เทพปีศาจหวนคืน 1108-1109
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1108 โศกนาฏกรรม
แปลโดย iPAT
เนื่องจากการหยุดชะงักของปีศาจเฒ่าซากศพพิษ อี้เหราจึงมีเวลารักษาพิษและสามารถหลบหนีได้ในที่สุด
เหนียงเอ๋อปิงซื่อได้รับบาดเจ็บสาหัส แขนข้างหนึ่งของเขาถูกกัดกร่อนจนเหลือเพียงกระดูกขณะที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีม่วง
แต่เขายังเงยหน้าขึ้นด้วยความหยิ่งยโส “เจ้าไม่สามารถจากไปจนกว่าจะมีการตัดสินแพ้ชนะ!”
ปีศาจเฒ่าซากศพพิษโกรธมากแต่ในความโกรธยังมีความเสียใจปนอยู่
เหตุใดเขาจึงดึงดูดคนโรคจิตผู้นี้?
“เด็กผู้นี้บ้าเกินไปแล้ว” จากระยะไกล เหนียงเอ๋อฝูส่ายศีรษะก่อนจะโบกมือและนำอินทรีย์มงกุฎเหล็กที่พยายามหลบหนีอย่างสิ้นหวังเข้าไปในมิติช่องว่างของตน
ปีศาจเฒ่าซากศพพิษโจมตีเหนียงเอ๋อปิงซื่ออย่างรุนแรงแต่ความสนใจส่วนใหญ่ของเขากลับอยู่ที่เหนียงเอ๋อฝู
เหนียงเอ๋อปิงซื่อเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก แม้เขาจะได้รับมรดกที่แท้จริงบางส่วนจากผู้พิทักษ์ดาบ แต่เขายังไม่สามารถเปรียบเทียบกับปีศาจอมตะระดับเจ็ดเช่นปีศาจเฒ่าซากศพพิษ
เหนียงเอ๋อปิงซื่อสามารถอยู่รอดมาถึงตอนนี้เพราะเหนียงเอ๋อฝูให้ช่วยเหลือจากระยะไกลมาโดยตลอด
เหนียงเอ๋อฝูเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ เขาสามารถปล้นสะดมทรัพยากรทุกหนทุกแห่งขณะเดียวกันก็สามารถปกป้องเหนียงเอ๋อปิงซื่อจากการโจมตีที่รุนแรงของปีศาจเฒ่าซากศพพิษ
ปีศาจเฒ่าซากศพพิษรู้สึกเสียใจมากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้เป็นโอกาสอันล้ำค่าในรอบร้อยปีแต่เขากลับต้องต่อสู้กับผู้อมตะบางคนอยู่ที่นี่ขณะที่คนอื่นๆสามารถปล้นสะดมทรัพยากร
ปีศาจเฒ่าซากศพพิษมีชื่อเสียงและภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นสมาชิกกองกำลังพันธมิตรผีดิบในฐานะมนุษย์ที่มีชีวิตก่อนที่เขาจะทรยศ กองกำลังพันธมิตรผีดิบของภาคเหนือพยายามจับตัวเขาแต่ไม่ประสบความสำเร็จ
การต่อสู้ระหว่างเหนียงเอ๋อปิงซื่อและปีศาจเฒ่าซากศพพิษร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไปแม้เหนียงเอ๋อปิงซื่อจะไม่สามารถเอาชนะแต่เขายังได้รับชื่อเสียง
หลังจากนี้โลกของผู้อมตะภาคเหนือจะรู้จักอัจฉริยะที่น่าทึ่งของเผ่าเหนียงเอ๋อผู้นี้
โดยปกติกองกำลังขนาดใหญ่จะไม่รุนรานผู้อมตะฝ่ายปีศาจโดยปราศจากเหตุผลที่เพียงพอ แต่เผ่าเหนียงเอ๋อเป็นข้อยกเว้น
กองกำลังตระกูลฮวงจินส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์ที่ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์
ด้วยวิธีนี้แม้ผู้อมตะฝ่ายปีศาจจะต้องการบุกโจมตี พวกเขาก็ไม่สามารถทำได้โดยง่าย
ท้ายที่สุดแม้พวกเขาจะสามารถเข้าไป แต่การอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ของศัตรูก็จะทำให้พวกเขาสูญเสียความได้เปรียบ
“ผู้เยาว์นี่ช่างยอดเยี่ยมนัก” เหนียงเอ๋อฝูถอนหายใจ
เหนียงเอ๋อฝูให้ความช่วยเหลือเหนียงเอ๋อปิงซื่อหลายสิบครั้งแล้วแต่เขายังทำร้ายปีศาจเฒ่าซากศพพิษได้เพียงไม่กี่ครั้ง
หลังจากจับอินทรีย์มงกุฎเหล็กได้อีกหลายตัว เหนียงเอ๋อฝูก็มองเห็นรังนกขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
‘ข้าเคยได้ยินว่าเผ่าไห่มีวิธีเลี้ยงอินทรีย์มงกุฎเหล็กโดยใช้โลหะชนิดพิเศษและสามารถเพิ่มอัตราการขยายพันธุ์ของพวกมัน โลหะเหล่านั้นอยู่ในรังนกเหล่านี้หรือไม่?’
