เทพปีศาจหวนคืน 1071-1072
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1071 ขายวิญญาณอมตะ
แปลโดย iPAT
“บึม บึม บึม…”
แรงระเบิดทำให้ฝุ่นควันลอยคละคลุ้งขึ้นสู่อากาศ
อิงอู๋เซี่ยเปิดปากคำรามโดยปราศจากเสียงแต่จิตวิญญาณของผู้อมตะภาคกลางสามคนที่โจมตีเขากลับสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง
“โอ้ ไม่! นี่คือท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ!”
สามผู้อมตะภาคกลางเร่งป้องกันตัว
“ถอย!” อิงอู๋เซี่ยตะโกนบอกให้ไท่เป่ยหยุนเฉิงกับไห่ลั่วหลันหลบหนี
เมื่อผู้อมตะภาคกลางสามารถรักษาเสถียรภาพทางจิตวิญญาณ กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยก็จากไปแล้ว
“ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณนี้คือสิ่งใด? ช่างอัศจรรย์นัก! ข้ารู้สึกราวกับดวงวิญญาณกำลังจะแตกสลายในครั้งเดียว!”
“ผู้อมตะสามคนจากภาคเหนือ พวกเขาคือผู้ใด?”
“พวกเขาปรากฏตัวในถ้ำนรกใต้พิภพ พวกเขาเกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหวก่อนหน้านี้หรือไม่?”
ผู้อมตะทั้งสามพูดคุยขณะรักษาอาการบาดเจ็บของตน
“ข้าส่งข่าวกลับไปยังนิกายเรียบร้อยแล้ว อีกไม่นานกำลังเสริมจะมาถึง”
“ฮืม พวกเขาถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายของข้า พวกเขาจะไม่สามารถหลบหนี!”
หลังจากอาการบาดเจ็บดีขึ้น ผู้อมตะทั้งสามเร่งออกไล่ล่า
แต่ร่องรอยกลับหายไปอย่างลึกลับ
ผู้นำกลุ่มผู้อมตะภาคกลางกล่าว “แปลก! ท่าไม้ตายอมตะของข้าถูกสร้างขึ้นมาหลายปี ข้าสามารถติดตามร่องรอยของศัตรูมากมายและมีผู้คนน้อยมากที่รู้จักมัน แล้วพวกเขาหลบหนีไปได้อย่างไร?”
“มีผู้อมตะที่หลากหลาย ท่าไม้ตายมากมายถูกสร้างขึ้น ผู้อมตะกลุ่มนี้อาจมีวิธีตอบโต้ท่าไม้ตายของท่าน”
“นั่นเป็นไปได้แต่มีความน่าจะเป็นน้อยมาก ในความคิดเห็นของข้า มันยังไม่ถูกกำจัดแต่พวกเขาใช้วิธีการบางอย่างเพื่อปกปิดตนเอง”
ผู้นำกลุ่มกล่าว “เราตามพวกเขามาถึงที่นี่ก่อนที่การเชื่อมต่อของท่าไม้ตายจะหายไป เรื่องนี้ต้องมีเหตุผล เป็นไปได้หรือไม่ที่พวกเขาจะเข้าไปในมิติช่องว่างของบางคน?”
