องครักษ์เสื้อแพร 1074-1075

 ตอนที่ 1074 รอบคอบไว้ก่อน ตระกูลหลี่แย่งความชอบ

Ink Stone_Fantasy

หวังทงเดิมทีโน้มตัวไปด้านหน้า พอได้ยินกวนเฉิงพูดถึงตรงนี้ ก็พิงพนักเก้าอี้ ดูแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด แต่ฟังเขาบ่นไปมา ก็ยากจะผ่อนคลายได้


คิดไม่ถึงพูดถึงตรงนี้ กวนเฉิงกลับเงยหน้ามองรอบทิศ กระซิบกระซาบว่า


“ข้าน้อยตอนนั้นดื่มมากไปหน่อย กล่าวกับไป๋ต้าอู่  กองกำลังหู่เวยเรา แม้ทหารใต้หล้ามากันหมดก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้เรา จากนั้นไป๋ต้าอู่ก็ว่า แม้พวกเราแยกกันคนละทัพ แต่ก็ยังมีแม่ทัพใหญ่นำ”


พูดถึงตรงนี้ กวนเฉิงกับไป๋ต้าอู่ล้วนเงยหน้ามองสีหน้าหวังทง กวนเฉิงกล่าวต่ออย่างเศร้าสลดว่า


“เดิมทีเราสองคนคุยเล่นกันในค่าย คิดไม่ถึงถูกทหารติดตามหน้าประตูได้ยิน นำเรื่องไปรายงานขุนพลซุน…”


กองกำลังหู่เวยขุนพลทหารระดับสูงมักมีสายไว้ประจำตามขุนพลทหารระดับล่าง ระเบียบนี้ไม่เหมือนกับทหารทั่วไปในแผ่นดินหมิง ส่งคนสนิทไปเฝ้าไม่ได้เพื่อผลประโยชน์ตน หากเพื่อให้รายงานทุกเรื่อง ทำให้ขุนพลทหารระดับสูงยิ่งกุมกำลังได้มั่นคงยิ่งขึ้น ความจริงนั้นก็พอเป็นที่เปิดเผยไม่ได้ปิดบังนัก


“ขุนพลซุนรู้เรื่องนี้ ทำเอาข้ากับไป๋ต้าอู่ถูกเรียกไปโบย จากนั้นก็จับขังคุกครึ่งเดือน แล้วก็ถูกส่งมายังแม่ทัพใหญ่ที่นี่”


หวังทงสีหน้านิ่งเรียบลง พยักหน้าถามขึ้น


“พวกเจ้ากล่าววาจาพวกนี้ผู้ใดรู้บ้าง?”


“ข้าน้อยแค่สองคน ยังมีทหารติดตามนั่น ขุนพลซุนก่อนไปยังกำชับพิเศษว่า หากคนคุมตัวมาคิดกล่าวอันใดกับข้าน้อยสองคน คนนั้นจะถูกตัดหัวทันที หากข้าน้อยสองคนคุยกันผู้อื่น ก็ให้สังหารข้าน้อยสองคนทันที ตลอดทางมาไม่กล้าพูดอันใด มาถึงที่นี่จึงได้โล่งอก”


“พวกเจ้าตำแหน่งนี้ไปประจำท้องที่ก็เรียกได้ว่ามีสถานะขุนพลทหารแล้ว เหตุใดจึงปากไม่รู้กล่าวเช่นนี้ มาเป็นทหารติดตามข้าไปก่อนละกัน ที่หนิงเซี่ยพวกเจ้าเคยทำอะไร เคยพูดอะไรมา ห้ามบอกกับผู้ใด นี่เป็นคำสั่งวินัยทหาร เข้าใจแล้วใช่ไหม?”


น้ำเสียงหวังทงเข้มงวดขึ้นมา สองคนรีบโขกศีรษะ  วินัยทหารที่หวังทงกล่าวถึงเป็นเรื่องเป็นเรื่องตายของพวกเขา เช่นนั้นย่อมยอมแต่โดยดี


เรียกคนมาพาออกไปหาที่พักให้แล้ว หวังทงถอนหายใจ  ฉีกจดหมายซุนซิงออก ในจดหมาย นอกจากคำทักทายง่ายๆ แล้ว ก็ยังบอกว่าขอให้ท่านแม่ทัพใหญ่จัดการหาที่ทางให้สองคนนี้อยู่


