ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1066-1074
บทที่ 1066 เรื่องที่ง่ายมาก
เมื่อไม่มีเวลาให้ความสนใจแซนเดอร์ส ฉินสือโอวถูกพวกเจ้าตัวน้อยส่งเสียงดังใส่จนเวียนหัวตาลาย…
ตอนนี้เขาไม่มีวิธีอื่นแล้ว เสื้อผ้าของสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์เป็นของที่วินนี่สั่งซื้อมาจากอินเทอร์เน็ต แม้ว่าจะซื้อเสื้อผ้าให้พวกเจ้าตัวน้อยก็ยังต้องใช้เวลาในการจัดส่ง ยิ่งไปกว่านั้น ฉงต้ากับปอหลัวตัวอ้วนขนาดนี้ จะไปซื้อเสื้อผ้าของสัตว์เลี้ยงได้จากที่ไหน? เขาไม่รู้ว่าวินนี่ซื้อเสื้อผ้าจากที่ไหนมาให้หู่จือกับเป้าจือ
ไวส์กับกอร์ดอนก็ส่งเสียงดังและต่อสู้กันอีก เขาทำได้เพียงแค่ปล่อยมันไปและตะโกนเรียกวินนี่ที่อยู่ชั้นล่างให้ขึ้นมาก่อนจะยัดราชาเจ้าป่าซิมบ้าไว้ในอ้อมแขนของเธอ “ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ลูกชายแลบราดอร์ของคุณก่อขึ้น คุณก็แก้ไขด้วยตัวเองเถอะ!”
หลังจากที่วินนี่ถามอย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็พับแขนเสื้อขึ้นเผยให้เห็นแขนที่เหมือนกับรากบัวและทำท่าทางกระฉับกระเฉง เธอมองฉินสือโอวด้วยความโกรธ “คุณนะคุณ ยังเป็นพ่ออยู่ไหม แบบนี้คุณจะมีประโยชน์อะไร?”
ฉินสือโอวนวดขมับอย่างจนปัญญา “วุ่นวายขนาดนี้ ผมจะจัดการอย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นมันขึ้นอยู่กับผมไหม? แคลร์กำลังมองหาคุณเพื่อจะกินชิ้นเนื้อทอด และผมก็ไม่รู้ว่าคุณสั่งซื้อเสื้อผ้าของสัตว์เลี้ยงมาจากที่ไหน คุณจะให้ผมทำอย่างไร?”
ในเสียงคร่ำครวญ วินนี่มองไวส์กับกอร์ดอนที่กำลังต่อสู้กันก่อน เธอพูดกับไวส์ว่า “นายเรียนศิลปะการต่อสู้ตามอาจารย์ของนายเพื่อกลั่นแกล้งคนอื่นเหรอ? เพื่อต่อสู้เหรอ? เพื่อชาติเพื่อประชาชน เป็นนิยามที่ยิ่งใหญ่ของจอมยุทธ์ นายมองดูตัวนายเองหรือยัง?”
ไวส์กลืนน้ำลาย เขาขมวดคิ้วและลองคิดดู หลังจากนั้นก็ทำแบบที่ถูกสอนมา เขายกมือไหว้และพูดกับกอร์ดอนว่า “พี่ชาย ก่อนหน้านี้ฉันล่วงเกินนายมากมาย แต่มิตรภาพของเราจะไม่เปลี่ยนแปลง ฉันไปก่อนนะ”
กอร์ดอนแสยะยิ้มและคิดจะปากเสียอีกครั้ง วินนี่ยิ้ม “นายหยุดไปหาไวส์ก่อน และมาบอกฉันก่อนว่า เทอมแรกนายเรียนอยู่ที่ต่างประเทศ เกิดอะไรขึ้น?”
กอร์ดอนแสยะยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาแค่หัวเราะคิกคักและหมุนตัวเดินหนีไป
หลังจากไล่ไอ้ตัวเล็กทั้งสองคนที่กำลังต่อสู้กันได้ วินนี่ก็ปรบมืออีกครั้ง ให้หู่เป้าฉงหลัวเจ้าตัวน้อยกลุ่มนี้เข้าแถวและนั่งตัวตรง หลังจากนั้นเธอก็หายเข้าไปที่ห้องครัวและจัดอาหารกองหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
เธอให้อาหารแคลร์ก่อน เนื้อแกะ 2 ชิ้น เนื้อลูกวัว 2 ชิ้น ปลาแคปลิน 1 ตัวและจักจั่น 2 ตัว แคลร์กินอย่างหิวกระหาย หลังจากกินมันก็กลืนลงคอและร้อง ‘แกว๊กๆ’ ออกมา มันยังอยากกินต่อ
วินนี่ยกแคลร์ขึ้นและตบไปที่ตูดอันอวบอ้วนของมันสองครั้งดังตุ้บๆ จากนั้นอินทรีทองตัวน้อยจะเข้าใจว่า อาหารมื้อนี้จบแล้ว มันก็เลยต้องวิ่งออกไปเล่น
นอกจากจะนำอาหารมาให้แคลร์ เธอยังเตรียมสลัดผักกับผลไม้ให้ฉงต้าด้วย หลังจากราดน้ำเชื่อมเธอก็แกว่งไปมารอบหนึ่งอยู่ด้านหน้ามัน หลังจากนั้นก็นำไปที่ปากประตูของวิลล่า เพื่อให้มันแยกตัวออกมาจากกลุ่มเล็กๆ
ฉงต้าเป็นหมีนักกินและยังขี้ลืมมากอีกด้วย ดวงตาของมันเบิกกว้างมากเมื่อเห็นของกิน มันวิ่งหัวซุกหัวซุนตามวินนี่ที่วิ่งออกไป มันจ้องมองชามของตัวเองอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อวินนี่วางชามลง มันก็รีบเอามุดหัวเข้าไปกินทันที
การแยกฉงต้าออกไปยังสามารถนำต้าป๋ายออกไปได้อีกด้วย ไม่เสียแรงเปล่า
เมื่อฉงต้าไปแล้ว แมวป่าตัวน้อยก็ไม่มีเรี่ยวแรง มันมองหู่จือกับเป้าจืออย่างอ่อนแอและอ้าปากร้องเบาๆ สองครั้ง
วินนี่เดินกลับมาจากด้านนอกวิลล่าและปิดประตูอย่างราบรื่น หู่จือกับเป้าจือรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ปกติและมองวินนี่อย่างระมัดระวัง พวกมันพร้อมจะสาวเท้าวิ่งหนีออกไปทุกเมื่อ
“คุณยังจะมองอะไรอีก?” วินนี่เดินไปอุ้มแมวป่าตัวน้อยขึ้นมาด้วยความสงบเยือกเย็นและพูดกับฉินสือโอวที่ชมการแสดงอยู่ไปด้วย
ฉินสือโอวได้รับคำสั่งก็พุ่งเข้าไปกอดแลบราดอร์ทั้งสองตัวในทันที ครั้งนี้หู่จือกับเป้าจือวิ่งหนีไม่ได้แล้ว วินนี่เข้ามาช่วยและถอดเสื้อผ้าตัวน้อยกับหูกระต่ายของพวกมันออก
นี่ทำให้แลบราดอร์รู้สึกเป็นทุกข์ พวกมันเห่าหอนขึ้นมา ทั้งน้อยใจและไม่พอใจ
วินนี่จัดเก็บเสื้อผ้าตัวน้อยกับหูกระต่ายเสร็จ เธอก็หอมแก้มของเจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวและปรบมือ “เอาล่ะๆ ไม่สวมเสื้อผ้าก็ยังสวย นอกจากนั้นยังผ่อนคลายอีกด้วย วิ่งๆ อยู่ก็จะรู้สึกเอง”
ความจริงหู่จือกับเป้าจือหลงตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แค่ปกติพวกมันเล่นกันติงต๊องเกินไป บางครั้งพวกมันจึงลืมเรื่องนี้ไป ตอนนี้พวกมันสวมเสื้อผ้าและผูกหูกระต่าย แม้ว่าพวกมันไม่อยากถอดออก แต่สวมเสื้อผ้าพวกนี้ไว้ก็อึดอัดจริงๆ
แลบราดอร์วิ่งผ่านมาข้างๆ ปอหลัว ปอหลัวยกขาขึ้นและถีบหู่จือเบาๆ จนมันล้มลงไปในทันที
หู่จือโกรธมาก มันลุกขึ้นมาสู้กับปอหลัว เป้าจือก็เข้าไปช่วยพี่ชาย ดังนั้นพวกมันจึงเล่นกันอย่างสนุกสนาน พวกมันรู้สึกว่าการที่ไม่ได้สวมเสื้อผ้าเล่นกันสบายกว่าจริงๆ และลืมเรื่องที่หลงตัวเองไป
หลัวปอมองเพื่อนตัวน้อยที่วิ่งหนีไปและรู้ว่าตัวเองสร้างคลื่นไม่ได้ ดังนั้นเมื่อวินนี่ต้องการพามันไปดูแลเสี่ยวเถียนกวา มันจึงทำได้แค่ก้มหัวถอนหายใจและตามขึ้นไปอย่างไม่ขัดขืน
วินนี่ให้หลัวปอเอนตัวนอนและยัดเสี่ยวเถียนกวาไว้ในอ้อมแขนของมัน ส่วนตัวเองก็หยิบแท็บเล็ตขึ้นมาและเริ่มค้นหาเสื้อผ้าของสัตว์เลี้ยงบนอินเทอร์เน็ต เธอค้นหารายการสั่งซื้อที่เหมาะสมและถ้าไม่มีรายการที่เหมาะสม เธอก็สั่งทำขึ้นมาแทน
อย่างนี้ พวกเจ้าตัวน้อยก็จะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง อาหารที่ควรกินก็กิน ของที่ควรเล่นก็เล่น เรื่องที่ควรสู้ก็สู้
เสี่ยวหมิงที่ตอนแรกแค่ขึ้นมาร่วมสนุกกะพริบตามองปริบๆ หลังจากที่พบว่าไม่มีเรื่องน่าตื่นเต้นให้เข้าร่วม มันก็ทำได้แค่ปีนขึ้นไปบนระเบียงอีกครั้งและหาไพน์นัทของตัวเอง แล้วทุบกินเสียงดังแกร๊บๆ
ฉินสือโอวยืนอยู่ข้างๆ ก็กะพริบตามองเหมือนกัน เขาถามว่า “แก้ไขแบบนี้?”
วินนี่พูดแบบลอยๆ “แน่นอนสิ นี่ไม่ใช่สงครามโลกนะคะ จัดการเรื่องแค่นี้มีอะไรยาก?”
ฉินสือโอวหันหน้าไปมองทางซ้ายและทางขวา บ้าเอ๊ย ทำไมตัวเองถึงไม่มีอุบายเล็กๆ อย่างนี้บ้าง?
ศาสตราจารย์แซนเดอร์สนั่งมองอยู่บนโซฟามาโดยตลอด ตอนนี้เขาถามอีกครั้งว่า “เฮ้ บอส คุณยังยุ่งอยู่ไหม?”
ฉินสือโอวถอนหายใจ “ศาสตราจารย์ก็เห็นว่าตอนนี้ผมมือเปล่า เหมือนยุ่งไหมล่ะ? พูดมาเถอะ มีเรื่องอะไรเหรอ?”
แซนเดอร์สหยิบเอกสารออกมาส่งให้เขาและพูดว่า “สองเรื่อง เรื่องแรกคือกาวชีวภาพที่พวกเราสกัดออกมาจากเพรียง ปัจจุบันวิเคราะห์การทำงานเสร็จแล้ว ตัวอย่างก็วิจัยออกมาแล้วเหมือนกัน ความเหนียวสุดยอดมาก”
“เรื่องที่สองคือคุณภาพน้ำของฟาร์มปลา ผมนำไปทดสอบอยู่ตลอดและพบว่าปริมาณของธาตุโลหะหนักที่อยู่ในน้ำสูงเกินไปนิดหน่อย ถ้าเป็นอย่างนี้เป็นเวลานาน ผลผลิตทางทะเลของพวกเราอาจจะไม่ผ่านการตรวจจากหน่วยงานตรวจสอบอาหาร”
ฉินสือโอวตกตะลึง เขาอ่านรายงานการวิเคราะห์ ในน้ำทะเลของฟาร์มปลาที่เกี่ยวข้องกับปริมาณของธาตุโลหะหนักจุดนี้สูงเกินไปนิดหน่อยจริงๆ โดยเฉพาะโซเดียม ทองแดง เหล็กและสังกะสี 4 ธาตุนี้ สูงเกินไปนิดหน่อยจนผิดปกติ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ฉินสือโอวถามด้วยความแปลกใจ
แซนเดอร์สเปิดรายงานให้เขาอ่าน ในเวลาเดียวกันก็อธิบายว่า “เพราะสิ่งมีชีวิตในทะเลของพวกเรามีระบบการเผาผลาญที่เร็วเกินไป สาหร่ายทะเลจะดูดซับธาตุโลหะหนักจากก้นทะเล หลังจากนั้นจะสะสมเป็นชั้นๆ ผ่านห่วงโซ่อาหาร และยิ่งมูลของสิ่งมีชีวิตในทะเลเยอะปริมาณของธาตุโลหะหนักก็ยิ่งสูง สุดท้ายก็จะเป็นสภาพนี้”
เมื่อปริมาณของธาตุโลหะหนักในน้ำทะเลสูงเกินค่ามาตรฐาน ไม่เพียงแค่จะนำไปสู่คุณภาพของผลผลิตทางทะเลที่ต่ำกว่ามาตรฐานเท่านั้น ยังก่อให้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีได้อย่างง่ายดายอีกด้วย เพราะอะไรฟาร์มปลาเรียบชายฝั่งถึงไม่ชอบให้บริเวณรอบๆ มีโรงงานเคมี? ก็เป็นเพราะสิ่งปฏิกูลที่โรงงานเคมีระบายออกมามักจะอุดมไปด้วยธาตุโลหะหนัก!
หลังจากอ่านรายงาน ฉินสือโอวก็ถามว่า “ศาสตราจารย์มีคำแนะนำอะไรไหม?”
นี่คือสาเหตุที่เขาทุ่มเงินจำนวนมากจ้างผู้เชี่ยวชาญมาทำงานเป็นที่ปรึกษาในฟาร์มปลา มีปัญหาอะไรก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญช่วยแก้ไข ฉินสือโอวก็จะสามารถประหยัดสิ่งต่างๆ ได้มากมาย
แซนเดอร์สยักไหล่ “ง่ายมาก เลี้ยงปู”
บทที่ 1067 ถ้าเลี้ยงก็เลี้ยงให้ดีที่สุด
ความรู้ของคนส่วนใหญ่เกี่ยวกับปู ก็คือรถถังขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ก้นทะเล พวกมันจะใช้กระดองที่ยาวและยกก้ามขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อข่มเหงตัวอื่นและกิน เจอสาหร่ายทะเลก็กินสาหร่ายทะเล เจอกุ้งแห้งก็กินกุ้งแห้ง เจอปลาตัวเล็กก็กินปลาตัวเล็ก พวกมันเป็นฮีโร่ที่แท้จริงแห่งป่ากรีนวูดแห่งก้นทะเลจริงๆ
ในความเป็นจริงการอุทิศตัวของปูต่อมหาสมุทรก็มีมากเหมือนกัน พวกมันเป็นเครื่องมือที่ใช้ปรับปริมาณของธาตุโลหะหนักในมหาสมุทร คนที่ชอบกินปูจะรู้ว่าข้างใต้กระดองขนาดใหญ่ของปูจะมีกระดูกซี่โครงที่อ่อนนุ่มสองแถวใหญ่ นั่นคือปอดของพวกมัน
ปูต้องดูดซับน้ำทะเลอย่างต่อเนื่องในกระบวนการใช้ชีวิต เมื่อน้ำทะเลผ่านปอดของพวกมัน ไอออนของโลหะหนักจะถูกกรอง ปริมาณของไอออนที่เกี่ยวข้องในน้ำทะเลที่ไหลออกมาก็จะต่ำมาก
แซนเดอร์สอธิบายให้ฉินสือโอวฟัง ฉินสือโอวพยักหน้า ก่อนหน้านี้เขาก็มีแผนที่จะเลี้ยงปูเหมือนกัน แต่ภายหลังพบว่าฟาร์มปลามีปูราชินีเยอะมาก เรื่องนี้จึงถูกพักไว้
ต่อมาเพราะปูราชินีรุดหน้าไปอยู่นอกชายฝั่งในฤดูหนาว ฉินสือโอวกลัวว่าพวกมันจะไปทำร้ายแนวปะการังจึงรวบรวมชาวประมงไปจับมาหลายครั้ง เขาทำความสะอาดฝูงปูขนาดใหญ่สองสามฝูงได้มา 1 ตัน และส่งไปขายที่ไมอามีกับนิวยอร์กเพื่อเปลี่ยนเป็นเงิน
ตอนนี้ปริมาณของโลหะหนักในฟาร์มปลาสูงเกินไป เขาจึงจำเป็นต้องเพาะพันธุ์ปูทะเลครั้งใหญ่
ปัญหาคือ พวกเขาจะเพาะพันธุ์ปูสายพันธุ์อะไรดี?
