เทพปีศาจหวนคืน 1078-1079

 เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1078 ธุรกรรมกับนิกายเงา (3)


แปลโดย iPAT 


 


ไม่เคยมีวิธีขนส่งผู้อมตะข้ามภูมิภาคที่ดีมาก่อน


 


เพราะมันแทบจะไม่จำเป็นสำหรับพวกเขา


 


เมื่อผู้ใช้วิญญาณก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ พวกเขาจะกลายเป็นผู้อมตะของภูมิภาคนั้นๆเนื่องจากการดูดซับปราณสวรรค์พิภพในพื้นที่ ตัวอย่างเช่นผู้อมตะภาคเหนือหรือผู้อมตะภาคกลาง


 


ผู้อมตะจะยึดติดกับภูมิภาคของตน ผู้อมตะภูมิภาคอื่นจะถูกขับไล่เช่นเดียวกับไห่ลั่วหลันและไท่เป่ยหยุนเฉิงที่ถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะภาคใต้ ณ จุดนี้มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทะเลตะวันออกค่อนข้างเปิดกว้างมากกว่า


 


ในความเป็นจริงเรื่องภูมิภาคไม่ใช่จุดสำคัญแต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือผู้อมตะต้องวางมิติช่องว่างของพวกเขาลงและดูดซับปราณสวรรค์พิภพเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับมัน เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เฉพาะเจาะจงมาก กล่าวคือผู้อมตะภาคเหนือก็ต้องดูดซับปราณสวรรค์พิภพของภาคเหนือ หากพวกเขาวางมิติช่องว่างลงในอาณาเขตของภาคกลางและดูดซับปราณสวรรค์พิภพของที่นั่น พวกเขาจะพบปัญหาใหญ่


 


ประเด็นต่อมาคือภัยพิบัติสวรรค์พิภพ ผู้อมตะต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติเป็นครั้งคราว แล้วผู้ใดจะมีเวลาวิ่งไปรอบๆ? อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็ต้องมีเหตุผลสำคัญหรือเงื่อนงำเกี่ยวกับมรดกที่ยิ่งใหญ่ อีกกรณีคือภารกิจเช่นเดียวกับฟงจิวเก้อ


 


โดยปกติแทบไม่มีผู้อมตะคนใดพยายามที่จะเดินทางไปต่างภูมิภาค


 


หากพวกเขาต้องการวิญญาณหรือทรัพยากรอมตะ พวกเขาจะค้นหาพวกมันในสวรรค์สีเหลือง


 


ในประวัติศาสตรมันหาได้ยากมากที่ผู้คนจะสร้างค่ายกลวิญญาณเพื่อขนส่งผู้อมตะข้ามภูมิภาค กระทั่งสุดยอกค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่ของกองกำลังพันธมิตรผีดิบยังสามารถขนส่งเพียงทรัพยากรอมตะเท่านั้น


 


ผู้ใดจะทุ่มเทเวลาและความพยายามเพื่อสิ่งที่แทบไม่ได้ใช้ประโยชน์?


 


ผู้อมตะมีแรงกดดันอย่างมากเกี่ยวกับความอยู่รอด แม้พวกเขาจะถูกเรียกว่าผู้อมตะ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถคงอยู่ตลอดกาล จัดการมิติช่องว่าง ยกระดับวิญญาณอมตะ และรับมือภัยพิบัติ เพียงสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้ชีวิตพวกเขายุ่งมากพอแล้ว


 


ดังนั้นตลอดระยะเวลาอันยาวนานวิธีการขนส่งผู้อมตะข้ามภูมิภาคจึงไม่เคยถูกพัฒนาขึ้น กระทั่งสิบนิกายโบราณก็ยังต้องให้ผู้อมตะของพวกเขาเดินทางผ่านกำแพงภูมิภาคโดยตรงเพื่อไปยังภาคเหนือ


 


ในห้องโถง ฟางหยวนหัวเราะ


 


หลังจากไตร่ตรอง เขาเข้าใจธุรกรรมครั้งนี้อย่างชัดเจน


 


“ฟางหยวน เจ้าหัวเราะเพราะเหตุใด?” ผมที่หกรู้สึกสังหรณ์ร้าย


 


“เพราะข้ามีความสุข กระทั่งสุดยอดค่ายกลวิญญาณก็ยังสามารถขนส่งเพียงทรัพยากรอมตะ แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว ลืมเกี่ยวกับข้อมูลไปซะ เงื่อนไขแรกของข้าคือร่างเดิมของข้า ส่งมันมาให้ข้าเป็นอันดับแรก” ฟางหยวนกล่าว


 


การแสดงออกของผมที่หกเปลี่ยนไป


 


เขารู้เกี่ยวกับวิญญาณสติปัญญา


 


หากฟางหยวนได้รับร่างเดิม เขาจะสามารถใช้แสงแห่งปัญญาได้อีกครั้ง


 


แล้วสิ่งใดจะเกิดขึ้น?