เหนียงเอ๋อฝูกำลังจะเคลื่อนไหวแต่ในจังหวะนี้ใบหน้าของเขากลับเปลี่ยนแปลงไป
ร่างหนึ่งบินไปยังรังนกที่อยู่ด้านหน้าเหนียงเอ๋อฝูด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
เขาคือฮุ้ยฟงซื่อ!
คนผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งวายุที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นบุคคลที่รวดเร็วที่สุดของภาคเหนือ กระทั่งเหยากวงก็ไม่สามารถหยุดเขา เขาเคยเข้าร่วมกันนิกายเงาก่อนจะถูกจับโดยผู้อมตะภาคกลาง แต่ฐานะคนทรยศของเขายังไม่ถูกเปิดเผย
ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความโกลาหล ฮุ้ยฟงซื่อสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระราวกับสายลม
ในไม่ช้าเหนียงเอ๋อฝูก็เห็นฮุ้ยฟงซื่อบินผ่านอุปสรรคนานัปการก่อนจะเข้าสู่รังนกถัดไป
‘เห้อ…เด็กผู้นี้ช่างขัดโชคลาภของข้านัก!’ เหนียงเอ๋อฝูมองกลับไปที่เหนียงเอ๋อปิงซื่อและถอนหายใจอีกครั้ง
การต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับนกอินทรีย์ดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด
จำนวนนกอินทรีย์มงกุฎเหล็กลดลง รังทั้งหมดของพวกมันถูกรุกรานโดยกลุ่มผู้อมตะ
“ดี ดี ดี โลหะชนิดนี้เป็นทรัพยากรอมตะระดับเจ็ด!” ผู้อมตะซื่อเฮามีความสุขกับผลกำไรที่ได้รับ
“เจ้าบ้าฮุ้ยฟงซื่อ เขากล้าขโมยสมบัติของข้า!” เมิ้งจี๋โกรธมาก
ฮุ้ยฟงซื่อไม่กล่าวสิ่งใดแต่เขายังรู้สึกหนักใจมาก เขาไม่ได้สัมผัสรังนกแม้แต่รังเดียวแต่ดูเหมือนบางคนจะปลอมตัวเป็นเขาและโยนความผิดให้เขา!
ในรังนกอินทรีย์เต็มไปด้วยทรัพยากรอมตะระดับเจ็ด
สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้อมตะที่ได้รับผลประโยชน์แสดงออกด้วยความสุข
ผู้อมตะที่แข็งแกร่งกว่าจะได้รับผลประโยชน์ที่มากกว่า นี่คือกฎของโลกผู้อมตะ
ผู้อมตะเผ่าไห่ยังไม่เคลื่อนไหว
พวกเขามองรังนกที่ถูกปล้นชิงและรู้สึกราวกับถูกเหยียบย่ำ
โกรธ เกลียด ชิงชัง หวาดกลัว
อารมณ์ทุกประเภทเกิดขึ้นในใจของผู้อมตะเผ่าไห่ พวกเขาแทบไม่กล้าหายใจ
“พอแล้ว!” ผู้อมตะของเผ่าไห่บางคนผุดลุกขึ้นยืน
เขามองไปรอบๆก่อนจะหันหน้าไปทางผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง “เราจะรอถึงเมื่อใด? ท่านไว้ใจเขา แต่เห็นหรือไม่ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น? พวกเราไม่สามารถรักษาทรัพยากรและยังต้องติดอยู่ที่นี่!”
