เทพปีศาจหวนคืน 1100

 เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1100 สถานการณ์ของเผ่าไห่


แปลโดย iPAT 


 


ฟางหยวนไตร่ตรองและเลือกที่จะรอ


 


หลังจากภัยพิบัติพิภพครั้งที่สอง เขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเจตจำนงสวรรค์


 


‘ไท่ชิวดูเหมือนสงบแต่เจตจำนงสวรรค์ได้วางกับดับรอข้าไว้แล้ว’


 


‘ก่อนหน้านี้นิกายหลางหยาสามารถพัฒนาไท่ชิวได้อย่างราบรื่นเพราะเจตจำนงสวรรค์ต้องการใช้ประโยชน์จากพวกเขา’


 


‘ตอนนี้หมาป่าดาวตกเพลิงปรากฏตัวขึ้น มันพิสูจน์ให้เห็นว่าเจตจำนงสวรรค์พยายามใช้นิกายหลางหยาเพื่อบีบบังคับให้ข้าออกไป’


 


‘ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถออกไป’


 


บางทีฟางหยวนอาจคิดมากไปเอง? บางทีเจตจำนงสวรรค์อาจไม่สามารถทำทุกสิ่ง? หรือบางทีเจตจำนงยังไม่ได้เริ่มแผนการที่ไท่ชิว?


 


ฟางหยวนคิดถึงความน่าจะเป็นทั้งหมดแต่เขาก็ปัดเป่าความคิดเหล่านี้ทิ้งไป


 


เขาสามารถอยู่รอดมาถึงเวลานี้เพราะความระวังตัวและวางแผนรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้ล่วงหน้าเสมอ


 


ไม่คาดหวังในความรักของผู้อื่น ไม่ปรารถนาให้ผู้ใดเมตตา ไม่คิดว่าตนเองเป็นที่โปรดปรานของโชคชะตา เขาพึ่งพาตนเองเท่านั้น!


 


ฟางหยวนกำลังรอคอยการเปิดตัวของสวรรค์สีเหลือง


 


หลังจากพิจารณาทุกแง่มุมแล้ว นี่เป็นทางเลือกที่มั่นคงที่สุดสำหรับเขา


 


เวลาผ่านไปครึ่งเดือนแต่สวรรค์สีเหลืองยังไม่เปิด


 


ผมที่หกพยายามหว่านความไม่ลงรอยระหว่างผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนกับฟางหยวนทุกวิถีทาง


 


บางคนชี้หน้าดุด่าฟางหยวนว่าเป็นคนทรยศของนิกายและไม่ให้ความช่วยเหลือนิกาย


 


“ข้ามีเหตุผลสำหรับการกระทำของตนเอง” ฟางหยวนกล่าวอย่างชัดเจนและใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในเมืองเมฆาของตนเอง


 


เขาแทบไม่รับภารกิจชี้แนะทักษะการต่อสู้ให้กับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนอีก


 


เหตุผลเนื่องมาจากค่าตอบแทนที่น้อยเกินไป


 


เขาไม่สามารถพัฒนามิติช่องว่างและเป็นเรื่องยากที่จะฝึกฝนทักษะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง แต่ฟางหยวนไม่ยินดีทิ้งเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เขายังใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาอนุมานสิ่งต่างๆมากมาย


 


โดยปราศจากความช่วยเหลือจากแสงแห่งปัญญา เขาต้องใช้เวลานานในการอนุมาน มันเป็นความแตกต่างราวสวรรค์กับพิภพ


 


‘เหตุใดข้าต้องสนใจทัศนคติของผู้อื่น?’


 


‘ตราบเท่าที่ข้ายังอยู่ในนิกายหลางหยาและไม่ทำลายกฎของนิกาย จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ไม่าสมารถขับไล่ข้า’


 


ฟางหยวนยังรอคอยต่อไป


 


แม้ทุกฝ่ายจะกดดันเขาอย่างหนักแต่เขาก็ยังไม่เคลื่อนไหว


 


…..