 


เขาจะกลายเป็นเสือติดปีกและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!


 


ในอดีตฟางหยวนมีจุดอ่อน เขาไม่เคยให้อาหารวิญญาณสติปัญญา แต่ตอนนี้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสามารถให้อาหารมัน


 


ฟางหยวนรู้เรื่องเจตจำนงสวรรค์เรียบร้อยแล้ว หากเขาได้รับความช่วยเหลือจากวิญญาณสติปัญญา แล้วผู้ใดจะหยุดเขาได้อีก? เขาจะกลายเป็นมังกรวารีที่ทะยานขึ้นจากมหาสมุทร และต้องไม่ลืมว่าเขายังมีมิติช่องว่างจักรพรรดิ


 


‘โอ้ ไม่’ ผมที่หกกรีดร้องอยู่ภายใน เมื่อคิดถึงองค์ประกอบทั้งหมด เขารู้สึกตกใจมาก หากรวมพวกมันเข้าด้วยกัน ความแข็งแกร่งของฟางหยวนจะไม่สามารถจินตนาการถึง!


 


ผมที่หกส่ายศีรษะ “หากไม่มีร่างกาย ท่านอิงอู๋เซี่ยจะหลบหนีจากสถานการณ์นี้ได้อย่างไร?”


 


“ข้ามี” ฟางหยวนหัวเราะ “ข้ามีร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งมากมาย! พวกเราสามารถแลกเปลี่ยนกันหนึ่งต่อหนึ่ง พวกเจ้าจะไม่พบกับความสูญเสียอย่างแน่นอน ร่างผีดิบอมตะเหล่านี้มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามากกว่าร่างเดิมของข้า พวกเจ้ากระทั่งจะได้รับผลกำไร”


 


‘กำไรกับตูดเจ้าสิ!’ ผมที่หกสบถอยู่ในใจ การแสดงออกของเขากลายเป็นน่าเกลียด เขาหัวเราะเย้ยหยัน “อย่าให้มันมากเกินไป คิดว่าข้าไม่รู้เจตนาของเจ้างั้นหรือ?”


 


“โอ้ เช่นนั้นเจ้าก็รู้เกี่ยวกับวิญญาณสติปัญญา” ฟางหวนลูบคางของเขา


 


“วิญญาณอมตะและข้อมูลสามารถซื้อขายแต่ร่างกาย…ไม่มีทาง!” ผมที่หกเร่งปฏิเสธ


 


อารมณ์ของฟางหยวนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว “เช่นนั้นก็ไม่มีสิ่งใดต้องกล่าวอีก! ลาก่อน!”


 


ฟางหยวนยืนขึ้นและโบกมือไล่ผมที่หก


 


“…..” ผมที่หกตะลึง


 


ร่างกายของเขาแข็งค้างและไม่สามารถขยับเขยื้อน


 


เห็นเช่นนี้ฟางหยวนลอบเย้ยหยันอยู่ภายในก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและเตรียมตัวจากไป


 


ผมที่หกตื่นขึ้นจากภวังค์ “ฟางหยวน เดี๋ยว!”


 


“เจ้าตกลงแล้วงั้นหรือ?” ฟางหยวนกล่าวโดยไม่หันหลังกลับ


 


“ร่างกายไม่สามารถซื้อขาย แต่ส่วนที่เหลือสามารถเจรจา” ผมที่หกยืนยัน


 


ฟางหยวนเย้ยหยัยและเดินจากไปโดยทิ้งผมที่หกเอาไว้ข้างหลัง


 


ผมที่หกเร่งติดตาม “พวกเรามีความจริงใจในการทำธุรกรรม! ฟางหยวน เหตุใดเจ้าต้องทำให้มันเป็นเรื่องยาก? หากพวกเราพบปัญหา เจ้าก็ไม่สามารถหลบหนี!”


