เทพปีศาจหวนคืน 1120-1121

 เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1120 ตะลึง


แปลโดย iPAT 


 


ผู้อมตะสี่คนเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา


 


ฟางหยวนเฝ้ามองพวกเขาด้วยการแสดงออกที่จริงจัง


 


สถานการณ์นี้ไม่อยู่ในความคาดหมายของเขา


 


“เหตุใดถึงมีผู้อมตะอยู่ที่นี่?” ฟางหยวนถามจิตวิญญาณสวรรค์


 


แต่จิตวิญญาณสวรรค์ยังนิ่งเฉย


 


หลังจากไม่นานผู้อมตะทั้งสี่ก็มาถึงแต่ใบหน้าของพวกเขาไม่ปรากฏความเกลียดชัง


 


ฟางหยวนเตรียมพร้อมรับมือแต่การแสดงออกภายนอกยังไม่เปลี่ยนแปลง


 


“ข้านักโทษเฉินไคทักทายนายท่านจากเผ่าหลัก” ผู้นำกลุ่มคือผู้อมตะชรา เขาสวมมงกุฎทรงสูงบนศีรษะและมีเส้นผมสีขาว หลังจากเห็นฟางหยวน เขาแสดงความเคารพด้วยใบหน้าเคร่งขรึม


 


‘นักโทษ?’ ฟางหยวนคิดเรื่องนี้แต่ยังตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว “ไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่านายท่าน ข้าชื่อไห่เจิ้ง ข้าโชคดีได้รับมรดกที่แท้จริงของบรรพชนไห่ฟาน แต่ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะได้พบกับผู้อมตะมากมายอยู่ในถ้ำสวรรค์แห่งนี้”


 


ฟางหยวนอยู่ในรูปลักษณ์ของไห่เจิ้ง


 


นี่เป็นสิ่งที่เขาคิดมาอย่างรอบคอบแล้ว


 


ด้วยการคงอยู่ของสวรรค์สีเหลือง กระทั่งถ้ำสวรรค์ของไห่ฟานจะแยกออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ แต่พวกเขายังสามารถหาข้อมูลของเผ่าไห่


 


เผ่าไห่จากไปแล้ว แต่นั่นไม่สามารถขัดขวางเขาจากการรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน


 


สิ่งสำคัญที่สุดฟางหยวนมีความทรงจำทั้งหมดของไห่เจิ้ง เขาสามารถปลอมตัวเป็นไห่เจิ้งได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่มีข้อบกพร่อง


 


เฉินไคมองฟางหยวนและถอนหายใจด้วยความชื่นชม


 


ไห่เจิ้งได้รับการยอมรับจากสาธารณชนว่าเป็นหนุ่มรูปงามและสุภาพอ่อนโยน ตอนนี้ฟางหยวนปลอมตัวเป็นไห่เจิ้ง นี่ยิ่งทำให้ไห่เจิ้งตัวปลอมดูมีไหวพริบมากขึ้นไปอีก ด้วยรูปลักษณ์และบุคลิก เขาสามารถเอาชนะใจผู้คนได้อย่างง่ายดาย


 


ท่ามกลางผู้อมตะสี่คน มีผู้อมตะหญิงสองคน เมื่อพวกนางเห็นรูปลักษณ์ของฟางหยวน หัวใจของพวกนางเต้นเร็วขึ้นทันทีโดยไม่ได้ตั้งใจ


 


อีกคนเป็นชายหนุ่มหน้าตาธรรมดา


 


เฉินซื่อกำลังจะเปิดปากกล่าวแต่ในจังหวะนี้เสียงสายหนึ่งกลับดังมาจากระยะไกล “นายท่าน มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ท่านจะไม่รู้! บรรพชนของพวกเรากระทำความผิดต่อเผ่าไห่ ย้อนกลับไปหลานสาวของบรรพชนไห่ฟาน ไห่เฟิงอวี๋นำวิญญาณทัศนคติออกไปท่องเที่ยวที่แดนน้ำแข็งของภาคเหนือ แต่นางตกเป็นเป้าหมายของผู้อมตะลึกลับ สุดท้ายนางหายตัวไปขณะที่เผ่าไห่สูญเสียวิญาณทัศนคติ”


