พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1081-1082

 บทที่ 1081 ประมุขชิง

โดย

Ink Stone_Fantasy

ผู้หญิงคนอื่นๆ ในทุ่งนาเพียงทยอยกันหันหน้ามามองทางนี้แวบหนึ่ง และยังคงทำงานของตัวเองต่อไป


พอผู้ชายที่แบกจอบกับผู้หญิงที่ถือตะกร้าก้าวเข้ามาในป่าผืนเล็ก เกาก้วน เทียนหยวนก็กุมหมัดคารวะพร้อมกัน “ฝ่าบาท พระนาง!”


ชายหญิงคู่นี้หน้าตาไม่นับว่าโดดเด่น เพียงแต่สง่าราศีที่ดูสูงส่งกลับไม่ใช่สิ่งที่เครื่องแต่งกายธรรมดาจะบดบังได้ โดยเฉพาะผู้ชาย ลักษณะพลังที่ฉายในดวงตาให้ความรู้สึกเหมือนมองสรรพสิ่งในใต้หล้าราวกับมด มองทุกสิ่งข้างกายราวกับเป็นหมอกควันที่ผ่านตาไป


ชายหญิงที่ดูเหมือนหน้าตาธรรมดาคู่นี้ สามารถถูกเกาก้วนและเทียนหยวนเรียกว่าฝ่าบาทกับพระนางได้ นอกจากคู่หงส์มังกรของตำหนักสวรรค์ก็ไม่มีใครแล้ว เป็นราชันสวรรค์กับราชินีสวรรค์นั่นเอง หรือเรียกอีกชื่อว่าประมุขชิงกับเซี่ยโห้วเฉิงอวี่


ถ้าเป็นคนที่ไม่รู้จักพวกเขา เมื่อได้พบก็ยากที่จะเชื่อว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในภาพนี้ฉากนี้


ประมุขชิงที่สายตามองตรงเดินผ่ากลางเกาก้วนกับเทียนหยวนที่หลีกทางให้


กลับเป็นราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วที่ยิ้มบางๆ พร้อมกล่าวทักทายขณะที่เดินผ่ากลางทั้งสอง  “ทูตขวาเกา ท่านโหวเทียนหยวนมาแล้วเหรอ”


“ขอรับ!” ทั้งสองกุมหมัดคารวะอีกครั้ง แสดงความเคารพนับถือ


ในป่าจัดวางโต๊ะและเก้าอี้ไม้ธรรมดาเอาไว้ชุดหนึ่ง เรียบง่ายจนไม่รู้จะเรียบง่ายอย่างไรแล้ว


ประมุขชิงวางจอบลงบนต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ จากนั้นนั่งลงตรงข้างโต๊ะไม้ แล้วมองสำรวจกลุ่มผู้หญิงที่กำลังทำงานอยู่ในนา


เกาก้วนกับเทียนหยวนไม่กล้าบังสายตา หลบไปยืนอยู่ใต้ต้นไม้ข้างๆ อย่างรู้สำนึก


ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้ววางตะหร้าลงแล้วส่งน้ำชาไปข้างกายประมุขชิง “ฝ่าบาท!”


ชาเป็นชาหยาบๆ ปกติ จอกสุราก็เป็นจอกกระเบื้องธรรมดา


ประมุขชิงไม่สนใจ แต่ลุกขึ้นยืนและเอามือไขว้หลังเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ไปหยุดยืนอยู่ข้างกายเกาก้วนและเทียนหยวน แล้วจ้องมองกลุ่มสตรีที่งามเลิศล้ำในทุ่งนา พร้อมใช้น้ำเสียงทุ้มต่ำถามอย่างเรียบนิ่งว่า “พวกเจ้ารู้สึกว่าผู้หญิงที่ยามปกติกินอยู่หรูหรามาปรากฏตัวที่นี่เข้ากันหรือเปล่า?”


เกาก้วนเอียงหน้ากวาดมองที่คันนาแวบหนึ่ง แล้วหันกลับมายืนนิ่งๆ ไม่ได้ตอบอะไร


เทียนหยวนแอบมองราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วแวบหนึ่ง แล้วตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “เป็นทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดขอรับ”


“แต่ทำไมข้ารู้สึกยิ่งมองยิ่งไม่สบอารมณ์ล่ะ?” ประมุขชิงถาม


ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้ววางถ้วยน้ำชาลง เดินมาข้างกายแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกหม่อมฉันอยากจะแสดงน้ำใจ ยินดีร่วมทุกข์ร่วมสุขกับฝ่าบาทเพคะ!”


เทียนหยวนพึมพำในใจว่า ร่วมทุกข์ร่วมสุขเสียที่ไหนกันล่ะ อยากจะใช้เล่ห์เลี่ยมเพทุบายเพื่อให้ได้ความโปรดปรานเท่านั้นแหละ


หลักการนี้ไม่ต้องพูดออกมาเลย เกาก้วนก็รู้อยู่แก่ใจเช่นกัน อย่างน้อยเขาก็ไปมาหาสู่กันที่ตำหนักสวรรค์บ่อยๆ เข้าใจชัดเจนยิ่งกว่าเทียนหยวนเสียอีก


วังหลังของราชันสวรรค์มีสาวงามมากมาย ต่อใหไม่ถึงสิบส่วนก็ปาไปแล้วแปดส่วน มีไม่น้อยที่เคยได้ร่วมห้องกับราชันสวรรค์เพียงครั้งเดียว ก็ถูกผึ่งทิ้งไว้ข้างๆ แล้ว ส่วนใหญ่อยากจะพบหน้าราชันสวรรค์สักครั้งก็ยังยาก เมื่อได้โอกาสนี้จึงแห่กันออกมาดัดจริตทำงานเท่านั้นเอง ยามปกติแต่ละคนทีมีฐานะสูงส่ง ใครจะถ่อออกมาทำงานแบบนี้ ตอนนี้ก็แค่อยากจะโผล่หน้ามาให้ราชันสวรรค์เห็นก็เท่านั้นเอง เฝ้าคอยให้ราชันสวรรค์เกิดความสนใจแล้วไปปรนนิบัติก็เท่านั้นเอง


ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ บางคนหลังจากถูกถวายตัวขึ้นไปแล้ว ราชันสวรรค์ไม่เคยแตะต้องเลยก็มี


ที่จริงเกาก้วนเองก็สงสารผู้หญิงพวกนี้มาก ถ้านำไปไว้ที่อื่นทุกคนล้วนเป็นยอดหญิงงามที่ผู้ชายยื้อแย่งกัน แต่พอมาที่ตำหนักสวรรค์กลับต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปทั้งชาติ แต่กลับต้องแบกรับภารกิจ หวังว่าจะใช้เรือนร่างแย่งชิงความโปรดปรานจากราชันสวรรค์ เฝ้ารอว่าวันไหนที่ได้รับความโปรดปรานขึ้นมา ก็จะสามารถทำให้ทั้งตระกูลได้ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงได้โดยไม่เปลืองแรง และยิ่งเฝ้าหวังว่าจะได้กลายเป็นผู้ที่ได้รับความเคารพสูงสุดท่ามกลางหมู่ผู้หญิง


ทว่าไม่ว่าจะเป็นพระราชวังในโลกมนุษย์หรือจะเป็นตำหนักสวรรค์ สถานที่ที่รวมผู้หญิงไว้เป็นกลุ่มก้อนนั้นมีไม่เยอะ แต่ไหนแต่ไรมาการใช้เล่ห์เลี่ยมเพทุบายในวังหลังเพื่อให้ได้ความโปรดปรานคือเรื่องที่โหดร้ายสุดๆ ไม่รู้ว่ามียอดหญิงงามตั้งเท่าไรที่ตายไปพร้อมกับความสวย คนในวังหลังที่ไม่มีภูมิหลังหรือชาติตระกูลเลย ถ้าอยากจะเงยหน้าอ้าปากก็เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ คิดว่าแค่สวยก็จะได้เงยหน้าอ้าปากแล้วเหรอ? ราชันสวรรค์ขาดผู้หญิงสวยหรือไว? ทำไมราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วที่หน้าตาธรรมดาจึงกลายเป็นราชินีสวรรค์ได้ล่ะ นั่นก็คือหลักการเดียวกัน แต่ผู้หญิงที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงพวกนั้นดันเอาแต่ฝันกลางวันอยู่ได้


ในเมื่อราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเอ่ยปากแล้ว เกาก้วนกับเทียนหยวนก็ย่อมไม่พูดอะไรมากอีก


ประมุขชิงไม่ได้จับผิดต่อ แต่ทอดสายตามองไปไกลๆ “เฉิงอวี่ ข้าได้ยินว่าร้านค้าของตระกูลเจ้าถูกผู้บัญชาการใหญ่คนหนึ่งค้นและยึดทรัพย์เหรอ มีเรื่องแบบนี้หรือเปล่า?”


ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเหลืองมองเทียนหยวนแวบหนึ่ง แล้วตอบด้วยรอยยิ้มฝืนๆ “เหมือนจะมีเรื่องแบบนี้จริงๆ เพคะ”


ประมุขชิงพ่นเสียงทางจมูก “เป็นใครกันที่ใจกล้าขนาดนี้ แม้แต่ข้าก็ไม่ไว้หน้า บังอาจตรวจค้นยึดทรัพย์ธุรกิจของตระกูลราชินีสวรรค์!”


เกาก้วนเงียบไป แต่เทียนหยวนกลับจ้องสีหน้าของประมุขชิงเงียบๆ อยากจะดูว่าเขาโมโหจริงหรือแกล้งโมโห สิ่งที่เรียกว่าอยู่ในราชาก็เหมือนอยู่ใกล้เสือก็เป็นแบบนี้ ถ้าเข้าใจเจตนาผิดก็จะไม่ใช่เรื่องดีอะไร


ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วตึงเครียดในใจ ขนาดข้ายังรู้เลย หูตาของเจ้ามีอยู่ทั่วหล้า เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ เจ้ายังไม่รู้อีกเหรอว่าใครทำ? นางรีบบอกว่า “เรื่องนี้หม่อมฉันไปถามมาแล้ว ล้วนเป็นลูกน้องในตระกูลหม่อมฉันที่ทำตัวเป็นจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ สำหรับเรื่องนี้หม่อมฉันเคยลงโทษไปอย่างรุนแรงแล้ว บอกว่าให้ตรวจค้นและยึดของไปก็ดี ต้องการให้พวกเขาได้รับบทเรียนยาวๆ ต่อไปจะได้ไม่ทำเรื่องที่ที่ไม่เกรงกลัวกฎระเบียบอีก”


“เกาก้วน ไปสืบมา เป็นใครกันที่ใจกล้าขนาดนี้!” ประมุขชิงกลับพูดเหมือนไม่เห็นด้วย


“ไม่ต้องสืบ คนคนนี้ฝ่าบาทเคยได้ยินชื่อมาแล้วขอรับ” เกาก้วนกุมหมัดตอบ


“ผู้บัญชาการเล็กๆ คนเดียว ข้าเคยได้ยินชื่อด้วยเหรอ? หรือว่าเป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่ที่ไหน?” ประมุขชิงถาม


“หนิวโหย่วเต๋อ คนที่ได้อันกับหนึ่งจากการทดสอบหนึ่งร้อยปีครั้งก่อน เป็นแม่ทัพเกราะม่วงหนึ่งแถบที่ฝ่าบาทแต่งตั้งให้เองขอรับ” เกาก้วนตอบ


ประมุขชิงตอบ ”อ้อ” แล้วบอกอีกว่า “ที่แท้ก็เป็นเขา! นึกว่าได้รับรางวัลจากข้าแล้วจะไม่สนกฎระเบียบ ไม่เห็นแม้แต่ราชินีสวรรค์ของข้าอยู่ในสายตางั้นเหรอ? เกาก้วน!”


