เทพปีศาจหวนคืน 1118-1119
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1118 พลังการต่อสู้ของอินทรีย์สวรรค์
แปลโดย iPAT
ใบหน้าของไห่เจิ้งบิดเบี้ยวขณะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
ฟางหยวนไม่สนใจและยังใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือดต่อไป
ด้วยการใช้วิญญาณสมบัติเลือดเป็นแกนกลาง เขาสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด
เลือดในร่างกายรวมถึงไขกระดูกของไห่เจิ้งถูกดึงออกมาภายนอก
ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งของฟางหยวนกลืนกินมันเข้าไปทั้งหมด
ไห่เจิ้งเสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ ตอนนี้ร่างกายของเขาซูดผอมใบหน้าซีดขาวราวกับคนที่ตายไปแล้ว
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นก่อนส่งวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากเข้าไปในหูรูของไห่เจิ้งและเคลื่อนที่เข้าสู่กระแสเลือด
ในไม่ช้าร่างกายของไห่เจิ้งก็เริ่มกลับสู่สภาพปกติ อย่างไรก็ตามจิตใจของเขายังเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
เขาค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นและพึมพำ “เก็บข้าไว้ เก็บข้าไว้ ข้ายอมแพ้ ข้าจะภักดีต่อนายท่าน…”
ฟงหยวนไม่ตอบ
ไห่เจิ้งยังพูดซ้ำๆ
ฟางหยวนไม่สนใจที่จะมีผู้ใต้บังคับบัญชาเช่นไห่เจิ้ง
ฟางหยวนต้องระวังผู้อมตะเผ่ามนุษย์วิหคจ้าวจงอยู่แล้วโดยไม่ต้องกล่าวถึงไห่เจิ้งที่ไม่สามารถไว้ใจ
ในความเป็นจริงหลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน เมื่อฟางหยวนรู้ว่าตนเองถูกควบคุมโดยเจตจำนงสวรรค์ มันทำให้เขายิ่งไม่ไว้ใจผู้ใดมากขึ้นไปอีก
หลังจากดูดเลือดของไห่เจิ้ง ร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งก็ส่องแสงสีแดงเลือดออกมา
ภายใต้การจ้องมองอย่างคาดหวังของฟางหยวน แสงสีแดงเลือดค่อยๆจางหายไปขณะที่ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งได้รับสืบทอดสายเลือดของเผ่าไห่มาอย่างสมบูรณ์
“สำเร็จ!” ฟางหยวนตื่นเต้นมาก
หลายวันที่ผ่านมาเขาพยายามเตรียมความพร้อมสำหรับการหลอมรวมไข่อินทรีย์
การปลอมแปลงสายเลือดเผ่าไห่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา
ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือดที่มีรากฐานที่ลึกซึ้งตั้งแต่ชีวิตก่อนหน้า
แต่เขายังต้องคำนึงถึงท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือดของไห่ฟาน กล่าวโดยสรุป ไห่เจิ้งถูกทรมานมาหลายครั้งก่อนที่ฟางหยวนจะประสบความสำเร็จ
“แต่ข้ายังไม่สามารถใช้มันกับไข่อินทรีย์ ข้าต้องผสานท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือดเข้ากับท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย นั่นจะทำให้ข้ามีความมั่นใจมากขึ้น!”
