เทพปีศาจหวนคืน 1101-1104
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1101 สองมรดกที่แท้จริง
แปลโดย iPAT
‘สถานการณ์ปัจจุบันของเผ่าไห่ ข้าควรเข้าไปยุ่งหรือไม่?’ ฟางหยวนคิดถึงความเป็นไปได้
แม้เผ่าไห่จะเป็นกองกำลังใหญ่และเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลฮวงจิน แต่พวกเขาอ่อนแอลง ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขากำลังถูกปิดล้อมโดยกองกำลังอื่นๆของภาคเหนือ
สถานการณ์ของเผ่าไห่ร้อนแรงมาก
แม้พวกเขาจะไม่เต็มใจยอมแพ้ แต่พวกเขาเพียงเผ่าเดียวจะสามารถต่อต้านกองกำลังใหญ่ทั้งหมดของภาคเหนือได้อย่างไร
เว้นเพียงพวกเขาจะมีผู้อมตะระดับแปดคอยปกป้อง แต่ในปัจจุบันเผ่าไห่ไม่มีบุคคลเช่นนี้
ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่สามารถใช้ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียวที่ทำให้พวกเขาสามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปดได้ในระดับหนึ่ง แต่นี่เป็นไพ่ตายเพียงใบเดียวของพวกเขา
ฟางหยวนถูกล่อลวงมากขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ในสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิง ฟางหยวนอาจได้รับบางสิ่ง
อย่าลืมว่าฟางหยวนมีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือไห่เจิ้ง!
ไห่เจิ้งไม่เหมือนผู้อมตะเผ่าไห่คนอื่นๆ เขาได้รับความไว้วางใจจากผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่และรู้ข้อมูลเชิงลึกของเผ่าไห่มากมาย
เมื่อไห่เจิ้งอยู่ในกำมือของฟางหยวน เป็นธรรมชาติที่ฟางหยวนจะค้นวิญญาณของเขา
ตอนนี้ฟางหยวนเข้าใจเผ่าไห่มากกว่ากองกำลังใด
ภายในเผ่าไห่มีสิ่งสำคัญบางอย่างที่ดึงดูดฟางหยวน
มันคือมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน!
ไห่ฟานเป็นผู้อมตะของเผ่าไห่ที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ แต่เขาเสียชีวิตไปนานแล้ว
ในอดีตไห่ฟานบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาและบรรลุถึงระดับแปด เขาทำให้เผ่าไห่กลายเป็นเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือในช่วงเวลานั้น
แต่อายุขัยของมนุษย์มีจำกัด หลังจากไห่ฟานเสียชีวิต เผ่าไห่อ่อนแอลงขณะที่กองกำลังอื่นเข้ามาแทนที่
ก่อนไห่ฟานเสียชีวิต เขาทิ้งมรดกเอาไว้เบื้องหลัง แต่ไม่มีบุตรหลานคนใดของเผ่าไห่ที่สามารถรับสืบทอดมรดกนี้
มรดกที่แท้จริงของผู้อมตะระดับแปด! หากผู้ใดได้รับมัน พวกเขาอาจกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดในอนาคต
หากเผ่าไห่มีผู้อมตะระดับแปด พวกเขาจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์นี้
ในโลกของผู้อมตะ ผู้อมตะระดับหกเป็นชนชั้นล่าง ผู้อมตะระดับเจ็ดเป็นชนชั้นกลาง ขณะที่ผู้อมตะระดับแปดเป็นเจ้าเหนือหัว
หากเผ่าไห่มีผู้อมตะระดับแปด แม้ไห่ลั่วหลันจะเป็นผู้ร้ายหลักที่อยู่เบื้องหลังการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง กองกำลังอื่นก็ไม่สามารถทำสิ่งใด
การดำรงอยู่ของผู้อมตะระดับแปดมีความสำคัญถึงระดับนี้
แม้ผู้อมตะระดับแปดจะเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากผู้อมตะระดับแปดคนอื่นๆ เขาก็เพียงต้องจ่ายด้วยทรัพยากรจำนวนหนึ่งเพื่อปกป้องเผ่า
สถานการณ์ปัจจุบัน แม้เผ่าไห่จะมีผู้อมตะมากมายแต่พวกเขาไม่สามารถปกป้องเผ่า
‘มรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน…’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น
‘ตอนนี้อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าคือเจตจำนงสวรรค์’
‘ภัยพิบัติแต่ละครั้งของข้าอันตรายเกินไป สิ่งสำคัญที่สุดข้าต้องเผชิญหน้ากับมันทุกสองเดือน!’
หากฟางหยวนมีเวลามากกว่านี้ เขาจะรับมือภัยพิบัติได้ดีขึ้น
แต่ร่างกายของฟางหยวนเกิดจากวิญญาณทารกอมตะ มันยอดเยี่ยมเกินไป การดำรงอยู่ของมันเป็นการท้าทายสวรรค์ สวรรค์จะไม่ปล่อยให้มันดำรงอยู่ต่อไป
อย่างไรก็ตามด้วยสติปัญญาของมนุษย์และความรู้ที่สะสมมาจากรุ่นสู่รุ่น พวกเขามีวิธีรับมือกับภัยพิบัติมากมาย
ท่ามกลางวิธีเหล่านี้ วิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือวิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลา
บรรพชนผมยาวก็ใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาชะลอเวลาในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเช่นกัน
หลังจากบรรพชนผมยาวเสียชีวิต สิ่งที่เขาทิ้งไว้ยังทำให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีเวลาเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติทั้งหมด
‘ข้าไม่รู้จักผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่สามารถชะลอเวลาของแดนศักดิ์สิทธิ์ แม้ไท่เป่ยหยุนเฉิงจะเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา แต่เขาไม่มีความสามารถชนิดนี้’
ฟางหยวนรู้จักความสามารถของไท่เป่ยหยุนเฉิงเป็นอย่างดี ไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาทุกคนที่จะมีวิธีชะลอเวลา ไท่เป่ยหยุนเฉิงเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเรื่องนี้
‘แม้ข้าจะรู้จักผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่มีความสามารถชนิดนี้ แต่มิติช่องว่างจักรพรรดิเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า ข้าไม่สามารถปล่อยให้ผู้อื่นล่วงรู้เรื่องนี้’
‘ข้าจะสามารถพึ่งพาตนเองหากข้าได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน’
มรดกที่แท้จริงของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาบางคนอาจไม่มีวิธีชะลอเวลาของแดนศักดิ์สิทธิ์
แต่มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานไม่ใช่มรดกทั่วไป มันเป็นมรดกของผู้อมตะระดับแปด!
