เทพปีศาจหวนคืน 1098-1099

 เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1098 ความสำเร็จท่ามกลางอันตราย


แปลโดย iPAT 


 


“เค้ง…เค้ง…”


 


บุปผาวายุโจมตีแผ่นหลังของฟางหยวน


 


การป้องกันของฟางหยวนฉีกขาดราวกับกระดาษที่บอบบาง


 


เลือดพุ่งออกมาจากบาดแผลราวกับสายฝน


 


‘โชคร้ายนัก!’ หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง


 


มีภูตมนุษย์มากมายอยู่รอบตัวเขาแต่บุปผาวายุกลับเลือกที่จะโจมตีร่างจริงของเขา


 


เมื่อเวลาผ่านไปพลังอำนาจของวิญญาณอมตะโชคอึสุนัขก็เริ่มลดลง โอกาสที่เขาจะถูกค้นพบโดยเจตจำนงสวรรค์เพิ่มสูงขึ้น


 


สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือพลังอำนาจของวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดกำลังลดลงเรื่อยๆ


 


วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดช่วยปกปิดกลิ่นอายของเขา เมื่อการป้องกันนี้หายไป สถานการณ์ของเขาจะเลวร้ายยิ่งกว่าการสูญเสียความช่วยเหลือจากวิญญาณอมตะโชคอึสุนัข


 


หนึ่งวินาทียาวนานราวกับหนึ่งปีขณะที่ฟางหยวนพยายามต่อต้านภัยพิบัติอย่างสิ้นหวัง


 


เขาอดทนต่อการโจมตีนับไม่ถ้วนจากจันทราหิมะและบุปผาวายุ


 


การป้องกันจากวิญญาณขีดจำกัดความมืดและวิญญาณโชคอึสุนัขอ่อนแอลงเรื่อยๆแต่ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยที่ใช้วิญญาณทัศนคติและวิญญาณเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นแกนกลางยังไว้ใจได้ นอกจากนี้เขายังสามารถใช้ภูตมนุษย์จำนวนมากเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ


 


แต่เจตจำนงสวรรค์ก็ไม่โง่


 


หลังจากเรียนรู้กลยุทธ์ของฟางหยวน มันสามารถค้นพบร่างจริงของเขาได้รวดเร็วขึ้นทุกครั้ง


 


อาการบาดเจ็บของฟางหยวนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นั่นทำให้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า


 


แต่ด้วยวิธีนี้ ค่าใช้จ่ายของเขาจึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว


 


ฟางหยวนพยายามดิ้นรนอย่างยิ่งยวดเพื่อเอาชีวิตรอดในสถานการณ์อันตราย


 


จันทราหิมะยังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั่นทำให้ฟางหวนแทบมองไม่เห็นความหวัง


 


แต่เขาไม่ยอมแพ้และยังกัดฟันอดทนต่อไป


 


สายลมกรรโชกแรงราวกับกำลังเย้ยหยันที่ประเมินฟางหยวนสูงเกินไป


 


จันทราหิมะที่แขวนอยู่บนท้องฟ้าราวกับกำลังมองลงมาที่ฟางหยวนและเห็นมดไร้ค่าตัวหนึ่ง


 


เลือดและเหงื่อที่อาบย้อมร่างกายของเขาเริ่มแข็งตัวเพราะแสงจันทร์อันเย็นเยียบ


 


ฟางหยวนตกอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช ตอนนี้เขาดูไม่ต่างจากขอทานหรือคนบ้า


 


ใบหน้าของเขาเย็นชา เขาไม่ได้หัวเราะหรือกรีดร้อง


 


เขาดูเหมือนประติมากรรมน้ำแข็งที่เย็นชา แม้สวรรค์จะต้องการฝังศพเขา แต่เขาก็ไม่กล่าวสิ่งใดและอดทนอยู่กับสถานการณ์ที่สิ้นหวังอย่างเงียบๆ


 


เมื่อเวลาผ่านไปสายลมเริ่มอ่อนกำลังลง พลังอำนาจของภัยพิบัติบุปผาวายุค่อยๆหายไป นี่คือขีดจำกัดของมัน!


