ลำนำบุปผาพิษ 1077-1080
บทที่ 1077 ความจริงพิสูจน์แล้วว่าเขาคิดมากเกินไป!
เนื่องจากภูเขาไฟปะทุอยู่บ่อยๆ ภูเขาทั้งโลกล้วนเต็มไปด้วยหมอกควัน เข้าใกล้เล็กน้อยก็หายใจไม่ออกแล้ว
ตี้ฝูอีร่อนลงบนที่ราบกลางภูเขาแห่งนั้นที่อบอวลด้วยเขม่าเถ้าภูเขาไฟ ควันภูเขาไฟหนาแน่นยิ่งกว่าหมอกเสียอีก ระยะห่างสิบกว่าก้าวก็มองเห็นตัวคนไม่ชัดแล้ว
ครั้งนี้ตี้ฝูอีสวมเสื้อคลุมสีควันอ่อนจางตัวหนึ่ง บนเสื้อคลุมมีกลุ่มเมฆสีดำ ราวกับหมู่เมฆทะมึนที่ซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ นี่เป็นเครื่องแต่งกายเฉพาะของผู้นำหน่วยอนธการ ในโลกนี้มีอยู่เพียงตัวเดียว กันน้ำกันไฟ ใช้วัสดุพิเศษมาตัดเย็บเป็นชุดนี้ วัสดุชนิดใดก็ลอกเลียนแบบไม่ได้ มีเพียงสายสืบของหน่วยอนธการที่รู้จักอาภรณ์ชุดนี้
ดังนั้นทันทีที่เขาร่อนลงไป ก็มีสายสืบของหน่วยอนธการเข้ามาทำความเคารพแล้ว
สายสืบคนนี้ค้นพบสิ่งใหม่แล้ว เขาพบซากศพของสตรีนางหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่หลงซือเย่ร่อนลงมา…
ตี้ฝูอีก็ไม่พูดจาไร้สาระเช่นกัน ให้เขาพาตนไปดูทันที
ศพของสตรีนางนั้นอยู่ในถ้ำภูเขาแห่งหนึ่ง ตี้ฝูอีมองแวบเดียวก็จำได้ทันที
นี่คือร่างของเย่หงเฟิง!
ที่นี่มีอุณหภูมิสูง ศพนั้นจึงหดตัวอย่างหนัก สภาพแห้งกรังเสียรูป เหมือนมัมมี่ที่ถูกอบจนแห้ง เสื้อผ้าบนร่างถูกเผาจนขาดวิ่นแล้ว แทบปกปิดร่างกายไม่อยู่แล้ว
ถึงแม้ศพนี้จะเสียรูปจนแม้แต่บิดามารดาของนางก็ยังจำไม่ได้แล้ว แต่ตี้ฝูอีจดจำผู้คนจากโครงกระดูก รูปลักษณ์ของเย่หงเฟิงคล้ายคลึงกับกู้ซีจิ่ว โครงกระดูกก็ย่อมคล้ายคลึงเช่นกัน ดังนั้นเขามองแวบเดียวก็จำได้แล้ว
หัวใจเขาเสมือนจมดิ่งสู่ธารน้ำแข็ง เขาคิดมาตลอดว่ากู้ซีจิ่วกับเย่หงเฟิงสลับร่างกัน แต่ยามนี้เย่หงเฟิงคืนชีพขึ้นมาในร่างของกู้ซีจิ่วแล้ว แต่ร่างนี้ของเย่หงเฟิงกลับถูกโยนทิ้งไว้ที่นี่ราวกับขยะ
เช่นนั้นดวงวิญญาณของกู้ซีจิ่วไปอยู่ที่ไหนกัน?!
เขาตัดสินใจในทันใด เริ่มคลำไปบนซากศพนี้…
สายสืบที่นำทางผู้นั้นเบิกตากว้าง นายท่านผู้ลึกลับคนนี้ไม่เพียงแต่ไปมาไร้ร่องรอยเท่านั้น ยังรักความสะอาดยิ่งนักอีกด้วย ปกติแล้วอย่าว่าแต่ศพเลย ต่อให้เป็นโฉมสะคราญเขาก็ไม่แตะต้องอีกฝ่ายเลยแม้เพียงสักนิ้ว หนนี้เป็นอะไรไป?
