ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 109-112

 บทที่ 109 ก้าวที่พลาด

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวคิดถึงรสชาติของเพรียงตีนเต่าเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแค่นั้น เขายังตื่นตาตื่นใจกับราคาอันสูงลิ่วของมันด้วย


เนื่องจากเพรียงตีนเต่านั้นไม่อาจทำการผสมเทียมได้ จะหาได้เฉพาะในสภาพแวดล้อมที่สมดุลของมัน ทั้งค่าความเป็นกรดด่างของน้ำ การเกิดของแพลงก์ตอนและปริมาณแร่ธาตุในน้ำต้องมากพอต่อการอยู่อาศัยและเติบโตของสัตว์ชนิดนี้


เพรียงทะเลนั้นจะว่าไปแล้วก็เปรียบเหมือนกาฝากสำหรับมนุษย์และสัตว์น้ำทั้งหลาย เพราะด้วยตัวมันเองแล้วไม่สามารถหาอาหารได้ ต้องอาศัยเกาะตามท้องเรือ และบนตัวสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในทะเลอย่างปลาวาฬ ฉลาม กระดองเต่า แม้กระทั่งหอย ฯลฯ ซึ่งถ้าพูดถึงประโยชน์ของมันแล้วเรียกได้ว่าหาไม่ได้เลย จะจำกัดออกก็ลำบากแสนเข็ญ


ส่วนใหญ่แล้วเพรียงทะเลชนิดที่พบเห็นกันจะเป็นรูปทรงกรวยธรรมดา ไม่นิยมนำมาทำอาหาร เพราะทานยากและรสชาติไม่อร่อยเอามาก ๆ คนสิ้นไร้ไม้ตอกเท่านั้นถึงจะมีโอกาสได้ลิ้มรสอาหารนี้


เพรียงตีนเต่านับเป็นดาวเด่นของในตระกูลเพรียง มีเพียงร้านอาหารชั้นนำเท่านั้นที่จะสามารถลิ้มรสอาหารชนิดนี้ได้ เพรียงตีนเต่าโด่งดังและมีความนิยมมาก จนมีคำพูดที่นำมาเปรียบเปรยถึงอาหารชนิดนี้ อย่างในยุโรปแล้วถึงกับพูดว่า’เพรียงตีนเต่าเป็นอาหารยอดนิยมที่ร้อนแรงที่สุดราวกับบึงไฟนรก’ และชนเผ่าจีนโบราณตอนกลางของจีนหรือหัวเซี่ยนั้นก็ได้มีคำพูดเปรียบเปรยว่า‘ยอมต่อสู้จนตายเพื่อให้ได้เพียงลิ้มรสปลาปักเป้า’


ฉินสือโอวมีความต้องการจะเพาะพันธุ์เพรียงตีนเต่า และคิดจะใช้ตอม่อท่าเรือให้เพรียงตีนเต่าใช้อาศัยยึดเกาะ อย่างไรแล้วท่าเรือนี้จะมีการสร้างส่วนขยายไปอีกหกร้อยเมตรและทอดยาวลงไปสู่ทะเล ซึ่งจะเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ด้วยแพลงก์ตอนและสาหร่ายที่แผ่ปกคลุมอย่างหนาแน่น เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของเพรียงตีนเต่าชนิดนี้


ณ ปัจจุบัน การสร้างท่าเรือยังไม่แล้วเสร็จ ฉินสือโอวจึงวางแผนใช้แนวปะการังเป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราวของเพรียงตีนเต่าก่อน แล้วสุดท้ายค่อยย้ายกลับไปที่ท่าเรือ


ใครที่กังวลว่าเพรียงตีนเต่าจะสามารถอยู่รอดบริเวณแนวปะการังได้หรือไม่นั้น ฉินสือโอวผู้นี้ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนกับปัญหานี้แม้แต่น้อย เพราะด้วยพลังควบคุมของโพไซดอน เขาสามารถหอบเจ้าเพรียงตีนเต่านี้ไปยังแม่น้ำและทำให้พวกมันมีชีวิตรอดต่อไป


เราสามารถเห็นได้ชัดถึงพลังอำนาจของพลังโพไซดอนที่สามารถควบคุมอารมณ์จิตวิญญาณและความอุดมสมบูรณ์ของหมู่สัตว์น้ำ สัตว์ทะเล เขาเองก็รอคอยอย่างใจจดใจจ่อเช่นกันว่าภายภาคหน้าเพรียงตีนเต่านั้นจะเป็นอย่างไร หลังจากได้รับพลังอำนาจไปแล้ว


เวลานี้ฉินสือโอวต้องรีบเร่งดำเนินการให้สร้างท่าเรือจนเสร็จ เนื่องจากว่าเมื่อจะถึงฤดูผสมพันธุ์ ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน จะได้หอบย้ายตัวอ่อนทั้งหมดกลับมายังท่าเรือก่อนถึงกำหนด เพราะถ้าหากเพรียงตีนเต่าโตเต็มวัยแล้ว จะไม่สามารถเคลื่อนย้ายกลับมาได้ สิ่งที่เขาคิดฝันไว้ก็จะพังทลายลง


ความแรงของคลื่นในหลายวันนี้ มีส่วนช่วยในการขนย้ายตัวอ่อนของเพรียงตีนเต่าได้เป็นอย่างดี


ทะเลในตอนนี้ ตามโขดหินจะเต็มไปด้วยซากตัวเต็มไวของเพรียงตีนเต่าที่ทำการย้ายไปไม่ได้ ส่วนในทะเลเต็มไปด้วยตัวอ่อน ลักษณะของพวกมันก็เหมือนกับแพลงก์ตอนทั่ว ๆไปที่ยังไม่มีเปลือกห่อหุ้ม ดูแล้วก็คล้ายๆลูกอ๊อด แต่มีส่วนเพิ่มมาคือขาสามคู่ ซึ่งตอนนี้บ้างก็กำลังแหวกว่ายอยู่กลางทะเล บ้างก็ลอยลิ่วไปตามแรงคลื่นอย่างสนุกสนาน


แม้จะมีคำพูดว่าผู้หญิงเรานั้นจะเห็นความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพได้อย่างชัดเจนช่วงในวัยสิบแปดปีนั้น เขายังนึกภาพไม่ออกเลยว่าตัวอ่อนเพรียงตีนเต่าที่ขยับไปมาเหล่านี้ เมื่อเติบโตขึ้นมันจะไม่สามารถขยับไปไหนราวกับภูเขาทื่อๆได้อย่างไร


จิตสำนึกโพไซดอนของฉินสือโอวได้ปกคลุมตัวอ่อนเพรียงตีนเต่าเป็นวงกว้าง เขารวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อควบคุมตัวอ่อนเพรียงตีนเต่าที่กำลังแหวกว่ายอยู่นั้นไปยังแนวปะการัง


การดูแลเพรียงตีนเต่านั้นต้องใช้ความละเอียดและพิถีพิถัน เนื่องจากการเติบโตที่มีความสลับซับซ้อนของมัน ที่จะต้องอาศัยกระบวนการการเติบโตตั้งแต่เป็นตัวอ่อนจนกว่าจะเป็นตัวเต็มวัยถึงเจ็ดขั้นตอนเลยทีเดียว!


เพรียงตีนเต่าเมื่อถูกย้ายมายังแนวปะการังแล้ว พวกมันก็จะเริ่มหาที่ของมันเพื่อรอการเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ จนมีตัวอ่อนออกมา ถึงจะย้ายกลับมาอาศัยอย่างถาวรที่ท่าเรืออีกที


ตัวอ่อนของเพรียงตีนเต่านั้นอาศัยอยู่โดยกินพืชจำพวกไดอะตอมหรือสาหร่ายเซลล์เดียวเป็นหลัก เมื่อร่างกายเติบโตขึ้นก็จะค่อย ๆ สร้างเปลือกหุ้มแข็งๆสองชิ้นขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวอันอ่อนนิ่มของพวกมัน และขณะเดียวกันก็จะเริ่มสร้างเมือกเหนียวเพื่อยึดเกาะกับหินปะการังไว้


ตัวอ่อนเพรียงตีนเต่าได้ถูกลำเลียงไปแล้วประมาณสี่หมื่นถึงห้าหมื่นตัว สร้างความพอใจให้กับฉินสือโอวเป็นอย่างมาก จนเขาถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกโล่งสบาย เพราะตามทฤษฎีแล้ว อัตราการอยู่รอดของมันตั้งแต่เริ่มกระบวนการการเจริญเติบโต มีไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์เลยด้วยซ้ำ ก็คล้าย ๆ กับสัตว์ทะเลทั่ว ๆ ไป ดังนั้นการแพร่พันธุ์จึงต้องผลิตตัวอ่อนออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อดำรงไว้ซึ่งความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ของมัน


พูดได้ว่าจิตสำนึกโพไซดอนนั้นเหมือนกำลังเล่นกลโกงในการนำเพรียงตีนเต่าเหล่านี้มาแพร่พันธุ์ยังแนวปะการัง พลังทำให้สิ่งมีชีวิตนี้ให้แข็งแรง ไม่สูญพันธุ์ง่ายและอยู่รอดปลอดภัยจากศัตรู


เมื่อผนวกพลังของเขาและลักษณะการขยายพันธุ์เข้าด้วยกัน ทำให้อัตราการอยู่รอดที่มีอันน้อยนิดของเพรียงตีนเต่า กลับเพิ่มขึ้นถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว!