ปูที่ดีที่สุดมักจะมาจากมหาสมุทรแปซิฟิก ตัวอย่างเช่นปูดันเจเนสส์กับปูจักรพรรดิเป็นต้น ปูหิมะที่อุดมสมบูรณ์ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือก็มีจำนวนเยอะมากในมหาสมุทรแปซิฟิกเหมือนกัน พูดได้ว่ามหาสมุทรแปซิฟิกถือเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยปู
ปูที่ฉินสือโอวอยากเพาะพันธุ์ก็คือปูดันเจเนสส์ ในฐานะที่เป็นทรัพยากรที่สำคัญของสินค้าประเภทปูในอเมริกา ปูสายพันธุ์นี้ก็เหมือนกับชื่อของมัน เป็นของล้ำค่าที่มีมูลค่าอย่างมากประเภทหนึ่งจริงๆ
มูลค่าของปูดันเจเนสส์ไม่เพียงแค่ขึ้นอยู่กับความอร่อยเท่านั้น แต่ยังเพราะผลผลิตเนื้อของมันสูงมาก มากกว่า 25% หรือก็คือการซื้อปูดันเจเนสส์ 1 กิโลกรัมจะสามารถกินเนื้อปูได้ 250 กรัม สำหรับปูหิมะกับปูม้านั้น เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยจริงๆ
ปูราชินีที่ฟาร์มปลาต้าฉินผลิตออกมาสามารถขายได้ในราคาสูงที่นิวยอร์กกับไมอามี ปูที่ดีที่สุดราคาสูงกว่าสินค้าที่คล้ายกันในตลาดถึง 200% เหตุผลก็คือปูของพวกเขาไม่เพียงแค่อร่อยและคุณค่าทางโภชนาการสูงเท่านั้น มันยังมีผลผลิตเนื้อปูที่สูงกว่าอีกด้วย
แม้ว่าจะเป็นปูราชินีแบรนด์ต้าฉินที่ดีที่สุด อัตราการผลิตเนื้อปูก็ยังน้อยกว่า 20% และจะมีแค่ 16% ถึง 18% ตามปกติ ส่วนปูราชินีทั่วไปของที่อื่นๆ อัตราการผลิตเนื้อปูนั้นก็ต่ำมากที่สุดถึง 13%!
แหล่งกำเนิดหลักของปูดันเจเนสส์คือทวีปอเมริกาเหนือ และปูดันเจเนสส์ที่ทวีปอเมริกาเหนือกว่า 90% ยังถูกจับโดยชาวประมงเชื้อสายอเมริกันอีกด้วย ปริมาณที่จับได้ในแคนาดาจึงน้อยมาก
ปริมาณที่จับได้ในแคนาดาน้อย แต่ยอดขายกลับไม่ต่ำ โดยปกติหลังจากที่ปูดันเจเนสส์ส่วนใหญ่ถูกจับที่ชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ก็จะถูกส่งผ่านเมืองซานดิเอโกในสหรัฐอเมริกาไปยังเมืองแวนคูเวอร์ในแคนาดา หลังจากผ่านเมืองแวนคูเวอร์ก็จะถูกส่งไปขายตามซูเปอร์มาร์เก็ตกับร้านอาหารทั่วทั้งแคนาดา
ดังนั้น ถ้าฟาร์มปลาต้าฉินจะทำฟาร์มปูดันเจเนสส์ งั้นอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินก็จะเข้าสู่การเป็นผลิตภัณฑ์ชั้นนำของแคนาดาได้ในทันที
ปัญหาที่น่าปวดหัวก็อยู่ในนี้ ปูดันเจเนสส์เป็นปูที่สืบพันธุ์ตามพื้นที่ ชุมชนที่ใหญ่ที่สุดของพวกมันอาศัยอยู่ที่น่านน้ำอะแลสกา จำนวนของพวกมันในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือและน่านน้ำอื่นน้อยลงมาก ที่มหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแอตแลนติกก็แทบจะไม่มีเหลือแล้ว
นอกจากนี้ ปูดันเจเนสส์ที่น่านน้ำอะแลสกาไม่เพียงแค่มีจำนวนเยอะเท่านั้น ขนาดยังใหญ่ที่สุดอีกด้วย โดยมีน้ำหนักเฉลี่ย 1 กิโลกรัม และปูดันเจเนสส์ที่ผลิตออกมาในรัฐวอชิงตัน รัฐออริกอน รัฐแคลิฟอร์เนียกับรัฐโคลอมเบียในแคนาดามีน้ำหนักตัวเฉลี่ยน้อยกว่าถึง 25%
ประเทศและภูมิภาคบนชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกทุกที่เคยค้นคว้าว่าจะนำปูดันเจเนสส์เข้ามาอย่างไร โดยเฉพาะญี่ปุ่น ปูสายพันธุ์นี้ยอดขายสูงมากที่ญี่ปุ่น อำนาจของเงินทุนที่พวกเขาใช้เพื่อค้นคว้าเกี่ยวกับปูดันเจเนสส์นั้นเป็นอันดับที่ 2 รองจากการลงทุนในปลาทูน่าครีบน้ำเงินเท่านั้น
แต่ตอนนี้เทคโนโลยีในการเพาะพันธุ์ปลาทูน่าครีบน้ำเงินได้รับการปฏิวัติจนก้าวหน้าแล้ว แต่เทคโนโลยีการเพาะพันธุ์ปูดันเจเนสส์ที่ญี่ปุ่นยังคงหาวิธีแก้ไขไม่ได้
โชคดีที่น่านน้ำฮอกไกโดของญี่ปุ่นเป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ และก็มีผลิตผลจากปูสายพันธุ์นี้เหมือนกัน ดังนั้นจึงยังสามารถแก้ไขความต้องการของลูกค้าชาวญี่ปุ่นที่มีต่อปูดันเจเนสส์ได้อยู่
ในความเข้าใจของฉินสือโอว ปูที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจกับมูลค่าแฝงเอาไว้มากที่สุดก็คือปูดันเจเนสส์ ตอนนี้ประเทศและภูมิภาคที่มีเงื่อนไขว่าจะจับพวกมันในฤดูหนาวทุกที่ ทำให้ผลิตผลของปูสายพันธุ์นี้น้อยลง
ความพยายามในการปกป้องปูดันเจเนสส์ของสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเข้มงวดมาก สามารถจับได้แค่ปูตัวผู้ ถ้าจับได้ปูตัวเมียจะต้องปล่อยกลับไปในทะเล ไม่สามารถขนส่งและขายได้ ถ้าตรวจพบว่ามีคนทำผิดกฎหมาย นอกจากจะถูกปรับเป็นเงินจำนวนมาก ทั้งชีวิตนี้จะไม่ได้รับใบอนุญาตในการจับปูดันเจเนสส์อีกเลย
ถูกต้อง การจับปูดันเจเนสส์ก็เหมือนกับการล่าปลาทูน่าครีบน้ำเงิน ต้องซื้อใบอนุญาตในการจับสัตว์ทะเลจากกรมประมงจึงจะสามารถจับได้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการจับสัตว์ทะเลที่ผิดกฎหมาย
หลังจากฉินสือโอวเล่าแผนการของเขา แซนเดอร์สก็ลำบากใจอยู่บ้าง
เขารู้ถึงความยากลำบากในการเพาะพันธุ์ปูดันเจเนสส์ที่มหาสมุทรแอตแลนติก ความจริงสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลของมหาวิทยาลัยโทรอนโตก็เคยศึกษาวิธีการเพาะพันธุ์ปูดันเจเนสส์ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับสาระสำคัญหรือความคืบหน้าอะไร
ไม่ต้องสงสัยเลย ถ้าฟาร์มปลาต้าฉินต้องการเพาะพันธุ์ปูสายพันธุ์นี้ แรงกดดันทางเทคนิคนั้นก็จะอยู่ที่ตัวของเขา ฉินสือโอวจะไม่จ่ายราคาสูงเพื่อเลี้ยงเขาโดยที่เขาไม่อุทิศตัว
นอกจากนี้ ปูตัวเมียกับพันธุ์ปูของปูดันเจเนสส์เป็นปูที่ราคาค่อนข้างแพง โดยเฉพาะรัฐนิวฟันด์แลนด์ทั้งรัฐไม่มีฐานในการเพาะพันธุ์ปูดันเจเนสส์ ถ้าต้องการเพาะพันธุ์ก็ต้องขนส่งมาจากรัฐโคลัมเบีย ค่าขนส่งก็เป็นตัวเลขทางดาราศาสตร์
ถ้าแซนเดอร์สไม่สามารถเพาะพันธุ์ปูสายพันธุ์นี้ได้สำเร็จ เขาคงไม่มีวิธีอธิบายให้ฉินสือโอวฟังจริงๆ
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แซนเดอร์สก็ตัดสินใจเปิดปากพูดก่อน “ผมจะบอกบอสว่า การเพาะพันธุ์ปูดันเจเนสส์ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ นี่ไม่ต่างจากการโยนดอลลาร์แคนาดาทิ้งลงไปในทะเลเลย พูดตามความจริง ผมไม่มั่นใจว่าผมจะแก้ไขหัวข้อนี้ได้”
ฉินสือโอวตบไหล่ของเขาและทำท่าให้กำลังใจพร้อมกับพูดว่า “ปล่อยไปตามสบายและพยายามทำดูเถอะ ผมเชื่อว่าศาสตราจารย์จะไม่มีปัญหาแน่นอน! ศาสตราจารย์คิดวิธีเพาะพันธุ์ก็ได้ ผมไม่ได้ต้องการให้ศาสตราจารย์รับผิดชอบ และยืนยันว่าการเพาะพันธุ์ปูดันเจเนสส์เป็นไอเดียของผม สุดท้ายถ้าไม่สามารถเพาะพันธุ์ได้สำเร็จจริงๆ ความรับผิดชอบก็จะอยู่ที่ตัวผม”
แซนเดอร์สหัวเราะอย่างขมขื่น เจ้านายอาจจะพูดอย่างนี้ แต่เขาก็เป็นลูกน้อง ถึงตอนนั้นเขาจะกล้าผลักความรับผิดชอบให้เจ้านายจริงๆ เหรอ?
เขารู้สึกว่าฉินสือโอวบ้านิดหน่อย ถ้ารู้เร็วกว่านี้ว่าชายคนนี้อยากเพาะพันธุ์ปูดันเจเนสส์ เขาจะไม่มาทำงานที่ฟาร์มปลาต้าฉิน นี่ไม่ใช่การมาเป็นที่ปรึกษาด้านเทคนิค แต่เป็นแผนเพื่อเข้ารับรางวัลโนเบล!
สิ่งที่ฉินสือโอวพูดเป็นความจริง เขารู้สึกว่าความทรงพลังของพลังโพไซดอนจะสามารถปรับเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตได้ การปรับเปลี่ยนปูดันเจเนสส์ให้เหมาะสมกับมหาสมุทรแอตแลนติกก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร
แซนเดอร์สมีประโยชน์อีกข้อหนึ่งคือ เขาจะมอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญทางทะเลมากประสบการณ์คนนี้เพาะพันธุ์ชั่วคราว เมื่อถึงเวลาก็แค่หาคนที่มีชื่อเสียงที่ประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ปูดันเจเนสส์ได้สำเร็จ เขาไม่สามารถเลี้ยงปูดันเจเนสส์โดยไม่มีคำอธิบายได้เหรอ?
หัวข้อที่เขาเตรียมไว้ให้แซนเดอร์สคือการไปศึกษาแมลงยักษ์สีดำ เขาส่งคราเคนไปเอากระดองของแมลง 10 กว่าชิ้นกลับมา และตอนนี้ก็ทิ้งไว้บนแนวปะการังแล้ว เขาสามารถจับและนำมาศึกษาได้ตลอดเวลา
แต่แซนเดอร์สไม่รู้ เขารับหัวข้อการเพาะพันธุ์ปูดันเจเนสส์ด้วยใบหน้าที่ขมขื่น หลังออกจากวิลล่าเขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาทันทีและโทรหาเพื่อนเก่ากลุ่มหนึ่ง “รีบจัดหาการสนับสนุนทางเทคนิคให้ฉันเร็ว เจ้านายตัวน้อยของฉันต้องการเพาะพันธุ์ปูดันเจเนสส์!”
“โอ้ พระเจ้า เขาบ้าไปแล้วเหรอ?”
“ไม่ เขาไม่ได้บ้า แต่ฉันบ้า ฉันอยู่กับเขาจนบ้าไปแล้ว!”
“โอเค หวังว่าพระเจ้าจะอวยพรและคุ้มครองนาย ฉันคาดว่าฉันคงได้เห็นฉากที่แม้แต่กางเกงในของพวกนายก็ไม่เหลือ”
บทที่ 1068 หัวข้อที่สอง
เมื่อใส่ร้ายแซนเดอร์สและให้เขาเตรียมตัวเพาะพันธุ์ปูดันเจเนสส์ ฉินสือโอวโทรหาเรค บิ๊กฟุตอีกครั้งและถามเขาว่าเขามีช่องทางหาพันธุ์ปูหรือปูดันเจเนสส์ตัวเมียไหม
ในความคิดของฉินสือโอว เพาะพันธุ์ปูตัวเมียจะดีกว่า เพียงแค่ปรับทิศทางการป้อนพลังงานโพไซดอนก็พอ ถึงตอนนั้นลูกปูที่ปูตัวเมียสืบพันธุ์ออกมาจะถูกพลังโพไซดอนปรับเปลี่ยน การปรับพวกมันให้เข้ากับมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือก็ไม่น่าจะมีปัญหา
หลังจากเรครับโทรศัพท์ก็เริ่มหัวเราะอย่างขมขื่น เขาไม่ใช่สารานุกรมท้องทะเล การติดต่อซื้ออวนจับปลาและซ่อมแซมเรือประมงเขาไม่มีปัญหา แต่การหาซื้อพันธุ์ปูกับปูดันเจเนสส์ตัวเมียนั้นยากมาก
เพราะความยากในการเพาะพันธุ์ปูดันเจเนสส์ รัฐบาลแคนาดากับรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจึงเข้มงวดในการจับปูตัวเมียมาโดยตลอด เรือพาณิชย์ไม่สามารถขนส่งและขายปูตัวเมียได้ จะมีแค่ฟาร์มเพาะพันธุ์พิเศษบางแห่งเท่านั้นที่จะสามารถเพาะพันธุ์ปูดันเจเนสส์ตัวเมียได้
ชัดเจนว่า เรคยังติดต่อฟาร์มเพาะพันธุ์ประเภทนี้ไม่ได้
ดังนั้นฉินสือโอวจึงเปลี่ยนเป้าหมาย เขาติดต่อบิล ซาทชี่ผู้จัดการฝ่ายลูกค้าของบริษัท ดิค พันธุ์พืชน้ำทะเล
หลังจากที่บิลรับสายนี้เขาก็ยังคงมีความสุข ฉินสือโอวเป็นลูกค้ารายใหญ่และสั่งซื้อเมล็ดหญ้าสาหร่ายทะเลของที่นี่จากเขามาโดยตลอด เพราะมีปลาในฟาร์มปลาเยอะเกินไป เดิมทีการขยายพันธุ์ของสาหร่ายทะเลก็ไม่ได้รวดเร็ว ฉินสือโอวจึงต้องปลูกพืชเทียมต่อไป
ฟาร์มปศุสัตว์ที่ก้นทะเลของฟาร์มปลาต้าฉินเป็นผลงานชิ้นเอกที่เขาภูมิใจมากที่สุดในตอนนี้ และยังภูมิใจมากกว่าแนวปะการังที่เปล่งประกายงดงามอีกด้วย ฝูงปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่ล้ำค่าและหอยเป๋าฮื้อบริติชลายสลับสีที่ทั่วทั้งมหาสมุทรแอตแลนติกเหนืออาจจะมีแค่ที่นี่เท่านั้น
แต่เมื่อรู้ว่าของที่ฉินสือโอวจะซื้อคือปูดันเจเนสส์ตัวเมีย บิลก็ทำอะไรไม่ถูก “ครั้งนี้ผมจะใช้ทรัพยากรของผมลองหาดู คุณซื้อหุ้นส่วนได้เก่งมาก คุณโจมตีอาคิลลิสที่บริษัทของพวกผมติดตาม ประจวบเหมาะกับตอนนี้คุณต้องการซื้อสินค้าที่บริษัทของพวกผมไม่มี”
ฉินสือโอวเสียใจมาก หลังจากนั้นเขาถามว่า “งั้นพวกคุณมีหอยเป๋าฮื้อบริติชลายสลับสีไหม? ผมก็อยากเลี้ยงหอยสายพันธุ์นี้อยู่เหมือนกัน”
บิลที่อยู่ฝั่งนั้นเงียบไปหลายวินาที หลังจากเปิดปากพู
ดอีกครั้งเขาจึงพูดว่า “ฉิน บริษัทของพวกผมมีนางเงือก คุณอยากเลี้ยงสักสองตัวไหม?”