ซุนซิงเป็นเด็กหนุ่มนี้ซื่อตรง ระมัดระวังรอบคอบ เรื่องนี้ย่อมไม่พูดไป เขาสังเกตทุกเรื่องได้รอบด้านจริงๆ ไป๋ต้าอู่กับกวนเฉิงสองคนเห็นว่าไม่มีอะไร แต่ก็อาจมีคนคิดโยงเรื่องราว ทำให้เกิดเรื่องขึ้นมาได้ โดยเฉพาะการปราบเมืองปัวโจวเสฉวน หูกว่างและกุ้ยโจว  กองกำลังหลวงหนิงเซี่ยในเครือกองกำลังหู่เวยสร้างความดีความชอบใหญ่ แต่การต่อสู้ที่เก่งกล้าในสายตาขุนนางบุ๋นอาจเป็นภัย


การต่อสู้นี้แม้ทำให้คนอื่นเลื่อมใส แต่ก็อาจทำให้ระแวงได้ ซุนซิงระวังรอบคอบเช่นนี้ก็ไม่ผิด โดยเฉพาะวาจาสองคนนี้ที่ถูกคนจับผิดเอาได้ง่ายๆ


ซุนซิงทำงานรอบคอบไม่ปล่อยช่องโหว่แม้แต่น้อย สองคนนี้มาได้วันที่สอง ก็ได้ยินว่าทหารติดตามสองคนก็ถูกส่งมาด้วย มาขอให้หวังทงช่วยดูแล


พอเห็นทหารติดตาม หวังทงเข้าใจความตั้งใจของซุนซิงทันที ทหารติดตามนี้เป็นคนเก่าคนแก่ เป็นสายองครักษ์เสื้อแพรที่ส่งมาจับตา องครักษ์เสื้อแพรอยู่ใต้การบังคับบัญชาหวังทง ในทางลับนั้นก็เป็นหวังทงส่งสายเข้าไป เห็นเป็นคนกันเองมาโดยตลอด


แต่มองจากความปลอดภัยไว้ก่อน ซุนซิงก็ไม่กล้ารับรองความน่าเชื่อถือขององครักษ์เสื้อแพรผู้นี้ ดังนั้นจึงส่งมาหมด และไม่ให้สามคนพบหน้ากัน


หวังทงอดไม่ได้แค่นหัวเราะออกมา ทหารติดตามผู้นี้เป็นสายจริง มีสถานะองครักษ์เสื้อแพร  เป็นองครักษ์เสื้อแพรหวังทงเอง  เป็นคนเก่าแก่ที่เทียนจิน แต่พวกซุนซิงไม่รู้สายสัมพันธ์นี้ ระวังไว้ก่อนไม่ผิด หวังทงคิดแล้วคิดอีก อย่างไรก็ต้องไปเชิญหยางซือเฉินมาเขียนจดหมายไปยังหัวหน้าขุนพลทหารแต่ละแห่ง กำชับไว้ก่อน


**************


ทหารพ่ายราวภูผาล้ม หากใช้คำนี้กับสถานการณ์เกาหลีเห็นได้ว่าชมเกินไปแล้ว ใช้คำว่า รบตีแตกราวกระบอกไม้ไผ่แตกกับกองทัพญี่ปุ่นก็เหมือนจะไม่พอ


ต้นเดือนเจ็ดเมืองหลวงมาเร็วมาแจ้งข่าวการทหารแก่หวังทง  ทหารญี่ปุ่นเป็นยึดเปียงยางแล้ว ดีที่พระราชาเกาหลีหนีเข้ามาในแผ่นดินหมิงแล้ว เวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือน ก็ถูกทหารญี่ปุ่นยึดไปเหลือแค่เมืองเล็กๆ แล้ว


ตอนนี้มีเพียงเมืองพยองอันทางตะวันตกเฉียงเหนือที่ยังเป็นของเกาหลี ที่ทหารญี่ปุ่นไม่ได้บุกเข้าไป ไม่ใช่เพราะตีไม่ได้ แต่เพราะบุกเร็วไป เสบียงเสริมยังมาไม่ถึง


พวกเขารู้เกาหลียากจน แต่คิดไม่ถึงเกาหลีถึงกับจนเพียงนี้ได้ เปียงยางนับว่าเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของเกาหลี ก็ยังถึงกับไม่อาจมีเสบียงเพียงพอได้ ไม่รู้ทำเช่นไร จึงได้แต่ยึดเปียงยางไว้ก่อน จากนั้นแบ่งกำลังทหารไปปล้นตามที่ต่างๆ จึงได้ประคองสถานการณ์ไว้ได้


แน่นอน ประเด็นสำคัญก็คือใกล้จะประชิดชายแดนแผ่นดินหมิงแล้ว ไม่ว่าตอนมามั่นใจเพียงใด แต่เมื่อต้องเผชิญกับกองกำลังใหญ่ กองทัพญี่ปุ่นก็ต้องกังวลอยู่ ไม่กล้าบุกพลการ ล้วนรอให้ตั้งมั่นก่อน รอให้ทัพใหญ่เสริมกำลังมาก่อนค่อยเริ่มบุก