มิติช่องว่างเป็นโลกใบเล็กที่ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์
เมื่อผู้อมตะอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์ พวกเขาจะสามารถหลีกเลี่ยงการตรวจจับของศัตรู
หากอิงอู๋เซี่ยที่ถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายของฝ่ายตรงข้ามเข้าไปในนมิติช่องว่างของผู้อื่น วิธีตรวจสอบของผู้นำกลุ่มผู้อมตะภาคกลางจะไม่ทำงาน
แต่การเข้าไปในมิติช่องว่างของผู้อื่นเป็นเรื่องที่หาได้ยากในโลกของผู้อมตะ
ประการแรก มิติช่องว่างเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการบ่มเพาะของผู้อมตะ มีน้อยคนมากที่จะให้บางคนเข้าไปในมิติช่องว่างของตน
ประการที่สอง เมื่อผู้อมตะเข้าไปในมิติช่องว่างของผู้อื่น ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของพวกเขาอาจต่อต้านกัน
หากผู้อมตะที่เข้าไปมีการบ่มเพาะที่สูงกว่ามากเกินไป มิติช่องว่างที่ด้อยกว่าอาจเกิดการระเบิด
ในกรณีของผีดิบอมตะ มิติช่องว่างของพวกเขาตายไปแล้ว เวลาในมิติช่องว่างที่ตายไปแล้วจะเท่ากับโลกภายนอก ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่อยู่ภายในมิติช่องว่างจะถูกย้ายไปยังร่างกายของผีดิบอมตะ
หากบางคนเข้าไปในมิติช่องว่างที่ตายไปแล้ว ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของพวกเขาอาจถูกดึงไปยังร่างกายของผีดิบอมตะเจ้าของมิติช่องว่างที่ตายไปแล้ว แน่นอนว่านี่คือการสูญเสีย
อิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลัน และไท่เป่ยหยุนเฉิงต่างถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายสายตรวจสอบของผู้นำกลุ่มผู้อมตะภาคกลาง ไม่ว่าพวกเขาจะเข้าไปในมิติช่องว่างของผู้ใดก็ยังมีคนหนึ่งที่เหลืออยู่
ผู้นำกลุ่มผู้อมตะภาคกลางคิด ‘อย่าบอกข้าว่าบางคนวางมิติช่องว่างลงขณะที่อีกสองคนเข้าไปในมิติช่องว่างนั้น?’
‘มันเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าไปในมิติช่องว่างของบางคนแต่การวางมันลงต้องใช้เวลาเล็กน้อย แล้วเหตุใดพวกเขาจึงหายตัวไปอย่างกะทันหัน? แต่…ผู้อมตะมีวิธีการมากมาย มีอัจฉริยะนับไม่ถ้วนอยู่บนโลกใบนี้ พวกเขาอาจมีวิธีวางมิติช่องว่างลงอย่างรวดเร็ว?’
ผู้อมตะผู้นี้พยายามคิดแต่ยังไม่สามารถสรุป
“พวกเขายังไม่ได้จากไปแต่ยังอยู่ที่นี่” ในค่ายกลวิญญาณ ไท่เป่ยหยุนเฉิงมองออกไปข้างนอกและถอนหายใจ
ไห่ลั่วหลันจมลงสู่ความเงียบ
การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยน่าเกลียดมาก เขากล่าว “ผู้ใดจะคิดว่าผู้อมตะสามคนนี้จะรออยู่ที่นี่!”
อิงอู๋เซี่ยตัดสินใจละทิ้งค่ายกลวิญญาณแต่พวกเขากลับพบผู้อมตะจากนิกายจิตวิญญาณบรรพกาลและเกิดการต่อสู้ สุดท้ายอิงอู๋เซี่ยจึงต้องล่าถอยกลับมายังค่ายกลวิญญาณเช่นเดิม
ด้วยการปกป้องจากค่ายกลวิญญาณ ท่าไม้ตายอมตะของฝ่ายตรงข้ามกลายเป็นไร้ประโยชน์
ผู้อมตะระดับเจ็ดของนิกายจิตวิญญาณบรรพกาลบินอยู่เหนือค่ายกลวิญญาณแต่พวกเขากลับไม่พบสิ่งใด
“พวกเราจะทำอย่างไรต่อไป?” ไห่ลั่วหลันมองไปที่อิงอู๋เซี่ย
อิงอู๋เซี่ยกัดฟันแน่นก่อนตัดสินใจ “ในสถานการณ์นี้ ข้าสามารถทำสิ่งนี้เท่านั้น!”
หลังจากชั่วครู่ ในสวรรค์สีเหลือง
เสาแสงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและดึงดูดความสนใจของผู้คน
“สิ่งใดที่ทำให้เกิดเสาแสงที่น่าทึ่งเช่นนี้?”
“วิญญาณอมตะ! มันเป็นวิญญาณอมตะ!”
“บางคนใช้สวรรค์สีเหลืองขนส่งวิญญาณอมตะอีกครั้งงั้นหรือ? ช่างฟุ่มเฟือยนัก!”
ผู้อมตะต่างวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องนี้ทำให้พวกเขาคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าเมื่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาขนส่งวิญญาณอมตะให้กับฟางหยวนผ่านสวรรค์สีเหลือง
วิญญาณอมตะสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยน แต่โดยทั่วไปมันจะเป็นการแลกเปลี่ยนด้วยวิญญาณอมตะเท่านั้น
อย่างไรก็ตามธุรกรรมครั้งนี้กลับเป็นการขายวิญญาณอมตะเพื่อแลกกับทรัพยากรอมตะ!
