ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1084-1089
บทที่ 1084 ค้นพบเรือทองคำ
การจลาจลในโซมาเลียเริ่มขึ้นเมื่อไม่กี่ปีก่อน ตอนนี้สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายมาก อย่างน้อยทั้งโมกาดิชูก็ถูกกองกำลังรัฐบาลควบคุมไว้แล้ว
บนถนนยังมีบรรยากาศของสงครามอยู่ ผ่านไปไม่เท่าไรก็มีทหารลาดตระเวนประจำการ ในเมืองไม่มีไฟจราจรเพราะไม่จำเป็นต้องใช้ ทหารเข้ามาตรวจใบขับขี่เรื่อยๆ ตั้งแต่สนามบินจนถึงท่าเรือ รถฮัมเมอร์ที่เบิร์ดขับโดนตรวจไปสิบกว่ารอบแล้ว
เทียบกับที่สนามบิน วินัยของทหารพวกนี้ดีกว่ามาก พอฉินสือโอวเริ่มรู้สึกว่าการตรวจสอบชักจะล่าช้า เขาจึงหยิบหนึ่งร้อยดอลลาร์ส่งให้ทหารเหล่านั้น ปรากฏว่าพวกเขากลับโบกมือปฏิเสธ
เบิร์ดอธิบายให้เขาฟังว่า “ทหารพวกนั้นกองทัพอเมริกาช่วยฝึกมา ครูฝึกทหารที่จัดตั้งขึ้นเป็นชาวอเมริกา เยอรมัน จีน และรัสเซีย แล้วพวกเขาเข้มงวดเรื่องวินัยมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อน ไม่ต้องให้คุณหยิบเองหรอก ทหารรัฐบาลนั่นแหละจะช่วยจัดการกระเป๋าเงินคุณจนเกลี้ยงแน่”
เมื่อมาถึงท่าเรือ ขณะลงจากรถฉินสือโอวพลันได้ยิงเสียง ‘ปังๆ’ ดังขึ้นมาไม่ไกล ช่วงนี้เขาเล่นปืนทุกวันเลยตัดสินไปว่าเป็นเสียงปืน และยังเป็นไรเฟิลลำกล้องเล็กด้วย
เขาจึงรีบหลบหลังรถฮัมเมอร์โดยอัตโนมัติ แต่แบล็คไนฟ์ดึงเขาไว้พร้อมส่ายหน้า “นี่น่าจะมีคนฉลองอะไรอยู่มากกว่า? ปากกระบอกมันยิงขึ้นฟ้า ถ้าคุณไม่ได้ยินเสียง ‘ฟิ้วๆ’ ก็ไม่ต้องกลัว มีแค่เสียง ‘ฟิ้วๆ’ ที่หมายถึงมีคนยิงมาทางคุณ”
สีหน้าทหารคนอื่นๆ ก็ดูไม่ต่างกัน แม้พวกเขาจะย้ำว่าตอนเคยเป็นทหารรับจ้างก็เป็นแค่นายทหารเล็กๆ น้อยครั้งที่ได้ไปสนามรบ ทว่าดูแล้วไม่น่าเป็นอย่างนั้น คนพวกนี้คงผ่านโลกมาอย่างโชกโชน
บนท่าเรือมีเรือประมงรุ่นเก่าลำหนึ่งที่เบิร์ดขับมาเอง
ข้างในรถฮัมเมอร์นั้นสะอาดผิดกับเรือประมง เบิร์ดขึ้นไปลากกล่องเก็บของบนเรือมาเปิดก่อน ด้านในเต็มไปด้วย AK-74 ที่วางไว้อย่างเป็นระเบียบ อีกกล่องหนึ่งคือกระสุนสีเหลืองส้ม ดูราวกับจะมีการต่อสู้กัน
พวกทหารต่างหยิบ AK ขึ้นมาดึงสไลด์ดัง ‘คลิก’ บรรจุกระสุนและปลดโหมดเซฟปืน เห็นดังนั้นฉินสือโอวก็ค่อนข้างแตกตื่น “ต้องเคร่งเครียดกันขนาดนี้เลยเหรอ?”
เบิร์ดตอบ “ระบบรักษาความปลอดภัยในตัวเมืองโมกาดิชูไม่เลวก็จริง ขนาดหัวขโมยยังแทบไม่เจอ แต่บนทะเลไม่เหมือนกัน อาชญากรรมย้ายไปอยู่ในทะเลทั้งหมด พวกเราเลยต้องเตรียมตัวให้พร้อม ถ้ามีช่องทาง ผมก็ว่าจะสั่งซื้อจรวดสักชุด”
เป็นดังคาด ยิ่งเรือประมงแล่นเข้าน้ำลึกเท่าไรก็ยิ่งมีเรือมากมาย มีทั้งเรือประมงและเรือยอชต์ขนาดใหญ่ ตอนที่เรือประมงขับผ่านด้านข้าง ฉินสือโอวเห็นว่ายามบนเรือมีแต่คนประดับฟันไว้
“นี่คือเรือบ่อนพนัน เรือพิษ เรือนูด เรือตลาดมืด ธุรกิจผิดกฎหมายบนบกทั้งหมดล้วนมาอยู่ที่นี่ แถมเรือพวกนี้มีไม่น้อยที่พอตกกลางคืนก็กลายเป็นเรือโจรสลัดแล้วปล้นกันเอง” แบล็คไนฟ์กล่าวแนะนำ
ฉินสือโอวประหลาดใจ “วุ่นวายขนาดนั้นเชียว?”
บีบีซวงหัวเราะพลางเอ่ยว่า “ตอนที่พวกเรามาอยู่เมื่อสี่ปีก่อนต่างหากถึงเรียกว่าวุ่นวาย กองทัพรัฐบาลกับกองทัพเยาวชนต่อสู้กันทุกวัน เมืองตกอยู่ในความโกลาหล ช่วงนั้นตราบใดที่มีปืนอยู่ในมือ คุณอยากได้อะไรก็หยิบได้เลย อยากได้ผู้หญิงคนไหนก็ลักพาตัวไปเลย”
ฉินสือโอวไม่เคยได้เห็นเหตุการณ์นั้น สี่ปีก่อนเขายังอยู่ที่จีน แต่ก็มีข่าวเกี่ยวกับสงครามในโซมาเลียไม่มากนัก
ทว่าสิ่งที่พวกเบิร์ดบอกก็แค่เหตุการณ์สุดโต่ง พวกเขาออกจากท่าเรือขับมาไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงบริเวณเรือเก็บกู้ แล้วพบกับเรือจำนวนมาก แต่ไม่ได้เกิดการปะทะกันอย่างใด คลื่นลมทะเลสงบ มีคนท้องถิ่นบางส่วนล่องเรือเล็กขายอาหาร
แต่ที่ทำให้ฉินสือโอวตกใจคือ อาหารที่คนพวกนี้ขายกลับเป็นอาหารจีน แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นอาหารอิสลาม เพราะโซมาเลียเป็นประเทศมุสลิมนั่นเอง
หลังมาถึงที่เรือวิจัยทางวิทยาศาสตร์แค่ในนาม ฉินสือโอวขึ้นเรือมาก็โดนบิลลี่กอดแน่น เอ่ยอย่างดีใจว่า “ศาสตราจารย์ฉิน สวัสดีครับ ในที่สุดคุณก็มา!”
ศาสตราจารย์ฉิน? ฉินสือโอวชะงัก ก่อนจะหลุดหัวเราะ “ดอกเตอร์บิลลี่ ไม่ได้เจอกันนานเลย ดีใจที่ได้พบนะครับ”
ชายผิวดำตรงดาดฟ้าเรือได้ยินที่พวกเขาเรียกกันก็เอ่ยด้วยความชื่นชม “พระเจ้า พวกคุณช่างเก่งจริงๆ อายุยังน้อยก็เป็นดอกเตอร์กับศาสตราจารย์กันแล้ว สุดยอดไปเลย”
บิลลี่แนะนำให้ฉินสือโอวรู้จัก ชายผิวดำคนนี้คงจะเป็นคนที่ทางรัฐบาลโซมาเลียส่งมาจับตาดูพวกเขา ซึ่งชื่อยาวมาก ฉินสือโอวจำได้แค่ชื่อเล่นที่ชื่อเหมือนกับนักฟุตบอลดาวดังคนหนึ่ง ชื่อว่าอาบู
ฉินสือโอวนำอาหารสดใหม่ร้อนๆ ขึ้นมาบนเรือ พวกบิลลี่ดีอกดีใจกันมาก ชายผิวดำที่ชื่ออาบูถึงกับถือไก่จานใหญ่วิ่งตรงกลับไปล็อกประตูห้องเพื่อลิ้มรสเองคนเดียว
พอเห็นกลุ่มคนพากันกินอาหารด้วยท่าทางเปี่ยมสุข ฉินสือโอวก็อดหัวเราะไม่ได้ “โอเวอร์กันไปแล้วมั้ง?”
บิลลี่กินอย่างมูมมามแล้วตอบว่า “ไม่โอเวอร์เลยสักนิด พวกเราไม่ได้กินอาหารผักสดๆ กันเลย ให้ตายเถอะ พวกเราขึ้นฝั่งได้แค่อาทิตย์ละครั้ง เพื่อรักษาความลับ ปกติเลยต้องพึ่งปลาทะเลประทังชีวิต ฉันกินแต่ซีฟู้ดจนจะอ้วกแล้วเนี่ย!”