บันทึกของเผ่าไห่ระบุไว้ว่า เมื่อไห่ฟานยังมีชีวิต เขาชะลอเวลาในแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายของผู้อมตะเผ่าไห่ ด้วยวิธีนี้ผู้อมตะเผ่าไห่จึงมีเวลาเตรียมตัวและมีโอกาสประสบความสำเร็จในการก้าวข้ามภัยพิบัติของตนมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปผู้อมตะของเผ่าไห่จึงมีจำนวนมากกว่ากองกำลังอื่น
นั่นคือช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ของเผ่าไห่
ฟางหยวนรู้ประวัติศาสตร์ของเผ่าไห่จากการค้นวิญญาณของไห่เจิ้ง
นางมารผลาญสวรรค์รู้เรื่องนี้เช่นกัน เนื่องจากนางได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ดังนั้นนางจึงต้องเปลี่ยนตนเองเป็นผีดิบอมตะ
เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ นางจึงส่งซูเซียนเอ๋อเข้าไปเป็นสายลับในเผ่าไห่เพื่อสืบข้อมูลเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน แต่น้องสาวของนางมารผลาญสวรรค์ผู้นี้กลับตกหลุมรักไห่เจิ้งและให้กำเนิดไห่ลั่วหลันกระทั่งเกิดเรื่องราวแห่งความรักและความเกลียดชัง
กล่าวได้ว่าตราบเท่าที่ฟางหยวนได้รับมรดกของไห่ฟาน เขาจะสามารถชะลอเวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
เมื่อเวลาเดินช้าลง สถานการณ์ของฟางหยวนจะเปลี่ยนไปมาก
แม้ทรัพยากรในมิติช่องว่างของเขาจะเติบโตช้าลง แต่มันจะช่วยลดแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่ให้กับฟางหยวน หากเปรียบเทียบ ข้อดีมีมากกว่าข้อเสีย
มรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน
ฟางหยวนถูกล่อลวงมากขึ้นเรื่อยๆ
นี่ถือเป็นทางออกที่ดีสำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันของเขา
‘หากข้าต้องการเข้าร่วมการต่อสู้ที่วุ่นวายนี้ มีหลายวิธีที่ข้าทำได้’
‘ข้อมูลเป็นข้อได้เปรียบประการแรกของข้า ประการที่สอง ข้ามีวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดที่สามารถปกปิดกลิ่นอาย เจตจำนงสวรรค์จะไม่พบข้า ประการที่สาม ด้วยท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยและวิญญาณเปลี่ยนรูปลักษณ์ ข้าสามารถปลอมตัวเข้าสู่สงคราม’
‘แต่ข้าควรไปหรือไม่?’
ฟางหยวนครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ก่อนจะตัดสินใจสังเกตการณ์อยู่ข้างสนามรบและไม่เดินทางไปทันที
ตอนนี้สถานการณ์ของเผ่าไห่วุ่นวายเกินไป
ทั้งฝ่ายธรรมะและปีศาจกระทั่งผู้บ่มเพาะสันโดษยังเข้าร่วมในการบุกโจมตีเผ่าไห่
ผู้เชี่ยวชาญจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มีผู้อมตะระดับหกชั้นล่างสุดจำนวนมาก ท่ามกลางผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดยังมีผู้อมตะระดับเจ็ดเช่นบัณฑิตสันโดษและไป่ซุ้ยฮัน จากข่าวลือกระทั่งจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูและปีศาจอมตะเซี่ยหูยังเข้าร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้
ฟางหยวนรู้สึกถึงเวลาที่ยังไม่สุกงอม
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ผู้อมตะจำนวนมากกำลังเข้ายึดครองแหล่งทรัพยากรต่างๆของเผ่าไห่ พวกเขายังไปไม่ถึงฐานทัพใหญ่ของเผ่าไห่
กองกำลังต่างๆกำลังคุมเชิงกันและกัน ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าสู่การต่อสู้เพื่อแย่งชิงผลประโยชน์
หากฟางหยวนเข้าไปตอนนี้ เขาจะปลอมตัวเป็นผู้ใด
วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดสามารถปกปิดกลิ่นอายได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น มันไม่สามารถใช้ได้เป็นเวลานาน
สิ่งสำคัญที่สุดยังเป็นเจตจำนงสวรรค์
เจตจำนงสวรรค์จะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้กำจัดฟางหยวน
แล้วเจตจำนงสวรรค์จะรู้แผนการของฟางหยวนได้อย่างไร?
เจตจำนงสวรรค์แฝงตัวอยู่ในวิญญาณกาลเวลา มีความเป็นไปได้ที่มันจะรู้แผนการของเขาล่วงหน้า
ระหว่างการทำธุรกรรมกับนิกายเงา ผมที่หกบอกฟางหยวนว่าเจตจำนงสวรรค์กว้างใหญ่และมีอยู่ในทุกที่
เจตจำนงสวรรค์ครอบคลุมพื้นที่ทั้งห้าภูมิภาคและสองสวรรค์
ด้วยเหตุผลหลายประการ ฟางหยวนจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเปิดเผยและง่ายดาย
เขาตัดสินใจรอดูสถานการณ์ เมื่อสถานการณ์ของเผ่าไห่เริ่มชัดเจนมากขึ้น เขาจะเคลื่อนไหว
กุญแจสำคัญยังเป็นเรื่องเดิม ความเร็ว!
รวบรวมความแข็งแกร่งและโจมตีทันที!
ไม่มีวิธีใดดีไปกว่าวิธีนี้
ฟางหยวนรอคอยอย่างอดทนโดยใช้นิกายหลางหยาเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูล
วันเวลาผ่านไป
การต่อสู้เพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ทวีความรุนแรงมากขึ้น ผู้อมตะจำนวนมากเข้าร่วม บางคนชนะ บางคนแพ้ ยิ่งนานวันมันก็ยิ่งดึงดูดผู้คนมากขึ้นและกลายเป็นการต่อสู้ที่ไม่สามารถควบคุม
ผู้บ่มเพาะสันโดษถูกล่อลวงโดยผลประโยชน์และปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บางคนคิดเช่นเดียวกับฟางหยวนและกำลังรอเวลาที่เหมาะสม
…..
สวนหมื่นพฤกษา
“ข้าพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะซ่อนตัวอยู่ในมิติช่องว่าง ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถอนุมานสิ่งใด” ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเทียนเซี่ยซินถอนหายใจและแสดงออกด้วยความลำบากใจ
“เป็นเช่นนั้น…” ชูตู๋ไม่สามารถปกปิดความผิดหวังบนใบหน้า
“แต่ข้าได้รับประโยชน์บางอย่าง” เทียนเซี่ยซินกล่าวต่อ
“โอ้ น้องเทียนหมายถึงสิ่งใด?” ชูตู๋รู้สึกงุนงง
เทียนเซี่ยซินคืนวิญญาณอมตะดาบบินให้กับชูตู๋และกล่าว “วิญญาณอมตะดาบบินดวงนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย มีเงื่อนงำบางอย่างถูกทิ้งไว้ในวิญญาณอมตะดวงนี้ มันคือกุญแจสู่มรดกที่แท้จริงของผู้อมตะบางคน!”