“ขอรับ!” เกาก้วนก้าวขึ้นมากุมหมัดคารวะทันที


“สั่งคนไปตรวจสอบเจ้าเด็กที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเดี๋ยวนี้ จะได้ให้คำอธิบายกับราชินีสวรรค์!” ประมุขชิงกล่าวเสียงเรียบ


“รับทราบ!” เกาก้วนเอ่ยรับคำสั่ง


“ช้าก่อน!” ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วกล่าวห้าม ก้าวขึ้นมาอยู่ตรงหน้าประมุขชิง แล้วขอร้องว่า “ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ! ความผิดไม่ได้อยู่ที่หนิวโหย่วเต๋อ หม่อมฉันกลับคิดว่าพวกที่โดนตรวจค้นและยึดทรัพย์มีความผิดสมควรตายด้วยซ้ำ กลุ่มพ่อค้าที่อาศัยว่าตัวเองมีคนหนุนหลังบังอาจต่อต้านผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ที่เฝ้าดูแลอาณาเขตให้ฝ่าบาทอย่างโจ่งแจ้ง ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ความน่าเกรงขามของตำหนักสวรรค์จะไปอยู่ที่ไหน! หม่อมฉันขอความเมตตาให้หนิวโหย่วเต๋อ และขอให้ฝ่าบาทตรวจสอบพ่อค้าที่ไม่รักดีพวกนั้นอย่างเข้มงวดเพคะ!”


เกาก้วนกับเทียนหยวนมองราชินีสวรรค์เงียบๆ แวบหนึ่ง


ส่วนราชินีสวรรค์เอง ดูเผินๆ เหมือนมีหน้ามีตามาก แต่มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ถึงความปวดใจของตัวเอง เมื่อถึงเวลาจำเป็นนางต้องพิสูจน์ว่าตัวเองยืนอยู่ฝ่ายราชันสวรรค์ ไม่ได้ยืนอยู่ฝ่ายตระกูลเซี่ยโห้ว


“ในเมื่อราชินีสวรรค์ขอความเมตตา เช่นนั้นก็รอหลังจากประชุมราชสำนักก่อนแล้วค่อยว่ากัน!” ประมุขชิงโบกมือ ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเข้าใจความหมาย จึงถือตะกร้าเดินออกไป ไปยังที่นาผืนนั้นอีกครั้ง


ส่วนประมุขชิงก็กลับมานั่งบนม้านั่งไม้ แล้วถามว่า “เกาก้วน เรื่องทดสอบเป็นอย่างไรบางแล้ว?”


เกาก้วนกับเทียนหยวนก็เดินเข้าไปเช่นกัน ไปยืนอยู่ทางซ้ายและขวาของเขา เกาก้วนตอบว่า “ดำเนินการอย่างราบรื่นขอรับ”


ความคิดของเทียนหยวนเพิ่งจะไปจดจ่ออยู่ที่การทดสอบ แต่ใครจะคิดว่าจู่ๆ ประมุขชิงจะถามว่า “เทียนหยวน ถ้าข้าจำไม่ผิด ดาวเทียนหยวนนี้ตั้งชื่อมาจากชื่อของเจ้าใช่มั้ย?”


“ขอรับ!” เทียนหยวนรีบตอบ


“ได้ยินว่าฮูหยินของเจ้าคุมอยู่ที่นั่น นางนั่งรักษาการณ์อยู่ที่ตลาดสวรรค์ตลอดเลยหรือ?” ประมุขชิงถาม


เทียนหยวนตึงเครียดในใจอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเจตจำนงของสวรรค์เป็นอย่างไร เรื่องนี้ไม่มีทางปิดบังได้ จึงตอบด้วยความเคารพว่า “ขอรับ! ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นสถานที่ที่ข้าน้อยได้รับความเมตตาจากฝ่าบาท ไม่อาจทำใจทอดทิ้งได้ ถึงได้ให้คนของตัวเองไปคุมขอรับ”


ประมุขชิงถือโอกาสหยิบถ้วยน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะ ย้ายมาจ่อปากอย่างช้าๆ พร้อมถามว่า “หัวคนหลายพันหัว ร้านค้าหลายร้อยล้านถูกค้นและยึดทรัพย์ ผู้บัญชาการใหญ่ต่ำต้อยคนเดียวเอาความกล้าขนาดนี้มาจากไหน? เกิดเรื่องนี้ขึ้นใต้หนังตา ทำไมฮูหยินของเจ้าไม่ห้ามไว้ให้ทันเวลา?”


เกรงว่านี่คงจะเป็นสาเหตุที่เกาก้วนเรียกให้เขามาด้วยกัน! ในใจเทียนหยวนหวาดระแวงไม่หาย ในหัวมีภาพที่ราชินีสวรรค์ขอความเมตตาเมื่อครู่นี้แวบเข้ามา จึงรีบยกชุดคลุมยาวขึ้นมา แล้วคุกเข่าเสียตรงนั้นเลย “ฝ่าบาทโปรดตรวจสอบอย่างชัดเจน! ข้าน้อยมีความผิด! สาเหตุที่หนิวโหย่วเต๋อกล้าทำเช่นนี้ ที่จริงเป็นเพราะฮูหยินของข้าน้อยให้ท้ายอยู่เบื้องหลัง!”


มีอยู่จุดหนึ่งที่เขาเข้าใจชัดเจนมาก ว่าเจตนาของราชันสวรรค์เป็นอย่างไร เกรงว่าคงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าราชินีสวรรค์ที่นอนเคียงหมอนกันแล้ว ขนาดราชินีสวรรค์ยังขอความเมตตาให้หนิวโหย่วเต๋อ…ดังนั้นเขาจึงเป็นฝ่ายช่วยเมียตัวเองช้อน ‘ความรับผิดชอบ’ ใส่ตัว


ประมุขชิงที่จิบน้ำชาไปคำหนึ่งวางถ้วยน้ำชาลง “มีความผิดหรือไม่มีความผิด หลังจากทุกคนนิยามตอนประชุมราชสำนักแล้วค่อยว่ากัน ลุกขึ้นเถอะ!”


