องครักษ์เสื้อแพร 1116-1117
ตอนที่ 1116 ปรับเล็กก่อนออกศึก
Ink Stone_Fantasy
ได้ฟังเถ้าแก่รายงาน หวังทงอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ากล่าวว่าต้องการพบกับหัวหน้าเผ่าหนี่ว์เจิน
พื้นที่ตั้งทัพใหญ่ คนไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ล้วนสังหารสิ้น นับประสาอันใดกับชายฉกรรจ์เผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซี หากไม่ใช่เถ้าแก่นำมา คนเหล่านี้ระยะไม่ไกลนักก็คงถูกสังหารทิ้งด้วยธนูว่าเป็นสายศัตรูไปแล้ว
ก่อนพวกเขาถูกนำตัวมายังกระโจมแม่ทัพ ล้วนเคร่งเครียดมาก ครั้งนี้ที่ต้องการพบก็คือหวังทง หวังทงเป็นใคร ระดับใด เทพสังหารนำทัพใหญ่กวาดล้างเจี้ยนโจวหมดสิ้น ไห่ซีที่ใกล้เขตชาวฮั่นยังดี เผ่าหนี่ว์เจินตอนเหนือกับชนเผ่าในป่านั้นล้วนมีตำนานเล่าว่าหวังทงรูปร่างสูงร้อยจ้าง หัวเป็นพยัคฆ์ ตัวเป็นมนุษย์
“นี่คือแม่ทัพใหญ่เรา!”
มีคนแนะนำ ชายฉกรรจ์เผ่าหนี่ว์เจินสามคนที่เข้ามาไม่ทันได้มอง ก็รีบคำนับ ชาวเผ่าหนี่ว์เจินไม่รู้ธรรมเนียมได้แต่โขกศีรษะ
“ไม่ต้องมากพิธี ข้าถามพวกเจ้า อยากตามทัพใหญ่ไปล้างแค้นไหม กลัวตายไหม?”
หวังทงถามอย่างนุ่มนวล ชายวัยราว 40 เงยหน้า เห็นว่าหวังทงไม่ได้มีท่าทีเหี้ยมโหด แค่ขุนนางบู๊กำยำ ก็อึ้งไปครู่ ก่อนจะรีบตอบเสียงดังว่า
“ครอบครัวญาติมิตรทุกคนล้วนถูกเดรัจฉานสังหารย่ำยี ทุกคนหากไม่แก้แค้น ย่อมไร้หน้าไปพบเทพเจ้าในปรภพ แม้ไปรนหาที่ตาย ก็ต้องสู้กับเดรัจฉานนั่นสักครั้ง ไม่กลัวตาย”
ภาษาฮั่นพูดแข็ง ๆ ชายผู้นี้เอาแต่ลอบสังเกตหวังทง คิดจะดูว่าตำนานชาวฮั่นผู้นี้แท้จริงแล้วมีลักษณะเช่นใดกัน อายุราวสามสิบได้ ปกติชาวฮั่นร่างสูงใหญ่ สีหน้านิ่งสุขุม แต่เหมือนมีอันใดไม่ถูกต้อง ตอนเริ่มต้นดูเหมือนราวสามสิบ แต่ท่าทางและการวางตัวเหมือนห้าสิบกว่า มีความเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่เหมาะกับอายุ และความรู้สึกเหมือนผ่านโลกมามาก
ไม่กลัวตาย นับเป็นชายชาตรี พวกเจ้าในเมื่อไม่กลัวตาย ตนเองไปเองก็แล้วกัน ไยต้องมาขอให้ข้านำไปด้วย”
หวังทงยิ้มถามขึ้น พูดถึงตรงนี้ ตัวแทนเผ่าหนี่ว์เจินเบื้องหน้าลังเล สภาพการณ์นี้ เจ้าไม่อาจกล่าวว่าตนเองเกรงกลัวปืนโจรวัวโค่ว หรือว่ากำลังโจรวัวโค่วมาก ทางเกาหลีเองก็เกรงอิทธิพลอำนาจเผ่าหนี่ว์เจิน หากชาวเผ่าหนี่ว์เจินต้องการรวมกำลังเกาหลีลงใต้ อย่าเห็นว่าเกาหลีตอนนี้ถูกโจรวัวโค่วรุกราน ถึงตอนนั้นร่วมมือกันก็ย่อมเป็นได้
