องครักษ์เสื้อแพร 1067-1071

 ตอนที่ 1067 ทุกคนรวมใจเป็นหนึ่ง ผู้ใดกล้าเป็นศัตรู

Ink Stone_Fantasy

เส้นทางภูเขาเดินทางยาก กองกำลังหลวงขนปืนใหญ่ไปป้อมตระกูลหยาง เมืองปัวโจวใหญ่สุดก็เป็นปืนใหญ่กระสุนหกชั่ง จำนวนไม่มาก ทั้งหมดสิบกระบอกเท่านั้น


ป้อมตระกูลหยางเป็นป้อมปราการเมืองของตระกูลหยาง  พื้นที่สำคัญที่สุดสุดท้ายของตระกูลหยาง  พื้นที่อันตรายไม่ว่า  หากแข็งแรงมั่นคงมาก แปดร้อยปีที่ผ่านมา  อย่างไรก็ต้องสร้างสิ่งก่อสร้างยิ่งใหญ่ออกมาได้


เห็นฐานกำแพงหินขนาดใหญ่ของป้อมปราการแล้ว ยังมีหอยิงธนูในจุดสำคัญ  และทหารที่คุมบนกำลังแพงหนาแน่น ทหารจากเสฉวนกุ้ยโจวพากันสูดลมหายใจเข้าอย่างตกใจ


เห็นเช่นนี้แล้ว ทหารเสฉวนกุ้ยโจวล้วนรู้สึกเสียใจภายหลังแล้ว ตลอดทางกองกำลังหลวงรบฝ่ายเดียว ทุกคนแบ่งสรรความชอบกัน สังหารปล้นชิงมีความสุขมาก แต่ตอนนี้เห็นป้อมปราการหนาเช่นนี้  มองอย่างไรก็ต้องใช้ชีวิตสุมเข้าไปจึงจะยึดได้  กองกำลังหลวงแน่นอนไม่ทำเรื่องเช่นนี้ อย่างนั้นก็มีแต่ชีวิตพวกตนที่ไร้ค่าแล้ว


ตอนนี้คิดหนีก็ไม่รู้หนีไปไหน กำลังการต่อสู้กองกำลังหลวง  พวกเขาเห็นจนเข้าใจแล้ว หากคิดหนีจริง  ถูกจับกลับมาได้ล้วนได้สบายแล้ว


แต่ทว่าซุนซิงไม่ได้ไล่มดเช่นพวกเขาไปตีเมือง เพียงให้พวกเขาไปเก็บไม้  ทำยุทโธปกรณ์  เตรียมการตีป้อม จากนั้นก็ให้เลือกทหารที่แข็งแรงล่ำสัน มาให้กองกำลังหลวงใช้งาน สถานการณ์ตอนนี้ ซุนซิงกล่าวอันใด พวกเขาล้วนต้องฟัง ได้แต่รับคำ


จากนั้นก็ไม่เป็นดังที่พวกเขาคิด ซุนซิงไม่ได้ตีเมือง หากยังคงจัดคนไปสร้างฐานยิงปืนใหญ่ในจุดที่ใกล้ป้อมปราการเมืองที่สุด  งานชั่วคราวมีความต้องการไม่มากนัก  งานไม้มากมายแต่คนเยอะไม่เหนื่อย  ทำงานกันได้เร็ว ฐานยิงปืนใหญ่แปดแห่งสร้างขึ้นสำเร็จ


วันที่ 12 เดือนเจ็ด ปืนใหญ่เริ่มยิงถล่ม คนตระกูลหยางเป็นครั้งแรกที่รู้ว่าปืนใหญ่ที่แท้ยิงได้ไกลเพียงนี้  เร็วเพียงนี้  ทหารบนกำแพงบาดเจ็บล้มตายน่าอนาถมาก  ไม่มีคนกล้าโผล่เหนือกำแพงอีก แท่นยิงธนูถูกถล่มพังหมด ป้อมปราการที่ดูเหมือนไม่อาจทะลายก็ล้วนไร้แรงต้านทาน


ทิศทางที่ปืนใหญ่ยิงไปเสร็จ ก็เริ่มโจมตี ทหารเสฉวนกุ้ยโจวจึงได้ลอบถอนใจ  ไม่ต้องถูกหินบนกำแพงหล่นทับ ไม่มีปืนไฟกับธนูยิงมา ก็แค่ใช้ก้อนหินถมคูเมืองให้เต็ม แม้ว่าเหนื่อยสักหน่อย  แต่ก็ดีกว่าไปตาย


ปืนใหญ่กวาดคนบนกำแพงเมือง พลปืนไฟก็หาที่กำลัง อย่างไรบนกำแพงก็ยังมีช่องยิงธนูอยู่ด้านหน้า ปืนใหญ่ไม่อาจยิงได้แม่นนัก และยังอาจถล่มใส่พวกเดียวกันอีก


ขุนพลทหารยังส่งทหารเสฉวนกุ้ยมาช่วยรบได้อีก พวกจากหนิงเซี่ยและส่านซีก็เป็นพลธนูฝีมือดี ทหารม้ากลุ่มพ่อค้าติดอาวุธก็ชำนาญการยิงธนู คนเหล่านี้ล้วนถูกนำออกมาใช้งาน ขึ้นหน้าให้การปกป้อง


เริ่มแรกช่องยิงธนูยังธนูยิงลอดออกมา แต่ก็ถูกปืนไฟยิงร่วงในเวลาไม่นาน ถึงกับมีธนูยิงรอดเข้าช่องยิงธนูได้ เรียกได้ว่าแม่นยำยิ่ง มีคนยิงเข้าไปได้ ก็ล้วนได้เสียงเชียร์ดังสนั่น


หินนำมาถม ไม้ถูกนำมาปูเสริม แม้คูน้ำตระกูลหยางลึกอยู่ แต่ก็ถูกถมอย่างรวดเร็ว


นี่ยังไม่เท่าไร ฐานปืนใหญ่ใหม่ยังสร้างเพิ่ม กองกำลังหลวงมีกำลังคนเพียงพอ ฐานปืนใหญ่ค่อยๆ สร้างขึ้นห้า กำลังคงไม่ขาดแคลน นอกจาทหารเสฉวนกุ้ยโจวใช้การได้แล้ว ชาวเมืองปัวโจวก็ถูกนำมาช่วยงานด้วย


ปืนใหญ่สิบกระบอกยิงถล่มป้อมได้ในที่สุด ถึงแกนกลาง ปืนใหญ่เปลี่ยนทิศทางยิงมาไม่หยุด กระสุนปืนใหญ่ยิงถล่มไปยังที่ต่างๆ ในป้อม  คูเมืองด้านหน้าเริ่มถมเต็มแล้ว  ทหารในป้อมเริ่มสติแตกกระเจิงหมดแล้ว


เห็นทหารด้านนอกมากมายทั่วพื้นที่ ทหารรักษาป้อมก็รู้ว่าไม่มีทางรอดแล้ว แต่ปืนใหญ่กองกำลังหลวงก็ยังยิงไม่หยุด


การโจมตีป้อมเสร็จเรียบร้อย ทหารเสฉวนกุ้ยโจวเริ่มประกาศรางวัลความชอบ รวมกำลังพรุ่งนี้ออกบุกด้านหน้า วันนี้เป็นวันที่ 16 เดือนเจ็ด กลางคืนดึกดื่น ทหารบนฐานปืนใหญ่ก็มองไปเห็นแสงเพลิงไหม้ในป้อมปราการ ในป้อมมีเสียงเอะอะโวยวาย มีคนด่าด้วยความโมโห  ทว่าเสียงร้องไห้ดังดังกลบเสียงทุกอย่างไว้หมด


เช้าตรู่วันที่ 17 เดือนเจ็ด ฟ้าเพิ่งสว่าง ประตูหน้าป้อมตระกูลหยางก็เปิดออก ตระกูลหยางยอมจำนน ซุนซิงยังได้ข่าวมาว่า หัวหน้าตระกูลหยางกับบรรดาภรรยาคืนวานล้วนเผาตนเองตายไปแล้ว


การต่อสู้ต่างๆ ที่ผ่านมาทั้งหมด กองกำลังหลวงของซุนซิงสังหารและทำให้กำลังเมืองปัวโจวบาดเจ็บไปเกือบสองหมื่น   ชายฉกรรจ์ที่ต่อสู้ได้ สำหรับเมืองปัวโจวเช่นนี้ ก็ใช้เกือบหมดเมืองแล้ว ป้อมตระกูลหยางล่มสลาย ชาวพื้นเมืองเมืองปัวโจวที่เหลือแม้จะโกรธแค้น  แต่ไม่มีทางรวมกำลังออกมาต่อต้านได้ ได้แต่ยอมสยบโดยดี


ข่าวนี้ทำให้ขุนนางเสฉวน กุ้ยโจวกับหูกว่างรอบเมืองปัวโจวดีใจอย่างมาก ผู้ตรวจการหลี่ฮว่าหลงรีบส่งคนไปรายงานเมืองหลวง หลังการต่อสู้ที่อำเภอเหอเจียง ชัยชนะเป็นที่แน่นอนแล้ว หลี่ฮว่าหลงมีแผนจัดการต่อจากนี้แล้ว เมืองหลวงย่อมอนุมัติ


เมืองปัวโจวแบ่งเป็นสองเมือง  หนึ่งชื่อว่า จุนอี้ สองชื่อว่า ผิงเยว่ ให้อยู่ในปกครองเสฉวนกับกุ้ยโจว ราชสำนักส่งขุน นางมาดูแล วาจาเช่นนี้ อีกสิบปียี่สิบปี พื้นที่นี้ก็ย่อมกลายเป็นพื้นที่แห่งโอรสสวรรค์แล้ว


ตีเมืองปัวโจวได้ กองกำลังหลวงไม่อาจจากไปได้ในทันที ศัตรูในพื้นที่พ่ายแพ้แล้วก็ต้องรักษาการณ์อีกหลายเดือน จึงกลับไปได้ นี่เป็นธรรมเนียม


แต่ทว่าหลังจากรบป้อมตระกูลหยางแพร่ออกไป  ผู้ตรวจการหลี่ฮว่าหลงก็ได้รับจดหมายจากเมืองหนานจิง  หลี่ฮว่าหลงมาจากตำแหน่งนายกองกรมโยธาเมืองหนานจิง กับขุนนางหกกรมกองเมืองหนานจิงล้วนสนิทกัน  ก็ย่อมมีสหายสนิทหลายคน จดหมายเป็นเพื่อนคนหนึ่งของเขาเขียนมา


******************


ในจดหมายแสดงความยินดี จากนั้นก็กล่าวเปิดประเด็นตรงไปตรงมา ความชอบใหญ่ครั้งนี้ย่อมน่ายินดี แต่ยังมีเรื่องที่อาจขยายใหญ่ได้ยิ่งกว่า วาจากล่าวได้ถูกต้อง หลี่ฮว่าหลงบันทึกไว้เองว่า


“…มีแผ่นดินหมิงมาเพิ่งจะ 200 ปี นอกจากมหาปราชญ์แล้ว  มีผู้ใดเกินพันปี…”


วาจานี้ก็หมายความว่า แผ่นดินหมิงสร้างชาติมาถึงตอนนี้ก็เพิ่งจะ 200 ปี  ใต้หล้าหลายเชื้อชาติ  ลัทธิขงจื่อแต่ละยุคล้วนได้รับการยอมรับชื่นชมจากทุกราชสำนัก สืบต่อมาหลายพันปี นี่ไม่ต้องพูดถึง แต่พื้นที่ตะวันตกเฉียงใต้ ตระกูลหยางสืบทอดมา 800 ปีไม่เท่าไร ยังมีตระกูลอานกับตระกูลเซอที่สืบทอดมาเป็นพันปี


 ตระกูลอานแห่งสุ่ยซี  ตอนนี้สืบทอดมาเกินพันปีแล้ว พวกเขาเป็นเซวียนเว่ยสื่อของราชสำนักแต่งตั้ง พูดให้ถูกก็คือเป็นราชสำนักยอมรับให้พวกเขาได้ปกครองคนในพื้นที่


หัวหน้าเผ่าตะวันตกเฉียงใต้เหล่านี้ ไม่ต้องเสียภาษีให้ราชสำนัก ไม่ต้องเกณฑ์แรงงาน พ่อค้าแผ่นดินหมิงกับสินค้าผ่านพื้นที่พวกเขา พวกเขากลับเก็บภาษีได้ แม้ว่าเป็นพื้นที่แผ่นดินหมิง แม้ว่ายอมสวามิภักดิ์ราชสำนัก แต่ขุนนางในพื้นที่ก็ยังให้พวกเขาปกครองกันเอง พวกเขาเองยังมีกองกำลัง ล้วนเป็นประเทศในประเทศ


ใต้หล้าเขตแดนแผ่นดินหมิงมีที่เช่นนี้ ใช่ว่าเป็นภัยใต้ปีกราชสำนักหรือ ปกครองแทนโอรสสวรรค์ ใช่ว่าเป็นความอัปยศในการปกครองท้องที่หรือ


ในจดหมายกล่าวได้คุณธรรมใหญ่มาก แต่จดหมายก็กล่าวได้กระจ่างเช่นกัน  ต้องอาศัยขุนนางท้องที่ลงมือ ย่อมเป็นการหาภัยสู่ตัว ควรป้องกันไว้ก่อน  ตอนนี้กองกำลังหลวงยังอยู่ เป็นเวลาเหมาะในการเคลื่อนกำลัง  ต้องปราบพวกหัวหน้าเผ่าต่างๆ ให้อยู่ในอาณัติให้ได้


หากทำเรื่องเหล่านี้ได้เสร็จ  ความชอบย่อมไม่ด้อยไปกว่าบุกเบิกแผ่นดิน ได้ความดีความชอบชอบ แม้ไม่อาจเข้าสู่คณะเสนาบดีใหญ่ แต่ตำแหน่งเสนาบดีกรมทหารก็คงหนีไม่พ้น


ยังได้ชื่อว่าทรงคุณธรรมใหญ่ ยังได้เลื่อนตำแหน่ง ข้อเสนอเช่นนี้เป็นที่ถูกใจขุนนางบุ๋นที่สุด หลี่ฮว่าหลงหวั่นไหวทันที ปัญหาเดียวก็คือเพื่อกำราบจลาจลตระกูลหยางเมืองปัวโจว  เสฉวน หูกว่างและกุ้ยโจวเสียกำลังเงินทองไปมาก ไม่อาจรวบรวมมาได้โดยง่าย


หัวหน้าเผ่าอื่นๆ ไม่ได้ทำอะไรผิด หากเสฉวนก่อเรื่องก่อนเอง ตอนนั้นไม่ใช่ความชอบ หากอาจเป็นความผิดใหญ่


