องครักษ์เสื้อแพร 1113-1115

 ตอนที่ 1113 เห็นภาพในใจ

Ink Stone_Fantasy

เดือนสอง ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 21 ผู้บัญชาการเมืองเซวียนฝู่หลี่หรูซง ผู้บัญชาการเหลียวซีหลี่หรูป๋อนำทัพตีเปียงยางหลังสร้างความชอบกลับไม่ฟังคำสั่งการ นำทัพเองเจ็ดพันบุกเมืองโซอุล ณ  ระยะห่างจากเมืองโซอุล 20 ลี้ที่ปี้ถีก่วนปะทะกับทัพใหญ่โจรวัวโค่ว  สองฝ่ายสู้กันวันหนึ่ง กองกำลังหมิงพ่ายแพ้เสียทหารม้าไปสองพัน สังหารตัดหัวโจรวัวโค่วได้เจ็ดพัน ขุนพลโจรวัวโค่วเกือบร้อย


ผู้บัญชาการเมืองเซวียนฝู่หลี่หรูซงตอนถอนกำลังถูกปืนใหญ่โจรวัวโค่วยิงร่วงจากหลังม้า กระดูกขาหัก ดีที่ทหารติดตามพลีชีพเข้าช่วย หนีกันมาทุลักทุเล กลับมารักษาตัวที่เปียงยาง


หลังศึกนี้ โจรวัวโค่วก็ประกาศชัย โอ้อวดว่าขุนพลทหารกองกำลังหมิงสองร้อยกว่า ทหารม้ากองกำลังหมิงสามพันกว่า สูญสิ้นราบคาบ หลี่หรูซงยังถูกธนูยิงตาย ตายไปทั้งหมดรวมสองพัน


ก่อนการรบ กองกำลังหมิงคุมจังหวัดพยองอัน กองหน้าไปยังจังหวัดฮวังแฮ แต่หลังการรบนี้ กองกำลังหมิงถอยกลับแม่น้ำแทดอง ใช้เมืองเปียงยางเป็นจุดรักษาการณ์ โจรวัวโค่วบุกเข้ามาทางใต้จังหวัดพยองอัน โจรวัวโค่วกองรบสองของคาโต คิโยมาสะที่จังหวัดฮัมกยองจากตะวันออกเข้าก่อกวนยังฝั่งตะวันตกไม่หยุด ตอนนี้กองกำลังหมิงในจังหวัดพยองอันได้แต่รักษาแนวติดทะเลทางตะวันตกไว้ ที่โชคดีเรื่องเดียวก็คือ เส้นทางยังไม่ตัดขาด การรักษาเปียงยางยังนับว่ามั่นคง


ตอนนั้นผู้บัญชาการทหารเมืองเหลียวโจวหลี่เฉิงเหลียงที่รู้ข่าวพ่ายแพ้ในนาทีแรก ตอนนั้นเขายังว่าข่าวไม่แม่นยำ ข่าวลือว่าหลี่หรูซงตาย หลี่หรูป๋อเจ็บหนัก ทุกคนในจวนหลี่เฉิงเหลียงพากันเป็นลม พอตื่นมา วาจากับการกระทำล้วนสับสน


ข่าวไปถึงเมืองหลวงอย่างรวดเร็วเช่นกัน เสียงที่คอยสนับสนุนตระกูลหลี่ล้วนเงียบกริบ ฮ่องเต้ว่านลี่ทรงกริ้วหนักมาก


หากไม่ใช่หวังทงยื่นฎีกาขออภัยโทษให้ตระกูลหลี่  ยังอ้างว่าไม่อาจเปลี่ยนแม่ทัพยามศึก หาไม่แล้วเมืองเปียงยางเกรงว่าไม่มั่น จึงได้ทำให้ตระกูลหลี่พ้นผิดถูกจองจำได้ แต่ไม่ต้องคนรู้มากยามนี้ย่อมรู้ได้ ผู้บัญชาการเมืองเซวียนฝู่กับผู้บัญชาการเหลียวซี สองตำแหน่งนี้หลังศึกนี้ย่อมรักษาไว้ไม่ได้ ขุนพลตระกูลหลี่ชื่อเสียงโด่งดังแห่งยุค ย่อมสูญสลายสิ้นไปเช่นนี้เอง


ที่ทำให้ฮ่องเต้ว่านลี่กริ้วหนักไม่เพียงแค่ตระกูลหลี่คิดแต่ตนเองไม่สนใจส่วนรวม แต่ความพ่ายแพ้นี้ยังทำให้แต่ไรมั่นใจเต็มเปี่ยมนั่นหดหาย พวกมากอำนาจวาสนาเตรียมหาความชอบจากการศึกนี้พากันเป็นห่วง และลำบากใจ ทหารม้าเมืองเหลียวโจวเก่งกล้าเพียงนั้นยังพ่ายแพ้ราบคาบเช่นนี้ หวังทงนำกำลังทัพใหญ่จะราบรื่นดีหรือ?


ก่อนออกศึก ที่คนสนใจที่สุดก็คือกำลังใจและคำวิจารณ์ ตระกูลหลี่คิดการพลการเช่นนี้เท่ากับทำลายขวัญทหาร นี่ยิ่งทำให้เงาดำยิ่งปกคลุม


ฮ่องเต้ว่านลี่ตอนนี้ทำอันใดได้ไม่มากนัก ได้แต่ส่งคนไปปลอบขวัญที่อี้โจว ขณะเดียวกันยังเน้นย้ำกับขุนพลทหารทุกหน่วย ต้องฟังการจัดการระเบียบเหลียวกั๋วกง


***************


เทียบกับความวุ่นวายในเมืองหลวง เหลียวซีเงียบเหงาเศร้าสลดมาก  อี้โจวในและนอกเมืองเงียบมาก หวังทงนำกำลังทัพใหญ่มาพักได้สิบกว่าวันแล้ว


อี้โจวแห่งนี้อยู่รวมหลายเผ่า ชาวฮั่น มองโกล เผ่าหนี่ว์เจิน เกาหลีล้วนมี พวกเขาเห็นทัพใหญ่ข้ามมามากจนชิน แต่ที่ค่อนข้างทำให้พวกเขาแปลกใจก็คือ ครั้งนี้ทัพใหญ่เหมือนว่าไม่เหมือนครั้งก่อน ระเบียบวินัยเข้มงวดอย่างคาดไม่ถึง ทหารมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นทหารเก่งกล้า แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีโอ้อวดจองหอง หากฝึกกันเรียบร้อยในค่าย แต่ไรไม่เคยวุ่นวาย


กองทัพใหญ่เพียงนี้  หวังทงคัดเลือกอาวุธและจัดระเบียบเรียบร้อย ทุกวันสิ้นเปลืองมาก แต่เสบียงนับว่ายังเพียงพอ


รถม้าสี่ล้อม้าลากสี่ตัวนำเสบียงมาแก้ไขสถานการณ์ได้ไม่ว่า สำคัญก็คือ ซุนโส่วเหลียนแต่ไรเพื่อการค้าตน ยังได้ซ่อมเส้นทางนอกกำแพงเมืองมาถึงเหลียวหนาน เสบียงที่ได้จากโรงบ้านในเจี้ยนโจวกับไห่ซีและโรงบ้านเผ่าหนี่ว์เจินในพื้นที่ก็ล้วนขนส่งมาขายบนเส้นทางเหล่านี้ได้สะดวก