หัวหน้ากลุ่มผู้นั้นฝีปากดีจริง นิ่งไปพักหนึ่ง กล่าวว่า
“แม่ทัพใหญ่ พื้นที่ไห่ซีเราเป็นของแม่ทัพใหญ่ ต้องฟังแม่ทัพใหญ่ ไม่กล้าเคลื่อนไหวพลการ แม่ทัพใหญ่นำพวกเรา พวกเราจึงกล้าไปแก้แค้น”
เจี้ยนโจวนอกกำแพงเมืองกับไห่ซี ตอนนี้เป็นโรงบ้านกับการค้าชาวฮั่นผสมผสานหมู่บ้านชาวเผ่าหนี่ว์เจิน ค่อนข้างซับซ้อน โรงบ้านชาวฮั่นในครอบครองเครือข่ายสามธาราไม่น้อย ตอนแรกที่ทุกคนไป ล้วนคิดจับมาเป็นทาส
แต่ทว่าเผ่าหนี่ว์เจินก็เป็นพวกทำนาเพาะปลูกอยู่แล้ว วิธีชีวิตคล้ายกับชาวฮั่น กำลังการต่อสู้กับความมุ่งมั่นก็ไม่ได้ด้อย แม้ว่าตอนนี้ถูกตีพ่าย แต่หากคิดจับมาเป็นเชลยทาส ก็คงต้องยุ่งยากบาดเจ็บล้มตายมาก ทุกคนก็ล้วนเปลี่ยนแนวคิด ส่วนใหญ่ใช้การจ้างและค่อยๆ ซื้อใจ
แน่นอนในเวลาสำคัญ ผู้คุ้มกันแต่ละบ้านอย่างไรก็ต้องวางเพลิงสังหารคน แต่ทว่านานวันเข้า นับว่าเป็นความเมตตาคุณให้กัน ชาวเผ่าหนี่ว์เจินกลับยิ่งภักดี มีหมู่บ้านมาขอร่วมเป็นพันธมิตรกับกลุ่มพ่อค้าและโรงบ้าน เข้าไปจับคนในเขาออกมาเป็นทาสรับใช้แทน
พื้นที่นอกกำแพงเมืองแน่นอนเน้นกำลังเป็นหลัก ที่ดีที่สุดสำหรับกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธนั้นก็คือใช้งานได้ดีที่สุด กลุ่มพ่อค้าสามธาราแน่นอนยิ่งใหญ่สุด ในมือมีผู้คุ้มกันมากสุด เงินทองมากสุด มีธรรมเนียมมากสุด ยังมีเรื่องผลแห่งชัยของหวังทงในตอนนั้น หลายปีมานี้ เผ่าหนี่ว์เจินแต่ละเผ่านอกกำแพงล้วนรู้สึกตนเองอยู่ใต้การควบคุมของหวังทง ตนเองอยู่ในพื้นที่ของหวังทง
คนผู้นี้กล่าวเช่นนี้ หวังทงนั่งอยู่ก็หัวเราะดัง หยุดหัวเราะแล้วก็เปลี่ยนบทสนทนาว่า
“พวกเจ้ามีคนเท่าไรออกศึกได้?”
“แต่ละเผ่ารวมกำลังแข็งขัน! อย่างไรก็ต้องได้ห้าพันกว่าคน!”
ได้ยินจำนวนนี้ หวังทงอึ้งไป เอ่ยถามขึ้น
“ขี่ม้าเป็นเท่าไร?”
“1,500 กว่าพอได้”
“เลือกมา 3,000 ที่เก่งกล้าที่สุดไป เจ้ากลับไปรวมกำลังก่อน ไปรอที่หุบเขาไป๋หลัง อีกสี่วัน จะมีคนไปสมทบกับพวกเจ้า”
หวังทงเคาะโต๊ะเบาๆ สุดท้ายตัดสินใจ หลายคนเบื้องหน้าฟังเข้าใจแล้ว แต่ก็รู้สึกอึ้ง คนหนึ่งเงยหน้าท่าทางระแวดระวังกล่าวว่า
“แม่ทัพใหญ่ ทหารเราร่วมออกศึกกับทัพใหญ่หรือ?”
“กัวป๋อเล่อ เจ้าเป็นบ้าอะไร แม่ทัพใหญ่ล้วนจัดการแล้ว ยังไม่โขกศีรษะขอบคุณอีก!”