 


ฟางหยวนหยุดแต่ยังไม่หันหลังกลับ นี่เป็นการแสดงออกที่หยาบคายมาก


 


ผมที่หกได้ยินฟางหยวนกล่าว “เจ้าพูดถูก แต่แล้วอย่างไร? สิ่งใดจะตามมา ข้าจะตายงั้นหรือ?”


 


ผมที่หกหยุดเดินตามและเร่งกระตุ้น “ฟางหยวน เหตุใดยังต้องกล่าวถึงสิ่งเหล่านี้? นิกายเงายังอยู่รอบๆ มีศัตรูมากมายเท่าใดที่กำลังไล่ล่าเจ้า? ปราศจากพวกเรา เจ้าจะอยู่ได้นานเท่าใด? เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถรับมือเจตจำนงสวรรค์งั้นหรือ? กระทั่งร่างหลักของข้ายังล้มเหลวหลังจากวางแผนมานานนับแสนปี! หากไม่ใช่เพราะศัตรูมุ่งเป้ามาที่พวกเรา เจ้าจะสามารถอยู่อย่างสงบสุขเช่นนี้งั้นหรือ?”


 


“หุบปาก!” คลื่นดาบปะทุขึ้นรอบตัวฟางหยวน


 


วิญญาณอมตะคลื่นดาบระดับเจ็ด!


 


ผมที่หกถูกบังคับให้ก้าวถอยหลัง เขาเร่งกล่าว “ใจเย็น อย่าใช้วิญญาณอมตะ มันจะทำลายค่ายกลวิญญาณของข้า หากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาค้นพบ มันย่อมไม่ส่งผลดีต่อพวกเราทั้งคู่”


 


ฟางหยวนเดินไปข้างหน้า “ร่างเดิมของข้าคือเงื่อนไขแรก หากไม่ได้รับสิ่งนี้ก็ลืมเรื่องอื่นไปได้เลย เจ้ามีเวลาสามวัน กลับไปและปรึกษากับอิงอู๋เซี่ย”


 


ผมที่หกกระทืบเท้า “สามวัน? ฟางหยวน เจ้ารู้ว่าท่านอิงอู๋เซี่ยกำลังเผชิญหน้ากับอันตราย พวกเราต้องต่อสู้กับเวลา”


 


ฟางหยวนเดินต่อไปข้างหน้า “ดีแล้วที่เจ้าตระหนักถึงเรื่องนี้ เช่นนั้นก็รีบตัดสินใจ ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี ถูกต้องหรือไม่?”


 


ผมที่หกกัดฟันแน่น “ฟางหยวน อย่าให้มันมากเกินไป!”


 


“หากข้าทำแล้วอย่างไร? ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ใช่คนแรกที่ตายก่อน ข้าสามารถใช้ชีวิตอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอย่างสงบสุขอีกระยะหนึ่ง แล้วพวกเจ้า? ปราศจากอิงอู๋เซี่ย ร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณจะติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันตลอดไป ฮ่าฮ่า กระทั่งเทพปีศาจที่ยิ่งใหญ่ก็ยังต้องตายก่อนข้า ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางหยวนหัวเราะขณะเดินออกจากประตูและหายไปจากมุมมองสายตาของผมที่หก


 


ผมที่หกยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมด้วยดวงตาสีแดงเลือด


 


ทัศนคติและความไร้ยางอายของฟางหยวนทำให้ผมที่หกแทบไม่สามารถอดทน


 


อย่างไรก็ตามหลังจากครึ่งวันผมที่หกก็ต้องกลับมาพบฟางหยวนอีกครั้ง


 


“ท่านอิงอู๋เซี่ยตกลง” ผมที่หกมองฟางหยวนด้วยสายตาที่ต้องการฉีกเขาออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย


 


นี่ทำให้ฟางหยวนตระหนักถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างที่สุดของอิงอู๋เซี่ย


 


นี่เป็นทั้งเรื่องดีและไม่ดี


 


ฟางหยวนต้องการทำกำไรจากการแลกเปลี่ยนแต่เขาก็ต้องการใช้อิงอู๋เซี่ยเป็นโล่ป้องกันศัตรูเช่นกัน มันจะเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับฟางหยวนหากวังสวรรค์กับนิกายเงาต่อสู้กัน


