องครักษ์เสื้อแพร 1096-1098
ตอนที่ 1096 ทหารมาถึงริมกำแพงเมือง
Ink Stone_Fantasy
ทางใต้ของเมืองพยองอันก็คือเมืองเปียงยาง เป็นเมืองใหญ่อันดับสองในเกาหลี สาเหตุที่ที่นี่เจริญรุ่งเรือง เป็นเพราะใกล้แผ่นดินหมิง เส้นทางน้ำและบกล้วนสะดวกมาก
ทหารกองทัพเกาหลีแต่ไรมาไม่เคยแข็งแกร่ง ตั้งแต่ตอนสมัยราชวงศ์หยวนและหมิงปะทะศึกพอได้ประโยชน์ไปบ้าง จะว่าไปแล้ว เกาหลีมีเรื่องกับโจรวัวโค่วก่อนหน้าแผ่นดินหมิงมาก โจรวัวโค่วรุกรานมาเหิมเกริมทางใต้เกาหลีนานแล้ว หลายครั้งส่งอิทธิพลข่มขู่ไปจนถึงที่ประทับพระราชาเกาหลี
เพราะยุ่งยาก ดังนั้นเกาหลีแต่ไรมาจึงคิดจะย้ายพระราชามาประทับที่เปียงยาง เพื่อจะได้รับการปกป้องจากแผ่นดินหมิง แน่นอนในการนี้ยังอาจมีอันใดแอบแฝงหรือไม่ก็ไม่มีผู้ใดรู้ได้ พระราชาเกาหลีแต่ละสมัยก็มักจะทุ่มเทกำลังไปกับการบริหารที่นี่ พื้นที่เกาหลีเช่นนี้ เมืองเปียงยางนับว่ามีรูปแบบการป้องกันแบบกำแพงเมือง ยังมีโกดังใหญ่หลายแห่ง
แต่ทว่าการป้องกันและสั่งสมเสบียงเช่นนี้ไม่มีประโยชน์ใด โจรวัวโค่วบุกเข้ามา ทหารแผ่นดินหมิงข้ามแม่น้ำยาลูมา กองกำลังผสมทหารม้าและทหารราบก็เพียงพอมาถึงเมืองเปียงยางได้
หลี่หรูป๋อไม่แน่จริง ไม่ได้คิดสู้ตายในการศึกครั้งนี้ เสียเวลาที่ป้อมนี้หลายวัน สูญเสียคนไปมาก ทำลายขวัญกำลังใจ เสียเวลาเดินทัพ ช่างไม่เหมือนกับขุนพลใหญ่ออกศึกเสียเลย ความจริงนั้นโจรวัวโค่วก็ไม่ได้แข็งแกร่งสักเท่าไร
หน่วยทหารของไดเมียวโคนิชิ ยูกินากะที่ประจำเปียงยาง รู้ว่ามีกองทหารมาตั้งค่ายตรงหน้า จากสายลับก็รู้ว่ากองกำลังหมิงกำลังกดดันเข้ามา แต่ไม่ได้คิดรับมืออันใด
ฤดูหนาวตอนเหนือเกาหลีสำหรับกองทัพโจรวัวโค่วแล้วเรียกว่าหนาวเกินไป อากาศหนาวเช่นนี้ หากออกนอกเมืองไปทำอันใด กองทหารย่อมบาดเจ็บจากลมหนาวกันมาก ถึงกับขวัญกระเจิงก็เป็นได้
ยังมีอีกปัญหาหนึ่งก็คือเสบียงไม่พอ กำลังการต่อสู้โจรวัวโค่วมีอยู่ แต่ทว่าระเบียบวินัยไม่มีเท่าไร สังหารปล้นชิงมาตลอดทาง แต่การปล่อยปละเช่นนี้ เมื่อก่อนหน้าปล่อยให้ทหารร้ายกาจราวพยัคฆ์ออกจัดการ ตอนหลังกลับพบว่าไม่มีชาวบ้านมาเป็นกำลังในกองทัพได้ ไม่มีเสบียงมาช่วยการศึกได้
โจรวัวโค่วมาตั้งค่ายที่เปียงยางไม่มีเสบียงเพียงพอ ไม่กล้าบุกใหญ่ แม้ว่าเคลื่อนไหวก็จะแค่ส่งทหารออกไปยังหมู่บ้านเกาหลีรอบๆ เท่านั้น ปล้นเสบียงอาหารพวกเขากลับมาให้ค่ายตน
ขุนพลโจรวัวโค่ว ไดเมียวโคนิชิ ยูกินากะดูแคลนกองกำลังหมิงอยู่ โดยเฉพาะที่ซุ่มโจมตีในเมืองเปียงยางคราก่อนทำลายกองกองกำลังหมิงทหารม้าหลายพันไป ก็ยิ่งหยิ่งผยองในใจอย่างมาก คิดว่ากองกำลังหมิงก็แค่นี้ รอให้ฤดูใบไม้ผลิมาถึงก่อน ได้เสบียงมาพอก่อน เขาจะนำกำลังขึ้นเหนือ กวาดล้างแผ่นดินหมิง
ดังนั้นจากสายข่าวได้รู้ว่าแผ่นดินหมิงทัพใหญ่ลงใต้ โคนิชิ ยูกินากะถึงกับไม่คิดจะรายงานขอความช่วยเหลือไปยังไดเมียวอุคิตะ ฮิเดะอิเอะ ขุนพลใหญ่ที่เมืองโซอุล เขากับลูกน้องพากันร่วมหารือผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างโซ โยชิโตชิกับอาริมะ ฮารุโนบุว่า
“ตั้งมั่นป้อมนี้ให้ดี หักกองหน้ากองกำลังหมิงลงให้ได้ ให้เกรียงไกรเหมือนก่อนหน้าอีกครั้ง!”
การวางแผนนี้ก็เหมือนกับสมัยตอนนั้นตระกูลโฮโจรบกับราชวงศ์หยวนทางทะเล ณ เมืองเปียงยางนี้กองกำลังหมิงต้องพ่ายยับเยิน
**************
“น้องรอง หลายปีนี้เหลียวซีเจ้าดูแลอย่างไรกัน ไม่ใช่ว่าทุ่มเทไปกับการทำการค้ากระมัง!”
