เทพปีศาจหวนคืน 1087-1088

 เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1087 แพะไท่ชิว


แปลโดย iPAT 


 


ฟางหยวนเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืนโดยไม่หยุดพัก


 


เมื่อเห็นกลุ่มก้อนเมฆ ฟางหยวนจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือด นอกจากนั้นเขาจะใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ


 


เขาเดินทางผ่านสถานที่อันตรายมาตลอดทาง มีผู้บ่มเพาะสันโดษและกองกำลังใหญ่อยู่รอบๆ ฟางหยวนไม่กล้าใช้วิญญาณอมตะอย่างเปิดเผย


 


กลยุทธ์ของเขาถูกต้อง หลังจากม้าบินหกปีกเขาเดี่ยวและตะขาบมังกร เขายังไม่พบเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอื่น


 


เจตจำนงสวรรค์ต้องใช้เวลาในการวางกับดัก


 


พลังอำนาจของเจตจำนงสวรรค์มีขีดจำกัด มันสามารถส่งอิทธิพลต่อความคิดของม้าบินหกปีกเขาเดี่ยวและตะขาบมังกรแต่ไม่สามารถโจมตีฟางหยวนโดยตรง


 


ความสามารถของเจตจำนงสวรรค์คือการสร้างสถานการณ์


 


แต่ตอนนี้ความเร็วของฟางหยวนสูงมาก เจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถสร้างสถานการณ์ได้ทันเวลา


 


เจตจำนงสวรรค์ต้องคิดและวางแผน


 


เรื่องนี้เกิดจากเทพอมตะกลุ่มดาว


 


ตามข้อมูลของนิกายเงา ก่อนการถือกำเนิดของเทพอมตะกลุ่มดาว เจตจำนงสวรรค์ค่อนข้างรับมือได้ง่าย แต่หลังจากเทพอมตะกลุ่มดาวเสียชีวิตและหลอมรวมกับสวรรค์ เจตจำนงสวรรค์เริ่มมีความคิดที่ซับซ้อนมากขึ้น


 


ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่บินไปข้างหน้าเป็นเส้นตรง


 


เขาบินเป็นเส้นโค้งและอ้อมไปในทิศทางต่างๆ หากเขาบินเป็นเส้นตรง เจตจำนงสวรรค์จะสามารถวางกับดักไว้ล่วงหน้า


 


ในความเป็นจริงเจตจำนงสวรรค์อาจตระหนักว่าจุดหมายปลายทางของฟางหยวนคือไท่ชิวและอาจเตรียมกับดักไว้ที่นั่น


 


หากเป็นเช่นนี้ มันจะอันตรายมาก ภารกิจของเขาอาจล้มเหลว ชีวิตของเขาอาจตกอยู่ในอันตราย


 


อย่างไรก็ตามด้วยความเร็วของฟางหยวน เจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถหยุดเขา


 


แน่นอนว่าฟางหยวนจะไม่ย้อนกลับหลัง หากเจตจำนงสวรรค์จัดตั้งกับดักไว้ด้านหลัง เขาจะตกลงสู่หลุมพรางและกลายเป็นคนโง่


 


ฟางหยวนเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง ดังนั้นสามวันหลังจากพบตะขาบมังกร เขาก็เริ่มมองเห็นไท่ชิว


 


รูปลักษณ์ของไท่ชิวเหมือนหอคอยหยกจำนวนนับไม่ถ้วน


 


สัตว์ร้ายทุกชนิดเดินเตร็ดเตร่อยู่ภายใน เสียงกรีดร้องคำรามของสัตว์อสูรดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง


 


มันเป็นฉากที่ยิ่งใหญ่ของป่าดึกดำบรรพ


 


ฟางหยวนหยุดใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติและเข้าไปในไท่ชิวโดยตรง


 


เปรียบเทียบกับไท่ชิว ฟางหยวนไม่ต่างจากแมลงวันตัวน้อยที่ไร้นัยยะสำคัญ


 


เกิดความปั่นป่วนขึ้นด้านหน้าราวกับคลื่นสัตว์อสูรกำลังพุ่งเข้ามา


 


ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบางและกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด


 


วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด!