“อยากแน่นอน พอดีลูกสาวของผมใกล้จะรู้ความแล้ว เธอต้องชอบเพื่อนนางเงือกแน่ๆ” ฉินสือโอวแกล้งพูดอย่างคาดหวัง “เท่าไร? ผมจะจ่ายค่ามัดจำล่วงหน้าให้คุณทันที เอามาลองดูก่อนสัก 2 ตัว”
บิล “ขอล่ะ อย่าล้อผมเล่น เพื่อน!”
ฉินสือโอวยังคงไม่เชื่อ มันก็เป็นแค่ปูดันเจเนสส์ ทำไมถึงยากขนาดนี้? เขาเคยเห็นปูสายพันธุ์นี้ขายอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตบนเกาะแฟร์เวล แน่นอนว่านั่นเป็นปูตัวผู้ งั้นทำไมปูตัวเมียถึงหาซื้อยากขนาดนี้?
น่าเสียดายที่เขาหัวเราะกลับมาและทำได้แค่ด่าไปประโยคหนึ่งว่า ‘เชื่อในความชั่วของนายจริงๆ’ แม้ว่าเขาจะโทรหาเอี๋ยนตงเหล่ย เขาก็ยังคงหาช่องทางในการซื้อปูสายพันธุ์นี้ไม่ได้
ความจริงสาเหตุหลักยังคงเป็นเพราะการลดลงของปริมาณในการจับปูดันเจเนสส์ช่วงสองสามปีนี้ แคนาดากับสหรัฐอเมริกาควบคุมการจับปูตัวเมียอย่างเข้มงวด การเจริญเติบโตของปูดันเจเนสส์ค่อนข้างช้า ต้องใช้เวลา 2 ถึง 3 ปีจึงจะโตมามีน้ำหนักถึง 200 กรัม และต้องใช้เวลา 7 ถึง 8 ปีจึงจะหนักถึง 800 กรัมจึงจะได้รับอนุญาตให้จับได้
แน่นอนว่า อัตราการเจริญเติบโตของปูสายพันธุ์นี้เร็วกว่าปลาทูน่าครีบน้ำเงิน แต่ปริมาณในการจับปูดันเจเนสส์ไม่สามารถเทียบกับปลาทูน่าครีบน้ำเงินได้อย่างแน่นอน ช่วงเวลาปกติก่อนหน้านี้ ในหนึ่งปีรัฐบาลแคนาดาสามารถผลิตปูดันเจเนสส์ออกมาได้ 6 กิโลตัน แต่ตอนนี้มีแค่ 2 กิโลตัน!
สุดท้ายเมื่อเขาไม่มีวิธีอื่น ฉินสือโอวโทรหาบริษัทอเมริกันเอ็กซเพรสแสนสารพัดประโยชน์ หลังจากนั้นเจนนิเฟอร์ก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง เธอส่งรายละเอียดการติดต่อกับข้อมูลของเจ้าของให้เขา ในที่สุดเขาก็ได้ช่องทางการซื้อปูดันเจเนสส์
นี่ทำให้แซนเดอร์สผิดหวังมาก เขายังคิดว่าฉินสือโอวไม่สามารถหาซื้อปูตัวเมียได้ ดังนั้นเขาก็จะไม่ต้องทำการศึกษาหัวข้อนี้ที่เขามั่นใจว่าจะล้มเหลว
ความจริงปูดันเจเนสส์ตัวเมียหาซื้อยากขนาดนี้ ไม่ใช่แค่จำนวนเบาบาง และก็ไม่ใช่แค่ประเทศที่ควบคุมอย่างเข้มงวด แต่ยังเป็นเพราะของสิ่งนี้ไม่มีในตลาด รัฐนิวฟันด์แลนด์ไม่มีฟาร์มเพาะพันธุ์ไว้เพาะพันธุ์ของสิ่งนี้ ไม่มีการซื้อขายก็ไม่มีการฆ่า และแน่นอนว่าก็ไม่มีข้อตกลงทางธุรกิจเหมือนกัน
ฟาร์มเพาะพันธุ์ปูทะเลมืออาชีพแห่งนี้ที่ฉินสือโอวติดต่อไปก็ไม่มีสินค้าพร้อมส่ง พวกเขาไม่ได้เพาะพันธุ์ปูดันเจเนสส์เหมือนกัน แต่เป็นของสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์แห่งหนึ่งที่อยู่ภายใต้กรมประมง พวกเขาจะจับปูตัวเมียมาเพื่อศึกษาและเพาะพันธุ์ พวกเขาขายให้ฉินสือโอวในนามของการเข้าร่วมโครงการวิจัยการเพาะพันธุ์ปูดันเจเนสส์ในมหาสมุทรแอตแลนติก
หลังจากโล่งใจในที่สุด ฉินสือโอวก็ไปที่แนวปะการังและเก็บกระดองสีดำของแมลงยักษ์สีดำมา เจ้าตัวน้อยทั้ง 3 ตัวไม่ได้อยู่ที่แนวปะการัง คราเคนไม่สามารถเข้าสู่ชายฝั่งทะเลได้ เพราะกองทัพงูเหลือมทะเลออกมาเคลื่อนไหวอย่างอุกอาจมากเกินไป ฉินสือโอวจึงสวมชุดดำน้ำของเขาและลงทะเลด้วยตัวเอง
วินนี่มองเขาแบกชุดดำน้ำขึ้นไปบนเรืออย่างสบายๆ เธอส่ายหัวพร้อมกับพูดว่าคุณนี่อยู่ว่างๆ ไม่ได้จริงๆ และกลับไปดูลูกต่อ
แซนเดอร์สสนใจแนวปะการังในมหาสมุทรมาโดยตลอด แต่เมื่อเร็วๆ นี้เขายุ่งอยู่กับการค้นคว้ากาวชีวภาพที่ได้จากเพรียงตีนเต่า เขาเพิ่งจะเตรียมเปลี่ยนโครงการวิจัยไปดูแนวปะการัง ผลคือฉินสือโอวต้องการเลี้ยงปูดันเจเนสส์ขึ้นมา แต่เขาจนปัญญาที่จะทำเป็นอย่างมาก
ฉินสือโอวเชิญเขาไปดำน้ำในทะเล แซนเดอร์สคาดหวังเอาไว้มาก แต่พอคิดได้เขาก็ปฏิเสธ น้ำเย็นเกินไป เขาไม่ได้มีสมรรถภาพทางกายที่ป่าเถื่อนอย่างนั้นเหมือนกับฉินสือโอว
นั่นเป็นเพราะฉินสือโอวเปลือยท่อนบนข้ามช่องแคบนอร์ทัมเบอร์แลนด์ ตอนนี้เขาจึงถูกสื่อกระพือข่าวว่าเป็นคนบ้าออกกำลังกายมาโดยตลอด
สาเหตุเพราะน้ำลดลง แหล่งน้ำในแนวปะการังจึงตื้นมาก น้ำทะเลก็ใสเป็นพิเศษอีก ฉินสือโอวกับแซนเดอร์สตระเวนอยู่ที่แหล่งน้ำบริเวณรอบๆ ปะการังโดยเรือก่อน ตอนเที่ยงที่แดดกำลังส่อง พวกเขาก็จะได้เห็นแนวปะการังอันสวยงามที่อยู่ข้างใต้
“ช่างเป็นโลกที่สวยงามอะไรอย่างนี้!” แซนเดอร์สอุทานด้วยความชื่นชม “ตอนนี้ผมอิจฉากั้งตั๊กแตนเจ็ดสีมาก ถ้าผมสามารถมีตาอย่างนั้นเหมือนกับพวกมันได้ แนวปะการังที่เห็นจะสวยงามขนาดไหน?”
กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีมีเซลล์รูปกรวยที่ซับซ้อนที่สุดที่พบในสิ่งมีชีวิตทั่วโลก เซลล์ประเภทนี้ใช้รับรู้การเห็นสีโดยเฉพาะ มนุษย์มี 3 สี นั่นก็คือสีเขียว สีฟ้าและสีแดง ทุกสีที่มองเห็นเป็นการผสมกันของสี 3 สีนี้
แต่กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีมีถึง 15 สี!
ในดวงตาของมนุษย์ ทรายที่ก้นทะเลเป็นสีขี้เถ้าบริสุทธิ์ แต่ในดวงตาของกั้งตั๊กแตน ทั้งงดงามทั้งแพรวพราวมากกว่าสีรุ้งที่มนุษย์เห็น
ถ้าสีที่กั้งตั๊กแตนเห็นเป็นสีรุ้งตลอดและนำเข้าไปในสมองของมนุษย์ สมองของมนุษย์คนนั้นก็จะระเบิด…
ฉินสือโอวคุยและหัวเราะอยู่กับแซนเดอร์ส ตอนที่ใกล้จะผ่านแนวปะการังแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ผิวน้ำมากที่สุด กระดองของแมลงยักษ์สีดำที่กระจัดกระจายอยู่ก็ปรากฏขึ้น
เขาแกล้งชี้กระดองพวกนั้นด้วยความตกใจและพูดว่า “ว้าว นี่คือเปลือกหอยของตัวอะไร? ใช่เต่าไหม?”
แซนเดอร์สก็แปลกใจเหมือนกัน เขาหยิบแว่นตาขึ้นมาสวมอย่างเร่งรีบและขมวดคิ้ว “ไม่ๆ ไม่ใช่เต่า และก็ไม่ใช่เปลือกหอยอะไรเหมือนกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะมีเปลือกหอยที่ใหญ่ขนาดนี้ ของแบบนี้ จับขึ้นมา บอส ผมต้องดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน บางทีพวกเราอาจจะพบอย่างอื่น”
ฉินสือโอวเอาชุดดำน้ำมาก็เพื่อทำสิ่งนี้ เขาเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำและสวมหมวกกันน็อกใบใหญ่ ด้านในบรรจุอากาศเหลวไว้ สารละลายพิเศษประเภทหนึ่งที่อุดมไปด้วยโมเลกุลของออกซิเจน มันสามารถทำให้คนว่ายน้ำอยู่ที่ก้นทะเลได้อย่างอิสระ และลดโอกาสที่จะป่วยจากการดำน้ำ
การสวมหมวกกันน็อกใบนี้ ช่วงแรกที่หายใจเอาอากาศเหลวเข้าไปในจมูกจะรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย เมื่อปรับตัวได้แล้ว มันก็เกือบจะเหมือนกับการหายใจบนบก แค่จะรู้สึกว่าโพรงจมูกชุ่มชื้นมากขึ้นแค่นั้น
เขาดำลงไปใต้น้ำเพื่อเก็บกระดองสีดำ ฉินสือโอวเก็บมาทีละชิ้นๆ และส่งให้แซนเดอร์ส
บทที่ 1069 สร้างคริสทัลพาเลซขึ้นมาใหม่
หลังจากที่แซนเดอร์สได้กระดองสีดำมา เขาก็ขมวดคิ้วและพึมพำว่า “ของสิ่งนี้เป็นของที่มีอยู่จริงเหรอ? สิ่งมีชีวิตประเภทนี้ ผมเคยเห็นมันในงานประชุมการค้นคว้าสิ่งมีชีวิตทางทะเลครั้งหนึ่ง ตอนนั้นผมคิดว่ามีคนแกล้งประกอบมันขึ้นมา แต่ดูเหมือนว่าพวกเราจะคิดผิด”
ฉินสือโอวถามเขาว่าของสิ่งนี้ใช้ทำอะไร แซนเดอร์สส่ายหัว “ตอนนี้ผมยังบอกไม่ได้ แต่ผมจะศึกษามันสักหน่อย บางทีพวกเราอาจจะมีการค้นพบครั้งใหญ่ ตัวอย่างเช่นการค้นพบสายพันธุ์ใหม่สายพันธุ์หนึ่ง”
นี่มั่นใจว่าต้องเป็นสายพันธุ์ใหม่ ฉินสือโอวค้นหามานานขนาดนี้ ก็ไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์นี้ในข้อมูลอย่างเป็นทางการ แต่เขากลับเคยเห็นภาพเงาของพวกมันบนเว็บไซต์ขนาดเล็กส่วนหนึ่งและในรายงานของสื่อขนาดเล็กบางแห่ง
แซนเดอร์สถือกระดองเดินจากไป ฉินสือโอวยังคงดำน้ำต่อและมองดูโลกใต้ทะเลของตัวเอง
ตอนนี้เขาอยู่ที่จุดแกนกลางของแนวปะการัง หอยเป๋าฮื้อบริติชลายสลับสีก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ พวกมันขยายพันธุ์ช้ามาก แต่โชคดีที่หลังจากพวกมันดูดซับพลังโพไซดอนไปก็มีพลังงานอยู่เต็มเปี่ยม ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันก็ยังผสมพันธุ์กันอย่างต่อเนื่อง จำนวนของพวกมันจึงเพิ่งขึ้นอย่างช้าๆ
ปลานกแก้วที่แวววาวและสวยงามฝูงหนึ่งเห็นฉินสือโอวจึงรายล้อมเข้ามา นี่เป็นปลาสายพันธุ์หนึ่งที่มีทั้งความสามัคคีและความอยากรู้อยากเห็นหนักมาก พวกมันเคยเป็นแขกกลุ่มแรกของแนวปะการัง
ในตอนนั้นแนวปะการังนี้มีแค่ปลานกแก้วไม่กี่ตัว ฉินสือโอวจำได้ว่า มีครั้งหนึ่งที่ปลานกแก้วตัวหนึ่งติดอยู่ในรังไหมที่มันสานด้วยตัวเอง และเป็นเขาที่ช่วยเหลือปลาตัวนี้
เรื่องเหมือนเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ แต่คำนวณอย่างละเอียดถี่ถ้วน เวลาก็ผ่านไป 2 ปีแล้ว!
เมื่อผ่านการขยายพันธุ์และการค้นหา จำนวนของปลานกแก้วที่อยู่ในแนวปะการังเพิ่มขึ้นมาก และเปลี่ยนไปเป็นฝูงปลาสองสามฝูง ฝูงปลาฝูงนี้ว่ายอยู่ข้างๆ ฉินสือโอวซึ่งมีปลานกแก้วตัวเล็กตัวใหญ่ 100 กว่าตัว
ปลาอีโต้มอญไม่กี่ตัวพุ่งเข้ามาด้วยความบุ่มบ่าม ปลานกแก้วเห็นปลาตัวใหญ่สายพันธุ์นี้จึงว่ายหนีไปอย่างรวดเร็ว และปกติที่พวกปลาอีโต้มอญไล่ตามก็ไม่ใช่พวกมัน แต่เป็นฝูงปลาทูน่าครีบเหลืองที่ยังเด็ก
ปลาทูน่าครีบเหลืองตัวเมีย ทุกปีจะให้กำเนิดลูกหลายสิบล้านตัว แต่สุดท้ายตัวที่มีชีวิตอยู่จนโตเต็มวัยจะมีไม่กี่พันตัว นั่นเพราะช่วงวัยเด็กของพวกมันยาวนานเกินไป ปริมาณของโภชนาการยังสูงอีกด้วย ซึ่งทุกตัวล้วนเป็นอาหารของปลาขนาดใหญ่สายพันธุ์อื่น
ฉินสือโอวปกป้องปลาตัวเล็กฝูงนี้ และจิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็ขับไล่ปลาอีโต้มอญพวกนี้ไป
เมื่อว่ายไปที่ขอบของแนวปะการัง ฉลามแมวเจ็ดพี่น้องก็ลอยขึ้นมาจากก้นทะเล คาดการณ์ว่าพวกมันคงหิวและอยากออกมาล่าเหยื่อ ผลคือมันเงยหน้าขึ้นมองฉินสือโอว ปกติที่นี่ไม่มีนักดำน้ำ ดังนั้นพวกมันจึงแปลกใจมาก
ฉินสือโอวว่ายเข้าไปใกล้พวกมัน พวกมันอ้าปากกว้างเผยให้เห็นฟันที่แหลมคม หลังจากทำท่าทางดุร้าย พวกมันก็หมุนตัวสะบัดหางและว่ายหนีไป
มันรู้สึกว่าตัวเองทำตัวขี้ขลาดนิดหน่อย แต่เมื่อหันกลับไปก็ต้องตกใจเมื่อพบว่า โดนหลอก น้องชายทั้งหกตัวของมันหนีไปแล้ว!