พอเห็นเค้าโครงเมืองเปียงยาง หลี่หรูซงบนหลังม้ากลับกล่าวเรื่องอื่น วาจาไม่เป็นมิตรนัก ออกแนวตำหนิ หลี่หรูป๋อสีหน้าเคร่งเครียด พึมพำด่าเบาๆ
“พวกสวะเหล่านี้ รอกลับไปได้ ข้าจะจัดการส่งไปเลี้ยงหมีให้หมด…พี่ใหญ่ พี่ก็รู้ทหารราบพวกนี้คิดแต่จะหาที่นาให้บ้านตนเอง กลัวตายมาก แต่ไรก็ใช้ไม่ได้เช่นนี้ พี่ใหญ่ท่านนำไปมีแต่ทหารม้า หากพี่นำทหาราบไปมากหน่อย เกรงว่าคงไม่เป็นเช่นนี้”
หลี่หรูซงถลึงตาจ้องมอง แต่กลับไม่ตำหนิสั่งสอนต่อ ตั้งแต่ข้ามแม่น้ำมาถึงตอนนี้ก็ห้าวันแล้ว ทหารเหลียวหนิงหนีทัพไปพันกว่า รบชนะยังเป็นเช่นนี้ หากแพ้จะเป็นเช่นไร สำหรับตัดหัวศัตรูสามพัน ต้องให้ทหารขนกลับไป ขุนพลทหารเหลียวซีแย่งกันจนน่าตกใจ
“ข้าจำได้ว่าก่อนไปเมืองเซวียนฝู่ ทหารเรายังมีระเบียบอยู่หลายส่วน เหตุใดวันนี้จึงเป็นเช่นนี้ เราเป็นทหาร ทหารในมือเราไม่แข็งแกร่ง ก็ย่อมไม่มีรากฐาน นานวันจะทำเช่นไร!”
นิ่งไปพักหนึ่ง หลี่หรูซงจึงได้กล่าวขึ้นน้ำเสียงหนักแน่น หลี่หรูป๋อกลับไม่ได้รู้สึกใดกับวาจานี้ ได้แต่กล่าวอย่างผ่อนคลายว่า
“พี่ใหญ่ ตอนนี้ไม่ใช้ดาบก็มีอำนาจวาสนาได้เช่นกัน เราที่เจี้ยนโจวนั่น เหลียวเป่ยบนทุ่งหญ้านั่น การค้าทุกอย่างล้วนอยู่ในมือ แม้ไม่ได้ตำแหน่งผู้บัญชาการ อาศัยกิจการเหล่านี้ก็หาเงินทองได้ ก็ย่อมมีกินมีใช้ไม่หมดไปหลายชั่วอายุคนแล้ว”
ได้ยินเช่นนี้ หลี่หรูซงถอนหายใจยาว มือกำบังเหียนม้าแน่นจนเขียวปูด แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนบทสนทนา เขานำม้าก้าวขึ้นหน้า กล่าวว่า
“จากรายงานสายสืบ โจรวัวโค่วตั้งกำลังที่เปียงยางไม่ได้ทัพใหญ่มากนัก คิดว่าน่าจะคิดอาศัยการป้องกันจากกำแพงเมือง จากคนที่หนีกลับมา เล่าว่าในเมืองโจรวัวโค่วกับทหารเกาหลีที่ยอมจำนน รวมกันแล้วไม่เกินสองหมื่นหนึ่งพัน และไม่มีชาวบ้านมาร่วมด้วย แต่ก็นับเป็นศัตรูทัพใหญ่”
ขุนพลทหารขยับมารวมตัวกัน หลี่หรูซงเงียบไปครู่หนึ่งกล่าวว่า
“ศัตรูทัพใหญ่เช่นนี้ หากเราคิดจะทำลายศัตรูราบ เกรงว่าพวกเราคงต้องบาดเจ็บล้มตายไม่น้อย ไม่สู้ว่าเอาแค่ยึดเมืองคืนมาได้ก็พอ ระหว่างทางไล่ล่าศัตรูที่แตกพ่าย หลายพันหัวก็คงได้อยู่ รายงานเช่นนี้ก็เป็นความชอบใหญ่เช่นกัน เมืองเปียงยางก็เป็นเมืองเห็นๆ ไม่ว่าผู้ใดก็คงไม่อาจปฏิเสธความชอบนี้”
ทุกคนล้วนพยักหน้า หลี่หรูซงกล่าวเช่นนี้ ล้วนมองจากมุมมองของตระกูลหลี่ ไม่ต้องใช้กำลังมาก และไม่บาดเจ็บล้มตายมาก เป็นวิธีการที่ดี
“แม่ทัพใหญ่ กำแพงเมืองนี่ไม่อาจเทียบเหลียวหยาง เสิ่นหยางได้ แต่ก็เป็นรูปแบบเมืองหวงเฟิ่งเฉิง จะตีก็คิดว่าไม่ง่ายกระมัง!”
“ฉาต้าโข่ว อย่าเรียกข้าว่าแม่ทัพใหญ่ หากมีใครได้ยินไป ถูกคนเหลียวกั๋วกงได้ยินเข้า ก็ย่อมเป็นเรื่องยุ่งยากใหญ่ ระวังหน่อย!”
ถูกสั่งสอนไป ขุนพลหนุ่มก็คอหด หลี่หรูซงกล่าวต่อว่า
“บาดเจ็บล้มตาย พวกเจ้ากลัวแต่บาดเจ็บล้มตาย ครั้งนี้ใช้ทหารราบ ขบวนทัพม้าทิ้งไว้รอไล่ล่า พวกเจ้าอย่าลืม ปืนใหญ่เราดีกว่าเมื่อก่อนมากแล้ว เมื่อก่อนนี้ปืนใหญ่พวกเจ้าไม่ใช่ว่าเอาติดไปด้วยหลายกระบอกหรือ?”
******************
“ใต้เท้า กองกำลังหมิงตั้งค่ายนอกกำแพงเมืองแล้ว มีเพียงประตูทางตะวันออกที่ไม่มีพวกศัตรู!”
ซามูไร[1] หนึ่งวิ่งขึ้นมารายงานบนกำแพงเมือง เดิมโคนิชิ ยูกินากะที่มั่นใจเต็มที่ยามนี้สีหน้าซีดขาว มองไปยังกลุ่มกองกำลังหมิงยกมาดำทะมึน
ดีที่ประเทศวัวมาถึงสมัยโคนิชิ ยูกินากะเป็นแม่ทัพ ชุดเกราะยุโรปล้วนปรับเปลี่ยนแล้ว ปกปิดร่างกายได้มิด ต่อหน้าคนใต้เกราะนี้ คนนอกมองไม่ออกว่าโคนิชิ ยูกินากะยามนี้สีหน้ากังวลยิ่ง เหมือนกับทหารอื่นๆ ชุดเกราะโคนิชิ ยูกินากะเป็นแบบชั้นดี บนกำแพงย่อมสะท้อนแสงแวววาว
“นี่คือล้อมสามปล่อยหนึ่ง แม่ทัพแผ่นดินหมิงคิดให้พวกเราหนีออกไปทางตะวันออก จากนั้นค่อยล่าสังหาร!”
เสียงโคนิชิ ยูกินากะค่อนข้างหนักแน่น กำลังวิเคราะห์ศัตรูด้วยท่าทีสงบนิ่ง แต่ทว่าวาจาถัดมากลับเริ่มไม่แน่ใจนัก
“ถึงกับมีทหารม้ามากมายเพียงนี้ แผ่นดินหมิงมีม้ามากเช่นนี้ด้วย!”
