ลำนำบุปผาพิษ 1117-1124

 บทที่ 1117 ไหนล่ะละคร?


อูอู๋เหยียนเล่นครได้ไม่เลวเลย ทุกอากัปกริยาเหมือนกู้ซีจิ่วไม่มีผิด เพียงแต่อย่างไรเสียก็เพิ่งบาดเจ็บสาหัสมา ถึงมีจะมีโอสถวิญญาณของตี้ฝูอีคอยช่วยเหลือ ทว่าอาการบาดเจ็บของนางยังไม่หายดี เคลื่อนไหวติดขัดอยู่บ้าง


ใบหน้าน้อยๆ ก็ซีดเซียว ป่วยหนักยิ่งนัก


ดูเหมือนนางจะไม่มีความอยากอาหารเท่าไหร่ หลังจากนั่งลงก็แทบไม่ขยับตะเกียบเลย กลับเป้นตี้ฝูอีที่เอาใจใส่ยิ่งนัก บางครั้งก็คีบอาหารให้นางสองสามอย่าง กล่อมให้นางกินมากหน่อย เป็นฉากที่อบอุ่นอ่อนโยนจนแทบเสียดแทงนัยน์ตาแล้ว


หลงฟั่นอดไม่ได้ที่จะมองกู้ซีจิ่วที่นั่งอยู่ด้านข้างแวบหนึ่งพบว่ากู้ซีจิ่วก็สังเกตคนในบานหน้าต่างฝั่งตรงข้ามอยู่เหมือนกัน แถมยังมองอย่างม่กะพริบตาเลยด้วย


“มองอะไรอยู่?” หลงฟั่นนึกไม่ถึงว่าเธอจะมองอย่างเอาจริงเอาจังถึงเพียงนี้ จึงเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้


กู้ซีจิ่วมองเขาแวบหนึ่งไม่พุดอะไร หลงฟั่นถึงได้นึกออกว่าตนสกัดจุดใบ้ของเธอไว้ เธอพูดไม่ได้แล้ว


เขาสะบัดปลายนิ้วคราหนึ่ง คลายจุดใบ้ของเธอ แต่ฝ่ามือก็กดลงบนจุดชีพจรของเธอ เอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “อย่าคิดตุกติก”


ขอเพียงเธอกล้าตะโกนออกมาสักครึ่งคำ ฝ่ามือเขาจะถ่ายเทพลังวิญญาณ เอาชีวิตเธอได้ทันที ถึงขั้นที่ทำให้ดวงวิญญาณของเธอบาดเจ็บได้


กู้ซีจิ่วกลับไม่มีทีท่านว่าจะตะโนออกมา สายตากังขาของเธอหันเหไปที่หลงฟั่น “ฉันรู้จักสองคนนั้นใช่ไหม?”


หลงฟั่นไจเต้นแวบหนึ่ง “ทำไมถึงถามแบบนี้?”


“ไม่งั้นคุณจะหวั่นวิตกขนาดนี้ไปทำไม? ทำท่าเหมือนฉันจะร้องขอความช่วยเหลือจากพวกเขา”


หลงฟั่นนิ่งงัน


กู้ซีจิ่วมองเขาอีกครั้ง เอ่ยคาดเดา “คงไม่ใช่ว่าเรื่องที่เจ้าสำนักหลงคนนั้นบอกเป็นความจริงกระมัง? ฉันทะลุมิติมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ถูกคุณลบความทรงจำของโลกนี้ไป…”


หลงพูดไม่ออกเลย เขารู้สึกว่าขว้างหินทับเท้าตนเข้าเสียแล้ว


“เดาเหลวไหล! เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเธอฟื้นคืนชีพขึ้นมาในร่างโคลนร่างนี้ เธอคงจำได้ใช่ไหมว่าเธอเพิ่งฟื้นขึ้นมาจากโลงแก้วผลึกใบนั้น?” หลงฟั่นคิดจะขจัดความสงสัยของเธอ


บัดซบ เด็กสาวคนนี้ฉลาดเกินไปแล้ว!


เดิมทีเขาคิดจะหยั่งเชิงดูว่าเธอจะเผยพิรุธออกมาหรือไม่ กลับนึกไม่ถึงว่านอกจากจะมองอะไรเธอไม่ออกแล้ว เขายังเผยพิรุธเสียเองด้วย! เขาทำได้เพียงโป้ปดอย่างสุดความสามารถเท่านั้น


เคราะห์ดีที่กู้ซีจิ่วก็ไม่ได้ถามเจาะลึก สายของเธอหันเหไปที่ด้านในบานหน้าต่างฝั่งตรงข้าม มองคนที่อยู่ด้านในอย่างโจ้งแจ้ง “เด็กสาวที่อยู่ข้างในคนนั้นเหมือนฉันมากเลย! เธอคงไม่ใช่พี่น้องของฉันใช่ไหม?”


หลงฟั่นกระแอมคราหนึ่ง “เพ้อเจ้อ เธอจะมีญาติอยู่บนโลกนี้ได้ยังไงกัน? เธอเป็นสิ่งที่ฉันสร้างขึ้น…ใต้หล้านี้มีคนที่หน้าตาเหมือนกันอยู่ถมเถไป ไม่เห็นแปลกตรงไหน กินข้าวๆ” เขาเบี่ยงหัวข้อไปเสีย


กู้ซีจิ่วมองเขาอย่างคลางแคลง “คุณบอกว่าอีกเดี๋ยวจะให้ฉันชมละคร ไหนล่ะละคร?”


หลงฟั่นยิ้มอย่างมีเลสนัยแวบหนึ่ง “รออีกหน่อยน่า มีละครแสดงแน่ รับประกันได้ว่าเยี่ยมยอด!”


“ชิ พวกชอบอุบ!” กู้ซีจิ่วคร้านจะเสวนากับเขาต่อแล้ว


หลงฟั่นมองอะไรเธอไม่ออกจริงๆ ดูเหมือนจะหมดสนุกอยู่บ้าง กู้ซีจิ่วยังคงชมทิวทัศน์ด้านนอกอยู่เช่นเดิม ท่าทีผ่อนคลายยิ่งนัก ทว่าในใจกลับร้อนเหมือนไฟ!


ถึงแม้เธอจะเพิ่งห่างจากตี้ฝูอีเพียงสี่ห้าวันเท่านั้น ทว่าความรู้สึกนั้นกลับเหมือนจากกันนานสี่ห้าปีแล้ว หลายวันมานี้ถึงแม้ฉากหน้าเธอจะโอนอ่อนคล้อยตามพวกหลงฟั่น ทว่าในใจกลับคะนึงถึงเขาอยู่ตลอดเวลา ปรารถนาจะโบยบินไปอยู่ข้างกายเขาในก้าวเดียวยิ่งนัก บอกเขาว่าที่นี่มีกับดักรอเขาอยู่…


แต่ว่าทำไม่ได้ ตอนนี้เธอไม่มีเรี่ยวแรงจะขยับเขยื้อนเลย กระทั่งเสียงพูดก็ยังเป็นเสียงที่เบาที่สุด ถึงเธอจะตะโกนออกมา อย่างมากก็ทำให้คนที่อยู่ในห้องนี้ได้ยินเท่านั้น ไม่มีทางแว่วไปถึงอีกฝั่งได้


พลังวิญญาณและกำลังภายในของเธอถูกผนึกไว้ทั้งหมด และไม่อาจส่งกระแสเสียงอย่างลับๆ ได้…


————————————————-


บทที่ 1118 แล้วเขาจะมีโอกาสชนะสักกี่ส่วนกัน?