ฟางหยวนใช้เวลาครึ่งเดือนในขั้นตอนนี้
หากไม่ใช่เพราะความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือดและเส้นทางแห่งปัญญา เขาจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างง่ายดายเช่นนี้
ตอนนี้เหลือเวลาอีกประมาณหนึ่งเดือนก่อนที่ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สี่จะมาถึง
เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ฟางหยวนเริ่มดำเนินการทันที
ดังคาด ภายใต้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือด ไข่อินทรีย์เริ่มปรากฏร่องรอยแห่งชีวิต
แปดวันแปดคืนต่อมาเปลือกไข่แตกออก นกตัวน้อยคืบคลานออกมา
แม้มันจะพึ่งถือกำเนิดแต่ร่างกายของมันก็ไม่เล็ก เมื่อมันยืน มันมีความสูงเท่ากับเด็กชายวัยห้าขวบ
อินทรีย์น้อยมองผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งและแสดงออกราวกับเห็นบิดามารดาของมัน
“มานี่” ฟางหยวนพูดผ่านร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง
อินทรีย์น้อยกระโดดเข้าไปหาผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งและจ้องมองอย่างไร้เดียงสา
ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งลูบศีรษะอินทรีย์น้อยอย่างแผ่วเบา
อินทรีย์น้อยก้มศีรษะลงโดยไม่ขัดขืน มันเปิดปากและส่งเสียงร้องราวกับพยายามเรียกร้องความสนใจจากฟางหยวน
ฟางหยวนกล่าวชื่นชมในใจ ‘ไห่ฟานผู้นี้ช่างยอดเยี่ยมนัก เขาลบความทรงจำของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดในชีวิตก่อนหน้าออกไปแล้ว มิฉะนั้นมันอาจกลายเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดที่ดุร้ายและไม่สามารถควบคุม’
‘ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือดไม่ใช่ทักษะกดขี่ทาส แต่ผลลัพธ์ของมันทำให้เป้าหมายเกิดความรู้สึกใกล้ชิดกับผู้ใช้งานราวกับพบญาติสนิทที่มีสายเลือดเดียวกัน’
‘ด้วยวิธีนี้ มันไม่ใช่เรื่องยากที่มันจะนำข้าไปยังถ้ำสวรรค์ของไห่ฟาน’
ขณะที่ฟางหยวนกำลังคิดเรื่องเหล่านี้ อินทรีย์น้อยกลับส่งเสียงร้องอย่างกระวนกระวาน
“หิว?” ฟางหยวนควบคุมผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งให้ชี้นิ้วไปที่รังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์ “ไปกินมัน”
อาหารของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดคือคริสตัลสวรรค์!
หลังจากได้รับอนุญาต อินทรีย์น้อยส่งเสียงร้องอย่างมีความสุขและกระโดดเข้าไปจิกคริสตัลสวรรค์
มันยังไม่ได้กลืนเข้าไปแต่หันไปหาผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง
ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเผยรอยยิ้มและกล่าวอย่างอบอุ่น “กินเถอะ”
อินทรีย์น้อยยกหัวของมันขึ้นและกลืนคริสตัลสวรรค์ชิ้นเล็กเข้าไปทันที
มันจิกกัดคริสตัลสวรรค์ราวกับชิ้นเต้าหู้ นี่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกตกใจเล็กน้อย
มันคู่ควรกับการเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดอย่างแท้จริง
‘นี่หมายความว่านับจากนี้เป็นต้นไปข้าจะได้ครอบครองพลังการต่อสู้ระดับสัตว์อสูรแรกกำเนิด แต่ตอนนี้มันยังเด็กเกินไป พลังการต่อสู้ของมันยังไม่สูงนัก’
‘ดูเหมือนมันจะเข้าใจคำกล่าวของข้า นี่ต้องเป็นสิ่งที่ไห่ฟานจัดเตรียมไว้ แม้มันจะถูกลบความทรงจำแต่มันยังสามารถเรียนรู้ภาษามนุษย์’
‘อย่างไรก็ตามมันยังมีข้อบกพร่อง!’