กองกำลังหมิงราวสามหมื่น เทียบกับโจรวัวโค่วเรียกได้ว่าได้เปรียบไม่มาก แต่ที่ทำให้โคนิชิ ยูกินากะมองแล้วตกใจมาก็คือม้าของทหารม้าเหล่านั้น แม้ว่ามองจากบนกำแพงเมืองลงไป ก็ยังเห็นได้ว่าม้าทหารม้าเหลียวหัวโตมาก กำลังนับหมื่น ทำให้คนมองแล้วรู้ว่าแรงปะทะมากกว่าทหารราบพวกเขาหลายเท่า
เทียบกับทหารจู่เฉิงซวิ่นที่บุกเปียงยางครั้งก่อนแล้ว ดูพวกนั้นเละเทะไร้ระเบียบ แต่ทหารม้ากองนี้มีวินัย เห็นชัดว่ามีกลิ่นอายสังหารรุนแรง สร้างแรงกดดันอยู่มาก
โคนิชิ ยูกินากะสูดลมหายใจลึก หันไปกล่าวว่า
“ทุกท่าน แผ่นดินหมิงแม้ว่าอานุภาพมาก แต่ก็มาเป็นกำลังกองใหญ่ที่สุดแล้ว เปียงยางแข็งแกร่งพอสามารถต้านทานทัพสามหมื่นได้ เมืองเปียงยางแข็งแกร่งผสมกับทัพใหญ่เรา ทหารแผ่นดินหมิงตรงหน้า แม้ได้เปรียบ ครั้งนี้กองกำลังหมิงแม้ว่าคนมาก แต่จุดจบก็ไม่ต่างจากครั้งก่อน ย่อมพ่ายยับเยินกลับไป!”
ตอนเขากำลังให้กำลังใจทุกคน อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงทหารราบหนึ่งตะโกนมาว่า
“ปืนใหญ่ กองกำลังหมิงมีปืนใหญ่!”
ตอนอยู่ประเทศวัว บรรดาซามูไรล้วนใช้ปืนใหญ่ที่เรียกว่ากระบอกใหญ่ แต่พอข้ามน้ำข้ามทะเลมา กระบอกใหญ่กับกับปืนใหญ่กลายอาวุธที่ไม่เหมือนกัน เรียกได้ว่าต่างกันชัดเจน
พอได้ยินเช่นนี้ หน่วยทหารโจรวัวโค่วที่หนึ่งก็เดินไปยืนมองทางช่องบนกำแพง มองไปด้านหน้าเห็นปืนใหญ่ตั้งประจันหน้าหลายกระบอก ปืนใหญ่โรงช่างสามธาราปากกระบอกยังดี แต่ปืนใหญ่ทหารเมืองเหลียวโจวเดิมนั้นดูแล้วยิ่งทำให้คนรู้สึกตกใจ
“ใต้เท้า ส่งคนออกนอกเมืองไปโจมตี ไม่อาจปล่อยให้กองกำลังหมิงใช้ปืนใหญ่นั่นได้!”
มีคนตะโกนดัง และยังมีคนกล่าวอีกว่า
“ใต้เท้า ด้านล่างกำแพงมีทหารต้องการคำสั่งใต้เท้า ขอใต้เท้ารีบไป!”
วาจากล่าวได้ไร้เหตุ แต่ตรงใจขุนพลทหารบนกำแพง ทุกคนล้วนรีบกันวิ่งลงจากกำแพงเมืองไป ปืนใหญ่ด้านล่างยกปากกระบอกสูง ช่างน่าตกใจจริง ทุกคนล้วนสถานะสูงส่ง เกิดบาดเจ็บขึ้นมา ทัพใหญ่ในเมืองใช่ว่าจะชุลมุนหรอกหรือ
โคนิชิ ยูกินากะมองไปยังซามูไรผู้นั้น จดจำใบหน้าเอาไว้แล้ว ตัดสินใจว่าวันหน้าจะต้องส่งเสริม
พอออกจากกำแพงมาได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงดังตูมนอกกำแพงเมืองราวอสุนีบาต เสียงตูมตามดัง เสียงฝีเท้าวิ่งสับสน ทุกคนล้วนอดหันไปมองไม่ได้
เสียง ‘ตูม..’ ดังสนั่น อิฐหินบนกำแพงแตกถล่มได้ยินชัด เห็นตำแหน่งที่พวกเขายืนอยู่ อิฐหินถล่มลงไป มีคนหลายสิบคนบนกำแพงส่งเสียงร้องโหยหวนร่วงลงมา
“กองกำลังหมิงยิงปืนใหญ่แล้ว!!”
มีคนแหกปากตะโกนดัง ยิ่งทำให้เสียงตกใจและเสียงร้องโหยหวนดัง เสียงปืนใหญ่ดังราวอสุนีบาตเริ่มยิงไม่หยุด บนกำแพงควันโขมง วุ่นวายไปทั่ว
สีหน้าพวกโคนิชิ ยูกินากะเบื้องหน้าล้วนซีดขาว ไม่อาจสนใจหน้าตาอันใดอีกแล้ว พากันรีบหนีออกจากเมืองทันที
[1] ซามูไร หรือขุนศึกเดิมมีบทบาทในฐานะทหารอาชีพยามสงครามและเจ้าหน้าที่บริหารยามสงบให้กับไดเมียวในเขตหัวเมืองใหญ่น้อยสมัยโบราณของญี่ปุน
ตอนที่ 1097 สองฝ่าย
Ink Stone_Fantasy
ภายนอกกำแพงเมืองเปียงยางสร้างจากหินเขียวและหินก้อนยาว ด้านในก่อด้วยดินเป็นหลัก กำแพงเช่นนี้แข็งแรงมาก สามารถต้านทานปืนใหญ่เบื้องหน้าได้นาน
แต่ปืนใหญ่ระดมยิงเช่นนี้ทำให้โจรวัวโค่วบนกำแพงรู้สึกตื่นตระหนกมาก สำหรับทหารวัวโค่วแล้ว พวกเขาเคยเห็นปืนใหญ่เช่นนี้ครั้งแรก
กระสุนปืนใหญ่ถล่มกำแพง อิฐหินปลิวว่อน ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเข้าย่อมสิ้นชีพ ถูกหินกระเด็นใส่ก็ย่อมบาดเจ็บหนัก คูเมืองและกำแพงเหมือนว่าสะเทือนไหว คนที่ยืนอยู่ล้วนรู้สึกได้ถึงความสะเทือนไหว ไม่มีที่ใดไม่สั่นสะเทือน
ความจริงนั้นปืนใหญ่ยิงต่อเนื่องไม่นานนัก ราวสามระลอกได้ จากนั้นทหารราบกองกำลังหมิงก็เริ่มคว้าอาวุธบุกโจมตีกำแพงเมือง
“กองปืน!! พลธนู!!”