 


แม้สวรรค์จะต้องการขยายขอบเขตของภัยพิบัติแต่ทุกภัยพิบัติล้วนมีขีดจำกัดของตัวมันเอง


 


ฟางหยวนยังไม่ตายแต่บุปผาวายุกลับหยุดเพิ่มจำนวนขึ้น


 


ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบางและพุ่งเข้าโจมตีจันทราหิมะ!


 


แม้ภัยพิบัติบุปผาวายุจะหยุดลงแต่จันทราหิมะยังไม่หยุดเพิ่มจำนวนขึ้น


 


มีบุปผาวายุตกค้างอยู่จำนวนหนึ่งและยังมีจัทราหิมะจำนวนมาก


 


นี่เป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก


 


ฟางหยวนรู้สึกอ่อนล้าจนแทบไม่มีแรงกัดฟ้น


 


ท่าไม้ตายอมตะ หมื่นตัวตน!


 


ท่าไม้ตายอมตะ กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน!


 


ท่าไม้ตายอมตะ คลื่นดาบสามชั้น!


 


ท่าไม้ตายอมตะ ใบหน้าที่คุ้นเคย!


 


ฟางหยวนไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนัก ท่าไม้ตายบางท่าล้มเหลวทำให้เขากระอักเลือดออกมาจากปาก


 


ภัยพิบัติพิภพมีขีดจำกัด ฟางหยวนก็เช่นกัน


 


ไม่มีเหตุผลที่จะวิ่งหนีในเวลานี้ ภัยพิบัติบุปผาวายุจบลงแล้วแต่ยังมีจันทราหิมะ


 


ภัยพิบัติยังไม่จบสิ้น ปราณสวรรค์พิภพยังไม่เสถียร มันเป็นไปไม่ได้ที่ฟางหยวนจะเก็บมิติช่องว่างกลับเข้าไปในร่างกาย


 


ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจตจำนสวรรค์วางแผนการมาเป็นอย่างดี ภัยพิบัติพิภพครั้งก่อนความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งเป็นส่วนหนึ่งของภัยพิบัติ ครั้งนี้แม้เจตจำนงสวรรค์จะไม่สามารถหยุดยั้งความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง แต่มันยังเปลี่ยนความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งเป็นจันทราหิมะเพื่อเพิ่มความยากให้กับฟางหยวน


 


ในสถานการณ์ปัจจุบันมันขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายใดจะอดทนได้นานกว่า


 


หนึ่งชั่วโมงต่อมาฟางหยวนล้มลงบนภูเขาตงฮัน


 


พลังงานอมตะของเขาหมดลงแล้ว


 


เขาไม่สามารถรักษาท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยเอาไว้ได้อีก


 


ฟางหยวนใช้พลังและความพยายามทั้งหมดทำลายจันทราหิมะจำนวนมากแต่ยังเหลือจันทราหิมะดวงสุดท้าย!


 


ฟางหยวนต่อต้านแสงจันทร์โดยใช้ภูเขาตงฮันเป็นโล่ป้องกัน


 


ชั้นน้ำค้างแข็งปกคลุมบาดแผลของเขาและค่อยๆกลืนกินร่างกายของเขาทีละน้อย


 


สายลมสุดท้ายพัดมาและต้องการปลิดชีพของฟางหยวน


 


แต่ฟางหยวนยังเผยรอยยิ้มบาง


 


‘ในที่สุดข้าก็รอด!’


 


ในช่วงเวลาสำคัญปลามังกรเดียวดายตัวหนึ่งกลับปรากฏตัวขึ้น มันสะบัดหางทำลายจันทราหิมะดวงสุดท้ายโดยไม่คาดคิด!


 


วิญญาณอมตะทาสสัตว์อสูร!