อะไรที่มันเกินพอดีก็เท่ากับไร้ความหมาย สำหรับคนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในทะเลตลอดปีคำว่าซีฟู้ด คงไม่ต่างอะไรกับการเอียนเนื้อ
หลังได้กินไปเล็กน้อย บิลลี่ก็ส่งสายตาให้ฉินสือโอว กล่าวเสียงเบาว่า “พวกเราทำการทดสอบภูมิประเทศใต้ทะเลแล้ว เรือฟรันซิสโก ปิซาร์โรอยู่ที่นี่ ไปทางเหนือประมาณสิบกิโลเมตร รีบติดต่อสัตว์เลี้ยงนายเสีย ฉวยโอกาสตอนที่อาบูไม่อยู่รีบไปเก็บแร่มา”
เรือฟรันซิสโก ปิซาร์โรก็คือเรืออับปางที่ขนแร่ทองคำนั่นเอง มันคือเรือใบลำหนึ่งของสเปนในยุคที่เดินทางทางทะเลกัน เป็นหนึ่งในเรือสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของสเปนในช่วงเวลานั้น
ฟรันซิสโก ปิซาร์โรเป็นนักผจญภัยชาวสเปนผู้ไม่รู้หนังสือและเป็นผู้พิชิตอาณาจักรอินคาในเปรู เขาได้เปิดยุคสมัยที่สเปนและพิชิตทวีปอเมริกาใต้ และยังเป็นผู้ก่อตั้งเมืองหลวงลิมาประเทศเปรู ในยุคที่การเดินเรืออันยิ่งใหญ่เป็นไปโดยไร้ศีลธรรม เขาถือเป็นความภาคภูมิใจของสเปนทีเดียว
แต่ในสายตาของคนยุคปัจจุบัน ก็ไม่ต่างอะไรกับอันธพาล ฆาตกร นักฆ่า และคนค้าทาสที่น่ารังเกียจคนหนึ่ง
ฉินสือโอวไม่ได้สนใจศึกษาประวัติของฟรันซิสโก ปิซาร์โร เขาแค่รู้คร่าวๆ เกี่ยวกับเรืออับปาง แล้วนำจิตสำนึกโพไซดอนลงไปในน้ำ
ด้วยข้อมูลของบิลลี่ ฉินสือโอวจึงหาเรืออับปางเจออย่างง่ายดาย ทันทีที่จิตสำนึกโพไซดอนลงไปควบคุมน่านน้ำใต้ทะเล เขาก็เห็นเรือขนาดใหญ่ที่อยู่ในสภาพทรุดโทรมแล้ว
เรือฟรันซิสโก ปิซาร์โรเป็นเรือสินค้าที่มีเสากระโดงหลายเสา แต่เพราะของที่ขนคือแร่ซึ่งเป็นสินค้าที่มีน้ำหนักมาก จึงจมลงไปกระแทกกับก้นทะเลจนแทบจะแหลกเป็นชิ้นๆ ฉินสือโอวมองรูปร่างเดิมของมันไม่ออกเลย
ซากเรืออับปางหลายส่วนผุพังไปเรียบร้อย หอยสังข์เกาะเต็มตัวลำเรือ มีสาหร่ายบางส่วนงอกอยู่บนเรือ โคลนทะเลจำนวนมากที่ถูกคลื่นใต้น้ำซัดสาดมาหลายร้อยปี ทำให้เรืออับปางถูกกลบมิดจนดูราวกับว่ามันงอกขึ้นมาจากใต้ทะเล
บทที่ 1085 ปลาเก่าแก่ตัวหนึ่ง
ช่างต่างจากที่ฉินสือโอวคาดไว้ เขาคิดว่าแร่จะกองเป็นภูเขาอยู่ในเรืออับปางเสียอีก ที่จริงมันเก็บไว้ในกล่องไม้ต่างหาก กล่องไม้มากมายที่กองพะเนินเป็นภูเขา แน่นอนว่ากล่องไม้เหล่านี้ส่วนใหญ่ก็ผุพังไปแล้ว
ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกโพไซดอนม้วนคลื่นทะเลชะล้างรอบๆ เรืออับปาง โคลนถูกเซาะออกจนสะอาด เผยให้เห็นกล่องไม้ต่างๆ และแร่ที่ร่วงออกมาตามรอยแตกของกล่อง
สีของแร่เหล่านี้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทาสีน้ำตาล แทนที่จะขรุขระแบบก้อนหิน แต่ละก้อนกลับเป็นทรงลูกบาศก์หยาบๆ โดยมีร่องรอยของการตัดและหลอมตรงขอบ
จิตสำนึกโพไซดอนเข้าไปในเรืออับปาง เขาค้นหาตั้งแต่หัวจรดท้าย ก่อนจะพบกับเรื่องไม่คาดคิด
ภายในเรือมีซากโครงกระดูกแห้งกรังผุๆ มากมาย และมีพวกของมีค่าอย่างโซ่ทอง เครื่องประดับทองและแหวนทองตามตัวกระดูก
สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือเมื่อมาถึงห้องบังคับการ มีโครงกระดูกร่างหนึ่งกำลังกอดกล่องขนาดเท่าลิ้นชักเอาไว้ ด้านในเป็นเครื่องประดับทองส่องประกายมีความเรียบง่ายลึกลับตามสไตล์อินคา มันถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี จนน่าส่งไปประมูลเป็นผลงานศิลปะ
ฉินสือโอวเจอเจ้าสามเกลอ เจ้าสามตัวนั้นกำลังไล่ตามปลาหมึกฝูงหนึ่ง อ้าปากกว้างงับดังกร๊วมๆ กินปลาหมึกพวกนั้นเข้าปาก ผ่านคอและลงท้องไป
แต่พอสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของจิตสำนึกโพไซดอน พวกมันก็รีบผละจากปลาหมึก แล้วม้วนไปตามน้ำที่กำลังถูกจิตสำนึกโพไซดอนควบคุม
พวกปลาหมึกที่ในที่สุดก็รอดพ้น ต่างหนีกันสุดชีวิต ปรากฏหนีไปได้ไม่เท่าไร ไม่ไกลกันนั้นพลันเกิดคลื่นน้ำกระเพื่อมไหว ปรากฏเงาขนาดใหญ่ขึ้นเหนือหัวพวกปลาหมึก ก่อนพุ่งเข้ามาล่าเหยื่อทันที ทำเอาพวกปลาหมึกต้องพบกับนรกอีกรอบ!
สิ่งที่จู่ๆ ก็พุ่งเข้ามานั้นเป็นปลาตัวใหญ่ประมาณสองเมตรกว่า ฉินสือโอวเพิ่งเคยเห็นปลาใหญ่แบบนี้ในมหาสมุทรอินเดียครั้งแรก ทีแรกคิดว่าเป็นฉลามตัวเล็ก แต่พอจิตสำนึกโพไซดอนเข้าไปใกล้กลับต้องตะลึงเมื่อพบว่ามันไม่ใช่ฉลาม แต่เป็นปลาที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ปลาตัวนี้ดูท่าทางสง่าน่าเกรงขาม มันมีความยาวสองเมตรกว่า ลำตัวหนา หัวใหญ่ ปากกว้างและมีฟันเหมือนใบมีดด้านใน หน้าตาดูโหดเหี้ยมไม่ต่างจากฉลามเสือทรายไอซ์สเกตเลย
หน้าตาของมันค่อนข้างแปลก ลำตัวปกคลุมด้วยแผ่นเกล็ดกลมรีใหญ่ เกล็ดที่โผล่มามีหลายส่วนเป็นตะปุ่มตะป่ำ ทำให้พื้นผิวดูขรุขระ ผิดกับปลาส่วนใหญ่ ปลาใหญ่ตัวนี้มีครีบที่แข็งแรงไม่ว่าจะครีบท้อง ครีบหลังหรือหาง ล้วนดูทรงพลัง
ฉินสือโอวมองปลาตัวนี้พลางครุ่นคิดไปว่า ถ้ามันขึ้นบก เป็นไปได้ไหมว่ามันจะสามารถคลานได้ด้วย?
พอได้เจอปลาชนิดนี้เป็นครั้งแรก ฉินสือโอวเพียงประหลาดใจเล็กน้อย แล้วส่งพลังโพไซดอนเข้าไปในตัวมันส่วนหนึ่ง
เหตุผลที่ทำเช่นนั้นเพราะจิตสำนึกโพไซดอนจะสามารถสัมผัสถึงบางสิ่งได้จากในตัวปลา ฉินสือโอวสัมผัสได้ว่ามันมีชีวิตอยู่มายาวนาน ปลาแก่ตัวนี้อยู่มาหลายปีแล้วเลยไม่ค่อยได้ยินอะไร
ปลาตัวนี้เป็นแค่บทสลับฉากเท่านั้น หลังฉินสือโอวให้พลังโพไซดอนเรียบร้อยก็จากมา
เขามีจุดประสงค์ที่ทำแบบนี้อยู่ คือการแสร้งทำเป็นประสบความสำเร็จแบบพวกปรมาจารย์ในนิยายจอมยุทธ์ เวลาพบคนที่ชะตาต้องกันก็จะช่วยเสริมสร้างกำลังภายในเรื่อยๆ ให้ไปเริ่มสร้างตำนานบทหนึ่งนั่นเอง
พอพาเจ้าสามเกลอกลับมาข้างเรืออับปาง ฉินสือโอวก็สังเกตปากของพวกมัน ปากของโลมาปากขวดกว้างที่สุดแต่หัวเล็ก ปากของฉลามเสือทรายอ้าได้ไม่มาก ขณะที่ลูกวาฬเบลูกามีปากใหญ่
ประเด็นคือลูกวาฬเบลูกานั้นใหญ่ทั้งหัวและปาก แม้มันจะเติบโตค่อนข้างช้า แต่ตอนนี้ตัวก็ยาวถึงสองเมตรครึ่งแล้ว ตัวใหญ่กว่าไอซ์สเกตกับบีนอีก
บีนเองก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก สังเกตได้จากปฏิกิริยาที่มันไม่สนใจไอซ์สเกตเลย ไอซ์สเกตต้องเจอช่วงที่ยากลำบากเสียแล้ว ช่วงวัยรุ่นของโลมาปากขวดพวกมันจะสนใจในเพศเดียวกันมาก พอถึงวัยผู้ใหญ่ถึงจะกลับเป็นปกติ
ลูกวาฬเบลูกาหยิบแร่ขึ้นมาก้อนหนึ่งก่อนจะลอยขึ้นไป ฉินสือโอวไม่ได้ให้พวกมันนำไปไว้บริเวณเรือเก็บกู้โดยตรง เดี๋ยวกลายเป็นเรื่องใหญ่กันพอดี
เขากับบิลลี่ขับเรือเล็กลำหนึ่งออกมาราวสิบกว่ากิโลเมตรเพื่อสมทบกับวาฬเบลูกา
เมื่อได้รับคำสั่งของฉินสือโอว บอลหิมะก็ค่อยๆ โผล่หัวขึ้นมาจากน้ำ เหมือนก้อนหยกขาวกลมเกลี้ยงขนาดใหญ่ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ แสงอาทิตย์ส่องกระทบบนตัวมัน งดงามจนน่าหลงใหล!