ราชสำนักจ่ายเงินมา  เหลียวหนิงเองก็มีสะสมไม่น้อย เงินทองก็มี เกลือกับของจำเป็นไม่ขาด เสบียงอย่างไรก็มีกิน


แต่สถานการณ์ยามนี้ไม่ใช่มากไปกว่าตอนตระกูลหลี่มาขอเสบียงเท่าไร กองทัพที่อี้โจวสะสมเสบียงไม่ขาด แต่ก็ใช้ไม่ขาด เสบียงเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไว้ให้ทัพใหญ่ เปียงยางทางนั้นก็ยังต้องขนไปอีก


ระหว่างจังหวัดฮัมกยองกับจังหวัดพยองอันการคมนาคมไม่ดีนัก ดังนั้นโจรวัวโค่วกองรบสองคาโตจึงไม่ค่อยได้มาก่อกวน แต่ระวังไว้ก่อน กองกำลังคุมเสบียงล้วนปรับเปลี่ยนหมุนเวียน หวังทงจัดหน่วยหนึ่งถึงหน่วยเจ็ด ผลัดกันนำเสบียงไปส่ง  ยังมีทหารม้าติดตามห้าร้อย


ต้องให้หัวหน้ากองกำลังหู่เวยทุกหน่วยคุ้นชินกับพื้นที่เกาหลี  เพื่อเข้าสู่ภาวะสงครามให้เร็วที่สุด เทียบกับพวกหวังทงที่นิ่งสุขุมแล้ว ยามนี้สวีกว่างกั๋วที่เป็นขุนนางบุ๋นคุมกำลังร้อนใจยิ่ง


ผู้ว่าการมณฑลเหลียวหนิงสวีกว่างกั๋วรู้สถานะตัวเองดีมาก เขาไม่ได้มาคุม แต่มาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ทัพใหญ่ เป็นหัวหน้าคุมงานเสบียงกองทัพ เขาร้อนใจราวกับมดในหม้อร้อน มีเสบียงพอแค่สิบห้าวันเช่นนี้เรียกได้ว่าน้อยมาก


ตอนนี้ทั้งเหลียวหนิง รถม้าที่ใช้ได้ก็ถูกสวีกว่างกั๋วระดมมาหมด เสบียงแต่ละแห่งก็มาไม่ขาด แต่การสะสมเสบียงก็ไม่ได้ดีขึ้น สวีกว่างกั๋วหาทางออกไม่ได้สักที สุดท้ายก็ได้แต่ไปพบหวังทง


ในเมืองอี้โจวเพราะมีพระราชาเกาหลีประทับ  จึงมีบ้านหลังใหญ่สร้างหลายหลัง ว่ากันว่าคนระดับหวังทงเช่นนี้จะมา สถานะความจริงนั้นสูงยิ่งกว่าพระราชาซอนโจเกาหลี ก็ควรได้อยู่ในเมือง แต่ทว่าหวังทงกลับพักกลางกระโจมแม่ทัพกลางค่าย ทุกอย่างปฏิบัติเหมือนยามออกศึก


สวีกว่างกั๋วเคยมาหลายครั้ง เพราะเขาเองก็นับเป็นคนเหลียวกั๋วกง ดังนั้นหลายเรื่องจึงไม่ต้องปิดบัง สวีกว่างกั๋วมักเห็นพวกพ่อค้าเร่หลายจำพวกเข้าออก  เริ่มทำให้เขาแปลกใจ กระโจมแม่ทัพควรเป็นที่ต้องห้ามที่สุด เหตุใดจึงให้คนเหล่านี้เข้าๆ ออกๆ


ต่อมาสวีกว่างกั๋วจึงค่อยเข้าใจ สายพวกนี้ล้วนส่งไปในเกาหลี แผ่นดินหมิงกับเกาหลีมักมีราษฎรไปมาทำการค้า แต่ไรมาแม้แต่ยามสงครามก็ไม่ได้หยุดการค้า อาศัยพวกนี้สืบข่าวได้พอดี


ด้านในรายงาน ตอนสวีกว่างกั๋วก้าวเข้าไปก็เห็นขุนพลทหารเกาหลีเดินออกไป  น่าจะเป็นสายสืบข่าว


ตอนคารวะเห็นสีหน้าหวังทงไม่ดีนัก สวีกว่างกั๋วไม่กล้าถาม หวังทงเพียงแสดงท่าทางบอกให้เขานั่งลง กล่าวว่า


“รู้ภาษาญี่ปุ่น…ไม่ คนรู้ภาษาวัวโค่วน้อยมาก คนรู้ก็ปะปนเข้าที่นั่นไปไม่ได้ ข่าวที่สืบมาก็ดูสับสนมาก มักไม่อาจเอาจริงเอาจัง วันนี้ท่านมามีธุระใด?”


“กั๋วกง ครั้งนี้ข้าน้อยมา ยังคิดว่าเพื่อสะสมเสบียง ตอนนี้คิดให้เต็มที่แล้ว อย่างมากก็ได้เสบียงสิบแปดวัน ข้าน้อยไร้สามารถ เสียโอกาสออกศึก เรื่องนี้…”


มาถึงประเด็นนี้ หวังทงเพียงส่ายหน้า ยิ้มกล่าวว่า


“มีหลายเรื่องมาก มีบางเรื่องไม่อาจดูแลทั่วถึง เรือใช้ข้ามน้ำ เจ้าดูแลการต่อไปถึงไหนแล้ว?”


เปลี่ยนหัวข้อสนทนา สวีกว่างกั๋วรีบตอบว่า


“น้ำในแม่น้ำละลาย บนผืนน้ำไม่มีแผ่นน้ำแข็งมากเท่าไรแล้ว เรือจะแล่นได้แล้ว ย่อมไม่เสียเวลาทัพใหญ่ข้ามแม่น้ำ”


หวังทงพยักหน้า ยิ้มกล่าวว่า


“ในเมื่อแม่น้ำยาลูล้วนน้ำแข็งละลายแล้ว ท้องทะเลก็แล่นเรือได้แล้วกระมัง!?”


สวีกว่างกั๋วไม่ไม่เหมือนพวกที่เอาแต่ยึดตำรา เขามีความเข้าใจในความเป็นจริงพวกนี้มาก จึงได้ยิ้ม ตอบว่า


“น้ำแข็งล้วนละลายแล้ว ท้องทะเลก็น่าจะละลายนานแล้ว”


หวังทงยิ้ม พิงพนักเก้าอี้กล่าวอย่างสบายอารมณ์ว่า


“ในเมื่อบนท้องทะเลเดินเรือได้แล้ว เจ้าก็ไม่ต้องร้อนใจเรื่องจัดหาเสบียงอีกแล้ว”


กล่าวจบ สวีกว่างกั๋วฟังแล้วก็สองตาเป็นประกาย เอ่ยถามขึ้น


“กั๋วกง หรือว่าจะขนเสบียงมาทางทะเล”


เห็นหวังทงพยักหน้า สวีกว่างกั๋วอดตบมือไม่ได้ ชมว่า


“หากเป็นเช่นนี้ ข้าน้อยก็คงไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว ทัพใหญ่ออกศึก เสบียงสามารถส่งมาขึ้นท่าทะเลได้ ยิ่งสะดวก!”