‘ข้าต้องอำพรางสายเลือดของข้าเพื่อทำให้อินทรีย์สวรรค์ตัวนี้รู้สึกใกล้ชิด มิฉะนั้นมันอาจโจมตีข้า’
ฟางหยวนคำนึงถึงทุกแง่มุมที่อาจเกิดขึ้น
ในช่วงหลายวันนี้ฟางหยวนใช้ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งคอยเฝ้ามองอินทรีย์น้อยกินอาหาร
อินทรีย์น้อยไม่ได้กินอาหารตลอดเวลา หลังจากกิน มันจะมาคลอเคลียผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งก่อนจะงีบหลับไป
ไม่กี่วันต่อมารังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์ก็ถูกกินไปครึ่งหนึ่ง
ความเร็วในการบริโภคระดับนี้ทำให้ฟางหยวนรู้สึกปวดหัว
เพื่อให้ได้รับพลังการต่อสู้ระดับแปด เขาต้องใช้ทรัพยากรอมตะที่ล้ำค่า ราคาของมันถือว่าสูงมาก
อินทรีย์น้อยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นอินทรีย์หนุ่ม
ตอนนี้มันมีความสูงเท่ากับฟางหยวนแล้ว
เมื่อถึงเวลาสุกงอม ฟางหยวนไม่เสียเวลารออีกต่อไป
เขานำวิญญาณอมตะและวิญญาณระดับมนุษย์กลับมาจากร่างของผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งและใช้ท่าไม้ตายใบหน้าที่คุ้นเคยกับร่างกายของตนเอง
ท่าไม้ตายใบหน้าที่คุ้นเคยรุ่นปัจจุบันเหนือกว่ารุ่นดั่งเดิมของมันไปแล้วโดยการเพิ่มวิญญาณอมตะสมบัติเลือดและวิญญาณระดับมนุษย์ดวงอื่นๆ
ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจึงสามารถปลอมแปลงสายเลือดของตนเอง
ฟางหยวนเดินทางออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาก่อนจะปล่อยอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดออกมา
อินทรีย์สวรรค์เห็นร่างจริงของฟางหยวนและไม่มีข้อสงสัยใดๆ มันจิกฝ่ามือของฟางหยวนเบาๆและใช้ศีรษะถูไหล่ของฟางหยวนอย่างเป็นมิตร
ฟางหยวนยิ้มและออกคำสั่งอินทรีย์หนุ่ม “พาข้าไปยังถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ข้าต้องการรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน”
อินทรีย์หนุ่มแสดงท่าทางงุนงงเล็กน้อย แต่หลังจากชั่วครู่มันก็สามารถจดจำบางสิ่ง มันกรีดร้องและกางปีกออก
เห็นดังนั้นฟางหยวนรีบกระโดดขึ้นไปบนแผ่นหลังของมันทันที
อินทรีย์สวรรค์กรีดร้องและแบกฟางหยวนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
กระแสอากาศพัดผ่านใบหูของฟางหยวนอย่างรุนแรง
ฟางหยวนต้องกระตุ้นใช้วิญญาณบางดวงจึงจะสามารถนั่งอยู่บนแผ่นหลังของอินทรีย์สวรรค์ได้อย่างมั่นคง
เขาพอใจมากกับความเร็วของอินทรีย์ตัวนี้ มันไม่ด้อยกว่าวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ
สิ่งสำคัญที่สุดก็คืออินทรีย์สวรรค์ตัวนี้ยังเป็นอินทรีย์วัยเยาว์ มันยังห่างไกลจากอินทรีย์ที่โตเต็มวัยอีกมาก เมื่ออินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเติบโตขึ้น มันจะมีขนาดใหญ่กว่าปลาวาฬหลายเท่า
ฟางหยวนประเมิน ‘พลังการต่อสู้ในปัจจุบันของมันยังไม่ถึงระดับแปด ตอนนี้มันอยู่ระดับหก’
แม้มันจะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งห้วงมิติอยู่มากมายแต่มันไม่มีวิญญาณในการครอบครอง พลังการต่อสู้ของมันคือร่างกายของมันเท่านั้น สัตว์อสูรมีร่างกายที่แข็งแกร่งตามธรรมชาติโดยเฉพาะสัตว์อสูรแรกกำเนิด
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนเคยเห็นอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด ความคิดที่ว่ามันจะมีพลังการต่อสู้ระดับแปดตั้งแต่เกิดเป็นเรื่องเข้าใจผิด
แต่ฟางหยวนไม่ผิดหวัง เขายังมั่นใจในพลังการต่อสู้ของมันที่จะพัฒนาสู่ระดับแปดในอนาคต
อินทรีย์สวรรค์เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ฟางหยวนมอบคริสตัลสวรรค์ให้มันเป็นครั้งคราว