บิลลี่เห็นแร่ในปากบอลหิมะก็ไม่ได้รีบคว้าด้วยความยินดี เขาวาดไม้กางเขนตรงอกอย่างเปี่ยมศรัทธา พึมพำอ่านไบเบิลท่อนหนึ่ง แล้วจึงเอื้อมไปหยิบแร่
บอลหิมะไม่ได้สนใจแร่อยู่แล้ว พอบิลลี่เอาไป มันก็ยกหางขึ้นเหนือน้ำหันไปทางฉินสือโอว หางใหญ่ฟาดลงน้ำจนเกิดคลื่นสาดใส่ ฉินสือโอวเปียกเต็มๆ
เขาหัวเราะเสียงดัง ถอดเสื้อแล้วยื่นมือไปลูบบอลหิมะ มันขยับเข้าใกล้อย่างว่าง่าย แต่ทันทีที่อยู่ใกล้ก็อ้าปากพ่นน้ำสายหนึ่งใส่ทำฉินสือโอวเปียกโชกเป็นลูกหมาตกน้ำ
เมื่อเห็นดังนั้น บอลหิมะยิ่งชอบใจ ทำปากเสียง ‘บรืนๆ’ เป็นเสียงที่เรียนรู้มาจากเสียงคำรามของเครื่องยนต์เจ็ทสกีตอนที่ได้เจอฉินสือโอวครั้งแรก
พอหวนคิดถึงเหตุการณ์การเจอกันครั้งแรก ฉินสือโอวก็ยกยิ้มอย่างอ่อนโยน นั่งลงตรงดาดฟ้าเรือเล็กก้มลงไปลูบหัวบอลหิมะ
ตอนที่เจอกันครั้งแรก บอลหิมะอยู่กับแม่ ปรากฏหลังจากนั้นแม่ก็โดนนักล่าวาฬชาวญี่ปุ่นฆ่าตายและทำร้ายเจ้าตัวเล็ก ฉินสือโอวพลันตระหนักว่าตัวเองไม่ค่อยได้ใส่ใจเจ้าสามตัวนี้เท่าไร สำหรับเขามันอาจเป็นแค่สัตว์เลี้ยงสามตัว แต่สำหรับพวกมัน ฉินสือโอวมีแค่คนเดียว
โชคดีที่เขาให้พลังโพไซดอนกับทั้งสาม พวกมันเลยเป็นเพื่อนกันได้ ไม่งั้นมันคงอยู่ในทะเลอย่างโดดเดี่ยวแน่นอน!
คิดได้ดังนั้น ฉินสือโอวก็เรียกบีนกับไอซ์สเกตมาด้วย เขาถอดเสื้อผ้าก่อนจะกระโดดลงน้ำไปเล่นกับทั้งสามตัว
พอได้เห็นร่างแวววาวของบอลหิมะ บิลลี่ที่อยู่บนเรือก็วาดมือเป็นไม้กางเขนอีกรอบอย่างอดไม่ไหว ในแง่ของความประทับใจ วาฬเบลูกาก็เป็นเหมือนจิตวิญญาณแห่งท้องทะเลเลยทีเดียว
ทั้งสามตัวชื่นชอบการเล่นมาก นิสัยร่าเริงกันหมด ยิ่งได้อยู่กับฉินสือโอวก็ยิ่งมีชีวิตชีวา
ของทุกอย่างในน้ำล้วนทำเป็นของเล่นได้หมด ทั้งเศษไม้ลอยน้ำ สาหร่ายทะเล หรือปลาเล็กสักตัวก็เป็นของเล่นได้หมด
บีนเจอสาหร่ายเส้นยาวในน้ำ มันพันไว้รอบตัวเองเดี๋ยวดำเดี๋ยวโผล่ พอว่ายมาถึงด้านข้างฉินสือโอวมันก็อ้าปากพร้อมยกมุมปากขึ้นเหมือนกำลังยิ้ม
ฉินสือโอวเล่นกับพวกมันอย่างมีความสุข พลันเกิดฟองอากาศผุดขึ้นบนผิวน้ำ ปรากฏว่ามีปลาใหญ่ตัวหนึ่งโผล่หน้าขึ้นมา
ท่าทางมันคงไม่ได้ปรับตัวให้เข้ากับแสงอาทิตย์ ปลาใหญ่รีบดำลงน้ำทันทีที่หัวมันถูกแสงเพียงเล็กน้อย ร่างที่แข็งแกร่งและดูน่าเกลียดเคลื่อนผ่านไปตามผิวน้ำ การเคลื่อนไหวทรงพลังมาก
ฉินสือโอวจำได้ว่าเป็นปลาแก่ที่เขาส่งพลังโพไซดอนให้ก่อนหน้านี้ ไม่นึกว่ามันจะตามมาด้วย ดูท่าคงมากับสามตัวนั้นแน่
“ปลาซีลาแคนท์! ฟัค! นั่นมันปลาซีลาแคนท์อินโด! ต้องเป็นปลาซีลาแคนท์อินโดแน่ๆ!” เขาที่กำลังอาลัย จู่ๆ บิลลี่ก็ตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นเต้น
ฉินสือโอวมองเขาอย่างประหลาดใจ “อะไรนะ ปลาซีลาแคนท์?”
บิลลี่อุทาน “นายเป็นชาวประมงทำไมถึงไม่รู้จักปลาซีลาแคนท์? นั่นมันปลาที่มีค่าที่สุดในมหาสมุทรอินเดียเลยนะ!”
บทที่ 1086 บทเรียนของสามเกลอ
ปลายักษ์น่าเกลียดเพียงว่ายวนไปมาตรงผิวน้ำ ปรากฏพอถูกเจ้าสามตัวนั้นพบเข้า พวกมันก็เหมือนได้เจอของเล่นใหม่ จึงพากันมุดลงน้ำว่ายตามปลาใหญ่ตัวนั้นไป
ปลาใหญ่ค่อนข้างแตกตื่นหลังพบว่าตัวเองกำลังโดนเจ้าสามตัวจ้องอยู่ มันรีบดำลงไปใต้น้ำ ทว่าด้านพลังในการดีดตัวไม่มีทางสู้โลมาปากขวดได้ แม้แต่วาฬเบลูกากับฉลามเสือทราย ยิ่งเป็นบีนที่ได้รับพลังโพไซดอนมามากมายแล้วด้วย
หางที่โค้งปราดเปรียวเคลื่อนไหวเต็มกำลัง บีนดีดตัวพุ่งไปอย่างรวดเร็วดั่งตอร์ปิโด และเข้าขวางทางปลาใหญ่ได้ทันที
จากนั้นไม่นาน บอลหิมะก็อ้าปากตามติดมา ไอซ์สเกตเองก็คอยจ้องตาเป็นมันอยู่ด้านข้าง ขวางปลาใหญ่ไว้ทั้งสามทางพร้อมกัน
พอเห็นท่าทางตื่นตระหนกหวาดกลัวของปลาใหญ่เช่นนั้น ฉินสือโอวจึงรู้ว่าถึงหน้าตาของมันจะดูโหดเหี้ยม แต่นิสัยคงน่าจะสงบเสงี่ยม อย่างน้อยก็ไม่ก้าวร้าวนัก ไม่งั้นหากไม่นับฟันแหลมคมหรือรูปร่าง ถ้าเทียบกับบีนแล้วก็ยังได้เปรียบพอที่จะสามารถโจมตีบีนได้ตรงๆ ด้วยซ้ำ
เจ้าสามตัวนี้ก้าวร้าวเกินไป ซึ่งเป็นจุดที่ฉินสือโอวไม่ชอบนัก ในทะเลนั้นยังมีเสือซุ่มมังกรซ่อนที่แข็งแกร่งราวสัตว์ประหลาดยักษ์อยู่แบบนั้นจะไม่เดือดร้อนเอาเหรอ? ทั้งสามตัวก้าวร้าวขนาดนี้ อนาคตอาจมีเรื่องได้ง่ายๆ เขาเองก็ไม่สามารถคอยตามอยู่ข้างๆ ได้ตลอดจริงไหม?
ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจจะให้บทเรียนกับเจ้าสามตัวผ่านปลาใหญ่ตัวนี้ ขณะเดียวกันอีกด้านเขาก็คุยกับบิลลี่ไปด้วย “นายว่าอะไรนะ ซีลาแคนท์? นี่คือปลาซีลาแคนท์งั้นเหรอ?”
