เทพปีศาจหวนคืน 1080-1083
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1080 เปลี่ยนเป็นหมีบิน
แปลโดย iPAT
หลายวันต่อมาในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
สองร่างกำลังบินผ่านอากาศก่อนจะหยุดอย่างกะทันหัน
“ที่นี่เป็นพื้นที่รกร้าง มันเหมาะสมที่จะใช้เป็นสนามซ้อม” ร่างหนึ่งมองไปรอบๆและกล่าว
“พี่ฟางกล่าวได้ถูกต้อง” ร่างที่อยู่ด้านหลังเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนชื่อผมที่สิบสอง เขากล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
เปรียบเทียบกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆของนิกายหลางหยา ผมที่สิบสองค่อนข้างพิเศษ
เพราะเขาไม่ได้บ่มเพาะเพียงเส้นทางแห่งการหลอมรวมแต่ยังบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งทาส เขาเป็นผู้อมตะที่บ่มเพาะบนเส้นทางคู่คือเส้นทางแห่งทาสและเส้นทางแห่งการหลอมรวม
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้อมตะจะบ่มเพาะบนเส้นทางสองสายเพราะพวกเขามีมิติช่องว่างเพียงหนึ่ง เมื่อผู้ใช้วิญญาณก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ มิติช่องว่างจะเป็นสิ่งตัดสินเส้นทางการบ่มเพาะหลักของพวกเขา ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ได้รับหลังจากผ่านภัยพิบัติส่วนใหญ่จะเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสายหลักที่พวกเขาบ่มเพาะ
อย่างไรก็ตามในโลกใบนี้ยังมีผู้อมตะมากมายที่ประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะบนเส้นทางสองสาย พวกเขามักเป็นผู้อมตะระดับหกหรือเจ็ดที่เส้นทางหนึ่งเป็นเส้นทางหลักและอีกเส้นทางเป็นเส้นทางรอง
ผู้อมตะเหล่านี้ส่วนใหญ่พบโชคลาภโดยบังเอิญทำให้พวกเขาได้รับวิญญาณอมตะที่เหมาะสมในการบ่มเพาะสองเส้นทาง ตัวอย่างเช่นวิญญาณกินความแข็งแกร่ง หากเป็นผู้อมตะบนเส้นทางสายอื่นที่ได้รับมันโดยบังเอิญ พวกเขาจะเลือกบ่มเพาะบนเส้นทางคู่
ผมที่สิบสองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ในช่วงปีแรกของการบ่มเพาะ เขาหลอมรวมวิญญาณชนิดใหม่ได้สำเร็จโดยบังเอิญ มันเป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งทาส หลังจากก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ วิญญาณดวงนี้พัฒนาเป็นวิญญาณอมตะระดับหก นั่นทำให้เขาได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเทาสเพิ่มขึ้น
นี่ทำให้เขากลายเป็นคนพิเศษท่ามกลางกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนดูแลเขาเป็นอย่างดี เส้นทางแห่งทาสมีความสัมพันธ์กับเส้นทางแห่งการหลอมรวมไม่มาก แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังสนับสนุนให้ผมที่สิบสองบ่มเพาะบนเส้นทางสายนี้ต่อไปเพราะมันจะเป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่หากเขาต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งทาส
หลังจากบุคลิกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเปลี่ยนไป เขายิ่งให้ความสำคัญกับผมที่สิบสองมากขึ้น เนื่องจากสิ่งที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาใช้จัดลำดับความสำคัญคือความแข็งแกร่งในการต่อสู้ขณะที่ผมที่สิบสองมีพื้นฐานบนเส้นทางแห่งทาสที่ยอดเยี่ยม จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังมอบวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งทาสให้กับเขาเพราะต้องการให้เขาเป็นนักรบบนเส้นทางเส้นแห่งทาสที่แข็งแกร่งของนิกายหลางหยา
จักรพรรดิทุกคนย่อมมีผู้ใต้บังคับบัญชาคนโปรดของตนเอง ผมที่สิบสองก็คือคนโปรดของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนปัจจุบัน
ฟางหยวนมีความรู้ในเชิงลึกเกี่ยวกับมนุษย์ขนไม่มาก แต่หลังจากทำธุรกรรมลับกับอิงอู๋เซี่ย ฟางหยวนได้รับข้อมูลมากมายเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
พวกมันอาจไม่ใช่ข้อมูลล้ำค่าแต่ยังสามารถช่วยเหลือฟางหยวนและทำให้เขาเข้าใจนิกายหลางหยาอย่างลึกซึ้งมากขึ้น
ทวีปเมฆาถูกสร้างขึ้นจากพื้นเมฆ มันมีสีขาวและอ่อนนุ่ม
“น้องสิบสอง เชิญ” ฟางหยวนผายมือ
“ฮ่าฮ่า พี่ฟาง รับมือ!” ผมที่สิบสองหัวเราะก่อนจะตีลังกาพุ่งลงบนพื้นและคุกเข่าลงต่อหน้าฟางหยวน
“บึม”
ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มักเย่อหยิ่งและมากพิธีการ อย่างไรก็ตามผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้กลับแตกต่างออกไป พวกเขามีบุคลิกที่ตรงไปตรงมาและแทบไร้ทักษะการต่อสู้
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาฟางหยวนเริ่มคุ้นเคยกับเรื่องเหล่านี้แล้ว
ผมที่สิบสองยกศีรษะขึ้นมองฟางหยวน “ช่างน่าอายนัก ข้าล้มเหลวอีกครั้ง”
“ไม่มีปัญหา” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มอบอุ่น “มันเป็นท่าไม้ตายอมตะ เป็นเรื่องปกติที่จะล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งาน”
“ถูกต้อง ถูกต้อง!” ผมที่หกพยักหน้าซ้ำๆ หลังจากนั้นเขาก็ตีลังกาล้มลงคุกเข่าและโขกศีรษะของตนลงบนพื้นอีกครั้ง
“บึม”
“…..”
เงียบ
หลังจากหลายลมหายใจ ผมที่สิบสองจึงแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากของตนและสาปแช่ง “บัดซบ! ข้าล้มเหลวอีกครั้ง ให้ข้าลองอีกหน!”
“บึม”
“บึม”
“บึม”
“ให้ข้าลองอีกครั้ง ข้าไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้!” ผมที่สิบสองตะโกน
“บึม”
“บึม”
“บึม”
“ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ” ผมที่สิบสองกล่าวกับฟางหยวน
ฟางหยวนยังเผยรอยยิ้มอบอุ่น “ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ”
ผมที่สิบสองพยักหน้าด้วยความสุขก่อนจะเริ่มทดลองอีกครั้ง
“บึม”
“บึม”
“บึม”
หลังจากทดลองนับครั้งไม่ถ้วน ผมที่สิบสองก็ยังล้มเหลว ฟางหยวนไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน แต่ร่างกายของผมที่สิบสองกลับเต็มไปด้วยเลือด
ความล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะจะส่งผลกระทบย้อนกลับต่อตัวผู้อมตะ
กระทั่งฟางหยวนก็ยังไม่สามารถทนเห็นสิ่งนี้ “จากการสังเกตของข้า น้องสิบสอง การตีลังกาของเจ้าอาจไม่เหมาะสมกับท่าไม้ตายอมตะนี้ เจ้าอาจลองตัดมันทิ้งไป”
“ไม่เหมาะสม?” ผมที่สิบสองเกาศีรษะอย่างไร้เดียงสา “นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่ข้าออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ท่านไม่เห็นหรือว่าท่าตีลังกาของข้าสง่างามมาก?”
