เทพปีศาจหวนคืน 1084-1085

 เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1084 วางแผนต่อต้าน


แปลโดย iPAT 


 


แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ทวีปผมดำ


 


เสียงโห่ร้องดังขึ้น


 


ในการประลองรอบสุดท้ายเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างผู้ใช้วิญญาณสองคน


 


ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนขณะที่อีกฝ่ายคือฟางเจิ้ง


 


เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีจากเผ่ามนุษย์ขน


 


กระทั่งราชาผมดำก็ยังขมวดคิ้ว เขาไม่ต้องการเห็นผู้ชนะคนสุดท้ายเป็นผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์เพราะมันจะทำให้ทวีปผมดำถูกหัวเราะเยาะ


 


หากฟางเจิ้งชนะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะทำให้ทวีปผมดำสูญเสียใบหน้า ดังนั้นราชาผมดำจึงได้วางแผนเอาไว้ล่วงหน้า


 


‘มันกำลังจะจบ’ ราชาผมดำรู้สึกมีความสุขเมื่อมองไปที่สนามประลอง


 


บนสนามประลอง ฟางหยวนรู้สึกมึนงงและกำลังจะล้มลงบนพื้น


 


‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’ ฟางเจิ้งรู้สึกตกใจและหวาดกลัว


 


จิตใต้สำนึกของเขาสั่งให้เขาผลักฝ่ามือออกไป


 


คลื่นน้ำพุ่งเข้าโจมตีฝ่ายตรงข้ามที่เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าเผ่ามนุษย์ขน


 


มนุษย์ขนตื่นตกใจและรีบกระโดดขึ้นด้านบนเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีของฟางเจิ้ง


 


ใต้เท้าของเขาเป็นเปลวเพลิงสองดวงที่ทำให้เขาสามารถลอยอยู่กลางอากาศได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง


 


แต่นี่ก็ทำให้เขาสูญเสียโอกาสที่ดีที่สุดในการโจมตีศัตรู


 


ฟางเจิ้งค่อยๆฟื้นตัวแต่เขายังรู้สึกเวียนศีรษะและอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนัก อย่างไรก็ตามประสบการณ์ทำให้เขาสามารถปิดบังอาการเหล่านี้ ภายนอกเขาดูปกติมาก


 


คลื่นน้ำปรากฎขึ้นอย่างกะทันหันและกระจายหายไปอย่างรวดเร็ว


 


ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการบิน ดังนั้นเขาจึงรีบลงมาจากอากาศ


 


ทั้งสองฝ่ายกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง


 


‘ฟางเจิ้ง เจ้าถูกวางกับดักโดยบางคน ข้าไม่รู้ว่าเมื่อใดแต่บางคนลอบฝังวิญญาณบางดวงไว้ในจิตวิญญาณของเจ้า’ เจตจำนงปลอมของฟางหยวนเปิดเผยความจริงต่อฟางเจิ้ง


 


‘นี่เป็นไปได้อย่างไร?’ ฟางเจิ้งตกใจและสับสน


 


เจตจำนงของฟางหยวนถอนหายใจ ‘นี่เป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ มันเชื่อมต่อกับราชาผมดำที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ดูเหมือนเขาจะวางแผนต่อต้านเจ้า’


 


“บัดซบ!” ฟางเจิ้งตะโกน เขาแสดงความโกรธและเกลียดชังออกมาอย่างเต็มที่


 


‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’ ฝ่ายตรงข้ามสังเกตการแสดงออกของฟางเจิ้งและคิดว่าฟางเจิ้งกำลังเตรียมการโจมตีที่ทรงพลัง


 


เจตจำนงของฟางหยวนเย้ยหยัน ‘ตอนนี้เจ้าเชื่อข้าแล้วหรือยัง? ข้าบอกเจ้าแล้วว่าราชาผมดำจะไม่ปล่อยให้เจ้าได้รับชัยชนะโดยง่าย การต่อสู้ครั้งนี้เป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจ แม้พวกเขาจะเอ่ยอ้างคุณธรรม แต่ผู้ที่คาดหวังความยุติธรรมอย่างเต็มที่มีเพียงคนโง่เท่านั้น’


 


ฟางเจิ้งกัดฟันแน่น เปลวเพลิงแห่งความโกรธแทบปะทุออกมาจากดวงตาของเขา ‘นี่ยิ่งทำให้ข้าต้องการชัยชนะมากขึ้น!’