ในช่วงเวลานี้เขาลอบประเมินไห่ฟานใหม่อีกครั้ง
จากความทรงจำของไห่เจิ้ง ไห่ฟานได้รับการยกย่องอย่างมาก
การนำเผ่าไห่สู่ความรุ่งโรจน์และทิ้งชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ไม่ใช่เรื่องง่าย
ฟางหยวนตรวจสอบวิธีการรับสืบทอดมรดกของไห่ฟานราวกับกำลังต่อสู้กับไห่ฟานในแง่ของความเฉลียวฉลาด
นี่เป็นการแข่งขันที่ไม่ธรรมดา
ไห่ฟานทิ้งท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือด รังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์ และไข่ที่ตายแล้วของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเอาไว้เบื้องหลัง ฟางหยวนต้องคิดวิเคราะห์อย่างหนักเพื่อคลี่คลายปัญหาเหล่านี้
หลังจากทั้งหมดตัวตนที่สามารถก้าวเข้าสู่ระดับแปดล้วนไม่ใช่คนทั่วไป
มรดกของผู้อมตะระดับแปดไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับ
ผู้อมตะเผ่าไห่ทุ่มเทความพยายามมานานหลายปีแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ แน่นอนว่านี่เป็นเพราะการสูญเสียวิญญาณทัศนคติ
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีเพียงคนฉลาดเช่นฟางหยวนเท่านั้นที่สามารถคว้าโอกาสและเดินทางไปยังถ้ำสวรรค์ของไห่ฟาน
‘เมื่อไปถึงถ้ำสวรรค์ของไห่ฟาน ข้าจะได้รับมรดกที่แท้จริงของเขาทันทีหรือไม่? ข้ารู้สึกว่าการทดสอบของไห่ฟานยังไม่จบเพียงเท่านี้’
‘แต่ยิ่งมีการทดสอบมากเท่าใด มรดกของเขาก็ยิ่งน่าสนใจมากเท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องเลวร้าย’
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1119 เข้าสู่ถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
แปลโดย iPAT
หนึ่งวันครึ่งต่อมา อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดนำฟางหยวนไปยังน่านฟ้าบางแห่ง
ความเร็วของอินทรีย์สวรรค์เริ่มลดลง มันกำลังยืนยันสถานที่ก่อนจะใช้ปากจิกไปที่จุดหนึ่ง
ทันใดนั้นห้วงมิติพลันเปิดออกและเผยให้เห็นทัศนียภาพที่ซ่อนอยู่
อินทรีย์สวรรค์นำฟางหยวนเข้าสู่ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานและหายตัวไปจากท้องฟ้าของภาคเหนือ
‘อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดมีความสามารถเจาะทะลวงมิติและเดินทางเข้าสู่ถ้ำสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย แม้มันจะยังไม่โตเต็มวัยแต่มันก็ยอดเยี่ยมมาก!’
ฟางหยวนยกย่องอยู่ในใจขณะกวาดตามองไปรอบๆ
ถ้ำสวรรค์แห่งนี้กว้างใหญ่มาก
ด้านล่างมีป่าไม้โบราณและมีสัตว์น้อยใหญ่อาศัยอยู่มากมาย
‘ต้นไม้ดนตรี’ บนต้นไม้สีรุ้งมีนกจำนวนนับไม่ถ้วนเกาะอยู่ขณะที่ต้นไม้และนกส่งเสียงสอดประสานเป็นบทเพลงอันไพเราะ
‘วิหคปราณมรณะ’ นกตัวอวบอ้วนที่มีพลังปราณปกคลุมอยู่บนร่างกายเกาะอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่ง
‘แม่น้ำชา’ ท่ามกลางป่าไม้ขนาดใหญ่ มีลำธารสีเขียวอ่อนแทรกตัวอยู่
ฟางหยวนพบแหล่งเพาะปลูกมากมายอยู่ที่นี่
เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ‘ดูเหมือนไห่ฟานจะได้รับเศษชิ้นส่วนของสวรรค์สีฟ้ามาจริงๆ หลังจากหลอมรวมกับถ้ำสวรรค์ ท้องฟ้าของที่นี่จะไม่เคยเปลี่ยนเป็นสีอื่น’
หลังจากชั่วครู่ระฆังทองเหลืองใบใหญ่ปรากฏขึ้นด้านหน้าฟางหยวน
‘จิตวิญญาณสวรรค์! มีจิตวิญญาณสวรรค์อยู่ที่นี่!’ หัวใจของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้น เขาเริ่มรู้สึกระวนกระวาย
เขาไม่มีสายเลือดของเผ่าไห่ แม้เขาจะสามารถหลอกอินทรีย์สวรรค์ แต่เขาจะสามารถหลอกจิตวิญญาณสวรรค์หรือไม่?
ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของถ้ำสวรรค์ไห่ฟานมีภูเขาสูงอยู่ลูกหนึ่ง ชาวบ้านเรียกมันว่าภูเขาหวังกู่ มันถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา
ในถ้ำแห่งหนึ่งบนภูเขา ผู้อมตะสามคนกำลังพูดคุยกัน
“หากปราศจากความเสี่ยง เราจะได้รับกำไรขนาดใหญ่ได้อย่างไร? เพื่อปลดปล่อยตนเองจากกรงขังนี้ เราจำเป็นต้องรับความเสี่ยงเท่านั้น” ผู้อมตะเฟิงจุนกล่าวด้วยความกระวนกระวายใจ
ผู้อมตะเฉิงเทามองเฟิงจุน “นี่เป็นเรื่องใหญ่ หากประมาท เราอาจตาย แล้วเราจะไม่ระวังตัวได้อย่างไร?”
ผู้อมตะหญิงโจวหมิงกล่าวต่อ “พี่เฟิงจุนโปรดอย่าร้องใจ มันเป็นเรื่องยากที่จะจัดการเจตจำนงสวรรค์ เราต้องวางแผนอย่างชาญฉลาดและไม่สามารถรีบร้อน อย่ากังวล พวกเราสามคนเป็นพี่น้องร่วมสาบาน เราจะร่วมมือกันก้าวไปข้างหน้า”
เฟิงจุนเงยหน้าขึ้นและถอนหายใจ “จิตวิญญาณสวรรค์ไม่ใช่ปัญหา เราได้รับความไว้วางใจจากมันแล้ว ด้วยการใช้ท่าไม้ตายแสงสีเลือดที่ข้าคิดค้นขึ้น ข้ามั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จ”
เฉิงเทาตอบ “พี่น้องของข้า เหตุใดเจ้าจึงรีบร้อนนัก เจ้าเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าท่าไม้ตายอมตะแสงสีเลือดของเจ้าพึ่งถูกสร้างขึ้น มันยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่กระทั่งมันจะสมบูรณ์แบบ พวกเราก็ยังต้องฝึกฝนมันเป็นอันดับแรก เหตุใดเจ้าจึงรีบร้อนนัก?”
“ถูกต้อง” โจวหมิงเห็นด้วย “การเผชิญหน้ากับจิตวิญญาณสวรรค์ พวกเราสามคนยังไม่เพียงพอ พวกเราต้องได้รับความร่วมมือจากผู้อาวุโสเฉินไคของภาคตะวันตก เขามีผู้อมตะในการปกครองถึงสามคน”
เฟิงจุนเย้ยหยัน “เฉินไคกำลังจะตาย เขายังเป็นคนหัวโบราณมาก เราไม่ควรพึ่งพาเขา!”
เฟิงจุนส่ายศีรษะ
โจวหมิงพยักหน้า “แม้ท่านจะดูแคลนผู้อาวุโสเฉินไค แต่เขาก็เป็นผู้อมตะที่มีระดับการบ่มเพาะสูงที่สุด กระทั่งพวกเราจะไม่ร่วมมือกับเขาเพื่อต่อต้านจิตวิญญาณสวรรค์ พวกเรายังต้องขอให้เขามองดูอยู่ด้านข้างและไม่สอดมือเข้ามา”
“น้องสาวกล่าวมีเหตุผล” เฉิงเทาเห็นด้วย
เฟิงจุนลังเล “ข้าจะไม่ปิดบังพวกเจ้า พวกเจ้าทั้งสองรู้ว่าข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งโชค ตอนนี้ข้ารู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบาย หากเราไม่ฉวยโอกาสนี้ เราอาจไม่มีโอกาสอีกต่อไป!”
