องครักษ์เสื้อแพร 1104-1106

 ตอนที่ 1104 พฤติกรรมราวมารแทรก

Ink Stone_Fantasy

“เปลี่ยนแม่ทัพกลางคัน เป็นเรื่องต้องห้ามทางการทหาร ทุกท่านกล่าวเช่นนี้ คิดให้เราถูกด่าลับหลังหรือ?”


ฮ่องเต้ว่านลี่เงยพระพักตร์มองฟ้า ตรัสขึ้นอย่างสบายอารมณ์ เจ้าจินเลี่ยงมีฎีกาหนึ่งในมือ อ่านจบ เจ้าจินเลี่ยงคิดแล้วก็ถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า


“ฝ่าบาท ฎีกานี่ตีกลับไปหรือ?”


“แบบนี้แหละ!”


ฮ่องเต้ว่านลี่ตรัสสุรเสียงหนักแน่น


หลี่หรูซงได้รับชัยชนะที่เกาหลี ข่าวนี้มาถึงเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว ตระกูลหลี่โปรยเงินออกไป ทำให้มีคนถวายฎีกา บรรยากาศถูกกระพือพัดโหมขึ้นแล้ว


แต่ทว่าฎีกาลองต่อรองล้วนถูกตีกลับไป ส่วนใหญ่ล้วนไม่ผ่านคณะเสนาบดีใหญ่กับสำนักส่วนพระองค์  ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทางฮ่องเต้ว่านลี่ ก่อนออกศึกเปลี่ยนแม่ทัพ ไม่ว่ามองอย่างไร ล้วนเรียกได้ว่าเหลวไหลโดยแท้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง หลี่หรูซงได้มีโอกาสออกศึกเกาหลี ก็ยังเพราะหวังทงเสนอ


แต่สถานการณ์ตอนนี้ ตระกูลหลี่มีความเป็นไปได้หนึ่งก็ต้องพยายามสิบ  แต่ก็มีหลายคนมองจากสถานการณ์ตอนนี้ ทหารโจรวัวโค่วแม้ว่าสองแสน แต่ก็เหมือนจะสู้ไม่ยาก


ตอนนั้นตะวันออกเฉียงใต้เคยมีโจรวัวโค่วหลายสิบไล่สังหารทหารหลายร้อยเกิดขึ้น ใต้ขุนนางบุ๋นแต่ละมณฑลทางตะวันออกเฉียงต้องเสียแรงปราบปรามไปมาก ชีจี้กวงกับอวี๋ต้าโหยวนำทหารไป จึงได้ปราบลงได้สิ้นซาก วันนี้ที่เกาหลีพริบตาก็มากันสองแสน ใช่ว่ายากต่อกรหรือ


เริ่มจากจู่เฉิงซวิ่นเข้าเกาหลี ทหารม้าห้าพันพ่ายยับที่เปียงยาง ทุกคนได้แต่หนาวสันหลัง ตอนนี้หลี่หรูซงนำกำลังทัพใหญ่เข้าเกาหลี ตัดหัวมาได้ง่ายราวกับผักปลา  หัวเกือบหมื่นนี้นำกลับมาแล้ว  บางทีอาจมีสังหารราษฎรผสมมาด้วย อาจจะราวเจ็ดแปดพันหัว ผลการรบเช่นนี้บอกทุกคนว่า ขอเพียงไปเกาหลีก็มีความดีความชอบให้ไขว่คว้า เหลียวกั๋วกงหวังทงได้ไปมากพอแล้ว ครั้งนี้ไป กลับมาคงส่งผลต่อทุกคน ไม่สู้คว้าโอกาสนี้ให้ตระกูลหลี่


แต่ความพยายามเหล่านี้ล้วนไร้ผลต่อขุนนางส่วนกลาง สมดุลอำนาจหรืออาจเรื่องอื่นใด ทัพใหญ่เช่นนี้ออกศึก  ส่งผลต่อแผ่นดินมาก แต่ละคนล้วนรู้ว่าควรรับหรือสละอันใด


เดิมโจรวัวโค่วในเกาหลีเป็นปัญหายาก ตอนนี้กลับเป็นความชอบใหญ่ เดือนหนึ่งไม่มีผู้ใดสนใจเรื่องฉลองปีใหม่กัน ทุกคนล้วนสนใจในเรื่องนี้


เบื้องบนปฏิเสธการเคลื่อนไหวนี้ พวกเขาถูกความดื้อดึงบดบังความจริงไปก่อนหน้า ตอนนี้พวกเขาคิดได้แล้วว่า ที่ไม่ได้รับคำให้เปลี่ยนแม่ทัพ ไม่ใช่เพราะสถานการณ์นี้ไม่อาจเปลี่ยน แต่เป็นเพราะตระกูลหลี่ทำศึกที่เกาหลีได้ไม่ดีพอต่างหาก หากสามารถได้รับชัยยิ่งใหญ่กว่านี้ มีผลงานที่อลังการกว่านี้ได้ เมืองหลวงย่อมเคลื่อนไหวได้แรงจูงใจยิ่งมากกว่านี้


***************


“ทัพใหญ่กำลังถึง ขอใต้เท้าหลี่ป้องกันเปียงยางให้ดี สร้างปราการป้องกัน ดูแลโกดังให้สะอาดเพื่อรอทัพใหญ่มา ยังมีข่าวจากสายสืบมาว่า จังหวัดฮัมกยองมีโจรวัวโค่วกองรบสองรวม 23,000 กำลังมากอยู่ ขอใต้เท้าหลี่รับมือด้วยความระมัดระวัง…ทหารเมืองเซวียนฝู่และเหลียวซีออกรบมานานเกือบเดือน บาดเจ็บล้มตายมาก ได้พักกองกำลังอยู่ที่จังหวัดพยองอันพอดี ขับไล่พวกโจรไปแล้ว รวบรวมคนในพื้นที่มาได้แล้ว…ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนรอการมาของทัพใหญ่กั๋วกง ขอใต้เท้าหลี่รอบคอบให้มาก…”


“ใครอยู่ข้างนอก นำพี่ชายท่านนี้ไปดื่มน้ำชาก่อน อย่าลืมดูแลค่าน้ำร้อนน้ำชาให้ดี!”