 


มันสามารถปิดผนึกกลิ่นอายและป้องกันการอนุมาน นอกจากนี้มันยังสามารถหลบซ่อนจากเจตจำนงสวรรค์ได้ในระดับหนึ่ง!


 


วิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์!


 


ฟางหยวนเปลี่ยนเป็นแพะเขาเดี่ยวและเดินเข้าสู่ความสับสนวุ่นวายอย่างช้าๆ


 


‘หากเจตจำนงสวรรค์มีอารมณ์ความรู้สึก มันคงกำลังตกใจและรู้สึกสับสนอยู่ในเวลานี้’ ฟางหยวนลอบหัวเราะอยู่ภายใน


 


วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดเป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ของฟางหยวน


 


ย้อนกลับไปเมื่อไห่ลั่วหลันยังเป็นมนุษย์ นางพึ่งพาวิญญาณอมตะดวงนี้เพื่อปกปิดกลิ่นอายของสุดยอดกายาเทพยุทธที่แท้จริงและสามารถรอดชีวิตมาได้


 


เหตุใดภัยพิบัติของสิบสุดยอดกายาจึงทรงพลังกว่าคนทั่วไป?


 


นั่นเป็นเพราะสวรรค์ต้องการกำจัดส่วนเกินและเติมส่วนขาด มันไม่ต้องการให้มีการดำรงอยู่ของสิบสุดยอดกายาเพื่อรักษาสมดุลของโลกใบนี้


 


มิติช่องว่างจักรพรรดิของฟางหยวนเหนือกว่าสิบสุดยอดกายา พลังอำนาจของภัยพิบัติที่เขาต้องเผชิญจึงเหนือกว่าเช่นกัน กระทั่งวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดยังถูกจำกัด


 


ฟางหยวนคิด ‘เทพธิดาเจียงหยูเป็นสมาชิกของนิกายเงา เพื่อต่อต้านเจตจำนงสวรรค์ นิกายเงามีเครื่องมือเช่นวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดอยู่มากมาย หากอิงอู๋เซี่ยสามารถหลบหนีจากสถานการณ์คับขันและใช้ทรัพยากรที่เหลืออยู่ของนิกายเงา อนาคตของเขาอาจไม่มีอุปสรรค เขาจะมีช่วงเวลาที่ง่ายดายขึ้น’


 


แพะเขาเดี่ยวเป็นสัตว์อสูรเดียวดายที่หาได้ทั่วไปในไท่ชิว การปลอมตัวของเขาสมบูรณ์แบบมาก


 


มันแตกต่างจากร่างของผู้อมตะที่จะถูกจับตามองในไท่ชิว


 


หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พบสัตว์อสูรเดียวดายตัวหนึ่ง


 


ม้าทรายทองดำ


 


มันเป็นม้าขนาดใหญ่


 


ร่างกายของมันใหญ่โตกว่าแพะเขาเดี่ยวของฟางหยวน มันเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ผิวหนังเป็นสีทองดำ และมีหกขา


 


ม้าทรายทองดำกำลังกินหญ้า


 


ตระหนักถึงแพาะเขาเดี่ยว ม้าทรายทองดำเงยศีรษะขึ้นตรวจสอบแขกที่ไม่ได้รับเชิญผู้นี้


 


สัตว์อสูรเดียวดายมีอาณาเขตของพวกมันเอง แพะเขาเดี่ยวกำลังบุกรุกดินแดนของม้าทรายทองดำตัวนี้


 


แต่ม้าทรายทองดำไม่ได้กินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร นอกจากนั้นแพะเขาเดี่ยวก็เป็นสัตว์กินพืชเช่นกัน ดังนั้นม้าทรายทองดำจึงไม่รู้สึกถึงภัยคุกคามจากแพะเขาเดี่ยว


 


แต่มันยังระวังตัว


 


มันมองฟางหยวนกระทั่งเขาเดินห่างออกไป หลังจากนั้นม้าทรายทองดำจึงก้มศีรษะลงกินหญ้าอีกครั้ง