“เจ้าก็คิดต่อได้เองนี่นะ”


ในกระโจมแม่ทัพบรรยากาศผ่อนคลายลงทันที ขนเสบียงมาทางทะเล เรือบรรทุกได้มากไม่ว่า  ยังใช้แรงงานคนไมมาก  แรงงานสัตว์ไม่ต้องใช้ เทียบกับการขนมาทางบกในตอนนี้แล้ว ไม่รู้สะดวกกว่ากันเท่าไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพื้นที่เกาหลีนี่ยิ่งสะดวกและเหมาะมาก


เกาหลีเป็นเกาะยาว ทัพใหญ่ออกศึก เรือทะเลต้องขนเสบียงอาหารมายังเมืองท่าริมทะเล จากเมืองท่าค่อยขนไปส่งทัพใหญ่ เช่นนี้ก็จะประหยัดแรงงานคนและสัตว์ ความสิ้นเปลืองก็น้อยลงไปมาก ประสิทธิภาพไม่รู้เพิ่มขึ้นเท่าไร


เมื่อก่อนเมืองเหลียวโจว สะสมเสบียงไม่ดีนัก บางครั้งยังขาดแคลน ตอนนี้จากซานตงขนมาเหลียวตง แต่ทว่าเหลียวตงกว้างใหญ่ เรือซานตงขนมาไม่พอ เรื่องขนเสบียงไม่ได้ราบรื่นดังคิด แต่ตอนนี้ กลับไม่น่าเป็นห่วง แต่ไรมาการขนส่งทางทะเลระหว่างเหลียวหนิงกับเทียนจินรุ่งเรือง เอาเรือมาขนเสบียง จากนั้นนำสินค้าที่นี่กลับไป เชื่อว่ามีคนอยากเข้าร่วมการขนเสบียงมาก ตามการคาดเดาของสวีกว่างกั๋ว หวังทงย่อมนัดแนะกับบรรดาพ่อค้าท้องทะเลแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง


แก้ปัญหายากไปแล้ว หวังทงเงียบไปครู่หนึ่งกล่าวว่า


“สถานการณ์ตอนนี้ ในยี่สิบวันนี้ เมืองเปียงยางอย่างน้อยยังมีหน่วยกองกำลังหลวงเฝ้าไว้ รวมกับกำลังทหารเมืองเซวียนฝู่กับเหลียวซี เฝ้าที่นี่ได้ไม่มีปัญหา แต่ทว่าจังหวัดพยองอันทั้งหมดไม่แน่ว่าจะสงบ ดังนั้นต้องรีบข้ามแม่น้ำไป ไปตั้งค่ายอีกฝั่งแม่น้ำยาลู เรือกับการขนเสบียง เจ้ารีบไปจัดการ!”


สวีกว่างกั๋วรีบลุกขึ้นรับคำ เดิมทีหารือเรื่องเสบียง คิดไม่ถึงสงคราใหญ่ใกล้เริ่มแล้ว  หวังทงใกล้จะต้องนำกำลังทัพใหญ่เข้าสู่เกาหลีแล้ว จากนี้คงมีเรื่องให้ยุ่งอีกมาก


ขณะพูดอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงเอะอะด้านนอก มีทหารติดตามด้านนอกกระโจมเข้ามารายงานว่า


“แม่ทัพใหญ่ รถม้าผู้บัญชาการเมืองเซวียนฝู่ใต้เท้าหลี่มาถึงแล้ว”


สวีกว่างกั๋วมองไปยังหวังทงอย่างแปลกใจ หวังทงถอนหายใจ ยืนขึ้นส่ายหน้ากล่าวว่า


“เขาบาดเจ็บหนัก ที่เปียงยางขาดยา เกรงว่าอาจทำให้เสียชีวิตได้ อย่างไรก็ส่งคนไปนำกลับมารักษาตัวดีกว่า!”


“กั๋วกง ตระกูลหลี่มีความผิดฝ่าฝืนคำสั่ง…”


หวังทงเงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า


“ไม่ว่าอย่างไรก็ปะทะกับโจรวัวโค่วได้รับบาดเจ็บมา มีความจงรักภักดี ข้าย่อมไม่เอาเรื่องคนตระกูลหลี่”


ตอนที่ 1114 เสียงกลองดัง

Ink Stone_Fantasy

ทหารเมืองเซวียนฝู่และเหลียวซีกลับมาถึงแม่น้ำยาลูฝั่งข้างแผ่นดินหมิง ท่าทางก็มิได้หวาดกลัวสนามรบอันใด วินัยทหารก็ส่วนวินัยทหาร แพ้ก็ส่วนแพ้ แต่อย่างไรพวกตนก็ได้รบปะทะกับโจรวัวโค่วผ่านความเป็นความตายมาจริง เลือดเปื้อนเต็มตัวกลับมา อย่างไรวันแรกก็ยังคงมีอารมณ์หยอกล้อกันอยู่ เล่าว่าต้องการพาพี่น้องทหารด้วยกันตีเข้าเมืองโซอุลไปนอนกับสาวๆ เกาหลี  วันที่สองก็ถูกปืนใหญ่โจรวัวโค่ว พวกเราล้วนชายชาตรี


แต่ทว่าแม่น้ำยาลูฝั่งแผ่นดินหมิงเห็นค่ายทหารกองกำลังหลวง  ได้เห็นทหารกองกำลังหลวงเข้าออก  แต่ละคนก็ล้วนอดตกใจไม่ได้ หากเป็นกองกำลังเช่นนี้ไปเมืองโซอุล ตอนนี้ใช่ว่าเข้าเมืองไปได้แล้วหรือ?


