เทพปีศาจหวนคืน 1094-1097
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1094 บนโลกใบนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวเอง
แปลโดย iPAT
ฟางหยวนบินขึ้นสู่ท้องฟ้าแต่ยังมองกลับไปที่เมืองเมฆาที่อยู่ด้านหลัง
เขาแสดงออกด้วยความรู้สึกขมขื่นและถอนหายใจก่อนจะบินจากไป
ครั้งก่อนเขารับภารกิจสำรวจไท่ชิวจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและจบลงด้วยดี แต่ตอนนี้ฟางหยวนปฏิเสธที่จะรับภารกิจกำจัดสุนัขดาวตกเพลิงแลทำให้การประชุมจบลงไม่ดีนัก
ในเมืองเมฆาที่หนึ่งจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยานั่งกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ
“ฮืม ฟางหยวน!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทิ้งถ้วยชาลงบนพื้น
อย่างไรก็ตามเมื่อคิดถึงการแสดงออกที่ขมขื่นของฟางหยวนก่อนที่เขาจะจากไป ความโกรธของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ลดลงเล็กน้อย
“ฟางหยวน โอ้ ฟางหยวน เจ้าอาจยุ่งอยู่กับการฝึกฝนและมีแผนการของตนเอง แต่เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อนิกายหลางหยา เจ้าเป็นสมาชิกของนิกาย ในช่วงเวลาสำคัญเจ้าควรเสียสละและปกป้องผลประโยชน์ของนิกาย! ฮืม…ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นคนนอก เจ้าไม่ใช่มนุษย์ขนที่แท้จริง!”
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่สามารถบังคับฟางหยวนให้รับภารกิจหากเขาไม่ต้องการ
พวกเขาร่วมมือกันภายใต้ข้อตกลงพันธมิตร แต่ไม่มีกฎข้อใดที่อนุญาตให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาบีบบังคับฝ่ายตรงข้ามให้ทำภารกิจที่อีกฝ่ายไม่เต็มใจ แน่นอนว่าเมื่อนิกายหลางหยาตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต มีกฎบางข้อที่สามารถบังคับใช้
แต่ตอนนี้นิกายหลางหยากำลังพัฒนาไท่ชิว มันไม่ใช่ภัยคุกคามร้ายแรง หากฟางหยวนไม่เต็มใจ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ไม่สามารถทำสิ่งใด
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่สามารถนั่งนิ่ง เขาลุกขึ้นและเดินไปรอบๆ
เขาก้มศีรษะลงและครุ่นคิดอย่างหนัก ‘ฟางหยวนไม่เต็มใจรับภารกิจ แล้วข้าควรทำอย่างไรกับสุนัขดาวตกเพลิง?’
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่มีวิธีแก้ปัญหา
ตัวเขาเองไม่สามารถออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
แต่เขามีค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณยักษ์สวรรค์
อย่างไรก็ตามยักษ์สวรรค์เป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
มันเป็นสิ่งปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ต้องการใช้ยักษ์สวรรค์ในสถานการณ์นี้ มิฉะนั้นหากเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา แล้วเขาจะทำเช่นไร?
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน
‘เห้อ…ข้าต้องทำตามคำแนะนำของฟางหยวนและใช้สุนัขดาวตกเพลิงเป็นเครื่องมือขัดเกลาความสามารถในการต่อสู้ของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนงั้นหรือ?’ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถอนหายใจ
ฟางหยวนบินไปในอากาศด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง รอยยิ้มขมขื่นและการถอนหายใจก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดงฉากหนึ่งเท่านั้น
เขารู้ว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสามารถรับรู้ทุกการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา มิฉะนั้นเขาจะไม่สามารถรวบรวมวิญญาณอายุยืนจำนวนมาก
เนื่องจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาดำรงอยู่มาอย่างยาวนาน มันมีรากฐานที่ลึกซึ้งและร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนนับไม่ถ้วน สิ่งนี้ทำให้ความสามารถของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาพัฒนาขึ้นอย่างมาก จิตวิญญาณแผ่นดินของแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขา
‘แผนการปัจจุบันของข้าคือพึ่งพานิกายหลางหยาในการฝึกฝน ข้าเป็นผู้เดินหมากขณะที่นิกายหลางหยาเป็นชิ้นหมากของข้า หากข้ารับภารกิจ ไม่ใช่ว่าข้าจะกลายเป็นตัวหมากเบี้ยและรับความเสี่ยงเพื่อนิกายงั้นหรือ?’
‘ฮืม! เจตจำนงสวรรค์ที่ไท่ชิวอันตรายมาก ข้าเกรงว่ามันจะวางกับดักไว้เรียบร้อยแล้ว แต่เพราะมันยังไม่พบข้าและเนื่องจากศพของสัตว์อสูรแรกกำเนิด มันจึงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม…’
ฟางหยวนระวังตัวมาก แน่นอนว่าเขาจะไม่ไปไท่ชิว
เขาต้องการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เขาต้องหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและสังหารสัตว์อสูรเดียวดายเพื่อใช้เป็นวัสดุในการหลอมรวม แต่เขาไม่จำเป็นต้องทำสิ่งเหล่านี้ด้วยตนเอง
นิกายหลางหยาพยายามพัฒนาไท่ชิว พวกเขาจะลงมือทำเรื่องเหล่านี้ขณะที่ฟางหยวนจะใช้ประโยชน์จากแต้มผลงานและอยู่แนวหลังเท่านั้น
ยังไม่ต้องกล่าวถึงกับดักของเจตจำนงสวรรค์ แม้จะไม่มีสิ่งนั้น ฟางหยวนก็จะไม่ชะลอความเร็วในการบ่มเพาะของตนเอง
บนโลกใบนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวเอง
ฟางหยวนมีทัศนคติที่แน่วแน่
เขาเตรียมพร้อมทางจิตใจสำหรับการปฏิเสธภารกิจของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไว้แล้ว
‘ข้าจะไม่เสียเวลาให้กับนิกายหลางหยาอย่างแน่นอน แต่ข้าต้องจัดการความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาให้ดี’