“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” เทียนหยวนลุกขึ้นยืน


ใครจะคิดว่าเกาก้วนจะกุมหมัดคารวะอีก  “ฝ่าบาท ทางฝ่ายตรวจการกำลังต้องการคนที่สามารถออกคำสั่งได้ผลอยู่พอดี ข้าน้อยขอให้ย้ายหนิวโหย่วเต๋อมาจากท่านโหวเทียนหยวนขอรับ”


เห็นได้ชัดว่าประมุขชิงค่อนข้างใจกว้างกับท่าทีของเขา เผยรอยยิ้มอย่างที่พบเห็นได้ยากออกมา พร้อมกล่าวว่า “ผู้บัญชาการเล็กๆ คนหนึ่ง ให้ข้าเอ่ยปากเองจะไม่เหมาะสมกระมัง? นั่นคือผู้ใต้บังคับบัญชาของเทียนหยวน เรื่องนี้เจ้าไปปรึกษากับเทียนหยวนเองแล้วกัน”


“ท่านโหวมีความเห็นอย่างไร?” เกาก้วนหันมาถาม


เทียนหยวนกุมหมัดคารวะ ถอนหายใจแล้วตอบว่า “ทูตขวาเกา ไม่ใช่ว่าโหวคนนี้ไม่ไว้หน้าท่านนะ สาเหตุที่ฮูหยินของข้ายอมแลกทุกอย่างเพื่อปรับปรุงจัดระเบียบตลาดสวรรค์ใหม่ ก็เพราะอยากกวาดล้างพวกลูกน้องที่ไม่ได้เรื่อง ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้คนที่ใช่ประโยชน์ได้มาสักคน ท่านจะเอาไปจากข้า ต่อให้ข้ารับปาก แต่ฮูหยินของข้าคงไม่รับปากหรอก!”


เกาก้วนได้ยินแบบนั้นแล้วก็ไม่พูดอะไรมากอีก


ประมุขชิงกล่าวด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “นึกไม่ถึงว่าเทียนหยวนจะเป็นคนที่กลัวผู้หญิงในบ้าน ข้าได้ยินว่าอยู่นอกบ้านเจ้ามีผู้หญิงไม่น้อย”


เมื่อเห็นราชันสวรรค์มีอารมณ์มาหยอกล้อตน เทียนหยวนก็รู้ทันทีว่าตนเดิมพันถูกต้องแล้ว ทำตามเจตนารมณ์ของสวรรค์ ตอบด้วยสีหน้าขื่นขมว่า “ฝ่าบาท ไม่ได้กลัวผู้หญิงในบ้านขอรับ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นสามีภรรยากัน”


“นั่นก็ยังแปลว่ากลัวผู้หญิงในบ้านไม่ใช่เหรอ!” ประมุขชิงกล่าวกลั้วหัวเราะพลางส่ายหน้า แล้วโบกมือบอกว่า “พอแล้ว! ถ้าไม่มีธุระก็กลับไปเถอะ”


“ข้าน้อยขอตัวอำลา!” เทียนหยวนกุมหมัดอำลา ถอยออกจากป่าผืนเล็กแล้วถึงได้เหาะขึ้นฟ้าไป


รอจนเขาออกไปแล้ว ประมุขชิงก็ยืนขึ้นอีกครั้ง เอามือไขว้หลังเดินช้าๆ อยู่ในป่า ถามว่า “หนิวโหย่วเต๋อคนนั้นที่ได้อันดับหนึ่ง ตรวจสอบที่มาที่ไปชัดเจนหรือยัง?”


เกาก้วนเดินตามหลัง ตอบว่า  “สืบชัดเจนแล้วขอรับ! อาจารย์ของเขา ฝ่าบาทเองก็รู้จัก”


“ข้ารู้จักเหรอ?” ประมุขชิงหยุดฝีเท้า แล้วถามอย่างฉงนใจ “เป็นใครกัน?”


“อสุราอัคนี!” เกาก้วนตอบ


ประมุขชิงอุทานอย่างแปลกใจ “ในปีนั้นอสุราอัคนีตายด้วยน้ำมือเจ้าสามไป๋แล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังมีลูกศิษย์โผล่มาได้อีก?”


เกาก้วนตอบว่า “ที่จริงก็ไม่นับว่าเป็นลูกศิษย์ของอสุราอัคนีอย่างจริงจังหรอกขอรับ เพียงแต่เขาบังเอิญได้รับสมบัติของอสุราอัคนี ตอนที่ยังเป็นมือใหม่มาเผชิญโลกกว้าง เขามีวรยุทธ์แค่ระดับบงกชแดงเท่านั้น เขาเข้าไปอยู่ที่สำนักลมปราณของดาวไร้ลักษณ์ กลายเป็นเสนาบดีต่างถิ่นของสำนักลมปราณ ตอนหลังสัตว์เลี้ยงของเทียนหยวนฮูหยินหายตัวไปที่ดาวไร้ลักษณ์ แล้วถูกเขาหาพบ จึงช่วยสำนักลมปราณให้ได้ร้านค้าที่ตลาดสวรรค์หนึ่งร้าน แล้วก็ไปช่วยสำนักลมปราณประคับประคองร้านขายของชำซื่อตรงที่ตลาดสวรรค์อีก…”


เขาอธิบายที่มาที่ไปของเหมียวอี้อย่างละเอียด แล้วสุดท้ายก็สรุปว่า “ภูมิหลังนับว่าสะอาดบริสุทธิ์ ใช้งานได้ขอรับ!”


ประมุขชิงที่กำลังยืนเอามือไขว้หลังเงยหน้าเล็กน้อย แล้วทำท่าครุ่นคิดพร้อมพึมพำว่า “ในปีนั้นอสุราอัคนีนับว่าเป็นตัวละครที่วางอำนาจบาตรใหญ่ มีเคล็ดวิชาประจำตัวที่ไม่ธรรมดา แต่จนใจที่มาเจอกับฝีมือของเจ้าสามไป๋ มิน่าล่ะเจ้าเด็กนี่ถึงได้อันดับหนึ่งในการทดสอบครั้งนี้ สิ่งนี้ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ!”