 


สิบกว่าวันต่อมา ภาคเหนือ สวนหมื่นพฤกษา


 


มันเป็นสถานที่อุดมสมบูรณ์ มีทุ่งนาสำหรับทำการเกษตร มีชลประทานถูกจัดเตรียมไว้อย่างเป็นระเบียบ


 


ชูตู่มาที่นี่และมองไปรอบๆก่อนกล่าวเสียงดัง “เทียนเซี่ยซิน เจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอันดับหนึ่งของภาคเหนือ โลกภายนอกกำลังยุ่งเหยิงแต่เจ้ากลับทำการเกษตรและใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่ที่นี่งั้นหรือ?”


 


มีพื้นที่เพาะปลูกหลายพันตารางกิโลเมตรและมีมนุษย์กลายพันธุ์จำนวนมากโดยเฉพาะมนุษย์หมึกกำลังทำไร่ไถนาอยู่


 


หนึ่งในนั้นเป็นมนุษย์ที่ดูเหมือนชาวนาหลังค่อมอายุห้าสิบถึงหกสิบปี


 


หลังจากได้ยินคำกล่าวของชูตู่ ชายชราผู้นี้กลับเงยหน้าและยืดแผ่นหลังขึ้น เขากล่าวชื่อชูตู่ออกมาอย่างไม่เกรงกลัวและยังเผยรอยยิ้มบาง “ชูตู๋ เจ้ากำลังประจบข้า ข้าจะเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอันดับหนึ่งของภาคเหนือได้อย่างไร? มีภูเขาสูงกว่าอยู่มากมาย ภาคเหนือเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญที่เร้นกาย แม้ข้าจะได้รับมรดกของผู้อมตะเฒ่าเทียนหยวน แต่ข้าก็ไม่สามารถเรียนรู้มันได้มากนัก ย้อนกลับไปข้าถูกตงฟางชางฟานทิ้งห่างไปไกลมาก แล้วข้าจะเป็นที่หนึ่งได้อย่างไร?”


 


ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเทียนเซี่ยซินผู้นี้เคยเป็นมนุษย์ธรรมดา เขาไม่แม้แต่จะเป็นผู้ใช้วิญญาณ


 


แต่ด้วยความบังเอิญเขาได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่จากผู้อมตะบางคน


 


ในที่สุดเขาจึงได้รับมรดกที่แท้จริงของบุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์และกลายเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอย่างลับๆ


 


เมื่อตงฟางชางฟานพยายามขยายอิทธิพลของเผ่าตงฟาง เขาแสวงหาผลประโยชน์จากทุกคน


 


กระทั่งเทียนเซี่ยซินจะได้รับมรดกที่แท้จริงและกลายเป็นผู้อมตะ เขาก็มีมิติช่องว่างระดับทั่วไปเท่านั้น ด้วยบุคลิกและพรสวรรค์ที่ไม่โดดเด่น เขาจึงไม่มีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ เดิมทีเขาบ่มเพาะอยู่อย่างเงียบๆ แต่เมื่อเผ่าตงฟางพยายามขยายอิทธิพล ชีวิตอันสงบสุขของเขาจึงจบสิ้นลง


 


แม้เทียนเซี่ยซินจะไม่เต็มใจแต่ตงฟางชางฟานก็บังคับให้เขาเข้าสู่การต่อสู้ หลังจากพ่ายแพ้ให้กับตงฟางชางฟาน เทียนเซี่ยซินจึงต้องออกจากสวนหมื่นพฤกษาและเตร็ดเตร่ไปทั่ว


 


ระหว่างช่วงเวลานี้เขาได้พบผู้อมตะคนอื่นๆทำให้โลกของผู้อมตะค่อยๆเรียนรู้ถึงการคงอยู่ของเขาอย่างช้าๆ


 


หลังจากตงฟางชางฟานเสียชีวิต เผ่าตงฟางถูกยึดทรัพยากรและล่มสลายไปอย่างรวดเร็ว


 


เทียนเซี่ยซินใช้โอกาสนี้ยึดสวนหมื่นพฤกษาของเขากลับคืนมา


 


แม้พรสวรรค์ของเขาจะไม่โดดเด่น แต่มรดกที่แท้จริงของเขายังทำให้ผู้อมตะภาคเหนือประทับใจและสนับสนุนเขา


 