ขุนพลทหารเหมือนายกองร้อยในห้องอ่านคำสั่งผู้ว่าการมณฑลสวีกว่างกั๋วจบ หลี่หรูซงก็สั่งเสียงดัง การต้อนรับด้วยมารยาททำให้นายกองร้อยผู้นั้นต้องขอบคุณ รีบคำนับ


พอนายกองร้อยนั่นออกไป หลี่ซานสือในห้องที่นั่งอยู่ก็หันมาถ่มน้ำลายทิ้ง กล่าวไม่พอใจว่า


“เจ้าพวกขี้ข้านี้ไม่เข้าใจ แต่ยังรู้แย่งผลงานให้นาย ให้พวกเราไม่เคลื่อนไหว ก็ไม่เคลื่อนไหวหรือ…”


บ่นได้สองประโยค ก็ถูกหลี่หรูซงส่งสายตากำราบดุมา จึงเก็บวาจากลับไป หลี่หรูป๋อไม่สนใจอันใดตบโต๊ะดัง ตวาดด่าว่า


“บัดซบ บัดซบจริงๆ เห็นพวกเรามีชัยชนาราวตีกระบอกไม้ไผ่แตกดังกระหึ่ม เจ้าผู้ว่าการมณฑลกลับมาคอยรั้งขาเราไว้ ยังไม่ยอมส่งเสบียงมา มารดามันสิ หรือว่าพวกเราไม่ใช่ต่อสู้เพื่อแผ่นดินหมิง พวกเราตัดหัวมานั้นไม่ใช่หัวหรือไง นี่มันคำสั่งไร้สาระ พวกเราไม่ต้องไปสนใจ!”


ได้ยินเช่นนี้ หลี่หรูเหมยกระแอมไอสองที ก่อนจะกล่าวความจริงว่า


“พี่รอง เสบียงที่อี้โจวมีไม่มากจริงๆ โกดังล้วนว่างเปล่า เสบียงที่กำลังจะขนมาก็จะมาไว้ให้พวกเราที่นี่…”


“คุณชายสาม ข้าน้อยขอถาม รถใหญ่ขนเสบียงเป็นอย่างไร สองล้อหรือสี่ล้อกัน?”


จู่เฉิงซวิ่นเอ่ยถามขึ้น หลี่หรูเหมยขมวดคิ้วคิด เป็นดังที่ขุนนางเกาหลีลีไอตอบ


“ล้วนสองล้อ…”


เมื่อครู่หนังสือมีคำสั่งต่อทหารทัพหน้า ขุนพลทหารเกาหลีก็หลายคนฟังอยู่ จู่เฉิงซวิ่นได้ยินคำตอบก็หัวเราะกึก กล่าวว่า


“คุณชายสาม หากท่านอยู่ที่นั่นต่ออีกสองสามวัน เกรงว่าโกดังคงมีเสบียงเต็มแล้ว รถใหญ่สี่ล้อม้าสี่ตัวลาก จากเหลียวตงกับเจี้ยนโจวมากที่สุด เราตระกูลหลี่รถใหญ่สี่ล้อล้วนทำการค้าที่เหลียวเป่ยเหลียวซี การขนเสบียงตอนนี้เป็นเหลียวหนิงเรา แต่ละแห่งสะสมเสบียงกันตลอดเส้นทาง รถใหญ่ส่งมามาก เสบียงก็มากตาม สวีกว่างกั๋วช่าง…”


จู่เฉิงซวิ่นรบนั้นเรียกว่าไม่เท่าไร แต่เรื่องทำการค้าถือเป็นมือหนึ่งเหลียวซี วาจาเขาทำเอาทุกคนล้วนเชื่อ


พอเขาเปิดโปงเช่นนี้ หลี่หรูป๋อตบโต๊ะผุดลุกขึ้น หลี่หรูซงโบกมือ กล่าวเสียงเย็นชาว่า


“เจ้าร้อนใจอันใด ใต้เท้าสวีเคยตัดเสบียงพวกเจ้าหรือ เคยให้พวกเจ้าหิวหรือ คนของเจ้าไมใช่ว่ายังกินอิ่มนอนอุ่นเปลี่ยนผู้หญิงกันทุกวันอยู่หรือ?”


ราษฎรเกาหลีเปียงยางกลับมากันเยอะมาก  แต่ผลผลิตก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไร เป็นแม่ทัพเหลียวซีที่ไม่ยอมเอาเงินออกมาซื้อ กดราคาจากคนเกาหลี ถึงกับรับเอาสาวงามมาทั้งหมด เสพสุขกันอย่างมาก หลี่หรูซงเป็นบุตรชายคนโตตระกูลหลี่ ขุนพลทหารเขากับพวกสายเหลียวซีล้วนมีสายสัมพันธ์แน่น ข่าวก็แม่นมาก เขาแน่นอนล้วนรู้ทุกเรื่อง


พอถูกตำหนิ หลี่หรูป๋อก็เงียบ หลี่หรูซงกล่าวผ่อนสถานการณ์ว่า


“อี้โจวทางนั้นเตรียมเสบียงเพื่อรอทัพใหญ่ไม่ผิดอันใด คำสั่งให้เรายึดเปียงยาง ไม่ให้โจรวัวโค่วรวมกำลังกันที่จังหวัดพยองอันกับจังหวัดฮัมกยองได้ ตอนนี้พวกเราทำสำเร็จแล้ว เฝ้าที่นี่ไว้ ก็เป็นการทำตามคำสั่ง พวกเราไม่ผิด ใต้เท้าสวีก็ไม่ผิด พวกเจ้าบ่นโกรธแค้นกันทำไม!”


หลี่หรูซงกล่าวจบ หลี่หรูป๋อกับหลี่หรูเหมยล้วนก้มหน้านิ่ง หลี่หรูซงหันไปกล่าวกับขุนพลทหารเกาหลีว่า


“ในเมืองเกาหลีราษฎรนับวันยิ่งมาก ทุกท่านควรไปฝึกทหารในเมืองกันได้แล้ว การรักษาความสงบในเมืองต้องอาศัยทุกท่าน ขอให้รีบเตรียมการเถิด!”


หลี่หรูซงกล่าวได้มีมารยาท ลีไอกับคิมอึนโซและขุนนางเกาหลีอื่นๆ ต่างก็รู้ว่าไล่แขก  ล้วนคำนับพากันออกไป พวกเขาออกไปแล้ว หลี่หรูป๋อกำลังจะพูด หลี่หรูซงกลับถอนหายใจ กล่าวเสียงแผ่วว่า


“น้องรอง น้องสาม พวกเจ้าไม่ต้องกระทืบเท้าขัดใจ ใช่ว่าเห็นด้านหน้ามีความชอบ ข้าฐานะพี่ใหญ่กลับไม่ไปรับใช่หรือไม่ และยังไม่ให้พวกเจ้าไปรับอีก ยังพูดแทนคนอื่นอีกงั้นใช่ไหม?”


คิดไม่ถึงหลี่หรูซงกล่าวออกมาตรงๆ เช่นนี้ ในห้องล้วนคนตระกูลหลี่ ล้วนพากันอึ้งไป หลี่หรูซงส่ายหน้ากล่าวต่อว่า


“ข้าบอกกี่ครั้งแล้ว โลกนี้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่ทหารเหลียวครองอันดับหนึ่งใต้หล้าแบบเมื่อก่อนแล้ว หากเป็นเมื่อสิบปีก่อน ตอนนี้ข้าคงนำพวกเจ้าไปเมืองโซอุลแล้ว ไหนเลยจะไปสนใจหนังสือคำสั่งผู้ว่าการมณฑลนั่น แต่ตอนนี้ไม่อาจทำได้แล้ว ตระกูลเราไม่อาจล่วงเกินหวังทง เสี่ยงไป ขัดคำสั่ง อีกฝ่ายคงได้มีโอกาสจัดการตระกูลหลี่เราง่ายดังพลิกฝ่ามือ เสี่ยงไปทำไมกัน ท่านพ่อเรายังคิดว่าเป็นเราเมื่อสิบปีก่อน ตระกูลหลี่เรียกลมเรียกฝนได้กระมัง?”