ซามูไรโจรวัวโค่วบนกำแพงตะโกนดัง เริ่มมีทหารโจรวัวโค่วบนกำแพงยิงต้านไว้ ปืนใหญ่กดดันลงไปด้านล่างทันที เริ่มเห็นกำลังโจรวัวโค่วออกป้องกันบนกำแพง ปืนใหญ่ยิงต้านกลับ
ที่สูงแห่งหนึ่งทางตะวันตกของเปียงยาง ขุนพลตระกูลหลี่ล้วนดูการรบจากที่นี่ เห็นอานุภาพปืนใหญ่แล้ว แต่ละคนล้วนพยักหน้าพอใจ หลี่หรูซงสบถกับหลี่หนิงว่า
“โจรวัวโค่ว น่าจะกลัวขวัญกระเจิงไปแล้ว ปืนใหญ่เรานี่เจ๋งมาก!”
หลี่หรูซงสีหน้าไม่ได้ยินดีกล่าวว่า
“เหตุใดยิงแค่สามรอบ แม้ทหารราบไม่มีราคา แต่พวกเจ้าก็ไม่ควรต้องสูญเสียไปเช่นนี้!”
วาจาหลี่หรูซงทำเอาคนหลี่หรูป๋อล้วนสีหน้าไม่พอใจ แต่ทว่าในทางส่วนรวมหรือส่วนตัว ที่หลี่หรูซงกล่าว พวกเขาล้วนต้องทำตามคำสั่ง หลี่หรูป๋อกล่าวอย่างไม่ยี่หระว่า
“ปืนใหญ่และกระสุนปืนใหญ่เรามีค่ามากกว่าหารราบมาก ปืนใหญ่เรายิงไปสามรอบก็เสี่ยงปากกระบอกระเบิดแล้ว รอบคอบไว้หน่อยดีกว่า”
คนรอบๆ ล้วนพยักหน้าเห็นด้วย หลี่หรูซงมองประตูกำแพงเมืองเปียงยางกล่าวเบาๆ ว่า
“หากเป็นหวังทงนำกำลังมา เกรงว่ากำแพงนี่ตอนนี้คงยิงถล่มพังไปแล้ว……”
แต่ทว่าวาจาเขาได้แต่พึมพำกับตนเองเท่านั้น คนอื่นๆ ไม่ได้ยิน หลี่หรูซงกระแอมไอในลำคอ เสียงดังกล่าวว่า
“ให้ทหารราบถอยก่อน ใช้พลปืนใหญ่ระดมยิงต่อ พวกเจ้าดู ตอนนี้พวกโจรวัวโค่วบนกำแพงยังมีกำลังใจต้านทานอีกไหม หากใช้ปืนใหญ่ระดมยิงใส่พวกเขา เข้าเมืองได้ใช่ว่ายิ่งง่ายหรอกหรือ กระสุนปืนใหญ่ยิงกำแพงเมือง อย่างไรก็เอามาใช้ได้อีก พวกเจ้าเสียดายทำไมกัน ความชอบอยู่ตรงหน้าแล้ว อย่าได้เสียเวลารอช้าอีก!”
เขาส่งเสียงเน้นย้ำ คนรอบๆ ล้วนรับคำพร้อมเพรียง ไม่อยากส่วนไม่อยาก แต่ขุนพลต้องการเช่นนี้ ก็ย่อมต้องทำตาม เพิ่งหยุดยิงปืนใหญ่ไปก็ต้องนำออกมายิงอีก บนกำแพงส่งเสียงเอะอะตะโกนดัง โจรวัวโค่วที่กำลังเตรียมการป้องกัน พากันเงียบลงก่อนหาที่หลบซ่อนตัวรอบๆ ทันที
การยิงปืนใหญ่ถล่มฝ่ายเดียว ตระกูลหลี่เหลียวซีย่อมชมดูกันอย่างตื่นเต้นระทึกใจ แต่หลี่หรูซงท่าทางไม่ได้ยินดี ขุนพลหลี่ซานสือจากเมืองเซวียนฝู่กระซิบกับหลี่หนิงเบาๆ ว่า
“ครั้งนั้นที่ลุ่มน้ำฮาลารบพวกนอกด่าน ปืนใหญ่กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงยิงได้ต่อเนื่อง ดูตอนนี้ที่นี่สิ ปืนใหญ่ยิงไปได้สามทีก็หยุด ฟังไม่สะใจเลย”
“เจ้าเปรียบเทียบทำบ้าไรกัน ดูไปก็พอ สามารถสังหารโจรวัวโค่วได้ ใช้การได้ก็พอแล้ว!”
เห็นความเสียหายบนกำแพงยิ่งมาก โจมตีหลายแห่งไม่หยุด กำแพงล้วนเริ่มแตก ที่หลบซ่อนบนกำแพงแทบจะไม่มีแล้ว การป้องกันต่างๆ ล้วนไร้ประสิทธิภาพสิ้นเชิง
“จู่เฉิงซวิ่น!”
หลี่หรูซงกำลังจับจ้องสนามรบตะโกนดังไปยังจู่เฉิงซวิ่นในที่สูง เขารีบวิ่งลงมา มาถึงหน้าหลี่หรูซงก็คุกเข่าโขกศีรษะ เดิมด้วยสถานะเขา ก็แค่ประสานมือคำนับ แต่หลังพ่ายศึกครานั้น สถานะลดฮวบ ไม่มีคุณสมบัตินั้นแล้ว
“นี่คือเมืองเปียงยาง ข้าจะให้เจ้าได้ทำความชอบชดใช้ความผิด แย่งชิงเมืองนี้มาได้ก็เป็นความดีความชอบเจ้าแล้ว เจ้ากล้าไปหรือไม่!”
อันตรายเมืองเปียงยางผู้ใดไม่รู้ แต่จู่เฉิงซวิ่นรู้ดี ตอนที่บุกเข้าไป สถานการณ์ยิ่งอันตรายมาก แต่ในยามนี้ จู่เฉิงซวิ่นได้แต่เลือกไป หากไม่ไป วันหน้าเกรงว่าล้วนหมดสิ้นแล้ว เขาโขกศีรษะ เสียงดังกล่าวว่า
“หัวหลุด บาดแผลก็แค่เท่าชาม ข้ากล้าไป!”
“ดีมาก เจ้านำทหารสามพันบุกประตูตะวันตก จะมีทหารเกาหลีลีไอและคิมอึนโซร่วมไปด้วย หลังระดมยิงปืนใหญ่ ฟังคำสั่งข้าบุก!!”
จู่เฉิงซวิ่นรับคำเสียงดัง โขกศีรษะ หลี่หรูซงมองไปยังขุนพลทหารเกาหลีสองคนข้างกาย สองคนนี่เมื่อครู่ได้เห็นปืนใหญ่ยิงยังดีใจมาก แต่พอได้ยินคำสั่งนี้ สีหน้าก็ซีดขาวเล็กน้อย
*****************
“ให้กองปืนใหญ่เราลงมา อย่าได้ปล่อยกองกำลังมีค่าต้องมาเสียเปล่าที่กำแพงนี่!!”