…………………………


บทที่ 1082 การมาของเกาก้วน

โดย

Ink Stone_Fantasy

“หนิวโหย่วเต๋อนั่นมีวรยุทธ์เท่าไร?” ประมุขชิงหันกลับมาถามอีก


ถึงแม้เขาจะเคยฟังรายงานมาก่อน แต่เหมียวอี้ผู้ต่ำต้อยคนเดียวไม่มีทางอยู่ในสายตาเขาได้ ถ้าไม่ใช่เพราะมีข่าวโผล่มาต่อเนื่องกัน กอปรกับก่อเรื่องใหญ่โตในครั้งนี้ ก็ไม่มีค่าพอให้เขาถามถึงสักเท่าไร


“บงกชทองขั้นสามขอรับ” เกาก้วนตอบอย่างเคารพนอบน้อม


ประมุขชิงส่ายหน้า แล้วเอามือไขว้หลังเดินไปข้างหน้าต่อ “ต่ำไปหน่อย ยังใช้ไปทำงานอะไรไม่ได้ รอให้เขาเดินไปถึงขั้นนั้นให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน ถึงอย่างไรก็มีข้าทาสของผู้มีอำนาจตายไปมากมายขนาดนั้น ถ้าข้าไม่ถามถึงเลยก็จะฟังดูเหลวไหล เจ้านำคนไปตรวจสอบด้วยตัวเอง รู้ใช่มั้ยว่าให้เจ้าไปตรวจสอบอะไร?”


เกาก้วนที่เดินตามหลังเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ฝ่าบาทได้โปรดเปิดเผย”


ประมุขชิง : “ข้าอยากจะรู้ว่าเป็นเจ้าหนิวโหย่วเต๋อนั่นที่คิดเองเออเอง หรือว่าฮูหยินของเทียนหยวนจงใจให้ท้าย เรื่องในครอบครัวเทียนหยวนข้าเองก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน ฮูหยินของเขาคนนั้นดูไม่เหมือนคนที่มีความคิดเป็นของตัวเองขนาดนี้ ไปสืบมาให้ชัดเจนว่าเรื่องเป็นอย่างไรกันแน่”


“ขอรับ!” เกาก้วนเอ่ยรับ แล้วถามหยั่งเชิงอีกว่า “ถ้าในการประชุมราชสำนักมีกลุ่มขุนนางฟ้องร้อง ฝ่าบาทต้องการจะลงโทษหนิวโหย่วเต๋อนั่นจริงๆ หรือขอรับ?”


“ผู้บัญชาการเล็กๆ คนเดียวควรค่าให้ข้าจัดทัพใหญ่ไปสู้เหรอเหรอ?” ประมุขชิงพ่นเสียงทางจมูก “ที่ข้ารอตัดสินใจหลังจากประชุมราชสำนัก เพราะแค่อยากจะเห็นว่าจะมีสักกี่คนที่กระโดดออกมา!”


เรื่องจริงได้พิสูจน์แล้ว ว่ากลุ่มขุนนางยังหวาดหวั่นประมุขชิง ไม่มีใครกล้าพูดสักคน การประชุมราชสำนักที่ตำหนักสวรรค์ไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องนี้ ราวกับไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้นมาก่อนเลย


การประชุมราชสำนักที่ตำหนักสวรรค์จบลง เมื่อได้เห็นสถานการณ์ที่การประชุม ในใจเทียนหยวนก็มีความมั่นใจแล้ว พอออกจากตำหนักสวรรค์มา ระหว่างทางก็หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อกับปี้เยว่ฮูหยินทันที


เมื่อได้ทราบว่าผู้ชายของตนผลักเรื่องใหญ่ขนาดนี้มาให้ตนต่อหน้าราชันสวรรค์ ปี้เยว่ฮูหยินก็ร้อนใจทันที ตำหนิทันทีว่า : เทียนหยวน เจ้าบ้าไปแล้วรึเปล่า เจ้าอยากจะเปลี่ยนเมียใหม่ก็บอกมาตรงๆ เถอะ ไม่จำเป็นต้องมาทำร้ายข้าอย่างนี้หรอก!


เทียนหยวน : พูดเหลวไหลอะไรของเจ้า! ข้าบอกว่าเจ้าไม่มีสมองเจ้าก็ไม่เชื่อ เจ้าดูสิว่าทำไมหนิวโหย่วเต๋อถึงกล้าก่อเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ แต่เจ้ากลับอยากจะผลักความรับผิดชอบ เจ้าฟังให้ดีนะ หนิวโหย่วเต๋อเกือบจะโดนเกาก้วนพาตัวไปต่อหน้าราชันสวรรค์แล้ว ทางตระกูลอิ๋งแสดงท่าทีชัดเจนว่าอยากจะรับตัวหนิวโหย่วเต๋อไว้ เป็นข้าที่หาข้ออ้างดันทุรังขัดขวางไว้ให้เจ้า ไม่ง่ายเลยกว่าจะรั้งผู้ช่วยไว้ให้เจ้าได้ แต่เจ้ากลับไม่รู้จักใช้งาน ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ต่อไปถ้าเจอปัญหาอะไรก็ถามความเห็นเขาให้มากๆ หน่อย สมองเขาใช้งานได้ดีกว่าเจ้า ถ้าอยากจะรับเขาไว้เป็นลูกน้องคนสนิท ก็ต้องแสดงความจริงใจออกมา ไม่ใช่เวลาเจอปัญหา ตัวเองยังไม่ทันรู้ชัดว่าเรื่องเป็นยังไงก็เลอะเลอะผลักไสเขาไปแล้ว…


รอจนกระทั่งเข้าใจเจตนาของสามีตัวเองชัดเจนแล้ว ปี้เยว่ฮูหยินพูดสำออยว่า : ใช้งานคนแบบนี้เหรอ? ข้าทนความตกใจต่อไปไม่ไหวแล้ว


เทียนหยวน : พอแล้ว! เจ้าไม่ใช้เดี๋ยวข้าใช้เอง รอให้คลื่นลมลูกนี้ผ่านไปก่อน เดี๋ยวข้าจะย้ายเขามาไว้ข้างกายข้า


ปี้เยว่ฮูหยินแตกคอทันที : เจ้านี่ใช้ได้เลยนะ! แม้แต่คนของเมียก็ยังจะมาแย่ง อยากจะแย่งก็ไปแย่งที่อื่นไป อย่ามาคิดอยากได้คนของข้า!