 


ฟางหยวนเลือกเปลี่ยนร่างเป็นแพะเขาเดี่ยวหลังจากพิจารณามาอย่างรอบคอบ


 


ในภาคเหนือมีสัตว์อสูรประเภทหมาป่าอยู่มากมาย แต่หากเขาเปลี่ยนเป็นหมาป่าเดียวดาย เขาจะพบกันการตอบสนองที่รุนแรงจากม้าทรายทองดำ


 


ฟางหยวนเดินหน้าต่อไป


 


เขาสามารถจดจำแผนที่ของไท่ชิวหรือกระทั่งเขาจะไม่สามารถจดจำบางสิ่ง เขาก็ยังมีวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ


 


‘ตำแหน่งแรกอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้’ ฟางหยวนมองไปรอบๆ


 


แต่ต้นไม้ในไท่ชิวสูงมาก ยิ่งลึกก็ยิ่งสูง แม้ร่างแพะเขาเดี่ยวของฟางหยวนจะค่อนข้างใหญ่โต แต่มันยังดูเล็กมากหากเปรียบเทียบกับสภาพแวดล้อม


 


ระหว่างทางฟางหยวนพบสัตว์อสูรเดียวดายมากมาย


 


ส่วนใหญ่เป็นสัตว์กินพืช มีสัตว์กินเนื้อบ้างเล็กน้อย


 


ฟางหยวนใช้สติปัญญาในการผ่านสัตว์อสูรเดียวดายเหล่านั้น แม้จะพบอุปสรรคบ้างแต่เขาก็สามารถผ่านมันมาได้


 


“บลา…บลา…”


 


เสียงร้องของแพะดังเข้าหูของฟางหยวน


 


ในก่อหญ้าด้านหน้ามีกลุ่มแพะเขาเดี่ยวฝูงใหญ่


 


ฟางหยวนลอบถอนหายใจ ‘นี่เป็นสัตว์อสูรฝูงแรกที่ข้าพบ’


 


ฝูงแพะมีประมาณหนึ่งร้อยตัว พวกมันกำลังกินหญ้า บางตัวนอนอยู่บนพื้น บางตัวกำลังเดินเล่น


 


ฟางหยวนเดินเข้าสู่อาณาเขตของพวกมัน


 


ฝูงแพะเขาเดี่ยวมองเขา


 


นี่เป็นครั้งแรกที่พวกมันเห็นแพะเขาเดี่ยวที่ไม่รู้จัก


 


ฟางหยวนเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง


 


กระทั่งเขาจะมีวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ มันก็ยังมีข้อบกพร่อง หากหนึ่งในฝูงแพะมีวิญญาณอมตะป่าสายตรวจสอบและมองทะลุการปลอมแปลงของฟางหยวน มันจะกลายเป็นหายนะ


 


เพื่อความปลอดภัย ฟางหยวนลอบใช้วิญญาณทัศนคติอย่างลับๆ


 


ทันใดนั้นฝูงแพะพลันรู้สึกถึงทัศนคติของฟางหยวนและมองเขาด้วยสายตาที่อบอุ่น


 


ฟางหยวนเดินไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว มีแพะเขาเดี่ยววัยเยาว์หลายตัววิ่งมาหาเขาและเฝ้ามองด้วยดวงตากลมโต สองตัวในนั้นวิ่งไปรอบๆฟางหยวนและกระโดดไปมา


 


ฟางหยวนเดินจากมาด้วยความปลอดภัย


 


แพะเขาเดี่ยววัยเยาว์สองสามตัวเดินตามเขามาระยะหนึ่งก่อนที่พวกมันจะถูกพ่อแม่เรียกให้กลับไป


 


ฟางหยวนถอนหายใจด้วยความเสียดาย


 


หากเขาสามารถนำแพะเขาเดี่ยววัยเยาว์สองสามตัวที่ตามมาเก็บไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ นั่นจะยอดเยี่ยมมาก


 


แต่เขาไม่มีโอกาสที่จะทำมัน


 


