พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1085-1086
บทที่ 1085 มารดาเจ้าเถอะ!
โดย
Ink Stone_Fantasy
“เหมียวอี้พูดไม่ออก ยังนึกว่าจะสามารถทำให้นางซาบซึ้งสักหน่อย สงสัยจะพูดไปโดยไม่ได้อะไร!
นึกถึงในปีนั้น! เขารู้ถึงนิสัยประหลาดของผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่ตอนอยู่โรงเตี๊ยมเมฆาวายุแล้ว เอะอะอะไรก็ใช้เท้าเตะ
ไม่ใช่สิ น่าจะเป็นที่วัดเมี่ยวฝ่าตอนที่เขาเป็นมือใหม่ไร้ประสบการณ์ ตอนนั้นก็ได้รับรู้แล้ว ตอนนั้นนางปั่นหัวเขายับเยิน
แต่พรหมลิขิตเป็นสิ่งที่พูดให้ชัดเจนได้ยากจริงๆ บางทีอาจจะถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ตอนที่เขากอดนางที่วัดเมี่ยวฝ่าในปีนั้นแล้ว การกอดนั้นได้ตีตราความรู้สึกเอาไว้ในใจ เขาไม่รู้ว่าการกอดครั้งนั้นได้ทิ้งอะไรไว้ให้อวิ๋นจือชิวเหมือนกันหรือเปล่า อาจจะกลายเป็นสาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้นางยอมรับเขาก็ได้ อย่างไรเสียถึงแม้จะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เจ้าอารมณ์ แต่เขาก็ยังปีนขึ้นเตียงนางอยู่ดี
ตอนนี้พอนึกย้อนกลับไป นี่ไม่ใช่การแส่หาเรื่องใส่ตัวหรอกเหรอ เจอกับผู้หญิงแบบนี้นับว่าตัวเองดวงซวย!
ยังไม่จบแค่นั้น อวิ๋นจือชิวดึงหูเขามาบิดเสียเลย “ถ้าเจ้าไม่พูดถึงเรื่องคัดตัวอักษร ข้าก็แทบจะลืมไปแล้ว ตอนนี้อยู่ห่างกันนานๆ ข้าก็ควบคุมเจ้าไม่ได้ พอผู้บัญชาการหนิวไม่สบอารมณ์ขึ้นมา แม้แต่ประตูบ้านเจ้าข้าก็เข้าไปไม่ได้ ช่างน่าเกรงขามนักนะ! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เก็บเรื่องคัดอักษรขึ้นมาอีกครั้ง ต่อไปนี้เอามาให้ข้าตรวจทุกวัน!”
นี่ไม่ใช่การแกว่งเท้าหาเสี้ยนหรอกเหรอ ทำไมโยงไปถึงเรื่องคัดอักษรได้ล่ะ! เหมียวอี้หัวเราะแห้งๆ แล้วถือโอกาสยื่นมือไปลูบไล้ภูเขาสองลูกของนาง ดีดเด้งจนน่าทึ่ง สัมผัสมือช่างดีจริงๆ ยังจะมีกะจิตกะใจมาพูดมากอะไรอีก “เอ่อคือ วันนี้ไม่พูดเรื่องคัดอักษรแล้ว!” พูดจบก็อุ้มนางขึ้นมาเสียเลย แล้วเดินก้าวยาวไปที่ห้อง
“รู้สึกว่าเมียคนอื่นดีกว่าไม่ใช่เหรอ? อุ้มข้าแล้วฝืนใจขนาดไหน ปล่อยข้านะ!” อวิ๋นจือชิวดิ้นรนขัดขืน
สองหูของเหมียวอี้โดนบิดจนแทบหลุด เจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟัน แต่ต่อให้ตีให้ตายเขาก็ไม่ยอมปล่อย
ช่วงนี้มีความกดดันสูงมาก อยากจะหาคนมาระบายอารมณ์อยู่ตลอด แต่น่าเสียดายที่ไม่เจอเป้าหมายที่เหมาะสม ทำเอาเรือนร่างที่สุกงมเย้ายวนของปี้เยว่ฮูหยินโผล่เข้ามาในหัวหลายครั้ง ตนมีหญิงงามยั่วราคะอยู่ในมือ เรือนร่างนั้นร้อนแรงยิ่งกว่าปี้เยว่ฮูหยิน ที่บอกว่าเคยฝึกระบำมารสวรรค์มาก่อนไม่ใช่เรื่องโกหก มีผลทำให้เกิดเสน่ห์ดึงดูดจากภายใน กอปรกับทั้งสองฝ่ายเป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการ หากจะเสพสุขก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามธรรมชาติ ในเมื่อมาแล้วจะไม่ผ่อนคลายสักหน่อยได้อย่างไร วันนี้ไม่เมาไม่เลิก!