“ช่างน่าอายนัก! เขากำลังล้อเล่นกับพวกเรา! ทุกท่าน ความกล้าของพวกท่านหายไปที่ใด? พวกท่านไม่โกรธไม่เกลียดบ้างเลยงั้นหรือ? เราจะนั่งรอความตายอยู่ที่นี่โดยไม่ออกไปต่อสู้เยี่ยงวีรบุรุษผู้กล้าเช่นนั้นหรือ? นี่คือบ้านของเรา! แต่ตอนนี้คนนอกกำลังปล้นและทำลายมัน!”
“ไท่เฉิง…” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองแสดงออกด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนและเรียกชื่อผู้อมตะเผ่าไห่ผู้นี้ด้วยน้ำเสียงตำหนิ
“ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง โปรดกล่าวบางสิ่ง!” ไห่ไป่เฉิงมองผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าไห่ด้วยสายตามุ่งมั่น
ทุกคนมองไปที่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าไห่เงียบไปชั่วขณะก่อนจะเปิดปากกล่าว “ในสถานการณ์เช่นนี้ทรัพยากรเป็นเพียงของนอกกาย หากเรายอมแพ้จะเป็นอย่างไร? หากเราไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเขาจะไม่เหลือที่ใดในภาคเหนือให้พวกเราอยู่อาศัย! รอดูไปก่อน”
ได้ยินเช่นนี้ช่วยไม่ได้ที่ร่างกายของไห่ไท่เฉิงจะสั่นสะท้านขึ้น เขาสูดหายใจลึกและพยายามสงบจิตใจ เขาไม่โกรธแต่เขารู้สึกโศกเศร้า
“ผู้อาวุโส ในความคิดเห็นที่ต่ำต้อยของข้า ข้าคิดว่าท่านไท่เฉิงกล่าวได้ถูกต้อง” ผู้อมตะระดับหกอีกคนเปิดปากกล่าว
“ข้าก็คิดเช่นเดียวกัน”
“หากเราไม่สู้ตอนนี้แล้วจะรอถึงเมื่อใด?”
“กรณีเลวร้ายที่สุดก็คือตาย!”
ผู้อมตะเผ่าไห่ไม่สามารถอดทน
ไห่ไท่เฉิงรู้สึกมั่นใจมากขึ้น
“พวกเจ้า…” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองตกใจ
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งยังเงียบ
ไห่ไท่เฉิงหัวเราะเสียงดัง “แนวป้องกันสามชั้น! กระทั่งเราจะมีแนวป้องกันสามสิบชั้น ในสถานการณ์นี้มันจะช่วยสิ่งใดได้! ไปเผชิญหน้ากับศัตรูกันเถอะ! ศักดิ์ศรีของเผ่าไห่จะถูกเหยียบย่ำได้อย่างไร? ทรัพยากรของเผ่าไห่ไม่สามารถปล้นชิงโดยง่าย! พวกเราจะเสียสละเลือดและชีวิตเพื่อปกป้องพวกมัน!”
ไห่ไถ่เฉิงหันหลังกลับและเดินจากไปทันที
ผู้อมตะเจ็ดคนของเผ่าไห่ไม่กล่าวสิ่งใดและเดินตามไห่ไท่เฉิงออกไป
“ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ท่านจะไม่ห้ามพวกเขางั้นหรือ?” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองรู้สึกไม่สบายใจ
“ปล่อยพวกเขาไป” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งถอนหายใจ
แนวป้องกันด่านแรกของเผ่าไห่พังทลายลงแล้ว อินทรีย์มงกุฎเหล็กบางส่วนตาย บางส่วนได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะที่บางส่วนถูกจับ
กลุ่มผู้อมตะบินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าและเริ่มเห็นอินทรีย์มังกร
ฝูงอินทรีย์มังกรเป็นแนวป้องกันด่านที่สองของเผ่าไห่
“อินทรีย์มังกรมากมายนัก!” ดวงตาของกลุ่มผู้อมตะส่องประกายขึ้น
“แม้อินทรีย์มังกรจะมีไม่มากเท่าอินทรีย์มงกุฎเหล็ก แต่พวกมันยังเป็นโชคลาภก้อนใหญ่!” บางคนแสดงความคิดเห็น
ผู้อมตะใจร้อนบางคนเริ่มโจมตีแต่บางคนยังอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