 


“พวกเราจะแลกเปลี่ยนร่างผีดิบอมตะเป็นอันดับแรก” ฟางหยวนกล่าว “หากข้าพบว่าพวกเจ้าใช้เล่ห์กลกับร่างกายของข้าก็อย่าโทษข้าหากข้าทำสิ่งใด พวกเจ้ารู้ว่าข้าย้อนเวลากลับมาในอดีต ข้าสามารถใช้วิธีในอนาคต…”


 


“เป็นไปไม่ได้! พวกเราจะทำธุรกรรมทั้งหมดในครั้งเดียว!” ผมที่หกไม่โง่


 


แต่ฟางหยวนก็ไม่ใช่ตัวตนที่สามารถรับมือได้โดยง่าย


 


เพียงไม่นานผมที่หกก็พ่ายแพ้ เขาชูสามนิ้ว “เอาล่ะ พวกเราจะแลกเปลี่ยนร่างผีดิบอมตะเป็นอันดับแรก แต่จะมีการแลกเปลี่ยนอีกเพียงสองครั้ง รวมทั้งหมดเป็นสามครั้ง!”


 


สามวันต่อมาในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ทั้งสองเริ่มทำการแลกเปลี่ยน


 


“ตกลง ต่อไปเป็นวิญญาณอมตะ ข้าต้องการวิญญาณอมตะทั้งหมดของข้ารวมถึงวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า และวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้า” ฟางหยวนกล่าว


 


ผมที่หกแสดงออกด้วยความอยากรู้อยากเห็น “วิญญาณอมตะมากมาย เจ้ามีทรัพยากรอมตะมากพอที่จะแลกเปลี่ยนกับพวกมันงั้นหรือ?”


 


ฟางหยวนหัวเราะ “แน่นอน”


 


ไม่กี่นาทีต่อมา


 


“คำว่า แน่นอน ของเจ้าหมายถึงสิ่งใด!? พวกมันไม่เพียงพอแม้แต่จะซื้อวิญญาณอมตะสามสิบส่วน!” ผมที่หกกรีดร้อง


 


“เช่นนั้นพวกเราสามารถยกเลิกธุรกรรม ข้าไม่ได้ใช้เล่ห์กลใด ข้าจริงใจมากๆ” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง


 


“จริงใจมากมารดาเจ้าสิ!” ผมที่หกสาปแช่ง


 


การแสดงออกของฟางหยวนกลายเป็นแข็งกร้าว “นี่หมายความว่าเจ้าไม่ต้องการทำธุรกรรมต่อใช่หรือไม่?”


 


ร่างของผมที่หกแข็งค้าง เขารู้สึกราวกับจมลงสู่ธารน้ำแข็ง


 


ธุรกรรมครั้งที่สองเป็นสงครามน้ำลายที่ยาวนาน


 


ฟางหยวนเสนอราคาต่ำมาก นิกายเงาไม่สามารถยอมรับ


 


หลังจากหลายวันพวกเขาจึงบรรลุข้อตกลง


 


ฟางหยวนเพิ่มราคาขึ้นเล็กน้อยแต่เขายังได้กำไรขนาดใหญ่


 


ผมที่หกรู้สึกหดหู่ใจ ตอนนี้เขามาถึงสุดทางแล้ว


 


‘โชคดีที่ยังเหลือครั้งสุดท้าย…’


 


ธุรกรรมครั้งที่สาม


 


“อันใด!? พวกเราตกลงทำธุรกรรมสามครั้ง เหตุใดเจ้าจึงขยายเป็นสิบ!?”


 


“ฟางหยวน เจ้าช่างไร้ยางอายนัก!”


 


“เจ้ามองไม่เห็นภาพใหญ่ เช่นนั้นก็ตายไปพร้อมกัน!”


