ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1090-1104
บทที่ 1090 กองทัพเรืออเมริกา
ภายในเรือคอนเนตทิคัต จัสติน บัตลีย์ยืนขมวดคิ้วอยู่ที่ตำแหน่งสั่งการ สองตาจับจ้องหน้าจอโซนาร์นิ่งเงียบ ไม่ต่างจากรูปปั้น
ในห้องบังคับการ ทหารกองทัพเรือสิบกว่านายกำลังวุ่นวายกับการปฏิบัติการ มีคนคอยรายงานพารามิเตอร์ที่ต้องการคำสั่งและเจ้าหน้าที่ที่คอยให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง เจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์ใหญ่แห่งทะเลลึกก็ถูกควบคุมโดยเช่นนี้เอง เคลื่อนไหวตามคำสั่งของพวกทหารอย่างว่าง่าย
ชายผิวดำวัยกลางคนร่างกำยำคนหนึ่งเดินมาที่ด้านหลังจัสติน ทำความเคารพอย่างนอบน้อมพร้อมเอ่ยว่า “ผู้พันครับ ด้วยเหตุใดไม่ทราบ พวกสัตว์ประหลาดทะเลถึงเริ่มดำน้ำลึกกัน ทำการยิงระเบิดดาวกระจายน้ำลึกเข้าไปแล้วรังหนึ่ง จะให้โจมตีต่อไหมครับ?”
ในฐานะกัปตันเรือดำน้ำนิวเคลียร์ซีวูฟคลาสคนที่สอง ตลอดมาจัสตินเป็นทหารที่ยอดเยี่ยม ซื่อสัตย์ กล้าหาญ แก้ปัญหาเก่ง แข็งแกร่ง มองโลกในแง่ดีและมีประสบการณ์ในการสั่งการ ไม่ว่าเรือดำน้ำจะเจอเรื่องอะไรก็ดูจะไม่เป็นปัญหากับเขาแม้แต่น้อย
ทว่าตอนนี้ เขาค่อนข้างลำบากใจ ความลำบากใจนี้มาจากสิ่งที่เขาเชื่อแต่ไม่ได้แปลว่าจะจัดการเรื่องตรงหน้าไม่ได้
ตามข้อบังคับของกระทรวงกลาโหมและกองทัพเรือ ตามปกติเรือดำน้ำนิวเคลียร์ซีวูฟคลาสสามารถประจำอยู่ที่ฐานทัพเรือรัฐวอชิงตันคิตสัพได้ แต่ไม่นานก่อนหน้านี้มีการซ้อมรบระหว่างยุโรปกับอเมริกา เรือคอนเนตทิคัตจึงต้องไปยังมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือในฐานะตัวแทนกองทัพเรืออเมริกา
ปรากฏว่าเมื่อสองวันก่อน เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เกิดวิกฤตความขัดแย้งและมีการปะทะกัน ทางกองทัพเรืออเมริกาจึงรีบส่งเรือคอนเนตทิคัตไปยุติความขัดแย้ง โดยเดินทางจากสเปนผ่านมหาสมุทรอินเดียและเข้ามหาสมุทรแปซิฟิก ก่อนจะไปข่มขวัญเกาหลีเหนือเล็กน้อย
นี่เป็นคำร้องขอที่ทางเกาหลีใต้เสนอมา เพราะในช่วงความขัดแย้งด้านพรมแดนของทั้งสองฝ่าย เกาหลีใต้ได้ข้อมูลมาว่า เกาหลีเหนือเริ่มเคลื่อนไหวกองทัพเรือดำน้ำทั้งหมดแล้ว เพื่อไปปิดท่าเรือขนาดใหญ่ของเกาหลีใต้ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่กองทัพเรือระดับสูงค่อนข้างกระวนกระวาย
พูดถึงเรื่องนี้ ผู้นำหน่วยงานของสหรัฐก็คาดหวังไว้สูง เกาหลีใต้ถือครองกองทัพเรืออันดับหนึ่งในเอเชีย ในแง่ของเทคโนโลยีกองทัพเรือ แม้แต่จีนก็ไม่อาจเอาชนะได้
อย่างไรก็ตามหากเทียบในด้านประสิทธิภาพการรบ ตรงส่วนนี้ยังมีปัญหาอยู่ ถึงเกาหลีใต้จะโดดเด่นด้านเทคโนโลยีแต่ก็ยังมีความกลัวเกาหลีเหนือ ซึ่งในสายตาพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐนั้นช่างน่าเหลือเชื่อ
เรือคอนเนตทิคัตเป็นเรือดำน้ำนิวเคลียร์จู่โจม หลักๆ จะใช้โจมตีเรือบรรทุกเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ เป็นจอมทำลายล้างเรือใหญ่ และปัจจุบันก็โดนส่งไปทำภารกิจต่อต้านเรือดำน้ำข้าศึก ไปจัดการกับกองทัพเรือดำน้ำของเกาหลีเหนือตามคำร้องขอของเกาหลีใต้
กองทัพเรือดำน้ำของเกาหลีเหนืออยู่ในอันดับที่สี่ของโลก มีในครอบครอง 80 ลำรวมถึงเรือดำน้ำจู่โจมโรมิโอคลาส เรือดำน้ำซังโอและเรือดำน้ำยูโกคลาส
แม้จะมีจำนวนมาก แต่ที่จริงกองทัพเรือของเกาหลีเหนือกลับไม่มีประสิทธิภาพในการรบนัก จัสตินมั่นใจ ถ้าต้องทำสงครามจริงๆ แค่เรือคอนเนตทิคัตของเขาลำเดียวก็รับมือกองทัพเรือเกาหลีเหนือได้แน่
ความจริง ทั้งสองฝ่ายไม่มีทางทำสงครามกันได้ เรือคอนเนตทิคัตยังไม่ทันผ่านแอฟริกาใต้เข้ามหาสมุทรอินเดีย ก็ได้รับข่าวมาว่าเกาหลีใต้กับเกาหลีเหนือแก้ปัญหากันเรียบร้อยแล้ว พวกเขาสามารถกลับไปเข้าร่วมการฝึกซ้อมต่อได้เลย
พอได้ทราบข่าวดังนั้น พวกเจ้าหน้าที่บนเรือคอนเนตทิคัตก็แทบสบถด่ากัน สงครามใหญ่มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายนะ ทำไมพวกเกาเหลาเหนือใต้ถึงมองว่ามันเป็นเหมือนเรื่องเด็กเล่นกัน?
ตอนนี้ที่พวกเขาจะเตรียมตัวเดินทางกลับนั่นเอง เรดาร์บนเรือดำน้ำก็พบกับฝูงสัตว์ประหลาดเข้า
ฉินสือโอวเดาได้แม่น โซนาร์ของเรือคอนเนตทิคัตสุดยอดจริงๆ พวกเขาพบคราเคนยาวสิบกว่าเมตรกับพวกงูเหลือมทะเลผ่านพาสทีฟโซนาร์ ตอนนั้นคิดว่าเป็นเรือดำน้ำพลเรือน แต่พอเปิดแอ็คทีฟโซนาร์ดูถึงเห็นว่าไม่ใช่ พวกเขาเจอสัตว์ประหลาดทะเลเข้าแล้วต่างหาก!
ใช่ สัตว์ประหลาดทะเล ในสายตาของเจ้าหน้าที่และทหารในเรือ สิ่งมีชีวิตยาวสิบกว่าเมตรบนหน้าจอโซนาร์พวกนี้ เป็นสัตว์ประหลาด!
หลังเจอสัตว์ประหลาด จัสตินในฐานะกัปตันก็รีบรายงานข่าวให้ทางฐานทัพคิตสัพ เพราะฝูงสัตว์ประหลาดนี้ดูแปลกเกินไป ที่น่าเหลือเชื่อคือ ต่อให้มีหลักฐานว่าหมึกยักษ์ตัวหนึ่งถืออะไรบางอย่างที่เป็นเหล็ก ก็ยังยากจะทำให้คนเชื่ออยู่ดี
ในสายตาของพวกจัสติน ฝูงสัตว์ประหลาดพวกนี้คงกำลังออกหาอาหารไม่ก็ฝูงตัวอะไรสักอย่างกำลังไล่ฆ่าหมึกยักษ์อยู่
ด้วยเครื่องตรวจจับโซนาร์พวกเขาทำได้แค่แยกแยะลักษณะของหมึกยักษ์ เช่นเดียวกับปีศาจงูทะเลยาวสิบเมตรกว่าที่คอยไล่ตามหมึกยักษ์อยู่ด้านหลัง ลำตัวหนาเท่าถังน้ำ นอกนั้นก็ไม่รู้อะไรอีกแล้ว
ตอนนี้วงการวิทยาศาสตร์ยอมรับว่าความยาวสูงสุดของงูทะเลนั้นคือสี่เมตร ไม่อาจยาวไปกว่านี้ได้ แต่ทว่าในยามนี้สัตว์ประหลาดที่พวกเขาค้นพบนั้น ตัวที่สั้นที่สุดกลับมีขนาดสี่เมตรพร้อมรูปร่างที่น่าตกตะลึง!
นอกจากนี้ ยังมีอีกเรื่องที่วงการวิทยาศาสตร์ยอมรับเหมือนกันคือ หมึกยักษ์เป็นนักล่าชั้นสูงในท้องทะเล สิ่งเดียวที่ต่อกรกับมันได้มีเพียงวาฬสเปิร์มกับวาฬเพชฌฆาต ส่วนสัตว์ตัวอื่นๆ มีแต่จะกลายเป็นอาหารของมันแทน
แต่ตอนนี้สิ่งที่พวกเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเห็นคือ ฝูงสัตว์ประหลาดที่เหมือนงูทะเลกำลังตามไล่ฆ่าหมึกยักษ์…
ถ้าฉินสือโอวรู้สิ่งที่พวกเจ้าหน้าที่เดากัน คงนึกถึงมุกหนึ่งของจีนแน่ รถแทรกเตอร์คันหนึ่งเสียบนถนน รถเมอร์เซเดส เบนซ์เลยมาช่วยลากมันไป บอกกับคนขับว่าถ้าเขาขับเร็วเกินไปให้บีบแตรบอก จากนั้นรถบีเอ็มดับเบิลยูคันหนึ่งก็มาขับแซงไป เบนซ์โมโหมาก เร่งความเร็วไล่ตามไปอย่างบ้าคลั่ง ทว่าในสายตาของตำรวจจราจรกลับเห็นเป็น รถเบนซ์กับบีเอ็มดับเบิลยูแข่งรถกันโดยมีรถแทรกเตอร์ด้านหลังคอยบีบแตรขอแซงไม่หยุด
เช่นเดียวกัน ชัดเจนว่าหมึกยักษ์นั้นนำหน้าพวกงูทะเล ทำไมถึงกลายเป็นงูทะเลจะไล่ฆ่าหมึกยักษ์เสียอย่างนั้นได้ล่ะ?
ทว่าในกรณีนี้ถ้าไม่ใช่คนที่เกี่ยวข้องก็คงไม่มีทางรู้ได้ หลังได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ ฐานทัพคิตสัพก็เริ่มสนใจขึ้นมา จึงขอให้พวกเขาหาทางจับตัวสัตว์ประหลาดพวกนั้นกลับมาวิจัย ไม่แน่มันอาจจะเป็นการค้นพบใหม่ก็ได้
พวกทหารเรือไม่ได้สนใจเรื่องสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ สนแค่ว่าสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่นี้จะไล่ฆ่าหมึกยักษ์ได้หรือไม่
สุดท้ายเรือคอนเนตทิคัตก็ไล่ตามไปตลอดทาง ตอนที่อีกนิดเดียวก็จะตามทันแล้ว จู่ๆ พวกมันกลับเลือกดำน้ำหนีไป และจากที่เห็นในหน้าจอ สัตว์ประหลาดพวกนี้ยังกระจายตัว เหมือนกับว่าพวกมันรับรู้ได้ถึงเรือคอนเนตทิคัต
จัสตินไม่เข้าใจ เรือดำน้ำยังอยู่ห่างจากพวกมันพอสมควร แล้วพวกมันจะรับรู้ถึงเรือด้านหลังได้อย่างไร?
จ่าสิบเอกจิน เวิร์ดสเวิร์ธ หลังรวบรวมรายงานสถานการณ์ปัจจุบันเสร็จก็รออย่างอดทน เขาเข้าใจจัสตินว่าเป็นการตัดสินใจที่ยาก เพราะสิ่งที่ฐานทัพต้องการคือให้พวกเขานำตัวอย่างของสัตว์ประหลาดกลับมา ถ้าใช้ระเบิดสักรอบ พวกเขาก็น่าจะนำชิ้นส่วนตัวอย่างของมันกลับมาได้
ทว่าตอนนี้ปัญหาคือ พวกสัตว์ประหลาดมันเจ้าเล่ห์มาก เอาแต่ดำน้ำลึกหนี ถ้าไม่โจมตีก็คงเอาตัวอย่างมาไม่ได้แน่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จัสตินก็รีบตัดสินใจ สะบัดมืออย่างแน่วแน่ แล้วตะโกนว่า “ยิง!”
สิ้นคำสั่งเขา ทหารกลุ่มอาวุธยังไม่ทันลงมือ เรือดำน้ำก็เกิดโคลงเคลงขึ้นมา
จัสตินยังดีที่คว้าแขนเก้าอี้สั่งการเอาไว้ทัน ส่วนเจ้าหน้าที่ที่โชคร้ายตั้งตัวไม่ทันต่างก็ยืนซวนเซก่อนจะล้มลงไปกับพื้น
ทันใดนั้น ไฟสีแดงบนเพดานห้องบังคับการเรือก็กะพริบขึ้น เดี๋ยวส่องแสงวูบวาบเดี๋ยวส่งเสียงหวอแสบแก้วหู แบบนี้แสดงว่าเรือดำน้ำกำลังเจอกับวิกฤตเข้าแล้ว!
บทที่ 1091 เจอดีเข้าแล้ว
พอสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของเรือดำน้ำ จัสตินก็ถามอย่างแตกตื่น “เกิดอะไรขึ้น?”
พลทหารนายหนึ่งที่กำลังกินอยู่พูดอู้อี้ทั้งแก้มตุ่ย “รายงานครับกัปตัน ดูเหมือนจะปะทะเข้ากับคลื่นใต้น้ำครับ…”
“ไอ้หมึกเวรเอ๊ย โพเวลล์!” ชายผิวดำร่างหนาที่ล้มลงไปกับพื้นลุกขึ้นมาคว้าคอเสื้อพลทหารนายนั้น แล้วแผดเสียงใส่ “อย่ามัวแต่กิน! ไอ้เวรนี่ กินๆๆ อยู่ได้ แกจะกินอะไรนักหนา! แล้วทำไมจู่ๆ ถึงเกิดคลื่นใต้น้ำได้? ยังมีอะไรที่ทำให้เกิดคลื่นรุนแรงขนาดนี้ได้กัน?”
กองทัพเรือดำน้ำอเมริกาใช้ระบบปฏิบัติหน้าที่ 18 ชั่วโมง แบ่งเป็นสามกะ ทุกกะทำงาน 6 ชั่วโมง อีก 12 ชั่วโมงที่เหลือครึ่งหนึ่งพักผ่อนนอนหลับ ส่วนอีกครึ่งคือฝึกซ้อม กินข้าว เวลาอิสระและนันทนาการ
เพื่อปลุกขวัญและกำลังใจของเหล่าทหาร อาหารของเจ้าหน้าที่บนเรือดำน้ำถือว่าดีที่สุดในกองทัพเรืออเมริกา แบ่งเป็นสี่มื้อ มื้อเช้า มื้อเที่ยง มื้อเย็นและมื้อดึก ทว่าทหารเรือดำน้ำเป็นสิ่งที่อ้างว้างน่าเบื่อที่สุด นายทหารหลายคนจึงไม่มีอะไรทำนอกจากการกิน
ดังนั้นในหนังอเมริกันหรือหนังฟอร์มยักษ์ตอนมีฉากเกี่ยวกับทหารเรือดำน้ำ ก็จะเห็นบนโต๊ะทำงานพวกของว่าง เครื่องดื่มวางบนโต๊ะของพวกเขาตลอด
ปกติเวลาไม่มีอะไรทำ นายทหารผิวดำจ่าสิบเอกจิน เวิร์ดสเวิร์ธก็จะกินดื่มของว่าง จากนั้นจึงเข้าฟิตเนสของเรือดำน้ำเพื่อเรียกเหงื่อ ไม่งั้นจะให้ทำอะไรยามว่างในเรือที่แออัดแบบนี้กัน?
คนอเมริกันชื่นชอบการออกกำลังกายกับเล่นกีฬามาก ส่วนรองลงมาคืออาหาร พวกเขาเป็นประเทศเดียวที่ย้ายฟิตเนสไปไว้ในเรือดำน้ำนิวเคลียร์
ทว่าตอนนี้สถานการณ์ร้ายแรงจริงๆ เรื่องกินคงต้องเอาไว้ทีหลัง แถมนายทหารผู้น่าเกรงขามยังมาซุ่มซ่ามหกล้มอีก คงอับอายขายหน้าไปถึงบ้านย่าแล้ว
ตามระเบียบการทหารอเมริกา ตำแหน่งสูงที่สุดในเรือดำน้ำนิวเคลียร์ย่อมเป็นกัปตัน แต่ตำแหน่งของจ่าสิบเอกนั้นพิเศษที่สุด พวกเขาร่วมกันกับกัปตันและเจ้าหน้าที่บริหารก่อตั้งผู้มีอำนาจสามฝ่ายขึ้น ถ้าว่ากันตามตรงก็คือจ่าสิบประสานงานกับทหารและพวกเจ้าหน้าที่ในฐานะนายทหารยศใหญ่บนเรือดำน้ำนั่นเอง
ดังนั้นปกติจ่าสิบเอกจึงใส่ใจในศักดิ์ศรีของตัวเองในเรือดำน้ำมาก ถึงเขาจะไม่ได้เข้าร่วมวางแผนการรบ แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่เกี่ยวกับการรบ เวลากัปตันจะทำอะไรจำเป็นจะต้องได้รับความเห็นจากเขา
พอเห็นจ่าสิบเอกโมโห พวกทหารในห้องบังคับการก็รีบเข้าประจำตำแหน่งเรือทำหน้าที่ของตัวเองทันที
คลื่นใต้ทะเลที่ฉินสือโอวสร้างขึ้นนั้น เหมาะสำหรับจัดการกับเรือดำน้ำพอดี
หลังเรือดำน้ำลงทะเลแล้วช่วงเวลาไหนที่ทหารบนนั้นไม่ชอบมากที่สุดกัน? ตอนเพิ่งออกจากท่าเรือแล้วลอยลำบนน้ำนั่นเอง
อย่างที่รู้ไม่ว่าเรือดำน้ำทั่วไปหรือเรือดำน้ำนิวเคลียร์ พื้นที่ว่างด้านในล้วนแออัด เบียดเสียดทั้งนั้น ถ้าในช่วงนี้เรือไม่สามารถรักษาสมดุลไว้ได้ก็จะสั่นโคลงเคลง ซึ่งมันแย่มากทำให้ทหารเมาเรือกันได้
นอกจากนี้ เรือดำน้ำยังแล่นอย่างไม่หวั่นเกรงต่อคลื่นยักษ์ ที่น่ากลัวคือความแปรปรวนที่ขึ้นๆ ลงๆ ต่างหาก เวลาบนทะเลปรากฏคลื่นยักษ์ปั่นป่วน ระดับความสูงของกระแสน้ำที่เกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาทีสามารถสูงได้ถึงห้าหกเมตรทีเดียว ตอนนั้นพวกทหารที่อยู่ในเรือดำน้ำคงโดนแกว่งเป็นชิงช้าไม่ต่างจากเล่นรถบัมพ์
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนยังคงส่งพลังโพไซดอนเพิ่มแรงคลื่นใต้น้ำไม่หยุด กระแสน้ำกระหน่ำใส่รอบเรือเป็นระลอก ด้วยความปั่นป่วนเพียงเล็กน้อยก็ส่งผลมหาศาลต่อเรือดำน้ำได้ แม้ไม่ได้สนุกแบบเครื่องเล่น แต่ด้วยแรงกระแทกแบบนี้ก็ทำเจ้าหน้าที่ในเรือทรมานกันเลยทีเดียว
จัสตินรีบสั่งการให้เรือดำน้ำลอยขึ้นหนีคลื่นใต้น้ำนี้ พวกเขาเข้ามาในกระแสน้ำกะทันหัน คนยังสามารถเกาะกับที่นั่งได้แต่ไม่ใช่กับเครื่องจักร อุปกรณ์ที่ติดตั้งไว้มากมายยามนี้ไม่ได้ยึดติดไว้ จึงเป็นปัญหายุ่งเหยิงมาก
ฉินสือโอวเองก็ไม่สามารถสร้างคลื่นใต้น้ำมาจัดการกับเรือดำน้ำต่อได้ เขาเลยฉวยโอกาสขณะอีกฝ่ายลอยขึ้นส่งพลังโพไซดอนใส่หมึกยักษ์และพวกงูเหลือมทะเล เพิ่มความเร็วในการดำน้ำให้พวกมัน
โดยไม่คาดคิด เขาได้ไปกระตุ้นจัสตินเข้า หลังจากเจ้าหน้าที่โซนาร์บอกเขาด้วยความสับสนว่าสัตว์ประหลาดทะเลพวกนี้จู่ๆ ก็เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ในระดับที่น่าตกใจมาก
จัสตินก็ตระหนักได้ทันทีว่าสัตว์ประหลาดทะเลเหล่านี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงโบกมือตะโกนว่า “ปล่อยระเบิดน้ำลึก ฆ่าพวกมันเสีย!”
ความจริงนั้นมันไม่ได้ง่ายเลย ระเบิดกับตอร์ปิโดที่เรือดำน้ำใช้แม้จะมีระบบนำทางแต่เพราะรูปแบบการรบกับคู่ต่อสู้มันมีแค่พวกผิวเหล็ก ดังนั้นอาวุธพวกนี้จะทำการตามหาศัตรูที่เป็นเหล็กโดยอัตโนมัติ
ในจุดนี้กองทัพเรือต่างจากกองทัพบกและกองทัพอากาศตรงที่คุณสมบัติคู่ต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายนั้นไม่มีความแน่นอน มิสไซล์ที่กองทัพอากาศยิงนั้นสามารถควบคุมผ่านระบบเรดาร์ได้ แต่ระเบิดกับตอร์ปิโดของกองทัพเรือนั้นไม่เหมือนกัน
ระเบิดลูกหนึ่งถูกปล่อยออกจากท่อตอร์ปิโดตามคำสั่งของจัสติน หลังระเบิดพวกนี้โผล่ออกมาก็ดำหายไปในน้ำแบบเดียวกับปลาตัวใหญ่
ฉินสือโอวไม่พอใจมาก ไหนว่าตำรวจสากลนี่มันสุดยอดนักไง? พวกเด็กๆ ฉันไปยุ่งอะไรกับพวกนายหรือไง? ก็ได้ ต่อให้มันไปกวนพวกนายแล้วอย่างไรล่ะ จะตีหมาก็ควรดูเจ้าของ ที่พวกนายทำมันก็คือหาเรื่องดีๆ นั่นแหละ!
จิตสำนึกโพไซดอนยันระเบิดเอาไว้ขณะกำลังจะร่วง ฉินสือโอวสร้างภาพลวงตาเป็นคลื่นใต้น้ำทรงพลังขึ้นม้วนระเบิดแสนหนักพวกนี้ให้ลอยเป็นแนวราบไปไกล
เจ้าหน้าที่ภายในเรือดำน้ำนิวเคลียร์มองหน้ากัน ระเบิดน้ำลึกใช้ระบบชนวนแรงดันน้ำ เมื่อถึงระดับความลึกที่กำหนดไว้มันถึงจะระเบิด แต่ปรากฏว่าระเบิดกลับไปไหนก็ไม่รู้ จะยังระเบิดในน่านน้ำตามที่ตั้งค่าไว้ไหม? แล้วจะทำร้ายสัตว์ประหลาดยักษ์พวกนั้นอย่างไร?
นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ เจ้าหน้าที่ในเรือดำน้ำไม่ได้โง่กัน พวกเขารู้สึกได้รางๆ ว่าเรื่องนี้มันไม่ธรรมดา!
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ต้องมีพลังงานแน่ๆ เพราะมีเรื่องแปลกๆ ในน่านน้ำนี้เยอะเกินไปแล้ว ทั้งสัตว์ประหลาดทะเลยักษ์ที่สามารถไล่ฆ่าหมึกยักษ์ได้ จู่ๆ ก็เกิดคลื่นใต้น้ำรุนแรง แถมระเบิดน้ำลึกยังโดนคลื่นไร้ที่มาพัดพาไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ทั้งหมดนี้ไม่เป็นวิทยาศาสตร์เอาเสียเลย
จัสตินเป็นทหารเรือมาเป็นเวลาสิบห้าปีแล้ว ด้วยระยะเวลาขนาดนั้น เขาเคยได้เห็นได้ฟังสาเหตุของการที่ชนวนระเบิด ตอร์ปิโดไม่ทำงานมามากมาย แต่สาเหตุเหล่านั้นไม่ได้มีเรื่องระเบิดโดนคลื่นใต้น้ำซัดหายไปด้วย…
หลังประสบกับเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ นายทหารในห้องบังคับการต่างเริ่มกำไม้กางเขนตรงอกสวดภาวนากัน ในใจจัสตินเองก็หวาดกลัวไม่น้อย เขาสั่งการเด็ดขาด “บันทึกพิกัดตำแหน่งนี้ไว้ รายงานฐานทัพว่าที่นี่มีปัญหา! ส่วนพวกเราถอย ให้เขาส่งเรือดำน้ำนักวิทยาศาสตร์มาวิจัยที่นี่เสีย”
นายทหารใหม่ที่ดูเหมือนเพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยนายหนึ่งมองจัสตินทั้งตัวสั่น เอ่ยว่า “กัปตันครับ นี่พวกเรามาเจอกับเรื่องลี้ลับอะไรกันครับเนี่ย?”
นายทหารด้านข้างกล่าวอย่างจริงจัง “เรื่องลี้ลับอะไรเล่า คาร์ล นายนี่มันเป็นพวกช่างเชื่อเรื่องผีสางจริงๆ! ฉันกล้าพนันเลยว่าที่นี่มันต้องมีพวกมนุษย์ต่างดาวอยู่แน่ๆ! ใช่ไหมครับ จ่าสิบเอกจิน?”
จ่าสิบเอกผิวดำเพิ่งจะล้มหัวกระแทกไป หน้าตาเหยเกด้วยความเจ็บ พอได้ยินที่พวกทหารใหม่พูดกันก็โมโหตวาดออกไปว่า “ไปทำงานหน้าที่ของตัวเองให้มันดีไป! เห็นแก่พระเจ้าให้ตายเถอะ เจ้าพวกโง่ ใครยังพูดไร้สาระอีก ฉันจะเตะก้นมัน!”
