เทพปีศาจหวนคืน 1105-1106
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1105 การต่อสู้ของเผ่าไห่ (1)
แปลโดย iPAT
สองวันต่อมา
สองผู้อมตะจากเผ่าเหยาลอยอยู่กลางอากาศโดยไม่ปกปิดตัวตน
ผู้อมตะหญิงชื่อเหยาจูเผยรอยยิ้มสดใส “วันนี้อากาศดี อารมณ์ของข้าดีขึ้นเพราะมัน”
ด้านข้างเป็นผู้อมตะหญิงอีกคนจากเผ่าเหยาชื่อว่าเหยาจือฮั่นถอนหายใจ “อากาศดี พวกเราอารมณ์ดี แต่มันตรงข้ามกับเผ่าไห่”
ดวงตาของนางส่องแสงสีม่วงออกมาขณะที่นางมองลงไปด้านล่าง
อีกมุมหนึ่งมีผู้อมตะชายสองคนนั่งอยู่
ทั้งสองเป็นชายวัยกลางคนที่มีเคราหนา พวกเขาสวมชุดเกราะแต่เปิดเผยมัดกล้ามเนื้อที่แขนทั้งสองข้าง
พวกเขาไม่ได้สวมรองเท้าขณะที่กางเกงสั้นจนสามารถมองเห็นหัวเข่า
ความแตกต่างเดียวของพวกเขาคือผิวสีดำและผิวสีเหลือง
สิ่งเหล่านี้เป็นเอกลักษณ์ของสมาชิกตระกูลฮวงจินเผ่าหนึ่ง
มันคือเผ่าเมิ้ง!
ผู้อมตะเผ่าเมิ้งที่มีผิวสีเหลืองมองผู้อมตะหญิงสองคนจากเผ่าเหยาและกล่าว “นางคือเหยาจือฮั่น ดวงตาของนางส่องแสงสีม่วงออกมา นั่นเป็นท่าไม้ตายที่เป็นเอกลักษณ์ของเผ่าเหยา ดวงตาหยกม่วง มันสามารถมองทะเลแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์ นี่ทำให้เผ่าเหยาสามารถมองเห็นสถานการณ์ของเผ่าไห่ในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก”
ในทางกลับกัน เมิ้งซื่อเงยหน้าขึ้นและตะโกน “ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เราสามารถต่อสู้ด้วยหมัดของเรา”
ทันใดนั้นเขาพลันหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเพียงเพื่อที่จะพบกับแสงสีทองพุ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน
“เผ่ากงมาถึงแล้ว!”
“น่าประทับใจ พวกเขากระทั่งนำคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังตะวันตกออกมา เผ่ากงช่างมีความมุ่งมั่นนัก”
“เผ่ากงเป็นเช่นนี้เสมอ พวกเขามักใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย อย่าไปยุ่งกับพวกเขา!”
ผู้อมตะฝ่ายธรรมะต่างสนทนาเกี่ยวกับสถานการณ์
ความสนใจส่วนใหญ่ของพวกเขาอยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก
แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กเป็นฐานทัพใหญ่ของเผ่าไห่ หากประตูทางเข้าของแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่เปิดออก คนนอกจะไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายใน
เว้นเพียงพวกเขาจะมีท่าไม้ตายคล้ายกับดวงตาหยกม่วงของเหยาจือฮั่น
ผู้อมตะฝ่ายธรรมะกำลังรอคอยอย่างอดทน
จากข้อมูลที่พวกเขาได้รับ ฝ่ายปีศาจเริ่มโจมตีเผ่าไห่แล้ว
ระหว่างความสับสนวุ่นวายในภาคเหนือ ปีศาจอมตะระดับเจ็ดฮวงตี้ได้เข้าแทรกแซง เขาเป็นบุคคลที่ได้รับมรดกของผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ในตำนานของภาคเหนือที่ชื่อต้าลั่ว นี่ทำให้เขามีวิธีโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์
ดังนั้นปีศาจอมตะฮวงจี้จึงเปิดฉากโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กเป็นคนแรก
หากถึงจุดหนึ่งแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กจะพังทลายและเต็มไปด้วยรูช่องโหว่
ด้วยวิธีนี้แม้ประตูของแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กจะไม่เปิดออก ผู้อมตะทั้งหมดของภาคเหนือก็ยังสามารถเข้าไปได้อย่างอิสระ
“ทุกท่าน ข้า กงเอ๋อ ขอเชิญทุกท่านโจมตีเผ่าไห่พร้อมกัน” ด้านนอกคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังตะวันตก ผู้อมตะระดับเจ็ดของเผ่ากงกล่าว