หลังจากภารกิจเสร็จสิ้น ฉินสือโอวก็ได้ติดตามปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือไปยังทะเลลึก เพื่อหวังจะหาเปลือกหอยทากทะเลลึกที่มีขนาดใหญ่อย่างหอยนมสาวทะเลยักษ์ แต่สุดท้ายก็ได้เพียงเปลือกหอยเชลล์ธรรมดาและหอยไข่มุกเท่านั้น ส่วนเปลือกหอยที่มีค่าอะไรนั่นเขาไม่สามารถหาได้เลย


เขาได้นำจิตสำนึกโพไซดอนไปใช้กับปลาทูน่าครีบเหลือง นับว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีทีเดียว สหายปลาทูน่าครีบเหลืองตัวนี้ได้พาเขาไปเจอกับกลุ่มของปลาแซลมอนโคโฮ


ปลาแซลมอนโคโฮ เป็นสายพันธุ์หนึ่งในตระกูลของวงศ์ปลาแซลมอน ซึ่งปกติพันธุ์นี้จะพบได้ในมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรแอตแลนติก ปลาแซลมอนโคโฮนั้นเป็นปลาเศรษฐกิจที่มีราคาค่างวด ราคาของมันจัดว่าสมเหตุสมผล ความยาวของลำตัวเมื่อโตเต็มวัยสามารถยาวได้ถึงหกสิบเซนติเมตร ส่วนกลุ่มที่อยู่เบื้องหน้าตอนนี้มีความยาวราว ๆ ครึ่งเมตรเลยทีเดียว


ปลาแซลมอนโคโฮ ตามธรรมชาติแล้วจะอาศัยอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ ๆ แต่ที่เห็นอยู่นี้นั้นไม่จัดว่ามากนัก เป็นเพียงกลุ่มเล็กๆจำนวนราวๆสองพันตัว เท่านั้น ซึ่งท่าทางของพวกมันดูลุกลี้ลุกลน ว่ายไปว่ายมาในทะเลลึกราวกับหวาดกลัวบางสิ่งบางอย่าง หรือว่า นี่พวกมันกำลังหนีอะไรกันอยู่นะ!


เนื่องด้วยเนื้อของปลาแซลมอนโคโฮนั้นหวานอร่อย มีลำตัวอ้วนท้วน อาศัยกันเป็นกลุ่มใหญ่ มีหลากหลายสายพันธุ์ และด้วยธรรมชาติของพวกมันที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ จึงทำให้ปลาแซลมอนโคโฮเป็นเป้าหมายสำคัญของนักล่าอาหารทะเลอันโอชะ ซึ่งความหวานอร่อยของเนื้อปลานั้นไม่ใช่ความผิดใดๆของปลาเลย แต่ผิดที่ความอร่อยของมันนั้นมีค่าราวกับหยกอันล้ำค่า ที่ใคร ๆ ก็หมายปอง


ทุกครั้งที่กลุ่มของปลาแซลมอนโคโฮปรากฏตัวนั้น จะต้องพบว่าพวกมันกำลังถูกไล่ล่าโดยกลุ่มฉลามจำนวนหนึ่ง ซึ่งครั้งนี้ได้พบเห็นกลุ่มของฉลามหัวบาตรมาพร้อมกับกลุ่มของฉลามพยาบาลราว ๆ ยี่สิบถึงสามสิบตัว โดยไล่หลังตามมาติด ๆ พวกมันจะกินจากหางปลาไล่ขึ้นมาอย่างรวดเร็วและน่าสยดสยอง


ในตอนนั้นเองมีปลาทูน่าครีบเหลืองกำลังหิวโหย มันว่ายน้ำหาอาหารด้วยความเร็ว เจ้าฉลามที่อยู่บริเวณนั้นเห็นเข้าก็อยากจะจับปลาทูน่าครีบเหลืองมาเป็นอาหารเช่นกัน โดยต้องอาศัยช่วงที่เหยื่อไม่ทันตั้งตัวแล้วบุกเข้าโจมตีเหยื่อตัวนั้นอย่างรวดเร็ว จะนึกภาพง่าย ๆ ก็เหมือนกับเสือชีต้าที่รอเวลา ค่อย ๆ ย่องเข้าไป ให้ใกล้ตัวละมั่งให้ได้มากที่สุด ก่อนที่จะเข้าตะครุบเหยื่อของมัน นั่นก็คือเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าหากฉลามคิดจะไล่ตามปลาทูน่าครีบเหลือง ที่ทิ้งระยะห่างออกไปเป็นสิบกิโลเมตร


เมื่อกลุ่มสังหารจ้องเป้าหมายอย่างแน่วแน่แล้ว ความเป็นไปได้ที่เหล่าปลาแซลมอนโคโฮจะมีชีวิตรอดไปได้ เรียกว่าสิ้นหวังเท่านั้น ต่อให้เจสัน แสตนสันขับรถสปอร์ตอย่าง อาวดี้ อาร์ 8 ผ่านมา ก็ไม่สามารถช่วยไว้ได้ทัน


ปลาทูน่าครีบเหลืองว่ายวนแฝงตัวอยู่ในกลุ่มของปลาแซลมอนโคโฮ ปลาทูน่าครีบเหลืองมีความว่องไวกว่ามาก ดังนั้นเวลาจับเหยื่อกินทีเรียกได้ว่าสั่งได้อย่างใจเลยล่ะ


ขณะที่ฉินสือโอวมองไปยังกลุ่มปลาแซลมอนโคโฮอยู่นั้น เขาก็คิดที่จะพาพวกมันไปไว้ในฟาร์มปลาของตัวเองทันที จึงทำการควบคุมพลังของฉลามทั้งหมดตรงนั้นให้หนีไปให้พ้นทาง แล้วค่อยๆนำปลาแซลมอนโคโฮให้ว่ายไปที่ฟาร์มปลา


ขณะที่เขากำลังนำปลาแซลมอนโคโฮไปยังฟาร์มปลา ทันใดนั้นหู่จือและเป้าจือ สุนัขทั้งสองของเขาก็ปรากฏตัวขึ้น ตาของมันเป็นประกาย หูที่ตั้งเป็นปกติก็เริ่มลูบแนบชิดกัน พวกมันปีนมาจนชิดกระจกหน้ารถเพื่อจ้องมองเจ้านายและเหล่าฝูงปลาที่อยู่บริเวณสวนผัก พร้อมกับส่งเสียงครางในลำคอเบา ๆ


ฉินสือโอวเห็นแล้วว่าเจ้าบ้านมา


เขาจึงได้ให้ปลาทูน่าสีดำรับช่วงต่อในการนำทางให้กับบรรดาปลาแซลมอน ส่วนเขานั้นได้หันมาเตรียมตั้งรับกับสหายที่กำลังรออยู่ด้านนอก


เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆ เขาได้เตรียมปืนเออาร์-15 ไว้ ทำการบรรจุกระสุนอย่างเรียบร้อย ถือไว้อย่างระแวดระวัง และตั้งกลไกอัตโนมัติไว้ติดต่อกันสามครั้งต่อการเหนี่ยวไกหนึ่งครั้ง สี่ถึงห้านาทีต่อมา จู่ ๆ ไฟใหญ่หน้ารถก็สว่างขึ้น ประตูรถเริ่มแง้มออก


ทันทีที่ประตูเปิดออก หู่จือและเป้าจือต่างพากันคำรามอย่างบ้าคลั่ง กระโจนออกมาอย่างหื่นกระหาย ความเร็วของมันราวกับกระสุนปืนใหญ่ที่กำลังยิงออกมาหลายๆนัด


ท่าทางของฉินสือโอวเหมือนกับทหารที่พร้อมรบในสมรภูมิ เขาเหนี่ยวไกปืนอย่างแน่วแน่ เอียงศีรษะเล็กน้อย กำหนดเป้าหมายเล็งไว้อย่างแม่นยำ ท่าทางเขาจริงจังเป็นอย่างมาก


“ไปๆๆ ! ไปสิ ไป!” ฉินสือโอวร้องตะโกนระหว่างวิ่งไปพลาง แล้วเขาก็ยิงปืนขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณเตือน


บางตัววิ่งใกล้จะมาถึงสวนผักแล้วก็ตกใจชะงักไป เอ๊ะ? ทำไมแป๊บเดียวฟ้าก็สว่างแล้วล่ะ? แล้วจู่ ๆ ยังมีเจ้าสุนัขวิ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง ทำไมพวกมันวิ่งกระโจนออกมาแบบนี้นะ?


ที่ชาร์คเอ่ยมานั้นไม่ผิดเลยสักนิด ตรงนั้นมันรังของเม่นนี่ ตรงนั้นมีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ คาดว่าคงจะเป็นแม่และลูกอ่อนของมัน


ครั้งแรกที่หู่จือและเป้าจือเห็นความอวบอ้วนของเม่น ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปท้าทายและพิสูจน์ความอร่อยของมันทันที แถมยังไม่ฉุกคิดถึงพิษสงที่ตัวเองกำลังจะได้รับด้วย


ในที่สุดวันนี้สุนัขนักล่าทั้งสองกำลังจะพ่ายแพ้ ณ สมรภูมิของตัวเอง!


ขณะเดียวกันที่ตะวันสาดแสง เจ้าเม่นเริ่มนิ่งเงียบแล้วรวมตัวกัน โดยแม่จะนำอยู่ข้างหน้า ลูก ๆ ตามติดอยู่ข้างหลัง ทั้งหมดพองขนชันยืนประชันหน้า ราวกับกองทัพเรือที่ชำนาญการรบ


หู่จือและเป้าจือบุกโจมตีเม่นอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน ทั้งสองพุ่งกระโจนเข้าไปแล้วกระโดดขึ้นใส่ในทันใด!