ในห้องบรรยากาศเริ่มเงียบลง หลายคนมีท่าทางไม่ยินยอม หลี่หรูซงกล่าวอีกว่า


“พูดแล้วพวกเจ้าไม่อยากฟัง ข้าพูดเรื่องอื่นดีกว่า หลังพ่ายศึกเจี้ยนโจวยับเยิน ตระกูลเราสูญเสียหนัก เรื่องนี้เป็นความจริง แต่ก็ผ่านมาห้าหกปีแล้ว ทหารสังกัดเราฝึกซ้อมได้ขึ้นมาเท่าไร?”


พูดถึงตรงนี้  หลี่หรูซงน้ำเสียงเข้มขึ้น


“พวกเจ้าหลายปีนี้ไม่ได้ฝึกซ้อมเลย แม้แต่พวกคนเก่าๆ ก็เสียของไปหมดแล้ว วันๆ เอาแต่ทำการค้า ดูโรงบ้าน มีประโยชน์อันใด มารดามันสิ ทหารติดตามน้องรองเจ้าเอง แต่ละคนล้วนรูปร่างอ้วนขึ้นไม่น้อย ม้าก็ผอมลง ยังจะออกศึกอีกหรือ ทหารเราเหล่านี้ ที่นำออกรบได้ก็ล้วนเป็นทหารเก่าแก่ที่ข้านำมาจากเมืองเซวียนฝู่ สภาพเช่นนี้ยังหวังอันใดได้อีก ป้อมดินนั่น ยังมีเมืองเปียงยาง หากไม่ใช่ปืนใหญ่อานุภาพรุนแรง พวกเจ้าต้องตายไปอีกเท่าไร?”


ทุกคนได้แต่เป็นใบ้เบื้อ หลี่หรูซงกล่าวอีกว่า


“ในตรอกเมืองเปียงยางรบตายไปเท่าไร ออกไปซุ่มยังตายไปอีกเท่าไร เจ้าคิดว่าโจรวัวโค่วเคี้ยวง่ายหรือ ตอนนี้รอบๆ เราอย่างน้อยมีโจรวัวโค่วเจ็ดหมื่น หากออกรบกันจริง แท้จริงเป็นผู้ใดกินผู้ใด หรือว่าอาศัยปืนใหญ่ยิงเอา? ข้ายังไม่ได้ด่าพลปืนใหญ่บัดซบพวกเจ้าเลยนะ!”


ตระกูลหลี่พ่ายศึกใหญ่ที่เจี้ยนโจว  ไมได้รับการลงโทษใด พากันออกไปบุกเบิกพื้นที่การค้าและอาณานิคมทุกวันเพื่อเงินทอง สนใจแต่การนี้ การฝึกซ้อมทหารนั้นก็ไม่มีแก่ใจคิดทำ แต่ไม่อาจเรียกได้ว่าไม่มี แต่บนสนามรบ กลับกลายเป็นปัญหาใหญ่


หลี่หรูซงโมโหมาก ทำให้คนในห้องล้วนคิดเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้  แต่ละคนได้แต่ฮึดฮัดไม่กล้ากล่าว หลี่หรูซงนั่งทำใจให้สงบลงแล้วก็กล่าวว่า


“อย่าได้ไม่พอใจ ผลงานครั้งนี้เพียงพอแล้ว ผลประโยชน์ที่ควรได้…”


ยังพูดไม่จบก็ได้ยินด้านนอกมีเสียงทหารรายงานดังมาว่า


“ท่านแม่ทัพ เหลียวหยางมีจดหมายมา!”


……


“…นายท่านบอกแล้วว่า ครั้งนี้เป็นโอกาสทอง หากทำได้ ย่อมมีความชอบเทียบเท่าหวังทง ขอคุณชายใหญ่เร่งนำกำลังไป หากคุณชายใหญ่ไม่นำไป นายท่านจะนำกำลังมาเกาหลีเอง จะไปเมืองโซอุลเอง…”


คนเบื้องหน้าคุกเข่าผู้นั้นกล่าวเนิบนาบ ในห้องเงียบมาก


ตอนที่ 1105 ณ จุดนี้ถอย ก็จะพลาดจุดนั้น

Ink Stone_Fantasy

เหลียวหนิงติดเกาหลี ตอนยังเรียกว่า เหลียวโจว สองฝ่ายไปมาหาสู่กันไม่น้อย สถานการณ์ระหว่างกันเองก็เข้าใจกันมาก คิดจะสืบข่าวเกาหลี ตระกูลหลี่เองก็มีวิธีการมากมาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสถานการณ์ตอนนี้ คนเกาหลีไม่น้อยมาส่งข่าวด้วยตนเอง


จากเหลียวหยางมาส่งข่าวย่อมกล่าวถึงสภาพในเกาหลีได้กระจ่างยิ่ง ก็เหมือนกับตนนั้นมีสายอยู่ในนั้น


หลี่หรูซงเข้าใจดี ไม่ต้องพูดถึงน้องชายสองคนของตน เกรงว่าทหารม้าจากเมืองเซวียนฝู่ไม่น้อยก็ย่อมปล่อยข่าวไปที่เหลียวหยาง


จดหมายมาว่า ตอนนี้เปียงยางไปถึงเมืองโซอุล ช่วงระยะนี้แม้ว่ามีทัพใหญ่โจรวัวโค่วตั้งฐาน แต่ก็มีเพียงทหารราบเป็นหลัก และมีกำแพงเมืองเป็นพื้นที่หลัก การตั้งทัพเช่นนี้ความจริงนั้นเป็นการปักหลักปิดตาย ไม่อาจออกมาขัดขวางหรือก่อกวนได้ หากกองกำลังหมิงที่เปียงยางรวมกำลังทหารม้าเก่งกล้าเร่งลงใต้ ตรงไปยังเมืองโซอุล ย่อมได้ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ยิ่ง หากรวมกำลังกับ ‘กองกำลังผู้กล้า’ ในเมืองโซอุลได้ ก็เท่ากับอาจถึงขั้นยึดเมืองคืนมาได้


เทียบกับการเฝ้าเปียงยาง การยึดเมืองโซอุลเกาหลีอันเป็นที่ตั้งพระราชวังได้ ความดีความชอบก็ยิ่งเตะตา น่าตกใจ แม้ราชสำนักมีคนกดตระกูลหลี่เราก็ไม่อาจปิดบังความดีความชอบนี้ได้


“…ความคิดเช่นนี้ ใช่ว่าคิดไปเองฝ่ายเดียวหรือ?”