 


วินาทีต่อมาปราณสวรรค์พิภพก็สงบลง ฟางหยวนรีบเดินทางออกจากภาคเหนือ


 


เมื่อเขาจากไป สองร่างปรากฏขึ้นจากใต้ชั้นน้ำแข็ง


 


“ที่นี่!” หนึ่งในสองตรวจสอบสถานที่และยืนยันสภาพแวดล้อม


 


อีกร่างดมกลิ่นและยืนยันเช่นกัน “ความรู้สึกของพวกเราไม่ผิด บางคนเผชิญหน้ากับภัยพิบัติของเขาที่นี่ ยังมีปราณสวรรค์พิภพบางส่วนตกค้างอยู่และยังไม่สลายไป”


 


ร่างทั้งสองดูคลุมเครือไม่ชัดเจน พวกเขาจงใจปกปิดตัวตน


 


อย่างไรก็ตามพิจารณาจากความสามารถในการตรวจสอบ แน่นอนว่าพวกเขาต้องเป็นผู้อมตะ


 


‘เห้อ…แดนน้ำแข็งถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจคลั่ง มันมีปราณสวรรค์พิภพน้อยกว่าที่อื่น หากผู้อมตะหลายคนเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่นี่ ปราณสวรรค์พิภพจะถูกใช้งาน บางส่วนของแดนน้ำแข็งจะพังทลาย สถานที่แห่งนี้จะไม่เสถียรอีกต่อไป’ หนึ่งในสองผู้อมตะลึกลับถอนหายใจและกล่าวด้วยความกังวล


 


‘แดนน้ำแข็งเป็นสวรรค์แห่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ของพวกเราเผ่ามนุษย์หิมะ พวกเราอาศัยอยู่ใต้แดนน้ำแข็งและไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก หากมนุษย์ทำลายสถานที่แห่งนี้ พวกเราจะไม่เหลือที่อยู่อาศัย!’ ผู้อมตะลึกลับที่ดูเยาว์วัยกว่ากล่าวด้วยความโกรธ


 


มันกลายเป็นว่าผู้อมตะทั้งสองเป็นมนุษย์กลายพันธุ์เผ่ามนุษย์หิมะ


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะวัยเยาว์กล่าวต่อ “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งตัดสินใจช้าเกินไป ในความคิดเห็นของข้า เราควรกำจัดชูตู๋ เขาไม่เพียงต้องการเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่แดนน้ำแข็งแต่ยังนำคนอื่นมาที่นี่เพื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ ด้วยวิธีนี้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราจะถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว”


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะชราถอนหายใจ “เห้อ…ข้าเข้าใจผู้อาวุโสสุงสุดลำดับที่หนึ่ง เขาเกรงว่าการต่อสู้กับชูตู๋จะเป็นการเปิดเผยที่ตั้งของพวกเราออกไปทั่วโลก ตอนนี้มนุษย์เป็นเจ้าเหนือหัวของโลกใบนี้ สถานะของพวกเราไม่มั่นคง หากเราถูกเปิดเผย ผู้อมตะทั้งหมดของภาคเหนือจะมาที่นี่”


 


“แล้วเราจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปงั้นหรือ? ด้วยกำลังของเรา หากต่อสู้ในแดนน้ำแข็ง มันไม่ใช่เรื่องยากที่พวกเราจะสังหารผู้อมตะเผ่ามนุษย์บางคน แน่นอนว่าข้ายอมรับว่าชูตู่แข็งแกร่งมาก เราอาจหลีกเลี่ยงเขา แต่ผู้อมตะคนอื่นๆไม่ใช่เรื่องยากที่พวกเราจะกำจัด เมื่อพวกเขาตาย ผู้ใดจะรู้ว่าพวกเราคือฆาตกร! หึ เผ่ามนุษย์มีความขัดแย้งภายใน ฝ่ายธรรมะและฝ่ายปีศาจไม่เคยหยุดต่อสู้กัน” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะวัยเยาว์กล่าว


 


“เห้อ…เจ้ากล่าวได้มีเหตุผลเช่นกัน รายงานเรื่องนี้และรอดูว่าผู้อาวุโสสูงสุดคนอื่นๆจะกล่าวเช่นไร”


 


หลังกล่าวจบคำ ร่างของผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะทั้งสองก็อันตรธานหายไป


 


แม้ร่างกายของฟางหยวนจะปกคลุมไปด้วยบาดแผลแต่เขายังไม่หยุดเคลื่อนไหวและต้องการกลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอย่างรวดเร็วที่สุด


 


‘เจตจำนงสวรรค์ต้องการกำจัดข้า โอกาสที่ดีที่สุดคือช่วงเวลาแห่งภัยพิบัติ แต่มันยังสามารถวางแผนและส่งมนุษย์หรือสัตว์อสูรมาสังหารข้า!’