 


“บรรพชนไห่ฟานพยายามตามหานางแต่กลับไร้ประโยชน์ บรรพชนของพวกเราไม่สามารถชดเชยความผิดนี้ ดังนั้นพวกท่านจึงยอมรับการลงโทษและถูกขังอยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานแห่งนี้ แต่พวกท่านยังใช้ชีวิตและมีทายาทสืบทอดอาศัยอยู่ที่นี่มาตลอด”


 


“เป็นเช่นนั้น” ฟางหยวนเข้าใจในที่สุด


 


มีผู้อมตะมาใหม่จำนวนสามคน


 


สองชายและหนึ่งหญิง


 


พวกเขาคือเฟิงจุน โจวหมิง และเฉิงเทา


 


เฟิงจุนและโจวหมิงเป็นผู้อมตะระดับหก


 


เฉิงเทาลอยอยู่ด้านนอกและดูเหมือนจะเป็นผู้นำกลุ่ม


 


เขาเป็นผู้ตอบคำถามของฟางหยวน


 


การบ่มเพาะของเฉิงเทาอยู่ในระดับเจ็ด เขามีหน้าตาธรรมดา หลังค่อม และมีเส้นเลือดบางๆปรากฏอยู่บนแผ่นหลังของเขา ชัดเจนว่าเขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือด!


 


สิ่งนี้ทำให้ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจ


 


ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเลือดปรากฏตัวอย่างเปิดเผยแต่ผู้อมตะคนอื่นๆกลับไม่สะทกสะท้าน ดูเหมือนพวกเขาจะคุ้นชินกันเป็นอย่างดี


 


‘เว้นเพียงคนผู้นี้ไม่ได้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดเป็นหลักแต่มันเป็นเพียงเส้นทางรอง?’


 


‘ถึงกระนั้นโดยปกติพวกเขาก็ไม่สามารถเปิดเผยได้อย่างอิสระ’


 


ฟางหยวนรู้สึกงุนงงเล็กน้อย


 


หากอยู่ในห้าภูมิภาค ปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดจะกลายเป็นเป้าหมายและถูกไล่ล่า


 


แต่ดูเหมือนที่นี่จะแตกต่างออกไป เขาไม่ถูกเกลียดชังและกระทั่งมีผู้ใต้บังคับบัญชาอีกสองคน


 


สองคนนี้กล้าหาญมาก พวกเขาไม่กลัวว่าผู้นำของตนจะโจมตีและใช้ประโยชน์จากพวกเขาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง


 


ผู้อมตะทั้งสามบินเข้ามาและทักทายฟางหยวนอย่างสุภาพ


 


แต่ฟางหยวนสามารถบอกได้ว่าเฟิงจุนไม่มีความจริงใจ ตรงข้าม เขากระทั่งเกลียดชังฟางหยวน


 


ในความเป็นจริงคนอื่นๆก็เป็นเช่นเดียวกัน


 


ไม่ว่าจะเป็นเฉิงไคหรือผู้อมตะคนอื่นๆ พวกเขาต่างระวังตัวจากฟางหยวน ขณะที่พวกเขาแสดงออกอย่างอ้อนน้อม พวกเขากลับมีเจตนาร้ายซ่อนอยู่


 


หลังจากทักทายฟางหยวน ผู้อมตะทั้งสามเริ่มพูดคุยกับเฉินไคและผู้อมตะที่อยู่ด้านหลังเขา


 


จากการแสดงออก ชัดเจนว่าพวกเขาไม่ใช่คนกลุ่มเดียวกัน


 


พวกเขาพูดคุยกันอย่างอบอุ่นแต่ฟางหยวนรู้ว่าในใจพวกเขากำลังเก็บรายละเอียด


 


“ที่นี่มีผู้อมตะอยู่มากน้อยเท่าใด?” ฟางหยวนถาม


 


“ไม่มาก นอกจากพวกเราทั้งเจ็ด ยังมีอีกสองคนเท่านั้น” เฉินไคตอบ “พวกเขาจะมาเร็วๆนี้ เมื่อท่านมาถึงที่นี่ จิตวิญญาณสวรรค์ออกมาต้อนรับท่านและส่งเสียงระฆังสิบครั้ง ตอนนี้พวกเขาอยู่บนภูเขามรดกอมตะ แต่พวกเขารู้ว่าเสียงระฆังหมายถึงสิ่งใด”


 


ภูเขามรดกอมตะ?