เถ้าแก่ที่ฟังอย่างเดียวมาตลอด ได้ยินวาจานี้ก็อดไมได้กระซิบด่า พวกไม่รู้งาน มาจากป่าเขาพวกนี้ช่างไม่รู้ธรรมเนียม เหลียวกั๋วกงกล่าวกับเจ้ามากเช่นนี้ ยังเตรียมการให้เจ้าเช่นนี้ ถือว่าให้หน้ามากแล้ว ยังมาถามนี่นั่น ช่างไร้สมองจริง
คนเบื้องหน้าหลายคนล้วนรู้ตัว โขกศีรษะขอบคุณทันที ในเมื่อรับแล้ว ก็ย่อมรีบถอยออกไปเตรียมตัว พวกเขาเองก็งงเหตุใดหวังทงให้ไปรอที่หุบเขาไป๋หลัง ที่นั่นเป็นพื้นที่ติดกันระหว่างจังหวัดฮัมกยองกับเผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซีนับเป็นที่ราบหุบเขา รวมกำลังเหมาะมาก เมื่อก่อนแต่ละเผ่าประชุมกันก็มักมากันที่นี่
“ชาวเผ่าหนี่ว์เจินตอนนี้ยังมีนิสัยบุ่มบ่าม ไร้การอบรม ยังคงมีกำลังไม่น้อย…กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงทางลุ่มน้ำกับทางตะวันตก ต้องใช้คนเหล่านี้มาเป็นผู้คุ้มกันให้มาก…”
หวังทงอยู่ๆ กล่าวขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ย มีคนฟังเข้าใจ หยางซือเฉินยกพู่กันขึ้นจด หม่าซานเปียวกลับงง หวังทงก็ไม่คิดอธิบาย เพียงถามขึ้น
“ทัพม้าเราสองพัน…ล้วนใช้ได้ ทหารม้าต้าถงเจ้าคิดว่าใช้งานได้เท่าไร?”
“ผู้บัญชาการหม่ารู้หนักเบา ครั้งนี้พวกเขาส่งทหารเก่าตระกูลหม่ามาไม่น้อย ทหารม้าสามพันน่าจะมีสองพันที่ใช้งานได้ดี”
หม่าซานเปียวในฐานะหัวหน้ากองกำลังทหารม้า ย่อมกระจ่างในเรื่องเหล่านี้ดี เข้าใจอย่างมาก หวังทงพยักหน้า กล่าวว่า
“ขบวนทัพม้าเราเลือกมาหนึ่งพัน ทหารม้าต้าถงหนึ่งพัน เจ้านำกำลัง ทหารม้าที่เหลือให้เลือกหมากุ้ยจากต้าถงผู้นั้น มาดูแลต่อ ไช่กงกงเตรียมสารส่งไปยังเผ่าหนี่ว์เจิน ว่าทัพใหญ่ต้องการรวมกำลังทหารม้า ‘ผู้กล้า’ ในสี่วันให้พวกเขานำเสบียงและอาวุธไปสมทบที่หุบเขาไป๋หลัง มาช้าไม่รอ ท่านหยาง ไปตามหลี่หู่โถวมาหน่อย!”
พูดไป ๆ พริบตาก็กลายเป็นถ่ายทอดคำสั่ง ทุกคนแม้ว่ารู้สึกกะทันหัน แต่ก็ยังคงรีบทำตามไม่รอช้า ไม่นาน หลี่หู่โถวก็มาถึงในกระโจม ตอนนั้นขุนพลหนุ่มน้อยกลายเป็นชายชาตรีรูปร่างสูงใหญ่แล้ว หน้าตาหล่อเหลามีสง่า เห็นแล้วทำให้คนต้องนึกชม พอคารวะแล้ว หวังทงก็ยิ้มให้เขาเข้ามาใกล้
บนโต๊ะตัวใหญ่พอสมควรปูแผ่นที่เกาหลีอยู่ ประเทศเล็ก ๆ ก็มีประโยชน์แค่ประเทศเล็กๆ แผ่นดินหมิงมิได้มีแผนที่ครบถ้วนทั้งหมด พ่อค้าทะเลกลับรู้พื้นที่เกาหลีดีมาก มีแผนที่ไว้พอสมควร
“หลังจากทั้งกองทัพข้ามแม่น้ำมาแล้ว เจ้ารีบนำกำลังลงใต้ ตั้งทัพที่เปียงยางเป็นหลัก ครั้งนี้รถใหญ่นำไปให้พอ ตลอดทางให้ใช้เสบียงที่นำไป รอเจ้าถึงเปียงยาง ก็จะมีกองเรือจากท้องทะเลนำเสบียงมาให้เจ้า…”
หวังทงวาดนิ้วมือลากจากอี้โจวไปยังเปียงยาง หลี่หู่โถวมองอย่างละเอียด นี่เป็นเรื่องปกติทางการทหาร ไม่ได้มีอันใดแปลก
“เจ้าตั้งทัพที่เปียงยางแล้ว รีบแบ่งทหารไปยังจังหวัดฮัมกยองทางตะวันออก เห็นนี่ไหม ที่นี่ ข้าต้องการให้เจ้าทำก็คือ ในสิบวัน เส้นทางนี้ต้องสร้างแนวป้องกัน เฝ้าคุมเส้นทางคมนาคมไว้ ให้ตัดเส้นทางเหนือใต้ทางบกของเกาหลี เจ้าเตรียมทำเช่นไร?”