สถานการณ์เช่นนี้ ทำให้ทุกคนแผ่นดินหมิงไม่เข้าใจ ในภาพของขุนนางแผ่นดินหมิง  เกาหลีก็รบเก่ง แน่นอนภาพนี้ล้วนเป็นภาพตั้งแต่ปฐมฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หมิงจูหยวนจาง คนเกาหลีที่เหลียวตงเก่งการรบไม่น้อย และขับไล่พวกหนี่ว์เจินที่เหลียวตงขึ้นไปทางเหนือ


กำลังการต่อสู้เช่นนี้นับว่าสู้เก่ง เหตุใดทัพญี่ปุ่นมาก็ตีเละเทะเช่นนี้ได้……


ฮ่องเต้ว่านลี่ถึงกับส่งขุนนางใหญ่ไปถามว่า  ‘เกาหลีพวกเจ้าก็เป็นประเทศ ทำไมจึงใช้ไม่ได้เช่นนี้ได้’


พระราชาเกาหลีตอนนี้ออกคำสั่งได้มีแค่เมืองเดียวเล็กๆ แล้ว  มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังมีหน้ามีตาอันใด จึงตอบไปตรงๆ ว่า ‘ประเทศเราอ่อนแอ พวกโจรวัวโค่วโหดร้าย’


สงครามลามมาถึงชายแดน แน่นอนไม่อาจนั่งมองเฉยเหมือนเมื่อสามสี่เดือนก่อน ฮ่องเต้ว่านลี่เรียกประชุมคณะเสนาบดีใหญ่หารือแล้วก็มีราชโองการไปยังผู้ว่าการมณฑลเหลียวหนิงสวีกว่างกั๋ว ให้เขารับหน้าที่จัดการโจรสลัดวัวโค่วที่เกาหลี  ให้ป้องกันให้แน่นหนา อย่าปล่อยให้โจรสลัดวัวโค่วหาช่องทางเข้ามาได้เด็ดขาด


หากเป็นที่อื่น ราชสำนักคงรวบกำลังทหารไปแล้ว แต่ที่เหลียวหนิงไม่เหมือนกัน ที่นี่แม้เป็นมณฑลตั้งใหม่ แต่เดิมเคยเป็นมณฑลทหารเหลียวโจวทางตะวันออก กำลังทหารมีพอ ตอนนี้ยังมีกำลังผู้บัญชาการสามคนรวมกัน พอจะมีทหารได้ราวแสนขึ้นไป หากโจรสลัดวัวโค่วเป็นดังที่เกาหลีว่า เพียงแค่สี่หมื่น เช่นนั้นทหารเหลียวตงก็ย่อมพอรับมือได้


****************


ผู้บัญชาการหลี่เฉิงเหลียงเหลียวตงคนเดิมตอนนี้ 60 กว่าแล้ว หลายปีก่อนกำลังวังชาฟื้นคืน  ร่างกายแข็งแรง เห็นแล้วเหมือนราวอายุ 40 เท่านั้น แต่หลายปีนี้ก็ชราลงมา ผมหงอกขาวไม่ว่า ยังหลังค่อมลงอีกมา กลายเป็นชายชราสมบูรณ์แบบ


คนแม้ว่าชราภาพมาก แต่จิตใจยังไม่เลว หลี่หรูป๋อตอนนี้เป็นผู้บัญชาการเหลียวซี  นับเป็นขุนพลตระกูลหลี่ที่ปักธงที่เหลียวตง แต่ตระกูลหลี่ที่นี่คนออกความเห็นหลักยังคงเป็นหลี่เฉิงเหลียง สถานะหลี่เฉิงเหลียงยังคงอยู่ ผู้บัญชาการเหลียวตงหม่าหลิน ผู้บัญชาการเหลียวหนานซุนโส่วเหลียนล้วนเคยเป็นลูกน้องเขามาก่อน หน้าตาอย่างไรก็ต้องให้กันบ้าง


ราชสำนักมีราชโองการไปยังผู้ว่าการมณฑลเหลียวหนิงสวีกว่างกั๋ว  ข่าวตระกูลหลี่ที่เหลียวหนิงไวมาก  เรื่องนี้ก็รู้รวดเร็ว หลี่หรูป๋อไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่


เทียบกับหลี่เฉิงเหลียงที่มีใจเพื่อการศึกแล้ว หลี่หรูซงเมืองเซวียนฝู่ยังมีผลงานใกล้กันมากกว่า หลี่หรูป๋อคิดแต่จะเป็นผู้บัญชาการในยามสงบฝึกทหารไปเรื่อย เสวยสุขในครอบครัวกับบรรดาภรรยาหลวงน้อย ไม่ก็ออกไปล่าสัตว์ด้วยนกอินทรีและสุนัขผ่อนคลายก็พอใจ  ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยยาก


แต่ทว่าข่าวราชโองการมาถึงเหลียวหยาง หลี่หรูป๋อกำลังอยู่ในจวน ซื้อหาหญิงสาวมาจากเมืองหลวงนางหนึ่ง กำลังเสพสุขอาบน้ำกันอยู่ ก็มีคนมาถึงจวน บอกว่านายท่านใหญ่ขอให้ท่านไปพบ


อย่าเห็นว่าหลี่เฉิงเหลียงตอนนี้ไร้ตำแหน่ง หลี่หรูป๋อเป็นผู้บัญชาการ แต่ในตระกูลผู้ใดล้วนรู้ว่าเป็นผู้ใดพูดจามีน้ำหนัก หลี่หรูป๋อรู้สึกหมดอารมณ์ แต่ไม่กล้าช้า รีบแต่งตัวออกไปทันที


“ชาวประเทศวัวเข้าใกล้อี้โจวแล้ว ราชสำนักมีราชโองการให้สวีกว่างกั๋วเตรียมการ เจ้าคิดอย่างไร?”


แม้เป็นหน้าร้อน หลี่เฉิงเหลียงอยู่ในห้องก็ยังสวมเสื้อหนา ถามขึ้นเสียงสั่น หลี่หรูป๋อยกจอกชาร้อนขึ้นจิบ หัวเราะแหะๆ กล่าวว่า


“ทางนั้นตอนนี้เป็นพื้นที่เจ้าซุนโส่วเหลียนนั่น ให้เขาไปจัดการสิ…”


กล่าวไม่ทันจบ ก็พลันเห็นสีหน้าหลี่เฉิงเหลียงเคร่งเครียด หลี่หรูป๋อรีบหยุด นั่งตัวตรงกล่าวว่า


“ท่านพ่ออายุมากแล้ว สุขภาพไม่ดี อย่าได้กังวลเรื่องพวกนี้ ตอนนี้ตระกูลหลี่เรามีสายสัมพันธ์…”


“ข้าสุขภาพไม่ดี ก็เพราะเจ้าลูกเลอะเลือนทำให้โมโหอย่างเจ้านี่แหละ รักษาพื้นที่เหลียวซีเจ้าก็พอใจแล้วหรือ เจ้าเป็นผู้บัญชาการ น้องๆ เจ้ายังต้องมาตามมุดหัวในเหลียวซีกับเจ้าด้วย อนาคตวันหน้าเล่า?”


หลี่เฉิงเหลียงเสียงดัง หลี่หรูป๋อรีบลุกขึ้นยืนก้มหน้ากล่าวว่า


“ลูกคิดการไม่รอบคอบ บิดามีความคิดเห็นเช่นไร?”


“หม่าหลินต้องดูแลป้องกันบนทุ่งหญ้า ต้องจับตานอกกำแพงเมือง ทหารในมือเคลื่อนไหวไม่ได้ ซุนโส่วเหลียนมีทหารราวสี่พันกว่าที่ใช้การได้ พื้นที่เหลียวตงหากคิดใช้กำลังกับเกาหลี ผู้ใดจะเหมาะมากไปกว่าเรา ผู้ใดมีกำลังเพียงพอเช่นเรา เจ้าต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ ให้ลูกหลานตระกูลหลี่เราได้สร้างความดีความชอบ ให้ออกไปขยายกิ่งก้านสาขาให้มาก แม้ว่าไปเมืองเซวียนฝู่ ก็ยังมีที่พึ่งพาอาศัย”


“ขอรับๆ ไว้ไปเจรจากับสวีกว่างกั๋ว ข้าจะรีบไปจัดการตอนนี้ดีไหม?”


หลี่เฉิงเหลียงจึงได้พยักหน้า จากนั้นกำชับว่า


“ตัดใจลงเงินทองไปมากหน่อย สวีกว่างกั๋วแม้เส้นสายไม่น้อย แต่ก็ใช่ว่าไม่รู้จักน้ำใจ เงินเจ้าส่งไปมากพอ เขาย่อมไม่อาจไม่ทำงานให้เรา”


ชื่อเสียงสวีกว่างกั๋ว ใต้หล้าล้วนรู้ หลี่หรูป๋อยิ้ม กล่าวว่า


“เรื่องนี้แน่นอน ขอท่านพ่อวางใจ ความดีความชอบเป็นของตระกูลหลี่แล้ว โจรสลัดวัวโค่วจะสักเท่าไรกัน ชีจี้กวงรวมกำลังชาวนาหนึ่งปีก็จับสังหารราวผักปลา ตระกูลหลี่เราถืออาวุธจัดการพวกเขาใช่ว่ายิ่งง่ายหรือ!”