ทุกวิถีทางที่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้เธอล้วนเคยคิดหมดแล้ว ทำไม่ได้เลยสักอย่าง!


เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเธอกับเขามีระยะทางขวงกั้นเพียงยี่สิบกว่าเมตรเท่านั้น กลับเสมือนอยู่กันคนละขอบฟ้า อะไรที่เรียกว่าใกล้เพียงเอื้อมทว่าไกลเกินคว้าน่ะหรือ? ก็แบบนี้ไงล่ะ!


เธอย่อมมองเห็นว่าตี้ฝูอีปฏิบัติต่อกู้ซีจิ่วตัวปลอมเป็นอย่างดี ว่ากันตามจริงแล้ว ในใจมีความรู้สึกที่ไม่อาจทราบได้อยู่


ถึงแม้ในใจจะรู้ว่านั่นคือร่างของตน อันที่จริงการที่เขาดีต่อนางก็คือดีต่อกู้ซีจิ่ว แต่รับรู้ก็ส่วนรับรู้ ในใจยังคงฝาดเฝื่อนและอึดอัดอยู่บ้าง


เธอรู้ว่าตัวเองกำลังหึงอยู่ นึกถึงว่าตนจะมีวันที่หึงหวงอย่างไร้เหตุผลอยู่เหมือนกัน แถมคนที่หึงหวงยังเป็นร่างของตัวเองด้วย…


ความหึงหวงนี้ช่างแหวกแนวเหลือเกิน!


หึงหวงก็ส่วนหึงหวง ในระยะเวลาชั่วครู่นี้ความคิดในใจของกู้ซีจิ่วหมุนวนมากมายหลายคราประหนึ่งกังหันลม


เธอมองดูสองคนนั้นเป็นครั้งคราว หากว่าสามารถส่งข่าวย่างโจ้งแจ้งได้ เกรงว่าตี้ฝูอีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามคงได้รับกระดาษแผ่นน้อยเป็นกองแล้ว!


เพียงในไม่ช้า เธอก็พบว่าความผิดปกติของคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสองคนนั้น


ตี้ฝูอีคีบอาหารให้กู้ซีจิ่วตัวปลอม อาหารทั้งหมดที่คีบไม่มีของที่กู้ซีจิ่วตัวจริงชอบกินเลย หลายอย่างถึงขั้นที่ยามปกติกู้ซีจิ่วไม่แม้แต่จะแตะต้องเลยด้วยซ้ำ


หัวใจเธอเต้นแรงนิดๆ ตี้ฝูอีทราบรสชาติที่เธอโปรดปราน ทว่ายามนี้กลับ…


หรือตี้ฝูอีทราบว่าสังขารของเด็กสาวที่อยู่ข้างกายเขาเปลี่ยนผู้ถือครองแล้ว?!


มิเช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำผิดพลาดเช่นนี้…


หัวใจเธอเต้นรัวขึ้นมา


เดิมทีเธอร้อนรอนและสิ้นหวังยิ่งนัก ด้วยเกรงว่าตี้ฝูอีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามจะติดบ่วงชั่วร้ายของผู้อื่นอย่างไม่รู้ตัวมาโดยตลอด ยามนี้ในใจเธอมีความหวังผุดขึ้นมาอีกครั้งแล้ว…


กู้ซีจิ่วเฉลียวฉลาดเสมอมา ความสามารถด้านการพิจารณาด้วยเหตุผลแข็งแกร่งนัก เธอรีบคิดดูอีกครั้งทันที หากตี้ฝูอีพบว่าเด็กสาวที่อยู่ข้างกายถูกสลับตัวแล้ว เขาจะต้องสืบหาทันทีเป็นแน่ แน่นอนว่าต้องเป็นการสืบหาอย่างลับๆ ด้วย


แต่หลงฟั่นซ่อนตัวเธอไว้มิดชิดเกินไป ตี้ฝูอีหาไม่พบชั่วขณะ ด้วยเหตุนี้เขาจึงล่องูออกจากโพรงโดยตรง ใช้ตัวเองเป็นเหยื่อ ล่อให้พวกโม่เจ้ามาติดเบ็ด…


กู้ซีจิ่วมองตี้ฝูอที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอีกคราหนึ่ง พลังยุทธ์ของเขาฟื้นฟูคืนมาเท่าไหร่แล้ว? ระยะเวลาเพียงสี่ห้าวันพลังยุทธ์ของเขาน่าจะไม่ฟื้นฟูขึ้นมาสักเท่าใด เช่นนี้ต่อให้เขาล่อโมเจ้าออกมาได้ แล้วเขาจะมีโอกาสชนะสักกี่ส่วนกัน?


เขาน่าจะยังมีคนอื่นคอยจัดการอยู่รอบๆ กระมัง?


เป็นใครกันนะ?


พวกมู่เฟิงทั้งสี่ต้องอยู่ด้วยแน่นอน สานุศิษย์สวรรค์คนอื่นก็อาจอยู่ด้วยกระมัง? ไม่แน่ว่ากู่ฉานโม่ก็อาจจะอยู่ด้วย


กู้ซีจิ่วปรารถนาให้ตนมีดวงตามองทะลุสักคู่ยิ่งนัก สามารถมองเห็นโครงสร้างทั้งหมดในอาคารฝั่งตรงข้ามหลังนั้นอย่างชัดเจนได้ มอเห็นคนที่ตี้ฝูอีแอบจัดวางไว้ได้จะดีที่สุด…


โม่เจ้าคิดจะโจมตีเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ส่วนตี้ฝูอีก็มีความเป็นไปเกือบสิบส่วนว่าจะใช้แผนซ้อนแผน วางอุบายจับตะพาบในไหที่นี่…


หนนี้เจ้าโม่เจ้าผู้นั้นพาคนมาด้วยหนึ่งร้อยสิบคน แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือที่หลงฟั่นเคนดัดแปลงพันธุกรรมแล้ว กระบวนยุทธ์ประหลาดพิสดาร เมื่อพวกเขาลงมือจะต้องเกิดสงครามนองเลือดขึ้นเป็นแน่!


ไม่รู้ว่าคนของตี้ฝูอีจะต้านรับไหวหรือไม่?