เทียนหยวนพูดไม่ออก ไม่มีทางคุยกับผู้หญิงคนนี้ด้วยเหตุผลได้เลย…


ณตลาดสวรรค์ ร้านค้าสามร้อยกว่าร้านยังคงอยู่ในสภาพถูกปิด ร้านค้าแต่ละร้านของตลาดสวรรค์เหมือนได้ครอบครองพื้นที่กว้าง ไม่ใช่สิ่งที่ร้านค้าทั่วไปจะเทียบติดร้


ส่วนผลลัพธ์สุดท้ายในการลงโทษร้านค้าเหล่านั้น เหมียวอี้ที่หลบอยู่ในจวนผู้บัญชาการใหญ่ก็กำลังรอข่าวจากทางตำหนักสวรรค์ หัวใจอยู่ในสภาพกังวลอยู่ตลอด


เวลาสั่งคำเดียวแล้วศีรษะหลายพันตกลงพื้น ถึงแม้จะรู้สึกสะใจ แต่ความกดดันหนักอึ้งที่พ่วงมาด้วยก็ไม่ใช่สิ่งที่คนนอกจะเข้าใจได้ อยู่ท่ามกลางความทรมานวันแล้ววันเล่า ที่จริงตอนนี้เขาอยากจะหาผู้หญิงสักคนมาระบายอารมณ์สักหน่อย แต่ปิดบังทางอวิ๋นจือชิวเพื่อทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ก่อนที่ผลลัพธ์จะออกมาเขาก็ไม่อยากไปที่นั่น กับสองพี่น้องโอวหยางก็เหตุผลเดียวกัน


เขานึกถึงหวงฝู่จวินโหรว แต่ก็ได้ล่วงเกินผู้หญิงคนนั้นก็นางแค้นไปแล้ว


พอนึกถึงหวงฝู่จวินโหรว เหมียวอี้ก็อดไม่ได้ที่จะแอบทอดถอนใจ อันที่จริง ในเมื่อมีความสัมพันธ์กับหวงฝู่จวินโหรวแบบนั้นแล้ว วิธีการที่ดีที่สุดก็คือดึงหวงฝู่จวินโหรวมาเป็นพวก รักษาความสัมพันธ์กับหวงฝู่จวินโหรวเอาไว้ แบบนั้นจะสามารถรับข่าวสารที่เป็นประโยชน์จากนางได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ต้องขาดความมั่นใจอยู่อย่างนี้ แต่พอนึกถึงความรู้สึกของพวกอวิ๋นจือชิว ก็ปล่อยไปดีกว่า


เหมียวอี้ค้นพบว่าตัวเองกลายเป็นตัวละครที่มีความเห่อเหิมทะเยอทะยานไม่ไหว คนที่คิดจะทำการใหญ่ไม่ถูกจำกัดด้วยเรื่องหยุมหยิมแบบนี้แน่นอน ตราบใดที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ก็จะไม่ปล่อยไป ในจุดนี้ตนยังสู้อวิ๋นจือชิวไม่ได้


เขาเองก็ไม่รู้ว่าการที่ตัวเองทำแบบนี้นั้นถูกหรือผิด เพียงแต่พอคิดไปคิดมา จู่ๆ ก็พบว่าถึงแม้ข้างกายตัวเองมีผู้หญิงเยอะ แต่ทำไมบางครั้งก็ยังรู้สึกเหงาอยู่ล่ะ?


เขาเอนกายพักผ่อนอยู่ใต้เพิงเถาวัลย์ จู่ๆ ก็ได้กลิ่นกายหอมที่คุ้นเคย เขาลืมตาเล็กน้อย พบว่าเป่าเหลียนกำลังช่วยรินน้ำชาให้เขา


สายตากลอกกลิ้งบนร่างกายเป่าเหลียนแวบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ พบว่าที่จริงแล้วเป่าเหลียนรูปร่างดีมาก ในหัวมีความคิดบางอย่างที่ไม่สมควรแวบเข้ามา พอเกิดความคิดนี้ขึ้นมา มันก็ลุกลามอยู่ในร่างกายทันที สุดท้ายก็บังเอิญไปสบตากับเป่าเหลียนโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้นางรีบหลบสายตา เขาแอบด่าตัวเองในใจว่าสัตว์เดรัจฉาน แล้วก็รีบกำจัดความคิดชั่วร้ายนั่นทันที


ในตอนนี้ เอาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงชีวิตตอนที่ยังไม่ได้แต่งงาน ชีวิตตอนที่มีแค่เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์อยู่ข้างกายนั้นสบายใจขนาดไหน อยากจะครอบครองตอนไหนก็ได้ ไม่เคยต้องกังวลอะไรเลย แต่พอแต่งงานมีภรรยาแล้ว ก็มีหญิงรับใช้แต่งเข้ามาด้วยอีกหนึ่งกลุ่ม เมื่อมีผู้หญิงเยอะแล้ว กลับไม่ได้ทำอะไรตามใจตัวเองสักเท่าไร วันนี้จะไปหาคนไหน พรุ่งนี้จะไปหาคนไหน ในใจยังต้องชั่งน้ำหนักให้สมดุลสักหน่อย กลัวว่าลำเอียงมาหาคนนี้แล้วคนนั้นจะไม่พอใจ แต่พอลำเอียงไปหาคนนั้นก็จะทำให้คนนี้ไม่พอใจอีก นี่มันเรื่องอะไรกัน


ไม่คิดแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งอึดอัด เขากลัวว่าถ้าคิดมากไปแล้วจะอดใจไม่ไหวทำอย่างนั้นกับเป่าเหลียนจริงๆ ยังคงนอนหลับตารอต่อไป


ปรากฏว่าทางตำหนักสวรรค์ยังไม่ทันส่งข่าวมา แต่ปี้เยว่ฮูหยินกลับส่งข่าวมาแล้ว เรียกเขาไปพบที่ตำหนักคุ้มเมือง


ในช่วงเวลานี้ ผู้หญิงคนนั้นไม่เคยสนใจตนเลย จู่ๆ เรียกเข้าตำหนักแบบนี้ คิดจะทำอะไรกัน?