แต่ละคนล้วนมีความคิดเช่นไรไม่กล่าวถึง แต่ทุกคนล้วนหมดเรี่ยวแรงเป็นความจริงแท้ ทางเปียงยางนั้น  หลี่หรูป๋อกับหลี่หรูเหมยที่เดิมเคยเสียงดังพูดจาใหญ่โตตอนนี้ล้วนเงียบ ทั้งวันเอาแต่เร่งซ่อมกำแพงเมือง เตรียมการป้องกัน  เดิมที่ไม่เคยสนใจเรื่องการป้องกัน หันมาทำได้ดี ทหารทุกกองที่ส่งไปล้วนกำชับกำชาอย่างดี  กลัวว่าอย่าบุกเข้าใกล้เกินไป เมื่อก่อนพวกชายชาตรีตระกูลหลี่เป็นอย่างไรน่ะหรือ ย่อมเป็นทุกวันอดไม่ได้อยากจะขี่ม้าบุกเข้าไปพันลี้ สังหารพวกศัตรูสร้างความชอบ การกลับตาลปัตรนี้มากเกินไปจริงๆ


การทำทุกอย่างให้มั่นใจไว้ก่อนก็เพื่อผลประโยชน์ทุกคน แต่การเปลี่ยนแปลงกะทันหันหน้าหลังเช่นนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัดใจ สำหรับหลี่หรูซง คุณชายใหญ่ตระกูลหลี่ เดิมตอนอยู่เมืองเหลียวโจวไม่ได้ต่างอันใดกับน้องชายทั้งสองคน วันๆ ดูแต่งิ้ว นำสุนัขและอินทรีออกล่าสัตว์เล่น คิดแต่เป็นแม่ทัพมีชื่อ แต่พอกลับมาก็สุขุมลงมาก ทำอะไรก็ล้วนระมัดระวัง หากไม่ใช่นายท่านใหญ่บ้าคลั่ง ทุกคนจะย่อยยับเช่นนี้ได้อย่างไร


แต่ไปเมืองโซอุลแล้ว ถูกโจรวัวโค่วมากมายเช่นนั้นล้อมกรอบที่ปี้ถีก่วน หากไม่ใช่หลี่หรูซงบุกฝ่าออกมา จนสุดท้ายสามารถนำทหารติดตามฝ่าทัพใหญ่โจรวัวโค่วผ่านปืนใหญ่ออกมาได้ พี่น้องจะกลับจากปี้ถีก่วนได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ได้  แต่ผู้มีจิตใจหนักแน่นราวหินผาเช่นนี้ ตอนนี้ขาพิการไปข้างหนึ่ง คนทั้งคนก็ราวไร้ความรู้สึก


ตลอดทางจากเปียงยางคุ้มกันมายังอี้โจว หลี่หรูซงเอาแต่นิ่งเงียบ ข้าวกินได้น้อย ทุกวันนั่งเงียบอยู่ในรถใหญ่ ทำเอาทุกคนในใจอึดอัดตามไปด้วย  ความอึดอัดยากทนรับไหว  ทหารที่คุ้มกันขอยอมกลับไปสู้ตายกับโจรวัวโค่วดีกว่า  ไม่อยากมาติดตามในสภาพเช่นนี้เลย


คุ้มกันมาถึงอี้โจว ทุกคนไปเชิญหมอในกองทัพมาดูอาการ เสร็จงานคุ้มกันนี้แล้ว กลับมา มีคนออกจากค่าย ขี่ม้าไปไม่ใช่ไปเกาหลี หากกลับไปบ้านตน มีคนรีบกลับไปเกาหลี พี่น้องที่นั่น ล้วนยันกำลังไว้สุดชีวิต ตนเองไปช่วยด้วยคุณธรรมในใจ


ราชโองการราชสำนักมาถึงอี้โจว ตำแหน่งหลี่หรูซงยังอยู่ แต่ทว่าผู้ใดล้วนรู้ว่าคงรักษาไว้ได้อีกไม่นาน  ขุนพลสูญอำนาจเช่นนี้ แม้แต่หมอสนามรบก็ไม่อยากจะตั้งใจรักษา มาดูคร่าวๆ แล้วก็กล่าวเพียงว่าไม่ตาย แล้วก็ออกยุ่งเรื่องอื่นแทน


ทหารติดตามหลี่หรูซงไม่ตายที่ปี้ถีก่วนก็ทิ้งไว้ที่เปียงยาง  สิบกว่าคนที่ติดตามมาล้วนโมโหทันที ทนรับไหวได้อย่างไร   หากมีคนอายุมากกว่าเข้ามาปลอบใจ บอกว่าไม่แน่ว่าเป็นเจตนาของหมอเช่นนี้ ไม่แน่เป็นเหลียวกั๋วกง ตอนนี้ทุกคนไม่เหมือนเมื่อก่อน อย่างไรก็สงบเสงี่ยมไว้หน่อยดีกว่า


ในเรื่องพวกนี้ ท่าทีหลี่หรูซงยังคงนิ่งเงียบ ราวกับไร้วาจา เหมือนว่าหูหนวกตาบอดไปแล้ว ไร้ปฏิกิริยา


คิดไม่ถึงเลยว่า หลังหมอในกองทัพมาตรวจอาการ ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ถึงกับวิ่งกลับมา นำลูกศิษย์มาสองสามคน รีบทำการรักษาปรุงยาขมีขมันทันที ให้ทุกคนพากันงง


หลังอาหารกลางวัน พวกหลี่หรูซงจึงได้เข้าใจ เหตุใดหมอสนามจึงมีท่าทีเปลี่ยนหน้ามือหลังมือ ที่แท้เป็นเหลียวกั๋วกงจะมาเยี่ยมผู้บัญชาการหลี่ เรื่องอื่นไม่ว่า ท่าทีเช่นนี้บอกได้หลายสิ่ง คนอื่นๆ จะเพิกเฉยไม่ตั้งใจทำงานได้อย่างไร


ได้ยินข่าวนี้แล้ว พวกตระกูลหลี่ที่เดิมไม่สนใจอันใดก็เริ่มละอายใจ เดิมทีครั้งนี้ออกศึกไม่เกี่ยวอันใดกับพวกเขา  เป็นหวังทงยื่นฎีกาให้หลี่หรูซงนำทัพหน้า  ตนเองเพื่อแย่งความชอบถึงกับทำให้สูญเสียไปมากเช่นนี้ แต่เหลียวกั๋วกงก็ยังปฏิบัติตอบด้วยคุณธรรมเช่นนี้


หลังจากกลับจากเปียงยาง  หรูซงทีเอาแต่นิ่งเบื้อไม่พูดก็ยันกายขึ้นมา ให้ลูกน้องมาแต่งตัวหวีผมให้เรียบร้อย


คนที่มาเป็นระดับสูง นอกจากพวกที่ต้องเฝ้าเหลียวหยางอย่างขันทีเฉินจวี่แล้ว เหลียวกั๋วกงหวังทง รองขันทีคุมกำลังไช่หนาน ผู้ว่าการมณฑลเหลียวหนิงสวีกว่างกั๋วล้วนมาถึง  นี่เรียกว่าแทบเป็นตัวจริงระดับแนวหน้ากองทัพนี้


คนที่มาหลายคนนี้เมื่อก่อนล้วนเคยพบหลี่หรูซง ไม่ว่าตอนไหนที่ได้พบ หลี่หรูซงล้วนสง่างาม แต่วันนี้ได้พบ ท่าทางอิดโรย  ไหนเลยมีสภาพแม่ทัพ นั่งอยู่ได้ด้วยสองมือยันไว้ หลายคนล้วนได้แต่ทอดถอนใจ


“อี้โจวที่นี่ไม่ใช่ที่ดูแลผู้ป่วย ตอนนี้อากาศอบอุ่นแล้ว รถใหญ่ไปช้าๆ ก็จะไม่ส่งผลต่อบาดแผล อย่างไรก็กลับเหลียวหยางไปรักษาตัวดี ๆ ก่อน ตระกูลพวกเจ้ายังต้องการเจ้าดูแล”


หวังทงวาจานี้กล่าวจนทำให้หลี่หรูซงเริ่มหันมาสนใจ พอได้ยิน ทหารติดตามในห้องหลี่หรูซงล้วนถอนหายใจ กลับเป็นหลี่หรูซงที่ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาตื่นเต้นอันใด ได้แต่ดูงงและเหม่อลอย  ตอบขอบคุณเรียบๆ


บรรยากาศเช่นนี้ พวกหวังทงก็ไม่อยากอยู่นานนัก ถามอาการพอควรแล้ว ก็บอกว่าต้องการอันใดขอให้เอ่ยปาก ล้วนมีคนจัดให้ตามความต้องการ เตรียมตัวเดินทางได้แล้ว


พอถึงหน้าประตู หลี่หรูซงที่เงียบมาตลอด อยู่ๆ ก็เอ่ยขึ้น


“กั๋วกง วันหน้าท่านจะจัดการตระกูลหลี่อย่างไร?”