ฉินสือโอวได้ยินบิลลี่เรียกปลาซีลาแคนท์ว่าเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในมหาสมุทรอินเดีย วิธีการเรียกไม่ค่อยโอ้อวดนัก ปลาชนิดนี้ต้องมีค่าอย่างแน่นอน
ความล้ำค่าของพวกมันก็คือเป็นการวิจัยทางวิทยาศาสตร์อันแสนมีค่าแบบหมีแพนด้ายักษ์นั่นเอง พวกมันยังถูกเรียกว่าฟอสซิลมีชีวิตอีกด้วย
ปลาซีลาแคนท์อินโดจัดเป็นปลาครีบพู่ และปลาครีบพู่มักถูกเข้าใจว่าเป็นบรรพบุรุษของสัตว์มีกระดูกสันหลัง ตามทฤษฎีของดาร์วิน บรรพบุรุษสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมนั้นมาจากทะเล ซึ่งเจาะจงไปทางปลาครีบพู่
การวิจัยทางชีววิทยาสมัยปัจจุบันเชื่อว่า ช่วงปลายยุคดีโวเนียนปลาครีบพู่ที่เริ่มขึ้นมาบนบกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังสายพันธุ์แรกสุด และเปิดปฐมบทแห่งการครองโลกอันยิ่งใหญ่ของสัตว์มีกระดูกสันหลังขึ้นมา
สาเหตุที่อนุมานเช่นนี้คือ สายพันธุ์ในทะเล ณ เวลานั้นมีเพียงปลาครีบพู่ที่มีโครงสร้างปอดแบบดั้งเดิม แล้วสามารถหายใจนอกทะเลได้ และมีแค่ครีบอวบเนื้อของพวกมันที่แข็งแรงพอจะพยุงร่างกายขึ้นบกได้
ตอนฉินสือโอวเห็นมันก่อนหน้านี้ ก็รู้สึกว่าครีบข้างมันดูแข็งแรงมาก น่าจะพยุงพาตัวมันปีนขึ้นบกได้ ปรากฏว่าในยุคโบราณ บรรพบุรุษของมันก็ดันทำแบบนั้นมาแล้วจริงๆ
ก่อนปี 1938 เป็นที่ยอมรับในวงการวิทยาศาสตร์ว่า ปลาครีบพู่นั้นได้สูญพันธุ์ไปเมื่อ 8000 ปีก่อนแล้ว ทว่าในปี 1938 ได้มีการค้นพบปลาลาติเมอเรีย[1]ตัวเป็นๆ ที่แอฟริกาใต้ หลังจากนั้นมังกรโคโมโดก็ล่าปลาชนิดนี้ไปจำนวนมาก เป็นการพิสูจน์ความเห็นที่ว่าปลาชนิดนี้ยังไม่สูญพันธุ์
สำหรับวงการวิทยาศาสตร์ปลาซีลาแคนท์ถือเป็นเครื่องมือทางการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่มีค่าจริงๆ เพราะร่างกายปลาครีบพู่นั้นยังมีสิ่งน่าพิศวงอีกมาก หากจะวิจัยเรื่องต้นกำเนิดของมนุษยชาติย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะศึกษาพวกมัน
ต่อให้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องต้นกำเนิดสายพันธุ์ก็ยังต้องไขข้อสงสัยอีกมากมายเกี่ยวกับปลาพันธุ์นี้อยู่ดี
เช่นจากการวิจัย วงการวิทยาศาสตร์เชื่อว่าปลาชนิดนี้สามารถมีชีวิตอยู่ได้สองชั่วโมงเมื่อออกจากน้ำ ทว่าพอถูกจับขึ้นจากน้ำแล้วปลาซีลาแคนท์กลับสามารถมีชีวิตได้ถึงสิบกว่าชั่วโมง
ตัวอย่างอื่นๆ เช่นปลาครีบพู่โดนเข้าใจว่าเป็นปลาที่อยู่ในน้ำลึกมาก สภาพแวดล้อมที่อาศัยน่าจะเป็นร่องลึกหนึ่งหมื่นเมตร นี่เป็นการอนุมานมาจากโครงสร้างของมัน กะโหลกศีรษะมีความแข็งมากเพื่อกลืนเหยื่อได้โดยไม่ต้องเคี้ยว นี่เป็นการปรับตัวให้เข้ากับการอยู่ในแรงดันน้ำที่สูงมาก ภายในกะโหลกศีรษะยังมีข้อต่อที่ยาวทำให้มันสามารถอ้าปากกว้างได้
ทว่าตอนที่พวกชาวประมงจับปลาพวกนี้ได้กลับพบว่า พวกมันอาศัยอยู่ในน่านน้ำตื้นอย่างมากก็สี่ห้าร้อยเมตร
ในแง่เทคโนโลยีชีวจักรกล ปลาซีลาแคนท์ก็ถือเป็นเครื่องมือในการวิจัยที่มีค่าเช่นกัน เพราะพวกมันสามารถปรับตัวให้เข้ากับแรงดันที่เปลี่ยนแปลงได้ มีร่องรอยของพวกมันในน้ำตื้น พอโดนจับขึ้นมาบนบกก็มีชีวิตอยู่ได้ถึงสิบกว่าชั่วโมง ซึ่งไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นในทะเลที่ทำถึงขั้นนั้นได้
หลายๆ สาเหตุรวมกันจึงกลายเป็นปลาที่มีค่าเช่นนี้เอง
เมื่อเก้าสิบปีก่อน ราคาปลาทะเลทั่วโลกมีการบันทึกให้อนุรักษ์พวกมันไว้ ตอนที่ชาวประมงแอฟริกาใต้จับปลาซีลาแคนท์ยาวสองเมตรได้ตัวหนึ่ง แล้วประมูลได้ถึงสองแสนแปดหมื่นดอลลาร์สหรัฐ ราคาสูงเฉียดฟ้าเลยทีเดียว นั่นคือเมื่อเก้าสิบปีก่อนนะ!
คำนวณตามอัตราเงินเฟ้อ ราคาปลาทูน่าครีบน้ำเงินของฉินสือโอวที่ได้รับการบันทึกในงานประมูลตลอดมา ก็ยังสู้ปลาซีลาแคนท์ไม่ได้เลย
เก้าสิบปีต่อมา ปลาซีลาแคนท์ถูกค้นพบน้อยลง มีเพียงแถวน่านน้ำเกาะโคโมโดที่นานๆ จะจับพวกมันได้ ในเกาะโคโมโด มีการห้ามจับหรือส่งขายปลาชนิดนี้โดยส่วนตัวอย่างเด็ดขาด
เกาะโคโมโดได้เรียนรู้จากจีน โดยทำให้ปลาชนิดนี้เป็นสัตว์ทางการทูตแบบแพนด้ายักษ์ เช่นเมื่อปี 1980 ตอนที่สร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน พวกเขาก็ส่งตัวอย่างปลาซีลาแคนท์ตัวหนึ่งมาให้ และทางการจีนก็ส่งรถแทรกเตอร์สองคันกับเครื่องจักรที่ผลิตเองให้เป็นการตอบแทน
ที่นี่คือน่านน้ำโซมาเลียไม่ได้อยู่ในเขตอำนาจศาลของเกาะโคโมโด ถ้าคุณจับได้ มันก็จะกลายเป็นของคุณในทันที…อย่างน้อยก็ได้สักสองล้านดอลลาร์สหรัฐ และแน่นอนว่าต้องมีสถาบันวิจัยหลายประเทศมาแย่งชิงกัน ถ้าจัดการดีๆ ราคาประมูลสูงเฉียดฟ้าก็ไม่ถือว่าเกินเอื้อม
“พวก ให้สัตว์เลี้ยงนายจับปลาตัวนั้นไว้! จับแล้วขายมัน จะทำราคาได้หลายล้านดอลลาร์สหรัฐเลยนะ!”
ฉินสือโอวยักไหล่ตอบ “ก่อนอื่นถึงพวกเราจะจับมันได้ แต่นายดูท่าทางดุร้ายของมันสิ สัตว์เลี้ยงฉันน่าจะเป็นคู่ต่อสู้มันไม่ไหวหรอก”
พลังโพไซดอนหลั่งไหลเข้าสู่ร่างปลาซีลาแคนท์ ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกโพไซดอนควบคุมร่างกายมัน แล้วเบรกกะทันหัน ตวัดหางอันทรงพลังใส่วาฬเบลูกาที่ตามมาด้านหลังเข้าแสกหน้า!
จัดการวาฬเบลูกาแล้ว ฉินสือโอวก็ปักหลักสู้ต่อ เร่งความเร็วพุ่งเข้าใส่บีนที่ว่ายเข้ามาอย่างดุร้าย
บีนผวา ทำไมจู่ๆ เจ้าหมอนี่ถึงเปลี่ยนไปฮึกเหิมได้ขนาดนี้กัน?
จังหวะที่มันลังเล ปลาซีลาแคนท์ก็พุ่งเข้าถึงตัวมันแล้ว ขณะเดียวกันฉินสือโอวที่ควบคุมปลาซีลาแคนท์ไว้ชั่วคราวก็หมุนตัว ยกหัวขึ้นให้โหม่งกับหัวบีน
กะโหลกของปลาซีลาแคนท์นั้นหนามาก อย่างที่ทราบกันว่ามันถูกเข้าใจว่าเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในทะเลลึกหมื่นเมตร ถ้าหัวไม่แข็งพอ สมองคงโดนแรงดันน้ำทะเลอัดเละเป็นเต้าหู้ไปแล้ว
พอโดนโหม่ง บีนก็เจ็บปวดมาก มันที่อยู่ตรงผิวน้ำพอดี พอโดนกระแทกใส่ก็ปลิวจนกระเด็นลอยเหนือน้ำเลยทีเดียว เรียกได้ว่าน่าอดสู
ในบรรดาทั้งสามตัว ไอซ์สเกตมีความกล้าหาญที่สุด ถึงมันจะเป็นฉลามเสือทราย แต่ก็เป็นฉลามเสือทรายที่กล้าสู้กับฉลามขาว
เมื่อเผชิญหน้ากับปลาซีลาแคนท์อันดุร้าย ไอซ์สเกตก็อ้าปากโชว์เขี้ยวแหลมคม ปรากฏว่าปลาซีลาแคนท์ที่พุ่งเข้ามาถึงด้านหน้ามันกลับหมุนตัวหลบปากใหญ่ของมัน แล้วอ้อมไปโจมตีด้านข้างไอซ์สเกตแทน
จุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวของฉลามเสือทรายคือ มันหมุนตัวได้ช้า
พอได้รับพลังจากพลังโพไซดอนเรื่อยๆ ความเร็วและเรี่ยวแรงของปลาซีลาแคนท์จึงเพิ่มขึ้น ด้วยการโจมตีไม่กี่ครั้งก็ทำไอซ์สเกตพ่ายแพ้แล้ว…
……………………………………………………..