เมื่อออกจากอาณาเขตของแพะเขาเดี่ยว ฟางหยวนก็เข้าใกล้จุดหมายปลายทางแรก


 


เขาปราศจากความกังวลและตรวจสอบด้วยตนเอง


 


‘พลังอำนาจของวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดเริ่มอ่อนแอลง แต่มันยังอยู่ได้อีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง’ ฟางหยวนประเมิน


 


หลังจากใช้งานวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด มันจำเป็นต้องพักผ่อนชั่วขณะก่อนที่ฟางหยวนจะสามารถกระตุ้นใช้งานมันอีกครั้ง


 


พลังอำนาจของมันคือการปกปิดกลิ่นอาย แต่เมื่อเวลาผ่านไปพลังอำนาจของมันจะค่อยๆลดลง


 


เรื่องนี้จะแตกต่างกันออกไปตามผู้ใช้วิญญาณแต่ละคน


 


ตัวอย่างเช่นมันจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากผู้ใช้งานเป็นไห่ลั่วหลันที่ยังเป็นมนุษย์ หากผู้อมตะใช้งานมัน พลังอำนาจของมันจะลดลง ในกรณีที่เป็นผู้อมตะบนเส้นทางสายอื่น ผลลัพธ์ของมันอาจแย่ลงไปอีก แต่ฟางหยวนไม่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งของพลังงานแห่งเต๋า


 


กล่าวโดยสรุป ฟางหยวนสามารถใช้พลังอำนาจของวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ


 


อย่างไรก็ตามเจตจำนงสวรรค์ยังพยายามค้นหาเขาขณะเดียวกันสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลจะโจมตีเขาหากพลังอำนาจในการปิดผนึกกลิ่นอายของวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดลดลง


 


ฟางหยวนเข้าใกล้จุดหมายแรก


 


ก่อนจะบรรลุถึง ฟางหยวนตระหนักแล้วว่าสถานที่แห่งนี้เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์


 


แผนที่ระบุว่าที่นี่มีซากศพของสัตว์อสูรแรกกำเนิด ราชสีห์ปราญแรกกำเนิด นอกจากนั้นยังมีฝูงราชสีห์ปราณระดับสัตว์อสูรเดียวดายและราชสีห์ปราณระดับสัตว์อสูรบรรพกาลปกป้องอยู่


 


แต่ตอนนี้ซากศพราชสีห์แรกกำเนิดหายไปและปราศจากร่องรอยของฝูงราชสีห์ปราณใดๆ ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายสายตรวจสอบและได้ยินเสียงเห่าหอนของฝูงหมาป่า


 


หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง


 


‘หมาป่าโลหิตเดียวดาย! และยังมีอย่างน้อยสามสิบตัว!’


 


ฝูงหมาป่าเดียวดาย


 


แม้จะไม่ใช่ฝูงใหญ่ พวกมันก็ยังเป็นสัตว์กินเนื้อที่ดุร้ายมาก


 


ฟางหยวนไม่จำเป็นต้องเข้าไปใกล้พวกมัน เพียงใช้ท่าไม้ตายสายตรวจสอบระดับมนุษย์ เขาก็ได้รับข้อมูลมากมาย


 


นี่คือความฉลาดของมนุษย์


 


หมาป่าเดียวดายอาจมีวิญญาณอมตะป่าในการครอบครอง แต่พวกมันไม่สามารถกระตุ้นใช้งานด้วยความต้องการของตนเอง เปรียบเทียบกับผู้อมตะที่สามารถควบคุมวิญญาณอมตะ มันเป็นเรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง


 


ฟางหยวนคิดกับตนเอง ‘สถานที่แรกเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซากศพของราชสีห์ปราณแรกกำเนิดหรือฝูงราชสีห์ปราณเดียวดายและราชสีห์ปราณบรรพกาล พวกมันหายไปทั้งหมดด้วยเหตุผลบางประการ หลังจากสามแสนปี ฝูงหมาป่าโลหิตได้เข้ามาแทนที่’


 


ฟางหยวนไม่ลังเลและจากไปทันที


 