 


ฟางหยวนจดจำเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน


 


นี่เป็นข้อมูลสำคัญที่เขาได้รับมาจากนิกายเงาโดยผมที่หก


 


ในการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน เขาเป็นส่วนหนึ่งของภัยพิบัติมนุษย์ที่เจตจำนงสวรรค์ใช้จัดการเทพปีศาจจิตวิญญาณ


 


เพราะเขาเคยสัมผัสมันมากับตนเอง ฟางหยวนจึงตื่นตัวกับภัยพิบัติมนุษย์เป็นอย่างมาก


 


เทพปีศาจจิตวิญญาณวางแผนมานานนับแสนปีแต่สุดท้ายเขายังพ่ายแพ้ต่อเจตจำนงสวรรค์


 


หากเปรียบเทียบ ฟางหยวนไม่ถือเป็นสิ่งใด


 


ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่รุนแรงของตนและรีบหลบหนีอย่างรวดเร็ว


 


ไม่มีอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นระหว่างทาง ฟางหยวนกลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาได้สำเร็จ


 


เมื่อกลับถึงแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟางหยวนจึงสามารถถอนหายใจเพราะตระหนักว่าตนเองปลอดภัยแล้ว


 


จากนั้นเขาซ่อนตัวอยู่ในเมืองเมฆาและรักษาอาการบาดเจ็บก่อนจะส่งคืนวิญญาณอมตะทั้งหมดที่ยืมมา


 


ไม่กี่วันต่อมาอาการบาดเจ็บทั้งหมดของฟางหยวนก็หายเป็นปกติ


 


เขาเริ่มฟื้นฟูภูเขาตงฮันที่อยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ


 


ภูเขาลูกนี้ช่วยเขาได้มากในภัยพิบัติที่ผ่านมา


 


หลังจากถูกโจมตีโดยบุปผาวายุ ตอนนี้มันกลายเป็นเพียงเนินเขาเล็กๆ


 


วิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้า!


 


ด้วยการใช้วิญญาณอมตะดวงนี้ ภูเขาตงฮันจึงกลับมามีขนาดเท่าเดิม


 


มีเพียงภูเขาตงฮันที่อยู่ในสภาพนี้จึงจะสามารถผลิตวิญญาณความเด็ดเดี่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด


 


ฟางหยวนไม่กล้าประมาท เขารีบนำภูเขาตงฮันออกมาและส่งต่อให้กับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาทันที


 


อย่างไรก็ตามแม้เขาจะสามารถผลิตวิญญาณความเด็ดเดี่ยวได้เป็นจำนวนมาก แต่สวรรค์สีเหลืองยังปิดอยู่ ในคลังสมบัติของนิกายหลางหยาเต็มไปด้วยวิญญาณความเด็ดเดี่ยวที่ไม่สามารถขาย นี่ทำให้ฟางหยวนค่อนข้างกังวล


 


‘อีกสองเดือนภัยพิบัติพิภพครั้งที่สามจะมาถึง มันจะรุนแรงกว่าครั้งนี้ หากข้าไม่มีความก้าวหน้าใดๆ ข้าอาจตายในภัยพิบัติครั้งต่อไป’


 


‘เพื่อให้ได้รับมาซึ่งความแข็งแกร่ง ข้าต้องการทรัพยากรในการบ่มเพาะทุกประเภท สวรรค์สีเหลือง เมื่อใดเจ้าจะเปิด?’