ฉินสือโอวไม่รู้มาก่อนเลยว่า สุนัขแลบราดอร์ที่แสนน่ารักเหล่านี้ จะกลายร่างเป็นลูกแมวในฉับพลัน ปากมันเต็มไปด้วยขนเม่น ความเจ็บทำให้มันกระโดดดีดไปมาด้วยความสูงราว ๆ เมตรนึงได้เลยทีเดียว!


“เอ๋ง เอ๋ง! เอ๋ง เอ๋ง……” สุนัขทั้งสองตัวร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดหลังจากที่มันล้มฟุบไปที่พื้น มันอ้าปากร้องอย่างทรมาน เพราะมันไม่สามารถหุบปากของมันลงได้ แค่กัดไปครั้งเดียวก็ทรมานแสนสาหัส


ฉินสือโอวทรมานแทบขาดใจ ที่เขาลืมฝึกฝนพวกมันให้ดีเสียก่อน ฉินสือโอวได้สะพายปืนขึ้นแล้วโอบอุ้มเจ้าสุนัขทั้งสองไว้ พร้อมกับเป่าลมไปที่ปากของพวกมัน แล้วปลอบประโลมว่า “ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ก็หายแล้ว เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้วนะ”


เสียงเห่าหอนของทั้งสองตัวได้ไปปลุกฉงต้าเข้า มันปีนลงมาจากบนรถด้วยท่าทางที่งัวเงีย มันนึกว่าที่นี่คือห้องนอน มันจึงก้าวออกมาและเหยียบพลาดพลัดกลิ้งตกลงมา


ฉินสือโอวผู้ซึ่งยังเสียใจกับสุนัขของตัวเอง แต่กลับมาเจอเหตุการณ์อันชวนตื่นเต้นขึ้นทันใด จึงร้องไห้ไม่ออก นี่เรากำลังเลี้ยงสัตว์อะไรอยู่บ้างนะ?


…………………………………………………………….


บทที่ 110 เชอริลและเชอร์ลี่ย์

โดย

Ink Stone_Fantasy

                ขึ้นชื่อว่าหมี ไม่ว่าจะสีไหนก็คือหมี ทุกตัวล้วนมีความดุร้ายอยู่ในสายเลือด เปรียบดั่งราชาแห่งป่าพนาไพร


                แรกเริ่มฉงต้านั้นยังไม่ได้มีอาการใดๆ แต่หลังจากที่มันเห็นหู่จือและเป้าจือต่างก็เห่าหอนแบบไม่มีทีท่าจะสิ้นสุด มันเลยหมดความอดทนแล้วคำรามเสียงดังออกมาเยี่ยงราชาแห่งป่าผืนนี้ “โฮว!โฮว!”


                ขณะเดียวกันเจ้าเม่นกลุ่มนั้นยืนมองด้วยความตกใจไม่ไหวติง พร้อมทั้งกำลังคาดคะเนเหตุการณ์ถึงความน่าเกรงขามของฉงต้าที่อยู่เบื้องหน้า เพราะเจ้าเม่นเหล่านี้ก็ไม่เคยพบเห็นฉงต้าตัวจริงมาก่อน เพียงแค่เสียงลือเสียงเล่าอ้างเท่านั้น


                เม่นตัวแม่หลังจากประเมินสถานการณ์แล้ว ก็รีบหันตัวกลับเพื่อหาทางหนีไปให้เร็วที่สุด ลูกเม่นทั้งสามตัวหลังจากเห็นแม่วิ่งแล้ว พวกมันก็รีบกุลีกุจอปั่นเท้าวิ่งตามไปด้วยความรวดเร็วเพื่อให้ทันแม่ของมัน มองจากตรงนี้เหมือนพวกมันกำลังกลิ้งอยู่อย่างนั้นแหละ


                ฉินสือโอวมองไปยังสหายตัวน้อยเหล่านี้แล้ว ก็ทำใจไม่ได้ถ้าตนคิดจะบันดาลโทสะเอาชีวิตพวกมัน กับเรื่องเพียงแค่การแอบเข้ามากินพืชผักสวนครัวในไร่ของตน


                แต่…สุดท้ายก็วางไม่ลง จึงทำได้เพียงตบตัวฉงต้าอย่างแรงไปหนึ่งที แล้วบอกมันว่า “ลูกรัก ไป! ไปไล่พวกมันออกไปให้พ้นทางซะ!”


                ฉงต้าวิ่งไล่กวดไปพลาง ร้องคำรามไปพลางจนกระทั่งเจอกับศัตรู ณ ริมรั้ว ความจริงแล้วแม้จะไม่ได้รับการยั่วโมโหด้วยการตีจากฉินสือโอว อย่างไรแล้วเจ้าหมีย่อมต้องเกรี้ยวกราดขึ้นมาได้เองอย่างง่ายดายด้วยนิสัยอันธพาลของสัตว์ป่า


                เหตุการณ์ก่อนหน้านี้  ทำให้ฉงต้าเรียนรู้ความเจ็บปวดจากสุนัขทั้งสอง มันจึงยังไม่กล้าพลั้งมือกับเจ้าเม่นพวกนี้


                พวกเม่นรีบหาทางหนีโดยมุดผ่านช่องว่างระหว่างรั้วกำแพงสวน แล้วรีบมุดหนีหายไปในพงหญ้าบริเวณนั้น ฉินสือโอวเห็นเช่นนี้แล้วจึงตัดสินใจพาสุนัขทั้งสองกลับไปยังที่พัก เพราะอย่างไรเสีย พวกมันคงยังไม่กล้ากลับมาอีกในเร็ว ๆ นี้


                ภายใต้แสงระเรื่อๆ ของไฟยามค่ำคืน ฉินสือโอวพยายามดึงเข็มเม่นออกจากปากของเจ้าสุนัขทั้งสอง ขณะที่เขาดึงออกทีละเส้นอยู่นั้น พวกมันก็ร้องโหยหวนด้วยความทรมานอย่างแสนสาหัส พร้อมทั้งจิกกรงเล็บเพื่อจะผลักฉินสือโอวให้ออกห่าง


                ฉินสือโอวคิดหาวิธีช่วยให้เจ้าสุนัขทั้งสองของเขาหายจากความเจ็บปวดโดยการใช้พลังควบคุมน้ำไปยังสระ แล้วจึงพาพวกมันลงไปแช่ในน้ำ น้ำทะเลจะช่วยชำระล้างแล้วทำให้บาดแผลที่ปากค่อย ๆ ดีขึ้น ได้อย่างรวดเร็ว


                และแล้วปากของพวกมันก็หายเป็นปลิดทิ้ง จึงได้เวลาพาพวกมันไปเป่าลมจนแห้งแล้วพาเข้านอน ท่าทีของพวกมันจึงดูไม่มีความสุขแถมเดินไปที่นอนด้วยอาการคอตกอีก อาจเป็นเพราะเหตุการณ์ในวันนี้ได้ทำลายความเป็นตัวตนของพวกมันลงไปอย่างสิ้นเชิง


                “โธ่เอ๋ย เจ้าหมาน้อยที่น่าสงสาร” ขณะที่ฉินสือโอวกำลังปลอบสุนัขทั้งสองอยู่นั้น ฉงต้าก็ปรากฏกายขึ้น ทำทีท่าเหมือนว่าจะให้กำลังใจสุนัขทั้งสองด้วย


                ฉินสือโอวเห็นฉงต้ามาใกล้ ๆ จึงเอามือลูบที่ท้องของมันเบาๆจนมันเคลิ้มหลับไป อีกประเดี๋ยวก็เหมือนหลุดเข้าห้วงนิทรา แล้วกรนออกมาเบา ๆ ฉินสือโอวจึงผละมือออกแล้วค่อย ๆ กลับไปยังห้องนอนของตัวเอง


                เช้าวันต่อมา ฉินสือโอวได้ไปคุยกับเด็กๆทั้งสี่คนที่กำลังเดินทางไปโรงเรียนถึงปัญหาในการเรียนของพวกเขา ส่วนเออร์บักก็กำลังจัดการไฟล์การประชุมเกี่ยวกับปัญหาของเด็กๆ ณ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่อยู่ใกล้กับน้ำตกเล็กๆ แห่งหนึ่ง


                โรงเรียนแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมือง ไกลจากฟาร์มปลาของเขาไม่มากนัก แต่ตั้งแต่ที่ฉินสือโอวมายังเมืองแฟร์เวล เขาก็ยังไม่เคยมาเลยสักครั้ง เขารู้แต่เพียงโรงเรียนนี้จัดการเรียนไว้อยู่สองระดับคือประถมและมัธยมต้น ส่วนมัธยมปลายก็ต้องไปต่อที่เซนต์จอห์น


                จะว่าไปในส่วนของเมืองแฟร์เวลที่แคนาดานี้ก็มีความคล้ายคลึงกับประเทศจีนเหมือนกัน ตรงที่การเดินทางไปเรียนนั้นค่อนข้างลำบาก ใช้เวลาเดินทางไปกลับทีกินเวลาสามถึงสี่ชั่วโมง จึงจำต้องอาศัยที่หอพักแล้วกลับบ้านอาทิตย์ละครั้ง


                โรงเรียนนี้มีชื่อว่า โรงเรียนแกรนท์ ที่มาของชื่อนั้นมาจากคนก่อตั้งโรงเรียนคนแรกนั่นคือ โลลิ แกรนท์