ตี้ฝูอีกลับไม่แยแสต่อความประหลาดใจของลูกน้องคนนี้ เขาต้องการดูว่าดวงวิญญาณของกู้ซีจิ่วถูกผนึกไว้ในซากศพแห้งกรังนี้หรือไม่ ศัตรูมีวิชามารชั่วช้ามากเกินไป เขาไม่ปล่อยให้ความหวังเพียงน้อยนิดเล็ดรอดไปได้
ความจริงพิสูจน์แล้วว่าเขาคิดมากเกินไป!
ดวงวิญญาณของกู้ซีจิ่วไม่ได้อยู่ในร่างนี้ เช่นนั้นสรุปแล้วนางไปอยู่ที่ไหนกัน?
“นายท่าน ยังต้องหาต่อหรือไม่?” สายสืบผู้นั้นถาม
“หา!” ตี้ฝูอีตอบมาเพียงคำเดียว
….
ระยะเวลาสามวันสำหรับคนส่วนใหญ่แล้วเสมือนหลับตื่นหนึ่ง กะพริบตาไม่กี่ทีก็ผ่านไปแล้ว
แต่สำหรับตี้ฝูอี สามวันนี้กลับเป็นสามวันที่ยาวนานนับปี
สามวันมานี้สายสืบที่เหลือของเขาไม่ได้ส่งข่าวคราวที่เกี่ยวกับหลงซือเย่มาอีกเลย และภูเขาไฟลูกนั้นก็ถูกสายสืบหลายสิบคนตรวจค้นอย่างละเอียดปานร่อนตะแกรงแล้ว ผลคือไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์อีกเลย
ราวกับหลงซือเย่กระโดดลงไปในลาวาที่เดือดพล่านเพื่อสังเวยชีพบูชารักแล้ว แม้แต่เศษผ้าสักชิ้นจากร่างเขาก้หาไม่พบเลย
ตี้ฝูอีย่อมคิดจะจะง้างปากเย่หงเฟิงที่อยู่ที่นี่เช่นกัน เคยใช้วิชาสะกดจิตควบคุมนางครั้งหนึ่ง คิดจะให้นางคายความจริงออกมา
แต่เห็นได้ชัดว่าเย่หงเฟิงผู้นี้ได้รับการฝึกฝนให้มีความอดทนในด้านนี้มาแล้ว วิชาสะกดจิตของตี้ฝูอีที่ใช้ร้อยครั้งได้ผลครั้งทำให้คนที่โดนสะกดจิตพูดความจริงออกมากลับไม่มีผลกับนางเลย…
เนื่องจากเกรงว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่น เขาจึงไม่สามารถลงทัณฑ์นางได้ชั่วขณะ เลี่ยงไม่ให้เกิดผลร้ายต่อกู้ซีจิ่วมากกว่าเดิม
ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ที่อยู่ของกู้ซีจิ่วที่เป็นปริศนา แม้แต่ที่อยู่ของหลงซือเย่ก็เป็นปริศนาด้วย
ในช่วงนี้ตี้ฝูอีได้ทำการเรียกวิญญาณของกู้ซีจิ่วกับหลงซือเย่คนละสองครั้งแล้ว ล้วนไม่มีผลเลย
————————————————————————————-
บทที่ 1078 เจ้าอยู่ที่ไหนกันแน่?
และถึงแม้ดวงดาวที่เป็นตัวแทนของนางและหลงซือเย่จะหม่นแสงลง แต่ยังมิได้ร่วงหล่นไป ยืนยันได้ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ ดวงวิญาณไม่ได้ถูกผู้อื่นทำร้ายจนแตกสลายไป
แต่ว่า พวกเขาไปอยู่ที่ไหนกัน?
นางจะมีชีวิตอยู่ในฐานะอื่นใดอีกหรือไม่? ตกระกำลำบากไหม? ได้รับความทุกข์ยากหรือเปล่า?
หลงฟั่นที่วิปริตผู้นั้นจะทำอะไรนาง?