‘สหายกงเอ๋อ ข้อมูลของพวกเราถูกต้อง เจ้ามาจริงๆ’
‘ฮ่าฮ่า เผ่ากงต้องการเป็นผู้นำ หากพวกเขาอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะ พวกเขาจะเป็นผู้นำกองกำลังพันธมิตรได้อย่างไร’
‘นี่คือนิสัยของเผ่ากง แต่เผ่ากงกระทั่งนำคฤาสน์วิญญาณอมตะออกมา พวกเขาถือเป็นกองกำลังฝ่ายธรรมะระดับแนวหน้าจริงๆ’
‘ผู้ใดจะโง่ให้เผ่ากงเป็นผู้นำ’
ผู้อมตะฝ่ายธรรมะลอบเย้ยหยันอยู่ในใจ
เผ่ากงเป็นสมาชิกตระกูลฮวงจินและเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ ผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขามีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่
ก่อนหน้านี้เหยากวงและจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูร่วมมือกันแต่ยังพ่ายแพ้ให้กับปีศาจอมตะเซี่ยหู
แต่ภาคเหนือยังมีผู้อมตะระดับแปดที่มีชื่อเสียงอีกคนคือองค์ชายฟงเซี่ยนซึ่งเป็นผู้อมตะของเผ่ากง
ด้วยเหตุนี้เผ่ากงจึงกระจายข่าวออกไปว่าองค์ชายฟงเซี่ยนสามารถต่อสู้กับปีศาจอมตะเซี่ยหู นั่นทำให้ชื่อเสียงของเผ่ากงพุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมาก
กงเอ๋อยืนอยู่ด้านหน้าคฤหาสน์วิญญาณอมตะและคิดว่าตนเองได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากผู้อมตะฝ่ายธรรมะ แต่ในความเป็นจริงกลับไม่มีผู้อมตะคนใดตอบสนองต่อคำกล่าวของเขา
แม้เขาจะอายุมากแล้วและมีประสบการณ์สูง แต่การแสดงออกของเขายังกลายเป็นน่าเกลียด
“ผู้อมตะเผ่าไป่ซูทักทายผู้อาวุโสกงเอ๋อ” เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะสามคนบินเข้ามาหากงเอ๋อ
หนึ่งในสามเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดขณะที่อีกสองคนเป็นผู้อมตะระดับหก
คนทั้งสามอ่อนน้อมถ่อมตนและเผยรอยยิ้มทักทายอย่างอบอุ่น
การแสดงออกของกงเอ๋อผ่อนคลายลง ตอนนี้เขาสามารถรักษาใบหน้า ดังนั้นเขาจึงเชิญผู้อมตะทั้งสามเข้าไปในคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังตะวันตกอย่างรวดเร็ว
ผู้อมตะฝ่ายธรรมะที่เห็นเหตุการณ์นี้มีการแสดงออกที่ซับซ้อน
เนื่องจากเผ่าไป่ซูไม่มีสายเลือดของตระกูลฮวงจิน แต่พวกเขาเป็นบุตรหลานของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู ผู้อมตะระดับแปดที่มีชื่อเสียง
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่หลังจากการล่มสลายของแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวง เขาได้ก่อตั้งกองกำลังของตนเองขึ้น
ภาคเหนือในปัจจุบีน กองกำลังฝ่ายธรรมะส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของตระกูลฮวงจิน
เพื่อที่จะกลายเป็นกองกำลังใหญ่ฝ่ายธรรมะที่ได้รับการยอมรับ จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจึงสร้างสายสัมพันธ์กับเหยากวงและร่วมมือกันต่อต้านปีศาจอมตะเซี่ยหู
แม้พวกเขาจะพ่ายแพ้ แต่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูก็บรรลุเป้าหมายแล้ว
เขาได้รับการยอมรับจากเหยากวงและเผ่าเหยา ดังนั้นจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจึงสามารถก่อตั้งเผ่าของตนได้อย่างเป็นทางการ
ผู้อมตะเผ่าไป่ซูเคยอาศัยอยู่ในถ้ำสวรรค์ของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู แม้เผ่าไป่ซูจะมีสมาชิกไม่มาก แต่พวกเขายังสามารถส่งผู้อมตะสามคนเข้าร่วมในเหตุการณ์นี้
“เผ่าไป่ซู…”
“ฮืม…ผู้อมตะเผ่าไป่ซูมีความโดดเด่นไม่แพ้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจริงๆ”
“เรามีมุมมองที่แตกต่างจากเผ่ากง นี่ทำให้เผ่าไป่ซูได้รับประโยชน์แทนพวกเรา!”