หลังจากตงฟางชางฟานเสียชีวิต เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอันดับหนึ่งของภาคเหนือ


 


แต่เขาไม่มีความทะเยอทะยาน เขาต้องการเป็นคนธรรมดา แม้เขาจะเป็นผู้อมตะ เขาก็ไม่ต้องการละทิ้งชีวิตดั่งเดิมของตนและยังทำไร่ไถนาทุกวัน


 


แน่นอนว่าไร่นาส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นโดยแรงงานมนุษย์หมึก


 


เทียนเซี่ยซินเลี้ยงทาสมนุษย์หมึกและมีชื่อเสียงในเรื่องนี้


 


ชูตู๋ยิ้มและเดินเข้าไปหาเทียนเซี่ยซิน “น้องเทียนถ่อมตนเกินไป หากข้ามีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาเช่นเดียวกับน้องเทียน ข้าจะเรียกตนเองว่าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอันดับหนึ่งของภาคเหนือ แล้วมาดูกันว่าผู้ใดจะกล้าแข่งขันกับข้า?”


 


เทียนเซี่ยซินหรี่ตามองและหัวเราะเสียงดัง “พี่ชูเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ ท่านเป็นมังกรหรือพยัคฆ์ที่โดดเด่น ความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ของท่าน ข้าไม่สามารถเปรียบเทียบ ครั้งนี้ท่านมาหาข้าเพราะต้องการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากเผ่าไห่ด้วยถูกต้องหรือไม่?”


 


ชูตู่พยักหน้าและส่ายศีรษะในเวลาต่อมา “เผ่าไห่กำลังจะล่มสลายเช่นเดียวกับเผ่าตงฟาง ตอนนี้ทุกกองกำลังของภาคเหนือกำลังวางแผนโจมตีเผ่าไห่ อย่างไรก็ตามข้ามาในวันนี้เพราะมีเรื่องสำคัญที่ต้องการขอให้น้องเทียนช่วยอนุมาน”


 


เทียนเซี่ยซินประหลาดใจเล็กน้อย “โอ้ ดังคาด จักรพรรดิอมตะชูตู๋ไม่สนใจเหตุการณ์สำคัญของโลกภายนอกแต่ยึดมั่นกับเป้าหมายของตนเอง เช่นนั้นท่านต้องการให้ข้าอนุมานสิ่งใด?”


 


“ข้าต้องการให้เจ้าอนุมานเบาะแสของคนผู้หนึ่ง” ชูตู๋กล่าวพร้อมกับมอบวิญญาณอมตะดวงหนึ่งให้กับเทียนเซี่ยซิน


 


“วิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบ!” ร่างของเทียนเซี่ยซินสั่นสะท้านขึ้นเล็กน้อย “มันเคยเป็นวิญญาณอมตะของโป้ชิง!”


 


“ถูกต้อง เป็นเช่นนั้น” ชูตู๋เริ่มกล่าวเข้าประเด็น


 


เขาต้องการท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติของฟางหยวนเพื่อดึงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งออกมา


 


หากเปรียบเทียบท่าไม้ตายนี้กับการเลี้ยงดูผู้ใช้วิญญาณ วิธีการของชูตู๋ช้าเกินไป


 


ชูตู๋ไม่สามารถจับตัวฟางหยวน หลังจากเจรจา แม้ฟางหยวนจะมอบช่องทางติดต่อสื่อสารไว้กับชูตู๋ แต่ชูตู๋ไม่เคยได้รับการติดต่อจากฟางหยวนแม้เพียงครั้งเดียว


 


ชูตู๋รู้สึกกังวลมาก


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเมื่อสวรรค์สีเหลืองปิดตัวลง เขาสูญเสียวิธีติดต่อกับฟางหยวน


 


ชูตู๋คาดหวังว่าจะได้รับการติดต่อจากฟางหยวนเมื่อสวรรค์สีเหลืองเปิด ในเวลาเดียวกันเขาก็ยังกังวลว่าฟางหยวนอาจเพิกเฉย


 


ดังนั้นชูตู๋จึงเดินทางมาพบเทียนเซี่ยซินเพื่อให้เขาอนุมานเกี่ยวกับฟางหยวน


 


‘เมื่อเจ้าเพิกเฉยต่อข้า เช่นนั้นข้าก็จะตามหาเจ้าเอง!’ ชูตู่คิด


 


เทียนเซี่ยซินกล่าวต่อ “ดี ด้วยวิญญาณอมตะดวงนี้ มีโอกาสห้าสิบส่วนที่จะประสบความสำเร็จในการอนุมาน”


 


ชูตู๋ขมวดคิ้ว “เพียงห้าสิบส่วน?”