ความกังวลสารพัดปีนป่ายอยู่ในหัวใจ ทำให้เขาแทบไม่อาจสงบเยือกเย็นได้ และเป็นครั้งแรกที่เขาได้ลิ้มรสความเป็นห่วงคนผู้หนึ่งจนถึงขั้นกระสับระส่ายนั่งไม่ได้นอนไม่ติด สามวันมานี้เขาไม่หลับไม่นอนเลย
มู่เฟิงที่รับใช้อยู่ข้างกายท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มาโดยตลอดเพิ่งเคยเห็นเจ้านายตนซูบผอมลงเป็นครั้งแรก ตัวคนดูทรุดโทรมไปไม่น้อย
ด้วยความหวังดีจึงพร่ำเกลี้ยกล่อมให้เขาเข้าฌานฟื้นฟู บางเรื่องนั้นมีเพียงเขาฟื้นฟูสู่สภาพเดิมอย่างสมบูรณ์เท่านั้นถึงจะทำได้
ตี้ฝูอีก็ทราบแก่ใจดี เพียงแต่ความกังวลนี้เสมือนใยแมงมุม พันแน่นอยู่ในหัวใจเขา ทำให้เขาไม่อาจสงบใจได้
ผู้ที่ไร้พันธะถึงจักไร้พ่าย เขาเป็นเทพ ยามที่เขาไม่แยแสใส่ใจผู้ใด เขาสามารถกระทำเรื่องราวต่างๆ อย่างสุขุมได้ พบเจอความบากอันใดล้วนตอบโต้อย่างเยือกเย็น ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้
แต่ยามนี้ในใจของเขามีนางแล้ว นางกลายเป็นจุดอ่อนขอเขา กลายเป็นเกล็ดย้อนของเขา ยามนี้จุดอ่อนของเขาถูกผู้อื่นกุมไว้แล้ว!
เขานึกว่าการสวมกำไลคู่บุพเพไว้บนร่างนางก็สามารถจับตามองความเคลื่อนไหวของนางได้ตลอด หากนางเผชิญอันตรายเขาสามารถไปช่วยเหลือได้นางได้ทันกาย
แต่ตอนนี้ดวงวิญาณนางหายไป เขาทุ่มเทกำลังทั้งหมดแล้วก็ยังหาไม่พบ…
เขาสูดลมหายใจ เห็นทีว่าภายหน้าหลังจากหานางพบ เขาจะต้องประทับตราไว้บนดวงวิญญาณของนางเสียแล้ว! ไม่อาจรอจนนางอายุสิบแปดได้แล้ว…
เช่นนี้ไม่ว่านางจะสับเปลี่ยนไปอยู่ในร่างไหนเขาล้วนหานางพบและพากลับมาได้แม่นยำทันท่วงที!
เขารออยู่อีกหนึ่งวัน ในที่สุดวันนี้ก็ตัดสินใจเรื่องหนึ่งแล้ว ทำให้มู่เฟิงตกใจจนแทบอ้าปากค้าง “จงบอกมู่เตี่ยน ว่าเผยเรื่องที่เหยียนนั่วก็คือข้าให้เย่หงเฟิงรู้ซะ!”
มู่เฟิงตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี “นายท่าน ยามนี้ท่านยังไม่ฟื้นฟูสู่สภาพเดิม หากปล่อยให้มารสวรรค์ตนนั้นรู้จุดอ่อนนี้ของท่าน เกรงว่าเขาจะบุกมาโจมตีอย่างบ้าคลั่ง!” นี่คือความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนายท่าน หากถูกคนชั่วรู้เข้า เกรงว่าต่อไปจะมีเรื่องวุ่นวายตามมาไม่หยุดหย่อน!
ตี้ฝูอีกำมือตนเบาๆ เอ่ยอย่างเฉยเมย “ก็ให้เขามาสิ!”
ในเมื่อเขาไม่อาจตามหารสวรรค์ตนนั้นได้ ก็ทำได้เพียงให้ตัวเองล่ออสรพิษออกมาจากโพรง!
มู่เฟิงพูดอะไรไม่ออกแล้ว
กู้ซีจิ่ว เจ้าอยู่ที่ไหนกันแน่? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพื่อตามหาเจ้าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จ่ายค่าตอบแทนไปมากมายเพียงใด?
….