 


ฟางหยวนจดจำชื่อนี้แต่ไม่ได้ถามรายละเอียด


 


ดังคาด ผู้อมตะอีกสองคนปรากฏตัวขึ้นไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาทั้งสองเป็นผู้ชาย พวกเขาแสดงความเคารพฟางหยวนเหมือนคนอื่นๆ


 


หลังจากผู้อมตะทั้งหมดมารวมตัวกัน จิตวิญญาณสวรรค์ก็เริ่มเคลื่อนไหว


 


เสียงระฆังดังขึ้นขณะที่มันลอยไปข้างหน้า


 


“จิตวิญญาณสวรรค์ต้องการนำเราไปยังภูเขามรดกอมตะ นายท่านโปรดตามมา” เฉินไคกล่าว


 


ฟางหยวนพยักหน้าและติดตามระฆังทองเหลืองไปอย่างระมัดระวัง


 


ในสถานการณ์นี้เขาอยู่คนเดียวขณะที่อีกฝ่ายมีผู้อมตะเก้าคน สองคนระดับเจ็ดและเจ็ดคนระดับหก หากเกิดการต่อสู้อย่างกะทันหัน ผลลัพธ์จะไม่สามารถคาดเดา


 


อย่างไรก็ตามแม้จิตวิญญาณสวรรค์จะไร้สติแต่มันยังสามารถต้อนรับฟางหยวน นี่แสดงให้เห็นว่ายังมีเจตจำนงของไห่ฟานเหลืออยู่


 


ก่อนหน้านี้ฟางหยวนสามารถบอกได้ว่าคนเหล่านี้ไม่ได้เป็นคนกลุ่มเดียวกัน สองคนสุดท้ายดูเหมือนจะเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ


 


ดังนั้นฟางหยวนจึงตัดสินใจเดินทางไปพร้อมกับพวกเขาและสังเกตทุกการเคลื่อนไหว


 


จิตวิญญาณสวรรค์บินไม่เร็วนัก


 


ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงไม่ต้องใช้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดและปล่อยให้มันบินอยู่ข้างๆ


 


ในสถานการณ์นี้เขาไม่กล้าเก็บอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด หากมีบางสิ่งเกิดขึ้น แม้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะไม่สามารถสังหารศัตรู แต่มันยังเป็นผู้ช่วยชั้นยอด


 


ระหว่างทาง ฟางหยวนพูดคุยกับกลุ่มผู้อมตะ


 


แรกเริ่มพวกเขาระวังฟางหยวนมาก ทุกการสนทนามีระยะห่าง


 


แต่ฟางหยวนคือผู้ใด? ในห้าร้อยปีก่อนหน้าเขามีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน เขามีทักษะในการสื่อสารที่ยอดเยี่ยมอย่างน่าตกใจ


 


ในไม่ช้าฟางหยวนก็สามารถสร้างความใกล้ชิด


 


เสียงหัวเราะค่อยๆดังขึ้น


 


“พี่หญิง ดูท่านไห่เจิ้ง เขาเป็นผู้อมตะจากเผ่าหลัก เขาช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ มีเพียงคนเช่นนี้เท่านั้นที่คู่ควรกับมรดกที่แท้จริงของบรรพชนไห่ฟาน” หนึ่งในกลุ่มผู้อมตะหญิงลอบพูดคุยกันอย่างลับๆ


 


นี่คือผู้อมตะหญิงที่มากับเฉินซื่อ


 


ผู้อมตะหญิงที่ถูกเรียกว่าพี่หญิงเป็นหญิงงามที่ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่านาง เมื่อได้ยินเรื่องนี้ นางจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงทะเล้น “ฮิฮิ ดูเหมือนเจ้าจะหลงเสน่ห์เขาเสียแล้ว เขาเป็นมังกรในหมู่มนุษย์ แม้เขาจะยังเด็กแต่การบ่มเพาะของเขากลับถึงระดับนี้ เขามีเสน่ห์และช่างเจรจา น้ำเสียงของเขาทำให้ผู้คนรู้สึกอยากพูดคุยกับเขา เห้อ…ข้าอยากรู้นักว่ามีคนเช่นเขาอยู่มากเท่าใด? ที่ภาคเหนือเป็นสถานที่เช่นไร?”