หวังทงเดินไปถึงประตูหันมามองอย่างแปลกใจ ในห้องทหารติดตามตระกูลหลี่ล้วนรีบก้มหน้า ในใจแอบก่นด่า ล้วนมาถึงขั้นนี้แล้ว ไยต้องไปหาเรื่องหวังทงให้รำคาญใจอีก หวังทงเงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า


“มีเพียงฝ่าบาทที่จะจัดการพวกเจ้าตระกูลหลี่ ข้าทำอันใดไม่ได้…แต่ทว่า ตำแหน่งผู้บัญชาการเจ้าไม่อาจรั้งไว้ได้แล้ว หลี่หรูป๋อเองก็มีความผิด ตำแหน่งผู้บัญชาการก็ไม่อาจรั้งไว้เช่นกัน”


ตระกูลหลี่ทุกคนอึ้งไป กลับไม่อาจไม่ยอมรับว่าหวังทงไม่เลว เรื่องมาถึงขั้นนี้  หากยังคิดเป็นผู้บัญชาการก็เรียกว่าฝันกลางวัน หวังทงกล่าวต่อว่า


“แต่เรื่องนี้ เจ้าเป็นแม่ทัพนำ เจ้ารับผิดชอบทั้งหมด น้องชายเจ้ามีความผิดก็ไม่ถึงกับถอดยศ ตำแหน่งขุนพลอันใดก็คงยังพอมี ไม่ก็มีตำแหน่งในกองทัพอื่น เงินทองในตระกูลเจ้า ย่อมไม่แตะต้อง เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงมากไป”


ในห้องทุกคนได้ยิน ทหารติดตามบางคนถึงกับลืมธรรมเนียม ถอนหายใจยาวทันที  ก็เท่ากับไร้ตำแหน่งยิ่งใหญ่ แต่สายตระกูลหลี่ในเหลียวซียังอยู่ ไม่ล่มสลาย  และยังได้ตำแหน่งในกองทัพ  เท่ากับงานป้องกันเหลียวซียังคงเป็นตระกูลหลี่  ไม่รุ่งเหมือนก่อน แต่ก็พอมีหน้ามีหน้าที่ยังรักษาไว้ได้


นี่ช่างเป็นความใจกว้าง แม้หลี่หรูซงเองก็ยังถึงกับอึ้งค้าง หวังทงกล่าวจบ ก็เตรียมออกไปจากห้อง หลี่หรูซงจึงได้กล่าวว่า


“กั๋วกง ตอนนี้ตระกูลหลี่หมดสิ้น กั๋วกงคิดเช่นไร?”


ครั้งนี้ทหารติดตามหลี่หรูซงล้วนใช้สายตาไม่พอใจมองจ้องหลี่หรูซง หวังทงหันไปมองอย่างแปลกใจ ยิ้มกล่าวว่า


“ตระกูลหลี่ล้มหรือลุก เกี่ยวอันใดกับข้า จัดการไปตามธรรมเนียม ข้าแต่ไรมาไม่เคยคิดเช่นไร”


กล่าวจบ หวังทงก็ออกไป หลี่หรูซงนั่งอึ้งอยู่บนเตียง คนในห้องรีบวิ่งออกไปส่งแขก มีคนไม่รู้จะกล่าวเช่นใดดี ตลอดทางเป็นห่วงว่าจะโดนลงโทษ แต่พอพบว่าไม่มีเหตุการณ์นี้ ก็ไม่รู้ว่าทำอันใดดี จึงได้แต่อึ้งเป็นเพื่อนหลี่หรูซง


ผ่านไปครู่หนึ่ง คนที่ออกไปส่งกลับมา หลี่หรูซงจึงได้สติ ตบเตียงกล่าวว่า


“ดูแสงอาทิตย์ด้านนอกไม่เลว พวกเจ้าประคองข้าออกไปเดินหน่อย”


*****************


“ตระกูลหลี่ ทำเรื่องเช่นนี้ช่างบัดซบจริง แต่เปียงยางอย่างไรก็เป็นพวกเขายึดมา ตอนนี้ยังเฝ้าอยู่ ไม่อาจทำให้พวกเขาจิตใจหวั่นไหว ตระกูลหลี่ยังมีกิจการต่างๆ ในและนอกเหลียวหนิง กิ่งก้านสาขามากมาย ล้วนมีสายสัมพันธ์การค้าทั้งหมู่ชาวบ้านและทหาร หากทำลายเขาทิ้ง เกรงว่าเหลียวหนิงคงไม่สงบ ไม่สู้ปล่อยไว้ มีตระกูลเข้มแข็งเช่นนี้สักตระกูลอยู่ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอันใด”


“กั๋วกงกล่าวได้ถูกต้อง หากแตะต้องตระกูลหลี่ ใต้หล้าไม่รู้คนเท่าไรที่จับตาดูอยู่ เงินทองตำแหน่ง ให้พวกเขาค่อยๆ จมไปเอง ก็จะไม่ทำให้เกิดแรงสะเทือนอันใด”


หวังทงกล่าว สวีกว่างกั๋วยิ้มเห็นด้วย ไช่หนานเงียบไป กล่าวว่า


“ความหมายใต้เท้าก็มิใช่แค่เช่นนี้ ตระกูลหลี่อ่อนกำลัง ก็วางใจได้แล้ว ผู้ว่าการมณฑลทางนี้ก็จะได้มีกองกำลังใช้งานสั่งการได้ ทำอะไรได้ดังใจขึ้นอีกหน่อย!”


สวีกว่างกั๋วตบหน้าผาก รีบคำนับหวังทงอย่างนอบน้อมที่สุด  พื้นที่เหลียวหนิง หนึ่งผู้ว่าการมณฑล  สามผู้บัญชาการ แม้ว่าผู้ว่าการมณฑลใหญ่สุด แต่ความจริงนั้นก็เหมือนว่าผู้ว่าการมณฑลกับผู้บัญชาการร่วมสถานะกัน ตอนนี้จัดการตระกูลหลี่ลงได้ ก็เท่ากับสถานะผู้ว่าการมณฑลสูงขึ้นอีกชั้น วันหน้าก็ทำงานง่าย


“ขอบคุณกั๋วกงที่ช่วยส่งเสริม…”


กล่าวไม่ทันจบ หวังทงก็หัวเราะขัดขึ้นกล่าวว่า


“ไม่ต้องขอบคุณ แม้เจ้าไม่ทันได้เสวยสุขนี้นัก แต่คาดว่าคงได้ปลูกร่มเงาให้ลูกหลานเจ้าเสวยสุขสืบไปแล้ว!”