ฝ่ายธรรมะของภาคเหนือคือตระกูลฮวงจิน แม้พวกเขาจะมีความขัดแย้งภายใน แต่พวกเขาก็ไม่ต้องการเห็นคนนอกเช่นเผ่าไป่ซูเติบโตขึ้น
“น่าเสียดายที่เผ่าไป่ซูได้รับการคุ้มครองจากจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู่ พวกเราไม่สามารถแตะต้องพวกเขา”
“ถึงกระนั้นเราก็มีหลายวิธีที่สามารถจัดการพวกเขา คิดจะก่อตั้งกองกำลังในภาคเหนือ ฮืม…มันจะไม่ง่าย!”
ผู้อมตะฝ่ายธรรมะวิพากษ์วิจารณ์
“บึม!”
ผู้อมตะฝ่ายธรรมะพึ่งเริ่มพูดคุยแต่เสียงระเบิดกลับดังขึ้นอย่างกะทันหัน
สายตาของทุกคนมองลงไปด้านล่างและพบกับห้วงมิติที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ฉากในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กปรากฏต่อหน้าทุกคน
ตอนนี้ท่าไม้ตายเช่นดวงตาหยกม่วงไม่จำเป็นอีกต่อไป พวกเขาสามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน
แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กตกลงสู่ความโกลาหล
ผู้อมตะฝ่ายปีศาจจำนวนมากแข่งขันกันปล้นสะดมทรัพยากรของเผ่าไห่อย่างอุกอาจ
“เปรี้ยง!”
สายฟ้าพุ่งลงไปด้านล่างและสร้างหลุมลึกเอาไว้พร้อมควันสีดำ
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนตู๋ตะโกนเสียงดัง “ทุ่งหญ้าคบเพลิงเป็นของข้า ผู้ใดกล้าแย่งเข้ามา!”
เฒ่าลู่และคนอื่นๆมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัว
“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนตู๋มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งสายฟ้าสองดวง พลังการต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นมาก พวกเราควรล่าถอย”
“ถูกต้อง ที่นี่เต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่า เหตุใดพวกเราต้องต่อสู้กับเขา?”
ผู้อมตะเหล่านี้เป็นผู้อมตะระดับล่าง หลังจากพูดคุย พวกเขาเร่งจากไปทันที
อีกด้านหนึ่ง
สัตว์อสูรเดียวดายอินทรีย์มงกุฎเหล็กกรีดร้องออกมาหลังจากถูกกระทืบโดยหมูป่าตัวหนึ่ง
ปีศาจอมตะผู้หนึ่งถือค้อนทองสัมฤทธิ์ยืนอยู่บนแผ่นหลังหมูป่ากล่าว “สัตว์ชั้นต่ำ กล้าลอบโจมตีข้างั้นหรือ?”