ยามที่กู้ซีจิ่วตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนอยู่ในโลงใบหนึ่ง
เป็นโลงแก้วผลึกใบหนึ่ง
ภายในโลงแก้วมีของเหลวอยู่เต็มโลง และเธอก็นอนอยู่ในสิ่งที่คล้ายกับฟองอากาศที่ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในของเหลวนั้น บนฟองอากาศเชื่อต่อกับท่อมากมายที่ส่งผ่านของเหลวที่อยู่ด้านนอกเหล่านั้นเข้ามา
กู้ซีจิ่วทึ่มทื่ออยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าสถานการณ์ของตนคล้ายทารกที่อยู่ในครรภ์มารดายิ่งนัก ฟองอากาศนี้ก็คล้ายกับถุงน้ำคร่ำ ท่อพวกนี้ก็เหมือนเส้นเลือดที่เชื่อมต่อสารอาหาร ส่วนโลงแก้วผลึกก็คือมดลูก
เธอไม่ต่างกับเด็กทารกเลย ทารกที่อยู่ในครรภ์ร่างกายเปลือยเปล่า แต่เธอกลับสวมเสื้อผ้าอยู่!
บนร่างเธอสวมกระโปรงยาวตัวหนึ่งซึ่งไม่ทราบว่าทำมาจากวัสดุชนิดใด นุ่มนวลกว่าน้ำ เรียบลื่นกว่าไหม แนบไปกับร่างเธอ ทำให้เธอสบายใจไม่น้อย
เริ่มแรกเธอแค่ลืมตาขึ้นแวบหนึ่งเท่านั้น เมื่อสัมผัสได้ว่ารอบกายไม่มีผู้คนเธอจึงลืมตาขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ กาดตามองรอบข้าง จากนั้นก็พบว่าโลกแก้วผลึกของตนตั้งอยู่ในห้องวิจัยแห่งหนึ่ง
รอบด้านมีเครื่องมือสารพัดที่เรียกชื่อไม่ถูก
เธอหรี่ตาลงนิดๆ
เมื่อครู่นี้ก่อนที่เธอจะตื่นขึ้นมา ได้ยินเสียงพูดอยุ่หลายประโยค
“เช่นนี้ถือว่าสำเร็จแล้วหรือ? นางจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่?”
————————————————————————————-
บทที่ 1079 ใครส่งแกมา?
“ประมาณอีกหนึ่งวัน ดวงวิญญาณของนางได้รับบาดเจ็บต้องพักผ่อนอยู่ในร่างนี้อีกหลายชั่วยาม”
“ความทรงจำของนางจะหายไปหมดเลยหรือ?”
“ไม่ใช่ ตัวยาที่ข้าเพิ่มเข้าไปพิเศษอย่างยิ่ง เมื่อนางตื่นขึ้นมาจะลืมเลือนความทรงจำทุกอย่างในชาตินี้ จำได้เพียงเรื่องราวในชาติก่อนเท่านั้น”
“เช่นนี้ก็ดี!”
ยามนั้นเสียงเหล่านี้ไม่ดังนัก สำหรับกู้ซีจิ่วแล้ว เสมือนมีหมอกหนาชั้นหนึ่งกั้นไว้ ได้ยินเพียงเลือนรางเท่านั้นทำให้เธอที่อยู่ในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่นแยกไม่ออกว่าเป็นความฝันหรือว่าความจริง
ล้ายว่าเธอกำลังฝันอยู่ ฝันว่าอยู่ท่ามกลางสงคราม โลหิตสาดกระจาย เมื่อตื่นมากลับสงบสุขปลอดภัย สายตาเธอจับจ้องมุกราตรีที่ฝังไว้สี่มุมของห้อง
มุกราตรีนั้นก็ไม่เหมือนกับกับมุกราตรีทั่วไป ส่องสว่างกว่าไข่มุกราตรีทั่วไปมากนัก ประหนึ่งโคมไฟ
แสงของมุกราตรีหกเม็ดนี้ส่องให้ภายในห้องสว่างไสวเหมือนตอนกลางวัน แจ่มใสชัดเจน