                ขณะที่ฉินสือโอวกำลังขับรถใกล้ถึงโรงเรียน เขามองเห็นอาคารโรงเรียนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ประตูรั้วสีออกบลอนซ์ ๆ เป็นประตูที่เมื่อมองแล้วรับรู้ถึงความสงบเงียบ ภายในโรงเรียนน่าจะมีแต่ความสุข


                รถคาดิลแลควันขับมาถึงประตูโรงเรียน แต่ประตูรั้วปิดล็อกอยู่ เขาจึงตัดสินใจบีบแตรเรียก สักพักก็มีชายชราท่านหนึ่งสวมเหมือนเสื้อนักเรียนเดินออกมากมองคนที่นั่งภายในรถ และเขาคนนี้ทราบดีว่าใครกันที่อยู่บนรถตอนนี้


                เมืองแฟร์เวลเป็นเมืองเล็ก และดูเหมือนว่าเสียงลือเสียงเล่าอ้างไปถึงทุกคนได้เพียงชั่วพริบตา ทั้งๆที่ฉินสือโอวเพิ่งมาถึงเมืองนี้ได้ไม่นานนัก แต่ทุกคนราวกับรู้ว่ารถคาดิลแลควันอันหรูหราคันนี้เป็นของใคร รวมไปถึงฟาร์มปลานั้นด้วย


                ฉินสือโอวซื้อรถคันนี้ เพราะความชอบส่วนตัว ไม่ได้คาดคิดเลยว่ารถคันนี้เป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราฟุ่มเฟือยของที่นี่ จึงทำให้เขารู้สึกทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คน ถ้ารู้เช่นนี้แต่แรก เขาก็จะไม่ซื้อรถยี่ห้อนี้มาใช้เด็ดขาดเลย


                หลังจากที่ชายชราท่านหนึ่งเดินออกมา เขาก็เดินไปทักทายฉินสือโอว พร้อมกับเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉิน คุณมีนัดทานอาหารกับคุณเชอริลด้วยรึเปล่าครับ”


                ‘เชอริล’ ชื่อนี้ แม้จะสะกดต่างกันกับชื่อเชอร์ลี่ย์ แต่พอฟังคนออกเสียงแล้ว แทบจะเป็นคำเดียวกันเลย แถมชายชราผู้นี้พูดภาษาอังกฤษที่มีกลิ่นอายของภาษาฝรั่งเศสอยู่ในน้ำเสียงของเขาด้วย ภาษาอังกฤษของฉินสือโอวนั้นเรียกได้ว่าแค่ธรรมดาพื้น ๆ จึงฟังออกมาผิดๆถูกๆ


                ฉินสือโอวพูดปนหัวเราะแก้เขินว่า “คุณก็รู้จักเชอร์ลี่ย์ด้วยเหรอ?” เขาหัวเราะเบาๆ แล้วพูดต่อว่า “เธอเป็นคนเก่งมากเลยทีเดียวนะ”


                ชายชราผู้นี้มีท่าทีเหมือนจะเห็นด้วย จากแววตาและอาการตอบรับเพียงแค่กะพริบตา แล้วเอ่ยต่อว่า “คุณรอสักครู่นะครับ ผมจะไปโทรศัพท์แจ้งคุณเชอริล คุณจะได้ไม่ต้องเสียเวลาขับรถเข้าไป”


                ระหว่างที่พูด ชายชราก็หันหลังกลับไปยังห้อง ทิ้งฉินสือโอวไว้ให้สงสัยอยู่คนเดียว ฉินสือโอวต้องการเพียงให้ชายชราเปิดประตูให้ ทำไมเอาแต่พูดถึงชื่อเชอร์ลี่ย์แล้วก็เดินหายกลับไปนะ?


                ฉินสือโอวไม่มีทีท่าแปลกใจที่ชายชราผู้นี้รู้จักชื่อเชอร์ลี่ย์ ฉินสือโอวยังคิดด้วยว่าเออร์บักติดต่อกับทางโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว และว่าจะให้เชอร์ลี่ย์ พาวลิส เด็ก ๆ ทั้งสี่คนมาศึกษาต่อชั่วคราวที่นี่


                ขณะที่เขากำลังสงสัยอยู่นั้น ไม่กี่นาทีต่อมา มีหญิงสาวคนหนึ่งหน้าตาเต็มไปด้วยความสงสัยกำลังเดินออกมาจากประตูใหญ่


                หญิงสาวที่กำลังเดินมาอายุอานามน่าจะราวๆยี่สิบเจ็ดเศษๆ ดูแล้วก็รุ่นราวคราวเดียวกับฉินสือโอว เส้นผมของหล่อนสีบลอนด์พลิ้วไสว หน้าตาสะสวย หน้าอกหน้าใจก็มีไม่ใช่น้อย รับกับเสื้อผ้างดงามที่หล่อนใส่อยู่


                ทรวดทรงองเอวดูแล้วอ่อนช้อยงดงาม เรียวขาอันสวยงามชวนเหลียวมองที่รับกับกางเกงยีน มองแล้วเหมือนลูกพีชที่หอมหวานเย้ายวนใจ


                “สวัสดีค่ะ คุณลุงชัค ไม่ทราบว่าใครต้องการพบดิฉันคะ?” หล่อนยกมือขึ้นทัดผมให้เรียบร้อย แล้วทำหน้างุนงงด้วยความสงสัยกับชายชราที่ห้องประชาสัมพันธ์


                ชายชรายิ้มออกอย่างเจ้าเล่ห์กับฉินสือโอวแล้วพูดต่อว่า “ก็คุณฉิน เพื่อนที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งเลยไม่ใช่เหรอครับ?”


                และแล้ว หญิงสาวคนนั้นก็มองไปที่ฉินสือโอวด้วยความประหลาดใจ เหมือนว่าสีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม


                แม้หล่อนจะสวยมากเพียงไรก็ตาม แต่ฉินสือโอวก็ต้องยอมรับอีกแหละว่าหน้าตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของหล่อนนั้นช่างน่ารักเสียนี่กระไร


                “นี่ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ ที่ผมถามถึงเมื่อสักครู่คือเชอร์ลี่ย์นะครับ เอาล่ะ นี่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แบบนี้นะ คือบ้านผมมีเด็กอยู่สี่คน มีความประสงค์ให้มาเข้าเรียนที่นี่ วันนี้จึงจะมาสอบถามถึงขั้นตอนการเข้าศึกษาต่อครับ” ฉินสือโอวรีบอธิบาย


                ชายชราหัวเราะแล้วพูดว่า “ก็คนนี้ไงครับคุณเชอริล”


                หญิงสาวก็ได้แต่พยักหน้ารับ แล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ใช่ค่ะ ดิฉันชื่อเชอริล แฮรี่ ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรคะ”


                ไม่นานนัก เหมือนเชอริลจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ทราบว่านี่ใช่คุณฉินหรือเปล่าคะ ที่เป็นเจ้านายของคุณเออร์บัก?”


                “ใช่ครับ ใช่” ฉินสือโอวรีบพยักหน้าตอบรับ


                เชอริลเดินไปเปิดประตู เอ่ยถามว่า “ดิฉันทราบเรื่องของคุณแล้วค่ะ คุณเออร์บักแจ้งไว้ว่า คุณเพิ่งรับเลี้ยงเด็กสี่คน และมีความประสงค์จะให้มาศึกษาต่อที่โรงเรียนประถมศึกษาแกรนท์ ใช่รึเปล่าคะ”


                “ใช่ครับ ใช่” ฉินสือโอวพยักหน้าหลาย ๆ ที เหมือนต้องการเน้นชัดคำตอบตัวเอง และไม่อยากให้ใครต่อใครคิดว่าเขาจะมาอวดร่ำอวดรวยโชว์สาวอะไรที่นี่


                เชอริลได้ยินดังนั้นจึงยักไหล่ขึ้นแล้วพูดเหมือนเกรงใจและอยากจะขอโทษอยู่ในน้ำเสียงว่า “เกรงว่าวันนี้จะไม่สะดวก เพราะวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ มีเฉพาะอาจารย์เวรที่อยู่ อีกอย่างเรื่องนี้ต้องเรียนโดยตรงกับอาจารย์ใหญ่มิทช์ เพราะดิฉันก็ไม่ทราบรายละเอียดในส่วนนี้”


                “วันนี้วันสุดสัปดาห์เหรอ” ฉินสือโอวตบที่ด้านหลังศีรษะตัวเอง “โธ่เอ้ย ให้ตายเถอะ หมู่นี้เป็นอะไรนะ”


                เชอริลก้มศีรษะแอบอมยิ้มและพูดว่า “ก็อย่างที่เห็นว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ ถ้าหากว่าคุณมาเมื่อวานนี้ คุณก็จะได้ปรึกษากับอาจารย์ได้โดยตรงเลย เอาแบบนี้ละกัน ดิฉันจะให้เบอร์โทรศัพท์ของอาจารย์ใหญ่มิทช์กับคุณแล้วให้คุณโทรไปติดต่อกับเขาดู”


                เมื่อให้เบอร์โทรศัพท์แล้ว เชอริลก็เดินแยกตัวออกไป ฉินสือโอวรู้สึกเคอะเขินที่ทำให้ชายชราผู้นั้นนึกว่าฉินสือโอวจะมาจีบสาวที่นี่ แต่จะว่าไปคุณครูคนนี้ก็ดูสวยดี รูปร่างก็งดงาม ถ้าหากจะใช้ชุดนี้เป็นเครื่องแบบคุณครูในห้องเรียนเพื่อเป็นจุดจูงความสนใจแล้วละก็…


ฉินสือโอวบังคับตัวเองให้หยุดคิด จึงคว้าโทรศัพท์มือถือมาเพื่อโทรหา วินนี่ นี่แหละคือแฟน คนที่เขากำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว


มันยากนะ การจะหาเวลาเหมาะสมในการโทรหากัน เพราะวินนี่ทำงานอยู่บนท้องฟ้าและไม่รู้เมื่อไหร่ที่เที่ยวบินจะลงจอด


ไม่มีอะไรหรอก ฉินสือโอวคิดแล้วขับรถกลับไป เมื่อขับมาถึงทางเข้าออกของเมืองแฟร์เวล ก็มีรถตำรวจคันหนึ่งขับออกมา เรียกตะโกนไล่หลังมาว่า “รถคันข้างหน้ากรุณาจอดชิดขอบทางขวาเพื่อตรวจสอบด้วยครับ ”


……………………………………………………………..