หวังทงตอนกล่าว นิ้วก็ชี้ไปที่เปียงยางเป็นจุดสุดท้าย ก่อนจะวนขวา หลี่หู่โถวคิดครู่หนึ่ง พยักหน้ากล่าวว่า
“ขอเพียงเสบียงตามมาทัน ไม่ยาก จัดสามหน่วยไปยังจังหวัดฮัมกยอง ข้าน้อยนำกำลังสี่หน่วยอยู่เปียงยาง รวมกับทหารที่เหลือ เพียงพอปิดทาง”
ตอนนั้นเด็กชายที่ทุกเรื่องล้วน ตอนนี้กลายเป็นขุนพลใหญ่ที่มีความคิดแผนการในใจ หวังทงยิ้มพอใจ
“เจ้าเตรียมจัดส่งผู้ใดไปที่นั่น?”
“ถานปิงหนักแน่น ลี่เทาชำนาญการรบ สองคนร่วมมือกัน ส่งไปเหมาะที่สุด ข้ายังเตรียมให้ทหารราบเมืองจี้โจวเข้าร่วมด้วย เช่นนี้ยิ่งมั่นใจยิ่งมาก!”
หวังทงพยักหน้าพอใจ กล่าวว่า
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จะมอบคำสั่งให้เจ้า รีบออกเดินทาง”
หลี่หู่โถวลังเลครู่หนึ่ง มองทุกคนในกระโจม หวังทงโบกมือกล่าวว่า
“ล้วนคนกันเอง ไม่มีอันใดไม่อาจกล่าว”
“แม่ทัพใหญ่ ข้าน้อยขอล่วงเกิน ข้าน้อยคิดว่า ด้วยกำลังทัพเราไยต้องเสียเวลาสิ้นเปลืองแรงอ้อมไปเช่นนั้น ขอเพียงลงใต้ ปะทะศัตรูก็พอ เกาหลีพื้นที่แคบๆ ทัพใหญ่เราลงไป พวกทหารโจรวัวโค่วย่อมไร้ที่หลบ ได้แต่ต้องรบตัดสินแพ้ชนะกับเรา ทัพใหญ่ปะทะกัน กองกำลังหู่เวยใต้หล้าไร้ศัตรูต้านได้”
“เจ้ากล่าวได้ไม่ผิด พวกเราบีบไป โจรวัวโค่วไร้หนทางถอย แน่นอนต้องต่อสู้ตัดสินแพ้ชนะกับเรา แต่ทว่า ไร้หนทางถอยจริงหรือ?”
หวังทงยิ้มกล่าว ชี้ไปอีกทางของแผนที่เกาหลี วาดวงกลม หลี่หู่โถวเข้าใจทันที หวังทงพยักหน้ากล่าวว่า
“รอพวกเขาไร้ทางถอยจริงๆ ก่อน ตอนนั้นก็จะได้เป็นเวลาตัดสินแพ้ชนะ สำหรับตอนนี้ ต้องจัดการกำจัดคาโตอะไรนั่นที่จังหวัดฮัมกยองก่อน จะได้ไม่ต้องคอยระวัง”
กล่าวจบ หวังทงยกมือตบบ่าหลี่หู่โถว กล่าวว่า
“จังหวัดฮัมกยองเส้นทางนี้ ข้านำกำลังทหารม้าไปตี ทัพใหญ่นี้ก็มอบให้เจ้าคุมไป จำคำข้าไว้ เรื่องสำคัญครั้งนี้ไม่ใช่ยึดพื้นที่ได้เท่าไร แต่สังหารศัตรูได้เท่าไร สำคัญที่อุดเส้นทางหนีไว้ ตอนนี้ลงใต้เร็วไป กลับบีบโจรวัวโค่วมากไป ไม่ได้ผลการรบที่ยิ่งใหญ่เท่าไร เจ้าเข้าใจไหม?”
หลี่หู่โถวก้าวออกมาหนึ่งก้าว ประสานมือคำนับกล่าวว่า
“ขอแม่ทัพใหญ่วางใจ ข้าน้อยจะต้องทำได้”
หวังทงบีบมือแรง ยิ้มกล่าวว่า
“ข้าวางใจเจ้ามาก เจ้าจะต้องทำได้”
กล่าวจบ ทุกคนในกระโจมแม่ทัพพากันหัวเราะขึ้น บรรยากาศผ่อนคลายทันที หลี่หู่โถวหันกลับไปมองแผนที่ หวังทงกลับมองไปทางตะวันตกกล่าวเบาๆ ว่า
“ตอนนี้เรื่องสำคัญอยู่ที่ท้องทะเลแล้ว!”