โคนิชิ ยูกินากะเดิมทีอยู่ห่างไม่ไกลนัก กระสุนปืนใหญ่ตกมาไม่หยุด เขาก็ยิ่งเริ่มถอยเข้าเมือง เดิมเขายังทำทีว่าถือพัดด้ามยาวทำทีว่าบัญชาการ แต่สถานการณ์ด้านนอกเริ่มน่าตกใจขึ้นเรื่อยๆ เขาเปลี่ยนเป็นดาบยาวแล้ว อย่างไรมีอาวุธในมือวางใจได้มากกว่า
ตอนนี้สีหน้าซีดขาว เหงื่อเย็นหลั่งหอบหายใจถี่ ถึงกับมีคนสังเกตเห็นว่า พวกคนที่อยู่รอบๆ โคนิชิ ยูกินากะไม่ต่างกัน ทุกคนล้วนเป็นเช่นนี้
“เมื่อก่อนตอนอยู่ฮิราโดะ ได้ยินพ่อค้าแผ่นดินหมิงพูดถึงปืนใหญ่ มักคิดว่าพวกเขากล่าวเกินจริง ปืนใหญ่ไม่ใช่ของเล่นพวกป่าเถื่อนใต้ชาวฟะรังคีหรือ อานุภาพไม่เท่าไร คิดไม่ถึง คิดไม่ถึง……”
คนที่พูดก็คืออาริมะ ฮารุโนบุ ตระกูลอาริมะเคยเป็นไดเมียวแถบชิเซ็น โคนิชิ ยูกินากะยามนี้ไม่อาจสนใจอันใดอีกแล้ว เขาได้แต่รวบรวมกำลังทหารให้มากที่สุด เพื่อนำกองกำลังมีค่านี้ถอยกลับไป บนกำแพงหากยังต้านทานต่อก็ย่อมตายสถานเดียว ไยต้องสละชีพเช่นนี้
แต่ปืนใหญ่กองกำลังหมิงแน่นอนไม่อาจยิงทั่วกำแพง ทิ้งคนไว้บนกำแพงจับตาดูข้าศึกไม่กี่คนก็พอแล้ว โคนิชิ ยูกินากะมองไปรอบๆ ไม่รู้จะทำเช่นไรดี สั่งกองปืนใหญ่ถอยแล้วก็คิดได้อีกเรื่องหนึ่ง ตะโกนดังว่า
“ประตูตะวันออกทางนั้นเป็นไง มีกองกำลังหมิงอุดไว้ไหม!!?”
ทหารไม่นานก็มารายงาน
“กองกำลังหมิงไม่ได้ตั้งกำลังที่หน้าประตูตะวันออก…”
“…กองกำลังหมิงเริ่มตั้งกำลังหน้าประตูตะวันตก เตรียมบุกเข้ามาแล้ว!!”
ทหารยังกล่าวไม่จบ ทางนั้นก็มีทหารวิ่งมาอีก ตะโกนเสียงแหบ พอทางนี้ตะโกน พวกซามูไรที่ล้อมอยู่รอบโคนิชิ ยูกินากะกับฮาตาโมโตะล้วนอดสะดุ้งโหยงไม่ได้ ยังไม่ทันรอให้โคนิชิ ยูกินากะกล่าว รองแม่ทัพโช โยชิโตชิคนสนิทโทโยโตมิ ฮิเดโยชิก็เสียงดังขึ้นว่า
“ใต้เท้า ตอนนี้ควรส่งทหารที่กล้าหาญภักดีไปรับศึกบนกำแพง ดูว่ากองกำลังหมิงจริงเท็จแค่ไหน หากพวกเรากล้าหาญ อาจจะยังสามารถแย่งปืนใหญ่มาได้!”
“หากไม่เป็นเพราะพวกเจ้าทำอะไรมองแต่ความสนิท พวกเราก็มีปืนใหญ่รับศึกแล้ว ผู้ใดต้องการไป?!”
โคนิชิ ยูกินากะอารมณ์เสียสุดขีดกล่าวขึ้น แต่ทว่าไม่รู้เป็นผู้ใดด้านหลังดึงเขาไว้ โคนิชิ ยูกินากะรีบหยุด ตามด้วยเปลี่ยนเรื่อง ถามขึ้น เบื้องหน้าเงียบกริบ ต่างกับนอกเมืองมาก เงียบไปสักครู่ ทุกคนส่งสายตาไปยังคนผู้หนึ่ง
คนผู้นั้นถูกจ้องมองมา สีหน้าลำบากใจทันที แต่ทว่าเห็นทุกคนล้วนมองมาที่เขา คนผู้นี้ก็รู้ว่าไม่อาจหนีพ้น ได้แต่หน้าเคร่งเครียดก้าวออกมากล่าวเสียงดังว่า
“ขอใต้เท้าอนุญาตให้ข้าออกศึก”
“ชิเกคัตสึ เจ้าเป็นผู้กล้า เจ้ามีกำลังหนึ่งพัน ข้ามอบกองปืนใหญ่ให้อีกร้อย ทวนยาวสองพัน ทหารม้าสองร้อย ออกรบทางประตูตะวันตก ให้พวกแผ่นดินหมิงได้เห็นความกล้าหาญของซามูไรเรา”
คนผู้นั้นคำนับหน้าบึ้ง จากนั้นก็ออกไปเตรียมการ คนผู้นี้ก็คือขุนพลทหารกองรบสามโจรวัวโค่ว ฮิซาโน ชิเกคัตสึ คนของหัวหน้าขุนพลทหารกองรบสามที่ส่งมาช่วยกองรบหนึ่งที่เปียงยางนี้ ถือเป็นคนนอกในกองรบหนึ่งคนเช่นนี้ในยามนี้ ย่อมถูกผลักออกไป
ฮิซาโน ชิเกคัตสึไปเตรียมการ แน่นอนไม่เห็นสีหน้าโคนิชิ ยูกินากะสีหน้าเคร่งเครียดเร่งให้ผู้อื่นนำทัพออกรับศึก เขาไปเตรียมออกศึก อาริมะ ฮารุโนบุกองรบหนึ่งก็ตามมาติดๆ เห็นชัดว่ามาจับตา หากเจ้าไม่ไป ก็ย่อมมีวิธีไล่ให้เจ้าออกไป
**************
“ใต้เท้า ประตูตะวันตกเปิด โจรวัวโค่วส่งทหารออกมากองหนึ่ง!
ทุกคนอยู่ที่สูงมองไปยังจู่เฉิงซวิ่นเตรียมกำลัง กล่าวมาหนึ่งประโยค ฉาต้าโข่วนำกำลังทหารม้าหลายพันจับตาดูจู่เฉิงซวิ่นกับทหารเกาหลีทหาร ป้องกันพวกเขาหนีหรือเปลี่ยนใจ
ได้ยินทหารตะโกน ทุกคนล้วนหันไปมอง หลี่หรูซงเองแปลกใจ ยิ้มเยาะกล่าวว่า
“คิดไม่ถึงโจรวัวโค่วยังมีความกล้าอยู่ ถ่ายทอดคำสั่ง ให้จู่เฉิงซวิ่นผ่อนกำลังโจมตีกำแพง ไปรับศึกโจรวัวโค่ว ข้าจะขอดูสักหน่อยว่าโจรวัวโค่วแท้จริงเก่งกล้าเพียงใดกัน!”