“อินทรีย์มังกรเหล่านี้ไม่ธรรมดา”
“ถูกต้อง ข้าเคยพบอินทรีย์มังกรมาก่อน พวกมันไม่ทรงพลังเช่นนี้”
“อินทรีย์มังกรเหล่านี้มีพลังและความเร็วสมคำร่ำลือจริงๆ”
ห้าสิบถึงหกสิบปีก่อนเผ่าไห่ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ในการเลี้ยงดูอินทรีย์มังกร พวกเขากระทั่งสามารถผลิตอินทรีย์มังกรสายพันธุ์ใหม่ที่แตกต่างจากอินทรีย์มังกรป่า
“นี่ไม่ใช่อินทรีย์มังกรแต่เป็นอินทรีย์คลื่นเสียง พวกมันถูกสร้างขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของเผ่าเฉียวของข้า!” ผู้อมตะบางคนกล่าวด้วยความปวดใจ
ทุกคนมองไปทางต้นเสียงและเห็นเฉียวตง
เขาเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะของเผ่าเฉียว
เผ่าเฉียวเป็นกองกำลังย่อยของเผ่าไห่ พวกเขาต้องการแยกตัวออกจากเผ่าไห่นานแล้ว เมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับเผ่าไห่ พวกเขาจึงแยกตัวออกมาทันที
หลังจากทั้งหมดเผ่าไห่และเผ่าเฉียวมีความขัดแย้งซ่อนอยู่มากมาย
ผู้อมตะคนอื่นไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้
นี่คือกฎทั่วไปของโลกผู้อมตะ
เฉียวตงอาจกลายเป็นผู้อมตะได้เพราะการสนับสนุนจากเผ่าไห่ แต่ตอนนี้เผ่าไห่กำลังตกที่นั่งลำบาก เผ่าเฉียวจึงฉวยโอกาสนี้บุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กพร้อมกับกองกำลังอื่น
ผู้อมตะฝ่ายธรรมะตระกูลฮวงจินมองเฉียวตงด้วยสายตาเย้ยหยันและเกลียดชัง
พวกเขาไม่ชอบคนอกตัญญู
แต่เฉียวตงมีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง นั่นคือผู้อมตะเผ่าหลิว หลิวซวนเฉิง
เผ่าหลิวกับเผ่าไห่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีนัก เผ่าเฉียวเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเผ่าไห่ แต่ตอนนี้เผ่าไห่กำลังจะล่มสลาย มันไม่ใช่เรื่องแปลกหากเฉียวตงจะหันไปหาเผ่าหลิว
“คนทรยศสมควรตาย!”
เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงสายหนึ่งดังขึ้นจากระยะไกล!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1109 ปกป้องด้วยชีวิต
แปลโดย iPAT
เงาดำขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาเฉียวตงและตรึงร่างของเขาเอาไว้
เฉียวตงกรีดร้อง “ผู้อาวุโสหลิว ช่วยข้าด้วย!”
หลิวซวนเฉิงปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าเฉียวตงและปลดปล่อยแสงสีขาวออกมาทำลายความมืดเหล่านั้น
“ไห่ไท่เฉิง มีข้าอยู่ เจ้าไม่สามารถทำร้ายเฉียวตง!” หลิวซวนเฉิงมองบุคคลตรงหน้าด้วยเจตจำนงแห่งการต่อสู้
กลุ่มผู้อมตะรู้สึกตื่นเต้น
ตอนนี้ไม่ว่าอินทรีย์มังกรหรืออินทรีย์คลื่นเสียง พวกมันไม่สำคัญอีกต่อไป
สิ่งสำคัญคือผู้อมตะเผ่าไห่ปรากฏตัวขึ้นในที่สุด
ไห่ไท่เฉิงในฐานะผู้อมตะระดับเจ็ดนำกลุ่มผู้อมตะระดับหกของเผ่าไห่ออกมาเผชิญหน้ากับผู้บุกรุก
ไห่ไท่เฉิงมองไปรอบๆก่อนจะหยุดสายตาอยู่ที่หลิวซวนเฉิง เขาถาม “จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือ?”
การแสดงออกของหลิวซวนเฉิงเปลี่ยนแปลงไป เขาเร่งหันหลังกลับ
เฉียวตงยังลอยอยู่กลางอากาศแต่การแสดงออกของเขากลับแข็งค้าง
เขาตายแล้ว!