ตอนที่ 1117 ทหารม้าบุกฮัมกยองลามราวไฟเผา
Ink Stone_Fantasy
จังหวัดฮัมกยองภูเขามาก ใกล้เขาฉางไป๋ซาน ไม่มีพื้นที่ราบ พื้นที่เช่นนี้ ยึดไปก็ไม่มีความหมายใด คาโตนำกำลังบุกราวกับไฟลามแผดเผา ตัดหัวแสดงกำลังเสร็จ จากนั้นก็ถอนทัพกลับไป
ระยะห่างจากเมืองฮัมฮึง จังหวัดฮัมกยองไป 150 ลี้ เป็นที่ตั้งทัพหน้าสุดของโจรวัวโค่ว กองรบสองโจรวัวโค่วสืบข่าว หมู่บ้านเล็กๆ ทิ้งคนไว้ที่หมู่บ้าน 300 กว่าคน
ทางใต้จังหวัดฮัมกยองยังดี มีบ้านใหญ่อยู่เหมือนกัน เมืองฮัมฮึงทางเหนือแถบนี้ล้วนเป็นเขา เป็นที่พักพวกชาวบ้านที่หลบหนีมากับพวกนายพรานล่าสัตว์ ไม่มีรายได้อันใด โจรวัวโค่วพักที่นี่มี่แต่ความลำบาก แม้เป็นกลางเขา การคมนาคมนับว่าสะดวก แต่ก็มีชีวิตไม่สู้กับที่อยู่ในประเทศวัวตน
ตั้งแต่ซามูไรนำทัพจนถึงทหารราบเบื้องหน้า ทุกคนล้วนเอาแต่บ่นไม่พอใจ แต่ไม่มีทางเลือก ผู้ใดให้พวกเขาชาติกำเนิดต่ำต้อย ตำแหน่งเช่นนี้ ย่อมไม่อยู่ในสายตาของตระกูลใหญ่ เสบียงที่ขนมาค่อนข้างย่ำแย่ แต่ก็ยังรับประกันได้ว่ามีกินให้อิ่ม กินดีก็จำต้องเข้าป่าไปหาทางเอง
ทหารราบหลายคนตอนอยู่ประเทศวัวก็พวกนายพรานออกล่าสัตว์บนเขาตามฤดูกาล ซามูไรนำกำลังมา หากคิดกินอาหารมื้อดีมีเนื้อสัตว์ ก็ต้องให้พวกเขาพัก อนุญาตให้พวกเขาออกไปล่าสัตว์ได้
ว่าไปแล้วตอนนี้ใกล้เดือนสี่แล้ว อากาศก็เริ่มอบอุ่นแล้ว ฤดูนี้สัตว์ในภูเขาผอมที่สุด แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรกิน นายพรานพวกนี้จึงได้เข้าไปในภูเขาออก ‘สำรวจ’ ทหารราบล้วนรอคอยอยู่หน้าประตูอย่างใจจดใจจ่อ
แอบได้ยินว่าจังหวัดพยองอันรบกันหนัก แม้แต่เปียงยางก็เสียไปแล้ว แต่ได้ยินว่ากองกำลังหมิงถูกตีพ่ายย่อยยับที่เมืองโซอุลตายไปหมื่นคน ขุนพลถูกตัดหัว แต่ทว่าจังหวัดฮัมกยองยังนับว่าสงบอยู่ กองรบสองยังคงส่งทหารออกไปก่อกวนไม่หยุด ดูท่าแล้วจังหวัดฮัมกยองยังคงปลอดภัย
เพราะเป็นหน่วยทัพแนวหน้า ดังนั้นหน้าประตูกับหอสังเกตการณ์ล้วนมองเห็นปากทางเขา ที่นี่เป็นเส้นทางที่ต้องผ่านหากจะมาจากเหนือลงใต้ผ่านทางหุบเขา
“มีคนออกมาแล้วๆ!”
