เทพปีศาจหวนคืน 1113-1115
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1113 ราชันพฤกษาเพลิง
แปลโดย iPAT
ในการกำจัดต้นไม้เหล่านี้ฟางหยวนต้องใช้พลังงานอมตะจำนวนมาก
ฝูงมนุษย์พฤกษามีมากกว่าอสูรหิมะในภัยพิบัติพิภพครั้งแรก นอกจากนั้นพวกมันยังสามารถงอกใหม่ เมื่อฟางหยวนตัดกิ่งก้านสาขาของมัน ส่วนที่ร่วงหล่นลงบนพื้นจะเติบโตขึ้นเป็นมนุษย์พฤกษารุ่นใหม่
เว้นเพียงเขาจะใช้ท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นเพื่อทำลายล้างต้นไม้เหล่านี้ในครั้งเดียวมิฉะนั้นมันจะไม่จบสิ้น
แต่การใช้ท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นหรือวิญญาณอมตะดาบบินสิ้นเปลืองเกินไป
‘หากข้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไฟ เรื่องนี้จะไม่ใช่ปัญหา’ ฟางหยวนคิดแต่ในจังหวะนี้เปลวเพลิงกลับลุกไหม้ขึ้นบนร่างของมนุษย์พฤกษาเหล่านั้น
เปลวไฟเผาทำลายต้นไม้จำนวนนับไม่ถ้วนให้กลายเป็นกองเถ้าถ่าน
ไฟถูกหล่อเลี้ยงด้วยฟืนไม้และพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเกือบยี่สิบเมตร
ฟางหยวนตะลึง
เกิดสิ่งใดขึ้น?
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของภัยพิบัติพิภพ
แต่เหตุใดภัยพิบัติพิภพจึงทำลายตัวมันเอง? เจตจำนงสวรรค์พยายามทำสิ่งใด? มันต้องการแก้ปัญหาให้เขางั้นหรือ?
ฟางหยวนปัดเป่าความคิดเหล่านี้ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
มันเป็นเรื่องน่าขันหากเจตจำนงสวรรค์จะช่วยเขา
“ครืน…”
ทันใดนั้นร่างที่อาบย้อมไปด้วยเปลวเพลิงสูงหกสิบเมตรค่อยๆยืนท่ามกลางกองไฟ
“นี่…” รูม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลง เขากัดฟันแน่นโดยไม่รู้ตัว “ราชันพฤกษาเพลิง!”
มันคือพืชอสูรบรรพกาล!
ตำนานกล่าวว่าพืชชนิดนี้จะเติบโตขึ้นในสวรรค์สีแดง
มันหาได้ยากมากในห้าภูมิภาคแม้มันจะยังไม่สูญพันธุ์ไปก็ตาม
ราชันพฤกษาเพลิงกำเนิดจากต้นไม้ชนิดใดก็ได้ เมื่อเกิดไฟป่า สิ่งมีชีวิตจำนวนมากถูกเผาทำลาย มีโอกาสที่พืชอสูรชนิดนี้จะถือกำเนิดขึ้น
ร่างกายของมันปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง ไม่มีสิ่งใดสามารถเข้าใกล้มัน สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดของมันก็คือมันจะทำให้สิ่งมีชีวิตที่เข้าใกล้พบกับโชคร้าย!
‘เจตจำนงสวรรค์ช่างร้ายกาจนัก! เห็นได้ชัดว่ามันตระหนักถึงการคงอยู่ของวิญญาณอมตะโชคอึสุนัขและพยายามทำลายโชคดีของข้า’
ฟางหยวนพบกับความท้าทายรูปแบบใหม่
หากเขาพบราชันพฤกษาเพลิงในป่า เขาจะหลบหนีทันที แต่ตอนนี้ราชันพฤกษาเพลิงปรากฏตัวขึ้นในมิติช่องว่างของเขาและกำลังทำลายโชคดีที่เกิดจากวิญญาณอมตะโชคอึสุนัข
หากเขาทิ้งมันไว้ ในไม่ช้าฟางหยวนจะพบกับโชคร้ายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
‘ข้าอยู่ในระยะไกลแต่อุณหภูมิของสภาพแวดล้อมกลับร้อนแรงถึงเพียงนี้!’ ฟางหยวนถอนหายใจ
เขาบินออกจากภูเขาตงฮัน
เขามีวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้า เขาสามารถฟื้นฟูภูเขาตงฮันได้ในภายหลัง
ปัญหาคือเขาจะทำลายราชันพฤกษาเพลิงตนนี้ได้อย่างไร
ท่าไม้ตายอมตะ ดาบประหารชีวิต!
ท่าไม้ตายอมตะ คลื่นดาบสามชั้น!
ท่าไม้ตายอมตะ ลมหายใจพิษ!
ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายหลายท่าแต่พวกมันกลับไร้ประโยชน์ พิษถูกกำจัดโดยเปลวไฟไปอย่างสมบูรณ์ ดาบบินเจาะทะลวงต้นไม้ ร่างของมันสั่นสะท้านขึ้นก่อนจะกลับเป็นปกติ
สำหรับคลื่นดาบสามชั้น มันสามารถดับไฟและทำลายกิ่งไม้จำนวนมาก แต่ในไม่ช้าเปลวเพลิงก็ลุกไหม้ขึ้นอีกครั้ง อาการบาดเจ็บของมันหายไปหลังจากชั่วครู่
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นขณะที่เขากรีดร้อง “กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน!”
“บึม!”