รอจนทหารใต้บัญชาที่ยิ้มเยาะเงียบปากกันแล้ว จ่าสิบเอกผิวดำก็เข้าไปใกล้จัสตินเงียบๆ ก่อนเอ่ยเสียงเบา “กัปตัน ผมว่าพวกเราน่าจะเข้ามาในดินแดนโพไซดอนแล้วหรือเปล่า? สมัยเด็กคุณยายผมเคยเล่าเรื่องโพไซดอนให้ฟัง เป็นเทพแห่งท้องทะเลที่บ้านเกิดผมเอง แล้วบ้านเกิดผมก็อยู่ที่แอฟริกาใต้ด้วย กัปตันอยากฟังไหม?”
จัสติน “…”
บทที่ 1092 โจรสลัดมาแล้ว
ฉินสือโอวให้พวกคราเคนดำลงไปใต้ทะเลก่อนรีบแยกย้ายกันหนีไปคนละทิศละทาง เขาไม่รู้ว่าในเรือดำน้ำนิวเคลียร์มียุทโธปกรณ์ทันสมัยอะไรบ้าง ถ้าหากเขาควบคุมระเบิดลูกนั้นไว้ไม่ได้แล้วจมลงไประเบิดใต้ทะเล พวกคราเคนคงหนีไม่ทันแน่
ปรากฏว่าเรือดำน้ำนิวเคลียร์กลับลอยขึ้นหนีเสียเองไม่ได้ไล่ตามโจมตีแต่อย่างใด หลังปล่อยระเบิดน้ำลึกพวกเขาก็หนีกันไปดื้อๆ แทบมองไม่ออกว่าไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ยังไล่จี้ตามหลังพวกคราเคนอย่างเอาเป็นเอาตาย ปานจะฆ่าให้ตาย
ซึ่งทำฉินสือโอวไม่ค่อยพอใจเท่าไร เขายังอยากเตรียมสู้กับพวกกองทัพเรือสหรัฐอีกสักหน่อย ความจริงถ้าเขาตั้งใจ เรือคอนเนตทิคัตคงไม่รอดแต่แรกแล้ว ในเขตแดนตัวเองเขาสามารถจมเรือดำน้ำลำนี้ลงก้นทะเลได้ภายในไม่กี่นาที
ก่อนหน้านี้ตอนที่เรือคอนเนตทิคัตยิงระเบิดน้ำลึกมา ฉินสือโอวก็ใคร่ครวญแล้วว่า ในเมื่อนายคิดว่าตัวเองมีกำลังพอจะมาเล่นกับข้า งั้นข้าก็จะไม่ถือสาจะช่วยเล่นเป็นเพื่อนให้ถึงที่สุดเอง!
ที่นี่คือทะเลและเขาก็เป็นคนในพื้นที่ มีตั้งร้อยวิธีที่จะทำให้เรือดำน้ำลอยขึ้นมาไม่ได้อีก โดยที่เจ้าหน้าที่บนเรือได้แต่อับจนหนทาง
ในฐานะคนที่ไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ในทะเล ท่านฉินชื่นชอบคู่ต่อสู้ที่คิดว่าตัวเองได้เปรียบมากที่สุด แน่นอนอยู่แล้วว่าพวกทหารในกองทัพเรือสหรัฐรู้จักแต่การเป็นฝ่ายอัดคนอื่นมาโดยตลอด
ฉินสือโอวไม่มีเจตนาฆ่า ไม่ได้อยากให้เหล่าเจ้าหน้าที่บนเรือตายกัน แต่ด้วยความลึกของทะเลระดับนี้ วิธีการของเขามีแต่จะทำให้คนบนเรือตายกันหมด ดังนั้นการทำให้คู่ต่อสู้ยอมวางมือก่อนจึงดีที่สุด
ที่จริงฉินสือโอวนั้นคิดถูกแล้ว อย่าดูถูกเรือคอนเนตทิคัตเชียว ถึงอย่างไรมันก็เป็นเรือดำน้ำระดับสูงราคาสองสามพันล้านที่มีอาวุธโจมตีอันล้ำสมัย ถ้าจัสตินแน่วแน่จะเอาตัวพวกคราเคนให้ได้ พวกมันคงหนีไม่พ้นแน่
หลังเรือดำน้ำจากไป ฉินสือโอวนำระเบิดน้ำลึกที่ยังลอยอยู่ในน้ำขึ้นมา และพบว่าระเบิดพวกนี้มันมีอะไรมากกว่านั้น
มันไม่ใช่ระเบิดน้ำลึกธรรมดา แต่เป็นระเบิดน้ำลึกอัตโนมัติระยะสั้นขนาดเล็ก เพราะกองทัพเรือสหรัฐมีอาวุธเรือดำน้ำที่ทันสมัยที่สุด ระเบิดน้ำลึกทั่วไปเลยถูกกำจัดไม่ใช้งานแล้ว ระเบิดที่พวกเขาใช้คือระเบิดอัตโนมัติสุดไฮเทครุ่นล่าสุด
นอกจากอเมริกาที่ร่วมวิจัยกับอังกฤษ ฝรั่งเศส ปัจจุบันแม้แต่รัสเซียก็ยังพัฒนาอาวุธแบบนี้ออกมาไม่ได้!
ฉินสือโอวต้องขอบคุณในความโชคดีของเขา ที่ควบคุมคลื่นใต้น้ำไปต้านระเบิดไว้ทันทีที่มันยิงโดยไม่ทันคิด
ไม่งั้นตอนมันทำการควบคุมอัตโนมัติและหาพวกคราเคนที่เป็นเป้าหมายเจอ พวกมันจะจุดเชื้อเพลิงแข็งเพื่อเร่งความเร็วขึ้น แล้วคลื่นใต้น้ำก็จะต้านไม่อยู่
พอได้ระเบิดน้ำลึกอัตโนมัติมา ในใจฉินสือโอวก็ลังเลถึงสิ่งนี้จะเป็นระเบิดแต่ถ้าเอาไปใช้ดีๆ ก็จะมีประโยชน์มาก ไม่รู้ว่ามีกี่ประเทศกันที่ปรารถนาเทคโนโลยีระเบิดแบบนี้ ถ้าเอาไปในขายตลาดมืดอาวุธอาจแพงยิ่งกว่าปลาทูน่า หรือปลาซีลาแคนท์เสียอีก!
วิธีการจุดระเบิดน้ำลึกธรรมดาคือระดับความลึกในการจุดและเวลาที่จะจุด ส่วนระเบิดน้ำลึกอัตโนมัติเป็นรูปแบบที่จะจุดเองโดยอัตโนมัติ หมายความว่ามันจะระเบิดหลังพบเป้าหมายแล้ว จุดประสงค์นั้นก็เพื่อความปลอดภัยนั่นเอง
แต่มันก็มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง หากระเบิดหาเป้าหมายไม่เจอมันก็จะไม่สามารถระเบิดได้ ถ้าโดนศัตรูเก็บไปคงยุ่งยากแน่ ทางกองทัพเรืออเมริกาเองก็พยายามวิจัยระเบิดน้ำลึกรูปแบบใหม่อยู่เช่นกัน
ดังนั้นระเบิดน้ำลึกแบบนี้จึงสามารถตั้งค่าปรับระดับความลึกในการจุดระเบิด ถ้าหาเป้าหมายไม่พบในเวลาที่กำหนด ถึงตอนนั้นระเบิดจะเริ่มใช้การตั้งค่าแบบที่สองคือจะระเบิดเมื่อถึงความลึกที่กำหนดแทน
ฉินสือโอวไม่เปิดโอกาสให้ระเบิด จิตสำนึกโพไซดอนม้วนระเบิดน้ำลึกทั้งหมดสิบสองลูกขึ้นผิวน้ำ จากนั้นก็หาเกาะร้างบริเวณน่านน้ำนั้น ทิ้งงูเหลือมทะเลตัวหนึ่งเฝ้าไว้ แล้วซ่อนระเบิดไว้ในรอยแตกปะการังใต้น้ำของเกาะ
เขาพิจารณาให้ดีว่าจะจัดการกับระเบิดใต้น้ำพวกนี้อย่างไร จะทิ้งก็น่าเสียดายไปหน่อย
หลังจัดการวิกฤตเรือดำน้ำเรียบร้อย ฉินสือโอวจึงคิดว่าตัวเองน่าจะวางใจได้แล้ว ปรากฏว่าเขาเพิ่งเก็บจิตสำนึกโพไซดอนได้ไม่นาน จู่ๆ ก็มีคนรีบร้อนมาเคาะประตูด้านนอก
ฉินสือโอวแสร้งไปเปิดประตูด้วยท่าทางสะลึมสะลือ ถามว่า “มีอะไรเนี่ย? จะรีบไปเกิดใหม่หรือไง? ”
เบลคที่เป็นคนเคาะประตู ยิ้มจนใจตอบ “นายพูดถูกเลยเพื่อน ถ้าพวกเราไม่จัดการเรื่องนี้ให้ดี เกรงว่าเราคงต้องไปเกิดใหม่ด้วยกันแล้ว! ”
“เกิดอะไรขึ้น? ”
“โจรสลัด! เรือโจรสลัดลำหนึ่งกำลังแล่นเข้ามา!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินสือโอวก็ไม่แสร้งทำงัวเงียต่อ เขาคว้าเบลคมาถามด้วยความตกใจ “นายแน่ใจนะ? ใครเป็นคนเจอเรือโจรสลัดน่ะ? ให้ตายเถอะ เร็วเข้า รีบแจ้งคนบนเรือให้เตรียมพร้อมรบ!”
เบลคไม่ใช่คนที่จะพูดเล่นในเรื่องนี้ ฉินสือโอวจึงไม่หวังรอคำตอบจากปากเขา ถึงอย่างไรก็ไม่จำเป็นแล้ว เรือโจรสลัดกำลังมาจริงๆ
เขารีบวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ ฉินสือโอวเห็นว่าลูกน้องตัวเองมารวมกันที่นี่แล้ว แบล็คไนฟ์กับเบิร์ดยกกล้องส่องทางไกลสำหรับกลางคืนมองออกไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พอเห็นเขาก็ดูโล่งใจขึ้นมา
โดยไม่ลังเล ฉินสือโอวปล่อยจิตสำนึกโพไซดอน ไปยังทิศเดียวกับแบล็คไนฟ์และเบิร์ดมองทันที
ไม่นานเขาก็เห็น ห่างไปประมาณสองสามกิโลเมตรบนทะเลมีเรือขนาดกลางสองลำกำลังขับเข้ามา เรือลำใหญ่เป็นเรือประมงหนึ่งร้อยตัน ส่วนลำเล็กเป็นสปีดโบ๊ทที่กำลังแล่นฝ่าคลื่นมายังเรือเก็บกู้อย่างรวดเร็ว
ถ้ามองในแง่น้ำหนักตัน เรือเก็บกู้ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวเรือสองลำนั้น เพราะเรือเก็บกู้นั้นมีน้ำหนักถึงห้าพันตัน สองลำนั้นเมื่อมาอยู่ต่อหน้ามันก็ไม่เป็นได้แค่น้องเล็ก
ทว่าคนบนเรือเก็บกู้ไม่รู้ว่าในเรือสองลำนั้นมีอาวุธอะไรบ้าง ถ้าเกิดมีพวกจรวดขึ้นมา อย่าว่าแต่เรือห้าพันตันของพวกเขาเลย ห้าหมื่นตันก็ยังต้องยอม
บิลลี่กำลังปลอบลูกเรือ ลูกน้องของเขาไม่ได้กล้าหาญแบบพวกแบล็คไนฟ์ เลยพากันกรีดร้องหาพระเจ้ากันระงม บางคนเขียนจดหมายสั่งเสียทั้งที่มือสั่น ฉินสือโอวมองพลางกลอกตา
เทียบกันแล้วแบรนดอนที่อายุน้อยกว่ามากยังเคร่งขรึมกว่าเลย เขาพบกัปตันและให้อีกฝ่ายพาคนไปดึงสมอเรือเตรียมเคลื่อนพล ส่วนตัวเองใช้โทรศัพท์ดาวเทียมติดต่อขอความช่วยเหลือจากโซมาเลีย ต่อให้เขารู้ว่ามันไร้ประโยชน์ก็ตาม
ฉินสือโอวถามเบิร์ด “สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
เบิร์ดตอบเสียงต่ำ “เป็นเรือโจรสลัดครับ ไม่กี่นาทีก่อนหน้าพวกเขาติดต่อผ่านวิทยุสื่อสารมาหาเรา แต่น่าจะเป็นพวกมือใหม่ถึงกับให้เราหยุดเรือบอกว่าเราโดนจับแล้ว บ้าของแท้เลย”
แบล็คไนฟ์แม้จะมีสีหน้าเคร่งเครียดแต่ความจริงไม่ได้กังวลแม้แต่น้อย เขาโหลดกระสุนปืน AK-74 ดัง ‘คลิกๆ’ พลางกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวลบอส พวกเราสู้ที่แอฟริกามาเยอะ โจรสลัดโซมาเลียเหมือนเป็นแค่เรื่องขำๆ ไปเลย”
บีบีซวงหันมายิ้มเอ่ย “ฉันหวังว่าพวกที่มารอบนี้จะไม่เท้าเปล่ากันนะ ถ้าเป็นไปได้ฉันก็ไม่อยากทำร้ายเจ้าพวกน่าสมเพชนั่นหรอกนะ”
บทที่ 1093 สมกับเป็นลูกผู้ชายจริงๆ
ได้ยินพวกทหารพูดกลั้วหัวเราะกัน ฉินสือโอวก็หยิบปืน AK-74 ในมือแบล็คไนฟ์มา ทันทีที่ความหนักและเย็นเยียบของปืนไรเฟิลลงสู่มือเขา เขาพลันตระหนักว่านี่คือสงครามนองเลือด ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่อย่างใด
โครงสร้างและหลักการพื้นฐานของไรเฟิลนั้นเหมือนๆ กัน ยิ่งฉินสือโอวที่เคยเล่น AK-74 มาก่อนจึงคุ้นเคยกับ AK-74 ในตอนนี้เป็นอย่างดี
เขาปิดเซฟดึงรังกระสุนออกมาดู ด้านในเต็มไปด้วยกระสุน ปลอกกระสุนสีทองส่องประกายเย็นเยียบ แผ่ความรุนแรงอันสวยงามเฉพาะตัวของมัน
หลังเช็กว่ามีกระสุนเต็มรังเพลิง ฉินสือโอวก็ปลดกระสุนออกมาใหม่ ดึงสไลด์เปิดเซฟแล้วบรรจุกระสุนเพื่อเพิ่มความกล้าให้ตัวเอง ก่อนเอ่ยเสียงต่ำว่า “ทุกคนระวังตัวด้วย ถ่วงเวลาเอาไว้ จำไว้ว่าความปลอดภัยของชีวิตสำคัญที่หนึ่ง!”
แบล็คไนฟ์มองฉินสือโอวอย่างตกใจ “บอส อย่าบอกนะว่าคุณก็จะสู้อยู่ตรงนี้ด้วย?”
ฉินสือโอวยิ้ม ตอบอย่างแน่วแน่ “ฉันเป็นบอสของพวกนาย ก็ต้องอยู่สู้กับพวกนายแน่นอนสิ พวกนายคงไม่คิดว่าฉันจะเป็นนายทุนที่แค่สนุกสนานอย่างเดียวหรอกใช่ไหม?”
ได้ยินดังนั้น เบิร์ดก็รีบมารั้งฉินสือโอวไว้ กล่าวอย่างเข้มงวดว่า “ไม่ครับบอส นี่คือสงคราม ไม่มีใครรู้ว่าไม่กี่นาทีข้างหน้าจะมีอะไรรอตัวเองอยู่ ดังนั้นคุณอย่าออกไปเสี่ยงดีกว่า คุณเข้าไปในเคบิน ข้างนอกให้พวกเราจัดการเองเถอะครับ”
พูดตามตรง ถ้าเป็นไปได้ ฉินสือโอวก็ไม่อยากอยู่ข้างนอกเหมือนกัน เขาเข้าใจความอันตรายของการต่อสู้ด้วยปืนดี เขามีจิตสำนึกโพไซดอน มีภรรยาที่รัก เงินดอลลาร์มหาศาล และยังมีลูกสาวที่เพิ่งเกิดอีก
แต่ยามนี้เขาจำเป็นต้องออกไปสู้ เพราะเขากลัวตายบนเรือที่สุด ไม่อยากตายเลยสักนิด และตอนนี้เขาไม่อยากฝากความปลอดภัยในชีวิตไว้กับพวกทหาร เขาอยากไปคุมด้วยตัวเอง
เขาใคร่ครวญดีแล้ว ถ้าสถานการณ์วิกฤตขึ้น เขาจะใช้จิตสำนึกโพไซดอนพลิกเรือสองลำนั้นเสีย ต่อให้เป็นการเปิดเผยความสามารถตัวเองก็ช่าง ยังไงเขาก็ไม่อยากตาย!
ตอนนี้ปัญหาคือเขาไม่รู้กำลังที่แท้จริงของโจรสลัดที่จะบุกเข้ามาแม้แต่น้อย เขากังวลว่าพวกทหารจะต้านไม่ไหว แบบนั้นถ้าพวกเขาป้องกันเรือล้มเหลวแล้วโจรสลัดขึ้นเรือมา ตอนนั้นจิตสำนึกโพไซดอนจะไร้ประโยชน์ไปเลย
มีแต่ต้องไปอยู่แนวหน้า เขาถึงจะใช้งานจิตสำนึกโพไซดอนได้
แต่เขารู้ว่าตัวเองไม่สามารถเป็นฮีโร่ถือไรเฟิลไปลุยแนวหน้าได้ ได้แต่หาที่ปลอดภัยซ่อนพลางคอยดูสถานการณ์การรบก็พอ ถ้าพวกทหารได้เปรียบเขาก็ไม่ต้องใช้จิตสำนึกโพไซดอน ถ้าพวกทหารแพ้ถึงค่อยออกโรง
นี่คือแผนของฉินสือโอวแต่คนอื่นๆ ไม่รู้ เข้าใจแค่ว่าเขาอยากทำตัวเป็นฮีโร่ จึงพากันเกลี้ยกล่อมให้เขาไปซ่อนในเคบินก่อน
เบลคลากฉินสือโอวมาแล้วกล่าวว่า “สนามรบไม่ใช่ความรับผิดชอบของเรา เรื่องนี้ปล่อยให้บอดี้การ์ดของนายจัดการไปก็พอ พวกเรามาซ่อนก่อนดีที่สุด อย่าไปเพิ่มเรื่องยุ่งยากให้พวกเขาก็พอ”
ฉินสือโอวแน่วแน่ที่จะดูการต่อสู้ เขาเลยพยายามซื้อใจเต็มที่โดยแสดงท่าทีมุ่งมั่นไม่หวาดกลัว “พวกเขาไม่ใช่บอดี้การ์ดฉัน เป็นแค่ชาวประมงที่ฟาร์มปลาฉันเอง ฉันไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยให้พวกเขาต้องทำงานถวายชีวิตเพื่อเงินค่าประมงแบบนั้น! ถ้าฉันไปซ่อนแล้วทิ้งพวกเขาไว้กับดาดฟ้าเรือ จากนี้ไปฉันคงต้องสมเพชตัวเองไปตลอดแน่!”
พูดจบเขาก็ตบบ่าพวกแบล็คไนฟ์ทีละคน เอ่ยอย่างจริงจังว่า “ฉันทิ้งคนของฉันไปเสี่ยงอันตรายไม่ได้หรอก ฉันต้องพาพวกเขากลับบ้านอย่างปลอดภัยให้ได้!”
พวกแบล็คไนฟ์ต่างพยักหน้าเคร่งขรึม ยื่นมือไปกำปั้นไปกระทุ้งอกฉินสือโอว เจ้าหน้าที่บนเรือของบิลลี่พากันมองเขาด้วยความชื่นชมก่อนจะมองหัวหน้าตัวเอง ความหมายนั้นชัดเจนมาก ดูบอสคนอื่นสิช่างเป็นลูกผู้ชาย กล้าหาญขนาดนี้ แล้วดูคุณสิ?
บิลลี่ไม่กล้าอยู่สู้กับโจรสลัดจริงๆ เขาได้แต่เปลี่ยนเรื่อง ตวาดตอบว่า “เพราะไอ้เวรอาบูนั่นแท้ๆ ไอ้พวกเวรนั่น ทำไมมันต้องขับสปีดโบ๊ทของพวกเราไปด้วย? ฟัคพวกแม่งทุกคน! ถ้าเวลาอย่างนี้มีสปีดโบ๊ทล่ะก็ อย่างน้อยพวกเราจะได้หนีกันไปก่อน!”
เขาบ่นกระปอดกระแปดจนฉินสือโอวต้องบ่นตามอย่างทนไม่ไหว “หุบปากซะโอเคไหม? มาพูดตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร? ฉันไม่เห็นเข้าใจเลย ทำไมบนเรือนายถึงไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเลย? ที่นี่คือโซมาเลียนะ เรือพวกนายมาอยู่ตั้งหลายวัน ทำไมถึงไม่รู้จักจ้างบอดี้การ์ดบ้าง?”
บิลลี่พูดด้วยความคับแค้นใจ “ที่จริงโซมาเลียไม่ได้วุ่นวายขนาดนั้น ไม่มีโจรสลัดมายุ่มย่ามปีหนึ่งแล้ว แถมเรือเรายังเป็นเรือวิจัยทางวิทยาศาสตร์อีก โจรสลัดมันจะมาสนใจเรือแบบนี้ได้อย่างไร? พวกมันปล้นแต่เรือสินค้าทั้งนั้น”
ออกทะเลมามีกะลาสีทำหน้าที่บอดี้การ์ดแค่สี่คน เทียบกับเรือใหญ่ห้าพันตันแล้วบอดี้การ์ดสี่คนไม่ได้ช่วยอะไรเลย อย่างน้อยจัดหาคนมาสักยี่สิบกว่าคนก็ยังดี
บิลลี่ต้องขอบคุณเบิร์ด ทีแรกเขาไม่ได้เตรียมปืนมาเยอะขนาดนี้ เป็นเบิร์ดที่ระแวงอันตรายมากกว่า หลังมาถึงโซมาเลียก็ติดต่อพ่อค้าอาวุธในตลาดมืด เอาปืนไรเฟิลมากองหนึ่ง แน่นอนว่ามีแค่ไรเฟิล ไม่สามารถถือครองอาวุธอื่นที่รุนแรงกว่านี้ได้
เบลคกับแบรนดอนก็ไม่ได้เอาบอดี้การ์ดมาด้วย เพราะพวกเขาคิดแบบเดียวกับบิลลี่นั่นเอง ปัจจุบันโมกาดิชูถูกรัฐบาลควบคุมไว้ในกำมือ จะมีอะไรให้กังวลกัน?
ในทางกลับกันฉินสือโอวที่ไม่รู้เรื่องสถาการณ์โซมาเลียมากที่สุด คิดว่าประเทศนี้ยังอยู่ในสภาวะสงคราม ควรพาคนไปเยอะๆ ตอนนี้กลับมีประโยชน์ที่สุด ถ้าไม่มีฉินสือโอว พวกบิลลี่ตอนนี้คงยกมือยอมแพ้พวกโจรสลัดไปแล้ว
สปีดโบ๊ทของโจรสลัดขับ ‘บรืนๆ’ เข้ามาแล้ว พวกบิลลี่กับเบลคพากันก้มตัววิ่งเข้าไปในเคบิน ฉินสือโอวก็รีบเอ่ยกับแบล็คไนฟ์ว่า “พวกนายรีบมาสั่งการคนหนึ่งเร็วเข้า!”
แบล็คไนฟ์มองฉินสือโอวทั้งตะลึง ตะโกนตอบ “บอส ไม่ใช่ว่าต้องเป็นคุณเหรอ?”
จวนจะถึงเวลาสู้แล้ว เสียเวลาไม่ได้ ฉินสือโอวเลยสบถตอบ “นายยังมัวงงอะไรอยู่? ยังกับฉันรู้เรื่องการทหารงั้นแหละ! ตอนนี้ฉันเป็นแค่นายทหารธรรมดา นายรีบเข้ามาเถอะ รีบเลือกผู้บังคับบัญชาซะ!”
เบิร์ดโบกมือตกลง “โอเค ฟังนะ ตอนนี้ฉันเป็นหัวหน้าระดับสูง! แบล็คไนฟ์ นายเอากระสอบทรายไปท้ายเรือ ถ้าโจรสลัดคิดจะขึ้นจากทางนั้นก็อัดมันให้น่วม ยิงสวนไปเลย!”
“บอส คุณไปอยู่กับนีลเซ็น พวกคุณรับผิดชอบเรื่องคุ้มกันกับซุ่มยิง จำไว้ว่าทุกครั้งหลังยิงต้องเปลี่ยนที่ตลอด และคุณเกาะติดนีลเซ็นไว้!” เบิร์ดดึงนีลเซ็นมากำชับต่อ “ดูแลบอสดีๆ โอเค?”
นีลเซ็นทำมือบอกไม่มีปัญหา ก่อนพาฉินสือโอวไปซ่อนหลังประตูเหล็กห้องบังคับการ บิลลีที่กำลังโผล่หัวมามองรอบๆ ในห้องบังคับการ พอเห็นทั้งสองเข้ามา เขาก็รีบเปิดประตู “รีบมาซ่อนเร็ว!”
เบิร์ดทำการมอบหมายหน้าที่ให้คนอื่นๆ ต่อ คนส่วนใหญ่หมอบลงกับข้างเรือเพื่อไม่ให้คนข้างนอกเห็นตัวพวกเขา
ฉินสือโอวส่งจิตสำนึกโพไซดอนออกไป ยามนี้เริ่มมีลมทะเลพัดผ่าน ทว่าแรงลมนั้นไม่พอจะสร้างคลื่นใหญ่ได้
เขานำจิตสำนึกโพไซดอนไปควบคุมเรือประมงโจรสลัดด้านหลัง จากนั้นพัดโหมพายุจากเล็กไปใหญ่จนสุดท้ายกลายเป็นคลื่นน่าสะพรึงพัดใส่เรือประมงโจรสลัด ทำให้มันไม่สามารถไปด้านหน้าได้ง่ายๆ แบบนี้สปีดโบ๊ทกับเรือโจรสลัดด้านหลังก็จะโดนดึงแยกห่างจากกัน
บทที่ 1094 สมเป็นโจรสลัด
หลังวางแผนกันเรียบร้อยแล้ว เบิร์ดก็มาซ่อนที่ห้องบังคับการ
บิลลี่ชะงัก แล้วถามว่า “นายก็มาซ่อนเหรอ?”