“ไอ้เวรนี่! กล้าไม่อ่อนโยนกับข้าเหรอ ข้าจะสู้กับเจ้า…ไอ้บ้า เสื้อผ้าที่ข้าซื้อมาใหม่…”
ในห้องมีเสียงฉีดเสื้อผ้าดังมาพักหนึ่ง ตามด้วยเสียงร้องวี้ดว้ายของอวิ๋นจือชิว
ตอนนี้เหมียวอี้วรยุทธ์สูงกว่านางแล้ว ไปเทียบกับตอนแรกไม่ได้ ตอนนี้เรื่องบางอย่างนางทำตามใจตัวเองไม่ได้ ขัดขืนไปก็ไร้ประโยชน์…
คลื่นลมที่ตลาดสวรรค์จบลงแล้ว ผลที่ตามมาหลังจากเด็ดศีรษะไปหลายพัน ก็คือไม่มีใครกล้าอยากได้ตำแหน่งผู้บัญชาการของสี่เขตเมืองอีก ถ้าทำแบบนั้นอีก ก็ชัดเจนว่ากำลังตั้งตัวเป็นศัตรูกับตลาดสวรรค์ ราชันสวรรค์ไม่ได้ใจดีเหมือนพระโพธิสัตว์นะ
เฉาว่านเสียงที่อยู่น่านฟ้าชวดอี้โลง่ใจแล้ว เขาตกใจแทบตาย สงสัยตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องจะไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขาเลย ในเมื่อเฉาว่านเสียงไม่เป็นอะไร มู่หรงซิงหัวก็ย่อมไม่เป็นอะไรเช่นกัน นางเองก็โล่งใจตามไปด้วย
เวลาไม่มีงานอะไร บางครั้งสวีถังหรานก็จะเดินเอามือไขว้หลังวางมาดอยู่บนถนน โดยมีเขี้ยวเล็บที่โอ้อวดแสนยานุภาพติดตามอยู่ข้างหลังกลุ่มหนึ่ง
ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องกลัวร้านค้าที่มีคนหนุนหลังใหญ่โตพวกนั้นอีกแล้ว ที่เขตเมืองตะวันตกนี้เขามีอำนาจตัดสินใจอย่างแท้จริง ไม่มีผู้จัดการร้านคนไหนที่เจอเขาแล้วจะไม่สุภาพเกรงใจ
เขาคิดเองเออเองว่า ตั้งแต่ที่เขาติดตามเหมียวอี้ไปทำเรื่องน่าไม่อาย เขาก็ได้กลายเป็นลูกน้องคนสนิทของผู้บัญชาการใหญ่แล้ว รู้สึกว่าตัวเองได้นั่งตำแหน่งนี้อย่างมั่นคงแล้ว เรียกได้ว่าอารมณ์ผ่อนคลายมาก ความรู้สึกยามได้เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของเขตเมืองตะวันตกช่างดีจริงๆ รายได้ไม่น้อยกว่าการได้ไปเป็นผู้บัญชาการใหญ่ที่อื่นเลย
ส่วนปี้เยว่ฮูหยินก็ได้รับคำชี้แนะจากท่านโหวเทียนหยวน จึงเรียกเหมียวอี้เข้าตำหนักอีก เจ้าของที่อยู่เบื้องหลังร้านค้าสองร้อยกว่าร้านที่ถูกสั่งปิดอยากจะออกเงินซื้อร้านกลับคืนมาอีก ให้เหมียวอี้อนุโลมผ่อนผัน อย่าต่อต้านอีกเลย
ปี้เยว่ฮูหยินในตอนนี้ เรียกได้ว่าเวลามีเรื่องอะไรก็จะปรึกษากับเหมียวอี้ดีๆ ต้องสื่อสารให้เหมาะสมเรียบร้อย ไม่อย่างนั้นนางกลัวว่าเหมียวอี้จะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก กอปรกับได้รับคำชี้แนะจากท่านโหวเทียนหยวน ให้นางให้ความสำคัญเหมียวอี้ ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับลูกน้องคู่นี้จึงค่อนข้างปรองดอง ให้ความรู้สึกเหมือน ‘ผิดที่เราเจอกันช้าไป’
เหมียวอี้เองก็ไม่ใช่คนที่อ่านสถานการณ์ไม่ออก รู้ว่าถ้าทำเรื่องนี้ให้เด็ดขาดเกินไปจะไม่เป็นผลดีกับตัวเอง ย่อมต้องปฏิบัติตามคำพูดของปี้เยว่ฮูหยินอยู่แล้ว
ก็เป็นอย่างนั้น ร้านค้าสองร้อยกว่าร้านที่โดนค้นและยึดทรัพย์กลับคืนสู่มือเจ้าของคนเดิมอีกครั้ง อ้อมไปรอบหนึ่งก็ยังวนกลับมาสภาพเดิม เจ้าของร้านคนเดิมแค่เสียทรัพย์สินจำนวนหนึ่งกับข้าทาสไปหลายพันคนเท่านั้นเอง คนที่ตายไปก็ตายเปล่า เป็นเพียงเครื่องสังเวยในการต่อสู้ ตัวละครเล็กๆ ไม่ส่งผลกับคนระดับบน จะลำบากทำตัวเป็นจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือไปทำไม!
คลื่นลมก็สงบลงไปแบบนี้ บางครั้งที่เหมียวอี้บังเอิญเจอหวงฝู่จวินโหรวแล้วโดนอีกฝ่ายมองด้วยสายตาอยากจะจับกินทั้งเป็น นอกนั้นที่ตลาดสวรรค์ก็ไม่มีเรื่องอะไรอย่างอื่นแล้ว
รอไปได้สองสามเดือน เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้สงบลงอย่างถึงที่สุดแล้ว เหมียวอี้ก็ตัดสินใจจะกลับพิภพเล็กล่วงหน้า
นี่คือคำแนะนำของอวิ๋นจือชิว รู้สึกว่าถ้าเขากลับไปพร้อมพวกฝูชิง ถ้าปรากฏตัวที่พิภพเล็กพร้อมกันจะทำให้คนสงสัยได้ง่าย แยกกันกลับจะดีกว่า จึงให้เขากลับไปก่อน ส่วนฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ค่อยกลับไปพร้อมนางตอนส่งส่วยประจำปี ถึงอย่างไรนางก็เอ่ยปากให้ทั้งสองเข้ากระเป๋าสัตว์ได้สะดวกกว่า
เหมียวอี้ไปหาปี้เยว่ฮูหยินเพื่อขอลาพักไปทัศนาจร ทั้งสองกำลังอยู่ในช่วงปรองดองกัน ปี้เยว่ฮูหยินย่อมไม่มีอะไรที่คุยยาก อนุญาตแล้ว!
