ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1094-1135
ตอนที่ 1094 สภาพย่ำแย่ของอู่เยวี่ย
คุณแม่เจียงชงนมธัญพืชเข้ามาสามแก้วพร้อมองุ่นที่ล้างสะอาดอีกหนึ่งจาน ลูกใสวาวท่าทางรสชาติคงดีไม่เลว
“คืนนี้อยู่กินข้าวบ้านน้านะ!”
ความกระตือรือร้นของคุณแม่เจียงเร่าร้อนยิ่งกว่าทะเลทราย เหมยเหมยยักไหล่ให้เจียงซินเหมยอย่างระอา เป็นแบบนี้ทุกทีเลยทำเอาพวกเขานั่งก้นไม่ติดเก้าอี้
“ขอบคุณค่ะคุณน้า แต่พ่อแม่ให้พวกเรากลับไปกินข้าวที่บ้าน ไว้วันหลังถ้ามีโอกาสจะชิมฝีมือคุณน้านะคะ” เหมยเหมยยิ้มปฏิเสธ
พ่อแม่เจียงซินเหมยอบอุ่นเกินไป นับตั้งแต่พวกเขามาสอนการบ้านเจียงซินเหมยก็แทบอยู่ทานมื้อเย็นที่บ้านตระกูลเจียงทุกวัน
อีกทั้งกับข้าวยังอุดมสมบูรณ์ไม่มีเมนูซ้ำ เปลี่ยนลูกเล่นทุกมื้อ หากยังทานแบบนี้ต่อไปเหมยเหมยสงสัยว่าไม่เกินครึ่งปีต้องมีลูกหมูออกใหม่สองตัวแหง
ไม่สิ มีลูกหมูหนึ่งตัวแล้ว ไขมันที่เด็กชายอู่เชาลดไปอย่างยากลำบาก ช่วงนี้เริ่มมีแนวโน้มจะหวนกลับคืนมาแล้ว
คุณแม่เจียงยังคิดจะรั้งไว้ด้วยความกระตือรือร้นแต่เจียงซินเหมยช่วยพูดกล่อมไม่กี่ประโยคคุณแม่เจียงถึงยอมตัดใจที่จะรั้งแขกไว้ให้อยู่ทานข้าวที่บ้าน
“ฟู่ว…แม่ของเธออบอุ่นเกินไปจริง ๆ !”
อู่เชาพรูลมหายใจยาวพลางลูบหน้าท้องกลมกลึงของตัวเองด้วยความเสียดาย
กับข้าวฝีมือคุณแม่เจียงอร่อยมากจริง ๆ อร่อยกว่าฝีมือคุณแม่เขาอย่างเว่ยชิวเยวี่ยหลายร้อยเท่า หากไม่ใช่เพราะมีผลกระทบต่อบุคลิกอันสง่าของคุณชายน่าหลันอย่างเขา เขาไม่มีทางปฏิเสธน้ำใจนี้แน่ ๆ
เจียงซินเหมยหาเรื่องให้เจ้าอ้วนน้อยไปช่วยหยิบของข้างนอกก่อนจะถามทันที “เหมยเหมย คืนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เธอรีบเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ”
แม้เรื่องนี้จะผ่านไปหลายวันแล้วแต่เหมยเหมยกลับไม่เคยเล่าถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นให้เจียงซินเหมยรู้อย่างละเอียด
“ไม่มีอะไร แค่เอาคืนในสิ่งที่เราโดนมาเท่านั้นเอง” เหมยเหมยตอบเสียงเรียบ
คืนนั้นโอหยางซานซานรอดไปได้ชั่วคราว ภายนอกเหมือนเธอกับโอหยางสยงได้มีข้อแลกเปลี่ยนกันแต่ความจริงเธอไม่คิดจะทำร้ายโอหยางซานซานอยู่แล้ว
โอหยางซานซานไม่เหมือนอู่เยวี่ย แม้ว่าเธอจะมีเรื่องบาดหมางกับโอหยางซานซานแต่ไม่ถึงขั้นต้องทำลายเธอ
นอกจากนี้อิทธิพลของตระกูลโอหยางในเวลานี้ไม่ใช่น้อย ๆ เธอไม่จำเป็นต้องหาเรื่องสร้างศัตรูที่แข็งแกร่งให้จ้าวอิงหัว
อนาคตยังมีโอกาสค่อยสั่งสอนโอหยางซานซาน แน่นอนว่าข้อแม้หนึ่งคือโอหยางซานซานไม่สงบเสงี่ยมพอ
เลยตัดสินใจใช้ประโยชน์จากโอหยางซานซานเพื่อแลกกับข้อมูลนิดหน่อย นับว่าเป็นเรื่องดีเหนือความคาดหมายแล้วกัน
โอหยางสยงบอกว่าหานป๋อหย่วนรู้แผนชั่วของสองสามีภรรยาจ้าวอิงสยง เนื่องจากคืนนั้นตำรวจมาก่อนเลยไม่ทันได้ซักถามหานป๋อหย่วน
ภายหลังพี่เสือได้สอบสวนเจ้าหมอนั่น หานป๋อหย่วนใจไม่แข็งเท่าครึ่งหนึ่งของโอหยางสยงด้วยซ้ำ เพิ่งฟาดแส้ไปไม่กี่ทีก็ฉี่ราดกางเกงสารภาพทุกอย่างหมดเปลือก
แต่เขาเองก็ไม่ได้รู้รายละเอียดมากนัก รู้เพียงว่าสองสามีภรรยาจ้าวอิงสยงร่วมมือกับคุณย่าในการเตรียมวางกับดักให้เหมยเหมย
รายละเอียดเป็นอย่างไรหานป๋อหย่วนไม่รู้ แต่เขารู้ว่าอาจจะในช่วงไม่กี่วันนี้เพราะทางเฮ่อเหลียนเช่อไล่บีบเค้นมากเกิน สองสามีภรรยาจ้าวอิงสยงไม่มีทางอื่นอีกแล้ว
พวกเขาได้ฝากฝังความหวังทั้งหมดไว้ที่ตัวเหมยเหมย เพื่อรักษาไว้ซึ่งตำแหน่ง ยศ และอำนาจเงินทอง พวกเขายอมทำทุกวิถีทาง!
เหมยเหมยแค่นยิ้มให้ตัวเอง รู้อยู่แล้วว่าคุณย่าสมองเลอะเลือนคนนั้นต้องเข้าไปมีส่วนเอี่ยวด้วย
เจียงซินเหมยไม่พอใจอย่างมากที่เหมยเหมยพูดก้ำกึ่งเลยไล่ถามอีกหลายครั้งแต่เหมยเหมยไม่ยอมบอก
เรื่องพวกนี้สกปรกโสมมเกินไป อย่าให้แปดเปื้อนหูของเพื่อนเลยดีกว่า!
คืนนั้นมีผู้ชายสิบกว่าคนแถมยังใช้ยากระตุ้นอารมณ์ แค่นี้คงพอจะเดาสภาพของอู่เยวี่ยได้
โชคดีที่ตำรวจมาเร็ว หากมาช้าอีกนิดเกรงว่าอู่เยวี่ยจะแย่ยิ่งกว่านี้เสียอีก!
เหมยเหมยกระตุกยิ้มมุมปาก อู่เจิ้งซืออาศัยทุกทางเพื่อปิดเรื่องนี้ให้อู่เยวี่ย อาจเพราะกลัวเดือดร้อนถึงชื่อเสียงเขาสินะ!
ในเมื่อตอนนี้เขาเป็นคนมีหน้ามีตาเชียวนี่นา!
………………….….
ตอนที่ 1095 รักสามเศร้าที่น่าอัศจรรย์ใจ
นึกถึงรูปเหล่านั้นที่เธอให้พี่เสือถ่ายไว้เหมยเหมยก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม รูปพวกนี้เธอยังไม่เอาออกมา วันหน้าต้องมีโอกาสที่เธอจะได้ใช้ประโยชน์จากมัน
เธอจะให้เซอร์ไพรส์ชุดใหญ่ที่ยากจะลืมไปตลอดชีวิตแก่อู่เยวี่ย!
ทั้งชีวิตนี้ของอู่เยวี่ยอย่าคิดจะหนีไปจากเงื้อมมือของเธอได้!
อู่เชาถือน้ำแก้วหนึ่งเข้ามายื่นให้เจียงซินเหมย เขารู้สึกว่าบรรยากาศในห้องแปลกไป เหมือนมีบางอย่างปิดบังเขาอยู่แต่ยัยตัวดีสองคนนี้ไม่ยอมบอก
หลังลาคุณพ่อคุณแม่เจียงเหมยเหมยกับอู่เชาก็เดินออกจากประตูใหญ่ของเขตตึกห้องเช่าพร้อมกัน ห้องเช่าจากงบประมาณส่วนกลางของโรงเรียนเว่ยชิวเยวี่ยเองก็อยู่ละแวกนี้ ขากลับเหมยเหมยต้องเดินผ่านบ้านอู่เชา
“นี่ ผู้ชายคนนั้นคือพ่อนายไม่ใช่เหรอ? คนที่กำลังคุยกับแม่นาย เอ๊ะ ข้าง ๆ แม่ของนายนั่นอาเขยไม่ใช่เหรอ?” เหมยเหมยชี้ไปที่ตรงหน้าด้วยความสงสัย
หน้าตึกอาคารห้องเช่าสำหรับครอบครัวบุคลากรโรงเรียน เว่ยชิวเยวี่ย จี้เจียนโปกับอู่เจิ้งเต้าสามคนคล้ายกำลังมีปากเสียงกันอยู่ ดูท่าทางบรรยากาศไม่ได้ปรองดองกันนัก
ส่วนที่เรียกความสนใจจากเหมยเหมยคือท่ายืนของทั้งสามคนโดยมีอู่เจิ้งเต้ายืนอยู่คนเดียวส่วนเว่ยชิงเยวี่ยกับจี้เจียนโปยืนด้วยกัน หนำซ้ำจี้เจียนโปยืนเอียงตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยคล้ายกำลังปกป้องเว่ยชิวเยวี่ย
น่าสนใจ!
สองสามีภรรยาที่รักใคร่ปรองดองกันอย่างคู่เว่ยชิวเยวี่ยกับอู่เจิ้งเต้าได้แยกทางกันตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน ลูกทั้งสองคนล้วนเลือกจะอยู่กับเว่ยชิวเยวี่ย
เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาอู่เจิ้งเต้าทำตัวเอื่อยเฉื่อยไม่เอาการเอางานไม่ถามไถ่เรื่องที่บ้าน เอาแต่กินเหล้าพร่ำบ่นชะตากรรมชีวิตถอนหายใจไปวันๆ เรื่องงานเองก็ล้มเหลว เว่ยชิงเยวี่ยทนดูต่อไปไม่ได้เลยเสนอทางหย่ากับอู่เจิ้งเต้าภายใต้เสียงสนับสนุนจากสองพี่น้องอู่เชา
เว่ยชิวเยวี่ยที่หลังหย่า กลับยิ่งอยู่ยิ่งมีชีวิตที่ดี นอกจากการงานรุ่งเรืองเป็นถึงหัวหน้ากลุ่มสาระภาษาต่างประเทศในวิทยาลัยครู ทั้งยังแต่งตัวดูดีขึ้นกว่าเดิมเพราะผอมลง อ่อนเยาว์สวยสดขึ้นทุกวี่ทุกวัน
เท่าที่เหมยเหมยทราบแม้เว่ยชิวเยวี่ยอายุไม่น้อยแล้วแต่ยังมีคนตามจีบมากมาย แค่โรงเรียนเธอก็มีศาสตราจารย์ที่กำลังตามจีบเธอไม่รู้เท่าไร
ในเมื่อคนที่มีดีเรื่องการงานแถมเป็นผู้หญิงบุคลิกสง่างามมีความฉลาดด้านอารมณ์อย่างเธอ ยิ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ผู้ชาย
แต่เว่ยชิวเยวี่ยปฏิเสธไปทั้งหมดทำให้ยังโสดมาจนปัจจุบัน ยิ่งไปกว่านั้นไม่เห็นเธอสนิทกับผู้ชายคนไหนเป็นพิเศษ
กลับเป็นอู่เจิ้งเต้า เหมยเหมยคอยมองชายวัยกลางคนสภาพมอซอยืนหลังค่อมตรงหน้าก็ส่ายศีรษะเป็นพัลวัน
นี่ยังเหลือคราบศาสตราจารย์สุดแสนจะสง่าแห่งมหาวิทยาลัยจินคนนั้นเสียที่ไหนกัน!
ราวกับคนพเนจร มิน่าเว่ยชิวเยวี่ยถึงต้องหย่ากับเขา!
เหมยเหมยไม่เห็นใจอู่เจิ้งเต้าเลยสักนิดเดียว แม้ตอนนั้นเป็นจ้าวอิงหัวที่หาวิธีปลดตำแหน่งอู่เจิ้งเต้าจากศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยจินที่ผู้คนให้ความเคารพนับถือไปเป็นรองศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยทั่วไป แต่ก็เท่านั้น
ภายหลังจ้าวอิงหัวไม่ได้ทำอะไรอีก หากอู่เจิ้งเต้าเข้มแข็งพอเขาสามารถยืนหยัดลุกขึ้นสู้ได้สบาย ๆ
ในเมื่อเขายังเป็นรองศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัย ขอแค่เขาทำงานดีพอ สามารถขยับไปข้างหน้าอีกก้าวได้อย่างไม่ต้องสงสัย
เสียดายที่ผู้ชายคนนี้กลับไม่เข้มแข็ง วัน ๆ อาศัยน้ำเมาแก้เครียดนั่งถอนหายใจไปวัน ๆ สู้ผู้หญิงอย่างเว่ยชิงเยวี่ยไม่ได้ด้วยซ้ำไป
บอกได้แค่ว่าผู้ชายตระกูลอู่มีความอดทนต่ออุปสรรคน้อยเกินไป หากอู่เจิ้งซือไม่มาเจอเหมยซูหาน สถานการณ์ของเขาคงไม่ดีไปกว่าอู่เจิ้งเต้าเท่าไรหรอก
เหมยเหมยไม่สนใจเรื่องอู่เจิ้งเต้าอยู่แล้ว สิ่งที่เธอสนใจคือทำไมเว่ยชิวเยวี่ยถึงอยู่กับจี้เจียนโปได้?
ดูท่าทางพวกเขาจะสนิทสนมกันมากอีกต่างหาก!
อู่เชาเองก็เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าชัดแล้ว เขาไม่ได้คิดมากไปกว่านั้นยังหลงคิดว่าพ่อแม่ทะเลาะกัน ถลาวิ่งเข้าไปหมายจะห้ามพวกเขา!
เหมยเหมยเองก็วิ่งตามไปแต่กลับได้ยินอู่เจิ้งเต้าตวาดเสียงดังลั่น “เว่ยชิวเยวี่ยเธอมันหน้าไม่อาย ผู้ชายคนไหนก็ได้แต่ทำไมต้องไปหาเขา?”
ตอนที่ 1096 ความรู้สึกแปลกๆ
เสียงอู่เจิ้งเต้าติดแหบแต่ยังคงเสียดหูอย่างมาก ต่อให้เหมยเหมยจะไม่อยากได้ยินก็คงเป็นเรื่องยาก
ส่วนปลายนิ้วของอู่เจิ้งเต้าชี้ไปที่จี้เจียนโป ‘เขา’ ในที่นี้หมายถึงใครก็ได้ระบุชัดเจนแล้ว
หากรวมกับคำพูดของอู่เจิ้งเต้าล่ะก็ เหมยเหมยใจเต้นรัว มองไปทางเว่ยชิวเยวี่ยกับจี้เจียนโปอย่างไม่เชื่อสายตา
พวกเขาสองคน…
เป็นไปได้อย่างไร?
คงไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกนะ?
หลังจากเธอกลับไปยังตระกูลจ้าวเมื่อห้าปีก่อนก็ไม่เคยติดตามเรื่องของจี้เจียนโปอีก แค่เคยได้ยินอู่เชาพูดถึงว่าความสัมพันธ์ของจี้เจียนโปกับอู่เจิ้งหงเลวร้ายลงวันแล้ววันเล่าจนที่บ้านไม่เคยสงบเลยสักวัน
อดีตยังมีคุณย่าอู่กับเว่ยชิวเยวี่ยคอยไกล่เกลี่ยทั้งยังมีอู่เจิ้งเต้ากับคุณปู่อู่คอยห้ามจี้เจียนโปเลยยังพอสงบเสงี่ยมอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ตระกูลอู่เกิดความวุ่นวายภายใน ใครจะมีอารมณ์มายุ่งเรื่องที่ไม่เข้าเรื่องของคู่นี้อีก ดังนั้นความอัดอั้นตันใจที่สั่งสมมาหลายปีไม่อาจทนเก็บไว้ได้อีก ระเบิดออกมาราวกับก๊อกน้ำแตก
แต่กลับไม่เคยได้ยินว่าจี้เจียนโปหย่ากับอู่เจิ้งหง ฉะนั้นเหมยเหมยเลยรู้สึกตกใจ
ตอนนี้มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่?
เว่ยชิวเยวี่ยยังคงใจเย็นกล่าวเสียงราบเรียบ “อู่เจิ้งเต้า ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณอีก คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องของฉัน อย่ามาทำตัวน่าอับอายขายหน้าตรงนี้”
อู่เจิ้งเต้าคำรามด้วยความโกรธ “เว่ยชิวเยวี่ย เมื่อก่อนเขาเรียกเธอว่าพี่สะใภ้นะ เธอไปหาเขาได้ยังไง? เธอทำแบบนี้แล้วจะให้ตระกูลอู่เอาหน้าไปไว้ไหน?”
“ตระกูลอู่ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับฉันแล้ว ฉันสกุลเว่ย ไม่ใช่อู่” เว่ยชิวเยวี่ยพูดเย้ย
คิดว่าตัวเองเป็นตระกูลสูงส่งมาจากไหน ยังมีหน้าอีกหรือ?
ตระกูลตกอับอย่างตระกูลอู่ยังมีหน้าอะไรอีก?
“พวกลูกชายของฉันสกุลอู่ เธอทำแบบนี้ไม่คิดถึงความรู้สึกของเสี่ยวเจี๋ยกับเสี่ยวเชาบ้างเหรอ?” อู่เจิ้งเต้าตะโกนลั่น
คนเริ่มเข้ามาล้อมมากขึ้นเรื่อยๆ ล้วนเป็นคนที่พักอาศัยอยู่ในเขตนี้กันทั้งนั้น อู่เชาสีหน้าเปลี่ยนไปรีบเข้าไปแทรกกลางพวกเขา
“มีเรื่องอะไรไว้กลับไปคุยกันที่บ้านเถอะ” อู่เชามองพ่อแม่ตนอย่างเว้าวอน
เว่ยชิวเยวี่ยถอนหายใจเบาๆ พยักหน้าเล็กน้อย จี้เจียนโปเห็นเหมยเหมยได้แต่ยิ้มน้อย ๆ อย่างเก้อเขิน
อู่เจิ้งเต้าแค่นเสียงดังทีหนึ่งแต่ไม่ปฏิเสธ
เหมยเหมยไม่ได้เดินตามเข้าไปเพราะนี่คือเรื่องครอบครัวตระกูลอู่ เธอไม่ใช่คนของตระกูลอู่แล้วไม่จำเป็นต้องสอดมือเข้าไปยุ่ง
วันรุ่งขึ้นที่โรงเรียนอู่เชามีท่าทางกลัดกลุ้มใจจนขอบตาดำคล้ำ
ถือโอกาสพักกลางวันเหมยเหมยจึงมาถามเขาถึงเรื่องเมื่อวานว่าเกิดอะไรขึ้น อู่เชาถอนหายใจแรงทีหนึ่งแล้วก็ถอนหายใจอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ไม่พูดอะไร ทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด
ทำเอาเหมยเหมยต้องฟาดมือลงด้วยความโมโหพลางตะคอกใส่ “รีบพูดมา!”
“ก็เป็นอย่างที่เธอคิดนั่นแหละว่าแม่ฉันกับอาเขยฉันคบกัน พวกเขาเตรียมจะแต่งงานด้วยกันแต่พ่อฉันไม่ยอมเลยมาหาเรื่องทุกวัน”
อู่เชาสรุปจบสั้นกระชับเนื้อหาครอบคลุมอย่างชัดเจน สมแล้วที่เป็นถึงคุณชายน่าหลันผู้มีความสามารถมากล้น ไม่มีประโยคไหนไร้สาระเลย
แม้จะพอเดาได้แต่เมื่อได้ฟังจากปากอู่เชาเหมยเหมยก็ยังตกใจมากอยู่ดี กลืนน้ำลายอึกหนึ่งแล้วถามด้วยความแปลกใจ “อาหญิงของนายหย่ากับอาเขยแล้วเหรอ? หย่ากันตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมนายไม่เคยบอกฉัน?”
อู่เชากลอกตาใส่เธอทีหนึ่งแล้วตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันเองก็เพิ่งรู้ อาเขยบอกว่าเขาหย่าไปนานแล้วก่อนหน้าพ่อแม่ฉันอีก มิน่าหลายปีนี้ตอนปีใหม่อาเขยไม่เคยมา มีแต่อาหญิงพาจี้เหวินฮุ่ยกลับมา”
“แล้วนายทำหน้าเครียดไปทำไม? แม่ของนายตามหารักครั้งใหม่ได้ไม่ดีเหรอ?” เหมยเหมยถาม
อู่เชาทำท่าหนักใจเหลือเกิน ใบหน้ากลมกลึงยับยู่ยี่แล้วกล่าวด้วยความลำบากใจ “ฉันไม่ได้ไม่ดีใจ แต่ปัญหาคือ…เมื่อก่อนฉันเรียกเขาว่าอาเขยนะ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นพ่อเลี้ยงของฉันแทน ทำไมฉันรู้สึกแปลกๆ จังเลยล่ะ?”
………………………
ตอนที่ 1097 ความเจ็บของอู่เยวี่ย
อู่เชากวาดอาหารในจานข้าวใส่ปากด้วยความเครียด เป็นครั้งแรกที่ไม่มีความอยากอาหาร แม้แต่เนื้อซี่โครงชิ้นโตแสนอร่อยยังไม่อาจกระตุ้นความอยากอาหารของเขาได้เลย
“ฉันไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะมัวแต่คิดเรื่องนี้แหละ เธอว่าฉันควรทำยังไงดี? ตกลงหรือไม่ตกลง?”
อู่เชาวางจานข้าวไว้บนโต๊ะหินเพราะคร้านจะทานต่อ สองมือกอดศีรษะฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยท่าทางหนักใจสุดขีด
เวลานี้เขานึกอิจฉาพี่ชายอย่างอู่เจี๋ยเหลือเกินที่ได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยต่างเมืองเลยไม่รับรู้เรื่องราวอะไร ไม่ต้องสนไม่ต้องยุ่ง ไม่เหมือนเขา…เฮ้อ…
เหมยเหมยเห็นแล้วรู้สึกขบขันเลยตบหัวเขาเบาๆ ไปหลายที “ก็แค่แม่ของนายตามหารักที่สองเจอเอง ขอแค่แม่นายมีความสุขก็พอนี่ ยังไงตอนนี้นายก็หาเงินเลี้ยงตัวเองได้แล้วนายมีอะไรต้องกังวลอีก? อยู่ร่วมกันได้ก็พอ ถ้าไม่ได้ก็ย้ายออกไปอยู่คนเดียว!”
ไม่ว่าเมื่อไรปัจจัยทางการเงินย่อมเป็นข้อแม้สำคัญของการย้ายออกไปอยู่คนเดียวเสมอ
ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม!
อู่เชาตาวาว นั่นสิ เขากังวลอะไร?
เขาเป็นคนที่รวยที่สุดในบ้านเชียว อีกอย่างเขาได้ซื้อบ้านสองหลังภายใต้คำแนะนำของเหมยเหมยไปแล้วก็ไม่มีทางกลายเป็นคนเร่ร่อนตามท้องถนน
แต่ว่า–
“ฉันก็รู้สึกแปลกๆ ไง ยังไงคนนั้นก็เคยเป็นอาเขยของฉันมาก่อน ถ้าแม่ฉันแต่งงานกับอาเขยจริงๆ ฉันไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับพ่อฉันแล้วก็พวกคุณปู่คุณย่ายังไงดี!”
อู่เชาถอนหายใจยาว นี่ต่างหากปัญหาที่ทำให้เขาหนักใจที่สุด
เหมยเหมยหยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “งั้นก็กลับไปให้น้อยลงสิ ยังไงตอนนี้นายก็ไม่ค่อยสนิทกับฝั่งนั้นอยู่แล้ว อีกอย่างจะให้เสียสละความสุขของแม่นายเพื่อไว้หน้าบ้าๆ ให้นายไม่ได้หรอกมั้ง!”
แม้จะเป็นเรื่องน่าตกใจอย่างมากที่เว่ยชิวเยวี่ยมาบรรจบกับจี้เจียนโปได้ แต่เหมยเหมยกลับคิดว่าดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
อย่างน้อยก็ทิ่มแทงใจดำพวกผู้ดีจอมปลอมของตระกูลอู่ได้!
อู่เชาเป็นเด็กไม่คิดอะไรมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ต่อให้เหมยเหมยไม่เกลี้ยกล่อมเขาเขาก็ไม่มีทางหนักใจไปนานกว่านี้ เขาพยักหน้า “งั้นฉันจะไปหาทางนั้นให้น้อยลง กินข้าวกัน หิวจะตายอยู่แล้ว!”
เจ้าอ้วนน้อยหยิบจานข้าวขึ้นมาทานอย่างมูมมาม เนื้อซี่โครงชิ้นโตถูกเคี้ยวเพียงสองคำก็กลืนลงท้องไป เพราะยังไม่รู้สึกสะใจพอเลยแย่งจากจานข้าวเหมยเหมยมาอีกชิ้น
“อร่อย พรุ่งนี้จะตักเพิ่มอีกหลายๆ ชิ้น”
อู่เชาพยักหน้ารัว ขอบปากมันวาวด้วยน้ำมันและทำหน้าอิ่มเอมมีความสุข ไม่เหลือคราบความทุกข์ใจอย่างเมื่อครู่เลยสักนิด
เหมยเหมยตักเนื้อในจานตัวเองให้อู่เชาทั้งหมด ส่วนเธอทานข้าวกับผักอย่างเดียว
“เหมยเหมย เธอสังเกตมั้ยว่าช่วงนี้โอหยางซานซานไม่มาเรียนเลย แล้วก็อู่เยวี่ยด้วย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอ”
อู่เชาที่กินอิ่มท้องก็เริ่มมีไหวพริบดี ไม่นานก็จับสังเกตถึงความผิดปกติได้
“ใครจะรู้กันล่ะ บางทีอาจติดธุระที่บ้านก็ได้ ไม่เกี่ยวกับเรา นายจะไปยุ่งทำไม!”
เหมยเหมยแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ตักอาหารเข้าปากลวกๆ ไม่กี่คำก็ลุกเดินกลับห้องเรียน
ชีวิตของอู่เยวี่ยในตอนนี้ไม่ดีมากเชียวล่ะ!
โรงพยาบาลเพื่อประชาชนอันดับหนึ่งแห่งเมืองจิน
อู่เยวี่ยนอนบนเตียงผู้ป่วยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ดวงตาจ้องมองเพดานนิ่ง
เธอเป็นแบบนี้ตลอดหลายวันที่ผ่านมาโดยไม่เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่ประโยคเดียว เพราะจนตอนนี้เธอยังไม่เชื่อว่าเรื่องคืนนั้นเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ หรือ?
ต่อให้เธอไม่อยากจะเชื่อสักแค่ไหน แต่ความเจ็บปวดบนกายได้ย้ำเตือนเธออยู่ตลอดเวลา–
เรื่องคืนนั้นเป็นความจริง!
อู่เยวี่ยตัวสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด เธอจำรายละเอียดไม่ได้แล้วแต่เธอกลับจำได้เสมอว่าผู้ชายพวกนั้นทำอะไรบนตัวเธอบ้าง
หนึ่งครั้งสองครั้งสามครั้ง…นับครั้งไม่ถ้วน…
เธอไม่รู้ว่าเคยผ่านมือผู้ชายมากี่คน แต่เธอรู้…ชื่อเสียงของเธอหมดสิ้นแล้ว!
ทุกอย่างเป็นเพราะจ้าวเหมยคนเดียว!
ตอนที่ 1098 ต่ำต้อยเท่าเศษฝุ่น
ห้องพักผู้ป่วยของอู่เยวี่ยเป็นห้องเดี่ยว แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะอู่เจิ้งซือใจกว้างแต่เขากลัวขายหน้า
คืนนั้นอู่เจิ้งเต้าไปรับอู่เยวี่ยกลับมาจากสถานีตำรวจ อู่เจิ้งเต้าจำต้องส่งเธอเข้าโรงพยาบาลเพราะอู่เยวี่ยได้รับบาดเจ็บสาหัส
อีกวันอู่เจิ้งซือก็กลับมาแล้ว เขาได้ยินพี่ชายคนโตพูดถึงเรื่องนี้ก็โกรธอย่างมากแต่ก็ปัดความรับผิดชอบไม่ได้เลยจัดอู่เยวี่ยให้อยู่ในห้องพักผู้ป่วยส่วนตัว แล้วค่อยหาทางปิดข่าววันนั้นเพื่อรักษาไว้ซึ่งชื่อเสียงของเขาให้ได้มากที่สุด
อู่เจิ้งซือจ่ายค่ารักษาไปแล้วและยังจ้างพยาบาลไว้อีกด้วย เหอปี้อวิ๋นไม่รู้เรื่องนี้ อู่เยวี่ยไม่ให้อู่เจิ้งซือบอกเหอปี้อวิ๋น
เธอคิดได้ว่าต่อให้เหอปี้อวิ๋นรู้เรื่องนี้นอกจากเขาจะไม่ช่วยอะไรเธอได้กลับจะยิ่งสร้างความเดือดร้อนยิ่งกว่านี้
ตอนนี้เธอต่ำต้อยราวกับเศษฝุ่น หากไม่หาทางลุกขึ้นยืน แบบนั้นเธอจะต้องถูกผู้อื่นเหยียบย่ำอยู่ใต้เท้ากระทั่งหายไป
อู่เจิ้งซือเป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของเธอ แล้วก็หานป๋อหย่วน!
เธอต้องคว้าฟางช่วยชีวิตสองเส้นนี้ไว้ให้แน่น ไม่ว่าจะด้วยหนทางใดก็ตาม!
เธอจะแก้แค้น เธอต้องแก้แค้น เธอจะเอาคืนความเจ็บและความทุกข์ที่ตัวเองได้รับ…เป็นร้อยเท่า!
ประตูถูกผลักเข้ามาจากข้างนอก เป็นอู่เจิ้งซือเอง เขาถือถุงเดินเข้ามา พอเห็นอู่เยวี่ยนัยน์ตาฉายแววรังเกียจวูบหนึ่ง
“รีบกินข้าวซะ” อู่เจิ้งซือพูดด้วยสีหน้าเย็นชา
เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้เรื่องน่าอายของอู่เยวี่ยอู่เจิ้งซือไม่ได้ให้หร่วนเป่าฮุ่ยรู้เรื่องนี้ เขาเป็นคนจัดการทุกอย่างเอง
อู่เยวี่ยรับถุงมาพบว่าข้างในเป็นกับข้าวมื้อเย็น ไม่ใช่ฝีมืออู่เจิ้งซืออยู่แล้วแต่เป็นข้าวที่เขาซื้อมาจากร้านอาหาร ความจริงรสชาติไม่ได้แย่ อย่างน้อยก็อร่อยกว่าที่เหอปี้อวิ๋นทำอยู่มากโข
“ขอบคุณค่ะพ่อ!” อู่เยวี่ยกล่าวขอบคุณเสียงเบา
อู่เจิ้งซือไม่ปรายตามองเธอด้วยซ้ำพลางปลดเนคไทให้คลายลงน้อย ๆ เปิดหน้าต่างออกอย่างไม่สบอารมณ์
ลูกสาวอย่างอู่เยวี่ยเป็นของไร้ประโยชน์ ไม่มีประโยชน์อะไรต่อเขาแม้แต่น้อย มีเพียงจะสร้างปัญหาให้เขาแล้วก็ความอับอาย
รออู่เยวี่ยออกจากโรงพยาบาลก็ให้เธอแต่งงานซะ!
แต่งไปให้ไกลไม่ต้องกลับมาเมืองจินอีกตลอดไป เขาไม่อยากขายหน้าอีกแล้ว!
อู่เยวี่ยทานข้าวคำเล็กคำน้อยไปเรื่อยๆ ทั้งคอยสังเกตสีหน้าอู่เจิ้งซือไปด้วย น่าแปลกที่สีหน้าไม่พอใจของอู่เจิ้งซือทำให้ใจของอู่เยวี่ยดิ่งสู่ก้นเหว
เธอฝืนตัวเองให้ทานข้าวจนหมดไปครึ่งถ้วย ชิงเอ่ยก่อนที่อู่เจิ้งซือจะกล่าว “พ่อคะ หนูมีเรื่องหนึ่งจะบอกพ่อ”
“เรื่องอะไร?” อู่เจิ้งซือทำหน้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก
“พ่อคะ หนูมีแฟนแล้ว เป็นหลานชายคนโตของตระกูลหานที่กรุงปักกิ่ง ชื่อหานป๋อหย่วน” อู่เยวี่ยค่อย ๆ พูด พอเห็นสายตาฉายแววตกใจแวบหนึ่งของอู่เจิ้งซือก็เริ่มมีความมั่นใจกลับคืนมาเล็กน้อย
ไม่ต่างจากที่เธอคาดไว้ อู่เจิ้งซือเคยได้ยินตระกูลหานมาก่อน
ขอแค่เคยได้ยินก็ง่ายล่ะ กลัวก็แต่อู่เจิ้งซือไม่รู้ว่าตระกูลหานเป็นเทพอะไรมาจากไหน
“ตระกูลหานที่เกี่ยวดองกับตระกูลจ้าว? เธอไม่ได้เข้าใจผิดมาใช่มั้ย?” อู่เจิ้งซือย้อนถาม
“ไม่ค่ะ ตระกูลหานอันนั้นเลย หานป๋อหย่วนเคยบอกว่าจะขอหนูแต่งงาน” อู่เยวี่ยพูดโกหกด้วยท่าทางมั่นใจ
อู่เจิ้งซือหัวเราะอย่างเย้ยหยันไม่ได้คิดจะเชื่อในคำพูดของเธอเลยสักนิด อู่เยวี่ยรีบกล่าว “พ่อคะ เป็นเรื่องจริงนะ หนูกับหานป๋อหย่วนได้สัญญากันไว้แล้ว หลานสาวของตระกูลโอหยาง โอหยางซานซานเป็นคนแนะนำให้เรารู้จักกัน”
แน่นอนว่าอู่เจิ้งซือเคยได้ยินตระกูลโอหยางมาก่อน ตอนนี้กำลังได้ดิบได้ดีมีหน้ามีตายิ่งกว่าตระกูลจ้าวเสียด้วยซ้ำ เหมือนว่าตระกูลโอหยางมีลูกชายคนหนึ่งอยู่ที่เมืองจินจริงๆ หรือว่าที่อู่เยวี่ยพูดเป็นความจริง?
เพียงแต่อู่เจิ้งซือก็ไม่ได้สนใจมากนัก ต่อให้อู่เยวี่ยกับหานป๋อหย่วนได้สัญญากันไว้ก่อนหน้าแต่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับอู่เยวี่ย หากเปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่นก็คงไม่อยากรับภรรยาแบบนี้ไว้ แล้วอย่างตระกูลหานคงไม่ต้องเอ่ยถึง
…………………….
ตอนที่ 1099 โน้มน้าวสำเร็จ
อู่เยวี่ยรู้ดีว่าอู่เจิ้งซือคิดอะไรอยู่ เธอกัดฟันอย่างแค้นใจแต่ไม่แสดงออกทางสีหน้าแถมยังแสร้งทำท่าทางน่าสงสาร
ขอแค่ก้าวข้ามอุปสรรคตรงหน้านี้ไปได้ อนาคตเธอจะต้องทำให้อู่เจิ้งซือชื่นชมต่อเธอ
“พ่อคะ ที่หนูพูดคือความจริงนะคะ คืนนั้นเป็นวันเกิดของหานป๋อหย่วนเราเลยเล่นบ้าคลั่งกันไปหน่อย เพื่อนคนหนึ่งของหานป๋อหย่วนไปหายาบางอย่างจากข้างนอกมาให้เราทุกคนกิน แต่ไม่คิดว่า…”
อู่เยวี่ยหยุดชะงักพลางไล่เรียงประโยคอยู่ในหัว เธอต้องคิดข้ออ้างอันหนึ่งที่ทำให้อู่เจิ้งซือเชื่อ
จัดการอู่เจิ้งซือให้ได้ก่อน ทางหานป๋อหย่วนเธอย่อมมีวิธีอยู่แล้ว อู่เยวี่ยทำหน้าเคอะเขินแล้วพูดต่อ “ยาอันนั้นฤทธิ์แรงไปหน่อยเลยเกิดอุบัติเหตุนิด ๆ หน่อย ๆ แต่คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะ หานป๋อหย่วนบอกว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่เห็นได้ทั่วไปในสังคมพวกเขา บอกให้หนูไม่ต้องคิดมาก แล้วยังบอกว่าเขาชอบเด็กผู้หญิงที่ไม่ถือตัวอย่างหนู…”
อู่เยวี่ยทนความอับอายพูดให้จบแล้วก้มหน้าลง ลอบสังเกตสีหน้าของอู่เจิ้งซือ
เธอกำลังพนัน พนันความโลภของอู่เจิ้งซือที่มีต่ออำนาจชื่อเสียงเงินทอง
พนันว่าอู่เจิ้งซือไม่ได้รับรู้ความจริงในคืนวันนั้น
ในเมื่อจ้าวเหมยเตรียมการมาอย่างดีเช่นนั้นต้องกวาดเช็ดร่องรอยหลักฐานทุกอย่างให้สะอาดเอี่ยมอ่อง ไม่มีทางให้คนรู้ว่าบุตรสาวผู้ปกครองแห่งเมืองจินจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ฉะนั้นขอแค่อู่เจิ้งซือเชื่อก็พอ เช่นนี้เธอจะได้ใช้ประโยชน์จากอู่เจิ้งซือได้
อู่เจิ้งซือเชยตามองอู่เยวี่ย เริ่มมองลูกสาวที่เขาเตรียมสลัดทิ้งคนนี้ใหม่
ใช่ว่าเขาจะไม่เคยฟังเรื่องราวแสนวุ่นวายของแวดวงนั้นมาก่อน ยิ่งสูงยิ่งวุ่นวายและยิ่งสกปรกโสมม
ปาร์ตี้เซ็กส์เอย แล้วก็เรื่องต่ำทรามอย่างสลับไปมีอะไรกับภรรยาคนอื่น…ล้วนไม่ใช่เรื่องน่าแปลกในสังคมนั้น
ยามเขาได้ฟังครั้งแรกก็รู้สึกน่าอัศจรรย์ใจ พอฟังมากไปกลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้ว บางทีนี่อาจเป็นวิธีการใช้ชีวิตของคนมีเงินก็ได้!