ที่สำคัญคือเจ้าโม่เจ้าผู้นั้นแข็งแกร่งเหลือเกิน พลังวิญญาณขั้นสิบขึ้นไป เผชิญหน้ากับเขาตัวต่อตัวเกรงว่าจะยากเย็นนัก…


เพียงแต่ด้วยเครือข่ายของตี้ฝูอี ลูกน้องของเขาย่อมต้องมีมากกว่าไม่กี่คนนี้แน่นอน น่าจะยังมีสายที่ซ่อนอยู่อีกไม่น้อย บางทีจำนวนคนอาจมากกว่าคนของโม่เจ้ามากนัก เมื่อถึงเวลาสงครามย่อมอุบัติขึ้นอย่างมิอาจหลบเลี่ยงได้


น่าเสียดายถนนใหญ่ที่คึกคักรุ่งเรืองถึงเพียงนี้ มีคนสัญจรไปมา เมื่อต่อสู้กันขึ้นมา แน่นอนว่ามีประชาชนไม่น้อยที่จะถูกลูกหลงไปด้วย…


กู้ซีจิ่วกวาดตามองถนนใหญ่ ภัตตาคาร ทุกคนที่สามารถมองเห็นได้ล้วนมองรอบหนึ่งทั้งสิ้น พยายามแยกแยกว่าใครคือกองกำลังลับ ใครคือชาวบ้านธรรมดา


—————————————————–


บทที่ 1119 เจ้ามานี่ซิ


เธอเป็นถึงนักฆ่า เชี่ยวชาญการสังเกตสีหน้าและคำพูดเป็นที่สุด สายตาก็โหดเหี้ยมยิ่งนัก หลังจากเธอกวาดสายตาดูอย่างละเอียด หัวใจยังคงเต้นระรัว!


เธอเห็นคนของโม่เจ้าแล้ว!


โดยปกติลูกน้องพวกนั้นของโม่เจ้าจะไม่ออกมาเดินเพ่นพ่าน พวกเขาไม่ได้แปลงโฉมแม้แต่น้อย เพียงแต่เปลี่ยนอาภรณ์เป็นแบบธรรมดาของชาวบ้านเท่านั้น


มีการแต่งตัวหลากหลายรูปแบบ พ่อค้าขายของหาบเร่ นักเลงหัวไม้เดินเตร็ดเตร่ ชายฉกรรจ์บนถนนที่กำลังสนทนาพาที…


พวกเขาเหมือนกำลังทำธุระของตัวเอง แต่สายตาคอยจดจ้องไปทางภัตตาคารที่ตี้ฝูอีอยู่เนืองๆ พวกเขาทำเหมือนไม่จงใจ กลับปิดกั้นเส้นทางหลบหนีรอบด้านของภัตตาคารไว้หมดแล้ว เห็นได้ชัดว่าจงใจปิดล้อม


กู้ซีจิ่วสอดส่องสายตามองดูรอบๆ ‘ตอนนี้โม่เจ้านั่นไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกันแน่? แล้วจะปรากฏตัวออกมาในรูปแบบไหน?’


กู้ซีจิ่วเป็นกังวลจนวุ่นวายใจ ถึงแม้รู้อยู่แล้วว่าด้วยความฉลาดของตี้ฝูอี อย่างไรก็ต้องวางกับดักไว้ในละแวกนี้บ้าง แต่เธอมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นคนของเขา จึงยังไม่ค่อยวางใจ


สถานการณ์ตอนนี้เหมือนวันก่อนวันพายุมรสุมโหมกระหน่ำ ดูเหมือนคลื่นลมสงบ แต่ความจริงเต็มไปด้วยจิตสังหาร พร้อมที่จะถาโถมเข้าใส่ตลอดเวลา!


“เห็นอะไรบ้างไหม?” หลงฟั่นพลันโผล่มาด้านหลังเธอ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น


กู้ซีจิ่วไม่หันหน้าไปมอง ขยับปากเหมือนจะพูดอะไร แต่เสียงของเธอเบาเกินไป หลงฟั่นไม่ได้ยิน “เธอพูดอะไร?”


“หลงฟั่น วันนี้คุณพาฉันมาดูละครอะไรกันแน่? ทำไมถึงยังไม่เริ่มอีก?” คำพูดนี้ของกู้ซีจิ่วแทบจะตะโกนก็ว่าได้


แน่นอน เสียงเธอยังไม่มีทางดังได้ แต่อย่างน้อยคนในห้องนี้ต่างก็ได้ยินกันหมด


ความจริงแล้วใจเธอยังมีความหวังเล็กน้อย หวังให้ตี้ฝูอีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามหูดีได้ยินคำพูดของเธอสักหน่อย…


หากแต่เธอทำได้เพียงตะโกนประโยคนี้ เนื่องจากฝ่ามือของหลงฟั่นวางอยู่ตรงตำแหน่งด้านหลังหัวใจเธอ “ถ้าตะโกนอีก ฉันจะฆ่าเธอซะ!”


“ชิ ก็คุณฟังไม่ได้ยินก่อนไม่ใช่หรือไง” กู้ซีจิ่วเหยียดหยาม


ในขณะที่สองคนกำลังวุ่นกันอยู่นั้น ประตูของห้องอันโอ่อ่าก็ถูกเคาะเบาๆ สองที เมื่อหลงฟั่นขานรับ เสมียนร้านพาหญิงสาวผู้หนึ่งเดินเยื้องย่างเข้ามา ยิ้มประจบสอพลอก่อนเอ่ยถาม “นายท่าน ต้องการฟังผีผาเพื่อความเพลิดเพลินหรือไม่ขอรับ? แม่นางผู้นี้เป็นนักเล่นผีผาที่มีชื่อเสียงมากของที่นี่ เล่นผีผาได้ยอดเยี่ยมเป็นที่สุด…”


การบริการของนักดนตรีหญิงในภัตตาคารแบบนี้เป็นเรื่องที่เห็นจนชินตา แต่หลงฟั่นก็ไม่ไว้วางใจ


เขาไม่อยากให้มีใครมารบกวน ขณะกำลังจะบอกปัด กู้ซีจิ่วก็เอ่ยปากเสียแล้ว “หลานรัก ปู่ไม่ได้ดูละคร ได้ฟังบทเพลงบรรเลงผีผาก็ยังดี”


แม้ว่าเสียงของเธอไม่ดัง ดีร้ายเสมียนร้านที่อยู่ห่างไปไม่ไกลก็ยังพอได้ยิน พลันเผยรอยยิ้มบนใบหน้า “ท่านผู้อาวุโสใคร่ฟัง ผีผาที่แม่นางผู้นี้เล่นยอดเยี่ยมจริงๆ ขอรับ”


ในเมื่อท่านปู่พูดเช่นนี้ หลงฟั่นหลานรักย่อมไม่อาจขัดข้อง เขาใจเต้นวูบหนึ่ง มองดูแม่นางคนนั้น


การแต่งกายของนางสะอาดหมดจด ผมสีหมึกยาวระเอว รูปโฉมประณีตงดงาม ผิวพรรณซีดขาวไปบ้าง บุคลิกค่อนข้างเย็นชา นางกอดผีผาตัวหนึ่งไว้ในอ้อมอก ยืนก้มหน้าเล็กน้อย งดงามเยือกเย็นดังบุปผางามสะท้อนในสายธาร กิริยาดังต้นหลิวลู่ลม


หลงฟั่นเอ่ย “เจ้ามานี่ซิ ให้ข้าดูผีผาของเจ้าสักหน่อย”


สตรีผู้นั้นก้าวเดินไปข้างหน้าตามคาด แต่ไม่รู้ว่าสะดุดอะไรเข้าจึงเดินโซเซ โผไปทางหลงฟั่น!


หลงฟั่นยื่นมือไปประคองนาง “เหตุใดจึงเลินเล่อเช่นนี้?” เขาให้นางยืนอย่างมั่นคง พร้อมถือโอกาสรับผีผามา


กู้ซีจิ่วยิ้มเยาะในใจ เมื่อกี้สตรีผู้นั้นไม่ใช่เลินเล่อสะดุดล้มลงไปหรอก ทว่าเป็นแผนการของหลงฟั่น คาดว่าเจ้านั่นคิดจะทดสอบวรยุทธ์ของนางสักหน่อย ช่างระวังตัวเสียจริง!