นี่เป็นเพียงความรู้สึกของเฟิงจุน เขาไม่มีข้อพิสูจน์ใดๆ
แต่ใบหน้าของผู้อมตะอีกสองคนกลับเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด
โจวหมิงกล่าว “ท่านบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งโชค แม้การบ่มเพาะของท่านจะไม่ถึงระดับเจ็ด แต่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของท่านก็ไม่ด้อยกว่าผู้อมตะระดับเจ็ด ข้าเคยได้ยินมาว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งโชคจะช่วยให้คนผู้นั้นประสบความสำเร็จโดยไม่คาดคิด”
เฉิงเทาตอบ “ถูกต้อง ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจะช่วยสนับสนุนความสามารถของผู้อมตะ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมจะช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการหลอมรวมให้กับพวกเขา ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟจะทำให้พวกเขาตระหนักรู้เกี่ยวกับอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไป ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญาจะช่วยในการอนุมาน ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งโชคจะทำให้พวกเขารู้สึกถึงโชคของตนเองหรือผู้คนรอบข้าง”
“ถูกต้อง” เฟิงจุนถอนหายใจและรู้สึกสงบลง
โจวหมิงกับเฉิงเทาเข้าใจเรื่องนี้ นั่นถือเป็นเรื่องดี
ท้ายที่สุดแล้วท่าไม้ตายแสงสีเลือดที่เขาคิดค้นขึ้นไม่สามารถใช้งานได้โดยตัวเขาเองเพียงลำพัง
ทันใดนั้นเสียงระฆังพลันดังขึ้นอย่างกะทันหัน
“มีบางคนขึ้นไปบนภูเขาและรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงงั้นหรือ?” ดวงตาของเฉิงเทาส่องประกายขึ้น
“ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดพวกเราก็ต้องนำตัวเขามาอยู่ฝ่ายของเรา!” โจวหมิงกล่าว
“ฟัง มันดังห้าครั้งแล้ว” เฟิงจุนตั้งใจฟัง
“น่าประทับใจนัก คนผู้นี้ไปได้ไกลมาก เขาก้าวข้ามพวกเราไปแล้ว!’ เฉิงเทาชื่นชม
แต่ในไม่ช้าการแสดงออกของพวกเขาก็เปลี่ยนแปลงไป
“เจ็ดครั้ง!” โจวหมิงกรีดร้อง
“นี่เป็นไปได้อย่างไร? เขากระทั่งเหนือกว่าผู้อาวุโสเฉินไค!” เฟิงจุนรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
แต่เสียงระฆังยังดังไปถึงครั้งที่สิบ
ร่างกายของผู้อมตะทั้งสามแข็งค้างราวกับรูปปั้น
ครู่ต่อมาโจวหมิงจึงแสดงออกด้วยความตกใจ “ข้าได้ยินสิ่งใดผิดไปหรือไม่? ระฆังดังขึ้นสิบครั้ง!”
ใบหน้าของเฟิงจุนกลายเป็นมืดครึ้ม “ตามคำจารึก เสียงระฆังสิบครั้งหมายความว่าคนผู้นี้มาจากเผ่าหลักและมีคุณสมบัติรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของบรรพชนไห่ฟาน! อย่าบอกข้าว่าสังหรณ์ร้ายของข้าเกิดจากคนผู้นี้!”
“หลังจากผ่านไปหลายปี ข้าคิดว่าไม่มีผู้ใดสามารถรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงนี้ได้อีก!” เฉิงเทาส่ายศีรษะ
คนทั้งสามแสดงออกด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง
เฉิงเทาสงบจิตใจลง “ไป ตามกฎเมื่อผู้สืบทอดที่เหมาะสมปรากฏตัว จิตวิญญาณสวรรค์จะออกมาต้อนรับเขาด้วยตนเอง พวกเราต้องออกไปแสดงความเคารพเขาเช่นกัน”
“แสดงความเคารพงั้นหรือ?” ร่างของเฟิงจุนสั่นสะท้านขึ้น “เหตุใดพวกเราต้องทำความเคารพเขา พวกเราเป็นสมาชิกเผ่าไห่เช่นกัน เพียงเพราะบรรพชนของพวกเราทำความผิด พวกเราจึงต้องก้มศีรษะให้เผ่าหลักตลอดไปงั้นหรือ?”