หวังทงไม่เพียงผ่านสายสัมพันธ์นี้ส่งข่าวถึงเขา เจ้าจินเลี่ยงกับซุนซิงเองก็มี พ่อค้าเสฉวนเองก็มี


สำหรับซุนซิงกับเจ้าจินเลี่ยง  ขอเพียงหวังทงเอ่ยมา พวกเขาย่อมไม่อาจไม่ทำ เพราะได้ขจัดภัยเหล่านี้ให้แผ่นดินหมิง ทำให้พวกป่าเถื่อนอยู่ในอาณัติโอรสสวรรค์ ก็เป็นเรื่องที่ทหารแผ่นดินหมิงควรกระทำ


จดหมายที่เขียนถึงบรรดาพ่อค้าไม่ใช่ที่คนทั่วไปจะเขียนได้  ต้องเอ่ยจากผลประโยชน์แบบผ่าให้เห็น ในยุคสมัยนี้ ไม่มีผู้ใดทำได้ดีไปกว่าหวังทง


แรกสุดหวังทงใช้การเอ่ยถึงเกลือเสฉวน เสฉวนก็เป็นแหล่งผลิตเกลือใหญ่  แต่ส่งให้สองแม่น้ำไปขายทั่วหล้า ส่านซีตอนเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือมีบ่อเกลือฉือเหยียนรองรับ แต่เกลือเสฉวนยังคงทำกำไรมหาศาล  กำไรนี้แบ่งเป็นสองส่วน หนึ่งไปทางตะวันออก ก็คือหูกว่างกับเสฉวน  ที่แห่งนี้มีปริมาณต้องการมาก  อีกที่ก็คือส่งให้ชนเผ่าอื่นรอบๆ เสฉวนและกุ้ยโจว พวกเขาล้วนไม่มีพื้นที่ที่เป็นแหล่งเกลือ พวกเขาต้องการเกลือ  แต่เป็นคนละเผ่า ไม่ใช่ชาวฮั่น ดังนั้นพ่อค้าเกลือจึงขายให้ในราคาสูงอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด กำไรแน่นอนมหาศาลยิ่ง


การค้าคนนอกเผ่า ที่จริงไม่เพียงแค่เกลือ ยังมีผ้าและสินค้าเบ็ดเตล็ดอื่นๆ อีก ที่ล้วนทำกำไรมหาศาลเช่นนี้ ใต้หล้าล้วนรู้


แต่การค้าทางนี้ กำไรมหาศาลจริงๆ ไม่ใช่อยู่ในมือพ่อค้าเสฉวนกุ้ยโจว  แต่กลับเป็นพวกหัวหน้าที่ได้แต่งตั้งเป็นเซวียนเว่ยสื่อ ปกครองชนเผ่า


พวกเขามีตำแหน่งในราชสำนัก เงินทองและอำนาจมาก สามารถเปิดร้านค้าตนเองในเมืองใหญ่ได้ ที่จริงพวกเขาได้กลายเป็นชาวฮั่นมากแล้ว เชี่ยวชาญหลักการค้าเหล่านี้มาก ต่อรองราคา  อาศัยการซื้อมาจำนวนมากเพื่อให้ได้ราคาต่ำ จากนั้นก็ขนกลับมาขายยังพื้นที่พวกเขา


ชาวภูเขา แต่ละหมู่บ้าน ล้วนต้องซื้อจากพวกเขาในราคาสูงลิ่ว หัวหน้าเหล่านี้ถึงกับล้วนใช้ของจำเป็นมาบังคับพวกชาวหมู่บ้านต่างๆ ให้อยู่ใต้อาณัติ


วนเวียนกำไรมหาศาลที่แท้จริงอยู่ที่ก้อนนี้  แต่เส้นทางนี้กลับถูกหัวหน้าเผ่าควบคุมไว้ พ่อค้าใหญ่สุดในเสฉวนเหล่านี้ ยากจะเอื้อมมือเข้าแตะต้อง เห็นกำไรตรงหน้าแต่ไม่อาจแตะต้องได้ ทำให้หลายคนไม่อาจยอมรับได้ เมื่อก่อนพ่อค้าใหญ่พวกนี้รู้ราชสำนักไม่อาจจัดการได้ ทางเลือกพวกเขาไม่มาก ได้แต่สมาพันธ์กับหัวหน้าเผ่าเหล่านี้ไป ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว มีกองกำลังหลวงมาแล้ว กองกำลังหลวงต่อสู้กับตระกูลหยางแสดงให้แห่งกำลังการต่อสู้ ทำให้พวกเขายอมรับ มีกองกำลังนี้ กวาดล้างเผ่าใดล้วนไม่ใช่ปัญหา


ในเมื่อหลี่ฮว่าหลงหวั่นไหวแล้ว ซุนซิงกับเจ้าจินเลี่ยงเองก็ไม่มีปัญหา พ่อค้าใหญ่เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว พ่อค้าใหญ่เหล่านี้เดิมก็มีสายสัมพันธ์มากมายโยงใยกันราชสำนัก สำหรับกิจการอ๋องสู่(เสฉวน) และอ๋องเซียง (กุ้ยโจว) ก็ไม่ต้องพูดถึง คนเหล่านี้สมคบคิดกันขึ้นมา ส่งผลกระทบไม่น้อยเลยจริงๆ


สำหรับที่ว่าจะลงมือให้ยังคงคุณธรรมใหญ่ได้อย่างไรนั้น เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วง วงการขุนนางมีวิธีรับมือไว้แล้ว เริ่มแรกก็ให้คนใหญ่คนโตในพื้นที่เสฉวนกุ้ยโจวไปร้องเรียนทางการ ว่ากิจการตนถูกปล้นชิงโดย ‘พวกผิดกฎหมาย’  มีคนถูกสังหารโดย ‘พวกผิดกฎหมาย’  จากนั้นให้ขุนนางท้องที่นั้นยื่นฎีกาเมืองหลวงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขอให้ราชสำนักจัดการ จากนั้นหลี่ฮว่าหลงก็ยื่นฎีกาเสนอแนวทางปราบปราม


หลังเหตุการณ์ตระกูลหยาง พูดถึงตระกูลอานกับตระกูลเซอในพื้นที่ ยังกล่าวว่าจลาจลเมืองปัวโจว สองตระกูลนี้ก็แอบสมคบคิดด้วย ถึงกับไม่ยอมส่งทหารตนเองเข้าร่วมศึกนี้ ตระกูลหยางคิดการใหญ่ก่อกบฏ ตระกูลอานกับตระกูลเซอไม่เป็นไปด้วยหรือ ไม่อาจไม่สอบ สองตระกูลนี้ก็ใช่ย่อย  ไม่รู้จักสำนักผิด กลับเหิมเกริมยิ่ง ตอนนี้กองกำลังหลวงอยู่ในพื้นที่เสฉวน ไม่สู้ปราบทิ้งไปให้หมด


ก่อนหน้านี้มีคนแสดงท่าทีเป็นห่วงต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ว่านลี่ ว่าพื้นที่เมืองปัวโจวซับซ้อน ไม่เหมือนทุ่งหญ้ากับนอกด่าน กองกำลังหลวงเกิดเสียทีมา ไม่เป็นผลดีต่อฝ่าบาท นี่นับเป็นคำเตือนที่ภักดี ฮ่องเต้ว่านลี่ได้ยินแล้วก็ทรงเป็นห่วงอยู่หลายส่วน


ในวังถึงกับเตรียมการณ์ไว้ก่อน หากซุนซิงทางนั้นมีเหตุขึ้น ก็จะรีบส่งกำลังลี่เทากับถานปิงไปช่วย  แต่ผลปรากฏกลับทำให้ทุกคนล้วนโล่งอก และยิ่งมั่นใจมากขึ้น


สำหรับเรื่องข้อเสนอว่าอย่างไรจึงจะได้รับชัยชนะ ฮ่องเต้ว่านลี่ล้วนไม่ปฏิเสธ หวังทงเองก็ยื่นฎีกาแสดงชัดเจนในเรื่องเหล่านี้ ฮ่องเต้ว่านลี่เองก็ไม่ทรงยินยอมให้อาณาเขตแผ่นดินหมิงพระองค์มีผู้ใดดำรงตนเองเป็นดังผู้ปกครอง


เมื่อก่อนขุนนางมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ใด แต่ไรล้วนไม่ปิดบัง แต่ครั้งนี้ กลับเป็นความลับยิ่ง กองกำลังหลวงจากเมืองปัวโจว ไปยังพื้นที่ตระกูลเซอ ข่าวจึงค่อยปล่อยออกมา


ตระกูลอานที่สุ่ยซีสืบทอดมาเป็นพันปี เกือบจะเป็นเจ้าผู้ครองเผ่าต่างๆ ในเสฉวนกุ้ยโจวแล้ว แน่นอนไม่ยอมให้สถานะตนต้องสั่นคลอน กองกำลังหลวงคิดลงมือกับตระกูลเซอ ตระกูลอานย่อมต้องให้การสนับสนุนตระกูลเซออย่างมาก


แต่การต่อสู้ก็สิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว  กองกำลังหลวงที่เริ่มคุ้นชินกับอากาศชื้นและป่าเขาในพื้นที่แล้ว  ทหารแม้วเหล่านี้ไม่อาจได้เปรียบอีกแล้ว


ที่เรียกว่าธนูอาบยาพิษ ไม่มีผลใดต่อกองกำลังหลวงที่สวมเครื่องป้องกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระยะยิงธนูไม่อาจสู้มือธนูเมืองชายแดน ไม่ต้องพูดถึงปืนไฟอันใดแล้ว ทหารท้องถิ่นแม้เก่งกล้าแต่ต่อหน้ากองกำลังหลวงก็เป็นแค่เรื่องน่าขันเท่านั้น


ตระกูลอานกับตระกูลเซอในเมื่อเป็นตระกูลใหญ่ ศูนย์กลางพวกเขาไม่เป็นพื้นที่ราบใหญ่ก็เป็นที่ค่อนข้างใหญ่  ไม่เช่นนั้น พวกเขาย่อมไม่มีกำลังเสบียงและคนเพียงพอมาสนับสนุนการปกครองของพวกเขา พื้นที่เช่นนี้ ทัพใหญ่บุกเข้าไปได้ง่ายดายมาก ไม่กระทบต่อการขนย้ายปืนใหญ่


ติดตามกองกำลังหลวงรบมาหลายเดือน ทหารเสฉวน หูกว่างและกุ้ยโจวเริ่มฮึกเหิมไม่น้อย อย่างไรกองกำลังหลวงก็ไม่แพ้  ติดตามไปเก็บผลประโยชน์ด้วยนับว่าเป็นเรื่องดี เช่นนี้อย่างไรก็ย่อมเริ่มต่อสู้เป็น การได้กำลังเสริมเช่นนี้ ได้เปรียบตระกูลเซอและตระกูลอานยิ่งมาก


ต่อหน้าความได้เปรียบสิ้นเชิงนี้ หลายคนก็แม้ว่าไม่อยากยอมรับ ก็รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร  ที่เรียกได้ว่าการต่อสู้แท้จริงมีเพียงครั้งเดียว ทหารตระกูลเซอหมื่นกว่าอยู่ๆ ออกมาแปดพันดักโจมตี ถูกทหารกองกำลังหลวงล้อมตีพ่ายกลับไป จากนั้นก็ไม่มีการต่อสู้ใดเกิดขึ้นอีกเลย


ตระกูลเซอถูกทำลายล้าง ตระกูลอานขอยอมจำนน  ต้นเดือนสิบ ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 19 หัวเหน้าเผ่าตำแหน่งเซวียนเว่ยสื่อต่างๆ ในพื้นที่เสฉวนกุ้ยโจวล้วนรู้ว่าควรทำตัวเช่นไรแล้ว


ตอนที่ 1068 ปีที่ 19 สุขสงบ

Ink Stone_Fantasy

ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 19 เสฉวน หูกว่างและกุ้ยโจวพื้นที่สามมณฑลซับซ้อนนี้เกิดเรื่องราวมากมาย มีศึกใหญ่ มีปะทะย่อย มีการเปลี่ยนแปลงจุดยืนต่างๆ มากมาย


หลายคนครองพื้นที่อำเภอ ไม่ก็เมืองเป็นพื้นที่ตนเอง หัวหน้าเผ่าต่างๆ ไม่ยอมให้ราชสำนักแผ่นดินหมิงเข้าควบคุม ต้องการเพียงให้ตนมีตำแหน่งขุนนางปกครองร่ำรวย


ความจริงนั้นกองกำลังหลวงไล่ปราบปรามหัวหน้าเผ่าหลายคนเพียงแค่ในพื้นที่เสฉวน ไกลสุดก็แค่รอยต่อหูกว่างกับเสฉวนเท่านั้น จากนั้นก็กลับมาที่ตั้ง พวกที่สามารถรวมกำลังคนมาได้ใหญ่สองสามคนเท่านั้นที่ถูกตีพ่ายกระจัดกระจาย จากนั้นก็ไม่เกิดการก่อการอีก


หัวหน้าเผ่าแต่ละแห่งก็มีความคิดเองเออเองว่า ทัพใหญ่รับมือกลุ่มใหญ่แล้ว พวกเราก็ทำตัวเป็นผู้ครองแผ่นดินแถบนี้เงียบๆ คิดว่าทางการคงไม่ใช้กำลังปราบอย่างไร้เหตุผล พวกเขาเองก็คงขี้เกียจจะสนใจทางนี้


ทางการไม่ได้คิดถึงกุ้งหอยปูปลาเล็กๆ เหล่านี้จริง แต่ชาวฮั่นผู้เป็นใหญ่ในพื้นที่กลับไม่ยอมให้พวกเขาได้ดำรงอยู่ต่อไป ชนเผ่าในเสฉวน หูกว่างและกุ้ยโจวสามมณฑลเดิมก็น้อยอยู่แล้ว แม้แต่ละเผ่าแต่ละหมู่บ้านก็มีคนอาศัยเบาบาง แต่ได้มากได้น้อยก็เอา ทุกคนผู้ใดก็ไม่รังเกียจว่ามาก  แต่ละแห่งปราบชาวบ้านก่อความวุ่นวายกันไปทั่ว ทหารทางการไปถึง ชาวบ้าน ‘ทรงคุณธรรม’ ก็ตามมากัน


สามมณฑลนี้ในช่วงระยะนี้นับว่าไม่อาจสงบสุขได้ แต่ทว่าในมุมมองระดับแผ่นดินแล้ว ไม่มีผู้ใดคิดว่านี่เป็นเรื่องใหญ่อันใด ราชสำนักรายงานก็แค่เอ่ยถึงง่ายๆ แล้วก็ปล่อยผ่านไป ชาวเสฉวนปราบความวุ่นวาย