ครั้งนี้เบิร์ดเป็นผู้บัญชาการของฝั่งพวกเขา แม้ปกติผู้บัญชาการมักต้องอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในสนามรบ แต่นี่เป็นความขัดแย้งขนาดย่อมนะ ห้องบังคับการก็ต้องเหมาะสำหรับผู้นำ เป็นจุดยุทธศาสตร์แนวหน้านั่นเอง
พอเจอบิลลี่สงสัย เบิร์ดก็ไม่ได้ตอบอะไร เขาพยักหน้าให้ฉินสือโอว ก่อนเข้าไปในห้องบังคับการหยิบไมโครโฟนขึ้นมา เปิดแตรเรือเสียงดังเปิดเสียงออกไปข้างนอก
ขณะดำเนินการเบิร์ดก็อธิบายให้ฉินสือโอวฟังไปด้วย “โจรสลัดจะเริ่มทำการเจรจาก่อน ผมจะลองดูว่าจะล่อเจ้าพวกโง่นั่นขึ้นมาบนเรือได้ไหม ถ้าเป็นงั้นคงจัดการพวกมันได้ไม่ยาก”
แน่นอนว่าหลังเสียงเขาปล่อยออกไปภายในไม่กี่วินาที สปีดโบ๊ทก็แล่นทะยานเข้ามาหยุดจอดใกล้เรือ จากนั้นมีคนยืนถือลำโพงตรงหัวเรือตะโกนดังสุดเสียงขึ้นว่า “คนบนเรือจงฟัง พวกเราคืออาสาสมัครหน่วยยามชายฝั่ง! เราเป็นลูกน้องของหัวหน้าอบาดี ซุกกา! ถ้าพวกนายยังอยากมีชีวิตอยู่ ก็รีบยอมแพ้เสีย อย่าคิดขัดขืนใดๆ!”
ก่อนจะมาโซมาเลียฉินสือโอวได้ตั้งใจทำความเข้าใจสถานการณ์ของทางนี้ไว้ หลายปีที่ผ่านมาที่แห่งนี้สับสนวุ่นวายไปด้วยสงคราม ผู้คนล้วนอดอยาก แล้วก็เกิดอาสาสมัครหน่วยยามไร้สาระขึ้นมา!
อาสาสมัครหน่วยยามชายฝั่งที่โจรสลัดพวกนี้พูดถึงนั้นดันเป็นองค์กรที่มีอยู่จริง แต่ไม่ใช่อาสาสมัคร เป็นกลุ่มโจรสลัดที่ใหญ่มากจนติดหนึ่งในสามที่ครอบคลุมทั้งน่านน้ำโซมาเลีย
หัวหน้าอบาดี ซุกาที่ว่าก็คือผู้นำกลุ่มโจรสลัด เขาแต่งตั้งตัวเองเป็นผู้บัญชาการ โดยมีลูกน้องและพวกเจ้าหน้าที่การเงินอายุน้อยเปี่ยมความสามารถ มีการสร้างทหารเด็กขึ้นด้วยวิธีที่โหดเหี้ยมไร้ปรานี
แต่ตามที่ฉินสือโอวรู้ อบาดี ซุกาคนนี้โดนเก็บไปแล้วนี่นา เพราะไม่กี่ปีก่อนเขาอาจหาญส่งคนไปขโมยเรือรบลำหนึ่งของรัสเซียเข้า!
การกระทำนี้ของอาสาสมัครหน่วยยามชายฝั่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ท่านปูตินเป็นอย่างมาก เขาถึงกับไม่สนใจอำนาจอธิปไตยอะไร แล้วส่งกองทัพเรือไปกวาดล้างน่านน้ำโซมาเลียในนามของการคุ้มกัน โดยเฉพาะเรือโจรสลัด นอกจากนี้ยังประกาศต่อสาธารณะว่าพวกเขาจะฆ่าอบาดีให้ได้ ตราบใดที่ยังไม่ได้ฆ่าก็จะไม่กลับแล้วทำการกวาดล้างต่อไปเรื่อยๆ
ตอนนั้นเองโจรสลัดกลุ่มอื่นๆ ก็เริ่มหวาดกลัว พวกเขาร่วมมือกันฆ่าอบาดีกันเอง แล้วรีบส่งไปให้ท่านปูตินอย่างไว
จะเห็นได้ว่าคนชั่วต่างมีความชั่วในตัวเอง แต่ไหนแต่ไรโจรสลัดโซมาเลียไม่ได้มีองค์กรทางทหารที่แข็งแกร่งอะไร การที่พวกเขาสามารถมีชีวิตรอดในน่านน้ำนี้ได้ ไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่เป็นแต่ละประเทศไม่ได้ตั้งใจจะจัดการพวกเขาอย่างจริงจังต่างหาก
ทำไมรัฐบาลแต่ละประเทศถึงไม่คิดจะกวาดล้างโจรสลัดล่ะ สาเหตุนั้นเรียบง่าย เพราะเบื้องหลังโจรสลัดพวกนี้ที่แท้ก็คือผลประโยชน์ของพวกเขานั่นเอง…
พอพวกโจรสลัดเริ่มพูด เบิร์ดก็ถอนหายใจ เขาเปิดปุ่มสื่อสาร ลำโพงตรงหัวเรือพลันเกิดเสียงแสบแก้วหูขึ้น โชคร้ายที่เรือเล็กพวกโจรสลัดดันจอดอยู่หน้าเรือพอดีซึ่งได้ยินเสียงลำโพงไปเต็มๆ ทำพวกเขาสะดุ้งโหยงกันถ้วนหน้า
พวกโจรสลัดเริ่มโมโหกัน แต่เบิร์ดรีบพูดปลอบ “ท่านนักรบทั้งหลาย ได้โปรดอย่าเพิ่งใจร้อน เรายินดียอมแพ้อยู่แล้ว อย่างไรพวกเราก็เป็นแค่ลูกเรือธรรมดาเท่านั้นเอง เหมือนกับพวกคุณนั่นแหละ พวกเราล้วนอยากหลุดพ้นจากวันอันยากลำบากของความจน ขอเชิญนักรบทั้งหลายขึ้นมาคุมเรือเราได้เลย แต่ห้ามฆ่าพวกพี่น้องของเรา เชิญพวกคุณมาเก็บเงินกับเจ้าของเรือครับ”
โจรสลัดโซมาเลียนั้นมีกฎอยู่ ถ้าเจ้าของเรือยินดีจ่ายค่าไถ่ โดยทั่วไปพวกเขาจะไม่ทำร้ายตัวประกัน และพวกโจรสลัดไม่สามารถเรียกร้องเกินราคาได้ พวกเขาจะกำหนดเงินค่าไถ่ตามราคาของเรือที่ยึดปล้นได้และสัญชาติของลูกเรือ
ปัจจุบันในโซมาเลีย โจรสลัดหาเลี้ยงชีพโดยการกลายเป็น ‘บริษัท’ เต็มตัวรูปแบบหนึ่งไปแล้ว การเรียกค่าไถ่ถือเป็นห่วงโซ่ที่สำคัญที่สุดในอุตสาหกรรม พวกโจรสลัดไม่สามารถแหกกฎกันได้ง่ายๆ
ได้ยินเบิร์ดพูดดังนั้น โจรสลัดพวกนี้ก็ส่งเสียงเชียร์ยินดีกันทันที โจรสลัดยกลำโพงขึ้นตะโกนตอบ “รีบเอาบันไดพวกแกลงมาเร็ว ให้ไวด้วย ไม่งั้นพ่ออาจให้พวกแกได้กินกระสุนกัน!”
เบิร์ดส่งเสียงตกลง บันไดเรือเก็บกู้ถูกปล่อยลงมาวาง คนบนสปีดโบ๊ทสะพายไรเฟิลต่างแย่งกันปีนขึ้นไป
ตามขั้นตอนลำดับเหตุการณ์ ต่อไปก็ต้องเป็นการปล้นสะดมระลอกที่หนึ่ง พวกโจรสลัดทำการขโมยเงิน นาฬิกาข้อมือและเครื่องประดับของลูกเรือ จากนั้นจึงขโมยอาหารบางส่วน สุดท้ายก็จับพวกเขาขังเรียกค่าไถ่
แต่คราวนี้เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย มีการสะดุดกองสาหร่ายทะเลมากมายบนเรือ พอเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่ารอบข้างไม่มีวี่แววของคนเลย มีแค่เรือใหญ่ที่เงียบเชียบ
พวกเขารู้สึกใจคอไม่ดีจึงหันเตรียมวิ่งกลับ ปรากฏพอหันมาก็พบกับปากกระบอกปืนสีดำเป็นแถว
AK-74! ขี้โกงชัดๆ!
ทันทีที่โจรสลัดพวกนี้กระจ่าง ใบหน้าสีดำของพวกเขาพลันเปลี่ยนเป็นเดี๋ยวดำเดี๋ยวซีดแทน ความโอ้อวดคุยโวก่อนหน้าแทบหายวับไป แต่ละคนเงียบกริบ ไม่ต้องให้พวกแบล็คไนฟ์พูดเตือน พวกเขาก็เอามือกอดหลังคอตัวเองไว้อย่างรู้งานแล้วนั่งยองๆ ลงบนดาดฟ้าเรือ
ฉินสือโอวที่แอบมองอยู่หลังประตูเอ่ยอึ้งๆ “นี่จบแล้วเหรอ?”
บิลลี่ก็ประหลาดใจพอกัน “ฟัค นี่น่ะโจรสลัดที่มีชื่อเสียกระฉ่อนนั่น?!”
พวกเขาต่างรู้สึกแย่ เหมือนโดนคนหลอกแกล้งเล่น
สีหน้าของเบิร์ดกลับยังดูไม่วางใจ เขายกกล้องส่องทางไกลมองไปทางเรือประมงที่ขับเข้ามาด้วยแรงม้าที่เพิ่มขึ้น
ไม่จำเป็นต้องอธิบาย เบิร์ดออกไปบอกให้ลูกเรือใช้เชือกมัดพวกโจรสลัดเอาไว้ทั้งหมด ฉินสือโอวออกไปมองดู ทว่าเขากลับเจอคนคุ้นหน้าคนหนึ่งเข้า ในบรรดาโจรสลัดพวกนี้เหมือนมีคนที่เคยเห็นแวบๆ ตอนที่เครื่องบินร่อนลงสนามบินนานาชาติโมกาดิชู เจ้าคนที่ถือลำโพงสั่งให้พวกเขาบินลงจอดแล้วจากนั้นยังมาขอทิปกับนักบินนั่นเอง
มิน่า ฉินสือโอวถึงรู้สึกว่าท่าทางของคนที่เพิ่งถือลำโพงตะโกนบนสปีดโบ๊ทดูหน้าคุ้นๆ ที่แท้ก็คนคุ้นเคยกันนี่เองที่มาก่ออาชญากรรม
คนๆ นั้นก็ดูท่าจะรู้จักฉินสือโอว พอเห็นเขาเพ่งความสนใจมาที่ตัวเองก็รีบยิ้มอธิบายตะกุกตะกัก “ไม่ ไม่ ไม่ใช่นะ ดูเหมือนจะมีการเข้าใจผิดกันระหว่างพวก พวก พวกฉัน ฉันใช่ไหม? ที่จริงพวกเราแค่ล้อ ล้อเล่นเองน่า”
ฉินสือโอวไม่ได้ตอบอะไร เบิร์ดหยิบไรเฟิลให้แบล็คไนฟ์ เขาใช้ด้ามไรเฟิลฟาดอย่างแรงจนเจ้านั่นร่วงลงไปนอนกับพื้น พร้อมกับเอ่ยว่า “หุบปาก! ไอ้พวกโง่! ตอนนี้ฉันถามแกต้องตอบ ใครมันโกหกฉันจะยิงส่งให้มันไปหาอัลลอฮ์ซะเลย เข้าใจไหม?”
พวกโจรสลัดแตกตื่นพยักหน้า แบล็คไนฟ์ถือไรเฟิลขึ้นมา เอ่ยเสริม “พวกแกมีทั้งหมดหกคน ดังนั้นโอกาสเลือกเราเลยมากกว่า จะไม่ให้โอกาสพวกแกครั้งที่สองแล้ว ใครโกหก จะตายทันที! พวกแกต้องชัดเจนนะไม่งั้นถ้าแกตายไป แฟนสาวที่บ้านแกก็จะแต่งงานใหม่ แล้วบ้านนั้นก็จะกลายเป็นของผู้ชายอื่นไปเลย ลูกของพวกแกก็จะกลายเป็นของผู้ชายอื่น แต่พวกแกไม่แม้แต่จะได้เห็นหน้าลูก เป็นได้แค่ทาสรับใช้ เข้าใจไหม?!”
พวกโจรสลัดพยักหน้าต่อ โดยรอบนี้ยิ่งกลัวมากกว่าเดิม
“พวกแกมาจากไหนกัน?” เบิร์ดถาม “เรือด้านหลังนั่นยังมีคนอีกกี่คน?”
บทที่ 1095 สงครามชิงอำนาจกลางทะเล
เพียงไม่กี่ประโยค เบิร์ดก็ได้รับข่าวสารที่เขาต้องการ
เรื่องราวค่อนข้างที่จะอธิบายยาก ครั้งนี้เป็นการจู่โจมของโจรสลัดจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นพวกโจรสลัดอาสาพิทักษ์ชายฝั่งของประเทศอีกด้วย ไม่แน่อาจถูกพวกเขาจับเป็นเชลย พวกนี้เป็นเพียงกองกำลังแนวหน้าเท่านั้น ส่วนกำลังหลักอยู่ด้านหลัง
ตามที่พวกโจรสลัดดำได้แจ้งไว้ บนเรือประมงด้านหลังนี้ยังมีพวกโจรสลัดอีกมาก ส่วนจะมีเยอะเท่าไรนั้น พวกเขาเองก็ยังไม่แน่ใจ เพราะพวกเขาก็ไม่ได้นับอย่างจริงจัง แต่สักหนึ่งร้อยคนเห็นจะได้
เมื่อได้ทราบถึงจำนวน ฉินสือโอวถึงกับปวดใจเป็นอย่างมาก คนพวกนี้เป็นคนโซมาเลียหรือว่าอินเดียกันล่ะ? ก็แค่เรือประมงร้อยตันลำหนึ่ง พวกแกคงคิดไม่ถึงซินะว่าบนนั้นจะบรรทุกคนไว้กว่าร้อยคน? ยังมีอะไรที่จะมหัศจรรย์ไปกว่านี้อีกไหม?
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีอีกหนึ่งข่าวร้าย นั่นก็คือเรือกองกำลังหลักของโจรสลัดด้านหลังนั้น มีปืนใหญ่หัวจรวดอาร์พีจี ที่เป็นปืนหัวจรวดของจริง ซึ่งไม่เหมือนกับปืนใหญ่หัวจรวดดับเพลิงแบบที่อยู่ในฟาร์มปลาของฉินสือโอว!
เมื่อได้รับข้อมูลพวกนี้แล้ว เบิร์ดก็ให้นีลเซ็นลงไปติดสปีดโบ๊ท โดยให้พาฉินสือโอวไปและกลุ่มบิลลี่ไปก่อน ดีที่บนเรือไม่มีผู้หญิงและเด็กเล็ก จึงไม่จำเป็นต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษอะไรเท่าไร
ถ้าเป็นไปได้ ฉินสือโอวแทบจะอยากหนีไปก่อน คนร้อยคน ปืนร้อยกระบอก นี่ยังไม่รู้เลยว่ามีอาร์พีจีอยู่เท่าไหร่ ถึงแม้จะส่งเรือบรรทุกเครื่องบินออกไปก็คงรับมือไม่ไหว คนน้อยเกินไป ที่สามารถสู้ได้ก็มีไม่เกินสิบห้าคนเท่านั้น
แต่ทว่าแนวหน้านั้นได้ประชิดเขาเข้ามาเรื่อยๆ แล้วถ้าจะหนีอีกก็น่าอับอายเกินไป!
ฉินสือโอวไม่ใช่คนที่จะยอมตายเพื่อศักดิ์ศรีและก้มหน้ารับกรรมอย่างคนโง่ แต่เขาอยากที่จะพาชาวประมงและเหล่าทหารนักรบกลุ่มนี้ไปด้วย เพราะถ้าแค่ได้ยินเสียงรบแล้วหนีไปละก็ ต่อไปเขาคงยากที่จะควบคุมกำลังพล
เดิมทีบิลลี่และคนอื่นๆ สามารถไปได้ แต่เขาคิดไว้ว่าจะไม่หนี อย่างมากที่สุดก็แค่ใช้พลังของหัวใจโพไซดอนเป็นเกราะกำบัง เพื่อไม่ให้ศัตรูเห็นได้ และหากปล่อยให้เบิร์ดและคนอื่นๆ อยู่ที่นี่ พวกเขาจะต้องถูกจับเป็นเชลยอย่างแน่นอน
หัวใจโพไซดอนจึงกลายเป็นความหวังเดียวของชัยชนะพวกเขา เขาไม่อยากเป็นคนที่อ่อนแอและขี้ขลาด
นีลเซ็นขึ้นเรือไปและติดเครื่อง บิลลี่และคนอื่นๆ ถึงค่อยพากันลงไป ส่วนฉินสือโอวที่ยังคงรออยู่บนเรือและกอด AK-74 ไว้ เหล่าพลทหารจึงบอกให้รีบออกเรือ เขาส่ายหัว และพูดอย่างเด็ดขาดว่า “มาด้วยกัน ก็ต้องไปด้วยกัน! ฉันตัดสินใจแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก!”
พอได้ยินอย่างนั้น นีลเซ็นจึงรีบลงจากเรือเล็กและปีนกลับขึ้นไปด้านบนเรือ พร้อมกับพูดขึ้นว่า “บอส ผมเป็นชาวประมงของคุณ แน่นอนว่าพวกเราต้องไปด้วยกันอยู่แล้ว”
บิลลี่ เบลค แบรนดอนและคนอื่นๆ “…”
จากนั้นฉินสือโอวจึงเพิ่มความแข็งแกร่งแก่จิตวิญญาณโพไซดอนเพื่อเพิ่มแรงให้แก่คลื่นทะเล แต่เขาจะใช้พลังนี้อย่างไม่มีเหตุที่ต้องทำให้คลื่นใต้ทะเลปั่นป่วนไม่ได้ อีกทั้งยังมีเรือโคลงเคลงของชาวประมงเข้าใกล้มาอย่างช้าๆ อีกด้วย
ในตอนนี้ฉินสือโอวเป็นคนที่ลำบากที่สุด เพราะตอนนี้พวกเขาอยู่บนเรือกู้ชีพลำหนึ่ง ความเร็วของเจ้าเรือกระป๋องนี่ถือว่าช้ามาก เพราะข้างบนมีเครื่องจักรมากมาย หากแต่เป็นเรือปริ้นเซสเมล่อนหรือเรือประมงฮาวิซท ป่านนี้คงขับหนีไปไหนต่อไหนแล้ว เพราะเรือผุๆ พังๆ ของพวกโจรสลัดตามมันไม่ทันอย่างแน่นอน
บิลลี่และคนอื่นๆ ไม่ได้มีความกล้าและความมั่นใจอย่างฉินสือโอว พวกเขาเลยเลือกที่จะนำหน้าไปก่อน
มองสปีดโบ๊ทที่วิ่งอยู่ไกลๆ นั้น แบล็คไนฟ์ผู้เคร่งขรึมก็ได้แสดงความเคารพต่อฉินสือโอวอย่างทหารอเมริกัน “เซอร์ ท่านคือวีรบุรุษตัวจริง! ท่านคือนักรบผู้กล้า! จ่าสิบเอกฮันส์เบิร์คแห่งฝูงบินรบเดลตาฟอร์ซกองร้อยที่สองหน่วยดี เป็นเกียรติที่ได้ต่อสู้เคียงข้างท่าน!”
ฉินสือโอวโบกมือปัด แล้วพูดขึ้น “เอาล่ะ ทหารกล้าทุกท่าน ตอนนี้พวกเราไม่ถึงกับว่าตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังอย่างนั้น ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็ให้มองโลกในแง่ดีไว้เถอะ ดูจากสีหน้าท่าทางกับคำพูดที่ดูเป็นกังวลของพวกนายแล้ว ทำไมมันเหมือนกับเป็นการบอกลากันอย่างนั้นล่ะ?”
จากนั้นแอร์แบ็คและคนอื่นๆ ก็พากันหัวเราะขึ้น และในขณะที่เบิร์ดหันหน้ากลับไปนั้น ก็ตะโกนร้องอย่างตกใจออกมา “เวรล่ะ ทำไมไอ้พวกสารเลวนั่นย้อนกลับมาอีกแล้วล่ะ?”
ที่แท้ สปีดโบ๊ทที่วิ่งอยู่ไกลลิบๆ นั้นได้กลับลำมา โดยเร่งสปีดเพื่อที่จะตามให้ทัน
แบล็คไนฟ์ทำวันทยหัตถ์อย่างเคารพ พร้อมกับพูดขึ้นอย่างเลื่อมใส “ทั้งหมดนั้นคือกลุ่มวีรบุรุษผู้กล้าหาญ ที่แท้เพื่อนของบอสแต่ละคนก็เก่งกาจเหมือนกับบอสเลย”
แล้วฉินสือโอวก็หัวเราะออกมา ทำให้บิลลี่และคนอื่นๆ ต่างมองขึ้นมา คนพวกนี้ไม่เลวนะ กู้เรือได้ทองคำขึ้นมาในครั้งนี้ อย่างไรเขาก็จะต้องได้ส่วนแบ่ง จะเอาไปเลยเกินครึ่งก็จะไม่ดี
แล้วพอสปีดโบ๊ทนำตามขึ้นมาติดๆ บิลลี่ก็พูดด้วยหน้าที่เศร้าสลดว่า “เวรเอ๊ย! ไอ้สารเลวพวกนี้เติมน้ำมันมาเยอะขนาดนั้นเชียว? เดิมทีมันไม่ควรจะขับมาได้ไกลขนาดนี้ เพราะแป๊บเดียวน้ำมันก็หมดแล้ว!”
ฉินสือโอว “…”
อย่าแม้แต่จะคิด หากครั้งหน้ากู้ขึ้นมาได้ทองได้หินแร่ เขาจะต้องเอาไปเกินครึ่งที่หาได้แน่ ไอ้พวกสารเลว เกินไปแล้ว!
เช่นนี้บิลลี่และคนอื่นๆ ก็คงไปไหนกันไม่ได้แล้ว เพราะเรือกู้ชีพเป็นเรือขนาดใหญ่ ใช้น้ำมันดีเซลในการเผาผลาญ ส่วนสปีดโบ๊ทใช้น้ำมันเบนซิน ซึ่งไม่สามารถใช้ร่วมกันได้
บิลลี่ปีนขึ้นมาพร้อมกับแบกกล่องมาด้วยหนึ่ง เขาส่งมันให้นีลเซ็นพร้อมกับฝืนยิ้มเจื่อนๆ และพูดว่า “แต่ก็ใช่ว่าพวกเราจะกลับมามือเปล่านะ เมื่อกี้ตอนที่กำลังเก็บน้ำมันเบนซินอยู่บนเรือสปีดโบ๊ท พวกเราเก็บของสิ่งนี้ได้ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับนายนะ”
นีลเซ็นเปิดกล่องดู พวงชิ้นส่วนอะไหล่ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน นี่คือชิ้นส่วนอะไหล่สำคัญของปืนอย่างไม่ต้องสงสัย ฉินสือโอวไม่รู้จักปืนชนิดนี้ แต่เมื่อเห็นลูกกระสุนปืนที่อยู่ในกล่องนั้นแล้ว ก็ถึงกับดีใจเป็นอย่างมาก!
ในกล่องนี้มีกระสุนทั้งหมดเพียงห้านัดเท่านั้น แต่ละนัดนั้นมีความหนาเท่านิ้วโป้ง นี่คือปืนไรเฟิลซุ่มยิงต่อต้านสิ่งอุปกรณ์อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งสามารถโจมตีรถถัง รถหุ้มเกราะ และเรือได้ มีปืนลำนี้แล้ว พวกเขาก็จะสามารถต่อกรกับเรือโจรสลัดที่น่ากลัวได้
ส่วนนีลเซ็นยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่ เขารีบลงมือนำพวกชิ้นส่วนนั้นประกอบเข้าด้วยกัน ด้ามนึงมาพร้อมกับเหล็กกล้าสลักเวลา สัตว์ร้ายได้ถือกำเนิดแล้ว
“บาร์เร็ตต์เอ็ม 90 โอเค ปืนได้ที่แล้ว” นีลเซ็น ‘ก๊อกแก๊ก’ ขึ้นปืนไม่กี่ครั้ง ก็ยิ้มออกมา “มีเจ้านี่แล้ว ก็สามารถเจรจาต่อรองได้แล้วล่ะ”
ฉินสือโอวถามขึ้น “ปืนนี่ก็อยู่ในตระกูลบาร์เร็ตต์ใช่ไหม”
เบิร์ดตอบกลับ “ใช่แล้ว เอ็มแปดสองเอวันที่เป็นที่โด่งดังไปทั่วโลกตอนนี้ ซึ่งมาเป็นตัวตายตัวแทนของเอ็มแปดสอง ปืนนี้เดิมทีกะจะเอามาใช้แทนเอ็มแปดสอง แต่ว่าใช้ได้เพียงห้าปี ในปี 1995 ก็หยุดผลิตแล้ว ไม่รู้ว่าพวกโจรสลัดเอาปืนดีๆ แบบนี้มาจากไหน ปืนนี้ที่อเมริกาก็หาซื้อไม่ได้แล้ว”
แต่ก็ไม่มีเวลาที่จะมาสนใจว่าพวกโจรสลัดเอาปืนพวกนี้มาจากไหน เพราะเรือประมงของโจรสลัดเข้ามาใกล้แล้ว สงครามครั้งนี้คงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
เบิร์ดยังคิดที่จะใช้กลโกงหลอกล่อให้โจรสลัดขึ้นเรืออีกครั้ง เมื่อปล่อยให้โจรสลัดถือปืนขึ้นชั้นดาดฟ้าของเรือแล้ว เขาก็จะใช้กลโกงเดียวกับที่บอกโจรสลัดกลุ่มก่อนหน้านี้ โดยบอกว่าขอเพียงแค่พวกเขาขึ้นเรือแล้วไม่ทำร้ายผู้คน พวกเขาพร้อมจะยอมแพ้
แต่ในครั้งนี้มันเหมือนจะไม่ได้ผล โจรสลัดที่อยู่บ้านดาดฟ้าเรือตะโกนขึ้นมาว่า “ในเมื่ออย่างไรก็จะยอมแพ้อยู่แล้ว งั้นพวกแกก็ลงไปคุกเข่าที่แคมเรือ แล้วมัดตัวเองไว้กับแคมเรือเอาไว้ให้ดี”
ฉินสือโอวถอนหายใจ นีลเซ็นจึงปลอบใจเขาว่า “ไม่ต้องเสียดายไปหรอกครับ เป็นไปไม่ได้ที่พวกโจรสลัดทุกกลุ่มจะตกหลุมพรางเรา พวกเราได้เจอกลุ่มนั้นก็ถือว่าเราโชคดีแล้ว”
ไม่อาจเลี่ยงการปะทะต่อสู้ได้ แน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่สามารถยอมแพ้ได้ แต่ฉินสือโอวหวังว่าจะสามารถเจรจาต่อรองกันได้ เขาจึงให้เบิร์ดถามว่าพวกโจรสลัดต้องการเงินค่าไถ่เท่าไร
แล้วพวกโจรสลัดก็หัวเราะร่าออกมา ฉินสือโอวเห็นฝ่ายตรงข้ามถือปืนเล็งขึ้นมา จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนที่ดังกึกก้อง บวกกับแสงประกายไฟที่ปลายกระบอกปืนมากกว่าสิบกระบอก ประหนึ่งว่ากำลังจุดประทัด
ดูเหมือนว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว
บทที่ 1096 ทหารรับจ้างผู้เกรี้ยวกราด
โจรสลัดพวกนี้กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว พวกเขาไม่เพียงแต่เล็งปากกระบอกปืนและยิงขึ้นฟ้าเท่านั้น แต่พวกเขายังเล็งปากกระบอกปืนตรงมายังทางเรือกู้ชีพอีกด้วย!