ตอนที่ 1075 มีที่พึ่ง ทำงานง่าย สวีกว่างกั๋ว

Ink Stone_Fantasy

“ของพื้นเมืองพวกนี้ ขอใต้เท้าโปรดรับไว้ด้วย!”


“ขุนพลหลี่คิดเพื่อแผ่นดิน ข้าเองก็รู้ ไยต้องเกรงใจเช่นนี้ด้วย?”


ณ เสิ่นหยาง ที่ทำการผู้ว่าการมณฑลเหลียวหนิง ขุนพลหลี่หรูเหมยแห่งเหลียวซียิ้มนำของมามอบให้ผู้ว่าการมณฑล เหลียวหนิงสวีกว่างกั๋ว สวีกว่างกั๋วสีหน้ายิ้มแย้ม


สองคนล้วนเป็นคนในวงการขุนนางนานปี การมอบของตามมารยาทเช่นนี้คุ้นเคยดียิ่ง แต่ทว่าที่ต้องกล่าวก็ต้องกล่าวให้กระจ่าง


“นายท่าน ทรายทองคำพันตำลึง ข้าน้อยเมื่อครู่ส่งคนนำไปยังร้านทองแล้ว อีกสองสามวันก็จะหลอมออกมาเป็นทองก้อนส่งมา ครั้งนี้ตระกูลหลี่มอบของขวัญ พวกโสมคนและหนังหมีล้วนเป็นของหายากแท้”


พอหลี่หรูเหมยกลับไป พ่อบ้านสวีกว่างกั๋วก็เข้ามารายงาน พ่อบ้านรายงานจบ สวีกว่างกั๋ววางจอกชาลงบนโต๊ะ ส่ายหน้ายิ้ม กล่าวว่า


“ตระกูลหลี่ก็ช่างกล้าใช้เงิน โสมคนนั่นเลือกมาสามชุดส่งไปเมืองซงเจียง ไม่สิ ส่งไปห้าชุดละกัน!”


พ่อบ้านรีบคำนับรับคำ สองคนล้วนยิ้มแย้ม ยกทัพไปเกาหลี เดิมทีเป็นงานลำบากเสียสละเสี่ยงภัย ผู้ใดคิดจะไป กลับมีคนคิดนำมาเงินมามอบถึงที่ เพื่อขอไป  เรื่องเช่นนี้ผู้ใดไม่คิดให้กัน


“ตระกูลหลี่หลายปีนี้อำนาจไม่เหมือนก่อน การค้ากลับใหญ่โตกว่าตอนนั้น โรงบ้านต่างๆ นอกกำแพงเมืองนำสินค้าไปขายและนำสินค้าออกมา ตระกูลหลี่ถึงกับกำไรเกินสามส่วน ยอดเยี่ยมจริง มีความสามารถนี้ ไยต้องไปเป็นผู้บัญชาการทหารอะไรนั่นด้วย ไปเป็นนายกองกรมอากรไม่ดีกว่าหรือ”


สวีกว่างกั๋วยิ้มเยาะไปก็จิบชาไป ขณะพูดอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงร้องไห้ด้านนอก สวีกว่างกั๋วหุบยิ้มทันที มองไปยังพ่อบ้าน พ่อบ้านรีบคำนับกล่าวว่า


“ดีไม่ดีเจ้าทูตเกาหลีนั่นมาอีกแล้ว นายท่านพบหรือไม่…”


“เจ้ารับผลประโยชน์มาข้าไม่สน อย่าให้ข่าวในจวนแพร่ออกไป ไม่เช่นนั้น ข้าจะจับเจ้าไปทิ้งป่าเลี้ยงหมาป่าเสียเลย!”


น้ำเสียงสวีกว่างกั๋วอยู่ๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา พ่อบ้านสะดุ้งทันที รีบคุกเข่า อธิบายอย่างร้อนใจว่า


“ขอนายท่านวางใจ ข้าน้อยรู้หนักเบา ไม่กล้าทำอันใดผิดธรรมเนียมอย่างเด็ดขาด แต่ทว่าทูตเกาหลีมีเงินมาไม่น้อย ตอนนี้ราชสำนักก็มีราชโองการ ไม่สู้…?”