‘หากเกิดความขัดแย้งบ่อยครั้ง ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะแย่ลง เมื่อถึงจุดหนึ่งจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอาจไม่สามารถควบคุมตนเอง เขาอาจขับไล่ข้าออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาหรือแม้แต่สังหารข้า’
‘ในปัจจุบันข้ายังต้องการหยิบยืมพลังอำนาจของนิกายหลางหยา ข้าต้องยืมวิญญาณอมตะจากนิกายเพื่อต่อต้านภัยพิบัติพิภพครั้งที่สอง’
ฟางหยวนวิเคราะห์สถานการณ์ของตนเองอย่างเยือกเย็น
นานมาแล้วเขาเคยขัดแย้งกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนหน้า นั่นทำให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากลายเป็นเย็นชาและส่งผลเสียต่อฟางหยวน ตอนนี้เขาจะไม่ทำความผิดพลาดเช่นเดิมอีก
‘บางครั้งหากสถานการณ์เอื้ออำนวย ข้าก็จะรับภารกิจและช่วยเขา’
‘ข้าใช้ประโยชน์จากนิกายหลางหยาเพื่อความสะดวกในการบ่มเพาะ’
‘มีเพียงความแข็งแกร่งและระดับการบ่มเพาะเท่านั้นที่สามารถพึ่งพาได้อย่างแท้จริง’
เจตจำนงสวรรค์อาจส่งผลกระทบต่อหลายสิ่งแต่มันมีพลังอำนาจที่จำกัด เจตจำนงสวรรค์ไม่ใช่เจตจำนงปลอมที่สามารถบังคับความคิดของบางคนได้โดยตรง
เจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถเปรียบเทียบกับเจตจำนงปลอมในแง่มุมนี้
หลังจากได้ยินเรื่องนี้จากนิกายเงา ฟางหยวนเรียนรู้ว่าเจตจำนงสวรรค์ก็เป็นเพียงเจตจำนงประเภทหนึ่ง
เจตจำนงสวรรค์สามารถส่งอิทธิพลต่อความคิดของสิ่งมีชีวิตได้เพียงเล็กน้อย
ดังนั้นเจตจำนงสวรรค์จึงใช้ฟางหยวนเป็นเครื่องมือต่อต้านนิกายเงาและสามารถดำเนินการไปอย่างช้าๆเท่านั้น
แต่บนภูเขาอี้เทียน ฟางหยวนในฐานะปีศาจต่างโลกได้ทำลายแผนการของสวรรค์ทำให้เกิดผลลัพธ์ในปัจจุบัน
เพื่อจัดการเจตจำนงสวรรค์ วิธีที่ดีที่สุดคือการเพิ่มระดับการบ่มเพาะและความแข็งแกร่งของตนเอง
ตัวอย่างเช่นฉีช่ายไล่ล่าฟางหยวนเพราะฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับหกที่อ่อนแอกว่า หากฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับแปด ฉีช่ายจะไม่ไล่ล่าเขาอย่างโง่งม
ในทำนองเดียวกันกับสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล หากฟางหยวนมีความแข็งแกร่งเพียงพอ เขาสามารถสังหารพวกมันได้อย่างง่ายดาย ทั้งหมดเป็นเพราะเขาอ่อนแอเกินไปจึงต้องวิ่งหนี
‘ภัยพิบัติพิภพเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เจตจำนงสวรรค์จะกำจัดข้า แต่ทุกครั้งที่ข้าสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติ ข้าจะแข็งแกร่งขึ้น เมื่อข้าเติบโตขึ้น ข้าจะสามารถเผชิญหน้ากับมันได้โดยตรง เมื่อข้ากลายเป็นเทพปีศาจหรือเมื่อข้ามีชีวิตนิรันดร์ เจตจำนงสวรรค์ยังจะสามารถทำสิ่งใด?’
ฟางหยวนตระหนักถึงเรื่องนี้และสามารถวางแผนการสำหรับอนาคต
เมื่อกลับถึงเมืองเมฆา ฟางหยวนได้รับแจ้งว่ามีทูตมนุษย์ขนมาเยี่ยมเขา
ทูตมนุษย์ขนผู้นี้เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าขั้นสุดยอด
“นายท่าน นี่คือสิ่งที่เจ้านายของข้าสั่งให้ข้านำมามอบให้ท่าน” ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนกล่าวด้วยความเคารพ
เขาถือกล่องไม้ไว้ในมือทั้งสองข้าง
ฟางหยวนรับมันไว้ เขาไม่ได้เปิดกล่องแต่มองไปที่ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขน
ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนรู้สึกเย็นเยียบราวกับกำลังยืนเปลือยกายอยู่ต่อหน้าฟางหยวนขณะที่ความลับทั้งหมดของเขาถูกเปิดเผยออกมาในครั้งเดียว
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าจะอยู่ที่นี่ ข้าจะให้คำแนะนำเจ้าเกี่ยวกับการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งทาส” ฟางหยวนกล่าวอย่างช้าๆ
“ขอบพระคุณนายท่าน!” ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนคุกเข่าลงบนพื้นด้วยร่างกายสั่นเทา
“เจ้าไปได้แล้ว” ฟางหยวนไม่สนใจผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนผู้นี้
หลังจากนั้นฟางหยวนก็ไปที่ห้องของเขาและบ่มเพาะ
เขาเปิดกล่องไม้ มีวิญญาณอมตะอยู่ภายใน มันเป็นวิญญาณทาสสัตว์อสูรระดับหก
ไม่กี่วันที่ผ่านมาฟางหยวนรู้สึกถึงเวลาที่สุกงอม ดังนั้นเขาจึงให้คำแนะนำแก่ผมที่สิบสอง ขณะเดียวกันเขายังขอยืมวิญญาณทาสสัตว์อสูรโดยใช้แต้มผลงานในการแลกเปลี่ยน
ผมที่สิบสองตกลงแต่เขาไม่รับแต้มผลงานจากฟางหยวน เขามีคำขออื่น
เมื่อไม่นานมานี้ผมที่สิบสองรับทายาทที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดขึ้นมาจากทวีปด้านล่าง ผมที่สิบสองเลี้ยงดูมนุษย์ขนผู้นี้เป็นอย่างดีและต้องการให้ฟางหยวนช่วยชี้แนะเขา
ฟางหยวนไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
แท้จริงแล้วเรื่องนี้ยิ่งส่งผลดีต่อฟางหยวน
หลังจากทั้งหมดเขาใช้แต้มผลงานของนิกายไปมากมายในช่วงเวลาที่ผ่าน หากสามารถประหยัดค่าใช้จ่าย นั่นย่อมเป็นเรื่องดี
ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ พื้นที่หิมะตกหยุดขยายตัวแล้ว
นั่นหมายความว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งและหิมะได้แสดงพลังอำนาจของพวกมันออกมาอย่างเต็มที่แล้ว
ฟางหยวนควบคุมผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเข้าใกล้อสูรหิมะเดียวดายอย่างระมัดระวัง
เวลาผ่านไปนานแล้วภายในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ดังนั้นอสูรหิมะจึงสงบลงและทำให้ฟางหยวนพบอสูรหิมะเดียวดายที่สัญจรไปมาอยู่รอบๆเพียงลำพัง
วิญญาณอมตะทาสสัตว์อสูร!
ฟางหยวนส่งพลังงานอมตะให้กับวิญญาณอมตะดวงนี้
ร่างอสูรหิมะเดียวดายสั่นสะท้านขึ้นราวกับมันถูกโจมตีด้วยพลังอำนาจที่มองไม่เห็น
แต่ในไม้ช้ามันก็คำรามและพุ่งเข้าโจมตีผีดิบอมตะที่ซ่อนตัวอยู่
‘ล้มเหลว ฮืม…ถอย!’