[1] Latimeria ปลาซีลาแคนท์อีกชนิดหนึ่ง
บทที่ 1087 มูลค่ามหาศาล
ฉินสือโอวยังคงส่งพลังโพไซดอนควบคุมปลาซีลาแคนท์อย่างต่อเนื่อง ทำให้พลังต่อสู้ของมันเพิ่มขึ้น
แต่เดิมปลาซีลาแคนท์ก็ไม่ได้อ่อนแออยู่แล้ว ทั้งตัวที่ยาวสองเมตร หนักหนึ่งร้อยกิโลกรัม ถ้าไม่ใช่เพราะงุ่มง่ามเกินไปคงปะทะกับปลาโลมาได้สบาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฟันแหลมคมกับกะโหลกแบบหมวกกันน็อกของพวกมัน ปลาปกติจะทำอะไรได้
ทันทีที่โจมตี เจ้าสามตัวก็โดนฉินสือโอวจัดการทีละตัว ไม่ช้าพวกมันก็พากันเชื่องลง
เจ้าสามตัวที่ขี้หงุดหงิด จองหอง แต่พอเผชิญหน้ากับปลาซีลาแคนท์กลับไม่มีความรู้สึกอยากต่อสู้ด้วยแล้ว อีกฝ่ายเหลี่ยมจัดเกินไป จากที่ไม่กล้าสู้กับมันสามตัว กลายเป็นใช้ความเร็วและพลังทำลายมาเอาเปรียบ โดยใช้หัวที่แข็งยิ่งกว่าหินชนใส่ท้องของพวกมัน
ทำไมเจ้าหมอนี่ถึงทั้งเร็วทั้งพลังเยอะขนาดนี้กัน พวกมันไม่เข้าใจเลย รู้เพียงอีกฝ่ายนั้นเก่งกว่าตนอย่างแน่นอน
สิ่งที่พลังโพไซดอนดัดแปลงให้แก่ทั้งสามตัว นอกจากจะทำให้พละกำลังกายภาพที่เพิ่มขึ้น ยังพัฒนาสติปัญญาจนหลักแหลมขึ้นด้วย
เพราะรู้ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย ขืนสู้ต่อคงเสียเปรียบเปล่าๆ ทั้งสามตัวสบตากันก่อนรีบหนีไปซ่อนในน่านน้ำที่จิตสำนึกโพไซดอนควบคุมอยู่ทันที พวกมันไม่ได้คิดแค้นและไม่ได้อยากกินเจ้าปลาน่าเกลียดนี่ ก็แค่อยากแกล้งคนอื่นเท่านั้น ทว่าดูแล้วแท้จริงฝ่ายนั้นมันเป็นฉลามในคราบหมูชัดๆ จะไม่ให้หนีได้อย่างไร?
บิลลี่รีบหยิบเบ็ดตกปลามาเกี่ยวเหยื่อแล้วโยนลงไปในน้ำ รออยู่หัวเรือให้ปลาซีลาแคนท์มากินเหยื่ออย่างกระวนกระวาย ล้านดอลลาร์สหรัฐนี่มันไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลยนะ!
น่าเสียดาย ฉินสือโอวพอสั่งสอนเจ้าสามตัวนั่นเสร็จก็ปล่อยปลาซีลาแคนท์จากการควบคุม มันจึงลงทะเลไปอย่างครึ้มใจเรียบร้อยแล้ว…
ฉินสือโอวบอกบิลลี่ให้กลับก่อน แต่บิลลี่ไม่ยอม ยังคงเหวี่ยงเบ็ดเปลี่ยนเหยื่อต่อไป พลางพึมพำว่า “เร็วเข้าเร็วเข้า ที่รัก รีบมากินเหยื่อเถอะ พ่อจะเอาแกไปชมศูนย์วิจัยเสียหน่อย รถแข่งบ้านหรูของพ่อขึ้นอยู่กับแกเลยนะ รีบออกมาเถอะ ดูสิพ่อเตรียมมื้อเที่ยงมาให้แกเลย ออกจะน่าอร่อยขนาดนี้…”
พอเห็นบิลลี่โดนผลประโยชน์ของปลาซีลาแคนท์พาหลงผิด ฉินสือโอวก็เอ่ยอย่างเกียจคร้านแล้วนั่งลงตรงดาดฟ้าเล่นกับเจ้าสามตัวที่โผล่มาบนผิวน้ำ
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง บิลลี่ก็ยังไม่เห็นปลาซีลาแคนท์ตัวนั้นมากินเหยื่อเสียที จึงเก็บเบ็ดขึ้นมาด้วยความผิดหวัง ทำหน้าตาโศกเศร้ากล่าวว่า “ให้ตายเถอะ ทำไมมันถึงไม่ชอบเหยื่อที่ฉันตั้งใจเตรียมไว้ให้เนี่ย? ล้านดอลลาร์สหรัฐเลยนะพวก หลุดลอยไปต่อหน้าต่อตาฉันเฉย!”
ฉินสือโอวเหลือบมองเขาแล้วตอบว่า “ถ้านายยังไม่กลับอีก รอจนอาบูอะไรนั่นกินเสร็จออกมา ที่จะหลุดไปต่อหน้านายจะไม่ใช่แค่ล้านดอลลาร์นั่นแล้วนะ”
บิลลี่กะพริบตาปริบๆ รีบหยิบแร่มาใส่กล่องปนกับปะการังด้านใน ปิดฝาและสตาร์ทเรือเล็กขับไปยังเรือเก็บกู้ทันที
เมื่อขึ้นเรือมา ชายผิวดำอาบูก็กินข้าวเสร็จออกมาแล้วดังคาด ปากเจ้าหมอนี่ยังมีเศษกระดูกไก่ติดอยู่เลย ริมฝีปากที่หยาบหนาเหมือนไส้กรอกขยับเอากระดูกไก่หายเข้าปากไปอย่างรวดเร็ว ทำฉินสือโอวที่มองอยู่อดรังเกียจไม่ได้
พอเห็นบิลลี่กลับจากทะเลแล้ว อาบูก็ถามด้วยความระแวง “ว่าไง เพื่อนคนขาวที่รัก พวกนายออกทะเลไปทำอะไรกันมาเหรอ?”
บิลลี่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ “จะอะไรเสียอีกล่ะ? ก็ต้องตกปลาแน่นอนอยู่แล้ว ผมได้ยินจากเพื่อนว่ามีปลาซีลาแคนท์โผล่มาในทะเลแถวนี้ เลยอยากลองเสี่ยงโชคเสียหน่อย แต่โชคผมคงไม่พอ ไม่เจอมันเลย”
ในฐานะประเทศชายฝั่งของทวีปแอฟริกา โซมาเลียก็มีการเล่าลือถึงเรื่องปลาซีลาแคนท์เช่นกัน สำหรับพวกเขา ปลาซีลาแคนท์ตัวหนึ่งนั้นมีค่ามากมายทีเดียว แค่ขายมันก็สามารถย้ายจากโซมาเลียอันแสนวุ่นวายไปเสวยสุขแดนสุขาวดีที่ยุโรปได้เลย
ด้วยเหตุนี้ พออาบูได้ยินบิลลี่บอกว่าน่านน้ำนี้มีปลาซีลาแคนท์โผล่มา จึงตื่นเต้นถามเสียงดังว่า “พระอัลลอฮ์ทรงโปรด คุณพูดจริงใช่ไหมเนี่ย? มีคนเจอปลาซีลาแคนท์ที่นี่เหรอ?”
บิลลี่หยิบโทรศัพท์ออกมาให้ดูรูปที่เขาฉวยโอกาสถ่ายตอนมันขึ้นมาบนผิวน้ำรอบสอง พลางตอบว่า “นี่เป็นรูปที่เพื่อนผมส่งมาให้ เขาไม่รู้ว่ามันเป็นปลาอะไร แค่อยากอวดผมว่าตัวเองเจอปลาตัวใหญ่ แต่สำหรับพวกเราที่ทราบอยู่แล้วมองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าเป็นปลาอะไรใช่ไหมล่ะ?”
อาบูคว้าโทรศัพท์มาพร้อมกับพยักหน้ารัว สองตาจ้องรูปภาพในหน้าจออย่างละโมบ ลูกตาเบิกโพลงแทบห้อเลือด
หลังได้เห็นดังนั้น เขาก็หันไปจ้องบิลลี่ และถามอย่างคาดหวัง “เจอปลาตัวนี้ที่ไหนน่ะ? เพื่อนคนขาวที่รัก คุณต้องบอกผมนะ คุณต้องบอกมานะ!”
บิลลี่ชี้ไปยังทิศตรงข้ามกับที่เจอปลาซีลาแคนท์เพื่อหลอกอาบู ไม่ใช่เพราะกังวลว่าเขาจะจับมันได้ แต่ไม่ควรให้เขาไปอยู่ใกล้เรือทองคำอับปางต่างหาก ไม่อย่างนั้นจากนี้จะไปเก็บกู้แร่ทองคำได้อย่างไร?
หลังกำหนดตำแหน่งคร่าวๆ เรียบร้อย อาบูก็รีบร้อนเติมน้ำมันเรือเล็กจนเต็มสตาร์ทเรือเตรียมออกไป
คราวนี้บิลลี่เริ่มร้อนใจ กล่องที่ใส่แร่ทองยังอยู่บนเรืออยู่เลย เขารีบไปเอากล่องกับของบางส่วนลงมาและบอกว่านี่เป็นของใช้ส่วนตัว
ไม่คิดว่าอาบูจะยังคงระแวง พอเห็นกล่องที่เขาโอบไว้ก็ถามขึ้นมาว่า “ในนั้นคืออะไร?”
