  สามารถปฏิบัติการได้ตลอดเวลา ข้อได้เปรียบนับวันยิ่งมาก กองเรือเสิ่นหวั่งคิดแล่นหนีจากสนามรบ แต่กลับถูกกองเรือรบแผ่นดินหมิงหลายลำล้อมไว้ไม่ปล่อย จากนั้นกินรวบ ไล่ตามมาโจมตี


“ใต้เท้า มีเรือโจรวัวโค่วถูกชนพังไปอีกแล้ว!”


 บนเรือคอบุกซอนที่ขุนพลทัพเรือลีซุนอยู่ส่งเสียงดีใจ  พวกเขาทางนี้ก็รบไปได้อย่างใจ โจรวัวโค่วตัดสินใจรบสู้ตาย แต่ไม่ว่าเครื่องมือหรือจิตใจแล้วก็หมดสิ้นอย่างมาก ทัพเรือพันธมิตรที่โจรวัวโค่ววาดหวังไว้ก็พ่ายแพ้ยับเยินไปแล้ว จุดจบพวกเขาเรียกได้ว่าราบคาบ


กองเรือรบเกาหลียามนี้มีความคิดต้องการประลองกำลังกับกองเรือรบแผ่นดินหมิง  แต่ละคนพากันฮึกเหิมยินดี ส่งเสียงเฮดังยินดีพากันมารายงานผลสำเร็จ  เข้าหูขุนพลทัพเรือลีซุนตลอด แต่ขุนพลทัพเรือลีซุนกลับไม่มีสีหน้ายินดี…


…………………………………………….


[1] เรือเกลเลียนเป็นเรือใบที่สเปนพัฒนามาจากเรือคาร์แรค


[2] เรือคาร์แรคเป็นเรือใบเดินทะเลสามหรือสี่เสากระโดงเรือที่พัฒนาขึ้นในศตวรรษที่ 14 ถึง 15 ในยุโรปโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโปรตุเกส

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)