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1099 ปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง


แปลโดย iPAT 


 


ทะเลตะวันออกน้อยในมิติช่องว่างจักรพรรดิ


 


ที่นี่เป็นเต็มไปด้วยน้ำ


 


แต่มันไม่ได้กว้างใหญ่เหมือนทะเลตะวันออกของโลกภายนอก ระดับน้ำลึกที่สุดเพียงยี่สิบเมตรเท่านั้น


 


สถานที่ส่วนใหญ่เหมือนบ่อโคลนสำหรับสัตว์อสูร


 


นี่เป็นเพราะมิติช่องว่างจักรพรรดิยังมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งวารีไม่มากพอ


 


ตอนนี้ทะเลตะวันออกน้อยกำลังเกิดการต่อสู้ระหว่างสัตว์อสูรสองตัว


 


หนึ่งคือหมาป่าครีบฉลามเดียวดาย อีกหนึ่งคือหมีบินเดียวดาย


 


ดวงตาของหมีบินส่องประกายขึ้นขณะที่มันเริ่มล่าถอย


 


หมาป่าครีบฉลามพุ่งเข้าโจมตีหมีบินด้วยพละกำลังมหาศาลแต่หมีบินยังสามารถหลบได้อย่างง่ายดาย


 


จากนั้นหมีบินก็ยกอุ้งเท้าขึ้นและฟาดลงบนศีรษะของหมาป่าครีบฉลาม


 


การโจมตีนี้ส่งหมาป่าครีบฉลามพุ่งลงกระแทกพื้นและไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก


 


อย่างไรก็ตามฟางหยวนในร่างหมีบินไม่พอใจกับผลลัพธ์นี้


 


‘เมื่อข้าใช้วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของหมีบินก่อนหน้านี้ ความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มขึ้น แต่การเปลี่ยนเป็นหมีบินด้วยวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ยังมีปัญหา ร่างผีดิบอมตะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนมาก แม้ข้าจะใช้วิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ แต่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ายังต่อต้านกัน’


 


ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงอยู่บนร่างกาย


 


ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงสามารถเปลี่ยนเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสายอื่นภายใต้พลังอำนาจของวิญญาณ


 


วิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์คือแก่นแท้ของเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ด้วยการคงอยู่ของมัน ผู้อมตะสามารถเปลี่ยนเป็นทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ นก ปลา หนอน หญ้า ต้นไม้ ภูเขา แม่น้ำ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หรือดวงดาว


 


แต่วิญญาณดวงนี้สามารถเปลี่ยนเพียงรูปลักษณ์ หากต้องการเปลี่ยนความแข็งแกร่ง ความเร็ว หรืออื่นๆ ผู้อมตะต้องใช้วิญญาณดวงอื่นเพิ่มเติม


 


‘ตอนนี้มิติช่องว่างจักรพรรดิอยู่ในร่างของข้า ข้าต้องใช้ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเพื่อฝึกทักษะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง แต่ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่ง มันเป็นเรื่องยากที่จะใช้วิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ แต่วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของหมีบินเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง มันส่งผลกระทบที่ดีกว่า’


 


ฟางหยวนประเมินโดยคิดถึงร่างในปัจจุบันของเขาเป็นหลัก


 


ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ไม่ขัดแย้งกันเป็นข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่!


 


ทุกเส้นทางมีขอบเขตและวิถีของตนเองที่แยกพวกมันออกจากกันอย่างชัดเจน กระทั่งคนผู้หนึ่งจะบ่มเพาะบนเส้นทางสองสาย มันยังมีความแตกต่างระหว่างเส้นทางหลักกับเส้นทางรอง แต่สำหรับฟางหยวน เขาสามารถบ่มเพาะได้ทุกเส้นทาง


 


‘ดูเหมือนการใช้ร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งฝึกฝนทักษะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงจะมีประโยชน์ไม่มาก มันไม่สามารถเป็นตัวแทนของข้า’ ฟางหยวนถอนหายใจและควบคุมหมีบินหลบเลี่ยงการโจมตีอันบ้าคลั่งของหมาป่าครีบฉลามหลังจากมันฟื้นขึ้นมา