เขากล่าวจบ สีหน้าสวีกว่างกั๋วที่สีหน้าเย็นชาก็กลับเป็นใจดีขึ้นมาทันที ชี้เขาแล้วยิ้มกล่าวว่า


“เจ้านี่มันใช้ได้ รู้จักคิด เจ้าให้เขาเข้ามาก่อน…ให้คนที่เหลือไปดื่มสุรากันก่อน…”


พ่อบ้านลุกขึ้นยิ้มแหะๆ รับคำรีบออกไป  นอกด่านเหลียวหนิงแม้เป็นหน้าร้อน แต่ในห้องก็ยังเย็นอยู่  แต่พ่อบ้านที่เพิ่งเข้ามาตอนนี้แผ่นหลังชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น


พอพ่อบ้านจากไป ก็มีชายวัยกลางคนแต่งกายแบบบัณฑิตก้าวออกจากฉากด้านหลัง คำนับสวีกว่างกั๋วก่อน สวีกว่างกั๋วไม่กล้าทำตัวตามสบายเหมือนตอนพ่อบ้านอยู่ ลุกขึ้นยืนพยักหน้ากล่าวว่า


“ท่านเตรียมตัวก่อน ทูตเกาหลีมาอีกแล้ว ราชสำนักมีราชโองการ ครั้งนี้ให้สมใจเขาหน่อย ใช่แล้ว หลายวันก่อน ท่านจดไว้แล้วกระมัง ต้องแจ้งไปทางเมืองหลวงกับเมืองซงเจียง”


“ขอนายท่านวางใจ ข้าน้อยย่อมตั้งใจทำงานให้ดี”


***************


“ขอประเทศของท่านส่งทหารมาช่วยประเทศข้าน้อย ขอใต้เท้าเมตตา ขอใต้เท้าเห็นแก่หลายชีวิตในประเทศข้าน้อย รีบส่งทหารไปเถิด!”


คนพูดตรงหน้าเป็นชายในชุดแขนยาว สวมหมวกแพร เสื้อปักลายสี่เหลี่ยมด้านหน้าแบบขุนนางเกาหลีและฮั่นใส่กัน ไม่ต่างอันใดกับขุนนางระดับสามชั้นต้นของแผ่นดินหมิง สำเนียงก็เป็นภาษากลางแท้ๆ แบบแผ่นดินหมิง


แต่ทว่าคนผู้นี้คุกเข่าอยู่กลางห้อง น้ำตาไหลริน วงการขุนนางแผ่นดินหมิงไม่ว่าอย่างไรก็ย่อมไม่มีขุนนางระดับสามชั้นต้นคุกเข่าให้กับผู้ว่าการมณฑล คนเบื้องหน้าย่อมเป็นทูตจากเกาหลี ลีด๊อกฮยอง เห็นนามสกุลแล้วไม่ใช่ราชนิกูลก็คงเป็นตระกูลอันดับหนึ่ง  แต่ทว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งเกาหลีก็ไม่เท่าไร


แม้ว่าโจรสลัดวัวโค่วไม่รุกราน ที่เกาหลีเรียกว่าขุนนางใหญ่ มายังแผ่นดินหมิง ต่อหน้าผู้ว่าการมณฑลก็ไม่เท่าไร สีหน้าสวีกว่างกั๋วเคร่งเครียดนั่งอยู่บนเก้าอี้ มองลีด๊อกฮยอง น่าแปลก อยู่ๆ สมองเขาก็เห็นงิ้วที่มักเล่นกันในเสิ่นหยางหลายเรื่องที่ ‘ร่ำไห้ร้องทุกข์’


เพราะเหลียวหนิงกับเกาหลีติดกัน ทุกอย่างล้วนสะดวก ผู้ว่าเหลียวหนิงเองก็มีอำนาจสั่งการส่งทหารไปช่วย เกาหลีเล็กๆ  นอกจากส่งคนไปขอความช่วยเมืองหลวง ยังส่งมายังเหลียวหนิง


สมองสวีกว่างกั๋วดีดลูกคิดได้แล้ว เมื่อครู่ของที่ส่งเข้ามาในโถงมีไม่น้อยอย่างไรก็ต้องหลายพันตำลึง คิดไปคิดมาแล้ว ลีด๊อกฮยองนำเงินมาไม่น้อยกว่าหมื่น ตอนนี้ราชสำนักก็มีราชโองการมา ตนเองก็สามารถทำได้ สีหน้าสวีกว่างกั๋วเปลี่ยนไป รีบเปลี่ยนสีหน้าเพิกเฉยเป็นเห็นใจทันที


“ใต้เท้าลี ทำทุกอย่างเพื่อพระราชาเพื่อแผ่นดิน ช่างทำให้ฟ้าดินซาบซึ้งใจ ข้าเองหากไม่ทำอันใด ก็ย่อมละอายใจยิ่ง !!”


พูดถึงตรงนี้ ทูตเกาหลีเบื้องหน้าลีด๊อกฮยองไม่อดเงยหน้าขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นก็รีบโขกศีรษะ ส่งเสียงสะอื้นไห้กล่าวว่า


“ขอบคุณประเทศท่าน ขอบคุณใต้เท้า สถานการณ์วิกฤต ๆ เร่งด่วนแล้ว!”