ฟางหยวนจากไปทันที
ในความเป็นจริงด้วยรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาในปัจจุบัน มันเพียงพอที่จะกำหราบสัตว์อสูรเดียวดาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับแตกต่างออกไป
‘ดังคำกล่าวของนิกายเงา รูปแบบชีวิตที่เต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถควบคุมหรือกดขี่ พวกมันจะกลายเป็นภัยคุกคามหากข้ายังเก็บพวกมันไว้’
ฟางหยวนถอนหายใจ
แม้เขาจะได้รับข้อมูลนี้จากนิกายเงาแต่เขาก็ต้องทดสอบด้วยตนเองอีกครั้ง
‘หากข้าสามารถกดขี่พวกมัน ข้าจะใช้พวกมันต่อต้านภัยพิบัติครั้งต่อไปหรืออาจขายในสวรรค์สีเหลือง นั่นเป็นทางเลือกที่ดี แต่ตอนนี้ข้าทำได้เพียงกำจัดพวกมันทิ้งไปเท่านั้น’
‘เดี๋ยว! บางทีข้าอาจใช้วิญญาณเจตจำนงของตนเองเพื่อกำจัดเจตจำนงสวรรค์ก่อนที่จะใช้วิญญาณอมตะทาสสัตว์อสูร!?’ แรงบันดาลใจใหม่เกิดขึ้นในใจของฟางหยวนอย่างกะทันหัน
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1095 เตรียมความพร้อม
แปลโดย iPAT
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
อสูรหิมะเดียวดายเหลือเพียงศีรษะทิ้งไว้ข้างหลัง
“กรอ…”
แต่แม้มันจะเหลือเพียงศีรษะ มันก็ยังสามารถคำรามด้วยความดุร้าย
อสูรหิมะแตกต่างจากสัตวอสูรทั่วไป ร่างกายของพวกมันสร้างขึ้นจากหิมะและน้ำแข็ง พวกมันเหมือนสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล อสูรโลหิต หรืออสูรโคลน
ฟางหยวนควบคุมร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งและวางมือลงบนศีรษะของอสูรหิมะตัวนี้
ในครั้งเดียวชั้นน้ำแข็งปกคลุมมือของผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเอาไว้ทันที
ฟางหยวนเย้ยหยันและกระตุ้นใช้วิญญาณเจตจำนงของตนเอง
เจตจำนงของตนเองพุ่งเข้าสู่ศีรษะของอสูรหิมะราวกับคลื่นน้ำและปะทะกับเจตจำนงสวรรค์โดยตรง
เจตจำนงสวรรค์มีอยู่ไม่มาก ดังนั้นมันจึงถูกทำลายโดยเจตจำนงของตนเองในที่สุด
“บึม!”
แต่ในช่วงเวลาสำคัญศีรษะของอสูรหิมะกลับระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง
หิมะและเศษน้ำแข็งกระจายออกไปรอบๆ
ร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งถูกฝังอยู่ใต้กองหิมะ
อย่างไรก็ตามการระเบิดตัวเองของอสูรหิมะไม่มีพลังทำลายล้าง ในไม่ช้าร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งก็ยืนขึ้นโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ
แต่การแสดงออกของฟางหยวนค่อนข้างมืดมน
‘แม้ข้าจะใช้เจตจำนงของตนเองกำจัดเจตจำนงสวรรค์ แต่ผลที่ตามมาก็คืออสูรหิมะระเบิดตัวเอง มันไม่มีทางกำหราบจริงๆงั้นหรือ?’
‘แต่กระทั่งข้าจะสามารถกำหราบมัน ข้าก็ยังสูญเสียวิญญาณเจตจำนงของตนเองนับร้อยดวง ค่าใช้จ่ายของมันสูงเกินไป’
หลังจากทั้งหมดวิญญาณเจตจำนงของตนเองเป็นเพียงวิญญาณระดับมนุษย์
นอกจากนั้นฟางหยวนยังต้องจ่ายด้วยแต้มผลงานเพื่อขอให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนหลอมรวมมัน นี่เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไปสำหรับฟางหยวน
และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือมันทำให้ฟางหยวนเสียเวลา
ฟางหยวนต้องโจมตีอสูรหิมะเดียวดายเป็นอันดับแรกก่อนจะสามารถใช้วิญญาณเจตจำนงของตนเองเพื่อกำจัดเจตจำนงสวรรค์
ภัยพิบัติพิภพครั้งต่อไปกำลังจะมาถึง เขาไม่มีเวลาทำเรื่องเช่นนี้
‘แท้จริงแล้วแม้ข้าจะสามารถกดขี่หรือขายอสูรหิมะเดียวดายเหล่านี้ มันก็ยังอันตราย’
‘ย้อนกลับไปหนึ่งในร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ ผู้อมตะที่ใช้นามแฝง สีเขียว ทำวิจัยเกี่ยวกับมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายในค่ายกลวิญญาณที่โลกใต้บาดาลของภาคเหนือประสบความล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วนเนื่องจากเจตจำนงสวรรค์ที่แฝงตัวอยู่ในทรัพยากรอมตะ ดังนั้นเขาจึงโยนทรัพยากรอมตะเหล่านั้นทิ้งไปอย่างไม่แยแส นั่นเป็นทัศนคติที่แน่วแน่มาก’
‘หากข้าขายอสูรหิมะที่เต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์ ผลที่ตามมาอาจน่ากลัวเกินกว่าที่จะจินตนาการถึง’
เมื่อความพยายามล้มเหลว ฟางหยวนตัดสินใจดำเนินการตามแผนการก่อนหน้า นั่นคือกำจัดอสูรหิมะทั้งหมด
เขาต้องกำจัดพวกมันก่อนที่ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองจะมาถึง
เขายังต้องชำระล้างเจตจำนงสวรรค์ที่เหลืออยู่ออกไป
อสูรหิมะทั่วไปไม่ใช่ปัญหา ฟางหยวนสามารถกำจัดพวกมันได้อย่างง่ายดาย
อสูรหิมะเดียวดายรับมือได้ยากกว่า เขาต้องใช้เวลาเล็กน้อย สำหรับอสูรหิมะบรรพกาล พวกมันเป็นปัญหามากที่สุด
ฟางหยวนเริ่มคิดถึงวิญญาณอมตะดาบบิน
ด้วยการใช้วิญญาณอมตะดาบบินเป็นแกนกลาง ท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิตเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการกำจัดอสูรหิมะบรรพกาล ท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นเป็นการโจมตีในวงกว้าง มันไม่เหมาะสมที่จะใช้กำจัดอสูรหิมะบรรพกาลเพียงตัวเดียว
นอกจากนั้นท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก
โชคดีที่ฟางหยวนได้รับวิญญาณอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งกลับมาและสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนได้อีกครั้ง
เส้นทางความแข็งแกร่งใช้พลังงานอมตะค่อนข้างน้อย
ไม่กี่วันที่ผ่านมาฟางหยวนเริ่มใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งกำจัดอสูรหิมะเดียวดายและอสูรหิมะบรรพกาล