ใบหน้าของฟางหยวนเกือบบิดเบี้ยว เขาคิด ‘คุกเข่าต่อหน้าศัตรูสง่างามงั้นหรือ!?’
แต่ผมที่สิบสองเป็นคนหัวอ่อน เขารู้ว่าต้องแก้ไขข้อผิดพลาดของตน “เนื่องจากพี่ฟางคิดว่ามันไม่เหมาะสม เช่นนั้นข้าก็จะเปลี่ยนมัน”
หลังจากนั้นผมที่สิบสองก็ไม่ตีลังกาอีกต่อไป
แต่ยังคุกเข่าต่อหน้าฟางหยวน
เขาหยุดนิ่งหลายลมหายใจก่อนที่เขาจะพ่นเลือดออกมาจากปากแต่ยังปฏิเสธที่จะยอมแพ้ “ให้ข้าลองอีกครั้ง”
หลังจากพยายามหลายครั้ง รัศมีแสงสีฟ้าก็ส่องประกายขึ้นในมือของผมที่สิบสอง
แสงสีฟ้าทำให้เกิดทะเลสาบสีฟ้าขึ้นบนพื้น
หลังจากนั้นสัตว์อสูรเดียวดายที่มีรูปร่างคล้ายกระทิงก็โผล่ขึ้นมาจากทะเลสาบ
กระทิงเกาลัด!
อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่แสแยมันแม้แต่น้อย
กระทิงตัวนี้อาจเป็นสัตว์อสูรเดียวดายแต่มันมีพลังการต่อสู้ค่อนข้างต่ำ ความประทับใจของผู้อมตะส่วนใหญ่ที่มีต่อมันคือเนื้อของมันมีรสชาติเหมือนเกาลัดและถือเป็นอาหารเลิศรส
แต่ความแข็งแกร่งของมันกลับอยู่ในจุดต่ำสุดท่ามกลางสัตว์อสูรเดียวดายทั้งหมด
สำหรับสัตว์อสูรเดียวดายที่อ่อนแอที่สุดที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณชนคือปลามังกรเดียวดาย
“มันปรากฏตัวขึ้นในที่สุด” ผมที่สิบสองตะโกนเสียงดังและชี้นิ้วไปที่ฟางหยวน “กระทิงเกาลัด โจมตี!”
กระทิงเกาลัดพ่นลมออกจากจมูกเบาๆและยังไม่ขยับเขยื้อน
ใบหน้าของผมที่สิบสองเปลี่ยนเป็นโกรธและอับอาย “เจ้าโง่ ข้าบอกให้โจมตี!”
เป็นเพียงเวลานี้ที่กระทิงเกาลัดเริ่มออกวิ่งไปข้างหน้า
กระทิงเกาลัดมีร่างกายใหญ่โตเหมือนขบวนรถม้าสี่คันที่ปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่าประทับใจออกมา
ภายในมิติช่องว่างของฟางหยวน วิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์บินขึ้นสู่อากาศ ติดตามมาด้วยวิญญาณสนับสนุนอีกจำนวนหนึ่ง
ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนเป็นหมีบิน!
รัศมีแสงปะทุขึ้นบนร่างกายของฟางหยวนและบังคับให้ผมที่สิบสองต้องปิดเปลือกตาลง
ผมที่สิบสองกระตุ้นใช้วิญญาณสายตรวจสอบ ชั้นคริสตัลโปร่งแสงเคลือบคลุมดวงตาของผมที่สิบสองเอาไว้ทำให้เขาสามารถมองเห็นอีกครั้ง
“บึม”
ดูเหมือนกระทิงเกาลัดจะชนกับสัตว์อสูรบางชนิดที่มีร่างกายใหญ่โตมากกว่า
การชนกันของสัตว์อสูรยังไม่ปรากฎผลลัพธ์
เมื่อแสงกระจายหายไป ร่างที่แท้จริงของสัตว์อสูรยักษ์ก็ถูกเปิดเผย
มันคือหมีขาวยักษ์ที่มีกรงเล็บแหลมคมและมีหางกลมน่ารัก
นี่คือการเปลี่ยนร่างเป็นหมีบินของฟางหยวน
เมื่อกระทิงเกาลัดเห็นหมีบินตัวนี้ ดวงตาของมันแทบทะลักออกมาจากเบ้า กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ของมันหายไปราวกับเปลวเทียนที่ริบหรี่ขณะที่มันครางด้วยเสียงอันน่าสังเวช จากนั้นมันจึงรีบหันหลังกลับและวิ่งหนี!
ผมที่สิบสองตะโกนด้วยความโกรธ “เจ้าเกาลัดขี้ขลาด! เจ้าก็เป็นสัตว์อสูรเดียวดายเช่นกัน! กลับไป!”
เขาพึ่งกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งทาสและสามารถควบคุมกระทิงเกาลัดได้เป็นครั้งแรกหลังจากใช้ความพยายามมาอย่างยาวนาน แต่มันกลับวิ่งหนีทันทีเมื่อเห็นหมีบิน
แต่นี่ไม่สามารถกล่าวโทษมัน เนื่องจากมันมีธรรมชาติที่อ่อนโยนและยังเป็นสัตว์กินพืช
ในความเป็นจริงจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนเลี้ยงมันไว้เพราะต้องการใช้เนื้อของมันเป็นวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณ
อย่างไรก็ตามหลังจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกบุกโจมตีอย่างกะทันหัน สัตว์อสูรเดียวดายชนิดอื่นเสียชีวิตทั้งหมด ดังนั้นผมที่สิบสองจึงต้องใช้กระทิงเกาลัดตัวนี้เท่านั้น
ฟางหยวนยืนอยู่อย่างเงียบๆ เพียงเมื่อกระทิงเกาลัดพุ่งเข้ามาด้านหน้า เขาจึงเริ่มเคลื่อนไหว
ร่างกายของหมีบินใหญ่โตแต่มันไม่ขาดความเร็ว
มันคำรามและกระโดดออกไปก่อนจะใช้อุ้งเท้าขวากระแทกแผ่นหลังของกระทิงเกาลัด
“บึม!”