บทที่ 111 ไปขึ้นเขา

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวรู้สึกกลัดกลุ้มใจ เขาไม่ได้ทำผิดอะไรเสียหน่อย รถตำรวจคันนี้ให้เขาจอดรถเพื่อตรวจสอบนี่มันหมายความว่ายังไงกัน?


อีกอย่าง ที่เมืองนี้ไม่มีใครไม่รู้ ว่ารถคาดิลแลคคันนี้ก็เหมือนกับเป็นนามบัตรของเขา ตำรวจสั่งให้เขาหยุดรถเพื่อตรวจสอบ ก็เท่ากับตั้งใจกลั่นแกล้งเขา นี่มันหาเรื่องกลั่นแกล้งกันชัดๆ


ฉินสือโอวลงมาจากรถพร้อมใบหน้าอึมครึม เขาคิดไว้ดีแล้ว ถ้าตำรวจพวกนี้ปั้นน้ำเป็นตัว เขาจะโทรหาเออร์บัก แล้วใช้เรื่องการเหยียดเชื้อชาติมาจัดการคนอารมณ์ร้ายพวกนี้


รถตำรวจก็หยุดจอดเช่นกัน นายตำรวจสองนายลงมาจากรถ หนึ่งในนั้นเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่วัยกลางคน เขามองฉินสือโอวที่กำลังงงงวย แล้วจึงหัวเราะออกมา “ฉิน คุณลงมาจากรถทำไม?”


ฉินสือโอวจึงถามกลับไปว่า “ไม่ใช่ว่าคุณให้ผมจอดรถเพื่อตรวจสอบหรอกเหรอ?”


นายตำรวจท่านนี้เป็นสารวัตรใหญ่ของเมืองแฟร์เวล ชื่อว่า โรเบิร์ต แคริแลนด์ ครั้งที่แล้วที่จับโจรขโมยเต่า ก็เป็นเขาที่นำกำลังตำรวจเข้าจับกุม


คราวนี้แม้แต่นายตำรวจอีกคนก็ยังหัวเราะออกมา โรเบิร์ตจึงอธิบายว่า “คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมบอกให้รถแวนคันที่อยู่ข้างหลังคุณหยุดรถ ไม่ใช่รถของคุณ เมื่อสักครู่ไม่ได้บอกให้ชัดเจน ต้องขอโทษด้วย”


ฉินสือโอวหันหลังกลับไปดู ทางด้านหลังของเขามีรถโฟลคสวาเก้นทูแรนจอดอยู่ คนในรถรวมคนขับแล้วเป็นจำนวนแปดคน ล้วนแต่เป็นวัยรุ่นไม่ก็ชายวัยกลางคนร่างบึกบึน พวกเขาสวมเสื้อคลุมมีฮู้ดไม่ก็เสื้อลายพราง ดูท่าทางดุดัน


เจ้าพนักงานตำรวจอีกคนเดินเข้าไปคุยกับผู้นำคณะของคนจำนวนแปดคนนั้น คนพวกนั้นกลับไม่ได้กระโตกกระตาก พวกเขาหยิบเอาเอกสารรับรองกองหนึ่งออกมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูก่อน จากนั้นทั้งสองฝ่ายจึงเริ่มสนทนากัน


โรเบิร์ตยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างๆฉินสือโอว เขาอธิบายอีกว่า “พวกนั้นเป็นพวกคนรักอาวุธปืนที่มาจากนครเซนต์จอห์นเพื่อหาที่ยิงปืนเล่น เป็นสมาคมเกี่ยวกับการดำรงชีวิตในทุ่งกว้างอะไรพวกนั้น พวกเขาพกปืนมาด้วย ที่จริงสถานีตำรวจของนครเซนต์จอห์นก็ลงบันทึกไว้แล้วล่ะ พวกเราได้รับข่าวเลยมายืนยันดูสักหน่อย


ฉินสือโอวรู้สึกสนใจขึ้นมา ตั้งแต่ซื้อปืนมาเขายังไม่มีโอกาสได้ใช้เลยสักครั้ง ครั้งที่แล้วที่รับมือกับจอมโจรขโมยเต่าสองคนนั้น เขายังไม่ทันถึงคราวที่ได้จับปืน ส่วนเมื่อคืนที่ถือปืนออกมา ก็เป็นแค่การรับมือกับตัวเม่นสี่ตัวเท่านั้น เขาจะไม่กระดากใจที่จะใช้ปืนได้หรือ?


เจ้าหน้าที่ตำรวจคุยกับคนแปดคนนั้นอยู่สักครู่และทำการบันทึกภาพของพวกเขาไว้ จากนั้นทั้งสองฝั่งก็จับมือ แล้วแยกย้ายกันไป


นายตำรวจคนนั้นเดินเข้ามา แล้วพูดขึ้นว่า “โรเบิร์ต ไม่มีปัญหาอะไร เป็นพวกมีใบอนุญาตทั้งหมด อีกทั้งคราวนี้พวกเขาอาจจะช่วยพวกเราล่าหมูป่าด้วย”


เมื่อได้ยินเช่นนี้ โรเบิร์ตจึงถอดหมวกตำรวจออกแล้วหันไปทางนั้นเพื่อพยักหน้าให้อย่างสื่อความหมาย วัยที่มัดผมหางม้าในกลุ่มคนแปดคนนั้น ยิ้มพร้อมโบกมือให้ คนกลุ่มนั้นก็ขึ้นรถไป


ฉินสือโอวทำปากจุ๊ๆ นี่น่าจะไม่เหมือนกับที่จีน ที่จีนหากจะล่าหมูป่า นั่นก็คือการแอบล่า ถึงแม้จะได้รับการมอบอำนาจ แต่ตำรวจท้องที่เอยชาวบ้านในพื้นที่เอยต่างก็คงไม่ยินยอม เพราะหมูป่าเป็นทรัพยากรของพวกเขา


แต่ที่แคนาดากลับตรงกันข้าม ถ้าคุณไปที่ไหนสักแห่งแล้วช่วยล่าหมูป่า ตั้งแต่ตำรวจจนกระทั่งชาวบ้านที่นั่นก็ล้วนแต่จะรู้สึกขอบคุณคุณ


ฉินสือโอวเห็นพวกเขากำลังจะจากไป ก็พูดกับโรเบิร์ตว่า ‘โทษทีนะครับ’ แล้วรีบเร่งวิ่งข้ามไป เขาคุยกับคนขับโดยมีกระจกกั้นอยู่ “ขอรบกวนหน่อยนะ ขอถามหน่อยว่าพวกคุณคือสมาคมคนรักอาวุธปืนใช่ไหม?”


คนขับพยักหน้าแล้วตอบว่า “ใช่แล้ว สมาคมของเราชื่อ สมาคมการดำรงชีวิตในทุ่งกว้างA&M คุณมีอะไรหรือเปล่า?”


ฉินสือโอวรีบแนะนำตัวเอง “ผมชื่อฉิน เป็นคนที่เมืองนี้ คืออย่างนี้นะ ผมก็เป็นคนที่ชื่นชอบอาวุธปืนเหมือนกัน แล้วก็ชอบการใช้ชีวิตในป่ามากๆ แต่ก็ไม่เคยเจอกลุ่มพวกนี้เลย เพราะอย่างนั้นผมจึงอยากรู้จักพวกคุณไว้”


ไม่ว่าจะเป็นสมาคมไหนก็ตาม การที่ได้สมาชิกเพิ่มล้วนแต่เป็นเรื่องน่ายินดีทั้งสิ้น เด็กวัยรุ่นมัดผมหางม้ากระโดดลงมาจากรถ ยื่นบุหรี่คาเมลให้เขาหนึ่งมวนแล้วพูดว่า “โอ้ สวัสดี ฉิน ฉันชื่อว่าพอล ซาโกร ฟังที่นายพูดมา เหมือนว่านายอยากจะเข้าร่วมสมาคมเราใช่ไหม?”