นี่เป็นสิ่งที่หาได้ยาก
สวรรค์สีเหลืองตกลงสู่ความวุ่นวายอีกครั้ง
ผู้อมตะจากทั้งห้าภูมิภาคต่างให้ความสนใจกับธุรกรรมวิญญาณอมตะในครั้งนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาตระหนักว่าทรัพยากรอมตะที่ใช้แลกเปลี่ยนเป็นสิ่งเพียงสิ่งของทั่วไป ตราบเท่าที่คนผู้หนึ่งสามารถรวบรวมทรัพยากรอมตะ พวกเขาจะสามารถแลกเปลี่ยนกับวิญญาณอมตะดวงนี้ นี่คือกำไรอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อเวลาผ่านไป ผู้อมตะจำนวนมากเริ่มเสนอราคา
อิงอู๋เซี่ยเผยรอยยิ้มเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
แน่นอนว่าผู้ขายวิญญาณอมตะไม่ใช่ผู้ใดนอกจากอิงอู๋เซี่ย
โดยปกติแล้ววิญญาณอมตะจะไม่ถูกขายเพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะหลอมรวม วิญญาณอมตะแต่ละดวงมีเพียงหนึ่งเดียวขณะที่ทรัพยากรอมตะมีอยู่มากมาย
แต่เวลานี้อิงอู๋เซี่ยถูกบังคับให้หมดสิ้นหนทาง เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องขายวิญญาณอมตะ
เขามีท่าไม้ตายอมตะและเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะมากมายอยู่ในใจ มันเป็นความทรงจำที่ได้รับมาจากเจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่อยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา
เนื่องจากวิญญาณกาลเวลามีข้อจำกัดในการใช้งาน ดังนั้นข้อมูลเหล่านี้จึงถูกส่งมอบให้กับอิงอู๋เซี่ยโดยผ่านการพิจารณามาอย่างรอบคอบ
แต่อิงอู๋เซี่ยไม่สามารถขายสิ่งเหล่านี้เพราะเขาต้องใช้พวกมันช่วยเหลือเทพปีศาจจิตวิญญาณที่ติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน
สุดท้ายอิงอู๋เซี่ยจึงต้องขายวิญญาณอมตะ
อิงอู๋เซี่ยมีวิญญาณอมตะหลายดวง ส่วนใหญ่เป็นวิญญาณอมตะของฟางหยวน
ตอนนี้เขากำลังขายวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของอินทรีย์มงกุฎเหล็ก
แม้ผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งจะหาได้ยาก แต่วิญญาณอมตะดวงนี้ยังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เหตุผลเป็นเพราะราคาของมันไม่สูง ผู้อมตะระดับหกมากมายที่ไม่มีวิญญาณอมตะในการครอบครองต่างต้องการมัน
‘ดังคาด! การขายวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของอินทรีย์มงกุฎเหล็กเป็นดวงแรกทำให้เกิดความวุ่นวาย หลังจากนี้ข้าสามารถเพิ่มราคาขึ้นเมื่อข้าขายวิญญาณอมตะดวงต่อๆไป’ อิงอู๋เซี่ยคิด
ภาคกลาง วังสวรรค์
“เทพธิดาจื่อเว่ย เจ้ารู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสวรรค์สีเหลืองหรือไม่?” ยายชาใช้วิญญาณติดต่อเทพธิดาจื่อเว่ย
เทพธิดาจื่อเว่ยกำลังค้นหาที่อยู่ของฟางหยวนแต่นางไม่รู้ว่าร่างกายกับดวงวิญญาณของฟางหยวนถูกแยกออกจากกัน
การอนุมานส่วนใหญ่ของนางมุ่งไปที่อิงอู๋เซี่ย ฟางหยวนอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและยังมีกำแพงภูมิภาคกีดขวาง ดังนั้นนางจึงไม่สามารถอนุมานสิ่งใดเกี่ยวกับฟางหยวน
หลังจากได้รับการแจ้งเตือนจากยายชา เทพธิดาจื่อเว่ยหยุดอนุมานและเผยรอยยิ้ม “ขายวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของอินทรีย์มงกุฎเหล็กในสวรรค์สีเหลือง? เขาต้องการวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติที่คล้ายคลึงกับวิญญาณท่องแดนอมตะงั้นหรือ? ดูเหมือนฟางหยวนจะถูกผลักเข้ามุม เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำเช่นนี้”
“น่าเสียดาย…หากเป็นผู้อื่น พวกเขาจะไม่สามารถหยุดธุรกรรมในสวรรค์สีเหลือง แต่วังสวรรค์เป็นข้อยกเว้น เปิดคลังสมบัติ! ข้าจะทำธุรกรรมกับจิตวิญญาณสวรรค์ของสวรรค์สีเหลือง!”