จากนั้น หลังจากเหมียวอี้ปลอมตัวแล้ว ก็พาเป่าเหลียนออกจากตลาดสวรรค์ด้วยกัน เขารับปากไว้แล้วว่าถ้ามีเวลาว่างจะไปหาเจ้าสำนักอวี้หลิง และมีเรื่องจะขอคำชี้แนะจากอวี้หลิงเจินเหรินด้วย
เมื่อกลับมาที่สำนักลมปราณอีกครั้ง สำนักลมปราณที่มีการรื้อซ่อมแซมตามปกติยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่คนไม่เหมือนเดิมแล้ว
เหมียวอี้ที่กลับมาอีกครั้งมีสิทธิ์นั่งเสมอกับอวี้หลิงเจินเหรินและถึงขั้นถูกยกย่องให้เป็นแขกผู้มีเกียรติ เขาพบว่าลูกศิษย์ส่วนใหญ่ของสำนักลมปราณเป็นคนที่เขาไม่รู้จักแล้ว
ทิวทัศน์ตามแนวเทือกเขารอบๆ ไม่เลวเลย เขาเดินเล่นช้าๆ กับอวี้หลิงเจินเหรินอยู่ในสำนักลมปราณ กำลังคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ อวี้หลิงเจินเหรินค่อนข้างทอดถอนใจ บางครั้งก็หันกลับไปมองเป่าเหลียนที่เดินตามหลังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเป็นระยะ
เขาเฝ้ามองหลานสาวตัวเองเติบโตมาตลอด มีหรือที่จะไม่เข้าใจ เขามองออกว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเหมียวอี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ไม่รู้เหมือนกันว่าเหมียวอี้ไม่ถูกใจหลานสาวตนหรือว่าอย่างไร
จากข่าวที่เป่าเหลียนส่งกลับมา ยังไม่เคยเห็นเหมียวอี้มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนไหนเลย เขาแปลกใจนิดหน่อย คนที่ยังหนุ่มยังแน่นจะไม่สนใจผู้หญิงได้อย่างไร โดยเฉพาะคนที่กุมอำนาจมากมายไว้ในมือแบบนี้ ต้องไม่ขาดผู้หญิงสิถึงจะถูก ถ้าไม่เคยแตะต้องผู้หญิงเลยก็อาจจะผิดแปลกธรรมชาติเกินไปแล้ว
ที่จริงแล้ว นี่ก็คือสิ่งที่คนมากมายที่ตลาดสวรรค์แอบเคลือบแคลงอยู่ในใจ ต่างก็สงสัยว่าเหมียวอี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า
แต่สำหรับอวี้หลิงเจินเหริน นี่คือเรื่องดี คนที่รักษาตัวเองให้บริสุทธิ์แบบนี้ คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่จะเป็นหลานเขยของตน
เขาถึงได้ตัดสินใจเปิดเผยตรงๆ ขณะที่คุยกันก็ถามว่า “ตอนนี้ผู้บัญชาการใหญ่ก็นับว่าประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง เคยคิดถึงเรื่องแต่งงานบ้างหรือเปล่า?”
ในป่าไผ่เขียวชอุ่ม เหมียวอี้ที่เหยียบขึ้นบนเรือนไม้ไผ่และกำลังนึกถึงวันเก่าๆ พอได้ยินแล้วชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ก็คิดวางแผนอยู่เหมือนกันขอรับ คาดว่าเจินเหรินคงจะได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับข้ามาเหมือนกัน ข้าถูกใจเถ้าแก่เนี้ยร้านโฉมเมฆาของตลาดสวรรค์ แต่จนใจที่ดอกไม้อันเลื่องชื่อมีเจ้าของแล้ว”
อวี้หลิงเจินเหรินส่ายหน้า “ผู้บัญชาการใหญ่ ข้าขอพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดก็แล้วกันนะ ผู้หญิงที่มีสามีแล้ว ถ้าพัวพันกับนางต่อไป จะไม่ดีต่อชื่อเสียงของผู้บัญชาการใหญ่ ควรเลือกคู่ใหม่”
เรื่องนี้เหมียวอี้คิดไปคิดมาก็รู้สึกขำ ถามเหมือนสนใจว่า “อย่าบอกนะว่าเจินเหรินจะเป็นพ่อสื่อให้ข้า?”
อวี้หลิงเจินเหรินเอามือลูบเครา พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้บัญชาการใหญ่รู้สึกว่าเป่าเหลียนเป็นอย่างไร?”
เป่าเหลียนที่เดินตามหลัง เมื่อได้ยินคำถามนี้ก็ลนลานทันที เรียกได้ว่าทำอะไรไม่ถูก
“เหมียวอี้งุนงงนิดหน่อย ชายชราผู้นี้ช่างวางใจจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะฝากฝังหลานสาวให้ข้าได้ลงคอ แต่เขาก็ตอบพร้อมรอยยิ้มทันที “”เจินเหรินพูดแบบนี้ทำให้เป่าเหลียนอึดอัดแล้ว เรื่องแบบนี้ เจินเหรินควรจะถามเป่าเหลียนสักหน่อยนะว่าตกลงหรือไม่ตกลง””
“
อวี้หลิงเจินเหรินหัวเราะลั่นทันที “ขอเพียงผู้บัญชาการใหญ่ตกลง เรื่องเป็นคนกลางติดต่อเป่าเหลียนก็ส่งให้ตาแก่คนนี้เถอะ”
ตาเฒ่าผู้นี้…เหมียวอี้ถูกทำให้พูดไม่ออกแล้ว ตอบตกลงเหรอ…ประเด็นสำคัญคือเป็นไปไม่ได้ที่จะตอบตกลง ต่อให้ตัวเองยินดีจะรับไว้ แต่เป่าเหลียนก็จะได้เป็นอนุภรรยา เลี้ยงดูอนุภรรยาเพิ่มสักคนก็ใช่ว่าตนจะเลี้ยงไม่ไหว แต่เกรงว่าอวี้หลิงเจินเหรินจะไม่เต็มใจ แต่ถ้าไม่ตอบตกลง จะทำให้เป่าเหลียนที่อยู่ตรงนี้ด้วยทนความรู้สึกได้อย่างไร
ทำเอาหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก นึกถึงปีนั้นที่ตัวเองยังยากจน ไปสู่ขอเมียถึงประตูบ้านก็ยังโดนดูถูกเหยียดหยาม ตอนนี้พอมีฐานะตำแหน่งขึ้นมาบ้าง ก็เรียกได้ว่ามีผู้หญิงมาหาถึงที่ไม่หยุดหย่อน ตอนที่อยู่ตลาดสวรรค์ ก็มีลูกน้องช่วยเชื่อมสัมพันธ์อยู่เสมอ บอกว่าลูกสาวบ้านไหนหน้าตาอย่างไรสวยอย่างไร คุณสมบัติประจำตัวเป็นอย่างไร ทรัพย์สินในบ้านก็อุดมสมบูรณ์ พ่อแม่ของอีกฝ่ายพูดประมาณว่ายินดีจะยกลูกสาวให้แต่งงานด้วยถ้าเขาตอบตกลง
เหมียวอี้เกาศีรษะ แล้วประกาศตรงๆ อย่างจริงใจว่า “เจินเหริน เรื่องนี้ข้าไม่ถือสาที่จะเปิดเผยให้ท่านรู้ ที่จริงข้ามีภรรยาแล้ว”
เขาพูดสิ่งนี้ให้อวี้หลิงเจินเหรินฟัง และพูดให้เป่าเหลียนฟังด้วย จะได้ไม่ทำให้เจ้าตัวหาทางลงไม่ได้
เป่าเหลียนที่กำลังมีสีหน้าอับอาย พอได้ยินแบบนี้ก็หน้าซีดทันที พลันเงยหน้าขึ้นมาแล้ว
อวี้หลิงเจินเหรินชะงักไป “ท่านจะไปมีภรรยาจากไหน ทำไมข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย? อย่าบอกนะว่าจงใจหาข้ออ้างเพื่อปฏิเสธ? ผู้บัญชาการใหญ่ ถ้าไม่ชอบเป่าเหลียนก็บอกมาตรงๆ ได้ ตาแก่คนนี้ไม่ถึงขั้นโมโหผู้บัญชาการใหญ่เพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้หรอก” ที่จริงในน้ำเสียงก็เจือด้วยความโมโหเล็กน้อย ต่อให้เจ้าไม่ชอบ แต่ก็ไม่ต้องใช้คำพูดประเภทนี้มาขายผ้าเอาหน้ารอดก็ได้หรอกมั้ง?