มือยักษ์ปรากฏขึ้นกลางอากาศและพยายามคว้าร่างของราชันพฤกษาเพลิง
แต่ราชันพฤกษาเพลิงมีขนาดใหญ่เกินไป มันมีขนาดเกือบครึ่งหนึ่งของภูเขาตงฮัน นี่ทำให้ความพยายามของกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนไร้ผล
รากจำนวนนับไม่ถ้วนของราชันพฤกษาเพลิงเจาะลงไปใต้ดินและดูดกลืนปราณพิภพเข้าไปอย่างบ้าคลั่งขณะที่วิหคหยกเขียวช่วยเติมพลังงานชีวิตให้มันอย่างไม่หยุดยั้ง
เมื่อเวลาผ่านไปกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนเริ่มหลอมละลายภายใต้เปลวเพลิง
ฟางหยวนดึงกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนกลับไปเมื่อได้รับแรงบันดาลใจใหม่
“ครืน…”
ครั้งนี้กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนหันมายกภูเขาตงฮันแทนราชันพฤกษาเพลิง
ฟางหยวนไม่สามารถยกร่างของราชันพฤกษาเพลิงแต่เขามีวิญญาณอมตะยกภูเขาที่สามารถยกภูเขาตงฮัน
“ฟิ้ว…”
กระแสลงพัดลงจากยอดเขาขณะที่ฟางหยวนยกมันขึ้นและโยนมันไปที่ราชันพฤกษาเพลิง
“บึม!”
ด้วยเสียงที่ดังสนั่น ราชันพฤกษาเพลิงถูกภูเขาตงฮันกดทับเอาไว้อย่างสมบูรณ์ เหลือเพียงเปลวเพลิงเล็กๆเท่านั้นที่เล็ดรอดออกมาจากใต้ฐานภูเขา
ฟางหยวนลอยอยู่กลางอากาศและมองไปยังสนามรบด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง
ราชันพฤกษาเพลิงไม่สามารถเคลื่อนไหว มันถูกโจมตีด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณจากภูเขาตงฮัน แต่มันยังพยายามดิ้มรนอย่างหนัก
เปลวเพลิงเริ่มลุกไหม้ขึ้นทำให้หินบางส่วนของภูเขาตงฮันกลายเป็นหินหลอมเหลว
การกำจัดราชันพฤกษาเพลิงไม่ใช่เรื่องง่าย
ฟางหยวนรู้สึกหนักใจเมื่อเห็นทะเลเพลิง!
เปลวไฟลุกลามไปทั่วทั้งป่า
ดังคาด เจตจำนงสวรรค์เตรียมการมาเป็นอย่างดี แล้วมันจะให้ทุกสิ่งจบลงง่ายๆได้อย่างไร
ฟางหยวนหายใจแรงขึ้น
เขาเห็นราชันพฤกษาเพลิงลุกขึ้นมาจากทะเลเพลิงมากขึ้นและมากขึ้น
ราชันพฤกษาเพลิงตัวแรกยังไม่ถูกกำจัดแต่ตัวอื่นกำลังก่อตัวขึ้น!
แน่นอนว่าพวกมันมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือฟางหยวน!
“ครืน…”
ราชันพฤกษาเพลิงที่อยู่ใต้ภูเขาตงฮันพยายามพลิกคว่ำภูเขาทั้งลูก
มันมีความแข็งแกร่งที่ไม่น่าเชื่อ ทุกครั้งที่มันดิ้นรน ภูเขาตงฮันจะเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง
สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ
ฟางหยวนสามารถเพิกเฉยต่ออสูรหิมะก่อนหน้านี้และค่อยๆกำจัดพวกมัน
แต่เขาไม่สามารถเพิกเฉยต่อภัยพิบัติครั้งนี้ แม้พวกมันจะเคลื่อนไหวได้ช้า แต่พวกมันกลับส่งอิทธิพลอย่างมากต่อมิติช่องว่างของเขา ไม่เพียงพวกมันจะทำลายรากฐานของฟางหยวน พวกมันยังนำโชคร้ายมาสู่เขาอีกด้วย
แล้วเขาควรทำเช่นไร?
แสงไฟส่องสะท้อนใบหน้าของฟางหยวนขณะที่เขาค่อยๆเผยรอยยิ้มบาง “โชคดีที่ข้าเตรียมตัวมาแล้ว!”
…..
ในเวลาเดียวกันเฉิงซินซื่อที่อยู่ภาคใต้จ้องมองโคมไฟตรงหน้าด้วยความงุนงง ในมุมมองสายตาของนาง ดวงไฟราวกับแสดงรูปลักษณ์ในอดีตของฟางหยวนออกมา
‘ท่านพี่ไห่ถู…’ เฉิงซินซื่อคิดกับตนเอง
“ท่านผู้นำ” เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงหนึ่งดังขึ้น
“อา…” เฉิงซินซื่อฟื้นคืนสติและมองเห็นเสี่ยวหลาน เสี่ยวตี้ ท่านหญิงเว่ย และผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆของนาง
“ขอโทษ ข้าใจลอยอีกแล้ว” เฉิงซินซื่อเร่งกล่าวขอโทษ
“นี่เป็นครั้งที่สามแล้วนะเจ้าคะ” เสี่ยวหลานพึมพำ
“ข้าไม่สุภาพจริงๆ ขอโทษด้วย” เฉิงซินซื่อกล่าวอีกครั้ง
จ้าวฉวนมองท่านหญิงเว่ยก่อนจะเปิดปากกล่าว “ตอนนี้เรามาดูหัวข้อถัดไป เราจะทำอย่างไรกับกลุ่มผู้ใช้วิญญาณที่เคยอยู่ภายใต้การปกครองของอดีตผู้นำตระกูลเฉิง?”