หลังกล่าวจบคำ เขาเร่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก
นกยูงตัวหนึ่งกำลังบินเข้ามาและกล่าวด้วยภาษามนุษย์ “จ้าวซาน”
“โอ้ มันคือเทพธิดาอี้เหรา!” จ้าวซานเผยรอยยิ้มและพยายามสร้างความประทับใจที่ดีต่อนาง
เทพธิดานกยูงเหินอี้เหราเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง
“แลกเปลี่ยนสัตว์อสูรเดียวดายใต้เท้าของเจ้ากับม้าไร้เงาของข้า” อี้เหราเสนอ
ดวงตาของจ้าวซานส่องประกายขึ้น เขาเร่งพยักหน้า “ได้เลย มาแลกเปลี่ยนกัน! ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะทำตามคำขอของเทพธิดา ฮ่าฮ่าฮ่า”
อีกมุมหนึ่ง
สายลมพัดมาอย่างต่อเนื่อง
ร่างที่บินลงจากท้องฟ้ากล่าวด้วยความกระวนกระวาย “ผู้ใดจะคิดว่าทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดวายุหยกเขียวจะอยู่ที่นี่”
เขาก็คือผู้อมตะระดับเจ็ดไป่ซุ้ยฮัน
“พี่ไป่ ทรัพยากรอมตะชิ้นนี้เป็นของข้า” ร่างหนึ่งปรากฏขึ้น
เขาคือบัณฑิตสันโดษ
บัณฑิตสันโดษเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่มีชื่อเสียงไม่ด้อยไปกว่าไป่ซุ้ยฮัน
“ครั้งก่อนที่ไท่ชิวพวกเราไม่ได้ตัดสินแพ้ชนะ เช่นนั้นมาสู้กันให้รู้ผลเดี๋ยวนี้!” ไป่ซุ้ยฮันเสนอ
บัณฑิตสันโดษเผยรอยยิ้มบาง “ข้าได้ยินว่าพี่ไป่สร้างท่าไม้ตายใหม่สำเร็จแล้ว โปรดให้ข้าได้เปิดหูเปิดตา”
…..
สถานการณ์ทุกรูปแบบเกิดขึ้นขณะที่ผู้อมตะฝ่ายธรรมะเพียงเฝ้ามอง
“เพราะปีศาจอมตะฮวงตี้ ฝ่ายปีศาจจึงสามารถลงมือก่อน”
“อย่าได้กังวล แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กเป็นสถานที่พิเศษ พวกเขามีชื่อเสียงในการเลี้ยงดูอินทรีย์มงกุฎเหล็ก พื้นที่ส่วนใหญ่ของมันเป็นท้องฟ้า มีพื้นดินเพียงเล็กน้อย สิ่งล้ำค่าที่แท้จริงคือรังของอินทรีย์เหล่านั้น”
“ฮืม ทรัพยากรหลักของเผ่าไห่ยังไม่ถูกเปิดเผย แต่พวกเขากลับต่อสู้กันแล้ว”
ฝ่ายธรรมะเตรียมพร้อมที่จะโจมตี
แต่ในเวลานี้เงาร่างสายหนึ่งกลับพุ่งเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
“เขาคือผู้ใด? เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งดาบ!”
“เขามาจากเผ่าเหนียงเอ๋อ ข้าคิดว่าเขาคือเหนียงเอ๋อปิงซื่อ!”
ผู้อมตะฝ่ายธรรมะตกใจ คนผู้นี้ปกปิดตัวตนและไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใดทั้งสิ้น
“ผู้ใด?” ในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก ชิงฉวนซื่ออุทานเมื่อสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง
แสงดาบพุ่งผ่านร่างของชิงฉวนซื่อไปด้วยความเร็วสูง
ศีรษะของเขาถูกตัดออกอย่างกะทันหัน!
“คนที่สังหารเจ้า เหนียงเอ๋อปิงซื่อ!”