เหมียวอี้ถอนหายใจแล้วตอบว่า “ที่จริงตอนแรกหลังจากร้านขายของชำซื่อตรงขยายร้าน ครั้งนั้นที่ข้าจากไปข้าก็ได้พบคนตามวาสนาแล้ว จึงตัดสินใจอยู่ร่วมกัน เดิมทีก็อยากจะประกาศให้รู้ แต่ข้าเป็นศัตรูกับปีศาจโลหิต กลัวภรรยาตัวเองจะโดนปีศาจโลหิตทำอันตราย ถึงได้ปิดเป็นความลับมาตลอด เรื่องราวในตอนหลังท่านเองก็รู้ ข้าโดนกดดันจนหมดหนทาง ถึงได้เข้าตำหนักสวรรค์ การแข่งขันในตำหนักสวรรค์ ต่อให้ข้าไม่พูดแต่เจินเหรินก็น่าจะทราบ เป็นเพราะข้าไม่อยากให้ภรรยาตัวเองพลอยลำบากไปด้วย ถึงได้เก็บเป็นความลับต่อไป และเพื่อที่จะปฏิเสธการแนะนำจากคนอื่นอย่างอ้อมๆ เลยทำได้เพียงใช้เถ้าแก่เนี้ยร้านโฉมเมฆามาเป็นข้ออ้างเพื่อปิดบัง เจินเหรินไม่ต้องห่วง ขอเพียงมีโอกาสเหมาะสม ข้าจะพาภรรยามาพบเจินเหรินแน่นอน ถึงตอนนั้นเจินเหรินก็จะได้รู้ว่าหนิวโหย่วเต๋อไม่ได้โกหก เพียงแต่ก่อนจะถึงตอนนั้น เจินเหรินได้โปรดรักษาความลับเพื่อข้าด้วย ก็อย่างที่บอก ข้าไม่อยากให้วังวนความขัดแย้งของตัวเองมาทำให้ภรรยาลำบากไปด้วย ข้าแค่อยากให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุข”
“แบบนี้…ภรรยาได้รับการปกป้องจากผู้บัญชาการใหญ่ขนาดนี้ แสดงว่าเป็นความรักที่แท้จริงจากผู้บัญชาการใหญ่!” อวี้หลิงเจินเหรินหันกลับไปมองเป่าเหลียนที่กัดริมฝีปากเงียบๆ แวบหนึ่ง แล้วยิ้มเจื่อนพร้อมบอกว่า “สงสัยเป่าเหลียนของเราจะไม่มีวาสนานั้น!
“เจินเหรินกล่าวเกินไปแล้ว ผู้ชายดีๆ ในโลกนี้มีตั้งเยอะ คนที่ดีกว่าข้ามีเยอะเหมือนปลาในแม่น้ำ และหนิวโหย่วเต๋อคนนี้ก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษคนดีอะไร ไม่คู่ควรกับเป่าเหลียนหรอก””เหมียวอี้กุมหมัดขออภัย ไม่สะดวกจะพูดคุยประเด็นที่น่าอึดอัดต่อไป จึงเปลี่ยนประเด็นสนทนา “เจินเหริน การมาเยี่ยมสหายเก่าคือหนึ่งในจุดประสงค์ของข้า จุดประสงค์รองคืออยากจะขอคำชี้แนะจากเจินเหรินสักเรื่อง”
“
“อวี้หลิงเจินเหรินแอบถอนหายใจ แล้วก็เปลี่ยนใบหน้าเป็นยิ้มแย้ม “ว่ามาได้เลย”
“ขอบังอาจถามว่าเจินเหรินเคยได้ยินชื่อ ‘อสุราอัคนี’ หรือเปล่า?” เหมียวอี้ถาม
“อสุราอัคนี?” อวี้หลิงเจินเหรินอึ้งไปชั่วขณะ หลังจากลูบเคราครุ่นคิดไปพักหนึ่ง ก็กล่าวอย่างลังเลว่า “เคยได้ยินท่านอาจารย์เอ่ยถึงบุคคลนี้นะ ตอนนั้นยังไม่มีการตั้งตำหนักสวรรค์ ยังเปป็นใต้หล้าของหกมหาราชัน นั่นเป็นบุคคลในอดีตที่นานมากแล้ว ตายไปนานแล้ว ท่านถามถึงเขาทำไมหรือ”
“ตายไปนานแค่ไหนแล้ว?” เหมียวอี้ลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว “เจินเหรินได้โปรดรักษาความลับให้ข้าด้วย ตอนที่เข้าร่มการทดสอบของตำหนักสวรรค์ มีคนบอกว่าข้าลงมือเหมือนกับอสุราอัคนี ข้าสงสัยว่าข้าได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากอสุราอัคนี เป็นไปได้สูงว่าอสุราอัคนีจะเป็นอาจารย์ผู้มีพระคุณที่อยู่ต่างยุคกับข้า ดังนั้นข้าจึงอยากจะทำควารู้จักคนคนนี้สักหน่อย”
“…” อวี้หลิงเจินเหรินอ้าปากค้าง ครั้งนี้ถูกทำให้ตกใจแล้วจริงๆ “อสุราอัคนีอยู่ในยุคที่หกมหาราชันยังไม่ได้สร้างระเบียบขึ้นมา และเป็นบุคคลสำคัญที่วางอำนาจบาตรใหญ่ไปทั่วเช่นกัน ท่านจะเป็นลูกศิษย์ต่างยุคของเขาได้อย่างไร? เอ๋…แต่ก็เหมือนจะมีความเป็นไปได้นี้จริงๆ นะ!”