ตอนที่เธอลืมตาขึ้นมาเห็นได้ชัดว่าตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาเฉียบคมเพ่งพิศรอบข้าง
จากนั้นก็พลิกกายหมายจะลุกขึ้นนั่ง แต่เพิ่งจะขยับ เสียงสัญญาณเตือนภัยก็แว่วขึ้นด้านนอกแล้ว
คิ้วงามของเธอขมวดแน่น มือยื่นไปหาอกตนตามสัญชาตญาณ คล้ายจะคลำหาบาดแผลที่อยู่ในความทรงจำ
ชัดเจนยิ่งนักว่าเธอหาไม่พบ จากนั้นเธอก็เริ่มพินิจร่างกายตน…
นิ้วมือเรียวยาวขาวสล้างปานหยก แขนขาได้สัดส่วน ร่างนี้ดูเหมือนจะอายุสิบแปดปี ดูสุขภาพดียิ่งนัก
เธอลุกขึ้นนั่งทันที ทันทีที่เธอลุกขึ้นนั่ง ฟองอากาศก็แตกออก เธอยกมือขึ้นโจมตีฝาโลงที่ปิดอยู่ กระบวนท่าที่ใช้เป็นกระบวนท่าที่ใช้อยู่เสมอในชาติก่อน
กระบวนท่านี้ใชเรี่ยวแรงเพียงน้อยก็สามารถงัดคานแรงที่มากกว่าได้ ฝาโลงที่หนาหนักถึงเพียงนั้นจึงถูกเธอซัดจนเปิดออก
เธอกระโดดออกมาจากในโลง
ชุดกระโปรงที่สวมอยู่บนร่างเธอยาวรุ่มร่าม ดูเหมือนเธอไม่ชินยิ่งนัก เมื่ออกมาจึงเกือบจะสะดุดชายกระโปรง หลังจากเดินได้มั่นคงแล้วก็ผูกกระโปรงให้ยกสูง แม้แต่แขนเสื้อก็เลิกขึ้นมัดไว้ตรงข้อมือ
เธอเคลื่อนไหวคล่องแคล่วปราดเปรียว ดั่งเมฆาคลื่อนคล้อยวารีไหลริน
หลังจากออกมาเธอก็ใช้วิชาเคลื่อนย้ายทันที แต่เห็นได้ชัดว่าในห้องลับแห่งนี้มีบางสิ่งที่ยับยั้งวิชาเคลื่อนย้ายของเธอได้ การเคลื่อนย้ายครั้งนี้จึงไม่ราบรื่น แถมยังเกือบชนประตูด้วย!
เธอขมวดคิ้วถอยหลังไปสองสามก้าว มือคลำตรงเอวตามสัญชาตญาณ คล้ายว่าคิดจะล้วงอะไรออกมา แต่กลับสัมผัสได้เพียงเนื้อผ้าตรงเอวเท่านั้น เธอมุ่นคิ้วสบถเสียงต่ำคราหนึ่ง ถอยไปอีกหลายก้าว ยื่นมือไปดึงประตูที่ปิดอยู่บานนั้น
มือเพิ่งจะสัมผัสกับกับที่จับประตู ทันใดนั้นบานประตูทั้งสองด้านก็เปิดออก มีเงาดำสองสายพุ่งเคียงกันเข้ามา โจมตีใส่เธอ!
กู้ซีจิ่วถอยหลังไปพลิกกาย หลบหลีกการโจมตีของพวกเขา ตะโกนถาม “พวกแกเป็นใคร?!”
สองคนนั้นไม่ตอบ การโจมตียิ่งดุเดือดขึ้น แต่ละท่าสามารถปลิดชีพได้
กู้ซีจิ่วก็ไม่พูดแล้วเช่นกัน พลันยื่นสองมือออกไป ประลองฝีมือกับคนทั้งสองอยู่ในห้องวิจัยแห่งนี้
ท่าร่างของเธอปราดเปรียวว่องไว กระบวนท่าโหดเหี้ยมดุดัน โดยเฉพาะท่าเท้าพิเศษชุดนั้น โผทะยานอยู่ระหว่างการโจมตีของสองคนนนั้นปานภมรชอนบุปผา ผ่านไปสักครู่ก็หักคนของคนหนึ่งไปแล้ว ส่วนอีกคนถูกเธอดึงแขนให้หลุดทันที แล้วกดไว้บนพื้นโดยตรง
เธอเหยียบเท้าข้างหึ่งไว้บนหลังคนผู้นั้น น้ำเสียงเยียบเย็นปานคลุมด้วยน้ำแข็ง “แกเป็นใคร? ใครส่งแกมา? ที่นี่คือที่ไหน?”