แรกเริ่มเขาจะใช้วิญญาณอมตะทาสสัตว์อสูรกับพวกมัน แม้ผลลัพธ์จะเป็นความล้มเหลว แต่มันทำให้อสูรหิมะเดียวดายเหล่านั้นโกรธและอยู่ในสภาวะบ้าคลั่ง
เมื่อฟางหยวนล่าถอย พวกมันจะไล่ล่า ในช่วงเวลานี้ฟางหยวนจะใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนกำจัดพวกมันทิ้งไป
ด้วยวิธีนี้พวกมันจึงไม่มีเวลาแจ้งเตือนสมาชิกในฝูง
เมื่อเวลาผ่านไป อสูรหิมะทั้งหมดเหลืออยู่ไม่ถึงสามสิบส่วน แต่เหลืออีกไม่ถึงสิบวันก่อนที่ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองจะมาถึง
ฟางหยวนบังคับร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งบินไปยังภาคใต้น้อยในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
ณ สถานที่หนึ่ง ร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งดั่งเดิมของฟางหยวนนอนอยู่
‘แม้ข้าจะมีร่างเดิม แต่ข้าก็ทำได้เพียงมองดูเท่านั้น ข้าไม่สามารถใช้งานมัน’ ฟางหยวนถอนหายใจก่อนจะเริ่มวางค่ายกลวิญญาณ
หลังจากนั้นค่ายกลวิญญาณที่ใช้วิญญาณเจตจำนงของตนเองจำนวนหลายร้อยดวงเป็นส่วนประกอบจึงถูกสร้างขึ้น
มันเป็นค่ายกลวิญญาณปิดผนึก
ฟางหยวนได้รับวิธีนี้มาจากนิกายเงาเช่นกัน
ด้วยการใช้วิญญาณเจตจำนงของตนเองเป็นแกนกลางของค่ายกลวิญญาณ มันสามารถป้องกันเจตจำนงสวรรค์
สุดยอดค่ายกลวิญญาณของนิกายเงาก็ใช้วิธีเดียวกันนี้
หลังจากตรวจสอบและไม่พบปัญหา ฟางหยวนจึงสามารถผ่อนคลาย
ร่างผีดิบอมตะของฟางหยวนนอนอยู่ตรงกลางค่ายกลวิญญาณ ตอนนี้วิญญาณกาลเวลาถูกปิดผนึกไว้อย่างสมบูรณ์
เดิมทีวิญญาณกาลเวลาถูกผนึกไว้โดยผู้อมตะจากวังสวรรค์เว่ยหลิงหยาง อิงอู๋เซี่ยไม่สามารถใช้งานมันได้ ดังนั้นเขาจึงขายมันให้กับฟางหยวนพร้อมกับร่างผีดิบอมตะ
หลังจากได้รับวิญญาณกาลเวลา ฟางหยวนตระหนักว่ามันถูกปิดผนึกและไม่สามารถเชื่อมต่อกับสายธารแห่งกาลเวลาเป็นเหตุให้มันอ่อนแอลงเรื่อยๆ
ฟางหยวนพยายามทุกวิถีทางเพื่อทำลายผนึกนี้แต่ไม่ประสบความสำเร็จและต้องยอมแพ้ต่อเรื่องนี้อย่างไม่มีทางเลือก
อย่างไรก็ตามไม่นานมานี้ดูเหมือนผนึกของผู้อมตะเว่ยหลิงหยางจะหมดสภาพไปแต่ยังมีเจตจำนงสวรรค์ที่ซ่อนตัวอยู่
ฟางหยวนไม่กล้าวางร่างผีดิบอมตะของเขาไว้ข้างนอก การเก็บมันไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
แต่ฟางหยวนยังเกรงว่าภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองจะทำงานร่วมกับวิญญาณกาลเวลาและกลายเป็นภัยคุกคายร้ายแรง ดังนั้นเขาจึงต้องสร้างค่ายกลวิญญาณผนึกและป้องกันเจตจำนงสวรรค์
หลังจากสามวัน อสูรหิมะทั้งหมดก็ถูกกำจัดออกไปจากมิติช่องว่างจักรพรรดิอย่างสมบูรณ์
ต่อมาฟางหยวนยังใช้วิญญาณเจตจำนงของตนเองชำระล้างเจตจำนงสวรรค์ที่ตกค้างทั้งหมด
สำหรับเรื่องนี้ฟางหยวนต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล แม้กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนจะมีต้นทุนต่ำ แต่การใช้หลายครั้งก็ทำให้เขาสูญเสียไม่น้อยเช่นกัน
ตอนนี้ฟางหยวนไม่เหลือองุ่นเขียวอมตะและหินวิญญาณอมตะแม้แต่ก้อนเดียว
เนื่องจากการปิดตัวของสวรรค์สีเหลือง แม้ฟางหยวนจะมีทรัพยากรมากมายเพียงใดแต่เขาก็ไม่สามารถขายพวกมันขณะที่แต้มผลงานจากนิกายหลางหยาของเขาก็ลดลงเรื่อยๆ
แม้ฟางหยวนจะได้รับแต้มผลงานจากการชี้แนะทักษะการต่อสู้ให้กับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเริ่มลดรางวัลสำหรับภารกิจนี้และเพิ่มรางวัลให้กับภารกิจล่าสุนัขดาวตกเพลิง
‘สวรรค์สีเหลือง เมื่อใดเจ้าจะเปิด?’
ฟางหยวนรอคอยการเปิดตัวของสวรรค์สีเหลืองขณะเดียวกันก็เตรียมความพร้อมสำหรับภัยพิบัติพิภพที่ใกล้เข้ามา
เหลือเวลาห้าวันก่อนที่ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองของฟางหยวนจะมาถึง ฟางหยวนชำระล้างเจตจำนงสวรรค์ที่ตกค้างอีกครั้งก่อนจะเดินทางไปยังภูเขาตงฮัน
ด้วยการใช้ท่าไม้ตายอมตะกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนและวิธีอื่นๆ ภูมิประเทศของภูเขาตงฮันเปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์
ต่อมาด้วยการใช้วิญญาณอมตะยกภูเขา เขานำภูเขาตงฮันเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
หากฟางหยวนไม่มีวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้า เขาจะไม่กล้าทำเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับมัน
ความปั่นป่วนดังกล่าวทำให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปรากฎตัวขึ้น
เขาถามด้วยความกังวล “ผู้อาวุโสฟางหยวน เจ้ากำลังทำสิ่งใด?”
ภูเขาตงฮันไม่เหมือนหุบเขาเหล่าโป หากฟางหยวนต้องการนำมันจากไป จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะไม่สามารถหยุดเขา
ฟางหยวนเตรียมข้องอ้างไว้แล้ว เขาบอกว่าตนเองจะออกเดินทางฝึกตนอยู่ในโลกภายนอกสักพัก
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเชื่อคำกล่าวของฟางหยวน เนื่องจากเขาพยายามบีบบังคับให้ฟางหยวนออกล่าสุนัขดาวตกเพลิง ดังนั้นมันจึงมีความเป็นไปได้และสมเหตุสมผลที่ฟางหยวนจะตัดสินใจจากไปพร้อมกับภูเขาตงฮัน
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากังวลมาก
ฟางหยวนใช้โอกาสนี้แลกเปลี่ยนแต้มผลงานทั้งหมดของนิกาย เขายังใช้วิญญาณสติปัญญาเป็นหลักประกันในการยืมวิญญาณอมตะและหินวิญญาณอมตะจำนวนมากจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
ในที่สุดเขาก็สามารถเติมองุ่นเขียวอมตะ!