ฉินสือโอวพยักหน้าตอบ “ใช่แล้ว ฉันมีใบอนุญาตใช้ปืน แล้วก็มีปืนด้วย ทั้งยังเป็นคนในพื้นที่ เพราะฉะนั้นฉันเลยอยากจะเข้าร่วมกับพวกนายด้วย ถ้าหากนายรู้สึกว่าไม่เหมาะสม ก็ไม่เป็นไรนะ แค่ครั้งนี้ให้ฉันได้ขึ้นเขาไปกับพวกนายด้วยก็พอแล้ว”


พอลพูดอย่างตรงไปตรงมาพร้อมทั้งหัวเราะขึ้น “ไม่มีอะไรไม่เหมาะสมหรอก แต่เห็นว่านายขับรถคาดิลแลควัน ไม่รู้ว่านายจะทนความลำบากของการใช้ชีวิตในป่าได้ไหม


ฉินสือโอวตอบกลับไปว่า “ไม่มีปัญหา ฉันเพิ่งจะได้รับมรดกมาเมื่อไม่นานมานี้ เลยอยากซื้อรถดีๆสักคัน ที่จริงแล้วเมื่อก่อนฉันเป็นลูกจ้างเขาน่ะ ฉันชอบการเที่ยวไปในป่าเป็นพิเศษ คู่มือการแนะนำของแบร์ฉันก็ดูจนครบหมดแล้ว


เมื่อคนบนรถได้ยินมุกตลกของเขาก็หัวเราะออกมา พอลหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “แบร์เป็นคนในวงการบันเทิงที่มีความสามารถในการเอาตัวรอดรอดสูง แต่ว่าพวกเราก็คงไม่ไปกินแมลงอะไรแบบนั้นหรอกนะ”


ทั้งสองฝ่ายคุยกันไปเรื่อยๆ เนื่องจากมีตำรวจเป็นคนช่วยแนะนำ ต่างก็เชื่อถือได้ทั้งคู่ พอลกับฉินสือโอวคุยกันเรื่องเข้าสมาคมว่าต้องรอพวกเขากลับไปคุยกันก่อน พวกเขาต้องตรวจสอบข้อมูลสักหน่อย แต่ครั้งนี้พวกเขาจะขึ้นไปบนภูเขากัน ถ้าหากเขาสนใจก็ไปด้วยกันได้


ฉินสือโอวขอให้พอลและคนอื่นๆในคณะรอที่ร้านกาแฟก่อน เขากระหืดกระหอบขับรถด้วยความตื่นเต้นเพื่อกลับไปเปลี่ยนชุดยีน รองเท้าปีนเขา ห้อยซองใส่ปืนสองอัน ข้างซ้ายคือUSP ข้างขวา คือปืนเดสเสิร์ท อีเกิล นอกจากนี้ยังพกปืนอย่าง ปืนเบเนลลี่ เอ็ม1 และปืนเรมิงตัน เอ็ม870 อีกสองกระบอก


การล่าหมูป่าต้องใช้อาวุธที่มีอานุภาพสูง


ครั้งนี้เขาขับเอากระบะของชาร์ค แล้วปล่อยให้ชาร์คดูแลเด็กๆทั้งสี่คน นีลเซ็นได้ยินว่าเขาจะขึ้นไปบนภูเขากับคนของสมาคมคนรักอาวุธปืนก็กังวลว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น จึงตามไปเป็นเพื่อนเขาด้วย


เมื่อมารวมตัวกันแล้ว ภายใต้การนำทางของคนท้องถิ่นตัวจริงอย่างนีลเซ็น รถสองคันก็รวมกันเป็นขบวนรถขนาดเล็กที่ขับไปยังทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ สู่ภูเขาเคอร์บัล


อากาศอบอุ่น นอกจากภูเขาที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลหลายลูกแล้วบนยอดเขาก็ยังถูกปกคลุมไปด้วยหิมะอีกด้วย พื้นที่อื่นต่างก็มีหญ้าสีเขียวขึ้น ต้นไม้สีเขียวสด ดอกไม้ป่าสีสวยสดนานาพันธุ์ที่ไม่รู้จักชื่อก็กำลังเบ่งบาน ถึงแม้ทางบนภูเขาจะขรุขระ แต่เมื่อได้มองทิวทัศน์ที่สวยงามกลับไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อเลย


เขาเคอร์บัลล้อมรอบเกาะแฟร์เวลอยู่ครึ่งหนึ่ง ทางฝั่งเหนือและฝั่งตะวันออกของเกาะ ล้วนแต่เป็นเงาของเขาลูกนี้ ทอดยาวติดต่อกันกว่าร้อยกิโลเมตร นับได้ว่าเป็นภูเขาลูกใหญ่เลยทีเดียว ทว่ามันความสูงจากระดับน้ำทะเลของมันไม่มากนัก จุดที่สูงที่สุดของยอดเขาอยู่ที่สองร้อยเมตรเท่านั้น สภาพของบริเวณพื้นที่ส่วนมากมีความสูงแค่หนึ่งร้อยแปดสิบเมตรเท่านั้น


รถวิ่งวนบนเส้นทางในภูเขามาได้ยี่สิบกว่านาทีแล้ว เนื่องจากเมื่อสองวันก่อนมีฝนตก จึงทำให้ขับรถต่อไปไม่ได้ นีลเซ็นลงมาจากรถ เพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่าพวกเขาต้องเดินเท้าแทน


“พวกคุณมาในเวลาที่ไม่เหมาะเท่าไร ช่วงนี้อากาศไม่ค่อยดี อาจจะมีพวกพายุมรสุมอะไรพวกนั้น”ฉินสือโอวอธิบาย


พอลพูดออกมาอย่างยิ้มๆ “ก็การใช้ชีวิตในป่านี่นะ จะเอาแต่ออกไปข้างนอกเฉพาะตอนที่มีสายลมแสงแดดส่องไม่ได้หรอก


ปืนที่คนกลุ่มนี้นำมาด้วยมีอยู่หลายประเภท AUG G3 M14 ปืนGALIL ของอิสราเอล ปืน HK33ของเยอรมันและปืนอื่นๆอีก แน่นอนว่าต้องเป็นรุ่นที่อนุญาตให้พลเรือนใช้


ปืนที่พอลใช้เป็นปืนประเภทที่ให้อารมณ์และดึงดูดความสนใจได้มาก คิดไม่ถึงว่ามันคือปืนยาวโมซิน-นากองท์ของรัสเซีย ส่วนบนของปืนติดเลนส์ซุ่มยิงไว้ เป็นปืน M1891 ปืนซุ่มโจมตีแบบเก่านั่นเอง


ในตอนที่ชายวัยกลางคนลงจากรถเป็นคนสุดท้าย เขาถือเอาปืน AK-47ลงมาด้วยหนึ่งกระบอก ฉินสือโอวรู้สึกสนใจมาก จึงตั้งใจเดินเข้าไปดู


ชายวัยกลางคนคนนี้เป็นลุงที่ไว้หนวดเครา เมื่อเขาเห็นว่าฉินสือโอวสนใจ จึงยื่นให้เขาแล้วพูดว่า “ถ้าชอบก็ลองเล่นดูก่อนสิ นี่เป็นปืนที่พ่อของฉันเก็บไว้ให้ เป็นของโซเวียตแท้ๆ ตอนนั้นเขาไปยูเครนแล้วใช้ปลาค็อดสองกระป๋องแลกมันมา


“เป็นปืนยิงอัตโนมัติ?”ฉินสือโอวถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ


ชายวัยกลางคนพยักหน้าตอบ “ใช่แล้ว ฉันไม่มีใบอนุญาตปืนเก่า ก็เลยไม่กล้าใช้สักเท่าไร มีแค่ตอนที่มาขึ้นภูเขาถึงเอาออกมาเล่นได้”


สำหรับคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องปืนแล้วนั้น ปืนAK-47นั้นจะดูขี้เหร่มาก เทียบกับปืนM16 ปืนG63ของเยอรมัน และปืนรุ่นFNC ของเบลเยียมแล้ว เหมือนจะด้อยกว่ามาก


แต่ในสายตาของคนที่รู้เรื่องปืน AK-47นั้นจะเป็นปืนที่สวยมาก ลักษณะสั้นกระชับ เด็ดขาด และเสน่ห์ที่แสดงออกถึงความรุนแรงนั้น เอาชนะใจชายได้ยิ่งกว่าหญิงสาวเสียอีก


ถึงแม้ว่าฉินสือโอวจะไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับปืนนัก แต่เขาก็สามารถมองเห็นความสวยงามของปืน AK-47 ได้ โดยเฉพาะปืนกระบอกนี้ที่ผ่านการสัมผัสมาแล้วหลายครั้งจนเกิดเป็นตำหนิ ยิ่งปรากฏเป็นร่องรอยการใช้งานและการขัดเงา เมื่อเทียบกับปืนใหม่ๆแล้วก็ให้เสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป


นีลเซ็นที่เพิ่งจะเข้ามาดู พยักหน้าและกล่าวขึ้นว่า “เป็นปืนที่ดีเลยล่ะ ด้ามปืนทำมาจากไม้วอลนัทแดง ปลายกระบอกปืนทำเป็นทรงโค้ง โครงปืนถูกตัดเกลาด้วยเครื่องกลึง รูปแบบการเชื่อมพานท้ายปืนก็ไม่ได้ทำแบบย่อๆ น่าจะเป็นปืน AK-47 แบบที่สองที่ผลิตขึ้นในปี 1951 ใช่ไหม? ตอนนี้ทั้งโลกเหลืออยู่ไม่กี่กระบอกแล้ว”


เมื่อได้ยินนีลเซ็นพูดเช่นนี้ ลุงหนวดคนนั้นก็ยิ้มหน้าบานด้วยความปีติ เขาตบลงที่บ่าของนีลเซ็นแล้วพูดว่า “นายเป็นคนวงการเดียวกันนี่ เพื่อน นายเป็นคนรักปืนที่แท้จริงเลย! ใช่แล้ว นี่เป็นปืนAK รุ่นที่สองของปี 1951 คนที่ขายให้พ่อของฉันตอนนั้นเป็นนายทหารเก่า ปืนกระบอกนี้เป็นปืนที่เขาขโมยออกมาจากค่ายทหารน่ะ”


ฉินสือโอวลองตรวจดูตลับใส่กระสุนปืน จากนั้นจึงขึ้นนกและปลดเซฟตี้ของปืน เขาพูดขึ้นว่า “ฉันจะลองแล้วนะ เพื่อน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใช่ไหม?”