เจตจำนงสวรรค์ของสวรรค์สีเหลืองไม่เคยปรากฎตัวในที่สาธารณะ มันกระทั่งเพิกเฉยต่อวังสวรรค์และยินดีตายหากถูกบังคับ
วังสวรรค์ไม่สามารถใช้กำลังบีบบังคับเจตจำนงสวรรค์ของสวรรค์สีเหลืองเพื่อหยุดธุรกรรมของอิงอู๋เซี่ย นั่นเป็นไปไม่ได้
แต่เทพธิดาจื่อเว่ยแน่ใจว่านางสามารถทำธุรกรรมนี้
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1072 ผู้นำตระกูลเฉิงคนใหม่
แปลโดย iPAT
ภาคใต้ ภูเขาเฉิงเหลียง
ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า บรรยากาศเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
ผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ขั้นสุดยอดเฉิงปู้หลี่ยืนอยู่บนยอดเขาภายใต้การจ้องมองของผู้คน
แม้เฉิงปู้หลี่จะมีประสบการณ์มากมายแต่เขายังรู้สึกตื่นเต้น
เพราะนี่เป็นช่วงเวลาสำคัญของตระกูลเฉิง ผู้คนจากทุกสารทิศมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ไม่ว่าจะเป็นคนตระกูลไท่ ตระกูลวู และตัวแทนจากกองกำลังอื่นๆ มันมีกระทั่งผู้บ่มเพาะสันโดษและผู้ใช้วิญญาณปีศาจ ตัวตนระดับสูงของภาคใต้ทั้งหมดมารวมตัวกันในเหตุการณ์สำคัญครั้งนี้
ตระกูลเฉิงแตกต่างจากกองกำลังใหญ่อื่นๆ นี่เป็นเพราะสนามประลองของตระกูลเฉิงจะเฟ้นหาตัวตนที่โดดเด่นและรับผู้บ่มเพาะสันโดษหรือผู้ใช้วิญญาณปีศาจเข้าสู่ตระกูล
ไม่เพียงผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์แต่ขอบเขตอมตะก็เช่นกัน
หลังจากทั้งหมดตระกูลเฉิงเป็นพ่อค้าที่ทำธุรกิจกับทั้งฝ่ายธรรมะและฝ่ายปีศาจ
เห็นการปรากฏตัวของเฉิงปู้หลี่ ผู้ใช้วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนบนภูเขาเฉิงเหลียงตระหนักว่างานกำลังจะเริ่มขึ้น
สรรพเสียงหยุดลง เฉิงปู้หลี่รู้สึกกดดันเล็กน้อย
เขาสูดหายใจลึกก่อนจะกล่าวด้วยความสงบ “พิธีสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลเฉิงเริ่มได้”
เสียงเพลงดังขึ้นพร้อมกับฉากเปิดตัวที่อลังการ
จากนอกภูเขา สายรุ้งพุ่งเข้ามาก่อนที่หญิงสาวผู้หนึ่งจะปรากฏตัวขึ้นในมุมมองสายตาของทุกคนและเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
นางก็คือเฉิงซินซื่อ!
ผู้คนสูดหายใจลึก
“งดงามนัก!”
“นี่คือผู้นำตระกูลเฉิงคนต่อไปงั้นหรือ?”
“งดงามราวกับเทพธิดาที่แท้จริง นางคือผู้ใด?”