“ท่าไม้ตายอมตะความมืดกลืนกินชีวิต!” หลิวซวนเฉิงตะโกนด้วยความโกรธ แต่ในไม่ช้าความโกรธของเขาก็จางหายไปและถูกแทนที่ด้วยรู้สึกชื่นชมปนเศร้า
เขาและไห่ไท่เฉิงเป็นคู่ปรับกันมานาน พวกเขาต่อสู้กันมามากกว่าร้อยครั้ง เขารู้ว่าท่าไม้ตายอมตะความมืดกลืนกินชีวิตทรงพลังแต่มันไม่สามารถใช้งานได้โดยง่าย ทุกครั้งที่กระตุ้นใช้งาน ไห่ไท่เฉิงจะเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล
หลิวซวนเฉิงไม่เคยเห็นไห่ไท่เฉิงใช้ท่าไม้ตายนี้ตั้งแต่เริ่มต้นการต่อสู้
สิ่งนี้ทำให้เขาเกิดความเข้าใจบางอย่าง คู่แข่งของเขาเตรียมตัวที่จะตาย เขาต้องการสังหารศัตรูให้ได้มากที่สุดก่อนที่ชีวิตของเขาจะจบสิ้นลง
ไห่ไท่เฉิงทำให้ขวัญกำลังใจของผู้อมตะเผ่าไห่ที่อยู่ด้านหลังเพิ่มสูงขึ้น
ด้วยประสบการณ์มากมาย ไห่ไท่เฉิงใช้วิธีการบางอย่างทำให้ฝูงอินทรีย์คลื่นเสียงจัดขบวนทัพขณะที่ผู้อมตะของเผ่าไห่คนอื่นๆแยกย้ายกันไปปกป้องสถานที่ต่างๆ
“ข้าจะสู้กับเจ้า!” ไป่ซุ้ยฮันคำราม
เขาโบกมือส่งกระแสน้ำพุ่งเข้าโจมตีไห่ไท่เฉิง
กระแสน้ำเปลี่ยนเป็นธารน้ำแข็งอันเย็นเยียบกลางอากาศ
“ระวัง! นี่คือท่าไม้ตายอมตะที่โดดเด่นของไป่ซุ้ยฮัน ธารน้ำแข็ง!” ผู้อมตะระดับหกของเผ่าไห่ตะโกน
ไห่ไท่เฉิงหัวเราะเบาๆ เขากับไป่ซุ้ยฮันมีความบาดหมางฝังลึก เขาไม่แปลกใจกับการโจมตีของไป่ซุ้ยฮัน
“เขาเป็นเพียงคนขี้แพ้” ดวงตาของไห่ไท่เฉิงส่องแสงสีดำออกมา เขาไม่เคลื่อนไหวแต่ธารน้ำแข็งกลับเปลี่ยนเป็นสีดำและแตกสลายไปภายในเวลาไม่กี่ลมหายใจ
ไป่ซุ้ยฮันพ่นเลือดคำโตออกมาจากปากก่อนจะร่วงลงจากท้องฟ้า
“มีศัตรูมากมาย ท่าไม้ตายอมตะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะใช้” ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังไห่ไท่เฉิง
เขาคือฮวงตี้!
ปีศาจอมตะระดับเจ็ดผู้นี้เป็นผู้นำฝ่ายปีศาจบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กก่อนที่ฝ่ายธรรมะจะเคลื่อนไหว
ตอนนี้เขากำลังฉวยโอกาสสังหารไห่ไท่เฉิง
แต่ไห่ไท่เฉิงเพียงโบกมือโดยไม่หันหลังกลับ
คลื่นแสงสีดำระเบิดออกมาและส่งฮวงตี้กระเด็นกลับหลัง
เลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของฮวงตี้ นี่ทำให้เขาตกใจและรีบหลบหนีอย่างไม่ลังเล
“หนูตัวเล็กตัวน้อย” ไห่ไท่เฉิงมองไปรอบๆและตะโกน “ผู้ใดจะเป็นรายต่อไป?”
ไม่มี
ไห่ไท่เฉิงมีพลังการต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์ เขากระทั่งแข็งแกร่งกว่าไป่ซุ้ยฮัน
กลุ่มผู้อมตะสามารถบอกได้ว่าไห่ไท่เฉิงเตรียมตัวที่จะตายในการต่อสู้ครั้งนี้ นี่ทำให้พลังการต่อสู้ของเขาพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด
เหตุใดทุกคนจึงมาที่แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก?
พวกเขามาเพื่อรับโชคลาภ!
หากเป้าหมายของพวกเขาคือโชคลาภ เหตุใดพวกเขาต้องต่อสู้กับสุนัขจนตรอกจนตัวตาย?