———————
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1106 การต่อสู้ของเผ่าไห่ (2)
แปลโดย iPAT
ชิงฉวนซื่อเป็นผู้อมตะระดับหกที่เคยผ่านภัยพิบัติสวรรค์มาแล้วแต่เขากลับไม่สามารถต่อต้านและถูกสังหารทันทีโดยเหนียงเอ๋อปิงซื่อ
นี่ทำให้การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะเปลี่ยนแปลงไป
ศีรษะของชิงฉวนซื่อตกลงบนพื้น
เลือดพุ่งออกมาจากลำคอที่ไร้ศีรษะราวกับน้ำพุธรรมชาติ
ชิงฉวนซื่อเสียงชีวิตด้วยดวงตาเบิกกว้าง
แสงดาบของเหนียงเอ๋อปิงซื่อยังบินต่อไปด้วยกลิ่นอายที่น่าประทับใจ
“คนต่อไปคือเจ้า!” เหนียงเอ๋อปิงซื่อกล่าวเบาๆแต่ทุกคนสามารถได้ยิน
บุคคลที่โชคร้ายคนที่สองยังเป็นผู้อมตะฝ่ายปีศาจ
แต่เหนียงเอ๋อปิงซื่อได้เปิดเผยการคงอยู่ของตนเองไปแล้ว ดังนั้นปีศาจอมตะผู้นี้จึงสามารถรับมือได้ดีกว่าชิงฉวนซื่อ เขาเร่งล่าถอยแต่เหนียงเอ๋อปิงซื่อยังสามารถล่าสังหารเขาได้ในการโจมตีเดียว
การแสดงออกของผู้อมตะฝ่ายธรรมะเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ผู้อมตะเผ่าหลิว หลิวซวนเฉินเผยรอยยิ้ม “เหนียงเอ๋อฝู นี่คือเด็กรุ่นใหม่ของเผ่าเหนียงเอ๋องั้นหรือ?”
เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างกะทันหัน “ฮ่าฮ่า เด็กผู้นี้ได้รับมรดกที่แท้จริงของผู้พิทักษ์ดาบและฝึกตนอยู่ในเผ่าของข้ามาเป็นเวลาสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกมา เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกตื่นเต้นและบ้าคลั่งเช่นนี้”
เขาคือผู้อมตะระดับเจ็ดในรูปลักษณ์ของเด็กอ้วนอายุเพียงห้าหรือหกขวบเท่านั้น
หลิวซวนเฉินลอบถ่ายทอดเสียงและวิพากษ์วิจารณ์กับคนอื่นๆ
“ผู้พิทักษ์ดาบเหนียงเอ๋อเป็นผู้อมตะระดับแปดของเผ่าเหนียงเอ๋อ เขาไม่ต่างจากไห่ฟาน ด้วยการคงอยู่ของผู้พิทักษ์ดาบเหนียงเอ๋อ เผ่าเหนียงเอ๋อจึงกลายเป็นกองกำลังระดับแนวหน้าของภาคเหนือ”
“ผู้พิทักษ์ดาบเหนียงเอ๋อเคยเป็นอัจฉริยะที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งแสงแต่ภายหลังเขาเปลี่ยนไปบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งดาบและยังประสบความสำเร็จ ก่อนตายเขาทิ้งมรดกที่แท้จริงไว้เบื้องหลัง มีการทดสอบที่ยากลำบากแต่สุดท้ายยังมีบางคนสามารถรับสืบทอดมรดกจากเขา”
“ข่าวลือกล่าวว่ามรดกที่แท้จริงของผู้พิทักษ์ดาบถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน ผู้ที่ได้รับมรดกส่วนแรกจะถูกเรียกว่านักดาบฝึกหัด”
“หลังจากสามร้อยปี นักดาบฝึกหัดคนใหม่ก็ปรากฎตัวขึ้นในเผ่าเหนียงเอ๋อ!”
หากคนผู้นี้ได้รับอนุญาตให้ฝึกฝนต่อไป อนาคตของเขาจะส่งผลกระทบต่อกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคเหนือเป็นอย่างมาก
เมื่อเขากลายเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและได้รับมรดกอีกสองส่วน เขาจะกลายเป็นผู้สืบทอดของผู้พิทักษ์ดาบที่แท้จริง
เรื่องนี้ไม่สามารถมองข้าม
ในความเป็นจริงนักดาบฝึกหัดผู้นี้ยังเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก แต่พลังการต่อสู้ของเขากลับน่าสะพรึงกลัวถึงระดับนี้ ในเวลาสั้นๆ เขาสามารถสังหารปีศาจอมตะไปถึงสองคน!