ในตอนนี้ฉินสือโอวเข้าใจถึงตอนที่แบล็คไนฟ์พูดตอนที่อยู่ตรงท่าเรืออย่างลึกซึ้งแล้วว่า ถ้าได้ยินเสียงปืนธรรมดาอย่าได้กลัวไป แต่เมื่อใดที่ได้ยินเสียง ‘ฉึกๆ’ ให้รู้ไว้เลยว่ามีคนกำลังเล็งปืนยิงคุณอยู่
ตอนนี้ฉินสือโอวได้ยินเสียงดัง ‘ฉึกๆๆ’ แล้ว ซึ่งก็ได้ทำให้เขาที่หลบอยู่หลังประตูเหล็กตกใจจนไม่กล้าโผล่ขึ้นไป
พวกโจรสลัดที่ทั้งยิงปืนใส่และทั้งเข้าประชิดเรือกู้ชีพขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็มีคนโยนเชือกตะขอขึ้นมาบนเรือ ส่วนแบล็คไนฟ์และคนอีกกลุ่มหนึ่งที่หลบอยู่หลังแคมเรือเพื่อกำบังตัวเองก็พากันมองไปทางเบิร์ดอย่างพร้อมเพรียงเพื่อรอคำสั่งจากเขา
ส่วนเบิร์ดที่ตอนนี้ยังไม่กล้าตัดสินใจเพราะกลัวจะกระทบตัวฝ่ายของตน ถ้าฝ่ายตรงข้ามไม่มีปืนใหญ่หัวจรวดนะ เขาคงจะสั่งให้ยิงไปตั้งนานแล้ว แต่ในตอนนี้ที่กลัวก็คือปืนใหญ่หัวจรวดของอีกฝ่ายนี่แหละ เพราะเจ้าของสิ่งนี้เมื่อระเบิดออกไป ถึงจะหลบอยู่หลังประตูเหล็กกล้าก็หลบรัศมีการทำลายล้างของมันไม่พ้น
ตอนนี้เอง ฉินสือโอวจึงได้โอกาสแสดงอิทธิฤทธิ์แล้ว
เขารู้ว่าเบิร์ดไม่กล้าไปแหย่ฝ่ายตรงข้าม เขาจึงใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนทั้งสี่ ให้คลื่นพัดกระพือโจมตีใส่เรือประมงร้อยตันลำนั้น
ทันใดนั้นเอง เรือประมงก็เริ่มสั่นโคลงเคลงอย่างรุนแรง โจรสลัดบางคนที่กำลังจะไต่ตามเชือกตะขอขึ้นมา สุดท้ายก็ต้องลื่นตกจากเชือกตะขอลงสู่มหาสมุทรพร้อมกับร้องอย่างน่าเวทนา
พวกโจรสลัดที่อยู่บนเรือเห็นดังนั้นก็ไม่กล้าที่จะกำเริบเสิบสานอีก พวกเขาค่อยๆ คลายนิ้วมือออกจากไกปืน เพราะถ้ายังไม่หยุดอีกละก็คงเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นอีกแน่!
เบิร์ดเห็นว่าตอนนี้เป็นโอกาสอันดี จึงรีบให้กัปตันเร่งความเร็วทิ้งระยะห่าง พร้อมกับตะโกนบอกนีลเซ็นว่า “แสดงให้ไอ้พวกสวะพวกนั้นเห็นถึงความน่ากลัวสักหน่อย! ให้พวกมันรู้ว่าพวกเราไม่ใช่พวกขี้แพ้!”
นี่คงเป็นการเจรจาช่วงสุดท้ายแล้วสินะ บาร์เรตต์เอ็มเก้าศูนย์นั้นสามารถที่จะซุ่มยิงเรือประมงได้ และถ้าพวกโจรสลัดยังคงสติดีอยู่ เอ็มเก้าศูนย์กับอาร์พีจีก็คงไม่ต้องแลกกระสุนกัน
นีลเซ็นพยักหน้ารับคำสั่งอย่างใจเย็น ตอนนี้เขาตื่นเต้นเล็กน้อย เขาไม่มีลูกมือไว้คอยช่วยเหลือ และนี่ก็การยิงระยะใกล้ด้วย แต่สำหรับสไนเปอร์มือเหรียญทองแล้วนั้น ไม่จำเป็นจะต้องมีลูกมือ เขาก็สามารถจัดการคนเดียวได้
แต่ถึงเขาจะแบกเอ็มเก้าศูนย์ไว้บนบ่าเขาก็ยังไม่ยิงออกไป สายตาของเขากลับมองไปยังด้านหน้าอย่างถี่ถ้วนโดยใช้กล้องส่องทางไกลวิสัยกลางคืน มองดูอยู่สักพักก็ใช้ลำกล้องมองระยะไกลของเอ็มเก้าศูนย์เล็งเป้าหมายไว้ จากนั้นค่อยเปลี่ยนมาใช้กล้องส่องทางไกล ซึ่งทำขั้นตอนนี้ซ้ำไปมาอยู่หลายครั้ง
เบิร์ดรู้ว่านีลเซ็นกำลังเลือกเป้าเพื่อที่จะซุ่มยิงอยู่ เพราะเรือของฝ่ายตรงข้ามนั้นโคลงเคลงไม่หยุด เลยทำให้ล็อกเป้าได้ค่อนข้างยาก ตอนนี้เลยยังไม่กล้าที่จะทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามตื่นตัว ทำได้เพียงขู่ให้กลัวไว้ก่อน
คิดอยู่สักพัก เบิร์ดก็พรวดพราดก้าวเท้าฉับๆ พุ่งมาหานีลเซ็นและกระซิบข้างหูเขาหนึ่งประโยค
พอได้ฟังคำพูดของเขาแล้ว รูม่านตาของนีลเซ็นก็ยืดและหดตัว แล้วก็พูดด้วยความลังเลว่า “เดี๋ยวฉันลองดู”
เบิร์ดจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดว่า “ไม่ใช่ให้ลอง แต่นายต้องจัดการพวกมันให้ได้!”
นีลเซ็นสะดุ้งโหยง จากนั้นก็สังเกตการณ์อยู่ประมาณนาทีกว่าๆ คิ้วที่ขมวดแน่นของเขาจึงค่อยๆ คลายออก บ่าที่กำลังแบกปืนไว้ด้ามหนึ่ง นิ้วชี้ขวาที่นุ่มนวลก็ได้ลั่นไกออกไปอย่างเด็ดเดี่ยว!
“ปัง!” เสียงระเบิดดังกึกก้องที่คล้ายกับจุดประทัดดังขึ้นมา ในขณะเดียวกันประกายไฟจากปากกระบอกปืนก็สว่างโชติช่วงจนแสบตา ซึ่งแม้แต่ฉินสือโอวที่อยู่ข้างๆ ที่เตรียมตัวอยู่ก่อนแล้ว ยังตกใจเลย
เวลาที่ดูหนังหรืออ่านนิยาย เราจะเห็นว่าสไนเปอร์ดูเหมือนจะเป็นหน่วยรบที่ทรงอานุภาพมากที่สุดในกองทัพ แต่ในความเป็นจริงทหารหน่วยนี้แค่ดูดีด้วยภาพลักษณ์ภายนอกเท่านั้น ดังคำที่ว่าคนดื่มน้ำจะร้อนหรือเย็นก็ตัวเขาเองนั่นแหละที่จะรู้ได้ เพราะในสนามรบสไนเปอร์เป็นเป้าที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ทุกคนต่างจะมองหาสไนเปอร์ของฝ่ายตรงข้ามแล้วจะจัดการให้ร่วงก่อนเป็นอันดับแรก
ทั้งเสียงปืน ประกายไฟที่ออกจากปากกระบอก มาพร้อมกับเขม่าควันของกระสุนที่ออกจากกระบอกปืนตอนที่สไนเปอร์ยิงออกไป ทั้งหมดนี่จึงเหมือนเป็นการทิ้งหลักฐานที่อยู่ให้ฝ่ายศัตรู จึงทำให้สไนเปอร์ตกเป็นเป้าได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้นในสนามรบจริงๆ จะมีสไนเปอร์ไม่กี่คนที่จะสามารถหลบอยู่ในที่ที่เดียวแล้วสังหารศัตรูมากมายได้ ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วพวกเขาก็เหมือนนักฆ่าทั่วไป ที่หลังจากโจมตีแล้วก็ต้องรีบวิ่งหนีอย่างรวดเร็วเป็นพันไมล์เพื่อรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้
แต่ผลกระทบของสไนเปอร์ก็เยอะมากเหมือนกัน ความเสี่ยงสูงผลกำไรก็สูงมากเช่นกัน ส่วนสไนเปอร์ที่มีประสิทธิภาพ ทุกครั้งที่ยิงออกไปจะสร้างกำไรให้สูงขึ้นเป็นพิเศษ เช่นครั้งนี้ที่นีลเซ็นยิงออกไป
หลังจากเสียงปืนดังขึ้น พวกโจรสลัดบนเรือประมงที่กำลังหยิ่งผยองก็พากันร้องลั่นด้วยความตกใจ จากนั้นก็พากันคลานหาที่กำบังตัว
แล้วก็มีเสียงร้องดังขึ้นมาจากห้องกัปตัน “เวรล่ะๆ! &*…%#@”
นอกจากเสียงด่าแล้ว ฉินสือโอวก็ฟังท่อนประโยคหลังไม่ออก คนคนนี้พูดภาษาโซมาเลีย ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เบิร์ดมองไปทางนีลเซ็น นีลเซ็นพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า “ภารกิจสำเร็จ ผมจัดการหางเสือของพวกนั้นเรียบร้อย!”
พอสิ้นประโยคนั้น บนเรือกู้ชีพก็ส่งเสียงเฮกันยกใหญ่ในทันที ฉินสือโอวก็ปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง เขาลืมไปเลยด้วยซ้ำว่ายังมีเรื่องแบบนี้ สไนเปอร์สามารถหักหางเสือของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างสิ้นซาก เมื่อไม่มีหางเสือ เรือลำนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
จริงๆ แล้วถึงจะจำได้แต่เขาก็ไม่อยากจะคาดหวังมากเกินไป
หางเสือใหญ่แค่นิดหน่อย อีกทั้งยังอยู่ในห้องเดินเรืออีก ถ้าคิดจะเอาชีวิตอะไรมันจะจัดการได้ง่ายขนาดนั้น? แต่พวกเขาก็ถือว่าโชคดี ที่เรือโจรสลัดเป็นเรือประมงลำเล็ก ปกติแล้วหางเสือของเรือประมงลำเล็กจะอยู่ที่หัวเรือ เพื่อที่พนักงานขับเรือจะได้มีทัศนวิสัยในการมองกว้างขึ้น
นอกจากนั้นอีกหนึ่งเหตุผลก็คือ เรือขนาดเล็กจะใช้คนในการคุมบังคับหางเสือ ส่วนโครงสร้างและการทำงานที่เรียบง่ายของเครื่องจักรเรือขนาดใหญ่จะควบคุมโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ แม้แต่เครื่องยนต์คอนโทรลหลักก็ยังบังคับด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ต้องใช้คนไปยืนประจำอยู่ตรงนั้นเพื่อคอยควบคุม
ดังนั้น บนเรือขนาดใหญ่อย่างเรือปริ้นเซสเมล่อน ตำแหน่งของหางเสือจะต้องอยู่ตรงกลางจนเกือบหลัง จึงไม่คิดถึงขั้นที่จะเอาชีวิต! แล้วก็แน่นอนว่าห้องบังคับบัญชาการเดินเรือของเรือรบจะต้องตั้งอยู่ที่ท้ายเรือ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเหตุผลในการปกป้องห้องบังคับการเดินเรือ
แต่ห้องบังคับการเดินเรือของเรือกู้ชีพของบิลลี่ก็อยู่ที่ท้ายเรือเช่นเดียวกัน ซึ่งนี่ก็เพราะมีอีกเหตุผลหนึ่ง ถ้าพูดถึงเรือกู้ชีพที่มีรูปทรงค่อนข้างยาว การที่ห้องบังคับการเดินเรือตั้งอยู่ที่ท้ายเรือจะเป็นเรื่องง่ายในการควบคุมทิศการ
โดยรอบของเรือทั้งหมดคือน้ำ ไม่มีหลักใดๆ ให้ยึดทั้งสิ้น เช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนขับที่จะบังคับเรือให้อยู่ในทิศทางที่แม่นยำได้ อีกทั้งการขับในน้ำไม่เหมือนกับขับอยู่บนพื้นดิน ที่พบเจอปัญหาตอนไหนก็สามารถซ่อมแซมได้เลยในทันที จึงมีการจัดห้องบังคับการเดินเรือไว้ที่ท้ายเรือ เพื่อที่การมองผ่านลำเรือยาวๆ นั้นทำให้การบังคับทิศทางแม่นยำขึ้นและจะได้ค้นหาปัญหาได้ทันเวลา
แต่หลังจากที่นีลเซ็นโจมตีหางเสือของฝ่ายตรงข้ามแล้วนั้น ฉินสือโอวก็เกิดกังวลใจ จึงได้ถามขึ้นว่า “ถ้าพวกมันแตกตื่นกันขึ้นมาแล้วเผลอหยิบเอาปืนใหญ่หัวจรวดมาใช้จะทำอย่างไรล่ะ?”
เบิร์ดไม่ได้ตอบอะไรเขา เพราะเวลานี้ไม่ใช่เวลาจะมาหารือกัน เขาตะโกนไปที่ห้องเดินเรือเป็นอันดับแรก “กัปตันคุมหางเสือให้มั่น ส่วนคนอื่นๆ ให้รีบไปที่แคมเรือ หากเกิดสิ่งผิดปกติขึ้นให้รีบกระโดดลงน้ำไปเลยเข้าใจไหม!”
จากนั้นเขาก็หันไปตะโกนกับเหล่าทหาร “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม! อย่าให้ไอ้พวกนั้นหยิบกระสุนหัวจรวดออกมาได้! นีลเซ็น จัดการพวกมันให้สิ้นซาก!”
ในที่สุดเหล่าทหารก็ได้โอกาสที่จะปลดปล่อยความโกรธของตน พวกเขาหันไปหาเรือโจรสลัดพลางหยิบปืนขึ้นมาแล้วยิงไปยังเรือของพวกโจรสลัดแบบไม่ยั้ง
ฉินสือโอวที่ไม่สนสี่สนแปดใดๆ ก็ได้ออกจากหลังประตูห้องเดินเรือพร้อมกับยกปืนขึ้นมา แล้วลั่นไกปืนจากท้ายเรือยิงกราดไปยังเรือของพวกโจรสลัดโดยไม่สนว่าจะโดนหรือไม่โดนใครบ้าง ขอแค่ยั้งไม่ให้พวกโจรสลัดเอาอาร์พีจีออกมาใช้ได้เป็นพอ
นอกจากนั้น เขายังปล่อยพลังจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไปอย่างเหี้ยมโหด จิตสำนึกแห่งโพไซดอนที่ปล่อยออกไปทั้งสี่ทิศก็พัดกระพือคลื่นเข้าไปถาโถมโจมตีที่ท้องเรือโจรสลัด แล้วระลอกคลื่นที่ตีถาโถมเข้าไปอย่างรวดเร็วก็ทำให้เรือโจรสลัดสั่นสะเทือนไม่หยุด
บทที่ 1097 โพสต์โมเมนต์ไม่เป็นใจ
สุดท้ายแล้วเรื่องที่พวกฉินสือโอวกังวลกันก็ไม่ได้เกิดขึ้น ส่วนบนเรือของโจรสลัดก็มีเสียงปืนดังขึ้นบ้างเป็นบางครั้ง ขนาดมีเสียงกระสุนยิงกระทบตัวเรือที่เป็นเหล็กกล้าจนแสบแก้วหู แต่ก็ไม่มีใครเอาปืนใหญ่หัวจรวดที่พวกเขากลัวที่สุดมาใช้
แต่นี่มันออกจะแปลกๆ ไปหน่อยแล้วนะ พวกโจรสลัดคงไม่ได้ขี้ขลาดขนาดนั้นหรอกใช่ไหม? ถึงกับไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาใช้ปืนใหญ่หัวจรวดยิงตอบโต้เลยเนี่ยนะ? หรือว่าอยู่ๆ พวกเขาก็เกิดกลับใจเป็นคนดีแล้วตัดสินใจปล่อยพวกฉินสือโอวไปเหรอ?
เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
จากนั้นเรือกู้ชีพก็เร่งสปีดทิ้งห่าง ส่วนเรือโจรสลัดที่เสียหางเสือไปแล้ว ก็ยังคงโดนระลอกคลื่นโถมโจมตีไม่หยุดจนเรือนั้นได้แต่หมุนอยู่กับที่ และไล่ตามไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง
เบิร์ดที่ดูเหมือนจะโล่งใจแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่ปลอดภัย จึงนำพวกโจรสลัดที่ถูกจับไปบนดาดฟ้าเรือเพื่อที่จะโบยแล้วเค้นถามถึงรายละเอียดของการปล้นในครั้งนี้
ซึ่งถ้าจะพูดถึง มันก็ดูไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด เพราะเรือวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของพวกเขาไม่มีแม้แต่น้ำมัน โจรสลัดที่ไหนจะปัญญาอ่อนมาปล้นเรือพวกเขาแบบนี้?
อย่างที่ทราบกันดีว่าเรือวิจัยทางวิทยาศาสตร์กู้ชีพไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเลยสำหรับโจรสลัด อันดับแรกเลยคือบนเรือวิจัยทางวิทยาศาสตร์นั้นมีแต่พวกปัญญาชนที่ไม่มีเงิน และคนที่คอยหนุนหลังให้ก็คือรัฐบาล ฉะนั้นโจรสลัดจึงชอบปล้นสะดมเรือชาวบ้านมากกว่า เพราะไม่กล้าจะไปมีเรื่องกับรัฐบาลของประเทศนั้นๆ
รองลงมาก็คือ เรือวิจัยทางวิทยาศาสตร์ถือเป็นเรือของรัฐ ลูกเรือบนเรือก็มักจะมีสถานะเป็นทหารกันทั้งนั้น พวกเขาทั้งหลายต่างก็เป็นทหารจากกองทัพเรือที่ทางรัฐบาลจัดให้มาคอยคุ้มครองเรือ อีกทั้งบนเรือก็มีอาวุธครบมือ ถ้าสำหรับโจรสลัดแล้วพวกเขาก็เหมือนกระดูกแข็งๆ ที่เคี้ยวยาก
สุดท้าย เรือกู้ชีพก็ได้จอดอยู่ตรงนี้มาตั้งยี่สิบกว่าวัน ผ่านลมผ่านฝนมาตั้งเท่าไร แต่ทำไมถึงเพิ่งจะมาโจมตีเอาป่านนี้ล่ะ?
จึงสรุปได้ว่า เรื่องในวันนี้ช่างไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย เบิร์ดคิดยังไงก็คิดไม่ออก จึงต้องเค้นถามอย่างละเอียดถึงที่มาที่ไป
หลังจากที่นำพวกโจรสลัดขึ้นมาแล้ว เบิร์ดที่คาบบุหรี่หนึ่งมวนพร้อมกับแบก AK-74 ก็ได้เดินเข้าไปและถามขึ้นว่า “บอกฉันมา พวกแกกำลังโกหกอะไรพวกฉันอยู่?”
พวกคนเถื่อนผิวสีต่างก็มองตากัน และพากันก้มหน้าก้มตาโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคน สภาพก็ดูหมดอาลัยตายอยากกันไปตามๆ กัน
จากนั้นเบิร์ดก็ยิ้มขึ้นด้วยรอยยิ้มที่แข็งกระด้าง พร้อมกับพูดต่อ “ตอนนี้พวกแกก็เห็นแล้วนี่ ว่าคนของพวกแกจบเห่กันหมดแล้ว พวกนั้นไม่มีทางที่จะมาช่วยพวกแกได้ อีกอย่างตอนนี้พวกเราก็อยู่กลางทะเล ถ้าโยนพวกแกทิ้งให้ตายกลางทะเล กว่าจะหาศพเจอก็แยกไม่ออกแล้วว่าใครเป็นใครน่ะ”
แล้วคนผิวสีท่าทางอ่อนแรงก็เงยหน้าพร้อมกับตะโกนราวกับใช้โทรโข่งขึ้นว่า “ท่านวีรบุรุษไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถิด พวกเราไม่ได้โกหกเลยสักครั้ง เรื่องอะไรที่พวกเรารู้เราก็บอกไปจนหมดแล้ว”
ทันใดนั้นแบล็คไนฟ์ก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ พร้อมกับรัวปืนขึ้นฟ้า แล้วปลอกกระสุนที่ตกลงมาก็ได้กระทบกับดาดฟ้าเหล็กจนเกิดเป็นเสียงใสๆ คล้ายกับเสียงดนตรีบรรเลง
พอรัวปืนเสร็จ เขาก็กดปากกระบอกปืนไปทางขาของคนผิวสี
ทันใดนั้นชาวผิวสีผู้นั้นก็ถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยเสียงที่แหลมสูงอย่างน่าเวทนา ปากกระบอกปืนในเวลานี้คาดว่าอุณหภูมิสูงเกินสองสามร้อยองศาเห็นจะได้ เพราะเมื่อปากกระบอกปืนเจอเข้ากับเป้าของมันเลยถูกเผาไหม้ได้อย่างง่ายดาย
นีลเซ็นส่งซิกให้ฉินสือโอวกลับเข้าไปในห้องเดินเรือก่อน แล้วพูดขึ้นว่า “นี่พวกเราก็มีมนุษยธรรมมากพออยู่นะบอส ขนาดเมื่อกี้ที่พวกโจรสลัดยิงมา พวกเราก็ยังไม่ได้เอาไอ้พวกสวะพวกนี้ไปแขวนตรงหัวเรือเพื่อบังลูกกระสุนให้ นี่ก็ถือว่าเมตตามากขนาดไหนแล้ว”
ฉินสือโอวได้แต่พยักหน้าแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาแค่นั่งหลบอยู่ในห้องเดินเรือเท่านั้น ส่วนเรื่องที่อยู่ด้านนอกก็ยกให้สองสามคนนั้นจัดการแทน
พวกเขาต้องรู้ถึงที่มาที่ไปให้ได้ เพราะเดี๋ยวพวกเขาจะต้องได้กลับมากู้ทองกู้หินแร่อีก
ไม่นาน เบิร์ดก็วิ่งหอบแฮ่กๆ มาหาฉินสือโอว พร้อมกับรายงานว่า “ความจริงกระจ่างแล้วครับ พวกเราโดนพวกนั้นหลอกจนได้! จริงๆ แล้วพวกนั้นไม่ใช่โจรสลัดอาสาพิทักษ์ชายฝั่งประเทศแต่อย่างใด พวกมันเป็นแค่กลุ่มอันธพาลที่ไร้อิทธิพลกลุ่มหนึ่งก็เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันไม่ได้มีอาร์พีจีเลย พวกเราอย่าได้ไปกลัวมัน เมื่อกี้พวกมันก็แค่พูดไปเรื่อยเพื่อที่จะขู่ให้เรายอมจำนน แม่งเอ๊ย!”