ไม่ได้อยู่ตะวันตกเฉียงใต้มาก่อน ขุนนางบุ๋นก็ย่อมไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อันใดนัก ก็แค่ปราบปรามหมู่บ้านสองสามแห่งในอาณาเขตแผ่นดินหมิงเท่านั้น ปราบโจรก็เท่านั้น จะไปอะไรกันนักหนา พวกเขามีท่าทีต่อเรื่องครั้งนี้ไม่อาจเรียกว่าดูแคลน แต่เรียกว่ามองข้ามไปเลยดีกว่า


แต่ชาวเสฉวน หูกว่างกับกุ้ยโจวและขุนนางท้องที่ที่เป็นขุนนางบุ๋นมาหลายปีล้วนรู้ว่าหมายความว่าอันใด  บันทึกหลายคนกับรายงานหัวหน้าเผ่านั้น ล้วนแสดงข้อความอันแสนสะเทือนใจ


“…แต่นั้นมา แผ่นดินหมิงตะวันตกเฉียงใต้ก็สงบสุข…” “…หัวหน้าเผ่าต่างๆ…ตื่นจากฝัน…ตะวันตกเฉียงใต้ประสบภัยหายนะใหญ่แน่นอน…รู้สึกแต่ไม่อาจกล่าว…วันนี้ไร้กังวล เมามายสามวัน…”


อิทธิพลอำนาจตระกูลหยาง ตระกูลเซอ ตระกูลอานในแถบนี้เช่นนี้ ตอนราชสำนักกำลังแข็งแกร่งยังดี แต่ตอนทางการนับวันกำลังยิ่งอ่อนแอ กำลังที่ใช้ได้ก็นับวันยิ่งน้อย หัวหน้าเผ่าพวกนี้ย่อมมีความคิดก่อการ ไม่จำเป็นต้องให้คนฉลาดมองก็ย่อมคาดเดาวิเคราะห์ได้ วันหน้าย่อมเกิดเหตุกบฏ แต่ละคนล้วนเป็นห่วง มีคนถึงกับย้ายครอบครัวอพยพหนีลงใต้


การปรากฏตัวขึ้นของกองกำลังหลวงทำให้พวกเขาได้รู้ว่าอำนาจราชสำนักยังคงยิ่งใหญ่เกรียงไกรดังเดิม  กวาดล้างพวกเซวียนเว่ยสื่อผู้ปกครองชนเผ่าที่ราชสำนักแต่งตั้งเป็นขุนนางปกครองที่นี่แล้ว ตะวันตกเฉียงใต้ก็สงบสุข


หัวหน้าเผ่าที่เมื่อก่อนเคยสวามิภักดิ์ภักดีแผ่นดินหมิงได้รับการปฏิบัติที่ดี เช่นตระกูลหม่าในอำเภอสือจู้ เป็นต้น


ผู้ตรวจการเสฉวน หูกว่างและกุ้ยโจวสามมณฑลสถานะไม่ธรรมดา ปราบจลาจลวุ่นวายในตะวันตกเฉียงใต้แล้ว หลี่ฮว่าหลงย่อมต้องคืนตำแหน่งและรอรับคำสั่งแต่งตั้งต่อ


แต่ทว่าการปราบตะวันตกเฉียงใต้ครั้งนี้มีความดีความชอบใหญ่หลวง ต้องรู้ว่าหลี่ฮว่าหลงเป็นคนยื่นฎีกาขอกองกำลังหลวงเข้าสู่เสฉวนปราบกบฏ  จากนั้นหลังกองกำลังหลวงมาเสฉวน เขาก็ไม่ได้ทำเหมือนขุนนางบุ๋นอื่นในแผ่นดินหมิง ที่ทำทีเย็นชาและคอยขัดขา หากให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนอย่างที่สุด  ผลปรากฏจึงได้ชัยชนะใหญ่เช่นนี้  เขาเองก็มีความดีความชอบที่ทุกคนล้วนยอมรับ


แม้ใกล้มอบคืนตำแหน่ง แต่ทางเมืองหลวงก็ยังมีคนสนิทส่งจดหมายมาว่าหลี่ฮว่าหลงครั้งนี้ต้องได้เป็นเสนาบดีกรมทหารแน่นอน สถานการณ์ตอนนี้ การได้เข้าร่วมคณะเสนาบดีใหญ่ใช่ว่าไม่อาจเป็นไปไม่ได้


 จากผู้ว่าการเหลียวตง ไปเป็นนายกองโยธาเมืองหนานจิง ผู้ตรวจการทหารเสฉวน หูกว่างและกุ้ยโจวสามมณฑล จากนั้นเข้าสู่เสนาบดีกรมทหาร เข้าสู่คณะเสนาบดีใหญ่ นี่เป็นเส้นทางการก้าวหน้าของขุนนางอันเป็นมาตรฐาน


****************


การศึกนี้สำหรับกองกำลังหลวงแล้ว   แม้ว่ามีความเสียหายหนักหลายครั้ง  แต่การฝึกฝนเป็นโอกาสที่หาได้ยาก เพราะเมื่อก่อนล้วนใช้ปืนในการต่อสู้ได้ผลดีที่สุด ครั้งนี้ที่เสฉวน หูกว่างและกุ้ยโจวอากาศชื้นฝนชุก หลายครั้งปืนยิงไม่ออก


ทหารกองกำลังหลวงส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมต้องใช้มีดดาบอาวุธปะทะกันกลางสนามรบ เทียบกับการยิงระยะไกลแล้ว เรียกว่าเป็นการใช้อาวุธเข้าปะทะเลือดเนื้อโดยตรง  ยิ่งทำให้ทหารแข็งแกร่งขึ้น


สำหรับการรบในภูเขาแล้ว ก็ได้สะสมประสบการณ์ที่หาได้ยาก ซุนซิงกับขุนพลทหารเบื้องหน้าร่วมกันสรุปจุดได้เปรียบเสียเปรียบ ทำเป็นหนังสือรายงานไปยังเมืองหลวงกับเมืองซงเจียง กองกำลังหลวงแต่ละแห่งล้วนต้องเรียนรู้


ตั้งแต่กองกำลังหลวงแต่ละกองไปประจำเมืองชายแดน ทหารส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนไปใช้ชาวนา แต่ก็มีทหารเก่งกล้ามาตรฐานอยู่บ้าง ด้วยกำลังเลี้ยงดูของกองกำลังหลวง พวกเขาแน่นอนไม่เป็นปัญหา แต่ที่ยุ่งยากก็คือ เมื่อใดจะทำให้คนเหล่านี้ได้กลายเป็นกองกำลังวังหลวงแท้จริง แต่ละที่ล้วนมีวิธีของตนเอง ลี่เทาเป็นพวกลงมือโหด ไม่ยอมคล้อยตามไม่ขับไล่ก็ทำลายทิ้ง ซุนซิงครั้งนี้กลับไม่ได้ใช้วิธีการอันใด


ผลประโยชน์พ่อค้าใหญ่เสฉวน หูกว่างและกุ้ยโจวแน่นอนไม่ต้องกล่าวถึง ตามวาจาทันสมัยเมืองซงเจียง เรียกว่า  ‘ขยายตลาด’ ได้เส้นทางการค้าที่เดิมอยู่ในกำมือของหัวหน้าเผ่า ตอนนี้ตนเองได้ไปที่นั่นเปิดร้านสาขา  ทำการค้าขายแบ่งสรรกำไร เป็นเรื่องที่นำมาซึ่งผลประโยชน์มากมาย


เครือข่ายสามธารานำสิ่งใดมาให้พวกเขาบ้าง พวกเขาล้วนมองเห็น สำหรับการมีอยู่ของเครือข่ายสามธาราที่เสฉวน หูกว่างและกุ้ยโจว  พวกเขาเองก็ย่อมให้การสนับสนุนอย่างมาก


สำหรับพ่อค้าใหญ่ตะวันตกเฉียงใต้แล้ว ประเด็นสำคัญที่สุดไม่ใช่เรื่องพวกนี้ แต่เป็นวิธีการทำงานของเครือข่ายสามธาราทำให้รู้ได้เรื่องหนึ่ง เดิมสำหรับพวกเขาแล้ว ทำการค้าก็แค่หาสายสัมพันธ์ เทียบราคา เจรจา  แต่ไรไม่เคยคิดว่ายังมีวิธีการเช่นเครือข่ายสามธาราเช่นนี้


วิธีการดังกล่าวก็ไม่ใช่วิธีการใหม่ของเครือข่ายสามธาราอันใด แต่คือหากเจ้าไม่ซื้อของข้า ข้าก็จะกำราบเจ้า บีบให้เจ้าซื้อ พื้นที่นี่ไม่ใช่ตลาดของข้า พอข้าครองได้ ก็ย่อมเป็นตลาดของข้า เสฉวนไปทางตะวันตกก็มีเผ่ามองโกลทิเบตมากมายทำการค้าไปมา ใช่ว่าไม่อาจใช้วิธีการเดียวกันหรือ?


เครือข่ายสามธารามีกองกำลังส่วนตัว พวกเรามีเงิน คนก็ไม่ขาด ทำไมไม่อาจทำตามอย่างได้เล่า พวกหัวหน้าเผ่ามองโกลทิเบตพวกนั้นมีเงินทองม้าวัวไม่น้อย…


*****************


ราชบัณฑิตในคณะเสนาบดีใหญ่สวี๋กั๋วขอลาตำแหน่งกลับบ้านเกิด ข่าวนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ราชบัณฑิตผู้นี้อายุไม่น้อยแล้ว ได้เวลาอำลาตำแหน่งแล้ว


ตามระเบียบแผ่นดินหมิง ฮ่องเต้ว่านลี่จะมีพระราชทานบำเหน็จ  จากนั้นก็อนุญาต  คนที่จะมาดำรงตำแหน่งแทนนั้น เป็นผู้ใด เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างให้ความสนใจมากที่สุด แต่ทว่าตอนนี้เหมือนว่าไม่มีผู้ใดเข้าตามากกว่าหลี่ฮว่าหลง ที่เป็นม้านอกสายตาได้ครองความโชคดีไป


ศูนย์กลางขุนนางแผ่นดินหมิงก็คือมหาอำมาตย์เซินสือหังในคณะเสนาบดีใหญ่ ล้วนกล่าวว่าเซินสือหังสงบนิ่งอย่างมาก ตอนดำรงตำแหน่งไม่เคยหาเรื่องเดือดร้อน  นอบน้อมอย่างมาก พอถึงปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 19 ในวังปล่อยข่าวมาว่า เซินสือหังดำรงตำแหน่งนานไปแล้ว อายุมากแล้ว ควรกลับบ้านเกิดไปใช้ชีวิตบั้นปลายได้แล้ว


ความหมายของกระแสข่าวนี้ทุกคนล้วนเข้าใจดียิ่ง เจ้านั่งอยู่ตำแหน่งนี้นานไปแล้ว หากรู้ความก็รีบลงจากตำแหน่งไปได้แล้ว…


แต่ทว่าคนไม่ว่านิ่งอย่างไร ไม่ว่าสงบอย่างไร ดำรงตำแหน่งมหาอำมาตย์คณะเสนาบดีใหญ่มาสิบปี เป็นหัวหน้าขุนนางบุ๋นใต้หล้า และเทียบกับคนก่อนหน้า เข้าเป็นมหาอำมาตย์ที่มีอิสระยิ่ง ตามธรรมเนียมแผ่นดินหมิง เรื่องต่างๆ ใต้หล้าล้วนเป็นมหาอำมาตย์ดูแล ความชอบตกเป็นของเขา ความผิดก็ย่อมเป็นของเขา


การรบหลายครั้งของกองกำลังหลวงนำชัยชนะและการเปลี่ยนแปลงมาสู่แผ่นดินหมิงได้เงินทองมา มหาอำมาตย์เซินสือหังอย่างไรก็ต้องได้แบ่งสรรปันส่วนเงินทองอยู่บ้าง ชัยชนะและการเปลี่ยนแปลงไม่เหมือนก่อน ไม่ใช่ผลประโยชน์จำกัดในกลุ่มคนชั้นสูงเท่านั้น แต่กลับเป็นความยินดีของทุกคน ผู้ใดก็ไม่อยากล่วงเกินหาเรื่องสถานการณ์ตอนนี้


สถานะเป็นอยู่ช่างสุขสบาย  ชายชาตรีไม่อาจไร้อำนาจแม้เพียงวัน เซินสือหังไม่อาจทิ้งตำแหน่งได้จริงๆ ดังนั้นท่าทีของเขาต่อในวังจึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น


ตอนนี้ฮ่องเต้ว่านลี่กุมอำนาจ ขอเพียงเขาดำรงตำแหน่งไม่ขัดอันใด ฮ่องเต้ว่านลี่ก็ใช่ว่าจะเร่งขับไล่เขาลงจากตำแหน่ง


แต่สถานการณ์มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ใช่คิดหรือไม่คิดลงจากตำแหน่งแล้ว หากเซินสือหังเจ้าไม่หลีกทาง รองอำมาตย์หวังซีเจวี๋ยที่ต่อหลังเจ้าจะยอมไม่รับหรือ?