บางทีมนุษย์เราเมื่อมาถึงจุดอิ่มตัวของความต้องการที่มีต่อวัตถุและอารมณ์ก็จะเป็นแบบนั้น วิธีเล่นพวกนี้ถูกถ่ายทอดมาจากฝั่งตะวันตกทั้งนั้น
เพียงแต่ตอนนี้ลูกสาวของเขากลายเป็นตัวละครหลัก อู่เจิ้งซือก็ยังรับไม่ค่อยได้แต่สมแล้วที่เขาเป็นถึงผู้ดีจอมปลอม ไม่นานก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นอีกแบบหนึ่ง
“เธอเคยเจอพ่อแม่หานแล้วหรือยัง?” อู่เจิ้งซือถามด้วยความเป็นห่วง
อู่เยวี่ยแอบดีใจ พูดด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ “ยังค่ะ ป่อหย่วนบอกว่าอยากเจอพ่อก่อน”
“ได้สิ ช่วงนี้ฉันอยู่เมืองจิน มาเจอฉันได้เสมอ” อู่เจิ้งซือมองอู่เยวี่ยด้วยใบหน้าอ่อนโยน ดวงตาฉายแววโอบอ้อมอารีที่ห่างหายไปนาน
หากอู่เยวี่ยพูดความจริงถ้าอย่างนั้นลูกสาวคนนี้ก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง แม้ตระกูลหานยังไม่ใช่ตระกูลแถวหน้า แต่สำหรับเขาแล้วกลับมีความเป็นอยู่ที่เอื้อมไม่ถึง
แล้วถ้าอู่เยวี่ยได้แต่งเข้าบ้านตระกูลหานจริงๆ กลายเป็นหลานสะใภ้คนโตของตระกูลหานเขาก็ได้ผูกญาติกับตระกูลหาน เท่ากับได้ก้าวเข้าสู่สังคมนั้น ไม่แน่อาจมีโอกาสได้รู้จักคนใหญ่คนโตมากกว่านี้!
ตอนนี้เขาไม่ขาดเงิน ขาดแค่อำนาจกับตำแหน่ง!
เชื่อว่าวิธีการและความฉลาดของเขา ขอแค่ได้แตะขอบสังคมนั้นจะยิ่งใหญ่กว่าจ้าวอิงหัวร้อยเท่า!
กิเลสเริ่มผุดขึ้นในใจอู่เจิ้งซือ ความมั่นใจเต็มร้อย หากจ้าวอิงหัวไม่ได้มีพ่อที่ดี แค่ความสามารถของเขาจะมาอยู่ในตำแหน่งผู้ปกครองเมืองจินได้อย่างไร?
เหอะ!
รอเมื่อไรที่เขาปีนป่ายถึงจุดสูงสุดจะให้จ้าวอิงหัวคุกเข่าอ้อนวอนต่อหน้าเขา ให้เหยียนซินหย่าดูให้ดีว่าเธอพลาดอะไรไปบ้าง!
“พ่อคะ หนูไปอยู่กับพ่อได้มั้ย?” อู่เยวี่ยถามหยั่งเชิง
อู่เจิ้งซือมุ่นคิ้ว ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าที่อู่เยวี่ยพูดใช่ความจริงหรือเปล่า เขาไม่อยากเอาตัวปัญหากลับไปด้วยหรอกนะ
“ไม่ต้องรีบ เธอกลับไปอยู่กับแม่เธอก่อน รอผ่านช่วงนี้ไปก่อนค่อยว่ากันอีกที”
อู่เยวี่ยหลุบตาลง คำตอบของอู่เจิ้งซือเป็นไปตามที่เธอคาดไว้ แผนของเธอถึงเวลาเริ่มแล้ว!
ตอนที่ 1100 ใจอ่อนเยี่ยงสตรี
เรื่องที่เกิดขึ้นในคลับสโมสรไห่เยี่ยนคืนนั้นเหมยเหมยไม่ได้ปิดบังจ้าวอิงหัว เธอไม่ได้บอกให้เหยียนซินหย่ารู้เพราะไม่อยากให้แปดเปื้อนหูของเหยียนซินหย่า
จ้าวอิงหัวสั่งปิดข่าวคืนนั้นทำให้มีคนในเมืองจินเพียงน้อยนิดที่ทราบเรื่องนี้ ส่วนเหล่าคุณชายกลุ่มนั้นย่อมมีพ่อของตัวเองคอยสั่งสอนอีกที
ส่วนโอหยางสยงที่เสียตาไปหนึ่งข้างไม่มีทางยอมอยู่แล้ว ลูกตาของเขาถูกเศษแก้วทิ่มแทงเป็นรูพรุน ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านดวงตาที่เก่งที่สุดในโลกก็ไม่อาจใส่กลับคืนให้เขาได้
เสียเปรียบขนาดนี้โอหยางสยงแค้นใจจนแทบอยากจะฆ่าจ้าวเหมยให้แหลกสลาย ต้องให้โดนคร่อมอยู่ใต้ร่างคนนับพันถึงจะระบายความแค้นนี้ได้
เพียงแต่โอหยางสยงยังไม่ทันได้เริ่มทำอะไรตระกูลโอหยางที่กรุงปักกิ่งก็เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เกิดความโกลาหลขึ้นชั่วขณะ
ที่แท้ก็เกิดเรื่องกับโอหยางปิน ตอนที่เจ้าหมอนี่ออกไปหาความสุขใส่ตัวถูกคนกัดอวัยวะเพศจนขาด นับว่ายังโชคดีที่ของยังอยู่พร้อมหนังหุ้มหนึ่งชั้น
ทว่าการแพทย์ในยุคนี้ไม่ได้ทันสมัยขนาดนั้น ได้ข่าวว่าต่อให้เชื่อมติด ประสิทธิภาพการใช้งานก็ลดลงฮวบ ส่วนรายละเอียดที่ว่าลดลงแค่ไหนก็ไม่มีใครรู้เลย
โอหยางปินเป็นหลานชายคนโตที่ตระกูลโอหยางเห็นว่าเป็นผู้สืบทอดตระกูลต่อ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้โอหยางสยงจำต้องละมือทุกอย่างก่อนจะเร่งเท้ากลับกรุงปักกิ่ง
สองพี่น้องนี้จริงๆ เลย…คนหนึ่งไม่มีเจ้าโลก อีกคนไม่มีดวงตา…พี่ชายน้องชายถูกคู่จริงๆ!
เฮ่อเหลียนชิงอุ้มแมวส้มตัวอ้วนอยู่พลางลูบไล้เบาๆ ด้วยสีหน้าอ่อนโยนและเมตตา
แมวส้มตัวนี้เหยียนหมิงซุ่นเป็นคนนำมาให้เขา ขณะที่เพิ่งมาถึงสวนฟาร์มมีขนาดตัวเล็กใส่กระเป๋าเสื้อได้ แต่ไม่พ้นครึ่งปีก็ถูกเฮ่อเหลียนชิงป้อนจนกลายเป็นลูกบอลกลม ชื่อหวงฉิวเอ๋อร์ นับว่าเป็นน้องเล็กของฉิวฉิว
เฮ่อเหลียนชิงสีหน้าดูดีขึ้นมาก บนแก้มมีเนื้อเพิ่มขึ้นไม่น้อยไม่ได้ดูหมดอาลัยตายอยากเหมือนเมื่อก่อน
“ตอนนี้โอหยางปินเป็นยังไงบ้าง?” เฮ่อเหลียนชิงถาม เสียงไม่ได้เปลี่ยนไปยังคงแสลงหูเหมือนเดิม
เสี่ยวเมิ่งตอบกลับอย่างนอบน้อม “ไม่ค่อยดี เชื่อมน่ะเชื่อมกลับไปแล้ว แต่ต่อจากนี้คงฉี่ได้อย่างเดียวแล้วล่ะครับ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…เยี่ยมไปเลย…ฮ่าฮ่า ความสวยงามของมันจะมีประโยชน์อะไร”
เฮ่อเหลียนชิงมีความสุขอย่างน่าแปลก ชอบที่จะได้ยินว่าเจ้าโลกของคนอื่นมีปัญหาที่สุดเลย!
ผู้ชายทั้งโลกไม่ต้องมีเจ้าโลกต่างหากถึงจะดี!
“จัดการยังไง? จะให้นายใหญ่รู้ไม่ได้ วุ่นวาย!” เฮ่อเหลียนชิงถามอีก
เสี่ยวเมิ่งพูดยิ้มๆ “หมิงซุ่นเป็นคนจัดการท่านยังไม่ไว้วางใจอีกเหรอ?”
“เหอะ…”
เฮ่อเหลียนชิงลูบหัวฉิวเอ๋อร์ไปมาพลางหยิบปลาตากแห้งโต๊ะข้างๆ ป้อนให้เจ้าแมว
“เมี๊ยว!”
เจ้าแมวสีส้มขานเรียกทีหนึ่งแล้วถูหน้าไปมากับเฮ่อเหลียนชิงแล้วค่อยๆ กินอย่างเอร็ดอร่อย
เฮ่อเหลียนชิงยิ้มอย่างพึงพอใจ ต้องการความรู้สึกที่ป้อนสำเร็จแบบนี้ไงล่ะ
“ตาของโอหยางสยงโดนเจ้าก้อนขาวข่วนเหรอ?” เฮ่อเหลียนชิงถามด้วยความสนใจ
“ครับ โอหยางสยงกับหลานชายตระกูลหานคิดจะเล่นงานคุณจ้าวแต่กลับถูกคุณจ้าวตลบหลังกลับ” เสี่ยวเมิ่งตอบ
เฮ่อเหลียนชิงแค่นเสียงหัวเราะเยาะ ดวงตาฉายแววชื่นชมที่แม้แต่ตัวเขายังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ
“ใจอ่อนตามประสาผู้หญิง ข่วนให้ตาบอดไปข้างเดียวจะมีประโยชน์อะไร? ต้องทำลายทั้งสองข้างสิ แล้วค่อยจัดการเจ้าโลกไม่ให้สืบทอดลูกหลานได้อีก…”
เฮ่อเหลียนชิงยังคงไม่พอใจต่อเหมยเหมยเหมือนเดิม อย่างไรเสียเหมยเหมยทำอะไรก็ผิดไปหมด เขาต้องหาเรื่องตำหนิอยู่เรื่อย
เสี่ยวเมิ่งรีบกล่าว “ที่สืบสกุลของหลานชายของตระกูลหานโดนคุณจ้าวทำลายไปแล้ว คิดว่าน่าจะฉี่ได้อย่างเดียว”
เฮ่อเหลียนชิงยิ้มอย่างพอใจ นี่สิถึงจะเข้าท่า!
ไม่ว่าใครที่ไปยุ่งเกี่ยวกับไอ้สวะนั่นก็เป็นสวะกันทั้งหมด ควรจัดการผู้ชายให้ไม่ต้องมีที่สืบสกุลต่อ ผู้หญิงก็จับไปขายตามซ่องให้หมด
เหอะ เขาไม่ใช่คนใจอ่อนอะไรหรอกนะ!
……………………
ตอนที่ 1101 ทดสอบ
เสี่ยวเหมิงติดตามเฮ่อเหลียนชิงมาสิบกว่าปี เป็นธรรมดาที่จะเข้าใจถึงอาการป่วยทางใจของนายท่าน เมื่อเห็นว่าเขาอารมณ์ดีไม่น้อย จึงถือจังหวะเอ่ยพูด “นายท่าน จ้าวอิงสยงสองสามีภรรยาจะยกเหมยเหมยให้แต่งงานกับมารผจญนั่น”
เฮ่อเหลียนชิงเหลือบมองเขาแวบหนึ่งอย่างประหลาดใจ พร้อมเอ่ยถาม “ไอ้มารผจญนั่นไม่ใช่ว่าชื่นชอบคนที่ชื่อเหมยซูหานที่เป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ? เบื่อแล้ว?”
“เปล่าครับ มารผจญนั่นถือว่ารักเหมยซูหานจริง ตอนนี้ความรักของทั้งคู่ยังเร่าร้อนกันอยู่เลย เพียงแต่จ้าวอิงสยงคู่สามีภรรยายังไม่ทราบเรื่องนี้ ทั้งยังคิดว่ามารผจญนั่นยังมีรสนิยมเหมือนกับแต่ก่อน” เสี่ยวเหมิงอธิบาย
เฮ่อเหลียนชิงแสดงออกอย่างไม่พอใจ “คิดว่าตนเองฉลาด แท้จริงโง่เขลาอย่างที่สุด นางเด็กบ้านั่นรู้เรื่องนี้ไหม?”
“รู้ครับ หมิงซุ่นเองก็รู้ เขาอยากจะสั่งสอนจ้าวอิงสยงสักเล็กน้อย” เสี่ยวเหมิงพูดออกไปถึงจุดประสงค์ของเหยียนหมิงซุ่น
เฮ่อเหลียนชิงนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะเอ่ย “ตอนนี้ยังไม่ต้องลงมือ ให้นางเด็กนั่นรับมือด้วยตัวเองก่อน”
เสี่ยวเหมิงชะงัก พลันเอ่ยว่า “หมิงซุ่นไม่มีทางยอมให้คุณหนูจ้าวจัดการรับมือกับปัญหานี้ด้วยตัวเองแน่”
เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยเป็นดั่งของรักของหวงและแก้วตาดวงใจ ไม่อย่างนั้นจะส่งคนไปทำลายถอนรากถอนโคนพวกลูกหลานของโอหยางปินได้อย่างไร
จ้าวอิงสยงสองสามีภรรยาวางแผนคิดทำร้ายจ้าวเหมย เหยียนหมิงซุ่นต้องรู้อยู่แล้ว จะทำเป็นนิ่งดูดายโดยไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยได้ยังไงเล่า?
เฮ่อเหลียนชิงชักสีหน้า พร้อมทั้งพูดตำหนิ “งั้นก็อย่าให้เขารู้ เขาคงไม่มีทางปกป้องนางเด็กบ้านั่นไปได้ตลอดชีวิตหรอก เอาตามนี้แล้วกันเรื่องนี้ให้นางเด็กบ้านั่นจัดการด้วยตัวเอง!”
เสี่ยวเหมิงมีท่าทีเปลี่ยนไป ไม่กล้าพูดเกลี้ยกล่อมอีก แต่ก็ยังคงเลียบๆ เคียงๆ เพื่อเอ่ยถาม “นายท่าน แล้วถ้าเกิดคุณหนูจ้าวรับมือไม่ไหว ถูกจ้าวอิงสยงสองสามีภรรยาวางแผนทำร้ายเข้าจะทำอย่างไร?”
“ทำอย่างไร? นั่นก็ต้องโทษที่ตัวเธอเองไม่มีความสามารถพอ เหอะ อยากเป็นลูกสะใภ้ของฉันมันไม่ง่ายหรอก!” เฮ่อเหลียนชิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เสี่ยวเหมิงเข้าใจในความหมายแฝงที่เขาเอ่ย พลันกระตุกยิ้มแล้วพูดว่า “นี่นายท่านไม่คัดค้านให้คุณหนูจ้าวและหมิงซุ่นคบกันแล้วรึ?”
เฮ่อเหลียนชิงเชิดปลายคางขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ พร้อมสบถออกมาว่า “คงต้องรอดูว่านางเด็กบ้านั่นมีฝีมือพอหรือไม่ ถ้าไม่มีฝีมือก็นับว่าเป็นความโชคร้ายแล้วล่ะ ไว้ฉันค่อยแนะนำคนดีๆ ให้กับหมิงซุ่น”
สามปีมานี้เขาแนะนำหญิงสาวดีๆ ให้กับหมิงซุ่นเป็นจำนวนไม่น้อย แต่เจ้าเด็กนั่นก็ยังคิดว่าไม่เข้าตา ยังดั้นด้นที่จะแขวนคอตายอยู่บนต้นไม้ต้นนั้นของจ้าวเหมย
แม้ว่าหนทางนี้จะไม่ราบรื่น เขาเองก็คงต้องคิดหาวิธีอื่น
จะต้องทำให้นางเด็กบ้านั่นพบเจอกับความยากเข็ญจนต้องถอยหนีไปให้ได้!
ซึ่งแน่นอน ถ้าหากว่านางเด็กบ้านั่นสามารถหลุดพ้นจากแผนการของจ้าวอิงสยงสองสามีภรรยานั่นได้ ก็เท่ากับว่าเธอยังมีฝีมืออยู่บ้างก็ยังพอที่มีคุณสมบัติจะเป็นลูกสะใภ้ของเขาได้อยู่!
สิ่งที่เฮ่อเหลียนชิงไม่รู้คือ เสี่ยวเหมิงออกมาก็โทรหาเหยียนหมิงซุ่นในทันที ยกเอาคำพูดก่อนหน้าที่ได้เอ่ยออกมานั้นบอกกับเขาอย่างไม่มีตกหล่อนแม้แต่คำเดียว
“หมิงซุ่น เรื่องของคุณหนูจ้าวนายอย่าเข้าไปยุ่งเลย ให้เธอเป็นคนจัดการเอง นายท่านไม่ง่ายเลยที่จะยอมปริปากพูดยอมรับ” เสี่ยวเหมิงกำชับ
น้ำเสียงของเหยียนหมิงซุ่นถูกเปล่งออกมา “ผู้หญิงของฉันไม่จำเป็นต้องมีฝีมืออะไรมาก ฉันปกป้องเธอได้!”
เสี่ยวหมิงเกิดอาการร้อนรน “นายนี่มันสมองขี้เลื่อยจริง ๆ รู้ว่านายมีฝีมือ แต่นายรับประกันได้หรือว่าสามารถจับตาดูคุณหนูจ้าวได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง? นายคงไม่ได้หวังจะให้เมียตัวเองเป็นดั่งนกขมิ้นที่ถูกขังอยู่ในกรงหรอกใช่ไหม?”
เหยียนหมิงซุ่นนิ่งเงียบไป เสี่ยวเหมิงพูดถูก เขาไม่อาจปกป้องเหมยเหมยได้ตลอดเวลา
หากว่าเหมยเหมยมีความสามารถในการป้องกันตัวเองได้ นั่นจึงนับว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
“ก็ได้ แต่ยังไงฉันก็คงต้องส่งคนแอบปกป้องเหมยเหมย” เหยียนหมิงซุ่นกล่าว
เสี่ยวเหมิงเอ่ยขึ้นอย่างโมโห “นายนี่ทำไมถึงพูดไม่รู้จักฟังเลย? นายท่านบอกแล้วไง…”
“นายก็อย่าทำให้เขารู้ก็สิ้นเรื่อง” เหยียนหมิงซุ่นพูดจบก็ตัดสายไป
เสียงตู๊ดๆๆ ส่งผ่านมาจากลำโพง เสี่ยวเหมิงจึงถอนหายใจอย่างจนใจ
ต้องดูแลสองคนนี้อยู่ดีสินะ !
ตอนที่ 1102 ตัดญาติขาดมิตร โหดเหี้ยมอำมหิต
ผ่านไปไม่กี่วันโอหยางซานซานก็กลับมาเรียนที่โรงเรียน ดูท่าทางปกติไม่ต่างไปจากเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
แต่เมื่อเธอเจอเหมยเหมยก็จะตีตัวออกห่าง ไม่กล้าสู้หน้ากับเหมยเหมย
ภาพเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น จนถึงทุกวันนี้ยังคงติดตาโอหยางซานซานอยู่ เธอจะไม่มีวันลืมเลือน
อีกนิดเดียว…อีกแค่นิดเดียว…เธอกับคุณลุงก็จะ…
โอหยางซานซานไม่กล้าที่จะจินตนาการ หากว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ เธอจะยังมีหน้ามีชีวิตอยู่ต่อไปได้เหรอ?
โชคดีที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่เธอก็ไม่ได้นึกขอบคุณจ้าวเหมย ในทางกลับกันความเกลียดชังที่เธอมีต่อจ้าวเหมยนับวันยิ่งทวีขึ้น!
แทบอยากจะเอาเรื่องที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนั้นเอาคืนเหมยเหมยหมดทุกอย่าง ไม่สิ…จะเอาคืนจ้าวเหมยเป็นพันเท่าหมื่นเท่าต่างหาก
โอหยางซานซานหลบอยู่ในซอกมุม จ้องมองจ้าวเหมยที่คุยเสียงเจื้อยแจ้วขบขันอยู่กับเจียงซินเหมยและอู่เซาด้วยแววตาชั่วร้าย แสงอาทิตย์ที่ปล่อยแสงทะลุผ่านใบไม้สาดส่องลงมา ปรากฏท่าทีดีใจพาดผ่านออกมาเล็กน้อยบนใบหน้าของเธอไม่เด่นชัดนัก
คุณแม่บอกว่าเวลาของเหมยเหมยใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว!
เธอรอให้วันนั้นมาถึงอยู่!
เมื่อถึงเวลานั้นเธอจะให้เหมยเหมยคุกเข่าอ้อนวอนต่อหน้าเธอ ทำให้เธออับอายอย่างที่สุด ทำให้เธอกลายเป็นตัวตลกในสายตาของทุกคน เงยหน้าขึ้นมาไม่ได้ไปชั่วชีวิต!
เหมยเหมยรับรู้ถึงสายตาเร่าร้อนจากด้านหลัง เมื่อหันหน้ากลับไป โอหยางซานซานก็มุดตัวหลบ แต่ก็ยังทำให้เหมยเหมยเห็นเข้าอยู่ดี เธอจึงกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเยาะเย้ย
เกรงว่าโอหยางซานซานกำลังคิดว่ารอหลังจากที่เธอโชคร้ายคงจะมาเหยียดหยามเธอสินะ!
แต่น่าเสียดาย ที่โอหยางซานซานถูกลิขิตไว้ให้ต้องผิดหวัง!
เธอนั้นรับรู้แผนการชั่วร้ายของจ้าวอิงสยงและหานซู่ฉินมาก่อนแล้ว จะยอมติดกับดักได้ยังไงเล่า?
วางแผนมาแล้วก็ต้องเล่นตามแผนไป จะทำให้คุณปู่จ้าวเห็นว่าลูกชายคนดีและลูกสะใภ้คนเก่งของเขานั้นเป็นคนอย่างไร?
และยังมีคุณย่าจอมเลอะเลือนที่เขาคอยปกป้องมาตลอดชีวิต!
เมื่อคืนวานเหยียนหมิงซุ่นได้โทรมาหาเธอ เล่าท่าทีของเฮ่อเหลียนชิง ซึ่งเหยียนหมิงซุ่นไม่มีทางปล่อยให้เธอเป็นอันตรายแน่ แต่เหมยเหมยกลับต้องการจะพิสูจน์เพื่อให้ชายแก่วิปริตนั่นได้เห็น
คนอย่างจ้าวเหมยไม่มีทางเป็นดั่งนกขมิ้นที่เอาแต่หลบอยู่หลังผู้ชายหรอก!
ครั้งนี้เธอจะต้องทำให้ชายแก่จอมวิปริตนั่นได้เห็นในสิ่งที่แตกต่าง โดยยอมรับจากปากของตนขึ้นมาว่าตัวเธอนั้นเป็นคู่หมั้นของเหยียนหมิงซุ่น
อู่เยวี่ยไม่มาโรงเรียนเลย ส่วนลูกพี่ลูกน้องของเจียซินเหมยอย่างหลิวฟาง ไม่กี่วันก็มาเรียนตามปกติ ทั้งยังเข้ามาคุยกับเจียงซินเหมยก่อน แต่เจียงซินเหมยกลับไม่สนใจแต่อย่างใด
“พ่อแม่ของฉันบอกว่า ต่อไปต้องตัดขาดกับครอบครัวป้าใหญ่” เจียงซินเหมยถอดถอนหายใจ
“ควรจะตัดตั้งนานแล้ว ญาติพี่น้องแบบนั้นไม่มียังดีกว่าอีก!” เหมยเหมยเอ่ยอย่างหัวเสีย
พ่อแม่ของเจียงซินเหมยเป็นแบบอย่างของคนอ่อนโยนจิตใจดี ออกทั้งเงินออกทั้งแรง แต่กลับไม่ได้คำขอบคุณจากครอบครัวนั้นแม้แต่น้อย กลับกันเกือบจะทำร้ายลูกสาวเพียงหนึ่งเดียวของเขาอีก
เจียงซินเหมยยิ้มแหย พลางเอาอกเอาใจโดยการเอาหมูสามชั้นน้ำแดงในจานคีบไปวางในชามของเหมยเหมย
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น เธอขบคิดอยู่เสมอว่าที่จริงเธอและพ่อแม่ยอมครอบครัวของพี่มากเกินไป การที่เธอถูกหลิวฟางทำร้ายมันก็สมควรแล้ว!
เหมยเหมยมองเธออย่างระอา พลันคีบเนื้อหมูไปวางในชามของอู่เซา พร้อมเอ่ยปากสั่งสอน “ต่อไปนี้ก็รู้จักใจแคบหน่อย อย่าทำตัวเป็นคุณชายตงกัว[1]!”
“เข้าใจแล้ว ต่อไปนี้ฉันจะต้องโหดเหี้ยมอำมหิตและตัดญาติขาดมิตร นอกจากพ่อแม่และพวกเธอทั้งสอง ใครหน้าไหนฉันก็ไม่สนทั้งนั้น!”
เจียงซินเหมยแสดงสีหน้าจริงจังพร้อมรับปาก เหมยเหมยจึงหลุดขำอย่างอดไม่ได้ พลันมองเธออย่างระอาอีกครั้ง
“เหมยเหมยฉันมีอะไรจะบอก ผู้หญิงอย่างอู่เยวี่ยนิสัยไม่ดีเลย คืนวันนั้นเป็นหล่อนนั่นแหะที่ใส่ร้ายป้ายสี” เจียงซินเหมยพูดอย่างเกลียดชัง
เหมยเหมยพยักหน้าพร้อมเอ่ย “ฉันรู้ ไม่ปล่อยไว้แน่!”
อู่เชาที่ฟังอย่างประหลาดใจ จึงเอ่ยถามอย่างฉงนว่าเกิดอะไรขึ้น เหมยเหมยและเจียงซินเหมยเอื้อมปรบมือประสานกัน “กินเนื้อของนายไป อย่ายุ่งเรื่องชาวบ้านนักเลย!”
……………………………………………………….
ตอนที่ 1103 ทรมานอย่างช้าๆ
เหมยเหมยเตรียมจะไปที่บ้านของอู่เยวี่ยเพื่อเจอเธอ ตั้งแต่คืนวันนั้นที่อู่เยวี่ยถูกจับไปที่สถานีตำรวจก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย
แต่สถานการณ์ของอู่เยวี่ยคงไม่ดีเท่าไรนัก!
คืนวันนั้นเธอให้คนของพี่เสือถ่ายภาพเก็บไว้ไม่น้อย เมื่อมองถึงระดับความคึกคะนองจากภาพถ่าย อู่เยวี่ยคงต้องนอนอยู่บนเตียงอย่างน้อยครึ่งเดือน!
ช่างอยากเห็นสภาพน่าสงสารของอู่เยวี่ยในตอนนี้จัง!
แต่ต่อให้ตอนนี้อู่เยวี่ยจะน่าสงสารถึงเพียงไหน ก็ไม่อาจลบล้างความแค้นในใจของเธอได้!
เมื่อชาติก่อนเธอได้รับความทุกข์ทนทรมานมามาก เจ็บปวดมามาก ในชาตินี้อู่เยวี่ยค่อย ๆ ชดใช้คืนแล้วกัน!
อย่าคิดปีนหนีจากเรื่องโสมมไปชั่วชีวิต!
เหมยเหมยสอบถามถึงห้องพักผู้ป่วยของอู่เยวี่ย พร้อมกับซื้อช่อดอกเบญจมาศสีขาวหนึ่งช่อ ถือโอกาสช่วงพักเที่ยง ออกไปที่โรงพยาบาลเพียงลำพัง
อู่เยวี่ยตัวคนเดียวนอนพิงอยู่บนเตียงคนไข้ ประตูถูกผลักออก เธอนึกว่าร้านอาหารเอาอาหารมาส่ง แต่พอเหลือบไปเห็นว่าเป็นใครก็ทำเอาเธอกัดฟันแน่น!
“จ้าวเหมยแกยังกล้ามาอีก?” อู่เยวี่ยขยำผ้าปูที่นอนแน่น บนหลังมือเผยให้เห็นเส้นเอ็นปูดออกมา ความเคียดแค้นถาโถมเข้าใส่
เหมยเหมยปิดประตูลง ค่อยๆ เดินเข้าไปยืนอยู่หน้าเตียงคนไข้ จ้องอู่เยวี่ยที่บ้าคลั่งอย่างผู้มีอำนาจเหนือกว่า พร้อมส่งยิ้มอ่อนๆ ให้
“ใช่ไง ฉันมาเพื่อเยาะเย้ยเธอ เธอไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ฉันอารมณ์ดีแค่ไหน”
เหมยเหมยนำดอกเบญจมาศสีขาวที่มีหยดน้ำเกาะวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง และหันมาส่งยิ้มให้เธออีกครั้ง
“ดอกไม้นี่สวยดีใช่มั้ยล่ะ ฉันตั้งใจเลือกมาให้เองกับมือเลยนะ!”
อู่เยวี่ยกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นจนเลือดไหลซึมออกมา หากว่าสายตาสามารถฆ่าคนได้ล่ะก็ เกรงว่าเหมยเหมยคงเละไม่เป็นชิ้นดีแล้ว
“จ้าวเหมย แกต้องไม่ตายดีแน่ แกต้องตกนรกขุมอเวจี!” น้ำเสียงแหบแห้งของอู่เยวี่ยแลดูน่าเกรงกลัว แววตากลับยิ่งสาดความอำมหิตยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
เหมยเหมยหัวเราะเยาะใส่ไปที พลันก้มตัวลงสบตากับอู่เยวี่ย เอ่ยพูดทีละคำทีละประโยค “นรกอเวจีฉันเคยตกไปตั้งนานแล้ว อู่เยวี่ย ตอนนี้ถึงตาเธอแล้ว!”
อู่เยวี่ยตกใจไม่น้อยต่อความเยือกเย็นในแววตาของเธอ ร่างกายพลันสั่นเทิ้ม
ที่จ้าวเหมยพูดหมายความว่าไง?
“จ้าวเหมย เธออาฆาตแค้นอะไรฉัน? การที่พ่อแม่ลำเอียงก็ไม่ใช่ความผิดฉัน ทำไมเธอจะต้องตามจองล้างจองผลาญฉันด้วย?” อู่เยวี่ยเอ่ยถามอย่างขุ่นเคือง
เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมจ้าวเหมยแค้นเธอฝังหุ่นขนาดนั้น?
จู่ ๆ เหมยเหมยก็หัวเราะขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด เสียงหัวเราะทำให้อู่เยวี่ยรู้สึกเหน็บหนาวไปทั้งหัวใจ พลางลอบมองเหมยเหมยที่หัวเราะเสียงดัง
เหมยเหมยในตอนนี้ทำให้เธอรู้สึกแปลกหน้าอย่างมาก ทั้งยังรู้สึหวาดกลัวเป็นพิเศษ
“อู่เยวี่ย ประโยคนี้ควรเป็นฉันที่ถามเธอ เธออาฆาตแค้นอะไรฉันกันแน่? ทำไมเธอต้องตามจ้องล้างจองผลาญกับฉันตั้งแต่เด็กด้วย?”
คำพูดเหมยเหมยชะงักไป ก่อนจะเอ่ยถามต่อ “แค่เป็นเพราะว่าฉันหน้าตาดีกว่าเธอ?”
“ไม่ใช่นะ ฉันไม่เคยเจาะจงทำอะไรเธอเลย มีแต่เธอที่เจาะจงมาทำร้ายฉัน!” อู่เยวี่ยถูกพูดจี้ใจดำ จึงนึกละอายพลันตวาดเสียงดังด้วยความโกรธ
เหมยเหมยพูดกล่าวอย่างเย็นชา “อู่เยวี่ยต่อให้เธอจะไม่ยอมรับ แต่ก็ไม่มีทางปกปิดความใจดำอำมหิตของเธอได้ ฉันไม่เคยทำร้ายเธอก่อนเลย ทุกๆ ครั้งเป็นเธอที่คิดจะทำร้ายฉันก่อน”
เธอมองอู่เยวี่ยที่หน้าตาซีดเซียวขึ้นเรื่อยๆ อย่างเยาะเย้ย และเอ่ยเสริม “อู่เยวี่ย สภาพของเธอในตอนนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะตัวเธอนั้นรนหาที่เอง!”
“ไม่ใช่นะ เป็นเธอที่ทำร้ายฉัน เป็นคนชั่วช้าอย่างเธอต่างหากที่ทำร้ายฉัน…”
อู่เยวี่ยคว้าข้าวของบนเตียงขว้างใส่เหมยเหมยอย่างบ้าคลั่ง เหมยเหมย…เบี่ยงตัวหลบ พร้อมทั้งชูนิ้วใส่เธออย่างดูถูก ก่อนจะมุ่งเดินออกไปทางประตู
ภาพถ่ายพวกนั้นอย่าให้อู่เยวี่ยเห็นจะดีที่สุด ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เธอจะต้องทรมานยัยผู้หญิงชั่วนี่ไปอย่างช้าๆ
ทำให้เธอได้สัมผัสถึงความเจ็บปวดจากหัวใจลามไปถึงกระดูก!
เป้าหมายในวันนี้ได้ลุล่วงแล้ว ผลลัพธ์ถือว่าไม่เลวเลย เห็นอู่เยวี่ยในตอนนี้เจ็บปวดถึงเพียงนี้ เหมยเหมยรู้สึกพึงพอใจมาก ในจังหวะที่เอื้อมมือเตรียมจะเปิด ประตูด้านนอกกลับถูกผลักเปิดเสียก่อน เหมยซูหานโผล่มากะทันหัน ทั้งคู่ต่างประจันหน้ากันอย่างจัง
…………………………………………………………….
[1] คุณชายตงกัว เป็นหนึ่งในนิทานปรัมปราของจีน ซึ่งเนื้อเรื่องมีลักษณะคล้ายคลึงกับเรื่องราวของชาวนากับงูเห่า
เพราะคุณชายตงกัวได้ช่วยเหลือหมาป่าเอา แต่สุดท้ายกลับถูกหมาป่าจับกินเสียได้
ตอนที่ 1104 ความฉงนใจของเหมยซูหาน
เหมยซูหานรู้เรื่องของอู่เยวี่ยจากเฮ่อเหลียนเช่อ เกิดรู้สึกไม่วางใจนัก แม้สามปีให้หลังเขาติดต่อกับอู่เยวี่ยน้อยมาก แต่ยังเป็นห่วงเป็นใยอยู่
สามปีมานี้เฮ่อเหลียนเช่อถูกเขาดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ต่างไปจากเมื่อก่อนที่เอาแต่หึงหวงไม่วาง เพราะงั้นเหมยซูหานบอกกับเขาว่าจะกลับมาเยี่ยมแม่ เฮ่อเหลียนเช่อจึงยอม
แม้ว่าเขารู้ดีว่าเหมยซูหานกลับมาก็เพราะอู่เยวี่ย แต่เขาเองก็ยังมีความเชื่อใจอย่างเหลือล้น รู้ดีว่านางแพศยาอย่างอู่เยวี่ยไม่มีทางหลอกล่อเหมยซูหานได้หรอก
ซึ่งแน่นอน เฮ่อเหลียนเช่อเองก็อยากลองใจเหมยซูหาน เขาอยากรู้ว่าแท้จริงแล้วเหมยซูหานรู้สึกกับเขาลึกซึ้งเพียงใด!
ตลอดช่วงเวลาสามปี บนตัวเหมยซูหานไม่มีร่องรอยอะไรมาก นอกเสียจากดูอบอุ่นอ่อนโยน แลดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นก็เท่านั้น เหมยซูหานก็ไม่ต่างไปจากเมื่อสามปีก่อนนัก
เขาเจอเหมยเหมยที่หน้าประตู เขาชะงักไปครู่หนึ่ง พลันเปลี่ยนเป็นความดีใจ แต่ไม่นานรอยยิ้มก็แปรเปลี่ยนเป็นความขมขื่น ขมเสียยิ่งกว่ายาจีนหวงเหลียนเสียอีก
สามปีมานี้ถือว่าเขาเต็มใจที่จะติดตามเฮ่อเหลียนเช่อ นอกเหนือจากความผูกพันในช่วงเวลาอันยาวนาน เหตุผลที่สำคัญก็คือความฝันของเขา
หลายปีมานี้มีภาพแห่งความทรงจำผุดขึ้นมามากมาย ส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับเฮ่อเหลียนเช่อ
ช่วงเวลาแห่งความสุขที่เขาได้ใช้ชีวิตร่วมกับเฮ่อเหลียนเช่อ ควบม้าโลดแล่นไปบนพื้นหญ้าอย่างอิสระ ก้าวเหยียบบนพื้นหิมะเพื่อเสาะหาต้นเหมย ตกปลาตามแม่น้ำลำธาร…
มีภาพเช่นนี้ปรากฏขึ้นมากมาย เขารับรู้ได้ว่าในความฝันเขามีความสุขมากเพียงใด และเฮ่อเหลียนเช่อเองก็มีความสุขไปด้วยเช่นกัน รอยยิ้มบนใบหน้าดูเบิกบานสดใส แตกต่างไปจากความเศร้าหมองในตอนนี้โดยสิ้นเชิง
อีกอย่างหนึ่งที่เขารับรู้ได้ว่าในความฝัน เขาและเฮ่อเหลียนเช่อนั้นรักกันจริง เป็นเพราะไม่อยากถูกคนทั่วโลกให้ความสนใจ ดังนั้นพวกเขาจึงได้เลือกที่จะร่อนเร่ไปทั่วทุกสารทิศ ถอยห่างจากโลกมนุษย์ มีเพียงเขาสองคนดูแลซึ่งกันและกัน
เขาไม่ได้รู้สึกเดียวดายแม้แต่น้อย แต่กลับรับรู้ถึงความสุขที่ไม่เคยมีมาก่อน สองภพชาติรวมกันเขายังดูจะไม่มีความเท่ากับในฝันเลย!
ไม่เพียงแค่ฝันเห็นเฮ่อเหลียนเช่อ เหมยซูหานยังฝันเห็นเหมยเหมยด้วย
แต่เหมยเหมยในฝันกลับเสียใจและเจ็บปวด
ตลอดสามปีมานี้เขาฝันเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเหมยเหมยเพียงอย่างเดียว หนำซ้ำยังไม่ประติดประต่ออีกด้วย ขาดๆ หายๆ มีเพียงแค่ภาพเหตุการณ์หนึ่งที่ไม่อาจทำให้เขาลบล้างออกไปจากใจได้
เพราะเขาฝันเห็นเหมยเหมยกระโดดลงมาจากตึกสูงร่วงลงพื้น เลือดใต้ร่างเสมือนผ้าแพรต่วนสีแดงผืนหนึ่งก็มิปาน ค่อยๆ ไหลเป็นทางยาว แต่ใบหน้าของเหมยเหมยซีดเซียวขึ้นเรื่อยๆ มีเพียงหนึ่งเดียวคือไฝเม็ดแดงตรงหว่างคิ้วที่ยังแดงชาดดังเดิม
แต่ที่เขาต้องแปลกใจนั่นคือ เหตุใดเหมยเหมยต้องกระโดดตึกฆ่าตัวตาย?