เหมียวอี้ตาเป็นประกายทันที รีบถามว่า “ทำไมถึงคิดว่ามีความเป็นไปได้?”
อวี้หลิงเจินเหรินมองไปรอบๆ ก่อนจะอธิบายว่า “ข้าจำได้ว่าท่านอาจารย์เคยบอก ว่าอสุราอัคนีเคยสู้กับประมุขไป๋ที่ดาวไร้ลักษณ์ ตายด้วยน้ำมือประมุขไป๋ เป็นไปได้สูงว่าจะทิ้งสมบัติอะไรไว้ที่ดาวไร้ลักษณ์ ส่วนท่านก็เกิดที่ดาวไร้ลักษณ์ เก็บวัตถุที่ทำให้ฝึกตนด้วยตัวเองได้จากนักพรตนิรนาม ไม่รู้ว่าอาจารย์มาจากไหน…พอเปรียบเที่ยบกันแบบนี้แล้ว เกรงว่านี้คงจะไม่ใช่ความบังเอิญ การที่ท่านเป็นศิษย์ต่างยุคของอสุราอัคนี ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เหมือนกัน! ถ้าเป็นความจริง เช่นนั้นท่านก็ได้รับโอกาสที่ทำให้คนอิจฉา! อสุราอัคนีเป็นบุคคลที่สามารถต่อสู้กับประมุขไป๋ได้เชียวนะ!”
มารดาเจ้าเถอะ! นั่นยิ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้! เหมียวอี้ลูบคาง ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็รู้สึกว่าไม่ถูก ตนเข้าใจดีกว่าใครว่านำเคล็ดวิชาฝึกตนของตัวเองมาจากไหน ไม่เกี่ยวข้องกับดาวไร้ลักษณ์เลย!
…………………………
บทที่ 1085 ฮุบของหลวงไว้เอง
โดย
Ink Stone_Fantasy
เทียนหยวนกำลังหลอกตบตาราชันสวรรค์หรือไม่ เกาก้วนไม่อยากพูดมาก
อย่างน้อยก็มีอยู่จุดหนึ่งที่เกาก้วนเข้าใจ นั่นก็คือต่อให้รู้ว่าเทียนหยวนกำลังหลอกตบตา แต่ก็เกรงว่าราชันสวรรค์คงจะไม่ทำอะไรเทียนหยวน
คนที่สามารถดึงความรับผิดชอบในการตั้งตัวเป็นศัตรูกับผู้มีอิทธิพลของตำหนักสวรรค์มาไว้ที่ตัวเองได้ ถ้าราชันสวรรค์ยังทำโทษเทียนหยวนอีก เช่นนั้นในภายหลังก็คงม่มีใครกล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับผู้มีอิทธิพลของตำหนักสวรรค์แล้วจริงๆ ต่อให้ราชันสวรรค์จะรู้ความจริง แต่ตราบใดที่ไม่เปิดโปงแบบคาหนังคาเขา หลังจากจบเรื่องราชันสวรรค์ก็แค่ปิดตาข้างเดียว เพียงเพราะถึงอย่างไรเทียนหยวนก็อยากจะประจบเขา ในตอนนี้ไม่ว่าจะทำอย่างไร ตราบใดที่เทียนหยวนกล้าดึงความรับผิดชอบมาไว้ที่ตัวเอง ตราบใดที่เป็นไปตามแนวโน้มที่ราชันสวรรค์ต้องการ นั่นก็แปลว่ามีผลงานแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ถึงเจตนาของราชันสวรรค์ ต่อให้เทียนหยวนใจกล้ากว่านี้อีกหนึ่งร้อยเท่า แต่ก็ไม่กล้าดึงความรับผิดชอบมาไว้ที่ตัวเองเหมือนกัน
ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ ราชันสวรรค์แค่อยากจะรู้ว่าเทียนหยวนได้หลอกตบตาเขาหรือเปล่า
จากนั้นประมุขชิงก็สั่งอีกว่า “เจ้าเป็นคนเสนอแนะเรื่องการทดสอบ จับตาดูให้ดีอย่าให้เกิดความวุ่นวายอะไร”
“ขอรับ!” เกาก้วนเอ่ยรับ
เขายังคงเป็นผู้รับผิดชอบการทดสอบครั้งนี้ แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องเฝ้าอยู่ที่นั่นตลอดเหมือนกัน
ผ่านไปไม่นาน บทสรุปการลงโทษจากตำหนักสวรรค์ที่มีต่อคดีตลาดสวรรค์ของดาวเทียนหยวนก็ออกมาแล้ว
ถึงแม้ประมุขชิงจะอยากฆ่าทุกคนที่ขัดเจตนาให้ตายให้หมด แต่สุดท้ายก็ยังลงโทษและผ่อนผันผู้มีอิทธิพลของตำหนักสวรรค์ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะพลิกเรือให้ทุกคนบนเรือตกน้ำหมด ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครพายเรือให้เขาแล้ว
ร้านค้าที่ถูกล้างเลือดไปล้ว ในเมื่อทำโทษไปแล้วส่วนหนึ่ง เช่นนั้นก็ทำโทษต่อไปอีก ร้านค้าที่ถูดปิดรวมทั้งของที่ถูกยึดให้ริบเป็นของหลวงทั้งหมด คนที่โดนฆ่าไปแล้ว ถึงตายก็ไม่สาสมกับความผิด ส่วนร้านค้าอีกหนึ่งร้อยร้านที่ถูกสั่งปิด ก็ให้สั่งเปิดและคืนให้เจ้าของ ของที่ยึดได้ก็ให้ส่งกลับคืนเช่นกัน
และแน่นอน ราชันสวรรค์ยังคงไม่ได้เข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ ในเมื่อไม่มีเหล่าขุนนางใหญ่ๆ คนไหนเอ่ยถึงตอนประชุมราชสำนัก เขาก็จะไม่เอ่ยถึงเช่นกัน ควรเหลือไมตรีระหว่างกันไว้สักหน่อย เหล่าขุนนางใหญ่ไม่ทำให้ราชันสวรรค์หาทางลงจากเรื่องนี้ไม่ได้ ราชันสวรรค์ก็ไม่ทำให้ขุนนางใหญ่พวกนั้นลำบากใจเช่นกัน นี่คือสิ่งที่ท่านโหวเทียนหยวนสนอแนะให้ปี้เยว่ฮูหยินทำ
แต่ชัดเจนมากว่าราชันสวรรค์มีเจตนาอะไร เขามีคำสั่งไปที่ตำหนักคุ้มเมืองของดาวเทียนหยวน ให้เลื่อนยศปี้เยว่ฮูหยินเป็นแม่ทัพเกราะม่วงสี่แถบ!