“อันใด? มีเรื่องเช่นนี้งั้นหรือ?” ชูตู๋ประหลาดใจและรู้สึกสนใจมาก “มันคือมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งดาบของโป้ชิงหรือไม่?”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1102 หารือ
แปลโดย iPAT
“ไม่ ไม่” เทียนเซี่ยซินส่ายศีรษะปฏิเสธการคาดเดาของชูตู๋ “เงื่อนงำนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยวิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูล ข้าเดาว่ามันเป็นมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งข้อมูล แต่สถานที่ตั้งของมรดกนี้ไม่ได้อยู่ในภาคเหนือ มันอยู่ที่ทะเลตะวันออก”
“ทะเลตะวันออก มรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งข้อมูล?” ชูตู๋ขมวดคิ้วขณะที่ความหวังของเขาลดลง
หากมันเป็นมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งดาบ มีความหวังไม่มากที่ชูตู๋จะประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะ
เหตุผลง่ายมาก เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนมาก มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะหันไปบ่มเพาะบนเส้นทางสายอื่น
แต่เส้นทางแห่งดาบมีพลังโจมตีที่รุนแรง นอกจากนั้นมันยังเกี่ยวกับตัวตนที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์เช่นโป้ชิง ดังนั้นชูตู๋จึงรู้สึกสนใจและอยากรู้อยากเห็น
อย่างไรก็ตามเมื่อได้ยินว่ามันเป็นมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งข้อมูล ความอยากรู้อยากเห็นของเขาก็จางหายไป
ชูตู๋เข้าใจความสำคัญของข้อมูลเป็นอย่างดี แต่เขาเป็นคนตรงไปตรงมาและชื่นชอบความรุนแรงบนเส้นทางความแข็งแกร่งมากกว่า
เขาเป็นที่รู้จักในนามจักรพรรดิอมตะเพราะความแข็งแกร่งของเขา
แน่นอนว่าชูตู๋ไม่สามารถฝึกฝนทักษะบนเส้นทางแห่งดาบหรือข้อมูล
ในโลกใบนี้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันหรือกระทั่งอนาคต อาจมีฟางหยวนเพียงผู้เดียวที่สามารถฝึกฝนได้ทุกเส้นทาง!
หากผู้อมตะคนอื่นต้องการฝึกฝนเส้นทางสายที่สอง พวกเขาต้องใช้เวลาและความพยายามเป็นอย่างมาก เว้นเพียงสถานการณ์ที่พวกเขามีวิญญาณอมตะชนิดพิเศษบางอย่าง แต่กรณีนี้มีน้อยมากและมีข้อจำกัดหลายประการ
เมื่อเห็นการแสดงออกของชูตู๋ เทียนเซี่ยซินรู้ทันทีว่าเขากำลังคิดสิ่งใด “พี่ชูอย่างดูแคลนเงื่อนงำนี้ จากการอนุมานของข้า นี่เป็นวิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน มันต้องทำให้ท่านได้เปิดหูเปิดตาอย่างแน่นอน”
การแสดงออกของชูตู๋กลายเป็นจริงจัง
คำกล่าวของเทียนเซี่ยซินเตือนสติเขา
หากเงื่อนงำนี้สลักอยู่บนแผ่นหิน นั่นอาจเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งนี้กลับปรากฏอยู่ในวิญญาณอมตะ นี่เป็นกรณีที่หาได้ยากยิ่ง
สิ่งสำคัญก็คือมันเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบ!
เมื่อผู้อมตะบ่มเพาะและก้าวข้ามภัยพิบัติ พวกเขาจะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเพิ่มขึ้น ขณะที่วิญญาณอมตะเป็นภาชนะบรรจุร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่แตกต่างกันจะต่อต้านกัน เงื่อนงำนี้เกิดขึ้นจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูล แต่มันกลับสามารถสลักอยู่บนภาชนะที่บรรจุร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบและถูกเก็บไว้เป็นเวลานาน มันเหมือนเรือที่ลอยอยู่กลางทะเลโดยไม่ถูกกระแสน้ำพัดพาไป
นี่หมายความว่ามันเป็นวิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่ยอดเยี่ยมมาก!
“พี่ชู ข้าขอเจรจากับท่านได้หรือไม่?” เทียนเซี่ยซินเร่งถาม
ชูตู๋เผยรอยยิ้มบาง เขาไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่เขาเข้าใจสิ่งที่เทียนเซี่ยซินต้องการกล่าว
ชูตู๋โบกมือ “น้องเทียน อย่าได้ตำหนิข้า วิญญาณอมตะดวงนี้ไม่ใช่ของข้าตั้งแต่แรก มันเป็นของสหายที่หายตัวไปของข้า ข้ารู้สึกกังวลและต้องการค้นหาเขาเท่านั้น”
การอนุมานของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาไม่ได้เกิดจากอากาศ พวกเขาต้องค้นหาคำตอบจากเบาะแสที่มีอยู่ ยิ่งมากเท่าใดก็ยิ่งง่ายเท่านั้น
ดังนั้นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาทุกคนจึงต้องการทักษะบนเส้นทางแห่งข้อมูล
เดิมทีเทียนเซี่ยซินไม่สนใจวิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลส่วนใหญ่เพราะเขามีมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว แต่เนื่องจากมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งข้อมูลนี้มีคุณภาพสูงเกินไป กระทั่งเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธ
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าหุนหันเกินไปจริงๆ” ถูกปฏิเสธโดยชูตู๋ เทียนเซี่ยซินรู้สึกหดหู่ แต่เขาก็ยังคืนวิญญาณอมตะดาบบินให้กับชูตู๋
วิญญาณอมตะระดับเจ็ดถูกใช้เป็นเบาะแสในการอนุมาน มันไม่ใช่ค่าตอบแทน
แน่นอนว่าชูตู๋ต้องจ่ายค่าตอบแทนราคาแพงให้กับเทียนเซี่ยซิน
“การอนุมานไม่สำเร็จ ตามกฎ ข้าจะรับค่าตอบแทนเพียงครึ่งหนึ่ง” เทียนเซี่ยซินมองวิญญาณอมตะดาบบินในมือของชูตู๋และถอนหายใจ
ชูตู๋ส่ายศีรษะหัวเราะ “ไม่จำเป็น แม้เป้าหมายของข้าจะไม่บรรลุ แต่น้องเทียนเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอันดับหนึ่งของภาคเหนือ มันคุ้มค่ากับราคาที่ข้าต้องจ่ายแล้ว ลาก่อน”
ชูตู๋เป็นผู้บ่มเพาะสันโดษแต่เขาไม่ขาดทักษะทางสังคม
เทียนเซี่ยซินเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาเพียงไม่กี่คนของภาคเหนือขณะที่ชูตู๋อาจต้องการความช่วยเหลือจากเขาอีกครั้งในอนาคต แล้วเขาจะทำให้ความสัมพันธ์นี้แย่ลงได้อย่างไร
“นี่…” เทียนเซี่ยซินลังเล
แต่ชูตู๋จากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล
แท้จริงแล้วชูตู๋ค่อนข้างมีความสุข
เดิมทีวิญญาณอมตะดาบบินระดับเจ็ดก็มีค่ามากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มันยังมีเบาะแสเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่โดดเด่น นี่ทำให้ชูตู๋รู้สึกว่าฟางหยวนจะไม่มีวันละทิ้งวิญญาณอมตะดวงนี้และสามารถใช้มันกดดันฟางหยวน
‘ข้าต้องได้รับวิธีดึงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งออกมาไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น!’ ชูตู๋รู้สึกมีความหวัง
เทียนเซี่ยซินถอนหายใจเมื่อเห็นชูตู๋หายไปจากมุมมองสายตา
หากเป็นผู้อมตะคนอื่น เทียนเซี่ยซินจะแย่งวิญญาณอมตะดาบบินมาโดยตรง แต่นี่คือจักรพรรดิอมตะชูตู๋!