เขาเดินอ้อมฝูงหมาป่าโลหิตและมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางที่สอง


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1088 บรรลุเป้าหมาย


แปลโดย iPAT 


 


วันต่อมาในไท่ชิว


 


‘สถานที่แห่งนี้…’ ฟางหยวนปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่สูงหลายร้อยเมตรและกวาดตามองไปรอบๆ


 


มันเป็นซากปรักหักพังที่ดูเหมือนถูกโจมตีด้วยสายฟ้า


 


ตอนนี้ฟางหยวนอยู่ในรูปลักษณ์ของวานรตัวหนึ่ง


 


สัตว์อสูรบรรพกาล วานรกลืนกินเปลวเพลิง


 


แม้ร่างกายของเขาจะไม่ใหญ่โตแต่เขาไตร่ตรองมาแล้ว


 


แพะเขาเดี่ยวไม่สามารถเดินทางเตร็ดเตร่ไปทั่วโดยเฉพาะส่วนลึกของไท่ชิว


 


วานรกลืนกินเปลวเพลิงเป็นกรณีพิเศษ


 


มันแข็งแกร่งแต่กินเพียงเปลวเพลิง ดังนั้นมันจึงสามารถเดินทางไปรอบๆ มันไม่ใช่อาหารของสัตว์อสูรชนิดอื่นเช่นกัน ดังนั้นมันจึงเหมาะสมสำหรับภารกิจของฟางหยวน


 


หากไม่เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นวานรกลืนกินเปลวเพลิง ฟางหยวนจะไม่สามารถมาที่นี่


 


‘ต้นพันอสรพิษ…’ ฟางหยวนมองเห็นมันในระยะไกล


 


นี่เป็นตำแหน่งที่สามในแผนที่ไท่ชิว


 


ตำแหน่งแรกถูกยึดครองโดยฝูงหมาป่าโลหิตเดียวดาย ตำแหน่งที่สองมีเพียงความว่างเปล่าและกลายเป็นสนามรบของสัตว์อสูรสองกลุ่ม


 


ตอนนี้ฟางหยวนอยู่ในตำแหน่งที่สาม


 


มีต้นพันอสรพิษอยู่ที่นี่


 


นี่คือพืชอสูรแรกกำเนิด มันเป็นต้นไม้ที่ใหญ่โตราวกับภูเขาและมีกิ่งก้านนับหมื่นนับแสนราวอสรพิษ ตรงปลายกิ่งก้านเหล่านั้นยังเป็นศีรษะอสรพิษ


 


มันกินสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลที่เดินผ่านมาเป็นอาหารโดยใช้กิ่งก้านสาขาของมันไล่ล่า จับกุม และดูดเลือด


 


รูปแบบชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนตกตายอยู่ที่นี่และกลายเป็นกองซากศพที่เน่าเปื่อยซึ่งปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความตายออกมา


 


พลังงานบวกและพลังงานลบจะดึงดูดกัน ดังนั้นสายฟ้าสวรรค์จะพุ่งลงมาโจมตีต้นพันอสรพิษต้นนี้เป็นครั้งคราว


 


มันไม่เป็นไรหากเป็นพายุฝนทั่วไป แต่หากโชคไม่ดีและพบกับบอลสายฟ้าสวรรค์ขนาดใหญ่ ผลลัพธ์จะเป็นหายนะ


 


ต้นพันอสรพิษไม่มีศัตรูโดยธรรมชาติ มันเป็นพืชอสูรแรกกำเนิดที่ปกครองดินแดนแห่งนี้ นี่ทำให้มันดึงดูดความสนใจของเจตจำนงสวรรค์และถูกโจมตีโดยสายฟ้าสวรรค์


 


หลังจากสามแสนปี ต้นพันอสรพิษจึงถูกแผดเผาและกลายเป็นปล่องภูเขาไฟที่มีควันดำลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าตลอดเวลา


 


‘แต่ต้นพันอสรพิษยังไม่ตาย!’ ท่ามกลางความมืด ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น


 


บรรพชนผมยาวทิ้งแผนที่ไท่ชิวฉบับนี้เอาไว้ แต่ตลอดสามแสนปี ต้นพันอสรพิษกลับไม่ตายและยังมีชีวิตอยู่ที่นี่!