หลี่หรูซงได้แต่แค่นเสียงหัวเราะเยาะกล่าว ทหารม้าบุกมาตลอดทาง รอไปถึงเมืองโซอุล ทัพใหญ่โจรวัวโค่วก็น่าจะราวแสนคน จะไปบุกเข้าเมืองโซอุลง่ายเช่นนั้นได้อย่างไร


สิ่งที่เขียนในจดหมาย เป็นการวิเคราะห์ฝ่ายเดียวมากเกินไป บนสนามรบเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ใช่ว่าตนคิดจะเป็นเช่นไร อีกฝ่ายก็จะตามสนองให้เป็นเช่นนั้นได้


ตอนได้ยิน ‘นายท่านจะนำทหารมาเอง’  หลี่หรูซงสีหน้ายิ้มเฝื่อนปิดไม่มิด หันไปถามหลี่หรูป๋อว่า


“ทางท่านพ่อเหตุใดจึงคลั่งราวมารแทรกเช่นนี้ได้?”


วาจานี้ถามขึ้นอย่างไม่เกรงใจ แต่หลี่หรูซงไม่สนใจ ไม่กลัวคนนำจดหมายมากลับไปรายงาน  ทุกคนล้วนคนกันเอง หลายเรื่องล้วนรู้กันอยู่แก่ใจ


“พี่ใหญ่ ท่านไม่อยู่เหลียวซีไม่รู้ ท่านพ่อตอนอยู่คนเดียวมักจะร้องไห้ ว่าตระกูลหลี่สถานการณ์ดีๆ ถูกเขาทำเสีย ตำหนิตนเองอย่างมาก…”


 ในฐานะบุตรชายที่ถูกเลี้ยงเอาใจในบ้าน  หลี่หรูป๋อยามนี้สีหน้าไม่ดีนัก ก้มหน้ากล่าว หลี่หรูซงถอนหายใจ หันไปกล่าวกับคนนำจดหมายมาว่า


“หลี่เปียว น้องชายเจ้ายังเป็นนายกองที่เมืองเซวียนฝู่กระมัง?”


อยู่ๆ ถามเช่นนี้ หลี่หรูซงถึงกับถามขึ้นเช่นนี้  คนที่คุกเข่าก็รีบรับคำกล่าวว่า


“ดีที่คุณชายใหญ่เมตตาส่งเสริม ให้เขาได้ลืมตาอ้าปาก”


หลี่หรูซงพยักหน้า กล่าวว่า


“เจ้ากลับไปบอกนายท่าน ว่าข้ากำลังเตรียมตัวอยู่ที่นี่ จะรีบนำกำลังไปตีเมืองโซอุล เจ้าเข้าใจไหม?”


วาจาพูดถึงตรงนี้มีอันใดยังไม่เข้าใจ อย่างไรก็เป็นเรื่องในครอบครัว  หลี่เปียวลังเลก็แค่ไม่นาน ก็รีบเป็นโขกศีรษะ กล่าวอย่างนอบน้อมว่า


 “ข้าน้อยเข้าใจ ณ ตรงนี้ขอให้คุณชายใหญ่ไปนำชัยกลับมาได้สำเร็จ!”


หลี่หรูซงยิ้มพอใจพยักหน้า กล่าวว่า


“น้องชายเจ้า หลี่โก่วเอ๋อร์ทำงานรอบคอบยิ่ง ส่งไปประจำหน่วยดูแลพื้นที่ ไม่ก็จะส่งเสริมให้เป็นนายกองพัน ล้วนเหมาะสม”


“ขอบคุณคุณชายใหญ่ๆ ข้าน้อยเข้าใจ ข้าน้อยเข้าใจ!”


หลี่เปียวโขกศีรษะไม่หยุด ทุกคนในห้องล้วนผ่อนคลาย นายท่านใหญ่มารแทรกแล้ว แต่แม่ทัพที่นี่อย่างไรก็เป็นหลี่หรูซง หลี่หรูซงไม่ยอมออกรบ ทุกคนล้วนเข้าใจ บิดากับบุตรชายคนโตขัดแย้ง คนอื่นๆ ย่อมวางตัวลำบาก  มีวิธีการแก้ที่ไหลรื่นได้เหมาะสมเช่นนี้ ทุกคนล้วนไม่ต้องกังวลไปด้วย


*************


ฤดูใบไม้ผลิในต้นปี ชาวนายากลำบากที่สุดตอนนี้ ยังไม่อาจเริ่มเพาะปลูก ฤดูหนาวที่สะสมเสบียงไว้ก็ใช้หมดแล้ว


สำหรับทหารโจรวัวโค่วในคาบสมุทรเกาหลี ปลายเดือนหนึ่งเริ่มมา สำหรับพวกเขาก็ยากลำบากอย่างมาก หลี่หรูซงเคยบอกว่า ตอนนี้เสบียงทหารพวกเขาออกจากเปียงยางสามสิบลี้ก็หมดแล้ว สำหรับทัพใหญ่โจรวัวโค่วก็ไม่ต่างกันเท่าไร


จังหวัดฮวังแฮทางใต้ของจังหวัดพยองอันกับจังหวัดฮัมกยองก็คือจุดที่ออกไปอีก ‘สามสิบลี้’ เพราะก่อนหน้ามีการสังหารรุนแรงที่นี่ ดังนั้นเสบียงจังหวัดพยองอันกับจังหวัดฮวังแฮก็ไม่อาจสะสมได้ทัน  ต้องขนมาเสริมจากทางใต้


ดังนั้นโคนิชิ ยูกินากะกองรบหนึ่งพอถอยไปยังจังหวัดฮวังแฮ เสบียงจังหวัดฮวังแฮก็เริ่มเครียดมาก จากจังหวัดคยองกีขนเสบียงมาจังหวัดฮวังแฮ ระยะทางที่มาก็ยุ่งยาก นับประสาอันใดมามีกองกำลังของโคนิชิ ยูกินากะเพิ่มมา ตอนนี้กองรบหนึ่งไม่อาจรวบรวมได้จากท้องที่อีกแล้ว ได้แต่อาศัยกองหลังนำมา


ความกดดันเช่นนี้  ขุนพลโจรวัวโค่วเมืองโซอุลจังหวัดคยองกีหลายนายร่วมหารือ ตัดสินใจให้ทหารส่วนใหญ่กองรบหนึ่งกับกองรบสามถอยมาจังหวัดคยองกีกับจังหวัดกังวอน เสบียงก็จะผ่อนความตึงเครียดได้มาก แม้จังหวัดฮวังแฮมีเมืองใหญ่เกาหลีอยู่มาก แต่จังหวัดฮวังแฮเองมีพื้นที่แคบ ทัพใหญ่อุดอู้กันอยู่ในนั้นพื้นที่ไม่พอ ถอยกลับไปเหมาะกว่า


พูดถึงที่ใกล้ตอนเหนือมากกว่าจังหวัดพยองอันอย่างจังหวัดฮัมกยอง กองรบสองของคาโต คิโยมาสะ 23,000 นายนั้น ความต้องการเสบียงน้อยลงไปมาก