 


แต่ฟางหยวนมีความฉลาดของมนุษย์ เขาใช้กลยุทธ์ในการต่อสู้และสามารถจัดการหมาป่าครีบฉลามได้โดยที่มันไม่สามารถทำสิ่งใด


 


แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณอมตะทาสสัตว์อสูรและสามารถควบคุมสัตว์อสูรเดียวดายตัวนี้ แต่หลังจากภัยพิบัติเขายังต้องคืนวิญญาณอมตะที่ยืมมา


 


ดังนั้นก่อนหน้านี้เขาจึงปลดปล่อยหมาป่าครีบฉลามและปลามังกรเดียวดาย


 


แต่เรื่องนี้ก็มีประโยชน์เช่นกัน


 


ปราศจากการควบคุมโดยวิญญาณอมตะทาสสัตว์อสูร หมาป่าครีบฉลามจะสามารถปลดปล่อยธรรมชาติที่ดุร้ายของมันออกมาและเป็นคู่ฝึกซ้อมที่ดี


 


“บึม!”


 


หมาป่าครีบฉลามถูกอุ้งเท้าหมีบินโจมตีและพุ่งลงกระแทกบ่อโคลนอีกครั้ง


 


คราวนี้หมาป่าครีบฉลามตระหนักถึงอันตรายจากหมีบินและเริ่มวิ่งหนี


 


ฟางหยวนรู้สึกงุนงงเล็กน้อย ‘เป็นเพราะข้ารุนแรงเกินไปหรือความดุร้ายของมันลดลง?’


 


เห็นหมาป่าครีบฉลามหลบหนี ฟางหยวนจึงหมดความสนใจที่จะต่อสู้กับมัน


 


‘แต่การฝึกฝนไม่ถือว่าไร้ประโยชน์ มันพิสูจน์ให้เห็นว่าความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของข้าถึงระดับปรมาจารย์แล้วจริงๆ’


 


ปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง!


 


ตอนนี้ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือด เส้นทางความแข็งแกร่ง เส้นทางแห่งปัญญา เส้นทางแห่งดวงดาว และเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง!


 


ห้าร้อยปีในชีวิตก่อนหน้าไม่ได้ช่วยฟางหยวน ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงบรรลุระดับนี้ได้เพราะความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง


 


เจตจำนงสวรรค์ต้องการกำจัดฟางหยวน มันวางแผนเพิ่มพลังอำนาจของภัยพิบัติพิภพจนถึงขีดสุด


 


ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองของฟางหยวนอยู่ในระดับเดียวกับภัยพิบัติสวรรค์ ดังนั้นความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งที่ถูกดึงออกมาจึงมากขึ้นเช่นกัน


 


โชคร้ายและโชคดีมักมาพร้อมกันเสมอ


 


ยิ่งภัยพิบัติรุนแรงเท่าใด มันก็ยิ่งอันตรายเท่านั้น แต่หลังจากก้าวผ่าน พวกเขาจะได้รับประโยชน์มหาศาล


 


ฟางหยวนได้รับความหมายที่แท้จริงจากเทพปีศาจคลั่งมาแล้วสามครั้ง ครั้งแรกเมื่อไห่ลั่วหลันก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ อีกสองครั้งเกิดจากภัยพิบัติพิภพทั้งสองของฟางหยวน นั่นทำให้รากฐานบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเขาเพียงพอที่จะทำให้เขาบรรลุระดับปรมาจารย์


 


‘กลายเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเป็นข่าวดี แต่สถานการณ์ของข้ายังค่อนข้างแย่!’ ฟางหยวนรู้สึกกังวล


 


ภัยพิบัติทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกครั้ง


 


ฟางหยวนสามารถคาดเดาได้ว่าภัยพิบัติพิภพครั้งต่อไปจะรุนแรงมากเพียงใด


 


ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองเต็มไปด้วยอันตราย


 