ที่ได้เลื่อนยศไม่ใช่เพราะสาเหตุใหญ่โตอะไร แค่บอกว่าปี้เยว่ฮูหยินสร้างผลงานตอนรักษาการณ์ที่ดาวเทียนหยวน แบบนี้หมายความว่าอย่างไร คนอื่นๆ แค่ลองคิดดูก็รู้แล้ว
ปี้เยว่ฮูหยินที่ได้รับรางวัลดีอกดีใจมาก ทั้งยังส่งข่าวไปชื่นชมท่านโหวเทียนหยวนด้วย ท่านสามีช่างยอดเยี่ยมนัก ขนาดทำแบบนี้ยังช่วยช้อนผลงานมาให้ข้าได้ ราชันสวรรค์แต่งตั้งยศให้ด้วยตัวเอง ออกไปคุยที่ไหนก็มีหน้ามีตามาก!
ท่านโหวเทียนหยวนกลับมีความขื่นขมที่พูดออกมาไม่ได้ คงไม่ดีที่จะให้ภรรยาดูถูกตน ไม่สะดวกจะอธิบายความจริงที่ซ่อนอยู่ในนั้น ทำได้เพียงยิ้มเจื่อนในใจ
เขาเพียงอยากให้ราชันสวรรค์รู้ว่าเขามีความจงรักภักดี ไม่ได้อยากให้ราชันสวรรค์มอบรางวัลอะไรให้ภรรยาตัวเองเลย ถ้าอยากจะเลื่อนขั้นก็มีเขาคุ้มครองอยู่ มีโอกาสให้ภรรยาตัวเองอยู่แล้ว ใครจะคิดว่าราชันสวรรค์กลับเปิดเผยเรื่องนี้ตรงๆ พอทำแบบนี้แล้ว ถ้าไม่อยากให้ผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ของตำหนักสวรรค์เข้าใจผิดก็คงยาก
เขารู้สึกเหมือนยกหินก้อนหินมาทุ่มใส่เท้าตัวเอง เขาไม่อยากเอาเยี่ยงอย่างเกาก้วนที่เป็นขุนนางโดดเดี่ยว แต่ราชันสวรรค์กลับเหมือนจะมีเจตนานั้น
เดิมทีตำหนักคุ้มเมืองเป็นจวนขุนนางของผู้บัญชาการใหญ่ ในนั้นก็มีคนของเหมียวอี้เหมือนกัน หลังจากเหมียวอี้ได้ข่าวก็เข้าใจแล้ว สงสัยการที่ตนเสี่ยงอันตรายใหญ่หลวงขนาด แต่ก็ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรทั้งนั้น สุดท้ายก็ทำให้ปี้เยว่ฮูหยินได้ชุบมือเปิบ
ลานบ้านที่ลึกยาว เหมียวอี้ที่เอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาอยู่ในลานบ้านกลุ้มใจมาก!
แม่ทัพเกราะม่วงสี่แถบ ถ้าได้เลื่อนยศอีกขั้น ก็มีคุณสมบัติที่จะถูกย้ายไปเป็นหัวหน้าภาคแล้ว ตอนนี้เขานับว่าเข้าใจแล้ว ในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมปี้เยว่ฮูหยินแย่งรับผิดชอบเรื่องนี้ สงสัยจะอยากแย่งผลงานของเขา
ถ้าบอกว่าไม่โมโหก็คงโกหก แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน เขาตำแหน่งต่ำต้อยเกินไป ไม่ได้รับความเท่าเทียมเรื่องข่าวสาร ไม่รู้สถานการณ์ของตำหนักสวรรค์ จะมีคุณสมบัติอะไรไปแย่งผลงานกับคนอื่นเขา ไม่มีทางดำเนินการได้เลย
และเขาก็ยิ่งไม่รู้ ว่าการที่ปี้เยว่ฮูหยินสามารถแย่งผลงานนี้มาได้ เป็นการร่วมมือกันดำเนินการของท่านโหวเทียนหยวนกับเกาก้วน ลดบทบาทของเหมียวอี้ในเรื่องราวครั้งนี้ให้ต่ำที่สุด ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเหมียวอี้แล้ว
เหมียวอี้ที่ถอดทอนใจไม่หยุดอยู่ในลานบ้าน หลังจากเดินไปเดินไม่กี่รอบก็คิดได้แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ การที่เขาไม่เป็นอะไรก็นับว่าเป็นความโชคดีมหาศาลในความโชคร้ายแล้ว ผลงานประเภทนี้ ถ้าไม่มีภูมิหลังของปี้เยว่ฮูหยินก็รับไม่ไหวเหมือนกัน ให้ความสนใจของทุกคนไปอยู่ที่ปี้เยว่ฮูหยิน ให้คิดว่าปี้เยว่ฮูหยินเป็นคนยุยงก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร
แน่นอน ปี้เยว่ฮูหยินก็ไม่ทำให้เขาเสียเปรียบเหมือนกัน ไม่นานก็เรียกเขาไปพบที่ตำหนักคุ้มเมือง
ในสวนดอกไม้ด้านหลัง ทั้งสองเดินเล่นด้วยกันอีกครั้ง ปี้เยว่ฮูหยินกำลังเด็ดดอกไม้เหมือนกัน เหมียวอี้ยังคงช่วยนางถือดอกไม้อยู่ข้างๆ ทำเหมือนเป็นสามีภรรยากัน โชคดีที่อวิ๋นจือชิวไม่ได้เห็นภาพนี้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะพูดจาอะไรแปลกๆ ออกมาอีก
หลังจากบอกผลการลงโทษร้านค้าหนึ่งร้อยร้านนั้นให้เหมียวอี้รู้แล้ว ปี้เยว่ฮูหยินก็แอบเตือนว่า “ของที่ยึดไปจากร้านค้าสองร้อยกว่าร้านที่เหลือ ยึดเป็นของหลวงครึ่งหนึ่งแล้วกัน! ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง ทุกคนก็จะเหนื่อยเปล่าไม่ได้ ถึงอย่างไรก็อกสั่นหวาดกลัวไปด้วยกัน ต่อให้ไม่มีผลงานแต่ก็มีความลำบาก เจ้าไปแบ่งสรรตามสมควรสักหน่อย”
น่าอับอาย! นี่ไม่ได้มองว่าตนเป็นของนอกจริงๆ เหรอ ไม่น่าเชื่อว่าจะเปิดเผยกับเขาว่าจะฮุบของหลวงเอาไว้ส่วนตัว! เหมียวอี้ที่กำลังหอบดอกไม้ถามหยั่งเชิงว่า “ถ้าข่าวนี้หลุดไปจะมีปัญหาหรือเปล่าขอรับ?”