เกิดการปะทะที่รุนแรง ดินเมฆระเบิดออกไปรอบๆ
กระทิงเกาลัดได้รับบาดเจ็บสาหัสและนอนสลบอยู่ในปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่ก่อตัวขึ้น
พ่ายแพ้ในพริบตา!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1081 ฟางหยวนช่วยวางแผน
แปลโดย iPAT
กระทิงเกาลัดที่ถูกโจมตีโดยอุ้งเท้าของฟางหยวนไม่กล้าปีนขึ้นจากปล่อยภูเขาไฟ
ไม่ว่าผมที่สิบสองจะเรียกมันอย่างไร มันก็ไม่กล้าต่อสู้อีกครั้ง
‘สัตว์อสูรเดียวดายอ่อนแอ ผู้อมตะไร้ประโยชน์’ ฟางหยวนส่ายศีรษะก่อนจะยกเลิกท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นหมีบิน
ครู่ต่อมาฟางหยวนจึงกลับสู่ร่างมนุษย์ดังเดิม
“ข้าพ่ายแพ้อีกครั้ง พี่ฟางช่างน่าอัศจรรย์นัก!” ผมที่สิบสองพยายามมาอย่างยาวนานและยังไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงป้องหมัดขึ้นและยอมรับความพ่ายแพ้
เขากับฟางหยวนฝึกซ้อมกันมาหลายครั้ง
แรกเริ่มเขาไม่ยอมแพ้และยังดื้อรั้น แต่หลังจากล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง เขารู้สึกว่าความพ่ายแพ้ก็เป็นเรื่องปกติ
“น้องสิบสอง เจ้าควรฝึกท่าไม้ตายอมตะของเจ้าให้มากขึ้น กระทิงเกาลัดตัวนี้อ่อนแอและขี้ขลาด มันจะดีกว่าหากเจ้าเปลี่ยนเป็นสัตว์อสูรเดียวดายชนิดอื่น” ฟางหยวนแนะนำ
ผมที่สิบสองพยักหน้าและถอนหายใจ “นี่คือทั้งหมดที่ข้ามี ตอนนี้สวรรค์สีเหลืองปิด นอกจากนั้นข้ายังต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซี้อสัตว์อสูรเดียวดายด้วยตนเอง นี่เป็นกฎที่สร้างขึ้นหลังจากก่อตั้งนิกายหลางหยา เห้อ…วิญญาณอมตะทาสสัตว์อสูรไม่ใช่ของข้า ข้าต้องจ่ายค่าเช่า ดูเหมือนตอนนี้ข้าต้องกลับไปหลอมรวมวิญญาณและขายพวกมันเพื่อหารายได้”
“เอาล่ะ แล้วพบกันใหม่” ฟางหยวนพยักหน้าและกล่าวลา
ผมที่สิบสองเก็บกระทิงเกาลัดและเร่งจากไป
‘ดี ข้าได้รับแต้มผลงานอีกยี่สิบแต้มจากนิกายหลางหยา’ ฟางหยวนมองผมที่สิบสองและรู้สึกมีความสุข
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ฟางหยวนไม่เพียงสั่งสอนผมที่สิบสองแต่เขายังให้คำแนะนำผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆ
แม้ธุรกรรมระว่างฟางหยวนกับผมที่หกจะเสร็จสิ้นแล้ว แต่ผมที่หกยังมาเยี่ยมฟางหยวนอยู่หลายครั้ง
ฟางหยวนเข้าร่วมนิกายหลางหยาและกลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดนอก แต่มันยังมีกำแพงกีดขวางระหว่างเขากับกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน
หลังจากทั้งหมดเขาเป็นมนุษย์ขณะที่คนอื่นๆเป็นมนุษย์ขนที่ถูกกดขี่โดยมนุษย์
ฟางหยวนอาจอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเขาแต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนยังไม่ไว้วางใจเขามากนัก
เหตุใดผมที่หกจึงมาหาฟางหยวน? เรื่องนี้จะกระตุ้นความสงสัยของคนอื่นๆ
คำตอบก็คือเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องนี้ หลังจากทำธุรกรรม ผมที่หกบอกกับคนอื่นๆว่าเขามาขอคำแนะนำจากฟางหยวนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ให้กับตนเอง
เนื่องจากการบุกโจมตีอย่างกะทันหันก่อนหน้านี้ของศัตรูตลอดถึงภัยพิบัติที่เกิดขึ้น ผมที่หกรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเขายังไม่เพียงพอ ดังนั้นเขาจึงมาหาฟางหยวนเพื่อขอคำชี้แนะ
เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ผมที่หกประลองกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆและสามารถเอาชนะพวกเขาทั้งหมด
ผมที่หกเป็นสายลับและหนึ่งในร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขามีความสามารถในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม เพียงแสดงความสามารถเล็กๆน้อยๆออกมา เขาก็สามารถเอาชนะผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนได้อย่างง่ายดาย
เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน เมื่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาได้ยินเรื่องนี้และยืนยันการกระทำของผมที่หกต่อหน้าทุกคน เขายังสนับสนุนให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆขอคำแนะนำจากฟางหยวนเช่นกัน
ดังนั้นผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆจึงเริ่มมาหาฟางหยวนเพื่อขอคำชี้แนะ
ฟางหยวนตระหนักถึงความตั้งใจของผมที่หกและต้อนรับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆอย่างอบอุ่น
เพราะเรื่องนี้ไม่มีอันตรายและยังทำให้เขาได้รับแต้มผลงานของนิกายหยางหยาอีกด้วย
ก่อนหน้านี้เขาต้องใช้ภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และวิญญาณสติปัญญาเพื่อทำข้อตกลงกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
แต่จากนี้ไปแต้มผลงานของนิกายหลางหยาจะเป็นตัวช่วยของเขา
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีความสุขกับเรื่องนี้เช่นกัน
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาฟางหยวนให้คำแนะนำกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนหลายคนและได้รับการตอบรับที่ดีมาก
แม้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนจะไม่มีความก้าวหน้าแต่พวกเขาก็ไม่ตำหนิฟางหยวนเพราะตระหนักว่าความผิดพลาดเกิดจากตัวของพวกเขาเอง
ด้านหนึ่ง ผมที่หกทำตัวเป็นแบบอย่าง ขณะที่อีกด้าน ฟางหยวนใช้ทักษะการสื่อสารที่ยอดเยี่ยมสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้และทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกประทับใจต่อฟางหยวนอย่างรวดเร็ว
ฟางหยวนคำนวณ ‘ตอนนี้แต้มผลงานของข้ามีมากกว่าหนึ่งร้อยสี่สิบ มันค่อนข้างมาก’
ทุกครั้งที่ฟางหยวนให้คำแนะนำ เขาจะได้รับแต้มผลงานจากนิกายหลางหยายี่สิบแต้ม
ก่อนหน้านี้ด้วยการให้ยืมภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และทรัพยากรอื่นๆ เขาได้รับแต้มผลงานเพียงสามร้อยแต้มเท่านั้น
‘หนึ่งร้อยสี่สิบแต้มผลงานสามารถแลกเปลี่ยนผลไม้ธารแสง’ คิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนเดินทางไปยังเมืองเมฆาที่หนึ่งทันที
ในเมืองเมฆาที่หนึ่ง เขาพบจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาที่นี่
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายกย่องฟางหยวน “สมกับเป็นวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์! ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่เจ้าแปลงกายไร้ข้อบกพร่องเว้นเพียงข้าจะใช้วิญญาณอมตะสายตรวจสอบ”
ฟางหยวนเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นมนุษย์ขน เป้าหมายของเขาชัดเจนมาก นั่นคือสร้างความประทับใจให้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผู้นี้ต้องการปกครองโลก เมื่อเขาเห็นการปรากฏตัวของฟางหยวน มันจึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะเผยรอยยิ้มอย่างมีความสุขและยกย่องวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์
อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับถอนหายใจและกล่าวด้วยน้ำเสียงขมขื่น “การเปลี่ยนแปลงนี้ยังไม่สมบูรณ์ แม้ข้าจะมีวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ แต่ข้ายังขาดวิญญาณอมตะนิรันดร มิฉะนั้นข้าจะสามารถเปลี่ยนเป็นมนุษย์ขนที่สมบูรณ์แบบและกลายเป็นสมาชิกที่แท้จริงของนิกายหลางหยา! ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ท่านอาจไม่รู้ แต่หลายวันมานี้ข้าได้ติดต่อกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนและรู้สึกประทับใจมาก ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ไม่สามารถไว้ใจ แต่มนุษย์ขนเป็นคนจริงใจ ตรงไปตรงมา และทำให้ข้ารู้สึกอบอุ่นราวกับได้กลับบ้าน ข้าแทบไม่สามารถรอคอยที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่อย่างสมบูรณ์แบบ”
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหัวเราะและตบไหล่ฟางหยวน “ฟางหยวน การตระหนักรู้ของเจ้าเป็นสิ่งที่ดี ดีมาก!”
หากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้ว่าฟางหยวนลอบทำธุรกรรมกับนิกายเงาเมื่อหลายวันก่อน เขาอาจจะต้องการฉีกร่างของสหายที่ร้ายกาจผู้นี้ออกเป็นชิ้นๆ
แต่น่าสงสารที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่รู้สิ่งใดเลย
“ข้าเห็นการกระทำของเจ้าในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เจ้าแนะนำเด็กเหล่านี้ได้ดีและสามารถยกระดับพลังการต่อสู้ของพวกเขาโดยเฉพาะผมที่หก! ข้ายังได้ยินเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับเจ้าจากผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนอีกมากมาย อา…ครั้งนี้เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด?”
“ข้าต้องการใช้แต้มผลงานแลกเปลี่ยนกับผลไม้ธารแสง” ฟางหยวนตอบ
“เรื่องเล็ก! ตราบเท่าที่แต้มผลงานของเจ้าเพียงพอ เจ้าสามารถแลกเปลี่ยนผลไม้ธารแสงได้อย่างไม่มีปัญหา” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสะบัดมือกล่าว
ฟางหยวนลังเล “ข้ามีความคิดเห็นเล็กน้อยเกี่ยวกับการพัฒนานิกายหลางหยา ไม่ทราบว่าข้าควรกล่าวหรือไม่?”
“พูดมา ข้ากำลังฟังอยู่” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเผยรอยยิ้ม
ฟางหยวนกล่าว “หลายวันที่ฝึกซ้อมกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน ข้าค้นพบบางสิ่ง ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของพวกเขาจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงอย่างเร่งด่วน แต่วิธีการดูแลพวกเขาคือปัญหา เพราะพวกเขาส่วนใหญ่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม แม้เส้นทางแห่งการหลอมรวมจะมีวิธีการต่อสู้เช่นกัน แต่มันยังด้อยกว่าเส้นทางสายอื่น”
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาพยักหน้า คำกล่าวของฟางหยวนพุ่งไปที่แก่นแท้ของปัญหา ดังนั้นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงต้องถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “นี่เป็นสิ่งที่ข้ากังวลเช่นกัน”
ฟางหยวนกล่าวต่อ “แท้จริงแล้วมีวิธีที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ให้กับพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว นั่นคือเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง”
“เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง?”
ฟางหยวนหยุดก่อนกล่าวต่อ “ท่ามกลางเส้นทางแห่งการบ่มเพาะทั้งหมด เส้นทางที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ได้รวดเร็วที่สุดคือเส้นทางแห่งเลือด แต่เส้นทางแห่งเลือดอันตรายเกินไป ชื่อเสียงที่ชั่วร้ายของมันยังทำให้ทุกคนเกลียดชัง ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดจะถูกตัดสินว่าเป็นปีศาจโดยวังสวรรค์ นั่นจะทำให้เราพบความยากลำบาก ดังนั้นเส้นทางแห่งเลือดจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี”
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเห็นด้วยกับเรื่องนี้ หากผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือด มันอาจนำไปสู่ความขัดแย้งภายในนิกายหลางหยา
ฟางหยวนกล่าวต่อด้วยความมั่นใจ “นอกจากเส้นทางแห่งเลือด เส้นทางที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ได้เร็วที่สุดคือเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ข้อจำกัดในการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงต่ำมาก การใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงก็ไม่ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า การเปลี่ยนร่างก็คือท่าไม้ตายอมตะ ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางสายนี้ยังถูกพัฒนามานานหลายปีและมีข้อบกพร่องน้อยมาก”
“ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา มีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงจำนวนมาก หากผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนฝึกฝนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเป็นเส้นทางหลักและฝึกเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเป็นเส้นทางรอง มันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งและปิดจุดอ่อนให้กับพวกเขา”
“ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่ขาดประสบการณ์ไม่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้ภายในเวลาไม่กี่วัน อย่างไรก็ตามหากพวกเขาเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์อสูร ร่างกายของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้น กระทั่งพวกเขาจะทำพลาดระหว่างการต่อสู้ มันก็ไม่เป็นปัญหามากนัก พวกเขายังสามารถตอบโต้ มันไม่เหมือนเส้นทางสายอื่นเช่นเส้นทางแห่งไฟหรือเส้นทางแห่งวารีที่ร่างกายเป็นจุดอ่อน โดยปราศจากวิธีป้องกันตัว มันเป็นเรื่องอันตรายมากในสนามรบ”
“เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องง่ายที่จะพัฒนาและง่ายที่จะได้รับ ดังนั้นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะหลอมรวม”
“ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนสามารถเปลี่ยนเป็นสัตว์อสูรเพื่อต่อสู้ มันยังทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น นิกายหลางหยามีรากฐานที่แข็งแกร่ง ตอนนี้ห้าภูมิภาคยังถูกปกครองโดยมนุษย์ ตราบเท่าที่พวกเราสามารถพัฒนาแม้จะเพียงเล็กน้อย เราก็ควรทำให้ดีที่สุด”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1082 คุณภาพหรือปริมาณ
แปลโดย iPAT
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทำได้เพียงพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของฟางหยวน
“มีเหตุผล มีเหตุผล” เขายกย่อง
“ท่านยกย่องข้ามากเกินไปแล้ว นี่เป็นเพียงความคิดที่ตื้นเขินของข้าเท่านั้น” ฟางหยวนกล่าว
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเป็นคนตรงไปตรงมา เขาไม่เข้าใจมารยาททางสังคมที่ฟางหยวนแสดงออก ดังนั้นเขาจึงส่ายศีรษะ “ไม่ นี่ไม่ใช่ความคิดที่ตื่นเขิน มันเป็นความเข้าใจที่แท้จริง คำกล่าวของเจ้าทำให้ข้าได้รับแรงบันดาลใจมากมาย พวกมันสามารถช่วยเหลือนิกายหลางหยา!”