 


หูของฟางหยวนกระตุก เขาตั้งใจฟังทุกถ้อยคำของผู้อมตะหญิงกลุ่มนี้


 


ผู้อมตะหญิงกลุ่มนี้ใช้วิธีถ่ายทอดเสียงที่ล้าหลัง นี่เป็นสาเหตุที่ฟางหยวนสามารถลอบฟังบทสนทนาของพวกนาง


 


แม้ที่นี่จะเป็นถ้ำสวรรค์ วิญญาณระดับมนุษย์ไม่สามารถใช้งาน แต่ฟางหยวนไม่ถูกจำกัดด้วยเรื่องนี้ นี่ทำให้เขามีความมั่นใจบางอย่าง


 


ในความเป็นจริงไม่เพียงผู้อมตะหญิงที่ลอบพูดคุยกัน ผู้อมตะคนอื่นๆก็พูดคุยกันอย่างลับๆเช่นกัน แต่พวกเขาไม่ได้พูดมากเท่าผู้อมตะหญิงสองคนนี้


 


“ผู้ใดจะคิดว่าคนผู้นี้มีการบ่มเพาะระดับเจ็ด! ฝ่ายของเรามีเพียงผู้อาวุโสเฉินไคและพี่เฉิงเทาเท่านั้นที่สามารถแข่งขันกับเขา”


 


“กระทั่งเขาจะไม่ปลดปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณอมตะออกมา เพียงอินทรีย์ที่บินอยู่ข้างกายเขาก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว”


 


“อินทรีย์ตัวนี้แข็งแกร่ง ดูเหมือนมันจะเป็นสัตว์อสูรเดียวดายแต่กลิ่นอายของมันกลับไม่ธรรมดา”


 


“พวกเรามีสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลอยู่ที่นี่ แต่กลิ่นอายของพวกมันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับอินทรีย์น้อยตัวนี้”


 


หลังจากพูดคุย บางคนไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปและเปิดปากถาม “นายท่าน ข้าเห็นว่าอินทรีย์ของท่านไม่ธรรมดา กลิ่นอายของมันช่างยิ่งใหญ่นัก ข้าขอถามได้หรือไม่ว่ามันคือสิ่งใด?”


 


ผู้อมตะผู้นี้คือเฟิงจุน


 


ฟางหยวนเผยรอยยิ้ม “ฮ่าฮ่า ช่างสายตาแหลมคมนัก เจ้าบอกได้ว่าอินทรีย์ของข้าไม่ธรรมดา แท้จริงแล้วมันคืออินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด เจ้าเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับมันหรือไม่? เมื่อมันโตเต็มที่ มันจะเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิด แต่ตอนนี้มันสามารถใช้สำหรับการเดินทางเท่านั้น มันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับสัตว์อสูรแรกกำเนิดตัวอื่นๆของข้า”


 


“สัตว์อสูรแรกกำเนิด!” กลุ่มผู้อมตะอ้าปากค้าง


 


พวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจและประหลาดใจขณะจ้องมองอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดอย่างระมัดระวัง


 


ฟางหยวนกล่าวอย่างไม่เป็นทางการแต่มันเป็นการโยนระเบิดเข้าสู่จิตใจของผู้อมตะกลุ่มนี้


 


หลังจากนั้นเมื่อพวกเขาพูดคุยกับฟางหยวน น้ำเสียงของพวกเขากลายเป็นสุภาพมากขึ้น


 


ฟางหยวนไม่ได้แสดงท่าทีแข็งกร้าว เขายังเผยรอยยิ้มอบอุ่นเช่นก่อนหน้า แต่รอยยิ้มของเขากลับทำให้ผู้อมตะกลุ่มนี้เกิดความรู้สึกที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง


 


“อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด สัตว์อสูรแรกกำเนิด!”