รอบๆ ยากลำบาก พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องออกไปลาดตระเวน อยู่เฉยๆ ในป้อมก็เท่ากับปฏิบัติงานลาดตระเวนแนวหน้าแล้ว คนที่มองจากที่สูงมองไปทางนั้นก่อนตะโกนดัง ทุกคนล้วนชะเง้อมองตามไป ไม่รู้นายพรานวันนี้นำสัตว์อะไรกลับมา จากปากทางเขามีคนขี่ม้ากันมาหลายคน มองไกลๆ ไม่ชัด เห็นแต่พวกเขาหยุดชะเง้อมองจากปากทางช่องเขา
ทุกทางบนป้อมล้วนมีคนชะโงกหน้าออกไปดู และก็เปลี่ยนสีหน้ารอคอยเป็นแตกตื่นตกใจทันที พวกทหารม้าที่กรูกันออกมาจากช่องเขายิ่งมาก ไหนเลยเป็นนายพรานทหารฝ่ายตนเอง เห็นชัดว่าเป็นศัตรูมาโจมตี
“ศัตรู ศัตรู…”
ทหารโจรวัวโค่วบนหอสังเกตการณ์ตะโกนดังแตกตื่นตกใจ ซามูไรหลายคนวิ่งออกมา มองไปยังทหารม้ากองใหญ่ที่กรูกันออกมาจากช่องเขา สีหน้าซีดเผือด ทหารม้ากองใหญ่เห็นชัดว่ามุ่งตรงมายังที่นี่ ซามูไรผู้หนึ่งสะบัดหัวอย่างแรงก่อนจะตะโกนดัง
“รีบไปรายงานหัวหน้า คนที่เหลือปิดประตูป้อม เตรียมการต่อสู้ๆ!!”
ทหารม้าบุกออกมายิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ทว่าความเร็วการเดินทัพใหญ่ก็ยังคงเป็นปกติ มีแต่ทหารม้าหลายร้อยมุ่งเข้าสืบข่าวในหมู่บ้าน
คาโต คิโยมาสะวันนั้นตลอดเส้นทางกวาดล้างมา ไม่มีแรงต้านทานใด ที่นี่ภูเขาเป็นกำบังธรรมชาติ ดังนั้นการสร้างป้อมก็คือการตั้งค่ายพักทหารธรรมดา ไม่ได้มีความยากโจมตีใด แน่นอนไม่อาจทานกองกำลังทหารม้า
ทหารโจรวัวโค่วในที่สูงได้เห็นกลุ่มทหารม้าที่มากัน ไม่ได้สวมเกราะ เป็นแค่ชุดหนังด้านนอก เสื้อผ้าก็ผ้าธรรมดา ขนม้าก็ไม่ได้ตัดเล็บให้ดี เหมือนพวกโจรโดยแท้ บนหัวยังสวมหมวกหนัง สภาพเช่นนี้แม้โจรวัวโค่วไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ก็เคยได้ยินมาก่อน
“เผ่าอูเหลียงฮา เผ่าอูเหลียงฮา!”
ทหารม้าฝ่ายตรงข้ามเข้าใกล้ป้อมมากพอแล้ว ทุกคนถึงกับมองเห็นชัด ข้างอานม้าของทหารม้าสองสามคนแถวหน้าสุดยังแขวนหัวที่เลือดหยดติ๋ง แม้มองไม่ชัด แต่ก็เหมือนหัวของพวกฝั่งตนที่ออกไปล่าสัตว์
สิ่งก่อสร้างเล็กๆ แค่นี้ ด้านบนแม้แต่ปืนใหญ่วัวโค่วล้วนไม่มี แต่ธนูพอมี ในเวลากระชั้นชิดยังรู้จักน้าวธนูยิงใส่
ทหารม้าที่บุกมาฝีมือขี่ม้ายอดเยี่ยม บนหลังม้ายังเอี้ยวตัวหลบไปมาได้ หลบลูกธนูที่ยิงมาได้ พูดไปแล้ว กลุ่มทหารในป้อมนี้มีมือธนูแค่สิบกว่าเท่านั้น