“ตามกฎของนิกายหลางหยา ความช่วยเหลือนี้จะช่วยยกระดับสถานะของเจ้าอีกหนึ่งขั้น ตัวอย่างเช่นผมที่หกจะยกระดับเป็นผมที่ห้า แต่เจ้ายังไม่ใช่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่แท้จริงในเวลานี้ ดังนั้นเจ้าจะได้รับแต้มผลงานสองร้อยแต้มเป็นสิ่งตอบแทน”
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามองฟางหยวนและถอนหายใจ
ใบหน้าของฟางหยวนแสดงให้เห็นถึงความโศกเศร้าเช่นกัน
เขาเป็นเพียงผู้อาวุโสสูงสุดนอก แม้จะไม่ทำภารกิจใดๆให้กับนิกาย เขาก็ยังได้รับแต้มผลงานสิบแต้มทุกเดือน แน่นอนว่าผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนได้แต้มผลงานมากกว่านี้ นอกจากนั้นยิ่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนมีตำแหน่งสูงเท่าใด พวกเขาก็จะได้รับแต้มผลงานมากขึ้นเท่านั้น
“ข้าหวังว่าวันหนึ่งจะสามารถเปลี่ยนเป็นมนุษย์ขนที่แท้จริง” ฟางหยวนกล่าวด้วยความเสียใจราวกับเขาต้องการสิ่งนี้อย่างแท้จริง
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าว “น่าเสียดายที่สวรรค์สีเหลืองปิดในขณะนี้ เมื่อมันเปิด ข้าจะเริ่มซื้อสัตว์อสูรเดียวดาย”
“ข้ามีความคิดเห็นบางอย่าง” ฟางหยวนเร่งกล่าว “มีผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนมากมาย ไม่ว่านิกายของเราจะมีความมั่งคั่งเพียงใดแต่เราจะไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งหมด นอกจากนั้นนี่ไม่ใช่วิธีการดำเนินธุรกิจ ข้าขอแนะนำให้เราพัฒนาทรัพยากรขึ้นมาเอง”
“โอ้? เจ้าคิดว่าพวกเราควรทำอย่างไร?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถาม
ฟางหยวนตอบ “ง่ายมาก เช่นเดียวกับกองกำลังใหญ่อื่นๆ พวกเราต้องยึดครองพื้นที่บางแห่งในห้าภูมิภาค”
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกไม่แน่ใจ
เขาเคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนและพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียของมัน สุดท้ายเขาจึงปัดความคิดนี้ทิ้งไป
เหตุผลก็คือผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ พวกเขาไม่สามารถปรากฏตัวในที่แจ้ง
ตัวอย่างเช่นกองกำลังเผ่ามนุษย์หมึกในภาคเหนือ พวกเขามีผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกเพียงหนึ่งเดียว แต่เนื่องจากบรรพชนของเผ่ามนุษย์หมึกแห่งเมืองหมึกของภาคเหนือเคยทำสัญญาพันธมิตรกับเทพอมตะตะวันเดือด ดังนั้นเมืองหมึกจึงรอดพ้นจากการคุกคามของกองกำลังเผ่ามนุษย์
อย่างไรก็ตามหากผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนปรากฏตัว พวกเขาจะถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะเผ่ามนุษย์
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะหรือฝ่ายปีศาจ พวกเขาต่างไม่ต้องการเห็นกองกำลังของมนุษย์กลายพันธุ์
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีความคิดที่ตรงไปตรงมา แต่เขาไม่โง่ เขาต้องการนำเผ่ามนุษย์ขนปกครองโลก แต่เขายังเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน
ฟางหยวนคาดเดาการตอบสนองนี้ไว้แล้ว เขากล่าว “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ข้าไม่ได้แนะนำให้นิกายหลางหยาต่อสู้กับกองกำลังเผ่ามนุษย์โดยตรง เราจะมุ่งเน้นทรัพยากรที่พวกเขาไม่ได้ครอบครองและลอบพัฒนา”
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเข้าใจทันที “เจ้ากำลังหมายถึงเขตต้องห้ามเหล่านั้นงั้นหรือ?”
ในภาคเหนือ กองกำลังต่างๆยึดครองแหล่งทรัพยากรสำคัญเอาไว้หมดแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงสถานที่อันตรายทั้งสิบเท่านั้น
“ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งฉลาดมาก!” ฟางหยวนยกย่อง “เขตต้องข้ามทั้งสิบอันตรายแต่พวกมันก็เต็มไปด้วยโอกาศ ในความคิดเห็นของข้า โลกใต้บาดาลเป็นสถานที่ที่ดี เราสามารถจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่ไว้ที่นั่นและอนุญาตให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนสามารถเดินทางไปกลับได้อย่างอิสระ มีสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลมากมายอยู่ที่นั่น มันเหมาะสมที่จะใช้เป็นสนามฝึกซ้อมการต่อสู้ของพวกเขา นอกจากนี้ด้วยการสังหารสัตว์อสูรเดียวดาย เราสามารถใช้ส่วนต่างๆของพวกมันในการหลอมรวมวิญญาณบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง หากเราสามารถจับสัตว์อสูรเดียวดายที่มีชีวิต เราจะใช้วิญญาณอมตะทาสสัตว์อสูรเพื่อทำให้พวกมันกลายเป็นทาส นี่จะช่วยเพิ่มการป้องกันของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา”
หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของเรื่องนี้คือค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่
โดยไม่ต้องสงสัย นิกายหลางหยาย่อมมีวิธีการดังกล่าวในการครอบครอง
ก่อนหน้านี้เมื่อฟางหยวนกลับมาจากภาคใต้ เขาก็ใช้ค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่เพื่อกลับมายังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
ค่ายกลวิญญาณนี้สร้างความประทับใจต่อฟางหยวนเป็นอย่างมาก
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไตร่ตรอง “เรื่องนี้มีความสำคัญมากเกินไป ข้าต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ”
“ข้าเพียงเสนอความคิด เรื่องสำคัญเช่นนี้ย่อมต้องถูกตัดสินโดยผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง หากคำแนะนำของข้ามีข้อบกพร่อง โปรดอภัยให้ข้าด้วย”
ฟางหยวนไม่ได้รบเร้ามากเกินไป หลังจากนั้นเขายังเปลี่ยนหัวข้อสนทนาและกล่าวถึงผลไม้ธารแสงก่อนจะจากไปพร้อมกับผลไม้ธารแสงจำนวนมาก
เขากลับไปที่เมืองเมฆาของตนและเริ่มจัดการผลไม้ธารแสง
ผลไม้ธารแสงไม่ใช่ผลไม้ทั่วไป พวกมันกำเนิดจากแสงบริสุทธิ์ มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถสัมผัสพวกมัน
ผลไม้เหล่านี้ไม่ได้เติบโตขึ้นบนต้นไม้แต่จะปรากฏขึ้นในสถานที่ที่มีแสงออโรร่าหนาแน่น ผลไม้ธารแสงมีหลายสีเช่นสีแดง สีน้ำตาล สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า สีม่วง และอื่นๆ
ผลไม้ธารแสงเป็นอาหารของวิญญาณทัศนคติ
เหตุผลที่ฟางหยวนแลกเปลี่ยนผลไม้ธารแสงก็เพราะสิ่งนี้
ตั้งแต่ทำธุรกรรมกับนิกายเงา วิญญาณอมตะในการครอบครองของฟางหยวนเพิ่มขึ้นในระดับที่น่ากลัว
เริ่มด้วยวิญญาณอมตะระดับเก้า วิญญาณสติปัญญา
วิญญาณอมตะระดับแปด วิญญาณทัศนคติ และวิญญาณดาบแห่งปัญญา
วิญญาณอมตะระดับเจ็ด วิญญาณเปลี่ยนวิญญาณ วิญญาณคิ้วดาบ วิญญาณคลื่นดาบ วิญญาณดาบทะลวงมิติ และวิญญาณเรียกภัยพิบัติ