—————————————————–


บทที่ 1120 ใครมุ่งร้ายใคร


ผีผาของสตรีผู้นั้นเป็นเพียงผีผาธรรมดาตัวหนึ่ง  ไม่มีพวกกลไกอะไรเลย


อีกทั้งการประคองของหลงฟั่นเมื่อสักครู่นี้ ก็เป็นการวัดว่านางมีพลังวิญญาณขั้นที่สองโดยประมาณ อย่างมากสุดก็พอเป็นหมัดเท้าปักบุปผา เอาไว้จัดการนักเลงได้ ไม่มากพอให้กังวลใจ


ดังนั้นเขาจึงวางใจให้แม่นางผู้นั้นอยู่ต่อ


ความจริงแล้วเขาก็ชอบบุคคลที่เป็นศิลปิน ในยุคปัจจุบันเขามักฟังเพลงบรรเลงเปียโนพวกนี้อยู่เป็นประจำ แต่ในยุคนี้เขาหมกมุ่นอยู่กับการวิจัยตลอดเวลา อีกทั้งวรยุทธ์ของลูกน้องข้างกายก็ฝึกได้ไม่เลว พวกที่ร้องรำทำเพลงได้แทบไม่มี เขาไม่ได้ฟังเพลงมานานมากแล้ว คิดถึงยิ่งนัก จึงถามแม่นางคนนั้น “เล่นเพลงอะไรได้บ้าง?”


สตรีผู้นั้นน้อมกายเอ่ยขึ้นหลายบทเพลง ต่างเป็นเพลงที่ค่อนข้างโด่งดังในยุคนี้


หลงฟั่นเลือกมาหนึ่งบทเพลง


สตรีผู้นั้นย่อตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง จากนั้นบรรเลงขึ้นอย่างช้าๆ


นางเล่นไปเพียงไม่กี่ทำนอง กู้ซีจิ่วก็รู้เลยว่านี่คือบุคคลระดับปรมาจารย์จริงๆ!


ตัวโน้ตไหลผ่านปลายนิ้วของนาง ทั้งๆ ที่เป็นบทเพลงธรรมดา แต่นางกลับเล่นออกมาได้ดั่งสายน้ำเอื่อยไหลผ่านในจิตใจ ความรู้สึกนั้นราวกับฟ้าอันร้อนรุ่มเคลื่อนที่เข้าหาป่าเขาที่มีสายลมโชย ความเหนื่อยล้าทั้งร่างพลันจางหายไปกับบทเพลงที่แสนวิเศษนี้


เสียงของผีผานี้ไม่ด้อยกว่าบทเพลงชื่อดังเหล่านั้นที่กู้ซีจิ่วฟังในยุคปัจจุบันเลย ถึงขั้นเลิศล้ำกว่าด้วยซ้ำ


อธิบายได้เพียงหนึ่งประโยคว่า ‘บทเพลงบนสรวงสวรรค์ โลกมนุษย์ไหนเลยจะมีโอกาสได้ยิน’


เดิมทีหลงฟั่นฟังไปอย่างเสียไม่ได้ คิดเสียว่าฟังคลายความเบื่อหน่าย แต่เมื่อฟังไปครึ่งบทเพลง เขาก็ฟังจนเคลิบเคลิ้มเพลิดเพลิน


เขาไม่ได้ลิ้มรสชิมชาติเนื้อมาสามเดือนแล้ว  ตอนนี้กลับฟังอย่างพึงพอใจยิ่งนัก แม้แต่ลูกน้องสองคนข้างหลังยังฟังกันอย่างเคลิบเคลิ้ม แม้แต่กระแอมสักครั้งยังไม่กล้า เกรงว่าจะขัดเสียงสวรรค์นี้


กู้ซีจิ่วก็กำลังฟัง สายตาจดจ้องไปยังปลายนิ้วที่ดีดผีผาของสตรีผู้นั้น รูปโฉมและนิ้วมือของนางช่างละเมียดละไม ค่อนข้างใหญ่และยาว เมื่อนางยกมือขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นข้อมือขาวดุจหิมะ กำไลเงินที่ข้อมือสองวงส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง ผสานกับเสียงผีผา กลับมีเสน่ห์ที่ต่างออกไป


หญิงที่มีฝ่ามือใหญ่มีอยู่ทุกหนแห่ง ไม่น่าประหลาดใจอะไร ยิ่งไปกว่านั้นมือของนางช่างงดงาม และก็ไม่ได้เทอะทะด้วย


กู้ซีจิ่วรู้สึกว่ามือของนางค่อนข้างคุ้นตา แต่นึกไม่ออกในทันทีว่าเคยเห็นที่ใด


ผู้หญิงมือใหญ่ที่เธอรู้จักมีไม่กี่คน แต่ต่างเทียบไม่ได้กับมือนี้


หลงฟั่นก็ช่างละเอียดรอบคอบนัก เขายังกลัวว่านางจะเป็นสายของฝ่ายตรงข้าม คอยเตรียมป้องกันการลงมือของศัตรู จึงจ้องมองอย่างเงียบๆ โดยตลอด


แต่เห็นได้ชัดว่าเขาวางใจขึ้นมากแล้ว สตรีผู้นั้นดีดสายตามแบบแผน ไม่มีท่าทางที่มากเกินไป


ฟังจบไปแล้วสองเพลง นางก็ยังไม่มีท่าทีตุกติกอะไรเลย


เมื่อจบเพลง เสียงบรรเลงยังคงดังก้อง


หลงฟั่นยังอารมณ์ค้างอยากเพลิดเพลินต่อ จึงตบรางวัลให้นางเป็นทองก้อนโต เพื่อให้นางเล่นต่ออีกเพลง


เขาช่างใจกว้างนัก ทองคำที่ตบรางวัลให้ไปมีมูลค่าสิบตำลึง นักดนตรีหญิงธรรมดาสิบปียังหาไม่ได้มากมายเท่านี้เลย!


ดวงตาสตรีผู้นั้นวาบไหว แต่ไม่ได้รับทองนั้นมา กลับเม้มริมฝีปาก รีบคุกเข่าไปทางกู้ซีจิ่ว “ขอบคุณผู้อาวุโสกับคุณชายที่ตบรางวัล เทียนเกอซาบซึ้งยิ่งนัก เทียนเกอขอบังอาจ ผู้อาวุโสและคุณชายโปรดช่วยชีวิตข้าด้วย”


กู้ซีจิ่วตะลึงงัน หลงฟั่นขมวดคิ้ว “เกิดอันใดขึ้นกับเจ้า?”