โซนขอบของแนวปะการังเป็นก้นทะเลที่ราบเรียบ สีผิวของทรายทะเลละเอียดเป็นสีขาวหิมะ ฉินสือโอวใช้มือหยิบทรายขึ้นมาหนึ่งกำมือ เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองหยิบหิมะขึ้นมาได้หนึ่งกำมือ
ด้านหลังเป็นแนวปะการังที่งดงาม ส่วนด้านหน้าราบเรียบไปจนถึงก้นทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาล ฉินสือโอวลอยตามคลื่นทะเลไปอย่างช้าๆ นี่ก็คือโลกของเขา และเขาก็คือราชาของที่นี่ โลกใต้น้ำที่สวยงาม น่าเสียดายที่ไม่มีคริสทัลพาเลซ…
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อยู่ๆ ก็มีฟ้าแลบแวบขึ้นมาในความคิดของฉินสือโอว เขาคิดถึงของอย่างหนึ่งที่เขาลืมไปนานมากแล้ว แก้วใต้ทะเล!
เมื่อเกิดความคิดนี้ขึ้นมาทำให้ฉินสือโอวตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น เขาไม่ได้ไปหาแก้วใต้ทะเลที่สีต่างกันพวกนั้นมานานแล้ว เขาจำได้ว่าแก้วพวกนั้นอยู่ในแอ่งขนาดเล็ก จิตสำนึกแห่งโพไซดอนทั้งสี่ข้ามไปกวาดตามองเพื่อค้นหา และหาแอ่งขนาดเล็กแห่งนั้นเจออย่างรวดเร็ว
แก้วสีแดงสีขาวพวกนี้ยังคงนอนอย่างเงียบสงบอยู่ในแอ่งขนาดเล็ก บริเวณรอบๆ มีคลื่นใต้น้ำพัดผ่าน โคลนทะเลที่พัดขึ้นมาก็เกือบจะปกปิดไว้อีกชั้น จิตสำนึกแห่งโพไซดอนม้วนตัวเป็นคลื่นทะเลและหมุนอยู่บริเวณรอบๆ แก้วพวกนี้จึงเผยสีที่แท้จริงออกมา
แก้วใต้ทะเลทั้งแผ่นเล็กแผ่นใหญ่ สีก็แตกต่างกัน แก้วใต้ทะเลแผ่นใหญ่เป็นเหมือนกับภูเขาลูกเล็ก สามารถวัดได้หลายสิบลูกบาศก์เมตร แต่แก้วใต้ทะเลแผ่นเล็กมีขนาดแค่เตาไมโครเวฟเท่านั้น ส่วนสีนั้น จะมีสีแดง สีขาว สีน้ำเงินและสีเหลืองเป็นหลัก
ครั้งก่อนฉินสือโอวต้องการเคลื่อนย้ายแก้วใต้ทะเลพวกนี้ แต่ตอนนั้นความสามารถของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนยังไม่แข็งแกร่งพอ แค่เคลื่อนย้ายแก้วใต้ทะเลแผ่นเล็กก็ลำบากแล้ว
ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ตอนนี้ฉินสือโอวสามารถก่อสึนามิขนาดเล็กในมหาสมุทรได้อย่างง่ายดาย การเคลื่อนย้ายแก้วใต้ทะเลพวกนี้จึงไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนทั้งสี่ก่อให้เกิดคลื่นใต้น้ำสี่ลูก คลื่นใต้น้ำที่ทรงพลังพวกนี้ปะทะกันจนเกิดเป็นคลื่นทะเลคำราม และยกแก้วใต้ทะเลขึ้นมา มันเริ่มหมุนไปข้างหน้า…
รวดเดียว คลื่นขนาดใหญ่ใต้ทะเลที่ฉินสือโอวสร้างพัดแก้วขนาดเล็กหลายชิ้นพุ่งออกไปไกลร้อยเมตร หลังจากคลื่นทะเลเกิดขึ้นก็มีแรงเฉื่อย พัดน้ำทะเลไปผสมกับแก้วใต้ทะเลและกลิ้งไปข้างหน้า มันเคลื่อนย้ายไป 40 ถึง 50 กิโลเมตรและเข้าไปอยู่ใกล้ๆ กับแนวปะการัง
แม้ว่าแก้วใต้ทะเลพวกนี้จะมีขนาดค่อนข้างเล็ก แต่การควบคุมคลื่นเป็นเวลานานขนาดนี้ก็ยังใช้พลังชีวิตมากอยู่ดี หลังจากฉินสือโอวส่งแก้วใต้ทะเลหลายแผ่นเข้ามาเขาก็หอบนิดหน่อยด้วยความเหนื่อย
อย่างนี้คงไม่ไหว ฉินสือโอวส่ายหัว การสร้างคริสทัลพาเลซต้องการแก้วใต้ทะเลเยอะมาก และยังต้องการแก้วขนาดใหญ่พวกนั้นโดยเฉพาะ เขาลองดูแล้ว แก้วใต้ทะเลหลายสิบลูกบาศก์เมตร แค่เขาเคลื่อนย้ายได้ 1 ถึง 2 กิโลเมตรก็ลำบากแล้ว
ชัดเจนว่า คลื่นทะเลที่สร้างโดยโพไซดอนนี้ เมื่อเทียบกับคลื่นที่รุนแรงตามธรรมชาติ อานุภาพยังต่างกันอยู่หลายปีแสง…
เมื่อรู้สึกขุ่นเคือง ฉินสือโอวก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาในทันที ทำไมตัวเองต้องใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเคลื่อนย้ายแก้วใต้ทะเลมาไกลขนาดนี้ด้วย? เขาสามารถใช้เรือลำใหญ่ลากแก้วพวกนี้ได้ ในเวลานั้นเขาไม่สามารถใช้อุบายนี้ได้ เป็นเพราะจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไม่สามารถย้ายแก้วใต้ทะเลขึ้นมาและส่งเข้าไปในอุปกรณ์ที่เรือลำใหญ่ลากมาด้วยได้
เมื่อเข้าใจจุดนี้ ฉินสือโอวก็ผ่อนคลายขึ้นมา ตอนนี้เขามีความคิดที่ยิ่งใหญ่มาก ถ้าความคิดนี้เป็นจริง นั่นจะเป็นเซอร์ไพรส์ที่เหมือนกับระเบิดนิวเคลียร์สำหรับวินนี่อย่างแน่นอน
เมื่อเสี่ยวเถียนกวาเกิด ฉินสือโอวก็ควรจะขอวินนี่แต่งงาน แต่สถานที่กับวิธีขอแต่งงานเขายังไม่มีแผนในใจ เขาหวังว่าจะทำให้วินนี่เซอร์ไพรส์ ทำให้ช่วงเวลาขอแต่งงานของเธอเป็นที่น่าจดจำไปตลอดชีวิต และถ้าเป็นการขอแต่งงานในคริสทัลพาเลซใต้ทะเล…
แค่คิดก็ทำให้คนตื่นเต้นแล้ว นี่ยังคงเป็นเรื่องที่ฉินสือโอวจินตนาการด้วยตัวเอง ถ้าวินนี่ผ่านปะการังใต้ทะเลมา ทันใดนั้นเธอก็จะเห็นคริสทัลพาเลซแห่งนี้กับฉินสือโอวที่จะขอเธอแต่งงาน นั่นคงจะสมบูรณ์แบบมาก!
เรื่องนี้จะเป็นเสียงสะท้อนแห่งความสุข ฉินสือโอวลอยขึ้นไปบนผิวน้ำและเตรียมตัวจะขึ้นเรือจากไป แต่เขามองไปรอบๆ ที่ว่างเปล่า บนผิวน้ำทะเลบริเวณรอบๆ ไม่มีเรือเลย!
“ไอ้เวร แซนเดอร์สนึกไม่ถึงว่านายจะวิ่งกลับไปเอง!” ฉินสือโอวทนไม่ไหวตะโกนด่าอย่างรุนแรง
ในเวลานี้เขายังห่างจากชายฝั่งอีกหลายกิโลเมตร แม้ว่าเขาเพิ่งจะข้ามช่องแคบ 15 กิโลเมตรมา แต่ตอนนั้นเขาก็แทบจะเหนื่อยตาย โดยเฉพาะตอนนี้เขายังสวมหมวกกันน็อคใบใหญ่ที่ไม่ตรงกันไว้บนหัวอยู่!
หลังจากก่นด่า เขายังต้องว่ายน้ำกลับเองอีกหลังจากนี้ ไม่มีวิธีอื่น ไม่มีอุปกรณ์การสื่อสาร ไม่มีคนอยู่รอบๆ และเขาอยากกลับไป นอกจากว่ายน้ำกลับไปด้วยตัวเองเขายังสามารถทำอะไรได้อีก?!
โชคดีที่ท่านชายฉินมีสมองที่ชาญฉลาด เขาคิดหาวิธีได้อย่างรวดเร็ว เขาจะให้เฮยป้าหวังแบกเขาไป
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเคลื่อนตัวออกไป และเฮยป้าหวังที่กำลังอวดโฉมอยู่ในฝูงฉลามขาวยักษ์ตัวเมียก็ว่ายเข้ามาอย่างเร่งรีบ ฉินสือโอวพลิกตัวและกระโดดขึ้นไปอยู่บนแผ่นหลังกว้างของมัน คลื่นลูกใหญ่ ฉลามขาวยักษ์ที่ตัวยาว 10 กว่าเมตรส่งเสียงร้องและพุ่งไปข้างหน้า
“ไอ้บ้าเอ๊ย!” ฉินสือโอวนั่งอยู่ได้ที่ไหนกัน? ผิวหนังของฉลามขาวยักษ์ลื่นเกินไป เฮยป้าหวังเร่งความเร็วเร็วขนาดนี้ ท่านชายฉินที่ปีนขึ้นไปอย่างยากลำบากก็ถูกเหวี่ยงลงน้ำอีกครั้ง…
บทที่ 1070 เทรนเนอร์มืออาชีพ
เมื่อกลับมาถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวเดินไปหาแซนเดอร์สด้วยความโกรธก่อน หมายความว่าอะไร นี่คือการฆาตกรรมนะรู้ใช่ไหม? การทิ้งเข้าไว้คนเดียวในสถานที่ที่ห่างไกลจากชายฝั่งหลายกิโลเมตร นี่คือจังหวะของการก่อกบฏ
แต่เมื่อเขามาถึงห้องในอพาร์ตเมนต์ของแซนเดอร์ส ความโกรธที่อยู่ในใจของเขาก็หายไปเยอะมาก ด้านหน้าของชายชรามีหนังสือข้อมูลกองหนึ่งวางไว้ ระหว่างไหล่กับศีรษะมีโทรศัพท์วางอยู่ เขากำลังคุยกับคนอื่น มือข้างหนึ่งถือกระดองสีดำของแมลงยักษ์มืออีกข้างกำลังกดคีย์บอร์ดจนเกิดเสียงดังแต๊ก…
การจัดการหลายทางนี่คือ ผู้อาวุโสก็ตำหนิไม่ได้ง่ายๆ เลยจริงๆ
ด้วยความโกรธ ฉินสือโอวทำได้แค่ระงับความขัดข้องใจนี้ และกลับวิลล่าไปอย่างไม่มีทางเลือก
หลังจากพักผ่อนได้สักพัก สายของบัตเลอร์ก็โทรเข้ามา “ฉิน ปลาทูน่าสองตัวที่เหลือฉันวางแผนจะขายให้อิสึซาโอะ อาโอยาม่าในราคาสองเท่าของราคาตลาดเพื่อต่อสู้กับเทซึกะ โกดะและตระกูลมอร์รี่ นายคิดอย่างไร?”
ราคานี้ค่อนข้างต่ำ สองเท่าของราคาตลาดฟังดูเหมือนจะสูงมาก แต่ถ้ารู้ว่าด้านหน้ามีปลาสองตัวรวมกันขายได้ 5 ถึง 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสองเท่าของราคาตลาด ปลาทูน่าน้ำหนัก 7 ร้อยถึง 8 ร้อยปอนด์ 1 ตัวก็ขายได้แค่ 2 แสนถึง 3 แสนดอลลาร์สหรัฐ ราคาจะต่างกันถึงสิบเท่า
แน่นอนว่าเมื่อพิจารณาถึงงานประมูลที่มีกระแสออกมากะทันหัน ในความเป็นจริงปลาทูน่าไม่สามารถขายในราคาอย่างนั้นได้ ราคา 2 แสนถึง 3 แสนถึงจะเป็นที่ยอมรับ
ที่ชายหาดน้ำตื้นจอร์จ พวกชาวประมงตกปลาทูน่าครีบน้ำเงินได้ ซึ่งสามารถขายได้ในราคา 1 หมื่นถึง 2 หมื่นดอลลาร์สหรัฐก็น่าทึ่งแล้ว ในความเหลื่อมล้ำที่มากขนาดนี้
ฉินสือโอวบอกว่าเรื่องแบบนี้นายสามารถตัดสินใจเองได้ เขาสนับสนุนอย่างแน่นอน หลังจากบัตเลอร์ได้ยินก็ประทับใจมาก และพูดน้ำเน่าในโทรศัพท์ว่า “โอ้ น้องชายสุดที่รัก นายต้องเป็นเทวดาที่พระเจ้าส่งมาให้ฉันแน่ๆ เพื่อน ฉันอยากจะพูดออกมาเสียงดังๆ ว่าความประทับใจที่อยู่ในใจฉัน…”
“ฟัค ถ้านายอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันต่อยนายแน่ นายทำให้ฉันไม่อยากกินอาหารเย็น!” ฉินสือโอวหัวเราะและพูด
บัตเลอร์ยังแนะนำสถานการณ์ของต้าฉินอาหารทะเลที่ญี่ปุ่นให้เขาฟังอีกว่า ความจริงแบรนด์อาหารทะเลของพวกเขายังไม่ได้เข้าสู่ญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ คนญี่ปุ่นเป็นคนอนุรักษนิยม และปฏิเสธโลกภายนอกเป็นอย่างมาก ตอนนี้นิชิมุระ เร็นกำลังเตรียมตัวทำงานในระยะแรก แต่บัตเลอร์กลับกำลังช่วยอิสึซาโอะ อาโอยาม่าต่อกรกับเทซึกะ โกดะและตระกูลมอร์รี่
เทซึกะ โกดะกับตระกูลมอร์รี่เป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นของพวกเขา และการพึ่งพาอิสึซาโอะ อาโอยาม่าจะไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้อย่างแน่นอน นี่คือพันธมิตรของสุนัขจิ้งจอกกับหมาป่า!
เมื่อคุยเรื่องของธุรกิจจบ สุดท้ายบัตเลอร์พูดว่า “เทรนเนอร์บาสเกตบอลที่นายถามฉันเมื่อครั้งก่อน ฉันช่วยนายติดต่อเรียบร้อยแล้วนะ บังเอิญมาก เขาก็อยู่ที่นครเซนต์จอห์นของพวกนายพอดี ฉันอยากรอให้พวกนายเจอกัน นายจะต้องพอใจอย่างแน่นอน นั่นคืออัจฉริยะด้านบาสเกตบอลของไอวีลีก!”
ฉินสือโอวอยากรู้มากยิ่งขึ้น แต่บัตเลอร์ไม่บอก บอกแค่จะทำให้เขาเซอร์ไพรส์
เซอร์ไพรส์บ้านแกสิ ฉินสือโอวแค่อยากด่าเขาที่มาหลอกสักประโยค ทำไมทุกคนชอบทำเซอร์ไพรส์? แซนเดอร์สมักจะทำให้ตัวเองเซอร์ไพรส์อยู่เสมอ ผลคือสิ่งที่ตัวเองได้รับในวันนี้มีแต่ความตกใจ ไม่มีความสุขเลยสักนิดเดียว!