แต่เสียงเหล่านี้ถูกกลบโดยเสียงเพลง
ทุกคนมองไปที่เฉิงซินซื่อและส่งข้อความแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
“หญิงผู้นี้เป็นบุตรสาวนอกสมรสของเฉิงเยี่ยนเฟย นางไม่ได้รับความนิยมมากนัก การบ่มเพาะของนางก็ต่ำ แต่ในที่สุดนางกลับกลายเป็นผู้นำคนใหม่ของตระกูลเฉิง โชคชะตามักเล่นตลกกับผู้คนเสมอ”
“ระหว่างการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ผู้คนมากมายตายอยู่ที่นั่น เรื่องนี้ทำให้ภาคใต้ได้รับผลกระทบที่รุนแรง ตอนนี้สนามรบยังกลายเป็นสถานที่ลึกลับที่สุดของภาคใต้อีกด้วย”
เฉิงซินซื่อเดินมาตามเส้นทางสายรุ้ง
ภายใต้สายตาของผู้คน นางเดินขึ้นสู่ยอดเขาอย่างช้าๆ
เมฆรวมตัวกันอยู่บนท้องฟ้าและส่องแสงสีสันสดใสลงมายังบัลลังก์ของนาง
“วันนี้เจ้ากลายเป็นตัวตนที่สำคัญของโลกผู้ใช้วิญญาณภาคใต้แล้ว” เฉิงชิงชิง ผู้อมตะหญิงของตระกูลเฉิงที่เลือกเฉิงซินซื่อเป็นผู้นำตระกูลกล่าว
“หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ภาคใต้ตกสู่ความสับสนวุ่นวายครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงหลายร้อยปี หญิงผู้นี้จะสามารถนำตระกูลเฉิงและรักษาเสถียรภาพของตระกูลหรือไม่?” เฉิงตันโม่ถาม
ผู้อมตะที่ดูเยาว์วัยในชุดสีน้ำเงินมองเฉิงซินซื่อด้วยความสงสัยและอยากรู้อยากเห็น
เฉิงชิงชิงยิ้ม “ผู้นำตระกูลทุกรุ่นต่างเคยผ่านประสบการณ์ที่ยากลำบาก เหตุผลที่ข้าเลือกเฉิงซินซื่อไม่เพียงเพราะความสามารถของนางแต่ยังรวมถึงหัวใจของนางอีกด้วย ตัวตนของนางทำให้นางดูมีเสน่ห์และยากที่จะคาดเดา ดูผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดของนางที่กำลังหลั่งน้ำตาด้วยความสุข พวกเขามีความภักดีและไว้วางใจเฉิงซินซื่อ คนเหล่านี้มีภูมิหลังที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแต่ตอนนี้พวกเขากลับสามารถอยู่รวมกลุ่ม”
“โอ้” เฉิงตันโม่ถูกชักจูง เขารู้ว่าเฉิงชิงชิงเลือกเฉิงซินซื่อเป็นผู้นำตระกูลไม่เพียงเพราะภาพลักษณ์ แต่นางเฝ้ามองเฉิงซินซื่อมากนานแล้ว
“ผู้ใดจะคิดว่าคุณหนูจะกลายเป็นผู้นำตระกูลเฉิงในวันหนึ่ง ฮือ…ฮือ…ฮือ…คุณหนู… พวกเราทำได้ในที่สุด” เสี่ยวตี้มีความสุขมาก นางเป็นสาวใช้คนสนิทของเฉิงซินซื่อ นางเดินทางมายังเมืองเฉิงพร้อมกับเฉิงซินซื่อและมีความภักดีมาก
“นายท่าน หากท่านรู้เรื่องนี้ ท่านต้องมีความสุขมาก คุณหนูแตกต่างจากบุตรคนอื่นๆของท่าน นางจะนำตระกูลเฉิงสู่ความรุ่งโรจน์” เสี่ยวหลานร้องไห้ นางเป็นคนมีความสามารถที่เฉิงเยี่ยเฟยอุปการะไว้ตั้งแต่ยังเด็ก นางถูกมอบหมายให้ดูแลเฉิงซินซื่อ ตอนนี้เมื่อเฉิงเยี่ยนเฟยตาย นางจึงมอบความภักดีทั้งหมดให้แก่เฉิงซินซื่อ
จ้าวฉวนเงียบ
เขาเคยเป็นผู้นำตระกูลจ้าวที่หยิ่งยโส หลังจากตระกูลจ้าวถูกทำลาย เขาที่รอดชีวิตมาเปิดร้านค้าในเมืองเฉิง หลังจากนั้นฟางหยวนบังคับให้เขากลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเฉินซินซื่อ ตอนนี้เมื่อเห็นเฉิงซินซื่อนั่งอยู่บนบัลลังก์ ช่วยไม่ได้ที่ดวงตาของจ้าวฉวนจะส่องประกายขึ้น
เขาคิดถึงรอยยิ้มที่ลึกลับบนใบหน้าของฟางหยวนในเวลานั้น เขาคิด ‘ปีศาจดำขาว ข้าควรขอบคุณพวกเจ้าหรือไม่? ตอนนี้คุณหนูกลายเป็นผู้นำตระเฉิง ตระกูลจ้าวของข้ามีโอกาสกลับมา!’