สตรีผู้นั้นหลุบสายตาลง “ตระกูลชั้นสูงในเมืองนี้หมายปองเทียนเกอ ต้องการบังคับให้เทียนเกอแต่งเป็นอนุ เทียนเกอไม่ประสงค์จะแต่งงาน แต่ก็ไม่อาจขัดขืนได้ เช่นนี้ยอมตายเสียยังดีกว่า”


————————————————


บทที่ 1121 ใครมุ่งร้ายใคร 2


“ท่านผู้อาวุโสกับคุณชายโปรดเมตตารับเทียนเกอเอาไว้ในความดูแล ช่วยเหลือเทียนเกอออกจากพันธนาการนี้ เทียนเกอยอมเป็นข้ารับใช้ คอยดูแลผู้อาวุโสกับคุณชาย…” นางพูดอย่างสัตย์จริง ดูไปแล้วอ่อนช้อยน่าเอ็นดู


นัยน์ตาหลงฟั่นพลันวาบไหว ความจริงเขารู้สึกประทับใจเล็กน้อย


ภายในวังของเขาโดยปกติแม้แต่เสียงเลื่อยขาโต๊ะก็ไม่มี น่าเบื่อหน่ายจนน่ากลัว หากพาแม่นางคนนี้กลับไปได้ก็คงไม่เลว


แต่เขาเป็นคนสุขุมมาโดยตลอด เขาเพียงยิ้ม ไม่ได้ท่าทีใดๆ ออกมา


จากนั้นส่งสัญญาณมือให้กับลูกน้องคนหนึ่ง ลูกน้องคนนั้นเข้าใจจึงออกจากห้องไปทันใด คงจะให้ไปสืบหาภูมิหลังของสตรีคนนี้ว่าตรงกันกับที่นางพูดหรือไม่


ผ่านไปราวหนึ่งเค่อ ลูกน้องคนนั้นก็กลับมา กระซิบกระซาบหลงฟั่นไม่กี่คำ หลงฟั่นก็มีแผนการอยู่ในใจแล้ว


เขาเหลือบมองสตรีผู้นั้น พลางเอ่ยขึ้นเรียบๆ “อยากให้ข้าช่วยเหลือเจ้านั้นย่อมได้ แต่ก็ต้องดูการปฏิบัติตัวของเจ้าด้วย”


สายตาของสตรีผู้นั้นเป็นประกาย “เจ้าค่ะ”


นางพยายามสุดชีวิตเพื่อให้หลุดพ้นจากความยากลำบาก ก้าวเท้ามาชงชารินน้ำให้พวกกู้ซีจิ่วอย่างกระตือรือร้น


หลงฟั่นจับจ้องนางทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ใช่รูปโฉมที่แท้จริงของเขา แต่เขาก็หล่อเหลางามสง่า อีกทั้งดึงดูดสายตาของหญิงสาวได้เป็นอย่างมาก


เมื่อถูกคุณชายผู้หล่อเหลาที่สูงศักดิ์ทรงอำนาจจับจ้อง สตรีผู้นั้นถึงแม้เยือกเย็นเพียงใดก็อดไม่ได้ที่จะแก้มแดงระเรื่อ ถึงขนาดมือสั่นเทาเบาๆ เมื่อรินน้ำให้เขา นั่นคือความตึงเครียดจากความขวยเขิน


หลงฟั่นพึงพอใจมาก ช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับการทดลองอวัยวะมนุษย์ เกือบหลงลืมไปแล้วว่าแขนเสื้อสีชาดอวลกลิ่นหอมฟุ้ง[1]เป็นเช่นไร


ถึงแม้รูปโฉมของแม่นางผู้นี้ไม่งดงามเท่ากู้ซีจิ่ว แต่ก็เป็นคนอ่อนโยน รอบรู้และรู้จักวางตัว ประดุจบัวพันกลีบที่รู้ภาษา ที่ยิ่งหาได้ยากคือเล่นผีผาได้อย่างยอดเยี่ยม หากให้นางมาเป็นสาวใช้ข้างกายก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเลยจริงๆ


เขาเหลือบมองกู้ซีจิ่วอย่างอดไม่ได้ พลางทอดถอนใจเบาๆ


เด็กสาวคนนี้คือผลงานที่ยอดเยี่ยมและสมบูรณ์แบบที่สุดของเขา รูปโฉมเป็นอันดับหนึ่ง เพียงแต่ค่อนข้างดื้อรั้น จัดการยาก ไม่ต่างกับดอกกุหลาบมีหนามแหลม


ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอไม่ไว้หน้าผู้ใด ไม่ค่อยเชื่อฟังนัก ทำให้เขาปวดเศียรเวียนเกล้า…


หญิงงามจ้องมองหญิงงามย่อมเป็นเรื่องธรรมดานัก ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงมองสตรีบรรเลงผีผาผู้นั้นมากหน่อย หลงฟั่นก็ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร เขายังจงใจชี้นำสตรีบรรเลงผีผาผู้นั้น “ไปดูแลท่านปู่หน่อยเถิด นั่งมาตั้งนานปานนี้ คงจะคอแห้งแล้ว”


สตรีบรรเลงผีผาผู้นั้นชะงักไป ราวกับไม่ค่อยยินยอมดูแลไม้ใกล้ฝั่งเยี่ยงกู้ซีจิ่ว หากแต่ตอนนี้นางกำลังขอความเมตตาคนอื่นอยู่ จึงตอบรับด้วยเสียงแผ่วเบา “เจ้าค่ะ เทียนเกอน้อมรับคำสั่ง”


นางเดินไปข้างกายกู้ซีจิ่ว รินชาให้เธอถ้วยหนึ่ง ก่อนยกป้อนให้ถึงริมฝีปาก


มือขาวอ่อนนุ่ม แขนเสื้อคล้ายมีกลิ่นหอมจางๆ อบอวลอยู่ที่ปลายจมูกของกู้ซีจิ่ว เมื่อกู้ซีจิ่วได้กลิ่นหอมนั้นหัวใจก็เหมือนถูกกระแทกเข้าอย่างจัง ร่างกายสั่นไหว ริมฝีปากกระแทกเข้ากับถ้วยชาที่นางยกให้


สตรีบรรเลงผีผาไม่ทันระวัง ถ้วยชาโคลงเคลงไปมา กระเซ็นโดนเสื้อคลุมของกู้ซีจิ่วไปบ้าง


“ขออภัยเจ้าค่ะ! ขออภัยเจ้าค่ะ!” สตรีบรรเลงผีผาตื่นตระหนก รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกมาเช็ดน้ำบนเสื้อคลุมของกู้ซีจิ่ว…


น้ำชานั้นค่อนข้างร้อน เมื่อหกลงบนเสื้อคลุมของกู้ซีจิ่วจึงยังคงมีไอร้อน ตัวเธอถูกลวกเสียจนบิดไปมาอยู่สองสามที ตอนนี้ร่างของกู้ซีจิ่วอ่อนนุ่มเหมือนเส้นบะหมี่ การขยับนี้ไม่รุนแรงอะไร ทว่าเก้าอี้ด้านใต้กลับพลิกคว่ำ ทำให้เธอพลันล้มทับบนตัวสตรีบรรเลงผีผาผู้นั้น


สตรีผู้นั้นกรีดร้อง ถูกเธอล้มทับบนพื้น กลายเป็นเบาะรองให้กับกู้ซีจิ่ว…


————————————————


บทที่ 1122 ใครมุ่งร้ายใคร 3


ริมฝีปากแก่ชราของกู้ซีจิ่วขบกัดใบหน้ารูปไข่ที่เรียบเนียนนั้น ปรากฏเป็นรอยฟันจางๆ


สตรีบรรเลงผีผามึนงงอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้างามแฉล้มใกล้จะเขียวคล้ำแล้ว นางเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ “ผู้…ผู้อาวุโส ท่าน…ลุกขึ้น…”