เดือนแปด เสฉวนยังสู้กันไม่จบ เมืองหลวงเองก็ไม่สงบ ยังคงธรรมเนียมเดิมแห่งการแย่งชิงทางการเมือง ขุนนางยื่นฎีกา เซินสือหังอย่างไรก็เป็นมหาอำมาตย์มานาน จะระวังตัวรอบคอบอย่างไร อย่างไรก็เป็นคนที่ต้องรับผิดชอบใต้หล้า ความผิดอย่างไรก็ต้องหาพบได้


เริ่มแรกขุนนางบุ๋นนั่นถูกส่งคนไปตรวจสอบก่อน จากนั้นส่งเรื่องกลับมาเมืองหลวงถูกลงโทษไป ทุกคนกำลังจะหดมือกลับ ขุนนางที่ถูกลดตำแหน่งกลับถูกลดจริง แต่ลดไปเป็นผู้ว่าไท่หยวน ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนหลายปีก่อน สูงส่งในเมืองหลวงไม่ได้อันใดนัก ออกไปปฏิบัติงานนอกเมืองหลวงกลับได้ประโยชน์มากกว่า


ตอนนี้อาศัยแค่ด่าทอสร้างชื่อนั้นยากเลื่อนตำแหน่ง ตอนนี้ฝ่าบาทดูแคลนที่สุดก็คือคนเช่นนี้ แต่หากเจ้ามีความชอบใด ปฏิบัติงานใดเข้าตา ก็ย่อมเป็นที่จดจำในพระทัยฮ่องเต้ มีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่งอยู่มาก


ไม่กล่าวถึงเรื่องอื่น หวังซีเจวี๋ยทำไมได้กลายเป็นตัวเลือกอันดับแรกของตำแหน่งมหาอำมาตย์ หากไม่ใช่ว่าตอนนั้นออกหน้ามารับหน้าที่ขอไปเป็นผู้บัญชาการที่ปรึกษาทัพทัพใหญ่ปราบตะวันออกด้วยตนเอง จึงได้รับความไว้พระทัยจากฮ่องเต้ว่านลี่ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงหลี่ฮว่าหลง เดิมไม่ใช่คนสายในลำดับ แต่ตอนนี้ได้เป็นตัวเลือกสำคัญในการเข้าสู่คณะเสนาบดีใหญ่แล้ว


การไปตำแหน่งนี้ของขุนนางนี้พริบตาก็แสดงให้เห็นถึงท่าทีราชสำนักต่อเซินสือหัง ยังมีคนไปสืบมาได้ว่า ขุนนางนั่นเป็นศิษย์ของหวังซีเจวี๋ย


ตามหลัก การแก่งแย่งในราชสำนักทุกคนล้วนต้องปิดๆ บังๆ  ให้คนนอกรู้ย่อมได้ผลที่ไม่อาจคาดเดา สุดท้ายอาจทำให้ต้องผิดใจกันไป  แต่ครั้งนี้ทุกคนรู้กันเร็วเพียงนี้ แสดงให้เห็นว่าได้ที่ปะทุแล้ว


อยู่ๆ ก็มาถึงช่วงเวลาดุเดือดแล้ว ทุกคนไม่รู้จะทำอะไรในเหตุที่กะทันหันเกินไปเช่นนี้ แต่ก็เข้าใจได้ในทันที นี่เป็นเวลาแห่งการเลือกข้างแล้ว


เซินสือหังเงียบ แต่เงียบอย่างไรก็เป็นมหาอำมาตย์มาสิบปี ลูกศิษย์เขาดำรงตำแหน่งต่างๆ ก็ไม่น้อย  ใต้หล้านี้มีคนมากมาย ขุนนางมากมายก็ไม่ใช่ว่าเป็นเจ้าคนเดียวที่ครองได้  หากเป็นเวลาของพวกที่ไม่มีหวังในตำแหน่ง พากันออกมาเคลื่อนไหวยื่นฎีกา เริ่มโจมตี


พริบตาเรื่องใหญ่น้อยเซินสือหังก็ล้วนถูกเปิดโปงออกมาหมด  ตั้งแต่เรื่องแจกเสบียงช่วยภัยน้ำท่วมไม่ดี ไปจึงเลี้ยงนางดีดพิณไว้ในจวน หลงใหลนารีเหล่านี้เป็นต้น


พากันออกมากล่าวหา แต่ทุกคนสนใจนั้นยังคงเป็นท่าทีฮ่องเต้ว่านลี่ จากนั้นฮ่องเต้ว่านลี่ไม่ออกว่าราชการ  ไม่ได้แสดงท่าทีอันใดชัด แต่ส่วนตัวมีข่าวเล็ดรอดออกมาว่า ฮ่องเต้ว่านลี่ส่งขันทีในวังไปพบเซินสือหัง ว่ามีเรื่องพวกนี้จริงไหม  หากมีก็แก้ไข ไม่มีก็แล้วไป


ความจริงนั้นส่งคนไปจริงหรือไม่ แต่ข่าวนี้ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า การโจมตีเซินสือหังรุนแรงมาก เรื่องพวกนี้เกิดขึ้น ลูกศิษย์เซินสือหัง สายขุนนางของเซินสือหังก็เริ่มมีคนยืนออกมาชี้ตัว ‘เปิดโปง’ แล้ว


เซินสือหังยังคงเอาอยู่ ดำรงตำแหน่งมหาอำมาตย์ก็ไม่ได้ทำผิดใหญ่อันใด แต่ก็ไม่อาจไร้ความผิดใดๆ   คิดหาความผิดหรือข้อบกพร่องมาโจมตีก็ง่ายมาก หากถูกคนขุดรากลงลึกจริง ก็เป็นเรื่องยุ่งยาก เซินสือหังอยู่ในวงการขุนนางมาหลายสิบปี หลักการยังพอเข้าใจอยู่


วันที่ 16 เดือนเก้าปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 19 เซินสือหังอยู่ ๆ ล้มป่วย  รักษาตัวหลายวันก็ทอดถอนใจกับบรรดาญาติและมิตรสหาย  อายุมากแล้ว กำลังไม่ไหวแล้ว ไม่อาจรับใช้ราชสำนักแล้ว เกรงว่าทำให้แผ่นดินเสียการงาน วันที่ 23 เดือนเก้า เซินสือหังยื่นฎีกาขอลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิด


เรื่องจากนี้ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติ เซินสือหังยื่นฎีกา ฮ่องเต้ว่านลี่รั้งไว้  ดึงกันไปถึงเดือนสิบ เซินสือหังจึงได้รับพระราชานุญาตให้กลับบ้านเกิดได้ ฮ่องเต้ว่านลี่พระราชทานบำเหน็จให้เซินสือหังเรียกได้ว่า ดีกว่ามหาอำมาตย์คณะเสนาบดีใหญ่ที่เคยมีมา นับว่าเป็นพระเมตตา


จากนั้นก็ไปตามระเบียบ หวังซีเจวี๋ยมีความดีความชอบและความสามารถเหนือผู้ใด บรรดาขุนนางพากันเห็นชอบเสนอขึ้นมา ฮ่องเต้ว่านลี่แน่นอนย่อมเห็นชอบตามนั้น


*****************


หวังทงรู้สึกว่าอายุยิ่งมาก โลกนี้ก็ยิ่งกว้างใหญ่ เพราะได้รู้ข่าวนับวันยิ่งมาก ข่าวต่างประเทศก็มี


เช่นว่าเดือนหกปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 19 พม่ารุกรานยูนนาน หย่งชางและเถิงชงถูกตีพ่าย คิดไม่ถึงพม่าประเทศเล็กๆ ถึงกับกล้าบุกรุกมาเช่นนี้ได้ แต่ทว่าจากความเข้าใจ หวังทงกลับต้องตกใจ รู้สึกว่าพม่าตอนนี้เป็นใหญ่ใต้พื้นที่ยูนนาน ประเทศสยามมักถูกพม่ารุกราน มีเรื่องปะทะกับแผ่นดินหมิงหลายครั้ง ล้วนถูกตีโต้กลับไป


เรื่องนี้สำหรับหวังทงเป็นแค่เรื่องแทรกรับรู้เท่านั้น ไจ๋ซิ่วเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์แล้ว ท้องซ่งฉานฉานนับวันยิ่งใหญ่ขึ้น  ทำให้หวังทงต้องคอยเป็นห่วง นอกจากนี้ น้ำตาลอ้อยงวดแรกจากลูซอนก็มาถึงเมืองซงเจียง นอกจากเรื่องพวกนี้  ก็ยังมีสินค้าต่างๆ มาจากทะเลใต้ เครื่องเทศ อัญมณี ของฟุ่มเฟือยต่างๆ ถึงกับยังมีสตรีคัดมาจากทะเลใต้ ล้วนมาขายยังเมืองซงเจียง


 สินค้ามากมายมายังเมืองซงเจียง ล้วนทำกำไรให้บรรดาพ่อค้ามหาศาล แค่ต้นปีก็เริ่มคุยกันถึงส่วนแบ่งกำไรแล้ว อย่างไรก็ต้องมาดูสินค้ากันสักหน่อย ได้พบปะกันเสียหน่อย


แผ่นดินหมิงสงบสุขทั่วหล้า…


ตอนที่ 1069 ตะวันออกแผ่นดินหมิง สามเกาะญี่ปุ่น

Ink Stone_Fantasy

ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 19  ณ หอปราการปราสาทโอดาวาระ เดือนสิบ ปีรัชสมัยจักรพรรดิญี่ปุ่นโกะโยเซอิ เทนโน [1] ที่ 19


ที่นี่เป็นที่พักของคัมปะกุโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ เป็นศูนย์กลางของญี่ปุ่น เป็นพื้นที่ไดเมียวกับซามูไรและขุนนางทั้งหลายอยู่กัน  คนที่มาจากตะวันตกหรือทางเหนือมาเห็นปราสาทอลังการงดงามนี้แล้วถึงกับมีคุกเข่าแต่ไกล


บารมีนี้ไม่ใช่เป็นเพราะความใหญ่โตอลังการของปราสาท แต่เป็นเพราะเจ้าของผู้ครองปราสาทนี้  เป็นชายร่างเล็ก ศัตรูเขามักยิ้มเยาะที่เขามีชาติกำเนิดจากชาวนา หน้าตายังเหมือนลิง ยิ้มเยาะเขาที่เคยเป็นคนเลี้ยงม้าและทำงานรับใช้ของไดเมียวโอดะ โนบูนางะ แต่ทว่าเขายังเป็นหัวหน้าหน่วยทหารที่ใหญ่ที่สุดของโอดะ โนบูนางะ สังหารอาเกจิ มิตสึฮิเดะ[2]  ล้มอำนาจชิบาตะ คัสสึอิเอะอีกกลุ่มอำนาจของโนบูนางะ บีบโฮโจ อูจิมาซะ[3]ปลิดชีพตนเอง ทำให้ตระกูลโทกูงาวะ อิเอยะสึขอสงบศึก


ญี่ปุ่นทำสงครามกันมาสองร้อยปี คนที่รวมญี่ปุ่นคนแรกได้จริงๆ ก็คือโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ คนแรกที่บัญชาการรบทัพใหญ่แสนกว่าก็คือโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ  เขาเป็นคนมีชื่อสมดังคำล่ำลือ


สามารถเป็นซามูไรเมืองโอซาก้าได้ เป็นเรื่องที่มีเกียรติอย่างที่สุด  เดินในเมือง สีหน้าย่อมภาคภูมิใจและดีใจอย่างปิดไม่มิด


แต่ทว่าตั้งแต่ต้นสมัยเทนโช [4] ที่ 19 สีหน้าซามูไรระดับกลางในเมืองโอซาก้าล้วนเงียบขรึม ความบันเทิงหลายอย่างล้วนหยุดลง  คนชั้นสูงต้องไปหาความสำราญในเมืองอื่นใกล้ๆ แทน แม้แต่ไดเมียวแต่ละแห่งก็มายังเมืองโอซาก้าก็ต้องได้รับการบอกกล่าวก่อนว่า พยายามอย่ามีสีหน้ายิ้มแย้มมากนัก พยายามใส่เสื้อผ้าสีไม่สดนัก


โทโยโตมิ สึรุมะสึบุตรชายรองของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิป่วยจากไป โทโยโตมิ ฮิเดโยชิตอนนี้เป็นอันดับหนึ่งบนแผ่นดินญี่ปุ่น ไม่มีลูกหลานสืบทอด บุตรชายคนโตฮาชิบะ[5] ฮิเดคัตสึก็ตายไปนานแล้ว บุตรชายรองโทโยโตมิ สึรุมะสึก็มีอายุไม่เกินสามขวบ ทำให้โทโยโตมิ ฮิเดโยชิเสียใจสิ้นหวังมาก


บรรดาวัดและศาลเจ้าต่างพากันแอบนินทาว่า ‘ฟ้าอิจฉา’ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิจากชาวนาต่ำต้อยมาถึงตำแหน่งสถานะตอนนี้ ช่างโชคดีเกินไป


ตอนนี้ความโชคร้ายเหมือนยังคงต่อเนื่อง ยึดครองภูมิภาคคันโต ล้มโฮไจได้ น้องชายแท้ๆ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ โทโยโตมิ ฮิเดนากะก็ล้มป่วยไม่หาย เพื่อรักษาเขา โทโยโตมิ ฮิเดโยชิให้ฮิเดนากะมายังเมืองโอซาก้าพัก เชิญหมอมีชื่อมารักษามากมาย แต่ก็ไม่มีวิธีรักษา อาการป่วยโทโยโตมิ ฮิเดนากะยังคงเลวร้ายทรุดลงทุกวัน


หมอมีชื่อจากหลายเมืองมารักษา โทโยโตมิ ฮิเดนากะเหลือเวลาอีกไม่มาก ขอให้เตรียมงานได้แล้ว ข่าวนี้ทำให้บรรยากาศปราสาทโอดาวาระที่อึมครึมอยู่แล้วยิ่งหนักขึ้น


เช้าวันนี้ โทโยโตมิ ฮิเดนากะที่นอนไม่ได้สติ ยากจะมีตื่นขึ้นมากระปรี้กระเปร่าได้ ยังมีสาวใช้คอยปรนนิบัติให้ดื่มโจ๊ก ข่าวนี้ไม่ทำให้คนดีใจ ความรู้ที่พอมีอยู่ของทุกคนล้วนรู้ว่านี้เป็นแรงกำลังฮึดก่อนจะจากไป


ดื่มโจ๊กแล้ว โทโยโตมิ ฮิเดนากะก็ส่งไปเชิญโทโยโตมิ ฮิเดโยชิมา…


“พี่ท่าน ข้ามีวาจาอยากกล่าวกับพี่ ให้คนอื่นๆ ถอยออกไปก่อน!”