“ความจริงแล้วเรือกู้ชีพไม่ใช่เป้าหมายของพวกมัน ที่พวกมันตามก็คือบอส เรื่องนี้ก็ไอ้ยักษ์ใหญ่เสียงดังนั่นแหละที่เป็นตัวการ เพราะในช่วงสองวันที่พวกคุณ คุณเบลค และคุณแบรนดอนเพิ่งมาถึงโมกาดิชู พวกคุณได้เหมาเครื่องบินทั้งลำมา เขาเลยแน่ใจว่าพวกคุณต้องเป็นมหาเศรษฐีแน่ๆ และคิดว่าพวกคุณมาเล่นพนัน เลยคิดจะจับตัวพวกคุณเพื่อเรียกค่าไถ่”
เช่นนี้ฉินสือโอวเลยสบายใจขึ้นมาบ้าง ขอเพียงแค่พวกโจรสลัดไม่คิดไปถึงว่าพวกเขามาเพื่อกู้หาสมบัติล้ำค่าก็พอ แต่จริง ๆ แล้วถ้ายักษ์ใหญ่เสียงดังนั้นฉลาดกว่านี้สักหน่อย มีคอนเนคชันกว้างขวางกว่านั้นสักนิด และสืบถึงสถานะของฉินสือโอว บิลลี่ และคนอีกสี่คนก็คงจะเดาออกว่าพวกเขามาทำอะไรที่นี่
แต่เหตุการณ์ในวันนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะทีเดียว อย่างน้อยก็ได้ให้บทเรียนบทหนึ่งแก่พวกเขา เพื่อที่ว่าการมากู้ทองกู้หินแร่ในครั้งต่อไป พวกเขาคงออกหน้าเองไม่ได้แล้ว เพราะเมื่อเป็นจุดสนใจ คนภายนอกก็จะสามารถเดาได้ถึงจุดประสงค์การกู้เรือของพวกเขาออก
เรือกู้ชีพที่มุ่งเข้าสู่ทิศตะวันตก ในที่สุดก็เข้าเทียบท่าเรือโมกาดิชูได้ก่อนรุ่งสาง ก่อนหน้าพวกเขาวอเรียกทหารเรือโซมาเลียมาตลอดทาง แล้วแจ้งว่าพวกเขาตกเป็นเป้าของโจรสลัด สุดท้ายแล้วพวกทหารเรือก็ได้แต่บอกว่าเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ส่งคนออกทะเลมาอยู่ดี
ก็พอจะเข้าใจได้ โซมาเลียนั้นมีทหารเรือซะที่ไหน หน่วยลาดตระเวนชายฝั่งของพวกเขาก็อยู่ในความดูแลของหน่วยยามฝั่ง อีกทั้งหน่วยยามฝั่งอ่อนปวกเปียกขนาดนั้น จะเอาความกล้าที่ไหนไปต่อกรกับโจรสลัดในกลางคืนที่มืดสนิทอย่างนั้นล่ะ? นี่ก็ดีแค่ไหนแล้วที่พวกเขาไม่กลายเป็นโจรสลัดซะเอง
หลังจากเข้าเทียบท่า หน่วยยามฝั่งก็มารออยู่ตรงนั้นแล้ว ยักษ์ใหญ่เสียงดังกับอีกหกคนก็โดนรวบใส่กุญแจมือไป แล้วจากนั้นถึงค่อยมีสปีดโบ๊ทสองลำแล่นออกไปตามหาโจรสลัดพวกที่เหลือ
แต่ไปหาตอนนี้จะเจอกับผีอะไร เวลาทั้งคืนนั้น แล้วยิ่งถ้าบนเรือมีวิทยุสื่อสาร ป่านนี้พวกมันก็คงวอไปเรียกคนมาช่วยลากเรือไปแล้ว
ฉินสือโอวไม่อยากจะสนใจกับเรื่องนี้แล้ว กลับกันเขาก็คงไม่มาโซมาเลียอีก นั่งเลี้ยงปลาโง่ๆ อยู่ที่แคนาดายังจะดีซะกว่า ที่ว่าออกไปเที่ยวดูโลกภายนอกสักหน่อย นี่ก็ดูจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด
โชคดีที่ครั้งนี้เป็นแค่พวกเลวที่สวมรอยเป็นโจรสลัดมาโจมตีพวกเขาก็เท่านั้น ถ้าเป็นกลุ่มโจรระดับสูงที่อาวุธครบมืออย่างกองกำลังนาวิกโยธินโซมาเลียแล้วล่ะก็ เมื่อคืนนี้ฉินสือโอวและพวกของเขาคงไม่รอดแน่ เพราะพวกมันไม่เพียงแต่มีอาร์พีจี แต่คงจะมีตอร์ปิโดด้วย…
และในตอนนั่งเครื่องขากลับ ฉินสือโอวก็ได้กำชับกับลูกน้องของเขาไปว่าหลังจากที่กลับไปถึงแล้วห้ามใครก็ตามพูดถึงเรื่องที่ได้เจอตอนอยู่ที่โซมาเลียเด็ดขาด เพราะเขาไม่อยากให้วินนี่ไม่สบายใจ
แต่ในการโจมตีของโจรสลัดในครั้งนี้ก็ใช่ว่าพวกเขาไม่ได้อะไรกลับมาเลย อย่างน้อยๆ ก็ยังได้ความเลื่อมใสศรัทธาจากใจจริงของเหล่าทหาร จากที่เมื่อก่อนเหล่าทหารเห็นเขาเป็นแค่เจ้านาย ส่วนตอนนี้ได้ทำเหมือนเขาเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ไปแล้ว ที่ไม่ว่าฉินสือโอวจะพูดอะไร พวกก็จะทำวันทยหัตถ์ก่อนแล้วค่อยไปปฏิบัติตามคำสั่ง
แต่การสั่งงานก็ต้องสั่งให้มันดูเข้มแข็งด้วย
เพราะคนแกร่งก็มักจะเลื่อมใสศรัทธาคนแกร่งเหมือนกัน แล้วก็จะเชื่อฟังในคนที่แกร่งกว่าตนเอง
พอกลับมาถึงฟาร์มปลา วินนี่ก็มารอรับที่ท่าเรือพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วถามขึ้น “กลับมาเร็วจังคะ? โซมาเลียสนุกไหมคะ?”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วตอบกลับ “ว่าไง ผมแค่ไปเที่ยวนิดหน่อยเอง จะไม่ให้เร็วได้อย่างไรล่ะ? ผมเที่ยวในโซมาเลียได้ไม่เท่าไร แล้วก็ไปชอปปิ้งในโมกาดิชูแค่นั้นเอง คุณทายสิว่า ผมซื้อของขวัญอะไรมาให้คุณ?”
“คำทักทายจากโจรสลัดเหรอ?” วินนี่ยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพียงแต่เบ้าตาแดงเล็กน้อยเท่านั้นเอง
ฉินสือโอวยังคงกำปั้นทุบดิน ทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วตอบว่า “คำทักทายจากโจรสลัดอะไรเหรอ?”
วินนี่เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งให้ฉินสือโอวดู ข้างในเป็นทวิตเตอร์ของเบลค ด้านบนก็มีรูปอยู่อัลบั้มหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือรูปที่ฉินสือโอวกำลังเปลี่ยนกระสุน AK-74 อยู่ แล้วก็มีปลอกกระสุนสีเหลืองหม่นตกกระจายอยู่เต็มพื้นบริเวณเท้า
แล้วข้อความบนทวิตเตอร์ก็เมนชั่นว่า “@แบล็คฮอคฟอลดาวน์ ครั้งนี้ ‘อินทรีทะเลผงาด’ เจอโจรสลัดโจมตีอย่างกะทันหันที่โมกาดิชู ผมและพวกของผมได้ร่วมกันสู้ยิบตาในสงครามนองเลือด จนสุดท้ายพวกมันก็หนีหางจุกตูดไปเลย”
แล้วฉินสือโอวก็ค่อยๆ ยื่นโทรศัพท์คืน ไอ้โพสต์โมเมนต์ไม่เป็นใจเอ๊ย!
บทที่ 1098 สวนดอกไม้ในฟาร์มปลา
วินนี่โกรธมากกับพฤติกรรมและการกระทำของฉินสือโอว “คุณเห็นฉันกับเถียนกวาเป็นอะไร? ก่อนที่คิดจะทำอะไรลงไป คุณเคยคิดถึงพวกเราก่อนบ้างไหม? ทำไมคุณถึงดื้อดึงเอาแต่ใจขนาดนั้น คุณไปทำอะไรที่โมกาดิชูเหรอ? คุณรู้บ้างไหมว่าตอนที่คุณไปฉันเป็นห่วงคุณมากขนาดไหน? แล้วคุณรู้บ้างไหมว่าตอนที่ฉันเห็นข้อความนั้นแล้วฉันกลัวขนาดไหน?”
ฉินสือโอวสวมกอดวินนี่ จริงๆ แล้วเขาก็พูดไม่ออกเหมือนกันว่าทำไมถึงไปทั่วทิศทั่วแดนอย่างนั้น จากที่เขาอยู่ที่เกาะแฟร์เวล ก็มีเงินใช้ไม่ขาดมืออยู่แล้ว แต่เขาก็ยังคงไปตกปลาทูน่าที่ชายหาดน้ำตื้นจอร์จ จับล็อบสเตอร์ที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ ไหนครั้งนี้จะไปที่โซมาเลียอีก
แล้วถ้าถามหาเหตุผลจริงๆ จากเขา ก็คงจะเป็นอาการกระสับกระส่ายอยู่เฉยๆ ไม่ได้ของผู้ชาย
เขาเป็นผู้ชายที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งในตนเอง เขาเสพความสงบสุขแห่งเกาะแฟร์เวลดินแดนสุขาวดีจนอิ่ม พอเวลาผ่านไป เขาก็อยากออกไปหาสถานที่ที่เร้าใจสักหน่อย หรือพูดอีกอย่างก็คือ โลกอันกว้างใหญ่ไพศาลทำให้เขาอยากออกไปสำรวจดู
และก่อนที่เขาจะเจอกับพวกโจรสลัด ถึงเขาจะหาเหตุผลต่างๆ นานา มาเพื่ออธิบายว่าทำไมตัวเองกับเหล่าทหารกล้าถึงต้องยืนหยัดต่อสู้ด้วยใจที่แข็งแกร่งขนาดนั้น แต่เหตุผลที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ เขาชินกับการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมานาน เขาจึงหวังที่จะหาประสบการณ์เลือดร้อนพลุ่งพล่านให้กับตัวเอง
หรือจะให้พูดง่ายๆ ก็คือเขาเป็นคนเลือดร้อน
วินนี่ที่ถูกฉินสือโอวกอดไว้ในอ้อมแขน สุดท้ายหยดน้ำตาในเบ้าตาที่กลั้นเอาไว้ไม่อยู่ก็หลั่งไหลลงมา
ฉินสือโอวกอดวินนี่แน่นไว้ในอ้อมแขน พร้อมกับกระซิบว่า “ต่อไปผมจะไม่ไปมั่วซั่วอีกแล้ว ผมจะคอยอยู่ข้างๆ คุณกับลูกสาว จะไม่ไปไหนอีก แล้วก็จะไม่ไปสถานที่อัปมงคลอย่างโซมาเลียอีกแล้วนะ”
วินนี่เงยหน้าพร้อมกับพูดทั้งน้ำตาคลอเบ้า “ฉันไม่ได้ต้องการให้คุณมาตัวติดอยู่กับฉันหรอกนะ ฉิน เพียงแต่เวลาคุณจะไปไหนไปทำอะไร ช่วยบอกฉันให้ชัดเจนทีได้ไหม? ตอนนี้ที่ฉันรู้สึกคือ ฉันให้สเปซคุณน้อยเกินไป จนทำให้คุณอึดอัดเลยอยากจะหนีไปจากฉันกับลูกสาว”
พอได้ยินประโยคนี้ จังหวะการเต้นหัวใจของฉินสือโอวก็พลันเต้นช้าลง พูดตามตรง เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย
ฉินสือโอวจึงรีบดึงเธอเขามากอดอย่างไว พร้อมกับจูบลงไปตรงหน้าผากของเธอเบาๆ “ไม่ๆ ไม่ใช่อย่างนั้น ที่รัก คุณอย่าคิดอย่างนั้น นิสัยผมมันอาจจะพลุ่งพล่านไปหน่อย ผมรักคุณ รักคุณมากกว่ารักตัวเองซะอีก! ทำไมคุณถึงได้คิดอย่างนั้นล่ะครับ? ต่อไปอย่าคิดมากอีกนะโอเคไหม?”
พอพูดถึงตรงนี้ ก็เหมือนมีประกายแสงแวบเข้ามาในหัวสมอง แล้วเขาก็มองวินนี่อย่างไม่ละสายตา “ที่รัก พวกเราแต่งงานกันดีไหม? คุณแต่งมาอยู่กับผม มาเป็นภรรยาผม แล้วก็มาเป็นแม่ของลูกสาวผม ดีไหม?”
ลูกสาวก็เกิดแล้ว ฉินสือโอวเลยคิดว่าวินนี่ก็คงจะตอบตกลงในการขอแต่งงานของเขาอย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ลูกตาดำของวินนี่ก็เป็นประกาย ส่วนน้ำตาก็หยุดไหลในทันที และใบหน้าอันสวยงามของเธอก็เผยถึงความสุขความดีใจออกมา แต่เธอก็กลับมาทำหน้าบึ้งและพูดอย่างไม่พอใจว่า “มาขอแต่งงานเวลานี้เนี่ยนะ? ไม่ ตอนนี้ฉันไม่ถูกใจกับท่าทีของคุณ ฉันไม่แต่งกับคุณหรอก!”
ที่ฉินสือโอวขอแต่งงานในตอนนี้ก็เพราะบรรยากาศพาไป อันที่จริงนั้นเขาเตรียมการขอแต่งไว้เรียบร้อยแล้ว สถานที่ก็ไม่ใช่ที่ท่าเรือด้วยซ้ำ แต่อยู่ที่คริสทัลพาเลซใต้ทะเล แต่ถ้าวินนี่ตอบตกลงที่จะแต่งกับเขาที่นี่ นั่นก็จะทำให้เขาดีใจมาก
น่าเสียดายที่วินนี่โกรธเขาอย่างเอาจริงเอาจังที่ปิดบังเธอเกี่ยวกับเรื่องที่โมกาดิชู แต่ไม่ว่าจะด้วยอารมณ์โมโหหรือเพราะเหตุผลใดก็ตาม เธอก็ยังคงไม่ตกลงแต่งงานกับฉินสือโอวเหมือนเดิม
กระนั้นฉินสือโอวกลับสบายใจที่การขอแต่งงานที่ท่าเรือไม่ได้ผล เพราะสถานที่ในการขอแต่งงานที่เขาวาดฝันไว้คือที่คริสตัลพาเลซ
แต่ถึงแม้จะมีคำขอแต่งงานของเขาแล้ว วินนี่กลับไม่ได้ยกโทษให้เขาทั้งหมด หลังจากนั้นเธอก็ทำหน้ามุ่ยไม่สนใจใส่ฉินสือโอวทั้งวัน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ปฏิเสธอ้อมกอดของเขา
ในเมื่อวินนี่รู้เรื่องโจรสลัดแล้ว เหล่าทหารกล้าก็ไม่ต้องปิดบังอะไรแล้ว ฉินสือโอวเลยให้พวกเขาพักหยุดระยะสั้น ทหารกล้าพวกนี้เลยพากันไปเที่ยวบาร์ และพากันทั้งดื่มทั้งถุยน้ำลายคุยโวโอ้อวดกันยกใหญ่ “แม่งเอ๊ย ตอนที่เรือโจรสลัดเข้ามาใกล้นะ ฉันเนี่ยอยู่หน้าสุดเลย ฉันน่ะกล้าพนันได้เลยนะ ว่าถ้าตอนนั้นฉันถ่มน้ำลายใส่หน้าพวกสวะนั่นได้ฉันคงถ่มใส่ไปแล้วว่ะ!”
“ส่วนฉันน่ะเหรอ? ตอนที่พวกโจรสลัดล็อตแรกขึ้นมาบนเรือ ฉันเนี่ยแม่งอยู่ตรงก้นของพวกมันพอดี แถมยังได้กลิ่นเหมือนอึออกมาจากกางเกงพวกมันด้วยนะเว้ย!”
“แต่ปืนนัดนั้นของนีลเซ็นก็ถือว่าไม่เลวเลยนะ ยิงได้สวยมากเพื่อน ยกให้นายหนึ่งแก้ว!”
“แน่นอน แน่นอน ผมคือสไนเปอร์มือดีที่สุดของแคนาดาเลยนะ! อีกทั้งตอนนั้นที่เบิร์ดมาบอกให้ผมยิงหางเสือของพวกมันให้แตกกระจุย ผมก็รู้เลยว่า ได้เวลาโชว์ฝีมือกันหน่อยแล้ว!”
“แต่เบิร์ดก็ใช่ย่อยนะ หรือเพราะโจรสลัดโง่ไม่ก็ประมาทจนได้โดนเขาหลอกให้ขึ้นเรือมาบนพวกเรา ช่างน่าขำสิ้นดี”
“ดังคำที่พระเจ้าว่าไว้ อยากให้เขาตาย ต้องทำให้เขาบ้าก่อน โจรสลัดพวกนั้นก็มีแต่คนบ้า”
เบิร์ดที่กำลังถือขวดเบียร์อยู่ก็หัวเราะกับการฟังพวกเขาคุยโวกัน พลางจิบเบียร์คำเล็กๆ อยู่บ่อยๆ พร้อมกับแสดงท่าทีดูไม่ใส่ใจ
ทั้งวินนี่ ชาร์คและพวกชาวประมงต่างก็รู้ดีว่าที่เหล่าทหารกล้าพูดเป็นความจริง อีกทั้งพวกชาวประมงและคนอื่นๆ ที่อยู่ในบาร์ต่างก็รู้ด้วยเช่นกันว่าเรื่องนี้เป็นความจริง ดังนั้นจึงล้อมวงเข้ามาฟังกันอย่างเมามัน ถึงพวกเขาจะไม่ได้ไปปะทะกับพวกโจรสลัดด้วยตัวเองก็ตาม
แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะให้ท้ายเหล่าทหารกล้าแล้วดูถูกโจรสลัดมากจนเกินไป เพราะพวกเขาก็เป็นดั่งลูกหลานของโจรสลัดไวกิ้ง
บาร์เทนเดอร์นีลเลยออกปากว่า “ที่พวกคุณเจอก็แค่โจรกระจอก พวกนั้นไม่ใช่โจรสลัดจริงๆ เลยด้วยซ้ำ ถ้าพวกคุณได้เจอโจรสลัดของแท้นะ ป่านนี้คงไม่ได้มานั่งสบายกันอยู่ตรงนี้หรอก”
และพวกทหารที่ต่างก็จะมีอารมณ์รุนแรง ยิ่งแบล็คไนฟ์ดื่มเบียร์เข้าไปยิ่งทำให้อารมณ์รุนแรงขึ้นไปอีก พอได้ยินที่นีลพูด ก็จ้องเขม็งแล้วพูดว่า “แล้วแกว่าโจรสลัดตัวจริงเป็นใครกันล่ะ?”
“นาวิกโยธินสหรัฐรึเปล่า?” เสียงหนึ่งสอดแทรกขึ้นมา
จากนั้นเหล่าทหารกล้าก็พากันหันขวับ มองไปยังฉินสือโอวที่กำลังเดินเข้ามา
คำพูดของเขานำมาซึ่งเสียงหัวเราะคึกคัก เหล่าทหารต่างก็พากันหัวเราะขึ้นมา เพราะพวกเขาอยู่ในกองทัพบกสหรัฐ อีกทั้งทัพบกสหรัฐกับนาวิกโยธินต่างก็ไม่ชอบหน้ากัน ด้วยเหตุนี้นาวิกโยธินจึงถูกหยิบเอามาล้อในวงเหล้า แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ ก็สนุกสนานกันเป็นอย่างมาก
เบิร์ดยกขวดเบียร์ขึ้นมาแล้วพูดว่า “ผมอยากให้เรายกเพื่อเป็นการเคารพบอสสักหนึ่งแก้วกันครับ ตอนนั้นเขาแมนสุดๆ ไปเลย แถมเขายังเป็นบอสที่แมนที่สุดที่ผมเคยเจอมาเลย!”
แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ ต่างก็พากันยกขวดขึ้นและส่งเสียงเชียร์ดังสนั่นหวั่นไหว “แด่บอสผู้หาญกล้า!”
ฉินสือโอวนั่งลงบนเก้าอี้สูงแล้วหันไปพูดกับทุกคน จากนั้นจึงเรียกชาร์คมาแล้วพูดขึ้น “ผมแพลนว่าจะใช้โอกาสฤดูใบไม้ผลินี้จัดสวนดอกไม้ที่ฟาร์มปลา อืม สวนแบบที่ดูเป็นทางการ อย่างน้อยก็ให้สามารถมาเติมเต็มพื้นที่ของฟาร์มปลาแต่ก่อนได้”
เพราะคำพูดของวินนี่ทำให้เขาตระหนักได้ว่า เขานั้นยังดูแลเอาใจใส่คนรักได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าฤดูใบไม้ผลินี้จะไม่ไปไหน จะอยู่ที่ฟาร์มปลาอย่างว่านอนสอนง่าย และทำสวนดอกไม้ที่วินนี่เฝ้ารอมาตลอด ซึ่งนี่ก็คงจะดึงเวลาไปทั้งปี
ชาร์คลูบท้ายทอยตัวเอง แล้วพูดขึ้น “บอส คุณรู้ว่าผมไม่มีวัฒนธรรม แต่ก็ใช้ชีวิตมาได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ถ้าจะให้มาออกแบบสวนดอกไม้ผมไม่ถนัดนะครับ”
ฉินสือโอวมองบนและพูดว่า “นี่ยังต้องให้นายพูดเหรอ? ฉันรู้อยู่แล้วล่ะน่า ฉันก็แค่บอกนาย เพราะเวลาที่เหลือฉันคงใช้อยู่แต่กับสวนดอกไม้ เรื่องในฟาร์มปลาก็คงต้องให้นายจัดการแล้วล่ะ นายช่วยดูแลให้ฉันด้วยแล้วกัน”
ชาร์คโล่งอกแล้วตอบกลับ “ตรงส่วนนี้ให้คุณสบายใจได้เลยครับบอส ฟาร์มปลาให้เป็นหน้าที่ของผม ไม่มีปัญหาแน่นอน”
ส่วนเรื่องการออกแบบสวนดอกไม้นั้น ฉินสือโอวยกให้เป็นหน้าที่ของเออร์บัก เพราะเขามีเพื่อนเก่าคนหนึ่งที่เป็นไพ่ใบเด็ดของสถาบันวางแผนและออกแบบแห่งควิเบก ซึ่งก็แน่นอนว่าเขานั้นปลดเกษียณแล้ว แต่เออร์บักพูดอย่างมั่นใจว่าจะให้เขามาออกแบบสวนดอกไม้ที่ฟาร์มปลาให้
ซึ่งถ้าสามารถเชิญท่านผู้นี้มาได้ สวนดอกไม้ในฟาร์มปลาคงจะสวยไม่น้อย เพราะเขาคือผู้ที่ออกแบบสวนสาธารณะควีนอลิซาเบธกับสวนบูชาร์ดและสวนระดับโลกอื่นๆ อีกมากมาย
บทที่ 1099 วินนี่ผิวปาก
ฉินสือโอวที่กลับมาจากโมกาดิชูครั้งนี้กลายเป็นคนว่านอนสอนง่ายซะสนิท ส่วนเออร์บักก็ติดต่อกับนักออกแบบที่เป็นไพ่ใบเด็ดของสถาบันวางแผนและออกแบบแห่งควิเบก นามว่าคุณอันเดร์ คาร์เพนโก เพื่อมาช่วยเขาออกแบบสวนดอกไม้แห่งนี้
พื้นที่สวนดอกไม้ในฟาร์มปลาของฉินสือโอวไม่ถือว่าใหญ่ แต่ก็ไม่นับว่าเล็กไป ประเด็นหลักเลยคือเส้นฝั่งทะเลที่ดูทอดยาวติดต่อกันอย่างไม่ขาดสาย แต่จริงๆ แล้วความลึกตามยาวของฟาร์มปลานั้นไม่ได้ใหญ่เลย มีเพียงประมาณหนึ่งกิโลเมตรเท่านั้น
แล้วเส้นฝั่งทะเลก็ยาวติดต่อกันได้ยี่สิบกิโลเมตรพอดี ส่วนสวนดอกไม้ตรงนั้นก็มีพื้นที่อย่างน้อยสิบยี่สิบตารางกิโลเมตร
เพราะสวนดอกไม้ได้กำหนดไว้ว่าเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่แคบและยาว ดังนั้นในการจัดสวนจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าไม่ใช่นักออกแบบผู้มีชื่อเสียงโด่งดังที่เออร์บักติดต่อมา ฉินสือโอวคงไม่กล้ามอบหมายฟาร์มปลาให้เขา
และก็แน่นอนว่า ถ้าไม่ใช่เพราะเออร์บักออกหน้าให้ เขาก็คงไม่ได้มาออกแบบให้ฉินสือโอว เพราะอันเดร์ คาร์เพนโก คือปรมาจารย์การออกแบบสวนไม้ดอกและสวนสาธารณะชื่อดังระดับโลก และถ้าพูดถึงตำแหน่งของเขาก็คือศิลปินอาชีพ ไม่ใช่นายช่างจัดสวนทั่วไป
หลังจากปลดเกษียณแล้ว อันเดร์ก็หันไปให้ความสนใจกับป่าเขาอย่างเต็มที่ และไม่รับงานออกแบบอีกเลย นี่เพียงเพราะเออร์บักเพื่อนเก่าเพื่อนแก่รบเร้าให้เขาออกจากป่ามา ซึ่งเขาก็ไม่อยากจะต้องทำให้เพื่อนเก่าขายหน้า
หลังจากที่เออร์บักโทรศัพท์ไปหาอันเดร์แล้ว พอปลายสายตอบตกลงก็รีบนั่งเครื่องบินมานครเซนต์จอห์นในทันที
ฉินสือโอวเตรียมพร้อมที่จะขับเฮลิคอปเตอร์ไปรับ แต่ชายแก่กลับให้เขาขับเรือไปรับแทน เพราะอยากจะนั่งเรือรอบเกาะแฟร์เวลสักสองสามรอบ เพื่อสำรวจดูลักษณะเฉพาะของหมู่เกาะคร่าวๆ ว่าตรงกับแผนที่คิดไว้ในใจหรือเปล่า
พอได้ยินว่าฉินสือโอวจะสร้างสวนดอกไม้สวยๆ วินนี่ถึงค่อยยิ้มออกมาอย่างสดใส และยิ่งได้ยินว่านักออกแบบอย่างอันเดร์ คาร์เพนโกจะมาออกแบบให้ ใบหน้าที่สวยงามของเธอก็ยิ้มออกมาราวกับพระอาทิตย์ที่สว่างสดใส พร้อมกับกอดฉินสือโอวและพูดด้วยเสียงอ่อนเสียงหวานว่า “ที่รัก คุณสุดยอดมากเลยที่เชิญคุณอันเดร์มาได้ ฉันยังรักคุณเหมือนเดิมนะคะ”
จากนั้นฉินสือโอวก็กระแอมขึ้นหนึ่งที แล้วถกเสื้อแขนขึ้นเพื่อให้วินนี่ดูแขนของเขา
วินนี่จูบลงไปหนึ่งที และพูดอย่างมีความสุขว่า “กล้ามก็แข็งปึก ผู้ชายของฉันนี่สุดยอดจริงๆ”
ฉินสือโอวเลยพูดขึ้น “ไม่ใช่อย่างนั้น ผมจะให้คุณดูผื่นให้ผม ขึ้นเต็มแขนเลยเนี่ย”
ทันใดนั้นคิ้วที่โค้งโก่งได้รูปของวินนี่กลับตรงทื่อ “งั้นคุณไปเลยไป รีบไปรับคุณอันเดร์ ไม่อย่างนั้น ฉันจะทรมานลูกสาวคุณ!”
ฉินสือโอวอุ้มลูกสาวที่กำลังคลานเล่นอยู่กับหางของเจ้าหลัวปออย่างสนุกสนานอยู่บนโซฟาขึ้นมา พร้อมกับพูดพลางมองไปทางวินนี่ “จำยัยปีศาจคนนี้ไว้ให้ดีนะลูก เธอจ้องจะทรมานลูกอยู่ ถ้าในอนาคตลูกโตขึ้น ลูกต้องเอาคืนเธอให้ได้เลยนะ!”
แต่เสี่ยวเถียนกวารักแม่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด เช่นตอนเธอคลานไปมาแล้วไม่เห็นแม่ก็จะแล้วไป แต่พอฉินสือโอวอุ้มขึ้นมาอย่างนี้ เธอมองเห็นแม่อยู่ข้างๆ ก็รีบยื่นแขนน้อยๆ ออกมาแล้วร้องอ้อแอ้ต้องการให้วินนี่อุ้ม
ฉินสือโอวแอบหัวเสียกับเจ้าตัวที่ไม่ให้ความร่วมมือ แต่แล้วก็พยายามอุ้มเธอเอาไว้ จากนั้นสาวน้อยก็แบะปากเล็กๆ เนื้อแน่นๆ ของเธอ พร้อมกับหลับตาลงและเริ่มตะเบ็งเสียงร้องไห้ออกจากลำคอ
วินนี่ทำท่าเหมือนเป็นผู้ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ หลังจากรับเสี่ยวเถียนกวามาอุ้ม เธอก็พูดขึ้นว่า “ดูสิ คุณโดนคนที่บ้านเมินแล้ว ชอบไปนู่นไปนี่ดีนัก ลูกไม่ชอบคุณแล้วเนี่ย”
ฉินสือโอวจึงตอบกลับด้วยความคับแค้นใจไปว่า “ถึงอย่างไรผมก็ยังมีหู่จือ เป้าจือ ผมยังมีแคลร์และพวกเด็กๆ ของผม”
แล้ววินนี่ก็มองเขาอย่างน่าสงสาร และถามว่า “คุณคิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอคะ?”