หลังจากนั้นจ้าวฉวนคิดอีกครั้ง ‘ไม่ ตระกูลจ้าวต้องรอก่อน แม้คุณหนูจะกลายเป็นผู้นำตระกูลเฉิง แต่ยังมีความขัดแย้งภายใน สถานะการณ์ของนางยังไม่มั่งคง แล้วข้าจะจากไปตอนที่นางต้องการความช่วยเหลือจากผู้ใต้บังคับบัญชาของนางได้อย่างไร?’
จ้าวฉวนไม่ถูกล่อลวงโดยพิธีการอันยิ่งใหญ่
เขามองไปที่เฉิงปู้หลี่และเหวินเฉียนซาน
เมื่อเฉิงเยี่ยนเฟยยังมีชีวิต พวกเขาเป็นหนึ่งในห้าขุนพลคนสำคัญของตระกูลเฉิง หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ห้าขุนพลของตระกูลเฉิงเหลือเพียงสอง
คนแรกควบคุมการค้าทาสของตระกูลขณะที่คนหลังดูแลเรื่องการรวบรวมทรัพยากรเช่นการล่าสัตว์ รวบรวมสมุนไพร เหมืองแร่ และอื่นๆ
หนึ่งเป็นผู้อาวุโสสายตรงของตระกูลเฉิงและอีกหนึ่งเป็นผู้อาวุโสนอกที่ดูแลผู้ใช้วิญญาณสายนอกของตระกูล
‘ด้วยการคงอยู่ของคนทั้งสอง สถานการณ์ภายในตระกูลของคุณหนูถือว่าเลวร้ายมาก นางอ่อนแอขณะที่ฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่ง มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะใช้นางเป็นหุ่นเชิด คุณหนูไม่ได้รับการสนับสนุนจากทุกคนในตระกูล หลังจากทั้งหมดนางเป็นบุตรสาวนอกสมรส’
‘ปัญหาภายในน่ากังวลแต่ปัญหาภายนอกยิ่งน่ากลัวกว่า อันตรายแฝงตัวอยู่ทุกที่ การต่อสู้บนภูเขาอี้เทียนทำให้กองกำลังต่างๆสูญเสียผู้นำและผู้เชี่ยวชาญมากมาย ทุกสิ่งเปลี่ยนไปแล้ว ทรัพยากรที่ไร้เจ้าของจะถูกจัดสรรใหม่ คุณหนูมีผู้ใต้บังคับบัญชาน้อยเกินไป นางจะถูกกดดันอย่างหนัก’
‘ในสาถานการณ์ขับคับ ท่านหญิงเว่ยกลับทิ้งคุณหนูไป!’