ได้ยินเช่นนี้ สวีกว่างกั๋วแทบจะคุกเข่าลง วาจาหวังทงนี้แสดงให้เห็นว่าอนาคตเขานั้นยังไปได้อีกไกลหาประมาณมิได้ จะไม่ให้เขาซาบซึ้งใจแทบร้องไห้ได้อย่างไร ในใจได้แต่คิดว่า ตอนแรกผลักดันหวังทง ทางเลือกนี้เรียกว่าไม่ผิดพลาด เรียกได้ว่าบทเขียนได้ยอดเยี่ยม


กลางเดือนสาม หลี่หรูซงออกเดินทางสู่เหลียวหยาง เขาไปเหลียวหยาง แม้ว่าไม่ได้ถูกปลด  แต่เป็นถึงหัวหน้าตระกูลหลี่  การเดินทางของเขา พวกหวังทงกลับไม่ได้ใส่ใจนัก หลังหลี่หรูซงจากไปได้สามวัน ตอนกลางวันวันหนึ่ง ที่อี้โจวก็ได้ยินเสียงร้องยินดีมาจากริมแม่น้ำ


ข่าวมาเร็วเป็นที่แน่นอนแล้ว จากเทียนจิน จากซานตง เสบียงขนมาถึงแล้ว ข่าวแพร่ไปทั่วค่ายทหารอี้โจว จากนี้ไป จากกองหลังส่งมากองหน้า ทุกคนเร่งมือ ทุกคนเริ่มไม่หวั่นไหว


วันที่ 18 เดือนสาม หวังทงระยะแปดร้อยลี้เร่งส่งฎีกาไปเมืองหลวง กล่าวว่าทัพใหญ่วันที่ 25 เดือนสามจะออกศึกแล้ว ณ อี้โจวริมแม่น้ำยาลู รวมกำลังเตรียมการ ทุกคนใจเป็นหนึ่ง เตรียมออกศึกปะทะวัวโค่ว


เสียงกลองค่อยๆ ดังถี่ ทัพใหญ่เริ่มเปิดฉากแล้ว


ตอนที่ 1115 เผ่าอูเหลียงฮา

Ink Stone_Fantasy

 


“…โจรวัวโค่วอยู่ในเกาหลีทั้งหมดเก้าหน่วยกองรบ กองรบหนึ่ง 19,000 นาย หัวหน้าขุนพลกองรบโคนิชิ ยูกินากะ ประจำจังหวัดพยองอัน กองรบสอง 23,000 นาย หัวหน้าขุนพลกองรบคาโต คิโยมาสะประจำจังหวัดฮัมกยองกองรบสาม 11,000 นาย หัวหน้าขุนพลกองรบคุโรดะ นากามาสะ ประจำจังหวัดฮวังแฮ กองรบสี่ 14,000 หัวหน้าขุนพลกองรบโมริ โยชินาริ ประจำจังหวัดกังวอน กองรบห้า 25,000 นาย หัวหน้าขุนพลกองรบฟูกิชิมะ มาซาโนริ ประจำจังหวัดชุงชอง กองรบหก 16,000 นาย หัวหน้าขุนพลกองรบโคบายากาว่า ทาคากาเกะ ประจำจังหวัดซอลลา กองรบเจ็ด 30,000  นาย หัวหน้าขุนพลกองรบโมริ ฮิเดโมโตะ ประจำจังหวัดจังหวัดคยองซัง ยังมีกองรบแปด 10,000 นาย หัวหน้าขุนพลกองรบอุคิตะ ฮิเดะอิเอะ ประจำจังหวัดคยองกี กองรบเก้า 12,000 นาย หัวหน้าขุนพลกองรบโทโยโตมิ ทาดาคัตสึเป็นหน่วยเสริมกำลังตั้งประจำที่เกาะอิกิ”


ฟากหนึ่งของริมแม่น้ำยาลูฝั่งแผ่นดินหมิง  ขุนพลทหารสั่งการคนและม้า แต่ละกองเดินหน้าข้ามแม่น้ำยาลู เตรียมลงเรือข้ามไป หวังทงข้ามไปก่อนคนแรก ตอนนี้แม่น้ำยาลูฝั่งเกาหลีตั้งกระโจมแม่ทัพแล้ว ยามนี้กำลังฟังรายงานในกระโจมแม่ทัพ


มีบรรดาเจ้าทะเลนำเรือมาแล้ว ไม่เพียงเสบียงมาพร้อม แม้แต่ข่าวก็ล้วนนำมาถึง ประเทศวัวปิดการข่าวไม่อาจเรียกว่ามิดชิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคิวชูกับพวกไดเมียวเกาะอื่นที่ใจไม่เป็นหนึ่ง บรรดาพ่อค้าทะเลได้ข่าวมาเพียงพอที่จะรู้ ตอนนี้กำลังรายงานให้หวังทงฟัง


“กล่าวว่าตั้งค่ายแต่ละแห่ง แต่ความจริงนั้นนำกำลังไม่ตามนี้ แม่ทัพใหญ่พวกเขาคืออุคิตะ ฮิเดะอิเอะ ตามหลักควรตั้งทัพเตรียมการที่เกาะสึชิมะ แต่กลับนำกำลังมาถึงจังหวัดคยองกี แถบเมืองโซอุล…”


“แม่ทัพใหญ่ก็เหมือนตำแหน่งแม่ทัพข้าใช่ไหม?”


“จะเทียบกับกั๋วกงได้อย่างไร ก็แค่ตำแหน่งเท่านั้น แต่ความจริงนั้นแต่ละกองรบวัวโค่วในเกาหลี เป็นโคบายากาว่า ทาคากาเกะคุมกำลังเสียมากกว่า โคบายากาว่า ทาคากาเกะนั่นเป็นขุนพลใหญ่แห่งไซโกกุ ทุกคนล้วนยอมรับ อุคิตะ ฮิเดะอิเอะก็เป็นแค่ชนชั้นสูง ประเทศวัวล้วนมีเรื่องเล่าว่า เขามีตำแหน่งได้ก็เพราะมารดามีอันใดลับลมคมในกับโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ!”


 พ่อค้าทะเลนั่นเล่าได้อย่างเมามัน ทังซานกระแอมไอ  แสดงท่าทางอยู่ด้านหลัง พ่อค้าทะเลจึงได้สติ รีบเปลี่ยนท่าทีเล่าเรื่องจริงจัง


“นอกจากเหล่านี้แล้ว ยังมีกองทัพเรืออีกสองหมื่น กองทัพเรือนี่มีเก้าพันเป็นคนประเทศวัว ยังมีอีกหมื่นหนึ่งพันเป็นพวกเสิ่นหวั่งกับพวกขี้แพ้รวมตัวกัน”


“หืม?”