เทียนเซี่ยซินไม่กล้าต่อต้านชูตู๋
เมื่อเวลาผ่านไป ความปั่นป่วนในภาคเหนือทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
พื้นที่รอบๆเผ่าไห่เต็มไปด้วยผู้คน
เป็นดังที่ฟางหยวนคาดการณ์ดอาไว้ เผ่าไห่เพียงเผ่าเดียวจะสามารถต่อต้านผู้อมตะทั้งหมดของภาคเหนือได้อย่างไร
แม้ผู้อมตะเผ่าไห่จะพยายามต่อต้าน แต่พวกเขายังเพลี่ยงพล้ำทีละน้อย ไม่มีความหวังที่จะได้รับชัยชนะ กลิ่นคาวเลือดดึงดูดฉลามที่หิวโหยให้เข้ามาปล้นสะดมทรัพยากรของเผ่าไห่มากขึ้นและมากขึ้น
แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กของเผ่าไห่
ตอนนี้ผู้อมตะของเผ่าไห่มารวมตัวกันภายใต้บรรยากาศที่มืดมน
ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่นั่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุด ไห่เจิ้งถูกจับโดยฟางหยวน ไห่ไป่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่ผู้อมตะอีกหกคนของเผ่าไห่ต่างได้รับบาดเจ็บในระดับที่แตกต่างกัน
“เผ่าไห่กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์ พวกเราเป็นเสาหลักของเผ่า ตอนนี้พวกเราต้องหารือกันว่าจะทำอย่างไรให้เผ่าไห่รอดพ้นจากสถานการณ์นี้?” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งเริ่มกล่าวเป็นคนแรก
ผู้อมตะเผ่าไห่คนอื่นๆมองหน้ากันแต่ไม่มีผู้ใดเปิดปากกล่าว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขามารวมตัวกัน
ในการประชุมครั้งก่อนพวกเขาต่างแสดงความคิดเห็นอย่างแข็งขัน บางคนแนะนำว่าพวกเขาควรตอบโต้กลับอย่างรุนแรงและกำจัดผู้ร้ายที่พยายามฉกชิงทรัพย์สินของเผ่าไห่ แน่นอนว่าเป้าหมายของพวกเขาคือสันติภาพ
แต่สันติภาพจะได้มาหลังจากการต่อสู้
ผู้อมตะเผ่าไห่ไม่ใช่คนโง่ พวกเขาเข้าใจเรื่องนี้
แต่น่าเสียดายแม้พวกเขาจะเข้าใจ พวกเขาก็ไม่สามารถต่อต้านศัตรูจำนวนมหาศาล แม้พวกเขาจะตอบโต้ แต่พวกเขากลับถูกผลักดันให้ล่าถอย ผู้อมตะเผ่าไห่เกือบทั้งหมดได้รับบาดเจ็บและกระทั่งเสียชีวิตไปแล้วหนึ่งคน
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งถอนหายใจ “หากไม่ใช่เพราะค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียวไม่สามารถแยกส่วน สถานการณ์ของเราจะดีกว่านี้”
เผ่าไห่มีทรัพยากรมากมาย แต่ผู้อมตะเผ่าไห่มีจำกัด นอกจากนั้นส่วนใหญ่ยังเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก เมื่อถูกโจมตีโดยกองกำลังใหญ่ เผ่าไห่จึงไม่สามารถควบคุมสถานการณ์
“ทั้งหมดเป็นเพราะไห่เจิ้ง! เขาเป็นคนบาปของตระกูล! ก่อนหน้าบุตรสาวของเขาก่อนเรื่องวุ่นวาย ต่อมาเขายังทำให้พวกเราสูญเสียคฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬ เขาสมควรตายโดยปราศจากความเห็นใจ!” ผู้อมตะเผ่าไห่บางคนตะโกนดุด่าด้วยความโกรธ
“ถูกต้อง!”
“ไห่เจิ้ง เจ้าคนบาป!”
ผู้อมตะเผ่าไห่สบถสาปแช่งอย่างพร้อมเพรียง
การละทิ้งคฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬของไห่เจิ้งเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ มิฉะนั้นด้วยการคงอยู่ของคฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬและค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียว สถานการณ์ของเผ่าไห่จะไม่เลวร้ายเช่นนี้
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งเงียบ
คุกทมิฬเป็นของเขา แต่เขาให้ไห่เจิ้งยืม เมื่อไห่เจิ้งทำคุกทมิฬสูญหาย ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งจึงต้องยอมรับการตำหนิที่ไว้ใจคนผิด
เดิมทีไห่เจิ้งได้รับความไว้วางใจจากผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่เป็นอย่างมากและมีอำนาจตัดสินใจเรื่องต่างๆของเผ่า
ดังนั้นคำวิจารณ์และการดุด่าของผู้อมตะเผ่าไห่ยังแสดงถึงความไม่พอใจต่อผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่อย่างอ้อมๆ
หลังจากไม่นานผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามก็ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป “พอแล้ว! ตอนนี้เรื่องได้เกิดขึ้นแล้ว คำสาปแช่งไม่มีประโยชน์ เราอยู่ในสถานการณ์วิกฤต หากคำสาปแช่งช่วยเราได้ ข้าคงทำไปนานแล้ว พวกเราต่างเป็นสมาชิกของเผ่าไห่ พวกเรามีสายเลือดเดียวกัน หากเผ่าถูกกำจัด ทุกคนก็ไม่สามารถอยู่รอด!”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์หยุดลงทันที
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สี่กล่าวต่อ “เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน หากผู้ใดมีความคิดเห็น โปรดกล่าวออกมา”
ทุกคนเงียบ
ความแข็งแกร่งของสองฝ่ายแตกต่างกันมากเกินไป ไม่มีกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในสถานการณ์นี้
“ข้ามีความคิดบางอย่าง” ผู้อมตะระดับหกผู้หนึ่งเปิดปากกล่าว
ทุกคนมองไปที่ไห่ไป่
เขาเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งไม้ เมื่อเขายังเยาว์ เขาถูกเรียกว่ามนุษย์หินของเผ่าไห่ เขาเป็นคนพูดน้อย โดยปกติเขาจะอยู่กับไห่เจิ้งและมีความสัมพันธ์ที่ดี
“เรากำลังฟังอยู่”
“ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะมีความคิดเห็นใด?”
กลุ่มผู้อมตะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา พวกเขาเกลียดชังไห่เจิ้งและขยายไปถึงไห่ไป่
การแสดงออกของไห่ไป่ยังไม่เปลี่ยนแปลง เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม “ในสถานการณ์นี้ข้าไม่จำเป็นต้องพูดมาก พวกท่านย่อมตระหนักดี ฝ่ายธรรมะ ฝ่ายปีศาจ และกระทั่งผู้บ่มเพาะสันโดษต่างเข้าร่วม เหตุผลเดียวของพวกเขาคือผลประโยชน์”
“ความอยู่รอดของเผ่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ตราบเท่าที่เผ่าอยู่รอด ไม่ว่าทรัพยากร ผลประโยชน์ หรือชื่อเสียงล้วนไม่สำคัญ ตอนนี้เราควรยอมแพ้”
“เจ้าต้องการให้เรายอมจำนนงั้นหรือ? ไห่ลั่วหลันและไห่เจิ้งทำลายแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวง เจ้าคิดว่าตระกูลฮวงจินจะยอมปล่อยพวกเราไปง่ายๆเช่นนั้นหรือ?” ผู้อมตะบางคนเย้ยหยัน
ไห่ไป่ส่ายศีรษะ “ตระกูลฮวงจินจะไม่ปล่อยพวกเรา แต่มีคนผู้หนึ่งสามารถช่วยเหลื่อเผ่าไห่ให้รอดพ้นจากวิกฤตการณ์นี้”
“ผู้ใด?”