 


‘เห้อ…เจ้ายังเด็กนัก น้องชายผู้โง่เขลาของข้า’ เจตจำนงของฟางหยวนถอนหายใจและตระหนักถึงความต้องการของฟางเจิ้ง


 


วิธีการตอบสนองที่ดีที่สุดในสถานการณ์นี้คือจงใจยอมแพ้และจบการต่อสู้ด้วยตำแหน่งอันดับที่สอง


 


ด้วยวิธีนี้ฟางเจิ้งจะไม่เหนื่อยกับการต่อสู้กับตัวตนระดับสูงของทวีปผมดำมากนักขณะที่ราชาผมดำจะสามารถยอมรับผลลัพธ์


 


ผลลัพธ์ดังกล่าวไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความสามารถของผู้ใช้วิญญาณจากทวีปผมดำแต่ยังแสดงให้เห็นถึงความใจกว้างของราชาผมดำในการส่งเสริมและยอมรับผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์


 


อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งกลับต้องการตำแหน่งชนะเลิศอันดับหนึ่ง นี่ไม่เพียงจะทำให้เขาพบกับความยากลำบาก แต่มันยังจะทำให้มนุษย์ขนคนอื่นๆกลายเป็นศัตรูกับเขา


 


อันดับหนึ่งหรืออันดับสอง มีสิ่งใดแตกต่าง?


 


ชัยชนะหรือพ่ายแพ้ มันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดจริงๆงั้นหรือ?


 


แต่เจตจำนงของฟางหยวนกลับรู้สึกมีความสุขที่เห็นสิ่งนี้


 


ฟางเจิ้งมีอคติต่อเขา มีเพียงแรงกดดันจากภายนอกที่สามารถบังคับให้ฟางเจิ้งร่วมมือกับเขา และทางเลือกของฟางเจิ้งในครั้งนี้จะส่งผลให้เกิดการต่อต้าน เรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อแผนการของฟางหยวน


 


ดังนั้นเจตจำนงของฟางหยวนจึงตัดสินใจทำทุกอย่างเพื่อให้ฟางเจิ้งสมความปรารถนา


 


เขากล่าว ‘ข้าเป็นเพียงเจตจำนง เจ้าสามารถกำจัดวิญญาณบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณในภายหลัง สำหรับตอนนี้จิตวิญญาณของเจ้าได้รับบาดเจ็บและไม่สามารถใช้คางคกกลืนกินแม่น้ำ แต่กระทั่งเจ้าจะสูญเสียไพ่ตาย เจ้าก็ยังมีโอกาสชนะ เพียงฟังคำแนะนำของข้า!’


 


ฟางเจิ้งก่นเสียงเย้ยหยัน เขารู้สึกไม่พอใจ แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน เขาทำได้เพียงทำตามคำแนะนำของฟางหยวนเท่านั้น


 


ฟางเจิ้งอาจไม่รู้ แต่หลังจากวันนี้ส่วนลึกในจิตใจของเขาได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว


 


เพียงเมื่อฟางหยวนออกจากหุบเขาเหล่าโป เจตจำนงปลอมของเขาก็บินกลับมาหาเขา


 


หลังจากตรวจสอบและไม่พบปัญหา ฟางหยวนจึงดึงมันกลับไป


 


ข้อมูลมากมายพุ่งเข้าสู่จิตใจของฟางหยวนราวกับคลื่นน้ำ


 


นั่นทำให้ฟางหยวนได้เรียนรู้เกี่ยวกับพัฒนาการของฟางเจิ้ง


 


“โอ้ ภายใต้การแนะนำจากเจตจำนงของข้า เขาสามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามและได้รับอันดับหนึ่งในการประลองงั้นหรือ?”