นี่ก็มีสาเหตุ เพราะคาโต คิโยมาสะนำกำลังแต่ไรรวดเร็วกว่า กำลังทหารเทียบกับกองรบอื่นแล้วดีกว่าหน่อย คนผู้นี้ยังมีฉายาว่า ‘พยัคฆ์คาโต’  ได้รับการยกย่องว่า ‘กล้าหาญชาญศึก’  บุกได้เร็วมาก ตอนเดือนสิบปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 20ก็มาถึงพรมแดนแผ่นดินหมิงแล้ว


เพราะเดินทัพเร็ว สังหารปล้นชิงทำลายจึงไม่มากนัก สถานการณ์จังหวัดฮัมกยองจึงยังคงไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่อื่น หลายแห่งมีข่าวขาดแคลนเสบียง แต่ทางเขากลับไม่เดือดร้อน  เสบียงที่ตนเองเก็บเกี่ยวได้จึงมีอัตราส่วนมาก เทียบกับกองของโคนิชิ ยูกินากะแล้วดีกว่า


ที่โคนิชิ ยูกินากะนำทหารถอยนั้น ความจริงนั้นก็เกี่ยวข้องกับเสบียงสะสมน้อยไป แน่นอน กองรบหนึ่งแม้มีทหารเก่งกล้า แต่ก็เหมือนสูญเสียไปหนึ่งในสามแล้ว เริ่มสะเทือนแล้ว ไม่อาจไม่ถอย


นอกจากสาเหตุเรื่องเสบียง  กองรบสามคุโรดะ นากามาสะเองก็ตกใจมากกับกองกำลังหมิง ทหารวัวโค่วในจังหวัดฮวังแฮรวมกันสามหมื่น จังหวัดฮัมกยองมีพื้นที่กว้างมาก กองรบสองของคาโต คิโยมาสะใช่ว่าจะมาช่วยได้ทัน ก็หมายความว่า จังหวัดพยองอันเทียบกับจังหวัดฮวังแฮ ล้วนได้เปรียบกองกำลังหมิงเรื่องกำลังพล เพื่อขอความช่วยเหลือ ก็จำเป็นต้องถอย


กองรบหกของโคบายากาว่า ทาคากาเกะมาถึงจังหวัดคยองกีแล้ว ในฐานะแม่ทัพใหญ่อย่างอุคิตะ ฮิเดะอิเอะ นั้นไม่ได้โดดเด่นเท่าไร ต้องการคนเช่นโคบายากาว่า ทาคากาเกะเช่นนี้มาบัญชาการ ตอนนี้จังหวัดคยองกียังมีเจ้าของที่และกลุ่มพระเกาหลีไม่น้อยที่รวมกำลังกันออกมาต่อสู้รุนแรง คุกคามกับการขนเสบียงไปตอนเหนือมาก สองกองรบกลับมา ปราบจังหวัดคยองกี ก็เป็นอีกเป้าหมายหนึ่ง และเป็นแผนการของโคบายากาว่า


ตั้งแต่ต้นปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 20  กองกำลังวัวโค่วก็เข้ามาในปูซานแล้ว  มีชัยดังกระบอกไม้ไผ่แตกมาตลอดทางรบ คนเกาหลีถึงกับไม่แม้แต่จะต้านทาน คนเกาหลีรวมกำลังตีโต้คืนก็ถูกปราบ ชาวบ้านเกาหลีเริ่มมีความรู้สึกหนึ่งว่า ไม่อาจชนะกองกำลังวัวโค่ว คนเกาหลีได้แต่ยอมรับชะตากรรมในสถานการณ์เช่นนี้


แต่อยู่ๆ โจรวัวโค่วก็พ่ายศึกที่จังหวัดพยองอัน จากนั้นก็ถอยมาตลอดทาง จากจังหวัดพยองอัน จังหวัดฮวังแฮถอยมาจนจังหวัดคยองกี


ทหารหมิงในเปียงยาง แผ่นดินหมิงตัดหัวได้หมื่น ข่าวแพร่ไปรวดเร็ว โจรวัวโค่วกองรบหนึ่งกับกองรบสามถอนกำลังถอยกลับก็เป็นข้อพิสูจน์ในเรื่องนี้ คนเกาหลีเริ่มแพร่กระจายข่าวไปอย่างบ้าคลั่ง  ทางใต้ลงไปได้ข่าวนี้กันหมด โจรวัวโค่วกองรบหนึ่งกับกองรบสามถูกทหารแผ่นดินหมิงปราบ


จังหวัดฮัมกยอง จังหวัดกังวอน จังหวัดคยองกี จังหวัดฮวังแฮและอีกหลายแห่งเริ่มมีความวุ่นวาย คนเกาหลีเริ่มออกมาต่อสู้และโจมตีกำแพงเมืองอยู่ๆ ก็มากขึ้นหลายเท่า แต่ไม่มีประโยชน์ใดแม้แต่น้อย  ทัพใหญ่โจรวัวโค่วเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว  ออกมาต่อสู้ย่อมถูกสังหารไปทีละคนจนหมดสิ้น


แต่ทุกอย่างก็อยู่ในกระบวนการ ทหารโจรวัวโค่วถอยทัพ เส้นทางในเกาหลีก็เริ่มมีเหตุปะทะและวุ่นวาย ข่าวไปทั่ว แต่ละแห่งล้วนเกินจริงไปมาก


เพราะไม่ได้ถอยทัพเพราะพ่ายกระเจิง ดังนั้นโจรวัวโค่วจึงยังคงกำลังในแต่ละแห่ง ข่าวแพร่ไป มักล้วนเป็นข่าวลือ  จากนั้นก็ผสมกับอารมณ์ตนเองเข้าไป  นับวันยิ่งเกินจริง


ขุนนางเกาหลีในเมืองเปียงยางดีใจอย่างมาก พวกเขาบอกว่าสายข่าวจากภายในแจ้งว่า โจรวัวโค่วพ่ายไม่เป็นท่า เมืองโซอุลถึงกับไร้ทหารตั้งทัพแล้ว โจรวัวโค่วเตรียมไปยังจังหวัดซอลลากับจังหวัดคยองซังที่ใกล้กับประเทศวัวมากกว่าแล้ว เพื่อจัดระเบียบกองกำลัง


เมืองโซอุลเป็นเมืองหลวงเกาหลี  ยึดเมืองเมืองโซอุลคืนนับเป็นความชอบมาก แม้ตนเองไม่ได้ยกทัพไปยึดมา แต่การสามารถนำกองกำลังหมิงเข้าเมืองได้นั้นเป็นความดีความชอบยิ่งใหญ่มาก รอให้ฟื้นคืนเกาหลีทั้งหมดได้ ตนเองจะได้ประโยชน์อันใดบ้าง ล้วนไม่ต้องพูดก็รู้ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เสบียงที่เมืองโซอุลกับห้องใต้ดินที่สะสมสมบัติไว้ย่อมเหนือกว่าเปียงยาง สามารถบุกเข้าไปรวยได้ เทียบกับที่ได้จากที่นี่ก็รู้แล้วว่าจะมากกว่าสักเพียงใด