หลงฟั่นอดไม่ได้อยากหัวเราะออกมา เขากอดอกมองดูเสียอย่างนั้น


สตรีบรรเลงผีผาผู้นั้นดิ้นรนอยู่ใต้ร่างกู้ซีจิ่ว ในที่สุดก็ประคองตัวเองลุกขึ้นนั่ง เมื่อคิดได้แล้วนางก็ประคองกู้ซีจิ่วลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล “ท่านผู้อาวุโส ขออภัย เทียนเกอมิทันได้ระวัง ขอท่านโปรดอภัยด้วย”


สตรีบรรเลงผีผาเป็นดั่งสะใภ้ตัวน้อยผู้ถูกรังแก ด้านหนึ่งต้องกล้ำกลืนฝืนทนกล่าวคำขอโทษต่อกู้ซีจิ่ว อีกด้านหนึ่งก็ต้องประคองเธอไปนั่งที่เก้าอี้


ตัวกู้ซีจิ่วเองไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย น้ำหนักของร่างกายทั้งหมดกดทับไปที่ร่างของสตรีผู้บรรเลงผีผา หลังจากประคองเธอขึ้นนั่ง ก็เหนื่อยเสียจนมีเม็ดเหงื่อที่ปลายจมูก


“ผู้อาวุโส ท่านไม่เป็นไรกระมัง?” หลงฟั่นเดินมาจับชีพจรกู้ซีจิ่วอย่างเอาใจใส่ ด้วยกลัวว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บ


ผลของการจับชีพจรทำให้หลงฟั่นพึงพอใจมาก จุดลมปราณของกู้ซีจิ่วยังคงถูกสกัดไว้ พิษก็ยังคงอยู่ในร่างกายเธอ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร


ความจริงแล้วหลงฟั่นแค่ลองหยั่งเชิงดู หากสตรีบรรเลงผีผาผู้นี้เป็นสายที่ตี้ฝูอีส่งมา คงฉกฉวยโอกาสตอนที่ล้มคลายจุดให้กู้ซีจิ่วแล้ว


ความจริงพิสูจน์แล้วว่าเขาคิดมากเกินไป


เขาส่ายหน้าอยู่ในใจ ตำหนิสตรีบรรเลงผีผาไปสองสามคำ ต่อว่าว่านางประมาทเลินเล่อ


สตรีบรรเลงผีผาน้อมรับด้วยความเคารพ รินน้ำชาให้กู้ซีจิ่วดื่มอีกครั้งอย่างเอาอกเอาใจ ดูแลจนเธอดื่มหมด อีกทั้งยังหันกายไปยังด้านหลังเธอดังสุนัขรับใช้ และบีบนวดให้เธอเบาๆ


ดรุณีนางนี้รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร เด็กผู้หญิงที่เกิดจากตระกูลยากจนข้นแค้นก็หลักแหลมเช่นนี้


หลงฟั่นพยักหน้าอยู่ภายในใจ


เมื่อสักครู่ลูกน้องของเขาออกไปตรวจสอบแล้ว เรื่องที่สตรีบรรเลงผีผาพูดเป็นความจริง นางเป็นเด็กกำพร้า พ่อของนางเป็นอาจารย์สอนผีผาผู้ตกยาก จากโลกนี้ไปเมื่อปีก่อนหลังจากถ่ายทอดวิชาความรู้ทั้งหมดให้กับบุตรสาว ทิ้งไว้ให้สตรีผู้นี้ใช้ทำมาหากิน ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันตระกูลสูงส่งทรงอิทธิพลในเมืองถูกตาต้องใจนางเข้า ต้องการรับนางไว้เป็นอนุ ชายตระกูลสูงส่งผู้นั้นทั้งอ้วนทั้งชรา สตรีบรรเลงผีผาย่อมไม่ยินยอม ทว่าไม้ซีกย่อมไม่อาจงัดไม้ซุง จึงทำได้เพียงใช้อุบายประวิงเวลามาโดยตลอด…


ดังนั้น ที่นางมาขอความเมตตาจากเขาจึงไม่น่าแปลกใจอะไร


หญิงงามย่อมพึงใจชายหนุ่มรูปงาม ความจริงสตรีบรรเลงผีผาผู้นี้ถูกตาต้องใจเขาเข้าแล้ว ถึงแม้นางกำลังดูแลกู้ซีจิ่ว แต่ดวงตาเป็นประกายคู่นั้นกลับเหลือบมองเขาอยู่เนืองๆ เมื่อสายตาสบกัน ขนตานางพลันสั่นไหว ก้มศีรษะลง มีความขวยเขินตามแบบฉบับหญิงสาว


ด้วยการหยั่งเชิงหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดหลงฟั่นก็วางใจ


สายตาของเขามองไปฝั่งตรงข้าม ฝั่งนั้นใกล้จะกินข้าวมื้อนี้เรียบร้อยแล้ว ว่าแต่นายท่านของเขายังจะลงมือหรือไม่กันแน่?!


เขาอดแอบทอดถอนใจไม่ได้ โม่เจ้า ท่านเจ้าท่านนี้เก่งกาจไปเสียทุกเรื่อง เพียงแต่ขี้สงสัยเป็นที่สุด อีกทั้งไม่ค่อยใจกล้าเสียเท่าใด


เขาเหลือบมองกู้ซีจิ่วอีกที เธอมีท่าทางเบื่อหน่อยเป็นที่สุด เป็นอัมพาตอยู่ตรงนั้นเยี่ยงคนไร้กระดูก ขณะรับการดูแลจากสตรีบรรเลงผีผาผู้นั้น ก็มองออกไปนอกหน้าต่าง


กู้ซีจิ่วคิดว่าเธอควรได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม!


ทั้งที่ภายในร้อนดังน้ำเดือดพล่าน ฟองอากาศแห่งความสุขพวยพุ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต ก็ยังคงรักษาใบหน้าเรียบเฉยดังเป็นอัมพาตเอาไว้ได้ เธอยกนิ้วให้กับทักษะการแสดงที่ดีเยี่ยมของตัวเอง!


แต่เธอรู้สึกว่าการแสดงของตัวเองยังห่างชั้นเมื่อเทียบกับแม่นางที่กำลังบีบนวดไหล่ข้างหลังเธอ


คนที่อยู่ข้างหลังผู้นี้ต่างหากคือนักแสดงนำยอดเยี่ยมที่แท้จริง ทักษะการแสดงเข้าขั้นเทพแล้ว!


ตี้ฝูอี!


หญิงงามที่หัวใจอ่อนระทวย ดูไปแล้วอ่อนแอบอบบางและเหมือนชื่นชมหลงฟั่นเป็นอย่างมาก ที่แท้ก็คือตี้ฝูอีปลอมตัวมา!