เหตุใดช่วงที่เหมยเหมยฆ่าตัวตาย เขาและอู่เยวี่ยถึงไม่รั้งไว้?
ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเขาและอู่เยวี่ยต่างก็อยู่ในเหตุการณ์
เป็นเพราะความฝันที่ไม่สมบูรณ์ เหมยซูหานคิดมาตลอดสามปีก็ยังไม่เข้าใจ เขาคิดว่าการตายของเหมยเหมยต้องเกี่ยวข้องกับตัวเขาและตัวอู่เยวี่ยด้วย
ดังนั้นเขาจึงต้องการสืบหาสาเหตุให้กระจ่าง หากไม่ชัดเจน เขาคงไม่อาจลบลืมมันออกจากใจไปได้
และแน่นอนว่าตอนนี้ตัวเขาไม่ได้เหมือนกับเมื่อก่อน ที่เอาแต่คิดว่าเหมยเหมยเป็นคนรักเก่าของตนเมื่อชาติก่อน หากว่าเหมยเหมยคือคนรักของเขา แล้วเฮ่อเหลียนเช่อเป็นอะไรได้เล่า?
เขาไม่อาจรักคนสองคนได้หรอก?
แต่เหมยซูหานก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าเหตุใดเขาถึงได้มีความรู้สึกแปลกประหลาดกับเหมยเหมยเป็นพิเศษ?
อยากจะทำดีต่อเธอด้วยหัวใจ ไม่อยากให้เธอโดนทำร้าย อยากจะปกป้องเธอไปตลอดชีวิต…
ดังนั้น มีอยู่สองเรื่องที่เหมยซูหานต้องการจะสืบหาให้แน่ชัด หนึ่งคือสาเหตุการตายของเหมยเหมย สองคือความรู้สึกที่เขามีต่อเหมยเหมยแท้จริงแล้วมันคืออะไร?
เหมยเหมยที่เห็นเหมยซูก็พลันตกใจเล็กน้อย แต่เธอก็สามารถคืนสู่สภาพปกติได้อย่างรวดเร็ว จึงผงกหัวให้เหมยซูหานเล็กน้อย พร้อมกับแทรกตัวหลบและเดินออกจากประตูไป
………………………………………..
ตอนที่ 1105 แผนการของอู่เยวี่ย
เหมยซูหานอ้าปากค้างอยู่ อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่พักใหญ่ สุดท้ายจึงได้แค่ถอนหายใจกับตัวเองอย่างแผ่วเบา
ไว้รอให้เขาสืบหาให้แน่ชัดก่อนแล้วค่อยว่ากัน!
“พี่ซูหาน พี่ตั้งใจกลับมาเยี่ยมฉันเลยเหรอ?” อู่เยวี่ยดีอกดีใจมาก ความเหี้ยมโหดที่ใช้ต่อกรกับเหมยเหมยเมื่อครู่ ได้มลายหายไปในชั่วพริบตา เหลือเพียงความอ่อนหวานและดีใจ
เหมยซูหานส่งยิ้มให้อ่อนๆ “กลับมาเยี่ยมแม่ ได้ยินว่าเธอป่วย ก็เลยแวะมาเยี่ยม ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
รอยยิ้มของอู่เยวี่ยจางลงเล็กน้อย ความทุกข์ระทมแผ่ซ่านออกมาจากใจ แม้แต่ปลายลิ้นยังขมตามเลย
“ดีขึ้นมากแล้วล่ะ หมอบอกว่าอีกสองวันก็ออกโรงพยาบาลได้แล้ว ป้าเป็นอย่างไรบ้างคะ? ฉันไม่ได้เข้าไปหาท่านนานมากแล้ว” อู่เยวี่ยเอ่ยขึ้นด้วยเสียงออดอ้อน
เหมยซูหานมองหญิงสาวที่โตมาด้วยกันอย่างเห็นใจ ความข่มขื่นที่อู่เยวี่ยได้รับในค่ำคืนนั้น เขารับรู้ได้อย่างชัดเจน เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้ปิดบังเขาแต่อย่างใด
แต่เขากลับไม่ได้รับรู้ถึงเรื่องราวภายใน รับรู้เพียงแค่ว่าอู่เยวี่ยถูกชายฉกรรจ์จำนวนสิบกว่าคนรุมโทรม แต่สาเหตุหลักเกิดจากอะไรเขาเองก็ไม่รู้แน่ชัด และยิ่งไม่รู้เลยว่าเหมยเหมยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้
สำหรับหญิงสาวที่เข้าสู่ช่วงวัยแรกแย้ม ไม่มีเรื่องไหนน่าสลดใจไปยิ่งกว่านี้แล้ว
เหมยซูหานรู้สึกสงสารเห็นใจอู่เยวี่ยจริงๆ เพราะงั้นเขาจึงอยากมาหา ว่ามีอะไรที่เขาพอจะช่วยเหลือได้ไหม
ในเมื่ออู่เยวี่ยไม่อยากพูดถึง เขาเองก็จะทำเป็นไม่รู้ หลีกเลี่ยงไม่ให้อู่เยวี่ยต้องได้รับสิ่งกระทบกระเทือนใจ
อู่เยวี่ยเข้าใจว่าเหมยซูหานไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเธอเอง พลางถอนหายใจอย่างโล่งใจ
“แม่ของฉันสบายดี เมื่อไม่กี่วันมานี้ท่านโทรมาหาและยังถามถึงเธออยู่เลย บอกว่าเธอมักจะเข้าไปเยี่ยมเยือนอยู่บ่อยๆ ขอบใจเยวี่ยเยวี่ยมากนะ” เหมยเหมยซูหานฉีกยิ้มพร้อมเอ่ยขึ้นมา ในคำพูดมีความซาบซึ้งแฝงไว้อยู่
ปกติแล้วเขาจะยุ่งมาก อีกอย่างเฮ่อเหลียนเช่อตัวติดขนาดนั้น น้อยมากที่จะมีเวลากลับเมืองจิน อู่เยวี่ยสามารถเข้าไปเยี่ยมแม่เขาได้ เขาเองก็รู้สึกขอบคุณจากใจจริง ๆ
อู่เยวี่ยแอบนึกได้ใจ ที่แท้เดินหมากเข้าหาคุณแม่เหมยนับว่าเดินได้ถูกทาง
“พี่ซูหานก็เกรงอกเกรงใจไปได้ แม่ของพี่ก็เหมือนกับแม่ของฉันนั่นแหละ ฉันดูแลท่านก็ถือเป็นสิ่งสมควรแล้ว อีกอย่างฉันชอบคุณป้ามาก ๆ เลย” อู่เยวี่ยเผยรอยยิ้มอันอ่อนโยน ซึ่งราวกับภรรยาที่แสนดีที่คอยเอาอกเอาใจสามีเสียอย่างนั้น
เหมยซูหานส่งยิ้มให้ แต่ไม่ได้พูดเสริมอะไร จงใจเปลี่ยนคุยหัวข้ออื่น คุยกับอู่เยวี่ยไปไม่กี่คำก็ได้ขอตัวกลับ
เขาเพิ่งลงเครื่องก็มุ่งหน้ามาโรงพยาบาล ยังไม่ได้กลับบ้านไม่เยี่ยมแม่เลย ในเมื่ออู่เยวี่ยดูไม่ได้แย่มากจนถึงขนาดเดี้ยงจนลุกไม่ขึ้นอย่างที่เขาคิดไว้ก่อนหน้านั้น งั้นเขาวางใจแล้ว
อู่เยวี่ยใจจริงอยากจะคุยกับเหมยซูหานอีกสักหน่อย แต่เธอคืออู่เยวี่ยผู้ว่านอนสอนง่าย ซึ่งแน่นอนว่าไม่อาจโหวกเหวกโวยวาย เพราะงั้น…
เธอจึงทำตาปริบๆ มองเหมยซูหานจากไป
เหมยซูหานออกไปได้ไม่นาน เธอจึงลุกออกจากเตียง ร่างกายของอู่เยวี่ยฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิมอย่างสมบูรณ์ เหตุที่ยังคงอยู่ในโรงพยาบาล เป็นเพราะไม่อยากกลับไปหาเหอปี้อวิ๋น เธอยอมที่จะอยู่โรงพยาบาลต่อไป
อู่เยวี่ยเปลี่ยนมาสวมใส่ชุดลำลอง ซื้อผลไม้จำนวนหนึ่งก่อนจะมุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลเหมย
แม้ว่าจะการคบหากับเหมยซูหานจะเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่เธอก็ไม่อยากละทิ้งภูเขาทองคำลูกนี้อย่างเหมยซูหานไป เธอต้องการให้เหมยซูหานเป็นดั่งกำลังหนุนที่แข็งแกร่งของเธอ
แบบนี้ชัยชนะที่จะทำให้เธอได้แต่งงานกับหานป๋อหย่วนก็มากขึ้นบ้าง
หานป๋อหย่วนขาดแคลนเงินทอง เธอดูออกมาตั้งแต่แรก เพราะงั้นเธอถึงได้แนะนำอู่เจิ้งซือ ทั้งยังจงใจเอ่ยถึงสถานะของอู่เจิ้งซือ และก็เป็นไปตามที่เธอคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด หานป๋อหย่วนก็ใจหวั่นไหวขึ้นมา
เพราะฉะนั้นเธอจะต้องเพิ่มแต้มตัวเองมากขึ้น เหมยซูหานนั้นดูมีอิทธิพลกว่าอู่เจิ้งซืออยู่มาก เธอจะต้องกลายเป็นคุณผู้หญิงแห่งตระกูลหานให้ได้
ต้องได้!
เหมยซูหานซื้อบ้านให้กับแม่เหมยซึ่งไม่ได้หรูหรานัก เป็นเพียงเกสต์เฮ้าท์ทั่วไปที่อยู่ในตรอกซอยที่ดูครึกครื้นมีชีวิตชีวา
แม่บ้านของแม่เหมยกำลังซักผ้าอยู่ในสวนหลังบ้าน เธอรู้จักอู่เยวี่ย ซึ่งอู่เยวี่ยห้ามไม่ให้เธอส่งเสียง แอบเดินย่องๆ เข้าไปด้านใน เธออยากจะเซอร์ไพรส์เหมยซูหาน
“ซูหาน อายุแกก็ไม่ใช่น้อยๆ ในมหา’ลัยได้คบกับใครบ้างไหม?” น้ำเสียงโอบอ้อมอารีถูกเปล่งออกมาจากปากของแม่เหมย
ตอนที่ 1106 ให้อู่เยวี่ยเป็นสะใภ้ดีหรือไม่
เดิมทีอู่เยวี่ยตั้งใจจะส่งเสียงทักทาย เมื่อได้ยินเสียงของแม่เหมย จึงชะงักฝีก้าวในทันที เบี่ยงตัวหลบในมุมลับตาคน อยากได้ยินว่าเหมยซูหานจะตอบยังไง
“…ยังไม่มี…ตอนนี้ผมยังเรียนอยู่เลย จะเอาเวลาที่ไหนมาคิดถึงเรื่องพวกนี้เล่า” เหมยซูหานยิ้มเจื่อน เอ่ยพูดด้วยความอ่อนโยน
แม่เหมยดูสดใสไม่น้อยเลย ใบหน้ามีเลือดฝาด มีเพียงไม่กี่ครั้งที่จะได้ยินเสียงกระแอมไอ ดูแข็งแรงกว่าเมื่อห้าปีก่อนมาก เธอจ้องมองลูกชายด้วยแววตารักใคร่ สีหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
ลูกชายของเธอเป็นคนเก่งที่สุดในโลก และยังกตัญญูที่สุดอีกด้วย
แต่ก่อนร่างกายไม่แข็งแรง ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่วัน เพราะงั้นถึงไม่มีกระจิตกระใจมานึกถึงเรื่องราวใหญ่โตในชีวิตของลูกชายได้ ตอนนี้เธอร่างกายแข็งแรง ลูกชายก็มีอนาคตขึ้นมาแล้ว ว่างจนรู้สึกเบื่อหน่าย จึงทำให้แม่เหมยอยากจะอุ้มหลาน
ลูกชายยุ่งจนตัวเป็นเกลียว ทั้งยังไม่มีเวลามาอยู่เป็นเพื่อนเธอ หากว่าหาเมียสักคน แล้วก็มีหลานตัวเล็กๆ ให้เธอได้เลี้ยง แบบนั้นเธอก็จะไม่ได้เบื่อหน่ายถึงเพียงนี้ แค่ได้นึกถึงหลานตัวอ้วนๆ ขาวๆ ดวงตาของแม่เหมยก็เป็นประกายขึ้นมา
“ไม่ใช่ว่าเรียนจบปีหน้าเหรอ? อีกอย่างลูกเองก็อายุยี่สิบสองแล้วด้วย ถึงเวลาที่ต้องคิดเรื่องนี้แล้ว เดี๋ยวแม่จะให้ป้าสวีของลูกหาผู้หญิงดี ๆ ไว้หน่อย เราลองไปเจอกันก่อน หากว่าเข้าตาก็ลองศึกษาดูใจกัน รอเรียนจบก็แต่งเลย แล้วก็มีหลานให้แม่สักคน ตอนนี้แม่ร่างกายแข็งแรงมาก ยังเลี้ยงไหว เพราะไม่งั้นถ้าผ่านไปอีกไม่กี่ปีแม่ก็เลี้ยงไม่ไหวแล้ว” แม่เหมยเอ่ยขึ้นด้วยเสียงพึมพำ
เหมยซูหานพลันเกิดอาการใจสั่น ความเจ็บปวดค่อยๆ ทะลักขึ้นมา
เกรงว่าทั้งชีวิตของเขา จะไม่อาจทำให้ความปรารถนานี้ของมารดาเป็นจริงได้
ทั้งภพทั้งชาตินี้เขาและเฮ่อเหลียนเช่อได้ผูกติดกันไปแล้ว ไม่มีทางแยกจากกันได้ แล้วหลานมาจากไหน?
“แม่ก็พูดไร้สาระอะไรเล่า? แม่ต้องอายุยืนสิ ต่อให้ผ่านไปอีกสักยี่สิบปีก็ไม่มีปัญหา เรื่องนี้อย่ารีบร้อนไปเลย อีกหน่อยค่อยว่ากัน”
เหมยซูหานจับจ้องไปที่แม่เหมยอย่างตำหนิ เกลียดที่สุดคือการที่แม่พูดจาบั่นทอนจิตใจ
ไม่มีใครเข้าใจลูกชายได้เท่าคนเป็นแม่แล้ว แม่เหมยเพียงได้เห็นแววตาของเหมยซูหาน ก็รับรู้ได้ทันทีว่าลูกชายมีเรื่องในใจอยู่
ลูกชายเขาโตแล้ว มีเรื่องอะไรก็จะไม่ยอมพูดกับเธอ แม่เหมยจึงลอบถอนหายใจ ยกยิ้มระคนเอ่ย “ซูหาน แม่สาวน้อยที่ชื่อเหมยเหมยล่ะ? ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?”
เหมยซูหานตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบเอ่ย “เหมยเหมยสบายดี ทำไมจู่ ๆ แม่ถึงได้ถามถึงเธอล่ะ?”
“แม่ก็แค่นึกขึ้นมาได้ เมื่อก่อนลูกพูดว่าจะขอแม่สาวน้อยนั่นแต่งงานไม่ใช่เหรอ? ตอนนั้นลูกยังเรียนมัธยมปลายอยู่เลย!” แม่เหมยเอ่ยขึ้นพลางลอบสังเกตสีหน้าท่าทางของลูกชายที่เปลี่ยนไป
แต่กลับเห็นความเจ็บปวดและเศร้าเสียใจแล่นผ่านขึ้นมา แม่เหมยจึงนึกว่ารู้ความจริงเข้าแล้ว
ลูกชายของเธอจะต้องอกหักมาแน่!
แม่สาวน้อยที่ชื่อเหมยเหมยนั่นจะว่าดีก็ดีอยู่ แต่ฐานะทางบ้านดูสูงเกินไป สามัญชนอย่างพวกเธอจะปีนป่ายได้สูงถึงเพียงนั้นเลยเหรอ?
ลูกชายตนยอมปล่อยมือก่อนถูกแล้ว แต่พอเห็นเหมยซูหานเจ็บปวด แม่เหมยเองก็เสียใจ เธอถอนหายใจออกมา ก่อนจะเอ่ยปลอบโยน “ลูกจ๋า เราก็หาแค่ผู้หญิงธรรมดาที่เหมาะสมกันก็พอแล้ว ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายสบายใจ ดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าอะไร อย่าไปคิดถึงเรื่องที่ไกลเกินตัวเราเลย”
เหมยเหมยนิ่งงันไปชั่วครู่ ก่อนที่จะคิดได้และเข้าใจว่าแม่ของตนเข้าใจผิดเรื่องอะไร จึงรีบอธิบาย “แม่พูดอะไรกันครับ นั่นเป็นเพราะผมยังเด็กเลยแค่พูดเล่นๆ ไปแบบนั้น ทำไมแม่คิดเป็นจริงเป็นจังได้ล่ะ?”
อู่เยวี่ยที่ยืนอยู่หน้าประตูเปลี่ยนท่าทีดูเย็นชา กัดฟันแน่นอย่างเคียดแค้น จ้าวเหมยนางชั่วช้านั่น เท้านี่เหยียบเรือหลายแคมเสียจริง แม่แต่พี่ซูหานเองก็มองมันเป็นดั่งของรัก
เหมยซูหานที่เห็นแววตาเศร้าสลดของแม่จึงรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
หากว่ามารดารู้ว่าเขาคบหาอยู่กับเฮ่อเหลียนเช่อ เกรงว่าจะโมโหเอาการอยู่!
ไม่ได้ เรื่องนี้จะให้แม่รู้ไม่ได้เด็ดขาด เขาจะต้องคิดหาวิธีเพื่อปกปิดเรื่องนี้ต่อไปให้นาน
เหมยซูหานพลางขบคิดขึ้นมาได้ จึงรีบเอ่ยว่า “แม่ครับ แม่คิดว่าเยวี่ยเยวี่ยเป็นยังไง? หากเธอมาเป็นลูกสะใภ้แม่ว่าเป็นไงครับ?”
……………………………………………..
ตอนที่ 1107 ความบกพร่องของเฮ่อเหลียนเช่อ
เหมยซูหานเองก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ ควรจะบอกว่าแม่เหมยต่างหากที่บอกใบ้เขา
สามปีมานี้แม้ว่าเขากับเฮ่อเหลียนเช่อจะมีชีวิตที่ดีมาก แต่ก็ยังคงมีเรื่องน่าเสียดาย
หนิงเฉินเซวียน ลุงของเฮ่อเหลียนเช่อคอยขัดขวางไม่ให้พวกเขาคบกัน กระทั่งส่งคนมาฆ่าเขาอยู่หลายครั้งหลายหน หากไม่เป็นเพราะว่าเฮ่อเหลียนเช่อจัดส่งคนมาคอยปกป้องเขา คาดว่าเขาน่าจะตายไปนานแล้ว
ต่อแต่นั้นมาเป็นเฮ่อเหลียนเช่อเองที่รับปากเขา ว่าจะต้องทำให้ตระกูลหนิงสามารถสืบทอดต่อไปได้ นั่นจึงทำให้หนิงเฉินเซวียนยอมไว้ชีวิตเขา
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า เขาและเฮ่อเหลียนเช่อต่างก็เป็นผู้ชาย จะให้กำเนิดบุตรได้ยังไง?
ซึ่งแน่นอนว่าปัญหานี้จัดการได้ง่าย หาผู้หญิงสักคนมารับอุ้มบุญ ปัญหาเรื่องลูกก็จะหมดไปได้ เพียงแต่…
สเปิร์มของเฮ่อเหลียนเช่อกลับมีปัญหา เขาไม่อาจให้กำเนิดบุตรได้
ความบกพร่องโดยกำเนิดนี้ทางการแพทย์ไม่มีทางรักษาได้ เหมยซูหานคิดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับประวัติชีวิตของเฮ่อเหลียนเช่อ เขาเองก็ได้รับรู้ถึงประวัติอันแปลกประหลาดของเฮ่อเหลียนเช่อ หากพูดไม่น่าฟังนักมันคือการร่วมรักระหว่างสายเลือดพี่น้อง
อีกทั้งยังเป็นการร่วมรักระหว่างพี่น้องแท้ ๆ
บิดาผู้ให้กำเนิดของเฮ่อเหลียนเช่อคือหนิงเฉินเซวียน มารดาคือน้องสาวแท้ๆ ของหนิงเฉินเซวียน ตอนที่เขารับรู้เรื่องนี้ ยังไม่กล้าแม้แต่จะเชื่อ ยิ่งไปกว่านั้นเขายิ่งรู้สึกเห็นใจและสงสารเฮ่อเหลียนเช่อ
และยิ่งเข้าใจว่าเหตุใดเฮ่อเหลียนเช่อถึงได้มีนิสัยใจคอแปลกประหลาด แถมยังเลือดร้อนเจ้าอารมณ์ นั่นเป็นเพราะนิสัยส่วนตัวของเขาที่ไม่สมบูรณ์ สาเหตุโดยกำเนิด และมีสาเหตุจากสภาพแวดล้อมตามมา
แต่ที่เหมยซูหานคาดไม่ถึงคือ ร่างกายของเฮ่อเหลียนเช่อเองก็มีปัญหา
ทั้งชีวิตของเฮ่อเหลียนเช่อนั้นไม่อาจมีลูกได้
ซึ่งแน่นอนเฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้แยแสเรื่องนี้พวกนี้ เขาไม่สนใจเลยสักนิดว่าจะมีหรือไม่มีลูก เพียงแต่เขาไม่อาจจะอธิบายต่อหนิงเฉินเซวียนได้
อีกอย่างคือไม่รู้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อคิดอะไรอยู่ เขาจัดการปิดข่าวเรื่องปัญหาสุขภาพของเขาไว้ไม่ให้ใครรู้ มีเพียงเขาและหมอเจ้าของไข้ของเฮ่อเหลียนเช่อที่รับรู้
แต่หนิงเฉินเซวียนสามวันดีสี่วันไข้เอาแต่เร่งเรื่องนี้ เหมยซูหานกังวลใจมาก เขากังวลว่าความอดทนของหนิงเฉินเซวียนจะหมดลง และทำเรื่องไม่ดีต่อเขาอีก
เหมยซูหานไม่ได้กลัวตาย แต่เขาแค่เป็นกังวล หากว่าเขาตายไปจริงๆ เฮ่อเหลียนเช่อจะยิ่งกลายเป็นคนโหดร้ายยิ่งกว่าเดิม กระทั่งอาจทำลายล้างโลกใบนี้ได้
เป็นเพราะก่อนหน้านั้นเฮ่อเหลียนเช่อเคยพูดเช่นนี้ และเหมยซูหานเองก็เชื่อมั่นว่าเขาจะต้องทำเช่นนั้นแน่
เพราะงั้น เขาจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป!
เพราะงั้น เขาถึงได้คิดถึงวิธีการยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว ซึ่งทำให้หนิงเฉินเซวียนพอใจ และยังทำให้มารดาของตนพึงพอใจไปด้วย
เหมยซูหานจึงนึกถึงอู่เยวี่ยเป็นคนแรก เขาอยากให้เฮ่อเหลียนเช่อแกล้งแต่งงานกับอู่เยวี่ย
และแน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางให้อู่เยวี่ยอุ้มท้องให้ เรื่องลูกเฮ่อเหลียนเช่อมีวิธีจัดการตั้งนานแล้ว ในตอนนี้พวกเขาจึงต้องการเพียงแค่ฉากบังหน้า
อู่เยวี่ยจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
เหมยซูหานเองก็ไม่ได้อยากกักขังอู่เยวี่ยไปตลอดชีวิต เขาอยากให้อู่เยวี่ยแต่งงานปลอมๆ ในระยะเวลาห้าปี ห้าปีหลังจากนั้นเขาจะปล่อยให้อู่เยวี่ยเป็นอิสระ
ในช่วงเวลานั้นอู่เยวี่ยยังอายุน้อย อีกอย่างตัวเขาก็ยังช่วยเหลือให้อู่เยวี่ยไปเรียนเมืองนอกได้ ให้เธอได้เริ่มต้นชีวิตใหม่
แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับอู่เยวี่ย หากว่าสามีในอนาคตของเธอรู้เข้า เกรงว่าจะปฏิบัติต่อเธอได้ไม่ดี สู้แกล้งแต่งงานกับเฮ่อเหลียนเช่อไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ
มีเขาอยู่ เฮ่อเหลียนเช่อไม่มีทางทำร้ายอู่เยวี่ยแน่
อู่เยวี่ยเองพอได้ยินคำพูดของเหมยซูหาน ดวงตาพลันเป็นประกาย พี่ซูหานต้องการจะขอเธอแต่งงานอย่างงั้นหรือ?
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เธอไม่ได้ต้องการจะแต่งงานกับเหมยซูหาน!
แม้ว่าจะไม่ได้อยากแต่งงานด้วย แต่อู่เยวี่ยก็รู้สึกดีใจมาก จึงต้องพยายามกลั้นหายใจต่อไป อยากได้ยินว่าแม่เหมยจะว่าเช่นไร
อู่เยวี่ยคิดว่าแม่เหมยจะต้องพึงพอใจต่อตัวเธอมากแน่ เธอมั่นใจเป็นอย่างมาก เพียงแต่…
แม่เหมยเกิดลังเลอยู่สักพัก กลับจะส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ได้ อู่เยวี่ยไม่ได้ แม่ไม่เห็นด้วย”
ตอนที่ 1108 ถูกรังเกียจ
อู่เยวี่ยและเหมยซูหานต่างนิ่งตะลึงไปพร้อมกัน ต่างคนต่างไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง
“ทำไมล่ะ? เมื่อก่อนแม่มักจะชมอู่เยวี่ยต่อหน้าผม บอกว่าเธอว่านอนสอนง่ายไม่ใช่หรือ?” เหมยซูหานรู้สึกไม่เข้าใจเลยจริง ๆ
อู่เยวี่ยเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน เธอเงียหูฟัง อยากได้ยินคำอธิบายจากแม่เหมย
แม่เหมยลอบถอนหายใจ เมื่อก่อนเธอก็เคยคิดที่จะให้อู่เยวี่ยมาเป็นลูกสะใภ้ เธอมองออกว่าแม่เด็กอู่เยวี่ยนั่นชอบพอลูกชายตน อีกทั้งหน้าตาก็ดี แม้จะดูมีเล่ห์เหลี่ยมไปบ้างแต่ใช้ชีวิตร่วมกันคงไม่เป็นปัญหา
หากว่าครอบครัวของเธอยังคงจนเหมือนแต่ก่อน เธอคงไม่คิดมากถึงเพียงนี้
ขอแค่มีหญิงสาวที่เต็มใจที่จะแต่งงานกับลูกชายตน เธอก็รู้สึกขอบคุณต่อพระเจ้าแล้ว ยิ่งเป็นหญิงสาวที่โดดเด่นแบบอู่เยวี่ยแล้วนั้น เธอไม่มีทางเอ่ยคำว่าไม่แน่นอน
แต่ตอนนี้ลูกชายเป็นคนมีอนาคต มิใช่ตัวเธอเองที่เชยชมจนออกนอกหน้า ซูหานของเธอไม่ว่าจะนิสัยใจคอหรือรูปลักษณ์หน้าตาล้วนไม่มีข้อบกพร่อง เพื่อนบ้านละแวกนี้มีใครบ้างที่ไม่เอ่ยชม?
ดังนั้นมาตรฐานของของลูกสะใภ้จะต้องสูงขึ้นเล็กน้อย คนเป็นแม่มีหรือจะไม่อยากให้ลูกชายได้เมียที่ดี?
“ซูหาน อู่เยวี่ยถือว่าไม่เลว แม่เองก็ชอบเธอมาก แต่ปัญหาคือเธอมีอาการโรคประสาท ทั้งยังถือเป็นกรรมพันธุ์ นั่นไม่ได้เด็ดขาด หากว่าถ่ายทอดมาสู่หลานแม่จะทำยังไง?” แม่เหมยพูดถึงสาเหตุที่เธอคัดค้าน
ความจริงแล้วเธอยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ไม่ได้เอ่ยออกไป เธอคิดว่าอู่เยวี่ยเป็นคนทะเยอทะยานมากเกินไป รอยยิ้มที่แสดงออกก็ดูไม่จริงใจ เธอยังชอบเหมยเหมยเสียมากกว่า ไร้เล่ห์เหลี่ยม ยิ้มออกมาแต่ละทีทำให้รู้สึกสบายใจที่สุด
หากว่าแม่สาวน้อยนั่นยอมแต่งงานกับลูกชายตน เธอรับประกันเลยว่าจะไม่คัดค้าน เธอจะรักใคร่เอ็นดูเธอให้เหมือนเป็นดั่งลูกสาวแท้ๆ
แต่เสียดายที่หญิงสาวดันเป็นถึงหัวแก้วหัวแหวนของตนคระกูลชั้นสูง ตระกูลคนธรรมดาคู่ควรที่ไหนกัน ไม่เหมาะสมกระทั่งฐานะชาติตระกูล
เหมยซูหานนึกไม่ถึงเลยว่าสาเหตุที่แม่คัดค้านจะเป็นเช่นนี้?
อู่เยวี่ยหน้าถอดสี โรคประสาทเป็นสิ่งที่เธอจงใจไม่คิดถึงมัน ช่วงนี้ไม่มีใครจงใจเอ่ยถึงเรื่องพวกนี้ขึ้นมาเลย อู่เยวี่ยเอาแต่หลอกตัวเองและคนอื่นว่าเรื่องที่เหอปี้อวิ๋นเป็นโรคประสาทนั้นไม่มีใครจำได้อีก
แต่ตอนนี้แม่เหมยกลับพูดถึงเรื่องในอดีต
แม้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้ต้องการแต่งงานกับเหมยซูหาน ไม่อยากมันก็ไม่อยากอยู่หรอก แต่ถูกคนรักเกียจนั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
อู่เยวี่ยกัดริมฝีปากแน่น กัดจนปากแตกเธอก็ยังไม่รู้ตัว มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นจนเส้นเอ็นปูดขึ้น
เหมยซูหานเอ่ยปราม “แม่ครับ แม่อย่าไปฟังที่คนอื่นพูด เยวี่ยเยวี่ยเธอจะเป็นโรคประสาทได้อย่างไร? แม่ของเธอแค่นิสัยเสียเท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นโรคประสาท”
แม่เหมยไม่เห็นด้วยพร้อมกับเอ่ย “ยอมเชื่อในสิ่งที่มี ดีกว่าไม่เชื่อในสิ่งที่ไม่มีอยู่ อีกอย่างถ้าไม่มีลมก็ไม่เกิดคลื่น หากไม่มีมูลคนจะเอาไปเล่าลือกันแบบนั้นได้อย่างไร? อย่างไรเสียก็ไม่ควรเอาหลานของแม่ไปเป็นตัวทดลอง ถ้าหากว่าถ่ายทอดทางพันธุกรรมขึ้นมาจริง ๆ ลูกจะมานั่งเสียใจก็จะไม่ทันแล้วนะ ซูหานฟังแม่นะ แม่ค่อยหาผู้หญิงดี ๆ ให้ลูกแล้วกัน”
เหมยซูหานจึงได้แต่เชื่อฟัง ไม่กล้าเอ่ยถึงอู่เยวี่ยอีก เล่าเรื่องใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นภายในเมืองหลวง แล้วเอ่ยเปิดประเด็นถึงเรื่องนี้
แม้ว่าแม่ของเขาจะนิสัยดี แต่ปัญหาของการยึดมั่นในความคิดหนักแน่นมาก ในเมื่อเธอบอกว่าเป็นอู่เยวี่ยไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่มีทางยินยอมแน่นอน
งั้นเขาคงต้องหาคนอื่นแล้วล่ะ นับว่าโชคดีที่ตอนนี้เขายังเรียนไม่จบ ยังคงยืดเวลาไปได้อีกสักปีสองปี ไม่เร่งรีบนัก
ส่วนทางเฮ่อเหลียนเช่อ เขาถามดูก่อนค่อยว่ากัน ตอนนี้เป็นเพียงความคิดของเขาคนเดียว
อู่เยวี่ยสูดหายใจเข้าลึก ๆ อยู่หลายครั้ง พยายามทำใจให้สงบ ฝืนยิ้มออกมา พลันส่งเสียงเอ่ยทักทายเหมยซูหานสองแม่ลูก รอยยิ้มยังคงหวานหยดย้อย เพียงแต่ยังคงกำหมัดไว้แน่น เพื่อเป็นการระบายความอัดอั้นในใจของเธอ
วันนี้แม่เหมยรังเกียจเธอ แม่ของหานป๋อหย่วนจะต้องรังเกียจเธอด้วยสาเหตุเดียวกัน
เหอปี้อวิ๋นเป็นภาระของเธอ ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเธอแม้แต่น้อย เธอจะต้องลงมือให้เร็วขึ้น และหาทางกลับไปหาอู่เจิ้งซือให้เร็วที่สุด แบบนี้ก็จะไม่มีใครกล้าพูดว่าเธอเป็นลูกสาวของเหอปี้อวิ๋นอีก
……………………………………………….
ตอนที่ 1109 ยากที่จะแยกแยะจริงเท็จ
เหมยเหมยรอให้เมืองหลวงเกิดพายุ
เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้มีความอดทนมากขนาดนั้น เขาจะต้องบีบจ้าวอิงสยง ส่วนจ้าวอิสยงสามีภรรยาจะต้องวางแผนไว้ก่อนล่วงหน้า
การที่เหมยซูหานกลับเมืองจินถือเป็นสัญญาณอย่างหนึ่ง
เหมยเหมยคิดว่าเฮ่อเหลียนเช่อต้องกลัวว่าเหมยซูหานจะโดนลูกหลงไปด้วย เพราะงั้นจึงให้เขาออกไปจากเมืองหลวงเพื่อหลบหลีกพายุคลื่นยักษ์นี้ รอให้เรื่องราวทุกอย่างเสร็จสิ้นค่อยให้เหมยซูหานกลับมา ดูท่าคงเป็นรักแท้จริง ๆ!
แน่นอนว่าเหมยเหมยไม่รู้ถึงคำโกหกของเหมยซูหาน แต่สิ่งที่เธอคิดก็ไม่ใช่ว่าจะผิดไปทั้งหมด เฮ่อเหลียนเช่อยอมให้เหมยซูหานกลับเมืองจิน มากน้อยก็เพราะสาเหตุนี้ด้วย
จ้าวอิงสยงสามีภรรยาคงคงจะลงมือในไม่กี่วันนี้แล้วสินะ!
จิตใจของเหมยเหมยมีแต่ความฟุ้งซ่าน และเต็มไปด้วยความหวัง
นี่เป็นบททดสอบที่คนวิปริตอย่างเฮ่อเหลียนชิงมีต่อเธอ เธอจะต้องผ่านด่านตรงนี้ไปให้ได้
คืนที่สองที่เหมยซูหานกลับมา เหมยเหมยนั่งทานมื้อดึกพร้อมหน้ากันสามคนทั้งครอบครัว มีสายจากจ้าวอิงหย่งโทรเข้ามา ผิดไปจากที่เหมยเหมยคาดการณ์ไว้ เหตุใดถึงเป็นจ้าวอิงหย่งที่โทรเข้ามา?
หรือว่าจ้าวอิงหย่งเองก็สมรู้ร่วมคิดกับจ้าวอิงสยงสองสามีภรรยา?
“คุณแม่ท่านป่วยหนักมาก พวกนายทั้งครอบครัวรีบกลับมาที่เมืองหลวง แล้วก็ครอบครัวของจ้าวอิงหนานด้วย” จ้าวอิงหย่งพูด
จ้าวอิงหัวเองก็รู้สึกแปลกใจ ในตอนนี้เขาเริ่มแยกไม่ออกแล้วว่าเป็นเรื่องจริงหรือโกหก?
“แม่ป่วยจริงหรือ?” จ้าวอิงหัวเอ่ยถาม
จ้าวอิงหย่งตวาดใส่อย่างโมโห “ไร้สาระ ถ้าไม่เป็นไรแล้วทำไมฉันต้องแช่งให้แม่ตัวเองป่วยด้วยหรือไง หมอบอกว่าคราวนี้อาการของแม่เริ่มทรุดลง เกรงว่าจะไม่ดีนัก”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงของจ้าวอิงหย่งจึงดูตะกุกตะกัก อย่ามองแต่ว่าที่ผ่านมาเขาเอาแต่ค้านแม่ แต่ความรู้สึกที่เขามีต่อแม่ช่างลึกซึ้งนัก ตอนนี้แม่อาการแย่ลง จ้าวอิงหย่งเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าใคร
จ้าวอิงหัวนิ่งเงียบไป เขาเองก็เสียใจเล็กน้อย ถึงยังไงนั่นก็คือแม่แท้ ๆ ของเขานี่!
แต่เขายังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ใครใช้ให้ก่อนหน้านี้หานป๋อหย่วนพูดเองเล่าว่าแม่รวมหัวกับจ้าวอิงสยงสามีภรรยา คิดจะวางแผนทำร้ายลูกสาวของตน
“พี่สามใจเย็นๆ ผมขอจัดการเรื่องในมือให้เสร็จก่อน ทางฝั่งอิงหนานผมจะโทรบอกเอง เพียงแต่มู่มู่ไม่ได้อยู่ในหวาเซี่ย เกรงว่าจะกลับมาไม่ทัน” จ้าวอิงหัวเอ่ยขึ้นโดยไม่ได้ร้อนรนอะไร
อีกอย่างไม่ว่าอาการป่วยของแม่จะเป็นเรื่องจริงหรือโกหก ในฐานะที่เขาเป็นลูกชาย สิ่งที่ควรกตัญญูก็คงต้องทำ ไม่ควรให้คนอื่นจับพิรุธได้
“ได้ พวกนายรีบหน่อยแล้วกัน ฉันกลัวว่า…เฮ้อ…” จ้าวอิงหย่งถอนหายใจลากยาว
จ้าวอิงหัววางสายไป ก็ไม่ได้กลับไปทานข้าว เพียงแค่ยืนอยู่ที่เดิมนิ่ง พลางขบคิดเรื่องราวต่างๆ
“เกิดอะไรขึ้น? แม่ของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?” เหยียนซินหย่าเอ่ยถาม
จ้าวอิงหัวตอบไปว่า “พี่รองโทรเข้ามาบอกว่า คุณแม่เริ่มแย่แล้ว”
“จริงหรือเปล่า ไม่ได้เป็นเพราะร่วมมือกับพี่รองและสะใภ้รองแล้วเล่นละครตบตาพวกเราใช้ไหม?” เหยียนซินหย่าไม่เชื่อเลยสักนิด มุมปากเผยให้เห็นถึงความเยาะเย้ย
เหมยเหมยก็ไม่เชื่อเหมือนกัน จ้าวอิสยงสามีภรรยาและคุณย่าวางแผนจะทำร้ายเธอ แม้กระทั่งหลอกล่อให้เธอกลับเมืองหลวง การแกล้งป่วยถือเป็นคำแก้ตัวที่ดีที่สุดแล้วล่ะ
ความลังเลสงสัยในใจของจ้าวอิงหัวที่มีได้ถูกภรรยาและลูกสาวชักดึงกลับไปอย่างเร็วพลัน
“ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ ยังไงก็ต้องกลับไปเมืองหลวงสักครั้ง เหมยเหมยไม่ต้องกลับหรอก ผมกับคุณกลับไปด้วยกันก็พอแล้ว” จ้าวอิงหัวเอ่ยพูด
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นคุณปู่จ้าวโทรเข้ามา
“ให้เหมยเหมยลาหยุดกลับมาด้วย แม่แกบอกว่าแต่ก่อนทำไม่ดีกับเหมยเหมยไว้ ก่อนตาจะปิดขอได้เห็นหน้าหลานสาวอีกสักครั้ง และพูดความในใจ” น้ำเสียงของคุณปู่แหบแห้ง บ่งบอกถึงความเศร้าสลด
จ้าวอิงหัวสามารถปฏิเสธจ้าวอิงหย่งได้ แต่เขาไม่อาจปฏิเสธพ่อของเขาได้
และที่สำคัญที่สุดคือ ตอนนี้เขาแยกแยะไม่ออกระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องโกหกแล้ว
ดูจากลักษณะแล้วคุณแม่คงใกล้จะไม่ไหวแล้วจริงๆ ไม่เหมือนการเล่นละคร
“ต้องเล่นละครแน่นอน แม่ของคุณจะเสียใจต่อสิ่งที่เคยทำไปได้อย่างไร? แค่เพื่อต้องการหลอกล่อให้เหมยเหมยกลับเมืองหลวง จ้าวอิงหัวฉันขอเตือนคุณไว้เลย ถ้าคุณไม่หนักแน่นกับเรื่องนี้ เราก็หย่ากัน!”