 พวกเกาหลีนำโดยลีไอกับคิมอึนโซสองคนไปพบหลี่หรูซงว่ายามนี้โจรวัวโค่วถอยทัพ เป็นโอกาสกำชัยของทัพใหญ่ถึงตอนนั้นได้สร้างความชอบใหญ่ หลี่หรูซงเป็นแม่ทัพมานานปี แน่นอนเข้าใจข่าวลือมากมายเช่นนี้มีความจริงไม่กี่ส่วน


 แต่ทว่ายามนี้ยุ่งยากก็ยุ่งยากที่  สายสืบไม่อาจเข้าสืบความได้ลึกในพื้นที่นัก นินจากับทหารม้าโจรวัวโค่วเริ่มปิดบังสถานการณ์สนามรบ จังหวัดพยองอันทางใต้ ถึงกับต้าถงแดนใต้เองก็อาศัยข่าวลือ


ข่าวไม่ชัด  แน่นอนไม่อาจเสี่ยงนำทัพออกศึก หลี่หรูซงรอบคอบมาก ขุนนางเกาหลีมาพบหลายครั้งก็ล้วนถูกไล่กลับไป ในสถานการณ์เช่นนี้ ขุนนางเกาหลีในเปียงยางล้วนร้อนใจกระทืบเท้ากันแล้ว แม้แต่หลายคนในกองกำลังหมิงเองก็ร้อนใจกันมาก รู้สึกว่าปล่อยความดีความชอบหลุดมือไปได้อย่างไรกัน?


ไป ๆ มา ๆ ทุกคนในที่สุดก็หาต้นตอของปัญหาเจอแล้ว ในเมื่อไม่อาจเกลี้ยกล่อมหลี่หรูซง เช่นนั้นก็ไปหาหลี่เฉิงเหลียง…


ปลายเดือนหนึ่ง ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 21 หวังทงนำกำลังทัพใหญ่ใกล้ถึงอี้โจวแล้ว…


ตอนที่ 1106 ภักดีและกตัญญูไหนเลยจะคงอยู่ร่วมกัน

Ink Stone_Fantasy

“บาดแผลเจ้าเป็นอันใดหรือไม่? เดี๋ยวให้หมอประจำกองทัพมาดูอาการหน่อยดีกว่า!”


“ขอบคุณคุณชายใหญ่ที่เป็นห่วง ตอนเดินทางมาม้าวิ่งๆ อยู่ๆ ก็ล้มสิ้นลม ข้าน้อยล้มกลิ้งไปหลายตลบ แค่บาดแผลภายนอก ไม่เป็นอันใดมาก”


พ้นเดือนหนึ่งแล้ว ว่ากันว่าหวังทงนำกำลังทัพใหญ่ใกล้เข้าสู่อี้โจวแล้ว เหลียวหยางมีม้าเร็วมาเปียงยางอีก ณ ห้องโถงกลาง พวกทหารตระกูลหลี่ล้วนมากันพร้อมหน้า หลี่หรูซงถามความกับคนนำจดหมายมาสองสามคำ


คนที่มาคือหลี่อี้ ยามนี้สามารถมองเห็นเสื้อผ้าเขาขาดหลายแห่ง ใบหน้ามีคราบโลหิต หลี่หรูซงถามความแล้วก็ให้เร่งให้อีกฝ่ายไปจัดการตนเองก่อน สบถบ่นเบาๆ ว่า


“ม้าวิ่งตายไปหลายตัว มิน่ามาได้เร็วปานนี้!”


เห็นหลี่อี้จะกล่าว หลี่หรูซงโบกมือกล่าวว่า


“เรื่องเอามีดจ่อคอตนนั้นอย่าได้ทำอีก หากยังทำตนเองอีก ครั้งนี้คงได้จริง ณ โถงนี้แล้ว”


หลี่อี้หัวเราะแหะๆ   ทิ้งมือยืนตรงนอบน้อม กล่าวอ่อนโยนว่า


“คุณชายใหญ่ล้อเล่นแล้ว ครั้งนี้เร่งเดินทางมารายงานคุณชายใหญ่ว่า นายท่านได้นำกำลัง 4,000 จากเหลียวหยางมายังเปียงยางแล้ว”


กล่าวจบ ในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง หลี่หรูซง หลี่หรูป๋อและพี่น้องอื่นนั่งไม่ติดแล้ว ผุดลุกขึ้นทันที ในห้องขุนพลทหารคนสนิทอื่นสีหน้าราวกับไม่อยากจะเชื่อ หากเป็นหลายปีก่อน หลี่เฉิงเหลียงนำทัพออกศึก เขานำกำลังมาย่อมไม่แปลก  ท่านแม่ทัพยังแข็งแรง แต่ตอนนี้นั่งบนตั่งเตาอุ่นยังต้องคลุมทับด้วยพรมอีกชั้น สุขภาพอ่อนแอมาก อากาศเช่นนี้ออกมา ใช่ว่ามาตายหรือนี่?


หลี่หรูซงพึมพำเบาๆ ไม่รู้กล่าวอันใด ชักดาบที่เอวออกมา คนข้างๆ ถอยห่างไปสองก้าว หลี่หรูซงฟันดาบตัดโต๊ะขาดสองท่อน คำรามดังว่า


“ท่านพ่อยังกล่าวอันใดอีก!?”


“นายท่านกล่าวว่า เพื่อตระกูลหลี่ กระดูกแก่ชราที่เหลือของท่านก็ทุ่มลงไปหมดได้ ตอนนี้โอกาสดีได้มาอย่างง่ายดาย คุณชายใหญ่ไม่ไปยึดเมืองโซอุล นายท่านจะมาเกาหลียึดเอง”


หลี่หรูซงโยนดาบในมือทิ้งลงพื้นอย่างแรง กวาดตามองคนในห้อง ถามเสียงเย็นขึ้น


“พวกเจ้าผู้ใดไปล่อลวงนายท่าน เรื่องเช่นนี้ล้วนเป็นพวกเหลวไหลบัดซบเกาหลีแต่งเรื่องออกมาหลอก พวกเจ้าก็เชื่อ นายท่านมารแทรกไปแล้ว พวกเจ้าไปหลอกนายท่านหรือ?”