บิลลี่เปิดกล่องเผยให้เห็นชิ้นส่วนหินปะการัง แล้วพูดส่งเดชไป “อ้อ เป็นตัวอย่างปะการังที่เราเก็บมากันน่ะ คุณก็รู้ เป้าหมายพวกเราคือการตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของปะการัง ตัวอย่างพวกนี้เลยสำคัญกับพวกเรามากไง”
อาบูไม่ได้คิดมาก เขาพยักหน้าก่อนจากไป ฉินสือโอวยกนิ้วชมเชยบิลลี่ บิลลี่เองก็ยิ้มอย่างภูมิใจ ความหมายคือการหลอกพวกคนดำที่ไม่เคยเรียนหนังสือมันจะยากตรงไหนกัน?
เมื่ออาบูไปแล้ว งานของพวกเขาก็ดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น บิลลี่ส่งแร่ให้ผู้ช่วยคนหนึ่งให้เขาพาคนไปทำการทดลอง ตรวจสอบปริมาณทองในแร่
ตามข้อมูลที่บิลลี่พบ บนเรือฟรันซิสโก ปิซาร์โรมีแร่ทองคำทั้งหมดพันตัน แต่ถ้าแร่เป็นเพียงแค่หินหยาบๆ ก็จะไม่มีมูลค่าอะไร แร่ในเรือลำนี้สามารถกลั่นออกมาเป็นทองคำหลายกิโลกรัมได้
ทว่าในสถานการณ์นี้ไม่น่าเป็นไปได้ เรือฟรันซิสโก ปิซาร์โรเป็นเรือสินค้าสำคัญของสเปน พวกเขาไม่มีทางขนส่งทองคำหลายกิโลกรัมจากแผ่นดินแอฟริกากลับไปถึงสเปน โดยที่ทองพวกนี้ยังไม่ได้กลั่นจากหินดั้งเดิม
ขณะที่บิลลี่รออย่างกระวนกระวาย ก็มีรายงานการทดสอบฉบับหนึ่งแจ้งเข้ามา พอเห็นข้อมูลในรายงานบิลลี่พลันเบิกตากว้างด้วยความยินดี ก่อนปรับสีหน้าให้สงบลง ยื่นรายงานให้ฉินสือโอวโดยไม่กระโตกกระตาก
ฉินสือโอวสนใจแค่ปริมาณแร่ทองจึงไม่ได้ใส่ใจพวกวิธีการ ขั้นตอนการตรวจสอบแม้แต่น้อย เขาเลยมองไปตรงผลสรุปตอนท้าย ซึ่งเขียนเน้นไว้ว่า แร่ที่ผ่านการกลั่นมาหยาบๆ มีปริมาณทองถึง 10. 24%!
สิบส่วนพันก็คือปริมาณทองประมาณหนึ่งส่วนสิบ ถ้าแร่ทองพันตันก็จะเท่ากับทองสิบตัน ตอนนี้ทองหนึ่งตันมีค่าสี่สิบล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็เป็นเงินสี่ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ!
แววตาฉินสือโอวหดลงก่อนหันไปมองบิลลี่ บิลลี่ยังคงสงบเยือกเย็นดึงเขาเข้าไปห้องกัปตัน เมื่อประตูปิดลง เขาเข้ามากอดฉินสือโอวพลางโห่ร้อง “พวกเราจะรวยแล้ว! จะรวยกันแล้ว!”
บทที่ 1088 เผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดยักษ์
บิลลี่แกว่งฉินสือโอวซ้ายขวาด้วยความดีใจเหมือนต้นคริสต์มาสที่กำลังจะโดนตัด
ฉินสือโอวก็ดีใจมากเช่นกันทว่าตั้งแต่มีจิตสำนึกแห่งโพไซดอน สิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นได้ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ แน่นอนว่าเรือนร่างงดงามของวินนี่ก็ยังคงเร้าอารมณ์เขาเสมอ
สำหรับเขาเงินทองมันก็แค่นั้น ไม่ว่าดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์แคนาดา หรือหยวนก็ล้วนอยู่ในทะเลทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเขาสนใจจะไปตักมันขึ้นมาหรือไม่
ดังนั้นต่อให้รู้ว่าตัวเองมีแนวโน้มจะได้รับรายได้สองร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐแค่ไหน เขาก็ยังคงสงบ
ปล่อยให้บิลลี่แกว่งไปสักพัก ฉินสือโอวจึงถาม “นายดีใจเสร็จหรือยัง?”
ด้วยไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร บิลลี่เลยตอบไปอย่างงุนงง “เสร็จแล้ว…”
พูดไม่ทันจบ ฉินสือโอวก็หันไปคว้าเขาทุ่มข้ามไหล่ แน่นอนว่าร่วงลงบนที่นอน ไม่มีทางเจ็บ
“พระเจ้า นายเป็นบ้าอะไรเนี่ย?” บิลลี่ตะโกน
ฉินสือโอวยิ้มน้อยๆ “นี่เป็นวิธีที่ฉันแสดงอารมณ์ตื่นเต้นแบบหนึ่ง ฉันยอมให้นายกอดโยกไปมาแบบแม่งโคตรเหมือนเกย์ แล้วนายจะไม่ยอมให้ฉันทุ่มนายบ้างเหรอ?”
บิลลี่กะพริบตาปริบๆ ด้วยความมึน แล้วไม่ได้พูดอะไรนอกจากสบถฟัคออกมาเล็กน้อย
เอะอะกันได้ไม่นาน ทั้งสองก็ใจเย็นลงและเริ่มพิจารณาว่าจะบุกเบิกแร่ทองคำนี้อย่างไร
แร่ทองไม่ใช่ผลงานศิลปะของเรืออับปาง ฉินสือโอวแค่หาเหตุผลอะไรก็ได้ให้ใช้จิตสำนึกโพไซดอนเอามาได้ก็พอ แต่นี่เป็นแร่บริสุทธิ์หนึ่งพันตัน ต่อให้ตอนนี้จิตสำนึกโพไซดอนของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นถึงระดับนี้แล้ว ก็ยังยากต่อการขนขึ้นมาอยู่ดี
บิลลี่ไม่ได้คิดเรื่องที่จะให้ฉินสือโอวมาเก็บกู้แร่ทองเลย การเก็บตัวอย่างสิ้นสุดแล้ว งานของฉินสือโอวจึงเสร็จสิ้น งานที่เหลือหลักๆ มีเขากับเบลค แบรนดอนสามคนเป็นคนจัดการ
“ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พวกเราปล่อยข่าวเรื่องแร่ทองออกไปไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?” ฉินสือโอวมองบิลลี่ “พวก แล้วนักวิจัยของนายไว้ใจได้ไหม? ให้ตายเถอะ ไม่ใช่ว่านายบอกข้อมูลเรื่องแร่เรืออับปางกับพวกเขาไปแล้วหรือไง?”
บิลลี่กลอกตาตอบว่า “แน่นอนสิ ฉันจะโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ? พวกเขารู้แค่ว่าฉันน่าจะค้นพบอะไร แต่ไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรกัน แถมก่อนหน้านี้ก็มีแค่ฉันคนเดียวที่รู้ตำแหน่งเรืออับปาง ตอนนี้มีนายเพิ่มมาอีกคนแล้ว”
ถ้าลูกเรือรู้ว่าไม่ไกลนี้มีแร่ทองคำมูลค่าสี่ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐซ่อนอยู่ก้นทะเลล่ะก็ รับประกันไม่ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เงินนั้นเพียงพอจะทำให้คนบ้าคลั่งได้เลย
ความจริง ทั้งฉินสือโอวและบิลลี่ต่างก็ระแวงกันเองไม่ต่างกัน!
ตอนฉินสือโอวเพิ่งทุ่มบิลลี่ไป จิตสำนึกโพไซดอนก็เคลื่อนย้ายไปยังฟาร์มปลา แล้วเจอคราเคนกับงูเหลือมทะเลจึงพาพวกมันมารวมตัวกัน โดยมีคราเคนเป็นหัวหน้า งูเหลือมทะเลที่ฝูงส่งออกมาครึ่งหนึ่งมียี่สิบตัวที่ยาวถึงสิบกว่าเมตรตามมาด้วย
การแบ่งสันองครักษ์มา ฉินสือโอวต้องทำเพื่อปกป้องตัวเอง ถ้าบิลลี่คิดจะทำอะไร คราเคนกับงูเหลือมทะเลก็เพียงพอจะทำลายเรือใหญ่ลำหนึ่งได้!
ความเป็นจริงนั้นก็โหดร้ายเช่นนี้ เพิ่งจะเป็นหุ้นส่วนธุรกิจอันเหนียวแน่น ตอนนี้พวกเขากลับต้องมาคอยระแวงกันเอง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลูกเรือธรรมดาด้านนอก สี่ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐช่างน่าสะพรึงจริงๆ ขนาดฉินสือโอวยังไม่อาจให้คนรอบข้างรู้เรื่องนี้ได้ ไม่ว่าจะเบิร์ด นีลเซ็นหรือพวกแบล็คไนฟ์ เมื่อเจอกับสมบัติใต้ทะเลสี่ร้อยล้านดอลลาร์เข้า แม้แต่พระเจ้าคงสุดหยั่งรู้ว่าพวกเขาคิดจะทำอะไรกัน
ข่าวนี้ไม่ควรให้คนระดับล่างรู้ แต่ให้คนระดับสูงรู้ยิ่งเยอะยิ่งดี เพราะถ้ามีคนรู้หลายคนทุกคนก็จะระแวงกันเองแล้วไม่กล้าทำอะไรตามใจชอบ
ฉินสือโอวแจ้งเรื่องกับเบลค บิลลี่แจ้งกับแบรนดอน หลังทั้งสองรู้ว่าเรืออับปางมีมูลค่าถึงสี่ร้อยล้าน ก็รับปากว่าจะรีบไปโมกาดิชูโดยเร็วที่สุดทันที
หลังจากนั้นครึ่งวัน เบลคและแบรนดอนก็มาถึงอย่างรวดเร็ว พอขึ้นเรือมาพวกเขาก็ตรงเข้าไปในห้องกัปตัน เบลคถาม “คุมโทรศัพท์ดาวเทียมไว้หรือยัง?”