“เอ๋! ผู้บัญชาการใหญ่ที่ตัดสินใจสั่งฆ่าได้อย่างไม่ลังเลคนนั้นไปไหนเสียแล้วล่ะ? เจ้าเป็นคนใจกล้ามากไม่ใช่เหรอ? ทำไมความกล้าเล็กลงเท่าหนูอีกแล้วล่ะ?” ปี้เยว่ฮูหยินพูดหยอก หันกลับมามองเขาแวบหนึ่ง แล้วพูดเสียงต่ำว่า “เดี๋ยวกลับไปประกาศผลการลงโทษสักหน่อย คนที่ฉลาดล้วนรู้ถึงเจตนาของราชันสวรรค์ เจ้าของที่ได้รับความเสียหายอยู่เบื้องหลัง ยังมีใครกล้าสืบสาวหรอกว่าตำหนักสวรรค์ริบของไปเท่าไร ถึงอย่างไรของก็ไม่ใช่ของพวกเขาแล้ว ภายนอกพวกเราทำอะไรร้านค้าไม่ได้ แต่จำนวนสินค้าในร้านคือสิ่งที่เรามีอำนาจตัดสินใจ พวกขวดพวกอ่างที่พังไปตอนที่ตรวจค้นและยึดของในร้านค้า ตอนที่พวกลูกน้องไปเก็บกวาดของพวกนั้นมา ถ้ามือเท้าจะไม่สะอาดจนเกิดความเสียหายบ้างก็เป็นเรื่องปกติ อาศัยอำนาจบารมีของราชันสวรรค์ ถ้าไม่ลงมือตอนโอกาสดีๆ แบบนี้ แล้วเมื่อไรจะได้ลงมือ? ครั้งก่อนที่โค่วเหวินหลานวางกับดักเซี่ยโห้วหลงเฉิงไปครึ่งหนึ่ง เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้เหรอ? นี่คงไม่ใช่ครั้งแรกหรอกมั้งที่พวกเจ้าทำเรื่องประเภทนี้?”
“…” เหมียวอี้ไอแห้งๆ แล้วตอบว่า “ข้าน้อยจะพยายามหาวิธีจัดการขอรับ”
“พยายามหาวิธีจัดการอะไรกัน นี่คือรางวัลที่มอบให้เจ้า ถ้าเจ้าไม่อยากได้ข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน เดี๋ยวกลับไปอย่ามาว่าข้าไม่ยุติธรรมต่อเจ้านะ” ปี้เยว่ฮูหยินเล่นหูเล่นตายั่วยวน ดวงตาชุ่มฉ่ำเหมือนบ่อน้ำ แล้วก็เหมือนจงใจยืดหน้าอกขาวอวบอิ่มที่โผล่ออกมาครึ่งหนึ่ง เสน่ห์ของความสุกงอมโตเต็มวัยช่างเย้ายวนใจจริงๆ เหมือนลูกท้อที่สุกเต็มที่ ทำให้คนที่เห็นอยากจะกัดสักคำ
เอาสิ! ไม่เอาก็แปลกแล้ว!
แต่ไม่ได้จะเอาดอกไม้สดที่อยู่ในมือ พอเหมียวอี้ออกจากตำหนักมา ก็ถือโอกาสยื่นดอกไม้ให้ทหารยามที่เฝ้าประตูอีก
สายตาของผู้หญิงคนนั้นค่อนข้างยั่วยวน แฝงความหมายลึกซึ้ง! กอปรกับชอบส่งดอกไม้ให้เขาบ่อยๆ รู้สึกว่านางกำลังบอกความนัยบางอย่างกับเขา…แต่เขาไม่อยากกลายเป็นเหมือนมู่หรงซิงหัวกับหยางไท่ จุดจบของสองคนนั้นก็มีให้เห็นเป็นบทเรียนแล้ว ต้องใช้ความกล้าขนาดไหนกัน ถึงจะไปสวมเขาให้ท่านโหวได้!
พอกลับมาถึงจวนขุนนาง เหมียวอี้ก็จัดการเรื่องนี้ทันที
ผ่านไปไม่นาน ร้านค้าร้อยอันดับแรกของสี่เขตเมืองก็ถูกสั่งเปิดแล้ว และติดประกาศเช่นกันว่า ให้มารับของที่ถูกยึดไว้คืนกลับไป
ส่วนร้านค้าสองร้อยกว่าร้านที่เกือบถูกฆ่าตายหมด สินค้าครึ่งหนึ่งของร้านให้ริบเป็นของหลวง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือกก็จัดการตาม ‘ธรรมเนียมของบุคคลในอาชีพเดียวกัน’ หั่นแบ่งไปมอบให้ปี้เยว่ฮูหยินครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งผู้บัญชาการใหญ่อย่างเหมียวอี้ก็เก็บไว้ ที่เหลือก็ให้กำลังระดับล่างไปแบ่งกันตามธรรมเนียม แต่ละคนล้วนมีส่วนแบ่ง แต่จะได้มากได้น้อยก็ขึ้นอยู่กับระดับยศเท่านั้นเอง
ทรัพย์สินของร้านค้ายี่สิบกว่าร้านตกอยู่ในมือของเหมียวอี้แล้ว ไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ เลย นี่ไม่ใช่ร้านค้าเล็กๆ ทั่วไปของตลาดสวรรค์ด้วย ล้วนเป็นร้านของตระกูลผู้มีอิทธิพลของตำหนักสวรรค์ แน่นอน ปี้เยว่ฮูหยินได้ของส่วนใหญ่ไป เป็นทรัพย์สินของร้านค้าห้าสิบกว่าร้านเชียวนะ
ใครๆ ก็บอกว่าตลาดสวรรค์เป็นแหล่งที่ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ พูดจริงไม่ได้หลอก!