เหนียงเอ๋อปิงซื่อคำรามด้วยความมั่นใจ เขาเคลื่อนที่ไปรอบๆและสามารถมองเห็นเพียงแสงดาบสีเงินเท่านั้น
แสงดาบเปลี่ยนทิศไปยังปีศาจอมตะที่อยู่ใกล้ที่สุด
แสงดาบทะลุผ่านร่างของปีศาจอมตะแต่เขายังสามารถเผยรอยยิ้มเย็นชา “เด็กน้อย เพียงเพราะเจ้าสามารถสังหารคนอ่อนแอ เจ้าถึงกับกล้าท้าทายข้าอย่างไร้ยางอายเช่นนี้งั้นหรือ?”
ปีศาจเฒ่าซากศพพิษกล่าวขณะที่ควันสีม่วงลอยขึ้นจากบาดแผลของเขา
เมื่อควันสีม่วงจางหายไป อาการบาดเจ็บของเขาก็ฟื้นฟูขึ้น
แสงดาบของเหนียงเอ๋อปิงซื่อแตกสลายและเผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขา
เขาเป็นเด็กหนุ่มที่หล่อเหลาและมีคิ้วที่แหลมคม
“พรวด!”
เขาพ่นเลือดสีม่วงออกมาจากปาก
“สู้กับข้าอีกครั้ง!” เหนียงเอ๋อปิงซื่อได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ดวงตาของเขายังลุกไหม้ด้วยความกระตือรือร้น
“เช่นนั้นข้าก็จะสังหารเจ้าก่อน” ปีศาจเฒ่าซากศพพิษเผยรอยยิ้มน่ากลัว
“เห้อ…เด็กสมัยนี้ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดทั้งสิ้น” เหนียงเอ๋อฝูถอนหายใจ
จากนั้นร่างของเขาก็หายไปในอากาศก่อนจะปรากฏตัวอีกครั้งด้านข้างซากศพของชิงฉวนซื่อ
เขาสะบัดมือเบาๆแต่ศีรษะและร่างกายของชิงฉวนซื่อราวกับถูกตรึงไว้ด้วยพลังงานที่มองไม่เห็นก่อนจะบินเข้าไปในมิติช่องว่างของเหนียงเอ๋อฝู
แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดแต่เขาก็เต็มไปด้วยความโลภ แม้เหนียงเอ๋อปิงซื่อจะอยู่ในการต่อสู้ที่ดุเดือดกับปีศาจเฒ่าซากศพพิษ แต่เหนียงเอ๋อฝูกลับไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ตรงข้ามเขากำลังฉกฉวยประโยชน์จากซากศพที่เหนียงเอ๋อปิงซื่อทิ้งไว้เบื้องหลัง
“ตาย! ตาย!”
“นี่เป็นของข้า! ผู้ใดกล้าแย่ง!”
“ข้าเมิ้งจี๋อยู่ที่นี่ ผู้ใดกล้าต่อสู้กับข้า!?”
…..