ใบหน้าฮิเดนากะผอมจนผิดรูป ซีดขาวไร้สีเลือด ฮิเดโยชิมองเขาอย่างห่วงใย ยกมือขึ้นโบก การเคลื่อนไหวฮิเดโยชิ  ทำให้คนในห้องพากันคำนับ จากนั้นก็ถอยออกไปเบาๆ ฮิเดนากะสูดลมหายใจเข้า กล่าวอย่างอ่อนแรงว่า


“พี่ท่าน ทุกคนออกไปแล้วกระมัง อย่างไรก็ต้องระวัง”


โทโยโตมิ ฮิเดโยชิยกมือไปตบมือฮิเดนากะ ล้วนได้ยินแต่เสียงกระดูก ออกคำสั่งดัง  ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวรอบๆ ห้อง  ซามูไรกับนินจาในความมืดถอยออกไปแล้ว


“ตอนเด็กพี่เคยบอกเจ้าว่า มีเสื้อขนเป็ดคลุมตัวนอกสักตัวก็พอใจแล้ว เจ้าตอนนี้ทุกวันแต่งตัวอะไรกัน ล้วนว่าผ้าแพรไหมแผ่นดินหมิงดีที่สุด ยังปักเลื่อมทองบนผ้า เจ้าไม่รู้หรือไม่ พ่อค้าที่นี่กับบรรดาไดเมียวล้วนยิ้มเยาะเจ้า ว่าเราเป็นชาวนาไม่เคยเห็นโลกกว้าง”


โทโยโตมิ ฮิเดนากะยิ้มกล่าว โทโยโตมิ ฮิเดโยชิสองตาจ้องมอง  ตามมาด้วยยิ้มตาม กล่าวไม่พอใจว่า


“ข้าอยากแต่งอย่างไรก็แต่ง ไม่ต้องให้พวกเขามาพูดมาก ไม่ว่าพวกเขาแต่งกายเช่นไร รู้จักเสพสุขเช่นไร แต่ต้องหน้าข้าก็ยังต้องคุกเข่า”


“พี่ท่านวันหน้าย่อมยิ่งใหญ่ยิ่ง เพียงแต่ข้าคงไม่อาจเป็นเพื่อนพี่ท่านเดินทางต่อไปแล้ว…”


โทโยโตมิ ฮิเดโยชิขยับไปด้านหน้า กุมมือฮิเดนากะไว้ ฝืนยิ้มกล่าวว่า


“อย่ากล่าววาจาไม่เป็นมงคลเช่นนี้ เจ้าเป็นคนรู้ใจที่สุดของพี่ เจ้าเป็นอำมาตย์ของพี่ เราต้องเดินต่อไปด้วยกัน เจ้ายังต้องไปเป็นคัมปะกุเกาหลี…”


หลังโอดะ โนบูนางะจากไป โทโยโตมิ ฮิเดโยชิก็นิ่งเงียบมายิ่งขึ้น ปกติไดเมียวมาพบเขา  เขาถึงกับไม่กล่าวมากความ แต่ต่อหน้าโทโยโตมิ ฮิเดนากะในยามนี้ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิกลับพรั่งพรูไม่หยุด


ฮิเดนากะใบหน้าซีดขาวอย่างมาก แต่กลับพอมีสีเลือด ถูกโทโยโตมิ ฮิเดโยชิกุมมือไว้โยกไปมา โทโยโตมิ ฮิเดโยชิรีบหยุดพูด ฮิเดนากะเสียงดังขึ้นอีกว่า


“พี่ท่าน  ใต้หล้ายึดมาได้หลายปีแล้ว ชาวนาเราไม่ได้พักผ่อน พวกซามูไรก็เหนื่อยล้าอย่างมาก ตอนนี้พี่ท่านก็ทำให้ใต้หล้าสงบได้แล้ว ก็ควรรักษาเอาไว้ ให้ใต้หล้าได้พักกันบ้าง ให้กลับคืนฟื้นฟู เกาหลีทางนั้นไม่มีอันใดสักอย่าง ไม่ควรค่าแก่พี่ท่านสนใจ พ่อค้าทะเลแผ่นดินหมิงพวกนั้นก็ไว้ใจไม่ได้!”


กล่าวถึงตรงนี้ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิก็เศร้าหยุดพูด  โน้มตัวไปด้านหน้า กล่าวว่า


“โคอิจิโร่ ซามูไรกับทหารสร้างความชอบกันมาก ไม่มีที่ทางที่จะมอบให้อีกแล้ว มีแต่ต้องไปยึดเกาหลี ยึดแผ่นดินหมิง เช่นนี้จึงจะทำให้พวกเขายังคงจงรักภักดี ไม่เช่นนั้น ใต้หล้าแผ่นดินเรานี้คงเอาไม่อยู่อีกแล้ว โจรทางตะวันตกตอนนี้ก็คิดไม่ภักดีเรา พวกเขาไม่ได้สูญกำลัง ข้าคิดจะส่งพวกเขาไปเกาหลีให้หมด ให้พวกเขาไปหาทางรอดเอาเอง”


ฮิเดนากะถอนหายใจยาว มองตาลุกเป็นไฟของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ น้ำเสียงอ่อนแรงกล่าวว่า


“พี่ท่านไม่พอใจเกาะสามเกาะเราหรือ ยังต้องไปหาแผ่นดินเพื่อผลประโยชน์ให้ได้หรือ พี่ท่าน ตระกูลโมริทางไซโกกุนั้นไม่ใช่ภัยหายนะแล้ว ส่งตระกูลโยชิกาว่ากับโคบายากาว่าสองตระกูลนี้แต่งตั้งออกไปที่อื่นก็น่าจะพอทำให้เกิดความสงบสุขได้แล้ว พี่ท่าน….”


พูดถึงตรงนี้  โทโยโตมิ ฮิเดนากะกลับหยุด ชะเง้อมองไปรอบๆ ทิศอย่างระแวดระวัง กดเสียงให้เบากล่าวว่า


“พี่ท่าน รอบๆ ไม่มีคนแอบฟังใช่ไหม?”


โทโยโตมิ ฮิเดโยชิขมวดคิ้วส่งเสียงตะโกน ได้ยินเสียงตอบจากที่ไกลเป็นเสียงเท้า  วิ่งมาหน้าประตู โทโยโตมิ ฮิเดโยชิสั่งการไปอีก คนผู้นั้นถอยออกไป รอบๆ เงียบไร้สำเนียง มีแต่เสียงหอบหายใจของโทโยโตมิ ฮิเดนากะ  เขาจ้องมองโทโยโตมิ ฮิเดโยชิกล่าวว่า


“พี่ท่าน ภัยแท้จริงมิใช่โมริทางไซโกกุ ที่ต้องใช้กำลังทหารก็มิใช่เกาหลี หากเป็นภูมิภาคคันโต ภูมิภาคคันโตมีแปดเมืองในครอบครอง อิทธิพลอำนาจมีมาก จึงเป็นภัยคุกคามพี่ท่านที่แท้จริง!!”


กล่าวถึงสุดท้าย ด้วยกำลังที่เหลืออยู่ของฮิเดนากะ วาจานี้เห็นชัดว่าตะโกน แต่ร่างกายโน้มต่ำลงของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิไปฟัง กระซิบเบาๆ อย่างไม่ทันรู้ตัวว่า


“ตระกูลโทกูงาวะ[6] ตอนนี้ข้ายังแตะต้องไม่ได้ หากมีเรื่องกัน ก็ต้องสูญเสียกำลังมาก แผ่นดินนี้ก็จะสะเทือนไปด้วยทั้งแผ่นดิน ถึงตอนนั้นตระกูลโมริ ตระกลูชิมัสสึตระกูลโชโซกาเบะเหล่านี้ย่อมก่อการตามมาด้วย…”


“ตระกูลโทกูงาวะ อิเอยะสึยากจะทนรับได้จริงๆ ตั้งแต่สมัยหลังโนบูงาวะมาถึงตอนนี้ ตระกูลโทกูงาวะขยายอิทธิพล พี่ท่านหากคิดจะให้แผ่นดินนี้สงบ ก็ต้องกำจัดทิ้งก่อน”


มองเห็นความร้อนใจของโทโยโตมิ ฮิเดนากะ ฮิเดโยชิสีหน้าเผยรอยยิ้มบาง ตบมือที่มีแต่หนังหุ้มกระดูกของฮิเดนากะกล่าวว่า


“ไม่ต้องเป็นห่วง ซามูไรตะวันออกย่อมไปเกาหลี พวกเขาล้วนต้องไปด้วย”


ได้ยินฮิเดโยชิกล่าวเช่นนี้ สีหน้าฮิเดนากะผ่อนคลายลงทันที สีหน้าที่เริ่มมีสีเลือดนั้นก็เริ่มจางหายไป ดวงตาเป็นประกายเมื่อครู่ก็เริ่มไร้แสง โทโยโตมิ ฮิเดโยชิกุมมือฮิเดนากะ หลั่งน้ำตาอย่างไม่อาจควบคุมไว้ได้ ฮิเดนากะหอบหายใจแรงและเริ่มแผ่วเบาลง


“…มาเอดะเป็นคนภักดี…นากาโอะเป็นคนสา…”


พูดไปๆ ก็เริ่มไม่ได้ยินเสียง โทโยโตมิ ฮิเดโยชิเขยิบเข้าใกล้ฟัง ได้ยินแต่โทโยโตมิ ฮิเดนากะพึมพำกล่าวว่า


“…ข้าวกับหัวไชเท้าอร่อยจริง วันหน้าจะได้กินอิ่มทุกวันไหม…”


โทโยโตมิ ฮิเดโยชิไม่อาจคุมน้ำตาที่พรั่งพรูของตนได้อีก วาจานี้เป็นเขากับโทโยโตมิ ฮิเดนากะวัยเด็กที่ผ่านมาด้วยกัน สำหรับพวกเขาแล้ว ตอนนั้นได้กินข้าวกับหัวไชเท้าก็เรียกว่าฟุ้งเฟ้อมากแล้ว


……


ซามูไรปราสาทโอดาวาระอยู่ๆ ได้ยินคัมปะกุตะโกนเสียงแหบพร่า แต่ละคนร้อนใจ  รีบวิ่งมากัน ได้ยินโทโยโตมิ ฮิเดโยชิตวาดดังให้พวกเขาถอยออกไป ในใจพวกเขาล้วนระทึก หากเรื่องนี้ทำโยะโดะ โดะโนะ[7] ตกใจ หาคนรับผิดชอบมา ดีไม่ดีคงมีคนต้องคว้านท้องแล้ว


ทุกคนวิ่งกันมาที่นี่ ซามูไรคนหนึ่งแง้มประตูเบาๆ ความจริงนั้นตอนพวกเขาวิ่งมาที่นี่แล้วก็รู้สึกวางใจ เพราะพวกเขา ได้ยินเสียงร้องไห้ของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิที่เศร้าเสียใจอย่างมาก


***************


เดือนสิบปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 19 น้องชายโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ โทโยโตมิ ฮิเดนากะป่วยตายที่เมืองโอซาก้า โทโยโตมิ ฮิเดนากะเป็นที่ปรึกษาทางการทหารอันดับหนึ่งของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ  เทียบกับโทโยโตมิ ฮิเดโยชิที่ใจร้อนมุทะลุแล้ว โทโยโตมิ ฮิเดนากะใจกว้างสามารถดึงสายสัมพันธ์ระหว่างตระกูลโทโยโตมิกับไดเมียวต่างๆ ได้


มีคนกล่าวว่า ‘เรื่องในตระกูลเป็นริคิว เรื่องงานหลวงเป็นฮิเดนากะ’ แต่ริคิวต้นปีคว้านท้องปลิดชีพตนเองไปแล้ว  ฮิเดนากะมาป่วยตาย พ่อบ้านนอกและในตระกูลโทโยโตมิล้วนตายจากไปหมดแล้ว


ไดเมียวที่มีสถานะพอ ไม่ก็ส่งเครือญาติมายังโอซาก้า ไม่ก็ส่งคนสนิทมีสถานะเพียงพอมา เพื่อปลอบใจใต้เท้าคัมปะกุใต้เท้า


ต้นปีเพิ่งจะย้ายมาภูมิภาคคันโต คุมภูมิภาคคันโตแปดเมืองใหญ่อย่างตระกูลโทกูงาวะ อิเอยะสึ อ้างเหตุป่วยไม่อาจมาได้ แต่ก็ส่งบุตรชายกับญาติผู้ใหญ่มา ข่าวการจากไปของโทโยโตมิ ฮิเดนากะแพร่ไปทั่วภูมิภาคคันโต พ่อครัวตระกูลโทกูงาวะ อิเอยะสึใช้มะเขือเป็นจำนวนมาก


คนคุ้นเคยกับตระกูลโทกูงาวะ อิเอยะสึล้วนรู้ ไดเมียวผู้นี้ชอบกินมะเขือที่สุด พ่อครัวยิ้มกล่าวว่าใต้เท้าโทกูงาวะคงอารมณ์ดีไม่น้อย จากนั้นคืนนั้นพ่อครัวก็หายตัวไปไร้ร่องรอย คนในครัวถูกส่งไปค่ายทหารใกล้กัน มะเขือไม่ได้เป็นอาหารในตระกูลโทกูงาวะอีกนาน


เจ้าทะเลเสิ่นหวั่งแผ่นดินหมิงที่ฮิราโดะมีรุ่งเรืองที่เมืองโอซาก้าตอนนี้ ดำเนินการค้าอยู่ที่เมืองท่าฮิเซ็น เป็นเมืองท่าที่ยกให้เขามาดูแลผลประโยชน์ ให้สถานะซามูไรกับเขา


………………………………………………


[1] เป็นจักรพรรดิองค์ที่ 107 ของญี่ปุ่นครองราชย์ระหว่างปี ค.ศ. 1586-1611.


[2] มิตสึฮิเดะเป็นผู้บัญชาการกองทัพของโอดะ โนบูนางะ แต่ในปี ค.ศ. 1579 มิตสึฮิเดะได้รับคำสั่งให้บุกปราสาทยางามิ มิตสึฮิเดะไม่ต้องการให้มีการนองเลือดเกิดขึ้น จึงใช้วิธีเจรจาโดยส่งมารดาไปเป็นตัวประกัน เพื่อแลกกับการให้ฮิเดฮารุยอมสวามิภักดิ์ต่อโนบูนางะ แต่โนบูนางะไม่เห็นด้วย ได้สังหารพรรคพวกและมารดาของมิตสึฮิเดะ ทำให้มิตสึฮิเดะลอบสังหารโนบูนางะที่วัดฮอนโนในปี ค.ศ. 1582 และตั้งตนเป็นใหญ่ แต่หลังจากนั้นเพียง 13 วันก็ถูกโทโยโตมิ ฮิเดโยชิสังหาร


[3] ไดเมียวปกครองเขตคันโตของญี่ปุ่นในยุคเซ็งโกะกุ


[4]  ชื่อปี “เทนโช” เสนอโดยโนบูนางะให้กับราชสำนักของจักรพรรดิญี่ปุ่นสาเหตุที่ต้องการให้มีการเปลี่ยนยุค เพราะต้องการให้แก้เคล็ด ซึ่งยุคเทนโชนี้ยาวนาน 20 ปี (ค.ศ. 1573 – 1593) ในยุคนี้มีจักรพรรดิ 2 สมัยได้แก่โอกิมะจิ เทนโน ครองราชย์ปี ค.ศ. 1557 – 1586 และโกะโยเซอิ เทนโน ครองราชย์ปี ค.ศ. 1586 – 1611