ทหารถ่ายทอดคำสั่งวิ่งเร็วออกไปถ่ายทอดคำสั่ง หลี่หรูป๋อมองซ้ายขวาก่อนเขยิบเข้าใกล้กล่าวว่า
“พี่ใหญ่ จู่เฉิงซวิ่นทหารม้า 400 กว่า หากแพ้ศึกนี้ ทำลายขวัญทหาร! ไม่สู้ให้คนตระกูลหลี่เราไป…”
“หากเรานำกำลังจริงเราออกไป เจ้ารู้หรือโจรวัวโค่วเหล่านี้แข็งแกร่งหรือไม่ ไปปะทะดูก่อน ประลองกำลังก่อน เจ้าดูตอนปืนใหญ่ระดมยิง คิดถึงตอนเจ้าโจมตีป้อมดิน เป็นห่วงอันใด!”
หลี่หรูซงเอ่ยเสียงเย็นเยียบ หลี่หรูป๋อสะบัดหัวกลับไป ไม่กล่าวอันใด
คำสั่งไปถึงจู่เฉิงซวิ่นอย่างรวดเร็ว จู่เฉิงซวิ่นมองทหารม้าหลายร้อยข้างกายตน มองไปข้างๆ เห็นสายตาหวาดกลัวของทหารเกาหลี รับคำสั่งไป ก็แอบด่าฟ้าด่าดินไป พอทหารถ่ายทอดคำสั่งกลับไป จู่เฉิงซวิ่นไม่สนใจทหารด้านหลังกับขุนนางเกาหลี หันไปกล่าวกับทหารคนสนิทสองสามคนว่า
“ข้าผิดต่อพวกเจ้า ตอนแรกสุดที่นำกำลังมาสูญสิ้นที่เปียงยาง ตอนนี้ก็ยังเหมือนไปตายอีก”
“ท่านขุนพลไยต้องกล่าวเช่นนี้ ชีวิตนี้เพื่อท่าน ยังกล่าวเป็นตายอันใดกันอีก ท่านเอาชีวิตนี้ไปได้เลย!”
จู่เฉิงซวิ่นพยักหน้ากำปั้นทุบฝ่ามือ กล่าวว่า
“วันนี้ไม่ชนะ สมบัติเราที่เหลียวซีเกรงว่าคงถูกผู้อื่นฮุบไปหมดแน่ ภรรยาและลูกๆ ของเราล้วนต้องหมดสิ้น ทุกคนสู้ตาย!”
ตอนที่ 1098 ผู้กล้ามีชัย
Ink Stone_Fantasy
“ชาวแผ่นดินหมิงเหล่านี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน?”
“ข้าก็ว่าไม่ถูกต้องนัก ราวกับไม่คำนึงหน้าตาแล้ว?”
จู่เฉิงซวิ่นถูมือเตรียมพร้อม ขุนพลทหารเกาหลีสองคนที่ถูกผลักออกมาเริ่มวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ พวกเขามีทหารพันกว่าในมือ เดิมทีเป็นกองคุ้มกันพระราชาเกาหลีข้ามแม่น้ำยาลูมายังอี้โจว ครั้งนี้ต้องมาในฐานะผู้คุ้นเคยพื้นที่ในเกาหลี
ลีไอกับคิมอึนโซสองคนที่สามารถคุ้มกันพระราชาเกาหลีข้ามแม่น้ำมาได้ สถานะในเกาหลีย่อมไม่น้อย มีสายสัมพันธ์กับคนในแผ่นดินหมิงก็ย่อมไม่น้อย แผ่นดินหมิงกับเกาหลีสมาคมกัน เรื่องใต้โต๊ะรับสินบนในก็ย่อมมี ให้เกาหลีไปรับทุกข์ ตนเองคอยเก็บเกี่ยวประโยชน์ก็มี แต่อย่างน้อยก็ต้องคำนึงหน้าตาตนบ้าง วางท่าบ้าง คนเกาหลีจับจุดอ่อนนี้ได้ จึงได้อาศัยเรื่องนี้ได้เปรียบแผ่นดินหมิงไม่น้อย
แต่ทว่าครั้งนี้ติดตามหลี่หรูซงนำกำลังทัพใหญ่ออกศึก และคบหากับพวกหมิงที่อี้โจว กลับพบว่าหลายเรื่องไม่เหมือนก่อน มองจากการตั้งค่ายหลายๆ ด้านล้วนมองออกว่าแผ่นดินหมิงร่ำรวยและแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก คนเกาหลีจ้องมองพื้นที่อย่างแม่น้ำเฮยสุ่ยและเขาไป่ซานอันอุดมตาเป็นมัน พวกเขาแน่นอนคิดว่าเป็นเพราะแผ่นดินหมิงแย่งผืนดินอุดมนั่นมาได้แน่นอน กล่าวว่ามีเงินก็ย่อมรักหน้าตายิ่งมาก แต่หลายเรื่องกลับยิ่งเปิดเผยไม่คำนึงหน้าตา ไม่สนใจเกียรติแม้แต่น้อย ขุนนางทหารเกาหลีสองคนเพิ่งถามขึ้น ก็เห็นทหารจู่เฉิงซวิ่นขี่ม้ามาหลายสิบคน
“ใต้เท้าทั้งสอง นายข้ากล่าวว่า อีกสักครู่ให้ใต้เท้าทั้งสองนำกำลังเกาหลีออกไปแนวหน้า ปะทะโจรวัวโค่ว!”
“อะไรนะ!?”
พอได้ยินเช่นนี้ ขุนพลทหารเกาหลีสองคนบนหลังม้าสบถไม่หยุด ให้พวกเขาออกรับศึกได้อย่างไรกัน ลีไอรีบออกหน้าเจรจา
“ผิดหรือเปล่า พวกข้ามาที่นี่เพื่อมานำทางเท่านั้น!”
“ผิดได้อย่างไร ใต้เท้าทั้งสองตอนอยู่แผ่นดินหมิงทุกครั้งไปร่ำไห้ขอออกศึก บอกจะรบเป็นตายกับโจรวัวโค่ว ครั้งนี้โจรวัวโค่วที่นำกำลังออกมาไม่เท่าไร เป็นโอกาสสร้างความชอบพอดี!”
นายกองที่มาแจ้งนั้นกล่าวได้น้ำเสียงไม่ช้าไม่เร็ว แต่ดาบในฝักชักออกมาครึ่งหนึ่งแล้ว คนข้างๆ ก็ยังน้าวธนูไว้แล้ว ความหมายชัดเจนแล้ว เจ้าอาจไม่ไป แต่ผลที่ไม่ไปคืออันใด เจ้าเองก็น่าเข้าใจ
“ขอบ…ขอบคุณท่านที่มอบโอกาสนี้ให้ พวกข้าจะรีบไปเตรียมตัว!”