เหยียนซินหย่าไม่เชื่อเลยสักนิด เธอไม่มีทางยอมให้ลูกสาวต้องเผชิญหน้ากับอันตราย ต่อให้ครั้งนี้แม่ย่าจะอาการไม่ดีก็ตาม เธอก็มองว่าเป็นการเล่นละคร
ตอนที่ 1110 บังเอิญ
จ้าวอิงหัวและเหยียนซินหย่าต่างก็เห็นพ้องต้องกันที่จะไม่ยอมให้เหมยเหมยกลับเมืองหลวง ในจุดนี้ความคิดเห็นของพวกเขาตรงกันอย่างแน่นอน
“เหมยเหมยไปเรียนอย่างสบายใจได้เลย พ่อกับแม่จะไปเยี่ยมเอง ถ้าไม่มีอะไรก็คงอยู่แค่คืนเดียวแล้วก็กลับ” จ้าวอิงหัวตัดสินใจแน่วแน่
เขาเองก็ไม่กล้าที่จะเอาลูกสาวเข้าไปเสี่ยงอันตราย อยู่เมืองจินเขาสามารถสั่งการให้คนมาปกป้องลูกสาวได้ แต่ถ้ากลับเมืองหลวง เขาไม่อาจมั่นใจได้ว่าจะสามารถปกป้องเธอได้!
เหมยเหมยพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายเสียเป็นไหนๆ
แต่ในใจของเธอกลับตัดสินใจแน่วแน่แล้ว จ้าวอิงหัวสามีภรรยาล่วงหน้าไปก่อน แล้วเธอค่อยนั่งเครื่องบินตามไป เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เฮ่อเหลียนชิงมองเธอใหม่ ที่สำคัญคือเธอต้องการจะสะสางเรื่องวุ่นวายของตระกูลจ้าวไปให้หมด
แน่นอนว่าเธอไม่ได้ใส่ใจกับความรุ่งโรจน์ของตระกูลจ้าวแต่อย่างใด แต่ในเมื่อเธอแซ่จ้าว นั่นถือเป็นความจริงที่หลีกหนีไม่พ้น
สายตาของคนภายนอก เธอคือสายเลือดของตระกูลจ้าว ตระกูลจ้าวมีเกียรติเธอเองก็มีเกียรติ ตระกูลจ้าวโศกเศร้าอาลัย เธอเองก็จำต้องโศกเศร้าอาลัย แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวอิงหัว เขาเป็นถึงลูกชายของตระกูลจ้าว ต่อให้เขาพูดว่าไม่ใส่ใจ แต่ในใจกลับเป็นห่วงจะแย่อยู่แล้ว
เพราะงั้นเธออยากจะทำบางอย่างเพื่อจ้าวอิงหัวบ้าง
ความวุ่นวายของตระกูลจ้าวก็คือจ้าวอิงสยงและคุณย่า แต่น่าเสียดายที่คนอื่นๆ ในตระกูลจ้าวต่างเป็นเหมือนพวกมัวเมา หรือกระทั่งรู้ดีอยู่แก่ใจแต่ก็ไม่อาจทำตัวใจร้ายได้ลง
ถ้างั้นก็ให้เธอเป็นที่ใจร้ายคนนั้นก็แล้วกัน!
จ้าวอิงหัวให้เลขาจองตั๋วเครื่องบินเป็นวันพรุ่งนี้ช่วงสาย เหมยเหมยให้พี่เสือจองตั๋วเครื่องบินช่วงบ่ายตามไปติด ๆ ส่วนเรื่องในโรงเรียนก็จัดการเรียบร้อยแล้ว แค่จดหมายลาป่วยใบเดียวก็เอาอยู่
พี่เสือโทรไปหาเหยียนหมิงซุ่น รายงานความเคลื่อนไหวของเหมยเหมย เหยียนหมิงซุ่นเงียบไปสักพัก ก่อนจะเอ่ย “นายคอยคุ้มกันคุณหนูจ้าวตอนเข้าเมืองหลวง อย่าให้เธอรู้ล่ะ เมื่อถึงเมืองจินแล้วให้ติดต่อให้คนฝั่งนั้นรับช่วงต่อก่อน แล้วค่อยกลับเมืองจิน”
“รับทราบ ผมจะดูแลคุณหนูอย่างดีครับ” พี่เสือตกปากรับคำอย่างนอบน้อม
ช่วงเช้าจ้าวอิงหัวยังไม่ทันตื่น แต่กลับมีสายโทรเข้าจากเลขาโจว อารมณ์ก็ดูเคร่งขรึมขึ้น
“เป็นอะไร?” เหยียนซินหย่าเอ่ยถาม
“เบื้องบนส่งหัวหน้าจางเข้ามาสำรวจเมืองที่ผมทำงานอยู่ เดิมทีจะเข้ามาอาทิตย์หน้า แต่เลขาโจวบอกว่าท่านหัวหน้าจางจะเข้ามาสำรวจเมืองเราก่อนล่วงหน้า ซึ่งตอนนี้ก็มาถึงแล้ว” จ้าวอิงหัวเอ่ยตอบ
“คุณจำเป็นต้องต้อนรับหัวหน้าจาง?” สัญชาตญาณของเหยียนซินหย่าบอกให้ถาม
จ้าวอิงหัวพยักหน้า “ผมต้องไปต้อนรับอยู่แล้ว น่าแปลก ทำไมจู่ๆ ถึงได้มาล่วงหน้าหลายวันขนาดนี้ ซินหย่า ดูท่าแล้วคงต้องให้เธอกลับไปพร้อมกับอิงหนานและคนอื่น ๆ ก่อน ถ้าผมเสร็จธุระทางนี้แล้วจะตามกลับไป”
“ก็ได้…ก็คงต้องทำแบบนั้นแล้วล่ะ”
เหยียนซินหย่าพยักหน้า เธอใส่เสื้อผ้าเสร็จสรรพก่อนจะลุกไปทำกับข้าวที่ห้องครัว ไฟท์บินคือช่วงเช้าเวลาเก้าโมงครึ่ง เมื่อทานข้าวเสร็จก็ออกเดินทางทันที
แปดโมงตรง ทั้งสามคนพร้อมหน้ากันนั่งทานมื้อเช้าตามตรงเวลา เหมยเหมยที่รู้ข่าวว่าจ้าวอิงหัวติดธุระด่วนจึงไม่อาจกลับเมืองหลวงได้ ปฏิกิริยาแรกคือต้องเป็นแผนการชั่วช้าแน่
บนโลกใบนี้จะมีเรื่องอะไรที่บังเอิญได้ถึงเพียงนี้กัน?
จ้าวอิงหัวและเหยียนซินหย่าเข้าใจเป็นอย่างดี ในเมื่อเหมยเหมยนึกขึ้นได้ พวกเขาเองก็คิดได้เช่นนั้นเหมือนกัน
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คราวนี้เป็นสายจากผู้ดูแลหอศิลป์ประจำเมืองที่โทรเข้ามาหาเหยียนซินหย่า
“หอศิลป์โทรหาคุณทำไม?” จ้าวอิงหัวถาม
เหยียนซินหย่ามุ่นคิ้ว พลันเอ่ยอย่างเครียดๆ “ภาพวาดภาพหนึ่งของฉันมีปัญหานิดหน่อย อีกอย่างภาพวาดนั้นก็ถูกขายไปแล้ว ช่วงบ่ายลูกค้าจะแวะเข้ามารับ ทางหอศิลป์เลยอยากให้ฉันกลับไปซ่อมภาพนั้น”
“ภาพวาดอยู่ของมันดีๆ จะเกิดปัญหาได้ยังไง?” จ้าวอิงหัวและเหมยเหมยเอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
“เห็นบอกว่าคนงานในหอศิลป์ไม่ทันระวัง”
“ทะแม่ง ๆ…แปลกมากๆ” จ้าวอิงหัวบ่นพึมพำกับตัวเองจนลืมที่จะทานมื้อเช้า แต่เข้าสู่โหมดความคิดแทน
เหยียนซินหย่าหัวเราะเยาะไปที “มีอะไรให้ต้องคิดอีก เห็นอยู่ทนโท่ว่ามีคนจงใจสร้างเรื่องขึ้นมา เพื่อให้พวกเรากลับไปไม่ทัน”
“งั้นจุดมุ่งหมายของพวกเขาคืออะไร?” จ้าวอิงหัวบ่นพึมพำ
…………………………………………….
ตอนที่ 1111 แอบไปเมืองหลวง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งเป็นสายจากคุณปู่จ้าวที่โทรเข้ามา และเป็นอีกครั้งที่เขาบอกให้เหมยเหมยกลับมาเมืองหลวง
“พ่อครับ ทางฝั่งผมกับซินหย่ามีธุระด่วน ไปไหนไม่ได้” จ้าวอิงหัวเอ่ย
“งั้นก็ให้เหมยเหมยมาพร้อมกับอิงหนานสิ ส่วนพวกแกก็รีบจัดการธุระให้เสร็จแล้วตามมา” คุณปู่จ้าวพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“เหมยเหมยยังต้องไปเรียนอยู่ คงไม่ได้กลับไป”
คุณปู่จ้าวไม่พอใจจึงเอ่ยตัดพ้อด้วยเสียงอันดัง “แม่แกจะไม่ไหวอยู่แล้ว เรื่องเล็กน้อยแค่นี้แกทำให้ไม่ได้หรือไง? ขาดเรียนไม่กี่วันมันจะอะไรกันนักหนา หรือว่าแกอยากให้แม่แกตายตาไม่หลับ?”
จ้าวอิงหัวพลันถามออกไปอย่างอดไม่ได้ “พ่อครับ แม่ไม่ไหวแล้วจริงๆ หรือ?”
“เหลวไหล ถ้าแม่แกยังสบายดีแล้วฉันจะแช่งเพื่ออะไร หมอบอกว่าแม่แกจะอยู่ได้อีกเพียงไม่กี่วันแล้ว…”
น้ำเสียงของคุณปู่จ้าวดูอ่อนลงในชั่วพริบตา แลดูเจ็บปวดเป็นอย่างมาก พลางลอบถอนหายใจลากยาว และเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ให้เหมยเหมยกลับมาเถอะ อย่าให้แม่แกต้องจากไปอย่างไม่สงบสุขเลย…”
จ้าวอิงหัวจับโทรศัพท์ไว้แน่น ได้ยินเสียงแครก ๆ และตามมาด้วยเสียงตู๊ด ๆๆ จึงลอบถอนหายใจอย่างอดไม่ได้
แม่ของเขาไม่ไหวแล้วจริงๆ หรือ?
ความเศร้าโศกเสียใจของพ่อตนดูไม่น่าเป็นเรื่องเสแสร้งแกล้งทำ ต่อให้คุณย่าจะดูเลอะเลือนถึงเพียงไหน ก็คงไม่แกล้งตายเพื่อหลอกคุณปู่หรอก?
จ้าวอิงหัวลูบใบหน้า รู้สึกกลุ้มอยู่ในใจ
“ถึงอย่างไรก็ไม่ควรให้เหมยเหมยไป จ้าวอิงหัวคุณโง่หรือไง ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่านี่เป็นแผนที่พี่รองกับสะใภ้รองเป็นคนวางเอาไว้ คุณยังจะให้เหมยเหมยกระโดดลงไปอีกรึ?” ความอ่อนโยนของเหยียนซินหย่าได้แปรเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนและดูมุ่งมั่นอย่างมาก
เหมยเหมยดื่มนมอึกใหญ่ด้วยความตื้นตันใจ เหยียนซินหย่าดีต่อเธอโดยไม่นึกหวังถึงอำนาจผลประโยชน์หรือมีจุดมุ่งหมายใด ๆ ทำให้เธอรู้สึกตื้นตันใจอย่างมาก นั่นยิ่งทำให้เธอเกิดความแน่วแน่ว่าไม่อยากทำให้พ่อและแม่ต้องลำบากใจต่อการตัดสินใจ
ไม่ว่าคุณปู่จ้าวจะมีส่วนเอี่ยวด้วยหรือไม่ก็ตาม แต่นับว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ของจ้าวอิงหัวและเหยียนซินหย่า และยังโทรหาอยู่หลายครั้ง หากว่าจ้าวอิงหัวไม่ทำตาม เกรงว่าความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกจะเกิดความบาดหมางกันได้
“ฉันไม่มีทางทำร้ายลูกสาวแน่ จะให้เหมยเหมยไปไม่ได้เด็ดขาด รอให้จ้าวอิงหนานและพวกนั้นไปก่อน แล้วผมกับคุณค่อยตามไปพรุ่งนี้” จ้าวอิงหัวตัดสินใจ
นับว่าเขายังเชื่อใจคุณปู่จ้าวอยู่ อาจเป็นเพราะคุณย่าอาการแย่มากจริงๆ !
แต่ถึงยังไงเรื่องที่จ้าวอิงสยงและหานซู่ฉินวางแผนต่อเหมยเหมยก็เป็นเรื่องจริง ไม่ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะเป็นแผนที่คนทั้งคู่วางไว้หรือไม่ เขาไม่มีทางยอมให้ลูกสาวต้องได้รับอันตราย!
“แล้วทางฝั่งพ่อคุณจะพูดยังไง?”
เหยียนซินหย่ารู้สึกกังวลใจเล็กน้อย คุณปู่จ้าวถือได้ว่าเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของบ้าน ตอนนี้จ้าวอิงหัวไม่เชื่อฟังคำสั่ง คุณปู่จะต้องโกรธเป็นแน่
จ้าวอิงหัวหดเกร็งคออย่างไม่รู้ตัว พลางเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ก็พูดไปตามความจริงไง ไม่เป็นไรน่า กินข้าว ๆ ”
อย่างมากก็แค่ถูกต่อยสักหมัด!
ได้แต่หวังว่าในจังหวะที่พ่อเขาจะต่อยนั้นจะทำลับหลังคนอื่นหน่อย แล้วยอมไว้หน้าเขาบ้างก็ดีมากแล้ว!
เหยียนซินหย่าเหลือบมองจ้าวอิงหัวด้วยความเห็นใจ พลางปอกไข่ให้เขาหนึ่งฟอง คุณปู่จ้าวหน่ะไม่ได้ใจดีขนาดนั้น บอกว่าลงมือคือลงมือ เธอสามารถคาดการณ์ได้ถึงการกลับเมืองหลวงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจ้าวอิงหัวต้องถูกตีหัวแบะอย่างน่าสงสาร!
หลังจากทานมื้อเช้า จ้าวอิงหัวโทรไปหาจ้าวอิงหนาน เพื่อให้เธอและสยงมู่มู่ล่วงหน้าไปก่อน จากนั้นก็โทรไปหาเลขา เพื่อสั่งให้เขาเปลี่ยนเที่ยวบินไปเป็นวันพรุ่งนี้
หลังจากที่จ้าวอิงหัวสองสามีภรรยาออกจากบ้านไป เหมยเหมยจึงโทรหาอู่เซา ให้เขาและเจียงซินเหมยมาที่บ้านของเธอ
“พวกเธอช่วยลาหยุดให้ฉันหนึ่งอาทิตย์นะ นี่คือใบลาป่วย” เหมยเหมยยื่นใบลาที่เธอตั้งใจเตรียมไว้ส่งให้ ซึ่งด้านบนมีลายมือของจ้าวอิงหัวอยู่ด้วย และแน่นอนว่าเธอเป็นคนลอกเลียนแบบเอง
การคัดลอกลายมือของคนเป็นพ่อนั้น สำหรับเธอแล้วเป็นเรื่องง่ายเสียยิ่งกะไร
“เหมยเหมยเธอเองก็ดูสบายดีไม่ใช่รึ? ทำไมต้องลาป่วยด้วย?” อู่เชาลูบศีรษะอย่างไม่เข้าใจ เหมยเหมยที่อยู่ตรงหน้าเขาสีหน้าก็ดูมีเลือดฝาด ทั้งสดใสมีชีวิตชีวา เหมือนกับสีของเลือดไก่ไม่มีผิด ไม่เห็นมีส่วนไหนที่เหมือนกับคนป่วยหนัก
“โธ่เอ๊ย จะถามอะไรมากมายอีกล่ะ ฉันไปเมืองหลวงเพราะมีธุระ นายก็แค่ทำตามที่ฉันบอก อย่าจู้จี้จุกจิกน่า!”
เหมยเหมยผลักไสทั้งคู่ที่เอาแต่ทำหน้ามึนงงออกไปอย่างเสียอารมณ์ พลางหันมาจัดสัมภาระ ที่มีเพียงแค่กระเป๋าใบเล็กๆ เรียบง่าย พอถึงเวลาบ่ายสองโมงตรง เธอได้ทิ้งโน้ตเอาไว้ พร้อมขึ้นเครื่องบินไปเพียงตัวคนเดียว
ตอนที่ 1112 ทำข้อตกลง
เมืองหลวง
จ้าวอิงสยงได้รับข่าวล่วงหน้าว่าเหมยเหมยจะมาที่เมืองหลวงเพียงลำพัง สีหน้าดูซับซ้อนนัก แววตาเผยให้เห็นถึงความสับสนอยู่ภายใน ใจ
เขาต้องขายหลานสาวแท้ ๆ ไปจริงหรือ
ตัวเขาที่เป็นแขกวีไอพีประจำสโมสรอันดับหนึ่ง ไม่มีใครรับรู้ถึงความรุนแรงของเฮ่อเหลียนเช่อดีเท่าเขาแล้ว โดยเฉพาะกับผู้หญิง
แต่ก่อนเขาเคยได้ยินคนพูดกัน เฮ่อเหลียนเช่อชื่นชอบการทรมานหญิงสาวบนเตียง ผู้หญิงที่ถูกทารุณจนตายก็มีจำนวนไม่น้อย
ยิ่งจ้าวเหมยที่มีอายุเพียงแค่นี้ แถมยังเป็นคุณหนูผู้เลอค่าที่ไม่เคยได้รับความทรมานมาก่อน หากต้องไปอยู่ในกำมือของเฮ่อเหลียนเช่อ มีแต่ความตายเพียงหนทางเดียว!
เบื้องหน้าได้ปรากฏภาพรอยยิ้มแสนน่าเอ็นดูของเหมยเหมย จ้าวอิงสยงจึงพลอยใจอ่อนและเกิดความสับสน
หานซู่ฉินเดินมาหา แค่ดูก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ลอบแสยะยิ้มให้กับตัวเอง ไร้ประโยชน์ลูกศรวางอยู่บนคันธนูแล้วถึงมานึกเสียใจทีหลัง
“คุณเสียใจเหรอ?” หานซู่ฉินสีหน้าเรียบนิ่ง แววตาเย็นชา
จ้าวอิงสยงลอบถอนหายใจไปพลาง “เธอไม่เข้าใจนิสัยใจคอของเฮ่อเหลียนเช่อ ถ้าเหมยเหมยตกไปอยู่ในกำมือของมัน เกรงว่าจะ…”
หานซู่ฉินตัดบทอย่างเยือกเย็น “มีความตายเพียงหนทางเดียวหรือ? แล้วจะทำไม หากตอนนี้ไม่ใช่จ้าวเหมยที่ตาย ก็เป็นคุณที่ต้องตาย หรือว่าคุณจ้าวอิงสยงต้องการจะสละชีพตัวเอง?”
จ้าวอิงสยงสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ความใจอ่อนเล็กน้อยที่มีเมื่อครู่ได้เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าแปรเปลี่ยนไปเป็นความหนักแน่น
เขายังใช้ชีวิตได้ไม่เพียงพอเลย สิบกว่าปีก่อนหน้านั้นเขาทนทุกข์ทรมานมามาก ครึ่งชีวิตที่ผ่านมาได้ทนทุกข์มาแล้ว อีกครึ่งชีวิตที่เหลืออยู่เขาจะต้องเสพสุขกับชีวิต ผู้หญิง เงินทอง อำนาจ ทุกสิ่งต่างก็ขาดไม่ได้
หลานสาวเหรอ…ก็ทำเหมือนกับไม่ได้รับเธอกลับคืนมาสิ!
อีกอย่างเป็นถึงหลานสาวของตระกูลจ้าว สละชีพตัวเองเพื่อวงศ์ตระกูลก็สมควรแล้วนี่!
หานซู่ฉินลอบมองจ้าวอิงสยงด้วยสายตาเย็นชา ผู้ชายเห็นแก่ตัว เหตุใดก่อนหน้านั้นเธอไม่เคยค้นพบมาก่อนเลยว่าชายที่นอนร่วมเตียงเคียงหมอนจะเป็นคนที่เลือดเย็นไร้ความรู้สึกได้ถึงเพียงนี้?
วันนี้เขาสามารถขายหลานสาวแท้ๆ ได้ พรุ่งนี้ก็คงใช้มีดแทงข้างหลังภรรยาอย่างเธอคนนี้ได้เช่นกัน ไม่ได้การล่ะ รอให้ผ่านมรสุมนี้ไปได้ก่อน เธอจะต้องเตรียมการให้กับตัวของเธอเอง
“พ่อของเรายังไม่รู้ใช่ไหม?” จ้าวอิงสยงกังวลใจเล็กน้อย
“ยัง คุณแม่สุขภาพแย่มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คุณพ่อท่านดูไม่ออกหรอก” หานซู่ฉินมั่นออกมั่นใจเป็นอย่างมาก
จ้าวอิงสยงรู้สึกโล่งใจ ช่วงเวลาที่สำคัญถือว่าแม่ของตนก็ยังพึ่งพาได้แหะ!
แต่น่าเสียดายที่คุณย่าสุขภาพแย่เกินไป ปกป้องเขาได้อีกแค่ไม่กี่ปีแล้ว!
“แล้วฝั่งเหมยเหมยจะพูดยังไง?” จ้าวอิงสยงเอ่ยถามอีกครั้ง
หานซู่ฉินจ้องเขาไปที “มีอะไรให้ต้องพูดอีก คุณไปคุยกับเฮ่อเหลียนเช่อ พอตกลงกันได้ก็จัดการพาส่งตัวเธอไป”
“หากเหมยเหมยไม่ยินยอมจะทำอย่างไร?”
หานซู่ฉินมองผู้ชายอย่างดูแคลน พลางเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา ”ช่วยไม่ได้ถ้าเธอไม่ยินยอม ถ้าเชื่อฟังก็ดีหน่อย ถ้าไม่เชื่อฟังก็ตีให้สลบแล้วเอาไปส่ง”
จ้าวอิงสยงนิ่งงัน เป็นอีกครั้งที่ลอบถอนหายใจ แต่กลับไม่ได้พูดอะไรอีก ได้เพียงแต่จำนนต่อแผนการของภรรยา
เฮ่อเหลียนเช่อเองก็ได้รับข่าวคราวว่าเหมยเหมยมาเมืองหลวงเพียงลำพัง พลางยกแส้ขึ้นมาเล่นอย่างสำราญใจ ก่อนเอ่ยติดตลก “ใจกล้าไม่น้อยเลยนี่!”
“คุณชายเช่อ คุณจะแต่งงานกับคุณหนูจ้าวจริงเหรอ?” โอหยางสยงเอ่ยถามเลียบๆ เคียงๆ
เฮ่อเหลียนเช่อมองเขาอย่างเย็นชา โอหยางสยงกลัวจนเสียวสันหลังวาบพลันรีบก้มหน้าลง ไม่กล้าแม้แต่จะสบสายตากับเฮ่อเหลียนเช่อ
“ผู้หญิงแบบนั้นเหมาะที่จะเป็นคุณผู้หญิงเฮ่อเหลียน? คำถามโง่เขลาเบาปัญญาแบบนี้ต่อไปอย่าได้ถามอีก” เฮ่อเหลียนเช่อมีท่าทีไม่สบอารมณ์ ตอนนี้ในหัวใจของเขามีเแค่ดอกเหมยน้อยแต่เพียงผู้เดียว ต่อให้หญิงงามซีซือยังอยู่บนโลกใบนี้ เขาก็ไม่อาจเผลอใจหลงรักได้
โอหยางสยงพยักหน้าหงึกหงัก พร้อมกระตุกยิ้มอย่างเห็นดีเห็นงามด้วย เมื่อเห็นเฮ่อเหลียนเช่อมีสีหน้าท่าทีไม่แย่นัก จึงเอ่ยถามอีกครั้ง “แล้วเหตุใดคุณชายเช่อถึงได้ทำข้อตกลงร่วมกับจ้าวอิงสยงเล่า?”
“แก้เบื่อ แค่แกล้งไอ้โง่นั่นเล่น!” คำพูดของเฮ่อเหลียนเช่อได้ฉุดเรียกเสียงหัวเราะจากบรรดาลูกน้องไปยกใหญ่ ป่าเถื่อนไร้ซึ่งศีลธรรม
เฮ่อเหลียนเช่ออารมณ์ดีไม่น้อย เขาชี้ไปยังภาพถ่ายของเหมยเหมย เผยรอยยิ้มจางๆ “แม่สาวน้อยนี่หน้าตาไม่เลวเลย รับมาไว้เป็นของเล่นให้พวกแกละกัน”
“ขอบคุณครับคุณชายเช่อ!”
ทุกคนต่างหัวเราะร่า เพียงแค่มองภาพถ่ายก็รับรู้ได้ว่าหลานสาวตระกูลจ้าวนั้นเป็นหญิงสาวผู้เลอโฉม งดงาม อ่อนช้อย นุ่มนวล ประจวบเหมาะกับช่วงวัยแรกแย้ม รสชาตินี้…สูบวิญญาณได้แน่!
…………………………………………………….
ตอนที่ 1113 แกล้งป่วย
สองชั่วโมงต่อมา
เหมยเหมยลงจากเครื่องและเดินออกมาจากสนามบิน พลางโบกแท็กซี่คันหนึ่งมุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลจ้าว แต่สิ่งที่เธอไม่รู้คือ พี่เสือคอยติดตามเธออยู่ด้านหลัง มาได้ครึ่งทางจึงสับเปลี่ยนสัญญาณลับกับคนอีกกลุ่มหนึ่ง พี่เสือถึงได้ปลีกตัวออกไปสถานีรถไฟ เตรียมโดยสารรถไฟรอบดึกเพื่อกลับเมืองจิน
ทุกคนในตระกูลจ้าวอยู่กันพร้อมหน้า รุ่นลูกรุ่นหลานมีเพียงแค่เหมยเหมย ส่วนจ้าวเสวียหลิน จ้าวเสวียไห่และคนอื่น ๆ ยังไม่มา
“เหมยเหมยมาได้อย่างไร? แล้วพ่อแม่เธอล่ะ?”
จ้าวอิงหนานตกใจอยู่ไม่น้อย ตอนเช้าพี่เล็กบอกว่าเหมยเหมยไม่มา แต่พอตกบ่ายทำไมเหมยเหมยถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่เพียงลำพัง
“พ่อกับแม่มีธุระด่วนต้องจัดการค่ะ หนูเลยล่วงหน้ามาก่อน” เหมยเหมยเอ่ยตอบอย่างไม่หวาดหวั่น
จ้าวอิงหนานอยากเอ่ยถามต่อ หานซู่ฉินกระตุกยิ้มและพูดขัดขึ้น “มาก็ดีแล้ว คุณแม่ท่านเอาแต่บ่นหา เหมยเหมยรีบเข้าไปดูคุณย่าสิ ท่านป่วยหนักมาก…”
เธอเอ่ยขึ้นพลางถอนหายใจอย่างเจ็บปวด ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋า พลางซับตรงหางตา
อันหย่าฟางตวัดสายตามองเธอแวบหนึ่งพลันส่งสายตาเย้ยหยัน และเหลือบมองเหมยเหมยด้วยความรู้สึกหลากหลาย ขมวดคิ้วแน่นไม่คลาย
หรือเราจะ…
“คุณย่าเป็นอะไรคะ? ป่วยเป็นอะไร แล้วทำไมคุณป้ารองไม่ตามหมอมาดูแลล่ะคะ หนูเข้าไปก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร อีกอย่างถ้าคุณย่าเห็นหน้าหนูคงจะโมโหจนไข้ขึ้นกว่าเดิม ร่างกายก็จะทรุดเข้าไปอีก!”
เหมยเหมยไม่อยากจะเจอกับคุณย่าจอมเลอะเลือน จึงจงใจชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูด ไม่รอให้หานซู่ฉินได้พูดต่อก็หันเอ่ยถามอันหย่าฟางอีกครั้ง “ป้าสามคะ ห้องของหนูอยู่ที่ไหน หนูเหนื่อยแล้ว อยากหลับสักงีบ”
แววตาขออันหย่าฟางปรากฏรอยยิ้ม น้ำเสียงกลับยังคงเย็นชา “ป้าพาไปเอง”
เหมยเหมยเลิกคิ้ว คุณป้าสามของเธอใจดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
อันหย่าฟางเดินนำอยู่ด้านหน้า เหมยเหมยเดินตามอยู่ด้านหลัง ไม่มีใครเอ่ยปากพูด บรรยากาศอึมครึม มีเพียงเสียงฝีก้าวอันเบาหวิวของพวกเธอ
“ตอนนี้ตระกูลจ้าวเกิดเรื่องขึ้นมากมาย เธอกลับเมืองจินไปเถอะ”
เมื่อขึ้นมายังชั้นสอง อันหย่าฟางจึงเอ่ยปากพูดทันที เหมยเหมยใจเต้นระส่ำ เหลือบมองเธออย่างนึกประหลาดใจ
“แต่คุณปู่ให้หนูมา บอกว่าคุณย่าเริ่มไม่ไหวแล้วอยากเจอหนู” เหมยเหมยตอบ
อันหย่าฟางถอนหายใจเสียงเบา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่ชี้ไปยังห้องห้องหนึ่งและเอ่ย “ห้องนี้แหละ”
เมื่อพูดจบเธอก็ปลีกตัวออกไปไม่ได้เอ่ยคำพูดใด ๆอีก ที่ควรตักเตือนเธอได้เตือนไปหมดแล้วจึงเดินออกไป เรื่องนี้ต้องให้เหมยเหมยเป็นคนตัดสินใจเอง เธอคงไม่เข้าไปยุ่งเรื่องไร้สาระพวกนี้หรอก
เหมยเหมยมองตามแผ่นหลังของอันหย่าฟางที่หายลับไปตรงมุมบันไดอย่างตกตะลึง คุณป้าสามนี่ก็เย็นชาเสียจริง จู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ใครเขาจะเชื่อคำพูดของเธอ!
หากไม่ใช่เพราะตัวเธอนั้นรู้เรื่องลับลมคมในมาตั้งแต่แรก เกรงว่าจะไม่มีทางเชื่อ เพราะงั้นคำเตือนของอันหย่าฟางดูไม่ค่อยจริงใจเท่าไหร่นัก
ด้านล่าง หานซู่ฉินมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ท่าทีที่เหมยเหมยมีต่อเธอเมื่อครู่ดูจะให้ความเคารพเกินไปเสียหน่อย นั่นทำให้เธอทนไม่ได้ พลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ช่วงเวลามื้อเย็น จ้าวอิงหนานขึ้นมาเรียกเธอให้ไปทานข้าว เหมยเหมยแสร้งทำทีเป็นง่วง โดยบอกให้พวกเขาทานไปก่อนไม่ต้องรอเธอ
เธอไม่แม้แต่ที่จะกล้ากินอาหารของตระกูลจ้าว ตระกูลจ้าวในตอนนี้ เธอไม่กล้าไว้ใจใครแม้แต่คนเดียว จ้าวอิงหนานไม่มีทางทำร้ายเธอ แต่ยากที่จะมีอะไรมาประกันว่าจะไม่ถูกคนอื่นหลอกใช้ เพราะงั้นเธอถึงเชื่อแค่ตัวเอง
โชคดีที่ฉิวฉิวยังมีของกินเยอะแยะมากมาย แถมยังไม่ซ้ำกันด้วย พอให้เธอกินไปได้ทั้งปีก็ไม่มีปัญหา
จนกระทั่งมื้อเย็นผ่านไป เหมยเหมยก็ยังไม่ได้ลงมา คุณปู่จึงอารมณ์เสียขึ้นมาเล็กน้อย อยากขึ้นไปเรียกให้เธอลงมาอยู่คุยเป็นเพื่อนกับคุณย่า จ้าวอิงหนานรู้สึกสงสารเห็นใจหลานสาวจึงเอ่ยขึ้นว่า “คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายเสียที่ไหนล่ะ พ่อก็ให้เหมยเหมยได้พักผ่อนก่อน ฉันจะไปคุยเล่นกับแม่เอง”
จ้าวอิงหนานไม่เข้าใจนัก หลายปีมานี้คุณย่าไม่เคยถามสารทุกข์สุขดิบอะไรกับหลานสาวเลย ทำไมจู่ ๆ ถึงได้คิดถึงขึ้นมาได้ล่ะ?
คุณย่ารับรู้ว่าเหมยเหมยมาถึงเมืองหลวงแล้ว จึงรู้สึกเบาใจลงบ้าง เธอเองก็ไม่อยากคุยกับยัยเด็กบ้านั่นเช่นกัน ไม่อยากจะเสียอารมณ์
“ไม่ต้องเรียกมาหรอก บอกให้เหมยเหมยพักผ่อนเสีย ฉันเองก็จะนอนแล้ว”
คุณย่าเอ่ยขึ้นพร้อมกับปิดเปลือกตาลง เพียงไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทรา ลมหายใจเข้าออกผันแปรเป็นสม่ำเสมอ
การแกล้งป่วยถือว่าเป็นงานหนัก ในที่สุดก็สามารถหลับตาลงได้อย่างสบายใจ!
ตอนที่ 1114 ยุยงส่งเสริม
เมืองจิน
อู่เยวี่ยจัดการทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลด้วยตัวเอง อู่เจิ้งซือไม่ได้มารับเธอ เธอรู้ดีอู่เจิ้งซือไม่ได้อยากรับเธอกลับไปอยู่ด้วย เธอจึงทำได้แค่กลับไปหาเหอปี้อวิ๋น
อู่เยวี่ยกัดริมฝีปากแน่น แววตาเผยให้เห็นถึงความเคียดแค้น
อย่าโทษเธอเลย เธอเดินมาจนถึงทางตันแล้ว หากไม่ทำแบบนั้นคงไม่มีวันหลุดพ้นจากสภาพเลวร้ายนั่นได้ตลอดไป!
เมื่อเดินออกมาถึงหน้าโรงพยาบาล อู่เยวี่ยก็ได้พบกับหรวนเป่าฮุ่ยที่แต่งตัวงามสง่า ขับรถยี่ห้อเซี่ยลี่คันแดงเข้ามา มองเธอด้วยรอยยิ้มอันสดใส
หรวนเป่าฮุ่ยส่งเธอแค่หน้าปากซอย กระตุกยิ้มพลางพูดว่า “บ่ายนี้ฉันมีนัดสัมภาษณ์ พูดถึงก็ช่างน่าปวดหัว เพราะบุคคลที่ฉันต้องสัมภาษณ์คือเหยียนซินหย่า”
ในแววตาของอู่เยวี่ยเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจ เหยียนซินหย่า?
แม่ของจ้าวเหมย?
ว่ากันว่าตอนนี้เป็นถึงจิตกรชื่อดังระดับประเทศนี่!
อู่เยวี่ยไม่ได้เปล่งเสียงพูดแต่อย่างใด เธอไม่รู้ว่าหรวนเป่าฮุ่ยพูดเรื่องนี้เพื่ออะไร หรวนเป่าฮุ่ยก็ไม่ได้ต้องการให้เธอต่อปาก ยิ้มเย้ยหยันตัวเองก่อนจะเอ่ยขึ้น “รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงปวดหัว? เพราะเหยียนซินหย่าคือศัตรูหัวใจของฉัน ตอนนี้พ่อของเธอยังคงรักนางผู้หญิงคนนั้น ซึ่งในฐานะคู่มั่นคนปัจจุบันอย่างฉันไม่ปวดหัวสิแปลก!”
สีหน้าท่าทีของอู่เยวี่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้รู้แน่ชัดถึงเรื่องความสัมพันธ์ของอู่เจิ้งซือและเหยียนซินหย่าในตอนนั้น เพียงแต่เคยได้ยินที่เหอปี้อวิ๋นก่นด่าเหยียนซินหย่า คิดดูแล้วสิ่งที่หรวนเป่าฮุ่ยพูดดูท่าจะเป็นเรื่องจริง
“เฮ้อ ดูท่าแล้วฉันกับแม่ของเธอนี่ก็เป็นพวกหัวอกเดียวกันเลยนะ เหมือนกันตรงที่เป็นเหมือนตัวตายตัวแทนของเหยียนซินหย่า…เหอะๆ ฉันเองก็โง่ เอาเรื่องพวกนี้มาพูดกับเธอแล้วได้อะไร เธอรีบลงไปเถอะ ฉันต้องไปสัมภาษณ์ที่หอศิลป์ฯ”
หรวนเป่าฮุ่ยเหลือบมองอู่เยวี่ยที่แลดูใจลอยแต่ไม่ทิ้งคราบความสงสัยแต่อย่างใด มุมปากกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อย แผนการที่วางไว้จนถึงตอนนี้นับว่าประสบความสำเร็จ หวังว่ายัยอู่เยวี่ยน่าโง่นั่นจะไม่ทำให้เธอต้องผิดหวัง!