เธอเอานิ้วแตะไว้ตรงริมฝีปากและผิวปากจนเกิดเสียงดังกังวาน จากนั้นหู่จือเป้าจือที่กำลังตีกันอยู่ที่สนามหญ้าก็สะบัดหูและวิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้นดีใจ ส่วนด้านหลังนั้นคือฉงต้าที่จูงมือต้าป๋ายและแบกแมวป่าไว้บนบ่า บุชและนิมิตส์ที่ไม่ได้ออกไปข้างนอกก็ตีปีกและบินโฉบลงมา
สุดท้าย อินทรีทองแคลร์ที่เหมือนกับแม่ไก่ตัวน้อยก็วิ่ง ‘ตุงๆ’ เข้ามา ฉินสือโอวเลยรีบคุกเข่าลงกางแขนทั้งสองข้างออกเพื่อทำท่ากอด
แคลร์น้อยเห็นดังนั้นก็รีบเบรกทันที แล้วแหงนหน้ามองดูเขาด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็วิ่งอ้อมไปหาวินนี่ด้วยสองขาที่บึกบึน พร้อมกับกระโดดด้วยความดีใจอยู่ตรงขาของเธอ เพราะต้องการให้เธออุ้ม
ที่ตลกร้ายไปกว่านั้นก็คือ แม้แต่มาสเตอร์ที่นอนอาบแดดอยู่ด้านนอก พอได้ยินเสียงผิวปากของวินนี่ ก็รีบสะบัดตูดคลานต้วมเตี้ยมเข้ามาในห้อง และดูจากทิศทางนั้น ก็รู้ได้เลยว่าไปหาวินนี่
ฉินสือโอวโดดเดี่ยว แต่ทางวินนี่นั้นมีกอดอยู่ในอกสองตัว และบินอยู่บนหัวอีกสองตัว อยู่รอบๆ ตัวเธออีกกองหนึ่ง พูดง่ายๆ ก็คือทุกตัวห้อมล้อมแต่เธอ
ฉินสือโอวโดดเดี่ยวผู้น่ารัก เขามองซ้ายแลขวา จนสุดท้ายทำได้เพียงดึงมาสเตอร์มาอยู่ข้างๆ และนั่งทับลงบนกระดองเพื่อให้คอยอยู่เป็นเพื่อนตัวเอง
แต่มาสเตอร์นั้นมีพละกำลังเยอะมาก โดยเฉพาะหลังจากที่โดนพลังโพไซดอนปรับเปลี่ยน จนเกือบจะเหมือนพี่ใหญ่ในมังกรทั้งเก้า
ซึ่งถึงแม้ฉินสือโอวจะนั่งทับอยู่ข้างบน แต่มันก็พยายามที่จะคลานออกไปยังทางที่วินนี่อยู่
“แกนี่ยึดมั่นถือมั่นมากเลยนะ” ฉินสือโอวร้องไห้แม้ไม่มีน้ำตาให้กับตัวเองที่ถูกทิ้งให้อยู่อย่างเดียวดาย!
แล้ววินนี่ก็ทำปากจู๋ผิวปากอีกครั้ง เพื่อนตัวน้อยเลยพากันมานั่งข้างวินนี่อย่างว่านอนสอนง่าย หู่จือเป้าจือมองฉินสือโอวด้วยความแปลกใจ ฉินสือโอวจึงโบกมือให้ พวกมันลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไปนั่งข้างวินนี่อยู่ดี
คราวนี้ฉินสือโอวร้องไห้จริงๆ เขาถามวินนี่ว่า “ผมถามหน่อย คุณไปเรียนผิวปากมาตอนไหนเนี่ย?”
วินนี่ยักไหล่ พร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข “พอคุณไปโมกาดิชูแล้ว ฉันก็พาหู่จือและเป้าจือไปขึ้นศาลอีกครั้ง เพื่อช่วยวัยรุ่นคนหนึ่งที่ได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจ เพราะตามข้อกำหนดของกฎหมายนั้น ฉันไม่สามารถพูดคุยในขณะที่อยู่ในศาลได้ และเพื่อสื่อสารกับหู่จือเป้าจือ ครูฝึกสุนัขท่านหนึ่งเลยสอนฉันผิวปากน่ะ”
“แต่ก็คิดไม่ถึงอยู่นะ ว่าพวกเด็กๆ จะฉลาดกันได้ขนาดนี้ ฉันแค่ผิวปากสองครั้งพวกมันก็ฟังรู้เรื่องแล้ว จากนั้นฉันเลยผิวปากเรียกเวลาให้อาหารพวกมันหรือกระทั่งเวลานอน” วินนี่ยักไหล่อีกครั้งและพูดว่า “หรือจะโทษฉันเหรอ?”
แต่ที่แท้ลูกชายสุดที่รักหู่จือเป้าจือ ที่ในตอนแรกไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น ผ่านไปสักพักพอเห็นสีหน้าเศร้าโศกของฉินสือโอว พวกมันก็เหมือนจะเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งสองจึงรอจังหวะที่วินนี่ไม่สนใจแล้ววิ่งเข้าไปกอดขาฉินสือโอว และเลียไปที่มือของเขาเป็นการปลอบใจ
แต่พอวินนี่กลับมา พวกมันก็รีบลุกออกจากฉินสือโอวและวิ่งกลับไปที่เดิม…
สุดท้ายวินนี่จึงจูบปลอบโยนเขาไปหนึ่งที พร้อมกับเตือนเขาว่า “ตอนนี้ทั้งลูกสาวและพวกเด็กๆ ของคุณต่างก็ตกอยู่ในกำมือของแม่ใจร้ายคนนี้แล้ว ต่อไปถ้าคุณทำให้ฉันโกรธล่ะก็ ฉันจะหาพ่อเลี้ยงใหม่ให้พวกเขา!”
ฉินสือโอวได้ฟังก็โมโหขึ้นมาทันที จึงจะลากวินนี่เข้าห้องเพื่อสั่งสอนเธอให้รู้เสียบ้าง แต่วินนี่รู้ว่าเขามีเจตนาจะทำอะไร เธอจึงยิ้มหวานใส่และวิ่งหนีไป ส่วนฝูงสัตว์โลกผู้น่ารักที่เรียงแถวตามมาอยู่ด้านหลังก็นึกว่ามีเรื่องสนุก แต่ละตัวก็พากันกระโดดโลดเต้นอย่างสนุกสนานตามหลังไปติดๆ
ส่วนเสี่ยวเถียนกวาที่ถูกวางทิ้งไว้บนโซฟา เธอกะพริบดวงตากลมโตสีดำขลับปริบๆ จนในที่สุดก็รู้ตัวว่าตัวเองโดนทิ้ง ทันใดนั้นเธอก็พลิกตัวด้วยความโกรธ แขนและขาเล็กๆ ของเธอก็สะบัดและถีบไปทั่วอย่างแรงจนเหมือนกับท่าว่ายน้ำ แล้วไถลบนโซฟาผิวเรียบลื่น
ฉินสือโอวที่บังเอิญหันไปเจอพอดิบพอดี เขาถึงกับร้องขึ้นด้วยความงงว่า “โอ้โห ลูกสาวผมอัจฉริยะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย? เธอคลานได้แล้วเหรอเนี่ย?!”
วินนี่ที่หลบอยู่ตรงบันไดก็มองดูด้วยความประหลาดใจ พอเห็นลูกสาวที่ไถลอยู่บนโซฟาคล้ายกับว่ายน้ำ พลันก็ยิ้มขึ้นมาด้วยความดีใจ “นี่ไม่ใช่คลาน แต่เธอก็ใกล้จะคลานได้แล้วล่ะ ขอแค่สองแขนสองขาเธอมีแรงมากกว่านี้อีกหน่อยก็คลานได้แล้ว!”
บทที่ 1100 นักออกแบบมาถึงแล้ว
การเติบโตที่แข็งแกร่งของลูกสาวช่วยปลอบประโลมหัวใจที่ได้รับบาดเจ็บของฉินสือโอว แม้จะยังไม่ถึงสามเดือนแต่เธอก็สามารถไถลตัวเองไปตามพื้นผิวที่เรียบมันได้แล้ว การเจริญเติบโตที่รวดเร็วเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
อย่างที่รู้ๆ กันว่า แม้แต่ลูกชายตัวอ้วนของตระกูลบูล ยังพลิกตัวไม่ได้เลย ซึ่งนั่นก็ทำให้บูลกังวลใจเป็นอย่างมาก
ฉินสือโอวหอมลูกสาวอย่างแรงอยู่สองสามครั้ง ใบหน้าเล็กๆ ของเสี่ยวเถียนกวาที่ถูกหนวดเคราทิ่มแทงรู้สึกเจ็บมาก เธอโบกสะบัดมือเล็กๆ ของเธอเพื่อปัดหน้าเขาออก พร้อมกับร้องอ้อแอ้ แล้วใบหน้าเล็กๆ ของเธอก็เต็มไปด้วยความโมโห เหมือนกับไก่น้อยขี้โมโหตัวหนึ่ง
พอทำให้ลูกสาวเจ็บได้ ฉินสือโอวกลับดีใจ จากนั้นเออร์บักก็เข้ามาบอกเขาว่าเครื่องของอันเดร์กำลังจะมาถึงแล้ว เขาค่อยขับเรือยอชต์ออกไปรับอย่างอิ่มอกอิ่มใจ
อันเดร์ คาร์เพนโกนั้นเป็นลูกหลานของผู้อพยพชาวโซเวียต เพราะเมื่อตอนเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง พ่อแม่ของเขาประสบความทุกข์ยากต่างๆ นานา จึงต้องลักลอบข้ามแม่น้ำจากโซเวียตมายังแคนาดา ซึ่งเป็นประเทศที่มีบรรยากาศทางการเมืองสงบสุขอย่างที่พวกเขาตามหา
การที่นักออกแบบอันเดร์ได้รับอิทธิพลมาจากพ่อแม่ นั้นทำให้เขาชอบของที่ดูสวยงามสบายตาอย่างดอกไม้ใบหญ้ามาตั้งแต่เด็ก ซึ่งความสนใจนี้แหละเป็นครูที่ดีที่สุด เขาไม่เคยเข้าเรียนมหาลัยติดอันดับเลย เพราะหลังจากที่เขาหยุดเรียนมัธยมปลายเขาก็ไปเป็นนักจัดสวนที่สวนแห่งหนึ่งในมอนทรีออล
ต่อมาจากการที่เรียนรู้ด้วยตัวเองบวกกับพรสวรรค์ที่มากล้น ทำให้นักจัดสวนตัวเล็กๆ อย่างเขาค่อยๆ เติบโตไปทีละก้าว จนสุดท้ายสามารถก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของอุตสาหกรรมออกแบบการทำสวนของทั้งแคนาดา อีกทั้งประสบการณ์ในวิชาชีพของเขาก็เต็มไปด้วยพลังบวก จึงยิ่งทำให้คนเลื่อมใสเขามากขึ้นไปอีก
ในภาพจินตนาการของฉินสือโอว นักออกแบบคนนี้จะต้องเหมือนกับเออร์บักแน่ๆ ไม่ว่าจะหนวดเคราที่พลิ้วสลวย ทรงผมเนี้ยบเรียบร้อย ใส่เชิ้ตสวมสูทตลอดเวลา บวกกับมีกลิ่นอายความเป็นอาร์ทติสอยู่เต็มตัว และมีใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความมีเมตตา
ผลก็คือเมื่อคนที่เขาไปรับมาถึงสนามบิน เออร์บักก็ได้โบกมือขึ้น คนตรงข้ามก็โบกมือตอบ คนคนนั้นสูงไม่ถึงร้อยเจ็ดสิบด้วยซ้ำ ทั้งยังมีร่างกายกำยำ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ และสวมหมวกหนึ่งใบบนหัว และเขาก็ถอดหมวกออก เดาว่าเพื่อคลายร้อน จากนั้นจึงเผยให้เห็นถึงหัวล้านเป็นเงาวาววับของเขา!
ถ้าไม่ดูที่หนวดสีหงอกกับผิวหนังที่หย่อนยานนั้น คนผู้นี้ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนแก่อายุเจ็ดสิบ ร่างกายที่เต็มไปด้วยความฮึกเหิมและดูมีชีวิตชีวาในการทำงานจนทำให้วัยรุ่นติดเกมกับเมาสุราเคล้านารีไปวันๆ ยังต้องละอายที่ไม่อาจเปรียบเทียบได้
และก็แน่นอน ไม่ว่าเขาจะดูเหมือนอายุเท่าไหร่ก็ตาม ยังไงก็ดูไม่เหมือนปรมาจารย์แห่งการจัดสวนระดับสูงของแคนาดาเลยสักนิด ถ้าบอกว่าเป็นสมาชิกแก๊งมาเฟียรัสเซียยังจะน่าเชื่อกว่า
เออร์บักเข้าสวมกอดกับเขาด้วยความดีใจ แล้วปรมาจารย์แห่งการจัดสวนร่างกายกำยำก็ตะโกนเสียงดังกังวานว่า “เพื่อนเก่าแก่สุดที่รักของฉัน ไม่เจอกันนานเลยนะ! พวกเราไม่ได้นั่งดื่มด้วยกันมานานแค่ไหนแล้วล่ะ? อ๋อ ก็น่าจะ เอิ้ก ประมาณหลายเดือนอยู่ใช่ไหม? เฮ้ย ฉันเนี่ยมันก็แก่แล้ว ความจำก็เริ่มถดถอยลงแล้วเนี่ย”
โดยส่วนมากแล้วเออร์บักจะอยู่ที่เกาะแฟร์เวลซะส่วนใหญ่ แต่ทุกเดือนเขาก็มีออกไปต่างจังหวัดบ้างสองสามครั้ง เขาไปทั่วทุกสารทิศ เลยถือโอกาสเยี่ยมเยียนเพื่อนเก่าไปด้วย
และถ้าพูดถึงคนรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขา เพื่อนเก่าบางคนหลังจากเจอกันแล้วก็มักจะลาจากตลอดกาล!
ดังนั้นทุกครั้งที่กลับมาพบกันอีก พวกคนแก่ก็จะดีใจมากจนหาอะไรมาเปรียบไม่ได้เลย คนโซเวียตกอดเออร์บักแน่น รอยยิ้มนุ่มลึกบนใบหน้าใหญ่ๆ ของเขา ทำให้ดูเหมือนชายหนุ่มกำลังกอดอยู่กับหวานใจสาวสวยและไม่คิดจะปล่อยมือ
เออร์บักก็เช่นเดียวกัน ถึงเขาจะยิ้มอ่อนๆ แต่แรงในการกอดของเขาก็ไม่ได้น้อยไปกว่าคนโซเวียตเลย
ผู้คนที่เดินออกมาจากสนามบินเมื่อเห็นสองคนนี้ ใบหน้าของพวกเขาก็แสดงถึงความปลื้มปีติยินดีด้วย ซึ่งฉินสือโอวเดาว่าพวกเขาต้องคิดว่าสองคนนี้เป็นคู่ขาเก่ากันแน่ๆ ดังนั้นเขาจึงต้องยืนห่างออกมาเล็กน้อย เพื่อให้เขาคนสองพลอดรักกันให้เสร็จก่อน
พอคุณผู้ชายทั้งสองท่านรำพึงรำพันกันเสร็จแล้ว เออร์บักก็แนะนำฉินสือโอวให้อันเดร์รู้จัก ฉินสือโอวและเขาจับมือกัน จึงทำให้รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นแก่สมอายุ แถมกำลังมือยังเยอะมากจนน่าตกใจ ได้จับมือกับเขาก็เหมือนจับมือกับอุ้งมือเสือ
“นายคือหลานของตาแก่ฉินใช่ไหม? ดีๆ ดีจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอหลานของตาแก่นั่น” อันเดร์หัวเราะและพูดขึ้น
จากนั้นฉินสือโอวถามขึ้น “คุณรู้จักกับปู่ของผมด้วยเหรอครับ?”
อันเดร์ลูบหัวล้านของเขาและหัวเราะขึ้น “ยิ่งกว่ารู้จักซะอีก ฉันยังเคยโดนเขาต่อยด้วยนะ เหตุผลก็เพราะฉันพาเออร์บักคนนี้ไปเที่ยวผู้หญิง ดังนั้น ตอนนี้ได้เจอนายก็ดีล่ะ ฉันจะได้ต่อยนายคืนเพื่อแก้แค้น”
ฉินสือโอวยิ้มเจื่อน คุณปู่คุณก็เปรียบเสมือนปู่ของผม คุณอย่าใจร้ายนักเลย แต่คุณก็ถือว่าโชคดีมากนะครับเนี่ย ถ้าเป็นคนอื่นมาทำอะไรแบบนี้กับลูกชายผม เขาโดนผมตัดขาอย่างแน่นอน!
ความสัมพันธ์ของเออร์บักกับอันเดร์นับว่าซับซ้อนมาก ตามที่ทนายเก่าอย่างเขาเคยพูดไว้ ทั้งสองเกือบจะได้เป็นญาติกันแล้ว เพราะน้องสาวอันเดร์เคยหลงรักเขามาก่อน แต่ในใจของเขานั้นมีผู้หญิงอีกคนอยู่ จนสุดท้ายไม่รู้ว่าเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น ทำให้เออร์บักครองตัวเป็นโสดตลอดชีวิต
อันเดร์ก็ครองตัวเป็นโสดตลอดชีวิตเช่นกัน
ดังนั้น ฉินสือโอวจึงรู้สึกว่ามีเรื่องเกิดขึ้นมากมายระหว่างสองคนนี้ และคงเป็นเรื่องที่ไม่น่าพูดถึงอย่างแน่นอน
แต่เรื่องที่เขาไม่เข้าใจก็คือ เออร์บักกับอันเดร์สนิทกันมากขนาดนี้ ทำไมถึงไม่เชิญเขาไปที่ฟาร์มปลา?
ติดเครื่องเรือลาดตระเวนก็โต้ลมโต้คลื่นมุ่งสู่มหาสมุทร ไม่นานก็เข้าใกล้เกาะ
ตาเฒ่าหัวล้านยืนอยู่ที่ดาดฟ้าของเรือเพื่อชมเกาะแฟร์เวล หลังจากขับวนหนึ่งรอบเขาก็อุทานออกมาว่า “สวยงาม เป็นสถานที่ที่สวยงามมาก ที่นี่สวยงามมากจริงๆ”
แล้วฉินสือโอวก็พูดเชื้อเชิญขึ้นว่า “ถ้าคุณชอบ งั้นอยู่ที่นี่หลายๆ วันเป็นอย่างไรครับ แล้วก็หวังว่าอนาคตคุณจะมาเป็นแขกที่ฟาร์มปลาของพวกเราบ่อยๆ นะครับ”
เมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนั้นแล้ว ตาแก่ก็หัวเราะออกมา “ก็ดีเลยสิ หลานชาย นายนี่นิสัยดีกว่าไอ้บ้าเออร์บักมากเลยนะเนี่ย ตั้งแต่ฉันรู้จักเขามาเนี่ยนะ ก็รู้สึกว่าเขาดีหมดทุกอย่าง จะมีก็แต่เขาไม่ยอมเชิญแขกไปที่บ้านตัวเองเลยนี่สิ เหมือนปู่ของนายก็จะไม่ชอบเหมือนกัน แต่นายน่ะแตกต่างจากพวกเขามาก”
แล้วเออร์บักก็หัวเราะและพูดแทรกขึ้นมา “ฟาร์มปลาของพวกเรามีความลับเยอะเกินไป เลยไม่สามารถให้ใครรู้ได้”
พอตาแก่ได้ฟังก็หัวเราะขึ้นอีกครั้ง ฉินสือโอวก็หัวเราะไปกับเขาด้วย แต่การหัวเราะของเขาแฝงด้วยความหมายบางอย่าง เขารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มิน่าล่ะเออร์บักไม่เคยเชิญแขกมาที่เกาะเลย มีเพียงแค่ตอนที่ช่วยแฮมเล็ตหาเสียงเท่านั้น ถึงค่อยได้เชิญเฮเซล แมคคัลเลนนายกเทศมนตรีหญิงในตำนานมาที่ฟาร์มปลา เพราะเธอรู้ความลับบางอย่างของฟาร์มปลา
แต่ก็เป็นไปได้ว่า เออร์บักนั้นไม่รู้เกี่ยวกับพลังโพไซดอน แล้วก็เป็นไปได้ว่าเขาไม่ได้รู้ว่าปัญหาของฟาร์มปลานั้นอยู่ที่บุคคล แต่ที่เขารู้แน่ๆ ก็คือฟาร์มปลามีความลับสุดยอดแฝงอยู่จริงๆ ด้วยเหตุนี้เขาเลยพยายามสุดชีวิตเพื่อปกป้องความลับที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้
ชายแก่คนนี้คือบุคคลที่สามารถไว้ใจได้ ฉินสือโอวจึงยิ่งเคารพและศรัทธาปู่ของเขามากยิ่งขึ้นถึงแม้จะไม่เคยเจอกันมาก่อน ต้องเป็นคนสุดยอดขนาดไหนถึงได้สามารถอบรมปลูกฝังให้เป็นเด็กแบบนี้ได้? ดูได้จากคนที่เขาอบรมสั่งสอนมาก็รู้ อย่างไวส์ที่มีจิตใจห้าวหาญอย่างนักรบ ส่วนกอร์ดอนก็เป็นคนรักอิสระ ง่ายๆ สบายๆ ดูแล้วไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อผู้ใด
หลังจากวนรอบเกาะได้สองรอบครึ่ง อันเดร์ก็ยังไม่ให้เรือหยุด แล้วเขาก็หยิบไอแพดกับกระดานวาดภาพออกมาอย่างละหนึ่งอัน จากนั้นก็ทำการร่างแผนผังเทียบใส่ทั้งสอง และบันทึกพารามิเตอร์จำนวนหนึ่งลงไป
ปกติฉินสือโอวจะยื่นอยู่ข้างๆ เขา แต่ชาร์คใช้วิทยุสื่อสารวอร์มาบอกให้เขาทราบว่ามีเรือขโมยปลามาอีกแล้ว ให้เขาไปควบคุมจัดการที
ดังนั้น ฉินสือโอวเลยทำได้เพียงขอโทษและขึ้นฝั่งก่อน ส่วนอันเดร์ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าเรือลำนี้จะวนอีกสักกี่รอบ แล้วต้องวนอีกนานเท่าไรถึงจะวนรอบเกาะเสร็จ
บทที่ 1101 กิจกรรมอันแสนโหดร้าย
พอฉินสือโอวกลับมาถึงฟาร์มปลา เขาถามชาร์คว่า “เรือลำไหนที่กำลังขโมยปลาอยู่ล่ะ?”
ตอนนี้การลักลอบขโมยปลาสำหรับเขานั้นได้กลายเป็นเหมือนกับการทำงานปกติทั่วไป แต่หลังจากมีตำนานเรื่องเรือผีออกมา พวกที่มาขโมยปลาที่ฟาร์มของเขาก็น้อยลง จนกระทั่งหลังจากฉลองปีใหม่เสร็จ นี่ถือว่าเป็นเคสแรกเลย
ในตอนกลางวันที่ไม่สามารถใช้เรือโจรสลัดได้ แต่ถ้าใช้เรือกำปั้นทะเลที่จอดนิ่งอยู่ตรงท่าเรือดูท่าจะเวิร์กกว่า
ชาร์คที่ลังเลใจอยู่เล็กน้อยก็ได้พูดขึ้นมาว่า “บอสครับ ผมว่านี่อาจจะไม่ใช่เรือโจรสลัดก็ได้ จากการสแกนของเรดาร์พบว่าขนาดของเรือลำนี้เล็กมาก ดูแล้วเหมือนเรือยอชต์มากกว่าจะเป็นเรือจับปลา ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือพวกเราไปเช็กให้แน่ใจกันสักหน่อยดีกว่า”
เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมก็เยอะขึ้น เนื่องจากคุณภาพน้ำของฟาร์มปลาบนเกาะแฟร์เวลนั้นดีที่สุดในมหาสมุทรโดยรอบ ดังนั้นจึงมีเรือจำนวนมากล่องเข้าไปในเขตน่านน้ำของฟาร์มปลา จึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปไล่ตรวจเรือพวกนี้
แต่ก็ต้องรู้จักป้องกันเอาไว้ก่อน เพราะเรือบางลำก็มักจะถือโอกาสฉวยผลประโยชน์ในยามที่เกิดความวุ่นวาย
ฉินสือโอวเข้าไปดูในห้องเรดาร์ หลังจากเช็กแล้วว่าตำแหน่งของเรือลำนี้อยู่ประมาณไหน ก็ค้นหาตรงบริเวณนั้นดู ประจวบเหมาะกับเห็นฉลามหางยาวที่อยู่แถวนั้นพอดี เลยคิดว่าจะถอดจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปหามันแล้วให้มันพาว่ายน้ำไป
เขาจึงบอกให้ชาร์คและคนอื่นๆ ใจเย็นๆ กันก่อน พลางทำท่าเหมือนมีธุระอื่นต้องไปจัดการ แต่พอกลับไปถึงวิลล่าแล้วเขากลับตั้งใจสะกดให้ฉลามหางยาวไปสำรวจสถานการณ์แทน
ภายใต้ความช่วยเหลือจากพลังโพไซดอน หางของฉลามหางยาวก็สะบัดอย่างเร็วราวกับใบพัดเรือ ว่ายด้วยความเร็วสูงจนใกล้จะเข้าสู่น่านน้ำลึก
บนผืนน้ำที่มีเรือยอชต์ลำหนึ่งยาวยี่สิบกว่าเมตรจอดอยู่ คลื่นทะเลที่ไหลเชี่ยวทำให้เรือยอชต์ลอยกระเพื่อมอย่างช้าๆ พร้อมกับฟองคลื่นที่สาดกระเซ็น ให้กลิ่นอายถึงการมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจในวันหยุด
แต่น้ำทะเลบริเวณแถวๆ เรือยอชต์มีกลิ่นคาวเหม็นแรงมาก พอฉลามหางยาวได้กลิ่นก็ว่ายกระโจนเข้าไปใกล้ตามสัญชาตญาณ
ฉินสือโอวเลยยับยั้งสัญชาตญาณของมัน แล้วให้มันโผล่หัวขึ้นไปสืบดูสถานการณ์ และพอเจ้าฉลามโผล่หัวขึ้นไป บนเรือยอชต์ก็มีเสียงผู้หญิงร้องเสียงแหลมด้วยความตกใจขึ้นมา “อ้าย ปรินซ์ ดูนั่นสิ ยังมีฉลามอีกตัวนะ นั่นมันฉลามอะไรน่ะ? จัดการมัน!”