ในชัยภูมิถ้ำสวรรค์ของเถ้าแก่เนี้ยร้านโฉมเมฆา เหมียวอี้ทุ่มผลการเก็บเกี่ยวก้อนใหญ่ลงตรงหน้าอวิ๋นจือชิว หลังจากนางตรวจนับแล้ว ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
ร่ำรวยใหญ่แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่เห็นสีหน้าปลาบปลื้มดีใจของนางเหมือนก่อนหน้านี้เลย
“เป็นอะไรไป? ยังโกรธข้าอยู่อีกเหรอ?” เหมียวอี้ที่นั่งตรงข้ามโต๊ะม้าหินถามอย่างแปลกใจ
อวิ๋นจือชิวส่ายหน้า “ที่แท้ทุกอย่างก็เป็นเจตนาของปี้เยว่ฮูหยิน ทำเอาข้าหวาดกลัวไปเปล่าๆ โดยใช่เหตุ ทำให้ข้าส่งตัวหวนหวนกับหลางหลางไปแล้ว”
เหมียวอี้เบิกตากว้าง “เจตนาของนาง? ถุยสิ! นางมาชุบมือเปิบมากกว่า…” เขาเล่าเรื่องที่ปี้เยว่ฮูหยินแย่งผลงานและเอาส่วนแบ่งจำนวนมากไปให้ฟังทันที
ใครจะคิดว่าหลังจากอวิ๋นจือชิวฟังจบแล้วจะเงียบยิ่งกว่าเดิม เรื่องมาถึงป่านนี้แล้ว นางเองก็พอจะรู้ถึงที่พึ่งที่ทำให้เหมียวอี้ทำอย่างนั้นในตอนแรก นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเหมียวอี้จะมีความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญและมีความคิดเป็นของตัวเองมากขนาดนั้น! นางถอนหายใจเบาๆ แล้วถามว่า “ทำไมเจ้าไม่บอกข้าตั้งแต่แรก?”
เหมียวอี้เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า “ถ้าข้าบอกเจ้าตั้งแต่แรก เจ้าได้อนุญาตเหรอ? เจ้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางแน่นอน ถ้าเจ้าคิดหาวิธีการทุกอย่างจนลำบาก เกรงว่าต่อให้ข้าจะไม่อยากจะเชื่อฟังก็ต้องเชื่อฟัง อวิ๋นจือชิว ที่จริงแล้ว ข้ารู้สึกว่าเจ้า…” คำพูดตอนท้ายเหมือนจะพูดไม่ค่อยออก
อวิ๋นจือชิวกะพริบตา เหมือนจะมองออกว่าเขามีคำพูดที่จริงใจจะบอก จึงลุกขึ้นเดินไปข้างหลังเขา หมอบตรงบ่าเขาจากข้างหลัง แล้วพ่นลมหายใจที่หอมสดชื่นข้างหู “เจ้ารู้สึกว่าข้าเป็นยังไง?”
หลังจากเหมียวอี้ลังเลอีกครั้ง ก็ยังถามไปว่า “หรือเป็นเพราะเจ้ากับข้ามีพื้นเพชาติกำเนิดแตกต่างกัน ในจิตใต้สำนึกของเจ้ากำลังรู้สึกว่าในบางด้านของข้าไม่น่าโอ้อวด?”
อวิ๋นจือชิวตกใจทันที นี่กำลังจะบอกว่านางดูถูกเขางั้นเหรอ?
นางรีบจับให้เขาหันตัวมา ใช้มือรวบกระโปรงตรงบั้นท้ายแล้วนั่งลงบนตักของเขา ใช้สองมือกอบใบหน้าเขา พร้อมกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “หนิวเอ้อร์ ทำไมเจ้าถึงมีความคิดแบบนี้ได้? เขาว่ากันว่าแต่งกับไห่ก็ตามไก่ แต่งกับสุนัขก็ตามสุนัข ในเมื่อข้าแต่งงานกับเจ้าแล้ว ข้าก็เป็นคนของเจ้า จะรู้สึกว่าเจ้าไม่น่าโอ้อวดได้อย่างไร? ถ้ามีความคิดแบบนี้จริงๆ ข้าคงไม่แต่งงานกับเจ้าหรอก ภูมิลังชาติกำเนิดสำคัญอะไร พวกกษัตริย์และขุนนางเหล่านั้นไม่ได้เป็นเมล็ดพันธุ์จากสวรรค์หรอก หกปราชญ์ไม่ได้เกิดมาแล้วเป็นหกปราชญ์เลยเสียเมื่อไร ผู้ชายของข้าทำอะไรเด็ดขาดมาตลอด มาสนใจเรื่องภูมิหลังชาติกำเนิดตั้งแต่เมื่อไร?”
เหมียวอี้ยิ้มเจื่อน “ไม่รู้สิ แค่มีความรู้สึกแบบนี้ เริ่มตั้งแต่ตอนที่เจ้าบังคับให้ข้าคัดอักษร จนถึงตอนที่เจ้าตำหนิอะไรบางอย่างในตัวข้า เจ้ามักจะคัดค้านข้าตลอด เจ้าไปดูเมียบ้านอื่นสิ มีสักกี่คนที่จะเหมือนเจ้า”
“เอ๋!” อวิ๋นจือชิวเลิกคิ้ว แสดงความไม่สบอารมณ์ออกมาบนใบหน้าโดยตรง ยังนึกว่าเรื่องอะไรที่ทำให้เขาเกิดความคิดที่ทำให้นางไม่สบายใจแบบนี้ นางจึงแสยะยิ้มแล้วบอกว่า “คัดค้านเจ้าแล้วจะทำไม? ก็ข้าเต็มใจ ตราบใดที่ข้าคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อตัวเจ้า ข้าก็ยังจะคัดค้านเจ้าอยู่ดี ไม่ว่าเจ้าจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ อย่างไรเสียข้าก็เต็มใจ รู้สึกว่าเมียของบ้านอื่นดีล่ะสิ! ขอโทษด้วยนะ ข้าอวิ๋นจือชิวไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนโยนว่าง่ายขนาดนั้น ตอนนี้เป็นยังไง ต่อไปก็จะเป็นอย่างนั้น อะไรที่ควรบอกควรคุมก็จะทำเหมือนเดิม”
…………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น