คนผู้นั้นส่งเสียงอู้อี้ กู้ซีจิ่วสะกิดใจทันที ยื่นมือไปง้างคางอีกฝ่ายให้เปิด พบว่าด้านในไม่มีลิ้นอยู่
ไม่พูดจาไร้สาระอีก ปลายเท้าพลันกดลงที่หว่างเอวของคนผู้นั้น ทำให้คนผู้นั้นแน่นิ่งไปอย่างสมบูรณ์
เธอสูดหายใจเบาๆ คราหนึ่ง ผุดกายขึ้นมา หมายจะพุ่งออกประตูไปโดยตรง ปากประตูมีเงาคนแวบขึ้นมาอีกครั้ง ขวางทางเธอเธอไว้
เธอกำลังจะซัดฝ่ามืออกไป ทว่าจู่ๆ ก็หดกายถอยกรูดไป หรี่ตานิดๆ มองคนผู้นั้น “ครูฝึก…หลง หลงซี!”
———————————————————–
บทที่ 1080 วันนี้ฉันจะเอาชีวิตคุณ
คนผู้นั้นก็คือหลงซี เพียงแต่เขาไว้ผมยาว สวมชุดคลุมยาวเหมือนศิษย์เขาซูซัน[1] เครื่องหน้าเหมือนหลงซีทุกประการ กลางหว่างคิ้วประหนึ่งเป็นศูนย์รวมของความงดงาม สง่างามเลิศล้ำ
สองตาของเขามองดูเธอ ยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง ในรอยยิ้มแฝงไอชั่วร้ายไว้รางๆ “ซีจิ่ว เธอแน่ใจหรือว่าฉันคือหลงซี?”
กู้ซีจิ่วยิ้มหยัน กำมือคราหนึ่ง “คุณแกล้งไขสืออะไรอยู่? คุณนึกว่าเปลี่ยนสไตล์แล้วฉันจะจำคุณไม่ได้งั้นเหรอ?”
เธอฉวยหิ้งเหล็กอันหนึ่งขึ้นมา นัยน์ตาเปี่ยมไอสังหาร “หลงซี คุณควักหัวใจฉันไปแล้ว วันนี้ฉันจะเอาชีวิตคุณ!” พลางกระโจนเข้าใส่คนผู้นั้น
คนผู้นั้นถอยหลังทันที ท่าร่างปราดเปรียวว่องไว หลบหลีกหลายกระบวนท่าของเธออย่างต่อเนื่อง
เดิมทีกู้ซีจิ่วจู่โจมหมายจะปลิดชีวิต แต่หลังจากโจมตีต่อเนื่องกันกว่าสิบกระบวนท่าจู่ๆ ก็ถอยหลังไป ดวงตาฉายแววประหลาดใจ “แกไม่ใช่หลงซี! เขาไม่มีวรยุท์ประหลาดแบบแก!”
คนผู้นั้นถอนหายใจอย่างโล่งอก “แน่นอนว่าฉันไม่ใช่หลงซี ซีจิ่ว ฉันคือหลงฟั่น”
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว ท่าทางเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “นักวิทยาศาสตร์หลงฟั่นคนนั้น? พ่อของหลงซี?”
หลงฟั่นหัวเราะเบาๆ ดวงตาคมปลาบดั่งอสรพิษ “อันที่จริงอาจกล่าวได้ว่าเป็นพ่อของเธอด้วย เธอก็เป็นสิ่งที่ฉันสร้างขึ้นเหมือนกัน”
กู้ซีจิ่วคล้ายถูกจี้จุดที่เจ็บปวด มือที่จับหิ้งเหล็กไว้ซีดขาว “ที่หลงซีพุดเป็นความจริงสินะ? ฉันเป็นร่างโคลนนิ่งของเย่หงเฟิงจริงๆ ใช่ไหม?”