หลังจากที่อู่เยวี่ยลงจากรถ หรวนเป่าฮุ่ยได้หยิบเอาธนบัตรใบร้อยออกมาจากกระเป๋า พร้อมกับยัดให้อู่เยวี่ยไป และเอ่ยขึ้นด้วยความเห็นใจ “เงินนี่เธอเอาไปซื้อเสื้อผ้าใส่ซะ โธ่…เด็กอย่างเธอนี่ช่างน่าสงสารนัก ทั้งๆ ที่จะต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้…”
หรวนเป่าฮุ่ยชะงักอย่างทันท่วงที พลางเคาะหน้าผากตัวเองอย่างหงุดหงิดใจ ราวกับพลั้งปากพูดออกไปอย่างตั้งใจ เธอหันไปโบกมือลาอู่เยวี่ย จากนั้นจึงขับรถจากไป
อู่เยวี่ยมองรถที่ค่อยๆ ขับหายออกไป ความเจ็บปวดกลัดกลุ้มใจจึงได้ถาโถมเข้ามา
หรวนเป่าฮุ่ยพูดถูก แท้จริงแล้วเธอควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ กระทั่งมีชีวิตที่ร่ำรวยเสียยิ่งกว่าหรวนเป่าฮุ่ยด้วยซ้ำ แต่นั่นเป็นเพราะเหอปี้อวิ๋น เธอจึงดูต่ำต้อยด้อยค่ากว่าคนอื่นไปหนึ่งขั้น
ยังมีเหยียนซินหย่านั่นอีก มิน่าอู่เจิ้งซือคิดจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนกันง่ายๆ ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่คิดจะกลับมาคืนดีกับเหอปี้อวิ๋น หากว่าอู่เจิ้งซือยินยอมกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง เธอคงไม่มีทางถูกซ่งเป่าเลี่ยง…
อู่เยวี่ยหัวใจบีบแน่นแล้วพลอยเกลียดเหยียนซินหย่าไปด้วย ให้กำเนิดคนสารเลวอย่างจ้าวเหมยออกมาได้ ผู้หญิงคนนี้ก็ต้องไม่ใช่คนดีอะไรแน่ มีสามีอยู่แล้วยังเข้ามายั่วยวนอู่เจิ้งซืออีก!
ที่น่าเกลียดชังที่สุดคือ การทำให้เธอต้องอับอายทางอ้อม!
อู่เยวี่ยตกอยู่ในภวังค์ ยืนอยู่บริเวณปากซอยได้พักใหญ่กว่ากลับเข้าบ้าน เหอปี้อวิ๋นกำลังล้างผักด้วยตะกร้าสาน ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน เหอปี้อวิ๋นคงเตรียมที่จะทำมื้อเที่ยงอยู่
“เยวี่ยเยวี่ยกลับมาแล้วหรือ? พักที่บ้านของพ่อเป็นยังไงบ้าง? เขาไม่ได้ต่อว่าอะไรลูกใช่ไหม? นางจิ้งจอกมารนั่นไม่ได้ทำให้ลูกลำบากใจใช่ไหม?”
เหอปี้อวิ๋นที่ได้เห็นอู่เยวี่ยก็พลันดีใจเป็นอย่างมาก ไม่แม้แต่จะสนใจล้างผักเอาแต่ถามสารทุกข์สุขดิบ ซึ่งกลัวว่าลูกสาวตนจะได้รับความอัดอั้นตันใจจากอู่เจิ้งซือ
แท้จริงแล้วอู่เจิ้งซือนั้นไม่ได้บอกเหอปี้อวิ๋นถึงเรื่องเลวร้ายที่อู่เยวี่ยเผชิญ บอกแค่ว่าเขารับเอาลูกสาวไปอยู่ด้วยเพียงไม่กี่วัน มีหรือที่เหอปี้อวิ๋นจะไม่ยินยอม เธอปารถนาจะให้อู่เยวี่ยกับอู่เจิ้งซือสนิทชิดเชื้อกันเป็นไหนๆ !
อู่เยวี่ยสติฟุ้งซ้านจ้องมองผิวซีดเซียวเหี่ยวย่นของเหอปี้อวิ๋น พูดอะไรไม่ออกเหมือนมีอะไรติดคอ เพียงแค่ส่ายหน้าไปมา “ไม่นี่ค่ะ พ่อและป้าหร่วนดีกับหนูมาก”
เธอไม่อยากฟังที่เหอปี้อวิ๋นพูดอีก เธอกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อน
ไม่ได้!
……………………………………………..
ตอนที่ 1115 ชะตาฟ้าลิขิต
เดิมอู่เยวี่ยตั้งใจจะเริ่มปฏิบัติการในช่วงค่ำนี้ แต่กลับพบว่าซ่งเป่าเลี่ยงสองพ่อลูกไม่ได้ออกไปตั้งแผงต่างพากันอยู่ในบ้าน ใจเธอนั้นยิ่งเกิดความรู้สึกแน่วแน่
พระเจ้าต่างก็ช่วยเธออยู่!
“เยวี่ยเยวี่ยกลับมาแล้ว” ซ่งเป่าเลี่ยงดวงตาเป็นประกาย ดูกระตือรือร้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
อู่เจิ้งซือรับตัวอู่เยวี่ยไปอย่างกะทันหัน ซ่งเป่าเลี่ยงแอบกังวลอยู่นาน หวาดหวั่นว่าอู่เยวี่ยจะไม่กลับมาอีก ถ้าเป็นอย่างนั้นเรื่องภรรยาเขาคงสิ้นหวังแล้วล่ะ!
ตอนนี้อู่เยวี่ยกลับมาแล้วเพราะทำใจห่างกับเขาไม่ได้เป็นแน่ คุณพ่อพูดถูกผู้หญิงใจง่าย ต่อให้หนักแน่นแค่ไหน หากได้นอนด้วยสักครั้งก็จะว่านอนสอนง่าย ยอมพลีหัวใจทั้งดวงให้คุณอย่างง่ายดาย
เมื่อนึกถึงรสชาติสูบกระชากวิญญาณในค่ำคืนนั้น ซ่งเป่าเลี่ยงกลืนน้ำลายไม่หยุด หันไปมองสัดส่วนของอู่เยวี่ย เหตุใดเขาถึงได้รู้สึกว่าไม่เจอกันหลายวัน อู่เยวี่ยน่าเย้ายวนมากกว่าเดิมนักนะ!
อู่เยวี่ยได้ยินเสียงที่ซ่งเป่าเลี่ยงกลืนน้ำลายในลำคอ จึงรับรู้ได้ถึงความปรารถนาในแววตาของชายหนุ่ม จึงฝืนทนต่อความขยะแขยงส่งยิ้มให้กับซ่งเป่าเลี่ยง
ซ่งเป่าเลี่ยงตกตะลึงไปชั่วขณะ วิญญาณออกจากร่าง ปกติอู่เยวี่ยเจอเขาหากไม่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง ก็จะตีหน้านิ่ง แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยยิ้มให้เช่นนี้ โอ้โห…อู่เยวี่ยยิ้มทีชวนน่ามองเสียจริง ในใจของเธอต้องมีเขาอยู่เป็นแน่!
อู่เยวี่ยกลับเข้าห้อง ปิดประตูลงเบาๆ แต่กลับไม่ได้ลงกรประตูให้แน่น
เธอหมอบอยู่ตรงข้างประตู จึงสามารถได้ยินเสียงของซ่งเป่าเลี่ยงสองพ่อลูก
“ฉันพูดถูกใช่ไหมล่ะ ผู้หญิงเสียตัวให้แกแล้ว ใจก็จะยกให้แกด้วย”
น้ำเสียของพ่อซ่งนั้นดูได้ใจอย่างไม่มีปิดบัง อู่เยวี่ยกัดริมฝีปากไว้แน่น จ้องมองสองพ่อลูกคู่นั้นลอดผ่านขอบประตูอย่างเอาเรื่อง
เพ้อเจ้อ!
เธอจะต้องทำให้สัตว์นรกชาติชั่วทั้งสองชดใช้ในสิ่งที่ทำ!
ซ่งเป่าเลี่ยงร้อนรนจนทนไม่ไหว พ่อซ่งแค่เห็นก็รับรู้ถึงความรู้สึกของเขาจึงยู่ปากไปทางห้องนั้น ซ่งเป่าเลี่ยงนึกดีใจไปก่อน แต่ก็เกิดลังเล “ป้าเหอยังอยู่นี่นา ถ้าเธอรู้เข้า เกรงว่า…”
เขาไม่กล้าตอแยกับคนบ้าอย่างเหอปี้อวิ๋น แต่คนงามอยู่ตรงหน้า ไม่เข้าไปลิ้มรสก็เกินจะอดใจไหว!
พ่อซ่งเดินไปยังห้องครัวพลันเหลือบมองเหอปี้อวิ๋นที เปล่งเสียงพูดขึ้น “เหล้าในบ้านหมดแล้ว เธอทำกับข้าวเสร็จก็ออกไปซื้อเหล้าที่ร้านค้ามาสักขวดล่ะ”
เหอปี้อวิ๋นดวงตาเป็นประกาย จะมีเหล้าดี ๆกินอีกแล้ว เธอตกปากรับคำอย่างดีใจ
พ่อซ่งหันไปหาลูกชายอย่างได้ใจด้วยสายตาแพรวพราว ซ่งเป่าเลี่ยงฉีกยิ้มกว้าง ทั้งทำกับข้าวทั้งซื้อเหล้าอย่างน้อยก็ใช้เวลายี่สิบนาที เพียงพอที่จะทำให้เขาเสร็จสิ้นภารกิจได้หนึ่งครั้ง
อู่เยวี่ยที่อยู่ในห้องได้ยินคำพูดของพ่อซ่งอย่างชัดถ้อยชัดคำ ในใจนิ่งงัน ความเกลียดที่มียิ่งทวีมากขึ้น
ไม่ทันที่เธอจะได้คิดประตูห้องก็ถูกแง้มเปิด ซ่งเป่าเลี่ยงปรากฏอยู่หน้าประตู พลางส่งยิ้มให้อย่างเอาใจ แต่มือกลับลูบไล้ไปมาตามร่างกายของเธอ
อู่เยวี่ยพยายามหลบหลีกตามสัญชาตญาณ แต่เพียงครู่เธอกลับยอมสงบนิ่ง หันไปส่งสายตาหวานเยิ้มให้กับซ่งเป่าเลี่ยง วิญญาณเจ้าหมอนี่แทบหายเข้าไปในกลีบเมฆ
“อย่าใจร้อนสิ ฉันเป็นของพี่แล้ว…”
อู่เยวี่ยกระซิบที่ข้างหูเขาเสียงแผ่วเบา นุ่มนวลและมีเสน่ห์ ซ่งเป่าเลี่ยงตัวแข็งไปครึ่งตัว สมองเกิดอาการสับสน จะไปทันยั้งคิดอะไรอีก นอกเสียจากทำตัวโง่ ๆ
“เธอคือเมียฉัน…เมีย…”
ซ่งเป่าเลี่ยงมีหรือที่จะอดใจไหว สองมือฉุดรั้งฉุดดึง เสื้อผ้าของอู่เยวี่ยในชั่วขณะก็ถูกถอดจนเกลี้ยง ซ่งเป่าเลี่ยงกดตัวเอาไว้ใต้ร่าง เธอหลับตาลงไม่อยากเห็นใบหน้าอัปลักษณ์ของชายผู้นี้
ร่างกายที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนมากรุมมาแล้วมักจุดติดง่าย ไม่นานอู่เยวี่ยจึงเกิดความรู้สึกพลางส่งเสียงครางอย่างแผ่วเบา เพียงแค่ยังหลับตาไว้ดังเดิม พร้อมทั้งใจจดจ่ออยู่กับความเคลื่อนไหวภายในห้องนั่งเล่น
จะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ครั้งนี้แหละ!
เธอจะต้องทำสำเร็จ มิเช่นนั้นครั้งต่อไปเธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเธอนั้นจะใจแข็งได้อีกไหม!
ตอนที่ 1116 เล่ห์กลของอู่เยวี่ย
ประตูห้องของอู่เยวี่ยไม่ได้ปิดสนิท เสียงอู้อี้จึงแว่วเล็ดลอดออกมาอยู่เป็นพักๆ มีหรือที่พ่อซ่งจะอดใจไหว ฝืนทนอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจเดินไปยังหน้าประตู มองทะลุผ่านช่องประตูเข้าไปเพื่อชื่นชมหนังสด
มองเห็นเรือนร่างสาววัยแรกแย้มอันสดใสของอู่เยวี่ย คอยปรนนิบัติอยู่ใต้ร่างลูกชายตนอย่างนุ่มนวลชวนคล้อยตาม ลูกตาของพ่อซ่งแทบถลนหล่นออกมา ลำคอแห้งผาก แต่ร่างกายกลับยิ่งขยับเข้าไปด้านหน้าเรื่อยๆ
และโดยไม่รู้ตัว ช่องแคบประตูก็เริ่มเปิดกว้างมากขึ้น แต่เขากลับยังไม่รู้สึกแต่อย่างใด
อู่เยวี่ยลืมตาขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจก็ต้องตกใจที่เห็นพ่อซ่งยืนอยู่หน้าประตู ความรู้สึกสะอิดสะเอียนตีรวนขึ้นมาในทันที แต่เธอก็สามารถฝืนทนเอาไว้ได้
เดิมเธอเองก็ทนไม่ไหว แต่ในตอนนี้เธออยากจะจัดการไอ้สวะทั้งสองคนนี้ให้แหลกเป็นหมื่นท่อน ถึงจะลบล้างความรังเกียจเคียดแค้นในใจของเธอได้!
วันนี้…ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องจบลง!
ซ่งเป่าเลี่ยงเสร็จกิจไปแล้วหนึ่งครั้งแต่ก็ไม่ได้นึกโลภ เตรียมยันกายลุกขึ้นพร้อมที่จะสวมใส่เสื้อผ้า แต่กระนั้นกลับถูกอู่เยวี่ยดึงรั้งเอาไว้ โดยเป็นคนเริ่มขึ้นก่อน ซ่งเป่าเลี่ยงยังหนุ่มแน่นและแข็งแรง เลือดลมสูบฉีดดี มีหรือที่จะทนไหว ฉับพลันที่เริ่มปฏิบัติกิจครั้งต่อไป
พ่อซ่งที่จับตาดูอยู่รู้สึกคันยุบยิบในใจอย่างยากที่จะทน แม่สาวน้อยช่างหิวโหยเสียจริง!
แม้ว่าจะอิจฉาแต่พ่อซ่งก็ได้แต่ดู ตัวเขานั้นจดจำสถานะของตัวเองได้ดี ไม่อยากทำอะไรที่เกินขอบเขต มีให้เสพเป็นอาหารตาก็พอแล้ว
เหอปี้อวิ๋นไม่กลับมาสักที ส่วนทางนี้ซ่งเป่าเลี่ยงปฏิบัติกิจครั้งที่สองเสร็จสิ้นแล้ว อู่เยวี่ยกัดฟันอย่างโกรธแค้น นึกตำหนิเหอปี้อวิ๋นยิ่งกว่าเดิม
ช่างไร้ประโยชน์ ซื้อเหล้าแค่ขวดเดียวใช้เวลานานขนาดนี้เชียว!
เป็นอีกครั้งที่เธอใช้มารยาหญิงหว่านล้อมซ่งเป่าเลี่ยงเอาไว้ การต่อสู้ครั้งใหม่ได้ดำเนินอย่างต่อเนื่อง พ่อซ่งที่แอบดูจนเกิดอาการตาค้าง ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าประตูที่ถูกเปิดออกอย่างไม่รู้ตัว
อู่เยวี่ยกัดฟันแน่นพลางขบคิด จะต้องเพิ่มความเหี้ยมโหดอีกสักนิดถึงจะดี ถึงอย่างไรเธอก็เคยผ่านผู้ชายมาหลายคนแล้ว…
เพิ่มขึ้นมาอีกสักคนสองคนก็ไม่เห็นเป็นไร
เธอยกข้อมือขึ้นมาดูเวลาผ่านไปแล้วยี่สิบนาที เหอปี้อวิ๋นคงใกล้จะกลับมาแล้ว เธอชายตามองพ่อซ่งที่ยืนทำหน้าซื่อบื้ออยู่ และเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาแวบหนึ่ง
ซ่งเป่าเลี่ยงเริ่มเกิดอาการเหนื่อยล้า นอนหอบหายใจอยู่บนตัวอู่เยวี่ย อู่เยวี่ยหันไปหาพ่อซ่งพร้อมฉีกยิ้มหวานหยดย้อย พลางกระดิกนิ้ว ยืดตัวตรง พ่อซ่งที่เลือดในตัวพลุ่งพล่านมีหรือที่จะคำนึงถึงสถานะตัวเองต่อไปอีก ได้แต่หอบหายใจและวิ่งพรวดเข้าไป
“พ่อ ทำไมพ่อถึง…”
ซ่งเป่าเลี่ยงตกตะลึง
พ่อซ่งผลักเขาในจังหวะเดียว พร้อมกับตะโกน “แม่สาวน้อยหิวโหยอยู่ ต้องเราสองคนถึงจะพอ”
อู่เยวี่ยเองก็ไม่ได้หลบหลีกยอมให้พ่อซ่งจัดการแต่โดยดี เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเธอไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ทำเพียงแค่ตั้งใจฟังเสียง และให้ความสนใจต่อความเคลื่อนไหวภายนอก
ในที่สุด…
เสียงฝีก้าวดังแว่วมาแต่ไกล เหอปี้อวิ๋นเดินลงน้ำหนักเท้ามาก เสียงฝีเท้ามีความเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งอู่เยวี่ยสามารถได้ยินมัน เธอเหลือบมองกรรไกรที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าประตู มุมปากกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
เวลาช่างเหมาะเจาะมาก!
จนตอนนี้ซ่งเป่าเลี่ยงยังคงไม่ได้สติกลับมา พูดเสียดิบดีว่าเป็นเมียเขา แล้วไฉนในตอนนี้ถึงกลายเป็นเขาและพ่อใช้ร่วมกันได้เล่า?
อู่เยวี่ยชำเลืองมองซ่งเป่าเลี่ยงที่ร่างกายยังคงเปลือยเปล่า และหันมองพ่อซ่งที่ลืมเลือนทุกอย่างสิ้นแล้วผงาดบนตัวเธอ เสียงฝีก้าวจากภายนอกเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่สองพ่อลูกยังคงไม่รู้สึกตัว
หมดเวลาแล้ว…
อู่เยวี่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ พลันร้องไห้ตะโกนโหวกเหวกโวยวาย “…อย่านะ…อย่า ขอร้องพวกคุณปล่อยฉันไปเถอะ…แม่คะ…รีบมาช่วยหนูที…”
น้ำเสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ พ่อซ่งไม่ได้สนใจใยดีอะไร เขาปฏิบัติกิจไปพลาง พร้อมเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “อยู่ต่อหน้าข้ายังจะเสแสร้งอะไรอีก เมื่อครู่แกก็สนุกด้วยไม่ใช่รึ!”
“เปล่านะ…คุณอาปล่อยหนูเถอะ…พี่ปล่อยหนูเถอะ…ขอร้องพวกคุณล่ะ ฉันต้องสอบเข้ามหาลัย อย่านะ…” อู่เยวี่ยขอร้องอ้อนวอนอย่างทรมาน น้ำตาไหลพรากอาบท่วมใบหน้า
เหอปี้อวิ๋นที่ยกกับข้าวเข้ามาได้ยินเสียงร้องไห้โหวกเหวกโวยวายของลูกสาว สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จึงวางกับข้าวไว้พร้อมมุ่งหน้าไปยังประตูห้องที่ถูกเปิดไว้
…………………………………………………..
ตอนที่ 1117 ฆ่าคนตาย
อู่เยวี่ยได้ยินความเคลื่อนไหวจากภายนอกอย่างชัดเจน เธอจึงเริ่มร้องไห้เสียงดังมากขึ้น ร่างกายบิดไปมาอย่างรุนแรง เงื้อมือขีดข่วนร่างกายของพ่อซ่งอย่างแรง กระทั่งขีดข่วนจนเกิดรอยเลือดไหลซึมออกมา
พ่อซ่งรู้สึกเจ็บแสบไฟโทสะจึงประทุ ตบหน้าอย่างจังโดยไม่คิด พร้อมกับด่าทอ “ไม่รู้ดีชั่ว ทำตัวให้มันดีๆ หน่อย ไม่งั้นข้าจะเอาแกไปขายที่ไนท์คลับ”
เหอปี้อวิ๋นตกใจกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้าจนวิญญาณแทบสลายออกจากร่าง ตัวแข็งยืนทื่อ มองดูอย่างเหม่อลอย
ลูกสาวของเธอ ความหวังอันสูงส่งของเธอ ลูกสาวที่จะทำให้เธอได้เชิดหน้าชูตา
ตอนนี้กลับถูกสามีเธอกระชากเสื้อผ้าจนเปลือยเปล่า กดไว้ใต้ร่างพร้อมกับทำเรื่องหน้าไม่อาย ข้างกายยังมีลูกเลี้ยงที่ยืนเปลือยกายอยู่ด้วย
ต่อให้เป็นคนโง่ก็ยังรู้ ว่าไอ้สารเลวทั้งสองคนนี้ทำอะไรกับลูกสาวเธอ!
“แม่…ช่วยหนูด้วย…หนูยังต้องเข้ามหาลัยนะ…หนูยังต้องแต่งงานอีก…” อู่เยวี่ยตะโกนร้องห่มร้องไห้ น้ำเสียงแหบแห้ง ดิ้นรนเอาเป็นเอาตาย
เหอปี้อวิ๋นพลันสะดุ้งโหยง โผล่เข้าไปหมายจะดึงพ่อซ่งออกมา พร้อมตะโกนอย่างเดือดดาล “แกมันสารเลว…แกลงมาเดี๋ยวนี้นะ…ทำไมแกถึงทำกับเยวี่ยเยวี่ยแบบนี้…”
พ่อซ่งตกใจต่อการปรากฏตัวของเหอปี้อวิ๋นเป็นอย่างมาก เกิดความละอายในใจอยู่บ้าง แต่ฉับพลันเขากลับมาวางมาดอีกครั้ง สองแม่ลูกนี่เขาเป็นคนเลี้ยงดู นอนด้วยหน่อยจะเป็นไรรึ?
“ถอยไปนู่นเลย ไอ้แก่อย่างข้าเลี้ยงมาตั้งหลายปี ทำไมจะหลับนอนด้วยไม่ได้ ยังไงข้าก็จะเอา!”
พ่อซ่งถูกฉีกหน้าจนย่อยยับมีหรือที่จะหลงเหลือความละอายใจ ครั้นลงแรงปฏิบัติกิจต่อหน้าของเหอปี้วิ๋น อู่เยวี่ยร้องห่มร้องไห้ พร้อมทั้งดิ้นรน จ้องมองเหอปี้อวิ๋นด้วยน้ำตาไหลพราก
เธอนึกโกรธแค้นในใจ ไร้ประโยชน์เสียจริง ทำไมยังไม่ลงมืออีก?
“แม่คะ…หนูไม่มีหน้าอยู่ต่อแล้ว…แม่หยิบกรรไกรมาให้หนู หนูยอมปาดคอตัวเองให้ตายไปเสียจะดีกว่า หนูไม่มีหน้าอยู่ต่อแล้ว…” อู่เยวี่ยร้องไห้อย่างน่าสงสาร แต่สายตากลับจดจ่อไปที่กรรไกรบนโต๊ะนั่นไม่คลาย
เหอปี้อวิ๋นมองตามสายตาของเธอไป กรรไกรใหญ่ที่ส่องสะท้อนแสงปรากฏอยู่บนโต๊ะอย่างทันตา ซึ่งปกติแล้วเธอจะใช้มันฆ่าปลาและเชือดคอไก่ ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้?
เหอปี้อวิ๋นที่ได้รับการกระตุ้นจึงมีแววตาแน่นิ่ง ไม่มีเวลามาคิดเรื่องไร้สาระนี้แล้ว เธอจ้องมองพ่อซ่งที่กำลังขยับไปมาบนเรือนร่างของลูกสาว จากนั้นหันมามองอู่เยวี่ยที่เอาแต่ตะโกนอยากตาย ฉับพลันแววตาก็เป็นประกาย
“เยวี่ยเยวี่ยที่แสนดี แม่มาช่วยหนูแล้ว…มีแม่อยู่ทั้งคน ไม่มีใครกล้าทำร้ายลูกได้…”
เหอปี้อวิ๋นเอ่ยพูดอย่างตะกุกตะกัก เดินโซซัดโซเซเข้าไปคว้ากรรไกร เมื่อเป็นเช่นนั้นก็โผตัวเข้าไปหาพ่อซ่งที่ยังไม่รู้ตัว จังหวะที่ซ่งเป่าเลี่ยงได้สติกรรไกรในมือของเหอปี้อวิ๋นได้แทงทะลุเข้าร่างของพ่อซ่งไปแล้ว
เลือดสีแดงเข้มไหลทะลักพรั่งพรู พ่อซ่งไม่แม้แต่จะเปล่งเสียงร้องโอดครวญก็ล้มลงไปบนเตียง
“พ่อ…”
ซ่งเป่าเลี่ยงตกใจเป็นอย่างมาก เขาเหลือบมองไปเห็นเหอปี้อวิ๋นถือกรรไกรที่มีเลือดหยดไหล จึงเกิดอาการขนหัวลุกชัน จังหวะนั้นเขาพึ่งนึกได้แม่เลี้ยงของเขาป่วยเป็นโรคประสาทนี่!
ไม่ทันได้สนใจบาดแผลของพ่อซ่ง ซ่งเป่าเลี่ยงหมายจะวิ่งออกไปนอกห้องอย่างไร้สติ แต่กลับถูกอู่เยวี่ยดึงรั้งเอาไว้แน่น พร้อมหันไปร้องไห้โวยวายกับเหอปี้อวิ๋น “แม่ เขาและคุณลุงรวมหัวกันรังแกหนู หนูไม่มีหน้าไปเจอใครแล้ว…”
“เยวี่ยเยวี่ยไม่ต้องกลัว…มีแม่อยู่ทั้งคน ใครหน้าไหนก็ไม่อาจรังแกลูกได้…”
เหอปี้อวิ๋นพูดประโยคเดิมซ้ำๆ สติฟั่นเฟือนเลื่อนลอย หันไปหาซ่งเป่าเลี่ยงพร้อมกับใช้กรรไกรแทงโดยไม่แม้แต่จะคิด ซ่งเป่าเลี่ยงหมายจะเข้าไปแย่งกรรไกรจากเหอปี้อวิ๋น แต่อู่เยวี่ยกลับกอดเขาแน่นเพื่อรั้งตัวเขาไว้
แค่ชั่วพริบตาเขาก็รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่ถูกแทงบริเวณทรวงอก เลือดไหลทะลักพรั่งพรูอีกครั้ง ซ่งเป่าเลี่ยงแข้งขาอ่อนแรง ล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นและไม่รับรู้อะไรอีก
ตอนที่ 1118 ยุยงอีกครั้ง
เหอปี้อวิ๋นเมื่อเห็นว่าสองพ่อลูกล้มลงจมกองเลือดอยู่ที่พื้น จึงฉีกยิ้มกว้าง “เยวี่ยเยวี่ยไม่ต้องกลัว แม่ฆ่าคนชั่วหมดแล้ว…ไม่ต้องกลัวนะ…”
อู่เยวี่ยรู้สึกตื้นตันอยู่ในอก ตอนเด็กๆ ที่เธอถูกรังแก เหอปี้อวิ๋นมักจะปลอบเธอเช่นตอนนี้ หากพูดว่าเหอปี้อวิ๋นดีกับเธอจากใจจริง แต่เหตุใดถึงได้ไร้ประโยชน์ถึงเพียงนี้เล่า?
“แม่…หนูไม่บริสุทธิ์แล้ว…ต่อไปไม่มีใครเอาหนูอีก…”
อู่เยวี่ยพร่ำบ่นระคนร้องไห้ เหอปี้อวิ๋นมีท่าทีเปลี่ยนไป เธอยกกรรไกรขึ้นพร้อมกับแทงซ้ำ โดยไม่รู้ว่าแทงไปจำนวนเท่าไหร่ ตามใบหน้าและร่างกายต่างเต็มใบด้วยเลือด
ตามร่างกายของซ่งเป่าเลี่ยงสองพ่อลูกเต็มไปบาดแผลเลือดนอง ตายอย่างน่าสยดสยอง
“แม่คะ…มีแม่อยู่ช่างดีเหลือเกิน แม่ดีกว่าพ่อมาก ในใจของพ่อมีแต่เหยียนซินหย่า ไม่เคยมีหนูกับแม่อยู่เลย” อู่เยวี่ยเอ่ยเสียงแผ่วเบา
“เหยียนซินหย่า? นางชั่วนั่นทำให้ลูกชายฉันต้องตาย…เยวี่ยเยวี่ย มันทำให้น้องชายของลูกต้องตาย แล้วยังแย่งพ่อของลูกไปอีก นังสารเลว…” เหอปี้อวิ๋นตื่นตระหนก
อู่เยวี่ยเองก็พูดตามน้ำ “มันและจ้าวเหมยต่างก็เป็นคนเลว พวกมันสมควรตาย!”
“สมควรตาย…พวกมันทุกคนสมควรตาย…ฉันจะฆ่ายัยชั่วนั่น…ฆ่ามัน!”
เหอปี้อวิ๋นคว้ากรรไกรที่ยังมีเลือดหยดอยู่ สติเลือนรางราวกับคนไร้ซึ่งสติ ในตอนนี้เธอมีความคิดเพียงอย่างเดียว นั่นคือฆ่าเหยียนซินหย่า!
อู่เยวี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย สวมใส่ชุดเดรสเมื่อครู่ที่ถูกซ่งเป่าเลี่ยงถอดทิ้ง พลางเกลี้ยกล่อมเสียงเบา “แม่ไปล้างหน้าก่อนเถอะ ดูสิหน้าแม่เปื้อนหมดแล้ว”
เหอปี้อวิ๋นแน่นิ่งดวงตาจับจ้องไปที่อู่เยวี่ย ยอมให้อู่เยวี่ยเปิดน้ำล้างหน้าให้แทนอย่างเชื่อฟัง เลือดของคนชั่วตามร่างกายไม่ได้มีมาก อีกอย่างวันนี้เหอปี้อวิ๋นก็สวมเสื้อเชิ้ตสีแดงพุทรา ซึ่งมองไม่เห็นแม้แต่รอยเลือด
อู่เยวี่ยรับกรรไกรจากเหอปี้อวิ๋น หากถือกรรไกรออกไปในสภาพนี้ เกรงว่าจะเดินได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ถูกคนพาไปที่สถานีตำรวจเป็นแน่
“แม่คะ เหยียนซินหย่านี่เลวจริงๆ จงใจยั่วยวนพ่อจนเขาทอดทิ้งพวกเรา แล้วก็ลูกของหล่อนจ้าวเหมย เลวไม่ต่างกัน เรามีชีวิตลำบากในทุกวันนี้เป็นเพราะพวกมันที่ทำร้ายเรา…แต่พวกมันกลับใช้ชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม แล้วบ่ายนี้เหยียนซินหย่ายังต้องให้สัมภาษณ์ที่หอศิลป์อีกด้วย มันมีสิทธิ์อะไร!”
อู่เยวี่ยพร่ำบ่นระคนร่ำไห้ ในทุกๆ ประโยคที่พูดไปได้สื่อเข้าถึงหัวใจของเหอปี้อวิ๋น เธอมองอู่เยวี่ยร่ำไห้ด้วยสายตารักใคร่ พลางปาดน้ำตาให้กับลูกสาว พร้อมกับหยัดกายลุกขึ้นและเดินออกไปด้านนอก
จริงๆ แล้วในตอนนี้เหอปี้อวิ๋นมีสติดีทุกอย่าง เธอรับรู้ว่าเมื่อครู่ตนได้ฆ่าคนตายถึงสองคน ปฏิกิริยาแรกของเหอปี้อวิ๋นคือกลัว
ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต เป็นกฎเกณฑ์ที่มีมาแต่สมัยโบราณ เธอหลีกหนีไม่พ้นเป็นแน่!
ถึงยังไงก็ต้องตาย เพราะงั้นก็ฆ่าเพิ่มอีกซักคนสองคนละกัน!
คนพวกนี้ทำร้ายเธอและลูกสาวเธอ ความตายก็ยังไม่พอ!
อู่เยวี่ยเห็นเหอปี้อวิ๋นออกจากห้องแลดูมีท่าทีสงบ ทั้งยังได้หยิบมีดในลิ้นชักที่อยู่ในห้องรับแขกมาด้วยหนึ่งด้าม พลางยัดไว้ในอ้อมอก ในจังหวะที่เดินไปถึงหน้าประตู เหอปี้อวิ๋นหันกลับมาส่งยิ้มให้เธอ
“เยวี่ยเยวี่ย…แม่ไปก่อนนะ…ลูกต้องสอบเข้ามหาลัยให้ได้นะ”
เมื่อพูดจบเหอปี้อวิ๋นจึงหมุนตัวจากไป เพียงไม่นานก็หายวับไปจากช่องบันได อู่เยวี่ยวิ่งตามออกไป เห็นเพียงแค่แผ่นหลังของเหอปี้อวิ๋น จึงน้ำตาไหลพรากไม่หยุด
แม่รักเธอจริง แต่เธอกลับ…
อู่เยวี่ยปิดหน้าร้องไห้อย่างเจ็บปวด น้ำตาไหลอาบท่วมใบหน้า แต่เธอกลับไม่ได้ตามเหอปี้อวิ๋นกลับมา
เหอปี้อวิ๋นเดินไปเข้าสู่เส้นทางที่กู่ไม่กลับ เธอตามกลับมาก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่ดีกว่าหรือถ้า…
อู่เยวี่ยปาดน้ำตาทิ้ง ปิดประตูลงพร้อมทั้งเดินกลับห้อง ฉับพลันที่ต้องตกใจ นึกไม่ถึงว่าซ่งเป่าเลี่ยงจะลุกขึ้นยืนได้ ทั้งยังโซซัดโซเซเข้ามาหาเธอ เลือดบนตัวไหลหยดติงๆ ลงสู่พื้น ฝ่ามือที่อาบด้วยเลือดยื่นเข้ามาหาเธอ
…………………………………………………….
ตอนที่ 1119 ทุกคนต่างไปที่หอศิลป์
“อย่าเข้ามา…ออกไป…”
อู่เยวี่ยหลบหลีกมือที่อาบเลือดของซ่งเป่าเลี่ยง เธอเหลือบเห็นกรรไกรที่ตกอยู่บนพื้น จึงกัดฟันแน่นพร้อมกับคว้ากรรไกรขึ้นมา หลับตาลงและใช้กรรไกรแทง
“อ๊ะ”
เธอสัมผัสได้ว่ากรรไกรได้แทงทะลุผ่านเนื้อกั้นเข้าไป และมีเสียงเลือดที่ทะลักออกมา ร่างกายของซ่งเป่าเลี่ยงเซไปเซมาจนล้มร่วงลงสู่พื้น อู่เยวี่ยรีบลืมตาขึ้นและย่อตัวลงเพื่อตรวจลมหายใจของซ่งเป่าเลี่ยง เมื่อไร้ซึ่งลมหายใจนั่นถึงทำให้เธอค่อยวางใจได้
ฝืนทนต่อความกลัว อู่เยวี่ยเข้าไปตรวจดูลมหายใจของพ่อซ่งที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ไม่เหลือลมแม้แต่ครึ่งนั่นถึงทำให้วางใจได้
บนเตียง บนพื้น บนผนังห้องล้วนมีแต่เลือด ทั้งยังคงไหลออกมาไม่หยุด อู่เยวี่ยไม่รู้เลยว่าทำไมตามร่างกายเธอถึงได้มีรอยเลือดมากถึงเพียงนี้ ราวกับว่าไหลยังไงก็ไหลไม่หมด
เธอมองหาพื้นที่ที่สะอาด แล้วนั่งลงขดตัวอยู่ที่พื้น และมองดูศพสองร่างตรงหน้า ในใจของเธอไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย มีเพียงแค่ความยินดีปรีดาต่อความสำเร็จ
แต่ก็ไม่รู้ว่าเหอปี้อวิ๋นจะฆ่าจ้าวเหมยสองแม่ลูกนั่นสำเร็จไหม?
หากว่าสำเร็จล่ะก็ นับเป็นเรื่องดีเสียยิ่งกะไร!
สนามบินเมืองจิน
เซียวเซ่อและสยมู่มู่สะพายกระเป๋าเดินออกมา ช่วงเวลาสามปีกลับไม่ได้ทำให้รูปร่างหน้าตาของพวกเขาเปลี่ยนไป มีเพียงส่วนสูงของพวกเขาที่เพิ่มขึ้น ทั้งคู่สูงพอๆ กัน ประมาณ175เซนติเมตร สยงมู่มู่สูงกว่าเล็กน้อย หากไม่สังเกตดีๆ ก็จะดูไม่ออก
สยงมู่มู่ไว้ผมยาวตรงถึงช่วงเอวทั้งดำทั้งเงาราวกับน้ำตกก็มิปาน เขาใช้ยางรัดผมผูกแบบลวกๆ แต่เซียวเซ่อกลับตัดผมสั้น ทั้งคู่ต่างก็สวมใส่เสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์สีกรม และรองเท้ากีฬาสีขาวเหมือนๆ กัน รูปร่างก็พอๆ กันทั้งชายและหญิง ชวนดึงดูดต่อสายตาผู้คนจำนวนไม่น้อยในสนามบิน
“ต้องโทรหาเหมยเหมยไหม?” สยงมู่มู่เอ่ยถาม
เซียวเซ่อยกข้อมือขึ้นมาดู พร้อมเอ่ยอย่างเท่ ๆ “ไม่จำเป็น พวกเราไปหาเธอที่โรงเรียนเลยดีกว่า”
สยงมู่มู่ยักไหล่ไปพลาง “งั้นก็ไปอีจง ฉันอยู่ที่นั่นมาสิบกว่าปี คุ้นเคยเป็นที่สุด”
แต่น่าเสียดายที่พ่อแม่เขาไม่ได้ทำงานที่อีจงแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาจะได้แวะเข้าไปเยี่ยมพ่อกับแม่ด้วย ไม่ได้กลับมาสามปี เขาเองก็คิดถึงมาก
เมื่อสองปีก่อนสยงฉูฉู่ได้ย้ายไปอยู่สำนักการศึกษา ส่วนจ้าวอิงหนานเมื่อสามปีก่อนได้ลาออก แล้วหันมาเปิดร้านเปียโน ธุรกิจรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก ไม่งั้นจะสามารถส่งให้เขาไปเรียนเมืองนอกได้ยังไง
ทั้งคู่มาถึงอีจงอย่างรวดเร็ว สยงมู่มู่คุ้นชินทางและพบกับอู่เชาที่วิ่งเหนื่อยหอบอยู่ในสนาม ครูพละยังคงจำสยงมู่มู่ได้ จึงโบกมือเป็นนัย ๆ เพื่อให้พวกเขาได้ไปพูดคุยระลึกความหลังที่มุมนั้น
เจ้าเด็กอ้วนแอบนึกอิจฉาเพื่อนของตนที่ได้หลงระเริงกับขนมปังเนยหอมกรุ่นอยู่อังกฤษ แต่ยังคงรูปร่างผอมเพรียวดั่งเทียนไขดังเดิม เอ่ยขึ้นว่า “เหมยเหมยไปเมืองหลวงแล้ว บินไฟท์บ่าย มู่มู่พ่อแม่ของนายก็ไปเมืองหลวงด้วย เหมือนว่าที่นั่นจะมีเรื่องด่วนอะไรบางอย่าง”
สยงมู่มู่ลูบหน้าผากอย่างใช้ความคิด “ตอนที่พวกเราลงเครื่อง ต้องเป็นจังหวะเดียวกับที่เหมยเหมยขึ้นเครื่องแน่”
“งั้นพรุ่งนี้เช้าเราไปเมืองหลวงกัน ตอนนี้ไปซื้อตั๋วเครื่องบินก่อน เอ่อใช่ พ่อแม่ของเหมยเหมยก็ไปเมืองหลวงหรอ?” เซียวเซ่อเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“ไม่นะ ตอนแรกจะไปตอนเช้า แต่มีธุระด่วนเสียก่อน เหมยเหมยจึงไปคนเดียว และไหนจะยังปกปิดพ่อแม่เธอด้วยนะ!” อู่เชาเองก็นึกแปลกใจ
สยงมู่มู่กลับแปลกใจยิ่งกว่า พลางบ่นพึมพรำกับตัวเอง “เกิดอะไรขึ้นที่เมืองหลวงกัน…”
“อยากรู้ก็ไม่ง่ายนัก ถามป้าเหยียนสิ เจ้าอ้วนนายรู้ไหมว่าป้าเหยียนอยู่ที่ไหน?” เซียวเซ่อเอ่ยถาม
“รู้สิ ป้าเหยียนอยู่ที่หอศิลป์ฯ ดูเหมือนว่าเกิดปัญหาขึ้นกับภาพวาดภาพหนึ่ง คงจะยังไม่เสร็จง่ายๆ หรอก”
อู่เชาพึ่งพูดจบ เซียวเซ่อก็วิ่งออกไปเหมือนดั่งสายลม ตามไปติดๆ คือสยงมู่มู่
เขากลืนน้ำลายดังเฮือก ก่อนจะวิ่งกลับไปหาครูพละเพื่อขอลาพร้อมกับวิ่งตามไปอย่างไม่นึกลังเล
ในขณะเดียวกันเหอปี้อวิ๋นที่แลดูสงบเสงี่ยมก็ใกล้จะถึงหอศิลป์ฯ แล้ว ในอ้อมแขนยังถือมีดปอกผลไม้ไว้ด้วยหนึ่งด้าม
ตอนที่ 1120 อีกแค่นิดเดียว
เหยียนซินหย่าใช้เวลาเกินกว่าครึ่งวันในการแก้ไขภาพวาดเลอะเทอะภาพนั้นให้เสร็จ ดูแล้วเหมือนกับเป็นภาพที่วาดขึ้นใหม่ ไม่มีแม้แต่ข้อบกพร่อง
“สมแล้วที่ซินหย่าเป็นผู้สืบทอดของอาจารย์เซียว เรื่องทักษะไม่ต้องพูดเลย …สูง” ผู้อำนวยการยกนิ้วชมเชยจากใจจริง
“คุณก็ชมเกินไป ความสามารถของฉันยังห่างกับพ่ออีกไกลมาก!” เหยียนซินหย่ารู้สึกละอายแก่ใจ มีหรือที่เธอจะกล้าเปรียบกับพ่อได้ เกรงว่าทั้งชีวิตนี้จะเหยียบไม่ถึงเขตแดนของพ่อด้วยซ้ำไป!