น่าเสียดายที่สวรรค์สีเหลืองยังไม่เปิด
ฟางหยวนถอนหายใจและย้ายทรัพยากรส่วนหนึ่งเก็บไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเพื่อความปลอดภัย
“ทรัพยากรมากมายนัก ดูเหมือนเจ้าจะเชี่ยวชาญในการดูแลมิติช่องว่าง” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับจำนวนทรัพยากรของฟางหยวน
แต่ในความเป็นจริงนี่ยังเป็นเพียงส่วนเล็กๆเท่านั้น มันยังไม่ถึงแม้แต่สามสิบส่วนของทั้งหมด
ฟางหยวนจะไม่นำทรัพยากรทั้งหมดของตนออกมาขณะที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ไม่ใช่คนโง่ที่ไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้
ครึ่งวันก่อนภัยพิบัติพิภพจะมาเยือน ฟางหยวนเดินทางไปยังที่แดนน้ำแข็งของภาคเหนือ
แม้แดนน้ำแข็งของภาคเหนือจะถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจคลั่งและมีความหมายที่แท้จริงมากมายของเขาอยู่ที่นี่ แต่มันยังมีเจตจำนงสวรรค์
ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่เดินทางมาที่นี่ล่วงหน้า
แดนน้ำแข็งมีพื้นที่กว้างใหญ่ ฟางหยวนเลือกทิศทางและตำแหน่งวางมิติช่องว่างจักรพรรดิอย่างระมัดระวัง แน่นอนว่ามันไม่ใช่ตำแหน่งเดิม
ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองจะเป็นเช่นไร แต่ไม่ว่าอย่างไรมันย่อมทรงพลังกว่าครั้งแรก
ฟางหยวนรอคอยสิ่งนี้อย่างระมัดระวัง
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1096 จันทราหิมะบุปผาวายุ (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
ฟางหยวนในชุดคลุมขาวค่อยๆบินลงไปยังภาคเหนือน้อยในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
เขาวางแผนที่จะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพที่นี่อีกครั้ง
พื้นที่อื่นมีทรัพยากรวางอยู่ ส่วนภาคเหนือน้อยมีเพียงแดนน้ำแข็งที่ไม่สำคัญ อสูรหิมะที่เต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์ถูกกำจัดไปแล้ว
มิติช่องว่างจักรพรรดิมีขนาดใหญ่มากแต่เป้าหมายของภัยพิบัติมีเพียงฟางหยวนเท่านั้น
ดังนั้นภัยพิบัติจะเกิดขึ้นในสถานที่ที่เขาอยู่
ขั้นแรกเขาตรวจสอบความพร้อมของตนเอง
มีวิญญาณจำนวนมากอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
ส่วนใหญ่เป็นวิญญาณที่เกี่ยวข้องกับท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติ
นอกจากนั้นยังมีภูเขาตงฮันที่อยู่เคียงข้างฟางหยวน
ตอนนี้ภูเขาตงฮันดูต่างไปจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง ฟางหยวนทำเช่นนี้เพื่อป้องกันไม่ให้คนนอกใช้วิญญาณท่องแดนอมตะเข้ามาที่นี่ระหว่างภัยพิบัติ
หากฟางหยวนไม่มีวิญญาณยกภูเขาและวิญญาณพื้นที่ก่อนหน้า เขาจะไม่นำภูเขาตงฮันติดตัวมาด้วย
แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป
ด้วยวิญญาณยกภูเขา ฟางหยวนสามารถนำภูเขาตงฮันเข้ามาในมิติช่องว่างจักรพรรดิด้วยตนเอง หากเขาต้องขอความช่วยเหลือจากผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆ ไม่เพียงเขาจะสูญเสียแต้มผลงาน เขายังต้องนำผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเข้ามาในมิติช่องว่างจักรพรรดิและเปิดเผยความลับอันยิ่งใหญ่ของเขา
ด้วยวิญญาณพื้นที่ก่อนหน้า เขาไม่จำเป็นต้องกลัวว่าภูเขาตงฮันจะถูกทำลายในภัยพิบัติ
หลังจากตรวจสอบ ฟางหยวนยืนยันว่าการเตรียมการของเขาไม่มีปัญหา
ทันใดนั้นปราณสวรรค์พิภพปริมาณมหาศาลก็พุ่งเข้ามาในมิติช่องว่างจักรพรรดิและสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ขึ้น
‘ครั้งนี้มีภูเขาตงฮันอยู่ที่นี่ ปราณสวรรค์พิภพที่เข้ามาจึงมากกว่าครั้งก่อน’
ปราณสวรรค์พิภพพุ่งเข้ามาอย่างดุเดือด ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณจำนวนมากที่อยู่นอกมิติช่องว่างจักรพรรดิ
เขาเคยทำสิ่งนี้มาแล้วเพราะมันก็คือท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติ
ประการแรก ท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติจะช่วยลดความรุนแรงของภัยพิบัติลดลง
ประการที่สอง มันสามารถดึงดูดความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง
ครั้งนี้เขายังปรับเปลี่ยนท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติเล็กน้อย
การปรับเปลี่ยนนี้เป็นหนึ่งในการเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติของฟางหยวน
แม้ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของเขาจะไม่สูงนัก แต่เขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา การดัดแปลงเล็กๆน้อยๆไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตราบเท่าที่เขายังค้นคว้าต่อไป ฟางหยวนมั่นใจว่าเขาจะสามารถดัดแปลงท่าไม้ตายนี้ให้เหมาะกับตนเองมากที่สุด
ท้ายที่สุดฟางหยวนไม่สามารถพึ่งพาจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาได้ทุกครั้งที่เขาต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ การยืมวิญญาณอมตะมีค่าใช้จาย ฟางหยวนต้องปรับเปลี่ยนท่าไม้ตายอมตะเพื่อที่จะหลุดพ้นจากการควบคุมของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาในแง่มุมนี้
ฟางหยวนเตรียมการทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
แสงสีเขียวพุ่งออกจากมิติช่องว่างจักรพรรดิและครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ของแดนน้ำแข็ง
องุ่นเขียวอมตะนับหมื่นผลถูกใช้ไปในกระบวนการนี้
ทันใดนั้นสายลมอันแผ่วเบาเริ่มพัดมาก่อนจะค่อยๆทวีความรุนแรงมากขึ้น
ในพริบตามันกลายเป็นพายุกรรโชกแรง
‘นี่คือภัยพิบัติใด?’ ฟางหยวนยืนอยู่บนยอดเขาตงฮันและรอคอยอย่างระมัดระวัง
แม้เขาจะไม่รู้ว่ามันคือภัยพิบัติใด แต่เขาสามารถบอกได้ว่ามันเหมือนภัยพิบัติครั้งก่อนหน้า เว้นเพียงพลังอำนาจของมันที่รุนแรงขึ้น
พายุพัดหิมะและน้ำแข็งขึ้นจากพื้นและปิดบังทัศนวิสัยของฟางหยวนเอาไว้
“เค้ง…เค้ง…”
‘เสียงนั่น?’ ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณสายตรวจสอบและได้ยินเสียงระฆังดังขึ้นท่ามกลางพายุหิมะ
ฉากที่แปลกประหลาดนี้ทำให้ฟางหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย
‘อย่าบอกข้าว่า…’ ความคิดหนึ่งผลุดขึ้นในใจของเขา
ขณะที่เสียงระฆังดังขึ้น ดอกไม้สีเขียวขนาดใหญ่ดอกหนึ่งลอยเข้ามาชนกับภูเขาตงฮัน
มันทิ้งหลุมขนาดใหญ่ไว้บนภูเขาตงฮันก่อนจะหายไปกับสายลม
“เค้ง…เค้ง…”
เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่ดอกไม้สีเขียวสิบแปดดอกจะพุ่งเข้าชนภูเขาตงฮันและฝากรอยตำหนิไว้สิบแปดจุด
‘นี่คือบุปผาวายุ!’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขายืนยันเรื่องนี้อยู่ในใจ
บุปผาวายุอยู่บนเส้นทางแห่งวายุ พวกมันเหมือนรถม้าสีเขียวที่พุ่งเข้าโจมตีศัตรูด้วยพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัว
“เค้ง…เค้ง…”
ฟางหยวนพึ่งตระหนักถึงภัยพิบัตินี้ขณะที่บุปผาวายุพัดมาอีกครั้ง
ตอนนี้มันเพิ่มจำนวนขึ้นถึงห้าสิบดอกและโจมตีเข้ามาจากทุกทิศทาง
ฝุ่นควันลอยคละคลุ้งขึ้นบนภูเขาตงฮันและกระจายหายไปในสายลม
ฟางหยวนรีบล่าถอยออกจากยอดเขา
เขากัดฟันแน่นและรู้สึกหนักใจเล็กน้อย
‘คราวก่อนเจตจำนงสวรรค์สร้างอสูรหิมะจำนวนมาก แต่ข้าบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อหลีกเลี่ยงพวกมัน’
‘ครั้งนี้เจตจำนงสวรรค์สามารถเรียนรู้จากอดีตและเปลี่ยนกลยุทธ์โดยใช้บุปผาวายุโจมตีข้า’
นี่คือจุดอ่อนของฟางหยวน
ความเร็วของเขาต่ำกว่าบุปผาวายุขณะที่วิธีการป้องกันของเขาอยู่ในระดับมนุษย์เท่านั้น
‘โชคดีที่ข้านำภูเขาตงฮันมาด้วย มิฉะนั้นข้าจะไม่มีสถานที่ป้องกันตัว!’ ฟางหยวนรู้สึกยินดีกับเรื่องนี้
วิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้า!
เขาใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อกู้คืนภูเขาตงฮัน
แต่หลังจากนั้นบุปผาวายุจำนวนมากก็พุ่งเข้าทำลายพื้นผิวของภูเขาตงฮันอีกครั้ง
‘ข้าไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไป!’
‘ข้าสูญเสียพลังงานอมตะมากกว่าครึ่งไปแล้วกับท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติ’
‘แม้ตอนนี้ข้าจะปลอดภัย แต่การใช้พลังงานอมตะฟื้นฟูภูเขาตงฮันก็เป็นเพียงการยื้อเวลาเท่านั้น’
ความคิดมากมายเกิดขึ้นในใจของฟางหยวน
ด้วยประสบการณ์ เขาสามารถคิดวิธีรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง หมื่นตัวตน!
ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ใบหน้าที่คุ้นเคย!
วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด!
ฟางหยวนจำนวนนับไม่ถ้วนยึดครองพื้นที่ของภูเขาตงฮันเอาไว้ทั้งหมด
หนึ่งในนั้นคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้าขณะที่ภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนมากพุ่งเข้าสู่พายุหิมะ
ในเวลาเดียวกันร่างจริงของฟางหยวนก็ใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยเปลี่ยนตนเองให้เป็นหินก้อนหนึ่งบนภูเขาตงฮันเพื่อปกปิดตัวตน
ด้วยวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ พลังอำนาจของท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยจึงใกล้เคียงกับรุ่นดั่งเดิมของมันเป็นอย่างมาก
หลังจากกลายเป็นก้อนหิน ฟางหยวนไม่ขยับเขยื้อนและยังใช้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดผนึกกลิ่นอายของตนเองเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง
“เค้ง…เค้ง…”
ครั้งนี้บุปผาวายุนับหมื่นดอกปรากฏขึ้นต่อหน้าภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งของฟางหยวน
หลังจากช่วงเวลาหนึ่งภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งที่เผชิญหน้ากับบุปผาวายุก็ถูกทำลายลง
ฟางหยวนส่งภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนมากออกไปอีกครั้ง
บุปผาวายุที่เต้นรำอยู่กลางอากาศถูกทำลายทันที
หลังจากเหตุการณ์เดิมเกิดขึ้นซ้ำๆ เจตจำนงสวรรค์เริ่มตระหนักถึงกลยุทธ์ของฟางหยวน นั่นทำให้บุปผาวายุหยุดให้ความสนใจภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งและเปลี่ยนเป้าหมายเป็นภูเขาตงฮัน
ฟางหยวนรู้สึกถึงเจตนาร้ายของเจตจำนงสวรรค์
‘ภูเขาตงฮันเป็นแหล่งรายได้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า เจตจำนงสวรรค์ต้องการทำลายอนาคตของข้า!’
โชคดีที่ฟางหยวนมีวิญญาณพื้นที่ก่อนหน้า
เขาเก็บชิ้นส่วนของภูเขาตงฮันเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาสามารถกู้คืนภูเขาตงฮันได้ในภายหลัง ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่สนใจการโจมตีของบุปผาวายุ
ท่าไม้ตายอมตะ คลื่นดาบสามชั้น!
ท่าไม้ตายอมตะ กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน!
ฟางหยวนพยายามตอบโต้การโจมตีของศัตรูแต่บุปผาวายุรวดเร็วเกินไป ท่าไม้ตายอมตะทั้งสองของเขากลายเป็นไร้ประโยชน์โดยเฉพาะท่าไม้ตายอมตะกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน แม้มันจะทรงพลัง แต่มันช้าเกินไป มันไม่สามารถสัมผัสบุปผาวายุได้แม้แต่ดอกเดียว
ท่าไม้ตายอมตะ ลมหายใจพิษ!
ฟางหยวนส่งควันพิษสีม่วงกระจายไปกับสายลม
บุปผาวายุเริ่มร่วงโรยเมื่อสัมผัสกับพิษร้ายแรง
ฟางหยวนรู้สึกมีความสุขเมื่อเห็นสิ่งนี้
ท่าไม้ตายอมตะลมหายใจพิษถูกพัฒนามาจากท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งปัญญาแต่มันใช้วิญญาณอมตะหัวใจหญิงงามเป็นแกนกลาง มันมีข้อบกพร่องมากมายและมีค่าไม่มาก
แต่ฟางหยวนสามารถพึ่งพามัน
ผู้ใดจะคิดว่ามันจะมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมในสถานการณ์นี้!
ภายใต้ควันพิษ พลังโจมตีของบุปผาวายุลดลงอย่างมาก
พายุเริ่มอ่อนกำลังลง
แสงอันเย็นเยียบสาดส่องลงมายังภูเขาตงฮัน
ฟางหยวนเงยศีรษะขึ้นและเห็นจันทร์เสี้ยวปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
เขาพึมพำอยู่ภายใน ‘จันทราหิมะ!’
มันเป็นจันทร์เสี้ยวสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหิมะ แสงของมันทำให้อุณหภูมิบนภูเขาตงฮันลดลงอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้าชั้นน้ำค้างแข็งก็เริ่มปกคลุมพื้นผิวของภูเขาตงฮัน
ฟางหยวนรู้สึกหนักใจ เขาคิด ‘นี่ไม่ใช่ภัยพิบัติบุปผาวายุแต่เป็นภัยพิบัติจันทราหิมะบุปผาวายุ! มันเป็นภัยพิบัติพิภพ แต่กลับทรงพลังยิ่งกว่าภัยพิบัติสวรรค์ ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองนี้รุนแรงเกินไปจริงๆ!’