กลุ่มผู้อมตะเริ่มแยกย้ายและหลบเลี่ยงไห่ไท่เฉิง
การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น
ด้านหนึ่งคือการร่วมมือกันของฝ่ายธรรมะและปีศาจจำนวนมาก แต่เผ่าไห่มีข้อได้เปรียบด้านสถานที่และมีฝูงอินทรีย์คลื่นเสียงคอยให้ความช่วยเหลือ
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด
ผู้อมตะเผ่าไห่ทุกคนปกป้องบ้านของตนด้วยชีวิต
นี่ทำให้แนวป้องกันที่สองของเผ่าไห่เกิดเสถียรภาพมากขึ้น
ไห่ไท่เฉิงเห็นผู้บุกรุกพยายามหลีกเลี่ยง ดังนั้นเขาจึงเป็นฝ่ายจู่โจม
“เมิ้งจี๋ มอบชีวิตของเจ้ามา!” ไห่ไท่เฉิงตะโกนด้วยความโกรธและพุ่งเข้าโจมตีผู้อมตะระดับเจ็ดที่อยู่ใกล้ที่สุด
“ฮืม…คิดว่าข้ากลัวเจ้างั้นหรือ?” เมิ้งจี๋ต่อสู้อย่างกล้าหาญ
“บึม บึม บึม”
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลังจากผ่านไปหลายรอบ เมิ้งจี๋ผู้หยิ่งผยองกลับเป็นฝ่ายหลบหนี
เขากล้าหาญแต่ไห่ไท่เฉิงเป็นคนบ้าที่ไม่กลัวตาย!
ไห่ไท่เฉิงต่อสู้กับเมิ้งจี๋โดยหวังว่าจะตกตายไปพร้อมกัน
หลังจากผ่านไปหลายรอบ เมิ้งจี๋จึงไม่สามารถอดทนและต้องล่าถอยในที่สุด
ไห่ไท่เฉิงไล่ล่าศัตรู แต่เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้อมตะเผ่าไห่ เขาจึงต้องกลับไปช่วยเหลือพวกพ้อง
“กวงโจว รับนี่!” ไห่ไท่เฉิงระเบิดแสงสีดำออกมาและพุ่งไปข้างหน้า
กวงโจวเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ตอนนี้เขาอยู่ในร่างของราชสีห์ เขาคำรามและพ่งเข้าปะทะไห่ไท่เฉิง
ในเวลาต่อมาราชสีห์กวงโจวเปลี่ยนกลับเป็นร่างเดิมขณะถูกส่งลอยกลับหลังราวกับตุ๊กตาเก่าๆ
ไห่ไท่เฉิงพุ่งเข้าโจมตีเขาอีกครั้ง
กวงโจวกรีดร้องก่อนจะเปลี่ยนร่างเป็นนกและบินจากไป
“ขี้ขลาด!” ไห่ไท่เฉิงไม่สามารถติดตามและทำได้เพียงตะคอกเสียงเย็นเท่านั้น
เขากวาดตามองไปรอบๆก่อนจะพบเป้าหมายใหม่ที่อยู่ใกล้ที่สุด
มันคือผู้อมตะระดับเจ็ดหลิวซวนเฉิง
แต่หลิวซวนเฉิงฉลาดมาก เมื่อเห็นไห่ไท่เฉิงใกล้เข้ามา เขาเร่งล่าถอยออกไปทันที
ไห่ไท่เฉิงไล่ตาม แต่หลิวซวนเฉิงเคลื่อนที่เข้าไปหาจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนตู๋
ร่างของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนตู๋สั่นสะท้านขึ้นก่อนที่เขาจะหันหลังกลับและหลบหนีไป
ต่อมาหลิวซวนเฉิงยังล่อไห่ไท่เฉิงเข้าไปหาบัณฑิตสันโดษก่อนที่การต่อสู้สามทางจะปะทุขึ้น
“บึม!”
มันเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด หลิวซวนเฉิงและบัณฑิตสันโดษถูกบังคับให้ล่าถอย
ไห่ไท่เฉิงยังต่อสู้กับคนอื่นๆอย่างไม่หยุดยั้ง
บนท้องฟ้า ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าไห่ถอนหายใจ “ไท่เฉิง เด็กผู้นี้…”
เขารู้ว่าไห่ไท่เฉิงมีทักษะพิเศษเพื่อเพิ่มพลังอำนาจให้กับท่าไม้ตายของตน
มันคือการผลาญพลังชีวิต!