เหมียวอี้มาถึงตำหนักคุ้มเมืองพร้อมความระแวดระวังและความสงสัยเต็มอก


ที่สวนดอกไม้ด้านหลัง หลังจากเหมียวอี้ทำความเคารพแล้ว ปี้เยว่ฮูหยินก็ยื่นสัตว์เลี้ยงที่กำลังอุ้มให้กับผู้การสองหลันเซียง และกำชับว่า “ข้ากับผู้บัญชาการใหญ่หนิงมีเรื่องคุยกันนิดหน่อย ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องที่อยู่ในสวนนี้ออกไปให้หมด”


“ค่ะ!” ผู้การสองหลันเซียงโบกมือไปทางซ้ายและขวา ไล่คนในสวนดอกไม้ออกไปหมดแล้ว


รอจนกระทั่งคนอื่นๆ ไปหมดแล้ว จู่ๆ ปี้เยว่ฮูหยินก็เผยรอยยิ้มอ่อนหวาน “ผู้บัญชาการใหญ่ เดินเล่นเป็นเพื่อนข้าหน่อยสิ”


เหมียวอี้กุมหมัดเอ่ยรับคำสั่ง แล้วเดินตามหลังนาง ระหว่างนั้นก็ครุ่นคิดว่ารอยยิ้มนี้ของนางหมายความว่าอย่างไร เป็นการแสดงออกว่าเกิดเรื่องขึ้น หรือเป็นการแสดงออกว่าไม่มีเรื่องอะไร


เดินไปทางนั้นทีเดินไปทางนี้ที ปี้เยว่ฮูหยินเดี๋ยวเด็ดดอกไม้ดอกนั้นเดี๋ยวเด็ดดอกไม้ดอกนี้ พอเด็ดมาแล้วก็ถือโอกาสยื่นให้เหมียวอี้ช่วยถือ


ใช้เวลาเพียงประเดี๋ยวเดียว ในอ้อมอกเหมียวอี้ก็มีดอกไม้กองใหญ่ ถ้าให้อวิ๋นจือชิวเห็นคงจะหึงแน่นอน


พอเด็ดดอกไม้ไปพอสมควรแล้ว ปี้เยว่ฮูหยินก็ปัดไม้ปัดมือ ตอนนี้หยุดเด็ดแล้ว ขณะที่ดึงกระโปรงยาวเดินไปข้างหน้า นางก็ถอนหายใจแล้วบอกว่า “หนิวโหย่วเต๋อ ครั้งนี้เจ้าก่อเรื่องใหญ่แล้ว เจ้ารู้จักเกาก้วนใช่มั้ย ตำหนักสวรรค์ส่งเกาก้วนมาตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว!”


เกาก้วน? เหมียวอี้หัวใจกระตุกวูบ ฉากที่เจ้าคนหน้าเย็นชาเหี้ยมโหดสั่งฆ่าอิ๋งเหย้ายังชัดอยู่ในความทรงจำ แค่พูดผิดไปประโยคเดียว ก็สามารถสั่งฆ่าได้แม้กระทั่งหลานชายของอ๋องสวรรค์อิ๋ง การคบค้ากับคนแบบนี้เป็นเรื่องที่อันตราย


เมื่อเห็นเขาไม่พูดอะไร ปี้เยว่ฮูหยินที่หันกลับมามองแวบหนึ่งก็บอกอีกว่า  “เจ้าเองก็ไม่ต้องกังวลหรอก เดี๋ยวพอเกาก้วนมาตรวจสอบเรื่องนี้ เจ้าแค่ผลักความรับผิดชอบมาให้ข้าก็พอแล้ว บอกว่าข้าเป็นคนบงการทุกอย่าง”


เจ้ามีน้ำใจแบบนี้เป็นด้วยเหรอ?  “แบบนี้ไม่ค่อยเหมาะกระมัง?” เหมียวอี้ถามอย่างเชิง


“ไม่เหมาะแล้วจะทำยังไงได้อีกล่ะ? ห้ามไม่ให้เจ้าทำ แต่เจ้าก็ทำไปแล้วอยู่ดี!” ปี้เยว่ฮูหยินถอนหายใจอย่างดัดจริต “ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นคนที่ข้าเลื่อนตำแหน่งให้ด้วยตัวเอง เรื่องใหญ่ขนาดนี้เจ้ารับผิดชอบไม่ไหวหรอก ต่อให้รอดพ้นโทษตายไปได้ แต่ก็ยากที่จะหนีโทษเป็น ข้าจะช่วยเจ้ารับผิดชอบเรื่องนี้เอง อีกเดี๋ยวต่อให้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทางท่านโหวก็จะไปหาอ๋องสวรรค์อิ๋งให้ช่วยออกหน้าคุยให้ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นเจ้า เจ้ากับตระกูลอิ๋งนอกจากจะเคยขัดแย้งกันแล้ว ตระกูลอิ๋งก็ไม่จำเป็นจะต้องไปมีเรื่องกับคนอื่นเพื่อเจ้าอยู่ดี แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นข้าก็อาจจะไม่แน่”


มีคนยินดีจะรับผิดชอบให้ เหมียวอี้ย่อมปรารถนาอยู่แล้ว จึงกล่าวขอบคุณแบบกึ่งยอมรับกึ่งปฏิเสธ


หลังจากทั้งสองเดินวนอยู่ในสวนดอกไม้สองสามรอบ เหมียวอี้ก็หอบดอกไม้สดเดินออกจากตำหนัก ปี้เยว่ฮูหยินให้เป็นรางวัล


ตรงประตูตำหนักคุ้มเมือง เหมียวอี้มองดูดอกไม้สดที่อยู่ในอ้อมกอด ของประเภทนี้จะมีหรือไม่มีก็ได้ จึงถือโอกาสยื่นให้ทหารยามที่เฝ้าประตู แล้วจากไปด้วยความสงสัยเต็มอก ทำเอาทหารยามงุนงงเหมือนหมอกลงสมอง…


เกาก้วนมาแล้ว นำคนมาที่นี่แล้วจริงๆ!