หลังจากการประชุมจบลง ทุกคนออกจากห้องโถง
“เสี่ยวตี้ เกิดสิ่งใดขึ้นกับท่านผู้นำ เหตุใดนางจึงเหม่อลอยตลอดเวลา?” จ้าวฉวนถาม
เสี่ยวตี้แสดงออกด้วยสีหน้ากังวล “ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่หลังจากเข้าพบคนระดับสูงของตระกูลเฉิง นางก็เป็นเช่นนี้มาตลอด”
“คนระดับสูงกว่านางงั้นหรือ?” การแสดงออกของจ้าวฉวนเปลี่ยนไป เขารู้ถึงการดำรงอยู่ของผู้อมตะของตระกูลเฉิง นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถเข้าไปยุ่งวุ่นวาย
เย่ฟานไม่สามารถเก็บความรู้สึกเอาไว้ได้อีกต่อไป “ให้ข้าไปคุยกับท่านหญิงซินซื่อ บางทีคนนอกเช่นข้าอาจสามารถพูดคุยกับนาง”
“นายน้อย ท่านไม่ใช่คนนอก” เสี่ยวหลานยิ้ม
“เช่นนั้นคงต้องลำบากเจ้าแล้ว” ท่านหญิงเว่ยพยักหน้าเห็นด้วย
ครู่ต่อมาเย่ฟานก็เดินไปถึงหน้าห้องทำงานของเฉิงซินซื่อ
ประตูปิดอยู่
เย่ฟานมองผ่านช่องเล็กๆเข้าไปและเห็นเฉิงซินซื่อกำลังมองกระดาษที่อยู่ในมือ
นางกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด แม้เย่ฟานจะเดินมาถึงหน้าประตูห้องแต่นางก็ยังไม่รู้ตัว
เย่ฟานแสร้งไอเพื่อเรียกสติของเฉิงซินซื่อ
แต่ทันใดนั้นเขากลับได้ยินเสียงพึมพำอันแผ่วเบาหลุดออกมาจากปากของนาง “ท่านพี่ไห่ถู…ท่านเป็นคนเช่นไรกันแน่…”
หัวใจของเย่ฟานแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก เขาเข้าใจทันทีว่ากระดาษในมือของเฉิงซินซื่อไม่ใช่สิ่งใดนอกจากใบประกาศจับปีศาจดำ มันเป็นภาพวาดของฟางหยวน!
เย่ฟานรู้สึกว่างเปล่า แขนขาของเขาราวกับสูญสิ้นเรี่ยวแรง
เขายืนลังเลอยู่นานก่อนจะกัดฟันและเดินจากไป
ตั้งแต่ต้นจนจบเฉิงซินซื่อไม่ตระหนักถึงการคงอยู่ของเขา
เย่ฟานเดินออกจากคฤหาสน์มาถึงถนน ที่นี่เป็นใจกลางของภูเขาเฉิงเหลียงที่คึกคัก
แต่เย่ฟานกลับมีสีหน้ากังวล เขามีคำถามอยู่ในใจ ‘ไห่ถู เจ้าเป็นคนเช่นไร?’
…..
ภาคเหนือ แดนน้ำแข็ง
ชูตู๋ยืนมือไพล่หลังและมองแดนน้ำแข็งอันกว้างใหญ่
ทันใดนั้นร่างของเขาพลันสั่นสะท้านขึ้น “ข้าอยู่นี่แล้ว!”
เขาได้รับข้อความจากฟางหยวนและกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะที่อยู่ในมืออย่างรวดเร็ว
วิญญาณอมตะเรียกภัยพิบัติ!
ในเวลาต่อมาประตูทางเข้าออกของมิติช่องว่างจักรพรรดิก็ถูกเปิดออก
แรกเริ่มฝูงวิหคหยกเขียวถูกดึงออกไปโดยพลังงานลึกลับ ต่อมาราชันพฤกษาเพลิงก็ถูกลากออกไปอย่างไม่สามารถต้านทาน
พวกมันไม่เต็มใจแต่ก็ไม่สามารถทำสิ่งใด
ท้องฟ้าส่งเสียงคำราม เจตจำนงสวรรค์โกรธมาก
แต่มันไร้ประโยชน์
สองชั่วโมงต่อมาภัยพิบัติพิภพครั้งที่สามก็สิ้นสุดลง
ฟางหยวนเก็บมิติช่องว่างจักรพรรดิและปรากฏตัวขึ้นที่แดนน้ำแข็ง
ชูตู๋ได้รับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งมาเล็กน้อยแต่เขายังกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น “บนเส้นทางที่ยาวไกล วันนี้ข้าได้รับพรจากสวรรค์ ทะยานขึ้นจากมหาสมุทร ไม่มีสิ่งใดสามารถปิดบังจากสายตาของข้า!”
“ข้าขอทราบนามของท่านได้หรือไม่?” ชูตู๋ทักทายฟางหยวน
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง “อุปสรรคและความยากลำบากกีดขวางอยู่บนเส้นทางอันยาวไกล ชีวิตและความตายแขวนอยู่บนภัยพิบัติ ร่างกายปลิดปลิวไปตามสายลม ไม่ว่าลมอ่อนหรือพายุโหมกระหน่ำ ข้าก็ยังโบยบินไปอย่างอิสระ”
หลังจากจากหยุดชั่วคราว ฟางหยวนก็ทักทายกลับ “ข้าคือหลิวกวงซื่อ”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1114 หนึ่งในสองมรดกที่แท้จริง (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
หลายวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เมืองเมฆา
ฟางหยวนนั่งอยู่ในห้องลับ
เขากำลังติดต่อผู้อมตะหญิงผู้หนึ่งในสวรรค์สีเหลือง
“เม็ดยาธูปสีฟ้าของท่านมีคุณภาพต่ำกว่าของผู้อมตะซื่อจื่อ ราคาของมันควรจะถูกกว่า” ฟางหยวนต่อรอง
แต่ผู้อมตะหญิงผู้นั้นทิ้งเพียงเจตจำนงไว้ในสวรรค์สีเหลืองเท่านั้น เป็นธรรมดาที่เจตจำนงจะแน่วแน่และดื้อรั้น
ดังคาด เจตจำนงของผู้อมตะหญิงปฏิเสธ “จะไม่มีการลดราคา จะซื้อหรือไม่ก็แล้วแต่ท่าน!”