วิญญาณอมตะระดับหก วิญญาณคลี่คลายปริศนา วิญญาณหัวใจหญิงงาม วิญญาณสมบัติเลือด วิญญาณขีดจำกัดความมืด วิญญาณโชคอึสุนัข วิญญาณเปลี่ยนรูปลักษณ์ วิญญาณความแข็งแกร่งของพลังปราณ วิญญาณความแข็งแกร่งของตนเอง วิญญาณความแข็งแกร่งของหมีบิน วิญญาณยกภูเขา วิญญาณดึงแม่น้ำ วิญญาณพื้นที่ก่อนหน้า วิญญาณบุรุษคนก่อนหน้า และวิญญาณเนตรดารา
เพื่อปรับแต่งวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบของโป้ชิง ฟางหยวนต้องทิ้งวิญญาณอมตะหัวใจหญิงงามไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูก่อนจะออกเดินทางไปยังภูเขาอี้เทียน เขาใช้แสงแห่งปัญญากับวิญญาณอมตะหัวใจหญิงงามสร้างค่ายกลวิญญาณเพื่อปรับแต่งพวกมัน
เพราะเหตุนี้เมื่อฟางหยวนกลับมาถึงแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขาจึงได้รับวิญญาณอมตะหัวใจหญิงงามจากการขนย้ายของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
วิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชคและวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของอินทรีย์มงกุฎเหล็กติดอยู่ในสวรรค์สีเหลือง ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่สามารถแลกเปลี่ยนพวกมัน
สำหรับวิญญาณบนเส้นทางแห่งดวงดาว มีเพียงวิญญาณอมตะเนตรดาราที่กลับมาอยู่กับฟางหยวน
บนภูเขาอี้เทียน เมื่อสนามรบแห่งความโกลาหลพังทลาย วิญญาณมากมายถูกทำลาย แต่มีวิญญาณบางดวงรอดชีวิตและถูกเก็บไว้ในมิติช่องว่างของร่างผีดิบอมตะของฟางหยวน ฟางหยวนไม่คุ้นเคยกับพวกมัน เขาไม่แม้แต่จะสามารถจดจำและไม่รู้ว่ามีวิญญาณกี่ดวงที่ถูกฉกชิงไปโดยอิงอู๋เซี่ย
ไม่ใช่ว่าฟางหยวนไม่ต้องการนำวิญญาณเหล่านั้นกลับคืน แต่ก่อนที่เขาจะกล่าวถึงเรื่องนี้ อิงอู๋เซี่ยกลับจบการทำธุรกรรม
มีคำกล่าวที่ว่าคุณภาพเหนือปริมาณ
ลืมเรื่องวิญญาณระดับมนุษย์ไปได้เลย แม้จะมีวิญญาณระดับมนุษย์มากมายเพียงใด พวกมันก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับวิญญาณอมตะเพียงดวงเดียว
วิญญาณอมตะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะตัดสินความแข็งแกร่งของผู้อมตะ
มีผู้อมตะจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไม่มีวิญญาณอมตะในการครอบครองแม้แต่ดวงเดียว
อาจกล่าวได้ว่ากระทั่งผู้อมตะระดับเก้าก็อาจมีวิญญาณอมตะในการครอบครองไม่มากเท่ากับฟางหยวน
นี่ไม่ใช่การกล่าวเกินจริง
วิญญาณอมตะหนึ่งดวงอาจเปรียบเทียบได้กับการผสานงานกันระหว่างวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วน ท่าไม้ตายอมตะจะสามารถสร้างผลกระทบที่แตกต่างจากท่าไม้ตายระดับมนุษย์อย่างมีนัยยะสำคัญไม่ว่าจะเป็นด้านการโจมตี การป้องกัน การเคลื่อนไหว การรักษา หรือด้านอื่นๆ
แต่วิญญาณอมตะเพียงหนึ่งดวงยังไม่เพียงพอ
เพื่อกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะ พวกเขาจำเป็นต้องมีวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากเป็นส่วนประกอบ หากพวกเขาต้องการโจมตี พวกเขาจะใช้วิญญาณระดับมนุษย์เพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะสายโจมตี หากพวกเขาต้องการป้องกันหรือการสนับสนุนด้านใด พวกเขาก็จะใช้วิญญาณระดับมนุษย์ที่แตกต่างกันเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่หลากหลาย
การใช้วิญญาณอมตะสองดวงพร้อมกันเพื่อปลดปล่อยพลังอำนาจในด้านต่างๆยังเป็นเรื่องที่คลุมเครือ
กรณีการผสานงานของวิญญาณอมตะสามดวงมีอยู่น้อยมาก
หลังจากทั้งหมดการกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะต้องพึ่งพาพลังงานอมตะ
สำหรับฟางหยวนที่ใช้วิญญาณอมตะระดับสูงกว่าตนเอง มันเป็นกรณีพิเศษ เหตุที่เขาสามารถทำเช่นนั้นเป็นเพราะประสบการณ์และการเลือกวิญญาณอมตะที่เหมาะสมอย่างพิถีพิถัน
เขาไม่ได้พิจารณาวิญญาณในแง่ของปริมาณแต่มุ่งเน้นที่คุณภาพและพลังอำนาจของวิญญาณแต่ละดวง
คุณสมบัติของวิญญาณเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องนี้เป็นความรู้พื้นฐานของโลกผู้อมตะ
อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับทรัพยากรมากนัก ด้วยมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันสามารถผลิตทรัพยากรปริมาณมหาศาลให้กับเขาในเวลาอันรวดเร็ว
ฟางหยวนตระหนักดีอยู่แล้วว่าเขามีศักยภาพในการดูแลวิญญาณอมตะจำนวนมาก
สถานะทางการเงินในปัจจุบันของเขาก็ดีมาก
นอกจากนั้นเขายังสามารถพึ่งพาจิตวิญญาณแผ่นดินหลางยาได้ในระดับหนึ่ง
ด้วยเหตุผลทั้งสามประการนี้ทำให้ฟางหยวนต้องการเพิ่มจำนวนวิญญาณอมตะเพื่อยกระดับความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของตนอย่างรวดเร็วที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญหน้ากับเจตจำนงสวรรค์หรือภัยพิบัติต่างๆ สิ่งสำคัญที่ฟางหยวนต้องมีคือความแข็งแกร่ง
พลังการต่อสู้ของผู้อมตะมาจากวิญญาณอมตะและท่าไม้ตายอมตะของพวกเขา
ปัจจุบันฟางหยวนมีท่าไม้ตายอมตะเพียงเล็กน้อยและไม่สามารถใช้งานวิญญาณสติปัญญา ดังนั้นเขาจึงให้ความสำคัญกับวิญญาณอมตะ
ฟางหยวนตระหนักถึงแผนการของอิงอู๋เซี่ย นั่นคือการเพิ่มภาระให้กับฟางหยวนโดยการมอบวิญญาณอมตะเหล่านี้ให้เขา
อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่สนใจแผนการของอิงอู๋เซี่ยเพราะเขากำลังต้องการวิญญาณอมตะ สิ่งสำคัญก็คือเขามีศักยภาพที่จะเลี้ยงดูวิญญาณอมตะเหล่านี้
นี่คือข้อแตกต่างระหว่างผู้อมตะที่มีชีวิตและผีดิบอมตะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิติช่องว่างจักรพรรดิ!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1083 ให้อาหารวิญญาณอมตะ (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
ความสนใจส่วนใหญ่ของฟางหยวนอยู่ที่มิติช่องว่างของเขา
วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากบินไปรอบๆและนำผลไม้ธารแสงลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
หลังจากไตร่ตรอง ฟางหยวนเลือกเก็บผลไม้ธารแสงไว้บนสวรรค์ชั้นสูงสุด
“แม้จะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งห้วงมิติอยู่บ้าง ข้าก็ยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายสถานที่ในพริบตา นี่คือความแตกต่างระหว่างผู้อมตะกับจิตวิญญาณแผ่นดิน”
“มิติช่องว่างจักรพรรดิกว้างใหญ่เกินไป ดูเหมือนข้าต้องสร้างค่ายกลวิญญาณประเภทขนส่งเพื่อความสะดวกในการขนย้ายทรัพยากรและปรับโครงสร้างต่างๆ”
ผลไม้ธารแสงระเบิดขึ้นบนสวรรค์น้อยและกลายเป็นแสงออโรร่าหลากหลายสีสัน
เหตุผลที่ฟางหยวนรวบรวมผลไม้ธารแสงเพราะเขาต้องการให้อาหารวิญญาณทัศนคติ แต่เหตุใดเขาจึงระเบิดผลไม้ธารแสงเหล่านี้?