ผู้อมตะไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะหรือปีศาจ ไม่มีผู้ใดต้องการตาย ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีผู้ใดสามารถต่อสู้กับไห่ไท่เฉิง
ไห่ไท่เฉิงมอบความพ่ายแพ้ให้กับผู้อมตะจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามแม้ไห่ไท่เฉิงจะแข็งแกร่งแต่เขาก็เป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด
เขาไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ด้วยตัวเขาเพียงลำพัง
อินทรีย์คลื่นเสียงถูกจับและสังหารขณะที่ผู้อมตะเผ่าไห่ค่อยๆตกตายไปทีละคน
สู้!
ตาย!
สุดท้ายจึงเหลือไห่ไท่เฉิงเพียงผู้เดียว
ร่างที่อาบย้อมไปด้วยเลือดของเขาลอยอยู่กลางอากาศ เขากวาดตามองผู้อมตะที่อยู่รอบๆด้วยความภาคภูมิใจก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “เข้ามาฆ่าข้า!”
ผู้อมตะที่อยู่รอบๆไม่มีผู้ใดเคลื่อนไหว
หลิวซวนเฉิงแสดงออกด้วยความรู้สึกซับซ้อน แม้พลังงานอมตะของไห่ไท่เฉิงจะหมดแล้ว แต่หลิวซวนเฉิงก็ยังไม่กล้าเปิดฉากโจมตี
ไห่ไท่เฉิงเปิดปาก “เช่นนั้นให้ข้าลงมือ”
หลังกล่าวจบคำเขาพุ่งเข้าไปหาผู้อมตะที่อยู่ตรงหน้าทันที
นี่เป็นการโจมตีครั้งสุดท้ายของเขา
แต่เขาเสียชีวิตระหว่างทาง
มันเป็นโศกนาฎกรรมที่น่าเศร้า
ปราศจากไห่ไท่เฉิง กลุ่มผู้บุกรุกมุ่งหน้าไปยังแนวป้องกันที่สามของเผ่าไห่
ที่นี่มีอินทรีย์สิบสองตัวกีดขวางอยู่
พวกมันล้วนเป็นอินทรีย์ระดับสัตว์อสูรบรรพกาล
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งและผู้อมตะเผ่าไห่อีกหกคนบินลงมาจากท้องฟ้า
ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถฝากชีวิตไว้กับผู้อื่นอีกต่อไปและต้องออกมาต่อสู้ด้วยตนเองเท่านั้น
ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียว!
กลุ่มผู้อมตะกระจัดกระจายกันออกไปในครั้งเดียว
พวกเขาได้รับผลประโยชน์มากพอแล้ว ตอนนี้พลังจิตและพลังงานอมตะของพวกเขาเหลือไม่มาก แล้วผู้ใดจะต้องการต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งในสภาวะนี้?
รังของอินทรีย์ทั้งสิบสองมีรูปร่างที่แปลกประหลาดแต่พวกมันบรรจุทรัพยากรอมตะระดับแปดเอาไว้
ผู้อมตะมากมายพยายามฉกฉวยผลประโยชน์เหล่านี้
ยักษ์เขียวคร่าชีวิตผู้อมตะที่โชคร้ายอย่างต่อเนื่อง
มนุษย์ตายเพื่อความมั่งคั่ง นกตายเพื่ออาหาร
“อันตรายเกินไป ไปกันเถอะ” เหนียงเอ๋อฝูคว้าร่างเหนียงเอ๋อปิงซื่อที่หมดสติล่าถอยออกไปอย่างลับๆ
“ข้าไม่สามารถอยู่ที่นี่อีกต่อไป” ไป่ซุ้ยฮันถอนตัวหลังจากได้รับทรัพยากรอมตะระดับแปดจำนวนมาก
ผู้อมตะหลายคนกำลังเตรียมตัวจากไป
แต่ทันใดนั้นรังอินทรีย์ที่สิบสามกลับปรากฏขึ้นและดึงดูดความสนใจของทุกคน
กลุ่มผู้อมตะอุทานด้วยความประหลาดใจ
“นี่เป็นของข้า” แต่ในจังหวะนี้ชูตู๋กลับปรากฏตัวขึ้นด้านหน้ากลุ่มผู้อมตะทั้งหมด
“จักรพรรดิอมตะ!” ทุกคนตกใจและหยุดเคลื่อนไหว
ชูตู๋แข็งแกร่งกว่าไห่ไท่เฉิงมาก!