ฟางหยวนยังไม่ยอมแพ้ “ท่านควรพิจารณาใหม่อีกรอบเพราะข้าต้องการซื้อสินค้าจำนวนมาก”
เจตจำนงของผู้อมตะหญิงยังดื้อรั้นและไม่เห็นด้วย
ฟางหยวนรู้สึกรำคาญเล็กน้อย
ไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาพยายามขายทรัพยากรของตนและซื้อทรัพยากรที่ต้องการทุกชนิด
แต่หลังจากภัยพิบัติพิภพครั้งที่สาม เขารู้สึกว่าการทำธุรกรรมต่างๆไม่ราบรื่นนัก
เจตจำนงของผู้อมตะหญิงผู้นี้เป็นหนึ่งในนั้น
แต่นี่ยังถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างดี
ธุรกรรมก่อนหน้านี้ผู้อมตะบางคนขึ้นราคาสินค้าโดยไร้เหตุผล สินค้าหลายชนิดที่เขาต้องการเกิดการขาดตลาดอย่างกะทันหัน ยังมีผู้อมตะระดับแปดบางคนกว้านซื้อสินค้าทุกประเภท
‘แม้ข้าจะได้รับการคุ้มครองโดยวิญญาณอมตะโชคอึสุนัขแต่ราชันพฤกษาเพลิงในภัยพิบัติพิภพครั้งที่สามของข้าทำลายโชคดีของข้าไปมาก’
เมื่อนึกถึงภัยพิบัติพิภพครั้งที่สาม ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะถอนหายใจออกมา
‘หากข้าไม่สร้างความร่วมมือกับชูตู๋เอาไว้ล่วงหน้า แม้ข้าจะสามารถผ่านภัยพิบัติพิภพครั้งที่สามมาได้แต่ข้ายังจะพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่และติดอยู่กับโชคร้าย ตอนนี้มันเป็นเพียงอุปสรรคเล็กๆน้อยๆเท่านั้น พวกมันไม่ส่งผลกระทบต่อเส้นทางการบ่มเพาะของข้า’
ฟางหยวนรวบรวมความคิดก่อนจะเจรจากับเจตจำนงของผู้อมตะหญิงต่อไป
เนื่องจากนางไม่ยินดีลดราคา ฟางหยวนจึงต้องยอมรับความพ่ายแพ้
‘ข้าจะซื้อเม็ดยาธูปสีฟ้าทั้งหมดของท่าน”
เจตจำนงของผู้อมตะหญิงตกตะลึง
ฟางหยวนซื้อสินค้าจำนวนมาก เขาต้องจ่ายด้วยหินวิญญาณอมตะเกือบหมื่นก้อน!
แต่เรื่องนี้ไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อฟางหยวน
เขารวยมาก!
แม้เขาจะใช้องุ่นเขียวอมตะจำนวนมากในภัยพิบัติพิภพที่ผ่านมาแต่เขายังสามารถจ่ายหินวิญญาณอมตะนับหมื่นก้อนได้ในครั้งเดียว
หลังจากซื้อเม็ดยาธูปสีฟ้า ฟางหยวนดึงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาจากสวรรค์สีเหลือง
เขาตรวจสอบเม็ดยาธูปสีฟ้าทั้งหมดก่อนจะนำพวกมันเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
มิติช่องว่างจักรพรรดิแบ่งออกเป็นห้าภูมิภาคและเก้าสวรรค์ ฟางหยวนวางร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งไว้ทุกพื้นที่
ในไม่ช้าผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งตนหนึ่งก็ลุกขึ้นและจัดการกับเม็ดยาธูปสีฟ้าเหล่านั้น
เนื่องจากมิติช่องว่างของเขาใหญ่โตเกินไป เขาจึงต้องพึ่งพาผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเหล่านี้เพื่อจัดการกับทรัพยากรต่างๆ
ทุกครั้งที่ฟางหยวนตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจะคิดถึงจิตวิญญาณแผ่นดินเสี่ยวหู หากมีจิตวิญญาณแผ่นดิน พวกเขาสามารถจัดการสิ่งต่างๆในมิติช่องว่างได้อย่างง่ายดาย
โดยธรรมชาติแล้วจิตวิญญาณแผ่นดินก็คือผู้ดูแลแดนศักดิ์สิทธิ์
มันจะสะดวกมากหากมีจิตวิญญาณแผ่นดิน
แต่น่าเสียดายที่ฟางหยวนไม่เคยได้ยินว่ามีจิตวิญญาณแผ่นดินอยู่ในมิติช่องว่างของผู้อมตะที่มีชีวิต
เม็ดยาธูปสีฟ้าปล่อยควันสีฟ้าลอยออกมาอย่างต่อเนื่อง
ฟางหยวนวางเม็ดยาธูปสีฟ้าไว้ในสวรรค์สีฟ้าน้อย นี่ทำให้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยชั้นเมฆหมอกสีฟ้าและกลิ่นหอมของพฤกษาพรรณ
หลังจากวางเม็ดยาธูปสีฟ้า ฟางหยวนสร้างค่ายกลวิญญาณขึ้นมา
มันเป็นค่ายกลวิญญาณระดับมนุษย์ที่ป้องกันไม่ให้หมอกควันสีฟ้ากระจายตัวออกไปนอกอาณาเขตที่กำหนด
“ตอนนี้มันเพียงพอแล้วที่จะเป็นอาหารให้กับวิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณจำนวนสามครั้ง” ฟางหยวนรู้สึกพอใจกับผลลัพธ์
เม็ดยาธูปสีฟ้าเป็นทรัพยากรที่ใช้ได้ครั้งเดียว แต่มันเป็นเรื่องยากที่จะผลิตเม็ดยาธูปสีฟ้าขึ้นด้วยตัวเอง
เม็ดยาธูปสีฟ้าจะเติบโตขึ้นในสถานที่ที่เฉพาะเจาะจงและต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อข้อมูลเกี่ยวกับการผลิตมัน
ตอนนี้ฟางหยวนทำได้เพียงเก็บสะสมเม็ดยาธูปสีฟ้าเอาไว้เท่านั้น
เม็ดยาธูปสีฟ้าเป็นอาหารของวิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณ โชคดีที่สิ่งนี้มีวางขายทั่วไปในสวรรค์สีเหลือง ฟางหยวนสามารถสะสมมันได้ไม่ยากนัก
ฟางหยวนให้ความสำคัญกับการพัฒนามิติช่องว่างอมตะเป็นอย่างมากแต่โดยรวมแล้วมันยังคงแห้งแล้ง
ประเด็นหลักก็คือมิติช่องว่างจักรพรรดิใหญ่โตเกินไป!