ไห่ไป่เอ่ยชื่อ
ทุกคนตกใจเมื่อได้ยิน
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1103 ความวุ่นวายในภาคเหนือ
แปลโดย iPAT
ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า สายลมอันเอื่อยเฉื่อยพัดทุ่งนาสีทองพลิ้วไหวไปตามกระแส
“นี่คือทุ่งรวงทองของเผ่าไห่ พวกเขาดูแลมันได้ดีจริงๆ” ผู้อมตะลู่ชิงหมิงกล่าวขณะลอยอยู่กลางอากาศ
เผ่าไห่มีนาจำนวนมากอยู่ที่นี่
มันเป็นนาข้าวสีทองที่จะให้ผลผลิตทุกๆสองปี อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่อาหารของมนุษย์แต่เป็นโลหะชนิดหนึ่งที่เรียกว่าแกนแท้โลหะ
สถานที่แห่งนี้เคยเป็นดินแดนที่แห้งแล้งเนื่องจากมีแร่ธาตุที่สูงเกินไป ไม่มีพืชที่สามารถเติบโตขึ้นได้
เผ่าไห่ใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการเพาะปลูกทุ่งนาขนาดใหญ่แห่งนี้
มีอีกร่างลอยอยู่ด้านข้างลู่ชิงหมิง
เขาคือซูกวง ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งแสง
เขามองทุ่งนาสีทองด้วยความหลงใหล “ทุ่งรวงทองของเผ่าไห่มีชื่อเสียงในภาคเหนือ ทุกครั้งที่เก็บเกี่ยว พวกเขาจะได้รับแก่นแท้โลหะอย่างน้อยห้าแสนกิโลกรัม แก่นแท้โลหะเป็นแหล่งรายได้สำคัญของเผ่าไห่ แม้แก่นแท้โลหะจะเป็นทรัพยากรระดับห้า แต่มันยังทำกำไรได้ดี”
ลู่ชิงหมิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “มันคุ้มค่าที่จะยึดครอง”
“ข้าขอให้ท่านทั้งสองอย่าทำเรื่องโง่เขลา ทุ่งรวงทองเป็นของเผ่ากวง!” ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหน้าลู่ชิงหมิงและซูกวง
เขาแสดงทัศนคติที่แข็งกร้าวมาก
ลู่ชิงหมิงและซูกวงมองหน้ากันและเห็นพ้อง
พวกเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของผู้อมตะบางคนมานานแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคลื่อนไหวเพราะต้องการล่อให้คนผู้นี้ออกมา
“ดังนั้นก็คือกวงเฉินจ้าวของเผ่ากวง” ลู่ชิงหมิงกล่าวอย่างสุภาพ
“สามผู้พเนจร ข้าเคยได้ยินชื่อของพวกเจ้า แต่ฮันตงตายไปแล้วในแผนการของตงฟางชางฟาน หากพวกเจ้าต้องการต่อสู้ ข้าเกรงว่าชื่อของสามผู้พเนจรจะจบสิ้นในวันนี้” กวงเฉินจ้าวกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า
เขาเป็นสมาชิกเผ่ากวง หนึ่งในกองกำลังใหญ่ของตระกูลฮวงจิน เขามีความมั่นใจมากพอ
ซูกวงหัวเราะ “เจ้าเป็นฝ่ายธรรมะขณะที่พวกเราเป็นฝ่ายปีศาจ พวกเราเป็นศัตรูโดยธรรมชาติ มีเพียงการต่อสู้เท่านั้นที่สามารถตัดสิน!”
กวงเฉินจ้าวก่นเสียงเย็นและเริ่มเปิดฉากโจมตีทันที
การต่อสู้ปะทุขึ้นบนท้องฟ้าอย่างดุเดือด
…..
สองร่าง หนึ่งตัวโต หนึ่งตัวเล็กกำลังบินขนานไปกับพื้น
“ท่านปู่ เราจะไปที่ใด?” คนตัวเล็กกว่าเป็นเด็กหนุ่มถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“หลานรักของข้า เราจะไปป่าน้ำพุหลั่งไหล เจ้ารู้จักหรือไม่?” คนตัวโตเป็นผู้อมตะชราในชุดคลุมสีเหลืองทอง
ดวงตาของเด็กหนุ่มส่องประกายขึ้น “ป่าน้ำพุหลั่งไหลเป็นป่าที่มีน้ำพุร้อนใต้พิภพจำนวนนับไม่ถ้วน มันเป็นสมบัติล้ำค่าของเผ่าไห่”
“ดี คำสอนสั่งของข้าไม่ได้ไร้ประโยชน์ ไม่ใช่ว่าเจ้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวารีงั้นหรือ? เราจะไปที่ป่าน้ำพุหลั่งไหลและดูว่ามีวิญญาณบนเส้นทางแห่งวารีที่เหมาะสมกับเจ้าหรือไม่? หากโชคดี เราอาจได้รับน้ำพุมาบ้าง ข้าจะเก็บไว้ในมิติช่องว่างของข้า เมื่อเจ้ากลายเป็นผู้อมตะ ข้าจะส่งมอบทรัพยากรเหล่านี้ให้เจ้า” ผู้อมตะชรากล่าว
เด็กหนุ่มแสดงท่าทางขอบคุณแต่ยังถามด้วยความเป็นห่วง “ท่านปู่ ท่านเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก จะเกิดสิ่งใดขึ้นหากท่านตายในอาณาเขตของเผ่าไห่?”
เด็กหนุ่มกล่าวโดยไม่ยั้งคิดแต่ผู้อมตะเฒ่าไม่โกรธ เขาหัวเราะและอธิบาย “สิบกว่าวันก่อน ผู้อมตะเผ่าไห่ละทิ้งแหล่งทรัพยากรของตนและกลับไปยังฐานที่มั่นของพวกเขาแล้ว ตอนนี้มันเป็นดินแดนที่ไร้ผู้ปกครอง”
“ผู้อมตะเผ่าไห่ไม่อยู่แต่ยังมีผู้อมตะคนอื่นๆ ข้าได้ยินว่าปีศาจอมตะไป่ซุ้ยฮันก็เคลื่อนไหวเช่นกัน” เด็กหนุ่มยังกังวล
“เจ้ายังไม่เข้าใจ” ผู้อมตะเฒ่ากล่าวด้วยความมั่นใจ “แม้ป่าน้ำพุหลั่งไหลจะสำคัญแต่เปรียบเทียบกับสถานที่อื่นๆ มันยังด้อยกว่า ไป่ซุ้ยฮันจะไม่มาที่นี่”
“กองกำลังใหญ่ที่อยู่ใกล้เผ่าไห่มากที่สุดคือเผ่าหลิว เผ่ากวง และเผ่าเหยา เราไม่สามารถฉกชิงทรัพยากรที่อยู่ใกล้ฐานทัพของพวกเขา ป่าน้ำพุหลั่งไหลถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและชาญฉลาดที่สุดสำหรับพวกเรา”
“เป็นเช่นนั้น” เด็กหนุ่มเกิดความเข้าใจขึ้นทันที
เสียงลมดังขึ้นเมื่อทั้งหมดเข้าใกล้ป่าน้ำพุหลั่งไหล
ทันใดนั้นการแสดงออกของผู้อมตะเฒ่าพลันเกิดการเปลี่ยนแปลง เขาได้ยินเสียงการต่อสู้ที่รุนแรง
“โอ้ ไม่” หัวใจของผู้อมตะเฒ่าจมดิ่งลงและรีบบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
คู่ปู่หลานมองไปยังป่าน้ำพุหลั่งไหลและพบฉากการต่อสู้ที่วุ่นวาย
ป่าน้ำพุหลั่งไหลที่เคยเงียบสงบกลับถูกทำลายกลายเป็นซากปรักหักพัง
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผู้อมตะเกือบสิบคนกำลังต่อสู้
โดยไม่ต้องสงสัย คู่ปู่หลานสามารถบอกได้ทันทีว่าผู้อมตะเหล่านี้มีแผนการเดียวกันกับพวกเขา
…..
สายฝนโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า
สองกลุ่มกำลังเผชิญหน้ากัน
หนึ่งคือเผ่ากวง อีกหนึ่งคือเผ่าหลิว
เผ่ากวงมีผู้อมตะสามคนขณะที่เผ่าหลิวมีสอง
ทั้งสองฝ่ายกำลังพูดคุยกันอย่างอบอุ่น
หากไม่ใช่เพราะสภาพอากาศ บางคนอาจคิดว่าพวกเขากำลังจัดงานเลี้ยงน้ำชา
“ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สาม เรามีข้อได้เปรียบ เหตุใดเราไม่โจมตีและยึดครองสถานที่แห่งนี้?” ผู้อมตะเผ่ากวง กวงเฉินจ้าว ถ่ายทอดข้อความเสียงอย่างไม่สามารถอดทน
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามของเผ่ากวงกำลังพูดคุยกับอีกฝ่ายแต่เขายังสามารถส่งข้อความตอบกวงเฉินจ้าว “เจ้าคนโง่! เจ้าลืมบทเรียนเมื่อสองสามวันก่อนแล้วงั้นหรือ? การโจมตีอย่างหุนหันของเจ้าทำให้เราไม่สามารถปกป้องทุ่งรวงทองและถูกปีศาจอมตะคว้าไป!”
“ชิ้นส่วนของสวรรค์สีแดงซ่อนอยู่ในสถานที่แห่งนี้ มันสำคัญมาก ผู้ใดจะรู้ว่ามีคนมากมายเท่าใดต้องการฉกชิงมันไป เผ่ากวงและเผ่าหลิวไม่มีข้อได้เปรียบด้านสถานที่ พวกเราต้องเจรจากันอย่างสงบ”
“หากเราต่อสู้โดยไม่คิดให้รอบคอบ คนนอกอาจขโมยมันไปจากพวกเรา!”
กวงเฉินจ้าวถูกดุอย่างรุนแรง เขาแสดงออกด้วยความอับอายและตอบกลับ “ผู้อาวุโสกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ข้าใจร้อนเกินไป”
…..
ทะเลตะวันออก บนเกาะแห่งหนึ่ง
อิงอู๋เซี่ย ซื่อหนิว ไห่ลั่วหลัน และไท่เป่ยหยุนเฉิงปรากฏตัวขึ้น
“เกาะนี้” อิงอู๋เซี่ยมองไปรอบๆและปล่อยลมหายใจออกมา
“ฟางหยวน นี่คือทะเลไหลเชี่ยวงั้นหรือ?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงสามารถคาดเดาเพราะครั้งหนึ่งเขาเคยมาที่นี่
อิงอู๋เซี่ยยิ้ม “ถูกต้อง ท่านอาจารย์มอบข้อมูลเกี่ยวกับฐานลับนี้ให้แก่ข้า เราสามารถพักที่นี่”
ปัจจุบันเขายังใช้ตัวตนของฟางหยวนเพื่อหลอกลวงไท่เป่ยหยุนเฉิง
ท่ามกลางผู้อมตะทั้งสี่ มีเพียงไท่เป่ยหยุนเฉิงที่ไม่รู้ความจริง
อิงอู๋เซี่ยโบกมือกล่าว “ตามข้ามา”
ทันใดนั้นค่ายกลวิญญาณพลันถูกกระตุ้นการทำงาน
สายตาของไห่ลั่วหลันกลายเป็นพร่าเลือน หลังจากชั่วครู่นางจึงพบว่าทุกคนมาอยู่ใต้เกาะเรียบร้อยแล้ว
มีวังที่วิจิตรงดงามอยู่ในถ้ำใต้เกาะ
“นี่คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะงั้นหรือ?” ไห่ลั่วหลันตกใจมาก แม้นิกายเงาจะล่มสลาย แต่สิ่งที่พวกเขาทิ้งไว้ก็ไม่สามารถมองข้าม
ทุกคนเดินตามอิงอู๋เซี่ยเข้าไป
ประตูวังเปิดออกต้อนรับอิงอู๋เซี่ยหลังจากยืนยันตัวตน
“นี่คือ?”
“วิญญาณอมตะมากมายนัก!”
เมื่อเข้าไปด้านใน ไท่เป่ยหยุนเฉิงต้องกรีดร้องออกมาอย่างช่วยไม่ได้
อิงอู๋เซี่ยอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ทะเลไหลเชี่ยวมีข้อได้เปรียบด้านภูมิประเทศ มันเชื่อมต่อกับสายธารแห่งกาลเวลา แม้มันจะไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์ มันก็ยังเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับการเก็บรักษาสมบัติ”
ไท่เป่ยหยุนเฉิงถาม “อย่าบอกว่ามันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะสระแห่งความโศกเศร้าในตำนาน!”
อิงอู๋เซี่ยพยักหน้าและส่ายศีรษะ “นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสระแห่งความโศกเศร้า พวกเราเคยแก้ไขมัน ตอนนี้มันมีพลังโจมตีและป้องกันที่น่าทึ่งแต่มันไม่สามารถเคลื่อนย้าย”
ไท่เป่ยหยุนเฉิงรู้สึกตื่นเต้นมาก “มีสระที่ยิ่งใหญ่สามสระในโลกใบนี้ หนึ่ง สระสวรรค์ สอง สระแห่งความโศกเศร้า และสาม สระสุรา พวกมันมีชื่อเสียงในห้าภูมิภาค ผู้ใดจะคิดว่าวันหนึ่งข้าจะได้เห็นสระแห่งความโศกเศร้า!”