พอเข้าใกล้แล้ว เหล่าผู้กล้าบนหลังม้าก็น้าวธนูเล็งยิงทันที ทหารโจรวัวโค่วหลายนายบนที่สูงว่ายังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกยิงร่วง ทหารม้าผู้กล้าล้อมวนรอบป้อม ยิงธนูใส่ไม่หยุด ด้านในมีเสียงร้องไห้ดังมาน่าสงสาร ทหารราบหลายนายเตรียมป้องกันบนกำแพงป้อม แต่ถูกธนูยิงบาดเจ็บล้มตาย
ทหารสวมชุดหนังวิ่งวนรอบ ในป้อมเงียบไปมากแล้ว มีคนคิดชะโงกหัวออกมาดู ด้านนอกก็ยิงใส่
ทหารม้าที่ล้อมอยู่เริ่มถอยออก คนด้านในยังไม่ทันได้ผ่อนลมหายใจ ขอเหล็กหลายอันก็ถูกโยนขึ้นมาทางด้านหน้าประตูใหญ่ ขอเหล็กเหล่านี้ล้วนใช้เชือกโยงกับม้า เตรียมพร้อมครู่หนึ่ง ตะโกนดังก่อนม้าสิบกว่าตัวจะเคลื่อนไหวพร้อมกัน ป้อมที่ประตูไม่ได้เตรียมเสริมความแน่นหนาก็เริ่มมีเสียงแยกจากกัน ไม้หลายท่อนถูกแยกออกจากกัน ประตูป้อมฉีกตัวจากกำแพงไม้ร่วง
ประตูป้อมเพิ่งถูกฉีกออกไป ไม่ทันรอให้คนออกมาอุดไว้ ทหารม้าเหล่านี้ก็ตะโกนดังบุกเข้าไป ทหารราบในป้อมพากันลนลานแตกตื่น คนด้านหน้าคนหนึ่งหลบไม่ทัน ถูกกระบองเหล็กแหลมทุบใส่ทันที กระบองเหล็กแหลมนี้เป็นกระบองไม้ท่อนหนาด้านบนมีตะปูตอกไว้ หุ้มด้วยแผ่นเหล็ก ฟาดจากบนหลังม้าลงมา แม้เป็นเกราะหมวกเหล็กก็ล้วนทานไม่อยู่ ไม่ต้องพูดถึงว่าทหารราบเหล่านี้สวมแค่เกราะไม้ไผ่ หัวย่อมถูกตีแตกกระจาย คนอื่นๆ ล้วนตวัดดาบและขวานใหญ่เข้าใส่ ฟันใส่หัวราวกับสับผัก
ขุนพลทหารซามูไรเห็นสถานการณ์เช่นนี้ หนีก็หนีไม่รอด ได้แต่กัดฟันสู้ตาย คว้าดาบออกมาตะโกนบุก ถึงกับล้วนไม่อาจเข้าใกล้ม้าของอีกฝ่าย ก็ถูกธนูคนบนหลังม้ายิงตายไปก่อน
พอปะทะกัน ทหารราบที่แต่เริ่มก็เริ่มตีปะทะมาอย่างราบรื่น พวกเขาตกใจขวัญหนีแล้ว มีคนไม่สนใจอันใดหนีออกไป มีคนทิ้งอาวุธไปคุกเข่าขอยอมจำนนที่มุมหนึ่ง
ไหนเลยจะหนีได้ ไหนเลยจะยอมจำนนได้ คนที่ยอมจำนนคุกเข่า ก็แค่ให้ทำให้มุมสังหารทหารชุดหนังบนหลังม้านั้นวาดวงกว้างขึ้นสังหารทิ้งหมดไม่มีเหลือเช่นกัน คิดหนี ทหารม้าด้านหน้ายังเคลื่อนไหวอยู่ มีดวงดีอันใดที่จะเป็นปลารอดจากแหนี้ไปได้
*************
“ถุยๆ พวกนอกด่านเร็วกันจริง ใกล้กวาดล้างหมดแล้วสิ!”
ขุนพลทหารขบวนทัพม้าหม่าซานเปียวอารักขาหวังทง ตลอดทางมาก็เข้ากวาดล้างปะทะตามหมู่บ้าน ด้านในเช่นไร คนเหล่านี้ผ่านสนามรบมามากไม่สนใจ พวกเขาล้วนกำลังคำนวณเวลา ไม่นาน ก็มีพวกหนึ่งถือหัววิ่งออกมา เปื้อนเลือดตามตัวไม่น้อย เห็นชัดว่าสังหารราบแล้ว
“ม่อรื่อเกิน ปาถูอยู่กันครบ เจ้าเรียกพวกนอกด่านได้อย่างไรกัน!”
หวังทงตำหนิ หม่าซานเปียวไม่สนใจ ยิ้มแหะๆ กล่าวว่า
“ปกติข้าก็เรียกเช่นนี้ ตอนดื่มสุรา เจ้าสองคนนี่ยังเรียกตัวเองเช่นนี้!”