 


“เขาคือผู้ใด? เขาสามารถกำหราบสัตว์อสูรแรกกำเนิดได้ด้วยตนเองงั้นหรือ!? ดูเหมือนในเผ่าหลัก สถานะของเขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน!”


 


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1121 มรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน


แปลโดย iPAT 


 


“อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดตัวนี้เป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิด ไม่แปลกใจเลยที่มันปลดปล่อยกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาออกมา”


 


“หากพวกเราโจมตีเขา พวกเราต้องต่อสู้กับอินทรีย์ตัวนี้เป็นอันดับแรก”


 


“เจ้าลืมสิ่งที่เขากล่าวแล้วหรือ? นอกจากอินทรีย์ตัวนี้ เขายังมีสัตว์อสูรแรกกำเนิดตัวอื่น เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งทาสงั้นหรือ?”


 


“หากเขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งทาส มันจะง่ายกว่า จุดอ่อนของเส้นทางแห่งทาสคือการโจมตีโดยตรง แม้เขาจะเป็นผู้อมตะ แต่พวกเราก็เป็นผู้อมตะเช่นกัน…”


 


“อาจไม่เป็นเช่นนั้น! อย่าพึ่งรีบร้อน พวกเรากำลังจะไปถึงภูเขามรดกอมตะ”


 


กลุ่มผู้อมตะลอบพูดคุยกระทั่งมาถึงภูเขามรดกอมตะ


 


นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก


 


สัตว์อสูรแรกกำเนิดมีพลังการต่อสู้เทียบเท่ากับผู้อมตะระดับแปด การคงอยู่ของมันเป็นเรื่องที่น่าตกใจเกินไป


 


ฟางหยวนได้ยินทุกถ้วนคำของพวกเขา แต่การแสดงออกของเขายังสงบ


 


ความเข้าใจของกลุ่มผู้อมตะถูกบิดเบือนไปจากความจริงด้วยคำกล่าวเพียงไม่กี่คำของฟางหยวน


 


ฟางหยวนมีความสุขเมื่อได้ยินสิ่งเหล่านี้ ยิ่งกลุ่มผู้อมตะเข้าใจผิดมากเท่าใด มันก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อฟางหยวนมากเท่านั้น


 


หากเขาได้รับการปฏิบัติเช่นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งทาส พวกเขาจะตกตะลึงและไม่สามารถรับมือได้อย่างเหมาะสมเมื่อการต่อสู้ที่แท้จริงปะทุขึ้น


 


ในทางกลับกันระหว่างบทสนทนาเหล่านั้น ฟางหยวนยังสามารถตรวจสอบและได้รับข้อมูลอันล้ำค่ามากมาย


 


‘ผู้อมตะเหล่านี้ดูเหมือนจะถูกแยกออกจากโลกภายนอกมานานเกินไป พวกเขาไม่เก่งเรื่องการติดต่อกับผู้คน ไม่เพียงในแง่ของคำพูด แต่พวกเขาไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเหมือนผู้อมตะของโลกภายนอก ข้าสามารถตรวจสอบภูมิหลังของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย พวกเขาแทบไม่มีความเฉลียวฉลาด วิธีการของพวกเขาก็ล้าหลังเป็นอย่างมาก’


 


‘สรุปแล้วผู้อมตะเหล่านี้ถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกนำโดยผู้อมตะเฒ่าเฉินไค กลุ่มสี่คนของเขามีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด อีกกลุ่มประกอบด้วยโจวหมิง เฉิงเทา และเฟิงจุน พวกเขาเป็นพี่น้องร่วมสาบาน สองคนแรกมีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด ส่วนคนสุดท้าย เขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ ความสัมพันธ์ของทั้งสองกลุ่มไม่ดีนัก’


 