หลี่อี้คุกเข่าแล้ว กล่าวทีละคำว่า


“น้องชายพระชายาของพระราชาเกาหลี และบรรดาขุนนางต่างๆ พากันไปยังเหลียวหยาง พวกเขาในมือมีรายงานข่าวจากชาวบ้านเกาหลีที่เป็นสายสืบ โจรวัวโค่วถอยไปจากจังหวัดฮวังแฮแล้วจริง และที่จังหวัดคยองกีก็ยังมีไฟสัญญาณแจ้งข่าวไม่หยุด ชาวเมืองเมืองโซอุลกับเมืองแคซองล้วนว่าตอนนี้โจรวัวโค่วไม่อาจมาสนใจทุกสิ่งได้รอบด้านอีกแล้ว ลนลานอย่างมาก หากทหารหมิงยกทัพไป จะต้องมีชาวบ้านนับแสนเป็นกองหนุน ทั่วเกาหลีให้การตอบรับประสานกำลัง”


หลี่หรูซงสีหน้าตอนนี้สีหน้าแทบดำสนิท ได้ยินเช่นนี้ ก็ได้แต่แค่นเสียงหัวเราะกล่าวว่า


“เกาหลีน่ะหรือมีชาวบ้านหลายแสน ไม่ใช่ว่าถูกโจรวัวโค่วแค่แสนกว่าจัดการไปแล้วหรือ เรายังไม่ทันไปถึง พวกเขาที่ว่าชาวบ้านนับแสนนั่นคงถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้ว เจ้ากลับไปบอก…”


วาจายังกล่าวไม่จบ  หลี่อี้ฐานะบ่าวก็กล่าวแทรกขึ้นอย่างเสียมารยาท กล่าวนอบน้อมว่า


“คุณชายใหญ่ ข้าน้อยตอนออกเดินทางมา นายท่านออกจากเหลียวหยางได้สามสิบลี้แล้ว นี่ก็ใกล้จะเจ็ดวันแล้ว ไม่รู้นายท่านถึงอี้โจวหรือยัง”


ในห้องเงียบลง สถานการณ์นี้กล่าววาจาไม่น่าฟังก็คือ หลี่เฉิงเหลียงไม่แน่ว่าตอนนี้อยู่กลางทางแล้ว เข้าเกาหลี มาสถานการณ์ล้วนไม่สู้แผ่นดินหมิง ไม่อาจรับมือได้ง่าย พ่อลูกสายสัมพันธ์แน่น หลี่เฉิงเหลียงดีกับลูกหลานและทหารคนสนิทอย่างมาก แต่ไม่ไรไม่เคยเอาเปรียบ


ได้ยินเช่นนี้ ทุกคนล้วนร้อนใจ แต่ในสถานการณ์นี้ หลี่หรูซงเป็นผู้นำ  ทุกคนได้แต่มองไปยังหลี่หรูซงด้วยสายตาร้อนใจ ยิ่งร้อนใจขึ้นเรื่อยๆ


หลี่หรูซงเดิมทีมองหลี่อี้ด้วยสายตาราวลุกเป็นไฟ แต่ทว่าค่อยๆ เริ่มพบว่าคนในห้องมองมา  รู้สึกบรรยากาศไม่ถูกต้องนัก มองคนนั้นที มองคนนี้ที สายตาที่เดิมหวาดกลัวคล้อยตามเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว ถึงกับมีความดูแคลนและสงสัย


หลี่อี้ไม่ได้กล่าวต่อ ในห้องไม่มีผู้ใดเอ่ยขึ้น เงียบยังคงดำรงต่อไป ครู่หนึ่ง อยู่ ๆ มีเสียงคนหัวเราะ…


“ฮ่า ฮ่า…”


เริ่มหัวเราะไม่หยุด ต่อมาก็กลายเป็นหัวเราะยิ่งดัง  แต่ในเสียงนั่นไม่มีความยินดีแต่อย่างใด กลับทำให้คนรู้สึกว่าเย็นเยียบทั่วร่าง คนในห้องล้วนรู้สึกขนลุกตัวชา  คิดจะเข้าไปปลอบ ก็ไม่มีผู้ใดกล้าขยับ  แต่ไรไม่เคยเห็นพี่ใหญ่เป็นเช่นนี้


“ดี…ดี…ดี…ท่านพ่อกับพวกเจ้าต้องการให้ข้าได้เป็นกง เป็นโหว ข้ายังเอาแต่ปฏิเสธผลักไสอยู่ทำไมกัน ข้าไม่เห็นน้ำใจทุกคนได้อย่างไรกัน ข้าไม่รู้ดีชั่วจริง โอกาสใหญ่อยู่เบื้องหน้า ข้ากลับทำเสียโอกาส ข้ากลับทำตัวเช่นนี้  ทำให้บิดาต้องมาเสี่ยงภัยถึงชีวิต ไร้คุณธรรม ไร้ความกตัญญูๆ”


“พี่ใหญ่ ท่าน…”


หลี่หรูป๋อข้างๆ เริ่มร้อนใจ กำลังจะกล่าวก็ถูกหลี่หรูซงโบกมือ หลี่หรูซงไม่หัวเราะแล้ว สีหน้าไม่ทุกข์ไม่สุข  ล้วนสงบนิ่งแล้ว  กล่าวน้ำเสียงเรียบว่า


“หลี่อี้ รบกวนเจ้าตอนนี้กลับไปบอกท่านพ่อพรุ่งนี้ก็จะออกศึกไปเมืองโซอุล ขอท่านพ่อรักษาสุขภาพให้ดีด้วย อย่าให้ลูกหลานต้องมารับความผิดที่ไร้กตัญญู เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ข้ารู้เจ้าคิดอันใด ในทัพนี้ มีคนมากมายสามารถนำข่าวไปแอบบอกท่านพ่อได้มาก ไม่แค่เจ้าคนเดียว กลับไปเถอะ นายท่านสุขภาพสำคัญ”


กล่าวจบหลี่หรูซงก็ถอนหายใจยาว กลับไปนั่งที่เดิม เงียบไปครู่หนึ่งกล่าวว่า


“ถ่ายทอดคำสั่งข้า เมืองเซวียนฝู่ทหารม้าสามพัน วันนี้เตรียมตัว พรุ่งนี้เดินทัพ ทหารม้าเหลียวหนึ่งพันตามไปด้วย พรุ่งนี้ออกเดินทาง เตรียมเสบียงให้มาก พรุ่งนี้ออกเดินทาง พวกเจ้าเองก็ไปเตรียมตัวกันก่อน! หลี่อี้ข้าไม่รั้งเจ้าแล้ว เจ้าไปตอนนี้เลย อย่าให้ตระกูลหลี่เรากลายเป็นตัวตลกที่เหลียวหนิง!“


พูดถึงตรงนี้น้ำเสียงก็ดุดัน  หลี่อี้ยามนี้ไม่คิดดิ้นรนกล่าวอันใดอีก รีบโขกศีรษะรับคำ วิ่งออกไปอย่างเร่งด่วน


ในคืนนั้นเอง หลี่ซานสือรีบมายังห้องหลี่หรูซง กระซิบกล่าวว่า


“แม่ทัพใหญ่ คืนนี้จากเราที่นี่ม้าเร็วออกไปหกตัวได้ จะรั้งไว้หน่อยไหม หากยังปล่อยเช่นนี้ เกรงว่ากำลังใจจะไม่เหลือ”


“ไม่ต้องสนใจ เจ้าคิดว่าพวกเราหลายคนไปแจ้งข่าวเหลียวหยาง หรือไปแจ้งที่อี้โจวกับสวีกว่างกั๋วล่ะ?”