“ท่านผอ. ครับ มีรายการโทรทัศน์เข้ามาถ่ายทำสารคดีที่โถงนิทรรศการของเรา ได้ยินมาว่าจิตรกรเหยียนอยู่ที่นี่ เลยอยากสัมภาษณ์เธอสักหน่อย” มีคนเดินเข้ามาบอก
“ซินหย่าเธอว่าไง?” ผู้อำนวยการมองเธออย่างยิ้มๆ แม้จะเป็นการขอความคิดเห็นจากเธอ แต่น้ำเสียงกลับยากที่จะปฏิเสธได้
เหยียนซินหย่าขมวดคิ้ว เธอไม่ชอบการเปิดตัวออกสื่อเลย โดยเฉพาะการให้สัมภาษณ์กับทางรายการแบบนี้ แต่คนอย่างผู้อำนวยการกลับชื่นชอบการออกหน้าเป็นอย่างมาก หากว่าเธอปฏิเสธ ผู้อำนวยการก็จะอารมณ์เสียเอาได้
ผู้อำนวยการมักจะดูแลเธอเป็นอย่างดี อย่าทำให้เขาต้องอารมณ์เสียจะดีกว่า!
“ก็ได้ ฉันจะเป็นหน้าเป็นตาให้ท่าน ผอ. เอง” เหยียนซินหย่าจำต้องตอบตกลง ผู้อำนวยการจึงฉีกยิ้มอย่างดีใจในทันที เดินไปให้สัมภาษณ์พร้อมเหยียนซินหย่าอย่างอารมณ์ดี
แต่เมื่อเหยียนซินพบกับหรวนเป่าฮุ่ยที่แต่งหน้าจัดเต็มอยู่ในห้องโถงนิทรรศการ กลับรู้สึกเสียดาย
ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าพิธีกรคือผู้หญิงคนนี้ ต่อให้ผู้อำนวยการต้องอารมณ์เสีย เธอจะปฏิเสธโดยไม่คิดจะรับปากแน่ แต่ตอนนี้กลับรับปากไปแล้ว ต่อให้ไม่ชอบก็ต้องฝืนทน
คำถามที่หรวนเป่าฮุ่ยถามเหยียนซินหย่าค่อนข้างเป็นไปตามกฎเกณฑ์ ไม่ได้จงใจทำให้อึดอัดอะไร เหยียนซินหย่าเองก็ตอบคำถามได้ดีตามกฎและเกณฑ์ ทำให้คนจับผิดไม่ได้แม้แต่น้อย
เหยียนซินหย่าสังเกตได้ว่าหรวนเป่าฮุ่ยมีท่าทีเหม่อลอย เหลือบมองประตูอยู่บ่อยครั้ง ยิ่งเกิดรู้สึกไม่ชอบผู้หญิงคนนี้มากขึ้น ทัศนคติในการทำงานดูผ่อนปรน ไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่เลยสักนิด
หรวนเป่าฮุ่ยเห็นเหอปี้อวิ๋นเดินเข้าอย่างเชื่องช้า มุมปากยกยิ้ม รอยยิ้มแลดูลึกขึ้น อู่เยวี่ยช่างทำอะไรได้น่าไว้ใจนัก!
ไม่ทำให้เธอต้องผิดหวังเสียจริง!
“จิตกรเหยียนคะ ได้ยินมาว่าลูกสาวคุณเองก็มีพรสวรรค์ด้านการวาดภาพ คุณมีแผนที่จะฝึกฝนให้เธอสืบทอดความสามารถของคุณหรือเปล่าคะ?”
หรวนเป่าฮุ่ยเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้น เหอปี้อวิ๋นที่กำลังมองหาคนอยู่ จึงหันมาตามเสียง ประจวบกับที่ได้เห็นเหยียนซินหย่ากำลังให้สัมภาษณ์อยู่
และพิธีกรก็คือคู่หมั้นคนปัจจุบันของอู้เจิ้งซือ เหอปี้อวิ๋นใจเต้นไม่เป็นระส่ำ ความบ้าคลั่งได้ปะทุขึ้นมา สมองเกิดอาการพร่าเบลอ
ทั้งคู่ต่างก็เป็นดั่งจิ้งจอกมาร ทำให้อู่เจิ้งซือหลงไหลจนกู่ไม่กลับ แม้แต่ลูกเมียก็ไม่ต้องการ ถุย…พวกตัวอันตราย จะต้องไม่ตายดีแน่ไอ้พวกตัวอันตราย!
เหอปี้อวิ๋นมีแววตาแน่นิ่ง หุนหันพลันแล่นไปทางเหยียนซินหย่า คนในโถงนิทรรศการมีจำนวนไม่มาก นอกเสียจากคนงานของรายการโทรทัศน์ ที่เหลือก็เป็นแค่แขกที่เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการภาพวาด
“เหยียนซินหย่าแกไปตายซะ!”
เหอปี้อวิ๋นตะโกนเสียงแหบพร่า “มุ่งหน้าไปหาเหยียนซินหย่าด้วยความบ้าคลั่ง ในมือถือมีดปอกผลไม้ไว้แน่น ทุกคนต่างพากันตกใจต่อบุคคลที่ปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน จนไม่อาจตอบสนองได้ไปชั่วขณะ”
หรวนเป่าฮุ่ยร้องลั่นอย่างเสแสร้ง ในใจกลับดีใจเอามาก
อีกไม่นานสำนักเหยียนจะต้องหายสาบสูญไปจากโลกนี้!
สยงมู่มู่และเซียวเซ่อ พวกเขาทั้งสามคนก็รีบมายังหอศิลป์ฯ ประจวบกับได้ยินเสียงของเหอปี้อวิ๋น เซียวเซ่อมีปฏิกิริยาที่ว่องไวมาก ถอดรองเท้าพร้อมกับปาออกไป โดนเข้าที่แขนของเหอปี้อวิ๋นอย่างประจวบเหมาะ มีดปอกผลไม้ร่วงลงสู่พื้นจนเกิดเสียง
เหยียนซินหย่าตกใจจนหน้าซีดเซียว ฉับพลันออกแรงดึงผู้อำนวยการที่เกือบจะฉี่ราดกางเกงเข้าไปหลบยังที่ปลอดภัย หรวนเป่าฮุ่ยผิดหวังเป็นอย่างมาก อีกแค่นิดเดียวเอง แค่นิดเดียว…
สำนักเหยียนก็จะสูญสิ้นไป!
ช่างน่าโมโหนัก!
หรวนเป่าฮุ่ยเหลือบมองเหอปี้อวิ๋นที่นั่งอยู่บนพื้นด้วยสายตารังเกียจเพียงครู่ ของไร้ประโยชน์ ไม่แปลกเลยที่อู่เจิ้งซือไม่สนใจใยดีด้วย
เป็นจังหวะเดียวกับที่เหอปี้อวิ๋นเงยหน้าขึ้นมา ได้เห็นสีหน้าแววตาของหรวนเป่าฮุ่ยอย่างชัดเจน ร่างกายของเธอสั่นเทิ้ม แววตาฉายความเย็นชา การกระทำที่ว่องไว หยิบเอามีดปอกผลไม้ขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับหันไปแทงหรวนเป่าฮุ่ยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว
……………………………………………..
ตอนที่ 1121 หร่วนเป่าฮุ่ยผู้เสียโฉม
“เหอปี้อวิ๋นเธอเป็นบ้าหรือไง…ใครก็ได้รีบมาเอาตัวคนบ้านี่ออกไปที!”
หร่วนเป่าฮุ่ยสะดุ้งตกใจตะเกียกตะกายหาทางหนีอย่างไร้ซึ่งความสง่างาม คิดแต่อยากจะมีแขนขางอกขึ้นมาอีกหลายๆ ข้างถึงจะดี
“ยายสุนัขจิ้งจอก…ยายสุนัขจิ้งจอกหน้าไม่อาย…กล้ามาแย่งผู้ชายของฉัน…”
เหอปี้อวิ๋นวิ่งไล่ตามหร่วนเป่าฮุ่ยอย่างไม่ลดละ สายตาจ้องเขม็งเพราะเธอในเวลานี้มีเพียงความคิดเดียวคือฆ่ายายสุนัขจิ้งจอกคนนี้เสีย ห้ามเธอมีลูกชายให้อู่เจิ้งซือเด็ดขาด
ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของอู่เจิ้งซือเป็นของเยวี่ยเยวี่ยลูกเธอเท่านั้น จะให้ยายสุนัขจิ้งจอกเอาเปรียบไปไม่ได้!
แม้ในตอนนี้เหอปี้อวิ๋นจะได้รับความสะเทือนใจแต่ความคิดของเธอกลับชัดเจนมากขึ้น เธอรู้ว่าตัวเองคงตายสถานเดียว ไม่สามารถปกป้องอู่เยวี่ยได้อีกแล้ว ถ้าอย่างนั้น…เธอจะต้องจัดการอุปสรรคที่ขวางหน้าแทนลูกสาวไปให้หมดสิ้น!
เท่าที่เธอจะทำได้!
ถือว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจะทำเพื่อลูกสาวแล้วกัน!
เหอปี้อวิ๋นไล่ตามหร่วนเป่าฮุ่ยไม่ลดละด้วยสีหน้าบึ้งตึงโดยมีอาวุธในมืออยู่ ใครจะกล้าไปห้ามอย่างไม่กลัวตาย?
ไม่ว่าจะเป็นแขกที่มาเยี่ยมชมหรือเพื่อนร่วมงานของหร่วนเป่าฮุ่ยล้วนเผ่นหนีกันกระเจิง ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยหร่วนเป่าฮุ่ยเลยสักคนเดียว พวกเขาถึงขั้นคิดว่าเหอปี้อวิ๋นเป็นเมียหลวงของหัวหน้าสักคนของหร่วนเป่าฮุ่ยด้วยซ้ำและกำลังมาคิดบัญชีแค้น ยังไม่ทันโวยวายเลยแล้วจะไปช่วยได้อย่างไร?
“ยายสุนัขจิ้งจอกไปตายซะเถอะ…”
เหอปี้อวิ๋นเห็นโฉมหน้าที่งดงามสะสวยของหร่วนเป่าฮุ่ย ความอิจฉายิ่งทำให้เธอบ้าคลั่ง เธอใช้มือข้างเดียวกระชากคอเสื้อไว้ ด้วยความที่ทำงานอย่างหนักหน่วงมาตลอดหลายปีเลยมีแรงไม่แพ้ผู้ชาย หร่วนเป่าฮุ่ยดิ้นไม่หลุด เธอได้แต่มองเหอปี้อวิ๋นที่แววตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นอย่างหวาดผวา
เหอปี้อวิ๋นแสยะยิ้มและยกมือขึ้นอย่างไม่ลังเล มีดปอกผลไม้ถูกกรีดลงบนดวงหน้าสวยนั่น
“กรี๊ด…หน้าฉัน…”
เสียงกรีดร้องของหร่วนเป่าฮุ่ยดังกึกก้องทั่วห้องโถงที่จัดงานนิทรรศการนี้ไม่ขาดสาย ทุกคนต่างเอามืออุดหูไม่กล้าฟัง แต่ส่วนใหญ่ก็รู้สึกโชคดี !
โชคดีที่แค่มาแก้แค้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเขา!
หร่วนเป่าฮุ่ยใช้มือปิดหน้าไว้เลยโดนกรีดลงบนมืออีกหลายที ต่อให้เจ็บแค่ไหนก็สู้ความเจ็บบนใบหน้าไม่ได้ เธอไม่รู้ว่าหน้าตัวเองเป็นอย่างไรบ้างและไม่รู้ว่าโดนเหอปี้อวิ๋นกรีดไปกี่ที
ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้?
ไหนว่าจะไปฆ่าเหยียนซินหย่าไงล่ะ?
ทำไมคนที่บาดเจ็บถึงกลายเป็นเธอ?
ตำรวจไม่ได้มาถึงช้าเกินไป ทว่าหร่วนเป่าฮุ่ยเองก็กลายเป็นคนที่ตัวอาบเลือดจนสลบเหมือดไปแล้ว ชายร่างโตบึกบึนที่แบกกล้องอยู่นั้นมีความรับผิดชอบต่อการงานเหลือเกิน แม้แต่ตอนวิ่งหนีเอาชีวิตรอดก็ยังไม่ลืมทิ้งกล้องและบันทึกเหตุการณ์ก่อคดีของเหอปี้อวิ๋นไว้ทั้งหมด
มีหลักฐานชั้นหนึ่งแบบนี้เหอปี้อวิ๋นมีเจตนาฆ่าคนอย่างไม่ต้องสงสัย รอแค่ทางศาลตัดสินโทษเท่านั้น
วันรุ่งขึ้นเหมยเหมยก็รู้เรื่องพวกนี้ทันทีซึ่งเป็นเซียวเซ่อกับสยงมู่มู่ที่บอกเธอ สองคนนี้เร่งมาเมืองหลวงตั้งแต่วันที่สองเพื่อมารวมตัวกับเหมยเหมย
พวกเขาไปเจอกันที่คฤหาสน์หลังโตของเซียวเซ่อโดยที่ทั้งสามคนกอดกันตัวกลมด้วยความดีใจ ภายหลังเซียวเซ่อจึงเล่าเหตุการณ์สุดระทึกที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมื่อวานทำเอาเหมยเหมยตกใจแทบแย่และรู้สึกกลัวไม่หาย
“โชคดีที่มีพวกเธอ ไม่งั้นแม่ฉัน…ไอ้สารเลวเหอปี้อวิ๋น รอฉันจัดการเรื่องทางนี้เสร็จค่อยไปจัดการมัน!” เหมยเหมยพูดเสียงแค้น
“ไม่ต้องรอเธอจัดการหรอก เหอปี้อวิ๋นทำร้ายชีวิตถึงสองคน ยังไงก็ไม่พ้นโทษทางกฎหมาย” เซียวเซ่อกล่าวพลางเล่าเรื่องการตายของพ่อเลี้ยงและพี่เลี้ยงของอู่เยวี่ยไปเช่นกัน
เหมยเหมยฟังแล้วทำตาโตอ้าปากค้าง เธอเพิ่งจากมาแค่หนึ่งวันก็เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้เชียว?
“ทำไมเหอปี้อวิ๋นถึงฆ่าสามีกับลูกเลี้ยง? อู่เยวี่ยเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเหรอ?”
ไม่รู้ทำไมเหมยเหมยถึงรู้สึกว่าคดีฆาตกรรมนี้ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับอู่เยวี่ยแน่นอน!
ตอนที่ 1122 เพื่อนรักเจอกัน
เซียวเซ่อส่ายศีรษะ “ไม่รู้เหมือนกัน เรารีบมาเลยไม่มีเวลาตามสืบมากนัก แต่ฉันได้ยินมาว่าสองพ่อลูกนั่นข่มขืนอู่เยวี่ยแล้วโดนเหอปี้อวิ๋นเห็นเข้า ถูกยั่วยุจนฆ่าคน”
“แล้วทำไมเหอปี้อวิ๋นถึงจะไปฆ่าแม่ฉันกับหร่วนเป่าฮุ่ย?”
เหมยเหมยพึมพำกับตัวเองเพราะรู้สึกสงสัย
การฆ่าสองพ่อลูกตระกูลซ่งถือเป็นการปกป้องลูกสาว แต่ฆ่าเหยียนซินหย่ากับหร่วนเป่าฮุ่ยเพื่ออะไร?
“เพราะหึงหวงมั้ง ฉันได้ยินว่าเหอปี้อวิ๋นด่าว่ายายสุนัขจิ้งจอกตลอด น่าจะรู้สึกว่าน้าเหยียนกับหร่วนเป่าฮุ่ยแย่งผู้ชายของเธอไปล่ะมั้ง!” เซียวเซ่อวิเคราะห์ด้วยสติเลยโดนเหมยเหมยกลอกตาใส่ทีหนึ่ง
“เธออย่าเอาแม่ฉันไปเหมารวมกับไอ้สารเลวนั่น ระวังฉันจะซ้อมเธอนะ!”
เซียวเซ่อหัวเราะแหะๆ และกลอกตามองบนกลับใส่ “ฉันพูดความจริง มันก็บ่งบอกว่าน้าเหยียนมีเสน่ห์อย่างไร้ขีดจำกัด ไม่คุยเรื่องพวกนี้แล้ว ฉันถามเธอนะว่าย่าเธอเป็นบ้าอะไรอีกแล้ว?”
เหมยเหมยแค่นหัวเราะพลางเล่าแผนร้ายของสองสามีภรรยาจ้าวอิงสยงกับคุณย่าโดยไม่ปิดบัง เซียวเซ่อกับสยงมู่มู่โกรธจนเด้งตัวขึ้นชี้นิ้วด่ากราดใส่เธอ
“เธอโง่หรือไง? รู้อยู่แก่ใจว่าคนพวกนี้ไม่หวังดีแล้วเธอยังมาถึงนี่อีก? รีบกลับเมืองจินเดี๋ยวนี้!”
เซียวเซ่อกับสยงมู่มู่เปิดปากด่าเสร็จก็กระชากแขนคนละข้างอย่างพร้อมเพรียงหวังจะลากเหมยเหมยไปที่สนามบิน
เหมยเหมยสะบัดแขนหลุดมาได้ในที่สุดพลางพูดหยอกเย้า “พวกเธอสองคนใจตรงกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? คงไม่ได้ก่อตัวเป็นความรักขึ้นมาในสามปีนี้หรอกนะ?”
“แหวะ…”
เซียวเซ่อกับสยงมู่มู่ทำท่าโก่งคออ้วกพร้อมกันอีกครั้งอย่างน่าตกใจ ถลึงตามองอีกฝ่ายด้วยความรังเกียจแวบหนึ่งก่อนจะหันไปกระชากตัวเหมยเหมยอีกครั้ง
“เธอยังมีอารมณ์มาพูดเล่นอีก? ไม่รู้หรือไงว่าเจ้าเฮ่อเหลียนเช่อนั่นโรคจิตแค่ไหน? รีบไปเดี๋ยวนี้เลย!” สยงมู่มู่ทำหน้าตื่นตระหนกและออกแรงสุดฤทธิ์
ความรู้สึกอบอุ่นวาบไปทั้งหัวใจของเหมยเหมยพลางแสร้งกระชากผมของสยงมู่มู่อย่างซุกซนทีหนึ่ง ความอ่อนนุ่มลื่นมือนั่นบ่งบอกว่าผมสุขภาพดียิ่งกว่านางเอกโฆษณาแชมพูสระผมรีจอยส์ร้อยเท่า และดีกว่าผมเส้นเล็กของเธออีกหมื่นเท่า
ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!
“วางใจเถอะ ในเมื่อฉันกล้ามาก็ต้องไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นอะไรไปอยู่แล้ว ฉันไม่ได้โง่สักหน่อย จะวิ่งแจ้นมารนหาที่ตายเองได้ไง?” เหมยเหมยพูดปลอบเพื่อน
เซียวเซ่อกับสยงมู่มู่แค่นเสียงออกมาพร้อมกัน เอ่ยด้วยน้ำเสียงดูถูก “เธอจะเก่งกว่าคนโง่สักเท่าไหร่เชียว?”
เหมยเหมยเท้าสะเอวตวาดกลับ “พวกเธออย่ามาดูถูกกันนะ สามปีนี้ฉันเก่งขึ้นมากเลยล่ะ เดือนก่อนฉัน…”
เธอเล่าวีรกรรมแห่งความกล้าหาญที่ตัวเองบุกไปช่วยเพื่อนที่ร้านคาราโอเกะเพียงลำพังแล้วควักดวงตาของโอหยางสยง วางแผนจัดการอู่เยวี่ยกับทำลายลูกรักของหานป๋อหย่วน กลับเรียกให้พวกเซียวเซ่อมองด้วยสายตาชื่นชม
“ก็เก่งขึ้นหน่อย คนอย่างอู่เยวี่ยทำตัวเองทั้งนั้น สมน้ำหน้าที่โดนรุมโทรม เสียดายที่ปล่อยตัวโอหยางซานซาน” เซียวเซ่อพูดอย่างเสียดาย
สยงมู่มู่กลับรู้สึกกังวล “เหมยเหมยทีนี้เธอได้มีเรื่องกับตระกูลโอหยางเข้าอย่างจังแล้ว โอหยางสยงเสียตาไปข้างหนึ่ง มันต้องไม่มีวันยอมแน่ๆ”
เหมยเหมยแค่นเสียงเย็นชา “ต่อให้ไม่ควักตาโอหยางสยงมาตระกูลโอหยางก็ไม่มีทางปล่อยฉันหรอก พวกเขาเป็นสุนัขรับใช้แสนภักดีของเฮ่อเหลียนเช่อเชียว”
“งั้นตอนนี้เธอคิดจะทำยังไงต่อ?” เซียวเซ่อถาม
“ไม่ทำอะไรทั้งนั้น ฉันรอพวกเขาลงมืออยู่!” เหมยเหมยเองก็ไม่มีวิธีที่ดียิ่งกว่านี้ ได้แต่รอพวกหานซู่ฉินเริ่มเผยไต๋ก่อนถึงจะเปิดโปงธาตุแท้อันจอมปลอมของพวกเขา
“งั้นฉันยังไม่กลับไป ยังไงพ่อแม่ฉันก็ไม่รู้เรื่องที่ฉันกลับประเทศ ฉันกับเซียวเซ่อจะแอบอยู่ในที่ลับ เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง” สยงมู่มู่กล่าว เซียวเซ่อเองก็พยักหน้ารับ นานๆ ทีที่ทั้งคู่จะสามัคคีกันได้
เหมยเหมยมองพวกเขาด้วยสายตาแปลกใจหลายที มักรู้สึกทะแม่ง ๆ อย่างไรชอบกล ทันใดนั้นเสียงเพจเจอร์ก็ดังขึ้น เหมยเหมยกดตอบรับ หานซู่ฉินเองที่เป็นคนส่งหาเธอบอกว่าอยากเชิญเธอไปทานข้าวด้วย
………………………………………………
ตอนที่ 1123 จงใจกลั่นแกล้ง
หานซูฉินเชิญเธอไปทานข้าวที่บาร์ระดับกลางร้านหนึ่ง ใจป้ำกว่าหลานชายเธออยู่นิดหน่อย แต่ที่นั่นมีเพียงหานซู่ฉินคนเดียวไม่มีคนอื่นด้วย
ภายในห้องเงียบสงัดหานซู่ฉินดูท่าทีไม่ดีเท่าไร ตอนนี้ไม่นิยมแต่งหน้าโดยเฉพาะผู้หญิงที่ทำงานในกองทัพ หานซู่ฉินจึงไม่มีความเคยชินที่จะแต่งหน้า สีหน้าบนใบหน้าดูแย่มาก มีถุงดำใต้ตาผิวพรรณหยาบกร้านขับให้ดูแก่ลง
“ป้าสะใภ้สองมีเรื่องจะคุยกับหนูเหรอ?” เหมยเหมยตัดประโยคทักทายไปโดยเลือกถามอย่างตรงไปตรงมา
หานซู่ฉินเองก็ชะงัก เธอชินกับการพูดอ้อมค้อมเลยปรับตัวไม่ทันกับน้ำเสียงบีบเค้นของเหมยเหมยชั่วขณะ รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนัก
“เปล่า แค่อยากเลี้ยงข้าวเธอ เหมยเหมยรีบกิน ผักห่อเนื้อของร้านนี้รสชาติไม่เลวเลย” หานซู่ฉินจัดจานอาหารอย่างกระตือรือร้น มัวแต่พูดคำที่ไร้แก่นสารไม่ยอมเข้าประเด็นสักที
เหมยเหมยไม่ได้ทานกับข้าว ไม่แม้แต่จะเอาแก้วน้ำแตะริมฝีปาก
“ทำไมเหมยเหมยไม่กินล่ะ? ไม่ชอบหรือเปล่า? เธออยากกินอะไรสั่งได้เลย!”
หานซู่ฉินพูดอย่างใจเย็นและดูเป็นมิตรอบอุ่นเหมือนเฉกเช่นปกติ แต่ในสายตาเหมยเหมยนั้นกลับมีเพียงความรู้สึกสะอิดสะเอียนใจ อยากกระชากใบหน้าอ้วนกลมจอมปลอมของเธอออกให้รู้แล้วรู้รอด
“ไม่ต้องหรอก หนูไม่หิว ถ้าป้าสะใภ้สองไม่มีธุระอะไรหนูขอตัวก่อน”
เหมยเหมยทำท่าจะลุกขึ้นแต่หานซู่ฉินรีบคว้าตัวเธอไว้ก่อน “มีธุระมีธุระ อย่าเพิ่งรีบไปสิ ป้าขอคุยกับเธอเรื่องหนึ่ง”
หานซู่ฉินคอยมองเหมยเหมยที่มีใบหน้าเย้ายวนก็ยิ่งมั่นใจ หลานสาวคนนี้มันซูต๋ากลับชาติมาเกิดชัดๆ เธอกล้ารับรองว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะต้องหลงเสน่ห์เหมยเหมยหัวปักหัวปำ จ้าวอิงสยงเองก็คงไม่เป็นอะไร
“ป้าสะใภ้สองรีบพูดเถอะ หนูนัดชอปปิงกับเพื่อนไว้” เหมยเหมยพูดเร่งเร้า
หานซู่ฉินรีบพูดขึ้น “ป้าบอกเรื่องน่ายินดีกับเธอเรื่องหนึ่ง เหมยเหมยอายุสิบแปดแล้ว สมัยที่ป้าอายุเท่าเธอก็แต่งงานกับลุงสองของเธอแล้ว ถึงเวลาที่เธอควรคิดถึงอนาคตแล้วล่ะ!”
“ไม่รีบค่ะ พ่อของหนูบอกว่าจะเลี้ยงหนูตลอดชีวิต ไม่ได้รีบแต่งงานเหมือนป้าสะใภ้” เหมยเหมยพูดเสียงเรียบ
หานซู่ฉินสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยและไม่พอใจต่อความไม่เจียมตัวของเหมยเหมยอย่างมาก ไอ้คนไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ในเมื่อเสพสุขอยู่ภายใต้แสงของเจ้าหญิงตระกูลจ้าว ถ้าอย่างนั้นก็สมควรออกแรงเพื่อตระกูลจ้าวเช่นกัน
“พ่อของเธอพูดเล่นต่างหาก มีผู้หญิงคนไหนอยู่บ้านตลอดชีวิต คนอื่นมีแต่จะหัวเราะเยาะเอา”
“ก็แล้วแต่ค่ะ คนอื่นหัวเราะจนตายก็ไม่เกี่ยวกับหนู”
“เด็กคนนี้นี่…ทำไมพูดจาเหมือนกินปืนไฟเข้าไปเลย ตอนเด็กปากหวานจะตาย!”
“ตอนเด็กไม่รู้ความ…”
หานซู่ฉินหน้าชะงักแทบจะฝืนยิ้มต่อไปไม่ไหว เหมยเหมยเองก็เริ่มหมดความอดทนเลยพูดไปตรงๆ “ป้าสะใภ้รีบพูดเรื่องน่ายินดีนั่นเถอะ หนูรีบ”
“เหมยเหมย ป้าสะใภ้ไม่พูดอ้อมค้อมแล้วกัน ตระกูลจ้าวเกิดเรื่องใหญ่แล้ว” หานซู่ฉินลอบสบถอยู่ในใจแต่ใบหน้ากลับทำท่าน่าสงสาร
“ก็คุณย่าใกล้ไม่ไหวแล้วไม่ใช่เหรอ? เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องปกติ ป้าสะใภ้อย่าจมปลักนักเลย!” เหมยเหมยแกล้งโง่แต่กลับล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงเพื่อกดปุ่มอัดเสียง
หานซู่ฉินกัดฟัน ยายเด็กบ้านี่ไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ แผนจู่โจมที่เธอคิดจะใช้ตอนแรกก็เปล่าประโยชน์
“ไม่ใช่เรื่องคุณย่าของเธอแต่ลุงสองของเธอเกิดเรื่องนิดหน่อยที่เกี่ยวข้องถึงความอยู่ความตายของตระกูลจ้าว” หานซู่ฉินจำต้องพูดไปตรงๆ
เหมยเหมยลอบยิ้มในใจแต่กลับทำหน้าเฉยชามึนๆ งงๆ ถามด้วยความสงสัย “ความอยู่ความตายของตระกูลจ้าว? สาหัสขนาดนั้นเลย? ลุงสองคิดจะก่อกบฏเหรอ?”
“ไม่ใช่อยู่แล้ว ลุงสองของเธอยักยอกเงินไปนิดหน่อยเลยโดนคนจับได้” หานซู่ฉินพูดเสียงไม่สบอารมณ์และจงใจพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ คิดว่าเหมยเหมยหลอกง่าย
เหมยเหมยทนไม่ไหวอีกต่อไปและคร้านจะหยอกหานซู่ฉินอีกเลยได้แต่แค่นยิ้มกล่าว “ป้าสะใภ้สองไม่จริงใจเลย ลุงสองยักยอกทรัพย์หาความสุขใส่ตัวจะเป็นเงินจำนวนน้อยนิดได้อย่างไร? ปลาเน่าตัวเดียวอย่างลุงสองย่อมมีกฎหมายของประเทศชาติคอยลงโทษ ป้าสะใภ้สองมาหาหนูทำไม!”
ตอนที่ 1124 ยอกย้อนเย้ยหยัน
เหมยเหมยไม่ไว้หน้าจ้าวอิงสยงแม้แต่น้อยและถ้อยคำที่เอ่ยไร้ซึ่งความเคารพ คนใจดำสองคนนี้แทบจะขายหลานสาวเพื่อเงินทองอำนาจแล้ว เธอจะเคารพไปทำไมอีก!
หานซู่ฉินหน้าถอดสีทันที ความโมโหปนอับอายแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ เธอไม่คิดว่าจ้าวอิงหัวจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ลูกสาวฟัง เมื่อกี้ยายบ้านี่แกล้งโง่อยู่ตลอดเลยสิท่า!
“เหมยเหมยว่าลุงสองของเธอแบบนี้ได้ยังไง? ถ้าลุงสองของเธอซวยตระกูลจ้าวก็ต้องซวยตาม ทำไมเธอไม่รู้ความอะไรเลย!”
“ซวยก็ซวยสิ ใครให้ลุงสองทำความผิดกันล่ะ!” สีหน้าเรียบเฉยไม่สนใจของเหมยเหมยได้กระตุ้นอารมณ์เดือดพล่านของหานซู่ฉินเข้าเต็มเปา
“ลุงสองของเธอซวย งั้นตำแหน่งของพ่อเธอก็ต้องสะเทือนไปด้วย เหมยเหมยคิดให้ดีล่ะ” หานซู่ฉินพูดเสียงเข้ม
เหมยเหมยแค่นหัวเราะพลางมองหานซู่ฉินหยามเหยียดแวบหนึ่ง สำคัญตัวผิดไปหรือเปล่า!
“แบบนี้เอง สาหัสจริงๆ ด้วยสิ แต่ป้าสะใภ้สองมาพูดกับหนูมีประโยชน์อะไร คุณป้าควรไปหาคุณปู่คุณย่าสิ ไม่แน่พวกท่านอาจจะมีวิธีช่วยลุงสองได้” เหมยเหมยยังคงแกล้งโง่เพื่อปั่นหัวผู้หญิงคนนี้ต่อ
หานซู่ฉินกัดฟันกรอด ถ้าคุณปู่จ้าวยอมช่วยเธอจะมาเอาใจนังจ้าวเหมยนี่ทำไมอีก?
ไม่ว่าเธอกับจ้าวอิงสยงจะอ้อนวอนขอร้องอย่างไรคุณปู่จ้าวก็ไม่ยอมร่วมมือกับเฮ่อเหลียนเช่อถึงขั้นบอกให้จ้าวอิงสยงไปมอบตัวเอง ให้เวลาพวกเขาสิบวันและนี่เหลือเพียงสามวันสุดท้ายแล้ว
“คุณปู่คุณย่าเธออายุมากแล้วไง สุขภาพก็ไม่ดีจะให้พวกท่านมากังวลใจไม่ได้ เหมยเหมยเธอต้องช่วยลุงสองของเธอได้แน่ๆ ขอแค่เธอยอม” หานซู่ฉินทำหน้ายิ้มหลอกล่อ
“หนูจะทำอะไรได้?” เหมยเหมยยิ้มอ่อนหวานแต่แววตากลับเยือกเย็น
หานซู่ฉินคิดว่าเหมยเหมยถูกเธอพูดโน้มน้าวใจสำเร็จพลันก็อารมณ์ดีขึ้นทันตาเลยบอกจุดประสงค์เธอไป “คนที่จับจุดอ่อนลุงสองเธอได้คือเฮ่อเหลียนเช่อ เมื่อก่อนเหมยเหมยเคยเล่นกับเขาด้วยนะ คุณชายเช่อมีพื้นหลังครอบครัวดี มีความสามารถ ตอนนี้เป็นว่าที่ผู้สืบทอดตระกูลคนดังของเมืองหลวงเชียว มีผู้หญิงตั้งมากมายที่อยากแต่งงานกับเขาแหนะ!”
เธอหยุดเว้นช่วงพลางเหลือบมองเหมยเหมยที่ยังคงยิ้มอ่อนหวานเหมือนเดิมเลยวางใจ หลงคิดว่าเหมยเหมยถูกเฮ่อเหลียนเช่อที่เธอพรรณาให้ฟังดึงดูดความสนใจเข้าให้ เฮ่อเหลียนเช่อหน้าตาหล่อเหลาจริงๆ นี่นา!
“คุณชายเช่อเขากลับถูกใจเหมยเหมยเธอ บอกว่าขอแค่เหมยเหมยแต่งงานกับเขาแล้วจะทำลายหลักฐานพวกนั้นทิ้ง แล้วจะเปลี่ยนจากศัตรูกลายเป็นมิตรกับตระกูลจ้าว มีแรงหนุนอย่างคุณชายเช่ออนาคตลุงสองของเธอต้องได้เลื่อนตำแหน่ง และจะได้เอื้ออำนวยพ่อของเธอด้วย ไม่แน่อีกไม่กี่ปีในอนาคตพ่อของเธออาจได้เลื่อนตำแหน่งเลยก็ได้นะ!”
หานซู่ฉินเอ่ยยาวเหยียดไม่หยุดพัก ชมเฮ่อเหลียนเช่อเปรียบดั่งดอกไม้ วาดฝันอนาคตอันงดงามไว้ให้ สมแล้วที่ทำงานเกี่ยวกับฝ่ายวางแผนในกองทัพ
หากเหมยเหมยไม่ได้เกิดใหม่แต่เป็นเด็กสาวอายุสิบเจ็ดจริงคงถูกหานซู่ฉินหลอกแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วค่อยเสียสละตัวเองอย่างกล้าหาญหลงคิดว่าทำเพื่ออนาคตตระกูลก่อนจะแต่งงานกับปีศาจจอมโรคจิตเฮ่อเหลียนเช่อ กระโดดเข้าเหวนรกตายอนาถไร้ที่ฝังศพ
เหมยเหมยเงยหน้ามองหานซู่ฉินที่ยิ้มอบอุ่นแต่กลับกำลังฆ่าคนอย่างไร้ความปราณี รอยยิ้มอ่อนหวานค่อยๆ เย็นชาลง แววตาเยือกเย็นนั่นเรียกให้หานซู่ฉินสัมผัสถึงความผิดปกติ มองเหมยเหมยอย่างมึนงง
“ป้าสะใภ้วางแผนได้ดี ขายหลานสาวอย่างไม่สงสารเลยสักนิด แต่ป้าคิดว่าหนูโง่เหรอ? เรื่องนี้หนูขอไม่ยุ่งเกี่ยวแล้วกัน!”
เหมยเหมยพยายามระงับอารมณ์ให้ไม่เดือดพล่าน ลุกพรวดเตรียมเดินจากไปแต่กลับถูกหานซู่ฉินคว้าตัวไว้
“เหมยเหมยเธอต้องคิดให้ดีนะ แต่งงานกับเฮ่อเหลียนเช่อยังได้ฐานะเงินทอง ตระกูลจ้าวเองก็ยิ่งใหญ่ได้เหมือนเดิม ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ทำไมเธอถึงคิดไม่ได้ล่ะ!”