คิดถึงเรื่องนี้ จ้าวฉวนมองไปที่ผู้ใช้วิญญาณหญิงที่อยู่ด้านข้างและรู้สึกไม่พอใจ นางก็คือเว่ยตี้ซิน
จ้าวฉวนถือเป็นมือขวาของเฉิงซินซื่อ ดังนั้นเขาจึงรู้ข้อมูลมากมาย
เว่ยตี้ซินเป็นภรรยาของผู้นำตระกูลเว่ย นางมีทักษะในการฝึกผู้พิทักษ์ เดิมทีฟางหยวนใช้จุดอ่อนเรื่องที่นางกำลังตั้งครรภ์บังคับให้นางเป็นผู้พิทักษ์ของเฉิงซินซื่อ แต่ตอนนี้นางให้กำเนิดสายเลือดของสามีสำเร็จแล้ว หลังจากเว่ยเฉินจิงน้องชายของนางค้นพบเรื่องนี้ เขาส่งจดหมายมาและเรียกนางกลับไปรับใช้ตระกูลวูร่วมกับเขา
เว่ยตี้ซินไร้ความภักดีต่อเฉิงซินซื่อมาตั้งแต่ต้น นางเพียงถูกบังคับ ดังนั้นนางจึงตัดสินใจที่จะจากไป
อย่างไรก็ตามสิ่งที่จ้าวฉวนไม่รู้ก็คือขณะที่เขากำลังกังวล เว่ยตี้ซินยิ่งกังวลมากกว่า
จ้าวฉวนเคยเป็นผู้นำตระกูลมาก่อน เขาสามารถมองเห็นภาพใหญ่ แต่เว่ยตี้ซินก็เช่นกัน นางเป็นภรรยาของผู้นำตระกูล ดังนั้นตอนนี้สายตาของนางจึงพุ่งไปที่เสี่ยวหลานและเสี่ยวตี้
‘เฉิงเยี่ยนเฟยตายไปแล้ว ความเป็นอริต่อตระกูลเฉิงของข้าลดน้อยลง’
‘ย้อนกลับไปแม้ข้าจะถูกบังคับโดยปีศาจดำขาวให้ปกป้องคุณหนูเฉิงซินซื่อ แต่หลังจากนั้นข้าก็เริ่มเข้าใจนาง’
‘คุณหนูเป็น…คนดี มีคนดีน้อยมากบนโลกใบนี้’
‘น้องชาย ข้าทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว ข้าไม่สามารถไปช่วยเจ้า!’
‘เจ้าเป็นผู้อาวุโสลับของตระกูลวู ชีวิตของเจ้าปลอดภัย แต่ที่นี่คุณหนูมีอันตรายอยู่ทุกหนทุกแห่ง’
เว่ยตี้ซินลอบถอนหายใจ
‘ในฐานะของผู้พิทักษ์ ข้าต้องคิดแทนคุณหนู ตอนนี้นางต้องการกำลังคน สามพี่น้องผู้ใช้วิญญาณปีศาจ ซ่งถู ซ่งเฮา และซ่งเฟิง ต้องอยู่! พวกขาไม่สามารถจากไป!’
‘ไม่ว่าอย่างไรคุณหนูก็ต้องมีผู้พิทักษ์ส่วนตัว เฉิงเยี่ยนเฟยตายไปแล้ว ตระกูลเฉิงเหลือขุนพลเพียงสองคน พวกเราไม่สามารถปล่อยให้พวกเขากีดขวางคุณหนู พวกเราต้องหาขุนพลเลือดใหม่ เสี่ยวเยี่ยนคือตัวเลือกที่ดี! เขาไม่เพียงมีพลังการต่อสู้ที่โดดเด่น เขายังนับถือเว่ยหยางเป็นต้นแบบ เพราะปีศาจดำขาว เว่ยหยางและเสี่ยวเยี่ยนจึงมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับคุณหนู’ เว่ยตี้ซินวางแผนอยู่ในใจ
บนท้องฟ้า เฉิงซินซื่อกล่าวสุนทรพจน์สั้นๆแต่มีความหมายที่ลึกซึ้งต่อหน้าผู้คนเป็นครั้งแรก
หลังกล่าวจบประโยค เสียงปรบมือสรรเสริญจึงปะทุขึ้น แต่พิธีรับสืบทอดตำแหน่งยังไม่จบ สิ่งที่ตามมาคืองานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่
ร่างของเฉิงซินซื่ออันตรธานหายไปก่อนจะปรากฏขึ้นอีกครั้งที่คฤหาสน์ของเมืองชั้นใน
“ช่างเหนื่อยนัก…” นางพึมพำแต่นางรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาพักผ่อน
นางใช้วิญญาณเรียกผู้ใต้บังคับบัญชา
เสี่ยวหลาน เสี่ยวตี้ เว่ยตี้ซิน จ้าวฉวน ซ่งถู ซ่งเฮา และซ่งเฟิง
เฉิงซินซื่อมีบางสิ่งที่ต้องจัดการ
เย่ฟานเดินอยู่บนถนน ดวงตาของเขาส่องประกายสว่างไสว
ด้วยการปกป้องเฉินซินซื่อในสถานการณ์อันตรายและปฎิเสธที่จะหลบหนี เขาจึงได้รับรางวัลจากเฉิงชิงชิงเป็นมรดกที่ยอดเยี่ยมและวิญญาณอีกมากมาย
หลังจากได้รับมรดกนี้ อนาคตของเขากลายเป็นสดใส
เขาตัดสินใจที่จะตอบแทนบุญคุณของเฉินซินซื่อ
‘ผู้ใดจะคิดว่าท่านหญิงซินซื่อจะกลายเป็นผู้นำตระกูลเฉิง…แต่ในฐานะผู้นำตระกูล มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับข้า ข้าควรตัดใจจากนางหรือไม่?’