 


“นั่นเป็นเรื่องที่ดี”


 


“แต่ด้วยวิธีนี้ เขาได้ทำให้ราชาผมดำสูญเสียใบหน้า ฮ่าฮ่า น่าสนใจ ชนะการประลองแต่กลับสูญเสียมากกว่า หลังจากนี้ชีวิตของเจ้าจะไม่สะดวกสบายอีกต่อไป น้องชายตัวน้อยของข้า!”


 


“แต่เรื่องนี้เป็นประโยชน์มากสำหรับแผนการของข้า”


 


“นอกจากนั้นข้าได้จัดเตรียมบางสิ่งไว้ให้เจ้าที่เมืองไหมเหล็ก”


 


ฟางหยวนนำเจตจำนงขนาดใหญ่กว่าเดิมหลายเท่าออกมา


 


เจตจำนงที่อยู่กับฟางเจิ้งต้องใช้ความคิดและหดเล็กลง ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องเติมเจตจำนงอยู่บ่อยครั้ง


 


ด้วยการชี้นิ้วออกไป วิญญาณระดับห้าหลายดวงและเจตจำนงปลอมของเขาพุ่งลงไปยังทวีปผมดำ


 


เมื่อพวกมันไปถึงเมืองหลวงของทวีปผมดำ พวกมันแยกออกเป็นสองส่วน


 


ส่วนหนึ่งบินไปยังเมืองหลวงของทวีปผมดำขณะที่อีกส่วนบินไปที่เมืองไหมเหล็ก


 


เจ้าเมืองไหมเหล็กเป็นมนุษย์ขนหญิงที่ชื่นชอบฟางเจิ้ง เจตจำนงของฟางหยวนลอบเข้าไปในจิตใจของนางอย่างเงียบๆ


 


มันเป็นเรื่องง่ายที่ผู้อมตะจะวางแผนบางอย่างกับผู้ใช้วิญญาณ


 


ปัจจุบันเจ้าเมืองหญิงกำลังจัดการเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของนาง นางไม่ตระหนักถึงเจตจำนงของฟางหยวนและยังไม่รู้สึกว่าหน้าท้องส่วนล่างของนางพองโตขึ้นเล็กน้อย


 


‘นี่คือไพ่ที่ข้าซ่อนไว้’ บนทวีปเมฆา ฟางหยวนหัวเราะ


 


การควบคุมโชคชะตาของมนุษย์ถือเป็นเรื่องปกติของผู้อมตะ


 


สาเหตุหลักเป็นเพราะความแข็งแกร่งของผู้อมตะที่เหนือกว่ามนุษย์ไปไกลมาก


 


‘มุมมองที่เปลี่ยนไปของฟางเจิ้งถือเป็นความสำเร็จเล็กน้อย ทุกอย่างดำเนินไปได้อย่างราบรื่น แต่ตอนนี้ข้ายังไม่มีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิตที่สมบูรณ์’


 


‘ปัญหายังเป็นวิญญาณสติปัญญา’


 


หลายวันผ่านไปตั้งแต่ฟางหยวนเก็บผลไม้ธารแสงไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ


 


ฟางหยวนรู้สึกถึงข้อเสียของการไม่สามารถใช้งานแสงแห่งปัญญามากขึ้นเรื่อยๆ


 


อย่างไรก็ตามปัญหาเกี่ยวกับร่างผีดิบอมตะของเขายังต้องใช้เวลาแก้ไข


 


ฟางหยวนไตร่ตรองมาอย่างรอบคอบ ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาด้อยกว่านิกายเงามาก ทางออกของเขาคือการยกระดับจิตวิญญาณ


 


หากจิตวิญญาณของเขาบรรลุระดับที่ใกล้เคียงกับเทพปีศาจจิตวิญญาณ กับดับบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่อยู่ในร่างผีดิบอมตะจะไม่ส่งผลกระทบต่อเขา