หลังจากโผล่หัวขึ้นไป ฉินสือโอวถึงได้เห็นว่ามีศพวาฬตัวหนึ่งลอยอยู่บนผืนน้ำที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก และตอนนี้เองเรือยอชต์ก็ยิงระเบิดลงมา เขาจึงสะกดให้ฉลามหางยาวดำลงไปในน้ำ
ศพของวาฬตัวนั้นทำให้ฉินสือโอวไม่พอใจเป็นอย่างมาก จิตสำนึกแห่งโพไซดอนที่คุมผืนน้ำแห่งนี้ไว้ เขาจึงเข้าไปดูก็พบว่า วาฬตัวนี้ตายอย่างน่าเวทนามาก หัวขนาดใหญ่แบะออกไปครึ่งหนึ่ง เลือดสีแดงฉานก็ไหลไปทั่วทั้งผืนน้ำ
ศพวาฬที่กำลังไหลไปตามผิวทะเล ช่างเหมือนกับเรือลำน้อยๆ ที่กำลังแล่นไป เรือลำน้อยๆ ที่น่ารันทด
ฉินสือโอวทั้งตกใจทั้งโกรธไปพร้อมๆ กัน เห็นได้ชัดเลยว่าวาฬตัวนี้ไม่ได้ตายโดยธรรมชาติ แต่มันตายเพราะอะไร อะไรทำให้วาฬตัวนี้เป็นแบบนี้กันแน่? ถึงจะเป็นวาฬเพชฌฆาตนักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดในมหาสมุทรล่ะก็ ยังไงก็ไม่มีทางที่จะทำร้ายวาฬยักษ์ตัวหนึ่งให้เป็นได้ถึงขนาดนี้!
การหายไปของฉลามหางยาว ทำให้คนบนเรือผิดหวัง แต่บนเรือก็ได้ติดตั้งเครื่องหาปลาไว้ พวกเขาจึงมั่นใจได้ว่าฉลามหางยาวยังไม่ได้ไปจากแถวนี้ จากนั้นก็มีคนโยนปลาค็อดหั่นชิ้นลงไปในน้ำ หวังว่าจะล่อให้มันลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำ
ปลาค็อดหั่นชิ้นพวกนี้รสชาติประหลาด แถมกลิ่นยังคาวกว่าน้ำทะเลบริเวณรอบๆ อีกด้วย และเนื่องจากฉินสือโอวไม่ได้ใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนควบคุมมันแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นอิสระ พอเจอปลาค็อดหั่นชิ้นพวกนี้มันจึงรีบว่ายอย่างเอาเป็นเอาตายโผล่ขึ้นไปเหนือผิวน้ำและกลืนมันเข้าปาก
เมื่อเห็นอย่างนั้น ฉินสือโอวก็แน่ใจได้เลยว่าที่มาของกลิ่นคาวนั้นก็คือ สารล่อฉลาม!
เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่า ฉลามขึ้นชื่อในเรื่องประสาทการได้กลิ่นที่เฉียบแหลม และที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือฉลามขาว ที่มีกระเปาะรับกลิ่นซึ่งคิดเป็นสิบสี่เปอร์เซ็นต์ของความจุสมอง ทั้งยังสามารถแยกโมเลกุลซีรีนกับโมเลกุลของน้ำได้ถึง 1015 โมเลกุล และสามารถได้กลิ่นเลือดสดที่อยู่ห่างออกไปถึงสิบเมตร
สารล่อฉลามคือสิ่งที่ทำออกมาโดยใช้ประโยชน์จากหลักการทั่วไป มันอุดมไปด้วยซีรีนอย่างมหาศาลและสารเคมีทดลองชนิดอื่นๆ ที่มีผลคือทำให้มึนและล่อให้ฉลามมาติดกับดักได้
ตามที่กรมประมงโตเกียวของญี่ปุ่นได้ทดลองใช้ การหว่านสารล่อฉลามในปริมาณหนึ่งลิตรลงในเขตน่านน้ำหนึ่ง สามารถไปกระทบต่อฉลามที่อยู่บริเวณภายในหนึ่งร้อยตารางกิโลเมตรได้!
แล้วทำไมกรมประมงโตเกียวของญี่ปุ่นถึงได้ทำการทดลองนี้กันล่ะ? นั่นก็เพราะของสิ่งนี้เป็นงานวิจัยที่พวกเขารับผิดชอบดูแล จุดประสงค์เพื่อเสนอให้แก่เรือล่าฉลามล่อมันมาเพื่อตัดเอาหูของมันโดยเฉพาะ
แต่ที่แคนาดาและอเมริกาสารล่อฉลามชนิดนี้ถูกห้ามใช้อย่างเด็ดขาด เพราะคุณภาพในการละลายของสสารแย่มาก และสามารถตกค้างอยู่ในน้ำได้เป็นเวลานาน ทำให้กระทบต่อการอยู่รอดของฉลามบริเวณนั้น
แม้แต่ที่ญี่ปุ่นเองก็ไม่ได้ใช้สารชนิดนี้กันอย่างแพร่หลาย ถึงแม้มันจะให้ประสิทธิผลที่ดีแต่ราคาก็แพงหูฉี่เช่นกัน ดังนั้นพวกเรือล่าฉลามจึงชอบไปหาที่ที่มีฝูงฉลามอยู่เยอะๆ จากนั้นก็ใช้พวกเลือดสัตว์ล่อมันมา
อีกทั้งพวกที่อยู่บนเรือต่างก็เป็นแค่วัยรุ่น แต่ทำไมถึงมีสารล่อฉลามได้ นี่คือสิ่งที่ฉินสือโอวแปลกใจ พวกเขาคิดจะทำอะไรกัน?
ไม่นานคำตอบก็ปรากฏออกมา เมื่อฉลามหางยาวโผล่ขึ้นไปเหนือผิวน้ำ เมื่อวัยรุ่นคนหนึ่งเจอมันเข้าก็รีบง้างคันธนูที่อยู่ในมือ หลังจากเล็งเป้าเสร็จก็ยิงออกไป
ศรที่คมกริบเมื่อยิงออกไปก็ทำให้เกิดเสียงดัง ‘ฉึก’ ที่รุนแรง ฉลามหางยาวที่เคยได้รับพลังโพไซดอนก็ฉลาดไม่เบา พอมันเห็นท่าไม่ดี ก็ตัดใจทิ้งปลาค็อดที่กำลังจะเข้าปากมันอยู่แล้ว และรีบว่ายสะบัดหางหายเข้าไปในน้ำ
อย่างไรก็ตามทักษะการยิงธนูของวัยรุ่นคนนี้ถือว่ายอดเยี่ยมมาก เพราะชิ้นเนื้อปลาอยู่ข้างๆ เรือยอชต์เลย ถึงฉลามหางยาวจะหลบก็หลบไม่ทันอยู่ดี ศรนั้นได้ปักเข้าไปที่ครีบหลังของมันแล้ว แต่ก็ถือว่ามันหลบได้ไวเหมือนกัน เพราะเดิมทีวัยรุ่นคนนี้เล็งไว้ที่หัวของมัน
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนของฉินสือโอวที่คอยสังเกตการณ์อยู่ตลอด พอเห็นว่าฉลามหางยาวโดนศรปัก เขาก็รีบดึงลูกธนูออกมา หนำซ้ำเขายังรู้สึกว่าลูกธนูนี้ผิดปกติ เส้นผ่าศูนย์กลางที่ใหญ่เกินแต่ด้ามกลับอ่อนมาก ซึ่งไม่ตรงกับลักษณะโดยทั่วไปของลูกธนู
พอดึงลูกธนูออกเสร็จแล้ว ฉินสือโอวยังไม่ทันได้ดูอย่างละเอียด ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น นั่นก็คือลูกธนูที่โดนจิตสำนึกแห่งโพไซดอนพันไว้เกิดระเบิดขึ้นอย่างไม่ทันคาดคิด!
แรงระเบิดถือว่าไม่ใหญ่เท่าไร แต่ถ้าเมื่อกี้ฉินสือโอวดึงลูกธนูออกไม่ทัน แรงระเบิดแบบนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ฉลามหางยาวเป็นอัมพาตครึ่งตัวได้!
พอคิดปะติดปะต่อไปถึงวาฬที่ตายแล้วตัวนั้น อยู่ๆ ฉินสือโอวก็เข้าใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ที่แท้ก็เป็นเพราะไอ้พวกเวรนี้กำลังเล่นกิจกรรมยิงวาฬกันอยู่
เนื่องจากอ่างเก็บน้ำของแม่น้ำสายอเมริกาเหนือเกิดการเอ่อล้นของปลาคาร์ฟเอเชีย ทำให้ทุกที่มีกิจกรรมยิงปลาขึ้น ซึ่งกิจกรรมยิงปลานี้ได้ถูกดัดแปลงมาจากกิจกรรมยิงวาฬ
กิจกรรมยิงวาฬเกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เมื่อโนเบลได้มีการพัฒนาทีเอ็นทีที่ทรงอานุภาพมากที่สุด มีชาวประมงบางคนนำดินระเบิดกับลูกศรมาประกอบเข้าด้วยกัน เพื่อเป็นการขับไล่และล่าฉลามที่มาเข้าใกล้เรือจับปลาของพวกเขา
ต่อมาได้มีคนปรับเปลี่ยนจุดประสงค์ในการยิงนั้น เปลี่ยนมาเป็นการล่ายิงวาฬขนาดใหญ่เพื่อเอาเนื้อของมัน
กิจกรรมนี้มาถึงจุดพีกในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หนึ่งคือดินระเบิดในตอนนั้นนับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สองคือเกิดการขาดแคลนอาหารในช่วงสงคราม ดังนั้นเนื้อปลาวาฬที่มีโปรตีนและไขมันสูงจึงได้กลายเป็นของล้ำค่าในสายตาของผู้คนในสมัยนั้น
แต่ถึงกิจกรรมนี้จะโหดร้ายมากเพียงใด ในช่วงสงครามที่ทุกประเทศเกิดวิกฤตขาดแคลนอาหาร จึงต้องทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ต่อกิจกรรมนี้
หลังจากสิ้นสุดสงคราม แต่ละประเทศจึงจัดการประชุมคุ้มครองสัตว์น้ำครั้งที่หนึ่งขึ้น หลังจากผ่านการตัดสินใจร่วมกันจึงได้ข้อมติในการห้ามใช้ดินระเบิดในการล่ายิงวาฬและฉลาม
ฉินสือโอวแค่เคยได้ยินกิจกรรมแบบนี้ แต่ไม่นึกมาก่อนว่าจะต้องได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง!
บทที่ 1102 เป็นหรือตาย
ที่กำลังลอยอยู่บนผิวน้ำนั้นคือเรือยอชต์ธุรกิจ
เรือยอชต์ชนิดนี้ถึงแม้จะสลักตัวอักษร ‘ธุรกิจ’ สองคำนี้ไว้ แต่ก็นำมาใช้ส่วนบุคคลอยู่ดี จะมีก็แค่บางครั้งที่บริษัทนำมาใช้ต้อนรับแขกธุรกิจ ส่วนการตกแต่งด้านในก็ตกแต่งสไตล์ครอบครัวเป็นหลัก ส่วนโซนพักผ่อนบนดาดฟ้าเรือ โซนล็อบบี้และโซนห้องอาหารจะสวยงามหรูหราโอ่อ่าที่สุด
นอกจากพนักงานขับเรือแล้ว ยังมีหนุ่มสาววัยรุ่นอีกเจ็ดแปดคนบนเรือยอชต์ที่กำลังหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน วัยรุ่นพวกนี้ต่างก็เป็นชนผิวขาวกันทั้งนั้น แม้แต่ในวันที่หนาวเย็นพวกเขาก็ใส่เพียงแค่กางเกงว่ายน้ำหรือบิกินีรับลมอยู่บนดาดฟ้าเรือ เผยให้เห็นถึงเรือนร่างที่ฟิตแอนด์เฟิร์ม
ฉินสือโอวมองดูจากตาของฉลามหางยาว ก็เห็นชื่อของเรือยอชต์ลำนี้ ชื่อว่าเรือบิ๊กแซม 107
จากนั้นเขาทำการล็อกอินเข้าสู่เว็บไซต์เรือของแคนาดาอย่างเงียบๆ เพื่อหาข้อมูลเล็กน้อยเกี่ยวกับเรือลำนี้ เรือยอชต์บิ๊กแซม 107 พร้อมกับติดชื่อเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ลินตัน วอเทอเรนซ์ นี่คือเรือยอชต์รุ่นล่าสุดที่เปิดตัวโดยบริษัทเฟอเรตตี้ หมายเลขทางราชการคือ 660
ความยาวของเรือยอชต์ลำนี้คือ 24 เมตร ความกว้าง 6 เมตร 24 เซนติเมตร ส่วนประกอบอื่นๆ ปริมาณการขับน้ำของเรือ40 ตัน สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 22 คน เสริมด้วยเครื่องยนต์ดีเซลแมน 809 kw สองเครื่อง พร้อมกับการทำงานร่วมกันของพลังงานฟืนและไฟฟ้า ความเร็วสูงสุดในการเดินเรือสามารถเร็วได้ถึง 31 นอต และความเร็วในการเดินเรือตรวจการณ์คือ 27 นอต ราคาในแคนาดาคือ สี่ล้านสี่แสนดอลลาร์แคนาดา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่พวกวัยรุ่นล่ายิงวาฬกับฉลามก็เพียงเพื่อความสนุกเท่านั้น อีกอย่างคนที่สามารถขับเรือยอชต์แบบนี้ได้คงไม่ต้องมาเป็นทุกข์กับชีวิต พวกเขาไม่ได้ล่าฉลามเพื่อเอาหูมันไปขายหรือล่าวาฬเพื่อเอาเนื้อมัน
แต่การกระทำเช่นนี้ในมุมมองของฉินสือโอวเป็นอะไรที่เลวร้ายมาก เลวร้ายเหมือนกับตอนที่พวกวัยรุ่นสองสามคนนั้นขับเรือดำน้ำมาชนเฮยป้าหวัง…
พูดถึงเรื่องของเฮยป้าหวัง ฉินสือโอวก็นึกขึ้นได้ ตอนนั้นก็เป็นพวกลูกคนรวยสองสามคนนี้แหละที่ขับเรือดำน้ำชนเฮยป้าหวัง จะใช่วัยรุ่นพวกนี้ไหมนะ?
จากนั้นเขาก็รีบกลับไปค้นเรือลำอื่นๆ ภายใต้ชื่อวอร์ตัน แต่น่าเสียดายที่ไม่เจออะไรเลย เพราะเขาไม่มีอำนาจในการตรวจสอบเรือทุกลำที่อยู่ภายใต้ชื่อของคนคนเดียวได้ ทำได้เพียงตรวจสอบสภาพการณ์ของเจ้าของต่อเรือหนึ่งลำเท่านั้น
พอหาข้อมูลเสร็จ ฉินสือโอวก็เดินยิ้มเย็นยะเยือกออกไปจากวิลล่า พลางหันไปตะโกนหาเบิร์ดที่กำลังขัดเงาอุปกรณ์ตกปลาอยู่ “เพื่อน ออกเครื่อง ไปดูเรือที่บุกรุกเข้ามาในฟาร์มปลาของเราสักหน่อยว่ามันเป็นอะไรกันแน่ อ้อ พกปืนไปด้วยนะ”
จากนั้นวินนี่ที่พาเสี่ยวเถียนกวามานั่งเล่นที่สนามหญ้าเกิดใหม่ ก็พูดปลอบเขาว่า “คงไม่มีอะไรหรอกมั้งคะ ชาร์คก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเป็นแค่เรือยอชต์ลำหนึ่งเท่านั้น? ใครจะขับเรือยอชต์มาขโมยปลากัน? ดังนั้น ไม่ต้องพกปืนไปก็ได้มั้ง?”
ฉินสือโอวจูบไปที่หน้าผากของวินนี่แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องห่วง ที่รัก ผมก็แค่ป้องกันไว้ก่อน คุณก็รู้จักการควบคุมตัวเองของผมไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างที่ผมกังวลไม่ใช่ที่พวกเขาจะมาขโมยปลา แต่กังวลว่าจะมาตกปลาทูน่าครีบน้ำเงินหรือไม่ก็มาหยดยาพิษใส่น่ะสิ!”
“แม่ง แล้วถ้ามีคนมาหยดยาพิษใส่ฟาร์มปลาของพวกเราจริงๆ นะ ผมจะทำให้ตูดมันแหกเลย!” นีลเซ็นที่เดินถือปืนออกมา พร้อมกับพูดด้วยความโกรธ
พอเฮลิคอปเตอร์ออกตัว ฉินสือโอวก็ใช้วิทยุไร้สายวอร์บอกคนที่อยู่บนเรือกำปั่นทะเลฝั่งใต้ ให้พวกเขาขับเรือตามมา
เนื่องจากไม่มีเรือมาขโมยปลามานานแล้ว ฉินสือโอวจึงเรียกเรือกำปั่นทะเลทั้งสี่กลับมารวมตัว
เฮลิคอปเตอร์รุ่นเอซี 310 เอ็น ค่อนข้างช้า ฉินสือโอวเลยเตรียมที่จะเปลี่ยนลำ
อาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินครองร้านอาหารระดับกลางไปถึงระดับสูงทั้งในไมอามีและนิวยอร์ก จนเกือบจะถึงขั้นผูกขาด แต่ผลกำไรที่ได้มาก็ดูดีในระดับหนึ่ง โดยสามารถทำเงินให้ฉินสือโอวในแต่ละไตรมาสได้ถึงสิบกว่าล้านดอลลาร์สหรัฐ ยิ่งถ้าเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวกำไรก็จะไม่ต่ำกว่าสองล้านดอลลาร์สหรัฐ!
ตอนนี้ในบัญชีของฉินสือโอวมีเงินสดอยู่ร้อยกว่าล้านดอลลาร์แคนาดา และเงินจากการประมูลไข่มุกดำ เครื่องเสาหัวเรือ และปลาทูน่ายังไม่ได้ให้เขา ถ้าถึงมือเขาตอนไหนล่ะก็ เขาก็จะมีเงินเพิ่มเข้าไปในบัญชีอีกหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์แคนาดา
ดังนั้นสถานภาพของเขาตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสภาวะกดดันทางการเงินแต่อย่างใด แค่เพิ่มฮาร์ดแวร์ราคาแพงให้ฟาร์มปลาก็เท่านั้น
นอกจากนั้น ถ้าสกัดหินแร่ทองคำที่อยู่ก้นทะเลและขายได้สำเร็จ เขาก็จะได้อีกสองร้อยล้านกว่าดอลลาร์สหรัฐเลย
จากประสบการณ์เผชิญหน้ากับโจรสลัดที่โซมาเลีย เขาก็มีความกังวลต่อหินแร่ทองคำนิดหน่อย จึงส่งคราเคนและกองกำลังทหารงูทะเลไปใหม่อีกครั้ง ให้พวกเขาคอยเฝ้ารักษาหินแร่ทองคำอยู่บริเวณเรืออับปาง จากนั้นในขณะที่ทำการกู้ขึ้นมาและขนส่ง หากเจอเรือโจรสลัดอีก ก็ให้คราเคนจัดการพวกมันได้เลย
ที่คราเคนกลัวก็คือเรือดำน้ำและเรือรบที่มีความสามารถโจมตีใต้น้ำ สำหรับโจรสลัดที่ไม่ได้ติดตั้งแม้แต่ตอร์ปิโดไว้ก็เป็นเหมือนวัชพืช เพราะพวกเขาไม่มีทางสู้คราเคนได้
ตรงสะพานลอยของเรือบิ๊กแซม 107 มีหนุ่มวัยรุ่นสองคนกำลังหยอกล้ออยู่กับหญิงสาวสามสี่คน พร้อมกับเพลิดเพลินในการอาบแดดอย่างสบาย
เรือยอชต์รุ่นนี้ที่ถูกพัฒนาโดยบริษัทเฟอเรตตี้ที่ให้ความสำคัญกับการพักผ่อนเป็นอย่างมาก อีกทั้งตรงสะพานลอยกับดาดฟ้าเรือก็ยังมีโซนอาบแดดขนาดใหญ่มาก สามารถจุคนได้ถึงสิบคนในเวลาเดียวกัน ส่วนด้านข้างสะพานลอย ก็มีโต๊ะตัวหนึ่งที่เป็นแบบยืดออกได้ ล้อมรอบด้วยโซฟารูปตัวยู ข้างๆ บันไดก็จัดตู้เย็นและที่ปิ้งย่างเอาไว้อำนวยความสะดวกให้คนข้างบนกินและดื่มได้ตลอดเวลา
จากนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งที่มีลักษณะผอมสูงผมสีไวน์แดง ยกน้ำผึ้งราดเชอร์รี่มาสองจาน บวกกับในปากของเธอที่กำลังเลียลูกหนึ่งอย่างยั่วยุ ทันใดนั้นหนุ่มหนึ่งคนในนั้นก็โผเข้าหาเธอพลางร้องเสียงโหยหวนเหมือนหมาป่า
ชายหนุ่มคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่กำลังยืนอยู่ที่แคมเรือในมือของเขาก็ถือธนูยาวอังกฤษพลางเล็งใส่ผิวน้ำ แต่พอไม่เจอวาฬกับฉลามเขาก็ไม่ค่อยพอใจ เลยหันไปตะโกนว่า “ลินตัน เลิกเล่นได้แล้ว ไอ้เลวนี่! แกบอกว่าตรงนี้วาฬกับฉลามเยอะไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมฉันไม่เห็นวาฬแม่งสักตัวเลยวะ?”
ลินตันที่กำลังกอดกับสาวสวยเป็นหนุ่มผอมบางคนหนึ่ง หัวก็โกนจนไม่เหลือผมสักเส้น เผยให้เห็นถึงหนังหัวที่เป็นสีเขียวอึมครึมที่ดูแล้วเหมือนเป็นคนกล้าหาญ บนตัวก็เต็มไปด้วยลายสักสีต่างๆ เหมือนกับสวมเสื้อคลุมลายครามไว้
เมื่อได้ยินน้ำเสียงไม่พอใจของเพื่อน ลินตันที่กำลังนัวเนียกับสาวอยู่เลยตอบออกไปแบบส่งๆ “แล้วใครจะไปรู้ล่ะ? ยังไงซะที่ก็มีวาฬและฉลามมากมายแน่นอน แล้วใครบอกล่ะว่าพวกเราเจอแค่วาฬตัวเดียว? ไม่ใช่ว่ามีฉลามอีกตัวเหรอ?”
“ใช่แล้ว อัลแมน เมื่อกี้ก็เพิ่งเจอฉลามหางยาวไป ก็นายเองนั่นแหละที่ยิง จะมาโทษพวกเราไม่ได้นะ ใช่ไหมที่รัก?” หนุ่มสาวอีกคนหนึ่งที่นอนอาบแดดกับลินตันพูดหยอก
แล้วอัลแมนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ก็พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันก็บอกไปแล้วนี่ แม่งเอ๊ย ว่าเมื่อกี้ไม่ได้ยิงพลาดแน่ๆ ฉันไม่ใช่ไอ้โง่แบบพวกแกที่แม้แต่จะดึงคันศรยังทำไม่ได้ เมื่อกี้ลูกยิงโดนหัวหรือไม่ก็ครีบของมันแน่นอน!”
“งั้นแล้วศพของมันล่ะ? อย่าบอกนะว่าดินปืนที่สามารถระเบิดวาฬจนหัวแบะได้ แต่ไม่สามารถทำอะไรฉลามหางยาวได้”
“อาจจะโดนระเบิดจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ไปแล้วก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ?” อัลแมนพูดขึ้นด้วยความโกรธเคือง
ลินตันมองสองคนที่กำลังเถียงกันอยู่พูดขึ้นมาว่า “เอาล่ะๆ พวก ใจเย็นกันก่อนนะ ทำไมพวกเราไม่อดทนกันหน่อยล่ะ? พวกเรารอยู่กลางทะเลแบบนี้หลายวันหน่อย มีเวลาอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องเจอฉลามและวาฬมากพอไม่ใช่หรือไง? กลัวแต่ตอนนั้นนายจะเล่นจนเบื่อไปเลยน่ะสิ”
เรือยอชต์ลำนี้ผ่านการแก้ไขมา จากเดิมมีห้องนอนทั้งหมดสามห้อง แต่ลินตันแก้ให้เป็นหกห้อง สามารถให้คนนอนได้สูงสุดสิบสองถึงสิบห้าคน และเมื่อรวมคนขับเรือสองคนไปด้วยก็ยังไม่เกินสิบสองคนอยู่ดี พวกเขาเลยสามารถพักบนเรือได้หลายวัน
บทที่ 1103 ให้พ่อของแกมาคุยกับฉัน
เฮลิคอปเตอร์เอซี 310 บินด้วยความเร็วสูงเหนือท้องฟ้า เบิร์ดที่กำลังควบคุมอุปกรณ์อยู่เบื้องหน้าด้วยความช่ำชอง บังคับเครื่องบินให้บินไปตามเส้นทางตามคำสั่งจากวิทยุควบคุม
ฉินสือโอวนั่งอยู่ที่เบาะผู้ช่วยคนขับ ส่วนนีลเซ็นและบูลนั่งอยู่ที่เบาะหลัง
เอซี 310 เอ็น ลำนี้เป็นเพียงเฮลิคอปเตอร์ธรรมดาทั่วๆ ไป มีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่นักออกแบบชาวจีนก็ได้ออกแบบจุดเด่นของมันไว้เช่นกัน นั่นคือมันสามารถเก็บเสียงได้เป็นอย่างดี ทำให้สามารถพูดคุยเล่นเสียงดังในห้องนักบินได้อย่างอิสระ
ฉินสือโอวก็หาเรื่องมาคุยสัพเพเหระกับสองคนที่อยู่เบาะหลัง พร้อมเพ่งความสนใจไปยังเรือบิ๊กแซม 107 และใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนมองกวาดไปรอบๆ ผืนน้ำ เมื่อฉลามและวาฬปรากฏตัวออกมา ก็ขับไล่พวกมันไปทันที ดังนั้นหนุ่มสาวที่อยู่บนเรือจึงยังไม่ได้พบเห็นฉลามและวาฬเลย
ฟาร์มปลาต้าฉินในปัจจุบันนี้เป็นสถานที่ไว้สำหรับดูวาฬ อีกทั้งริมขอบชายทะเลยังเป็นแหล่งที่มีวาฬและฉลามอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากที่สุดของแคนาดา ถึงแม้พวกมันจะกินบรรดาปลาเล็กปลาน้อยไปเป็นจำนวนมาก แต่นั่นทำให้เกิดความสมดุล และเป็นไปตามห่วงโซ่ของระบบนิเวศ
สุดท้าย เฮลิคอปเตอร์และเรือยอชต์ก็มาเจอกัน แน่นอนว่าเครื่องส่งสัญญาณเรดาร์ของเฮลิคอปเตอร์จับสัญญาณของเรือยอชต์ได้ก่อน เบิร์ดรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาลดแฮนด์บังคับลง และควบคุมเฮลิคอปเตอร์ให้บินต่ำลงมุ่งหน้าไปยังผืนน้ำทะเล
ร่างของวาฬยังคงลอยอยู่บนผืนน้ำข้างเรือยอชต์ คลื่นที่แผ่กระจายทำให้บริเวณรอบๆ พื้นที่น้ำทะเลตรงนี้ก็มีเลือดลอยอยู่เป็นวงกว้าง นกนางนวลส่วนหนึ่งบินมาเกาะกินซากของวาฬ และหลังจากนั้นไม่นานฝูงนกนางนวลก็แห่กันมารุมกินซากอย่างตะกละตะกลาม
หนุ่มสาวที่อยู่บนเรือไม่ได้ล่าวาฬและฉลามแล้ว ในตอนที่รู้สึกเบื่อ ความสนใจของพวกเขาก็จะไปอยู่ที่เหล่านกนางนวล พวกเขาหยิบปืนขึ้นมา รอจนนกนางนวลรวมกันเป็นฝูงแล้วจึงเล็งเป้าไปที่พวกมัน ทุกครั้งที่นกถูกยิง พวกเขาก็จะระเบิดหัวเราะกันอย่างป่าเถื่อน
ราวกับว่ากำลังเล่นเกมที่สนุกสนานสักเกมกันอยู่ ฉินสือโอวมองหนุ่มสาวเหล่านั้นก็อึ้งจนพูดไม่ออก เขารู้สึกว่าคนพวกนี้ไม่จิตป่วยก็เป็นบ้ากันไปหมดแล้ว
เพื่อให้คนที่อยู่บนเครื่องบินรู้ว่าคนพวกนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่ ฉินสือโอวจึงควบคุมฉลามหัวบาตรที่ว่ายอยู่ใกล้ๆ ตัวหนึ่งที่โดนใช้สารล่อฉลามให้มันมาว่ายรอบๆ วาฬ แล้วให้พวกมันว่ายขึ้นมาเขมือบปลาค็อดที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ
หนุ่มสาวที่อยู่บนเรือสังเกตเห็นเฮลิคอปเตอร์ที่บินมาถึง แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจ และเมื่อมองเห็นฉลามที่ไม่ได้เห็นมาพักใหญ่ พวกเขาก็เลือกหยิบเอาธนูออกมาเพื่อยิงฉลามหัวบาตรโดยไม่สนใจเฮลิคอปเตอร์ที่บินอยู่บนฟ้า
ในตอนที่ฉลามหัวบาตรโผล่ขึ้นมาบนน้ำกลืนกินเหล่าปลาค็อดภายในคำเดียวก็ถูกฉินสือโอวควบคุมให้ว่ายกลับลงไปยังใต้น้ำ เหล่าหนุ่มสาวที่เพิ่งจะได้เห็นดังนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นและพากันแย่งกันยิงธนูใส่ฉลามหัวบาตรตัวนั้น
และก็แน่นอนว่าธนูแบบนี้คือธนูตั้งเวลาระเบิด เมื่อยิงออกไปแล้วจะระเบิดภายในสี่วินาที แต่หลังจากมันระเบิดก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเรือยอชต์ที่พวกเขานั่งอยู่
แต่ถึงอย่างนั้น ในครั้งนี้พวกเขายิงธนูออกไปเป็นจำนวนมาก และมันระเบิดอยู่ใต้น้ำพร้อมกันหลายดอก ทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้นหลายลูก พลางซัดใส่เรือยอชต์จนสั่นสะเทือน
พวกหนุ่มสาวบนเรือไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวแต่อย่างใด ได้แต่ตะโกนด่าออกมาด้วยความไม่พอใจ “แม่งเอ๊ย! ยิงไม่โดนอีกแล้วว่ะ! ทำไมฉลามที่นี่มันฉลาดกันจังวะ?”