หลังจากเหนียงเอ๋อปิงซื่อเปิดฉากโจมตี ผู้อมตะฝ่ายธรรมะก็เริ่มเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กและฉกชิงทรัพยากรทุกประเภท
เสียงกรีดร้องของนกอินทรีย์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เทพธิดานกยูงเหินอี้เหราเงยศีรษะขึ้น
‘อินทรีย์มงกุฎเหล็กจำนวนมาก! แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กสมชื่อของมันจริงๆ’ อี้เหราคิด ‘หากข้าได้รับอินทรีย์มงกุฎเหล็กทั้งหมด…’
ในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก ทรัพยากรที่อยู่บนพื้นดินมีค่าน้อยกว่าทรัพยากรที่อยู่บนท้องฟ้า
จนถึงตอนนี้ผู้อมตะเผ่าไห่ยังไม่แสดงตัว พวกเขาส่งเพียงอินทรีย์มงกุฎเหล็กออกมาเท่านั้น
ทุกคนที่ล่วงล้ำเข้ามาจะถูกโจมตีโดยอินทรีย์มงกุฎเหล็กเหล่านี้อย่างรุนแรง
ด้วยเหตุนี้ปีศาจอมตะส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะยึดครองทรัพยากรที่อยู่บนพื้นดินเป็นอันดับแรก
สำหรับอี้เหรา อินทรีย์มงกุฎเหล็กดึงดูดใจนางมากที่สุด
เพราะแผนการในการบ่มเพาะขั้นต่อไปของนางคือการเปลี่ยนเป็นอินทรีย์มงกุฎเหล็ก!
อี้เหราในร่างนกยูงที่บินอยู่บนท้องฟ้าดึงดูดความสนใจของอินทรีย์มงกุฎเหล็กหลายตัวในเวลาเดียวกัน
เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น อี้เหราเร่งล่าถอย หลังจากทั้งหมดนางเพียงผู้เดียวไม่สามารถต่อสู้กับอินทรีย์มงกุฎเหล็กจำนวนมาก แผนการของนางคือล่ออินทรีย์มงกุฎเหล็กออกมาต่อสู้ทีละตัว
…..
“นี่คือต้นมนตร์เสน่ห์!” มู่หรงชิงซื่อบินลงไปยังต้นไม้ที่เติบโตขึ้นกลางสระน้ำ
“เทพธิดามู่หรง ท่านช่างรอบรู้นัก” ผู้บ่มเพาะสันโดษผู้หนึ่งกล่าว
เขาคือสุภาพบุรุษเมฆาหยุนเหลียง เขามาถึงก่อนมู่หรงชิงซื่อและกำลังเก็บเกี่ยวต้นมนตร์เสน่ห์
เห็นสุภาพบุรุษเมฆาหยุนเหลียงกำลังเก็บเกี่ยวทรัพยากร มู่หรงชิงซื่อเพียงเฝ้ามองอยู่อย่างเงียบๆ
นางอดทนรอกระทั่งหยุนเหลียงประสบความสำเร็จในการเก็บเกี่ยวต้นมนตร์เสน่ห์ทั้งหมด
“ข้ารู้สึกละอายใจนักที่ทำให้เทพธิดาต้องรอ” สุภาพบุรุษเมฆาหยุนเหลียงกล่าวอย่างสุภาพ
มู่หรงชิงซื่อยิ้ม “กล่าวตามตรง แม้ต้นมนตร์เสน่ห์จะเป็นเพียงทรัพยากรระดับหก แต่มันเหมาะสมกับข้า ข้าสงสัยว่าพวกเราจะสามารถต่อสู้เพื่อ…”
สุภาพบุรุษเมฆากล่าวขัดจังหวะ “ต้นมนตร์เสน่ห์บอบบางมาก ระหว่างการเก็บเกี่ยวไม่สามารถถูกรบกวน หากเทพธิดาไม่มีความอดทน ข้าจะรวบรวมันได้อย่างไร เราสามารถต่อสู้ หากท่านชนะ ข้าจะมอบต้นมนตร์เสน่ห์ทั้งหมดให้ท่าน”
มู่หรงชิงซื่อส่ายศีรษะ “ไม่จำเป็น ข้าต้องการเพียงครึ่งเดียว”
“เทพธิดา เชิญ”
“ท่านสุภาพบุรุษ เชิญ”
ทั้งสองต่อสู้กันด้วยความแข็งแกร่งที่แท้จริงแต่ไม่ปรากฏผู้ชนะ
ด้วยเหตุนี้สุภาพบุรุษเมฆาหยุนเหลียงจึงมอบต้นมนตร์เสน่ห์ครึ่งหนึ่งให้กับเทพธิดามู่หรงชิงซื่อ ทั้งสองแยกย้ายกันไปด้วยความพึงพอใจ