เวลาไม่ได้ห่างกันนานมาก ฉินสือโอวจึงยอมรับการเซอร์ไพรส์ครั้งนี้ บัตเลอร์ไม่ได้พูดจาเหลวไหล ข้อมูลที่เขาส่งมาครั้งนี้ ยังคงเป็นการเซอร์ไพรส์จริงๆ
วันต่อมาหลังจากติดต่อกับบัตเลอร์ ก็มีคนโทรมาหาเขา และแนะนำตัวว่า “คุณฉินใช่ไหมครับ? สวัสดีครับ ผมคือเทรนเนอร์ที่คุณบัตเลอร์แนะนำ เขาส่งวิดีโอการเคลื่อนไหวของเด็กคนหนึ่งให้ผมดู นั่นเป็นเด็กชายที่เล่นบาสเกตบอลเก่งมาก ผมคิดว่าพวกเราควรจะช่วยให้เขาเก่งมากยิ่งขึ้น”
ฉินสือโอวรู้สึกว่าเสียงนี้คุ้นเคยนิดหน่อย แต่เขาไม่ได้คิดมาก จึงบอกว่าคุณมาที่เมืองของพวกเราสิ ผมจะสัมภาษณ์และดูระดับของคุณสักหน่อย
เทรนเนอร์พูดทันทีว่า “ตอนนี้ผมอยู่ด้านนอกฟาร์มปลาของคุณแล้ว แต่ผมคิดว่า ก่อนที่ผมจะเข้าไปผมโทรหาคุณก่อนจะดีกว่า ไม่ใช่เหรอครับ?”
พอดีเป็นวันเสาร์ มิเชลอยู่ที่บ้าน เขากำลังดูวิดีโอการแข่งขันของสตีเฟน เคอร์รีดาราบาสของเอ็นบีเอ ฉินสือโอวตะโกน เมื่อได้ยินว่าโค้ชมา เขากระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง
นั่นเอง ไม่ไกลจากประตูใหญ่ด้านนอกของวิลล่า ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนเอามือไพล่หลังมองทิวทัศน์บริเวณรอบๆ ฉินสือโอวพามิเชลเดินออกไปและถามว่า “คุณโค้ช?”
“คุณเรียกผมว่ากัวซงก็ได้ครับ ไม่จำเป็นต้องเรียกผมว่าโค้ช” ชายหนุ่มหันกลับมาด้วยรอยยิ้ม น่าแปลกที่เป็นผู้พิพากษาหนุ่มคนนั้นที่พวกเขาเคยเจอที่ศาลเมื่อไม่นานมานี้
เมื่อเห็นกัวซง ฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะเชื่อบัตเลอร์ ชายคนนี้ส่งคนมาติดตามเขาเหรอ? เขาส่งกัวซงมา เป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์จริงๆ
แต่ฉินสือโอวไม่เชื่อความสามารถของกัวซง หนึ่งคือเขาหนุ่มเกินไป สองคือเขาเป็นผู้พิพากษา ในความประทับใจของเขา พวกผู้พิพากษาระดับสูงในตะวันตกเป็นคนที่ล้าสมัยและจริงจังทุกคน ซึ่งเข้ากันไม่ได้กับบาสเกตบอลที่ร้อนรุ่มนี้
มันไม่แปลกที่บัตเลอร์จะบอกว่าโค้ชคนนี้ที่เขาจ้างมานั้นเป็นอัจฉริยะของไอวีลีกประเทศสหรัฐอเมริกา กัวซงหนุ่มขนาดนี้สามารถเป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ มีแค่เหตุผลเดียว นั่นก็คือครูของเขาเก่งพอ ผลการศึกษาของเขายอดเยี่ยมพอ ความสามารถในการทำงานของเขาสุดยอดมาก จึงสามารถเป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
กฎหมายที่แคนาดาใช้เป็นกฎหมายสามัญที่เลียนแบบมาจากสหราชอาณาจักร ผู้พิพากษาจะต้องมีคุณสมบัติ โดยพื้นฐานทุกคนต้องอายุ 40 หรือมากกว่านั้นจึงจะได้รับมอบหมายให้ทำงานสำคัญ แต่ลักษณะของกัวซงดูเหมือนจะอายุ 30 กว่า เขาหนุ่มขนาดนี้สามารถเป็นผู้พิพากษาได้ ก็อธิบายได้ว่าเขาเป็นคนระดับอัจฉริยะอย่างแน่นอน
แต่นี่ไม่สามารถเพิ่มคะแนนความประทับใจของฉินสือโอวได้ เพราะคนที่เขาต้องการคืออัจฉริยะด้านบาสเกตบอล แต่ไม่ใช่อัจฉริยะด้านกฎหมาย
หลังจากเข้าไปในวิลล่า กัวซงก็ไม่ได้เอ่ยคำชื่นชมทิวทัศน์ที่สวยงามของฟาร์มปลาอย่างสุภาพ แต่ส่งเรซูเม่ของตัวเองให้เขาในทันที
กัปตันของทีมบาสเกตบอลมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โค้ชสมรรถภาพทางกายนอกเวลาของทีมโทรอนโตแร็ปเตอร์ทีมบาสเอ็นบีเอ ช่วงที่เป็นนักศึกษาปริญญาโทเคยเป็นคู่ซ้อมของสตีฟ แนชดาราบาสเอ็นบีเอ ทีมซาคราเมนโต คิงส์ ทีมบาสเอ็นบีเอเคยยื่นข้อเสนอให้เขาและเชิญเขาไปเป็นลูกเสือฝึกหัดของทีมบาส…
ฉินสือโอวคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ชายหนุ่มที่น่าเกรงขามในศาลคนนี้จะเป็นเสือ นึกไม่ถึงว่าจะมีเรซูเม่แบบนี้ และหลายอย่างที่เรซูเม่นี้แนะนำ นั่นมีความเกี่ยวข้องกับเอ็นบีเอทุกอย่าง
เอ็นบีเอคืออะไร? สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในใจของแฟนคลับบาสเกตบอลทั่วโลก กีฬาที่สู้กันดุเดือดที่สุดในโลก ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของบาสเกตบอลที่มีแค่นักกีฬาที่เก่งที่สุดจากทุกประเทศเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ ใครที่สามารถผูกความสัมพันธ์กับมันได้และอยู่ในพื้นที่นั้น เขาจะต้องเป็นมืออาชีพอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นเรซูเม่ ฉินสือโอวก็ถามว่า “งั้นระดับบาสเกตบอลของตัวคุณเองเป็นอย่างไรบ้าง?”
ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดนั้นโด่งดังมาก เป็นการดำรงอยู่ของสถานศึกษาในอเมริกาเหนือที่สามารถบดบังสายตาของนักเรียนทุกคนได้ แต่ระดับบาสเกตบอลของมหาวิทยาลัยนี้ธรรมดามาก นอกจากเจเรมี ลินผู้เล่นอัจฉริยะของจีนที่เฟื่องฟูมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาไม่รู้ว่ายังผลิตนักกีฬาบาสเกตบอลมืออาชีพออกมาอีกแค่ไหน
ดังนั้นในความคิดของเขา ชื่อเสียงของกัปตันทีมบาสเกตบอลมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดนี้ คุณภาพทองไม่ได้ดีเกินไป
กัวซงยิ้มขรึมและพูดว่า “หลังจากจบการศึกษาผมไม่ได้ซ้อมบาสเท่าไร แต่พื้นฐานยังอยู่ ผมคิดว่าคงจะไม่เลวนัก อย่างน้อยที่รัฐนิวฟันด์แลนด์ นักบาสที่เก่งกว่าผมก็มีไม่เกิน 10 คน”
คำพูดนี้ก็เยี่ยมมากแล้ว ถึงแม้ว่าระดับบาสเกตบอลของรัฐนิวฟันด์แลนด์จะแย่ แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่รัฐหนึ่ง
ฉินสือโอววางเรซูเม่ลงและขยับร่างกายนิดหน่อย เขาพูดว่า “โอเค งั้นพวกเรามาแข่งกันสักสองสามลูกให้ผมดูระดับของคุณหน่อยได้ไหม?”
บทที่ 1071 ทหารตัวน้อยก่อกบฏ
ตั้งแต่มีจิตสำนึกแห่งโพไซดอนปรับเปลี่ยนสมรรถภาพทางกาย ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าตัวเองเก่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้มาโดยตลอด ตอนนั้นเขาแข่งฮันเดรดทาวน์ลีกที่รัฐนิวฟันด์แลนด์ แม้ว่าเขาจะไม่ได้แข่งสองสามเกม แต่ทุกเกมที่เขาแข่งเขาก็ไร้เทียมทานทุกเกม
กีฬาอื่นเขาไม่กล้าพูด ตอนนี้พูดถึงว่ายน้ำกับบาสเกตบอลการแข่งขันกีฬาสองประเภทนี้ได้เท่านั้น ฉินสือโอวมีความมั่นใจมากพอที่จะเอาชนะใครก็ได้ บางครั้งเขาถึงขั้นคิดว่า เขาควรไปเอ็นบีเอและเล่นเป็นกองหลังสักช่วงหนึ่งไหม ทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่ไร้เทียมทานในลีก
แน่นอนว่านี่ไม่น่าเป็นไปได้ เมื่อก่อนสถานการณ์ของเขาคือผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนรู้จัก ก่อนที่จะมาถึงแคนาดาเขาถือเป็นคนที่รักกีฬาบาสเกตบอลมากที่สุด ผลคือตอนนี้เมื่อเขามาถึงแคนาดา คิดไม่ถึงว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งมีปัญหาแน่นอน
นอกจากนี้ เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่ขาดแคลนเงิน ดังนั้นจะไปแข่งลีกมืออาชีพให้ตัวเองเหนื่อยตายทำไม? เพลิดเพลินไปกับชีวิตของเขาจะดีกว่า บางครั้งอยากเล่นบาส เขาก็ไปในเมืองหรือสนามบาสริมถนนที่นครเซนต์จอห์นและเอาชนะผู้คน
ภายใต้สถานการณ์ปกติเขาเป็นคนที่ค่อนข้างเงียบขรึม วันนี้เห็นกัวซงอวดเก่งนิดหน่อย เขาจึงตัดสินใจว่าจะมอบบทเรียนให้กับผู้พิพากษาหนุ่มคนนี้ ทำให้เขารู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคนหมายความว่าอะไร!
กัวซงยักไหล่ และถอดเสื้อโค้ตออกเผยให้เห็นเสื้อยืดแขนยาวที่อยู่ด้านใน เขาแต่งชุดกีฬาทั้งตัว ชัดเจนว่าก่อนที่จะมาเขาเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันมาเป็นอย่างดี
มิเชลตามไปด้วยความตื่นเต้น และพูดเสียงเบาๆ กับฉินสือโอวว่า “ล้มเขา! ล้มเขา! คุณรอจะขี่และคว่ำเขาเหรอ?”
ไวส์ก็ตามมาเหมือนกัน และถามด้วยความหลงใหลที่พลุ่งพล่านว่า “อาจารย์ อีกสักครู่คุณจะแสดงศิลปะการต่อสู้ของจีนที่ถูกต้องบนสนามใช่ไหมครับ? พญาวิหคกางปีก? มังกรท่องเวหา? ลิงขโมยลูกท้อ?”
เวลานี้ถึงตาฉินสือโอวเป็นฝ่ายขรึมแล้ว “ในที่สุดก็มีคนมาสมัครงาน เกรงใจเขาหน่อยละกัน ชนะเขา 11 ต่อ 1 ได้ก็พอ”
ในฟาร์มปลาก็มีสนามบาสเกตบอลเหมือนกัน แต่เป็นพื้นปูนซีเมนต์ธรรมดา ตอนนั้นมันเป็นแค่งานอดิเรกของฉินสือโอว เขาสร้างไว้ตามใจชอบตอนที่ให้วิลสร้างท่าเรือ ถ้าต้องฝึกฝนมิเชล สนามนั้นก็จะต้องเปลี่ยนเป็นสนามพลาสติก ต่อมาก็เข้าสู่สนามกีฬาปกติที่เป็นพื้นไม้
หลังจากลงสนาม กัวซงก็พูดอย่างไม่เกรงใจ “คุณบุกก่อนไหม?”
ฉินสือโอวพยักหน้าและพูดว่าโอเค เขาวางแผนว่าลูกแรกจะชูตผิวเผิน หลังจากนั้นลูกที่สองเขาจะเริ่มล้มกัวซงอย่างดุเดือด และได้มา 11 ต่อ 1 แต้มในทันที นี่จะเป็นขั้นสูงสุดของการอวดเก่งบนสนามบาส
กัวซงนำลูกบาสมาเดาะสองครั้งและพูดต่อว่า “พวกเราแค่ประมือเพื่อทำความรู้จักกัน อย่างนี้ก็ไม่ต้องแข่งในจำนวนลูกที่เยอะมากหรอก 5 ลูกตัดสินผลแพ้ชนะเถอะ ดีไหมครับ?”
ฉินสือโอวเลียปาก ถ้า 5 ลูกเขาก็ได้เหมือนกัน งั้นก็ชนะเขา 5 ต่อ 1 อวดเก่งอย่างนี้ก็ไม่เลว
เมื่อเผชิญหน้ากับการป้องกันที่ฉินสือโอวอ่อนข้อให้อย่างชัดเจน กัวซงยิ้ม เขาไม่ได้บุกเข้าไปตามใจชอบ แต่เขาพยายามเอาชนะฉินสือโอว
เห็นได้ชัดว่ากัวซงเคยได้รับการฝึกฝนมาจากมืออาชีพอย่างเข้มงวด ท่าชูตหลังได้มาตรฐานมาก น่าเสียดายที่ความเหลื่อมล้ำด้านพละกำลังมากเกินไป เขาสกัดฉินสือโอวไม่ได้ และเอาที่นั่งไม่ลง
ดังนั้นการชูตหลังของเขาไม่สามารถเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ในทันที เขาหมุนตัวอย่างว่องไว จากนั้นก็เปลี่ยนทิศทางครั้งใหญ่ ขาทั้ง 2 ข้างสลับกันไปมา 2 ครั้ง เขาผ่านฉินสือโอวไปแบบเมฆเคลื่อนน้ำไหล และพุ่งไปที่ตะกร้าพร้อมกับเลย์อัพเพื่อทำคะแนน
ฉินสือโอวปรบมือและทำท่าทางชื่นชมออกมา
กัวซงยังคงยิ้ม ตามกฎของการสู้วัวกระทิง คนที่ชนะจะได้บุกต่อ หลังจากนั้นเขาก็แย่งลูกบาสในมือมาอีกครั้ง
หลังจากถือลูกบาสไว้ในมือ เขาก็มองฉินสือโอว และเดาะลูกบาสเดินไปข้างหน้าอย่างไม่เร่งรีบ
ฉินสือโอวคิดจะเข้าไปแย่งต่อ ผลคือกัวซงมองกลยุทธ์ของเขาออกอย่างทะลุปรุโปร่ง เขาโน้มตัวไปข้างหน้า และเร่งความเร็วตัดผ่านเข้าไปในเขตโทษทันที
สมรรถภาพทางกายของฉินสือโอวดีกว่าของกัวซงไม่ใช่แค่เท่าเดียว แต่เป็นสองเท่า เขาไล่ตามไปในทันที
แต่กัวซงหมุนตัวทันทีระหว่างกระบวนการตัดผ่าน และเพิ่มระยะห่างกับฉินสือโอวเขากระโดดขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ข้อมือสั่นเบาๆ เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น ลูกบาสลงไปในห่วง…
2 ต่อ 0 ฉินสือโอวประหลาดใจนิดหน่อย เทคนิคของชายคนนี้ดีจริงๆ ฝีมือยอดเยี่ยมมาก กลับกลายเป็นว่าเขาไม่สามารถแย่งลูกบาสได้เลย
แต่ก็จบลงที่ตรงนี้เหมือนกัน ฉินสือโอวตัดสินโทษประหารให้กัวซง และวางแผนจะทำลายเขาด้วยลูกต่อไป
ผลคือครั้งนี้กัวซงใช้หลังพิงเขาและหมุนตัวอย่างต่อเนื่อง สมรรถภาพทางกายของฉินสือโอวดีมาก แต่จิตสำนึกของเขาไม่สามารถตามอีกฝ่ายทันได้ตลอดเวลา ตอนที่เขาตามทัน กัวซงก็ชูตลงห่วงทำคะแนนแล้ว
ฉินสือโอวหน้าเขียวในทันที 3 ต่อ 0 มิเชลกับไวส์มองหน้ากัน ไวส์พูดเสียงเบาว่า “มังกรท่องเวหาล่ะ?”
เมื่อพึ่งพาเทคนิคที่ยอดเยี่ยมโดยสมบูรณ์ กัวซงต้องเผชิญหน้ากับเขาที่เปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การป้องกันของฉินสือโอวเหนียวแน่นมาก แต่สเต็ปของกัวซงก็คาดเดาไม่ได้ และเขาตามไม่ทัน กัวซงเพิ่มระยะห่างและชูตระยะไกลทันที
ความแม่นยำในการชูตของผู้พิพากษาหนุ่มนั้นน่ากลัวมาก เข้าไปอีกแล้ว!