 


เป็นธรรมชาติที่การบ่มเพาะจิตวิญญาณให้บรรลุระดับที่น่าสะพรึงกลัวเช่นเทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นเรื่องของอนาคตอันยาวไกล แต่ร่างผีดิบอมตะของฟางหยวนถูกจัดการโดยอิงอู๋เซี่ยที่เป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณเท่านั้น แน่นอนว่าร่างแยกไม่สามารถเปรียบเทียบกับร่างหลัก


 


ดังนั้นหลายวันที่ผ่านมานอกจากฟางหยวนจะใช้เวลาจัดการมิติช่องว่างจักรพรรดิและให้คำแนะนำผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเพื่อสะสมแต้มผลงาน เขายังใช้เวลาอยู่ในหุบเขาเหล่าโปและดูดซับวิญญาณความเด็ดเดี่ยวอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับจิตวิญญาณ


 


ภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดในการบ่มเพาะจิตวิญญาณ


 


ภายในเวลาไม่ถึงสิบวัน จิตวิญญาณของฟางหยวนก็พัฒนาขึ้นอย่างมาก


 


แต่ฟางหยวนยังไม่มั่นใจและไม่กล้าทดสอบกับดักที่ซ่อนอยู่ในร่างผีดิบอมตะของเขา


 


อีกหลายวันผ่านไปเมื่อฟางหยวนออกจากหุบเขาเหล่าโป วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงหนึ่งบินเข้ามาหาเขา


 


ฟางหยวนอ่านข้อมูลที่อยู่ภายในและตระหนักว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีเรื่องสำคัญที่ต้องการหารือกับเขา


 


ฟางหยวนมีความสุขทันที เขารอการติดต่อจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามาตลอด


 


เขารีบเดินทางไปพบจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาที่เมืองเมฆาที่หนึ่งในรูปลักษณ์ของมนุษย์ขน


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวต้อนรับ “เจ้ามาถึงแล้ว มานั่งลงก่อน”


 


เมื่อฟางหยวนนั่งลง จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงเปิดปากกล่าว “ข้าพิจารณาข้อเสนอของเจ้าแล้วและรู้สึกว่ามันค่อนข้างสมเหตุสมผล แต่การเลือกโลกใต้บาดาลยังไม่เหมาะสมนัก เจ้าอาจไม่รู้ แต่ปัจจุบันโลกใต้บาดาลค่อนข้างวุ่นวาย ผู้อมตะภาคเหนือทั้งฝ่ายธรรมะ ฝ่ายปีศาจ และกระทั่งผู้บ่มเพาะสันโดษต่างอยู่ที่นั่น”


 


ฟางหยวนแสดงออกด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยและจงใจถาม “เป็นเพราะเหตุใด?”


 


“เนื่องจากการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียนทำให้กองกำลังพันธมิตรผีดิบของแต่ละภูมิภาคกลายเป็นความว่างเปล่า สมาชิกของกองกำลังพันธมิตรผีดิบแห่งภาคเหนือหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย นี่ทำให้เกิดข้อสงสัย ผู้คนคาดเดาว่าสมาชิกของกองกำลังพันธมิตรผีดิบอาจเสียชีวิตทั้งหมดแล้ว ดังนั้นผู้อมตะจำนวนมากจึงเริ่มเข้ายึดครองทรัพยากรของพวกเขารวมถึงโลกใต้บาดาล ตามข่าวลือผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของฝ่ายธรรมะอนุมานว่าเมืองคลื่นทมิฬจมลงสู่โลกใต้บาดาลและสูญหายไป” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตอบ


 


“เป็นเช่นนั้น” ฟางหยวนพยักหน้ารับทราบ “เมื่อเป็นเช่นนี้โลกใต้บาดาลก็ไม่ปลอดภัย ดูเหมือนคำแนะนำของข้าก่อนหน้านี้จะไม่สามารถใช้งานได้”


 