ความแข็งแกร่งทั้งหมดของกองกำลังใหญ่เช่นเผ่าหลิวยังไม่สามารถต่อต้านชูตู๋ มีผู้อมตะเพียงผู้เดียวที่สามารถแข่งขันกับเขา นั่นคือฉินไป่เฉิง
สถานการณ์ปัจจุบันทุกคนอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ชูตู๋เคลื่อนไหว
แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดกล้าก้าวออกไปข้างหน้า
ยักษ์เขียวคำรามเสียงดัง “ชูตู๋ เจ้ากล้างั้นหรือ?”
ชูตู๋หัวเราะเสียงเย็น “เหตุใดจะไม่?”
“บึม!”
ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรงแต่เป็นยักษ์เขียวที่ถูกส่งลอยกลับหลังโดยชูตู๋
“ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณแม้จะทรงพลัง แต่มันถูกขับเคลื่อนโดยพวกเจ้า โดยเฉพาะเมื่อพวกเจ้าอยู่ในสภาพนี้ พวกเจ้าไม่สามารถแข่งขันกับข้า” ชูตู๋ยืนอยู่กลางอากาศด้วยการแสดงออกที่หยิ่งทะนง
หลังจากนั้นชูตู๋ก็บินเข้าไปหารังอินทรีย์ที่สิบสาม แต่ก่อนที่เขาจะสามารถคว้ามันมา คฤหาสน์วิญญาณอมตะกลับพุ่งลงมากระแทกศีรษะของชูตู๋
“คฤหาสน์วิญญาณอมตะกระท่อมฟาง!” บางคนจดจำสิ่งนี้ได้ มันเคยเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะของเผ่าตงฟางมาก่อน!
“ฮืม!” ชูตู๋ก่นเสียงเย็น
“บึม!”
กระท่อมฟางถูกส่งลอยกลับหลังด้วยฝ่ามือเพียงข้างเดียวของชูตู๋
ทุกคนอ้าปากค้าง!
ชูตู๋คว้ารังอินทรีย์ลึกลับมาได้ในที่สุด
ต่อมาสายตาของชูตู๋จึงหันไปทางยักษ์เขียว
ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่รู้สึกสิ้นหวัง
“รอก่อน” ก่อนที่ชูตู๋จะระเบิดพลังออกมา เสียงสายหนึ่งพลันดังขึ้น
กลิ่นอายอันทรงพลังปกคลุมพื้นที่เอาไว้ทั้งหมด
ผู้อมตะระดับแปด จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู!
สุดท้ายผู้อมตะระดับแปดก็ปรากฏตัว
แต่ทุกคนไม่แน่ใจว่าเขามาด้วยตนเองหรือมาเพียงเสียง
“ตามข้อตกลง ไม่ใช่ว่าผู้อมตะระดับแปดจะไม่เข้ามายุ่งเช่นนั้นหรือ?” ผู้อมตะฝ่ายธรรมะบางคนรู้สึกสับสน
เสียงของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูดังขึ้นอีกครั้ง “การต่อสู้กับเผ่าไห่จบลงที่นี่ สมาชิกที่เหลือของเผ่าไห่ได้เข้าร่วมกับข้า จากนี้ไปที่นี่คืออาณาเขตของเผ่าไป่ซู”
“พวกเรายินดีเปลี่ยนไปใช้แซ่ไป่ซู” ผู้อาวุโสของเผ่าไห่เร่งตอบรับ
ผู้อมตะทั้งหมดตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
คนฉลาดจะรู้ว่า จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูสามารถกล่าวสิ่งนี้เพราะเขาได้ทำข้อตกลงกับผู้อมตะระดับแปดคนอื่นๆไว้แล้ว
“ทุกคนไม่จำเป็นต้องจากไป ข้าจะจัดงานเลี้ยงเป็นเวลาสามวันสามคืนสำหรับทุกคน” จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกล่าวต่อ
ใบหน้าของผู้อมตะเผ่าไห่กระตุก
สนามรบยังเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดแต่เขากลับต้องการจัดงานเลี้ยง นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันเกินไป
“ขอแสดงความยินดีกับเผ่าไป่ซู ขอแสดงความยินดีกับจักรพรรดิสวรรค์” ผู้อมตะฝ่ายธรรมะเร่งตอบรับ
ปีศาจอมตะและผู้บ่มเพาะสันโดษรู้สึกกระวนกระวายใจ
“ฮืม!” ชูตู๋ก่นเสียงเย็น เขาสะบัดแขนเสื้อและบินจากไปภายใต้การจ้องมองของทุกคน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น