 


ผมที่หกกรีดร้อง เขาแทบกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ


 


ฟางหยวนกล่าวอย่างใจเย็น “ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ใช่คนแรกที่ตาย คนแรกคืออิงอู๋เซี่ย ต่อมาก็เทพปีศาจจิตวิญญาณ หลังจากทั้งหมดเขาติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันขนาดใหญ่ ดวงวิญญาณของเขาจะถูกกลืนกินด้วยความเร็วสูง”


 


“เร็วมาก…”


 


“เร็วมาก…”


 


“เร็วมากๆ…”


 


คำกล่าวของฟางหยวนดังสะท้อนอยู่ในใจของผมที่หกก่อนที่เขาจะล้มลงหมดสติไป ณ จุดนั้น


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1079 กลับคืนสู่เจ้าของ


แปลโดย iPAT 


 


อิงอู๋เซี่ยเปิดเปลือกตาขึ้นและมองเห็นภาพเหตุการณ์ปรากฏบนพื้นผิวของบ่อน้ำวิญญาณ


 


เขาเห็นผมที่หกคุกเข่าลงข้างหนึ่งและแสดงออกด้วยความรู้สึกผิด “นายท่าน ข้าทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อฟางหยวนเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ ข้าไม่ได้ใช้…”


 


“ผมที่หก เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้า กล่าวไปแล้วเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะข้าใช้ไพ่ตายเพิ่มโชคให้กับตนเอง นั่นทำให้ฟางหยวนได้รับประโยชน์จากมันเช่นกัน” อิงอู๋เซี่ยส่งข้อความเสียงเข้าสู่จิตใจของผมที่หกโดยตรง


 


นี่คือวิธีการสื่อสารของนิกายเงา มันเป็นวิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่มีประสิทธิภาพสูงมาก


 


ทั้งสองอยู่ต่างภูมิภาคและถูกกีดขวางโดยกำแพงพลังงาน นอกจากนี้ผมที่หกยังอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาแต่พวกเขายังสามารถสื่อสารและสามารถหลีกเลี่ยงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


ตอนนี้อิงอู๋เซี่ยไม่ได้อยู่ในร่างผีดิบอมตะของฟางหยวนอีกต่อไป เขาอยู่ในร่างของผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งอีกตน


 


แต่ร่างนี้ค่อนข้างแก่ชรา มิติช่องว่างของเขาแตกสลายไปแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่สะดวกที่อิงอู๋เซี่ยจะใช้วิญญาณ อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นวิญญาณระดับมนุษย์หรือวิญญาณอมตะ พวกมันสามารถอาศัยอยู่บนร่างกายของผู้อมตะไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง เส้นผม โลหิต กระดูก หรือส่วนอื่นๆ แต่การจัดเก็บในรูปแบบนี้มีความเสี่ยงเพราะกลิ่นอายของพวกมันจะรั่วไหลออกมาทำให้ศัตรูสามารถตรวจสอบ นอกจากนั้นหากร่างกายถูกทำลาย วิญญาณที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นก็จะถูกทำลายไปพร้อมกัน


 


หลังจากทั้งหมดวิญญาณเป็นสิ่งที่เปราะบางมาก


 


อิงอู๋เซี่ยพบความสูญเสียครั้งใหญ่ในการทำธุรกรรมกับฟางหยวนแต่การแสดงออกของเขายังสงบมาก


 


เขาให้กำลังใจผมที่หก “ครั้งนี้เจ้าทำงานได้ดีมาก เจ้าแสดงจุดอ่อนให้ฟางหยวนเห็นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เราสามารถทำธุรกรรมที่ดีที่สุดโดยเฉพาะตอนจบที่เจ้าแสร้งเป็นลมหมดสติ หากปราศจากความพยายามของเจ้า เราอาจไม่ได้รับทรัพยากรอมตะเหล่านี้”


 


ผมที่หกถอนหายใจ “ข้าตั้งใจเป็นลมเพื่อตรวจสอบฟางหยวน แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ”


 


“ตั้งแต่เขารู้เบื้องหลังของพวกเรา เขาย่อมระวังตัวมากขึ้น นอกจากนั้นพวกเรายังสามารถทำธุรกรรมหลายครั้ง ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายจับมือกัน เขาย่อมกังวลว่าพวกเราจะรายงานเรื่องของเขากับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา” อิงอู๋เซี่ยตอบ


 


แม้อิงอู๋เซี่ยจะรู้สึกโศกเศร้ากับความสูญเสียแต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำธุรกรรมกับฟางหยวนเท่านั้น


 


ก่อนทำธุรกรรมนี้เขาได้เตรียมใจมาเพียงพอแล้ว


 


รายการทรัพยากรอมตะที่อิงอู๋เซี่ยให้ฟางหยวนดูเป็นสิ่งที่มากกว่าความต้องการของเขา


 