ลังเลพักหนึ่ง คิมอึนโซก็รับคำ ทหารจู่เฉิงซวิ่นก็จัดการได้ดีมาก ทหารทหารราบหลายพันทิ้งไว้กองหลัง เอาแต่ทหารม้า 300 ไป ไล่ไปยังหน้ากองกำลัง ตอนไล่ไปด้านหน้า จู่เฉิงซวิ่นพูดอย่างไม่สนใจอันใดควรไม่ควร
“ใต้เท้าเกาหลีทุกท่าน สนามรบไม่มีอันใด มีแต่วินัยทหาร หากก่อนออกศึกหนีหรือลังเลไม่บุก ดาบข้านี้ก็จะฟันทันที!”
ขุนนางชนชั้นสูงเกาหลีย่อมพูดภาษาจีนได้ วาจาจู่เฉิงซวิ่นพวกเขาแน่นอนฟังเข้าใจ คำรามจบแล้ว จู่เฉิงซวิ่นก็กระชากม้าวิ่งกลับไป กล่าวกับทหารคนสนิทว่า
“ปืนไฟโจรวัวโค่วร้ายกาจมาก ระลอกแรกย่อมมีบาดเจ็บล้มตาย รอให้พวกเกาหลีบุกมา ระยะห่าง 50-70 ก้าว พี่น้องเราก็ตั้งธนูน้าวยิงได้เลย ต้องยิงระลอกแรกไปก่อน ทำลายกองกำลังปืนใหญ่วัวโค่วนี่เสีย ที่เหลือก็ง่ายแล้ว”
“ท่านแม่ทัพ โจรวัวโค่วทวนยาวมากเพียงนั้น ถึงตอนนั้นตั้งแถวรับศึก!”
“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง เจ้าดูสภาพพวกเขา ตอนนี้ล้วนแตกพ่ายแล้ว พวกเขาไม่ใช่กองกำลังหู่เวย”
ประตูเมืองเปียงยางทางตะวันตกเปิดแล้วก็ปิด คนบนที่สูงด้านหน้าไม่น้อยล้วนจับตาดูอยู่ มีคนไปรายงานหลี่หรูซงว่า “โจรวัวโค่วไม่ได้มาออกันที่หน้าประตู”
กองรบสามคุโรดะ นากามาสะ คนของฮิซาโน ชิเกคัตสึมาตั้งแถวหน้าคูเมืองแล้ว เป็นการนำทัพตามแบบแผน เขามองไปยังทหารม้าฝ่ายตรงข้ามที่ไกลออกไป เพื่อรับรองได้ว่ากองกำลังแน่นหนาพอ ไม่ถูกบุกกระจาย ดีที่เป็นกองทรงเหลี่ยม ทหารม้าอยู่ด้านหน้า กองปืนใหญ่อยู่ด้านหลัง หลังออกไปอีกเป็นกองกำลังหลัก ที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงก็คือ รวมกำลังทหารม้า 200 กว่า เขาทิ้งไว้ข้างกาย 100 กว่าอยู่ทางปีกขวากองกำลัง
กองกำลังเริ่มจัดเสร็จ ฮิซาโน ชิเกคัตสึเริ่มเดินหน้าบุก ทหารจู่เฉิงซวิ่นบุกตะลุยกันเข้ามาทันที…
*************
กองกำลังหมิงกองนี้ใช้ทหารเมืองเหลียวโจวเป็นหลัก มีลักษณะพิเศษหนึ่ง ก็คือจำนวนทหารม้ามากเพียงพอ แม้เป็นจู่เฉิงซวิ่นที่พ่ายศึกไป แต่รวบรวมคืนมา ก็ได้ทหารม้านับพันออกรบได้
ทหารม้าจำนวนมากเรียงเป็นแถวหลายแถวบุกเข้าไป เสียงฝีเท้าม้ากระทบพื้นดิน ทำเอาคนตกใจมาก เสียงเช่นนี้ทำให้ทหารราบฮิซาโน ชิเกคัตสึเบื้องหน้าเริ่มไม่อาจอยู่ในระเบียบได้แล้ว ฮิซาโน ชิเกคัตสึสวมหมวกเกราะดำ ตะโกนดังว่า
“ถอยกลับมาสังหารทิ้ง กองรบหนึ่งดูไว้ พวกเราจะให้พวกเจ้าได้ดูความเกรียงไกรกองรบสามเรา บุก!”
บรรดาซามูไรถือดาบและทวนไล่ทหารราบขึ้นหน้า ทหารราบขาอ่อน แต่พวกเขาผ่านสมรภูมิความเป็นความตายมาไม่น้อย ระเบียบการรบก็ยังพอรักษาไว้ได้อยู่
พื้นที่หน้าประตูตะวันตกเมืองเปียงยาง กองกำลังไม่ใหญ่มากปะทะกัน ไม่มียุทธวิธีหรือลูกไม้อันใดนัก จู่เฉิงซวิ่นเริ่มนำกำลังทหารม้า 300 ออกวิ่งวนรอบนอก เตรียมปรับตัวตามสถานการณ์ เห็นยุทธวิธีอีกฝ่ายแล้ว ก็ย่อมบุกเข้าไปตรงๆ ไม่อ้อมค้อม
สองฝ่ายปะทะกันไม่อ้อมค้อม สถานะหน่วยกองบุกย่อมสามารถวิเคราะห์ได้แล้ว ซามูไรบัญชาการกองปืนใหญ่ตะโกนดัง กองปืนใหญ่เริ่มเรียงแถวแนวนอนทันที เริ่มบรรจุกระสุนจุดนวนไฟเตรียมยิง ทหารราบด้านหลังกระจายตัวออก พลทวนยาวก้าวขึ้นหน้า เรียงเว้นระยะห่าง ก็เพื่อหลังปืนใหญ่วัวโค่วยิง ก็เตรียมพร้อมบุก
การเคลื่อนไหวบนสนามรบเหล่านี้ล้วนเป็นแบบพื้นฐานอย่างมาก ไม่ได้ต้องให้ซามูไรเร่งไล่หรือตะโกนดังเท่าไร ก็สามารถจัดการได้เรียบร้อย กองกำลังถอยออกอย่างรู้งาน ฮิซาโน ชิเกคัตสึค่อยๆ ทำสติให้นิ่ง ไม่ว่าอย่างไร ในเมื่อมาถึงสนามรบแล้ว ก็ย่อมมีแต่ต้องต่อสู้แล้ว
อย่างรวดเร็ว ทหารม้ากองกำลังหมิงบุกมาตรงหน้าแล้ว ความจริงนั้นความเร็วนี้อยู่ในความควบคุมของจู่เฉิงซวิ่น อย่างน้อยทหารราบก็ยังตามติดทหารม้ามาได้ทัน ยังคงรักษาสภาวะที่พร้อมให้ความช่วยเหลือได้
“บุก!! บุก!! หน้าเจ้าหากไม่บุกก็ให้ลงโทษวินัยฟันไปเลย!!”