โจวหมิงเร่งปลอมใจเฟิงจุน “คำกล่าวของท่านมีเหตุผล แต่พวกเราต้องทำตามกฎขณะที่เขายังต้องผ่านการทดสอบ ไม่ว่าพวกเราจะต้องการสร้างปัญหาให้เขาหรือโค่นล้มจิตวิญญาณสวรรค์ พวกเราก็ต้องควบคุมอารมณ์ให้ดี”
เฟิงจุนถอนหายใจ “เจ้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว เรายังมีโอกาส ไปกันเถอะ เราจะไม่เปิดเผยเบาะแสใดๆ ข้าอยากรู้นักว่าคนผู้นี้จะน่าทึ่งสักเพียงใด เขามีสามเศียรหกกรหรือไม่? ฮืม!”
ระฆังทองเหลืองลอยอยู่ตรงหน้าฟางหยวน หลังจากเสียงระฆังดังขึ้นสิบครั้ง มันก็สงบลง
ฟางหยวนพยายามถาม “เจ้าเป็นจิตวิญญาณสวรรค์ใช่หรือไม่? ข้าคือไห่เจิ้ง ข้าเปิดรังอินทรีย์สวรรค์และฟักไข่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด ข้ามาที่นี่เพื่อรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของบรรพชนไห่ฟาน”
แต่ระฆังทองเหลืองยังเงียบ มันลอยอยู่ด้านหน้าฟางหยวนโดยไม่ขยับเขยื้อน
‘ดังคาด หลังจากกลืนกินชิ้นส่วนของสวรรค์สีฟ้า จิตวิญญาณสวรรค์กลายเป็นไร้สติ’ ฟางหยวนเข้าใจเหตุผลนี้
นี่เป็นข้อมูลที่เขาได้รับมาจากนิกายเงา
หลังจากดูดซับชิ้นส่วนของสวรรค์ทั้งเก้า แม้ถ้ำสวรรค์จะไม่ต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติอีกต่อไป แต่หลังจากผู้อมตะตาย จิตวิญญาณสวรรค์ของพวกเขาจะสูญเสียสติสัมปชัญญะ
มันจะกลายเป็นเจตจำนงสวรรค์
เจตจำนงสวรรค์มีต้นกำเนิดจากห้าภูมิภาคและเก้าสวรรค์ ถ้ำสวรรค์เป็นโลกใบเล็กที่แยกออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ แต่ทันทีที่ถ้ำสวรรค์ดูดซับชิ้นส่วนของสวรรค์ทั้งเก้าเข้าไป พวกมันจะถูกแทรกแซงโดยเจตจำนงสวรรค์ เจตจำนงของตนเองจะลดลงอย่างมาก
นิกายเงาทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้อย่างลึกซึ้ง
ในอดีตสมาชิกของนิกายเงาเทพเจ็ดดาราทดลองกลืนกินเศษชิ้นส่วนของสวรรค์และพยายามคิดวิธีกำจัดเจตจำนงสวรรค์ แต่น่าเสียดายที่เจตจำนงสวรรค์ใช้ประโยชน์จากมันและทำให้เทพเจ็ดดาราติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันของเทพอมตะกลุ่มดาว
จากเรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าถ้ำสวรรค์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเจตจำนงสวรรค์ไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยสำหรับฟางหยวน
สถานที่ปลอดภัยของเขามีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์เช่นแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
เหตุผลเป็นเพราะเจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถเข้าไปภายในแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์เหล่านั้น
บรรพชนผมยาวเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างมากในประวัติศาสตร์ มันไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะได้รับชิ้นส่วนของสวรรค์ทั้งเก้า อย่างไรก็ตามตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่มีความคิดที่จะดูดซับเศษชิ้นส่วนของสวรรค์ทั้งเก้า
‘ดังนั้นถ้ำสวรรค์นี้จึงมีคุณค่าสำหรับข้าน้อยกว่ามรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน’
‘หลังจากได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน ข้าจะมอบถ้ำสวรรค์แห่งนี้ให้กับชูตู๋ นี่จะเป็นการบรรลุข้อตกลงส่วนแบ่งผลประโยชน์สามสิบส่วนของเขา’
ขณะที่ฟางหยวนกำลังวางแผน คนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น
‘เกิดสิ่งใดขึ้น? ถ้ำสวรรค์ของไห่ฟานมีผู้อมตะอาศัยอยู่งั้นหรือ?’ ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น