ผู้อมตะฝ่ายธรรมะส่วนใหญ่มักดำเนินการด้วยความสุภาพและอดทน
เหนียงเอ๋อปิงซื่อและเหนียงเอ๋อฝูของเผ่าเหนียงเอ๋อเป็นข้อยกเว้นของฝ่ายธรรมะ
แม้ฝ่ายธรรมะจะปกครองภาคเหนือมานาน แต่จำนวนผู้อมตะฝ่ายธรรมะที่เข้าร่วมในเหตุการณ์นี้ยังไม่สามารถแข่งขันกับฝ่ายปีศาจและผู้บ่มเพาะสันโดษ
เหตุผลก็คือสมาชิกตระกูลฮวงจินล้วนมีทรัพยากรของตนเองที่ต้องปกป้อง แม้ฝ่ายธรรมะจะมีผู้อมตะมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่สามารถละทิ้งแหล่งทรัพยากรของตนเพื่อมาที่นี่
ในทางตรงข้ามปีศาจอมตะและผู้บ่มเพาะสันโดษไม่มีปัญหานี้
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือกองกำลังใหญ่ต่างมีทรัพยากรมากมาย ตราบเท่าที่ผลประโยชน์ของพวกเขาไม่ถูกแตะต้อง พวกเขาก็จะไม่เข้าสู่การต่อสู้
หลังจากทั้งหมดผู้อมตะทุกคนล้วนไม่ใช่ตัวตนที่จัดการได้ง่าย หากเกิดความขุ่นเคือง พวกเขาอาจบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ของฝ่ายตรงข้ามและสร้างปัญหาให้กระทั่งกองกำลังขนาดใหญ่
มุมหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก การต่อสู้ระหว่างไป่ซุ้ยฮันกับบัณฑิตสันโดษสิ้นสุดลง
ไป่ซุ้ยฮันมีท่าไม้ตายใหม่แต่เขายังไม่สามารถแข่งขันกับท่าไม้ตายที่ทรงพลังของบัณฑิตสันโดษ
ไป่ซุ้ยฮันก่นเสียงเย็นก่อนจะจากไปโดยไม่ลังเล
ปีศาจอมตะและผู้บ่มเพาะสันโดษไม่มีกองกำลังสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องระวังตัวและคิดถึงราคาที่ต้องจ่ายเพื่อแย่งชิงทรัพยากรมากกว่าผู้อมตะฝ่ายธรรมะ หากค่าใช้จ่ายสูงเกินไป พวกเขาจะละทิ้งเป้าหมายทันที
เหนือแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก คฤหาสน์วิญญาณอมตะวังตะวันตกยังลอยอยู่ในตำแหน่งเดิม
ผู้อมตะเผ่ากงและเผ่าไป่ซูยังไม่ได้เคลื่อนไหว พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ในห้องโถง
ในความเป็นจริงกงเอ๋อรู้สึกกังวลมาก แต่เขาไม่ได้แสดงออก “ทุกคนกำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงทรัพยากรที่อยู่บนพื้นของแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก หากช้าไปกว่านี้อาจไม่เหลือสิ่งใด พวกท่านคิดว่าพวกเราควรลงมือหรือยัง?”
ผู้อมตะเผ่าไป่ซูโบกมือและเผยรอยยิ้ม “ทรัพยากรล้ำค่าของแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กอยู่บนท้องฟ้า ผู้อมตะเผ่าไห่ยังไม่ปรากฏตัว การต่อสู้พึ่งเริ่มต้นเท่านั้น”
กงเอ๋อรู้สึกประหลาดใจมาก
แม้เผ่าไป่ซูจะเข้าสู่ฝ่ายธรรมะได้เพียงไม่นาน แต่รากฐานของพวกเขากลับไม่ด้อยกว่ากองกำลังตระกูลฮวงจิน
ผู้อมตะเผ่าไป่ซูแสดงท่าทางสงบนิ่งโดยไม่กังวลและไม่เร่งรีบแม้แต่น้อย สิ่งนี้ทำให้กงเอ๋อรู้สึกสับสบเป็นอย่างมาก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น