 


‘มนุษย์คือจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด แต่พลังชีวิต อายุขัย ร่างกาย และดวงวิญญาณของพวกเรายังด้อยกว่าสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ต้นพันอสรพิษมีพลังชีวิตสูงที่สุด มันยังสามารถมีชีวิตแม้จะถูกเผาทำลายด้วยเปลวเพลิงและสายฟ้า’ ฟางหยวนถอนหายใจ


 


ตอนนี้ต้นพันอสรพิษเอนกายนอนอยู่บนพื้นอย่างสมบูรณ์ นอกจากนั้นมากกว่าครึ่งของมันยังเน่าเปื่อยผุพัง


 


ต้นพันอสรพิษที่สมบูรณ์จะสูงกว่าภูเขาหนึ่งลูกหากมันตั้งตัวขึ้น การโจมตีจากกิ่งก้านอสรพิษของมันครอบคลุมพื้นที่เป็นวงกว้าง


 


ฟางหยวนรู้สึกได้ว่ากิ่งก้านมากมายของมันยังมีชีวิตอยู่ พวกมันเป็นอสรพิษที่เคลื่อนที่ไปรอบๆอย่างช้าๆ หากมันพบเหยื่อ มันจะโจมตีและสังหารเหยื่ออย่างรวดเร็ว


 


แม้ต้นพันอสรพิษต้นนี้จะอยู่ในสภาพที่น่าอนาถ แต่มันยังสามารถสังหารสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาล


 


ฟางหยวนสังเกตและค้นพบสิ่งใหม่ๆ ‘โชคลาภและภัยพิบัติมักมาพร้อมกัน ต้นพันอสรพิษต้นนี้สังหารสัตว์อสูรมากมาย ศพของพวกมันกองเป็นภูเขา ตอนนี้กิ่งก้านอสรพิษของมันเหลืออยู่ไม่มากและมีขีดจำกัดในการล่า เมื่อปราณเย็นไม่เพิ่มขึ้น มันจะไม่ดึงดูดสายฟ้าลงมาอีก’


 


นั่นเป็นเหตุผลที่ต้นพันอสรพิษยังมีชีวิตอยู่


 


แต่ฟางหยวนยังขมวดคิ้ว


 


เขาเสี่ยงชีวิตเดินทางมาไท่ชิวเพื่อหาสถานที่เหมาะสมในการจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่


 


นี่เป็นตำแหน่งที่สามที่ฟางหยวนมาตรวจสอบ


 


สองแห่งแรกเปลี่ยนแปลงไปแล้วและไม่เหมาะสม


 


แต่ต้นพันอสรพิษยังมีชีวิตอยู่ นี่เป็นพืชอสูรแรกกำเนิด มันมีพลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวที่สามารถแข่งขันกับผู้อมตะระดับแปด กระทั่งมันจะอ่อนแอลงแต่มันยังเป็นสิ่งมีชีวิตระดับแปด ฟางหยวนไม่กล้าเผชิญหน้ากับมัน นี่เป็นปัญหาใหญ่ในแผนการของนิกายหลางหยา


 


หากเกิดการต่อสู้ขึ้นที่นี่ มันอาจดึงดูดคลื่นสัตว์อสูร


 


‘นั่นหมายความว่าข้าปฏิบัติภารกิจสำเร็จและล้มเหลวในเวลาเดียวกัน แม้ข้าจะสามารถตรวจสอบความถูกต้องของแผนที่แต่ข้าไม่สามารถหาสถานที่เหมาะสมในการจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่ของนิกายหลางหยา’


 


‘แต่นั่นไม่สามารถช่วยได้ พลังอำนาจของวิญญาณขีดจำกัดความมืดกำลังอ่อนแอลง ข้าควรจากไปเป็นอันดับแรกและกลับมาอีกครั้งคราวหน้า’


 


ฟางหยวนลอบถอนหายใจ


 