หลงฟั่นตอบด้วยเสียงอ่อนโยน “เป็นความจริง เพียงแต่ เธอไม่นับว่าเป็นร่างโคลนนิ่งของเย่หงเฟิงอย่างสมบูรณ์ ร่างกายที่ดวงวิญญาณของเธอเคยอยู่รวมถึงร่างกายในตอนนี้ล้วนเหนือชั้นกว่าเย่หงเฟิงมาก! ฉันปรับเปลี่ยนโครงสร้างดีเอ็นเอของเธอแล้ว…” เขาร่ายศัพท์เฉพาะทางบางส่วนออกมา จับใจความได้ว่ากู้ซีจิ่วก็คือร่างวิวัฒนาการแล้วของเย่หงเฟิง ซ้ำยังเป็นร่างที่วิวัฒนาการอย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย
กู้ซีจิ่วขบเม้มริมฝีปากจนขาวซีด ชัดเจนว่าได้รับความกระทบกระเทือนมิใช่น้อย หลุบตามองร่างตน จากนั้นสายตาก็จับจ้องร่างของหลงฟั่นอีกครั้ง “ฉันจำได้ว่าฉันตายไปแล้ว…”
หลงฟั่นยังคงตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฉันช่วยชีวิตเธอไว้อีกครั้ง แถมยังสร้างร่างให้ให้เธอด้วย สมบูรณ์แบบยิ่งกว่าร่างเดิมของเธอเสียอีก” ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาหยิบกระจกบานหนึ่งออกมาจากไหนยื่นให้กู้ซีจิ่ว “เธอลองมองตัวเองสิ พอใจหรือเปล่า?”
กู้ซีจิ่วยื่นมือออกไปใช้แขนเสื้อโอบกระจกไว้ มองเข้าไปในกระจกแวบหนึ่ง ชะงักไปเล็กน้อย
ในกระจกสะท้อนภาพสาวน้อยคนหนึ่ง ผมสลวยยาวเลยบั้นเอว เครื่องหน้าผุดผ่องเลอโฉม สวมชุดกระโปรงแบบโบราณสีฟ้า ดวงเนตรใสกระจ่างแฝงความเย็นชาไว้รางๆ เป็นรูปลักษณ์ในชาติก่อนของเธอ ซ้ำยังมีอายุประมาณสิบแปดปีด้วย
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเป็นหน้าตาแบบเดิม แต่ร่างกายนี้กลับดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลกว่าร่างที่หลงซือเย่โคลนนิ่งออกมาเสียอีก มีความแตกต่างกันยิ่งนักระหว่างของแท้กับของปลอม
ดูเหมือนทักษะด้านชีววิทยาของหลงฟั่นคนนี้จะเหนือชั้นกว่าหลงซีผู้เป็นบุตรชายมากนัก
เธอยกมุมปากขึ้น คนในกระจกก็ยกมุมปากขึ้นเหมือนกัน
เธอมองโฉมงามในกระจกอยู่ครู่หนึ่ง สูดลมหายใจเข้านิดๆ ยื่นกระจกคืนให้หลงฟั่น มองเขาอย่างเย็นชา “คุณกับหลงซีคล้ายกันมากเหลือเกิน! เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว!”
หลงฟั่นถอนหายใจเบาๆ “หงซีเป็นร่างโคลนนิ่งของฉัน ก็ต้องเหมือนฉันมากเป็นธรรมดา…”
“แต่คุณดูหนุ่มกว่าหลงซีอีก!”
“เป็นเพราะฉันฝึกฝนวิชาอมตะ” หลงฟั่นยังคงมีน้ำอดน้ำทนนัก
กู้ซีจิ่วพ่นลมหายใจเสียงดังฮึ “คุณดูหนังแนวเทพเซียนมากไปสินะ? ประสาทหรือไง? บนโลกนี้จะมีวิชาอตะได้ยังไงกัน?”
เธอจ้องชุดนั้นที่เขาสวมอีกแวบหนึ่ง “ดูเหมือนคุณจะชอบดูเซียนกระบี่มากเลยนะ ชุดที่ใส่เหมือนศิษย์ของเขาวูซันมากเลย”
จากนั้นก็มองชุดกระโปรงบนร่างตัวเอง มุ่นหัวคิ้ว “นี่คุณคิดจะให้ฉันเล่นละครกับคุณหรือไง? จะถ่ายหนังแนวเทพเซียนเหรอ?”
———————————————————-
[1] เขาซูซัน เป็นสำนักยุทธ์ฝ่ายธรรมมะจากซีรี่ย์จีนเรื่องเทพยุทธ์เขาซูซัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น