……………………………………


บทที่ 112 เจ้าแห่งภูเขามาแล้ว

โดย

Ink Stone_Fantasy

ครั้งนี้ที่พอลและคนอื่นๆ มาขึ้นภูเขา ก็เพื่อที่จะยิงปืน พวกเขาไปสอบถามข่าวคราวมาว่าที่เขาเคอร์บัลมีพื้นที่โล่งกว้างและไร้ผู้คน จึงรู้ว่าพวกตนสามารถยิงปืนเล่นได้ตามสะดวก


คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นคนมีอันจะกิน หากไม่มีเงินแล้วก็คงไม่สามารถยิงปืนเป็นงานอดิเรกได้ กระสุนก็ใช่ว่าจะราคาถูก ปืนสั้นก็ดี ปืนยาวที่ถืออยู่ในมือก็น่าติดใจ เมื่อยิงนัดแรกก็อยากยิงนัดที่สอง เหตุผลที่จะทำให้คุณไม่อยากยิงปืนแล้วมีแค่สองอย่าง หนึ่ง คือเมื่อร่างกายรับแรงสะท้อนของการยิงปืนไม่ไหวแล้ว สอง คือตอนที่กระสุนหมด


ฉินสือโอวเลียนแบบท่าทางดุดันเหมือนในภาพยนตร์แล้วลากไกปืนAK-47 เสียง ‘แก๊ก’ ดังขึ้นมา ลูกกระสุนก็ถูกบรรจุ นี่คือมาตรฐานของปืนAK-47


หลังของเขาพิงกับต้นไม้ใหญ่ เล็งปืนไปบริเวณที่กว้างด้านหน้าที่คิดว่าไม่มีคนอยู่แน่ๆ จากนั้นเขาจึงลั่นไกปืนออกไป


‘แครก แครก แครก’ เสียงแสบหูของปืนAK ก็ดังขึ้น มันไม่น่าฟังเลยจริงๆ แต่มันก็ทำให้คนรู้สึกได้ถึงอารมณ์เดือดพล่านได้อย่างมาก


“เฮ้ อย่ายิงติดต่อกัน แรงสะท้อนปืนมันจะรุนแรงมาก!” ลุงหนวดรีบเตือนเขา นีลเซ็นยิ้มพร้อมโบกมือปัด เขาอธิบายว่า “บอส ของเรามีพลังเหนือมนุษย์ติดตัวมาตั้งแต่เกิดน่ะ”


คนอื่นๆมองออกว่าฉินสือโอวเป็นนักยิงปืนมือใหม่ ดังนั้นเมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของเขาตอนยิงปืน จึงยืนยิ้มมุงดูเขา เมื่อได้ยินที่นีลเซ็นพูดก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรออกมา พวกเขาไม่เชื่อว่าร่างกายตามแบบชาติพันธุ์มองโกเลียแบบฉินสือโอวจะแข็งแรงขนาดนั้น


ข้อเสียของปืนAK-47 ที่เป็นที่รู้จักกันดีมีอยู่สองข้อนั่นก็คือแรงสะท้อนหลังยิงปืนที่รุนแรงมาก และนอกจากกระสุนสามนัดแรกแล้ว กระสุนนัดต่อไปจะปลิวได้ง่ายมาก แต่ปืนกระบอกนี้เมื่ออยู่ในมือของฉินสือโอว กลับเสถียร ปากกระบอกปืนถูกควบคุมการเคลื่อนไหวไว้ได้ วิถีกระสุนก็ถูกบังคับได้อย่างดี


คนกลุ่มนั้นหันมามองหน้ากัน ตกตะลึงจนพูดไม่ออก พวกเขาเริ่มจะเชื่อคำพูดของนีลเซ็นแล้ว


เมื่อยิงจนลูกกระสุนหมดไปหนึ่งซอง ฉินสือโอวก็รู้สึกสดชื่นราวกับว่าเขาได้ดื่มเบียร์เย็นๆในฤดูร้อน เขาแบกปืนไว้บนบ่า แล้วตะโกนขึ้นมาว่า “สุดยอด!”


เสียงปืนทำให้นกที่อยู่รอบๆตื่นตระหนก ที่สะดุดตาที่สุดก็คือกลุ่มนกพิราบนักเดินทาง พวกมันกรีดเสียงร้องระงมแล้วบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ต่อมานกกระทาบ็อบไวท์อีกหลายตัวก็บุ่มบ่ามบินขึ้นมาอีก


พอลแกล้งทำท่าทางยกปืนขึ้นเล็งส่วนปากก็ทำเสียง ‘ปัง’ ออกมา เขาไม่ได้ยิงขึ้นไปจริงๆ เพราะพวกเขามาเพื่อยิงปืนเล่น ไม่ได้มาเพื่อสังหาร


เมื่อเปลี่ยนตลับกระสุนให้ปืนAK-47เสร็จ ฉินสือโอวจึงค่อยส่งมันคืนให้กับลุงหนวด แล้วจึงยกปืนAR-15 ของตนเองขึ้นมายิงอีกสองนัด เสียงของปืนAR-15 ดังกังวานมาก เสียงดังสะท้อนบนภูเขาก็ดังกังวานชัดเจนมากเช่นกัน นั่นยิ่งทำให้เหล่านกทั้งหลายแตกตื่นกว่าเดิม


และดูเหมือนจะรำคาญเสียงรบกวนของพวกเขา นกอ้วนสีแดงตัวหนึ่งบินออกมาจากในป่า มันบินวนเวียนส่งเสียงร้องแหลมอยู่บนหัวของพวกเขา


ฉินสือโอวเมื่อเงยขึ้นไปดูก็รู้สึกชอบใจขึ้นมา “เฮ้ พวกเราดูสิ นั่นมันแองกรี้เบิร์ดนี่!”


ลำตัวของนกตัวนี้มีขนาดสิบหกถึงสิบเจ็ดเซนติเมตร เมื่อกางปีกออกจะกว้างประมาณยี่สิบเซนติเมตร เจ้านกตัวอ้วนๆ ส่วนท้องของมันเป็นขนสีขาวแต่ส่วนอื่นล้วนเป็นขนสีแดงสด ยกเว้นตรงแก้มของมันที่เป็นสีดำ เหมือนกับกับตัวละครในเกมมือถือชื่อดังอย่างเกมแองกรี้เบิร์ดอย่างไรอย่างนั้น


เจ้านกน้อยกระพือปีกบินไปมา แก้มของมันเป็นสีดำ ดูไปแล้วก็ยิ่งเหมือนกับนกแองกรี้เบิร์ด


พอลหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “ฮ่า นี่คือนกนอร์ธเธิร์น คาร์ดินาล เป็นสิ่งมีชีวิตที่สวยงามมาก ดูเหมือนว่าตัวละครนกแองกรี้เบิร์ดก็คงจะได้ต้นแบบมาจากมันนี่ล่ะ นายดูสิว่าอารมณ์ของมันขี้ฉุนเฉียวขนาดไหน”


หลังจากบินวนอยู่หลายรอบ นกนอร์ธเธิร์น คาร์ดินาลตัวนี้ก็จากไปด้วยความโกรธแค้น เหมือนกับท่าทางที่สื่อความหมายว่าถ้าทำอะไรแกไม่ได้ งั้นฉันจะอยู่ห่างๆจากแกเองแล้วกัน


พวกเขาเดินขึ้นไปตามทางของภูเขา เมื่อถึงที่โล่งกว้าง คนกลุ่มนี้จึงหยุดหาเป้าเพื่อซ้อมยิงปืน พวกเขาไม่ได้สนใจที่จะล่าสัตว์


บนภูเขามีกวางเรนเดียร์และกวางอูฐ นอกจากนี้แล้วไก่ป่าและกระต่ายป่าก็มีไม่น้อย เมื่อพวกเขาเดินมาถึงริมลำธารสายหนึ่ง ก็มองเห็นกวางฝูงหนึ่งที่กำลังกินน้ำอยู่ที่ริมลำธาร


ฝูงกวางเป็นอะไรที่สามารถพบได้บ่อยในแคนาดา ในบางครั้งก็จะสามารถเห็นพวกมันเดินข้ามถนนอย่างสบายอกสบายใจ เนื่องจากไม่ถูกคนล่า ดังนั้นพวกมันจึงไม่กลัวคน แต่แน่นอนว่า พวกมันย่อมกลัวเสียงรบกวน ในตอนที่เสียงปืนดังขึ้น พวกมันก็วิ่งหายวับไปราวกับหมอกควัน


เมื่อฉินสือโอวมองเห็นสัตว์ที่อ้วนพีพวกนั้น น้ำย่อยในกระเพาะก็เริ่มก่อกบฏ เขาถามขึ้นว่า “พวกเราย่างมันเป็นอาหารเที่ยงดีไหม?”