หากเขาประสบความสำเร็จในครั้งนี้ นั่นจะดีที่สุด หลังจากทั้งหมดสถานการณ์ปัจจุบันของฟางหยวนยังไม่ดีนัก เขามีทั้งภัยคุกคามจากภายนอกและภายใน


 


หากฟางหยวนต้องมาที่นี่อีกครั้ง เขาจะไม่มีเวลาเตรียมตัวสำหรับเรื่องอื่นๆ


 


เขายุ่งมาก


 


การจัดการมิติช่องว่างจักรพรรดิเป็นเรื่องใหญ่ เขากังกลเกี่ยวกับการบ่มเพาะของตนเอง เขายังต้องจัดการปัญหาของร่างผีดิบอมตะ นอกจากนั้นยังมีเรื่องของฟางเจิ้ง


 


แต่สิ่งต่างๆในชีวิตมักไม่เป็นไปตามความคาดหวังของผู้คน


 


ฟางหยวนจากไปอย่างช้าๆ


 


เขาเลือกทิศทางที่ใกล้ที่สุดเพื่อเดินทางกลับ


 


แต่ปัญหาคือหลังจากฟางหยวนเดินทางมาได้ระยะหนึ่ง เขากลับค้นพบบางสิ่ง


 


อันดับแรก สัตว์อสูรบรรพกาลสองตัวกำลังต่อสู้กันเป็นเหตุให้เกิดความปั่นป่วนขึ้น ต่อมา ฝูงสัตว์อสูรสามกลุ่มยังเข้าร่วมในการต่อสู้ นั่นทำให้เกิดเป็นการต่อสู้ที่ชุลมุนวุ่นวาย


 


ทั้งหมดปิดกั้นเส้นทางของฟางหยวน


 


‘คลื่นสัตว์อสูร…’


 


‘เป็นเช่นนี้’


 


‘พลังอำนาจของวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดลดลงในระดับนี้แล้วงั้นหรือ? กระทั่งเจตจำนงสวรรค์จะไม่สามารถตรวจสอบตำแหน่งที่แน่ชัดของข้า แต่มันยังรู้ตำแหน่งคร่าวๆ ดังนั้นมันจึงสร้างความวุ่นวายขึ้นในไท่ชิวเพื่อสะกัดกั้นข้า’


 


‘ฮืม…ข้ามีวิญญาณกาลเวลาและอสูรหิมะจำนวนมาก พวกมันเต็มไปด้วเจตจำนงสวรรค์ แม้พวกมันจะอยู่ในมิติช่องว่างของข้า แต่เจตจำนงสวรรค์ที่อยู่ภายในยังสามารถส่งเสียงสะท้อนออกมาติดต่อกับเจตจำนงสวรรค์ที่อยู่ภายนอก’


 


ฟางหยวนขมวดคิ้วลึก


 


ก่อนหน้านี้เขายังประเมินเจตจำนงสวรรค์ต่ำเกินไป


 


กล่าวตามตรรกะ มิติช่องว่างคือแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์ที่แยกออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ เจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถเข้าแทรกแซงโลกใบเล็ก


 


แต่ตอนนี้ฟางหยวนรู้แล้ว หากเจตจำนงสวรรค์เข้าไปในโลกใบเล็กเหล่านี้ มันสามารถติดต่อกับเจตจำนงสวรรค์ของโลกภายนอกและทำงานร่วมกัน


 


ด้วยการเชื่อมต่อของเจตจำนงสวรรค์ พลังอำนาจของวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดจึงลดลง แม้เจตจำนงสวรรค์จะไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของฟางหยวน มันยังสามารถสร้างความปั่นป่วนขึ้นรอบๆเพื่อกำจัดเขาอย่างไร้ปรานี


 


‘ประสบการณ์นำไปสู่การรู้แจ้ง! หรือบางทีข้อมูลของนิกายเงาอาจไม่สมบูรณ์ ข้าไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีก!’ ฟางหยวนคิดและเคลื่อนไหวทันที


 


เขากระโดดไปตามต้นไม้และเคลื่อนที่ออกห่างจากฝูงสัตว์อสูรเพื่อหลีกเลี่ยงกับดักของเจตจำนงสวรรค์