ได้ยินเช่นนี้ หวังทงอดส่งเสียงไม่ได้ พ่อค้าทะเลคิดว่าหวังทงสนใจ มากล่าวถึงคนเช่นนี้ต่อหน้าหวังทงเหมือนว่าลืมตัวไปแล้วไม่รู้ทำเช่นไร รู้สึกเครียดมาก  แต่ก็เหมือนจงใจ ยามนี้เสียมารยาทกล่าวว่า


“กั๋วกงไม่ต้องเป็นห่วง  เสิ่นหวั่งแม้ว่าเข้าข้องเกี่ยว แต่กองเรือกั๋วกงเข้มแข็ง จะว่าไปแล้ว กองเรือรบเกาหลีก็ไม่เลว สามารถเป็นกำลังเสริมให้กั๋วกงได้ดี…”


“หยุดกล่าวเหลวไหล กั๋วกงเป็นห่วง ไม่ใช่เป็นห่วงที่เจ้าว่ามา!”


ทังซานอารมณ์เสียสบถด่าด้านหลัง พ่อค้าทะเลตกใจสะดุ้ง คิดไม่ถึงหวังทงสนใจนั้นไม่ใช่กองทัพเรือโจรวัวโค่ว เงียบไปครู่หนึ่งถามขึ้น


“กองเรือรบเกาหลีแข็งแกร่งหรือ?”


“เรียนกั๋วกง แข็งแกร่งมาก เรือร้อยกว่าลำ ในนั้นมีเรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอน[1]ห้าสิบกว่าลำ คนนำทัพล้วนเป็นขุนพลทหารเก่าแก่ เหมือนจะชื่อว่า ลีซุน กองทัพเรือโจรวัวโค่วต่อหน้ากองกำลังเกาหลีกองนี้แต่ไรก็ไม่ได้เปรียบนัก ข่าวบนท้องทะเลเล่าว่า ต้องให้กองเรือเจ้าลูกเต่าเสิ่นหวั่งมาช่วยจึงผ่อนสถานการณ์ลงได้ ทว่า อย่าเห็นว่ากองกำลังทางบกเกาหลีเสียเปรียบหนัก แต่บนท้องทะเลนั้นกลับกัน”


ด้านนอกมีเสียงม้าร้องดังแว่วมา ในกระโจมแม่ทัพเงียบมาก หวังทงใช้มือเคาะเบาๆ ก่อนกล่าวว่า


“เมื่อก่อนเหตุใดไม่เคยได้ยินเรื่องกองเรือรบเกาหลี ทรงอิทธิพลอำนาจเช่นนี้ พวกเจ้าเหล่าชาวท้องทะเลเหมือนไม่สนใจอย่างไรอย่างนั้น”


ครั้งนี้ที่ตอบกลับเป็นทังซาน ทังซานคำนับกล่าวว่า


“กั๋วกง เมื่อก่อนกองเรือใหญ่ผ่านมาจากเกาหลีล้วนต้องจ่ายเงินให้กองทัพเรือพวกเขา แต่ทว่าเรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอน เกาหลีไม่อาจออกทะเลไกล ทางเกาหลีก็ไมได้เป็นเส้นทางทะเลที่น่าไปนัก ดังนั้นจึงไมได้เป็นที่กล่าวถึงเท่าไร”


หวังทงพยักหน้า ครู่หนี่งก็ยิ้ม กล่าวว่า


“การค้าผงฟูกับน้ำตาลก็ดูแลพ่อค้าทะเลผู้นี้มากหน่อย ทางลูซอนก็งดภาษีให้สองปีละกัน!”


กล่าวจบทำเอาเจ้าทะเลที่มารายงานอึ้งไป ก่อนรีบคุกเข่าโขกศีรษะดังปังๆ  ผงฟูกับน้ำตาล ยังมีการงดภาษีการค้าที่ลูซอน ในสองปีนี้เขาย่อมร่ำรวยราวล่มเมืองแล้ว เมตตาหวังทงช่างมากมายมหาศาล


ส่งคนออกไปแล้ว หวังทงนั่งอยู่ในกระโจมเงียบไปครู่ อยู่ๆ กล่าวว่า


“ทังซาน แผนการที่มอบให้เจ้าไว้เอาออกมา!”


ทังซานรีบควักเอาจดหมายจากอกเสื้อออกมา หวังทงรับไป ส่งต่อให้หยางซือเฉินข้างๆ  กล่าวว่า


“เปลี่ยนสองสามที่…”


อ่านนิยาย


หยางซือเฉินกำลังจัดการเขียนรายงานของพ่อค้าทะเลเมื่อครู่  ได้ยินก็รีบวางพู่กันมารับไป


ในกระโจมเริ่มมีงานยุ่ง ไช่หนานรับรายงานจากหยางซือเฉินแล้วก็ตรวจดู นี่เป็นรายงานกองทัพวัวโค่วที่ค่อนข้างละเอียดครั้งแรก


“นับรวมทัพเรือแล้วก็ราวแสนแปดหมื่นคน น้อยกว่าสองแสนเล็กน้อย”


ไช่หนานพึมพำยิ้มกล่าว เริ่มถกกันแล้วจึงไม่มีคนสนใจเขา ตอนกล่าว ด้านนอกก็มีเสียงเอะอะ ดึงความสนใจทุกคนไป นอกกระโจมแม่ทัพมีทหารติดตามรายงานว่า


“แม่ทัพใหญ่ ใต้เท้าหม่าขอพบ!”


ในกระโจมหวังทง ไม่เรียกเต็มยศ เรียกแค่ใต้เท้าหม่าก็ย่อมเป็นแม่ทัพทหารม้า หม่าซานเปียว หวังทงแน่นอนต้องให้พบ หม่าซานเปียวสวมเกราะเดินเข้ามา คารวะตามธรรมเนียม จากนั้นกล่าวว่า


“ทัพม้าล้วนข้ามแม่น้ำมาแล้ว หากสร้างสะพานลอยน้ำได้ ก็คงเร็วกว่านี้ ตอนนี้เสียเวลาไปไม่น้อย ม้าของขบวนทัพม้าต้าถงยังไม่ชินกับน้ำ ตกใจบนเรือยกใหญ่ ต้องใช้ผ้าดำปิดตาจึงได้เงียบลง”


“แม่น้ำน้ำไหลแรง จะสร้างสะพานลอยน้ำได้อย่างไร รีบพูดเรื่องเป็นการเป็นงานกันเถอะ บุตรสาวเจ้าใกล้ได้วัยแต่งงานแล้ว เหตุใดจึงอารมณ์ร้อนไม่เปลี่ยนนะ”


หวังทงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์นัก จัดการงานในกองทัพเสร็จก็ต้องรายงาน หม่าซานเปียวมา อย่างไรต้องเอ่ยเรื่องอื่นพูดคุย หม่าซานเปียวยิ้มแหะๆ กล่าวอย่างไม่ค่อยสนใจมารยาทว่า


“บุตรสาวข้าน้อยอายุมากไปแล้ว หรือว่าบุตรชายกั๋วกงจะรับเป็นน้อยดี กั๋วกง ร้านสามธาราเจี้ยนโจวมีคนคิดขอพบกั๋วกง”