อิงอู๋เซี่ยยิ้ม “สระแห่งความโศกเศร้าเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา พวกเราเก็บวิญญาณอมตะไว้ที่นี่ หากวิญญาณอมตะถูกทำลาย สระแห่งความโศกเศร้าจะถูกกระตุ้นการทำงาน ด้วยการพึ่งพาพลังอำนาจของสายธารแห่งกาลเวลา วิญญาณอมตะเหล่านั้นจะถูกหลอมรวมขึ้นอีกครั้ง อัตราความสำเร็จของมันคือห้าสิบถึงหกสิบส่วน”
“ห้าสิบถึงหกสิบส่วน!?” ไห่ลั่วหลันตะลึงกับระดับความสำเร็จนี้
“มันมีข้อบกพร่องเช่นกัน หลังจากประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะ พลังงานของมันจะลดลง ผู้อมตะจำเป็นต้องเติมพลังให้มัน หากไม่ใช่เพราะการคงอยู่ของสายธารแห่งกาลเวลา มันเป็นเรื่องยากที่จะกระตุ้นใช้งานความสามารถนี้” อิงอู๋เซี่ยกล่าวเสริม
ไห่ลั่วหลันถอนหายใจ “ถึงเป็นเช่นนั้นมันก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว”
อิงอู๋เซี่ยหัวเราะ “พวกเราตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย พวกเจ้าสูญเสียวิญญาณอมตะไปหมดแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าสามารถเลือกวิญญาณอมตะที่อยู่ที่นี่ได้ทั้งหมด!”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1104 สวรรค์สีเหลืองเปิดอีกครั้ง
แปลโดย iPAT
สิ่งที่นิกายเงาทิ้งไว้เบื้องหลังไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
ด้านหน้าไห่ลั่วหลันกับไท่เป่ยหยุนเฉิงมีวิญญาณอมตะหลายสิบดวง
แต่เมื่อมองไปที่วิญญาณอมตะเหล่านี้ ความยินดีบนใบหน้าของพวกเขากลับจางหายไป
“ข้ามีสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงแต่ไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งอยู่ที่นี่…” ไห่ลั่วหลันส่ายศีรษะและกล่าวด้วยความเสียใจ
“เห้อ…ฟางหยวน เจ้ารู้ว่าข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา หากข้าใช้วิญญาณอมตะเหล่านี้…” ไท่เป่ยหยุนเฉิงอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับไห่ลั่วหลัน
วิญญาณอมตะส่วนใหญ่เป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ
ซื่อหนิวเงียบ เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี เขามีวิญญาณอมตะสองดวงและพวกมันยังอยู่กับเขา
อิงอู๋เซี่ยพยักหน้า รอยยิ้มบนใบหน้าของเขายังไม่จางหายไป
เขารู้ว่านี่คือวิญญาณอมตะที่ถูกทำลายระหว่างการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน หลายวันที่ผ่านมาคฤหาสน์วิญญาณอมตะสระแห่งความโศกเศร้าถูกกระตุ้นใช้งานตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้าและหลอมรวมวิญญาณอมตะเหล่านั้นขึ้นมาอีกครั้ง
การหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเวลาส่วนใหญ่ล้มเหลว
วิญญาณอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งไม่มีเลย
“ไม่มีปัญหา พวกเจ้ากังวลว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจะขัดแย้งกัน แต่ข้ามีวิธีพิเศษที่สามารถช่วยให้พวกเจ้าบ่มเพาะบนเส้นทางสายอื่นได้โดยไม่เกิดความขัดแย้งกับเส้นทางสายหลักของพวกเจ้า”
“มีวิธีเช่นนั้นงั้นหรือ?” ดวงตาของไท่เป่ยหยุนเฉิงเบิกกว้างขึ้น
การแสดงออกของซื่อหนิวเปลี่ยนไปเช่นกัน เขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
ไห่ลั่วหลันหรี่ตามองและคิดว่าอิงอู๋เซี่ยพยายามวางแผนเพิ่มการควบคุมพวกนาง
นางกล่าว “มีข้อดีย่อมมีข้อเสียถูกต้องหรือไม่?”
อิงอู๋เซี่ยยิ้ม “ข้ามั่นใจว่าไม่มีข้อเสียใดๆ”
เห็นการแสดงออของอิงอู๋เซี่ย ช่วยไม่ได้ที่ไห่ลั่วหลันจะคิดถึงฟางหยวน
นอกจากวิญญาณทารกอมตะยังมีวิธีที่สามารถบ่มเพาะบนเส้นทางสองสายโดยไม่เกิดความขัดแย้ง?
นิกายเงาสร้างวิญญาณทารกอมตะ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมมีงานวิจัยมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลังประตูแห่งชีวิตและความตาย เทพปีศาจจิตวิญญาณกลืนกินดวงวิญญาณของผู้อมตะจำนวนนับไม่ถ้วนทำให้เขาได้รับประสบการณ์การบ่มเพาะมากมาย
เขาใช้เวลาเตรียมตัวนับแสนปี วิธีการบ่มเพาะบนเส้นทางสองสายเป็นงานวิจัยชิ้นแรกๆของพวกเขา
แต่กระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณและนิกายเงาจะวางแผนมาเป็นอย่างดี สุดท้ายวิญญาณทารกอมตะกลับถูกฉกชิงไปโดยฟางหยวน
วิญญาณทารกอมตะเป็นวิญญาณที่ใช้ได้ครั้งเดียว ฟางหยวนใช้มันไปแล้วขณะที่ต้นทุนการหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะเป็นครั้งที่สองสูงเกินไป กระทั่งอิงอู๋เซี่ยก็ไม่มีความมั่นใจในเรื่องนี้
‘เว้นเพียงข้าจะสามารถจับตัวฟางหยวนและใช้ร่างกายของเขาเป็นวัสดุในการหลอมรวม!’
‘อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะจัดการเขา’
‘ข้าต้องเพิ่มความแข็งแกร่งและรวบรวมกองกำลังที่เหลืออยู่ของนิกายเงาเพื่อช่วยร่างหลักเป็นอันดับแรก!’
อิงอู๋เซี่ยลอบถอนหายใจ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาต่อสู้กับฟางหยวน
…..
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
ตั้งแต่ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองของฟางหยวน ตอนนี้ผ่านมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว
สวรรค์สีเหลืองยังไม่เปิด
แผนการเกี่ยวกับมิติช่องว่างของฟางหยวนได้รับผลกระทบอย่างมาก เขาทำได้เพียงฝึกฝนและอนุมานถึงความเป็นไปได้ต่างๆในภาคเหนือเท่านั้น
ภัยพิบัติพิภพจะเกิดขึ้นทุกสองเดือน ตอนนี้เวลาผ่านไปมากกว่าหนึ่งเดือน นั่นหมายความว่าฟางหยวนกำลังจะพบกับภัยพิบัติพิภพครั้งที่สามเร็วๆนี้!
สิ่งที่ทำให้ฟางหยวนกังวลก็คือภัยพิบัติพิภพครั้งที่สามจะอันตรายกว่าครั้งที่สอง นอกจากนั้นเขายังไม่มีความก้าวหน้าใดๆ
‘หากข้าได้รับมรดกของไห่ฟาน ข้าจะสามารถใช้ประโยชน์จากวิญญาณอมตะบางดวงเพื่อชะลอเวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ด้วยวิธีนี้ข้าจะมีความได้เปรียบอย่างมากในอนาคต!’
ฟางหยวนได้รับข้อมูลมากมายจากไห่เจิ้ง
มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานน่าประทับใจมาก ไห่ฟานเป็นผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลา หากเขาได้รับมรดกนี้ นอกจากเขาจะได้รับวิญญาณอมตะ เขายังสามารถยึดครองถ้ำสวรรค์!