4 ต่อ 0 ฉินสือโอวเริ่มกลืนน้ำลายแล้ว
ลูกสุดท้าย ฉินสือโอวรู้สึกตึงเครียดอยู่ในใจ เขาคิดว่าผู้พิพากษาหนุ่มยังคงสามารถทำลายการป้องกันได้ จู่ๆ เขาก็ถอยออกไปอยู่นอกเส้นสามจุดและกระโดด เขาชูตระยะไกลทันที!
5 ต่อ 0!
ฉินสือโอวไม่มีหน้าไปเจอมิเชลกับไวส์ที่อยู่นอกสนามจริงๆ เขายืนให้ลมทะเลพัดอยู่ใต้ตะกร้า สุดท้ายเขาก็รู้ซึ้งถึงความเศร้าสลดและความเร้าใจของลมพัดเบาบาง
คนเก่งกล้าเช่นตัวเอง คิดไม่ถึงว่าจะถูกคนโกนหัวล้านสินะ? นี่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ ท่านชายฉินไม่เพียงแค่ไม่มีหน้าไปเจอมิเชลกับไวส์ เขายังไม่มีหน้าไปเผชิญหน้ากับหัวใจโพไซดอนของตัวเองอีกด้วย!
กัวซงเก็บลูกบาสขึ้นมาและยิ้ม “คุณยอมให้ผมชนะ คุณฉินเกรงใจผมจริงๆ ปล่อยผมตลอด บอกตรงๆ ว่า ผมขอบคุณมาก”
ฉินสือโอวยิ้มไม่ออก สุดท้ายเขาพบว่าคนที่อวดเก่งคือกัวซง นอกจากนั้นคนอื่นก็มองไม่เห็นการอวดเก่งนี้ ดังที่ขงจื๊อพูดว่า มองไม่เห็นผู้ที่อวดเก่ง ส่วนใหญ่ก็ถึงแก่ชีวิต!
ถึงแม้ว่าจะถูกกัวซงชนะจนตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอาย แต่ฉินสือโอวก็ยังตัดสินใจเซ็นสัญญากับเขา เพราะ 5 ลูกที่ผ่านไปเมื่อสักครู่นี้ เขาสำนึกแล้วว่ากัวซงเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ผสมผสานกันระหว่างงานวิชาการกับการต่อสู้ที่แท้จริง ทุกท่วงท่าของเขาล้วนมีมาตรฐานระดับมืออาชีพ ไม่เหมือนตัวเองที่ทำได้แค่สู้แบบนอกรีต
ค่าจ้างของกัวซงสูงมาก เงินรายสัปดาห์ 2 พันหยวน
ขนาดนี้ดูเหมือนจะไม่สูง แต่เขามาเป็นเทรนเนอร์นอกเวลาให้กับมิเชล แน่นอนว่าถ้ามิเชลพัฒนามากขึ้นหลังจากนี้ เขาก็ไม่ได้สนใจจะลาออกจากงานผู้พิพากษาที่มีอนาคตมาเป็นเทรนเนอร์ของเขาโดยเฉพาะ
ทุกสัปดาห์ กัวซงจะฝึกฝนมิเชลตลอดสุดสัปดาห์ นอกจากนั้นวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เขาจะจัดหาเวลา 1 ชั่วโมงเพื่อทำวิดีโอแนะแนวให้มิเชล
เมื่อทั้งสองฝ่ายเซ็นสัญญาในข้อตกลง มิเชลก็กลายเป็นลูกศิษย์ของกัวซง กัวซงได้รับตำแหน่งในวันเดียวกัน เขาพามิเชลไปที่สนาม ทั้งสองคนเริ่มการสู้วัวกระทิง
สองวันในสัปดาห์นี้เขาจะสู้กับมิเชลตัวต่อตัวตลอด เพื่อทำความเข้าใจลักษณะทางเทคนิคกับลักษณะทางกายภาพของเด็กชายคนนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน และทำแผนการฝึกที่เหมาะสมออกมา
เมื่อถึงบ่ายวันจันทร์ ฉินสือโอวไปโรงเรียนและฝึกฝนเด็กๆ กลุ่มนั้นตามปกติ แต่พวกเขาไม่ได้รับความสนใจจริงๆ ฉินสือโอวแค่ปล่อยให้พวกเขาเล่นด้วยตัวเอง และไปช่วยมิเชลฝึกซ้อมโดยเฉพาะ ตอนบ่ายกัวซงไม่มีว่าความ เขาจึงเชื่อมต่อวิดีโอตอนที่มิเชลฝึกซ้อม และให้คำแนะนำเขา
แซมกับเด็กกลุ่มหนึ่งมองดูอยู่เงียบๆ มีคนถามมิเชลว่าคนที่อยู่ในไอแพดและยกมือยกไม้แนะนำเขาคนนี้เป็นใคร มิเชลพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “นี่คือเทรนเนอร์มืออาชีพที่โค้ชจ้างมาให้ฉัน เขาบอกว่าฉันจะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ของเอ็นบีเอ!”
พวกเด็กๆ เบ้ปากและไม่ได้พูดอะไร ฉินสือโอวรู้สึกว่าอารมณ์ของพวกเขาผิดปกติ แต่ไม่ได้มองอย่างจริงจัง ผลคือปัญหาตามมาในวันต่อมา เมื่อถึงช่วงหลังเลิกเรียนตอนบ่าย มีแค่มิเชลคนเดียวที่มาโรงยิมขนาดเล็ก คนอื่นๆ ไม่มีใครมาเลย!
บทที่ 1072 ฟอสซิลโผล่ขึ้นมาจากน้ำ
เมื่อเห็นมิเชลอยู่คนเดียว ฉินสือโอวลูบคางและถามว่า “คนอื่นล่ะ?”
มิเชลก้มหน้าไม่พูดไม่จา สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้า เขาไม่ตอบและถามกลับว่า “เป็นเพราะผมอวดว่าผมมีเทรนเนอร์มืออาชีพใช่ไหมครับ? แต่พวกเขามักจะอวดสิ่งของมากมายกับผม ผมก็ยังเป็นเพื่อนกับพวกเขา ยังเล่นบาสด้วยกันกับพวกเขา”
ฉินสือโอวเดินเข้าไปตบบ่าของมิเชล และให้เด็กชายตัวน้อยมองตรงมาที่ดวงตาของตัวเอง หลังจากนั้นก็พูดว่า “อย่าใส่ใจพวกนี้เลย มิเชล นายคือชายที่ถูกกำหนดให้เป็นซูเปอร์สตาร์ของเอ็นบีเอ! สิงโตกับแกะสีฟ้าหิมาลัยไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้ ถ้าพวกเขาไม่เต็มใจจะเป็นสิงโต งั้นก็ไม่สมควรเป็นเพื่อนของนาย!”
โดยทั่วไปแล้ว วิธีการสอนแบบนี้ไม่ถูกต้อง เด็กที่ถูกสอนจะปฏิบัติและหยิ่งยโสมากเกินไป ซึ่งง่ายมากต่อการสร้างนิสัยที่โอหังอวดดีและกำเริบเสิบสาน
แต่สำหรับมิเชล เขาต้องการการสอนแบบนี้ เพราะเขาขาดความมั่นใจในตัวเองมากเกินไป
เด็กสี่คนสี่บุคลิก บรรยากาศที่สงบของพาวลิส จิตใจที่ดีงามของเชอร์ลี่ย์ ความน่ารักและดื้อของกอร์ดอน เด็กพวกนี้เก่งทุกคน แต่บุคลิกของมิเชลคือความอ่อนไหว ความน้อยเนื้อต่ำใจและความขี้ขลาด บุคลิกแบบนี้สำหรับนักกีฬา เรียกได้ว่าถึงตาย!
ฉินสือโอวต้องการปลูกฝังความมั่นใจในตัวเองของมิเชล นั่นก็เพื่อให้เขารู้ถึงความยอดเยี่ยมของตัวเอง และเพื่อแสดงความแข็งแกร่งของเขาผ่านความอ่อนแอของคนรอบข้าง นี่ก็เป็นวิธีหนึ่งเหมือนกัน
หลังจากได้ยินคำปลอบโยนของเขา อารมณ์ของมิเชลก็ร่าเริงขึ้นมาบ้าง จริงๆ ฉินสือโอววางแผนจะให้เขาฝึกเลี้ยงลูก เพราะอนาคตเขาจะต้องพึ่งตัวเองเพื่อก้าวไปข้างหน้าในการแข่งขัน เพื่อนร่วมทีมของเขาตอนนี้ไม่เหลือแล้ว ฉินสือโอวต้องจัดการเรื่องนี้ก่อน
การหักหลังของพวกสมาชิกทีมบาสเกตบอลไม่เพียงแค่ทำร้ายมิเชลเท่านั้น แต่ยังทำร้ายท่านชายฉินอีกด้วย ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจในความสามารถการนำทีมของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นชาวประมงหรือพวกทหาร ภายใต้เงื้อมมือของเขานั้นทุกคนเป็นคนที่ว่านอนสอนง่ายและเชื่อฟังทุกคน
แต่ตอนนี้เขานำเด็กน้อยกลุ่มหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าจะถูกตอบโต้?
ท่านชายฉินรู้สึกว่าวีแชตของตัวเองได้รับการยั่วยุ เขาจำเป็นต้องนำทีมกลับมาอีกครั้ง
แต่อันที่จริงเด็กกับผู้ใหญ่นั้นแตกต่างกัน ฉินสือโอวรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ ดังนั้นเขาจึงกลับไปที่ฟาร์มปลาหลังจากฝึกซ้อมกับมิเชล
ตอนที่กินมื้อเย็น วินนี่เห็นเขาดูไม่มีความสุขจึงถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่ออยู่ต่อหน้ากับภรรยาของตัวเอง ฉินสือโอวก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง เขาเล่าเรื่องที่พวกเด็กๆ ในทีมบาสเกตบอลโกรธเขาออกมา
วินนี่ตบหลังของเสี่ยวเถียนกวาเพื่อกล่อมให้เธอหลับไปด้วย และถามด้วยรอยยิ้มไปด้วย “คุณวางแผนจะทำอย่างไร?”
ฉินสือโอวยิ้มเยาะ “เจรจากันด้วยเหตุผลก่อน ถ้าล้มเหลวค่อยใช้กำลัง ผมจะอธิบายเหตุผลให้พวกเขาฟังก่อน แต่ถ้าพวกเขายังดื้อรั้นขนาดนี้ งั้นก็อย่าโทษว่าผมเอาความเป็นครูไปกดดันเด็กแล้วกัน!” หลังพูดจบ เขาก็เสริมอีกประโยคว่า “ผมยังมีแผนเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อยู่”
“ไปหาหัวหน้าครอบครัวของพวกเขาเหรอคะ?” วินนี่ถามกลับทันที
ฉินสือโอวมองหญิงสาวผู้อ่อนโยนและสวยงามที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกใจ วินนี่มองเขาตกใจจนดูโง่ และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ฉันเป็นคนที่นอนอยู่ข้างๆ คุณทุกวัน คิดว่าฉันจะไม่เข้าใจคุณเหรอ? คุณก็คิดเรื่องนี้น้อยไปเหมือนกัน”
“แต่มันจะมีประโยชน์อย่างแน่นอน” ฉินสือโอวพูดด้วยความโกรธ
วินนี่ยิ้มปิดปากเงียบ และวางเสี่ยวเถียนกวาที่หลับสนิทไว้ข้างๆ หลัวปอ เสี่ยวเถียนกวาพลิกตัวกอดท้องอันนุ่มนิ่มของหลัวปออย่างไม่รู้ตัว และวางหัวเล็กๆ ไว้ระหว่างอุ้งเท้าหน้าของมัน พร้อมกับนอนหลับไปอย่างสวยงาม
หลัวปอยกขาหน้าขึ้นเบาๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการดันเสี่ยวเถียนกวา ดวงตาของมันมองเธอด้วยความอ่อนโยน นึกไม่ถึงว่าจะค่อนข้างมีเสน่ห์ของวินนี่
หนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา วินนี่ก็เลี้ยงดูหลัวปอแบบนี้ เวลาผ่านไป ฉินสือโอวเห็นฉากนี้ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
หลังจากวางเสี่ยวเถียนกวาลง วินนี่ก็พูดว่า “ที่รัก คุณไม่สามารถปฏิบัติต่อนักเรียนของคุณอย่างนี้ได้ มันไม่มีประโยชน์ ตอนนี้พวกเขายังไม่รู้จักโลก เทศนาไปพวกเขาก็ฟังไม่เข้าใจ ถ้าคุณใช้สถานะความเป็นครูไปกดดันพวกเขา ตอนนี้พวกเขาอยู่ในช่วงต่อต้าน พวกเขายิ่งจะไม่ฟังคำพูดของคุณ”
“งั้นจะทำอย่างไร?” ฉินสือโอวตั้งท่าอย่างไม่ละอายใจ
วินนี่พูดต่อ “ง่ายมาก คุณพาพวกเขาไปร่วมรับประทานอาหารสักมื้อ หลังจากนั้นก็บอกพวกเขาว่า คนที่ฝึกซ้อมอย่างกระตือรือร้นมากที่สุดทุกวันจะมีของรางวัลให้ ส่วนคนที่ไม่กระตือรือร้นมากที่สุดก็จะมีบทลงโทษ ตั้งรางวัลความก้าวหน้ารายสัปดาห์และรางวัลความก้าวหน้ารายเดือนไว้ แค่นี้ก็โอเคแล้ว”
ฉินสือโอวเกาหัว สิ่งที่วินนี่พูดดูเหมือนจะสมเหตุสมผล แต่อย่างนี้ก็เป็นแค่การตามใจนักเรียนนิดหน่อยไม่ใช่เหรอ?
เขาพูดข้อสงสัยออกมา วินนี่ชำเลืองมองเขาด้วยความโกรธ เธอบอกว่าความคิดของเขาเป็นความคิดที่เข้มงวด และเขาไม่สามารถทำอย่างนั้นได้
ความคิดของวินนี่เป็นความคิดที่ถูกต้อง บ่ายวันต่อมา ฉินสือโอวไปโรงเรียนก่อนเวลา หลังจากพวกนักเรียนเลิกเรียนก็จะถูกเขากักตัวเอาไว้ จากนั้นเขาจะพาพวกเขาไปกินข้าวและดื่มเครื่องดื่มที่ร้านอาหารของคุณลุงฮิคสัน ช่วงนั้นเขาได้คุยโทรศัพท์อย่างเรียบง่ายกับสตีเฟน เคอร์รี คริส พอลและดาราบาสเกตบอลเอ็นบีเอคนอื่นๆ ที่ติดต่อกันผ่านวิดีโอคอล
นี่สร้างความประทับใจให้กับพวกเด็กๆ เป็นอย่างมาก ความรักที่พวกเขามีต่อดาราบาสเกตบอลนั้นเป็นความรักที่มาจากหัวใจ รวมกับคำพูดดีๆ ของฉินสือโอวที่ชักจูงพวกเขา ในที่สุดพวกเขาก็ยอมกลับมาฝึกซ้อมที่สนามอีกครั้ง
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้พวกเด็กๆ เต็มใจกลับมาก็คือฮิวจ์คนน้อง อย่าคิดว่าชายคนนี้มีชื่อเสียงไม่ดีในแวดวงผู้ใหญ่ของเมืองแฟร์เวล แต่สำหรับพวกเด็กๆ ในเมือง ฮิวจ์คนน้องถือว่าเป็นราชาของพวกเด็กๆ
นอกจากนี้ฮิวจ์คนน้องยังมาเป็นผู้ช่วยโค้ชอีกด้วย ดังนั้นพวกเด็กๆ จึงรู้สึกว่าตัวเองก็มีเทรนเนอร์เหมือนกัน และรู้สึกว่าตัวเองกับมิเชลได้รับความสำคัญเหมือนกันทันที
นอกจากฮิวจ์คนน้อง ไม่นานหลังจากนั้นฉินสือโอวก็ได้ผู้มีความสามารถมาอีกคนหนึ่ง นั่นก็คือบิลลี่
ตราบใดที่เยาวชนอเมริกันมีสุขภาพแข็งแรง โดยพื้นฐานทุกคนจะชอบเล่นบาสเกตบอลกับรักบี้ ระดับบาสเกตบอลของบิลลี่ก็ไม่เลวเหมือนกัน ว่ากันว่าช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยเขายังเคยเป็นคู่ซ้อมของทีมบาสมหาวิทยาลัยอีกด้วย
ก่อนหน้านี้บิลลี่ค้นหาเรืออับปางทองคำที่น่านน้ำโซมาเลียมาโดยตลอด การกลับมาที่เกาะแฟร์เวลครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อมาหาฉินสือโอว แต่การทำงานกู้ซากฟอสซิลที่ทะเลสาบเฉินเป่าได้รับความคืบหน้าอย่างมาก ในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้านักดำน้ำ แน่นอนว่าเขาต้องกลับมาเพื่อเป็นพยานในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ครั้งนี้
ฉินสือโอวมอบงานฝึกซ้อมให้ฮิวจ์คนน้อง เพราะเขาก็ต้องวิ่งไปดูซากฟอสซิลเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเขาจะเคยเห็นมาหลายครั้งที่ก้นทะเลสาบ แต่บนชายฝั่งเขายังไม่เคยเห็น แน่นอนว่าต้องไปหาประสบการณ์ให้ตัวเองสักหน่อย
ฮิวจ์คนน้องก็อยากไปเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงคำรามว่า “ฉิน นายทำแบบนี้ไม่ได้นะ นายเป็นโค้ช ฉันเป็นแค่ผู้ช่วยโค้ช!”