กล่าวจบ แม้แต่ไช่หนานก็ขมวดคิ้ว ไม่พอใจกล่าวว่า


คลิก


“เหล่าหม่า นี่มันเวลาอันใดแล้ว ใต้เท้าไหนเลยมีเวลาทำการค้าพวกนี้ เจ้าก็ช่างไม่รู้หนักเบา”


ทุกคนคนกันเอง ตำหนิก็ได้แต่ต่อหน้าเท่านั้น สีหน้าหม่าซานเปียวจริงจังกล่าวว่า


“กั๋วกง ไช่กงกง เถ้าแก่นั่นกล่าวได้มีเหตุผล เขากลัวกั๋วกงไม่ให้พบ ดังนั้นจึงได้มาหาข้าน้อย ข้าน้อยก็รู้สกึว่ากั๋วกงควรให้พบ ไม่แน่อาจได้กำลังเสริม”


ได้ยินหม่าซานเปียวกล่าวเช่นนี้  หวังทงก็รู้สึกน่าแปลก จึงรีบให้เข้าพบ


เถ้าแก่ร้านสามธาราเข้ามาอย่างตื่นตระหนก เขาเดิมทีเป็นคนพื้นที่เหลียวหนิง เป็นคนงานที่พ่อค้ากลุ่มแรกนำเข้ามาทำงาน ต่อมาเพราะขยันขันแข็ง ชำนาญพื้นที่นอกกำแพงเมืองเจี้ยนโจวกับไห่ซี สถานะค่อยๆ สูงขึ้น ครั้งนี้เขามาพบหวังทง กลับไม่ใช่เพื่อประโยชน์ตน  แต่ออกหน้าแทนชาวเผ่าหนี่ว์เจินพวกหนึ่ง


หลังหวังทงถล่มเจี้ยนโจว เผ่าหนี่ว์เจินเจี้ยนโจวกับไห่ซีล้วนยอมศิโรราบ แม้ว่าสังหารไปมาก แต่ชนเผ่าส่วนใหญ่กลับไม่ได้โกรธแค้น เพราะการร่วมสงคราม บาดเจ็บล้มตายล้วนอนาถพอแล้ว ชนเผ่ามักไม่อาจอยู่รอด ล้วนถูกชนเผ่าอื่นกลืนกิน ไม่ก็เข้าไปขอสวามิภักดิ์เอง ก็เท่ากับสิ้นเองแล้ว ไม่อาจเรียกได้ว่ามีความแค้นอันใด


กลับเป็นเพราะหวังทงนำทัพมา สินค้าเสบียงอาหารมากมายทะลักเข้ามา  การไหลออกของทรัพยากรในแม่น้ำเฮยสุ่ยและเขาไป่ซาน หมู่บ้านชนเผ่าที่เกี่ยวข้องล้วนมีชีวิตดีขึ้นไม่น้อย จึงรู้สึกดีกับชาวฮั่น ล้วนมีใจคิดสวามิภักดิ์เมืองกุยฮว่าเฉิง ยุคสมัยนี้เป็นเช่นนี้  ชนเผ่าที่ถูกปราบย่อมถูกควบรวม ผสมผสานเข้ากัน


เผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซีกินพื้นที่กว้างใหญ่ พื้นที่เขาและริมทะเลล้วนมี พื้นที่ใกล้เกาหลีก็มี ทางเหนือจังหวัดฮัมกยองก็มีหมู่บ้านเผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซี


เดิมเกาหลีป้องกันพวกเผ่าหนี่ว์เจินแต่ละเผ่าที่กระจัดกระจายมากมาโดยตลอด  มักนำกำลังออกขับไล่วางเพลิงเสาอม  แต่พอถึงสมัยฮ่องเต้เจียจิ้ง สถานการณ์ค่อยๆ เปลี่ยนไป  เผ่าหนี่ว์เจินมักรุกรานเข้าเผ่าปล้นเกาหลีแทน ส่วนใหญ่ยังรักษาเขตแดนตนไม่รุกรานกันไว้ ราวกับน้ำบ่อไปรุกน้ำแม่น้ำ


ครั้งนี้ทัพใหญ่โจรวัวโค่วออกศึก กองรบสองโจรวัวโค่วที่จังหวัดฮัมกยองหน่วยของคาโต คิโยมาสะก็ปฏิบัติการรวดเร็ว บุกขึ้นเหนือ ทหารเกาหลีราวเศษสวะ ไม่อาจเรียกว่าต้านทานกำลังอันใด คาโต คิโยมาสะตลอดทางมาก็เร็วมาก ข้ามเขตมาถึงดินแดนเผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซี


คาโต คิโยมาสะเป็นขุนพลประเทศวัวในระดับตำนาน ก็คิดหาโอกาสสำแดงบารมี  วันหน้าอาจก้าวหน้าไปได้อีก พอเห็นหมู่บ้านเผ่าหนี่ว์เจิน ก็นำทัพเข้าตีสิบกว่าวัน สังหารปล้นชิงเป็นสิ่งที่ย่อมเกิด ตัดหัวไปมากมาย


เขาไม่รู้ว่านี่เป็นหมู่บ้านเผ่าหนี่ว์เจิน หรืออาจเป็นเพราะเกาหลีพูดผิดๆ ถูกๆ  คิดไปว่าเป็นมองโกลเผ่าอูเหลียงฮาที่แสนร้ายกาจ ตอนนั้นทัพมองโกลราชวงศ์หยวนยกไปตีประเทศวัว แต่เพราะประสบเหตุพายุตอนข้ามทะเลไปประเทศวัว  จึงพลิกสถานการณ์จากแพ้มาชนะได้  ตอนนี้ยังคงเป็นที่กล่าวถึง หากสามารถโจมตีเผ่ามองโกลได้ ตัดหัวมาได้ ก็ย่อมเป็นความชอบยิ่งใหญ่ เกรียงไกรหาใดเทียม


ชาวเผ่าหนี่ว์เจินชายหญิงแก่เด็กล้วนถูกโจรวัวโค่วสังหาร ทีเหลือก็แน่นอนย่อมไม่เลิกรา  รวมกำลังคิดล้างแค้น แต่โจรวัวโค่วอย่างไรก็อยู่ในแผ่นดินเกาหลี การต่อสู้ขับไล่นอกแผ่นดินตนเช่นนี้ ยังต่อสู้กับทัพใหญ่แสนกว่า แต่ละเผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซีล้วนไม่กล้าเคลื่อนไหวพลการ


หวังทงนำกำลังทัพใหญ่เข้าเกาหลี ข่าวนี้แพร่ไปทั่วนานแล้ว หวังทงเป็นใคร ชื่อเสียงเกรียงไกรทั่วแม่น้ำเฮยสุ่ยและเขาไป่ซาน  บุคคลราวเทพสังหาร ติดตามบุคคลเช่นนี้ออกศึก ย่อมแก้แค้นได้ ทำให้ชนเผ่ามาติดต่อคนร้านสามธารา มากันเป็นทอดๆ ขอมาพบหวังทง…

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)