ด้วยทรัพยากรที่ฟางหยวนวางไว้ หากเป็นมิติช่องว่างของผู้อมตะทั่วไป มันคงเต็มไปแล้ว
กล่าวถึงเรื่องมิติช่องว่าง ฟางหยวนมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าค่อนข้างมากแต่เปรียบเทียบกับพื้นที่ขนาดใหญ่ ผลกระทบจากพลังงานแห่งเต๋าที่เขามียังถือว่าเล็กน้อยมาก
“ตอนนี้วิญญาณอมตะระดับแปดและวิญญาณอมตะระดับเจ็ดของข้ามีอาหารเตรียมพร้อมไว้แล้ว มิติช่องว่างของข้าได้รับการพัฒนาขึ้นถึงระดับหนึ่ง ต่อไปเป็นการแก้ปัญหาเกี่ยวกับอาหารของวิญญาณอมตะระดับหก” ฟางหยวนประเมิน
หลักการข้อแรกของการพัฒนามิติช่องว่างของผู้อมตะก็คือการสร้างแหล่งอาหารรองรับวิญญาณอมตะของตนเอง
ฟางหยวนเคยบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่งแต่ร่างผีดิบอมตะไม่สามารถปฏิบัติตามกฎข้อนี้
หลังจากฟื้นคืนสู่ชีวิต เขาจึงต้องเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงโดยปฏิบัติตามข้อกำหนดเรื่องการให้อาหารวิญญาณอมตะอย่างเคร่งครัด
ปัญหาถัดมาของฟางหยวนคือวิญญาณอมตะระดับหก
มีความจำเป็นที่ต้องกล่าวถึงเรื่องนี้เพราะฟางหยวนมีวิญญาณอมตะมากเกินไป
มันเป็นปริมาณที่น่าตกใจ
แต่ฟางหยวนก็ต้องเลี้ยงพวกมันเอาไว้เพราะเขาต้องต่อสู้กับเจตจำนงสวรรค์และผู้อมตะคนอื่นๆตลอดเวลา
สถานการณ์ของเขาไม่ดีนัก
ในอดีตนิกายเงาช่วยปกป้องฟางหยวนจากการอนุมานของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่หลังจากเหตุการณ์บนภูเขาอี้เทียน การป้องกันทั้งหมดยุติลง วังสวรรค์มุ่งมั่นที่จะสังหารฟางหยวนขณะที่ผู้อมตะภาคเหนือยิ่งเกลียดชังเขามากกว่าเพราะฟางหยวนทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง
ผู้อมตะของทะเลตะวันออก ทะเลทรายตะวันตก และภาคใต้ต่างต้องการมรดกบนเส้นทางแห่งโชค แม้ฟางหยวนจะไม่ได้รับมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งโชคของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจากวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง แต่ผู้ใดจะเชื่อเขา
ดังนั้นมันอาจกล่าวได้ว่าผู้อมตะทั้งหมดต่างต้องการตัวเขา
ก่อนหน้านี้ระหว่างการต่อสู้ของเผ่าไห่ ผู้อมตะเผ่าไห่ยังร่วมมือกับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูลอบวางกับดักฟางหยวน แต่เนื่องจากฟางหยวนไม่ได้ไปที่นั้น เขาจึงรอดพ้นจากการซุ่มโจมตีครั้งนี้
ตอนนี้ฟางหยวนใช้ชื่อปลอมว่าหลิวกวงซื่อ
หากเขาบอกชื่อจริงของตนเอง ทัศนคติของชูตู๋จะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
หนึ่งเดือนก่อนเมื่อสวรรค์สีเหลืองเปิด ฟางหยวนได้รับจดหมายจากชูตู๋
ในจดหมายชูตู๋บอกฟางหยวนว่ามีเบาะแสของมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่ล้ำค่าสลักอยู่ในวิญญาณอมตะดาบบิน
ฟางหยวนถูกล่อลวงอย่างง่ายดาย
ก่อนหน้านี้เขาตระหนักถึงประโยชน์ของทักษะบนเส้นทางแห่งข้อมูลมาแล้วหลายครั้ง
ด้วยวิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูล เขาจะสามารถสร้างข้อตกลงกับผู้อื่นและไม่ต้องกลัวว่ามันจะถูกทำลาย นอกจากนี้เขายังสามารถลบข้อตกลงพันธมิตรอย่างลับๆและทรยศฝ่ายตรงข้ามได้โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ
เขายังสามารถรวบรวมข้อมูลและตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดหลังจากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม
เส้นทางแห่งข้อมูลและเส้นทางแห่งปัญญาเป็นเส้นทางที่สนับสนุนกัน