บิลลี่ตอบ “นอกจากฉัน ตอนนี้ก็ไม่มีใครใช้โทรศัพท์ดาวเทียมได้ ดังนั้นวางใจเถอะ เรื่องแร่ทองคำไม่มีทางหลุดไปได้แน่”
ทว่าจะไปเก็บกู้มาอย่างไร นั่นแหละคือปัญหา
ก่อนอื่น พวกเขาต้องเลี่ยงจากรัฐบาลโซมาเลียและเรือที่แล่นไปมาบนทะเลเสียก่อน จากนั้น พวกเขาต้องดำลงไปใกล้ก้นทะเลสองพันเมตร สุดท้ายหลังจากเก็บกู้แร่ทองแล้วพวกเขาจะขนส่งออกไปอย่างไร?
บิลลี่เคยไปเก็บกู้ของในความลึกระดับนี้มาก่อน แต่มันล้วนเป็นสมบัติจมน้ำที่มีการเก็บกู้น้อยมาก แต่แร่หนึ่งพันตันนั้น ระดับความยากในการเก็บกู้เทียบกับหม้อดินและขวดอย่างละใบไม่ได้เลย
ทั้งสี่ร่วมกันวางแผนการแต่ก็ปัดตกไปหลายแผน งานเก็บกู้แร่พันตันไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ปัญหาได้ภายในวันสองวันอยู่แล้ว
ในที่สุดก็เป็นแบรนดอนที่มีประสบการณ์มากที่สุด เขาพึมพำกับตัวเองก่อนเอ่ยว่า “พวกเรามาเล่นละครตบตากันดีกว่า แร่ทองคำมีมูลค่าตั้งสี่ร้อยล้านดอลลาร์ใช่ไหม? งั้นเราก็มาจ่ายกันก่อน พวก เราไปซื้อเรือไร้ประโยชน์ลำใหญ่มาสักลำแล้วทำให้มันจมที่นี่กันเถอะ!”
“พอถึงเวลา พวกเราก็จะทำการเก็บแร่ในนามของการกู้เรืออับปาง ส่วนในเรืออับปางก็บรรทุกธัญพืชไว้ ถึงตอนนั้นค่อยเอาแร่ใส่ในกล่องบรรจุธัญพืช แล้วติดสินบนด่านศุลกากรโซมาเลียให้พวกเขาขนออกไป วิธีนี้เป็นอย่างไร?”
ได้ฟังแผนการ ฉินสือโอวพลันรู้สึกปวดหัว พูดน่ะมันง่ายพอตอนลงมือทำน่ะต้องยุ่งยากแน่ วิธีการซับซ้อนแบบนี้เอาไปทำเป็นหนังฮอลลีวูดได้เลย
แต่เพราะไม่มีความคิดอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว แผนการที่แบรนดอนเสนอจึงน่าเชื่อถือที่สุด
ทั้งสี่คนปรึกษากันสักพัก สุดท้ายก็ล้มเลิกความคิดนี้ มันไม่ได้เป็นแผนที่ดีเท่าไร ทว่าก็ยังไม่มีแผนอื่นที่ดีกว่า งั้นก็ต้องทำตามนั่นแหละ!
การจะทำตามแผนการนี้ต้องใช้เวลา พวกเขาเลยไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อไป เบรคกับแบรนดอนมาถึงที่นี่เพื่อเจรจาเรื่องการเก็บกู้ เสร็จแล้วจึงเดินทางกลับไป
ตกเย็น ฉินสือโอวนำจิตสำนึกโพไซดอนไปอยู่กับคราเคน แล้วหันไปมองฝูงงูเหลือมทะเลตัวยักษ์ด้านหลังที่ตามมา มากมายอลังการดูน่าเกรงขาม ไม่ว่าจะไปทางไหนพวกสัตว์น้ำก็พากันหนีหายหมด
เพราะตัดสินใจว่าจะเดินทางกลับไม่อยู่เรือเก็บกู้ต่อ ดังนั้นฉินสือโอวจึงรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องพาพวกคราเคนมาแล้ว เลยวางแผนจะส่งพวกมันกลับ
ทว่าขณะที่เขากำลังจะควบคุมพวกคราเคนให้เดินทางกลับนั้นเอง จู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงคลื่นประหลาดในทะเล
เป็นคลื่นไหวกระเพื่อมน้อยๆ แต่สม่ำเสมอ ราวกับมีสัตว์ประหลาดยักษ์อะไรสักอย่างกำลังว่ายแหวกทะเลเข้ามาขวาง ซึ่งคลื่นที่กระเพื่อมน้อยๆ นั้นก็คือคลื่นทะเลที่กระทบกับตัวสัตว์ประหลาดยักษ์นั่นเอง
ในใจพลันเกิดความสงสัย ฉินสือโอวจึงควบคุมจิตสำนึกโพไซดอนไล่ตามไปยังทิศทางที่คลื่นมาทันที อยากเห็นว่าสัตว์ประหลาดอะไรที่ทำให้เกิดอานุภาพแบบนี้ได้กัน
ตลอดทางยิ่งเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวยิ่งประหลาดใจ เขาเคลื่อนมาไกลมากแล้ว กลับไม่เจอตัวสัตว์ประหลาดเสียที มันต้องใหญ่ขนาดไหนกัน?
ทว่าการสั่นสะเทือนของคลื่นน้ำเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ แสดงว่าเขาเข้าใกล้มันแล้ว
หลังเคลื่อนต่อไปอีกหลายกิโลเมตร ร่างใหญ่โตสุดหาที่เปรียบได้ของสัตว์ประหลาดก็ปรากฏสู่สายตาเขา…
บทที่ 1089 สั่งสอนเรือดำน้ำนิวเคลียร์
ร่างดำมืดของสัตว์ประหลาดนั้นเพรียวสูงใหญ่ รูปลักษณ์ตั้งแต่หน้าจรดหลังมีลักษณะหัวมนกลมท้าย ส่วนหัวเรียบลื่น ถังแรงดันมีความยาวมาก เค้าโครงสั้น และมี ‘ครีบหลัง’ ขนาดสั้นอยู่บนหลัง โดยใช้ศัพท์เทคนิคเรียกว่า ‘หอบังคับการ’
แถมสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังมีชื่อทางวิทยาศาสตร์อีก ก็คือเรือดำน้ำนิวเคลียร์นั่นเอง
ฉินสือโอวเพิ่งเคยเห็นเรือดำน้ำนิวเคลียร์กับตาเป็นครั้งแรก เจ้านี่มันใหญ่โตจริงๆ มีความยาวถึงหนึ่งร้อยเมตร กว้างสิบห้าเมตร พอร่างใหญ่ยักษ์นั้นมาเคลื่อนไหวอยู่ในทะเล ทำให้เกิดแรงกดดันที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
คราเคนนั้นสุดยอดพอแล้วใช่ไหม? งูเหลือมทะเลก็น่าสะพรึงเหมือนกันสินะ? ขนาดตัวของพวกมันยาวสิบกว่าเมตร แต่พอมาเทียบกับเรือดำน้ำนิวเคลียร์ลำนี้แล้ว พวกมันแทบจะเทียบไม่ติดเลยด้วยซ้ำ!
แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสัตว์ประหลาดตัวนี้กับตา ทว่าฉินสือโอวเคยเห็นมันมาหลายครั้งแล้วบนอินเทอร์เน็ตและนิตยสารสงคราม เป็นเรือดำน้ำนิวเคลียร์ซีวูฟคลาส!
เมื่อจิตสำนึกโพไซดอนครอบคลุมบริเวณน่านน้ำที่เรือดำน้ำลำนี้อยู่ ฉินสือโอวก็จำหน้าตาอันเป็นเอกลักษณ์ของมันได้ทันที มันคือหนึ่งในเรือรบตัวเต็งของอเมริกา เรือ ‘คอนเนตทิคัต’
เหตุผลที่จำหน้าตามันได้ เพราะด้านข้างของเรือดำน้ำวาดสัญลักษณ์สีขาวขนาดใหญ่ SSN22 ไว้ ซึ่งเป็นทั้งรหัสและเอกลักษณ์ของตัวมันเอง เรือดำน้ำนิวเคลียร์คอนเนตทิคัตนั่นเอง!
ฉินสือโอวเองก็ถือว่าเป็นแฟนกองทัพคนหนึ่ง ปกติเวลาไม่มีอะไรทำก็จะอินไปกับการถกเรื่องการทหารจากนั้นก็จะไปคุยโวกับเพื่อนต่อ สาเหตุนั้นมาจากจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ตั้งแต่เขามาแคนาดาก็ค่อนข้างสนใจกองทัพเรือทั่วโลก เลยชอบเรือดำน้ำนิวเคลียร์ซีวูฟคลาสมานานแล้ว
เรือดำน้ำซีวูฟคลาสพลังนิวเคลียร์นั้นเป็นผู้สืบทอดของเรือดำน้ำนิวเคลียร์ลอสแอนเจลิสคลาส เริ่มสร้างขึ้นเมื่อปลายปี 1989 ในช่วงที่เกิดสงครามเย็น ถือเป็นเรือดำน้ำนิวเคลียร์ราคาแพงในเวลานั้น ดีไซน์ในช่วงแรกคาดว่ามีราคาถึงพันล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังผ่านการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงไปชุดหนึ่ง ราคาเรือรุ่นนี้ก็มีราคาเพิ่มขึ้นเป็นสองพันล้าน
ตอนดีไซน์แรกเริ่ม กองทัพเรืออเมริกาวางแผนว่าภายใน 10 ปีจะผลิตด้วยความเร็วปีละ 3 ลำ สร้างเรือดำน้ำนิวเคลียร์ซีวูฟคลาส 29 ลำ จากนั้นจึงสร้างนิวเคลียร์ใต้น้ำขนาดใหญ่ที่จะสามารถสยบทั้งโลกได้
อย่างไรก็ตามเพราะการล่มสลายของสหภาพโซเวียต สงครามเย็นสิ้นสุดลง การตัดงบกลาโหมและปัญหาทางด้านเทคโนโลยี แผนสร้างเรือซีวูฟคลาสที่มีราคาสูงจึงถูกยกเลิกไป
เรือดำน้ำแบบนี้จะมีราคาสูงสักเท่าไรงั้นเหรอ? ลองมาดูเรือจิมมี่คาร์เตอร์ซีวูฟคลาสรุ่นที่สามกัน เรือลำนี้ราคาสูงถึงสามพันสองร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ! แค่ค่าเรือดำน้ำลำเดียวก็แทบจะสามารถเลี้ยงกองทัพเรือทั้งประเทศขนาดกลางได้แล้ว!