กล่าวโดยสรุป เขาบรรลุเป้าหมายแล้ว


 


ตอนนี้เขามีโอกาสแก้ไขสถานการณ์ ตราบเท่าที่เขาผ่านอุปสรรคนี้ เขาสามารถจัดการเรื่องต่างๆได้ในอนาคต


 


“วิญญาณอมตะดวงอื่นไม่สำคัญแต่ฟางหยวนไม่เพียงได้รับร่างเดิม เขายังได้รับวิญญาณกาลเวลา! ตอนนี้เขามีรากฐานที่แข็งแกร่งมาก!” ผมที่หกรู้สึกกังวล


 


อิงอู๋เซี่ยเย้ยหยัน “กระทั่งฟางยหวนจะได้รับร่างเดิมกลับคืน แล้วเขาจะกล้าใช้มันงั้นหรือ? วิญญาณกาลเวลาไม่มีปัญหา มันถูกผนึกเอาไว้นานแล้ว แม้ฟางหยวนจะสามารถแก้ปัญหานี้ แต่เขาจะพบกับความล้มเหลวหากกระตุ้นใช้งานวิญญาณกาลเวลาที่เต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์ มันยังอีกนานที่เขาจะสามารถใช้มันได้อีกครั้ง นอกจากนั้นผู้อมตะวังสวรรค์ก็เตรียมตัวรับมือเรื่องนี้เอาไว้แล้ว”


 


ผมที่หกตะลึง มันกลายเป็นว่าเขากังวลมากเกินไป


 


เขาพยักหน้า “นายท่านกล่าวได้ถูกต้อง”


 


อิงอู๋เซี่ยถอนหายใจยาว “เจ้าจงจับตามองฟางหยวนต่อไป ตัวตนของเจ้าถูกเปิดเผยแล้ว แต่ฟางหยวนไม่สามารถทำสิ่งใดกับเจ้า มันไม่เป็นไรหากพวกเราไม่สามารถกำหราบเขา ตอนนี้เขามีวิญญาณอมตะจำนวนมาก เขาต้องแบกรับภาระที่ยิ่งใหญ่ นอกจากนั้นภัยพิบัติที่เขาต้องเผชิญก็จะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ปล่อยเขาไปจนกว่าข้าจะสามารถรวบรวมความแข็งแกร่ง หลังจากช่วยร่างหลักของเรา ข้าจะคิดบัญชีกับเขา!”


 


ในช่วงเวลาที่ผ่านมา อิงอู๋เซี่ยได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย


 


เขาเข้าใจว่าเมื่อใดต้องล่าถอย เขารู้ว่าสิ่งใดสำคัญกว่า และเรียนรู้ที่จะอดทน


 


หลังจากทั้งหมดเขาเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ ทักษะตามธรรมชาติของเขาย่อมไม่ธรรมดา


 


ความล้มเหลว ความเจ็บปวด และความผิดหวังทั้งหมดผลักดันให้เขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว


 


ภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


หลังจากเสร็จสิ้นการทำธุรกรรมกับอิงอู๋เซี่ย


 


ฟางหยวนมองร่างผีดิบอมตะที่อยู่ตรงหน้าและถอนหายใจ


 


“ข้าไม่กล้าใช้งานมัน…” ฟางหยวนรู้สึกถึงปัญหา


 


เขาใช้ทุกวิธีที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อตรวจสอบร่างผีดิบอมตะของเขาและไม่พบปัญหาใด


 


แต่อิงอู๋เซี่ยคือผู้ใด? นิกายเงามีต้นกำเนิดอย่างไร?


 


มันคือเทพปีศาจจิตวิญญาณ!


 


เขาคือต้นกำเนิดของเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ เทพปีศาจผู้สร้างกฎของโลกใบนี้!


 


แล้วอิงอู๋เซี่ยที่เป็นร่างแยกของเขาจะไม่สามารถวางกับดักบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณไว้ในร่างผีดิบอมตะของฟางหยวนเช่นนั้นหรือ?