มรดกที่แท้จริงของผู้อมตะจำนวนมากมีเพียงเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะและท่าไม้ตายอมตะของพวกเขา ส่วนใหญ่ไม่มีการส่งมอบวิญญาณอมตะ เนื่องจากการให้อาหารวิญญาณเป็นเรื่องยากลำบาก
แต่มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานแตกต่างออกไป
วิญญาณอมตะของไห่ฟานยังอยู่ในถ้ำสวรรค์ของเขา
โดยปกติมิติช่องว่างของผู้อมตะจะสามารถผลิตอาหารให้กับวิญญาณอมตะของพวกเขาเอง
ไห่ฟานเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือกระทั่งถึงปัจจุบัน แน่นอนว่าถ้ำสวรรค์ของเขาต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
หากฟางหยวนได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน ความสามารถของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกมาก เมื่อเขาชะลอเวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ สถานการณ์อันตรายของเขาจะยุติลง
หลายวันที่ผ่านมานิกายหลางหยาได้รับข้อมูลมากมายเกี่ยวกับความวุ่นวายในภาคเหนือ
ในความเป็นจริงความสามารถในการรวบรวมข้อมูลของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนยังด้อยกว่าเทพธิดาหลี่ซานอยู่มาก
เหตุผลที่พวกเขาได้รับข้อมูลมากมายเป็นเพราะความวุ่นวายของภาคเหนือที่รุนแรงเกินไป ความขัดแย้งของพวกเขาสามารถเก็บซ่อนจากมนุษย์ธรรมดา แต่สำหรับผู้อมตะ มันไม่สามารถปิดบัง
แม้ฟางหยวนจะอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาแต่เขายังเฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
เผ่าไห่ถูกลงโทษหนักเกินไป พวกเขากำลังเสี่ยงกับการล่มสลาย
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะ ฝ่ายปีศาจ หรือผู้บ่มเพาะสันโดษ พวกเขาไม่ต่างจากหมาป่าโหยที่พุ่งเข้าขย้ำเหยื่อ
หากมองจากแผนที่ของภาคเหนือ เผ่าไห่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ พวกเขาปกครองพื้นที่ขนาดใหญ่และควบคุมแหล่งทรัพยากรมากมาย
ทรัพยากรเหล่านี้ดึงดูดความโลภของผู้คนทั้งหมด
แรกเริ่มพวกเขายังสามารถยับยั้งชั่งใจ แต่ด้วยผลประโยชน์อันยิ่งใหญ มันจึงดึงดูดปีศาจอมตะเข้าสู่การต่อสู้
ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายธรรมะและฝ่ายปีศาจทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
เหตุการณ์หนึ่งที่น่าสนใจคือการต่อสู้ระหว่างกวงเฉินจ้าวกับสองผู้พเนจร เนื่องจากฝ่ายปีศาจมีจำนวนมากกว่า พวกเขาจึงสามารถยึดครองทุ่งรวงทอง
หลังจากนั้นปีศาจอมตะหลายคนเริ่มรวมกลุ่มกันเพื่อแย่งชิงทรัพยากรของเผ่าไห่
ฝ่ายธรรมะถูกกีดขวาง
ป่าน้ำพุหลั่งไหลเผชิญหน้ากับการทำลายล้างภายใต้สถานการณ์นี้ ความพยายามตลอดหลายร้อยปีของเผ่าไห่กลายเป็นความว่างเปล่า
ฝ่ายธรรมะตื่นตัวมากขึ้นและเริ่มประสานงานกัน
โลกของผู้อมตะถูกควบคุมโดยฝ่ายธรรมะมาตลอด
โดยเฉพาะฝ่ายธรรมะของภาคเหนือ เนื่องจากพวกเขาทั้งหมดล้วนมีต้นกำเนิดเดียวกัน นั่นคือตระกูลฮวงจิน
ฝ่ายปีศาจตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแต่เมื่อปีศาจอมตะระดับเจ็ดเช่นบัณฑิตสันโดษและไป่ซุ้ยฮันปรากฏตัว ความวุ่นวายระลอกใหม่ก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง
นี่เป็นครั้งแรกที่ฝ่ายธรรมะถูกผลักดันให้ล่าถอย
เดิมทีผู้อมตะเผ่าไห่ยังต่อต้าน แต่หลังจากประสบกับความสูญเสียมากมาย พวกเขาต้องซ่อนตัวอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ของตนและไม่สามารถออกมา
สิ่งนี้ทำให้ฝ่ายปีศาจรู้สึกลำพองใจ
เช่นเดียวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ปีศาจอมตะเซี่ยหูเอาชนะเหยากวงกับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูและถูกยกย่องว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของภาคเหนือ
สิ่งสำคัญที่สุดคือการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง หลังจาการประมูลของฉินไป่เฉิง ผู้อมตะจำนวนมากได้รับวิญญาณอมตะและมีพลังการต่อสู้เพิ่มสูงขึ้น
สิ่งนี้ทำให้ฝ่ายปีศาจและผู้บ่มเพาะสันโดษสามารถต่อสู้กับฝ่ายธรรมะได้ในเวลานี้
‘ข้าทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง หลังจากไม่นานผลกระทบของมันแผ่ขยายไปในวงกว้าง ภาคเหนือในปัจจุบันแตกต่างจากชีวิตก่อนหน้าของข้าเป็นอย่างมาก!’
ฟางหยวนถอนหายใจ
สถานการณ์ในภาคเหนือเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเพราะเขา
ภูมิภาคอื่นยังไม่ได้ผลกระทบมากนัก แต่ในภาคเหนือ ฟางหยวนสูญเสียความได้เปรียบของการกำเนิดใหม่ไปแล้ว
แน่นอนว่าหลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับเจตจำนงสวรรค์ เขากลายเป็นระแวงถึงสิ่งที่เรียกว่าข้อได้เปรียบของการกำเนิดใหม่
ฟางหยวนรอคอยอยู่อย่างอดทน
ทรัพยากรของเผ่าไห่ดึงดูดความสนใจของเขา แต่เขายังไม่เคลื่อนไหวเพราะสมบัติล้ำค่าที่สุดของเผ่าไห่คือมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน ฟางหยวนตระหนักถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจน
หลายวันต่อมา
ในที่สุดฟางหยวนก็ได้ยินว่าผู้อมตะของภาคเหนือกำลังจะบุกโจมตีฐานทัพใหญ่ของเผ่าไห่
‘มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานซ่อนอยู่ในฐานทัพใหญ่ของเผ่าไห่ ถึงเวลาแล้ว!’
ฟางหยวนตัดสินใจใช้ค่ายกลวิญญาณขนส่งเดินทางออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาทันที
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสนับสนุนการกระทำของเขา
เนื่องจากนี่เป็นโอกาสดีที่จะตรวจสอบผู้อมตะทั้งหมดของภาคเหนือและเรียนรู้เกี่ยวกับความแข็งแกร่งของพวกเขา หากโชคดี นิกายหลางหยาอาจได้รับผลประโยชน์บางอย่าง
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่กล้าส่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนของนิกายหลางหยาออกไป แต่ฟางหยวนเป็นมนุษย์และมีความสามารถ เขาเป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุดที่จะทำสิ่งนี้
เมื่อฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นที่ภาคเหนือ เขาเร่งใช้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดและท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยเพื่อปกปิดตนเองอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันเขายังกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติและท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดเพื่อการเดินทางที่รวดเร็วที่สุด
เขาเคลื่อนไหวเร็วมากและไม่พบปัญหา
ผู้อมตะของภาคเหนือส่วนใหญ่รวมตัวกันอยู่รอบๆฐานทัพใหญ่ของเผ่าไห่ นี่ทำให้ฟางหยวนสามารถเดินทางได้โดยไม่ดึงดูดความสงสัย
เพียงไม่นานเขาก็มองเห็นฐานทัพใหญ่ของเผ่าไห่
‘มรดกที่แท้จริงของไฟ่ฟาน…ข้ามาแล้ว!’ ฟางหยวนคิดกับตนเอง แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือสวรรค์สีเหลืองเปิดแล้วในขณะนี้!
สถานการณ์ของโลกผู้อมตะร้อนแรงขึ้นทันที
การเปิดตัวอีกครั้งของสวรรค์สีเหลืองทำให้ผู้อมตะทุกคนที่รอคอยอยู่อย่างอดทนระเบิดอารมณ์ออกมาและตอบสนองต่อมันอย่างรุนแรง
ฟางหยวนหยุดเคลื่อนไหว เขาลังเลว่าควรเดินหน้าต่อหรือกลับไป
เขาได้รับข้อความที่ถูกทิ้งไว้ในสวรรค์สีเหลือง
มันเป็นข้อความจากชูตู๋!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น