ฉินสือโอวขมวดคิ้วขึ้นเป็นทรงพระวัชระแล้วจ้องมองไปที่เขา “เดิมทีการฝึกซ้อมให้คนในทีมก็เป็นงานของผู้ช่วยโค้ช นายบอกว่านายจะไม่ช่วยฉันฝึกซ้อมนักบาส งั้นฉันจะเก็บนายไว้ทำไม?”
“ไม่!”
“พูดอีกอย่างคือฉันเลิกจ้างนาย ฉันจะให้บิลลี่มาเป็นผู้ช่วยโค้ชของฉันแทน ดังนั้นหลังจากนี้ถ้ามิเชลกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ของเอ็นบีเอ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนาย” ฉินสือโอวเริ่มขู่
ฮิวจ์คนน้องแสดงสีหน้าอันขมขื่นออกมาทันที เขาอยากจะคุยโม้ไปได้ตลอดชีวิตครึ่งหลังของเขา แต่เขาต้องพึ่งใบบุญมิเชล
ชายฝั่งทางเหนือของทะเลสาบเฉินเป่าในตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ชายฝั่งทางใต้กับชายฝั่งทางตะวันออกและตะวันตกยังคงเป็นศูนย์กลางนักท่องเที่ยว แต่ชายฝั่งทางเหนือกลับมีเรือกู้ภัยกับเรือกู้ซากทอดสมออยู่ บ้านหลังคากระเบื้องเหล็กจำนวนหนึ่งถูกสร้างไว้บนชายฝั่งชั่วคราว และวางเครื่องจักรเอาไว้จำนวนมาก
ที่ทะเลสาบเฉินเป่า ฉินสือโอวเห็นเทคโนโลยีกู้ซากที่ทันสมัยที่สุดในอเมริกาเหนือ เทคโนโลยีประเภทนี้ทำให้เขาได้เปิดประสบการณ์ใหม่จริงๆ และก็ทำให้พวกนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมก่อนหน้านี้ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ด้วยเหมือนกัน
บทที่ 1073 พวกตัวเอกในสมัยโบราณ
งานขุดฟอสซิลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทะเลสาบเฉินเป่า ดำเนินการมาโดยตลอด แต่ไม่ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ ก่อนหน้านี้เป็นการเตรียมงานทั้งหมด ต้นฤดูใบไม้ผลิถึงจะเริ่มขุดทันที
งานของบิลลี่คือการดำน้ำลงไปสำรวจสถานการณ์ของฟอสซิลที่ก้นทะเลสาบ เดิมทีงานนี้มอบหมายให้กล้องวิดีโอใต้น้ำทำก็ได้ แต่หุ่นยนต์ใต้น้ำไม่สามารถลงจอดที่ก้นทะเลสาบเฉินเป่าได้ เพราะตะกอนที่ก้นทะเลสาบเยอะเกินไป ทำได้แค่พึ่งพากำลังคนในการสำรวจเท่านั้น
พวกนักดำน้ำค้นหาฟอสซิลที่ก้นทะเลสาบ หลังจากนั้นก็ทำเครื่องหมายไว้ทีละชิ้น จากข้อมูลที่พวกเขานำเสนอ คนของพิพิธภัณฑ์ฟอสซิลแห่งชาติก็นำเรือกู้ซากที่ดัดแปลงมาจากเรือดำน้ำขนาดเล็กไปใช้ดำฟอสซิลพวกนี้ขึ้นมา
เรือดำน้ำขนาดเล็กมีแขนจักรกลที่ยืดหยุ่น ซึ่งดูเหมือนกับแขนของพรายทะเลมาก และสามารถตัด เก็บ พุ่งชน จับและทำงานอื่นใต้น้ำได้
การพึ่งพาเรือดำน้ำขนาดเล็กประเภทนี้ เดือนมีนาคมก็จะดำชิ้นส่วนของฟอสซิลบางส่วนขึ้นมาได้ เพราะแรงดันกับตำแหน่งที่ก้นทะเลสาบ ฟอสซิลพวกนี้จึงไม่สามารถสกัดออกมาให้สมบูรณ์ได้ในครั้งเดียว ทำได้แค่แยกมันออกเป็นส่วนๆ และประกอบขึ้นมาอีกครั้งหลังจากปีนขึ้นฝั่งและทำความสะอาดแล้ว
เพื่อปกป้องเครื่องจักรกับอุปกรณ์กู้ซาก สถานที่ทำงานของพิพิธภัณฑ์ฟอสซิลจึงถูกปิดเพื่อดูแล ถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ก็จะไม่สามารถเข้าไปได้ ครั้งนี้ฉินสือโอวจะเป็นผู้นำที่ได้ชมฟอสซิลอย่างรวดเร็ว และก็ต้องขอบคุณบิลลี่ที่พามาเหมือนกัน
เมื่อเร็วๆ นี้ที่ชายฝั่งทางเหนือของทะเลสาบเฉินเป่ามีการตั้งเต็นท์ขนาดใหญ่ขึ้นมา ถึงอย่างไรพื้นที่รกร้างที่เกาะแฟร์เวลก็มีเยอะมาก จึงสามารถกางเต็นท์ได้ตามที่ต้องการ
หลังจากบิลลี่แสดงใบอนุญาตในการทำงานก็มีคนพาเขาเข้าไปในเต็นท์ที่อยู่ด้านหน้าสุด ดอน แพตตันที่ค่อนข้างคุ้นเคยกับฉินสือโอวก็เดินมาอยู่ตรงหน้าพวกเขา
เมื่อเห็นแพตตัน ฉินสือโอวเริ่มกล่าวทักทาย “เฮ้ เพื่อน นานมากแล้วที่ฉันไม่เห็นนายไปตกปลา ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูที่ดีมากสำหรับการตกปลาตอนกลางคืน แค่ตอนกลางคืนจะหนาวนิดหน่อย แต่เพราะแบบนั้นมันถึงน่าสนใจไม่ใช่เหรอ?”
แพตตันยิ้ม “ใช่ ฉิน ใช่ การตกปลาตอนกลางคืนในฤดูใบไม้ผลิเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจมาก แต่นายก็เห็นแล้ว บ้าเอ๊ย ฉันมีงานเยอะมากต้องรีบทำ ไม่มีเวลาไปเสวยสุขหรอก เฮ้อ พระเจ้า ถ้าฉันบอกว่างานที่อยู่ในมือของฉันเสร็จหมด ฉันจะออกทะเลสักหนึ่งสัปดาห์แน่นอน ถ้าตกฉลามขาวยักษ์ไม่ได้ฉันจะไม่กลับ”
คนสองสามคนกำลังคุยเล่นกันอยู่ เสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง “ฉิน ไม่เจอกันนานเลยนะ”
ฉินสือโอวหันหลังกลับไปมอง เขาเห็นว่าแฮมเล็ตเดินสาวเท้าเข้ามาและกำลังโบกมือให้เขา
“คุณมาได้อย่างไร?” ฉินสือโอวถามด้วยความประหลาดใจนิดหน่อย “คุณเป็นนายกที่ยุ่งมากไม่ใช่เหรอครับ?”
แฮมเล็ตหัวเราะออกมาเสียงดังและพูดว่า “เพื่อน นายไม่ได้กำลังพูดแดกดันฉันใช่ไหม? ไม่ใช่อย่างแน่นอน เพราะฉินที่อยู่ในความประทับใจของฉันเป็นชายหนุ่มที่ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา เอาล่ะ ฉันยอมรับว่าฉันไม่ได้เชิญนายไปเป็นแขกนานมากแล้ว แต่ฉันยุ่งมากจริงๆ”
ฉินสือโอวชี้ไปยังฟอสซิลที่อยู่ด้านในและพูดว่า “อย่าบอกผมนะว่า ตอนนี้คุณก็เป็นคนดูแลพิพิธภัณฑ์เหมือนกัน”
“ถ้าอย่างนั้น พิพิธภัณฑ์ที่ฉันบริหารนั้นต้องเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติที่นิวยอร์กแน่เลย” แฮมเล็ตยิ้ม
เรื่องนี้ทำให้ผู้ช่วยนายกที่ติดตามเขาตกตะลึงมาก ในสายตาของผู้ช่วยหนุ่มคนนี้ คุณนายกดูเหมือนจะเป็นสุภาพบุรุษชาวอังกฤษหัวโบราณที่เข้มงวดและล้าสมัยนิดหน่อย คิดไม่ถึงว่าวันนี้จู่ๆ เขาจะเปลี่ยนไปเป็นคนตลก
เดิมทีคนทุกคนก็มีลักษณะสองด้านอยู่แล้ว ผู้ช่วยหนุ่มถอนหายใจ เขารู้จักฉินสือโอว ในวงการเมืองของนครเซนต์จอห์นก็รู้จักคนรวยและมีอำนาจที่ไม่ปรากฏตัวคนนี้ทุกคน เรื่องที่เขาจัดหาเงินทุนในการหาเสียง 50 ล้านให้แฮมเล็ตก็ไม่สามารถปกปิดคนที่ให้ความสนใจได้
ชื่อเสียงของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติที่นิวยอร์กก็มาจากภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง ‘คืนมหัศจรรย์ พิพิธภัณฑ์มันส์ทะลุโลก’ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อเสียงมากในแคนาดาโดยเฉพาะในแคนาดาตะวันออก เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำที่มอนทรีออล ไม่ใช่ที่สหรัฐอเมริกา
หลังจากพูดเล่น แฮมเล็ตก็บอกความจริงกับฉินสือโอวว่า โครงการฟอสซิลโครงการนี้เป็นโครงการทางการเมืองโครงการสุดท้ายของเขาในช่วงที่เป็นนายกก่อนจะส่งต่อ ตอนนี้เขากำลังจะได้เห็นผลลัพธ์ในที่สุด เขาจะไม่มาโชว์ตัวได้อย่างไรล่ะ?
แคนาดาไม่เหมือนกับจีน เพราะประกอบไปด้วยผู้อพยพ ประเทศนี้จึงไม่มีประวัติศาสตร์ ดังนั้นเพื่อจะแสดงประวัติศาสตร์แม้ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติก่อนจะถือกำเนิด รัฐบาลก็จะให้ความสำคัญมากเหมือนกัน
ซี่งเห็นได้จากคุณภาพขั้นสูงของอุปกรณ์กู้ซากในพิพิธภัณฑ์ฟอสซิลและกำลังเงินทุนที่นำมาใช้ ฉินสือโอวอ่านรายงานที่รายงานว่ารัฐบาลกลางของแคนาดา รัฐบาลของรัฐนิวฟันด์แลนด์ รัฐบาลของนครเซนต์จอห์นและรัฐบาลของเมืองแฟร์เวลจัดสรรเงินไว้เป็นสี่ส่วน
ผู้ที่มีแรงก็ออกแรง ผู้ที่มีเงินก็ออกเงิน และจะต้องขุดฟอสซิลออกมาให้ได้อย่างสมบูรณ์
ฉินสือโอวถอนหายใจและบอกว่ารัฐบาลแคนาดาทุ่มเทต่อการสำรวจประวัติศาสตร์อย่างสุดความสามารถจริงๆ บิลลี่ฟังแล้วไม่เห็นด้วยจึงพูดว่า “สิ่งที่ทำให้พวกนักการเมืองของออตตาวาสนใจจริงๆ ก็คือในบรรดาฟอสซิลครั้งนี้มีฟอสซิลของปลาสายพันธุ์หนึ่งที่ไม่เคยพบมาก่อนต่างหาก ฟอสซิลประเภทนี้เป็นฟอสซิลที่มีมูลค่ามากที่สุด และสามารถทำให้แคนาดามีหน้ามีตาระดับชาติได้”
เมื่อบิลลี่พูดขนาดนี้ ฉินสือโอวก็กลับมาคิดถึงบทสนทนาของเขากับบาลซักตอนที่ตรวจสอบฟอสซิลด้วยกันในตอนนั้น ซึ่งเขาก็บอกว่าดูเหมือนจะค้นพบฟอสซิลของปลาสายพันธุ์หนึ่งที่ไม่เคยพบมาก่อน และดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะได้รับการบุกเบิกแล้ว
ดังนั้น ฉินสือโอวจึงถามอย่างกระตือรือร้น “ฟอสซิลของปลาสายพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบนี้มีผลลัพธ์อะไรหรือยัง?”
สาเหตุที่ทำให้เขาสนใจคือแมลงยักษ์สีดำ แมลงก้นทะเลสายพันธุ์นั้นตอนนี้ยังไม่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาล ไม่รู้ว่าปลาที่ไม่รู้จากสายพันธุ์นี้กับแมลงยักษ์มีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่
แพตตันตอบ “ขอโทษนะ การสำรวจของพวกเราก่อนหน้านี้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น ความจริงฟอสซิลของปลาสายพันธุ์นี้เคยถูกขุดขึ้นมาก่อนแล้ว และถูกตั้งชื่อว่า ‘ปลากิลล์’ ซึ่งถูกจัดเป็นสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ในยุคครีเทเชียส”
ขณะที่พูด เขาก็พาทุกคนไปที่หน้าโต๊ะยาวที่กว้างตัวหนึ่ง ด้านบนมีฟอสซิลปลาที่ประกอบเข้าด้วยกันจนสมบูรณ์แล้ววางอยู่
เมื่อฉินสือโอวได้ยินว่าฟอสซิลของปลาสายพันธุ์นี้เคยถูกขุดขึ้นมาก่อนหน้านี้ เขาจึงไม่สนใจแล้ว บิลลี่ก็มีท่าทีแบบนี้เหมือนกัน
แพตตันสัมผัสท่าทีของพวกเขาที่เปลี่ยนไปได้ เขาจึงหัวเราะขึ้นมาและพูดว่า “ถึงแม้ว่าฟอสซิลนี้จะถูกพบมาก่อนแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ความสมบูรณ์ของฟอสซิลมีน้อยมาก และแน่นอนว่าก็ยังไม่มีใครรู้ข้อมูลเลย ดังนั้นฟอสซิลของพวกเรายังคงเป็นฟอสซิลที่มีค่าอยู่”
แฮมเล็ตเคยทำงานอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ฟอสซิลจึงถามว่า “ตอนนี้การค้นคว้าของฟอสซิลชิ้นนี้ มีความคืบหน้าอะไรใหม่ๆ บ้างไหม?”