ฟางหยวนลอบประเมินอยู่ในใจ


 


ทุกแห่งหนผู้คนจะแข่งขันกันเพื่อผลประโยชน์


 


ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น


 


แต่เห็นได้ชัดว่าความขัดแย้งของที่นี่อยู่ในระดับต่ำ ผู้อมตะของที่นี่ไม่มีทักษะในการแข่งขันมากนัก มันไม่สามารถเปรียบเทียบกับภาคเหนือ


 


สิ่งสำคัญที่สุดก็คือผู้อมตะเหล่านี้มีความรู้น้อยมาก


 


ฟางหยวนตรวจสอบมาแล้ว ผู้อมตะเหล่านี้ไม่สามารถติดต่อสวรรค์สีเหลือง พวกเขากระทั่งไม่รู้ถึงการคงอยู่ของมัน


 


พิจารณาถึงตัวตนของผู้อมตะกลุ่มนี้ พวกเขาเป็นบุตรหลานของอาชญากรและถูกขังไว้ที่นี่ มีความเป็นไปได้ที่ไห่ฟานจะปิดผนึกการเชื่อมต่อระหว่างพวกเขากับสวรรค์สีเหลืองเอาไว้


 


หากพวกเขาสามารถเชื่อมต่อกับสวรรค์สีเหลือง มันจะแตกต่างออกไป


 


ไม่เพียงพวกเขาจะสามารถพัฒนาทักษะ พวกเขายังสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล แม้พวกเขาจะไม่ทำการซื้อขาย พวกเขายังจะได้รับประสบการณ์และทำให้พวกเขาสามารถเติบโต


 


ภูเขามรดกอมตะเป็นภูเขาสูงที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว


 


มีร่องรอยของการก่อสร้างโดยฝีมือมนุษย์ทิ้งไว้อย่างชัดเจน รอบภูเขาลูกนี้เต็มไปด้วยป่าไม้และทรัพยากรจำนวนมาก


 


แม้ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานจะตัดขาดจากโลกภายนอกและไม่สามารถเชื่อมต่อกับสวรรค์สีเหลือง แต่ทรัพยากรที่อยู่ภายในกลับอุดมสมบูรณ์เกินกว่าการสะสมจากรุ่นสู่รุ่น


 


กลุ่มผู้อมตะติดตามระฆังทองเหลืองไปถึงศาลาหินใกล้กับยอดเขา


 


ศาลาหินมีโครงสร้างที่เรียบง่ายแต่มันกลับมีบรรยากาศที่ยิ่งใหญ่ แผ่นหินทุกแผ่นมีตัวอักษรสลักเอาไว้


 


ระฆังทองเหลืองเข้าไปในศาลาหินและแขวนตัวมันเองไว้กับเพดานของศาลาหิน


 


ผู้อมตะเฒ่าเฉินไคกล่าว “นายท่านพึ่งมาถึง ท่านคงมีคำถามมากมาย แผ่นหินเหล่านี้จะเป็นคำตอบสำหรับคำถามของท่าน”


 


ฟางหยวนมองแผ่นหินเหล่านั้นและเกิดความเข้าใจในที่สุด


 


ย้อนกลับไปหลานสาวที่ไห่ฟานรักมากที่สุดหายตัวไปพร้อมกับวิญญาณทัศนคติ


 


ไห่ฟานสูญเสียหลานสาวที่ล้ำค่าแต่เขาไม่สามารถทำสิ่งใดเพราะในเวลานั้นอายุขัยของเขาใกล้จะถึงจุดสิ้นสุด เขาได้วางมิติช่องว่างลงและดูดซับเศษชิ้นส่วนของสวรรค์สีฟ้าไปแล้ว นั่นทำให้เขาสูญเสียอิสรภาพและไม่สามารถออกไปตามหาหลานสาวด้วยตนเอง


 


ผู้อมตะเผ่าไห่ที่ไม่สามารถดูแลหลานสาวของไห่ฟานจึงได้รับโทษและถูกกักขังอยู่ในถ้ำสวรรค์แห่งนี้ นอกจากนั้นพวกเขายังต้องนำมิติช่องว่างของตนเองผสานเข้ากับถ้ำสวรรค์ของไห่ฟาน