แต่ในใจเขากลับคิด ‘ดูเหมือนนิกายเงาจะทิ้งมาตรการป้องกันบางอย่างเอาไว้ เนื่องจากนิกายเงาสามารถซ่อนเมืองคลื่นทมิฬ ความพยายามของผู้อมตะภาคเหนืออาจกลายเป็นไร้ประโยชน์’


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวต่อ “สถานการณ์ของโลกใต้บาดาลค่อนข้างซับซ้อน เราไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ข้อเสนอของเจ้ายังสามารถใช้ได้ ข้าตัดสินใจที่จะนำมาใช้ นอกจากนั้นสถานที่ที่ข้าเลือกก็คือหนึ่งในสิบเขตต้องห้ามของภาคเหนือ”


 


เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาชี้นิ้วไปที่แผนที่


 


สายตาของฟางหยวนมองตามการชี้นำของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


มันอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกองกำลังเผ่ากวงและทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกองกำลังเผ่าหลิว


 


การแสดงออกของฟางหยวนไม่เปลี่ยนแต่เขาลอบยินดีอยู่ภายใน ‘เป็นที่นั่น!’


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1085 การเดินทางสู่ไท่ชิว


แปลโดย iPAT 


 


สถานที่ที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาชี้ไปคือไท่ชิว!


 


เป้าหมายที่แท้จริงของฟางหยวนก็คือไท่ชิวเช่นกัน


 


แต่มันไม่เหมาะสมที่ฟางหยวนจะกล่าวออกมาโดยตรง เขาต้องการให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหาคำตอบที่ถูกต้องด้วยตัวของเขาเอง


 


ไท่ชิวเป็นหนึ่งในสิบเขตต้องห้ามของภาคเหนือ


 


มันเป็นป่าขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้อายุอย่างน้อยหลักร้อยปีขึ้นไป


 


ต้นไม้เหล่านี้ก่อตัวเป็นป่าดึกดำบรรพ์ตามธรรมชาติ


 


ภายในป่าเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์อสูรเดียวดาย สัตว์อสูรบรรพกาล และสัตว์อสูรแรกกำเนิด


 


ผู้อมตะส่วนใหญ่ไม่กล้าเข้าไป ผู้อมตะระดับแปดยังต้องระวังตัว ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้พวกเขาทิ้งชีวิตไว้ที่นี่


 


ตงฟางชางฟานจัดตั้งมรดกของเขาไว้ที่นี่ก่อนหน้านี้ ต่อมาฟางหยวนและคนอื่นๆก็เข้าสู่การต่อสู้ครั้งใหญ่ที่ไท่ชิว


 


“สถานที่แห่งนี้…เจ้าน่าจะคุ้นเคยดีถูกต้องหรือไม่?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายิ้ม


 


ฟางหยวนตอบ “ข้าค่อนข้างคุ้นเคยเพราะเรื่องของตงฟางชางฟาน”


 


เขามองจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและตระหนักว่าฝ่ายหลังรู้เรื่องของเขาเป็นอย่างดี


 


“ข้าจะจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่ไว้ที่ไท่ชิว เจ้าคิดเห็นอย่างไร?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถาม


 


ฟางหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงลังเล “กล่าวตามตรง ข้าไม่แนะนำให้จัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่ไว้ที่ไท่ชิว มันเป็นเพราะข้าคุ้นเคยเล็กน้อยและรู้สึกว่าพวกเราไม่สามารถทำมัน ที่นั่นคือรังของสัตว์ร้าย ความปั่นป่วนเพียงเล็กน้อยก็สามารถดึงดูดคลื่นสัตว์อสูร นอกจากสัตว์อสูรเดียวดายยังมีสัตว์อสูรบรรพกาล มีความเป็นไปได้เช่นกันที่สัตว์อสูรแรกกำเนิดจะปรากฏตัวออกมา”


 