ผู้คนที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์ก็ตะโกนด่าอย่างรุนแรง ชาร์คเห็นธนูที่ระเบิดหลังจากพวกนั้นยิงออกไป เขาพูดด้วยความโกรธเคือง “ไอ้พวกสาระเลวเอ๊ย ใช้ดินระเบิดยิงปลา วิธีแบบนี้มันน่ารังเกียจยิ่งกว่าการล่าสัตว์ของคนญี่ปุ่นซะอีก!”
ฉินสือโอวแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจและขอให้ชาร์คอธิบายให้ตนเข้าใจ ชาร์คที่กำลังโกรธจัดอธิบายถึงการล่าสัตว์ด้วยระเบิด หลังจากนั้นเขาก็พูดว่า “พวกเราต้องแจ้งให้ตำรวจทางทะเลรู้ พวกมันกำลังฝ่าฝืนกฎหมายอยู่นะ อย่างนี้ต้องจับพวกมันไปลงโทษ!”
หลังจากที่ฟังเขาพูด ฉินสือโอวส่ายหัว ชี้ไปยังเรือยอชต์ลำหรูแล้วถามขึ้น “นายคิดว่าสำหรับพวกคนรวยแบบนั้น ที่ใช้ระเบิดล่าปลาจะถูกกฎหมายลงโทษงั้นเหรอ? ไม่มีทาง เพื่อน พวกเราต่างก็รู้ดี กฎหมายแคนาดานั้นใช้ปกป้องพวกคนรวยไงล่ะ”
ชาร์คพูดเสียงแข็ง “แล้วจะปล่อยให้พวกมันยิงฉลามกับวาฬแบบนั้นเหรอครับ? พวกเราไม่มีทางจัดการเลยหรือไง?”
ฉินสือโอวส่ายหัวอีกครั้ง เขายิ้มเย็นชาแล้วพูดว่า “แน่นอนว่ามี จริงๆ แล้วใครบอกว่าพวกมันยิงฉลามกับวาฬกัน? ฉันจะบอกว่าพวกมันยิงเต่ามะเฟืองอยู่ต่างหาก!”
นี่ก็คือวิธีของเขา เขาต้องการให้คนระยำพวกนั้นได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดสักหน่อย การเรียกตำรวจมาก็คงไม่มีประโยชน์อะไร มองท่าทางอวดดีเย่อหยิ่งของพวกนั้นก็รู้เลยว่าต้องมีเส้นสายแน่นอน ถึงพวกนั้นใช้ระเบิดยิงปลาก็คงไม่ถูกลงโทษแน่ แค่จับเอาไปปรับทัศนคติไม่กี่วันเรื่องก็จบแล้ว
แคนาดาก็เหมือนกับประเทศอังกฤษ กฎหมายที่ว่าถึงความยุติธรรมนั้นก็เป็นเพียงแค่เปลือกนอก จริงๆ แล้วกฎหมายมีไว้เพื่อปกป้องพวกชนชั้นพิเศษต่างหาก อีกทั้งในประเทศทุนนิยมแบบนี้ คนมีเงินก็คือพวกที่มีอภิสิทธิ์นั่นเอง
แต่ถ้าพวกมันล่าเต่ามะเฟืองจะต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่นอน เพราะหน่วยของเขาอยู่ในนามการปกป้องเต่ามะเฟือง พวกมันสามารถถูกจับกุมในฐานลักลอบล่าสัตว์ได้เลย
นี่คือแผนของฉินสือโอว!
เบิร์ดควบคุมเฮลิคอปเตอร์ให้บินอยู่เหนือเรือยอชต์ บินไปด้านข้าง และบินวนรอบๆ เรือทั่วทั้งสี่ทิศ
ในระยะห่างเพียงเท่านี้ กระแสลมมหาศาลจากเฮลิคอปเตอร์พัดเอาเตาย่างบาบีคิว โต๊ะอาหาร เก้าอี้พลาสติก รวมถึงสิ่งของหลายอย่างที่อยู่บนเรือยอชต์ลอยไปรอบๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เรือยอชต์ลำนี้มีขนาดยาวกว่ายี่สิบเมตร ลมเพียงแค่นี้ไม่สามารถส่งผลต่อความมั่นคงของเรือได้
แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้ผู้คนบนเรือรู้สึกหวาดกลัวได้ พวกวัยรุ่นต่างรีบหาที่หลบพร้อมกับด่าโวยวาย ในขณะเดียวกันพวกหญิงสาวกรีดร้องกันขึ้นมา
ฉินสือโอวมองเหล่าหนุ่มสาวที่อวดดีและชูนิ้วกลางใส่เขาอย่างเยาะเย้ย แค่นี้ก็ทนไม่ไหวแล้วเหรอ? ต้องขอโทษด้วย แต่นี่มันแค่อาหารเรียกน้ำย่อยก่อนรับประทานอาหารนะ ยังมีอาหารจานหลักอร่อยๆ รอพวกเขาอยู่อีก
แล้วจิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็พัดให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้น ซึ่งทำให้เรือสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่มีใครคิดอะไรมากแล้ว คิดแค่เพียงว่าเป็นเพราะการทรงตัวของเรือนั้นไม่ดีพอ จึงถูกกระแสลมจากเฮลิคอปเตอร์ทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ซัดจนเรือสั่นโคลงเคลง
จากนั้นสีหน้าของพวกหนุ่มสาวก็เปลี่ยนไปทันที คลื่นที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มันกระทบเข้ากับเรือครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งทำให้เรือสั่นอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดมันก็เอียง เป็นอะไรที่น่ากลัวมากจริงๆ
แต่ถึงอย่างนั้นพวกหนุ่มสาวก็ยังมีความกล้า บนเรือของพวกเขามีปืนอยู่ บางคนหยิบปืนขึ้นมาแล้วยิงไปที่เฮลิคอปเตอร์
แน่นอนว่า ด้วยกระแสลมแบบนี้ ทำให้ลูกปืนพุ่งไปทางไหนบ้างก็ไม่รู้ และจะให้พวกหนุ่มสาวที่แม้แต่จะยืนยังแทบไม่ไหว จะยิงแม่นได้อย่างไร? ก็แค่ทำท่ายิงไปอย่างนั้นก็เท่านั้นเอง
กล้องบนเฮลิคอปเตอร์จับภาพเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ ฉินสือโอวหันหน้าไปทางนีลเซ็นแล้วพูดว่า “สอนบทเรียนให้เด็กมันหน่อย ให้มันรู้ว่าปืนน่ะมันอันตรายไม่ควรเอาออกมาเล่นตามใจชอบ”
นีลเซ็นยิ้มแล้วเปิดประตูเครื่อง ส่วนเบิร์ดก็ควบคุมให้เฮลิคอปเตอร์มั่นคง ส่องปืนไรเฟิลเอ็นฟิลด์ที่ควรจะเลิกใช้ไปตั้งนานแล้วออกนอกประตู ปลอกกระสุนที่ลอยไปตามลม กระจกบนเรือยอชต์ที่โดนยิงจนเสียงแตก ‘เพล้ง’ กระจายดังระงม!
พวกหญิงสาวบนเรือไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงร้องออกมา พวกเขาคิดว่ากำลังถูกโจรสลัดปล้น จึงกระจายกันไปหลบอยู่ตามมุมอย่างเงียบเชียบ จากนั้นพวกวัยรุ่นสองสามคนก็ยอมจำนน เบิร์ดจึงใช้โทรโข่งตะโกนบอกให้พวกเขาวางปืนลงกับพื้น พวกเขาก็รีบทำตามคำสั่งทันที
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่นับว่ากล้าหาญเอาเรื่อง เขาตัดสินใจเดินไปยังห้องควบคุมเรือและใช้วิทยุติดต่อกับฉินสือโอว โดยที่เขาตะโกนถามออกไปอย่างไม่เกรงกลัว “พวกแกเป็นใคร? ทำไมถึงมาโจมตีพวกเรา? พวกเราแจ้งตำรวจเรียบร้อยแล้ว! ย้ำ พวกเราได้แจ้งตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!”
ฉินสือโอวพูดออกมาอย่างขอไปที “ฟังนะ เด็กน้อยทั้งหลาย ถึงพวกแกจะแจ้งตำรวจก็เปล่าประโยชน์ และพวกแกก็ไม่คู่ควรที่จะมาเจรจาต่อรองกับฉัน ไปให้พ่อของพวกแกนู้นมาคุยกับฉัน!”
บทที่ 1104 พวกเราคือหน่วยจู่โจมกองทัพบก
เฮลิคอปเตอร์ยังคงบินอยู่เหนือเรือ ฉินสือโอวทิ้งถ้อยคำที่โหดเหี้ยมให้แก่พวกหนุ่มสาวไว้หนึ่งประโยค “บอกไว้ก่อนว่าบนเฮลิคอปเตอร์ของฉันไม่ได้มีแค่ปืนนะ ดังนั้นถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อไปเจอพ่อ ก็รีบขับเรือมาทางทิศเหนือเดี๋ยวนี้! ตอนนี้! เร็ว! แล้วลากร่างของวาฬตัวนั้นขึ้นมาด้วย!”
“พวกแกเป็นโจรสลัดเหรอ?!” เด็กหนุ่มตะโกนถามด้วยความกลัว
ฉินสือโอวตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ไม่ใช่ พวกเราคือผู้ยึดมั่นในกฎหมาย!”
พวกหนุ่มสาวพวกนี้เป็นพวกหัวรั้นและหยิ่งยโส ขนาดถูกเตือนโดยฉินสือโอวแล้วแต่ก็ยังคิดที่จะเข้าไปในห้องควบคุมเรือเพื่อขับเรือหนี ถ้าหากเรือลำนี้แข็งแรงพอ แค่เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งก็จะไม่มีทางทำอะไรพวกเขาได้ เพราะว่าเรือรุ่นนี้แล่นได้เร็วมาก สามารถแล่นได้มากกว่า 30 นอตต่อชั่วโมง อีกทั้งเรือกำปั่นทะเลก็ยังอยู่ไกล เลยยังทำให้ลงจากเฮลิคอปเตอร์ไม่ได้
แต่เนื่องจากเรือลำนี้เป็นเรือชาวบ้านทั่วๆ ไป กระจกในห้องควบคุมเรือจึงเป็นกระจกที่ไม่กันกระสุน หลังจากเฮลิคอปเตอร์บินมาถึงส่วนหัวของเรือ นีลเซ็นจึงยื่นปากกระบอกปืนออกไป ไม่ต้องรอให้พวกวัยรุ่นออกคำสั่ง คนขับเรือทั้งสองคนก็คิดเองได้ว่าควรขับเรือไปทางทิศเหนือตามที่พวกเขาสั่ง
ระหว่างทางก็พบกับเรือกำปั่นทะเล และบนเรือกำปั่นทะเลก็มีเครื่องฉีดน้ำกำลังแรงสูง พวกหนุ่มสาวต่างหมดอาลัยตายอยากไปตามๆ กันและต่างก็ไม่กล้าที่จะต่อต้านพวกเขาอีก
แต่พวกเขาได้ต่อสายไปยังครอบครัวผ่านโทรศัพท์สัญญาณดาวเทียมไว้ก่อนหน้า เพื่อฟ้องว่าพวกเขาถูกโจรสลัดจับเป็นตัวประกัน ในส่วนของปืน หอก และธนูที่ใช้ล่าสัตว์ที่อยู่บนเรือ พวกเขาก็ได้รวบรวมใส่ไว้ในกล่อง และโยนทิ้งลงทะเลไป
เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะจนตรอกเหมือนหมาจนตรอกกำแพง ฉินสือโอวจึงได้เรียกเฮยป้าหวังมา ตอนนี้เฮยป้าหวังยาวได้สี่สิบเมตรแล้ว ให้ความรู้สึกถึงจ้าวแห่งทะเลลึก มันอ้าปากกว้างเพื่อคาบกล่องเอาไว้ และว่ายตามหลังอยู่ตลอด
หลังจากเรือยอชต์และเรือกำปั่นทะเลแล่นมาบรรจบกันได้ไม่นาน ฉินสือโอว นีลเซ็นและชาร์คก็ใช้เชือกโรยตัวกลับไปบนเรือ จากนั้นพอทั้งด้านหน้าและด้านหลังของเรือทั้งสองเชื่อมกัน เรือกำปั่นทะเลเลยใช้เชือกผูกเรือกับเรือยอชต์เข้าไว้ด้วยกันแล้วลากมันไปข้างหน้า
ฉินสือโอวพาพรรคพวกขึ้นไปบนเรือยอชต์ พวกหนุ่มสาวมองเขาตาแข็ง จากนั้นลินตันก็ตะโกนออกมาอย่างไม่เกรงกลัว “พวกแกทำผิดกฎหมาย! พวกเราแจ้งตำรวจแล้ว แล้วพวกแกจะต้องเสียใจ คอยดู!”
ในตอนที่ตรวจเช็กข้อมูลคราวก่อน ฉินสือโอวเคยเห็นภาพถ่ายของลินตันมาก่อน เขาจำคนคนนี้ได้จึงถามขึ้นพลางยิ้มอ่อน “นายคือลินตันใช่ไหม? ลินตัน วอเทอเรนซ์? ดีล่ะ ฉันรอเสียใจไม่ไหวแล้ว หวังว่านายจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะ”
หญิงสาวหลายคนที่มีรูปร่างงดงาม และมีหญิงสาวคนหนึ่งที่มีลักษณะผอมสูง ผมสีไวน์แดงพูดออกมาด้วยความหวาดกลัว “คุณผู้ชายคะ ถ้าพวกคุณไม่ทำร้ายพวกเรา เราก็ยินดีที่จะทำทุกอย่างที่คุณต้องการ”
ประโยคนี้แทนที่จะพูดว่าขอให้ยกโทษให้ แต่กลับเป็นเหมือนคำพูดดึงดูด พวกเธอดูเหมือนจะอยากทำบางสิ่งกับฉินสือโอว เพราะพวกเธอยังไม่รู้ประวัติความเป็นมาของชายที่ถือปืนอยู่นี้ ถ้าหากว่าเป็นมาเฟียท้องถิ่นก็คงจะเกิดเรื่องยุ่งยากแล้ว
เมื่อได้ยินที่เหล่าหญิงสาวพูดคุยกัน ก็ทำให้ลินตันรู้สึกไม่พอใจแล้วตะคอกออกมาด้วยความโกรธ “นังแพศยา หุบปากของเธอไปซะ! พวกมันไม่กล้าทำอะไรพวกเราหรอก เข้าใจไหม? ถ้าพวกมันรู้ว่ากำลังแหยมอยู่กับใคร พวกมันจะต้องเสียใจ!”
ฉินสือโอวมองความอวดดีของเด็กคนนี้ แล้วพยักหน้าให้นีลเซ็นเล็กน้อย นีลเซ็นหิ้วคอเขาออกมา ก่อนที่เขาจะกลิ้งสองตลบกลับเข้าที่เดิมนีลเซ็นก็จัดฝ่ามือฟาดเข้าไปที่หน้าของเขา จากนั้นก็เริ่มใช้ท่ามวยของทหารต่อยเขาอย่างแรงไปหนึ่งที “เก่งเหรอ อวดเก่งกับฉันนักเหรอ ทำไมไม่พูดล่ะ?”
“โอ๊ย พระเจ้า อย่าตีฉัน อย่าตีฉันเลย เจ็บจะตายอยู่แล้ว ฉัน ฉะ ฉะฉัน ไม่กล้าอวดดีอีกแล้ว…”
แล้วฉินสือโอวเดินไปยังหางเรือ ถือโอกาสที่ไม่มีคนสนใจ หยิบเอากล่องที่เฮยป้าหวังกำลังคาบเอาไว้ในปากขึ้นมา
กล่องใบนี้ยาวสองเมตรกว่า กว้างอีกหนึ่งเมตรกว่าๆ และน้ำหนักที่หนักมากๆ ทำให้รู้ได้เลยว่าเฮยป้าหวังนั้นปากใหญ่และกว้างพอ ไม่อย่างนั้นถ้าเป็นปลาตัวอื่น ก็คงไม่มีทางที่จะทำแบบนั้นได้
ตอนที่ฉินสือโอวลากกล่องไป เฮยป้าหวังก็โชว์แสดงกายกรรมของตระกูลฉลามขาวที่มันถนัด และขนาดตัวที่ใหญ่มหึมาของมันก็ยืนตรงขึ้น เผยให้ถึงสายตาเว้าวอนมองไปยังฉินสือโอว
เพราะประสาทการรับรู้กลิ่นของมันไวมาก และรอยรั่วของกล่องที่อยู่อีกฝั่งทำให้มันได้กลิ่นสารล่อฉลามที่อยู่ด้านในกล่อง ซึ่งสิ่งนี้ก็ยั่วยวนดึงดูดใจมันเหมือนกัน
นี่คือความเก่งกาจของมนุษย์ ที่สามารถผลิตสิ่งที่ใช้ฆ่าสัตว์ได้อย่างง่ายดายออกมา
แต่ฉินสือโอวไม่มีทางที่จะปล่อยให้เฮยป้าหวังกินสิ่งนี้เข้าไป เพราะมันคือสารเคมีที่เป็นพิษ เขาตีหน้าขรึมพร้อมกับสะบดออกมาหลายคำ เฮยป้าหวังเบะปากอย่างผิดหวัง พลางหมุนตัวและพัดคลื่นลูกใหญ่ในทะเล
เขาไม่สามารถปล่อยให้เฮยป้าหวังปรากฏต่อสายตาผู้คนทั่วไปได้เนื่องจากมันมีขนาดตัวที่ใหญ่เกินไป!
ฉลามขาวที่ยาวสุดที่เคยถูกค้นพบมีความยาวเจ็ดถึงแปดเมตร คาดว่าในทะเลลึกอาจจะมีฉลามยักษ์ที่ยาวถึงสิบเมตรอยู่ แต่เฮยป้าหวังนั้นยาวถึงตั้งสิบสี่เมตร ซึ่งนี่เป็นอะไรที่วิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถอธิบายได้ ถ้าหากมันถูกพบคงต้องเกิดการถกเถียงในเชิงวิจัยและความโกลาหลไปทั่วโลกแน่
หลังจากที่แล่นเรือต่อเนื่องมานานกว่าครึ่งชั่วโมง เฮลิคอปเตอร์ลำสีดำที่สลักตัวอักษรบนตัวเครื่องด้วยคำว่าซีซีจีศูนย์ห้าศูนย์ก็บินผ่านมา หลังจากนั้นก็บังคับให้ลดระดับลงเพื่อจอดข้างบนของเรือกำปั่นทะเล ใบพัดของมันที่หมุนอย่างรุนแรงก็พัดคลื่นทะเลรอบทิศจนเกิดเป็นเสียงดังกังวาน
ลินตันและพวกหนุ่มสาวมองไปยังฉินสือโอวอย่างยิ้มเยาะและรอดูความพ่ายแพ้ของเขา
ฉินสือโอวยิ้มโดยไม่พูดอะไร เด็กพวกนี้มีแบ็กอัปดีจริงๆ เพียงแค่โทรศัพท์ออกไป หน่วยยามฝั่งก็ขับเฮลิคอปเตอร์บินมาทันที
ซีซีจี ย่อมาจากตำรวจหน่วยรักษาการณ์ชายฝั่งแคนาดา หรือก็คือ แคนาเดียน การ์ด พวกเขาทำงานภายใต้การปกครองของตนเอง มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่ และภาระหน้าที่มากมาย ต้องประสานกันกับฝ่ายขนส่ง เพื่อดำเนินการรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยในน่านน้ำทะเล ทั้งยังต้องดูแลการลักลอบนำเข้าสินค้าเถื่อน ปราบปรามยาเสพติด ปราบปรามการก่อการร้ายเข้าสู่เขตมหาสมุทรและยังมีงานอื่นๆ อีกมากมาย
น้อยครั้งมากที่ซีซีจีจะขับเฮลิคอปเตอร์ออกมา นอกจากลาดตระเวนพื้นที่หรือได้รับคดีใหญ่ ปกติเวลาคนโทรแจ้งตำรวจพวกเขาก็มักจะใช้เรือ เช่นหลายครั้งที่ฉินสือโอวแจ้งตำรวจว่ามีเรือจับปลาเข้ามาบุกรุกในเขตฟาร์มปลาของเขา ซีซีจีก็จะใช้เรือลาดตระเวนมาจัดการแก้ปัญหา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เฮลิคอปเตอร์ลำนี้ไม่ได้มาบินลาดตระเวน ซึ่งเท่านี้ก็อธิบายได้แล้วว่า ทางภายในตัดสินเรื่องนี้เป็นการก่อการร้ายทางทะเลที่ น่า กลัว มาก
จากนั้นนักบินบนเฮลิคอปเตอร์ก็ใช้วิทยุไร้สายประกาศ สั่งให้เรือกำปั่นทะเลไปที่ท่าเรือเซนต์จอห์นเพื่อเข้ารับการตรวจสอบ
ฉินสือโอวเดินเข้าไปในห้องควบคุมอย่างหน้าตาเฉย แล้วจับวิทยุไร้สายขึ้นมาเพื่อตอบกลับไป “ซีซีจี ซีซีจี นี่คือหน่วยจู่โจมกองทัพบกของแคนาดา ผมฉินสือโอวผู้บังคับการกองร้อยหน่วยจู่โจมกองทัพบกเกาะแฟร์เวล ไม่ทราบว่าพวกคุณมาจากหน่วยไหน?”
พอเขาพูดออกมา ก็มีเสียงแทรกเข้ามาในคลื่นวิทยุ จากนั้นก็มีคนแอบกระซิบกันว่า
“เชรด หน่วยจู่โจมกองทัพบก? กองทัพพวกเรายังมีหน่วยนี้อยู่ด้วยเหรอวะ?”
“ไอ้โง่ นี่แกไม่รู้จัก หน่วยจู่โจมกองทัพบกเหรอ? ก็คือทหารกองหนุนยังไงเล่า! ฉันรู้แล้วว่านั่นคือใคร นั่นคือฉินผู้มีอิทธิพลแห่งเกาะแฟร์เวลยังไงล่ะ…”
“คนจีนที่ไม่ควรไปหาเรื่องนั่นน่ะเหรอ?”
“แม่งเอ๊ย! ใครมันโทรมาแจ้งว่าเป็นโจรสลัดกันวะ?”
ฉินสือโอวหัวเราะและพูดวางยาต่อในสายว่า “ซีซีจีๆๆ ทราบแล้วเปลี่ยน หน่วยของเราได้รับแจ้งมาวันนี้ว่ามีคนที่ทำการฝ่าฝืนกฎหมายในน่านน้ำมหาสมุทร ตอนนี้ถูกควบคุมตัวเอาไว้แล้ว และจะทำเรื่องดำเนินการฟ้องต่อไป ร้องถามหน่อยว่าพวกคุณจะรับคดีนี้ต่อไหม?”
ยามชายฝั่งรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ไม่ล่ะ หน่วยกองทัพบก พวกเราไม่มีสิทธิ์ที่จะรับคดีนี้ แต่ตามข้อกำหนดของน่านน้ำมหาสมุทรแคนาดาและการก่อการร้ายทางทะเลแล้ว ขอเชิญพวกคุณไปที่ท่าเรือเซนต์จอห์นก่อน พวกเราต้องการที่จะดำเนินการพิสูจน์และตรวจสอบความเป็นจริง”
“รับทราบ เปลี่ยนเส้นทางไปท่าเรือเซนต์จอห์น อ้อ ใช่แล้ว เตรียมหาสื่อมวลชนไว้แล้วหรือยังล่ะ?”
หน่วยยามฝั่ง “ทำไมจะต้องเตรียมสื่อ?”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น