เมื่อจันทราหิมะปรากฏขึ้น หากฟางหยวนไม่ตัดสินใจโจมตีทันที ผลลัพธ์อาจเป็นหายนะ ในตอนท้ายภูเขาตงฮันกลายเป็นเนินเขาเล็กๆขณะที่พลังงานอมตะของเขาหมดสิ้น เขาไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะได้อีก สุดท้ายเขาผ่านภัยพิบัติมาได้เพราะสัตว์อสูรเดียวดายที่เขาเตรียมไว้


 


อาจกล่าวได้ว่าฟางหยวนใช้ไพ่ตายทั้งหมดที่มีเพื่อก้าวข้ามภัยพิบัติครั้งนี้


 


‘ในภัยพิบัติพิภพครั้งแรก ความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งกลืนกินภัยพิบัติไปถึงครึ่ง อสูรหิมะที่เกิดจากเจตจำนงสวรรค์กลายเป็นไร้คุณค่า’


 


‘แต่ในภัยพิบัติพิภพครั้งที่สอง เจตจำนงสวรรค์วางแผนมาเป็นอย่างดีโดยใช้ประโยชน์จากความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งส่งผลให้เกิดจันทราหิมะจำนวนมาก’


 


‘เจตจำนงสวรรค์สามารถคิด ดังนั้นภัยพิบัติครั้งที่สาม มันต้องพิจารณาถึงการคงอยู่ของภูเขาตงฮันรวมถึงท่าไม้ตายอมตะ สัตว์อสูร และผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าผู้อมตะเผ่ามนุษย์วิหคจ้าวจง’


 


รู้เขารู้เราจะไม่มีวันพ่ายแพ้


 


ฟางหยวนผ่านภัยพิบัติมาแล้วสองครั้ง นี่ทำให้เขาเข้าใจเจตจำนงสวรรค์มากขึ้น


 


ในทำนองเดียวกันเจตจำนงสวรรค์ก็ได้รับข้อมูลของฟางหยวนมากขึ้นเช่นกัน


 


ปัจจุบันฟางหยวนมีเจ็ดวิธีในการต่อต้านภัยพิบัติ


 


หนึ่ง เผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่แดนน้ำแข็งของภาคเหนือและดึงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งออกมาเพื่อลดพลังอำนาจของภัยพิบัติ


 


สอง วิญญาณโชคอึสุนัขช่วยเพิ่มโชค


 


สาม วิญญาณทัศนคติ วิญญาณขีดจำกัดความมืด และท่าไม้ตายใบหน้าที่คุ้นเคยช่วยสร้างความสับสนให้แก่เจตจำนงสวรรค์


 


สี่ วิญญาณอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง เส้นทางแห่งดาบ เส้นทางแห่งเลือด รวมถึงท่าไม้ตายอมตะที่สามารถต่อต้านศัตรู


 


ห้า ภูเขาตงฮันทำให้เขามีความได้เปรียบด้านภูมิประเทศ


 


หก สถานะปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์แบบทำให้เจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถส่งอิทธิพลต่อความคิดของเขา


 


เจ็ด กำลังเสริมจากภายนอกเช่น ปลามังกรเดียวดาย หมาป่าครีมฉลาม ผู้อมตะเผ่ามนุษย์วิหคจ้าวจง และผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนจากนิกายหลางหยา


 


‘เจตจำนงสวรรค์รู้ข้อมูลของข้า แต่ไพ่ทั้งเจ็ดใบยังมีความแปรปรวน’


 


‘กำลังเสริมจากภายนอกไม่สามารถเชื่อถือได้’


 


‘ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งทาสของข้าไม่สูงนัก ข้าไม่มีทักษะระดับสูงบนเส้นทางแห่งทาส แม้ข้าจะสามารถสะกดข่มหมาป่าครีบฉลามและปลามังกรเดียวดาย เจตจำนงสวรรค์ก็ยังสมารถปลดปล่อยพวกมันให้เป็นอิสระ ดังนั้นระหว่างภัยพิบัติ ข้าไม่สามารถเปิดเผยพวกมันออกมาล่วงหน้า’


 