“ข้าเคยต่อสู้ที่นั่นมาก่อน แต่นั่นเป็นเพราะตงฟางชางฟานสร้างสนามรบโดยใช้ซากศพของค้างคาวมรณะแรกกำเนิด กลิ่นอายของมันสามารถขับไล่สัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาล เพียงเมื่อภัยพิบัติเกิดขึ้น กลิ่นอายของมันจึงถูกกำจัดออกไป หลังจากซากศพของค้างคาวมรณะแรกกำเนิดถูกทำลาย สัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้ามาทันที พวกเราสามารถเห็นความน่าสะพรึงกลัวของไท่ชิวจากเรื่องนี้”


 


“หากพวกเราจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่ไว้รอบนอกของไท่ชิว พวกเราจะสามารถเดินทางไปกลับ แต่ผู้อมตะของนิกายหลางหยาอาจถูกค้นพบโดยกองกำลังอื่น หากจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่ไว้ในส่วนลึกของไท่ชิว เมื่อเกิดความผิดพลาดในการต่อสู้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเราจะสามารถล่าถอย”


 


“เพราะเหตุนี้กองกำลังอื่นจึงไม่กล้าแตะต้องไท่ชิว นิกายของเรายิ่งต้องระวังมากกว่าพวกเขา สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี”


 


ฟางหยวนวิเคราะห์และพยายามโน้มน้าวจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาลอบหัวเราะอยู่ในใจ


 


เขายกมือตบไหล่ฟางหยวนและหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ฟางหยวน เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง แต่เจ้าสามารถมั่นใจได้ ลองดูว่านี่คือสิ่งใด?”


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยานำวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลออกมา


 


หลังจากฟางหยวนเห็นมัน เขาแสร้งทำเป็นตกใจมาก “นี่…นี่…นี่คือแผนที่อย่างละเอียดของไท่ชิว! มันคือความช่วยเหลือจากเทพเจ้าในช่วงเวลาสำคัญอย่างแท้จริง! รากฐานของนิกายหลางหยาช่างลึกล้ำนัก หากข้าไม่เห็นสิ่งนี้กับตาของตนเอง ข้าอาจไม่เชื่อ!”


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า เด็กดี เจ้าได้เปิดหูเปิดตาหรือยัง?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหัวเราะอย่างมีความสุขและสะบัดมือออกไป


 


“ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยม!” ฟางหยวนยกย่องซ้ำๆ


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอธิบายด้วยความตื่นเต้น “ในอดีต เพื่อรวบรวมทรัพยากรอมตะจากไท่ชิว ร่างหลักของข้าเดินทางไปที่นั่นซ้ำแล้วซ้ำอีกกระทั่งได้รับสิ่งนี้”


 


“เป็นเช่นนั้น” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น


 


ในความเป็นจริงเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว


 


มันเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาที่เขาได้รับจากนิกายเงา


 


แผนที่ไท่ชิวทำให้ฟางหยวนสามารถวางแผนโดยใช้โลกใต้บาดาลเป็นเหยื่อล่อลวงให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคิดถึงสถานที่แห่งนี้


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาชี้นิ้วออกไป “แผนที่ฉบับนี้ไม่เพียงบันทึกลักษณะภูมิประเทศทั้งหมดของไท่ชิว มันยังระบุตำแหน่งที่ตั้งของรังสัตว์อสูรต่างๆ แต่แผนที่ฉบับนี้ถูกสร้างขึ้นมานานแล้ว อาจมีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นในไท่ชิว”


 


“ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งกล่าวถูกต้องแล้ว ข้ากังวลเรื่องนี้เช่นกัน” ฟางหยวนเร่งตอบรับ


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวต่อ “ไม่ใช่ว่าเจ้าคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้งั้นหรือ? เจ้าเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์และมีวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ ข้าควรส่งเจ้าไปสำรวจที่นั่น…”


 


ฟางหยวนผุดลุกขึ้นยืนและกล่าวโดยปราศจากความลังเล “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง เพียงออกคำสั่ง ภารกิจนี้มีเพียงข้าที่ทำได้ ข้าจะปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มที่ สามารถรับใช้นิกายถือเป็นเกียรติของข้าแล้ว!”