 


แต่มันช้าเกินไป


 


สัตว์อสูรบรรพกาลสองตัวและฝูงสัตว์อสูรที่ต่อสู้กันสร้างความปั่นป่วนขึ้นในวงกว้าง


 


คลื่นสัตว์อสูรฝูงหนึ่งพุ่งเข้ามาหาฟางหยวน


 


มันมีทั้งสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลที่กำลังบ้าคลั่ง


 


พวกมันอยู่ในสภาวะสูญเสียเหตุผลและใช้เพียงสัญชาตญาณการอยู่รอด


 


เสียงคำรามดังขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่การต่อสู้ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ


 


ฟางหยวนรู้สึกราวกับตนเองเป็นแผ่นไม้เล็กๆที่ลอยไปตามกระแสน้ำ


 


เขาไม่สามารถช่วยเหลือตนเองและทำได้เพียงเคลื่อนที่ไปพร้อมกับคลื่นสัตว์อสูรเท่านั้น


 


เขายังต้องปลอมตัวต่อไป หากตัวตนของเขาเปิดเผยออกมา เจตจำนงสวรรค์จะใช้คลื่นสัตว์อสูรกำจัดเขา เมื่อเวลานั้นมาถึง แม้เขาจะมีพลังงานอมตะอย่างไม่จำกัดและวิญญาณอมตะจำนวนมาก เขาก็ยังจะตกตายโดยปราศจากซากศพ


 


หลังจากทั้งหมดเขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก


 


แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณเปลี่ยนรูปลักษณ์และวิญญาณทัศนคติรวมถึงท่าไม้ตายใบหน้าที่คุ้นเคย แต่การปลอมตัวยังไม่เพียงพอ


 


พลังอำนาจของวิญญาณขีดจำกัดความมืดกำลังจะหมดลง เมื่อถึงจุดหนึ่ง ฟางหยวนจะถูกค้นพบโดยเจตจำนงสวรรค์


 


เมื่อตัวตนของเขาถูกเปิดเผย มันจะเป็นเวลาตายของเขา แต่เขาไม่สามารถซ่อนตัวได้ตลอดไป


 


ฟางหยวนรู้สึกถึงอันตรายขณะที่เขาไม่สามารถหาทางออกจากสถานการณ์


 


‘บางทีข้าอาจต้องรับความเสี่ยงเพื่อหาโอกาสอยู่รอด’ ฟางหยวนคิด


 


หากมีทางเลือกอื่น เขาจะไม่เลือกทางสายนี้


 


ตอนนี้เขาสามารถเพียงฝากความหวังไว้กับท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดและวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ


 


แต่ที่นี่คือส่วนลึกของไท่ชิว


 


มีสัตว์อสูรเดียวดายอยู่ทุกหนทุกแห่ง สัตว์อสูรบรรพกาลก็มีจำนวนไม่น้อย เจตจำนงสวรรค์จะใช้พวกมันปิดกั้นเส้นทางของฟางหยวน


 


เป็นเพียงเวลานี้ที่คลื่นสัตว์อสูรเปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน ก่อนหน้านี้พวกมันเคลื่อนที่มาข้างหน้า แต่ตอนนี้พวกมันกลับแยกย้ายออกไปด้านข้าง


 


‘นี่!?’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น


 


เขามองซากศพขนาดใหญ่โตที่อยู่ด้านหน้า มีเปลวเพลิงสีฟ้าลุกไหม้อยู่แต่กลับไม่มีความร้อน


 


ฟางหยวนรู้สึกถึงแรงกดดัน


 


นี่คือซากศพของสัตว์อสูรแรกกำเนิด!


 


มันพึ่งตายและปลดปล่อยกลิ่นอายอันทรงพลังออกมา กระทั่งคลื่นสัตว์อสูรยังต้องหลบเลี่ยง


 


‘โชคชะตาช่างเป็นสิ่งที่ลึกลับนัก เมื่อข้ายอมแพ้ ความหวังกลับพุ่งเข้ามาหา’ ฟางหยวนอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)