ต่อให้เป็นสหรัฐผู้ร่ำรวยและมีอิทธิพล ก็ยังไม่มีอำนาจเหลือพอจะสนับสนุนเรือดำน้ำนิวเคลียร์ซีวูฟคลาสมากขนาดนั้นได้ จนปัจจุบันมีการผลิตเพียงแค่สามลำ ซึ่งตอนนี้ SSN22 ที่อยู่ตรงหน้าฉินสือโอวคือลำที่สองในสามพี่น้องนั่นเอง
และเพราะเรือดำน้ำสามลำนี้เป็นเหตุให้ประเทศที่อกสั่นขวัญแขวนอย่างรัสเซีย จีนและประเทศอื่นๆ ต่างไม่พอใจสหรัฐ
หลังพบว่าเป็นเรือดำน้ำนิวเคลียร์ที่อยู่ด้านหลัง ฉินสือโอวก็ไม่พูดอะไร รีบสั่งให้คราเคนโยนตะบองเหล็กในมือทิ้งแล้วดำลงไปซ่อนทันที พวกงูเหลือมทะเลก็ดำหนีไปซ่อนใต้น้ำเช่นกัน เขาไม่ควรให้คนในเรือดำน้ำเจอฝูงสัตว์ประหลาดยักษ์พวกนี้
ทว่าพอดูทิศทางกับเส้นทางที่เรือดำน้ำแล่นไป พวกเขาน่าจะพบพวกคราเคนเข้าแล้ว ดูจากเส้นทางเรือดำน้ำกำลังไล่จี้คราเคนกับพวกงูเหลือมอยู่อย่างแน่นอน
ฉินสือโอวไม่กลัว เรือดำน้ำนิวเคลียร์ไม่มีทางจับพวกมันได้หรอก เพราะระดับความลึกที่มันดำน้ำได้คือหกร้อยเมตร แต่คราเคนกับพวกงูเหลือมที่ถูกพลังโพไซดอนดัดแปลง ความสามารถในการดำน้ำจึงแข็งแกร่งขึ้น อีกทั้งแต่เดิมคราเคนก็เป็นเจ้าแห่งสัตว์ทะเลน้ำลึกอยู่แล้ว ยิ่งสามารถดำได้ลึกถึงหกเจ็ดพันเมตร
ทว่าโดนเรือดำน้ำเพ่งเล็งแบบนี้ก็ค่อนข้างยุ่งยาก ยิ่งเห็นคลื่นน้ำรอบๆ เรือที่ไหวกระเพื่อมอย่างรุนแรง ดูท่าเรือดำน้ำคงเปิดใช้โซนาร์แล้ว ไม่นานคงไล่ตามพวกคราเคนทัน แสดงว่าไม่คิดจะปล่อยไปอย่างแน่นอน
ซึ่งทำให้ฉินสือโอวสบถด่าแม่งในใจอย่างอดไม่ไหว ทหารอเมริกันกลุ่มนี้ว่างกันเสียจริงนะ คุณบอกว่าพวกเขาไม่ได้มาโซมาเลียเพื่อสู้กับโจรสลัดไม่ใช่เหรอ แล้วจะล่องมามหาสมุทรแอตแลนติกทำซากอะไร? และต่อให้ใต้ทะเลมีสัตว์ประหลาดยักษ์ แล้วพวกมันไปกวนพวกนายหรือพวกนายไปแกล้งพวกมันกันแน่? ตำรวจสากลตอนนี้ยังมาประจำอยู่ทะเลกันบ้างไหมเนี่ย?
ด้วยขนาดและการเคลื่อนไหวเวลาเคลื่อนขบวนของคราเคนกับพวกงูเหลือมทะเล เรือคอนเนตทิคัตแทบไม่ต้องเปิดแอ็กทีฟโซนาร์เลย แค่ใช้พาสซีฟโซนาร์ก็สามารถล็อกตำแหน่งพวกมันได้แล้ว แต่ไม่รู้ว่ากัปตันเรือคิดอะไรอยู่ถึงยังไม่โจมตีเสียที
ถ้าอยากสลัดให้หลุดจากการไล่ตามของเรือดำน้ำนั้นไม่ยาก แค่ดำลงไปให้ลึกก็พอ แต่จะสลัดให้หลุดจากโซนาร์ของมันนั้นคงยาก
เรือคอนเนตทิคัตติดตั้งโซนาร์และระบบเครื่องยนต์ที่ทันสมัยที่สุดในโลก ส่วนที่สำคัญที่สุดคือ AN/BQQ-5D [1]มารวมเข้ากับชุดโซนาร์ ส่วนหัวเรือมีโซนาร์หัวเรือที่ใช้ทั้งแอ็กทีฟหรือพาสซีฟ ซึ่งกลองเสียงชิ้นนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เมตร แน่นอนว่ามันกลายเป็นเหมือนจมูกหมาล่าเนื้อในทะเลนั่นเอง
นอกจากนี้ตรงตำแหน่งข้างเรือสองฝั่งยังมี AN/BQG-5[2] พาสซีฟโซนาร์ข้างเรือกับ TB-16 [3]และ TB-23 [4]ที่รวมพาสซีฟโซนาร์รูปแบบสายพ่วง หัวเรือยังมี BQQ-5E แอ็คทีฟโซนาร์ความถี่สูงระยะใกล้ที่ละเอียดอ่อนมาก อย่าว่าแต่ราชาหมึกยักษ์ใหญ่เลย แค่ปลาค็อดตัวโตหน่อยตัวหนึ่ง คงหนีไม่พ้นจากการไล่ล่าของมันได้
ถ้าบนเรือคอนเนตทิคัตเปิดแค่พาสซีฟโซนาร์ ใช้เจ้าหน้าที่หรือเครื่องมือในการวิเคราะห์ความถี่ของเสียงต่างๆ ในทะเล และวิเคราะห์เปรียบเทียบว่ารอบๆ เรือนั้นทั้งหมดมีอะไรบ้าง
ด้วยเหตุนี้ถึงจะจับตำแหน่งของพวกคราเคนได้ แต่มันก็สามารถใช้หินปะการังที่ลอยอยู่ในทะเลเพื่ออำพรางตัวได้
การที่เรือดำน้ำเปิดแอ็คทีฟโซนาร์นั้น เป็นสิ่งที่ชีวจักรกลเรียนรู้มาจากตัวค้างคาวซึ่งปล่อยคลื่นเสียงได้ ถ้าคลื่นเสียงเจอเข้ากับสิ่งกีดขวางในทะเลมันก็จะสะท้อนกลับมา พออุปกรณ์ได้รับสัญญาณแล้วก็ทำการจำลองมันขึ้นมาคร่าวๆ
หรือก็คือคนในเรือดำน้ำรู้แล้วว่ากำลังไล่ตามอะไรอยู่ พวกเขาทราบร่างคร่าวๆ ของราชาหมึกกับพวกงูเหลือมทะเล และดูท่าจะอยากตามจับสัตว์ประหลาดยักษ์พวกนี้กลับไปวิจัยนั่นเอง
ฉินสือโอวสั่งการกององครักษ์ให้ดำน้ำพลางคอยสังเกตท่าทีของเรือดำน้ำนิวเคลียร์ ถ้าพวกเขาถอดใจการไล่ตามพวกองครักษ์ ต่างฝ่ายจะได้ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน แต่ถ้าพวกเขาคิดจะทำอะไรล่ะก็ เขาคงต้องสั่งสอนเรือดำน้ำเสียหน่อยแล้ว
จิตสำนึกโพไซดอนเป็นเหมือนบั๊กในทะเล พวกมันเป็นร่างพลังงานที่เครื่องมือของมนุษย์ไม่สามารถตรวจจับได้ คล้ายกับวิญญาณนักฆ่าที่สามารถจัดการคู่ต่อสู้อย่างไรก็ได้
ความเป็นจริงช่างน่าผิดหวัง กองทัพอเมริกาพอเห็นว่าพวกสัตว์ประหลาดเลือกที่จะดำน้ำหนีก็ถอดใจไม่ตามต่อ แต่ยิงตอร์ปิโดไปทางที่ฟองอากาศของสัตว์ประหลาดร่างหนาปรากฏขึ้นแทน ไม่นานก็เกิดระเบิดขึ้นชุดหนึ่ง…
ในช่วงคับขันนั้นเอง ฉินสือโอวรีบสั่งให้คราเคนกับพวกงูเหลือมแยกย้ายกันหนีไป ขณะเดียวกันจิตสำนึกโพไซดอนทั้งสองที่ยังอยู่ก็ม้วนกวาดน้ำทะเลจนเกิดคลื่นใต้น้ำ คลื่นใต้น้ำสองสายเข้ากระแทกเรือดำน้ำขนาดใหญ่ทั้งจากด้านหน้าด้านหลังจนมันสะเทือนไปเล็กน้อย
…………………………………………………………
[1] Bow-Mounted Array Sonar โซนาร์หัวเรือ
[2] Wide Aperture Array โซนาร์ข้างเรือ
[3] Fat Line Towed Array สายพ่วงหนา
[4] Thin Line Towed Array สายพ่วงบาง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น