พอลส่ายหัวตอบ “พวกนี้ไม่ได้ นายดูเขาของพวกมันสิ ยังมีไม่เกินหกกิ่งด้วยซ้ำ ถ้าฆ่าก็กินได้แค่เนื้อ สิ้นเปลืองเกินไป รอให้เจอกวางตัวผู้ตัวใหญ่ๆก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”


ตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว เมื่อเจอแม่น้ำแล้ว พวกเขาจึงปักหลักตั้งแคมป์เตรียมทานข้าว


ลุงหนวดนำคนไม่กี่คนใช้หินทรงเหมือนไข่ห่านมาก่อเป็นเตา คนที่เหลือก็ไปเก็บไม้มาทำฟืน ส่วนฉินสือโอวรับหน้าที่ไปจับปลาในลำธาร


“นายทำได้เหรอ ฉิน?” ชายวัยกลางคนที่ชื่อว่าเชอร์ลอร์ด ยิ้มแล้วถามเขาขึ้นมา


ฉินสือโอวขยิบตาแล้วพูดว่า “มา ผมจะใช้มือจับให้คุณดู ผมจะไม่ใช้เครื่องมืออะไรเลย ผมใช้นิ้วแค่มือก็ตกปลาขึ้นมาได้ คุณเชื่อไหมล่ะ?”


เชอร์ลอร์ดเดินเข้ามาใกล้ แล้วพูดกับเขาว่า “ถึงฉันจะไม่ได้อยากจะจริงจังนัก แต่ก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี”


เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินสือโอวก็รู้ได้ทันทีว่าเชอร์ลอร์ดไม่ใช่คนของนครเซนต์จอห์น ถึงจะไม่ใช่คนที่เกิดและโตในนครเซนต์จอห์น แต่สำหรับชาวประมงแล้วการใช้นิ้วจับปลานั้นก็นับว่าอีซี่สุดๆ


แต่ก็แน่นอนว่า มันขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมด้วย ในแม่น้ำและทะเลสาบสามารถใช้นิ้วมือในการตกปลาได้ แต่หากเป็นที่ทะเลนั้นไม่สามารถทำได้ ปลาที่จะถูกตกด้วยนิ้วมือนั้นส่วนใหญ่แล้วเป็นปลาที่กินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร ปลาที่อยู่ในแม่น้ำลำธารส่วนมากแล้วเป็นปลากะพง แต่ถ้าหากเป็นปลาทะเล ปลาตัวใหญ่ๆพันธุ์ไหนก็มีทั้งนั้น ถ้าเจอฉลามก็นับว่าเป็นคุณที่ดวงไม่ดีเอง


ฉินสือโอวเดินไปตามลำธารได้สักพัก เขาก็ใช้จิตสำนึกโพไซดอนค้นหาตำแหน่งของปลากะพงปากใหญ่


ปลากะพงปากใหญ่มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าปลากะพงแคลิฟอร์เนีย มีต้นกำเนิดมาจากแม่น้ำแคลิฟอร์เนีย ต่อมาเนื่องจากเนื้อของปลาชนิดนี้มีความสดอร่อย และเติบโตได้ไว จึงถูกแพร่พันธุ์ไปสู่ทุกๆประเทศทั่วโลก ประเทศแคนาดาเป็นเพื่อนบ้านกับประเทศอเมริกา ต้องมีปลาชนิดนี้อยู่ด้วยแน่นอน


ปลาชนิดนี้เป็นปลาที่กินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร พวกมันมีความสามารถในการย่อยอาหารที่ดีมาก อีกทั้งยังตะกละเป็นพิเศษ ในเวลาที่มันหิวโหยก็สามารถทำได้ถึงกระทั่งกินพวกเดียวกันเอง ดังนั้นขอเพียงแค่ในลำธารมีปลาชนิดนี้อยู่ ก็จะเป็นเรื่องดีต่อนักตกปลา เนื่องจากการตกปลาชนิดนี้เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก


บนเขาเคอร์บัลไม่มีร่องรอยของมนุษย์ ผู้ที่ตกปลาตามธรรมชาติก็มีน้อยเช่นกัน ทรัพยากรปลาในลำธารจึงอุดมสมบูรณ์ เพียงครู่เดียวฉินสือโอวก็พบกับปลากะพงขนาดน้อยใหญ่สิบกว่าตัวที่อยู่ตรงบริเวณริมลำธาร จึงได้เดินข้ามไปหา


ก่อนหน้านี้เขาเตรียมเนื้อวัวมาด้วยหนึ่งชิ้น เขายืนอยู่ริมฝั่งแล้วใช้มีดทหารหั่นเนื้อออกเป็นเส้นเล็กๆบางๆจากนั้นจึงโปรยลงไปในน้ำ เนื้อเส้นค่อยๆตกลงไป เขาก็นั่งยองๆลง แล้วจึงเอานิ้วโป้งจุ่มลงไปกับน้ำเลือดที่ติดอยู่บนเนื้อเส้นพวกนั้น ต่อมาเขาจึงก็สะบัดนิ้วโป้งไปบนผิวน้ำเบาๆ


เดิมทีฉินสือโอวคิดไว้ว่า ถ้าปลากะพงพวกนี้ไม่กินเหยื่อ เขาจะใช้จิตสำนึกโพไซดอนบังคับปลาที่โชคร้ายขึ้นมาเหมือนเล่นโชว์มายากล ไม่ใช่เพราะเขาอยากจะได้หน้า แต่เป็นเพราะเขาไม่ต้องการเสียเวลาต่างหาก


ปรากฏว่าเนื้อวัวกลับก่อให้เกิดแรงดึงดูดต่อปลากะพงพวกนี้เป็นอย่างมาก เมื่อพวกมันได้กินเนื้อวัวก็ยิ่งถูกดึงดูดให้ว่ายมายังตำแหน่งที่ฉินสือโอวอยู่


เมื่อมองเห็นนิ้วหัวแม่มืออันใหญ่กำลังขยับอยู่บนน้ำ ก็คิดว่าเป็นแมลงตัวใหญ่ ปลากะพงขนาดยาวกว่าสามสิบเซนติเมตรตัวหนึ่งกระโดดบุกขึ้นมาอย่างรีบร้อน มันอ้าปากออกแล้วกัดเข้าไป!


คราวนี้เป็นช่วงที่สำคัญที่สุดของการใช้นิ้วมือตกปลา การตอบสนองต้องรวดเร็ว แรงของนิ้วมือก็ต้องมากด้วย ไม่เช่นนั้นก็จะหลุดมือแล้วจับปลาไม่ได้


โชคดีที่ฉินสือโอวมีองค์ประกอบเหล่านี้อยู่ครบ เมื่อปลากะพงปากใหญ่ตัวนั้นเริ่มอ้าปากงับนิ้ว ไม่ต้องรอให้มันปิดปาก ฉินสือโอวก็ใช้นิ้วมือที่มีความไวดั่งสายฟ้าประกบปิดเหงือกมัน แล้วจับมันขึ้นมาโยนไว้ที่ริมลำธารทันที


“โอ้ องค์เยซูคริสต์!”ตาของเชอร์ลอร์ดแทบจะถลนออกมา “ฉันใช้เบ็ดตกปลายังตกปลาไม่ได้เลย แต่นายกลับใช้นิ้วมือตกปลาขึ้นมาได้จริงๆเนี่ยนะ? นี่มันเจ๋งมากจริงๆ”


เพื่อนคนรักปืนที่เกิดและโตในนครเซนต์จอห์นก็หัวเราะออกมา พอลพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “เป็นทักษะที่เยี่ยมยอดอย่างแท้จริงๆ ฉันก็เคยเห็นคนใช้นิ้วมือตกปลามาก่อน แต่ไม่มีใครที่ตกปลาได้เร็วขนาดนี้ คล่องแคล่วขนาดนี้”


คนอื่นๆต่างก็คิดว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ พวกเขาต่างก็พากันยกนิ้วโป้งให้ฉินสือโอว ลุงหนวดก็ส่งปืนAKให้เขาเอาไปยิงอย่างใจป้ำ แถมยังเติมลูกกระสุนให้เขาได้ยิงเล่นอีกหนึ่งซอง


ฉินสือโอวปล่อยให้นีลเซ็นเป็นคนจัดการปลากะพง เขารับปืนAK มา แล้วเดินข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเขากวาดสายตามองไปในป่าหนึ่งรอบ มองเข้าไปได้ครึ่งทางครู่ต่อมาสายตาของเขาก็ต้องตะลึงงัน เขาพูดเสียงต่ำว่า “เพื่อนยาก เจ้านายใหญ่ปรากฏตัวแล้ว!”


ทุกคนต่างก็ค่อยๆยกปืนในมือขึ้น มองตามปลายกระบอกปืนของฉินสือโอวไป คราวนี้สัตว์ตัวใหญ่ขนสีดำสนิทก็เดินโซเซออกมาจากป่าของภูเขา เพื่อตรงมายังริมลำธาร มันก้มหัวลง ‘ตูมตูม’ แล้วเริ่มกินน้ำ


ลำตัวของสัตว์ตัวนี้มีขนาดใหญ่ถึงสองเมตร ขาสี่ข้างทั้งยาวทั้งหนา จมูกชิดกับปากยาวแหลม ข้างๆปากทั้งสองด้านของมันประดับด้วยเขี้ยวสีน้ำตาลทอง ทั่วทั้งตัวของมันถูกปกคลุมด้วยแผงขนสีน้ำตาลคล้ำ ดวงตามีขนาดใหญ่เท่ากระดิ่งทองแดง แฝงไปด้วยแววตาดุร้าย!


ไม่ต้องสงสัยเลย มันคือหมูป่าขนาดใหญ่นั่นเอง!”


………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)