ทุกคนล้วนหัวเราะดัง ไม่สนใจก็คือไม่สนใจ หวังทงกล่าวต่อแบบไม่สนใจเท่าไร ที่ที่เขาตั้งใจดูก็คือการต่อสู้บนเขา เขากล่าวว่า
“ดิบเถื่อน ประเด็นคือความดิบเถื่อน มีสิ่งนี้ แม้ว่าไม่ได้รับการฝึกซ้อมอย่างเป็นการเป็นงาน ก็ย่อมทำให้พวกเขาเป็นนักรบที่แข็งแกร่งได้”
“แม่ทัพใหญ่ ไม่อาจกล่าวว่าไร้การฝึกซ้อม ชาวเผ่าหนี่ว์เจินยังไม่ทันหน้าใบไม้ผลิหน้าหนาว ก็รวมตัวกันออกล่าจับปลาแล้ว นี่ก็เป็นการฝึกเช่นกัน”
ตอนนั้นชื่อเฮยที่คอยเลี้ยงม้าให้หวังทง ตอนนี้เป็นขุนพลระดับสี่แล้ว ยังมีตำแหน่งขุนพลหน่วยจู่โจม แต่ทว่าชายมองโกลตอนนั้น ตอนนี้ใกล้ห้าสิบแล้ว อายุมากก็สุขุมมากแล้ว พอเขากล่าวจบ หวังทงพยักหน้า
“แม่ทัพใหญ่ มีโจรวัวโค่วสามคนหนีไปรายงานข่าว ต้องตามหรือไม่”
ทหารม้าทหารติดตามหนุ่มผู้หนึ่งเข้ามารายงาน เป็นปัวอิงแห่งตระกูลปัว หวังทงส่ายหน้า ยิ้มกล่าวว่า
“เหตุใดต้องไล่ตาม ให้พวกเขาบอกว่าผู้ใดคือคาโต คาโตหนีไปย่อมปะทะกับกองกำลังหู่โถว หากไม่หนีก็ต้องรวมกำลังทหาร ก็พอดีสะดวกเราโจมตี”
ได้ยินหวังทงกล่าวเช่นนี้ ทุกคนล้วนยิ้มตาม มีชาวเผ่าหนี่ว์เจินหนวดเคราขาวเป็นหย่อมเดินม้ามาพร้อมชายหนุ่มอารักขาหลายคน ทุกคนล้วนหยุด หวังทงโบกมือให้พวกเขาไปดูแลจัดการตามจุดต่างๆ ชายชราผู้นั้นมาด้านหน้าลงจากม้าคำนับ หวังทงยิ้ม กล่าวว่า
“ซูหลี่ไห่เจ้าอายุมากแล้ว ไม่ต้องลำบากเช่นนี้ กล่าวบนม้าก็ได้ หัวและเงินทองได้ไปแล้วใช่ไหม?”
ชายชราผู้นั้นรู้ว่าควรทำตัวเช่นไรมาก ท่าทางเขาเองก็ดูแข็งแรง ลงจากม้าตามธรรมเนียมโขกศีรษะ จากนั้นกล่าวว่า
“แม่ทัพใหญ่ช่างเมตตา นำพวกเรามาแก้แค้นก็ถือเป็นคุณราวขุนเขาแล้ว ให้พวกข้าน้อยได้มีเงินทองอีก ช่างไม่รู้จะขอบคุณเช่นไร”
หวังทงบนหลังม้ายิ้ม กล่าวว่า
“ตัดหัวได้เป็นความชอบทางการทหาร ควรทำเช่นไรก็ทำเช่นนั้น คนของเจ้ากล้าหาญ ก็มีผลตอบแทนในความกล้าหาญ”
“แม่ทัพใหญ่ เห็นพวกเขากล้าหาญ ไม่สู้ให้พวกเขาวันหน้าติดตามแม่ทัพใหญ่เป็นอย่างไร?”
วาจาซูหลี่ไห่เบื้องหน้ากล่าวได้ตรงไปตรงมา รู้จักตามน้ำ หวังทงอึ้งไป จ้องมองซูหลี่ไห่ ก่อนจะยิ้ม ถามขึ้น
“รบกันย่อมมีบาดเจ็บล้มตาย จะว่าไปแล้วเดิมรวมกันอญ฿ที่นี่ หากต้องมาจากกันไป เจ้าปล่อยทิ้งได้ลงหรือ?”
ซูหลี่ไห่มีตำแหน่งดังผู้บัญชาการ ที่ไห่ซีพวกเขานี้ได้รับการยกย่องอย่างสูง พูดให้ถูกคือเป็นอันดับหนึ่งในพื้นที่ กล่าวอันใดก็มักเป็นดังตัวแทนของคนในพื้นที่ ซูหลี่ไห่ถอนหายใจกล่าวว่า
“มีอันใดทิ้งไม่ได้ เด็กๆ พวกนี้เมื่อก่อนได้แต่อุดอู้กันอยู่ที่นี่ ไม่เคยเห็นโลก ตอนนี้ได้เงินทองมามาก รู้ว่าโลกกว้างใหญ่ ล้วนคิดอยากออกไปเผชิญโลกสักครา ข้าน้อยเองไม่อยากขวาง ที่จริงกล่าวกับแม่ทัพใหญ่ไม่ปิดบัง หากข้าน้อยอายุน้อยกว่านี้อีกสิบปียี่สิบปีก็คิดจะออกไปเปิดโลกกว้างเช่นกัน”
หวังทงพยักหน้า กล่าวว่า
“ยากที่เจ้ามองโลกได้กระจ่างเช่นนี้ คนเผ่าเจ้ามีคนเช่นเจ้า นับเป็นวาสนายิ่ง!!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น