แพตตันพยักหน้า “มีครับ มีความรู้ใหม่ๆ บ้าง เมื่อก่อนพวกเราคิดว่าปลากิลล์ล่าสัตว์ลำตัวนิ่มเป็นอาหารเพื่อดำรงชีวิต เพราะพวกมันมีฟันที่เล็กและแหลมคม แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่แบบนั้นเลย”
“ดูฟอสซิลตอนนี้สิ พวกมันน่าจะคล้ายกับปลาตาเหลือกที่มีอยู่ในปัจจุบัน อาหารคือแพลงก์ตอนกับสาหร่ายทะเล วิธีการหาอาหารคือการกรองอาหาร ซึ่งเหมือนกับวาฬบาลีนนิดหน่อย แน่นอนว่า การค้นคว้าสิ่งที่เกี่ยวข้องยังคงดำเนินการอยู่ เชื่อว่าจะได้รับข้อมูลมากกว่านี้ในเร็วๆ นี้”
“ฟอสซิลส่วนใหญ่มาจากฉลามครัวสีทองกับโมซาซอรัส พวกมันเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันในมหาสมุทร บางยุคพวกมันเป็นผู้ล่าซึ่งกันและกัน ภายหลังไม่รู้ว่าทำไม รูปร่างของโมซาซอรัสถึงใหญ่ขึ้น และกลายเป็นนักล่าระดับสูงมากยิ่งขึ้น มันจะชอบฆ่าฉลามครัวสีทองโดยเฉพาะ”
สำหรับโมซาซอรัส คนที่เคยดู ‘จูราสสิค เวิลด์’ ภาคล่าสุดจะประทับใจมาก สุดท้ายไทแรนโนซอรัสบอสใหญ่ในภาพยนตร์ก็ถูกไทโลซอรัสตัวหนึ่งกลืนลงไป ไทโลซอรัสเป็นสายพันธุ์หนึ่งในวงศ์โมซาซอร์
ตอนที่แนะนำเรื่องโมซาซอรัส แพตตันก็หัวเราะขึ้นมาและพูดว่า “มูลค่าของฟอสซิลชุดนี้ของพวกเราไม่เพียงแค่อยู่ในปลากิลล์ แต่ยังอยู่ในเจ้าตัวใหญ่พวกนี้ด้วย พวกมันทำให้พวกเราประหลาดใจนิดหน่อย นั่นก็คือซิปแฮคตินัส”
บทที่ 1074 ฮิวจ์คนน้องกับบทบาทที่ยิ่ง...
ยุคแห่งการอยู่รอดของซิปแฮคตินัสคือปลายยุคครีเทเชียส ซึ่งนักล่าอันดับต้นๆ ในยุคนี้มีเยอะมาก ปลาตัวใหญ่สายพันธุ์นี้ในเรื่องของพลังต่อสู้ก็เป็นแค่ไก่อ่อนเท่านั้น แต่พวกมันกลับมีนิสัยดุร้ายที่ไม่ได้เข้ากันกับพลังต่อสู้เลย
ในความหมายบางอย่าง ซิปแฮคตินัสจะคิดว่ามันเป็นบรรพบุรุษของปลากระโทงดาบ จนกระทั่งตอนนี้ปลากระโทงดาบยังเคยชินกับการล่องไปใต้น้ำของมหาสมุทรเพื่อล่าอาหาร และมันยังกล้าที่จะต่อสู้กับฉลามอีกด้วย
และตอนนี้ปลากระโทงดาบที่ใหญ่ที่สุดก็มีความยาวถึง 2 เมตร เมื่อ 80 ล้านปีก่อน ซิปแฮคตินัสในฐานะที่เป็นบรรพบุรุษ มันมีความยาวไม่น้อยกว่า 6 เมตร!
ตอนที่ซิปแฮคตินัสจำนวนมากว่ายอยู่ในทะเลก็แทบจะเป็นฝันร้าย พวกมันถึงขั้นกล้าที่จะท้าทายฉลามครัวสีทองกับโมซาซอรัสขนาดเล็ก ซึ่งเหมือนกับฝูงโจรที่มาดักปล้น เสียงคำรามดังขึ้นมาและวิ่งออกไป อย่างไร้เทียมทาน
แพตตันถามถึงความเข้าใจของฉินสือโอวเกี่ยวกับซิปแฮคตินัส และเขาก็ตอบแบบนี้ นี่คือข้อมูลที่เขาค้นเจอบนอินเทอร์เน็ตหลังจากค้นพบฟอสซิลในตอนนั้น
หลังจากฟังการแนะนำของเขา แพตตันก็พยักหน้า “ถูกต้อง ปลาสายพันธุ์นี้ดุร้ายมาก นายรู้ไหมว่าจุดที่สามารถสะท้อนความดุร้ายของพวกมันได้ดีที่สุดคือจุดไหน? ตามฉันมาที่นี่สิ และดูว่านี่คืออะไร?”
คนกลุ่มนี้เดินไปที่เต็นท์ข้างๆ ด้านในมีฟอสซิลปลาขนาดใหญ่ยาว 6 เมตรสองตัวรวมอยู่ด้วยกัน ซึ่งก็คือฟอสซิลของซิปแฮคตินัสตามธรรมชาติ
ภายในร่างกายของปลา 2 ตัวนี้มีฟอสซิลของปลาสายพันธุ์อื่นอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งไม่แปลกเลย ซิปแฮคตินัสเป็นปลาสายนักล่า ฟอสซิลที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ พวกผู้เชี่ยวชาญค้นพบเหยื่ออย่างน้อย 12 สายพันธุ์ในท้องของมัน
แพตตันแนะนำให้พวกเขารู้จักกับซิปแฮคตินัส ฟอสซิลของปลาในท้องของมันนั้นมีขนาดใหญ่มาก และมีความยาวถึง 2 เมตร “จากการค้นคว้าและการคาดเดาของพวกเรา ในเวลานั้นปลาตัวนี้ ตรงเข้าไปกินปลากิลล์ในฝูงด้วยความเร็วสูง ซึ่งเป็นปลากิลล์ที่มีความยาว 2 เมตร! ตอนนี้พวกนายเข้าใจหรือยังว่าพวกมันน่ากลัวขนาดไหน?”
บิลลี่ผิวปากและพูดว่า “ถ้าพวกเราสามารถข้ามไปถึงจุดสิ้นสุดของยุคครีเทเชียสได้ งั้นอยู่ห่างจากพวกมันก็ดีที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอ? ฉันยอมถูกไทแรนโนซอรัสกัดตายและกินเป็นอาหารก็ได้ แต่ฉันไม่อยากถูกปลากลืนทั้งตัวลงไปในท้อง หลังจากนั้นก็ขาดอากาศหายใจและตาย ก่อนที่จะตายฉันยังต้องเห็นผิวหนังของตัวเองถูกกรดในกระเพาะอาหารกัดกร่อนอีกต่างหาก!”
ฉินสือโอวเบะปาก สิ่งที่ชายคนนี้บิลลี่พูดน่าขยะแขยงมากจริงๆ
ฟอสซิลที่อยู่ในเต็นท์นั้นมีขนาดที่แตกต่างกัน เมื่อดูจากโครงร่างแล้ว เกือบทั้งหมดเป็นซิปแฮคตินัส แต่กลับมีสองสามตัวที่ความยาวไม่ถึงครึ่งเมตร
และสิ่งที่แพตตันแนะนำอย่างเน้นย้ำก็คือฟอสซิลของปลาพวกนี้ “นี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจสำหรับพวกเรา ความรู้ที่พวกเรามีเกี่ยวกับซิปแฮคตินัสนั้นไม่น้อยเลย แต่ก็จำกัดไว้แค่ปลาที่โตเต็มวัยเท่านั้น ความจริงลูกปลาของปลาสายพันธุ์นี้มีลักษณะอย่างไร เกิดขึ้นได้อย่างไร พวกเราไม่เคยค้นพบฟอสซิลมาก่อน”
“แต่ตอนนี้ ประวัติศาสตร์กำลังจะเปลี่ยนไป เพื่อนๆ ดูเจ้าตัวน้อยที่น่ารักพวกนี้สิ พวกเราสามารถรวบรวมฟอสซิลลูกปลาของซิปแฮคตินัสมาได้แล้ว!”
แฮมเล็ตและคนอื่นๆ แสดงสีหน้าที่เซอร์ไพรส์ออกมา ฉินสือโอวไม่เข้าใจว่านี่มีอะไรที่น่าดีใจขนาดนั้น ลูกปลามีอะไรดีให้ค้นคว้า?
แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการตามกระแส ดังนั้นเขาจึงทำสีหน้าที่เซอร์ไพรส์ออกมาเหมือนกัน แม้ว่าในความเป็นจริงเขาจะไม่รู้ว่าตัวเองเซอร์ไพรส์อะไรก็ตาม
แพตตันพึงพอใจกับปฏิกิริยาของทุกคนมาก หลังจากแนะนำลูกปลาของซิปแฮคตินัส เขาก็พาพวกเขาไปโซนผสมต่อ
โซนนี้แสดงให้เห็นถึงการล่าเหยื่อที่ดุร้าย ซึ่งมีฟอสซิลไม่เยอะ แต่ไม่ว่าจะเป็นฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ไหน ภายในร่างกายก็มีฟอสซิลของสายพันธุ์อื่นทุกตัว ในท้องของโมซาซอรัสมีฉลามครัวสีทอง ในท้องของฉลามครัวสีทองมีซิปแฮคตินัส ในท้องของซิปแฮคตินัสมีปลากิลล์และอื่นๆ
ฉินสือโอวและพรรคพวกวิ่งไปดูฟอสซิล แต่ฮิวจ์คนน้องยังคงฝึกซ้อมให้พวกเด็กๆ
นี่เป็นงานที่ทรมานมาก ไม่ใช่เพราะน่าเบื่อ แต่เพราะไม่มีทางเลือก นอกเหนือจากมิเชล เทคนิคของเด็กคนอื่นแย่เกินไป ความจริงไม่ใช่แค่เทคนิคที่แย่ สมรรถภาพทางกายของพวกเขาก็แย่เหมือนกัน ฮิวจ์คนน้องไม่รู้สึกถึงเสน่ห์ของกีฬาบาสเกตบอลจากตัวของพวกเขาเลย
สำหรับคนที่ชื่นชอบบาสเกตบอล เรื่องที่ทรมานที่สุดก็คือการฝึกฝนคนกลุ่มหนึ่งที่ถูกกำหนดให้ไม่สามารถประสบความสำเร็จในเส้นทางนี้ได้ ฮิวจ์คนน้องถึงขั้นคาดว่า ผ่านไปอีก 3 ถึง 4 ปี หลังจากเด็กพวกนี้ขึ้นชั้นมัธยมปลาย พวกเขาก็จะทิ้งบาสเกตบอลไป และหันไปเป็นโอตาคุที่ชั่วร้ายแทน
แรงจูงใจในการฝึกซ้อมของพวกเด็กๆ ไม่ใช่ความรักที่มีต่อบาสเกตบอล แต่เป็นความโลภในของรางวัลที่ฉินสือโอวกำหนดไว้
ฉินสือโอวกำหนดไว้ว่า การฝึกซ้อมของสัปดาห์นี้คนที่ขยันที่สุดจะได้เอกซ์บอกซ์ 360 นี่เป็นของที่เขาซื้อมาตอนที่ไปตกกุ้งล็อบสเตอร์ที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ หลังจากนั้นเขาก็ไม่ค่อยได้เล่นมันอีก ฉินสือโอวก็แค่ใช้ประโยชน์จากของที่ไม่ได้ใช้แล้ว
สำหรับพวกเด็กๆ เอกซ์บอกซ์ 360 ยังคงเป็นของที่มีแรงดึงดูดอย่างมาก ดังนั้นพวกเขาจึงฝึกซ้อมกันอย่างเต็มที่ ส่วนผลของการฝึกซ้อมจะเป็นอย่างไรน่ะเหรอ? ใครสนล่ะ?
ฮิวจ์คนน้องทนดูต่อไปไม่ได้จริงๆ เขาวิ่งออกไปสูบบุหรี่ข้างนอกโรงยิมและฉวยโอกาสที่สูบบุหรี่นั่งมองท้องฟ้ากับก้อนเมฆสีขาวอยู่ด้านนอก
การมองท้องฟ้ากับก้อนเมฆสีขาว เขาก็ยังรู้สึกดีกว่าการเผชิญหน้ากับกลุ่มนักบาสมือใหม่มาก ซึ่งมันน่าเบื่อนิดหน่อย
ขณะที่เขากำลังเบื่อหน่ายกับฝั่งนี้ เด็กหลายคนก็วิ่งทะเลาะกันผ่านไป เด็กที่วิ่งอยู่หน้าสุดในกลุ่มนั้น ราวกับม้าป่าที่แข็งแรง เสียงลมดังขึ้นในขณะที่วิ่งอยู่ เด็กคนอื่นล้อมรอบ ไล่ตามและสกัดแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์
“บ้าเอ๊ย กอร์ดอน แกไอ้ลูกหมา รีบเอามือถือของฉันคืนมาเลยนะ!”
“โอ้ อ็อกลีย์ หุบปากเน่าๆ ของแกไปไอ้เวร! อย่าคิดจะเอาโทรศัพท์คืน แกต้องให้ฉันดูก่อนว่าแกส่งข้อความอะไรให้ลี่ลี่ ว้าว น่าขยะแขยง ฉันจะอ่านมันออกมาเสียงดังๆ!”
“ฟัคยู มาให้ฉันฆ่าเดี๋ยวนี้ ไอ้เลวนี่!”
“แฮกๆ อ็อกลีย์ พวกเราไล่ตามมันไม่ทัน! แฮกๆ กอร์ดอนมันวิ่งเร็วกว่าหมาอีก จะไล่ทันได้อย่างไร?!”
เดิมทีฮิวจ์คนน้องแค่ถูกการทะเลาะกันของพวกเด็กๆ ดึงดูด เขาเดาว่าคงจะมีเด็กคนหนึ่งใช้โทรศัพท์มือถือส่งข้อความบอกรักให้เด็กผู้หญิง และผลคือถูกกอร์ดอนแย่งโทรศัพท์มือถือไป ความจริงก็คงเป็นแบบนี้แน่นอน ไม่อย่างนั้นเด็กกลุ่มนี้จะไม่ไล่ตามกอร์ดอนอย่างเอาเป็นเอาตายขนาดนี้
แต่เร็วมาก ความสนใจของฮิวจ์คนน้องเปลี่ยนไปแล้ว สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่กอร์ดอนที่วิ่งอยู่หน้าสุดอย่างแน่วแน่
กอร์ดอนวิ่งไปด้วยตะโกนเสียงดังไปด้วย อย่างที่ทุกคนรู้ การวิ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนที่ของหัวใจกับปอด หัวใจจะควบคุมจังหวะ ส่วนปอดจะดูดซับออกซิเจนเพื่อให้มีพลังงาน ช่วงที่ออกกำลังกายอย่าอ้าปากจะดีที่สุด ไม่อย่างนั้นจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย
แต่นี่แทบจะไม่มีผลกระทบต่อกอร์ดอนเลย ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อความเร็วของเขา แต่ถึงอย่างนั้น ความเร็วของเด็กคนนี้ก็ยังคงเร็วอย่างน่าอัศจรรย์!
ไม่เพียงแค่ความเร็วที่เร็วเท่านั้น กอร์ดอนยังมีความคล่องตัวมากเป็นพิเศษอีกด้วย เด็กห้าหกคนทั้งไล่ตามและสกัดก็ยังไม่สามารถหยุดเขาได้ นอกจากนี้พลังทะลวงของเขาก็น่ากลัวเหมือนกัน บางครั้งเขากำลังจะถูกไล่ทันในไม่ช้า ‘ฟึบ’ เขาเร่งความเร็วขึ้นอีกในทันที และสลัดเด็กที่อยู่ด้านหลังไปได้อีกครั้ง…
ฮิวจ์คนน้องยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น ระหว่างนั้นจู่ๆ เขาก็กระโดดขึ้นมาและตะโกนว่า “ฉิน แกไอ้เลว! ใครบอกว่าฉันไม่มีประโยชน์? ใครบอกว่าผู้ช่วยโค้ชต้องรับผิดชอบการฝึกซ้อม? มูลค่าของฉันจะสะท้อนออกมาให้เห็นเอง!”
จู่ๆ เขาก็กระโดดขึ้นมาและตะโกนออกมาอย่างนี้ ทำให้พวกเด็กๆ รู้สึกกลัวจนตัวสั่นและไม่ไปไล่ตามกอร์ดอนต่อด้วยซ้ำ พวกเขามองไปที่ฮิวจ์คนน้องเหมือนกับที่มองคนโง่
ฮิวจ์คนน้องไม่สนใจ เขาโบกมือให้กอร์ดอนและตะโกนว่า “เด็กน้อย มาหาฉันตรงนี้ซิ มาเร็ว ฉันมีงานดีๆ จะให้นายทำ!”
ประจวบเหมาะกับที่กอร์ดอนก็แกล้งอ็อกลีย์กับพรรคพวกพอแล้วเหมือนกัน เขาโยนโทรศัพท์มือถือคืนให้เด็กคนหนึ่ง เด็กคนนั้นเหลือบมองหน้าจอและถอนหายใจออกมา “เพื่อน กอร์ดอนไม่ได้อ่านข้อความของนาย และเขาปิดโทรศัพท์ให้นายแล้ว”
กอร์ดอนถอยหลังเดินและพูดจาดูถูกว่า “ฉันไม่อ่านแน่นอน สมัยนี้ยังมีคนเขียนจดหมายรักอีกเหรอ? ไอคิวของนายคงจะบกพร่อง อย่าเลิกรักษานะอ็อกลีย์!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น