“ฝ่าบาทมีราชโองการ มีราชานุญาตให้พระราชาประเทศท่านเข้าพักที่อี้โจวได้ ให้แผ่นดินหมิงอารักขา โจรสลัดวัวโค่วรุกรานแผ่นดินเราก็ย่อมเป็นภัยแผ่นดินหมิงเรา ทหารแผ่นดินหมิงจะต้องตีให้พ่าย”


 ลีด๊อกฮยองเริ่มร้องไห้ไม่เป็นภาษา โขกศีรษะจนห้อโลหิต  เห็นสภาพเช่นนี้แล้ว ขุนนางเกาหลีที่ติดตามลีด๊อกฮยองล้วนกลั้นน้ำตาไม่อยู่


สวีกว่างกั๋วส่ายหน้าเบาๆ มองดูภาพซาบซึ้งใจตรงหน้า เขากลับได้ยินว่าลีด๊อกฮยองเก็บสะสมเงินก้อนไว้ที่ธนาคารสามธารา หมื่นหกพันตำลึงเงิน  เพชรพลอยอีกไม่น้อย เงินทองเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องคุยกันง่ายๆ  เรื่องพวกนี้ปิดบังผู้ใดได้


****************


ทางนั้นรับปากแล้ว ทุกเรื่องก็เดินไปตามขั้นตอน แต่ราชโองการมาถึง ที่รู้เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ตระกูลหลี่  คนที่คิดเคลื่อนไหวไม่ได้มีเพียงตระกูลหลี่


สวีกว่างกั๋วรับคำลีด๊อกฮยองนำทหารออกปราบ วันรุ่งขึ้นซุนโส่วเหลียนผู้บัญชาการเหลียวหนานก็ส่งคนมา ตอนนี้ซุนโส่วเหลียนอยู่แนวหน้าสุด ทหารแผ่นดินหมิงชายแดนเตรียมการป้องกัน ไม่กล้ารอช้า ซุนโส่วเหลียนออกจากกองกำลังฝ่ายขวาติ้งเหลียวมุ่งไปยังแนวหน้า


คนที่มาเป็นน้องชายแท้ๆ ซุนโส่วเหลียน มีตำแหน่งขุนพลหลียวหนาน นับเป็นทหารคนสนิท สายสัมพันธ์ซุนโส่วเหลียนกับสวีกว่างกั๋วไม่เหมือนกัน พวกเขาสองคนล้วนใช้สายสัมพันธ์ทางหวังทง คนหนึ่งเป็นผู้ว่าการมณฑล อีกคนได้เป็นผู้บัญชาการ ต่างล้วนอาศัยกำลังหวังทง


สวีกว่างกั๋วกับซุนโส่วเหลียนแม้ไปมาหาสู่กันไม่มาก แต่ล้วนเห็นอีกฝ่ายเป็นคนกันเอง ติดต่อกันก็ล้วนสนิทแนบแน่น


“ใต้เท้า นายท่านเราคิดว่าครั้งนี้เป็นโอกาสหายาก ส่งกำลังไปช่วยเกาหลีครั้งนี้ ไม่สู้ให้เหลียวหนานลงมือเอง ดีกว่าแบ่งความชอบให้คนอื่น”


สวีกว่างกั๋วรับปากตระกูลหลี่ไปแล้ว คิดไม่ถึงตระกูลซุนก็มาเหมือนกัน อยู่ๆ ก็ลำบากใจ แต่ทว่าตระกูลซุนก็ไม่อาจปฏิเสธ แม้ของขวัญตระกูลซุนไม่ได้สูงค่ามากมาย แต่ตั้งแต่มาเหลียวหนิง ไม่คุ้นเคยพื้นที่ ซุนโส่วเหลียนช่วยเหลือไม่น้อย สอง บุตรชายซุนโส่วเหลียนซุนเผิงจวี่ทำงานรับใช้ข้างกายหวังทง สายสัมพันธ์อีกฝ่ายว่าไปแล้วใกล้ยิ่งกว่าตน ไม่อาจล่วงเกิน แต่รับเงินมาแล้ว อย่างไรก็ไม่อาจผิดธรรมเนียม


คิดเช่นนี้แล้ว สวีกว่างกั๋วปฏิกิริยาไวมาก เงียบไปก่อนกล่าวว่า


“โจรสลัดวัวโค่วอย่างน้อยทหารก็สี่หมื่น นายเจ้ามั่นใจขนาดนั้น เรื่องการนำทหารออกศึก ไม่ใช่เรื่องประมาทได้นะ!”