‘สำหรับผู้อมตะเผ่ามนุษย์วิหคจ้าวจง เขาเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ เขามีสติปัญญาสูง หากเขาถูกปลดปล่อย เขาจะกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่กว่าสัตว์อสูรเดียวดาย จนกว่าข้าจะไม่มีทางเลือก ข้าจะไม่เปิดเผยมิติช่องว่างจักรพรรดิกับเขา สิ่งสำคัญที่สุด เขาเคยเป็นภัยพิบัติของไท่เป่ยหยุนเฉิง หากเขาถูกควบคุมโดยเจตจำนงสวรรค์เช่นอสูรหิมะและทรยศข้า มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่’


 


‘ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สามข้าอาจเข้าใกล้ความตายและในภัยพิบัติพิภพครั้งที่สี่ข้าอาจตายจริงๆ’


 


ฟางหยวนตระหนักถึงสถานการณ์ของตนเองเป็นอย่างดี


 


สวรรค์สีเหลืองยังไม่เปิด เขาไม่สามารถซื้อขายทรัพยากรเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง


 


นี่คือปัญหาของผู้อมตะที่ต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ


 


ภัยพิบัติจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อทำให้แน่ใจว่าตนเองจะสามารถก้าวข้ามมัน


 


ผู้อมตะที่มีศักยภาพต่ำกว่าจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่อ่อนแอกว่า พวกเขาจะมีเวลาเตรียมตัวและฝึกฝน แต่ศักยภาพของฟางหยวนเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เขามีมิติช่องว่างที่สามารถบ่มเพาะได้ทุกเส้นทาง


 


ดังนั้นภัยพิบัติของเขาจึงน่ากลัวมากโดยเฉพาะเมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติทุกสองเดือน!


 


ผู้อมตะคนอื่นอาจตายไปแล้วแต่ฟางหยวนมีรากฐานและทรัพยากรมากพอที่ทำให้เขาสามารถรักษาชีวิตมาจนถึงเวลานี้


 


อย่างไรก็ตามอนาคตของเขายังอันตรายมาก


 


‘สวรรค์สีเหลืองปิด เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับข้าโดยตรง หากเป็นเช่นนี้ต่อไปข้าจะไม่สามารถรักษาชีวิต’


 


ปัญหาคือสวรรค์สีเหลือง


 


หากมันเปิดอีกครั้ง เส้นทางของเขาจะราบรื่น


 


แต่สวรรค์สีเหลืองจะเปิดเมื่อใด?


 


ภายในหนึ่งเดือน สองเดือน หรืออีกกี่เดือนหลังจากนี้


 


หากมันไม่เปิดภายในเร็ววันนี้ ฟางหยวนอาจตายก่อน เว้นเพียงเขาจะได้รับโชคลาภโดยบังเอิญ


 


วันเวลาผ่านไปแต่ยังไม่มีสัญญาณการเปิดตัวของสวรรค์สีเหลือง


 


อาการบาดเจ็บของฟางหยวนหายดีแล้วแต่มิติช่องว่างของเขายังไม่มีความก้าวหน้า


 


ภารกิจพัฒนาไท่ชิวของนิกายหลางหยาหยุดลงเช่นกัน จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาขอให้ฟางหยวนช่วยจัดการหมาป่าดาวตกเพลิงหลายครั้งแต่ฟางหยวนยังปฏิเสธ นี่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเริ่มแย่ลง


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาลดรางวัลที่ฟางหยวนช่วยฝึกสอนผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนลงจนถึงจุดต่ำสุด เขาแทบไม่ได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้


 


ภายใต้การกระตุ้นของผมที่หก ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆเปลี่ยนเย็นชาต่อฟางหยวน


 


แม้ฟางหยวนจะสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติครั้งที่สองแต่สถานการณ์ของเขากลับเลวร้ายลง


 


เขาควรรอการเปิดตัวของสวรรค์สีเหลืองหรือพยายามหาเส้นทางสายใหม่เพื่อความก้าวหน้า?


 


ตอนนี้ฟางหยวนกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาที่ยากลำบาก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)