“เรื่องดีๆ แบบนี้ทำไมป้าถึงยอมสละให้หนู? เรือล่มในหนองทองจะไปไหนได้ หานซู่ฉินทำไมเธอไม่ขายหลานแท้ๆ ตัวเองไปล่ะ ยังไงเฮ่อเหลียนเช่อก็ได้ทั้งผู้ชายผู้หญิง ไม่แน่จากนี้ไปตระกูลหานของพวกเธออาจจะผงาดขึ้นก็ได้นะ!” เหมยเหมยพูดยอกย้อนด้วยเสียงเย้ยหยัน
………………………………………………
ตอนที่ 1125 ส่งหลานชายเธอไปเถอะ
หานซู่ฉินหน้าถอดสีอย่างฉับพลันมองเหมยเหมยอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อก่อนหานป๋อหย่วนเคยบอกทางโทรศัพท์ว่าเหมยเหมยปากคอเราะร้าย พูดจาไม่ถนอมน้ำใจ หานซู่ฉินไม่เชื่อเท่าไรในเมื่อในความทรงจำเธอนั้นเหมยเหมยเป็นเพียงเด็กสาวตัวเล็กท่าทางอ่อนแอมาโดยตลอด
แม้ตอนจะพูดจาสักประโยคยังเสียงอ่อนเหมือนคนไม่มีแรง แล้วจะมีความร้ายกาจไม่ถนอมน้ำใจได้อย่างไร?
แต่ตอนนี้เธอกลับเจอเข้ากับตัวแล้ว!
ร้ายจริงและแล้งน้ำใจจริง ๆ เวลาด่าขึ้นมาไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย!
“พ่อแม่เธอสั่งสอนเธอยังไง? นี่คือท่าทีเวลาเธอคุยกับผู้อาวุโสกว่า?” หานซู่ฉินตวาดเสียงกร้าว
เหมยเหมยมองเธอยิ้มๆ แล้วพูดประชดประชัน “พ่อแม่ฉันสอนฉันว่าไม่ว่าใคร ไม่ว่าไอ้สารเลวหน้าไหนที่ไม่หวังดีกับฉัน ลงมือได้แต่ห้ามด่า เสียเวลา!”
หานซู่ฉินทั้งโกรธทั้งแค้น จนถึงตอนนี้เธอถึงรู้ว่าเหมยเหมยแกล้งโง่ใส่เธอมาโดยตลอด!
“จ้าวเหมยเธออย่าดื้อให้มากนัก หรือว่าเธออยากเห็นพ่อเธอซวยจริงๆ?” หานซู่ฉินพูดขู่
เหมยเหมยแสยะยิ้มพลางกล่าว “เธอสำคัญตัวจ้าวอิงสยงมากเกินไปแล้ว ตระกูลจ้าวอาจจะซวยได้ ส่วนพ่อฉัน ก็ไม่แน่หรอก!”
เธอเอากระเป๋าเป้สะพายหลังคร้านจะพูดไร้สาระกับหานซู่ฉินอีก อย่างไรเสียสิ่งที่ตัวเองต้องการก็ได้มาแล้ว
“อ้อ หนูลืมบอกป้าว่าอวัยวะข้างหน้าหลานชายคนโตสุดรักของป้าไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ก็มีแค่ข้างหลังที่ยังพอใช้งานได้ คำแนะนำของหนูไม่เลวนะ ป้าลองเอาไปพิจารณาดูล่ะ!”
เหมยเหมยที่เดินไปถึงหน้าประตูหยุดฝีเท้าหันมองหานซู่ฉินด้วยสีหน้าจริงใจก่อนจะเอ่ยคำพูดที่แสนคลุมเครือ ทำเอาหานซู่ฉินมึนทันที
ทว่าไม่นานเธอก็เข้าใจ
หานป๋อหย่วนเองก็เร่งเท้ากลับเมืองหลวงในสภาพโทรมแทบดูไม่ได้ ไม่เหลือภาพความสง่าในวันวานอีกแล้ว
“ป๋อหย่วนทำไมเธอกลายเป็นแบบนี้? ป่วยหรือเปล่า?”
หานซู่ฉินตกตะลึง ไม่เข้าใจทำไมหลานชายถึงมีสภาพเหมือนป่วยเป็นวัณโรค ไม่นานเธอก็นึกถึงความเป็นไปได้หนึ่งเลยอดทำหน้าเรียบตึงไม่ได้
“ฉันบอกเธอตั้งนานแล้วใช่มั้ยว่ามีแฟนได้แต่รู้จักขอบเขต ระวังสุขภาพ เธอดูสุขภาพเธอสิโทรมแค่ไหน? เธอยังไม่ได้สืบสกุลให้ตระกูลหานเลย!”
หานซู่ฉินหลงคิดว่าหานป๋อหย่วนวันๆ หมกมุ่นแต่กับหญิงสาวถึงได้เสียสุขภาพเลยไม่พอใจอย่างมาก
คำว่า ‘สืบสกุล’ แทงใจดำหานป๋อหย่วนทำให้ขอบตาแดงก่ำในทันที ใบหน้าหม่นหมอง ปากสั่นระริกเพราะความเจ็บปวด
“คุณอา…ผม…ผม…ผมสืบสกุลให้ตระกูลหานไม่ได้อีกแล้ว…ฮึก…ผมกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปแล้ว…”
หานป๋อหย่วนเอามือกุมหัวร่ำไห้ หลังจากตัวของเขาแข็งทื่อถูกเหมยเหมยกระหน่ำฝ่าเท้าใส่จุดสำคัญหลายสิบที บวกกับพี่เสือที่ได้รับคำสั่งจากเหยียนหมิงซุ่นว่าห้ามส่งเขารักษาตัวที่โรงพยาบาล ยื้อไปหลายวันถึงยอมปล่อยตัวเขา
แต่ไม่ทันเสียแล้ว…
คุณหมอบอกว่าเลยช่วงเวลาสำคัญที่จะช่วยได้ เส้นประสาทตรงจุดนั้นของเขาเสียไปแล้ว ไม่สามารถปล่อยความเป็นชายของเขาได้อีก!
หานป๋อหย่วนนึกถึงหานซู่ฉินเป็นอันดับแรก เขาจะแก้แค้น…
เขาจะต้องให้จ้าวเหมยตายทั้งเป็น!
หานซู่ฉินคอยฟังเสียงโอดครวญร่ำไห้ที่ขาดเป็นช่วงๆ ของหลานชายถึงเข้าใจความหมายประโยคเมื่อวานของเหมยเหมย ทำให้อารมณ์โมโหพุ่งทะลุเพดาน
นางแพศยาจ้าวเหมยใจเหี้ยมนักที่ทำลายหลานชายที่เธอให้ความสำคัญที่สุด เดิมเธอยังสงสารไม่กล้าบังคับฝืนใจแต่ตอนนี้เธอแค่อยากส่งตัวจ้าวเหมยขึ้นเตียงเฮ่อเหลียนเช่อด้วยตัวเอง ให้เจ้าโรคจิตนั่นทรมานนางแพศยานี่อย่างโหดเหี้ยม!
“ป๋อหย่วนอย่าเศร้าไปเลย ป้าจะแก้แค้นให้เธอ เรา…”
สองป้าหลานกระซิบกระซาบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปรากฏรอยยิ้มอันเยือกเย็นตรงมุมปาก นัยน์ตาฉายแววมั่นอกมั่นใจว่าต้องสำเร็จอย่างมีความหวัง
ตอนที่ 1126 แผนร้ายเปิดเผยอย่างโจ่งแจ้ง
เหมยเหมยไม่ได้กลับบ้านตระกูลจ้าว อยู่ที่นั่นคงหวาดระแวงทุกวี่วัน จะดื่มน้ำสักหน่อยก็ต้องกลัวว่าจะมีใครวางยาหรือไม่ นึกรำคาญใจเหลือเกินเลยเลือกมาอยู่บ้านเซียวเซ่อเพื่อสงบจิตสงบใจ
เธอเปิดคลิปบันทึกเสียงของหานซู่ฉินใหม่ แม้เสียงจะพร่ามัวไปหน่อยแต่พอฟังชัดอยู่บ้าง สามารถแยกแยะได้ว่าเสียงใครเป็นของใคร
“หน้าไม่อายที่สุด เธอนี่ก็ซวยจริงๆ นะ ที่คนทั้งครอบครัวมีแต่พวกไร้ศีลธรรมเห็นแก่ตัว” เซียวเซ่อพูดหยาม
สยงมู่มู่ถลึงตาใส่เธอแวบหนึ่งอย่างไม่พอใจ “เธออย่าเหมารวมทั้งหมดสิ!”
เซียวเซ่อแค่นเสียงพลางถามเหมยเหมยเพราะคร้านจะสนใจเขา “แล้วเธอคิดจะทำยังไงต่อ? เมื่อกี้ฉันให้แม่ฉันช่วยสืบแล้ว กำหนดเวลาที่เฮ่อเหลียนเช่อให้จ้าวอิงสยงเหลือแค่สองวัน ฉันเดาว่าผีไร้คุณธรรมสองตัวนี้ใกล้จะลงมือแล้ว”
สยงมู่มู่เอ่ยถาม “คุณตาว่ายังไง?”
เหมยเหมยส่ายศีรษะ “ไม่รู้ เขาไม่ได้พูดอะไร!”
นอกจากถามแต่สุขภาพของคุณย่า คุณปู่จ้าวก็ไม่เอ่ยถึงเรื่องอื่นราวกับไม่เรื่องอะไรด้วย เหมยเหมยกลับคิดว่าคุณปู่จ้าวน่าจะยอมรับแผนของสองสามีภรรยาจ้าวอิงสยงกลายๆ เตรียมจะสละตัวเธอเพื่อรักษาตระกูลจ้าว
สยงมู่มู่มีเยื่อใยต่อคุณปู่จ้าวอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงไม่อยากเอ่ยถึงคุณปู่จ้าวต่อหน้าเขา
แต่ว่า–
เซียวเซ่อแค่นเสียงพูดเยาะเย้ย “ฉันว่าคุณปู่จ้าวแสร้งหลับตาข้างหนึ่งแกล้งโง่นั่นแหละ ฉันว่านะตระกูลจ้าวของพวกเธอมีผู้นำตระกูลที่เห็นแก่ตัวและสมองเลอะเลือนแบบนี้ จะวุ่นวายสักหน่อยเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
เหมยเหมยเห็นด้วยสุด ๆ
แม้คุณปู่จ้าวจะเป็นนักรบตัวฉกาจแต่ไม่ใช่ผู้นำตระกูลที่ดีสักเท่าไร ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นหรอก แค่ดูเรื่องที่เขาตามใจคุณย่าเกินไปก็พอจะทำลายตระกูลจ้าวได้แล้ว
ที่ตระกูลจ้าวมาถึงจุดนี้ได้คุณปู่จ้าวนั้นมีความผิดที่ปฏิเสธไม่ได้
“เอาคลิปอัดเสียงพวกนี้จะให้คุณตาฟังไหม?” สยงมู่มู่แนะนำ เขายังคงไม่เชื่อว่าคุณปู่จ้าวจะสนับสนุนสองสามีภรรยาจ้าวอิงสยง
เหมยเหมยเงียบไปอึดใจก่อนจะพยักหน้า “ให้เขาฟังได้ หลังฉันกลับไปก็จะเปิดคลิปอัดเสียงอันนี้ต่อหน้าคนตระกูลจ้าวทุกคน”
เธอไม่ฉลาดก็จริงและไม่มีแผนแยบยลพอจะต่อกรกับผู้หญิงอย่างหานซู่ฉิน ถ้าอย่างนั้นเธอจะเปิดโปงแผนร้ายให้โจ่งแจ้ง ให้ทุกคนได้เห็นกันชัด ๆ อยากจะเห็นนักว่าคนพวกนี้จะทำอย่างไรต่อ!
จ้าวอิงหัวกับเหยียนซินหย่าจับเรื่องที่เหมยเหมยตัดสินใจพลการได้ภายในวันนั้น ซึ่งทั้งรู้สึกโกรธทั้งเป็นห่วง เดิมทีจะรีบตามมาตั้งแต่วันรุ่งขึ้นแต่ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ก็มีงานเข้ามากองใหญ่ เขาแทบจะอยากให้มีหัวงอกอีกสักสามหัวแขนงอกอีกสักหกแขน
เหยียนซินหย่ามีเวลา เดิมทีจะตามมาก่อน แต่เหยียนหมิงซุ่นโทรมาให้สองสามีภรรยาพวกเขาอย่าเพิ่งไปเมืองหลวงชั่วคราว รอผ่านไปสักสามวันค่อยตามไป
“ยังไงพวกคุณไปก็เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น เหมยเหมยไม่เป็นอะไรหรอก ผมจะคอยปกป้องเธออยู่อย่างลับ ๆ สามวันหลังจากนี้พวกคุณค่อยไป ถึงตอนนั้นน่าจะปิดฉากลงแล้ว”
จ้าวอิงหัวเชื่อเหยียนหมิงซุ่น หากบอกว่าบนโลกนี้ใครปกป้องลูกสาวได้ดีที่สุดคงไม่พ้นเหยียนหมิงซุ่น
ในเมื่อเหยียนหมิงซุ่นมีแผนเขาก็ไม่กังวลอะไรแล้ว เล่นไปตามแผนปักหลักอยู่เมืองจินกับเหยียนซินหย่า แล้วยังจงใจโทรไปบอกคุณปู่จ้าวว่าคงอีกหลายวันถึงจะตามไปได้
ว่าแล้วก็แปลกนับตั้งแต่เหมยเหมยมาถึงเมืองเมืองหลวง คุณย่าก็เริ่มทานอาหารได้มากขึ้น สุขภาพค่อยๆ ดีขึ้นทันตา ดูท่าทางคงไม่ตายง่ายๆ
เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้คุณปู่จ้าวบอกให้สองสามีภรรยาจ้าวอิงหัวไม่ต้องรีบกลับมา งานสำคัญกว่า
จนถึงตอนนี้คุณปู่จ้าวยังไม่ได้สงสัยในตัวคุณย่า หลงคิดว่าคุณย่าปลดล็อกปมในใจได้ถึงสุขภาพดีขึ้น
ช่างโง่เขลาเหลือเกิน!
ยามดึกเหมยเหมยกลับไปบ้านตระกูลจ้าวโดยที่ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า แม้แต่คุณย่าเองก็ลงจากเตียงภายใต้การประคองตัวของจ้าวอิงหนานกับหานซู่ฉินเพื่อเตรียมไปทานข้าวที่โต๊ะอาหาร
“คุณปู่คะ หนูมีเรื่องจะคุยด้วย” เหมยเหมยพูดเสียงดัง
………………………………………
ตอนที่ 1127 มีเรื่องประกาศ
คุณปู่จ้าวอารมณ์ดีไม่หยอกเพราะคุณย่าลงจากเตียงได้แล้ว เขาคิดว่าภรรยาตนน่าจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้คอยอยู่เคียงข้างเขาได้อีกหลายปี
“ว่ามาสิ เรื่องอะไรถึงต้องจริงจังขนาดนี้” คุณปู่จ้าวเอ่ยด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายและติดหยอกเย้า
เขาเชื่อในเรื่องดวง รู้สึกว่าการที่ภรรยาตนสุขภาพดีขึ้นได้ต้องเป็นเพราะบารมีจากตัวหลานสาว ห้าปีก่อนหลานสาวเพิ่งกลับตระกูลจ้าวก็ตามหาแหล่งน้ำดี ๆ ชงชาช่วยรักษาตัวเขากับภรรยา ตระกูลจ้าวเองก็ยิ่งใหญ่ขึ้นทุกวัน ได้ดิบได้ดีเสียจนไม่รู้ว่ามีกี่คนกำลังอิจฉาตาร้อนอยู่
พอนับตั้งแต่หลานสาวทะเลาะกับภรรยาสุขภาพของเขากับภรรยาก็ย่ำแย่ลงทุกวัน ต่อให้ดื่มน้ำชาดีๆ น้ำดีๆ ก็เปล่าประโยชน์ ตอนนี้จ้าวอิงสยงก็เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ อุปสรรคทั้งนอกทั้งในประดังประเดเข้าหาจนตระกูลจ้าวมาถึงจุดวิกฤตอีกครั้ง
คุณปู่จ้าวกลับไม่ค่อยกังวลนักเพราะเขาคิดว่าทำผิดย่อมต้องได้รับโทษ จ้าวอิงสยงไม่มีทางได้อยู่ในกองทัพต่อแน่นอน
เขายิ่งไม่มีทางสยบต่อเฮ่อเหลียนเช่อ กระทำเรื่องชั่วเหมือนหนิงเฉินเซวียน
ดังนั้นเขาคิดไว้แล้วให้จ้าวอิงสยงมอบตัว เขาค่อยไปขอร้องกับนายใหญ่อีกที ใช้อำนาจเพียงนิดที่เหลืออยู่ในมือเขาขอให้ลดโทษจ้าวอิงสยง
แม้ตระกูลจ้าวจะไม่ยิ่งใหญ่เหมือนอย่างเคยและถอยออกจากวงการนั้นแล้ว แต่คุณปู่จ้าวไม่เสียใจ
หากไม่ใช่เพราะได้เข้าร่วมการปฏิวัติโดยบังเอิญ ตลอดชีวิตนี้ของเขาคงเป็นฃเพียงชาวไร่ชาวนาที่วันๆ เอาแต่ขุดดินหาอาหาร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมืองหลวงอยู่แห่งใด อาศัยอยู่ในหมู่บ้านภูเขาเล็กๆ นั่นตลอดไป ออกไปทำงานแต่เช้าตรู่กลับมานอนตอนมืดค่ำ
พอมาคิดดูแล้วชีวิตง่ายๆ แบบนั้นก็สบายอกสบายใจดีนะ!
รอจบเรื่องลูกชายคนรองเขาจะพาภรรยากลับบ้านเกิดไปปลูกผักเลี้ยงไก่ ห่างไกลจากความวุ่นวายในเมืองหลวง
คุณปู่จ้าวคิดไว้ดิบดีแต่เขากลับไม่รู้ว่าลูกชายและภรรยาของเขาไม่ยอมให้เขาได้ใช้ชีวิตชาวสวนที่เขาวาดฝันไว้แต่อย่างไร
หานซู่ฉินหัวใจหล่นวูบ เธอมีลางสังหรณ์ว่าเรื่องที่เหมยเหมยพูดต้องเกี่ยวกับเธอแน่
แต่เธอไม่กังวลมาก เมื่อวานเธอจงใจเลือกห้องเพื่อหลบหูหลบตาชาวบ้าน เมื่อนั้นมีเพียงเธอกับจ้าวเหมยสองคน ขอแค่เธอยืนกรานไม่ยอมรับ ปล่อยให้จ้าวเหมยพูดจนปากเปียกปากแฉะคุณปู่จ้าวก็คงไม่เชื่อหรอก
หานซู่ฉินกลับลืมไปว่าเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ บนโลกนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่าเครื่องอัดเสียง!
เหมยเหมยมองหานซู่ฉินแวบหนึ่งแล้วมองไปทางจ้าวอิงสยงที่ยังคงวางมาดผู้ดีอยู่ กระตุกยิ้มเย้ยหยันก่อนถาม “คุณปู่ ตระกูลจ้าวคงยังไม่ถึงขั้นขายตัวหลานสาวเพื่ออำนาจเงินทองหรอกนะ?”
ถ้อยคำที่มีอิทธิฤทธิ์ราวกับระเบิดทำให้ทุกคนต่างถอดสีหน้า
เชฟหยวนในห้องครัวสะดุ้งจนรีบปิดไฟเตาแก๊ส กับข้าวจานสุดท้ายไม่ทำมันแล้ว ขอตัวลากลับบ้านดีกว่า
ฟังให้น้อยพูดให้น้อยเหมือนคนใบ้ เขาไม่อยากแส่หาเรื่องใส่ตัวหรอกนะ
คุณย่ามีพิรุธในใจอยู่แล้วเลยตวาดเสียงตำหนิด้วยสีหน้าดุดัน “เธอพูดบ้าอะไร? เพิ่งกลับมาก็สร้างปัญหา เธอมีแผนอะไรกันแน่!”
“หนูก็ไม่อยากกลับมาหรอกแต่คุณย่าเองไม่ใช่เหรอที่ให้คุณปู่โทรเร่งหนูกลับมา? บอกว่าคุณย่าคิดถึงหนูแต่ทำไมหนูถึงรู้สึกว่าคุณย่ายังเกลียดหนูเหมือนเมื่อก่อนเลยล่ะ ในเมื่อเป็นแบบนี้หนูกลับเมืองจินตั้งแต่พรุ่งนี้เลยดีกว่า ไม่อยู่ให้รกหูรกตาคุณย่าที่นี่แล้ว”
เหมยเหมยจงใจพูดกวนโมโหคุณย่า เธอดูออกแต่แรกแล้วว่าแม้ยายแก่จะไม่ได้มีสุขภาพที่แข็งแรงดีนักแต่ก็คงไม่ได้จะตายในเร็ววันนี้ สภาพปางตายเมื่อหลายวันก่อนคงเสแสร้งเพื่อหลอกคนทั้งนั้น
คุณย่าถลึงตาจ้องเหมยเหมยอย่างเคียดแค้น สามปีมานี้เธอแก่ลงอย่างมากจนผิวหนังบนใบหน้าเหี่ยวย่น ดวงตาเองก็กลายเป็นทรงสามเหลี่ยม เดิมทียังดูท่าทางใจดีมีเมตตาแต่ตอนนี้เหลือแค่คำว่า ‘ดุ’
นึกได้ว่าเหมยเหมยยังมีประโยชน์อยู่คุณย่าเองก็ไม่กล้าด่าหลานสาวอีก เพียงแค่ทำหน้าถมึงทึงอยู่อย่างนั้น
เหมยเหมยชี้ไปที่หานซู่ฉินแล้วกล่าวว่า “เมื่อวานป้าสะใภ้สองตั้งใจเชิญหนูไปทานข้าวเป็นพิเศษ บอกว่าตระกูลจ้าวใกล้แย่แล้ว ให้หนูสละตัวเองแต่งงานกับคนโรคจิตอย่างเฮ่อเหลียนเช่อเพื่อรักษาตระกูลจ้าวไว้ คุณปู่ คุณปู่เองก็เห็นด้วยหรือคะ?”
ตอนที่ 1128 ที่แท้ก็ผู้ร้ายที่ไม่รู้เข็ดหลาบ
คำของเหมยเหมยเปรียบดั่งระเบิดหนึ่งลูกที่ระเบิดจนทุกคนเปลี่ยนสีหน้า โดยมีจ้าวอิงหย่งกับจ้าวอิงหนานที่ดูตกใจที่สุด
จ้าวอิงหนานไม่รู้เรื่องจ้าวอิงสยง ครั้นพอเธอเลือกไปจากเมืองหลวงรวมถึงแวดวงสังคมนั้น จ้าวอิงหัวเลยไม่บอกเรื่องนี้ให้เธอรับรู้ แค่อยากให้เธอใช้ชีวิตเยี่ยงคนทั่วไปอย่างสงบสุข
เธอหันไปมองจ้าวอิงสยงด้วยสายตาโกรธแค้น พลางซักถาม “พี่สอง ที่เหมยเหมยพูดคือความจริงหรือเปล่า?”
สายตาหลบหลีกของจ้าวอิงสยงได้บ่งบอกทุกอย่างแล้ว จ้าวอิงหนานโกรธจนหน้าซีดเลยตบโต๊ะเสียงดัง คุณพ่อสยงรีบถลาเข้าไปห้ามเธอไว้เพราะกลัวอารมณ์ร้ายของภรรยาจุดติดขึ้นมาคงเละไม่เป็นท่า
ณ เวลานี้ในที่สุดคุณพ่อสยงก็พอเข้าใจบ้างแล้วว่าทำไมภรรยาถึงดึงดันจะอยู่ให้ห่างบ้านตัวเอง
น้ำของบรรดาตระกูลยักษ์ใหญ่ช่างลึกเสียจริง!
“จ้าวอิงสยง หานซู่ฉิน พวกเธอนี่มันหมาที่ไม่แก้นิสัยกินขี้จริงๆ ตอนนั้นพวกเธอคิดจะวางแผนใส่ฉัน ตอนนี้ก็คิดจะขายหลานสาว ถุย พวกเธอยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?”
จ้าวอิงหนานหวนนึกถึงเรื่องในอดีตก็ยิ่งเดือดพล่าน ห้วงความแค้นทำให้หยิบที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะเขวี้ยงไปทางจ้าวอิงสยง ดีที่จ้าวอิงสยงไหวพริบดีเลยหลบทัน ที่เขี่ยบุหรี่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
คุณปู่จ้าวสีหน้าเปลี่ยนไปเลยรีบถาม “อิงหนานเธอว่ายังไงนะ? ตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
น้ำตาของจ้าวอิงหนานไหลพราก ชี้นิ้วไปที่จ้าวอิงสยงแล้วพูดเสียงติดสะอื้น “ตอนนั้นที่เกิดเรื่องที่บ้าน พี่สองกับพี่สะใภ้สองคิดจะให้หนูแต่งงานกับหลิวจินซาน บอกว่าทำแบบนี้จะรักษาตระกูลจ้าวไว้ได้ พี่สามกับพี่เล็กช่วยหนูหนีออกมาได้ ไม่งั้นหนู…”
แม้เรื่องจะผ่านไปหลายสิบปีแต่เหตุการณ์แสนระทึกขวัญค่ำคืนนั้นยังฝังแน่นอยู่ในความทรงจำ หากไม่ใช่จ้าวอิงหย่งกับจ้าวอิงหัวมาช่วยไว้เธอคงถูกตาแก่น่ารังเกียจอย่างหลิวจินซานนั่นย่ำยีไปแล้ว
ไอ้สารเลวหลิวจินซานอาศัยตอนที่ตนมีอำนาจมาก ไม่รู้ย่ำยีหญิงสาวดีๆ ไปตั้งเท่าไร ส่วนหญิงสาวเหล่านั้นล้วนมาจากตระกูลผู้ดีหน้าตาสะสวยมีอนาคตไกล หากไม่ใช่เพราะคนชั่วช้านั่นพวกเธอคงมีชีวิตที่มีความสุขมาก
แต่ความสุขทั้งหมดถูกไอ้ปีศาจชั่วร้ายหลิวจินซานทำลายทิ้งแล้ว!
มีหญิงสาวบางคนที่ทนฟังเสียงติฉินนินทาจากคนภายนอกไม่ได้เลยเลือกจบชีวิตตัวเอง หญิงสาวที่เข้มแข็งหน่อยแม้จะเลือกมีชีวิตต่อ แต่ก็ไม่ได้มีความสุขนักเพราะช่วงเวลาที่แสนเจ็บปวดนั่น
ซึ่งก็เป็นเหตุผลสำคัญที่จ้าวอิงหนานไม่ยอมกลับเมืองหลวง เธอกลัวจริงๆ
วันเวลาล่วงเลยผ่านไปเธอค่อยๆ ลดความเกลียดชังที่มีต่อสองสามีภรรยาจ้าวอิงสยงลง กลับคิดไม่ถึงว่าสองคนนี้จะวางแผนใส่ตัวเหมยเหมย เหมือนเธอในยามนั้นไม่ผิดเพี้ยน
“พวกเธอมันสัตว์เดรัจฉาน…ฉันจะตีพวกเธอให้ตาย!”
จ้าวอิงหนานขืนตัวให้หลุดพ้นจากพันธนาการของคุณพ่อสยงพลางคว้าไม้ขนไก่มาฟาดจ้าวอิงสยงด้วยดวงตาแดงก่ำ เกลียดจนอยากจะกินหัวใจสีดำสนิทของสองคนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด
“จ้าวอิงหนานพอแล้วนะ ฉันจะเอาคืนแล้วนะ”
จ้าวอิงสยงโดนไปหลายทีรู้สึกเจ็บแสบไปทั้งตัวหมายจะแย่งไม้ขนไก่มา คุณปู่จ้าวนิ่งไปครู่ใหญ่กว่าจะเข้าใจเรื่องความเป็นมา พลันกลับเห็นลูกชายคนรองกำลังจะลงไม้ลงมือกับลูกสาว ไฟโทสะพุ่งพรวดชั่วขณะเลยเดินเข้าไปยกขาเตะใส่
คุณปู่จ้าวเตะใส่หัวเข่าของจ้าวอิงสยง จ้าวอิงสยงเลยคุกเข่าลงอย่างห้ามไม่ได้และไม่กล้าขัดขืนแม้แต่น้อย
“ฉันก็ว่าตอนนั้นทำไมอิงหนานถึงไปอยู่ทางเหนือ ที่แท้ก็เพราะไอ้ลูกไม่รักดีอย่างแก ฉันจะตีคนชาติชั่วอย่างแกให้ตาย ตัวเองทำผิดก็คิดแต่จะขายน้องสาวขายหลานสาว ทำไมแกไม่ขายเมียตัวเอง!”
ท่านผู้เฒ่าโกรธจนพูดไม่ยั้งคิด หานซู่ฉินสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ไม่พอใจต่อคุณปู่จ้าวอย่างมาก
เหมยเหมยกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย และเริ่มกลับมาเชื่อในตัวคุณปู่จ้าวอยู่บ้าง ดูท่าคุณปู่จ้าวจะไม่ได้รวมหัวกับกับไอ้สารเลวสองคนนี้
………………………………………………
ตอนที่ 1129 เจอหมัดฮุคอีกสักที
คุณปู่จ้าวกระทืบจ้าวอิงสยงติดต่อกันหลายทีจนตัวโงนเงน จ้าวอิงหย่งรีบถลาเข้าไปประคองไว้ กลับพบว่าคุณปู่จ้าวสีหน้าขาวซีดและหายใจหอบ
เหมยเหมยหัวใจหล่นวูบหยิบแก้วที่คุณปู่จ้าวใช้ดื่มชาโดยเฉพาะไปเติมน้ำและสบโอกาสที่คนไม่ทันสังเกตแอบหยอดน้ำยาใส่ในน้ำชาแล้วยกให้คุณปู่จ้าว “คุณปู่กินน้ำหน่อยค่ะ”
คุณปู่จ้าวรับน้ำชามาดื่มหมดทีเดียวก่อนจะรู้สึกว่าไม่ได้รู้สึกอึดอัดตรงหน้าอกแล้ว แถมรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นไม่น้อย เขามองหลานสาวด้วยความรู้สึกผิดพลางถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง
เมื่อครั้งเหยียนซินหย่าโทรมาบอกว่าตระกูลจ้าวขายหลานสาวเพื่อเงินทองอำนาจ คุณปู่จ้าวได้ด่าสองสามีภรรยาจ้าวอิงสยงไปยกหนึ่ง สั่งห้ามไม่ให้พวกเขาคิดไม่ดีต่อเหมยเหมย เมื่อนั้นทั้งคู่ยังรับปากไว้ดิบดี กลับไม่คิดว่าพวกเขาจะแค่รับปากส่ง ๆ เท่านั้น!
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกปวดใจมากยิ่งกว่าคือนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สองสามีภรรยาลูกชายคนรองทำแบบนี้ คุณปู่จ้าวเกลียดที่ตัวเองโง่เขลา กลับปล่อยให้สองสามีภรรยาลูกชายคนรองทำร้ายคนในครอบครัวต่อหน้าต่อตาเขา!
“เจ้าสาม อิงหนาน ทำไมตอนนั้นพวกแกไม่บอกเรื่องนี้กับฉัน?” คุณปู่จ้าวถาม
คุณย่าสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยเลยอดก้มหน้างุดลงไม่ได้ แสร้งว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายตัวให้จ้าวอิงหนานพยุงเธอกลับไปพักผ่อนที่ห้อง เหมยเหมยแค่ดูปราดเดียวก็รู้ว่าเรื่องนี้ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณย่าผู้สติเลอะเลือนคนนี้แน่
จ้าวอิงหนานเองก็แอบโทษคุณย่าในใจ ตอนนั้นตระกูลจ้าวผงาดขึ้นอีกครั้งเธอคิดจะบอกคุณปู่จ้าว แต่คุณย่าห้ามเธอไว้เพราะกลัวคุณปู่จ้าวจะฆ่าลูกหลานเพราะผดุงความยุติธรรม ทำโทษจ้าวอิงสยงอย่างหนัก
คุณย่าทำใจเห็นลูกชายลำบากไม่ได้เลยขอร้องลูกสาวกับจ้าวอิงหย่งให้ช่วยปิดบังเรื่องนี้ ทั้งคู่ทนเสียงวิงวอนของแม่ตัวเองไม่ไหวเลยจำใจต้องรับปาก
แต่คู่นี้กลับไม่รู้จักแก้ไข เริ่มวางแผนใช้หลานสาว จ้าวอิงหนานจะทนได้อย่างไร?
ตอนนั้นเธอหนีไปจากเงื้อมมือร้ายของหลิวจินซานได้นับว่าจ้าวอิงหัวมีส่วนช่วยอย่างมาก แน่นอนว่าเธอจะปล่อยให้ลูกสาวสุดที่รักที่พี่ชายคนเล็กตามหากลับมาได้อย่างยากเย็นคนนี้เดินตามรอยของเธอไม่ได้
“หนูอยากบอกแต่แม่ไม่ให้หนูบอก แม่เป็นผู้อาวุโส หนูจะกล้าขัดคำสั่งแม่ได้ยังไง!” จ้าวอิงหนานพูดเสียงเย็นชา แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงร้องขอของคุณย่า
คุณปู่จ้าวเบนหน้ามองไปทางคุณย่าด้วยแววตาผิดหวัง
เหมยเหมยลอบยิ้มในใจ ยายแก่สติเลอะเลือนนี่มันตัวปัญหาจริงๆ นอกจากจะทำร้ายสามี ทำร้ายลูกสาวยังทำร้ายหลานสาวอีก ตัวกาลกินีชัดๆ!
“อิงหนานก็ยังอยู่ดีนี่นา อิงสยงเองก็โดนบีบบังคับมา ฉันกลัวคุณโมโหเลยไม่ให้พวกเขาบอก…”
คุณย่ารีบอธิบายด้วยความหวาดผวาแต่ถ้อยที่เปล่งออกมากลับยิ่งทำให้คนฟังเดือดพล่าน จ้าวอิงหนานถอนหายใจเฮือกหนึ่งด้วยความผิดหวัง เธอรู้อยู่แล้วว่าแม่ของเธอต้องพูดเช่นนี้
“ถ้าคุณอาโดนทำร้ายจริงๆ กลัวก็แต่คุณย่าจะพูดแบบนี้อีก สูญเสียลูกสาวไปคนหนึ่งแล้วจะให้ลูกชายเป็นอะไรไปอีกคนไม่ได้ ใช่ไหมล่ะ?” เหมยเหมยอดพูดประชดไม่ได้
คุณย่าทำหน้าไม่ถูกเลยถลึงตาใส่ เหมยเหมยหันหน้าหนีเพราะคร้านจะมองใบหน้าแก่ๆ นี้
ในเมื่อมั่นใจถึงจุดยืนของคุณปู่จ้าวแล้วเหมยเหมยจึงตัดสินใจออกหมัดฮุค ให้คุณปู่จ้าวรีบตัดขาด เธอเองก็จะได้รีบกลับเมืองจิน
เธอหยิบเครื่องอัดเสียงจากกระเป๋าขึ้นมายิ้มให้หานซู่ฉินน้อยๆ แล้วถึงกดปุ่มเล่น ตอนแรกมีแต่เสียงดังครืนครานตามด้วยเสียงของหานซู่ฉิน
……
“นี่คือจุดประสงค์ที่พวกคุณทำทุกวิธีทางเพื่อล่อให้หนูมาเมืองหลวง?”
เหมยเหมยแค่นหัวเราะพลางซักไซ้ ความเย็นชาในแววตาทิ่มแทงใจคุณปู่จ้าว เขาไม่รู้ว่าควรพูดอะไรเพราะเป็นเขาเองจริงๆ ที่ขอให้หลานสาวกลับมา
จ้าวอิงหนานลุกพรวดพุ่งไปหน้าหานซู่ฉินแล้วตบหน้าเธอฉาดใหญ่
“เหมยเหมย เรากลับเมืองจินกัน กลับตอนนี้เลย ฉูฉู่ไปซื้อตั๋วรถไฟคืนนี้” จ้าวอิงหนานกระชากเหมยเหมยหมายจะไปจากที่แห่งนี้อย่างแน่วแน่เหมือนดั่งที่จ้าวอิงหัวพาเธอไปจากเมืองหลวงแห่งนี้
ตอนที่ 1130 ไม่รู้สำนึกผิดจนตาย
แน่นอนว่าเหมยเหมยไม่มีทางไปจากเมืองหลวงได้ เธอยังไม่ได้เปิดโปงคุณย่ายังไม่ได้ให้สองสามีภรรยาจ้าวอิงสยงได้รับผลกรรมที่ตัวเองก่อ ยังไม่ผ่านบททดสอบของเฮ่อเหลียนชิงเลย…
ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ทำ เธอจะไปจากที่นี่ได้อย่างไร?
จ้าวอิงหนานกลับยืนยันจะพาเธอไปเพราะไม่ไว้วางใจให้เธออยู่ต่อ จนต้องให้จ้าวอิงหัวโทรมาเกลี้ยกล่อมจนจำยอม จ้าวอิงหนานจะไปจากที่นี่พร้อมกับคุณพ่อสยงในเที่ยวบินพรุ่งนี้
คุณพ่อสยงขอลางานไว้สามวันเลยจำต้องกลับก่อน
คืนนั้นคุณปู่จ้าวอยู่ในห้องหนังสือตลอดคืน ตระกูลจ้าวถูกปกคลุมด้วยความหมองหม่นโดยเฉพาะสองสามีภรรยาจ้าวอิงสยงที่ไม่อาจทำใจให้หลับลงได้ ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน
“ยายจ้าวเหมยเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว ไม่ได้ เราต้องรีบลงมือก่อน” หานซู่ฉินพูดเสียงแค้นโดยที่บนหน้ายังมีรอยฝ่ามือของจ้าวอิงหนานอยู่
จ้าวอิงสยงสูบบุหรี่ด้วยความเครียด มวนแล้วมวนเล่าจนควันลอยโขมงเต็มห้อง
จนบุหรี่หมดหนึ่งซองเขาจึงตัดสินใจได้แล้ว “ทางเฮ่อเหลียนเช่อผมคุยไว้แล้ว ขอแค่ส่งยายบ้านั่นไปเขาก็จะคืนหลักฐานของผมมา”
หานซู่ฉินอดหัวเราะไม่ได้ แต่ไม่นานเธอก็จับผิดสังเกตได้เลยถามอย่างสงสัย “ไหนว่าแต่งงานกับเฮ่อเหลียนเช่อไง? ทำไมต้องแอบให้?”
จ้าวอิงสยงกัดฟันพูด “เฮ่อเหลียนเช่อต้องการแค่ตัว ไม่ยอมผูกญาติ”
นี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขามัวแต่ลังเล ผูกญาติอย่างน้อยก็จะน่าฟังขึ้น เขาเองก็รู้สึกผิดได้น้อยลง ยิ่งไปกว่านั้นการผูกญาติจะทำให้เขาได้ผลประโยชน์จากตัวเฮ่อเหลียนเช่ออีกมาก
แต่เฮ่อเหลียนเช่อกลับไม่เห็นความสำคัญของหลานสาวเขา เขาไม่ได้โง่ ความหมายที่เฮ่อเหลียนเช่อบอกว่าให้ส่งตัวไปคืออะไรเขาจะเดาไม่ออกหรือ?