หลี่หรูซงเข้าใจดี  แต่ทว่าน้ำเสียงเสียไม่ได้ หลี่ซานสือคิดไปมา ยังคงกล่าวว่า


“แม่ทัพใหญ่ ครั้งนี้ไปเมืองโซอุล หากชนะจริงก็ยังดี แต่หากแพ้มา กำลังเราสามพัน เกรงว่า เกรงว่าคงต้อง…”


“ไม่มีทางเลือกแล้ว บีบกันถึงขั้นนี้แล้ว หากไม่ไป สามพันที่เรามีเกรงว่าคงเอาไว้ไม่อยู่แล้ว เฮ้อ ช่างเถอะที่นำไปล้วนเก่งกล้า  ไปบุกเร็วแล้วรีบกลับ เจ้าคืนนี้ไปดูอีกที ทัพครั้งนี้เน้นฉับไว  ต้องโจมตีตอนที่ไม่คาดคิด ประเด็นก็คือต้องเดินทัพเร็ว อาวุธอันใดก็เน้นเบาไว้ก่อน ปืนใหญ่ไม่ต้องเอาไป  เอาปืนรังผึ้ง[1]ไป รีบไปจัดการ!”


****************


วันที่ 4 เดือนสอง ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 21  หลี่หรูซงนำกำลังสี่พัน จากเมืองเปียงยางข้ามแม่น้ำต้าถง ตรงไปยังเมืองโซอุล เกาหลี


ออกจากจังหวัดพยองอัน เข้าสู่จังหวัดฮวังแฮ ตลอดทางมาไม่ได้ปะทะโจรวัวโค่วอันใด ใกล้เข้าสู่เมืองแคซองแล้ว กองกำลังหมิงได้เลือกที่ตั้งค่ายในภูมิประเทศที่เหมาะสมแห่งหนึ่ง


จังหวัดฮวังแฮหากเป็นแผ่นดินหมิงก็เรียกว่ามณฑลเล็ก ม้าเร็ววิ่งผ่านก็แค่วันเดียว แต่เพื่อให้รอบคอบไว้ก่อน หลี่หรูซงเดินทัพไม่เร็วนัก  หลังตั้งค่ายพัก ก็มีทหารเกาหลีหลายสายมาประสานกำลัง  มีเอาหมูสองสามตัวกับเสบียงอีกราวพันกว่าชั่งมาให้


ขนาดกองกำลังผู้กล้าเกาหลีล้วนไม่ใหญ่ รวม ๆ แล้วก็ราวพันคน  คนนำเป็นเจ้าของพื้นที่หรือไม่ก็พระ ของกินที่พวกเขานำมามอบให้ดี ยังไม่อาจสู้กับความสิ้นเปลืองของกองทัพหลี่หรูซงใช้


แต่ทว่าคนเหล่านี้ก็มีประโยชน์ใช้สอยของพวกเขา หลี่หรูซงต้องการรู้ข่าวสถานการณ์ในจังหวัดคยองกีจากพวกเขา โดยเฉพาะสถานการณ์รอบเมืองโซอุล


กองกำลังผู้กล้าเกาหลีนี้ล้วนพูดเหมือนกัน โจรวัวโค่วกลัวบารมีทัพหมิง ถอยทัพกระจัดกระจายไปแล้ว ในจังหวัดคยองกี โจรวัวโค่วเอาไม่อยู่แล้ว กองกำลังผู้กล้าเราก่อการ กองใหญ่สุดก็นำกำลังโดยระดับพระญาติ มีคนราวหมื่น ขับไล่โจรวัวโค่วพ่ายไปแล้ว หากแม่ทัพใหญ่นำทัพไป ทหารเราย่อมประสานกำลังกับแม่ทัพใหญ่  ร่วมกันยึดเกาหลีคืน


คบหาสมาคมกันมานานหลายปี หลี่หรูซงเข้าใจนิสัยคนเกาหลีอย่างมาก ช่างชอบกล่าววาจาคุยโม้คุยโต และทุกคนในเกาหลีล้วนหวังจะฟื้นคืนเมืองโซอุลอีกครั้ง ในวิกฤตเช่นนี้  จะมีวาจาจริงใจได้สักเท่าไร ไม่กล้ารับประกัน  การข่าวนี้ล้วนต้องบีบน้ำทิ้งแล้วค่อยรับฟัง


แต่พอบีบน้ำทิ้งแล้ว สถานการณ์ก็ไม่เลวนัก อย่างน้อยโจรวัวโค่วในจังหวัดคยองกีก็วุ่นวายมาก คนเกาหลีก่อความวุ่นวายได้ไม่เลว เรื่องอื่นไม่พูดถึง แค่เรื่องจังหวัดฮวังแฮเป็นประตูสู้จังหวัดคยองกี โจรวัวโค่วทิ้งทหารไว้ที่นี่ก่อนจะลงใต้ไปหมด ก็พอจะบอกกล่าวในเรื่องนี้แล้ว


ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนี้ที่ต้องทำต่อไปก็คือบุกหน้าต่อ สถานการณ์เช่นนี้ต้องเน้นเรื่องไว อย่างน้อยคงมีผลสำเร็จจากการเหนือความคาดหมาย


ก่อนเข้าสู่จังหวัดคยองกี หลี่หรูซงส่งทหารกองเล็กออกไปแนวหน้าปะทะเข้ากับกองกำลังโจรวัวโค่ว  ทหารม้าร้อยคนสู้กับทหารราบสองร้อยกว่า อีกฝ่ายไม่มีปืน แน่นอนเป็นชัยชนะใหญ่ ตัดหัวมาได้ร้อยห้าสิบ อีกหลายสิบเพราะหนีเข้าเขาไป จึงไม่อาจตามได้ทัน


เพราะมีการปะทะเช่นนี้ ทหารม้ากองกำลังหมิงเข้าสู่จังหวัดคยองกี ข่าวนี้คนที่ควรรู้ก็ล้วนรู้แล้ว


*******************


“ใต้เท้า เมื่อครู่สายข้าน้อยที่ส่งไปที่เปียงยางรายงานมาว่า หลี่หรูซงนำกำลังสี่พันทหารม้าไปยังเมืองโซอุล บอกว่าจะยึดเมืองโซอุล”


ซุนโส่วเหลียนรายงานสีหน้าลำบากใจ สวีกว่างกั๋วนั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสืออึ้งไปไปนานสักพัก ตบโต๊ะเสียงดัง สบถด่าหยาบคายว่า


“เหลวไหลสิ้นดี  หลี่เฉิงเหลียง เจ้าบัดซบหลี่หรูซง ตระกูลเจ้าทำลายการใหญ่ของแผ่นดิน!!”


……………………………………………..


[1] เครื่องยิงธนูที่บรรจุลูกธนูหลายดอกในกระบอกยิง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)