[5] นามสกุลเดิมของฮิเดโยชิ


[6] โอดะ โนบูนางะถูกลอบสังหาร ในเวลานั้นตระกูลโทกูงาวะ อิเอยะสึพำนักอยู่ที่บริเวณใกล้กับเมืองโอซาก้าในปัจจุบัน พร้อมกับกำลังพลเพียงน้อยนิด เกรงว่าตนจะถูกลอบสังหารจึงได้เดินทางอย่างหลบซ่อนกลับไปยังปราสาทโอกาซากิ ต่ออิเอยะสึในฐานะที่เป็นข้ารับใช้คนสำคัญของโอดะ โนบูนางะ และมีกำลังพลมาก เป็นอุปสรรคขัดขวางการเถลิงอำนาจของฮิเดโยชิ เกิดการสู้รบกันในเวลาต่อมา แต่ไม่ปรากฏมีผู้แพ้ชนะ จึงเจรจาสงบศึก โดยที่ตระกูลโทกูงาวะยอมเป็นพันธมิตรกับฮิเดโยชิ ฮิเดโยชิได้ส่งน้องสาวมาเป็นภรรยาเอกของอิเอยะสึ  แต่ทั้งโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ และโทกูงาวะ อิเอยะสึต่างหวาดระแวงกันตลอดมามีเหตุการณ์อีกมากมายเกิดขึ้น  ฮิเดโยชิได้มอบดินแดนทางแถบคันโตอันห่างไกลและกันดารที่เคยเป็นของตระกูลโฮโจให้ปกครองที่ปราบไปให้อิเอยะสึ เขาได้เลือกปราสาทเอโดะเป็นฐานที่มั่นใหม่ของตระกูลโทกูงาวะ อิเอยะสึไม่ส่งกองทัพของตนเข้าร่วมการรุกรานเกากลีกับฮิเดโยชิในค.ศ. 1592  รักษากำลังทหารของตนเอง ไม่ให้เสียไปกับสงครามที่ไม่คุ้มค่า


[7] บุตรสาวโอดะ โนบูงาวะ ต่อมาเป็นภรรยาน้อยฮิเดโยชิ


ตอนที่ 1070 ต้นปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 20

Ink Stone_Fantasy

คนแผ่นดินหมิงถึงกับได้เป็นซามูไร และยังเป็นซามูไรชั้นสูง ทำให้หลายคนไม่พอใจ ยิ่งได้ข่าวลือว่า เจ้าทะเลนี่วันหน้าจะเป็นผู้ครองชิเซ็น ได้เป็นถึงไดเมียวปกครอง เรื่องนี้แม้เป็นเรื่องเหลวไหล แต่ไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวว่าไม่ถูกต้อง ผู้ใดหากไปกล่าวอันใดต่อหน้าใต้เท้าคัมปะกุที่กำลังเศร้าเสียใจตอนนี้ โดนคว้านท้องกับริบคืนบำเหน็จก็อาจเป็นได้


และกำลังเสิ่นหวั่งเองก็ยิ่งใหญ่เพียงพอ ไดเมียวมากมาย ทหารเรือใหญ่น้อย ไม่มีกำลังใดจะเทียบเท่ากองเรือเสิ่นหวั่ง


สถานะเสิ่นหวั่งตอนนี้ไม่ธรรมดา เมืองท่าในคิวชูกับฮอนชูหลายแห่งล้วนให้สิทธิเขาในการทำการค้า เขาเดิมก็มีการค้าประเทศวัวกับแผ่นดินหมิงที่เป็นข้อได้เปรียบอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งได้เปรียบผู้อื่นอย่างสิ้นเชิง


ตอนนี้คิดจะทำการค้ากับประเทศวัวก็ต้องร่วมมือกับเขา เจ้าทะเลเล็กใหญ่ที่เคยหากินกับประเทศวัว ไม่มาสวามิภักดิ์ ก็ร่วมเป็นพันธมิตร เสิ่นหวั่งคุมแทบทั้งหมดแล้ว ไม่ใช่ไม่มีคนคิดกินรวบ แม้ทหารบกทั้งหมดรวมกันรอบทะเลประเทศวัว พวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้จริง


หากไม่ใช่ว่ารู้หรือมีคนบอก มองการแต่งกายเสิ่นหวั่งแบบชาวประเทศวัวแล้ว เป็นชุดชั้นสูง ท่าทางกิริยา ผู้ใดก็ล้วนมองไม่ออกว่าเสิ่นหวั่งมีอันใดต่างจากไดเมียวอื่น ล้วนเป็นเหมือนคนท้องทะเลคิวชูแห่งประเทศวัว


หลังมายังเมืองโอซาก้า เสิ่นหวั่งจัดการไปคารวะศพไว้เป็นอันดับแรก ขุนนางและทหารของคัมปะกุล้วนให้ความเกรงใจและมีมารยาทกับใต้เท้าเสิ่นผู้นี้อย่างมาก คัมปะกุโทโยโตมิ ฮิเดโยชิแม้เศร้าเช่นนี้ แต่ก็ยังหาเวลาพบกับเสิ่นหวั่งตามลำพัง  และยังคุยกันส่วนตัวอยู่นาน เสิ่นหวั่งย่อมได้รับสิทธิพิเศษนี้


ตระกูลอาริมะกับตระกูลริวโซจิเดิมที่ไม่พอใจสถานะเสิ่นหวั่ง ก็เริ่มมาสร้างไมตรีส่วนตัวกัน ตระกลูชิมัสสึถึงกับยังส่งบุตรสาวมาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์


เสิ่นหวั่งตอนนี้กล่าวได้ว่าพึงพอใจอย่างมาก บนแผ่นดินหมิงเขาเป็นแค่โจรสลัดคนหนึ่ง แม้ว่าขุนนางจะเคารพนอบน้อมเขา แต่ก็แค่เห็นแก่เงินทองเขาเท่านั้น ขุนนางใดก็มีสิทธิ์จับเขาได้ทั้งนั้น ราษฎรใดล้วนดูถูกเขาได้ทั้งนั้น แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เสิ่นหวั่งในประเทศวัวเป็นคนเหนือคน เป็นชนชั้นขุนนางชั้นสูงแล้ว


แต่หน้าตาก็ส่วนหน้าตา พึงใจก็ส่วนพึงใจ เสิ่นหวั่งอยู่ประเทศวัวนับว่าดี แต่หากจากที่นี่ไป ก็ยังคงไม่ได้อะไรติดตัว


เดิมคิดว่ามาถึงประเทศวัวตั้งเครือข่ายตนได้ก็จะห่างจากเทียนจินได้ แต่เสิ่นหวั่งมาถึงประเทศวัวกลับพบว่า ตอนนี้ทะเลตะวันออก คิดจะทำการค้า คิดจะซื้อหาสินค้าให้ได้กำไรมหาศาล ล้วนต้องเป็นพันธมิตรกับเครือข่ายสามธารา


 เช่นการค้าน้ำตาลอ้อยที่ทำกำไรมากที่สุด หลังยึดครองลูซอน การขนส่งน้ำตาลอ้อยทั้งหมดล้วนต้องผ่านเขตควบคุมกองเรือสามธารา การเข้าพัฒนาการปลูกและหีบอ้อยในลูซอน ทำให้น้ำตาลอ้อยเพิ่มปริมาณขึ้นมาก  สามารถเข้าสู่ตลาดประเทศวัวได้


ผ้าไหม สมุนไพร กับเครื่องกระเบื้องเคลือบ ซงเจียงกับเทียนจินก็ล้วนอยู่ใต้การควบคุมของเครือข่ายสามธารา เสิ่นหวั่งตอนนี้ทำกำไรบนท้องทะเลแต่ละเงินทองที่ได้มา เครือข่ายสามธาราล้วนได้ไปครึ่งหนึ่งหรือมากกว่านั้น ถูกคนสกัดจุดไว้เช่นนี้  รสชาติไม่อาจทนรับได้ เสิ่นหวั่งพยายามสลัดให้หลุด


ที่ทำให้เสิ่นหวั่งไม่พอใจมากก็คือเขาเดิมทีหาพ่อค้าหนังสัตว์ที่เกาหลีได้แล้วรายหนึ่ง คิดว่าพบแหล่งทำกำไรแล้ว คิดไม่ถึงพอส่งคนไปสอบถาม ก็วกไปวนมา ถึงกับเป็นกิจการสามธารา ตอนนี้บนท้องทะเลนี้ถึงกับหนีไม่พ้นเขตอิทธิพลหวังทง


เสิ่นหวั่งตอนนี้ได้ครองเมืองท่า เป็นเมืองท่าที่เป็นของตนเอง ก็ตั้งใจอย่างมาก ขอเพียงมีเมืองท่านี้ เขาก็สามารถมีที่ตั้งถาวรเป็นหลักแหล่ง มีที่ส่งสินค้าให้เขา


ด้วยความคิดนี้ ทำให้เสิ่นหวั่งยิ่งใส่ใจคำสั่งโทโยโตมิ ฮิเดโยชิมาก  ให้เขารวบรวมกองเรือ รวบรวมเรือที่ใช้การได้ เงินทองที่โทโยโตมิ ฮิเดโยชิให้เขานั้นมีปริมาณมาก  หากเป็นเมื่อก่อน ก็ย่อมเป็นโอกาสขูดรีด แต่เสิ่นหวั่งไม่ได้ละโมบ หากพยายามสุดความสามารถในการหาเรือและคนมาให้มากที่สุด


ท่าทีการทำงานของเขาทำให้ซามูไรที่โทโยโตมิ ฮิเดโยชิส่งมาดูแลพอใจมาก เสิ่นหวั่งก็ยิ่งได้รับความไว้วางใจจากโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ทำให้ชื่อเสียงยิ่งมาก เรือเสิ่นหวั่งตอนนี้ยังมีใช้มากพอ  สิ่งที่เขาทำนั้นยากที่จะปิดบังคนที่ต้องการอยากรู้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง พ่อค้าใหญ่ที่นี่เริ่มขนสินค้าและเสบียงอาหารหลากหลายมาทั้งทางน้ำทางบกมายังชิเซ็นและชิคุเซ็น  ทางนั้นไปทางตะวันตกก็คือเกาะสึชิมะ  เกาะสึชิมะข้ามไปทางตะวันตกก็คือเกาหลีแล้ว


เกาหลีมีอันใด ที่นั่นล้วนมีแต่ความยากจนข้นแค้น ผลประโยชน์ใดยังต้องเข้าไปหาเอาทางตะวันตกฝั่งแผ่นดินหมิง ที่นั่นตามตำนานว่ากันว่าซ่อนทองคำเอาไว้


****************


ตามหลักการแล้ว แผ่นดินหมิงเป็นประเทศใหญ่ ประเทศวัวเป็นประเทศเล็ก  สองฝ่ายไม่อาจอยู่สถานะเจรจากันได้ แต่มาคิดให้ดีก็อาจไม่ใช่เช่นนี้ สมัยฮ่องเต้เจียจิ้ง ภัยตะวันออกเฉียงใต้ โจรสลัดวัวโค่วที่แทบสั่นคลอนแผ่นดินหมิง  ประเทศวัวตอนนั้นก็ใช้กำลังซามูไรเป็นหลัก  ทำเอาทหารหมิงเสียหายหนักมาก


มาดูตอนนี้ แผ่นดินหมิงสงบมานาน ขุนศึกและทหารประเทศวัวกลับเพิ่งเริ่มหยุดรบกัน หนึ่งสงบมานาน อีกหนึ่งเพิ่งกวาดล้างเสร็จ เรื่องนี้แน่นอนไม่เหมือนกัน


พ่อค้าทะเลไปมาแผ่นดินหมิงกับประเทศวัวเห็นขุนศึกและทหารประเทศวัวมามาก เห็นแผ่นดินหมิงน้อยกว่า ความยิ่งใหญ่เกรียงไกรกองกำลังหลวงอันใดบนทุ่งหญ้า สำหรับพวกเขาแล้วล้วนเป็นเรื่องเล่าลือ ความจริงเท็จเช่นไรยากแยกแยะ  แต่ประเทศวัวรบกันมาสองร้อยปี ไปมาหลายเมืองท่า ที่ได้เห็นได้ยินมาไม่น้อย


ราชสำนักแผ่นดินหมิงวิพากษ์วิจารณ์อะไร คืนนั้นก็จะไปเล่าลือกันในร้านน้ำชาและโรงสุรา ไม่ต่างอันใดกับที่ประเทศวัว เรื่องลับอาจจะยังดี แต่วันที่สองหรือสาม ทุกมุมเมืองก็ย่อมแพร่ข่าวไปทั่ว


ใต้เท้าคัมปะกุคิดจะรวบกำลังคนจำนวนมาก เดือนสิบเอ็ด ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 19 คนมีสถานะล้วนรู้กัน ไม่น้อยกว่าสองแสน


ทัพใหญ่สองแสน หลายปีที่รบกันมานี้ กำลังคนออกรบเช่นนี้ก็มีแค่ปีก่อนที่ยกทัพปราบตระกูลโฮโจ ครั้งนี้ถึงกับต้องการกำลังรบใหญ่เช่นนี้ และขุนศึกกับทหารล้วนได้ข่าวว่า มีหน่วยทหารกล้าไซโกกุกับรอบคิวชูสี่เมือง


ขนาดกำลังเช่นนี้ ขุนศึกกับทหารเช่นนี้ ร่วมสองแสน แผ่นดินหมิงมีกี่ครั้งกันที่เคลื่อนกำลังรบได้เช่นนี้ มาคิดให้ดี หลายปีนี้ก็เหมือนไม่มี


การรบหลายครั้งล้วนกล่าวว่าหลายแสน แต่ทว่าเป็นแค่ตัวเลขไม่จริงนัก เรียกว่าล้านอาจมี แต่ความจริงคนเท่าไร คิดให้ดีเหมือนว่าไม่เกินแสน ทหารแผ่นดินหมิงไม่ใช่สู้เป็นทุกคน ยังต้องแบ่งเป็นทหารในสังกัดขุนพล ทหารมาตรฐานที่ฝึกมา ทหารกองกำลังจริง ทหารมากมายก็แค่แขวนชื่อว่าทหารเท่านั้น ความจริงนั้นเอาไว้ทำงานขนย้ายใช้แรงงานในกองทัพเท่านั้น


แต่ประเทศวัวสองแสนนี้ หากคิดให้ดี ล้วนเป็นทหารเก่าจากหลายแห่ง ล้วนออกรบในสนามรบมาอย่างโชกโชน ไม่มีทหารแค่ชื่อ กำลังเช่นนี้หากไปเกาหลีจริง ใช่ว่าเป็นกองกำลังยิ่งใหญ่หรือ เดินทัพมาองอาจเหิมเกริม หากเข้าแผ่นดินหมิง ทางเหลียวหนิงเกรงว่าคงไม่มีกำลังต้านทานป้องกันเพียงพอ


บรรดาเจ้าทะเลอยู่บนท้องทะเลมานาน พวกเขาเห็นอะไรมาไม่น้อย แต่สามารถวิเคราะห์ได้ไม่มาก แต่ทว่าก็ไม่อาจห้ามหากพวกเขาทำการวิเคราะห์ผลดีผลเสีย