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1097 ความยากลำบาก
แปลโดย iPAT
ภัยพิบัติบุปผาวายุและภัยพิบัติจันทราหิมะเป็นสองภัยพิบัติพิภพที่แตกต่างกัน
แต่เมื่อภัยพิบัติบุปผาวายุและภัยพิบัติจันทราหิมะมารวมกัน พวกมันจะกลายเป็นภัยพิบัติสวรรค์ พลังอำนาจของพวกมันจะเพิ่มสูงขึ้น บุปผาวายุมีความเร็วและพลังโจมตีที่ยากจะรับมือขณะที่แสงจากจันทราหิมะจะทำให้การเคลื่อนไหวของผู้อมตะช้าลง ทั้งสองถือเป็นการจัดคู่ที่สมบูรณ์แบบ
ฟางหยวนรู้สึกกดดันมาก
แท้จริงแล้วความแข็งแกร่งของฟางหยวนในปัจจุบันโดยเฉพาะหลังจากทำธุรกรรมกับนิกายเงาและสามารถครอบครองท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนรวมถึงท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้น พลังการต่อสู้ของเขาบรรลุถึงระดับเจ็ด มันไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะก้าวข้ามภัยพิบัติสวรรค์
สิ่งที่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกหนักใจไม่ใช่ภัยพิบัติในเวลานี้แต่เป็นอนาคตของเขา
เมื่อผู้อมตะก้าวข้ามภัยพิบัติ พวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้น ตามทฤษฎี ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองจะรุนแรงกว่าครั้งแรก
แต่ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองของฟางหยวนกลับเทียบเท่าภัยพิบัติสวรรค์ แล้วภัยพิบัติครั้งต่อๆไปของเขาจะทรงพลังถึงระดับใด?
ผู้อมตะระดับหกต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพทุกสิบปีและภัยพิบัติสวรรค์ทุกร้อยปี หลังจากสามร้อยปีพวกเขาจะบรรลุระดับเจ็ด
นั่นหมายความว่าพวกเขาจะพบภัยพิบัติพิภพยี่สิบเจ็ดครั้งและภัยพิบัติสวรรค์สามครั้ง
สำหรับฟางหยวน หลังจากภัยพิบัติพิภพครั้งนี้ เขายังต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพอีกยี่สิบห้าครั้งและภัยพิบัติสวรรค์อีกสามครั้ง
หากภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองของเขาอยู่ในระดับเดียวกับภัยพิบัติสวรรค์ แล้วอนาคตของเขาจะเป็นเช่นไร? มีความเป็นไปได้ที่ภัยพิบัติพิภพครั้งต่อไปของเขาจะเทียบเท่ากับภัยพิบัติใหญ่!
แสงจันทร์ทำให้ใบหน้าของฟางหยวนดูซีดขาว
แม้แต่ความคิดของเขาก็ยังช้าลง
จันทราหิมะไม่เพียงทำให้การเคลื่อนไหวของผู้อมตะช้าลงแต่ยังรวมถึงความคิดของพวกเขาด้วย
ฟางหยวนใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อปกป้องจิตใจของตน
เขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา เขาสามารถทำเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย
‘สิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ในการทำธุรกรรมกับนิกายเงา ผมที่หกบอกข้าว่ากระทั่งภัยพิบัติพิภพจะทรงพลังขึ้น พวกมันก็มีขีดจำกัด ตราบเท่าที่มันเป็นภัยพิบัติพิภพ พลังอำนาจของมันก็ยังอยู่ในระดับของภัยพิบัติพิภพ เขาโกหกข้างั้นหรือ? เขามอบข้อมูลเท็จให้แก่ข้าหรือไม่?’ ฟางหยวนขมวดคิ้วลึก
ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่นิกายเงาจะหลอกฟางหยวน
แต่เมื่อคิดถึงมุมมองของนิกายเงา พวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น
นี่เป็นเรื่องที่สามารถตรวจสอบได้ง่าย นิกายเงาต้องการจับฟางหยวนเพื่อหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะอีกครั้ง แล้วพวกเขาจะโกหกฟางหยวนและปล่อยให้เขาตายไปในภัยพิบัติงั้นหรือ?
‘บางทีอาจมีความเป็นไปได้อื่น…’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นชา
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนราวกับหมาป่าเดียวดาย
ท่าไม้ตายอมตะ คลื่นดาบสามชั้น!
ท่าไม้ตายอมตะ กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน!
เขาระเบิดการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดออกมาอย่างกะทันหัน
คลื่นดาบพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าท้าทายแรงโน้มถ่วง กำปั้นยักษ์ทะลวงผ่านอากาศและแยกลมพายุออกด้วยพลังอำนาจมหาศาล
การโจมตีทั้งสองพุ่งไปยังจันทร์เสี้ยวที่อยู่บนท้องฟ้า
“เค้ง…เค้ง…”
บุปผาวายุจำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันต่อต้านคลื่นดาบสามชั้นและกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน
ในไม่ช้าทั้งสองฝ่ายก็พังทลายลง
แต่มีบางสิ่งที่ดูแปลกประหลาด
ก่อนหน้านี้บุปผาวายุพุ่งเป้าไปที่ภูเขาตงฮันเท่านั้น พวกมันต้องการทำลายแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพที่มีชื่อเสียง พวกมันไม่สนใจคลื่นดาบสามชั้นและกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนของฟางหยวนและกระทั่งพยายามหลีกเลี่ยง
แต่ตอนนี้บุปผาวายุกลับพุ่งเข้าเผชิญหน้ากับการโจมตีของฟางหยวนโดยตรง
ดูเหมือนบุปผาวายุเหล่านี้พยายามปกป้องดวงจันทร์ที่อยู่บนท้องฟ้า
การดำรงอยู่ของจันทราหิมะสร้างแรงกดดันให้กับฟางหยวนเป็นอย่างมาก ไม่แปลกที่บุปผาวายุจะต้องการปกป้องมัน
แต่ฟางหยวนกลับรู้สึกตื่นเต้น
หมื่นตัวตน!
หมื่นตัวตน!
หมื่นตัวตน!
ภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนมากพุ่งออกไปราวกับคลื่นยักษ์
ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนสามครั้งและทำให้ภูเขาตงฮันที่เคยว่างเปล่ากลายเป็นสถานที่แออัด
ฟางหยวนจำนวนนับไม่ถ้วนบินขึ้นสู่อากาศ บางส่วนกระโดดลงจากภูเขา
แต่แตกต่างจากครั้งก่อน ร่างจริงของฟางหยวนแฝงตัวอยู่ในกลุ่มภูตมนุษย์ที่วิ่งลงจากภูเขาตงฮัน
บุปผาวายุพยายามโจมตีภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่ง
แต่ภูตมนุษย์ของฟางหยวนมีมากเกินไป
ด้วยการใช้ภูตมนุษย์จำนวนมากพร้อมกับท่าไม้ตายใบหน้าที่คุ้นเคยและวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด ฟางหยวนบินขึ้นสู่ท้องฟ้าได้สำเร็จ
‘เวลานี้!’
วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ!
ฟางหยวนเลือกจังหวะเวลาที่เหมาะสมและกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติบินขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับมังกรวารีทะยานขึ้นจากมหาสมุทร
เมื่อเข้าใกล้จันทราหิมะ ฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นและท่าไม้ตายอมตะกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนอีกครั้ง
เจตจำนงสวรรค์เผยจุดอ่อนขณะที่บุปผาวายุกำลังโจมตีภูตมนุษย์ของฟางหยวน
นี่ทำให้ฟางหยวนทำลายจันทราหิมะได้สำเร็จ!
ความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งจำนวนมากพุ่งเข้าสู่จิตใจของฟางหยวนอย่างรวดเร็ว
ฟางหยวนราวกับต้นไม้ที่ได้รับน้ำและดูดซับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งเอาไว้ทั้งหมด
ทันใดนั้นเขารู้สึกราวกับตนเองเป็นดวงจันทร์ที่แขวนอยู่บนท้องฟ้าและส่องแสงลงมาอย่างเงียบเชียบขณะที่ตนเองมองไปยังสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลกใบนี้
ระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!
เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เพียงสัตว์หรือพืชเท่านั้นแต่ยังรวมถึงภูเขา แม่น้ำ สายลม ดวงจันทร์ และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทั้งหมด
ความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งทำให้ฟางหยวนได้รับประโยชน์อย่างมาก
เขาหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุข
มันกลายเป็นว่าภัยพิบัติจันทราหิมะและบุปผาวายุเป็นเพียงการรวมตัวกันอย่างหยาบๆ มันไม่ใช่ภัยพิบัติสวรรค์ที่แท้จริง
ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองยังคงอยู่ในขอบเขตของภัยพิบัติพิภพ ไม่ว่าเจตจำนงสวรรค์จะโกรธเกรี้ยวมากเท่าใด ไม่ว่ามันจะต้องการกำจัดฟางหยวนมากเพียงใด มันก็ไม่สามารถทำลายกฎเกณฑ์ของมันเอง
สายลมคำรามราวกับเจตจำนงสวรรค์กำลังรู้สึกอับอายที่ถูกเปิดเผยแผนการของมัน
บุปผาวายุจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน
ฟางหยวนใช้ภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนมากปกปิดตัวตน
บุปผาวายุทำลายภูตมนุษย์ของฟางหยวนอย่างบ้าคลั่ง
แต่มันไม่สามารถทำสิ่งใดร่างจริงของฟางหยวนที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางภูตมนุษย์จำนวนมหาศาล สุดท้ายฟางหยวนก็สามารถกลับไปยังภูเขาตงฮันอีกครั้ง
ด้วยการปกป้องจากภูเขาตงฮัน ฟางหยวนจะปลอดภัยมากขึ้น
เมื่อเขาหยุดใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย ร่างกายของฟางหยวนพลันสั่นสะท้านขึ้น
มีบาดแผลขนาดใหญ่อยู่บนแผ่นหลังของเขา
แต่เนื่องจากพลังอำนาจของวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ บาดแผลของเขาจึงถูกซ่อนไว้
‘การป้องกันของข้ายังอ่อนแอเกินไป’ ฟางหยวนถอนหายใจและเริ่มรักษาตัวเอง
เขาไม่ได้ใช้วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า
วิญญาณดวงนี้เป็นวิญญาณอมตะ มันต้องใช้พลังงานอมตะ นอกจากนั้นมันยังทำได้เพียงทำให้เขากลับไปอยู่ในสภาพไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เท่านั้น
ฟางหยวนได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของบุปผาวายุเมื่อเขาบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
ในช่วงเวลานั้นเขาไม่สามารถใช้วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า มิฉะนั้นมันจะเป็นการเปิดเผยตำแหน่งของเขา
‘โชคดีที่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าในร่างของข้าไม่ขัดแย้งกัน นอกจากนั้นวิธีของมนุษย์ยังใช้กับข้าได้ดี’ ฟางหยวนรู้สึกถึงข้อได้เปรียบอันยิ่งใหญ่นี้
โดยปกติแล้วอาการบาดเจ็บของผู้อมตะยากที่จะรักษา เนื่องจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามักจะขัดแย้งกันและลดประสิทธิภาพในการรักษา เมื่อใช้ท่าไม้ตายอมตะสายรักษา พวกเขาต้องพิจารณาถึงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าว่าขัดแย้งกันหรือไม่
ฟางหยวนไม่มีปัญหานี้ เขายังสามารถใช้วิธีรักษาระดับมนุษย์เพื่อลดค่าใช้จ่าย
ฟางหยวนไม่มีพลังงานอมตะมากเท่ากับครั้งก่อน
เหตุผลหลักคือการปิดตัวของสวรรค์สีเหลือง
เป็นเพียงเวลานี้ที่แสงอันเย็นเยียบส่องลงมาและปกคลุมภูเขาตงฮันเอาไว้อีกครั้ง
ฟางหยวนเงยหน้าขึ้นไปและแทบกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
มีจันทราหิมะอีกสามดวงปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า!
เขาเร่งใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาปกป้องจิตใจของตนเอง
นอกจากนี้เขายังต้องปกป้องร่างกายโดยใช้ท่าไม้ตายระดับมนุษย์เพื่อรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้อยู่ในสภาวะปกติ
จำนวนจันทราหิมะที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อฟางหยวนเป็นอย่างมาก
สิ่งนี้ทำลายแผนการที่จะเฝ้ามองการต่อสู้อยู่บนภูเขาตงฮันของเขา
ฟางหยวนตระหนักว่านี่เป็นช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย!
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด จันทราหิมะก็ยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้นขณะที่ความหวังที่จะก้าวข้ามภัยพิบัติครั้งนี้ก็จะลดน้อยลง
เขาต้องตอบโต้อย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นเขาอาจตกลงสู่สถานการณ์ที่สิ้นหวังและไม่เหลือทางรอด
ผู้อมตะคนอื่นอาจลังเล แต่ฟางหยวนมีประสบการณ์มากมาย หลังจากตระหนักถึงปัญหา เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนอีกครั้งอย่างไม่ลังเล
ภูตมนุษย์บนเส้นทงความแข็งแกร่งจำนวนมากหลอกล่อบุปผาวายุขณะที่ร่างจริงของฟางหยวนแฝงตัวอยู่ท่ามกลางพวกมันและพยายามทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
หลังจากบินขึ้นสู่ท้องฟ้า พลังอำนาจของจันทราหิมะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเพราะมันไม่ถูกสะกดข่มโดยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณจากภูเขาตงฮันอีกต่อไป
นี่เป็นการต่อสู้ที่เข้มข้น!
ฟางหยวนต้องทำลายจันทราหิมะทั้งสามแต่แสงจันทร์กลับกดดันเขามากกว่าบุปผาวายุ ยิ่งที่เลวร้ายกว่าก็คือจันทราหิมะดวงที่สี่กำลังจะก่อตัวขึ้น
เจตจำนงสวรรค์ทำทุกอย่างเพื่อหยุดและสังหารฟางหยวน
ดวงจันทร์หนึ่งดวง ดวงจันทร์สองดวง ดวงจันทร์สามดวง ฟาหงยวนทำลายพวกมันอย่างยากลำบาก
แต่ยังมีจันทราหิมะปรากฏขึ้นเรื่อยๆ
แสงจันทร์ทำให้ฟางหยวนรู้สึกเย็นเยียบอยู่ภายในใจ ความจริงที่โหดร้ายทำให้แขนขาของเขากลายเป็นด้านชา
โอกาสรอดชีวิตลดน้อยลงแต่การแสดงออกของฟางหยวนยังแน่วแน่ เขาต่อสู้กับภัยพิบัติโดยไม่ย่อท้อ
พลังงานอมตะของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะ เขาต้องระวังเรื่องค่าใช้จ่ายและไตร่ตรองอย่างรอบคอบ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น