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหัวเราะอยู่ในหัวใจและวางมือบนไหล่ของฟางหยวน “ดี ฟางหยวน ข้ามองเจ้าไม่ผิดจริงๆ วางใจได้ นิกายจะไม่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไม่เป็นธรรม ในการเดินทางครั้งนี้ เป้าหมายคือตรวจสอบความถูกต้องของแผนที่ฉบับนี้ หากเจ้ามีโอกาส จงจัดตั้งรูปแบบพื้นฐานของค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่เอาไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสม”


 


“เครื่องหมายสามจุดในแผนที่เป็นตำแหน่งที่มีซากศพของสัตว์อสูรแรกกำเนิด เจ้าจงไปตรวจสอบที่นั่น หากเจ้าสามารถจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่ไว้ในตำแหน่งเหล่านี้ นั่นจะยอดเยี่ยมมาก”


 


“แน่นอนว่าเจ้าต้องดูแลตนเองและเคลื่อนไหวอย่างลับๆ หากเจ้าถูกพบโดยมนุษย์ เจ้าอย่าเอ่ยถึงนิกายหลางหยา”


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวเตือน


 


ฟางหยวนเร่งพยักหน้าและตบหน้าอกของตนเองด้วยความมั่นใจ “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ท่านวางใจได้ ข้าจะเตรียมตัวและออกเดินทางทันที!”


 


“ดี ดี” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหัวเราะเสียงดัง


 


แท้จริงแล้วเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวมากนัก รากฐานของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาลึกมาก ฟางหยวนสามารถฝากภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และวิญญาณสติปัญญาไว้ที่นี่ได้อย่างไร้กังวล


 


แม้จะมีสายลับจากนิกายเงา พวกเขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใดในสถานการณ์นี้ ผมที่หกแทบจะไร้ประโยชน์ ด้วยการคงอยู่ของนิกายหลางหยา ไม่มีผู้ใดกล้าบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาในเวลานี้


 


สำหรับวังสวรรค์ แม้พวกเขาจะค้นพบที่ตั้งของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา แล้วพวกเขาจะสามารถทำสิ่งใด?


 


ระหว่างสงครามห้าภูมิภาค วังสวรรค์โจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา สุดท้ายฟงจิวเก้อยังตกตายอยู่ที่นี่ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือตอนนี้สงครามห้าภูมิภาคยังไม่เกิดขึ้น


 


หลังจากตรวจสอบวิญญาณอมตะของเขาอีกครั้ง ฟางหยวนตัดสินใจนำพวกมันไปด้วยเกือบทั้งหมด สำหรับร่างผีดิบอมตะ เขานำมันไปเช่นกัน มิติช่องว่างจักรพรรดิมีพื้นที่มากพอที่จะเก็บทรัพย์สมบัติเหล่านี้


 


กล่าวถึงร่างผีดิบอมตะ มันค่อนข้างมีปัญหา โดยเฉพาะวิญญาณกาลเวลาที่ถูกปิดผนึกและไม่สามารถดูดซับสายธารแห่งกาลเวลา มันกำลังหิวโหยและอาจตายในไม่ช้า สิ่งสำคัญอีกประการก็คือเจตจำนงสวรรค์ที่อยู่ภายในวิญญาณกาลเวลา


 


ฟางหยวนรู้เรื่องนี้จากการทำธุรกรรมกับนิกายเงา


 


ข้อมูลเกี่ยวกับเจตจำนงสวรรค์ถือเป็นผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่!