เสิ่นหวั่งกำลังได้เป็นไดเมียวแห่งชิเซ็น ข่าวนี้ทำให้พวกเขาอิจฉามาก ราชาไตรธาราครั้งนี้ได้เป็นราชาจริงๆ แล้ว หลายคนล้วนกล่าวเช่นนี้ เขามีเรือ มีคน ข้าเองก็มีเรือ มีคน เหตุใดข้าไม่อาจทำได้บ้างเล่า จึงมีอิทธิพลอำนาจใหญ่น้อยมาให้ความช่วยเหลือ


สำหรับเจ้าทะเลแผ่นดินหมิงเหล่านี้ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิแน่นอนเป็นผลประโยชน์มากมาย ประเทศวัวสามารถใช้เรือใหญ่ที่เรียกว่า เรืออะตะเกะ เรือใหญ่ด้านบนมีพื้นราบให้สร้างหอไม้ตั้งปืนและไว้ยิงธนู แต่ไม่อาจทนแรงลมคลื่นทะเล เรือเล็กไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง แม้แต่เทคนิคการตอกเหล็กล้วนเพิ่งทำเป็นหลายปีนี้เอง ไม่อาจเทียบกับเรือแผ่นดินหมิงได้


ความจริงนั้น พวกฮอลันดากับโปรตุเกสยอมให้ยืมเรือมาก แต่พวกเขาให้มาได้แค่ไม่ถึงสิบลำ  และยังขอค่าตอบแทนสูงลิ่ว


นอกจากเสิ่นหวั่ง ยังมีเจ้าทะเลเกิดใหม่ให้กำลังคนและเรือ สำหรับคนระดับนี้ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิย่อมมอบรางวัลให้อย่างงาม เขาเองรู้ว่าไม่อาจอาศัยแค่ตระกูลเดียว ต้องทำให้สมดุล


รอนแรมบนท้องทะเลมานาน เห็นคลื่นลมมามาก เห็นความตายมามาก คนบนท้องทะเลชินกับการเสี่ยงภัย แต่เจ้าทะเล พ่อค้าทะเลมีความเหมือนกันที่ชอบสะสมทรัพย์สินเงินทอง ไม่ใช่ว่าทุกคนอยากจะสู้ดู  หลายยังอยากรอชม ดูว่าเรื่องสุดท้ายจะลงเอยเช่นไร


พวกเขาไม่อยากสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนผู้ใดออกหน้า พวกเขาขอแค่เงินทอง ประเทศวัวยอมใช้ทองคำกับสิทธิการค้ามาซื้อน้ำใจพวกเขา พวกเขาแน่นอนยินดีช่วยเหลือ


บรรดาเจ้าทะเลกับพ่อค้าทะเลเป็นพวกไร้น้ำใจกับคนของตน ตอนหลังเหตุการณ์โจรสลัดวัวโค่วตะวันตกเฉียงใต้ ส่วนใหญ่โจรสลัดถูกขับไปทางประเทศวัว พวกเขาไม่รู้สึกว่าตนเองทำเรื่องพวกนี้ควรหรือไม่ เป็นผู้ทรยศแผ่นดินหมิงหรือไม่ พวกเขาเพียงแค่รู้สึกว่ามีเงินมีกำไร ไยไม่ทำ


เคยมีบาทหลวงบันทึกในตอนออกท่องเที่ยวไว้ว่า ‘โจรสลัดหมิงกล่าวชัดเจนว่าไม่ควรเห็นพวกเขาเป็นราษฎร ประเทศอันใด พวกเขามีแค่ประเทศเดียว พูดให้ถูกก็คือ ที่พวกเขาทำนั้นเหมือนกับพวกฮอลันดา อิทธิพลอำนาจบนท้องทะเลตนเป็นหนึ่ง พวกเขามีผลประโยชน์ตนเอง มีคนค่อนไปทางฝ่ายหมิง มีคนค่อนไปทางประเทศวัว ยิ่งมีคนคิดยอมรับแค่เพียงตนเอง…พวกเขามีแผ่นดินตนเอง ไม่เป็นของพวกเขาเอง ก็อาจร่วมกับพวกฮออลันดา…’


การมีผลได้ผลเสียกับวิเคราะห์เช่นนี้ ภายนอกก็ช่วยประเทศวัวรุกรานเกาหลี พวกที่วางตัวเป็นคนนอก ก็มีบ้างทีเริ่มเป็นห่วงแผ่นดินหมิง


เดือนสิบสอง ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 19 มีพ่อค้าทะเลจูจวิ้นวั่งกับเฉินเซินมารายงานที่ฝูโจวกับผู้ตรวจการฮกเกี้ยน ชาวประเทศวัวกำลังรุกรานเกาหลีและจะรุกต่อมายังแผ่นดินหมิง


แต่ทว่ามีเรื่องหนึ่งที่ควรกล่าวถึง แผ่นดินหมิงมีโทษหนักกับการลอบติดต่อโจรสลัด เจ้ารายงานข่าว เจ้าได้ข่าวมาจากไหนกัน หากไม่ได้ติดต่อกับชาวประเทศวัว ก็ย่อมยากอธิบานที่มานี้กระจ่าง


และพวกที่คิดว่าตนวิเคราะห์เป็นล้วนคิดว่า เรื่องที่ประเทศวัวรุกรานเกาหลีช่างไม่อาจเป็นได้ เหลวไหลสิ้นดี ห่างไกลความจริง ตั้งแต่สมัยฮ่องเต้เจียจิ้ง แผ่นดินหมิงไม่เคยถูกรุกราน จะมีกำลังรุกรานมาถึงสองแสนได้อย่างไร ช่างเป็นแค่ข่าวลือเสียจริง จงใจให้เกิดความวุ่นวายใช่ไหม?


ตอนนั้นแถบฮกเกี้ยน เจ้อเจียงเล่นงิ้วกัน มีคนล้อเลียนตะโกนว่า ‘โจรสลัดมา’  หลายคนแตกตื่นตกใจ หลายร้อยคนเบียดเสียดกันตาย มีโจรถือโอกาสปล้น หรือว่าครั้งนี้ไม่ใช่กัน?


 พ่อค้าทะเลสองคนนี้ถูกจับตัวทันที ส่งเข้าคุก ผู้ตรวจการฮกเกี้ยนกล่าวว่า


“สมคบคิดโจรสลัดกลับคิดว่าเป็นความชอบ ทำให้คนวุ่นวายเพื่อรับประโยชน์!”


ทุกคนพากันสรรเสริญว่า ใต้เท้าสยบสถานการณ์ได้ ไม่หลงกลอุบายคนชั่ว เป็นดังมหาอำมาตย์


แต่ทว่าเรื่องนี้ทำให้คนตกใจจริง ใต้เท้าผู้ตรวจการแม้ว่าจัดการไปเช่นนี้ องครักษ์เสื้อแพรในพื้นที่กลับไม่กล้าวิเคราะห์เช่นนี้ รีบส่งคนไปในคุกสอบสวน นำข่าวม้าเร็วส่งไปเมืองหลวง


การกระทำนี้ถูกใต้เท้าผู้ตรวจการตำหนิว่าพวกเรารับเบี้ยหวัดราชสำนักด้วยกัน อย่าได้ทำเรื่องเหลวไหล เดิมทีไม่มีเรื่อง พวกเจ้าไปสอบเรื่องก็คงกลายเป็นเรื่องแล้ว แพร่ออกไป ใช่ว่าทำให้คนแตกตื่นหรือ คิดหรือว่าชาวประเทศวัวรุกรานมาจริงๆ


“หากไม่มีหวังทง พวกเจ้าวันนี้จะกล้าเหิมเกริมเช่นนี้หรือ!”


ใต้เท้าผู้ตรวจการกล่าวด้วยน้ำใจองอาจทรงคุณธรรม อย่างไรหวังทงตอนนี้เป็นเหลียวกั๋วกงที่ไม่ได้อยู่เมืองหลวง  ด่าคำสองคำที่ฮกเกี้ยนไม่ใช่เรื่องใหญ่  ยังได้ชื่อเสียงว่ามือสะอาดไม่เกรงกลัวขุนนางชั่ว


แต่ไรมาก็เป็นธรรมเนียมเช่นนี้ แต่เรื่องครั้งนี้ไม่ได้เป็นไปตามที่ผู้ตรวจการฮกเกี้ยนคาดไว้ นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรที่ถูกสั่งสอนนำวาจาเขารายงานไปยังเมืองหลวงด้วย ความจริงนั้นหลายที่ด่าทอหวังทงกันมาก องครักษ์เสื้อแพรไม่สนใจเท่าไร เหลียวกั๋วกงผู้บัญชาการหวังตนเองล้วนแค่ยิ้มเท่านั้น ทุกคนไยต้องใส่ใจ


แต่ครั้งนี้ไม่ได้ ปลายเดือนหนึ่งปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 20  ผู้แทนพระองค์เร่งเดินทางมายังฝูโจวอ่านความผิดผู้ตรวจการฮกเกี้ยนปลดจากตำแหน่งส่งเข้าคุก นำตัวจูจวิ้นวั่งกับเฉินเซินสองคนออกจากคุกมาสอบสวน และจัดเรือให้นำตัวขึ้นเหนือไปยังเมืองหลวง


****************


ซ่งฉานฉานคลอดลูกชาย รู้ว่าลูกปลอดภัย และเป็นเด็กชาย ซ่งฉานฉานดีใจหลั่งน้ำตา  ทำเอานางแม่นมที่ดูแลตกใจ รีบปลอบใจ  อยู่เดือนร้องไห้ทำลายสุขภาพ


หวังทงแน่นอนยินดีที่สุด ครั้งนี้ตั้งชื่อกลับผ่อนคลายกว่าครั้งก่อนมาก ในเมื่อมีคำว่า ‘จง’ แล้ว ก็ย่อมมีชื่อว่า ‘หวังอี้’ แปลว่า ‘คุณธรรม’


หวังทงได้ลูกชาย ทั้งแดนใต้ล้วนยินดี มาถึงเดือนหนึ่งปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 20 ทุกคนล้วนใช้โอกาสนี้มาแสดงความยินดีให้คึกคัก อวยพรกันถึงจวน ไม่ใช่เพราะใต้เท้าหวังได้บุตรชาย แต่เป็นเพราะหาโอกาสใกล้ชิดเหลียวกั๋วกง หวังทงแน่นอนย่อมร่วมฉลองไปด้วย


บุตรชายเว่ยกั๋วกงต้นเดือนสองมาเยือน ผู้นี้อย่างไรไม่ว่ามองมุมใดก็เป็นแขกคนสำคัญ  หวังทงจัดงานเลี้ยงรับ คารวะสุราไปแล้ว ก็กินดื่มสำราญ ทหารติดตามวิ่งเข้ามาอย่างร้อนใจ บอกว่าเป็นข่าวด่วนจากเมืองหลวง หวังทงเปิดออกอ่าน สีหน้ารอยยิ้มพลันมลายหายไปสิ้น…


โทโยโตมิ ฮิเดโยชิส่งสาส์นให้จักรพรรดิเกาหลี กล่าวว่า ‘…อยากขอเส้นทาง ผ่านทางซานไห่ เข้าสู่แผ่นดินหมิง ครอบครองแผ่นดิน…’


ตอนที่ 1071 ทำใจให้นิ่ง ไม่ร้อนใจ

Ink Stone_Fantasy

 ซื่อจื่อหรือบุตรชายคนโตเว่ยกั๋วกงที่จะรับตำแหน่งต่อในวันหน้า นับว่าเป็นชนชั้นสูงระดับสูงสุดแผ่นดินหมิง เห็นอะไรมามาก รู้หนักเบา คิดว่าเมืองหลวงมีข่าวใดกันที่ทำให้ร้อนใจจนต้องส่งมายังงานเลี้ยงที่จวนถึงมือหวังทง และทำให้หวังทงอ่านแล้วสีหน้าเคร่งเครียดทันที


หวังทงสถานะใด  ซื่อจื่อเข้าใจ หวังทงมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับเมืองหลวงในตอนนี้ ซื่อจื่อยิ่งเข้าใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมีม้าเร็วจากเมืองหลวงตรงมายังเมืองซงเจียงเร่งด่วน


ซื่อจื่ออยากรู้มาก แต่ก็รู้ว่าตนเองไม่ควรถาม  แต่ก็ยากจะนั่งอยู่แล้วไม่แสดงสีหน้าออกมา


รายงานด่วน ความจริงนั้นไม่ใช่จดหมายมาจากเครือข่าหวังทง แต่เป็นจดหมายส่งมาจากในวัง หวังทงเข้าใจเรื่องนี้มาก


ญี่ปุ่นคิดอาศัยเกาหลีรุกรานแผ่นดินหมิง เรื่องนี้ช่างเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย จริงเท็จยากจะแยกแยะได้  ในบรรดาขุนนางชนชั้นสูง เรื่องนอกแผ่นดินนั้นไม่มีใครเข้าใจมากเกินหวังทง นำข่าวนี้มาบอกหวังทงเพื่อสอบถามความเห็น ก็นับว่าสมควร


แต่ทว่าแม้ว่ามีระบบที่พักม้าเร่งม้าเร็วด่วนได้ จากเมืองหลวงมายังเมืองซงเจียง ข่าวก็ต้องใช้เวลาสิบวันขึ้นไป นับระยะทาง น่าหนึ่งเดือนได้แล้ว


เห็นได้ว่า ราชสำนักให้ความสำคัญข่าวนี้ในระดับธรรมดา ญี่ปุ่นไม่ได้ต้องการโจมตีเกาหลี แต่จากนั้นจะโจมตีแผ่นดินหมิง อันนี้หวังทงรับรองได้ แต่ทว่ารายละเอียดนั้นต้องตรวจสอบต่อ


หวังทงอ่านจบเงยหน้าขึ้น  ซื่อจื่อกำลังยื่นหน้ามองมา สบตากับหวังทง อดไม่ได้ต้องยิ้มกว้าง หวังทงพับจดหมายเก็บ ยิ้มกล่าวว่า


“ไม่ใช่เรื่องสำคัญอันใด ในหนึ่งเดือนนี้ท่านก็คงได้รู้!”