แม้ฟางหยวนจะมีผลไม้ธารแสงจำนวนไม่น้อย แต่มันยังห่างไกลจากความต้องการของวิญญาณทัศนคติ
วิญญาณทัศนคติเป็นวิญญาณอมตะระดับแปด มันต้องการผลไม้ธารแสงจำนวนมหาศาล แต่หลังจากได้รับอาหาร มันจะอยู่ได้อีกนาน
นี่เป็นข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการให้อาหารวิญญาณอมตะ
ยิ่งวิญญาณระดับสูงเท่าใด ความต้องการอาหารของพวกมันก็ยิ่งมากเท่านั้น ยิ่งพวกมันกินมากเท่าใด พวกมันก็ยิ่งอยู่ได้นานเท่านั้น
ผลไม้ธารแสงเป็นอาหารของวิญญาณทัศนคติ ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องการสร้างผลไม้ธารแสงขึ้นมาด้วยตนเอง
เขาใช้ผลไม้ธารแสงแปดสิบส่วนเลี้ยงวิญญาณทัศนคติและใช้อีกยี่สิบส่วนสร้างแสงออโรร่าที่เป็นต้นกำเนิดของผลไม้ธารแสงตามธรรมชาติ
“เดิมทีแต้มผลงานของข้ามีไม่มาก แต่หลังจากให้คำชี้แนะแก่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงมอบแต้มผลงานให้กับข้า นี่ทำให้ข้าสามารถรวบรวมผลไม้ธารแสงจำนวนมาก”
“ต่อไปข้าต้องนำวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งแสงมาวางไว้ที่นี่เพื่อทำให้แสงออโรร่าเหล่านี้เติบโตขึ้น”
วิญญาณประกายแสงจะช่วยรักษาและสนับสนุนแสงออโรร่าเหล่านี้ ฟางหยวนยังต้องหาอาหารให้กับพวกมัน
อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ไม่มีในคลังสมบัติของนิกายหลางหยา ฟางหยวนต้องรอจนกว่าสวรรค์สีเหลืองจะเปิด
“วิญญาณประกายแสงเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการผลิตแสงออโรร่าแต่ประสิทธิภาพของมันยังไม่สูงมากนัก”
“มีผู้อมตะบางคนขายผลไม้ธารแสงในสวรรค์สีเหลือง ข้าจำได้ว่าผู้อมตะกังเซี่ย ผู้อมตะชิงฮุ้ยซื่อ และเทพธิดาไคเซี่ยมีข้อมูลเกี่ยวกับมัน บางทีข้าอาจขอซื้อข้อมูลจากพวกเขา แต่เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการอารมณ์ของพวกเขา”
ยังมีเวลาอีกค่อนข้างนานก่อนที่วิญญาณทัศนคติจะต้องการอาหารอีกครั้ง
ฟางหยวนกำลังวางแผนสำหรับอนาคต
ตอนนี้สถานการณ์ของเขาค่อนข้างดี แม้เขาจะได้รับวิญญาณอมตะจำนวนมากมาอย่างกะทันหัน แต่มันยังไม่ถึงเวลาให้อาหารวิญญาณอมตะส่วนใหญ่
สำหรับภัยพิบัติครั้งที่สอง ยังมีเวลาอีกระยะหนึ่ง
ในช่วงเวลานี้ฟางหยวนตั้งใจจัดการมิติช่องว่างของเขา
“ข้าเตรียมพร้อมสำหรับการให้อาหารวิญญาณทัศนคติเรียบร้อยแล้ว แต่วิญญาณทัศนคติไม่ใช่ของข้า ยังมีเจตจำนงของไห่ลั่วหลันอยู่ภายใน ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าไห่ลั่วหลันทรยศข้อตกลงพันธมิตรและเข้าร่วมกับอิงอู๋เซี่ย ด้วยเหตุนี้ข้อผูกมัดบนเส้นทางแห่งข้อมูลของข้าก็ถูกทำลายเช่นกัน”
“นั่นหมายความว่าตอนนี้ข้าสามารถปรับแต่งวิญญาณทัศนคติและทำให้มันเป็นของข้าอย่างสมบูรณ์!”
วิญญาณทัศนคติเป็นผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟางหยวน
กระทั่งตัวเขาเองยังไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้
แต่การปรับแต่งวิญญาณทัศนคติไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะวิญญาณทัศนคติไม่ใช่วิญญาณป่า นอกจากนั้นมันยังเป็นวิญญาณอมตะระดับแปดขณะที่ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับหก
การปรับแต่งวิญญาณอมตะระดับแปดของผู้อื่นไม่เพียงเป็นเรื่องยากแต่เจ้าของเดิมอาจระเบิดทำลายวิญญาณอมตะของพวกเขาได้เสมอหากผู้ปรับแต่งไม่จัดการอย่างถูกต้อง
“แต่ข้ามีวิธีปรับแต่งวิญญาณอมตะของผู้อื่น ค่ายกลวิญญาณที่ข้าสร้างขึ้นก่อนหน้านี้ ข้าจะตั้งชื่อมันว่าค่ายกลปรับแต่งวิญญาณแห่งปัญญา”
ฟางหยวนตั้งชื่ออย่างง่ายๆ
ก่อนหน้านี้ในการปรับแต่งวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบของโป้ชิง เขาใช้แสงแห่งปัญญาและวิญญาณอมตะบางดวงเพื่อสร้างค่ายกลปรับแต่งวิญญาณแห่งปัญญา
อย่างไรก็ตามตอนนี้วิญญาณสติปัญญาไม่ตอบสนองต่อฟางหยวน นั่นหมายความว่าเขาไม่สามารถใช้แสงแห่งปัญญา แล้วเขาจะใช้ค่ายกลปรับแต่งวิญญาณแห่งปัญญาได้อย่างไร?