 


‘ข้ามีมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันเป็นโลกใบเล็กที่แยกออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ แต่ตอนนี้ข้าเก็บวิญญาณกาลเวลาเอาไว้และยังมีอสูรหิมะที่เต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์ หากข้าไปไท่ชิว ข้าจะพบอุปสรรคที่ไม่คาดคิด เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่ข้ารีบกลับมาจากภาคใต้ ข้าพบสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล ต่อสู้กับฉีช่าย และอื่นๆอีกมากมาย’


 


ฟางหยวนไม่ถูกขังอยู่ในที่มืดอีกต่อไป ตรงข้าม เขาเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี


 


เจตจำนงสวรรค์มีขีดจำกัดของมันเอง


 


หลังจากเข้าใจเจตจำนงสวรรค์ ภัยคุกคามจากมันจึงลดน้อยลง


 


ดังคำกล่าวที่ว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง


 


ภัยพิบัติพิภพครั้งแรกรุนแรงกว่าปกติ แต่ภัยพิบัติที่เกิดจากแดนน้ำแข็งกลับเป็นความช่วยเหลือที่เขาไม่รู้ตัว


 


เหตุผลก็คือภัยพิบัติพิภพครั้งนี้ได้รับอิทธิพลจากความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งและปรากฏตัวในรูปแบบของสัตว์อสูรเช่นอินทรีย์มงกุฎเหล็กหรือค้างคาวมรณะที่มีเจตจำนงสวรรค์อยู่ภายใน


 


ร่างกายของพวกมันเต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์ ดังนั้นพวกมันจะไม่หยุดจนกว่าจะสามารถกำจัดฟางหยวน


 


นอกจากนั้นอิทธิพลจากความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งยังทำให้ภัยคุกคามจากอสูรหิมะลดน้อยลง


 


ปัจจุบันอสูรหิมะยังอยู่ในมิติช่องว่างของฟางหยวน พวกมันเก็บเจตจำนงสวรรค์เอาไว้ภายในเช่นเดียวกับวิญญาณกาลเวลา เมื่อฟางหยวนออกไปยังโลกภายนอก พวกมันจะกลายเป็นคบเพลิงที่ส่องแสงสว่างอยู่ท่ามกลางความมืดและทำให้เจตจำนงสวรรค์ตระหนักถึงฟางหยวน


 


‘เจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวมันเอง เว้นเพียงในช่วงเวลาแห่งภัยพิบัติ เมื่อข้าออกไปยังโลกภายนอก เจตจำนงสวรรค์จะส่งอิทธิพลต่อบางคนและส่งพวกเขามาสังหารข้า เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะจัดการพวกมันทั้งหมด!’


 


ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น


 


ไม่นานหลังจากนั้น


 


‘ข้าออกมาแล้ว!’ ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณสายป้องกันและตรวจสอบทันที


 


สายตาของเขากวาดมองไปทุกทิศทาง การรับรู้ของเขาครอบคลุมพื้นที่ในรัศมีหนึ่งหมื่นก้าว


 


มันค่อนข้างปลอดภัย


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่ไว้หลายตำแหน่ง นี่ถือเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


การจัดเตรียมนี้ถือว่าฉลาดกว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนหน้า


 


ฟางหยวนเคยใช้ค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่แห่งแรกที่อยู่บนหน้าผาเฟิงโป้ ตอนนี้เขายังได้เรียนรู้ตำแหน่งที่ตั้งของค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่แห่งที่สอง มันก็คือที่ราบมังกรคชสารของภาคเหนือ


 


‘ข้าต้องเคลื่อนไหวทันที มันไม่ปลอดภัยที่จะอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน’


 


ด้วยความตั้งใจของฟางหยวน วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากบินออกมาจากมิติช่องว่างจักรพรรดิและนำร่างของเขาพุ่งทะยานออกไปราวกับลูกศร


 


วิสัยทัศน์ของเขาขยายขึ้นและสามารถมองเห็นภูมิประเทศด้านล่าง


 


ที่ราบมังกรคชสารเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์และมีฝูงมังกรคชสารอาศัยอยู่ทุกหนทุกแห่ง


 


นี่เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงและอยู่ภายใต้การปกครองของกองกำลังใหญ่ในพื้นที่ใกล้เคียง


 


‘ช่างเป็นภาพที่งดงามนัก’ ฟางหยวนชื่นชมขณะปกปิดตัวตนและบินไปข้างหน้า

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)