———————————————–


[1] แขนเสื้อสีชาดอวลกลิ่นหอมฟุ้ง หมายถึง สาวงามที่คอยปรนนิบัติบัณฑิตหนุ่มตอนที่กำลังร่ำเรียนในสมัยโบราณ


บทที่ 1123 ใครมุ่งร้ายใคร 4


เมื่อครู่ยามที่กู้ซีจิ่วได้กลิ่นหอมบริสุทธิ์อันเป็นเอกลักษณ์จากร่างกายเขา หัวใจแทบจะกระเด้งกระดอนออกมา! ไม่กล้าเชื่อเลย! ยามนั้นเธอสิ้นเปลืองพลังไปมากโขถึงควบคุมความตื่นเต้นจนแทบจะพลุ่งพล่นเอาไว้ได้


แน่นอนว่าเนื่องจากอยู่เหนือความคาดหมายเกินไป เธอยังคงไม่กล้าเชื่ออยู่บ้าง ด้วยเหตุนี้เลยจงใจล้มทับเขาไว้ใต้ร่าง ซ้ำยังขบแก้มเขาไปคำหนึ่งด้วย เช่นนี้กลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาจึงชัดเจนยิ่งขึ้น


และในขณะที่ตี้ฝูอีถูกเธอทับไว้ มือข้างหนึ่งบังเอิญอยู่ใต้ท้องเธอพอดี เขาจึงฉวยโอกาศใช้ปลายนิ้วสะกิดตรงหน้าท้องเธอ หนักสองเบาสาม เป็นสัญญาณลับที่เธอกับเขาเคยนัดแนะกันไว้ในอดีต


ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงไร้ข้อสงสัยแล้ว คนที่เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่านั่งอยู่ในอาคารฝั่งตรงข้าม ยามนี้กลับมาอยู่ข้างกายเธอ ช่างน่าประหลาดใจและน่ายินดีโดยแท้!


ตี้ฝูอีชมชอบแปลงโฉมรับบทเป็นผู้คนสารพัดข้อนี้กู้ซีจิ่วรู้นานแล้ว แต่เธอกลับคาดไม่ถึงว่าหนนี้เขาจะลงทุนขนาดนี้ ปลอมเป็นสาวงามอรชรอ้อนแอ้นผู้หนึ่ง! รูปโฉมงดงามหยาดเยิ้มนี้เหมือนสตรียิ่งกว่าตัวเธอกู้ซีจิ่วเสียอีก…


กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าสามมุมมองของตนถูกเขาพังทลายอีกครั้งแล้ว!


ในท้องเธอมีคำถามมากมายที่อยากถามเขา ทว่าด้วยสถานการณ์สุดวิสัยในยามนี้จึงไม่อาจพูดออกมาได้ และไม่สามารถส่งกระแสเสียงเป็นการลับ ความคิดเธอแล่นวาบ นึกถึงรหัสมอสต์ชนิดหนึ่งที่เธอเคยสอนให้ตี้ฝูอีในยามว่างขึ้นมา


ตอนนั้นเธอเบื่อหน่าย จึงคิดค้นรหัสมอสต์ชุดหนึ่งที่เพียงเขาและเธอเท่านั้นถึงจะเข้าใจได้ ดังนั้นตอนที่เธอฟุบอยู่บนร่างเขา จึงใช้นิ้วเคาะลงบนฝ่ามือของเขาไม่กี่หนอย่างรวดเร็ว บ่งบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับเขา


ด้วยเหตุนี้ตี้ฝูอีจึงเริ่มเคาะหลังเธออย่างกระตือรือร้น เคาะได้จังหวะอย่างยิ่ง ไม่เบาไม่หนัก


ส่วนกู้ซีจิ่วก็วางมือไว้บนขา หลับตาเล็กน้อย เคาะจังหวะราวกับฮัมเพลงอยู่


ด้วยการเคาะเช่นนี้ ทั้งสองจึงสนทนากันอย่างไร้อุปสรรคกีดขวางได้แล้ว


กู้ซีจิ่วพูดเรื่องสำคัญที่สุดก่อน ‘มารสวรรค์ตนนั้นกำลังจะโจมตีท่าน!’


ตี้ฝูอีตอบรับ ‘ทราบแล้ว ข้าวางแผนไว้ที่นี่เสร็จสรรพแล้ว เพียงรอให้เขามาถึง’


กู้ซีจิ่วเอ่ยประเด็นต่อไป ‘ที่นี่รายล้อมไปด้วยคนของเขา พาออกมาถึงหนึ่งร้อยยี่สิบเก้าคน มีผู้ที่บรรลุพลังวิญญาณขั้นแปดขึ้นไปอยู่สิบกว่าคน ที่เหลือล้วนเป็นขั้นหกขึ้นไป’


ตี้ฝูอีตอบกลับว่า ‘ดูเหมือนครั้งนี้เขาจะลงทุนกับข้าอย่างแท้จริง ข้ารู้สึกมีหน้ามีตายิ่งนัก’


กู้ซีจิ่วเงียบไปครู่หนึ่ง ‘…พวกเรามีคนเท่าไหร่?’


ตี้ฝูอีตอบไปตามตรง ‘ไพร่พลเก่งกาจไม่จำเป็นต้องมากมาย วางใจเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะหาจังหวะช่วยเจ้าออกไป จะไม่ทำให้เจ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นอีกเด็ดขาด!’


กู้ซีจิ่วถามออกมาอีกประโยคหนึ่ง ‘ครั้งนี้ท่านมีความมั่นใจหรือไม่ว่าจะกวาดล้างมารสวรรค์ตนนั้นให้สิ้นซากได้?’


ตี้ฝูอีชะงักไปเล็กน้อย ‘ตอนนี้พังยุท์ของข้ายังไม่ฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์ กวาดล้างให้สิ้นซากไม่อาจทำได้ เพียงแต่การทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสสักครั้งยังมีความมั่นใจอยู่มากนัก’


แค่บาดเจ็บสาหัสสินะ…


เจ้าคนผู้นั้นเป็นวัชพืชที่ไม่ว่าจะถูกเพลิงเผาผลาญสักเพียงใด ขอเพียงลมฤดูใบไม้ผลิพัดโชยก็งอกงามขึ้นมาอีกครั้งได้…


กู้ซีจิ่วจึงกล่าวว่า ‘ท่านเตรียมการให้พวกเขาบาดเจ็บสาหัสอยู่ที่นี่งั้นหรือ? ที่นี่พลุกพล่านเกินไป ประชาชนผู้บริสุทธิ์ก็มากมาย…’


ตี้ฝูอีตอบกลับ ‘เพราะนึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะพาเจ้ามาด้วย ดังนั้นแผนที่ข้าวางไว้คือฉวยโอกาสแทรกซึมเข้าไปในฐานของเ ตามหาเจ้าให้พบก่อนแล้วค่อยลงมือกับมัน แต่ตอนนี้หาตัวเจ้าพบแล้ว จึงปรับเปลี่ยนแผนการเล็กน้อย…’


‘ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน!’ กู้ซีจิ่วกล่าว ‘หาทางแทรกซึมเข้าไปในฐานของเขาเหมือนเดิมเถอะ ฐานที่มั่นของเขาอยู่ใต้ภูเขาไฟ ถ้าไม่มีอุปกรณ์พิเศษพวกท่านจะเข้าไปไม่ได้ ด้านในคือฐานบัญชาการใหญ่ของเขา ยังมีคนอยู่อีกหลายร้อยคน!’


‘แต่ว่าเจ้า…’


‘ข้าไม่เป็นไร เขาไม่ทำอะไรข้าหรอก ดำเนินการตามแผนเดิมของท่านเถอะ บอกมาสิว่าแผนเดิมของท่านคืออะไร?’


‘แผนเดิมของข้าคือ…หือ พวกเขาลงมือก่อนเวลา!’