เพื่อกระตุ้นแสงแห่งปัญญา ดวงวิญญาณของฟางหยวนต้องอยู่ในร่างเดิม
ดังนั้นแผนการปรับแต่งวิญญาณทัศนคติจึงต้องเลื่อนออกไป
แผนต่อไปของเขาคือให้อาหารวิญญาณอมตะดาบแห่งปัญญา
วิญญาณอมตะดวงนี้คล้ายวิญญาณทัศนคติ มันเป็นวิญญาณอมตะระดับแปดที่อยู่บนเส้นทางแห่งดาบและเส้นทางแห่งปัญญา
ดาบแห่งปัญญาสามารถตัดความรัก!
ในอดีตโป้ชิงเคยใช้มันตัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญาที่เกิดจากวิญญาณความรักบนร่างกายของตนและหักหลังเทพธิดาโม่เหยา
วิญญาณอมตะดาบแห่งปัญญาถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้โป้ชิงสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ของตน
ตอนนี้มันถูกปรับแต่งโดยฟางหยวนเรียบร้อยแล้ว แต่ยังเป็นเรื่องยากที่จะใช้งานมันในปัจจุบัน
มันยากที่ฟางหยวนจะกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะระดับเจ็ด แต่การพึ่งพาพลังงานอมตะระดับหกกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะระดับแปด มันยิ่งยากกว่าอย่างไม่สามารถเปรียบเทียบ
วิญญาณอมตะดาบแห่งปัญญาต้องใช้พลังงานอมตะระดับแปด
จากจุดนี้สามารถมองเห็นความโดดเด่นของวิญญาณทัศนคติได้อย่างชัดเจน
วิญญาณทัศนคติเป็นวิญญาณอมตะระดับแปดแต่มันต้องการเพียงพลังจิตและอนุญาตให้ผู้อมตะระดับหกใช้งานได้อย่างอิสระ นี่ทำให้มันควรค่าแก่การเป็นตำนาน
“วิญญาณอมตะดาบแห่งปัญญากินจักรพรรดิบุปผาหลากสีเป็นอาหาร”
“ดอกไม้ชนิดนี้มีขนาดใหญ่โตมาก มันจะเติบโตขึ้นในสภาพแวดล้อมพิเศษ เงื่อนไขแรกคือต้องมีแสงสว่างเข้มข้น ต่อมาคือกลิ่นหอมหวาน และสุดท้ายดินมุก”
มันเป็นสมบัติที่หายากกว่าผลไม้ธารแสงมาก
ผลไม้ธารแสงเป็นทรัพยากรอมตะระดับหกขณะที่จักรพรรดิบุปผาหลากสีเป็นทรัพยากรอมตะระดับเจ็ด
หากฟางหยวนต้องการปลูกมัน เขาต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขสามข้อคือแสงสว่าง กลิ่นหอมหวาน และดินมุก
เรื่องแสงสว่างค่อนข้างยาก
มิติช่องว่างของฟางหยวนมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งแสงเพียงหนึ่งร้อยร่องรอย มันมีแสงอยู่บ้างแต่ส่วนใหญ่ค่อนข้างมืดสลัวราวกับมิติช่องว่างที่ตายไปแล้วของร่างผีดิบอมตะ
แสงเพียงเท่านี้ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของจักรพรรดิบุปผาหลากสี
แม้เขาจะมีผลไม้ธารแสงที่กลายเป็นแสงออโรร่า แต่หากเขาใช้งานมัน แผนการบ่มเพาะผลไม้ธารแสงจะถูกทำลายเนื่องจากแสงออโรร่าจะถูกดูดกลืนโดยจักรพรรดิบุปผาหลากสี
ทางออกที่ดีที่สุดคือการเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งแสงในมิติช่องจักรพรรดิ
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจะเพิ่มปริมาณแสงสว่างในมิติช่องว่างของผู้อมตะ โดยปกติแล้วพวกเขาจะค่อยๆสะสมมันอย่างช้าๆ
แต่สำหรับฟางหยวน เขาสามารถสะสมร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งแสงได้ในระยะเวลาสั้นๆ วิธีการก็คือการก้าวข้ามภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งแสงหรือสังหารผู้อมตะบนเส้นทางแห่งแสงเพื่อดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งแสงจากพวกเขา
ย้อนกลับไปฟางหยวนสามารถสังหารผู้อมตะฉีช่ายและดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งพลังปราณจากเขา
เงื่อนไขเกี่ยวกับแสงถือเป็นเรื่องยากที่สุด สำหรับกลิ่นหอมหวานและดินมุก เขาสามารถหาซื้อจากสวรรค์สีเหลือง
แน่นอนว่าแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาไม่มีพวกมัน
แผนการดังกล่าวเป็นเพียงแผนการใช้อาหารวิญญาณทัศนคติและวิญญาณดาบแห่งปัญญา แต่มันยังต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก
โชคดีที่อาหารของวิญญาณสติปัญญาอยู่ในความรับผิดชอบของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
อาหารของวิญญาณสติปัญญาคือวิญญาณอายุยืน
เกี่ยวกับสิ่งนี้ ฟางหยวนไม่กล้าแม้แต่จะคิด
เพราะกระทั่งตัวเขาเองก็ยังไม่สามารถกินสิ่งนี้
“แผนการให้อาหารวิญญาณทัศนคติและวิญญาณดาบแห่งปัญญาได้รับการจัดการแล้ว ต่อไปเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด วิญญาณเปลี่ยนวิญญาณ วิญญาณคิ้วดาบ วิญญาณคลื่นดาบ วิญญาณดาบทะลวงมิติ และวิญญาณเรียกภัยพิบัติ”
ฟางหยวนเลี้ยงวิญญาณเรียกภัยพิบัติด้วยเลือดอสรพิษหกเศียรเรียบร้อยแล้ว
อสรพิษหกเศียรเป็นสัตว์อสูรเดียวดายที่มีหกหัว ฟางหยวนเคยซื้อซากศพของมันมาจากสวรรค์สีเหลือง แต่ตอนนี้เขาต้องวางแผนระยะยาว ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเพาะเลี้ยงอสรพิษหกเศียรไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
สำหรับวิญญาณอมตะระดับเจ็ดดวงอื่น ฟางหยวนต้องวางแผนดูแลพวกมันอย่างระมัดระวังเช่นกัน
ฟางหยวนยังไม่ลืมวิญญาณอมตะดาบบินระดับเจ็ดที่อยู่กับจักรพรรดิอมตะชูตู๋
แต่ด้วยเหตุนี้ปัญหาการให้อาหารวิญญาณอมตะดาบบินจึงตกเป็นของชูตู๋
จักรพรรดิอมตะชูตู๋ต้องการวิธีกระตุ้นความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งจากฟางหยวน แล้วเขาจะปล่อยให้วิญญาณอมตะดาบบินอดอาหารตายเช่นนั้นหรือ?
เกี่ยวกับเรื่องนี้ สามารถพิจารณาได้ว่าชูตู๋ช่วยลดภาระให้กับฟางหยวน
——————-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น