 


ด้วยวิธีนี้ถ้ำสวรรค์ของไห่ฟานจึงขยายใหญ่ขึ้น


 


เดิมทีไห่ฟานตั้งใจทิ้งมรดกที่แท้จริงรวมถึงรังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์เอาไว้เบื้องหลัง


 


แต่เขาไม่สามารถหยุดคิดถึงหลานสาวอันเป็นที่รักยิ่ง ดังนั้นเขาจึงเพิ่มเงื่อนไขการรับสืบทอด นั่นคือกลิ่นอายของวิญญาณทัศนคติ


 


จากมุมมองของเขา ด้วยอิทธิพลของเผ่าไห่ในเวลานั้น พวกเขามีความสามารถเพียงพอที่จะตามหาไห่เฟิงอวี๋และนำวิญญาณทัศนคติกลับมา


 


แต่ความจริงก็คือไห่ฟานมองโลกในแง่ดีเกินไป


 


หรือบางทีเขาอาจปฏิเสธที่จะยอมรับความจริงและคิดว่าไห่เฟิงอวี๋ยังมีชีวิตอยู่


 


เนื่องจากการคำนวณที่ผิดพลาด มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานจึงไม่มีผู้สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน


 


นี่ถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของไห่ฟาน


 


แต่เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดที่ไม่ธรรมดา ก่อนเขาเสียชีวิต เขาตระหนักถึงข้อผิดพลาดนี้เช่นกัน


 


เขาคิด ‘หากบุตรหลานของข้าไม่สามารถรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของข้า มันจะเกิดสิ่งใดขึ้น?’


 


หากเป็นเช่นนั้นเผ่าไห่อาจถูกกวาดล้างหรืออ่อนแอลง


 


สิ่งที่ไห่ฟานคิดต่อมาคือ ‘ในกรณีนั้นข้าต้องมีแผนสำรองและปล่อยให้ผู้คนในถ้ำสวรรค์ของข้ารับสืบทอดมรดกนี้ ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็เป็นสายเลือดเผ่าไห่เช่นกัน’


 


ดังนั้นไห่ฟานจึงเพิ่มกฎใหม่และมอบโอกาสให้กับผู้อมตะที่ถูกขังอยู่ในถ้ำสวรรค์ของเขา


 


ข้อกำหนดคือกรอบเวลา


 


หลายร้อยปีต่อมาหากไม่มีคนจากเผ่าหลักเข้ามารับสืบทอดมรดกที่แท้จริงในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน โอกาสจะเป็นของผู้อมตะที่อยู่ในถ้ำสวรรค์แห่งนี้


 


ข้อความบนแผ่นหินกล่าวว่า นอกจากมรดกที่แท้จริงของไห่ฟานยังมีมรดกของผู้อมตะที่ขังอยู่ในถ้ำสวรรค์แห่งนี้ทิ้งไว้บนภูเขา


 


เมื่อเวลาผ่านไปและไม่มีผู้อมตะจากเผ่าหลักมาที่นี่ ผู้คนที่อาศัยอยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานจึงสามารถขึ้นไปสำรวจภูเขามรดกอมตะและพบมรดกบางอย่าง


 


นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการถือกำเนิดขึ้นของผู้อมตะในถ้ำสวรรค์แห่งนี้


 


อย่างไรก็ตามคนเหล่านี้ยังไม่สามารถคว้ามรดกที่แท้จริงของไห่ฟานมาได้ แม้พวกเขาจะกลายเป็นผู้อมตะ แต่ไม่มีผู้ใดสามารถขึ้นไปบนยอดเขา


 


ข้อความบนแผ่นหินยังระบุอีกว่า หากผู้อมตะที่อยู่ในถ้ำสวรรค์สามารถรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน พวกเขาจะได้รับอิสรภาพและกลับไปยังเผ่าหลัก


 


หลังจากอ่านข้อความเหล่านี้ ฟางหยวนเข้าใจสถานการณ์ของที่นี่มากขึ้น


 