“ขอบคุณใต้เท้าที่ห่วงใย ใต้เท้ายังไม่รู้จักเกาหลี ทหารเกาหลีเทียบกับชาวนายังไม่ได้ อาวุธแม้มีอาวุธเหล็กไม่น้อย แต่ก็แย่มาก โจรสลัดวัวโค่วจึงตีมาได้เร็วเช่นนี้ หากเป็นทหารเหลียวหนิงเราล่ะก็ ไม่แน่ยังเร็วกว่านี้อีก ตอนนี้ใต้เท้าเรามีอาวุธชั้นยอด ฝึกซ้อมทหารตลอดเวลา แค่โจรสลัดวัวโค่วจะสักเท่าไรกัน!?”


สวีกว่างกั๋วหัวเราะเฝื่อนๆ สองสามที แต่ปฏิกิริยาไวพอ รีบหาเหตุผลอื่น สีหน้านิ่งเงียบไปก่อนกล่าวว่า


“ทุกอย่างต้องปลอดภัยไว้ก่อน เจ้าบอกมาพวกนี้ ข้าก็คิดแล้ว ข้ามีวิธี ไม่สู้ให้ทหารตระกูลหลี่ไปลองหยั่งเชิงก่อน ไม่ต้องให้พวกเขาส่งทหารไปมากนัก สองสามพันไปลองดูก่อน หากโจรสลัดวัวโค่วสู้ไม่ยาก ข้าก็ให้พวกเขากลับมา หากโจรสลัดวัวโค่วสู้ยาก พวกเราก็ไม่ไป เจ้ากลับไปรายงานใต้เท้าเจ้า อย่างไรก็ปลอดภัยไว้ก่อน อย่าเปิดร่องรอยให้ผู้ใดรู้ นายเจ้าคิดเช่นไร?”


คนที่มาได้ยินแล้ว นี่เป็นวิธีการที่ดีพร้อม แม้เร่งสร้างผลงาน รู้สึกว่าดีมีกำไรงาม แต่ก็ควรต้องรู้กำลังแท้จริงอีกฝ่ายก่อนแล้วค่อยลงมือ อย่างไรก็ดีกว่า จึงได้ลุกขึ้น กล่าวว่าจะกลับไปรายงานผู้บัญชาการซุน แล้วค่อยมาหารือกับใต้เท้าอีกที


พอคนจากไป สวีกว่างกั๋วลอบถอนใจ ขอเพียงตระกูลหลี่เข้าสู่เกาหลี รบได้ความอย่างไร สร้างความชอบเพียงใด ก้าวหน้าได้เพียงใดก็ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ว่าการมณฑลจะควบคุมได้ ถึงตอนนั้นค่อยหาทางอธิบาย


พอกลับไปเรือนด้านหลัง ที่ปรึกษาก็ส่งรายงานมา สวีกว่างกั๋วต้อนรับที่ปรึกษาอย่างดี คนผู้นี้เป็นหลี่ว์วั่นไฉแนะนำมาให้เขา บอกว่าเป็นคนละเอียดและทำงานเป็นเบื้องหลังหลายคนมาก่อน แต่สวีกว่างกั๋วแอบสืบได้ความมาว่า ที่ปรึกษาผู้นี้แปดเก้าส่วนเป็นคนสำนักรักษาความสงบ   ก็คือไม่ราชสำนักก็หวังทงส่งมาจับตาตนไว้ ดังนั้นการคุยกับที่ปรึกษาคนนี้ สวีกว่างกั๋วล้วนระมัดระวังรอบคอบยิ่ง แต่ทว่าที่ปรึกษาผู้นี้ก็ใช้งานได้ดีไม่น้อย ไม่ว่าเรื่องปฏิบัติงานหรืองานราชการใด ก็ล้วนเป็นผู้มีความสามารถอันดับหนึ่ง


“จักรพรรดิประเทศวัวบ้าไปแล้วหรือ ถึงกับไปขอให้ฟะรังคีทะเลใต้มาช่วย ถึงกับยังส่งจดหมายไปยังอันหนาน (ชื่อโบราณของเวียดนาม) กับสยาม ให้พวกเขาร่วมโจมตีแผ่นดินหมิง จักรพรรดิประเทศวัวไม่รู้ทหารเหลียวหนิงเราแย่งกันไปลงมือกับพวกเขาหรือไงกัน?”


ข่าวจากบรรดาพ่อค้าทะเลนับวันยิ่งมาก แม้แต่ข่าวโทโยโตมิ ฮิเดโยชิส่งจดหมายไปยังกลุ่มอิทธิพลอำนาจตะวันออกกับตะวันออกเฉียงใต้ต่างๆ ก็ยังมีมา จากที่สวีกว่างกั๋วดูแล้ว นี่นับเป็นความเหลวไหลอย่างที่สุด ไม่ใช่ลักษณะการทำงานของผู้เป็นใหญ่


พูดถึงตรงนี้ สวีกว่างกั๋วกลับคิดถึงเรื่องอื่น ตบโต๊ะเบาๆ กล่าวเบาๆ ว่า


“ความชอบ ความดีความชอบ…”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)