————————————————-


บทที่ 1124 ใครมุ่งร้ายใคร 5


ในเวลาเดียวกันทั้งสองก็ได้ยินเสียงอุทานด้วยความตกใจแว่วมาจากอาคารฝั่งตรงข้าม กู้ซีจิ่วใจหายวาบ หันไปมองทันที ลอบสูดลมหายใจเยียบเย็นเข้าไปเฮือกหนึ่ง!


ในห้องนั้นของอาคารที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในทันใด


กู้ซีจิ่วตัวปลอมคนนั้นไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดจึงนั่งไม่อยู่ไปชั่วขณะหนึ่ง ล้มลงไปด้านหน้าเสียงดังตุบ ตี้ฝูอีที่อยู่ข้างๆ นางย่อมยื่นมือไปช่วยพยุง กู้ซีจิ่วตัวปลอมโผใส่อ้อมอกเขา และฉวยโอกาสแทงมีดสั้นเล่มหนึ่งใส่ร่างของอิงเหยียนนั่ว!


โลหิตทะลักออกมา อิงเหยียนนั่วส่ายโงนเงน ผลักกู้ซีจิ่วตัวปลอมที่อยู่ในอ้อมอกออก “เจ้า…”


ลูกน้องทั้งสองของอิงเหยียนนั่วน่าจะถูกสั่งให้ออกไปก่อนหน้านี้แล้ว ยามนี้เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวภายในห้อง เสียงตะโกนโกรธเกรี้ยว ทั้งคู่ก็พุ่งกลับไป เพียงแต่ยังไม่ทันได้พุ่งเข้าไปในห้อง ก็ถูกพนักงานสี่คนขัดขวางไว้…


วรยุทธ์ของสี่คนนี้ล้วนไม่ต่ำต้อยเลย สกัดมู่อวิ๋นกับมู่เหล่ยไว้ตรงนั้นได้ สองคนนี้ฝ่าไปไม่ได้ชั่วขณะ


ส่วนอิงเหยียนนั่วที่อยู่ในห้องก็ประหลาดใจจริงๆ ถึงแม้เขาจะตกใจยิ่งนักที่ถูกแทง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นผู้ที่มีปฏิกิริยาว่องไวคนหนึ่ง ถอยหลังไปทันที ยกมือขึ้นคล้ายจะทำอะไร ทันใดนั้นในแจกันดอกไม้ที่อยู่ตรงมุมผนังด้านหลังเขาก็มีควันสีเขียวสายหนึ่งพวยพุ่งอกมา เงาสีเขียวสายนั้นก่อตัวเป็นร่างคนผู้หนึ่งในชั่วพริบตา เป็นโม่เจ้า เขาชูมือคราหนึ่ง ลำแสงห้าสีสายหนึ่งเข้าปกคลุมอิงเหยียนนั่ว ร่างกายอิงเหยียนนั่วส่ายโงนเงน ล้มลงไปแล้ว ใบหน้าที่เดิมทีขาวซีดปรากฏสีเขียวคล้ำขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าถูกพิษแล้ว…


“เจ้า…” อิงเหยียนนั่วเงยหน้าถามกู้ซีจิ่วตัวปลอม แววตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ


กู้ซีจิ่วตัวปลอมเม้มปากแน่นถอยหลังไปก้าวหนึ่ง หยาดโลหิตหยดหนึ่งย้อยลงมาจากปลายมีดของนาง เรือนกายของโม่เจ้าไหววูบ ปลายนิ้วรับหยาดโลหิตหยดนั้นไว้ จรดจมูกดมคราหนึ่ง ยิ้มออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาจดจำกลิ่นโลหิตได้


เขาก้มตัวมองอิงเหยียนนั่ว “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย สบายดีหรือไม่?”


อิงเหยียนนั่วเบิกตาเล็กน้อย “หรงเช่อ?”


โม่เจ้ายิ้มนิดๆ “คาดไม่ถึงว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจะปราดเปรื่องถึงเพียงนี้ มองออกด้วยว่าเป็นข้า…เพียงแต่ หรงเช่อเป็นเพียงร่าวอวตารของข้า มิใช่ร่างจริงของข้า เห็นแก่ที่เจ้ากำลังจะตายแล้ว ข้าจะบอกเจ้าก็ได้ ข้าคือมารสวรรค์ นามว่าโม่เจ้า จำได้หรือไม่?”


สายตาของอิงเหยียนนั่วหันเหไปที่กู้ซีจิ่วตัวปลอม “นางเป็นตัวปลอมสินะ?! เป็นคนของพวกเจ้าใช่หรือไม่?! เป็นนางใช่ไหมที่เผยฐานะของข้า?”


โม่เจ้าถอนหายใจ “มิผิด ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายช่างเฉลียวฉลาดยิ่งนักโดยแท้ แต่จะบอกว่านางเป็นตัวปลอมก็ไม่ได้ เพราะอย่างนี้ร่างนี้ก็เป็นสังขารของนางจริงๆ เพียงแต่ดวงวิญญาณที่อยู่ด้านในมิใช่นาง…”


สีหน้าอิงเหยียนนั่วเขียวคล้ำขึ้นเรื่อยๆ ทว่ายังคงฝืนทนดิ้นรนถามอีกประโยคหนึ่ง “เช่นนั้นนางตัวจริงอยู่ที่ไหน?”


“อย่าได้กังวล เจ้าจะได้พบนางแน่” โม่เจ้ายิ้มน้อยๆ น้ำเสียงยังคงอ่อนโยนยิ่งนัก


….


เดิมทีกู้ซีจิ่วคิดว่าจะเกิดสงครามนองเลือดขึ้นสักฉาก กลับนึกไม่ถึงว่าจะจบลงอย่างง่ายดายเช่นนี้


‘ตี้ฝูอี’ ที่อยู่ในภัตตาคารปล่อยให้ ‘กู้ซีจิ่ว’ แทงจนบาดเจ็บสาหัส เจียนจะสิ้นชีพ ถูกโม่เจ้าจับตัวได้แบบเป็นๆ


ตี้ฝูอีคล้ายว่าไม่ได้จัดวางคนเลย และไม่ได้วางหลุมพรางใดไว้ เสมือนเนื้อที่ส่งตัวเองมาให้ถึงหน้าประตู ถูกโม่เจ้าจับกุมได้ในคราวเดียว


เดิมทีโม่เจ้าพาคนมากว่าหนึ่งร้อยคน วางแผนอย่างดีทีละขั้นว่าจะรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ นานา อย่างไร ถึงขั้นที่วางแผนไว้อย่างดีว่าหากนี่เป็นหลุมพรางของเขา เขาจะพาคนล่าถอยไปอย่างไร แม้แต่ภูมิประเทศในละแวกนี้ก็ศึกษาจนกระจ่างหมดแล้ว


คาดไม่ถึงว่าเขาที่ราวกับกรีธาไพร่พลนับพันนับหมื่นมาออกศึกถึงหน้าประตู ผลคือพบว่าศัตรูไม่ได้ตระเตรียมหลุมพรางอันใดไว้เลยจริงๆ ข้างกายก็มีลูกน้องแค่สองคน…


เขารู้สึกเหมือนถูกหยอกล้อเล็กน้อย ยังคงไม่อยากเชื่ออยู่บ้าง


———————————————

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)