คนที่รู้ข่าวนี้ล่วงหน้าไม่ได้มีแค่ปี้เยว่ฮูหยินกับเหมียวอี้ พ่อค้าจำนวนมากในเมืองก็รู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้วเช่นกัน ต่างก็ให้ความสนใจ ทุกคนต่างก็รู้ว่าเรื่องที่เกิดที่ตลาดสวรรค์ครั้งนี้ เกาก้วนเป็นผู้ตัดสินใจลงโทษขั้นสุดท้าย


แต่ก่อนที่เกาก้วนจะมา ก็ไม่ได้แจ้งใครไว้ว่าตัวเองจะมาถึงเมื่อไร


เขาสวมหมวกทรงสูงสีดำและผ้าคลุมบ่าสีดำ นำผู้ติดตามยี่สิบกว่าคนเหาะลงมาจากฟ้า แล้วมุ่งตรงเข้าไปในเมืองทันทีโดยไม่หยุดพัก


หลังจากเข้ามาในเมือง ผู้ที่ติดตามมาก็แบ่งเป็นสี่กลุ่ม แยกย้ายกันไปที่จวนผู้บัญชาการทั้งสี่เขตเมือง ส่วนเกาก้วนก็นำคนไม่กี่คนมุ่งตรงไปยังตำหนักคุ้มเมือง


“ใครกัน!” ทหารยามที่เฝ้าตำหนักคุ้มเมืองตะคอกถามมาแต่ไกลๆ


ทางซ้ายและขวาของเกาก้วนมีคนถลันตัวออกไปทันที แล้วเผยป้ายคำสั่งออกมาโดยตรง


ป้ายของทูตตรวจการตำหนักสวรรค์ทำให้ทหารยามตกใจ นี่คือกลุ่มคนที่มีอำนาจชี้เป็นชี้ตายที่สามารถประหารก่อนแล้วค่อยรายงานความผิด


เกาก้วนไม่ชายตามองและไม่หยุดฝีเท้า เดินก้าวยาวตรงเข้าไปในตำหนัก ไม่เห็นกลุ่มทหารยามของตำหนักคุ้มเมืองอยู่ในสายตา ลักษณะเย็นเยียบบนใบหน้าที่ดุร้ายทำให้คนรู้สึกกลัวทันทีที่ได้เห็น


ภาพเหตุการณ์นี้แทบจะเกิดพร้อมกันที่จวนผู้บัญชาการของเขตเมืองทั้งสี่ คนสี่กลุ่มไม่เห็นทหารยามอยู่ในสายตา เผยป้ายคำสั่งแล้วบุกเข้าไปโดยตรง ขี้เกียจแม้แต่จะพูดบอก


ณ ตำหนักคุ้มเมือง ปี้เยว่ฮูหยินอกสั่นขวัญแขวน ความงามและรอยยิ้มที่หยาดเยิ้มใช้กับเกาก้วนไม่ได้ผล


ตอนที่ได้ข่าวแล้วรีบมาต้อนรับ ต่อให้จะยิ้มสวยกว่านี้ ต่อให้หน้าอกขาวอวบจะเปิดเผยออกมาเยอะกว่านี้ แต่เกาก้วนก็ไม่มองนางตรงๆ เลย เดินเฉียดร่างนางไปพร้อมกับผ้าคลุมบ่าสีดำที่ปลิวสะบัดอยู่ข้างหลัง ผ้าคลุมที่ปลิวสะบัดนั่นถึงขั้นฟาดหน้านางด้วยซ้ำ


ปี้เยว่ฮูหยินที่โดนเมินเฉยเย็นชาใส่ พอได้สติกลับมาก็รีบเร่งฝีเท้าเดินตาม มีคนเข้ามาขวางผู้การสองหลันเซียงและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างหลังนางทันที ไม่ให้ตามเข้าไป


ปี้เยว่ฮูหยินหยุดฝีเท้าและหันตัวมา อยากจะถามสักหน่อยว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถาม ทางซ้ายและขวาก็มีคนเข้ามาขนาบข้างแล้ว หนึ่ในนั้นดึงแขนนางลากไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง โดนลากตามหลังเกาก้วนเข้าไปข้างใน


นี่มันสถานการณ์อะไรกัน? ปี้เยว่ฮูหยินที่เจอกับเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรกตกใจจนใบหน้างามถอดสี ยังนึกว่ามีเรื่องอะไรเปิดโปงเข้าแล้ว  ตกใจจนปัสสาวะแทบราด!


ภาพที่เกาก้วนฆ่าคนใช่ว่านางจะไม่เคยเห็นมาก่อน เจ้าบ้านี่ฆ่าคนได้โดยไม่มีกฎหมาย เจ้าตัวเป็นตัวแทนของกฎสวรรค์!


ผู้การสองหลันเซียงและคนอื่นๆ ที่ถูกขวางไว้ เมื่อเห็นภาพฮูหยินถูกลากไปแบบนี้ ก็ตกใจแทบแย่เหมือนกัน!


เริ่มจากปี้เยว่ฮูหยิน เหมียวอี้ ฝูชิง อิงอู๋ตี๋ มู่หรงซิงหัวและสวีถังหราน พวกเขาโดนคนที่บุกเข้ามาควบคุมตัวเอาไว้แทบจะพร้อมกัน เมื่อเผยป้ายคำสั่งทูตตรวจการตำหนักสวรรค์ ก็ไม่มีใครจะเคลื่อนไหวซี้ซั้ว ถูกกันแยกกับคนอื่นๆ อย่างรวดเร็ว เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป ก็ทำเอาทหารทั้งตลาดสวรรค์หวาดระแวงไม่หาย


…………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)