‘ไม่แปลกใจเลยที่ผู้อมตะเหล่านี้จะแสดงออกด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน พวกเขามีทั้งเจตนาดีและเจตนาร้ายในเวลาเดียวกัน’


 


ฟางหยวนคิดและรู้สึกถึงเรื่องราวที่ซับซ้อนมากขึ้น


 


ตามกฎของไห่ฟาน มีกรอบเวลาที่ชัดเจน เมื่อถึงเวลาที่กำหนด ผู้อมตะเหล่านี้จะมีคุณสมบัติในการรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน


 


พวกเขาพยายามเลี้ยงดูบุตรหลานเพื่อให้ได้รับมรดกที่แท้จริงและปลดปล่อยตนเองจากถ้ำสวรรค์


 


สำหรับผู้อมตะกลุ่มนี้ พวกเขาได้รับมรดกอื่นแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะรับสืบทอดมรดกที่แท้ของไห่ฟานอีก


 


ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข


 


เดิมทีพวกเขาไม่คิดว่าจะมีบางคนจากเผ่าหลักสามารถเดินทางมาที่นี่ การปรากฏตัวของฟางหยวนเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดและกะทันหันเกินไปสำหรับพวกเขา แต่ตามกฎที่ระบุไว้บนแผ่นหิน พวกเขาจึงต้องออกมาต้อนรับฟางหยวน แม้พวกเขาจะต้องการต่อต้าน แต่พวกเขาก็ไม่มีเวลาเตรียมตัว


 


จากมุมมองของพวกเขา มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานเป็นของพวกเขาแล้ว


 


จิตวิญญาณสวรรค์อาจไร้สติ แต่มันยังปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของไห่ฟาน


 


นอกจากนี้ไห่ฟานยังจัดเตรียมบางอย่างเอาไว้


 


เมื่อผู้ใช้วิญญาณพยายามก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะแต่ไม่สามารถก้าวข้ามภัยพิบัติ พวกเขาจะมาที่ภูเขามรดกอมตะ


 


ในเวลานั้นจิตวิญญาณสวรรค์จะใช้วิญญาณอมตะบางดวงเพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติ ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะอยู่ภายใต้การควบคุมของจิตวิญญาณสวรรค์


 


หากพวกเขาฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ พวกเขาจะตายจากการละเมิดข้อตกลง


 


ผู้ใช้วิญญาณหลายคนสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ แต่พวกเขาไม่รู้เกี่ยวกับการคงอยู่ของสวรรค์สีเหลือง แม้ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานจะมีทรัพยากรมากมาย แต่มันก็มีขีดจำกัด มันไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้อมตะ


 


ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพึ่งพาจิตวิญญาณสวรรค์อย่างไม่มีทางเลือก


 


นี่คือวิธีควบคุมกลุ่มคนเหล่านี้ของไห่ฟาน


 


‘ไห่ฟานสมกับเป็นผู้นำเผ่าไห่สู่ความรุ่งโรจน์ กระทั่งหลังจากเสียชีวิต เขาก็ยังสามารถควบคุมถ้ำสวรรค์ไห่ฟานได้อย่างสมบูรณ์’


 


‘แต่สิ่งที่บันทึกไว้บนแผ่นหินเล่านี้อาจไม่ใช่ความจริงทั้งหมด หึหึ ข้าไม่เชื่อว่าอาชญากรเหล่านั้นเต็มใจที่จะตายพร้อมกับไห่ฟาน! หากพวกเขาได้รับอนุญาตให้มีชีวิตอยู่ ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานอาจถูกทำลายจากภายในไปแล้ว’


 


ฟางหยวนคิดและเริ่มก้าวถอยหลังก่อนจะเงยหน้ามองไปยังระฆังทองเหลือง


 


เขาถาม “แล้วข้าต้องทำอย่างไรเพื่อให้ได้รับมรดกที่แท้จริง?”


 


เมื่อเขากล่าวถึงเรื่องนี้ กลุ่มผู้อมตะทั้งหมดต่างกลั้นหายใจและจ้องมองด้วยสายตาแปลกประหลาด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)