เส้นทางแห่งข้อมูลช่วยค้นหาข้อมูลขณะที่เส้นทางแห่งปัญญาใช้วิเคราะห์และอนุมาน
เงื่อนงำของมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่สลักอยู่ในวิญญาณอมตะดาบบินกระทั่งผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเทียนเซี่ยซินยังต้องการ
ชูตู๋บอกรายละเอียดเหล่านี้แก่ฟางหยวนเพราะเขาต้องการให้ฟางหยวนเห็นคุณค่าของมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งข้อมูลและตกลงทำธุรกรรมกับเขา
สุดท้ายฟางหยวนจึงตัดสินใจสร้างความร่วมมือกับชูตู๋
เขาตกลงที่จะมอบความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งให้กับชูตู๋แต่ชูตู๋ต้องตอบแทนเขาอย่างเหมาะสม
ในการต่อสู้ที่เผ่าไห่ ชูตู๋ปล้นชิงรังอินทรีย์ที่สิบสามมาเพราะได้รับคำแนะนำจากฟางหยวน
หลายวันหลังจากนั้นชูตู๋กับฟางหยวนได้พบกันอย่างลับๆเพื่อทำธุรกรรม
ฟางหยวนได้รับวิญญาณอมตะดาบบินและรังอินทรีย์ที่สิบสามขณะที่เขามอบวิญญาณอมตะเรียกภัยพิบัติให้ชูตู๋ แน่นอนว่าฟางหยวนจะไม่ส่งมอบท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติให้กับชูตู๋โดยตรง
ด้วยความช่วยเหลือจากชูตู๋ ฟางหยวนจึงสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพครั้งที่สาม
ในภัยพิบัติพิภพสองครั้งแรกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและเกือบตาย แต่ในภัยพิบัติพิภพครั้งที่สาม เขาพบความสูญเสียเพียงเล็กน้อย ปัญหาใหญ่ที่สุดของเขาได้รับการแก้ไขโดยจักรพรรดิอมตะชูตู๋
วิญญาณอมตะเรียกภัยพิบัติทรงพลังสมชื่อของมัน
ฟางหยวนไม่แปลกใจที่โม่เหยาต้องการใช้วิญญาณอมตะดวงนี้ช่วยเหลือโป้ชิงแม้สุดท้ายนางจะล้มเหลวก็ตาม
หลังจากทั้งหมดวิญญาณอมตะเรียกภัยพิบัติเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ดเท่านั้นแต่โป้ชิงต้องการก้าวข้ามหมื่นภัยพิบัติเพื่อบรรลุสู่ระดับเก้า
อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังไม่พร้อมที่จะออกเดินทางไปแสวงหามรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งข้อมูลตามเงื่อนงำที่อยู่ในวิญญาณอมตะดาบบิน
ทะเลไหลเชี่ยวในทะเลตะวันออกไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าไปสำรวจ
ตอนนี้ฟางหยวนให้ความสนใจกับรังอินทรีย์มากที่สุด
รังอินทรีย์ที่สิบสามมีเบาะแสเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟานซ่อนอยู่ภายใน
ฟางหยวนตรวจสอบมันมาระยะหนึ่งแล้วและได้รับผลตอบแทนบางอย่าง
หากเปรียบเทียบกับมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งข้อมูล มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานสามารถชะลอเวลาในมิติช่องว่างของผู้อมตะ สิ่งนี้มีประโยชน์และสำคัญมากกว่า
ฟางหยวนตัดสินใจที่จะคว้ามรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1115 เปิดรังอินทรีย์ (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
มิติช่องว่างจักรพรรดิ สวรรค์สีม่วงน้อย
รังอินทรีย์ลอยอยู่กลางอากาศ
มันเป็นรังอินทรีย์ที่ดูเหมือนก้อนคริสตัลขนาดใหญ่
ฟางหยวนจดจำสิ่งนี้ได้ มันคือทรัพยากรอมตะระดับแปดคริสตัลสวรรค์!
คริสตัลสวรรค์สามารถลอยอยู่บนท้องฟ้าโดยไม่ร่วงหล่นลงสู่พื้นเว้นเพียงจะถูกผลักดันด้วยพลังงานจากภายนอก
โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่อยู่ภายใน เพียงคริสตัลสวรรค์ที่ห่อหุ้มอยู่ก็มีน้ำหนักถึงห้าร้อยกิโลกรัม!