คิดถึงเฉิงซินซื่อ หัวใจของเย่ฟานเต้นเร็วขึ้น
เขาพัฒนาความรู้สึกที่มีต่อเฉินซินซื่อแต่เขาไม่รู้ว่าเฉินซินซื่อคิดอย่างไรกับเขา
เย่ฟานเดินเข้าไปในคฤหาสน์ของนางโดยไม่มีผู้ใดค้นพบ
เมื่อเขาเห็นนาง เขาเริ่มเดินเร็วขึ้น
เขายืนอยู่ที่ประตูหลังแต่ก่อนที่เขาจะเคาะประตู เขาได้ยินเสียงของเฉิงซินซื่อดังมาจากภายใน “ทุกคนฟังข้า หลังจากกลายเป็นผู้นำตระกูล มีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องทำเป็นอันดับแรก เรื่องนี้ติดอยู่ในหัวใจของข้ามานานแล้ว ข้าต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลจับกุมปีศาจดำ! และแน่นอนว่ารวมถึงพี่สาวปีศาจขาวด้วย”
เย่ฟานหยุดนิ้วที่กำลังจะเคาะประตู
เฉินซินซื่อกำลังพูดคุยกับผู้ใต้บังคับบัญชาของนางขณะที่เฉิงชิงชิงและผู้อมตะคนอื่นๆของตระกูลกำลังหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ของภาคใต้อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติที่มีชีวิต
แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติที่มีชีวิตเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเฉิง มันมีเสถียรภาพมาและอนุญาตให้ผู้อมตะจำนวนมากเข้าไป
ประตูของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ก็คือประตูสมบัติที่มีใบหน้ามนุษย์อยู่บนบานประตูและสามารถแลกเปลี่ยนสมบัติผ่านรูจมูก
“หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ภาคใต้ตกสู่ความสับสนวุ่นวายและไม่สงบสุขอีกต่อไป” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉิงกล่าว
เขามองไปรอบๆก่อนกล่าวต่อ “ตอนนี้เรามีสามเรื่องสำคัญ”
“หนึ่ง กองกำลังพันธมิตรผีดิบของทั้งห้าภูมิภาคหายไปอย่างลึกลับ ตระกูลเฉิงต้องยึดครองทรัพยากรของพวกเขา”
“สอง ภูเขาอี้เทียนถูกปกคลุมด้วยอาณาจักรแห่งความฝันขนาดใหญ่ กองกำลังฝ่ายธรรมะกำลังร่วมมือกันปิดล้อมสถานที่แห่งนั้นเอาไว้เพื่อทำวิจัยและปกป้องมันจากผู้บ่มเพาะสันโดษ”
“สาม การแข่งขันบนภูเขาอี้เทียนไร้บทสรุปแต่มีทรัพยากรจำนวนมากตกค้างอยู่ในสวรรค์สีเหลือง ผู้เดิมพันคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่และสามารถรับสมบัติทั้งหมดคือผู้อมตะกั่วหลาว เราต้องควบคุมเขา!”
ผู้อมตะทั้งหมดของตระกูลเฉิงพยักหน้า ทั้งสามเรื่องเป็นเหตุการณ์สำคัญของโลกผู้อมตะภาคใต้ในเวลานี้ ผู้คนมากมายกำลังกังวลเกี่ยวกับพวกมัน
“ข้าจะจัดการเรื่องสวรรค์สีเหลือง…” เฉิงชิงชิงกำลังกล่าวแต่ทันใดนั้นการแสดงออกของนางกลับเปลี่ยนแปลงไป “เกิดสิ่งใดขึ้น? สวรรค์สีเหลืองปิดงั้นหรือ!?”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น