 


“หากเขาซ่อนตัวอยู่ในมิติช่องว่าง ข้าจะไม่สามารถอนุมานสิ่งใด ห้าสิบส่วนถือว่ามากแล้ว”


 


ชูตู๋พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “เช่นนั้นคงต้องรบกวนน้องเทียนแล้ว”


 


“ไปที่อื่นกันเถอะ ข้าต้องการเวลาสามวัน”


 


…..


 


แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


ฟางหยวนกลับไปที่เมืองเมฆาของเขา


 


ก่อนหน้านี้ฟางหยวนถูกเรียกตัวโดยจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา อย่างไรก็ตามจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ได้ขอให้เขาจัดการสุนัขดาวตกเพลิงแต่มีบางสิ่งเกิดขึ้นที่ภาคเหนือ


 


“เผ่าไห่…” ฟางหยวนพึมพำ


 


เผ่าไห่กำลังพบกับความยากลำบาก กล่าวถึงเรื่องนี้ฟางหยวนเป็นหนึ่งในผู้ก่อการร้าย


 


ย้อนกลับไปฟางหยวนทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงและทำให้ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคเหนือโกรธมาก


 


แต่ในช่วงเวลานั้นนิกายเงาช่วยปกปิดร่องรอยของฟางหยวน ผู้อมตะภาคเหนือจึงไม่พบเงื่อนงำ


 


จากนั้นไห่เจิ้งเข้าร่วมกับนิกายเงาและต่อสู้กับกลุ่มของฟงจิวเก้อ


 


ไห่เจิ้งละทิ้งคฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬและหลบหนีแต่ถูกจับโดยฟางหยวน


 


ต่อมานางมารผลาญสวรรค์ร่วมมือกับปีศาจอมตะเซี่ยหูบีบบังคับให้ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่ออกมาขณะที่ปีศาจอมตะเซี่ยหูลอบเข้าไปปล้นสะดมทรัพยากรในแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าไห่


 


สุดท้ายนิกายเงาถูกทำลายในการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ความลับของฟางหยวนถูกเปิดเผยโดยวังสวรรค์


 


ผู้อมตะภาคเหนือต้องการกำจัดฟางหยวนแต่พวกเขาไม่สามารถค้นหาที่อยู่ของเขา เหตุผลประการแรก มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอยู่น้อยมาก ประการที่สอง ฟางหยวนซ่อนตัวอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาตลอดเวลา สิ่งสำคัญอีกประการก็คือสหายผู้นี้เป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญาเช่นกัน


 


เมื่อผู้อมตะภาคเหนือไม่พบฟางหยวน ไห่ลั่วหลัน หรือไท่เป่ยหยุนเฉิง พวกเขาโกรธมากโดยเฉพาะสมาชิกตระกูลฮวงจิน


 


พวกเขาเคยเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่โดยพึ่งพามรดกของเทพอมตะตะวันเดือด พวกเขาสามารถกลั่นแกล้งผู้คน ทุกสิบปีพวกเขาจะเพลิดเพลินไปกับการเล่มเกมส์ชิงตำแหน่งเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือ โดยรวมแล้วพวกเขาเป็นตระกูลที่รุ่งเรืองและเป็นผู้ปกครองของภาคเหนือ


 


แต่หลังจากวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงล่มสลาย ทุกอย่างพังทลายลง


 


พวกเขาไม่พบผู้ก่อการร้าย ดังนั้นพวกเขาจึงหันไปหาเผ่าไห่!


 


ไห่ลั่วหลันเป็นสมาชิกของเผ่าไห่!


 


นอกจากเผ่าไห่ พวกเขาจะสามารถระบายความโกรธกับผู้ใดได้อีก?

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)