จู่เฉิงซวิ่นบนหลังม้าตะโกนดัง ทหารติดตามเบื้องหน้าล้วนตามตะโกนดัง วาจานี้ไม่ได้พูดกับคนของตน หากบอกกล่าวกับทหารม้าเกาหลีด้านหน้าพวกนั้น ทหารม้ากองกำลังหมิงล้วนฝีมือธนูดี น้าวธนูไว้แล้ว กองหลังยังกระชับดาบไว้ในมือ
จู่เฉิงซวิ่นกับทหารติดตามคำรามดังได้ผลดี ทหารม้าเกาหลีด้านหน้าสุดยิ่งเร่งความเร็ว มุ่งไปยังกองปืนใหญ่โจรวัวโค่ว
ชนวนจุดขึ้น เปลวไฟสามารถรักษาระยะเผาไหม้ได้ระยะหนึ่ง ในเวลานี้ ปืนไฟล้วนสามารถยิงได้ตลอดเวลา ทหารม้าเกาหลีด้านหน้าเห็นชัดว่าคิดจะหลบระยะยิงปืนใหญ่วัวโค่วของอีกฝ่าย
“มารดามันสิ ด้านหน้าคิดหนี ข้าจะลงโทษวินัยพวกเจ้า!”
ทางนั้นคำรามดัง ทหารม้าเกาหลีนายหนึ่งส่งเสียงร้องโหยหวน ถูกคนด้านหลังใช้ทวนยาวแทงทะลุร่าง ศพพาดบนหลังม้า ม้าในขบวนทัพม้าในระยะกระชั้นชิดได้แต่ทะยานไปด้านหน้า
สังหารไปหนึ่ง ทุกคนที่เหลือก็รู้ความ ทหารม้าเกาหลีไม่กล้าพลการ ได้แต่บุกขึ้นหน้า ในสถานการณ์เคร่งเครียดเช่นนี้ ทหารปืนใหญ่วัวโค่วเริ่มไม่อาจนิ่งได้ มือพวกเขาล้วนเริ่มสั่น
“อ๊าก!!”
ในที่สุดมีคนทนความกดดันนี้ไม่ได้ คำรามดังออกมา ไม่เพียงเขาตะโกน คนมากมายก็ล้วนตะโกนดัง แต่เสียงนี้นอกจากพวกเขาเองแล้ว หรือแม้แต่พวกเขาเองก็อาจไม่ได้ยิน
ไม่รู้ว่าเมื่อไร ที่บัญชาการให้กองปืนใหญ่ยิง ปืนใหญ่วัวโค่วทะยอยยิง ควันคลุ้งไปทั่ว ทหารม้าด้านหน้าหลายคนตัวสั่น ร่วงจากหลังม้าทันที ตอนนี้สองฝ่ายระยะห่างใกล้กันยิ่ง ทหารปืนใหญ่วัวโค่วไม่ได้มีความกล้าบรรจุกระสุนปืนยิงต่อ
ปากจู่เฉิงซวิ่นคาบหวีดทองแดงไว้ พยายามเป่าดังอย่างสุดขีด สองมือกำธนูยาวน้าวสุดขีด คนข้างกายเขาล้วนเป็นเช่นกัน ทหารม้าเกาหลีด้านหน้ากำลังการยิงมาของปืนไฟโจรวัวโค่วไว้แล้ว ตอนนี้เปลี่ยนเป็นทหารม้ากองกำลังหมิงยิงใส่อีกฝ่าย
เสียงธนูแหวกอากาศไป โจรวัวโค่วปืนใหญ่อีกฝ่ายไม่ได้ทันตั้งตัวถูกธนูยิงร่วง มีหมวกสานของบางคนไม่อาจต้านทานธนูยาวกองกำลังหมิงได้ แทงตายปักพื้นทันที
สถานการณ์เช่นนี้ ธนูเห็นชัดว่าได้เปรียบปืนไฟ พลธนูยาวสามารถน้าวธนูระลอกสองได้ในทันทีต่อเนื่อง แต่ปืนใหญ่วัวโค่วไม่อาจบรรจุกระสุนได้ทัน ระลอกสองยิงไป พลปืนใหญ่วัวโค่วบาดเจ็บล้มตายไม่น้อย หลายคนแตกตื่นหลบหนี ซามูไรด้านหน้าทหารราบถูกยิง
เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ทหารม้าเกาหลีที่หวาดกลัวก็เริ่มมีความกล้า โบกดาบใหญ่ในมือบุก ปากก็คำรามภาษีเกาหลีไม่หยุด ไม่รู้ว่าอย่างไร
พอยิงธนูไปเสร็จ จู่เฉิงซวิ่นก็คว้าดาบยาวบนอานม้าออกมา ถ่มนกหวีดทิ้ง คำรามดังว่าบุก ไม่สนใจว่าฝ่ายตนล้มตายไปเท่าไร ความกล้าหาญของเขาทำให้ทหารข้างกายมองกันตาแดง่ำ แต่ละคนสู้ตายบุกเข้าไป ต้องมากันด้านหน้าให้ท่านแม่ทัพ ตอนปะทะโจรวัวโค่ว ฮิซาโน ชิเกคัตสึมองเห็นกองกำลังที่เหมือนกองกำลังพริบตาแตกกระเจิง เหมือนว่าโยนหินลงบนไม้จิ้มฟัน แม้กองไม้จิ้มฟันยังมีไม่น้อย มองแล้วยังมีความแหลมคมอยู่มาก แต่ถูกก้อนหินทับใส่ กระจัดกระจายสี่ทิศ ไม่อาจตีโต้หรือต้านทานได้อีก
ซามูไรถอย ทหารราบถอย ทหารม้าข้างกายฮิซาโน ชิเกคัตสึวิ่งไปยังด้านหนึ่งของกำแพงเมือง กองกำลังพริบตาแตกกระเจิง ดาบใหญ่จู่เฉิงซวิ่นกวัดแกว่ง สังหารโจรวัวโค่วที่หนีกระเจิงไปหลายคน พอเงยหน้ามองมาก็เห็นทหารม้าวิ่งหนี จึงควบม้าเข้าไปตวัดดาบใส่คำรามดังว่า
“ไล่ล่าหัวหน้าโจรวัวโค่ว ความชอบก็เป็นของเราแล้ว!”
โจรวัวโค่วที่ปีนกำแพงเฝ้าดูอยู่ สามารถมองเห็นทหารม้ากองกำลังหมิงยิ่งไล่ยิ่งใกล้เข้า ฮิซาโน ชิเกคัตสึถูกคนด้านหลังฟันหนึ่งดาบ ร่วงจากหลังม้า…
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น