นี่คือรังอินทรีย์ที่สิบสามของแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก
มูลค่าของมันสูงกว่ารังอินทรีย์ทั้งหมดรวมกัน
ฟางหยวนร่วมมือกับชูตู๋และสามารถฉกชิงรังอินทรีย์นี้มาได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาสุดท้ายของการต่อสู้ที่เผ่าไห่ ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าไห่ตะโกนบอกความลับกับทุกคนว่าในรังอินทรีย์ที่สิบสามมีเบาะแสเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟานซ่อนอยู่
นี่เป็นปัญหาสำหรับฟางหยวน
วิญญาณอมตะดาบบินรวมกับรังอินทรีย์ที่สิบสามมีมูลค่าสูงมาก แม้ชูตู๋จะเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่เขาก็ตระหนักถึงความล้ำค่าของทั้งสองสิ่ง
โชคดีที่ชูตู๋หมกมุ่นอยู่กับวิธีดึงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง
ดังนั้นฟางหยวนจึงใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้เพื่อเจรราแลกเปลี่ยนกับชูตู๋และสามารถบรรลุข้อตกลง
ชูตู๋ใช้วิญญาณอมตะเรียกภัยพิบัติเพื่อรับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งจากฟางหยวน ในอนาคตเขาจะได้ความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งจากฟางหยวนร้อยละสามสิบ
‘ชูตู๋เป็นผู้อมตะธรรมดา เขาไม่ต้องการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งข้อมูลหรือเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อเป็นเส้นทางรอง ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกสนใจมรดกที่แท้จริงทั้งสอง’
‘แตกต่างจากข้า ข้าสามารถบ่มเพาะได้ทุกเส้นทาง ไม่ว่าข้าจะได้รับมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางใด ข้าก็สามารถนำมาใช้กับตนเอง’
‘แต่ถึงกระนั้นข้าก็ยังรู้สึกชื่นชมการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยวของชูตู๋ เขาสามารถยอมแพ้ในสถานการณ์ที่เหมาะสม จักรพรรดิอมตะช่างน่าเกรงขามอย่างแท้จริง!’ ฟางหยวนคิดขณะตรวจสอบรังอินทรีย์
เขากับชูตู๋เป็นพันธมิตรในแง่ของผลประโยชน์ ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ห่างเหิน พวกเขาใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกันเท่านั้น
การติดต่อกับชูตู๋ ฟางหยวนต้องระวังตัวเป็นอย่างมาก
เขารู้ว่าชูตู๋ยังต้องการวิธีดึงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งออกมา
ชูตู๋มีทั้งสมองและความแข็งแกร่ง เขาไม่ใช่จักรพรรดิอมตะที่โง่เขลา
ความแข็งแกร่งของชูตู๋ทำให้เขาสามารถสร้างปัญหาให้กองกำลังขนาดใหญ่เช่นเผ่าหลิวได้ด้วยตัวเขาเองเพียงลำพัง ระหว่างการต่อสู้ที่เผ่าไห่ เขาทำให้ผู้อมตะทั้งหมดไม่กล้าลงมือโจมตีเขา
หลังจากการต่อสู้กับเผ่าหลิวในอดีต เขาแทบไม่ปรากฏตัวและเลี้ยงดูศิษย์อย่างลับๆเพื่อฉกฉวยความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งขณะที่ศิษย์ของเขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ ระหว่างการเจรจา ฟางหยวนยังตระหนักถึงความเฉลียวฉลาดของคนผู้นี้
จักรพรรดิอมตะชูตู๋มีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ แล้วเขาจะพอใจกับแค่วิญญาณเรียกภัยพิบัติได้อย่างไร?
สิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือดูเหมือนชูตู๋จะสามารถคาดเดาตัวตนที่แท้จริงของฟางหยวน
แน่นอนว่าฟางหยวนอาจคิดมากเกินไป
แต่ยังมีหลายสิ่งที่ทำให้ฟางหยวนต้องระวังตัวเป็นพิเศษ มิฉะนั้นเขาอาจพลาดรายละเอียดเล็กๆที่สำคัญ
การปรากฎตัวของชูตู๋ยังเป็นเรื่องน่าสงสัย ฟางหยวนคาดเดาว่าชูตู๋ถูกควบคุมโดยเจตจำนงสวรรค์และกลายเป็นภัยพิบัติมนุษย์ของเขา
การร่วมมือกับบุคคลเช่นนี้ไม่ต่างจากการขอความช่วยเหลือจากเสือ
ดังนั้นหลังจากสร้างความร่วมมือ ฟางหยวนไม่ได้พูดคุยกับชูตู๋มากนักและเร่งจากไปทันที
ชูตู๋ปล่อยฟางหยวนจากมาโดยไม่กล่าวสิ่งใด
ประการแรก วิญญาณอมตะเรียกภัยพิบัติอยู่ในมือเขา ประการที่สอง เขาและฟางหยวนได้สร้างข้อตกลงพันธมิตรเรียบร้อยแล้ว ประการที่สาม เขาไม่สามารถจับตัวฟางหยวนในแง่ของความเร็ว
ด้วยความแข็งแกร่งและความสามารถของชูตู๋ มันทำให้เขามีเครือข่ายและรู้จักผู้คนมากมาย
ฟางหยวนพิจารณาจุดนี้เช่นกัน เพื่อป้องกันเจตจำนงสวรรค์ ฟางหยวนมอบวิญญาณเจตจำนงของตนเองจำนวนมากให้กับชูตู๋ ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเจตจำนงสวรรค์จะส่งอิทธิพลต่อความคิดของชูตู๋มากนัก
‘ข้าต้องระวังตัวให้มากขึ้น หากผิดพลาด มันอาจนำไปสู่หายนะ!’ ฟางหยวนเตือนตนเอง
เป็นเพียงเวลานี้ที่เขาบังคับร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งบินเข้าไปหารังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์อย่างช้าๆ
เขาใช้วิธีการตรวจสอบและเงื่อนงำที่ได้รับจากไห่เจิ้ง
‘หากข้าคิดไม่ผิด เป็นเวลานี้…’
ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเปลี่ยนร่างเป็นไห่เจิ้งและบินเข้าไปหารังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์
ในเวลาเดียวกันวิญญาณหลายดวงก็บินออกมาหมุนวนอยู่รอบตัวไห่เจิ้งผู้นี้
ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมถูกกระตุ้นใช้งานโดยมีเป้าหมายที่รังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์
ท่าไม้ตายเหล่านี้ล้วนมาจากการค้นวิญญาณของไห่เจิ้งตัวจริง มันเป็นสิ่งที่ได้รับการส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่นในเผ่าไห่ ก่อนไห่ฟานจะเสียชีวิต เขาทิ้งคำสั่งเสียไว้กับบุตรหลานว่าสมาชิกเผ่าไห่ที่กลายเป็นผู้อมตะทุกคนจะต้องเรียนรู้วิธีการเหล่านี้
หลังจากการศึกษวิจัยมานานหลายชั่วอายุคนโดยผู้อมตะเผ่าไห่ พวกเขาค่อยๆเข้าใจว่าท่าไม้ตายเหล่านี้คือกุญแจสำคัญในการเปิดรังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์
มีผู้อมตะเผ่าไห่หลายคนพยายามใช้ท่าไม้ตายเหล่านี้เพื่อเปิดรังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์โดยหวังว่าจะได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน
แต่แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดประสบความสำเร็จ
เพราะพวกเขาขาดองค์ประกอบสำคัญที่สุด นั่นคือวิญญาณทัศนคติ!