นี่เห็นจ้าวเหมยเป็นเพียงของเล่นน่ะสิ!
จ้าวอิงสยงทำใจไม่ค่อยได้ในเมื่อนั่นเป็นหลานสาวแท้ๆ เชียว!
แต่ตอนนี้เขาถูกบีบมาถึงทางตันแล้ว คนในครอบครัวก็ไม่มีใครยอมช่วยถ้างั้นก็อย่าหาว่าเขาใจเหี้ยมแล้วกัน!
หานซู่ฉินเองก็ฟังออกถึงความหมายแอบแฝงในประโยคของจ้าวอิงสยงเลยสะใจเหลือเกิน ต้องให้ยายบ้านั่นโดนทรมานสิถึงจะดี!
เหอะ จุดจบที่กล้าต่อกรกับเธอก็ต้องกลายเป็นแค่ของเล่นของคนอื่น!
“เรื่องนี้ฉันจัดการเอง ฉันจะล่อยายนั่นออกมา คุณสั่งให้คนพาตัวเธอไป” หานซู่ฉินพูดอย่างมั่นใจ
จ้าวอิงสยงชักจะสงสัยในความสามารถของเธอ “คุณอย่าทำพลาดอีกนะ ไม่ได้ผมค่อยหาวิธีอื่น”
“วางใจได้ ฉันจะทำให้ดีแน่นอน”
ในหานซู่ฉินดวงตาฉายแววเหี้ยมโหดชั่ววูบ มืออวบและสั้นลูบไล้ใบหน้าแผ่วเบา จ้าวอิงหนานตบฉาดนี้ได้ไม่เบาจนตอนนี้ยังรู้สึกแสบร้อนอยู่เลย!
ไม่มีใครดีทั้งนั้นก็อย่าหาว่าเธอร้ายแล้วกัน!
สองสามีภรรยาจ้าวอิงหนานทานข้าวเช้าเสร็จก็ไปสนามบิน จ้าวอิงหนานยังไม่วางใจเหมยเหมยเลยกำชับอยู่หลายประโยคก่อนจะยอมกลับไปอย่างอาลัยอาวรณ์
เหมยเหมยเองก็ออกจากบ้านไปหลังจากนั้นไม่นานเพราะไม่อยากอยู่เผชิญหน้ากับคนตระกูลจ้าว รู้สึกสะอิดสะเอียนเหลือเกิน อีกอย่างเธอต้องออกไปถึงจะให้พวกจ้าวอิงสยงมีโอกาสลงมือไง!
เธอไม่เชื่อหรอกว่าสองสามีภรรยาจ้าวอิงสยงจะยอมจบแค่นี้!
เหลือเพียงสองวันก็ถึงวันครบกำหนดที่เฮ่อเหลียนเช่อให้ไว้แล้ว เธอเดาว่าสองคนนี้น่าจะเริ่มลงมือภายในวันนี้ ฉะนั้นเธอต้องสร้างโอกาสให้พวกเขาสองคนสิ!
หานซู่ฉินส่งสายตาให้จ้าวอิงสยงก่อนจะตามออกไป คุณปู่จ้าวที่เงียบมาโดยตลอดทำหน้านิ่ง ไม่รู้ว่าเขาคิดอยู่ทั้งคืนและคิดอะไรไปบ้าง!
“เจ้าสอง แกไปมอบตัวเถอะ ฉันจะพยายามรักษาชีวิตแกไว้!” คุณปู่จ้าวพูดเสียงเรียบ
จ้าวอิงสยงที่เตรียมออกบ้านเช่นกันชะงักฝีเท้าพลางหลับตาลงอย่างเจ็บปวด
เขาเม้มริมฝีปากแน่นกล่าว “ครับ ผมจะไปมอบตัว พ่อ ให้เวลาผมอีกหนึ่งวัน ผมจะไปมอบตัวพรุ่งนี้”
คุณปู่จ้าวพยักหน้ารับอย่างปลื้มใจและพรูลมหายใจยาวอย่างโล่งอก
…………………………..
ตอนที่ 1131 แผนซ้อนแผน
เหมยเหมยไปบ้านเซียวเซ่อแล้วเล่าเหตุการณ์เมื่อวานให้ฟัง สยงมู่มู่ทำท่าไม่พอใจพูดด้วยความแค้น “มิน่าแม่ฉันไม่ยอมกลับเมืองหลวงเลยก็เพราะไอ้ชั่วสองคนนี่เอง!”
เซียวเซ่อพูดเสียงเย็นชา “ยังเหลืออีกสองวัน ฉันว่าจ้าวอิงสยงน่าจะลงมือวันนี้”
เหมยเหมยพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ฉันก็ว่างั้น กำลังรออยู่เลย!”
เซียวเซ่อแค่นหัวเราะทันทีพลางส่ายศีรษะกล่าว “ฉันว่าคุณปู่จ้าวของพวกเธอก็หลอกง่ายนะ รู้ว่าจ้าวอิงสยงทำเรื่องไร้คุณธรรมแบบนี้ก็ยังไม่ทำอะไรอีก สติเลอะเลือนไปหมดแล้ว!”
เหมยเหมยเองก็ค่อนข้างผิดหวังต่อคุณปู่จ้าว เดิมทีเธอหลงคิดว่าคุณปู่จ้าวจะจัดการเรื่องนี้เองเพื่อความถูกต้องโดยส่งจ้าวอิงสยงเข้าคุกด้วยตัวเองเสียอีก!
แต่เช้าวันนี้คุณปู่จ้าวไม่แม้แต่จะเอ่ยปากอะไร มิน่าสองสามีภรรยาจ้าวอิงสยงถึงได้กำเริบเสิบสันทำความผิดซ้ำซากอยู่เรื่อย
“ติ๊ดติ๊ดติ๊ด”
เพจเจอร์ในกระเป๋าเหมยเหมยส่งเสียงดัง มีคนส่งข้อความมา–
“ถ้าอยากช่วยจ้าวอิงหนานให้มาที่สวนฟาร์มเฉิงตงหงซิงภายในหนึ่งชั่วโมง มาคนเดียว”
สยงมู่มู่สีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน คิดจะไปช่วยทันทีโดยไม่ยั้งคิด เซียวเซ่อรีบดึงตัวเขาไว้ “รีบทำไม จริงไม่จริงยังไม่รู้เลย ไม่แน่อาจเป็นแผนลวงของจ้าวอิงสยง”
“แล้วถ้าเกิดว่าไม่ใช่ล่ะ ไม่ได้ ฉันต้องไปเห็นกับตาถึงจะสบายใจ”
สยงมู่มู่เองก็นึกถึงความเป็นไปได้ในจุดนี้แต่เขาไม่กล้าลอง นั่นไม่ใช่คนอื่น นั่นเป็นพ่อแม่ที่เขารักที่สุด ถ้าเกิดอะไรขึ้นเขาไม่มีวันให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต
เหมยเหมยเองก็มีความคิดเช่นเดียวกัน เธอกลัวว่าจ้าวอิงสยงจะถูกไล่ต้อนจนไร้สติไม่สนใจสายสัมพันธ์พี่น้อง ไม่สิ ไอ้สารเลวคนนี้ไม่สนใจสายใยความเป็นพี่น้องอยู่แล้ว
“ฉันก็กังวลเหมือนกัน ไปดูสักหน่อยจะดีกว่า กลัวก็แต่จ้าวอิงสยงจะลงมือกับคุณอากับอาเขยจริงๆ เพราะอยากจะบีบเค้นฉัน!”
“งั้นฉันไปด้วย” เซียวเซ่อเอ่ย
เหมยเหมยคิดๆ แล้วให้เซียวเซ่อกับสยงมู่มู่ปลอมตัวสักหน่อย หากไม่ดูให้ดีคงจำไม่ได้ว่าพวกเขาเป็นใคร
“พวกเธออย่าไปพร้อมกับฉัน จ้าวอิงสยงไม่รู้เรื่องที่พวกเธอกลับมา พวกเธออยู่มุมลับตา ฉันจะอยู่ที่แจ้ง พวกเราต้องวางแผนซ้อนแผน” เหมยเหมยกล่าว
เซียวเซ่อกับสยงมู่มู่ตาวาวและถูฝ่ามือไปมา
ความจริงแล้วสวนฟาร์มหงซิงเคยเป็นโรงเรียนสำหรับอบรมทีมปฏิวัติ ภายหลังถูกล้มเลิกไปเลยกลับมาเป็นสวนฟาร์มเหมือนเดิม เพียงแต่อดีตมีรัฐบาลคอยบริหาร ตอนนี้กลับกลายเป็นสมบัติส่วนตัว มีเต็นท์พลาสติกสีขาวเกลื่อน ข้างๆ มีบ้านสร้างจากก้อนอิฐที่เมื่อก่อนมีไว้เก็บอุปกรณ์ทางเกษตร ซึ่งตอนนี้มีแต่ความว่างเปล่า
เหมยเหมยเตรียมเหยื่อมาอย่างดี คอยสังเกตสภาพแวดล้อมรอบด้านแต่สิ่งที่เธอไม่รู้คือเหยียนหมิงซุ่นคอยซุ่มอยู่ไม่ห่างจากนี้ เขารู้ว่าเหมยเหมยเดินทางไปเมืองหลวงพียงลำพัง ยิ่งคิดยิ่งไม่วางใจเลยตัดสินใจแอบหนีกลับมา
เฮ่อเหลียนเช่ออันตรายเกินไป เหยียนหมิงซุ่นคิดว่าเขาควรปกป้องภรรยาตัวเองด้วยตัวเองถึงจะเป็นแผนที่เข้าท่าที่สุด
แน่นอนว่าเขาไม่ออกหน้าแต่คอยปกป้องจากที่ลับ
หลังจากเหมยเหมยลงจากรถไม่นานก็มีผู้หญิงแต่งตัวเชยสวมกระโปรงลายดอกไม้และหมวกฟางสองคนปั่นจักรยานตามมาด้วย
แค่แวบเดียวเหยียนหมิงซุ่นก็ดูออกว่าผู้หญิงเชยสองคนนั่นคือเซียวเซ่อกับสยงมู่มู่เลยอดหัวเราะไม่ได้ แผนเยอะดีนี่ ไม่รู้ว่าเจ้าหญิงน้อยของเขาจะจัดการหานซู่ฉินอย่างไร?
จู่ ๆ ก็ชักจะเริ่มมีความหวังขึ้นมาเสียแล้ว…
เหมยเหมยเดินช้าๆ พลางกวาดตามองรอบข้างไปด้วย แต่กลับเจอคนคุ้นเคยที่กำลังโก่งตัวเดินมา หรือหานป๋อหย่วนที่ถูกเธอทำลายน้องชายสุดรักไป เหมยเหมยอดขำไม่ได้
“จ้าวเหมยเธออยากช่วยอาของเธอก็ตามฉันมา” หานป๋อหย่วนได้ใจอย่างมาก ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามแผนของเขากับคุณอา
เหมยเหมยเดินตามหลังหานป๋อหย่วนไปเงียบๆ แล้วแอบเอาผงปูนขาวจากกระเป๋ามากำหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เหวยเสี่ยวเป่าพกติดตัวเสมอเวลาท่องยุทธภพ
ตอนที่ 1132 มายังไงเอาคืนไปแบบนั้น
หานป๋อหย่วนพาเหมยเหมยมายังห้องที่สร้างจากก้อนอิฐลับตาคน ผงหญ้าขึ้นเต็มรอบด้านไม่เห็นแม้แต่สุนัขสักตัว ภายในห้องมีเพียงหานซู่ฉินและไม่มีใครอื่นนอกจากนั้น
เหมยเหมยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง จ้าวอิงหนานไม่อยู่ก็ดี
“พวกคุณคิดจะหลอกฉันมาทำไม?” เหมยเหมยแสร้งทำเป็นกลัว กำผงปูนขาวในมือแน่นรวมถึงฉิวฉิวที่รอรับคำสั่งจากเธอในกระเป๋า
หานซู่ฉินยิ้มแสยะ “ใครใช้ให้เธอพูดดี ๆ ด้วยไม่ได้เลยต้องมาใช้ไม้แข็งแทนกันล่ะ ในเมื่อไม่ยอมเชื่อฟังกันดีๆ ก็อย่าหาว่าป้าสะใภ้ใจร้ายเลย ป๋อหย่วน รีบมัดตัวเธอแล้วส่งตัวไป”
หานป๋อหย่วนมองเหมยเหมยแวบหนึ่งอย่างนึกเสียดาย สาวงามน่ารับประทานแบบนี้ไม่นานก็จะตกเป็นของเล่นของเฮ่อเหลียนเช่อ เสียดายที่จนถึงวันนี้เขายังไม่ได้ลิ้มลองรสชาติเลย!
หากเบื้องล่างยังใช้งานได้ปกติไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องชิมก่อนถึงจะส่งตัวไป แต่ตอนนี้–
เขามีใจที่อยากทำแต่สภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวยน่ะสิ!
หานป๋อหย่วนมองเหมยเหมยด้วยความแค้นวูบหนึ่งพลางล้วงเชือกป่านจากกระเป๋ากางเกง เดินมาหาเหมยเหมยพร้อมกับรอยยิ้มบูดบึ้งบนใบหน้า
“เจ้าโง่…คิดว่าฉันจะโง่เหมือนพวกคุณหรือไง?”
เหมยเหมยแค่นเสียงหัวเราะออกมา เอานิ้วเข้าปากแล้วเป่าเสียงดัง สองอาหลานหานซู่ฉินสะดุ้งตกใจแต่ไม่นานก็สงบลงได้ ที่นี่เป็นป่าลับตาคน ไม่มีหมู่บ้านไม่มีร้านค้า ต่อให้เหมยเหมยร้องจนคอแทบแตกก็ไม่มีใครมา
“ถ้าเธอไม่โง่แล้วจะมาที่นี่คนเดียวได้ยังไง? ยื่นมือมาดีๆ ไปรับใช้คุณชายเช่อให้สบาย ไม่แน่อาจจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีด้วยนะ!”
หานป๋อหย่วนยิ้มเยาะและเดินตรงเข้ามาหาเธอต่อ ซึ่งหานซู่ฉินเองก็มีสีหน้าเดียวกัน
ในความคิดพวกเขาเหมยเหมยแค่กำลังดิ้นรนอย่างเปล่าประโยชน์เท่านั้น
“อ๊าก…ตาของฉัน…”
แสงสีขาววาบผ่านมาก่อนที่หานป๋อหย่วนจะรีบเอามือปิดหน้ากรีดร้อง ในขณะเดียวกันฉิวฉิวก็พุ่งตัวไปตวัดกรงเล็บใส่หน้าหานซู่ฉินแรงๆ ทีหนึ่งทำให้ใบหน้าเลือดอาบทันที
“กรี๊ด…หน้าของฉัน…ป๋อหย่วนรีบไปเรียกคนมาช่วยตรงหน้าปากซอย คนของคุณชายเช่ออยู่ตรงนั้น รีบไปตามคนเร็ว” หานซู่ฉินตะโกนเสียงดัง
สองสาวแสนเชยแอบย่องเข้ามาซึ่งก็คือเด็กน้อยเซียวกับเด็กน้อยสยงนั่นเอง ทั้งคู่มือตาว่องไวตามตะครุบจบตัวไว้ได้ จากนั้นเอาหญ้าที่ไม่รู้ดึงมาจากไหนยัดปากพวกเขาไว้ก่อนแยกย้ายกันไปซ้อม
คนที่สยงมู่มู่จับได้คือหานซู่ฉิน แค้นใหม่บวกกับแค้นเก่าได้สร้างความเกลียดชังที่เขามีต่อป้าสะใภ้สองที่อดีตเขาเคยคิดว่าใจดีเป็นมิตรจนเข้าไส้ ตอนลงมือไม่คิดจะออมแรงสักนิด
“ฉันเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลจ้าว รู้จักมั้ยตระกูลจ้าว? ระวังพวกแกได้เข้าคุกแน่…”
หานซู่ฉินจำสยงมู่มู่ไม่ได้เลยคิดว่าเป็นหญิงสาวในหมู่บ้านละแวกนี้ จึงคิดว่าผู้หญิงบ้านนอกไม่เคยเจอโลกภายนอกมาก่อน ขู่สักหน่อยคงกลัวหัวหด
สยงมู่มู่ต่อยเข้าไปอีกหมัดจนหานซู่ฉินกรามค้าง เขาดึงหมวกฟางบนศีรษะลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น “ป้าสะใภ้สองจำผมไม่ได้เหรอ? ป้าเคยลักพาตัวพ่อแม่ผมมาไม่ใช่หรือไง?”
หานซู่ฉินเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก ณ เวลานี้เธอเพิ่งรู้ตัวว่าคนที่โง่ไม่ใช่จ้าวเหมย แต่เป็นตัวเธอเอง
“สองคนนี้จะจัดการยังไง?” เซียวเซ่อซ้อมหานป๋อหย่วนปางตายถึงค่อยสะใจหน่อย ใช้เท้าข้างเดียวเหยียบหานป๋อหย่วนไม่ให้เขาขยับตัว
“เมื่อกี้หานซู่ฉินบอกว่าคนของเฮ่อเหลียนเช่ออยู่หน้าปากซอย ก็ส่งตัวพวกเขาไปเป็นแขกของเฮ่อเหลียนเช่อแล้วกัน” เหมยเหมยทำตาเจ้าเล่ห์ เธอชอบการได้เอาคืนฉบับแผนซ้อนแผนที่สุดเลย
“ได้ ฉันได้ยินว่าเฮ่อเหลียนเช่อไม่เกี่ยงชายหญิงเด็กหรือแก่ ไม่แน่พวกเขาอาจจะได้รับความรักจากเฮ่อเหลียนเช่อมากกว่าด้วยซ้ำ!”
เซียวเซ่อยิ้มร้ายกาจจงใจปรับเสียงให้ดังขึ้น สองอาหลานหานซู่ฉินย่อมต้องเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเฮ่อเหลียนเช่อมาบ้างเลยกลัวจนตาเหลือก กรีดร้องคร่ำครวญอยู่อย่างนั้น ทว่ามีก้อนหญ้าอุดปากไว้พูดอะไรไม่ได้สักคำ
……………………………………..
ตอนที่ 1133 สวรรค์เป็นใจ
เหมยเหมยดึงก้อนหญ้าในปากของหานป๋อหย่วนออกแล้วล้วงมีดสั้นจากกระเป๋ามา ความเยือกเย็นจากปลายมีดทำเอาหานป๋อหย่วนสะดุ้งเฮือกไม่กล้าหายใจเสียงดัง นึกเสียใจทีหลังว่าทำไมเขาถึงลืมความโหดเหี้ยมของจ้าวเหมยในค่ำคืนนั้นไปได้นะ!
“ฉันถามประโยคหนึ่งนายตอบประโยคหนึ่ง ไม่งั้นฉันจะควักลูกตานายออกมา” เหมยเหมยพูดเสียงเย็นชา
หานป๋อหย่วนพยักหน้ารัวเหมือนไก่จิกกลัวจะทำให้เหมยเหมยไม่พอใจ ผู้หญิงใจร้ายคนนี้ทำได้ลงคอจริงๆ ไม่เห็นหรือไงว่าที่ลูกตาของโอหยางสยงเป็นแบบนั้นก็ฝีมือผู้หญิงคนนี้นี่แหละ!
“ก่อนหน้านี้พวกคุณคิดจะจัดการฉันยังไง?”
“อาของฉันว่าอาเขยได้คุยกับคุณชายเฮ่อไว้แล้วว่าจะจับตัวเธอส่งไป คุณชายเฮ่อก็จะคืนหลักฐานของอาเขยมาให้…” หานป๋อหย่วนสารภาพทุกอย่างที่รับรู้ไปทั้งหมด
เหมยเหมยลอบด่าเจ้าโง่ คนหนึ่งให้เงินอีกคนให้ของนั่นถึงจะเป็นวิธีการค้าขายที่ถูกต้อง จ้าวอิงสยงช่างหลอกง่ายเสียจริง จับเธอส่งไป เหอะ เธอกล้าเอาหัวเป็นประกันเลยว่ารอให้เจ้าโรคจิตเฮ่อเหลียนเช่อได้ตัวเธอไปแล้วยังไงก็ไม่มีวันคืนหลักฐานหรอก
เจ้าโรคจิตนี่จ้องจะทำลายตระกูลจ้าวแล้วจะยอมทิ้งโอกาสอันดีนี้เพื่อเธอได้อย่างไร?
นี่กำลังเห็นจ้าวอิงสยงเป็นหมูโง่อยู่ชัดๆ!
“คนของเฮ่อเหลียนเช่ออยู่ไหน?” เหมยเหมยถาม
“อยู่ตรงหน้าปากซอย ในรถตู้คันสีขาวป้ายทะเบียน 7114” หานป๋อหย่วนยอมรับโดยดีไม่กล้าปิดบังสักคำเดียว
เหมยเหมยกวาดตามองรอบข้างและเห็นก้อนอิฐเก่าในมุมห้อง เธอเลือกก้อนใหญ่ที่สุดกระแทกใส่ท้ายทอยสองอาหลานคู่นี้คนละทีให้หมดสติไป
ทั้งสามคนมัดสองอาหลานเข้าด้วยกันแน่น และยังดึงต้นหญ้ามาอุดไว้เต็มปาก สยงมู่มู่เองก็ไม่รู้ว่าไปเอารถเข็นสกปรกมาจากไหน ยกสองอาหลานขึ้นบนรถเข็นออกไปทางหน้าปากซอย
“ไม่สิ คนของเฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้โง่สักหน่อย แค่ดูก็รู้ว่าโดนสลับตัว ต้องสงสัยแน่ๆ” ระหว่างทางเซียวเซ่อชะงักฝีเท้าพูดเสียงพึมพำออกมา
เหมยเหมยเอามือตบหัวอย่างนึกโกรธทีหนึ่ง นั่นสิ เธอลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร
เฮ่อเหลียนเช่อต้องการเพียงคนเดียวแต่เธอส่งไปสองคนทั้งยังเป็นผู้หญิงแก่คนหนึ่งกับผู้ชายใช้งานไม่ได้อีกคน เห็นกันอยู่ทนโท่ว่าไม่ใช่!
“แล้วจะทำยังไง? หรือว่าจับพวกเขาโยนไว้ในกองขี้นั่นแหละ” สยงมู่มู่ออกความคิดทะเล้น
“ไปดูก่อนว่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง”
เหมยเหมยไม่อยากทิ้งโอกาสอันดีในการแก้แค้นนี้ แค่จับโยนใส่กองขี้ก็ออกจะปล่อยไอ้สารเลวสองคนนี้ง่ายไปหน่อย จากความป่าเถื่อนของเฮ่อเหลียนเช่อหากเห็นว่าคนที่ถูกส่งตัวไปเป็นสองคนนี้ เฮ่อเหลียนเช่อจะต้องเดือดพล่าน สั่งสอนสองคนนี้อย่างโหดเหี้ยมแน่นอน
แบบนี้ถึงจะช่วยลดความเกลียดชังในใจเธอได้!
รถตู้คันสีขาวจอดเด่นหราอยู่หน้าปากซอย เซียวเซ่อสวมหมวกฟากเดินนำไปสังเกตการณ์ก่อน เธอมองเข้าไปในรถหลายครั้งและโบกมือเรียกพวกเหมยเหมยอย่างรวดเร็ว
เหมยเหมยกับสยงมู่มู่รีบเข็นรถไปก็เห็นว่ามีสองคนอยู่ในรถแต่กลับนอนกรนเสียงดังราวกับหมู สวรรค์ช่างเป็นใจเหลือเกิน!
ทั้งสามคนช่วยกันหามสองอาหลานหานซู่ฉินใส่ในถุงกระสอบป่านโดยเอาหนึ่งในนั้นยัดใส่ใต้เบาะที่นั่ง คนข้างหน้าหากดูไม่ดีก็คงดูไม่ออก
เหยียนหมิงซุ่นเห็นทุกการกระทำของพวกเหมยเหมยผ่านกล้องส่องทางไกล พลันกระตุกยิ้มมุมปากน้อยๆ
“สองคนนั้นจะตื่นอีกทีเมื่อไหร่?” เหยียนหมิงซุ่นถามเสียงเบา
“อย่างมากก็อีกสามนาที” คนข้างๆ ตอบกลับอย่างนอบน้อม
เหยียนหมิงซุ่นปัดมืออย่างพึงพอใจ คนที่ยืนข้างเขาเข้าใจความหมายเลยเลียนแบบเสียงไก่กู่ร้อง ไม่นานเงาคนที่แอบซ่อนตัวอยู่รอบด้านเหมยเหมยก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับดวงวิญญาณ
ตอนที่ 1134 ต้องแข็งแกร่งกว่านี้
รถตู้พุ่งทะยานออกไป พวกเหมยเหมยคลานออกมาจากดงหญ้าแล้วคอยมองรถยนต์ที่ค่อยๆ ลับตาไปอย่างพอใจ
“พวกเธอว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะจัดการพวกเขายังไง?” สยงมู่มู่ถาม
เซียวเซ่อแค่นเสียง “ยังรักษาชีวิตไว้ได้แต่คงต้องเจอศึกหนักไม่น้อย เฮ่อเหลียนเช่อคงจะ…ฮิฮิ!”
สยงมู่มู่เห็นรอยยิ้มอันร้ายกาจบนใบหน้าของผู้หญิงคนนี้ก็อดตัวสั่นเฮือกไม่ได้ แอบอธิษฐานให้สองอาหลานในใจเงียบๆ
โชคดีนะ!
“ไป ฉันเลี้ยงเป็ดย่างพวกเธอเอง ไม่เกินพรุ่งนี้ต้องได้เห็นเรื่องสนุกๆ แน่นอน!” เหมยเหมยโบกมือไปมาด้วยอารมณ์เบิกบาน
ทำไมวันนี้ถึงราบรื่นได้ขนาดนี้?
ดูเหมือนพระเจ้าก็ช่วยเธออยู่นี่นา!
เหยียนหมิงซุ่นเห็นท่าทางได้ใจของเหมยเหมยจากกล้องส่องทางไกลก็ยิ้มมุมปาก รอยยิ้มเฉิดฉายราวกับดอกไม้บานในฤดูใบไม้ผลิ แววตาหลงเหลือเพียงความอ่อนโยนไม่เห็นวี่แววความเย็นชาเฉกเช่นปกติ
หากมีเขาคอยปกป้อง เด็กน้อยของเขาต้องมีความสุขแบบนี้ตลอดไปได้แน่ๆ!
แต่นึกถึงว่าตัวเองทำได้เพียงแอบปกป้องเจ้าหญิงน้อย เหยียนหมิงซุ่นก็อดมุ่นคิ้วไม่ได้ หากเป็นไปได้เขาอยากเฝ้าอยู่เคียงข้างเหมยเหมย จัดการสองอาหลานนั่นด้วยน้ำมือตัวเองแต่เขารับปากเฮ่อเหลียนชิงไว้แล้วเลยผิดคำพูดไม่ได้
แม้แต่การกลับมาเมืองหลวงคราวนี้เขายังปิดบังพ่อบุญธรรม ทั้งมีความช่วยเหลือจากเสี่ยวเมิ่ง ไม่เช่นนั้นอาศัยความสามารถของเขาในตอนนี้จะปิดบังเฮ่อเหลียนชิงได้เสียที่ไหนกัน?
เหยียนหมิงซุ่นอดหงุดหงิดไม่ได้ ศักยภาพของเขายังน้อยเกินไป!
แม้แต่เฮ่อเหลียนเช่อเขายังเทียบไม่ได้ เหยียนหมิงซุ่นเม้มปาก ความได้ใจที่ผุดขึ้นมาชั่ววูบเมื่อครู่หายไปทันตา แค่ปกป้องคนรักยังต้องพึ่งพลังของพ่อบุญธรรมแล้วเขาจะมีสิทธิ์ได้ใจได้เช่นไร
เหยียนหมิงซุ่นสุขุมลงฉับพลันราวกับมีน้ำแข็งราดใส่ตัว อาการได้ใจที่ฉายบนใบหน้าเมื่อครู่ได้แปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชา เขามองไปยังทิศทางของพวกเหมยเหมยด้วยสายตาล้ำลึกแวบหนึ่งแล้วถึงหมุนตัวจากไป
เท่าที่เขาทราบมาเฮ่อเหลียนเช่อกับและพวกโอหยางปินอยู่ห่างจากตรงนี้ขับรถประมาณหนึ่งชั่วโมง เท่ากับว่าอย่างมากเฮ่อเหลียนเช่อจะรู้ว่าเหมยเหมยโดนสลับตัวในหนึ่งชั่วโมงกว่า ด้วยนิสัยของเฮ่อเหลียนเช่อผิดพลาดหนึ่งครั้งก็ไม่มีวันตกหลุมพรางเดิมอีกเป็นครั้งที่สอง
เหมยเหมยยังปลอดภัยอยู่ชั่วคราว แต่ทุกอย่างต้องป้องกันไว้ก่อนเขาเลยส่งคนมาเฝ้าตามเหมยเหมย เขาต้องไปจากที่นี่ ครั้งนี้เขาละจากหน้าที่โดยพลการก็ถือว่าทำผิดมหันต์แล้ว
“ปกป้องคุณหนูไว้ให้ดี มีเรื่องอะไรต้องรายงานฉัน!”
เหยียนหมิงซุ่นสั่งเสียงเย็นด้วยสีหน้าจริงจัง ลูกน้องด้านข้างโค้งตัวรับคำสั่งอย่างไม่ขัดขืน
ต่อให้เหยียนหมิงซุ่นอยากอยู่ชมภาพอันน่าเกลียดของสองอาหลานหานซู่ฉินที่โดนเฮ่อเหลียนเช่อที่อยู่ในห้วงอารมณ์โกรธจัดการก็ตาม และยิ่งอยากปกป้องอยู่เคียงข้างเหมยเหมยแต่เขาก็ต้องไปจากที่นี่
บุคคลที่นำอันตรายมาสู่เหมยเหมยไม่ได้มีเพียงสองสามีภรรยาจ้าวอิงสยง สองคนนี้เป็นเพียงตัวละครเล็กๆ ที่คอยเบิกทางก่อนเท่านั้นไม่มีค่าให้พูดถึง อันตรายที่ยิ่งกว่านี้มาจากคนโรคจิตอย่างเฮ่อเหลียนเช่อ
เฮ่อเหลียนเช่อเป็นคู่ปรับด้านการเมืองกับตระกูลจ้าวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อันตรายเรื่องวันนี้ของเหมยเหมยต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว อีกทั้งหลังผ่านเรื่องคราวนี้เหมยเหมยก็ใช่ว่าจะนอนหลับไร้กังวลได้ เพียงแค่กำจัดเฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้หนึ่งวันเขาก็ไม่สบายใจไปเช่นนี้เรื่อย ๆ
การน้อมรับเฮ่อเหลียนชิงเป็นพ่อบุญธรรมแม้ได้สร้างโอกาสให้เขาสามารถไต่เต้าสู่จุดสูงสุดภายในเวลาอันสั้น แต่มีทุกข์ก็มีสุขได้ มีสุขก็มีทุกข์ เขาได้รับประโยชน์จากเฮ่อเหลียนชิง ขณะเดียวกันก็ต้องแบกรับภัยความเสี่ยงที่ตามมาด้วยเช่นกัน
เขาปกปิดสถานะมาสามปี เฮ่อเหลียนเช่อเองก็ตามสืบมาหลายครั้ง ปีนี้คงปิดไม่ได้แล้ว นอกจากนี้เขาเองก็ไม่คิดจะปกปิดต่อไป ถึงเวลาต้องเปิดตัวแล้ว
เหยียนหมิงซุ่นรู้ว่าหากเขาเปิดเผยตัวตนต้องเกิดคลื่นใหญ่ในเมืองหลวง ส่วนคนเป็นคู่หมั้นของเขาอย่างเหมยเหมยเองก็ต้องแบกรับอันตรายมากกว่านี้
ฉะนั้นเขาต้องแข็งแกร่งขึ้น กลายเป็นเสาหลักอำนาจของวงการนี้ เช่นนี้ถึงจะสามารถปกป้องเจ้าหญิงน้อยของเขาได้
…………………………
ตอนที่ 1135 ความชั่วร้ายของเฮ่อเหลียนเช่อ
พวกเฮ่อเหลียนเช่อรออยู่ภายในบ้านพักตากอากาศที่อยู่ห่างออกไปในระยะเวลาขับรถหนึ่งชั่วโมงตามคาด โดยมีโอหยางสยงแล้วก็ลูกน้องคนอื่นๆ รวมถึงลูกน้องของเฮ่อเหลียนเช่อด้วย
“คุณชายเช่อ อีกนานแค่ไหนถึงจะมาถึงครับ?” คนที่ถามคือโอหยางสยงที่สูญเสียดวงตาไปหนึ่งข้าง
ดวงตาข้างซ้ายของโอหยางสยงโดนฉิวฉิวควักออกไป หากส่งตัวไปโรงพยาบาลทันเวลาไม่แน่อาจใส่กลับคืนได้ทันหรือยังมองเห็นได้อยู่บ้าง แต่เหมยเหมยเกลียดความไร้มารยาทของโอหยางสยงถึงที่สุดเลยใช้เศษกระจกทำลายลูกตาของโอหยางสยง
ตอนเพื่อนของโอหยางสยงตามหาลูกตาเจอ บนนั้นก็เต็มไปด้วยเศษกระจกทำให้ลูกตาใช้งานไม่ได้อีกต่อไป ต่อให้ใส่คืนที่เดิมก็ใช้งานไม่ได้อยู่ดี
ช่วยไม่ได้ คุณหมอจำต้องใส่ลูกตาเทียมไว้ในกรอบตาข้างซ้ายให้โอหยางสยง ภายนอกดูไม่ผิดปกติเท่าไรแต่ความจริงไม่มีผลอะไรเลย ทั้งยังต้องควักออกมาล้างทุกวัน ยุ่งยากเหลือเกิน
สิ่งที่สร้างความแค้นแก่โอหยางสยงมากที่สุด เทคโนโลยีในยุคนี้ไม่ได้ก้าวหน้ามาก แม้ลูกตาเทียมจะดูไม่ต่างจากลูกตาปกติแต่หากดูดีๆ ก็ยังเห็นความแตกต่าง ดูไร้ชีวิตชีวาราวกับลูกตาของปลา
ทั้งที่เขาเป็นคุณชายมาดผู้ดีแต่กลับสูญเสียดวงตาไปหนึ่งข้างกลายเป็นคนพิการ ทั้งยังต้องทรมานจากอาการปวดทางตาที่อาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็นของดวงตาข้างขวาได้
เขาโอหยางสยงเคยเสียเปรียบขนาดนี้เสียเมื่อไรกัน?
นางแพศยาจ้าวเหมย เขาจะปล่อยไปง่ายๆ ได้หรือ?
เฮ่อเหลียนเช่อมองโอหยางสยงแวบหนึ่งด้วยสายเรียบนิ่ง ยกยิ้มมุมปากเย้ยก่อนจะพูดเสียงเย็นชา “อย่างมากก็อีกครึ่งชั่วโมง เหล่าเพื่อนพ้องมีของเล่นให้สนุกกันล่ะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ได้ยินมาว่าหลานสาวของตระกูลจ้าวนั่นเป็นสาวงามหาตัวได้ยากคนหนึ่งในสมัยนี้เลย วันนี้เรามีบุญกันจริงๆ”
“อีกอย่างเป็นดอกไม้สดที่รอถูกเด็ดอยู่แหนะ รสชาติต้องหอมหวานมากแน่ๆ!”
“ถึงคนแรกจะเป็นคุณชายเช่อแต่เราก็มีบุญปากได้เพราะคุณชายเช่อทั้งนั้น แค่ได้ชิมน้ำซุปหน่อยก็พอใจแล้ว”
“……”
เฮ่อเหลียนเช่อแค่นเสียงอย่างไม่ใส่ใจ ตอนนี้เขามีดอกเหมยน้อยแล้ว จะไปสนใจคนธรรมดาแบบนั้นได้อีกหรือ?
“ไม่ต้อง คนแรกก็ให้เป็นของโอหยางสยงเถอะ ในเมื่อครั้งนี้โดนมาเยอะ”
ถ้อยคำของเฮ่อเหลียนเช่อทำเอาโอหยางสยงชะงักไปพักใหญ่ ไม่นานก็ทำหน้าดีใจเอ่ยขอบคุณเป็นพัลวัน “ขอบคุณคุณชายเช่อ”
“แกอย่าถนอมเชียวล่ะ!” เฮ่อเหลียนเช่อพูดหยอกเย้า
โอหยางสยงทำหน้าเย็นยะเยือกพูดเล็ดลอดไรฟัน “คุณชายเช่อวางใจได้ ผมไม่ปล่อยนางแพศยานั่นไปง่ายๆ แน่”
เฮ่อเหลียนเช่อยิ้มอย่างพอใจเพราะต้องการให้เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว แม้ในยามนี้เหมยซูหานจะสมยอมอยู่กับเขาแต่เมื่อก่อนจ้าวเหมยเป็นถึงคนที่เหมยซูหานหมายปอง จุดนี้สร้างความไม่พอใจแก่เขามาก ราวกับเป็นหนามที่คอยทิ่มแทงใจเขามาโดยตลอด เขาต้องดึงมันออกมาให้ได้
อยากจะดึงหนามมีพิษก็ต้องให้จ้าวเหมยตาย!
แน่นอนว่าครั้งนี้เขาไม่เอาจ้าวเหมยถึงตายเพราะยังไม่ถึงเวลา มีโอกาสอีกมากในอนาคต ต้องให้จ้าวเหมยได้ลิ้มรสชาติของการตกอยู่ใต้ร่างคนนับหมื่นให้ดีก่อน
ถึงเมื่อนั้นเขาค่อยเอารูปเปลือยของจ้าวเหมยส่งไปให้สำนักข่าวใหญ่ต่าง ๆ รูปโป๊เปลือยของหลานสาวตระกูลจ้าว แค่หัวข่าวนี้ก็ดึงดูดคนได้มากทีเดียวเลยใช่ไหมล่ะ?
แค่นึกถึงสีหน้าของไอ้แก่ตระกูลจ้าวเวลาเห็นรูปเปลือยหลานสาวตัวเอง เฮ่อเหลียนเช่อก็มีความสุขอย่างอดไม่ได้ ส่วนเหมยซูหานจะโกรธหรือไม่นั้นเฮ่อเหลียนเช่อยังไม่ค่อยกังวลเท่าไร
ดอกเหมยน้อยของเขาหูเบา ถึงตอนนั้นพูดเอาใจไม่กี่ประโยคก็ไม่เป็นไรแล้ว อีกอย่างผู้หญิงที่ผ่านมือผู้ชายมานักต่อนัก คิดว่าดอกเหมยน้อยเองก็คงไม่เก็บมาใส่ใจแล้วล่ะ!
“คุณชายเช่อ พวกเขามาแล้ว” ลูกน้องมารายงาน
ทุกคนในห้องต่างตื่นเต้นหันไปมองลานหน้าบ้านอย่างพร้อมเพรียง
……………………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น