ได้ยินเช่นนี้ ซื่อจื่อก็ไม่ถามอีก  คงเป็นเรื่องไม่สำคัญจริง หากเมืองหลวงมีอันใด ญาติมิตรทั้งหลายก็มี ข่าวส่งมาถึงก่อนหน้า แต่ตอนนี้ไม่ได้ยินอันใด  คิดแล้วคงเป็นเช่นนี้


**************


ส่งซื่อจื่อกลับไปแล้ว หวังทงก็ไม่ได้รีบร้อนเรียกคนมาหารือ เขาเองก็รอข่าว ตามหลักแล้ว คนของตนที่เมืองหลวง ก็น่าจะส่งข่าวมาเช่นกัน


การค้ากับการขนส่งตอนนี้ระหว่างแผ่นดินหมิงกับญี่ปุ่นล้วนถูกเสิ่นหวั่งครอบครองแล้ว ข่าวทางญี่ปุ่นก็ถูกปิดแน่นหนา คิดจะรู้อันใดก็ไม่ง่าย จูจวิ้นวั่งและเฉินเซินที่ฝูโจวรู้ไม่มาก คนที่เหลือที่รู้และคิดมาแจ้งเตือน รู้ก็ไม่ได้มากกว่าพวกเขา


หวังทงเองก็มีการจัดการ เขาให้พ่อค้าโปรตุเกสส่งคนไปสืบข่าว ต้นเดือนหนึ่งออกเรือไป  จะกลับมาก็น่าจะเดือนสอง คนโปรตุเกสกับไดเมียวญี่ปุ่นตะวันตกเฉียงใต้หลายคนมีสายสัมพันธ์ดีมาก สามารถเข้าใจข่าวสารเชิงลึกได้


ระยะห่างเป็นเรื่องยุ่งยาก จากแผ่นดินหมิงไปถึงญี่ปุ่นไม่เรียกว่าไกล  แต่ก็ต้องข้ามน้ำข้ามทะเล  ใกล้ก็ไม่เรียกว่าใกล้ ข่าวห่างกันสองสามเดือนไม่อาจได้ประโยชน์นัก


ญี่ปุ่นรุกรานเกาหลีเรื่องนี้เป็นที่แน่นอนแล้ว  ต้องการเพียงรู้รายละเอียดแต่ละอย่าง


ไม่ต่างจากที่หวังทงคาดไว้นัก ข่าวต่างๆ จากเมืองหลวงล้วนมาถึงหลังส่งซื่อจื่อกลับไปในวันรุ่งขึ้นก็มาถึงเมืองซงเจียง อันนี้ละเอียดกว่ามาก แน่นอน ล้วนกล่าวถึงทางเมืองหลวง


จดหมายมีเนื้อหาดังนี้ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิเขียนจดหมายไปยังพระราชาเกาหลี พระราชาเกาหลีส่งทูตไปยังเมืองหลวง   เกาหลีอยู่ใต้อาณัติแผ่นดินหมิง พระราชาเกาหลีก็เป็นแค่ตำแหน่งจวิ้นอ๋องของหมิงเท่านั้น ในระบบแผ่นดินหมิงเรียกได้ว่าต่ำมาก จดหมายเช่นนี้ไม่มีค่าพอจะส่งเข้าวัง


ตามหลักต้องผ่านไปทางสำนักกรมพิธีการ จากนั้นค่อยเข้าวัง  ขุนนางส่วนกลางแต่ไรปิดเรื่องพวกนี้ไม่มิด จดหมายนี้ก็เป็นที่รู้กันทั่วไปในเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว


ราชสำนักไม่ได้คิดเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ นำเข้าไปหารือในราชสำนักเปิดเผย  ประเทศเล็กๆ ต้องถูกญี่ปุ่นข้ามน้ำข้ามทะเลมารุกราน แล้วค่อยต่อมายังแผ่นดินหมิง เรื่องนี้ฟังแล้วไม่น่าเป็นได้ ราวกับไม่มีอันใดน่าเชื่อถือ


แต่โจรสลัดวัวโค่วคำนี้ก็ทำให้แผ่นดินหมิงอ่อนไหวที่สุด โจรสลัดวัวโค่วจะรุกผ่านเกาหลีเข้าโจมตีแผ่นดินหมิง เรื่องนี้แม้เป็นเรื่องไม่น่าเป็นได้ แต่ก็ต้องให้ความสำคัญ


 แผ่นดินหมิงไม่เชื่อทั้งหมดในเรื่องนี้  ปฐมฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หมิงจูหยวนจางตั้งกฎไว้ว่า ‘ไม่รุกราน’ เกาหลีก็นอบน้อมเคารพแผ่นดินหมิง ทุกปีเกาหลีส่งบรรณาการก็มีเส้นทางกำหนดชัด ตลอดเส้นทางล้วนเป็นฐานทัพใหญ่หรือไม่ค่ายทหาร เหตุใดเป็นเช่นนี้ ก็เพื่อป้องกันป้องกันไว้ก่อน


 เกาหลีนำข่าวมา ยังเป็นข่าวไม่น่าเป็นได้  ผู้ใดก็ไม่อยากจะเชื่อ  เสนาบดีสือซิงแห่งกรมทหารถึงกับเสนอความเห็นว่า ไม่เกาหลีสมคบโจรสลัดวัวโค่ว ต้องการชักนำทหารแผ่นดินหมิงไปสังหาร  จากนั้นก็คงมีความชั่วร้ายอันใดต่อ


การคาดเดานี้เหลวไหลเพียงพอ แต่ตอนนี้ดูแล้ว ก็เหมือนเป็นไปได้มากที่สุด แน่นอน คาดเดาส่วนคาดเดา ทุกคนก็เดินเส้นทางปลอดภัยไว้ก่อน จึงได้ส่งรายงานด่วนไปยังหวังทง


**************


“กั๋วกง ไดเมียวประเทศวัวไปรวมตัวกันที่ฮิราโดะ คิวชู ทัพใหญ่ข้ามไปยังเกาหลีแล้ว ข้าน้อยขากลับมาได้ยินมาว่า เมืองปูซานของเกาหลีตกในภาวะวิกฤต”


“ทัพใหญ่ประเทศวัวรุกรานเกาหลีมีคนเท่าไร ใครเป็นผู้นำทัพ?”


“ขอกั๋วกงอภัย ประเทศวัวทุกคนล้วนจับตาดูชาวฮั่นที่ไม่ใช่คนเสิ่นหวั่ง พ่อค้าทุกคนไม่ให้เข้าออก ข้าน้อยจึงรู้ว่ามีราวสองแสนเท่านั้น ล้วนเป็นทหารกล้าของบรรดาไดเมียว”


ปลายเดือนสอง สายที่ส่งไปก็กลับมา นำข่าวมาด้วย


หวังทงความจริงนั้นไม่ร้อนใจ ญี่ปุ่นโจมตีเข้าทางใต้ที่สุดของเกาหลี ยกพลขึ้นฝั่งโจมตี เกาหลีพื้นที่เล็กๆ  แต่อย่างไรก็ใหญ่กว่าเหลียวตงหน่อย อย่างไรก็เป็นประเทศ ก็ควรกำลังต้านทานได้บ้างนี่


ทหารแผ่นดินหมิงไม่ได้อ่อนแอเหมือนก่อนแล้ว กองกำลังหลวงที่แข็งแกร่งเป็นกำลังหลัก หวังทงไม่ห่วงทัพใหญ่สองแสนของญี่ปุ่นเท่าไร บอกตามตรง โจรสลัดวัวโค่วสองแสนอาจออกปล้นชิงบนแผ่นดินเกาหลี แล้วอย่างไร  ไม่ใช่อาณาเขตแผ่นดินหมิง ปล่อยพวกเขาไป


มีความคิดเช่นนี้ หวังทงจึงวางแผนรับมืออย่างไรเคร่งเครียดนัก แต่ทว่ากลางเดือนสาม เมืองหลวงในที่สุดก็ได้ข่าวที่แน่นอนมาแล้ว


อย่างไรก็เทียนจินเป็นเมืองท่า เรือหลายลำล้วนเป็นกิจการชนชั้นสูงและคหบดีเมืองหลวง พวกเขาย่อมได้ข่าวบนท้องทะเล รับรองข่าวว่าพระราชาเกาหลีได้รับจดหมายนี้แน่นอนแล้ว


ความจริงนั้นความแน่นอนของข่าวนี้ไม่จำเป็นต้องเร่งรับรองแล้ว เพราะพระราชาซอนโจแห่งเกาหลีส่งสาส์นมายังเมืองหลวงขอความช่วยเหลือแล้ว


สาส์นของพระราชาซอนโจ กล่าวว่าจังหวัดซอลลาและจังหวัดคยองซังทางใต้ของเกาหลีตกในภาวะคับขัน เมืองหลวงโซอุล(กรุงโซล) กำลังวิกฤต ขอราชสำนักหมิงส่งกำลังทหารไปช่วยด่วน


ตามข่าวที่หวังทงได้รับ ราชสำนักขุนนางใหญ่ต่างยังคงรักษาท่าทีรอบคอบไว้ก่อน มหาอำมาตย์หวังซีเจวี๋ยคณะเสนาบดีใหญ่ให้ขอตรวจสอบสถานะของราชทูตที่มาขอความช่วยเหลือก่อน ดูว่ามีผู้ใดรู้จักเคยต้อนรับราชทูตนี้บ้าง ช่างบังเอิญ บรรณาการเกาหลีหลายครั้งล้วนเป็นโอกาสอันดีในการค้า ชนชั้นสูงเกาหลีจึงอาศัยโอกาสนี้มาหากำไร  คนที่มาแต่ละครั้งล้วนไม่ใช่คนเดียวกัน


ครั้งนี้คนที่ขอความช่วยเหลือกับราชทูตครั้งก่อน เป็นขุนนางเกาหลีจริง แต่สำหรับแผ่นดินหมิง พวกเขาล้วนแปลกหน้า  จึงไม่อาจรับรองได้ ตามข่าวหวังทงรู้มา  แม้ข่าวญี่ปุ่นโจมตีเกาหลีเป็นที่รับรองแล้ว แต่ขุนนางใหญ่ราชสำนักกับท่าทีในวังยังคงต้องการให้ตรวจสอบรับรอง ล้วนแสดงท่าทีรับมือไม่รีบร้อน ในท่าทีนี้ หวังทงเดาว่า อาจเพราะพวกเขาคิดเหมือนกับตน อย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องตนเอง ไปสนใจทำไมกัน


นอกจากที่สอบถามมากันเปิดเผยเหล่านี้แล้ว หวังทงยังรู้ข่าวลับมาบ้าง เช่นว่ามีขุนนางในวังและขันทีคนสำคัญร่วมในการประชุมขุนนางเอ่ยถึงเรื่องนี้ว่า เกาหลีอยู่ใต้อาณัติแผ่นดินหมิง ตระกูลลีเกาหลีคงอยู่หรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญอันใด แต่เกาหลีนี้ไม่อาจปล่อยให้โจรสลัดวัวโค่วเข้ามาเคลื่อนไหวได้ จะต้องเสริมกำลัง


กล่าวมากมาย  วาจาก็ยังคงเหมือนเดิม กลับยังคงมีท่าทีไม่เร่งร้อน กรมทหารมีคำสั่งให้สามผู้บัญชาการเหลียวหนิงเริ่มเตรียมการเสริมกำลังป้องกัน จะได้ไม่ให้พอถึงเวลาแล้วไม่พร้อมรบ


เทียบกับเมืองหลวงแล้ว หวังทงเองไม่เคร่งเครียดอันใด ราชสำนักย่อมต้องการเคลื่อนกำลัง หากปล่อยให้โจรสลัดวัวโค่วยึดเกาหลีไป เช่นนี้เส้นทางทะเลกับทางบกก็ย่อมมีโอกาสคุกคามมาถึงเมืองหลวงหมิง นี่เป็นสิ่งที่ราชสำนักแผ่นดินหมิงยอมไม่ได้เด็ดขาด แต่ราชสำนักก็ยังคงมั่นใจ ตอนนั้นโจรสลัดวัวโค่วล้วนถูกชีจี้กวงและอวี๋ต้าโหยวขับไล่ออกจากท้องทะเลไปแล้ว ตอนนี้กำลังทหารแผ่นดินหมิงเก่งกล้ายิ่งกว่าตอนนั้น จะไปกลัวได้อย่างไร


หวังทงสนใจในเรื่องนี้ก็มีขอบเขต ตอนนี้ตนกำลังต้องดูแลเมืองซงเจียงเปิดท่าการค้า ไม่ค่อยข้องเกี่ยวกับการทหาร ที่ทำได้ก็แค่อาศัยการข่าวสายต่างๆ พยายามช่วยเหลือราชสำนักรวบรวมข่าวให้มากที่สุด แต่จดหมายและรายงานด่วนที่มายิ่งมาก ดูท่าแล้วราชสำนักเองก็หวังให้เขาทำเช่นนี้


แต่ทว่าบรรดาภรรยาหวังทงกลับไม่คิดเช่นนี้ พวกนางเป็นห่วงมาก หลายปีนี้ แผ่นดินหมิงพอมีอันใดแม้เล็กน้อย สุดท้ายก็จะต้องเป็นหวังทงนำทหารออกไปตอนปีใหม่ แม้ล้วนได้ชัยชนะใหญ่กลับมา แต่คนอื่นมีความสุขยินดีปรีดาฉลองปีใหม่ ตนเองบรรดาภรรยาและลูกหวังทงกลับต้องหวาดกลัวไม่เป็นสุข วันเวลาเหล่านี้ไม่อยากต้องทนรับอีกเลย


ได้ยินบรรดาภรรยาเป็นห่วง หวังทงยิ้มกล่าวว่า


“ครั้งนี้ย่อมไม่ไปแล้ว ปีที่ 21 นี้ พวกเราจะได้ฉลองกันทั้งครอบครัว ข้ามาอยู่เมืองซงเจียงเป็นกั๋วกงสงบสุขแล้ว เหตุใดจะต้องนำทหารไปรบอีกเล่า ในมือฝ่าบาทเองก็มีคนใช้งานได้มากมายเช่นนั้น?”


วาจานี้ทำให้บรรดาภรรยาต่างวางใจไม่น้อย แต่ทว่าจางหงอิงก็แอบคุยกับหานเสียว่า


“ท่านพี่อย่าไปเชื่อวาจานายท่าน คืนวานนายท่านอยู่ที่ห้องน้อง นอนพลิกตัวไปมาไม่หลับ ยามดึกยังออกไปฝึกเพลงทวนกลางลานด้านนอก”


**************


ประเทศวัวต้องการเปิดศึกกับแผ่นดินหมิง แม้แต่เมืองซงเจียงก็ล้วนรู้ข่าวนี้ แต่ทุกคนไม่เคร่งเครียด ญี่ปุ่นรบกันเองมาเกือบสองร้อยปี ทุกคนก็ยังคงมีการค้าระหว่างกันอยู่เกือบร้อยปี ตอนนี้เคร่งเครียดเช่นนี้ ไม่แน่การค้าจะยิ่งดี อย่างน้อยราคาก็ย่อมถีบตัวสูงขึ้น


แม้แต่เหลียวกั๋วกงอ่านแล้วไม่เคร่งเครียดมาก ตอนนี้ไม่รู้คิดทำอันใด ทุกวันไปจัดเลี้ยงในร้านสุรานอกเมือง เชิญพ่อค้าและเจ้าของเรือมาสนทนา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)