นี่ทำให้ผู้อมตะเผ่าไห่หลายชั่วอายุคนไม่มีผู้ใดสามารถรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน
ผู้อมตะไม่ใช่คนโง่ หลังจากผู้อมตะเผ่าไห่ตระหนักถึงเรื่องนี้ พวกเขาพยายามค้นหาวิญญาณทัศนคติ
หลังจากทุ่มเทความพยายาม พวกเขาพบเบาะแสบางอย่างและมีความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้
เมื่อซูเซียนเอ๋อกลายเป็นภรรยาของไห่เจิ้ง นางเข้าสู่เผ่าไห่ในฐานะผู้อาวุโสนอก นางไม่ใช่ผู้อมตะเผ่าไห่ที่แท้จริง ดังนั้นนางจึงพลาดความลับสำคัญมากมายของเผ่าไห่
แต่นางมาพร้อมกับแรงจูงใจที่จะช่วยเหลือนางมารผลาญสวรรค์และสามารถขโมยข้อมูลเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟานออกมา
จากการตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้ นางพบข้อสงสัยบางอย่าง
แต่เมื่อนางเข้าใกล้ความสำเร็จ สถานการณ์กลับเปลี่ยนแปลงไป ไห่เจิ้งฆ่าซูเซียนเอ๋อ เทพธิดาหลี่ซานตัดขาดนางมารผลาญสวรรค์ ผลที่ตามมาคือซูเซียนเอ๋อทิ้งเบาะแสสำคัญและทุกสิ่งของนางไว้กับไห่ลั่วหลัน
หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ ไห่ลั่วหลันใช้เบาะแสเหล่านี้เพื่อให้ได้รับวิญญาณทัศนคติ
อย่างไรก็ตามสุดท้ายมันกลับตกอยู่ในมือของฟางหยวน
หลายวันที่ผ่านมาฟางหยวนฝึกฝนท่าไม้ตายดังกล่าวและไม่พบปัญหาใดๆ
ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเปลี่ยนเป็นเปลวไฟและสายฟ้าพุ่งเข้าโจมตีรังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์ การโจมตีแต่ละครั้งทำให้รังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์เกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อย
แรงสั่นสะเทือนค่อยๆทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
“ครั้งสุดท้าย!”
ฟาหงยวนรู้สึกตื่นเต้น
ตามข้อมูลที่ได้รับ ฟางหยวนปลดปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณทัศนคติออกมาและส่งมันเข้าหลอมรวมกับรังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์
รังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์เกิดการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ก่อนที่แสงเก้าสีจะส่องประกายขึ้น
ม่วง ฟ้า น้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง ขาว และดำ
แสงเหล่านี้บังคับให้ไห่เจิ้งตัวปลอมต้องล่าถอยออกมา
รังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์ที่ปิดตายมานานหลายปีเปิดออกในที่สุด
‘ข้าเข้าใจแล้ว!’ หัวใจของฟางยหวนแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก
‘เดิมทีคริสตัลสวรรค์ไม่มีสี แสงทั้งเก้ามาจากสวรรค์ทั้งเก้า ไห่ฟานผสานพวกมันเข้าด้วยกันโดยใช้วิธีบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมก่อนจะเก็บซ่อนมันไว้’
‘ก่อนตายไห่ฟานทิ้งท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเอาไว้ให้กับบุตรหลานเพื่อให้พวกเขาใช้มันเปิดผนึกรังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์รังนี้’
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะต้องประเมินมรดกที่แท้จริงของไห่ฟานสูงขึ้นไปอีก
คริสตัลสวรรค์เป็นทรัพยากรอมตะชนิดพิเศษที่จะพบในสวรรค์ทั้งเก้าเท่านั้นเว้นเพียงถ้ำสวรรค์ที่มีรากฐานอันล้ำลึก
เดิมทีฟางหยวนคิดว่าคริสตัลสวรรค์ชิ้นนี้มาจากถ้ำสวรรค์ของไห่ฟานแต่แท้จริงแล้วมันมาจากสวรรค์ทั้งเก้า
นี่ถือเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแท้จริง
เนื่องจากในปัจจุบันสวรรค์ทั้งเก้าเหลืออยู่เพียงสอง การค้นหาคริสตัลสวรรค์จากเศษชิ้นส่วนของสวรรค์ที่กระจัดกระจายและซ่อนอยู่ในสถานที่ต่างๆทั้งห้าภูมิภาคเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างที่สุด
“มรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน ข้ามาแล้ว!” ฟางหยวนไม่สามารถยับยั้งความตื่นเต้นที่อยู่ในใจขณะควบคุมไห่เจิ้งตัวปลอมบินเข้าไปในรังอินทรีย์อย่างระมัดระวัง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น