 


มันมีความเป็นไปได้สูงมาก


 


ธุรกรรมระหว่างฟางหยวนกับอิงอู๋เซี่ยไม่ได้อยู่ภายใต้ข้อจำกัดของข้อตกลงบนเส้นทางแห่งข้อมูลใดๆตั้งแต่ต้นจนจบ


 


ทั้งสองฝ่ายไม่มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน


 


นอกจากนั้นความสำเร็จบนเส้นทางแห่งข้อมูลของฟางหยวนยังด้อยกว่าอิงอู๋เซี่ย หากเขาทำข้อตกลงบางอย่าง เขาอาจถูกหักหลังและส่งผลร้ายมากกว่าผลดี


 


ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของร่างนี้


 


ฟางหยวนต้องการร่างเดิมเพราะเขาต้องการใช้แสงแห่งปัญญา แต่ก่อนหน้านั้นเขาต้องย้ายดวงวิญญาณเข้าไปในร่างเดิมเป็นอันดับแรก


 


นี่เป็นเรื่องอันตรายมาก


 


นิกายเงามีความเชี่ยวชาญด้านจิตวิญญาณมากที่สุด


 


ฟางหยวนไม่พบปัญหาใดอาจเป็นเพราะอิงอู๋เซี่ยไม่ได้วางกับดัก แต่สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดคือเพราะฟางหยวนมีความสามารถไม่เพียงพอที่จะค้นพบสิ่งผิดปกติเหล่านั้น


 


เทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นผู้สร้างเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ แต่ฟางหยวนต้องการถอดรหัสวิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณ นี่ไม่ต่างจากมือสมัครเล่นพยายามต่อต้านผู้เชี่ยวชาญ


 


“ดูเหมือนข้าต้องตรวจสอบร่างนี้อีกสักพัก ข้าไม่สามารถประมาท มิฉะนั้นข้าอาจตกลงสู่กับดักของนิกายเงา” ฟางหยวนเตือนตนเอง


 


“กระทั่งข้าจะไม่สามารถใช้งานวิญญาณสติปัญญา แต่ได้รับวิญญาณกาลเวลากลับคืนมาก็ถือว่าข้าประสบความสำเร็จอย่างมากแล้ว”


 


วิญญาณกาลเวลาเป็นไพ่ตายที่สำคัญที่สุดของฟาหยวนมาตลอด


 


ตอนนี้ฟางหยวนได้รับร่างเดิมกลับคืน วิญญาณกาลเวลาในฐานะวิญญาณหลักของเขาก็กลับมาเช่นกัน


 


ก่อนหน้านี้ผมที่หกปฏิเสธว่าอิงอู๋เซี่ยมีวิญญาณกาลเวลา


 


เนื่องจากต่างฝ่ายต่างไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ฟางหยวนไม่สามารถบอกได้ว่าคำกล่าวของผมที่หกเป็นเรื่องจริงหรือโกหก


 


อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับพูดด้วยความมั่นใจ “นั่นเป็นไปไม่ได้! หากพวกเจ้าไม่มีมันจริงๆ พวกเขาจะหลอมรวมมัน ในกรณีนี้ข้าจะไม่สนใจสิ่งอื่นแต่พวกเจ้าต้องส่งวิญญาณกาลเวลามาให้ข้าโดยตรง”


 


แม้ผมที่หกจะสาบานด้วยชีวิตแต่ทัศนคติของฟางหยวนยังไม่เปลี่ยนแปลง


 


สุดท้ายฟางหยวนก็ได้รับวิญญาณกาลเวลากลับมาในที่สุด


 


แต่มันมีปัญหาเช่นกัน


 


มันถูกผนึกโดยวังสวรรค์ มันถูกตัดขาดจากสายธารแห่งกาลเวลาและอยู่ในสภาวะหิวโหย


 


นอกจากนี้ฟางหยวยังตระหนักถึงเจตจำนงสวรรค์ที่เป็นภัยคุกคามมากที่สุด


 


ร่างผีดิบอมตะและวิญญาณกาลเวลามีอันตรายซ่อนอยู่ พวกมันไม่สามารถใช้งาน


 


แต่ถึงกระนั้นฟางหยวนก็มีความสุข


 


“แม้ข้าจะไม่สามารถใช้งานพวกมันแต่ตราบเท่าที่พวกมันอยู่ในการครอบครองของข้า มันก็ถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่แล้ว!”


 


“โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิญญาณกาลเวลา!”


 


หลังจากได้รับร่างเดิมและวิญญาณกาลเวลา ฟางหยวนยังต้องการแลกเปลี่ยนวิญญาณท่องแดนอมตะ แต่ผมที่หกจะนำมันมาจากที่ใด?


 


แม้ผมที่หกจะถูกบีบบังคับโดยฟางหยวนแต่มันก็ไร้ประโยชน์


 


ฟางหยวนเดาว่าพวกเขาล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ หากพวกเขาครอบครองมันอยู่ พวกเขาย่อมใช้มันหลบหนีไปนานแล้ว เหตุใดพวกเขายังต้องการทำธุรกรรมกับเขา?


 


สิ่งสำคัญกว่าก็คือการทำธุรกรรมกับผมที่หกหมายถึงการทรยศต่อนิกายหลางหยา


 


หากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้เรื่องนี้ มันจะส่งผลเสียมากกว่าผมดี


 


ดังนั้นฟางหยวนจึงยอมแพ้เกี่ยวกับวิญญาณท่องแดนอมตะ


 


แม้จะไม่ได้รับวิญญาณท่องแดนอมตะแต่ฟางหยวนก็ได้รับกำไรมหาศาลในการทำธุรกรรมครั้งนี้


 


ท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ยังมีวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของพลังปราณ และวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของหมีบินของไห่ลั่วหลัน รวมถึงวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า และวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้าของไท่เป่ยหยุนเฉิง ติดตามมาด้วยวิญญาณอมตะยกภูเขา วิญญาณอมตะดึงแม่น้ำ วิญญาณอมตะเนตรดารา และวิญญาณอมตะเรียกภัยพิบัติของฟางหยวน


 


สำหรับวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของอินทรีย์มงกุฎเหล็กและวิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชค พวกมันติดอยู่ในสวรรค์สีเหลือง


 


วิญญาณอมตะกินความแข็งแกร่ง วิญญาณอมตะล้างใจ วิญญาณท่องแดนอมตะ วิญญาณอมตะศรดาวตก วิญญาณอมตะแสงดาว และวิญญาณอมตะดวงอื่นของฟางหยวน พวกมันระเบิดตัวเองไปแล้ว อิงอู่เซี่ยไม่สามารถรักษาพวกมันเอาไว้


 


อย่างไรก็ตามข้อมูลนี้อาจเป็นข้อมูลลวง


 


ฟางหยวนและผมที่หกไม่ได้ทำข้อตกลงใดๆ ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถพิสูจน์ความจริง บางทีอิงอู๋เซี่ยอาจเก็บวิญญาณอมตะบางดวงเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่มีวิธีพิสูจน์เรื่องนี้


 


แน่นอนว่าฟางหยวนเป็นฝ่ายได้กำไรแต่เขาก็ไม่ต้องการให้อิงอู๋เซี่ยตายเร็วเช่นกัน


 


หากอิงอู๋เซี่ยตาย เขาจะทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้ให้วังสวรรค์ นั่นจะทำให้ฟางหยวนพบปัญหาในไม่ช้า


 


มันจะดีกว่าหากอิงอู๋เซี่ยยังมีชีวิตและช่วยดึงดูดศัตรูแทนเขา


 


การต่อสู้ระหว่างวังสวรรค์กับนิกายเงาจะทำให้ทั้งสองฝ่ายอ่อนแอลงขณะที่ฟางหยวนจะสังเกตการณ์อยู่ข้างสนามรบ


 


ฟางหยวนขโมยวิญญาณทารกอมตะมาจากนิกายเงา พวกเขาย่อมต้องการสังหารฟางหยวน แต่นี่ก็เป็นเหตุผลที่นิกายเงาต้องปกป้องเขาเช่นกัน


 


เช่นเดียวกับหม่าหงหยุน หากนิกายเงาต้องการหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะอีกครั้ง พวกเขาจะใช้ฟางหยวนเป็นวัสดุในการหลอมรวม


 


ตั้งแต่อิงอู๋เซี่ยต้องการทำธุรกรรมกับฟางหยวน มันก็หมายความว่าอิงอู๋เซี่ยอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังอย่างแท้จริง ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องมอบทางออกสายหนึ่งให้กับอิงอู๋เซี่ย


 


หากฟางหยวนบีบบังคับอิงอู๋เซี่ยมากเกินไป เขาอาจยอมแพ้และลากฟางหยวนให้ตายตกไปพร้อมกัน


 


ในความเป็นจริงคำกล่าวของผมที่หกมีประสิทธิภาพสูงมาก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)